Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-08--คู่มื่อครู ภาษาไทย ป.5-1

64-08-08--คู่มื่อครู ภาษาไทย ป.5-1

Published by elibraryraja33, 2021-08-08 08:52:07

Description: 64-08-08--คู่มื่อครู ภาษาไทย ป.5-1

Search

Read the Text Version

คูมอื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู (สําหรบั ครูผูส อน) เพื่อการจัดการเรียนรูโ ดยใชการศึกษาทางไกลผา นดาวเทยี ม กลุม สาระการเรยี นรูภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที่ ๕ (ฉบับปรับปรุงคร้งั ท่ี ๒) โครงการสวนพระองคส มเด็จพระกนิษฐาธิราชเจา กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มูลนิธิการศกึ ษาทางไกลผานดาวเทยี ม ในพระบรมราชูปถัมภ สํานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน

คูมอื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู (สําหรบั ครูผูส อน) เพื่อการจัดการเรียนรูโ ดยใชการศึกษาทางไกลผา นดาวเทยี ม กลุม สาระการเรยี นรูภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที่ ๕ (ฉบับปรับปรุงคร้งั ท่ี ๒) โครงการสวนพระองคส มเด็จพระกนิษฐาธิราชเจา กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มูลนิธิการศกึ ษาทางไกลผานดาวเทยี ม ในพระบรมราชูปถัมภ สํานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน

ก คํานาํ ด้วยพระบรมราโชบายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๑๐ ทรงมุ่งหมายให้การศึกษาบ่มเพาะ สมรรถนะให้แก่ผู้เรียน เพื่อสร้างคุณลักษณะสําคัญ ๔ ประการให้กับคนไทย อันได้แก่ ๑) มีทัศนคติท่ีดี และถูกต้อง ๒) มีพื้นฐานชีวิตท่ีม่ันคงเข้มแข็ง ๓) มีอาชีพ มีงานทํา ๔) เป็นพลเมืองดี มีระเบียบวินัย และ พระราชปณิธานใน การสืบสาน รักษา พัฒนาต่อยอด โครงการในพระราชดําริของพระราชบิดา จึงทรงพัฒนา การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ NEW DLTV ในทุกด้าน อาทิ ระบบออกอากาศ อุปกรณ์เทคโนโลยี บุคลากรและกระบวนการจัดการศึกษา เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนครูในโรงเรียนขนาดเล็ก สร้างโอกาส การเข้าถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชน ทุกเพศ ทุกวัย ผ่านการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมจํานวน ๑๕ ช่องสัญญาณ ไปยังโรงเรียนต่าง ๆ และผู้สนใจท่ัวประเทศ เพ่ือให้ประเทศไทยเป็นสังคมแห่งปัญญามีจิตอาสา ในการสรรคส์ ร้างและพฒั นาประเทศใหม้ นั่ คง การสอนออกอากาศทางไกลผ่านดาวเทียม ระดับประถมศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๑ เป็นต้นมา เป็นการสอนออกอากาศในแนวใหม่ บันทึกเทปการสอนจากห้องเรียนต้นทางของโรงเรียนวังไกลกังวล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ครูปลายทางสามารถดูเทปการสอนผ่านทางเว็บไซต์ www.dltv.ac.th และ Application on mobile DLTV ของมูลนิธิ และมีคู่มือครูและแผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมงครบท้ัง ๘ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ซ่ึงครปู ลายทางสามารถปรบั กจิ กรรมการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับชุมชน ท้องถิ่น วัฒนธรรม และบรบิ ทของแต่ละโรงเรียน คู่มือครูและแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ ฉบับน้ี เป็นการปรับปรุงคร้ังที่ ๒ ซ่ึงดําเนินการโดยมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยความร่วมมือจากคณะทํางาน ประกอบด้วย สาํ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ คณาจารย์จากมหาวิทยาลัย ศึกษานิเทศก์ และครูผู้เช่ียวชาญ ทั้ง ๘ กลุ่มสาระ การเรียนรู้ เพ่ือให้ครูปลายทางใช้ในการเตรียมการสอนล่วงหน้า รวมทั้งสามารถจัดเตรียมเอกสาร ได้แก่ ใบงาน ใบความรู้ แบบฝึกหัด เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนเกิดประสิทธิผล นําไปสู่การพัฒนาคุณภาพ การจดั การศึกษาของโรงเรียนประถมศกึ ษาขนาดเล็กตอ่ ไป นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาท่ีสุดมิได้ ท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมุ่งม่ันพัฒนา ยกระดับคุณภาพการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เพ่ือพัฒนาสังคมไทยและยกระดับคุณภาพของคนไทยให้ เขม้ แขง็ สมดัง พระราชปณธิ าน “...การศึกษาคอื ความมน่ั คงของประเทศ...” ขอพระองคท์ รงพระเจรญิ มูลนธิ กิ ารศึกษาทางไกลผา่ นดาวเทยี ม ในพระบรมราชปู ถัมภ์



ค สำรบญั หน้ำ คำนำ ก หนงั สือรับรองควำมร่วมมือ กำรพัฒนำคู่มือครแู ละแผนกำรจดั กำรเรียนร้เู พือ่ กำรสอนออกอำกำศ ทำงไกลผำ่ นดำวเทียม ข คำชแ้ี จงกำรรบั ชมรำยกำรออกอำกำศดว้ ยระบบทำงไกลผำ่ นดำวเทยี ม ช คำชแี้ จงรำยวิชำ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทย ฌ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ ภาคเรียนที่ ๑ คำอธิบำยรำยวิชำ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทย ด ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ ภาคเรยี นท่ี ๑ มำตรฐำนกำรเรียนรู/้ ตวั ช้ีวัด ต โครงสร้ำงรำยวชิ ำภำษำไทย ท ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๕ ภาคเรยี นท่ี ๑ หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ ๑ ชอ่ื หน่วย ส่อื สำรคล่องต้องรูว้ ิธี 1 แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๑ เรอ่ื ง การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว 14 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๒ เรอ่ื ง การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง 28 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๓ เรอ่ื ง การคดั ลายมอื ตัวบรรจงเตม็ บรรทดั 40 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๔ เรื่อง การคัดลายมอื ตัวบรรจงคร่งึ บรรทดั 55 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๕ เร่อื ง การจบั ใจความสาคัญจากการอา่ น 69 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๖ เรอ่ื ง การจบั ใจความสาคญั จากการฟังและการดู 87 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๗ เรอื่ ง การพดู แสดงความรู้และความคิดเหน็ จากเรือ่ งท่ีฟังและดู (1) 100 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๘ เร่อื ง การพดู แสดงความรแู้ ละความคดิ เห็นจากเรือ่ งที่ฟังและดู (2) 113 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๙ เรื่อง คาราชาศัพทน์ า่ รู้ 126 แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๑๐ เร่ือง วรรณกรรมดีมีสาระ 143 แบบประเมนิ ตนเอง หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 156 หน่วยกำรเรียนร้ทู ่ี ๒ ชอื่ หนว่ ย สงั ขท์ อง ตอน กำเนดิ พระสังข์ 157 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เรอ่ื ง การอธิบายความหมายของคาศพั ท์ในบทเรียน 171 แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๒ เรือ่ ง การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรองเรอื่ ง สงั ขท์ อง ตอน กาเนิดพระสงั ข์ 186 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๓ เรอ่ื ง การจับใจความสาคญั จากเรือ่ งท่อี า่ น 198 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๔ เรือ่ ง การถอดคาประพนั ธจ์ ากเรอื่ ง สังขท์ อง ตอน กาเนิดพระสงั ข์ 213 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง การเขยี นแผนภาพโครงเร่อื ง 225 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๖ เรื่อง การวิเคราะหค์ ณุ คา่ และสรปุ ขอ้ คดิ จากเรอื่ งทอ่ี ่าน (1) 238 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๗ เรื่อง การวเิ คราะหค์ ุณค่าและสรุปขอ้ คดิ จากเรอ่ื งทอ่ี ่าน (2) 253 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 8 เร่ือง การท่องจาบทอาขยาน 266 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 9 เรอ่ื ง คาราชาศพั ทจ์ ากเร่ือง สงั ขท์ อง ตอน กาเนดิ พระสังข์ 280

ง 296 311 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๐ เรื่อง คาบุพบท บอกความสัมพนั ธ์ 312 แบบประเมนิ ตนเอง หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๓ ชื่อหน่วย กระเช้ำสีดำ 326 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑ เร่ือง การอา่ นจบั ใจความสาคัญจากเรือ่ ง กระเชา้ สดี า (1) 338 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒ เรื่อง การอ่านจับใจความสาคญั จากเรื่อง กระเชา้ สดี า (2 ) 350 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๓ เรอ่ื ง การสรปุ ความรู้ ข้อคิด และคณุ ค่าจากเร่ืองท่อี า่ น แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๔ เรื่อง การเขียนแสดงความร้สู ึกและความคิดเห็น 362 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๕ เรื่อง การต้ังคาถามและตอบคาถามเชงิ เหตผุ ล 375 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๖ เรอ่ื ง การพดู แสดงความรู้สกึ และความคดิ เห็น 390 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๗ เรอ่ื ง คาเช่ือม ประสานความหมาย แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๘ เรอ่ื ง กลุ่มคาหรอื วลี 404 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๙ เรอ่ื ง ประโยคน้นั สาคัญไฉน 418 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑๐ เรอ่ื ง ประโยคและส่วนประกอบของประโยค 433 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑๑ เรือ่ ง หลักการเขียนเรยี งความ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑๒ เรื่อง เรียงร้อยถอ้ ยความ 449 แบบประเมนิ ตนเอง หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 462 หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๔ ชื่อหนว่ ย ภำษำพฒั นำชวี ติ 476 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑ เรื่อง ภาษาพูด ภาษาเขยี น แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๒ เร่ือง ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถน่ิ 488 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๓ เรอ่ื ง ระดบั ของภาษา 489 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๔ เรอ่ื ง การใช้ระดับภาษาเพ่ือการสือ่ สาร 504 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๕ เรื่อง เพลงกลอ่ มเดก็ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ เรื่อง เพลงร้องเลน่ ของเด็กไทย 518 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๗ เรื่อง การกรอกแบบรายการ 535 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 8 เรื่อง การเขยี นจดหมาย 550 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 9 เรือ่ ง การเขยี นจดหมายถงึ พ่อแม่ ญาติ หรอื ผ้ปู กครอง แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑๐ เรอ่ื ง การอธิบายความหมายโดยนัย 564 แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๑๑ เรื่อง การวิเคราะหเ์ รือ่ งท่ีฟงั และดูจากสอ่ื ตา่ ง ๆ 577 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑๒ เรอ่ื ง คาอทุ านสอื่ สารอารมณ์ 590 แบบประเมินตนเอง หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 บันทกึ การเรียนรู้ (Learning Log) 603 หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี ๕ ช่ือหน่วย วชิ ำเหมอื นสนิ คำ้ 618 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑ เรอ่ื ง การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทกาพย์ยานี 11 633 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ เรือ่ ง การอธิบายความหมายของคา ประโยค และข้อความ แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๓ เรื่อง การวิเคราะหค์ ณุ ค่าและข้อคิดจากเร่ืองที่อ่าน 651 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๔ เรอื่ ง การใชส้ านวนเปรียบเทียบ 663 675 676 677 689 705 723 739

จ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๕ เรื่อง การแยกข้อเทจ็ จรงิ และข้อคิดเห็น 754 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๖ เรือ่ ง การพดู แสดงความคดิ เหน็ จากเรอื่ งทฟ่ี งั และดอู ยา่ งมีเหตผุ ล 768 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๗ เรื่อง การอา่ นวิเคราะห์และแสดงความคดิ เห็นจากเร่ืองท่ีอา่ น 786 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๘ เร่อื ง การอ่านงานเขียนประเภทคาแนะนาและคาอธิบาย แสดงข้ันตอน 801 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๙ เรื่อง การแต่งกาพย์ยานี 11 (1) 815 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑๐ เร่ือง การแต่งกาพย์ยานี 11 (2) 830 แบบประเมินตนเอง หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 842 หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๖ ช่ือหน่วย นิทำนอ่ำนสนุก 843 แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๑ เร่อื ง การอ่านนทิ านพื้นบ้าน 855 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง การอา่ นนิทานท้องถิ่น 870 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๓ เรอ่ื ง การอา่ นนิทานอาเซียน 883 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๔ เรื่อง การสรปุ เร่ืองจากวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน 906 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๕ เรอ่ื ง การเขยี นย่อความจากเรื่องทีอ่ า่ น (1) 920 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๖ เร่ือง การเขียนยอ่ ความจากเรือ่ งที่อ่าน (2) 933 แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๗ เรื่อง การเขยี นเรอ่ื งตามจนิ ตนาการ 952 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๘ เรอ่ื ง บทร้อยกรองทมี่ คี ุณคา่ 964 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๙ เรอ่ื ง คาที่มาจากภาษาตา่ งประเทศ (1) 978 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑๐ เรื่อง คาที่มาจากภาษาต่างประเทศ (2) 999 แบบประเมนิ ตนเอง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 1014 หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๗ ช่ือหน่วย รำชำธิรำช ตอน กำเนิดมะกะโท 1015 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑ เรื่อง การอา่ นข้อความทเ่ี ปน็ การบรรยายและพรรณนา 1028 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรือ่ ง การอ่านจับใจความเรอ่ื ง ราชาธริ าช ตอน กาเนิดมะกะโท 1040 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๓ เร่อื ง การระบคุ วามรแู้ ละข้อคิดจากเรอื่ งทีอ่ ่าน 1053 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๔ เรอ่ื ง การอธิบายคุณคา่ ของเร่ืองทอ่ี ่าน 1069 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๕ เรอ่ื ง การเขยี นคาแนะนาและคาอธิบายแสดงข้ันตอน 1081 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๖ เรื่อง การพดู ลาดบั ขน้ั ตอนการปฏบิ ัตงิ าน 1099 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๗ เร่อื ง การวิเคราะหข์ ่าวและเหตุการณ์ประจาวัน 1113 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๘ เรอ่ื ง การใช้พจนานุกรม 1127 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๙ เรอ่ื ง สานวนไทย ใช้ถูกตอ้ ง (1) 1142 แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๑๐ เรอ่ื ง สานวนไทย ใช้ถกู ต้อง (2) 1170 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๑๑ เรอื่ ง การอ่านคาควบกล้า 1187 แบบประเมินตนเอง หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 7 1202 บนั ทึกการเรียนรู้ (Learning Log) 1203 บรรณำนกุ รม 1204

ฉ ภาคผนวก ภาคผนวก ก แบบประเมนิ รวม 1205 ภาคผนวก ข แผนผังความคิด (Graphic Organizers) 1224 ภาคผนวก ค แบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ (Learning Log) 1233 คณะผูจ้ ดั ทาํ คมู่ ือครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดบั ประถมศกึ ษา คณะจัดทาํ คมู่ ือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ (ครง้ั ท่ี 1 พ.ศ. 2561) 1241 คณะกรรมการปรบั ปรงุ คู่มอื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดบั ประถมศึกษา (ฉบับปรบั ปรงุ ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2563) ๑๒๔๓

ช คําชแี้ จง การรบั ชมรายการออกอากาศดว้ ยระบบทางไกลผา่ นดาวเทียม มลู นิธกิ ารศกึ ษาทางไกลผา่ นดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้บริการการจัดการเรียนการสอน จาก สถานีวิทยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม จํานวน ๑๕ ช่องรายการ ทั้งรายการสด (Live) และ รายการยอ้ นหลงั (On demand) สามารถรับชมผ่านชอ่ งทาง ต่อไปน้ี ๑. www.dltv.ac.th ๒. Application on mobile DLTV - ระบบ Android เขา้ ท่ี Play Store/Google Play พมิ พ์คาํ วา่ DLTV - ระบบ iOS เข้าที่ App Store พมิ พ์คาํ ว่า DLTV หมายเลขชอ่ งออกอากาศสถานีวทิ ยโุ ทรทศั นก์ ารศกึ ษาทางไกลผา่ นดาวเทยี ม 15 ช่องรายการ ช่อง ชอ่ ง (TRUE) รายการในเวลาเรยี น รายการนอกเวลา (DLTV) (ชว่ งเวลา ๐๘.๓๐ – ๑๔.๓๐ น.) (ช่วงเวลา ๑๔.๓๐ – ๐๘.๓๐ น.) DLTV 1 ช่อง 186 รายการสอนช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ DLTV 2 ชอ่ ง 187 รายการสอนชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 ความร้รู อบตวั DLTV 3 ชอ่ ง 188 รายการสอนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี DLTV 4 ชอ่ ง 189 รายการสอนชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม DLTV 5 ชอ่ ง 190 รายการสอนชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 5 ศลิ ปวัฒนธรรมไทย DLTV 6 ช่อง 191 รายการสอนชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 6 หนา้ ทีพ่ ลเมือง DLTV 7 ช่อง 192 รายการสอนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร DLTV 8 ช่อง 193 รายการสอนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ภาษาต่างประเทศ DLTV 9 ชอ่ ง 194 รายการสอนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 การเกษตร DLTV 10 ช่อง 195 รายการสอนชน้ั อนบุ าลปที ่ี 1 รายการสําหรับเดก็ -การเลี้ยงดลู ูก DLTV 11 ชอ่ ง 196 รายการสอนชั้นอนบุ าลปีท่ี 2 สขุ ภาพ การแพทย์ DLTV 12 ชอ่ ง 197 รายการสอนชั้นอนบุ าลปที ี่ 3 รายการสําหรับผู้สูงวัย DLTV 13 ชอ่ ง 19๘ รายการของการอาชีพวังไกลกงั วล และมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล DLTV 14 ชอ่ ง 199 รายการของมหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช DLTV 15 ช่อง 200 รายการพัฒนาวชิ าชพี ครู *หมายเหตุ : รายการสอนออกอากาศในเวลาเรียนระดบั ชัน้ ปฐมวยั ช่วงเวลา ๐๘.๓๐ – ๑๑.๓๐ น.

ซ การตดิ ต่อรบั ขอ้ มูลข่าวสาร ๑. มูลนธิ กิ ารศกึ ษาทางไกลผ่านดาวเทยี ม ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ เลขที่ 214 ถนนนครสวรรค์ แขวงวัดโสมนัส เขตปอ้ มปราบศัตรพู า่ ย กรงุ เทพมหานคร โทร ๐๒ ๒๘๒ ๖๗๓๔ โทรสาร ๐๒ ๒๘๒ ๖๗๓๕ ๒. สถานีวทิ ยโุ ทรทศั นก์ ารศกึ ษาทางไกลผา่ นดาวเทียม ซอยหัวหิน ๓๕ ถนนเพชรเกษม ตาํ บลหัวหนิ อาํ เภอหัวหิน จงั หวดั ประจวบคีรขี ันธ์ ๗๗๑๑๐ โทร ๐๓๒ ๕๑๕๔๕๗ – ๘ โทรสาร ๐๓๒ ๕๑๕๙๕๑ [email protected] (ตดิ ตอ่ เรือ่ งเวบ็ ไซต)์ [email protected] (ตดิ ต่อเรือ่ งทั่วไป) ๓. โรงเรียนวงั ไกลกงั วล ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ อําเภอหัวหนิ จังหวดั ประจวบคีรขี ันธ์ ๗๗๑๑๐ โทร 032 522 347, 032 520 478 โทรสาร 032 520 478 Facebook : โรงเรยี นวังไกลกงั วล ในพระบรมราชูปถมั ภ์ Website : http://www.kkws.ac.th  ๔. ช่องทางการตดิ ตามขา่ วสาร Facebook : มูลนิธิการศกึ ษาทางไกลผ่านดาวเทยี ม ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ DLTV   Website : http://www.dltv.ac.th 

ฌ คำช้แี จง รำยวิชำภำษำไทย กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ๑. แนวคดิ หลกั หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดสาระการเรยี นรู้ จานวน ๘ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ครูผู้สอนต้องจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยนาความรู้ด้านเนื้อหาวิชามาจัดกิจกรรม การเรียนการสอนโดยการฝกึ ทักษะให้ผู้เรยี นเกิดความรู้ ความเข้าใจ และเกิดสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ๕ ประการ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๘ ประการ ดงั น้ี สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน ๕ ประการ ๑) ความสามารถในการสือ่ สารเปน็ ความสามารถในการรับสารและสื่อสารมีวฒั นธรรมในการใช้ภาษา ๒) ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง สร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ การคดิ อยา่ งเป็นระบบเพอ่ื นาไปสู่การสร้างองค์ความร้หู รือสารสนเทศ เพื่อใช้ในการตัดสนิ ใจ เก่ียวกบั ตนเอง สังคมได้อยา่ งเหมาะสม ๓) ความสามารถในการแกป้ ัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ท่ีเผชิญได้ อย่างถูกต้อง เหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และ การเปล่ยี นแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม ๔) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการเข้าใจและเคารพตนเอง สามารถนา กระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดาเนินชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเองการเรียนรู้อย่างต่อเ น่ือง การทางาน และการอยู่รว่ มกนั ในสังคมดว้ ยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหวา่ งบคุ คล การจัดการปัญหา และความขัดแย้งต่าง ๆ อยา่ งเหมาะสม ๕) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลอื ก และใช้เทคโนโลยี การแก้ปัญหา อย่างสร้างสรรค์ถูกต้องเหมาะสม มีคุณธรรมด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อ การพฒั นาตนเอง สงั คมในดา้ นการเรยี นรู้ การสอ่ื สาร การทางาน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๘ ประการ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมอย่างมีความสุข ใน ฐานะเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ดังน้ี ๑) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ๒) ซอื่ สัตย์ สุจริต ๓) มีวินยั ๔) ใฝ่เรยี นรู้ ๕) อยู่อย่างพอเพยี ง ๖) มงุ่ ม่นั ในการทางาน ๗) รกั ความเป็นไทย ๘) มีจิตสาธารณะ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย เป็นกลมุ่ สาระการเรียนรทู้ ่คี วามสาคญั อยา่ งย่ิง เนื่องจากภาษาไทยเปน็ เอกลักษณ์ของความเปน็ ชาติ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อใหเ้ กิดความเป็นเอกภาพ ซึ่งเยาวชนคนไทยใช้ เป็นเคร่ืองมือในการติดต่อส่ือสาร เพ่ือสร้างความเข้าใจ และความสัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน และเป็นเครื่องมือใน การแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งเรยี นรตู้ ่าง ๆ เพื่อพัฒนาความรู้ให้ทันต่อความเปล่ียนแปลงทาง

ญ สังคมความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนการนาไปใช้ในการศึกษาต่อในระดับทส่ี งู ข้ึน และในการพัฒนาอาชีพ นอกจากน้ีภาษาไทยยังเป็นส่อื แสดงถึงภูมปิ ัญญาของบรรพบรุ ษุ ด้านวัฒนธรรม เปน็ สมบัตขิ องชาตซิ งึ่ คนร่นุ หลังควรอนรุ ักษ์ จรรโลง และสบื สานตอ่ ไป แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เป็นสาระการเรียนรู้ซึ่งผู้เรียนต้องมีความรู้ ความเข้าใจ หลักภาษา การใช้ภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม เป็นการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ใน ศตวรรษที่ ๒๑ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ความเป็นไทยและอัตลักษณ์ไทย และหลกั การ “สุ จิ ปุ ลิ” เพ่อื พัฒนา ผเู้ รยี นให้เป็นบุคคลแหง่ การเรยี นร้อู ยา่ งต่อเนอื่ งตลอดชีวติ การจัดเรยี นการสอนภาษาไทยจึงเป็น การพัฒนาผู้เรียนทุกคนตามองค์ความรู้ ไม่จากัดอยู่แต่ในห้องเรียนเท่าน้ัน ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ ด้วยสื่อ การเรียนรู้ท่หี ลากหลายได้อยา่ งมคี วามสุข หลักการออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาไทย มีการบูรณาการด้านคุณลักษณะ ในแผน การจัดการเรียนรู้ที่คานึงถึงคุณลักษณะ ท่ีมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้มีทักษะด้านภาษาหลังการเรียนรู้ สอดคลอ้ งตามเปา้ หมายของหน่วยการเรยี นรู้ มีเจตคติทดี่ ตี อ่ สถาบนั ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ และมจี ิต อาสา ครผู ้สู อนควรปลกู ฝงั คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ให้แกผ่ ู้เรียนทกุ แผนการจัดการเรยี นรู้ เพอ่ื ใหผ้ ้เู รียนเกิด คุณลักษณะอนั พึงประสงค์และเปน็ คนดขี องสังคม ๒. กระบวนกำรจัดกำรเรยี นรู้ แนวคิดสาคัญของการจัดศึกษา ท่ีเน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญ คือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรทู้ ่เี ปดิ โอกาสให้ ผู้เรียน คิดและลงมือปฏิบัติด้วยกระบวนการที่หลากหลาย เพ่ือเกิดการเรียนรู้และพัฒนาตนเองเต็มตาม ศักยภาพ การประเมนิ การเรียนร้จู งึ มีความสาคญั และจาเปน็ อย่างย่งิ ตอ่ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ในห้องเรยี น เพราะสามารถทาใหผ้ ู้สอนประเมินระดบั พฒั นาการเรียนร้ขู องผู้เรียน การจัดการศึกษาต้องยึดหลกั ว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรยี นรูแ้ ละพัฒนาตนเองได้ และถือว่า ผู้เรียนมีความสาคัญทส่ี ดุ กระบวนการจัดการศึกษาต้อง ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาตแิ ละ เตม็ ตามศกั ยภาพ ให้ความสาคัญ ของการบรู ณาการความร้คู ุณธรรม กระบวนการเรียนร้ตู ามความเหมาะสม ของระดบั การศกึ ษา ไดร้ ะบุให้ผู้ทเี่ กย่ี วข้องดาเนนิ การ ดังน้ี ๑) สถำนศกึ ษำและหนว่ ยงำนท่ีเกี่ยวขอ้ ง (๑) จัดเน้ือหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกบั ความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดย คานึงถึงความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล (๒) ฝกึ ทักษะ กระบวนการคดิ การจัดการ การเผชิญสถานการณ์และการประยุกตค์ วามรู้มา ใช้เพื่อปอ้ งกันและแก้ไขปญั หา (๓) จัดกิจกรรมให้ผู้เรยี นได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติ ให้ทาได้คิดเป็นทา เป็น รกั การอ่าน และเกิดการใฝ่ร้อู ย่างต่อเน่ือง (๔) จัดการเรียนการสอน โดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน รวมทงั้ ปลกู ฝงั คณุ ธรรม ค่านิยมทีด่ งี ามและ คุณลักษณะอนั พึงประสงคไ์ วใ้ นทกุ วิชา (๕) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม ส่ือการเรียน และ อานวยความสะดวกเพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การเรียนรู้และ มีความรอบรู้ รวมทง้ั สามารถใชก้ ารวิจยั ใหเ้ ปน็ ส่วนหน่ึง ของกระบวนการเรียนรู้ ท้ังน้ีผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากสื่อการเรียน การสอนและแหล่ง วทิ ยาการประเภทต่าง ๆ

ฎ (๖) จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ มีการประสานความ ร่วมมือกับพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และบคุ คลในชุมชนทกุ ฝา่ ย เพอื่ รว่ มกนั พัฒนาผู้เรยี นตามศกั ยภาพ ๒) กำรจัดสภำพแวดลอ้ มสง่ เสรมิ กำรเรยี นรู้ (๑) จัดสภาพแวดล้อม ห้องเรียน หรือภายนอกห้องเรียน ให้เอ้ือต่อการเรียนรู้ สะอาด มีความเป็นระเบยี บ ตกแต่งห้องเรียนให้น่าอยู่ มีมุมต่าง ๆ ในห้องเรยี น มีท่ีเก็บวัสดุอุปกรณ์ และง่ายต่อการ นามาใช้ มีป้ายนิเทศให้ความรู้ ภายนอกห้องเรยี นจัดบรรยากาศให้เป็นธรรมชาติน่าอยู่ ร่มรื่นและเหมาะกับ กิจกรรมการเรียนรู้ ถกู สขุ ลักษณะและปลอดภยั (๒) จัดสภาพแวดล้อม หรอื หอ้ งให้ผเู้ รยี นไดฝ้ กึ ปฏบิ ัติการ (๓) จดั สือ่ อปุ กรณ์ ทเี่ ก่ยี วกับการเรียนรอู้ ยา่ งเพยี งพอ เหมาะสม (๔) จัดหาเครื่องมือแสวงหาความรู้ หรือ ช่องทางเสนอข่าวสารต่าง ๆ เพ่ือให้ผู้เรียนไดร้ ับรู้ ข้อมูลข่าวสารทท่ี นั สมัยปจั จบุ นั อยู่เสมอ ๓) ครูผู้สอน การจัดการเรียนรตู้ ามแนวดงั กล่าว จาเป็นต้องเปลีย่ นแปลงพฤตกิ รรมการเรียนการสอนท้ังของผเู้ รยี น และผู้สอน กล่าวคือลดบทบาทของครูผู้สอน จากการเป็นผู้บอกเล่า บรรยาย สาธิต เป็นการวางแผนจัด กิจกรรมใหน้ ักเรยี นเกิดการเรยี นรู้ กิจกรรมต่าง ๆ จะต้องเนน้ ทีบ่ ทบาทของผู้เรยี นตง้ั แตเ่ ริม่ คือ ร่วมวางแผน การเรียน การวัดผล ประเมินผล และต้องคานึงว่ากิจกรรมการเรียนน้ัน เน้นการพัฒนากระบวนการคิด วางแผน ลงมอื ปฏบิ ตั ศิ กึ ษา คน้ คว้า รวบรวมขอ้ มูล ด้วยวธิ ีการตา่ ง ๆ จากแหล่งเรียนรูห้ ลากหลาย ตรวจสอบ วิเคราะห์ การแก้ปัญหา การมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน การสร้างคาอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลที่สืบค้นได้ เพ่ือ นาไปสู่คาตอบของปญั หาหรอื คาถามต่าง ๆ และสร้างองค์ความรู้ ท้ังน้ีกิจกรรมการเรยี นรู้เหล่านี้ต้องพฒั นา ผู้เรยี นให้มพี ฒั นาการเหมาะสมตามวยั ทัง้ ทางรา่ งกาย อารมณ์สงั คม และสติปัญญา หลักการจัดกระบวนการเรยี นร้กู ลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ชน้ั ประถมศึกษา มงุ่ เน้นให้ผู้เรยี น ฝึกทักษะทางภาษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ และศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง นอกจากนี้ครูผู้สอนควรใช้ กระบวนการจดั การเรยี นรอู้ ย่างหลากหลาย เน้นผู้เรยี นเป็นสาคัญ (Student Centered) และให้ผูเ้ รยี นได้ลง มือกระทา ได้ใช้กระบวนการคิดเก่ียวกับส่ิงท่ีเขาได้กระทาลงไป (Active learning) โดยครูผู้สอนจดั กิจกรรม การเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีโอกาสลงมือกระทามากกว่าการฟังเพียงอย่างเดียว โดยให้ผู้เรียนเรียนรู้โดยการอ่าน การเขียน การโต้ตอบ การวเิ คราะหป์ ัญหา อีกท้ังใหผ้ ู้เรยี นฝกึ กระบวนการคดิ อยา่ งหลากหลาย ได้แก่ การคดิ วิเคราะห์ การสงั เคราะห์ การประเมินคา่ นอกจากน้นั ครผู สู้ อนต้องจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ีให้ผเู้ รยี นไดเ้ รียนรู้ อย่างมีความหมาย โดยการร่วมมือระหว่างครูกับผเู้ รียน ผู้เรียนกับผู้เรียน ครูต้องลดบทบาทในการสอนโดย เป็นผ้ชู ้ีแนะ กระต้นุ ใหผ้ ้เู รยี นกระตือรือรน้ ที่จะเรยี นรู้ และปฏบิ ัติกจิ กรรมต่าง ๆ มากขน้ึ และอยา่ งหลากหลาย ดังนี้ (1) ควรให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดเวลาด้วยการกระตุ้นให้ นักเรียนลงมือปฏิบัติและอภิปรายผล โดยใช้เทคนิคต่าง ๆ ของการสอน เช่น การนาเข้าสู่บทเรียน การใช้ คาถาม ทจี่ ะทาใหก้ ารเรยี นการสอนน่าสนใจและมชี วี ิตชวี า (2) ครูควรมีการวางแผนการใช้คาถามอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ เพ่ือจะนานกั เรียนเข้าสบู่ ทเรียน และนาสู่ข้อสรุปได้โดยที่ไม่ใช้เวลานานเกินไป ครูควรเลือกใช้คาถามท่ีมีความยากง่ายพอเหมาะกับ ความสามารถของนกั เรียน (3) เมื่อนักเรียนถาม อย่าบอกคาตอบทนั ที ควรให้คาแนะนาท่ีจะช่วยใหน้ กั เรยี นหาคาตอบ ไดเ้ อง ครูควรใหค้ วามสนใจต่อคาถามของนักเรยี นทกุ ๆ คน แมว้ ่าคาถามนั้น ๆ อาจจะไมเ่ กยี่ วกับเร่อื งทก่ี าลงั

ฏ เรียนอยู่ก็ตาม ครูควรจะช้ีแจงให้ทราบและเบนความสนใจของนักเรียนกลับมาสู่เรื่องท่ีกาลังอภิปรายอยู่ สาหรับปัญหาท่นี กั เรียนถามมานัน้ ควรจะได้หยบิ ยกมาอภิปรายในภายหลัง (4) การสารวจตรวจสอบซ้า เป็นสิ่งจาเป็นเพื่อให้ได้ข้อมูลท่ีน่าเช่ือถือ ดังน้ัน ในการจัด การเรยี นรคู้ รคู วรยา้ ใหน้ กั เรียนไดส้ ารวจตรวจสอบซ้าเพ่ือนาไปสขู่ อ้ สรุปทถี่ กู ตอ้ งและเชอื่ ถือได้ ๔) กระบวนกำรเรยี นรกู้ ลมุ่ สำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย (๑) กำรเรยี นรจู้ ำกแหล่งเรียนรู้ ไดแ้ ก่ การศกึ ษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง ทัศนศึกษานอกสถานท่ี การเรียนรู้จากห้องสมุด แหล่งเรียนรู้จากภูมิปัญญาท้องถ่ิน ปราชญ์ชาวบ้าน งานวิเคราะห์จากการศึกษา ภาคสนาม พิเคราะห์แหล่งข้อมูล การสอนแบบใหผ้ ู้เรยี นเรียนรโู้ ดยอสิ ระจากศูนยก์ ารเรยี นรู้และการเรียนรู้ ตามความสนใจ (๒) กำรเรียนรู้โดยผู้เรียนลงมือปฏิบัติ ได้แก่ เกม การศึกษาสถานการณ์จาลอง กรณี ตัวอยา่ ง บทบาทสมมุติ โครงงาน การทดลอง ศลิ ป์สร้างสรรคก์ ารสอน เขยี นบคุ ลาธิษฐาน คือ โวหารชนิดหนง่ึ ในโวหารภาพพจน์ที่มีลักษณะการสมมุติให้สิ่งท่ีไม่ใช่มนุษย์ให้มีอากัปกิริยาท่าทางความ รู้สึกเหมือนมนุษย์ การเรียนการสอนที่เน้นกระบวนการกลุ่ม ประกอบด้วย การอภิปรายกลุ่มย่อย การแก้ปัญหากลุ่ม สืบค้น ความรู้ กลุ่มสมั พนั ธ์ การเรยี นรแู้ บบร่วมมือ การอภปิ ราย การเรยี นการสอนโดยใชห้ ัวเร่อื ง (๓) กำรเรียนรู้ผ่ำนกระบวนกำรคิด ได้แก่ การแก้สถานการณ์ การถามตอบ การสืบสอบ ความคิดรวบยอด การพัฒนากระบวนการคิด การใช้ทักษะกระบวนการ การสอนการอ่านโดยใช้วิธีการตั้ง คาถามผู้เรียน การเรียนการสอนโดยใช้แผนผังความคิด (Graphic Organizers) การเรียนการสอนด้วย กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดเปรียบเทียบ การคิดสังเคราะห์ การคิดประยุกต์ การคิด สร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์ การคิดกลยุทธ์ การคิดบูรณาการ การคดิ มโนทัศน์ และการคิดวพิ ากษ์ (๔) กำรเรียนรู้ผ่ำนส่ือเทคโนโลยี ได้แก่ โปรแกรมสาเร็จรูป ชุดการสอน ชุดการสอน รายบุคคล ชุดการสอนสาหรบั การเรียนเปน็ กลมุ่ ย่อย ชดุ การสอนประกอบคาบรรยายของครู คอมพวิ เตอรช์ ว่ ย สอน และการนาเสนอโดยวดี ทิ ศั น์ ๓. สื่อกำรจัดกำรเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้ สอ่ื กำรจดั กำรเรยี นรู้ สือ่ การจัดการเรียนรู้เปน็ เครอื่ งมือส่งเสรมิ สนบั สนนุ การจัดกระบวนการเรยี นรู้ใหน้ ักเรยี นไดร้ ับความรู้ ทักษะกระบวนการได้ง่ายในระยะเวลาส้ันและช่วยให้เกิดความคิดรวบยอดอย่างถูกต้องและรวดเร็วส่ือ ทีป่ รากฏในแผนการจัดการเรียนร้มู ีดังนี้ ๑) ใบความรู้ ใบงาน แผนภาพนาเสนอข้อมูล ๒) คลปิ /วดี ิทศั น/์ ภาพขา่ วสถานการณ์ปัจจบุ นั ๓) สถานการณ์สมมตุ ิ ๔) สื่อบุคคล แหลง่ เรยี นรู้ แหลง่ เรยี นรู้เป็นเครื่องมือสรา้ งคณุ ลกั ษณะการใฝ่เรียนรูท้ ี่ทกุ คนต้องใฝ่รูต้ ลอดชวี ติ ดงั นี้ ๑) แหลง่ เรยี นรภู้ ายในโรงเรียน ๒) แหล่งเรียนรู้ภายนอกโรงเรียน ได้แก่ ชุมชน ท้องถ่ิน พิพิธภัณฑ์ หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ห้องสมดุ ประชาชน หอ้ งสมุดแหง่ ชาติ

ฐ ห้องสมดุ เป็นแหล่งเรียนรทู้ ่สี าคญั และเป็นหวั ใจสาคญั ของผู้เรียนในการศึกษาค้นคว้า โรงเรียนควรจัด หอ้ งสมุดกลาง ห้องสมุดหมวดวิชา มมุ หนงั สือในหอ้ งเรียน หอ้ งสมดุ เคล่ือนท่ี รถเคล่ือนที่ หอ้ งสมุดประชาชน ลว้ นเปน็ แหล่งเรยี นรจู้ ะทาให้ผเู้ รียนไดเ้ รยี นรู้และปลูกฝงั ลักษณะนิสัยทีด่ ใี นการสง่ เสริมนิสัยรกั การอ่าน ๓) แหล่งเรยี นรู้ออนไลน์ - สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน - สานักหอสมุด มหาวิทยาลัยตา่ ง ๆ - กระทรวงวฒั นธรรม ฯลฯ ๔. กำรวัด และประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้ จดุ ประสงคส์ าคญั ของการประเมนิ การเรยี นรคู้ ือ การชว่ ยใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรียนรตู้ ามวัตถปุ ระสงค์ ที่ ผู้สอนหรือหลักสูตรวางไว้ ปัญหาที่พบในปัจจุบันก็คือ ผู้บริหาร ผู้สอน ตลอดจนผู้ปกครองเป็นจานวนมาก ยังให้ ความสาคัญการเรียนรูแ้ บบทอ่ งจาเพอื่ สอบ หรอื การเรียนรเู้ พ่อื แขง่ ขนั ซง่ึ ถอื เป็นการเรยี นรแู้ บบผิวเผิน มากกว่า การประเมินการเรียนรู้ระหว่างเรยี นการเรียนรู้เพ่ือพัฒนาตนเองซ่งึ ผลลัพธ์ของการเรียนรจู้ ะยั่งยืน กว่า (กุศลนิ มสุ ิกุล, ๒๕๕๕; ขจรศักดิ์, เพ็ญจันทร์ และวรรณทิพา รอดแรงคา้ , ๒๕๔๘) ในการจัดการเรียนรู้เพ่ือพัฒนาสมรรถนะด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนนั้น จาเป็นต้องมีการประเมิน การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง ต้ังแต่เร่ิมต้นระหว่างและสน้ิ สดุ กระบวนการเรียนรู้ โดยใช้การประเมินในรูปแบบที่ หลากหลายสอดคล้องตามวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ รูปแบบการประเมินการเรียนรู้ได้แก่ การประเมิน การเรียนรู้ระหว่างเรียน (Formative Assessment) การประเมินการเรียนรู้สรุปรวม (Summative Assessment) และ การประเมินการเรียนรู้ตามสภาพจริง (Authentic Assessment) ในการประเมินเพ่ือ พัฒนาการเรยี นรู้ และการประเมนิ ตามสภาพจริงน้นั ผสู้ อนจาเป็นต้องสะท้อนการประเมนิ ใหผ้ ้เู รียนรบั ทราบ เพ่ือปรับปรงุ และพัฒนาตนเอง และผ้สู อนตอ้ งนาผลการประเมินมาพจิ ารณาเพ่อื ทบทวนและปรบั แผนการจัด การเรียนรู้เพ่ือให้สามารถดาเนินการแก้ไข ช่วยเหลือ หรือหาวิธีการต่าง ๆ เพ่ือช่วยให้ผู้เรียนแต่ละคนเกิด การเรยี นรแู้ ละพฒั นาตนเองได้ตามแต่ละจดุ ประสงค์การเรยี นรหู้ รอื เปา้ หมายของตัวช้วี ดั ตา่ ง ๆ (กุศลิน มุสิกลุ , ๒๕๕๕) กำรวัดและประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ของผูเ้ รยี น การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรขู้ องผเู้ รยี นตอ้ งอย่บู นหลักการพนื้ ฐานสองประการ คือ การประเมิน เพ่ือพัฒนาผเู้ รียนและการตัดสินผลการเรยี น ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรูข้ องผู้เรียนให้ประสบความสาเรจ็ นั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัด เพ่ือให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อน สมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและประเมิน การเรยี นรู้ในทกุ ระดับ (กระทรวงศกึ ษาธิการ, ๒๕๕๒) การวัดและประเมินผลการเรยี นรูท้ ่ีปรากฏในแผนการจัดการเรียนรู้ ให้ความสาคัญของการประเมนิ พฤตกิ รรมการปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี ๑) วิธกี ำรประเมิน (1) กำรวัดและประเมินก่อนเรียน เพ่ือตรวจสอบความพร้อม และความรู้เดิมของผู้เรียน (ผสมผสานในกิจกรรมการเรยี นรขู้ ้นั นา)

ฑ (2) กำรวัดและประเมนิ ระหวำ่ งเรียน ไดแ้ ก่ ดา้ นความรู้ ทักษะการปฏิบัติ และคุณลักษณะ โดยวธิ ีการสังเกตพฤติกรรม ถามตอบพรอ้ มแสดงเหตผุ ล ตรวจชน้ิ งาน การนาเสนอ (ผสมผสานในกจิ กรรม การเรยี นรูข้ ้นั สอน) จดุ มุง่ หมายของการประเมนิ ระหว่างเรยี น มีดังน้ี (๒.๑) เพอ่ื คน้ หาและวนิ ิจฉัยวา่ ผู้เรียนมคี วามรูค้ วามเข้าใจเนือ้ หา มีทกั ษะความชานาญ รวมถึงมี เจตคติทางการเรียนรู้อย่างไรและในระดับใด เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้สอนสามารถวางแผนการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ได้อยา่ งเหมาะสม เพ่อื พัฒนาการเรยี นร้ขู องผ้เู รยี นได้อยา่ งเตม็ ศักยภาพ (๒.๒) เพอ่ื ใช้เป็นข้อมลู ป้อนกลบั ให้กับผูเ้ รียนวา่ มผี ลการเรียนรู้อย่างไร (๒.๓) เพื่อใช้เปน็ ข้อมูลในการสรุปผลการเรียนรแู้ ละเปรยี บเทียบระดับพัฒนาการดา้ น การเรยี นรู้ของผูเ้ รียนแต่ละคน (๓) กำรวัดและประเมินหลังเรียน เพ่ือตรวจสอบความสาเร็จตามจดุ ประสงค์รายแผน เป็น การพัฒนาในจดุ ทผ่ี ูเ้ รียนอาจจะเขา้ ใจคลาดเคล่อื นหรอื ปฏิบัติไม่ถูกต้อง (ผสมผสานในกิจกรรมข้ันสรุป) และ เพือ่ ตดั สนิ ผลการจัดการเรียนรู้ เปน็ การประเมินหลังจากผ้เู รยี นไดเ้ รยี นไปแล้ว ผลจากการประเมนิ ประเภทน้ี ใช้ประกอบการตดั สนิ ผลการจดั การเรยี นการสอน หรือตัดสินใจว่าผเู้ รียนคนใดควรจะไดร้ บั ระดบั คะแนนใด (๔) ประเมินรวบยอดเม่ือส้นิ สดุ หน่วยกำรเรยี นรู้ ดาเนินการดังน้ี การประเมินโดยครูผู้สอน เพื่อตรวจสอบคุณภาพผู้เรียนว่าบรรลุเป้าหมาย ของหน่วย การเรียนรู้ตามมาตรฐาน ตัวชี้วัด สมรรถนะ คุณลักษณะ และ เจตคติหรือไม่ เช่น การทาโครงงาน การนา ความรู้ไปใช้เพ่อื พัฒนาสังคมในรูปแบบตา่ ง ๆ การประเมินโดยผ้เู รยี นแตล่ ะคน โดยกำรทำแบบบนั ทกึ กำรเรียนรู้ (Learning log) ควรให้ ผู้เรียนได้ประเมนิ การเรยี นรขู้ องตนเอง เพื่อเปดิ โอกาสได้สะท้อนคิดส่งิ ท่ีเรียนรูท้ ้งั ทีท่ าได้ดีและยงั ต้องพฒั นา (ตัวอย่างแบบบนั ทึกการเรียนรู้ ดูภาคผนวก ค.) ควรให้ผูเ้ รยี นได้ประเมินการเรยี นรยู้ ่อยหลังจบการเรียนรู้แต่ ละหน่วยการเรียนรู้ และประเมินการเรยี นรู้รวมในช่วงกลางภาคเรียน และปลายภาคเรียน โดยครูสามารถ เลือกใช้ชุดคาถามและจานวนข้อใหเ้ หมาะสมกบั บรบิ ทของผเู้ รยี น ช่วงเวลาและธรรมชาตขิ องแต่ละวิชา ท้ังน้ี ในครั้งแรกครูควรทาร่วมกบั นักเรียนเพือ่ แนะนาวิธกี ารเขียนแบบสะท้อนคิด และควรอ่านสงิ่ ที่นกั เรียนบันทึก พรอ้ มให้ขอ้ มลู ยอ้ นกลบั เสนอแนะในเชงิ บวกและสรา้ งสรรค์ รวมทัง้ ใชป้ ระโยชน์จากข้อมูลในแบบบนั ทึกเพ่ือ พัฒนาการสอนของตัวเองและช่วยเหลอื นักเรยี นเปน็ รายบุคคลตอ่ ไป ๒) ผู้ประเมนิ ได้แก่ เพอ่ื นประเมินเพื่อน ครูประเมินผ้เู รยี น ผูเ้ รียนประเมนิ ตนเอง และผูป้ กครอง ร่วมประเมิน กำรวัดและประเมินผลกำรเรยี นรดู้ ้ำนภำษำ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ด้านภาษา เป็นงานทีต่ อ้ งการความเข้าใจท่ีถกู ตอ้ งเกยี่ วกบั พฒั นาการ ทางภาษา ดังนั้นครูผู้สอนจะวัดผลการเรียนรู้ด้านภาษาจาเป็นต้องเข้าใจหลักการของการเรียนรู้ภาษาเพื่อ การดาเนินการดังนี้ ๑) ทักษะทางภาษาท้ังการอ่าน การเขียน การฟัง ดูและการพูดมีความสาคัญเท่าๆ กัน และทักษะ เหล่านี้ครูผู้สอนควรบูรณาการในการจัดการเรียนการสอน ไม่ควรฝึกทักษะทีละอย่างแต่ควรฝึกทักษะไป พร้อม ๆ กันซึง่ ทักษะทางภาษาหนง่ึ จะสง่ ผลตอ่ การพัฒนาทักษะทางภาษาอน่ื ๆ ด้วย ๒) ผู้เรียนต้องได้รับการพัฒนาความสามารถทางภาษาพร้อมกับการพัฒนาความคิดเพราะสือ่ ภาษา เป็นส่ือของความคดิ ผทู้ ่ีมที ักษะความสามารถในการใช้ภาษา มีคลังคามากจะช่วยให้ผู้เรยี นมีความสามารถใน การคดิ

ฒ ๓) ผเู้ รียนตอ้ งเรยี นรูก้ ารใชภ้ าษาพูดและภาษาเขียนอยา่ งถกู ต้องด้วยการถูกต้องดว้ ยการใช้ภาษาไมใ่ ช่ เรียนรู้กฎเกณฑ์ทางภาษาอย่างเดยี ว การเรยี นภาษาตอ้ งเรียนรไู้ วยากรณห์ รือหลกั ภาษา การสะกดคา การใช้ เคร่อื งหมายวรรคตอนและนาความรู้ดงั กลา่ วไปฝกึ ฝน ๔) ผู้เรียนทุกคนจะได้รับการพฒั นาทักษาทางภาษาเท่ากนั แต่พัฒนาทกั ษะทางภาษาไม่เท่ากัน และ วิธีการเรยี นรตู้ า่ งกนั ๕) ภาษากับวัฒนธรรมมีความสมั พนั ธ์กันอย่างใกล้ชิด การจัดกิจกรรมภูมหิ ลงั ของภาษาและการใช้ ภาษาถิ่นของผู้เรียนและชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นพฒั นาภาษาไทยของตนและพฒั นาความร้สู กึ ทด่ี เี ก่ยี วกบั ภาษาไทย ๖) ภาษาไทยเป็นเครื่องมือของการเรียนรู้ ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ต้องใช้ภาษาไทยเป็นเครื่องมือ การสื่อสาร ดังนั้นครผู ูส้ อนจะต้องใช้ภาษาทเ่ี ป็นแบบแผนเป็นตวั อยา่ งทีด่ แี กผ่ ู้เรียน ๕. คำแนะนำบทบำทครปู ลำยทำงในกำรจัดกำรเรียนรู้ ครูปลายทางควรมีบทบาทการสอนคู่ขนานกับครูต้นทางในการกากับดูแลช่วยเหลือนักเรียนใน ทุก ขัน้ ตอนการสอน ดังน้ี ๑) ขั้นเตรยี มตวั กอ่ นสอน (๑) ศึกษาทาความเข้าใจคาชี้แจงและทาความเข้าใจเชื่อมโยง ทั้งเป้าหมาย กิจกรรมและ การวดั ผลและประเมินผลระหวา่ งหนว่ ยการเรยี นรกู้ บั แผนการจดั การเรียนรรู้ ายชัว่ โมง (๒) ศึกษาค้นคว้าความรู้เพมิ่ เติม จากแหล่งเรยี นรู้ หน่วยงาน องค์กรที่ใหค้ วามรู้ทเี่ ชื่อถอื ได้ รวมท้งั เทคนคิ การจดั การเรียนรเู้ พอ่ื พฒั นาความสามารถของผเู้ รยี นอย่างรอบด้าน (๓) ปรบั /ประยกุ ต์หรอื เพม่ิ เป้าหมายทัง้ เนื้อหา ทกั ษะกระบวนการ คุณลักษณะทเี่ ปน็ จดุ เนน้ และท่ีเป็นปัจจบุ ันตามบริบทของห้องเรยี น โรงเรียน ชุมชน รวมถึงการวัดประเมินทักษะกระบวนการเรียนรู้ ตามศกั ยภาพของผเู้ รียน และตามสภาพจริง (๔) ศึกษาคลิปบทเรียนที่มีการอัพโหลดล่วงหน้าเพ่ือทาความเข้าใจการจัดกิจกรรม PowerPoint และสือ่ ตา่ ง ๆ ทค่ี รใู ชป้ ระกอบการสอน โดยเฉพาะแนวการจดั กิจกรรมในขั้นตอนชว่ งการปฏบิ ัติ ทั้งด้านวิธีการ ส่ือที่ใช้ และช่วงเวลาของการทาแต่ละกิจกรรมเพื่อนามาวิเคราะห์และหาแนวทางเตรียม นกั เรยี น/ช่วยเหลอื สง่ เสริม/ อานวยความสะดวกนักเรียนตามบรบิ ทของห้องเรยี นของตนใหส้ ามารถเรียนรู้ได้ อยา่ งมีประสิทธภิ าพและเตม็ ตามศักยภาพ (๕) เตรียมใบงาน (ที่คัดเลือกสาหรบั มอบหมายให้นักเรียนได้ทาตามเห็นควรและเหมาะสม) รวมท้ังการเตรียมอุปกรณต์ ามระบุในแผนฯและ/หรือท่ีปรากฏในคลิป (ในกรณมี ีการปรบั เปล่ยี นเพิม่ เตมิ ) (๖) ติดตามข้อมูลรายละเอียดการจัดกิจกรรมในช่วงการปฏิบัติตามกาหนดการสอนท่ีมี รายละเอียดของส่ือการสอน ใบงาน ใบความรู้ บนเว็บไซต์ www.dltv.ac.th ๒) ขั้นกำรจดั กำรเรียนรู้ (๑) สร้างการมีส่วนร่วมของนักเรียนในการทากิจกรรม เช่น กระตุ้นให้นักเรียนคิด ตอบ คาถามของครูต้นทาง ฟังเฉลยและช่วยเสริม/อธิบาย/ในส่ิงที่นักเรียนยังไม่เข้าใจ ชมเชย/ให้กาลังใจหาก นักเรียนทาไดด้ ี (๒) ใหค้ วามช่วยเหลือนักเรียนที่ตามไม่ทนั เชน่ อธิบายเพิ่มเตมิ เพอื่ ใหน้ ักเรยี นสามารถเรียนรู้ ต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ (๓) กากับดูแลให้มีวินัยในการเรียนเช่น ไม่เล่นหรือพูดคุยกัน ปฏิบัติตามคาส่ังในการทา กิจกรรม ฯลฯ

ณ (๔) อานวยความสะดวกในการเรยี นรู้ เชน่ จดั เตรียมสอ่ื การเรยี นร/ู้ อปุ กรณ์ (๕) สังเกตพฤติกรรมนักเรียนเช่น คุณลักษณะผู้เรียน, สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน การจัด การเรียนรู้/การปฏิบัติงาน ความรู้ในบทเรียน และบันทึกข้อมูลตามแนวทางประเมินที่แนะนาไว้ในแผนการจดั การเรียนรู้ เพื่อนาขอ้ มูลไปพัฒนานกั เรียนและใหค้ วามช่วยเหลอื นักเรียนทงั้ ช้นั /กลมุ่ /รายบคุ คลตามกรณี ๓) ขัน้ กำรปฏิบัติ (๑) ทบทวนขั้นตอนการทากิจกรรมตามท่ีครูต้นทางแนะนา และตามข้อแนะนาการปฏิบัติที่ ระบใุ น PowerPoint ตรวจสอบความเขา้ ใจ และเตรยี มนักเรยี นก่อนทากจิ กรรม (การแบง่ กลมุ่ ฯลฯ) (๒) กากบั ใหก้ ารทากิจกรรมเป็นไปตามลาดับเวลาตามแนวทางที่ระบุบน PowerPoint (๓) ใหค้ วามช่วยเหลือนกั เรียนในระหว่างการทากิจกรรม (๔) เตรียมพร้อมนักเรียนสาหรับกิจกรรมในข้ันตอนสรุปการเรียน (ถ้ามี) เช่น การสรุปผล ปฏบิ ัติงานเพือ่ เทยี บเคยี งกับผลงานทนี่ ักเรียนต้นทางจะนาเสนอ เปน็ ต้น ๔) ขนั้ สรปุ (๑) กากับนกั เรยี นให้มีสว่ นรว่ มในการเฉลยใบงาน/สรุปผลการทากิจกรรม ฯลฯ (๒) ทบทวนประเด็นสาคญั ทม่ี ีการสรปุ ท้ายช่ัวโมง และงาน/ใบงานท่ีครูต้นทางมอบหมายให้ ทาเปน็ การบ้าน/หรอื ใบงานท่คี รูปลายทางได้เลือกมาใช้กบั ชนั้ เรียนของตน (๓) จัดให้นักเรียนได้ทาแบบประเมินตามระบุในหัวข้อ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ (เฉพาะหลงั จบแตล่ ะหน่วยการเรียนรูแ้ ละครงึ่ /ปลายภาคเรียน) ๕ ) กำรบนั ทกึ ผลหลังสอน (๑) บันทกึ การจดั การเรยี นรูข้ องตนเอง โดยใชข้ อ้ มูลจากแบบสังเกตพฤตกิ รรมผ้เู รียนระหวา่ ง เรียน และแบบประเมินตนเอง บนั ทกึ การเรยี นรขู้ องนักเรยี นเพื่อวิเคราะห์เทคนคิ หรือวิธกี ารใด ทท่ี าให้ผู้เรียน มสี ว่ นร่วม มคี วามรู้ มีทักษะ และคณุ ลกั ษณะตามจดุ ประสงค์ (๒) บันทึกสาเหตุของความสาเร็จ อุปสรรค และ/หรือข้อจากัดที่เกิดขึ้น เช่น เทคนิค หรือ วิธีการใด การบรหิ ารจดั การช้ันเรียน การจัดบรรยากาศ ส่ิงแวดลอ้ มอย่างไร ฯลฯ ท่ีทาใหผ้ ู้เรียนมีส่วนร่วม มี ความรู้ มีทกั ษะ และคุณลักษณะตามจดุ ประสงค์ โดยใชค้ าถามท่ใี ห้ไว้ใน “คาถามบนั ทกึ ผลหลังสอนสาหรบั ครู ปลายทาง” (ดภู าคผนวก ค.) เปน็ แนวทางในการยอ้ นคิด ไตร่ตรองส่งิ ทีเ่ กิดขนึ้ และนาไปบนั ทกึ ผลหลังสอนของ ชวั่ โมงนั้น ๆ (๓) วิเคราะห์และสรุปผลจากข้อมูลตามปัญหา/ความสาเร็จที่เกิดขึ้น และเสนอแนวทาง การปรับปรุง เพื่อนามาพัฒนาการจัดการเรียนรู้ และช่วยเหลอื /สง่ เสริมนักเรียนในการจัดการเรียนรใู้ นครงั้ ตอ่ ไป รวมท้งั นาไปใช้เปน็ ขอ้ มูลเพอ่ื พัฒนาเปน็ งานวจิ ัยในชั้นเรียนตอ่ ไป

ด คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ รหัสวิชำ ท15101 รำยวิชำภำษำไทย กลมุ่ สำระกำรเรยี นรูภ้ ำษำไทย ชั้นประถมศึกษำปีท่ี 5 เวลำ 80 ชวั่ โมง ศึกษาการอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของ บทรอ้ ยแกว้ บทรอ้ ยกรอง คา ประโยค ข้อความ ที่เป็นการบรรยาย การพรรณนา ข้อความท่ีมีความหมายโดยนัย การอ่านบทร้อยกรองเป็นทานองเสนาะ การอ่านจับใจความ การแยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น การวิเคราะห์และแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับเร่ืองทอ่ี า่ น จากส่ือต่าง ๆ การอ่านงานเขียนเชิงอธิบาย คาส่ัง ข้อแนะนาและปฏิบัติตาม การเลือกอ่านหนังสือตาม ความสนใจ มารยาทในการอ่าน การคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดและครึ่งบรรทัดตามรูปแบบการเขียน ตัวอักษรไทย การเขยี นสอ่ื สาร การนาแผนภาพโครงเรอื่ งและแผนภาพความคิดไปพัฒนางานเขยี น การเขยี น ยอ่ ความ การเขียนจดหมายถึงผู้ปกครองและญาติ การเขยี นแสดงความรสู้ ึกและความคดิ เห็น การกรอกแบบ รายการ การเขียนเร่ืองตามจินตนาการ มารยาทในการเขียน การพูดแสดงความรู้ ความคิด การตั้งคาถาม ตอบคาถาม การวิเคราะห์ความน่าเช่ือถือจากเรื่องที่ฟังและดูจากส่อื ต่าง ๆ ในชีวิตประจาวันอย่างมีเหตุผล การรายงานเรื่องหรือประเด็นท่ีศึกค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา การพูดลาดับข้ันตอน การปฏิบัติงาน การพดู ลาดับเหตุการณ์ มารยาทในการฟัง การดู และการพดู ชนิดและหน้าทขี่ องคาประโยค และส่วนประกอบของประโยค ภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาถ่ิน คาราชาศัพท์ คาที่มาจากภาษาต่างประเทศ การแต่งบทร้อยกรอง กาพย์ยานี ๑๑ สานวนท่ีเป็นคาพังเพยและสุภาษิต การสรุปเร่ือง ข้อคิด คุณค่าจาก นิทานพื้นบา้ นในท้องถ่นิ นิทานคตธิ รรม เพลงพ้ืนบา้ น วรรณคดีและวรรณกรรม บทอาขยานและบทรอ้ ยกรอง ท่ีมีคุณค่า โดยใช้กระบวนการอ่านออกเสียง อธิบายความหมาย จับใจความ แยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น วิเคราะห์วจิ ารณ์ แสดงความคิดเห็น คัดลายมือ เขยี นสื่อสาร เขยี นแผนภาพโครงเรือ่ งและแผนภาพความคดิ เขียนย่อความเขียนจดหมาย เขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็น กรอกแบบรายการ เขียนเรื่ องตาม จินตนาการ พูดต้ังคาถาม ตอบคาถาม วิเคราะห์ความน่าเช่ือถือ รายงาน บอก จาแนก เปรียบเทียบ ใช้คา สานวน แต่งบทรอ้ ยกรอง สรปุ เรื่อง บอกความรแู้ ละข้อคิด อธบิ ายคุณคา่ และท่องจาบทอาขยาน เพอ่ื ให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจพูด อ่าน เขยี นภาษาไทยไดถ้ ูกต้องตามหลักภาษา สามารถนา ทกั ษะทางภาษาไปใช้ในชวี ิตจรงิ ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ ตระหนกั ในวฒั นธรรมการใช้ภาษา และรกั ความเป็น ไทย ภมู ใิ จและชน่ื ชมในวรรณคดีและวรรณกรรมซง่ึ เป็นภูมิปัญญาของคนไทย รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีวนิ ยั ใฝ่ เรียนรู้ มุ่งมัน่ ในการทางาน ซอ่ื สตั ยส์ ุจริต มีความสามัคคี อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง มจี ิตสาธารณะ มีนิสยั รักการอา่ น การเขยี น การแสวงหาความร้เู พือ่ พฒั นาตนไดอ้ ย่างเหมาะสม มีมนษุ ยสมั พนั ธ์ทดี่ ี อยรู่ ว่ มกนั ในสังคมได้อยา่ งมี ความสุข ตวั ชี้วดั ท 1.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5, ป.5/6, ป.5/7, ป.5/8 ท 2.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5, ป.5/6, ป.5/7 ท 3.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5 ท 4.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5, ป.5/6, ป.5/7 ท 5.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4 รวม ๓๓ ตัวชวี้ ัด

ต มำตรฐำนกำรเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ัด รหสั วชิ า ท ๑๕๑๐๑ รายวชิ า ภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ ภาคเรยี นท่ี ๑ รวมเวลา ๘๐ ชว่ั โมง ************************************************************************************************** สำระที่ ๑ กำรอ่ำน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ัญหาในการดาเนิน ชวี ิต และมนี สิ ยั รกั การอา่ น ตวั ชว้ี ัด ป.๕/๑ อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรองได้ถูกตอ้ ง ป.๕/๒ อธบิ ายความหมายของคา ประโยคและขอ้ ความท่ีเป็นการบรรยายและการพรรณนา ป.๕/๓ อธิบายความหมายโดยนยั จากเร่อื งที่อ่านอย่างหลากหลาย ป.๕/๔ แยกขอ้ เท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเร่ืองทอี่ า่ น ป.๕/๕ วเิ คราะหแ์ ละแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั เรื่องทอี่ ่านเพ่ือนาไปใชใ้ นการดาเนนิ ชวี ติ ป.๕/๖ อ่านงานเขยี นเชงิ อธิบาย คาสัง่ ขอ้ แนะนา และปฏบิ ัติตาม ป.๕/๗ อ่านหนงั สอื ทม่ี คี ณุ คา่ ตามความสนใจอย่างสมา่ เสมอและแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกับเร่อื งทีอ่ ่าน ป.๕/๘ มีมารยาทในการอา่ น สำระท่ี ๒ กำรเขยี น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่อื สาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเรือ่ งราวในรปู แบบ ต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อย่างมปี ระสิทธิภาพ ตวั ชว้ี ดั ป.๕/๑ คดั ลายมอื ตวั บรรจงเตม็ บรรทัด และครง่ึ บรรทัด ป.๕/๒ เขยี นสื่อสารโดยใช้คาได้ถูกตอ้ งชดั เจน และเหมาะสม ป.๕/๓ เขยี นแผนภาพโครงเรอื่ งและแผนภาพความคิดเพ่ือใช้พัฒนางานเขียน ป.๕/๔ เขียนยอ่ ความจากเรอื่ งที่อา่ น ป.๕/๕ เขียนจดหมายถงึ ผ้ปู กครองและญาติ ป.๕/๖ เขียนแสดงความร้สู กึ และความคิดเห็นได้ตรงตามเจตนา ป.๕/๗ กรอกแบบรายการตา่ ง ๆ ป.๕/๘ เขยี นเรอ่ื งตามจินตนาการ ป.๕/๙ มมี ารยาทในการเขยี น สำระที่ ๓ กำรฟงั กำรดู และกำรพดู มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และความรสู้ ึก ในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ ตัวชว้ี ัด ป.๕/๑ พดู แสดงความรู้ ความคดิ เห็น และความร้สู กึ จากเร่อื งที่ฟงั และดู ป.๕/๒ ตงั้ คาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผลจากเรื่องทีฟ่ ังและดู

ถ ป.๕/๓ วเิ คราะหค์ วามนา่ เชือ่ ถอื จากเร่ืองทีฟ่ ังและดอู ยา่ งมเี หตผุ ล ป.๕/๔ พดู รายงานเรื่องหรือประเดน็ ทีศ่ กึ ษาคน้ คว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา ป.๕/๕ มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด สำระท่ี ๔ หลักกำรใชภ้ ำษำไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลงั ของ ภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ ตวั ช้วี ัด ป.๕/๑ ระบุชนดิ และหนา้ ท่ีของคาในประโยค ป.๕/๒ จาแนกส่วนประกอบของประโยค ป.๕/๓ เปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถิ่น ป.๕/๔ ใช้คาราชาศัพท์ ป.๕/๕ บอกคาภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย ป.๕/๖ แต่งบทร้อยกรอง ป.๕/๗ ใช้สานวนได้ถกู ตอ้ ง สำระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คณุ ค่า และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ ตวั ช้ีวดั ป.๕/๑ สรุปเร่อื งจากวรรณคดีหรือวรรณกรรมท่ีอ่าน ป.๕/๒ ระบุความรู้และขอ้ คดิ จากการอ่านวรรณคดแี ละวรรณกรรมทสี่ ามารถนาไปใช้ในชวี ิตจริง ป.๕/๓ อธบิ ายคุณคา่ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรม ป.๕/๔ ทอ่ งจาบทอาขยานตามทกี่ าหนดและบทร้อยกรองทมี่ คี ุณคา่ ตามความสนใจ

ท โครงสรำ้ งรำยวิชำ รหสั วิชา ท๑๕๑๐๑ รายวชิ าภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ ภาคเรยี นที่ ๑ รวมเวลา ๘๐ ชั่วโมง หน่วย ชือ่ หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นร้/ู สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ นำ้ หนัก ที่ ตัวชว้ี ดั (ช่วั โมง) คะแนน ๑ สอื่ สำรคลอ่ ง ท 1.1 ป.๕/๑ อ่าน สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด ๑๐ ๕ ตอ้ งร้วู ธิ ี ออกเสียงบทร้อยแกว้ การอา่ นออกเสียงบทร้อยแก้ว ๑ และบทรอ้ ยกรองได้ ตอ้ งออกเสยี งให้ชัดเจน อา่ นคา ถูกตอ้ ง ถูกต้อง เวน้ วรรคตอนเหมาะสม ท 1.1 ป.๕/๘ มี น้าเสยี ง น่าฟงั สอดแทรก มารยาทในการอา่ น อารมณก์ ารอ่านใหส้ ัมพนั ธก์ บั เนื้อเรอ่ื ง และต้องมมี ารยาทใน การอา่ น สำระกำรเรยี นรู้ - การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว ท ๑.๑ ป.๕/๑ อ่าน สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด ๑ ออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ย และบทรอ้ ยกรองได้ กรองตอ้ งอ่านออกเสียงให้ ถูกตอ้ ง ชัดเจน ถูกตอ้ งตามอกั ขรวธิ ีและ ท ๑.๑ ป.๕/๘ มี ฉนั ทลักษณ์ การอ่านบทร้อย มารยาทในการอา่ น กรองเปน็ ทานองเสนาะตอ้ งรู้จกั ทอดจงั หวะ เอือ้ นเสียงหรอื หลบ เสยี ง เสยี งไม่เบาหรอื ดังเกินไป รู้จักเน้นเสียงแสดงอารมณใ์ ห้ เป็นไปตามเนือ้ เรอ่ื ง สำระกำรเรียนรู้ - การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ท ๒.๑ ป.๕/๑ คัด สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด 2 ลายมอื ตวั บรรจงเตม็ การคัดลายมอื เป็นพ้ืนฐานใน บรรทัด การเขียนหนงั สอื ตอ้ งเขยี นดว้ ย และคร่ึงบรรทัด ตัวบรรจงใหถ้ กู ต้อง สวยงาม ท ๒.๑ ป.๕/๙ มี เปน็ ระเบยี บตามรูปแบบตัว มารยาท อกั ษรไทย มที งั้ การคัดลายมือ ในการเขียน เตม็ บรรทัดและครึ่งบรรทัด และ ต้องมีมารยาทในการเขยี น

ธ หนว่ ย ชอื่ หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนกั ท่ี ตัวชวี้ ัด (ช่ัวโมง) คะแนน สำระกำรเรยี นรู้ - การคดั ลายมอื ตวั บรรจงเตม็ บรรทดั และคร่งึ บรรทดั ท ๑.๑ ป.๕/๕ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด 1 วเิ คราะห์และแสดง การอา่ นจบั ใจความ เพ่อื ๑ ความคิดเห็นเกี่ยวกบั วเิ คราะหเ์ ร่อื งท่อี ่านเป็น ๒ เรอื่ งทอ่ี า่ นเพอื่ นาไปใช้ การแยกแยะขอ้ เท็จจรงิ ของสาระ ในการดาเนนิ ชวี ิต จากเรือ่ งทอี่ ่าน และแสดง ความคดิ เหน็ ได้อยา่ งมเี หตุมผี ล สามารถทาให้เกิดทักษะทด่ี ี นาไปใช้ในการดาเนินชวี ติ ประจาวันไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ สำระกำรเรยี นรู้ - การอ่านจับใจความและ วิเคราะห์แสดงความคดิ เห็น จากเรอื่ งท่ีอ่าน ท 3.1 ป.๕/๒ ต้ัง สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด คาถามและตอบคาถาม การฟังและดูเป็นการรบั สาร เชิงเหตผุ ลจากเรอื่ งท่ี เขา้ สสู่ มอง ทาใหม้ ีความรู้ ฟงั และดู เพ่ิมขนึ้ การฝกึ รบั สารด้วย ท 3.1 ป.๕/๕ มี การฟงั และดอู ยา่ งมีวจิ ารณญาณ มารยาทในการฟงั เปน็ ทกั ษะทสี่ าคญั จะทาให้ผรู้ ับ การดู และการพูด สารมีความรู้ที่ดี ถกู ตอ้ ง เหมาะสมและนาความรทู้ ีไ่ ด้รบั พดู นาเสนออกไปไดอ้ ย่างมี คุณค่า มีประสทิ ธภิ าพ เกิด ประโยชนก์ บั ตนเองและผ้อู ่ืน สำระกำรเรยี นรู้ - การจับใจความสาคัญจาก การฟังและการดู ท 3.1 ป.๕/๑ พดู สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด แสดงความรู้ ความ การพูดแสดงความรู้ คดิ เห็น และความรสู้ กึ ความคดิ เห็น และความรสู้ กึ จาก จากเร่ืองท่ีฟังและดู เร่ืองทฟี่ งั และดู เปน็ การ ถา่ ยทอดความเข้าใจจากสารที่

น หนว่ ย ชื่อหน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนกั ที่ ตวั ช้วี ดั (ชวั่ โมง) คะแนน ท 3.1 ป.๕/๕ มี ไดร้ บั โดยการพดู สง่ สารอยา่ งมี มารยาทในการฟัง ลาดับ เหตกุ ารณ์ และสรา้ ง การดู และการพูด ความเข้าใจทด่ี ีกับผรู้ บั สาร สำระกำรเรยี นรู้ - การพดู แสดงความรู้ และความ คดิ เห็น จากเรอ่ื งทฟ่ี งั และดู ท 4.1 ป.๕/4 ใชค้ า สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด ๑ ราชาศพั ท์ คาราชาศพั ท์ เป็นถ้อยคาท่ใี ช้ สือ่ สารสาหรบั บุคคล 5 ช้นั ไดแ้ ก่ กษตั ริย์ เชอ้ื พระวงศ์ พระสงฆ์ ข้าราชการช้นั ผใู้ หญ่ และสุภาพชน ซ่ึงแบ่งออกเปน็ หมวดต่าง ๆ เชน่ หมวดคานาม หมวดคากรยิ า หมวดเครอื่ งใช้ หมวดกฬี า และอื่น ๆ การเรียน เร่อื ง คาราชาศพั ท์ จะทาให้ เขา้ ใจและนาไปใชไ้ ดเ้ หมาะสม กบั บคุ คล สำระกำรเรยี นรู้ - คาราชาศัพท์น่ารู้ ท ๕.๑ ป.๕/๒ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด ๑ ระบุความรู้และขอ้ คดิ วรรณกรรม เป็นงานเขียน จากการอ่านวรรณคดี และวรรณกรรมที่ ท่วั ไปทีม่ ีเนอื้ หาสาระและ สามารถนาไปใชใ้ นชีวิต แนวความคดิ เกี่ยวกบั เรอ่ื งใด จรงิ เรื่องหนง่ึ มลี ักษณะกระตุ้นหรือ ชกั จูงใหผ้ อู้ ่านเกดิ ความคิดในแง่ ตา่ ง ๆ การอ่านวรรณกรรมต้อง จบั ประเด็นสาคญั และพิจารณา หาความรู้ ขอ้ คดิ หรือคติสอนใจ เพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ในชีวิต จริง สำระกำรเรยี นรู้ - การระบุความรแู้ ละข้อคิดจาก การอ่านวรรณกรรม

บ หนว่ ย ชอ่ื หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู/้ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนกั ท่ี ตัวชวี้ ดั (ชว่ั โมง) คะแนน ๒ สังขท์ อง ท ๑.๑ ป.๕/๒ สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด ๑๐ ๕ ตอน กำเนิดพระ อธิบายความหมายของ การอธิบายความหมายของ ๑ สังข์ คา ประโยค และ คาศพั ทใ์ นบทเรียน ตอ้ งใช้ ข้อความท่ีเปน็ บรบิ ทในการเขา้ ใจความหมาย การบรรยายและ จึงจะช่วยให้อ่านเรอื่ งได้อยา่ ง การพรรณนา ถูกตอ้ ง รวดเรว็ ทาใหเ้ ขา้ ใจ ความหมายของบทรอ้ ยกรองท่ี อา่ นได้ และเกดิ ความซาบซง้ึ ประทับใจยง่ิ ขน้ึ สำระกำรเรยี นรู้ - การอธบิ ายความหมายของ คาศัพทใ์ นบทเรียน ท ๑.๑ ป.๕/๑ อา่ น สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด ๑ ออกเสยี งบทร้อยแก้ว การอ่านออกเสียงบทรอ้ ย และบทร้อยกรองได้ กรองเรอื่ ง สงั ขท์ อง ตอน กาเนิด ถูกตอ้ ง พระสังข์ ตอ้ งอ่านให้ชดั เจน เนน้ ท ๑.๑ ป.๕/๘ มี สมั ผัส ถูกตอ้ งตามอักขรวิธี และ มารยาทในการอา่ น ฉนั ทลกั ษณข์ องบทรอ้ ยกรอง การอ่านแบบทานองเสนาะตอ้ ง รจู้ ักทอดจงั หวะ เออื้ นเสียงหรือ หลบเสียง มสี าเนยี งสูงต่า หนกั เบา ยาวสนั้ เป็นทานองเหมอื น เสียงดนตรี เสยี งไมเ่ บาหรือดงั เกนิ ไป มีน้าเสียงแสดงอารมณ์ ไปตามเนือ้ เร่อื ง และมมี ารยาท ในการอ่าน สำระกำรเรยี นรู้ - การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง เร่ือง สังขท์ อง ตอน กาเนดิ พระสงั ข์ ท 1.1 ป.๕/๕ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด ๑ วเิ คราะหแ์ ละแสดง การอา่ นจบั ใจความ ความคิดเหน็ เกย่ี วกบั เพ่ือวเิ คราะหเ์ รื่องทอี่ า่ นเป็น เรื่องที่อา่ นเพอ่ื นาไปใช้ การแยกแยะข้อเทจ็ จรงิ ของ ในการดาเนินชีวติ สาระจากเร่อื งที่อา่ น และแสดง

ป หนว่ ย ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นร/ู้ สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนัก ที่ ตัวช้วี ดั (ชั่วโมง) คะแนน ท 1.1 ป.๕/๘ มี ความคดิ เห็นได้อยา่ งมเี หตุ มผี ล มารยาทในการอา่ น สามารถทาให้เกดิ ทกั ษะทด่ี ี นาไปใชใ้ นการดาเนนิ ชวี ิต ประจาวันไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ สำระกำรเรยี นรู้ - การจับใจความสาคัญ จากเรอื่ งทีอ่ า่ น ท 1.1 ป.๕/๒ อธบิ าย สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด ๑ ความหมายของคา การอธิบายความหมายของคา ๑ ประโยคและข้อความท่ี ประโยคและขอ้ ความท่ีเป็น เปน็ การบรรยายและ การบรรยายและการพรรณนา การพรรณนา ผอู้ า่ นสามารถใชบ้ รบิ ทใน ท 1.1 ป.๕/๘ มี การเข้าใจความหมายของคา มารยาทในการอา่ น และการถอดคาประพันธไ์ ด้ ทาใหเ้ ขา้ ใจความหมายของบท รอ้ ยกรอง และเกิดความซาบซ้ึง ประทบั ใจยงิ่ ขึ้น สำระกำรเรยี นรู้ - การถอดคาประพันธ์จาก เรอ่ื ง สงั ข์ทอง ตอน กาเนดิ พระสังข์ ท 1.1 ป.๕/๓ เขียน สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด แผนภาพโครงเรอ่ื งและ การเขยี นแผนภาพโครงเร่อื ง แผนภาพความคิดเพื่อ เปน็ การเตรียมงานเขียน โดยนา ใชพ้ ฒั นางานเขียน ความรู้หรอื ขอ้ เทจ็ จรงิ มา ท 1.1 ป.๕/๙ มี จัดระบบใช้ในการวางโครงเร่ือง มารยาทในการเขยี น ท่ีมีตวั ละคร ฉาก และมกี าร ดาเนนิ เรอื่ งไปตามเหตกุ ารณ์ ซงึ่ ต้องอาศัยการตง้ั คาถามตอบ คาถามจากเรื่องทีอ่ า่ น ช่วยให้ งานเขยี น มีคณุ ภาพ ส่ือสารได้ตรงตาม จุดประสงค์ และไดค้ วาม สมบรู ณ์ครบถ้วน

ผ หนว่ ย ชอื่ หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ นำ้ หนกั ท่ี ตัวช้วี ัด (ชว่ั โมง) คะแนน ท ๕.๑ ป.๕/๒ สำระกำรเรยี นรู้ 2 ระบุความรูแ้ ละขอ้ คิด - การเขียนแผนภาพโครงเรอื่ ง ๑ จากการอา่ นวรรณคดี ๑ และวรรณกรรมที่ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด สามารถนาไปใช้ในชวี ิต การวเิ คราะห์คณุ ค่าและสรุป จริง ท ๕.๑ ป.๕/๓ อธิบาย ข้อคดิ จากเรื่องทอ่ี ่าน ทาให้ คณุ คา่ ของวรรณคดี ผอู้ า่ นเข้าใจคณุ ค่าและขอ้ คิด และวรรณกรรม ของเรอื่ ง ท่ีอ่าน และสามารถ ท ๕.๑ ป.๕/๔ ท่องจา นาความรู้ที่ไดจ้ ากเรื่อง ไปปรบั บทอาขยานตามท่ี ใช้ประโยชน์ในการดาเนนิ ชวี ิต กาหนดและบทร้อย สามารถแสดงความคิดเหน็ จาก กรองท่ีมีคณุ ค่าตาม เร่อื งทอี่ ่านได้ ทาใหผ้ ู้อ่านมี ความสนใจ ความคดิ กวา้ งไกลและเขา้ ใจ ท ๔.๑ ป.๕/๔ เรอ่ื งราวท่ีอ่านได้เพิ่มมากขึน้ ใช้คาราชาศัพท์ สำระกำรเรยี นรู้ - การวเิ คราะห์คณุ ค่าและสรปุ ขอ้ คิดจากเรือ่ งทอี่ ่าน สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด การทอ่ งจาบทอาขยาน จะทา ใหเ้ หน็ ความงดงามและความ ไพเราะของภาษา เกดิ ความ ซาบซง้ึ ภมู ใิ จ และรกั ความเป็น ไทย สามารถนาไปใช้อา้ งองิ และนาข้อคิดไปเปน็ แนวทางใน การดาเนินชีวิต สำระกำรเรยี นรู้ - การท่องจาบทอาขยาน สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด คาราชาศัพท์ เป็นคาทใี่ ช้กบั บคุ คลซง่ึ มีฐานะตา่ ง ๆ ซง่ึ ประกอบดว้ ย พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานวุ งศ์ต้ังแต่ยศ ชัน้ หม่อมเจ้าขน้ึ ไป พระสงฆ์ ขา้ ราชการผใู้ หญห่ รอื ชัน้ สงู และ สุภาพชน การเข้าใจคาราชา

ฝ หน่วย ชอื่ หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู/้ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ น้ำหนัก ที่ ตวั ช้ีวัด (ชั่วโมง) คะแนน ท ๔.๑ ป.๕/๑ ระบุ ศัพทท์ าใหน้ าไปใช้ไดเ้ หมาะสม ๑ ชนดิ และหน้าท่ีของคา กบั บคุ คล กาลเทศะ ในประโยค สำระกำรเรยี นรู้ - คาราชาศพั ท์ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด คาบพุ บท เปน็ คาท่ีแสดงถงึ ความสมั พันธ์ระหว่างคาใน ประโยคตา่ ง ๆ โดยจะวางอยู่ หน้าคานาม หรอื คาสรรพนาม ซ่ึงคาบพุ บทมหี ลายชนิด จึง จาเป็นตอ้ งเลือกใชใ้ ห้ถกู ตอ้ ง เหมาะสมกบั สถานการณ์ตา่ ง ๆ จึงจะทาใหก้ ารส่ือสารมี ประสทิ ธภิ าพและทาใหเ้ ขา้ ใจได้ ถูกตอ้ ง สำระกำรเรยี นรู้ - คาบุพบท ๓ กระเช้ำสีดำ ท 1.1 ป.๕/๕ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด ๑๒ ๕ วเิ คราะห์และแสดง การอ่านเรอื่ งกระเชา้ สดี า เป็น 2 ความคิดเหน็ เกยี่ วกบั การอ่านจบั ใจความสาคญั จาก เรือ่ งทอ่ี า่ นเพื่อนาไปใช้ เรือ่ ง เปน็ การอา่ นเพ่ือวิเคราะห์ ในการดาเนนิ ชวี ิต และแสดงความคิดเหน็ จากเรือ่ ง ทอ่ี า่ นได้อย่างมเี หตุมผี ล รู้จกั พจิ ารณา และสามารถนาความรู้ ข้อคิดที่ได้จากการอ่านไปใช้ ประโยชน์ในการดาเนนิ ชีวิตได้ สำระกำรเรยี นรู้ - การจบั ใจความสาคญั จากเรื่อง ทีอ่ า่ น ท ๕.๑ ป.๕/๒ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด ๑ ระบคุ วามร้แู ละข้อคดิ การสรปุ ความรู้ ขอ้ คดิ และ จากการอ่านวรรณคดี คุณค่าของเรอื่ งทอ่ี ่าน จาก และวรรณกรรมท่ี การอา่ นวรรณคดีและวรรณกรรม สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ เป็นการอา่ นเพื่อสรปุ ความรู้ จรงิ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั สาระสาคญั

พ หนว่ ย ชอื่ หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นร/ู้ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ นำ้ หนกั ท่ี ตวั ช้วี ดั (ชัว่ โมง) คะแนน ท ๕.๑ ป.๕/๓ ของเร่อื ง ผ้อู ่านตอ้ งรู้จกั วิเคราะห์ อธิบายคณุ คา่ ของ แนวคดิ พรอ้ มท้ังบอกคุณค่า วรรณคดีและ และข้อคิดท่ีได้จากการอา่ นและ วรรณกรรม นาไปใช้ประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ จริง สำระกำรเรยี นรู้ - การสรุปความรู้ ข้อคิดและ คณุ คา่ จากเรื่องทอ่ี า่ น ท ๒.๑ ป.๕/๖ เขียน สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด ๑ แสดงความรสู้ กึ และ การเขียนแสดงความรสู้ ึกและ ๑ ความคิดเห็นไดต้ รงตาม ความคดิ เห็น เปน็ การเขียน เจตนา แสดงอารมณค์ วามรสู้ ึก ท ๒.๑ ป.๕/๙ มี ความคดิ ต่อเรื่องใดเรอื่ งหนงึ่ มารยาท ผู้เขียนจะต้องตรวจสอบ ในการเขียน ข้อเท็จจรงิ และเขยี นอยา่ งมี เหตผุ ล สรา้ งสรรค์ และมี มารยาทในการเขยี น สำระกำรเรยี นรู้ - การเขยี นแสดงความรสู้ กึ และความคดิ เห็น ท 3.1 ป.๕/๒ ต้งั สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด คาถามและตอบคาถาม การตงั้ คาถามและตอบคาถาม เชงิ เหตุผลจากเรอ่ื งท่ี เชิงเหตผุ ล เป็นวิธีการตง้ั ฟังและดู ประเดน็ เพอื่ ทราบรายละเอยี ด ท 3.1 ป.๕/๕ มี ของเรอื่ งต่าง ๆ การพดู หรอื มารยาทในการฟงั การ เขยี นส่ิงทตี่ อ้ งการรจู้ ากการอา่ น ดู และการพดู การฟงั การดู ควรตงั้ คาถามท่ี ชัดเจน ตรงประเด็นเหมาะสม มีเหตมุ ผี ล ทาใหเ้ กดิ เจตคตทิ ่ดี ี สามารถวเิ คราะหค์ วาม นา่ เชอ่ื ถอื จากข้อเท็จจรงิ และ ข้อคิดเห็น ทาให้ได้ความรหู้ รือ ข้อคิดท่ีนาไปเป็นประโยชน์ได้ สำระกำรเรยี นรู้ - การตัง้ คาถาม และตอบคาถาม เชิงเหตผุ ล

ฟ หนว่ ย ช่อื หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ น้ำหนัก ท่ี ตัวชี้วัด (ชวั่ โมง) คะแนน ท ๓.๑ ป.๕/๑ พดู สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด ๑ แสดงความรู้ ความ การพดู แสดงความรูส้ กึ และ คิดเห็น และความรสู้ ึก ๑ จากเรือ่ งทีฟ่ งั และดู ความคดิ เห็น เป็นการพูดแสดง ๑ ความร้สู กึ หรือความคดิ เห็น ๑ ท ๔.๑ ป.๕/๑ ระบุ เกยี่ วกบั เร่อื งใดเร่อื งหน่ึงอย่าง ชนดิ และหนา้ ทีข่ องคา มเี หตผุ ล โดยผู้พดู ต้อง ในประโยค เรยี งลาดับเรอ่ื งราวเหตกุ ารณ์ ท ๔.๑ ป.๕/๑ ระบุ ใหส้ อดคลอ้ งกบั เรอ่ื งทพ่ี ดู ด้วย ชนดิ และหนา้ ทีข่ องคา การใช้ภาษา ในประโยค ทเ่ี ข้าใจง่าย กะทัดรัดและมี ท ๔.๑ ป.๕/๒ จาแนก ความหมายชดั เจนสรา้ งความ ส่วนประกอบของ เขา้ ใจใหก้ บั ผฟู้ ังได้ ประโยค สำระกำรเรยี นรู้ - การพดู แสดงความรู้ ความ คิดเหน็ และความรสู้ กึ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด คาเชื่อม เปน็ คาท่ีใชเ้ ชื่อมคา วลี ประโยคหรือขอ้ ความเข้า ด้วยกนั ต้องใช้คาให้ถูกต้องตาม ชนดิ และหนา้ ที่ของคาให้ถูกตอ้ ง สำระกำรเรยี นรู้ - คาเช่ือม สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด กลุ่มคาหรือวลี เปน็ การนา คาตงั้ แต่ ๒ คาขึน้ ไปมาเรยี งกัน เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความหมายใหม่ เพ่มิ ขนึ้ จึงต้องรจู้ กั จาแนกและ เลือกใช้ได้ถูกตอ้ งเหมาะสม สำระกำรเรยี นรู้ - กลุ่มคา หรอื วลี สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด ประโยค เป็นการนาคาหรือ กล่มุ คามาเรยี งต่อกนั เพอ่ื ให้ได้ ใจความสมบรู ณ์ ประกอบดว้ ย ภาคประธานและภาคแสดง ต้อง

ภ หนว่ ย ชอื่ หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรียนร้/ู สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนัก ที่ ตัวชว้ี ัด (ช่วั โมง) คะแนน ร้จู ักการวเิ คราะห์ จาแนก โครงสรา้ งของประโยคใหถ้ กู ต้อง จะทาใหก้ ารสอ่ื สารมีความเขา้ ใจ และไดใ้ จความสมบรู ณ์ สำระกำรเรยี นรู้ - ชนดิ และหนา้ ทข่ี องคาใน ประโยค ท ๔.๑ ป.๕/๒ จาแนก สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด ๑ สว่ นประกอบของ ประโยคและส่วนประกอบ ประโยค ของประโยค เป็นการนาคามา เรยี บเรยี งกนั เพือ่ ให้ไดใ้ จความ สมบรู ณ์ ประกอบด้วยภาค ประธานและภาคแสดง ผู้เรยี น ตอ้ งรจู้ กั การวเิ คราะห์ จาแนก โครงสรา้ งของประโยคใหถ้ กู ตอ้ ง จะทาใหก้ ารส่ือสารประโยคเกดิ ความเข้าใจอย่างถกู ตอ้ งสมบรู ณ์ สำระกำรเรยี นรู้ - การจาแนกสว่ นประกอบ ของประโยค ท ๒.๑ ป.๕/๒ เขียน สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด 2 ส่อื สาร โดยใชค้ าได้ เรียงความ เป็นงานเขียนร้อย ถกู ต้อง ชดั เจน และ แก้วทถี่ า่ ยทอดความคิด เหมาะสม ความรสู้ กึ ของผเู้ ขยี นออกมาเป็น ป.๕/๙ มีมารยาทใน เรื่องราว โดยมีรูปแบบ การเขียน การเขียนท่ชี ดั เจน ผูเ้ ขียนต้องรู้ วิธีการเรยี บเรียงคา และ ประโยคดว้ ยภาษาท่สี ละสลวย สำระกำรเรยี นรู้ - การเขยี นเรียงความ - มารยาทในการเขยี น ๔ ภำษำพฒั นำชีวติ ท ๔.๑ ป.๕/๓ สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด ๑2 ๕ เปรยี บเทยี บภาษาไทย ภาษาพูด เปน็ ภาษาทใ่ี ช้พูดใน ๑ มาตรฐานกบั ภาษาถ่นิ ชวี ิตประจาวนั สว่ นภาษาเขยี น ใชส้ าหรบั เขยี นทเ่ี ป็นระดบั

ม หนว่ ย ช่อื หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู/้ สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด เวลำ นำ้ หนกั ท่ี ตวั ช้วี ัด (ช่วั โมง) คะแนน ทางการหรือระดบั แบบแผน การสอื่ สารให้มปี ระสทิ ธิภาพนัน้ จะตอ้ งเลอื กใชภ้ าษาทัง้ ทเี่ ป็น ภาษาพูดและภาษาเขยี นให้ เหมาะสมกับโอกาส กาลเทศะ และระดบั ของบุคคล สำระกำรเรยี นรู้ - ภาษาพูด ภาษาเขียน ท ๔.๑ ป.๕/๓ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด 1 เปรยี บเทยี บภาษาไทย ภาษาไทยมีทั้งภาษมาตรฐาน 1 มาตรฐานกบั ภาษาถนิ่ ท ๔.๑ ป.๕/3 ทใ่ี ชเ้ ปน็ ภาษาราชการ และ เปรยี บเทยี บภาษาไทย ภาษาถ่ินซ่ึงมคี วามแตกต่างกัน มาตรฐานกบั ภาษาถ่ิน ตามภมู ปิ ญั ญาของทอ้ งถ่ินน้นั ๆ เราควรเรยี นรู้ ให้เข้าใจและ สามารถนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ ง หลากหลาย สำระกำรเรยี นรู้ - ภาษาไทยมาตรฐาน และภาษาถน่ิ สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด ภาษาท่ีใช้ในการสอื่ สารมี หลายระดับ การมีความรู้ เกย่ี วกบั ระดับภาษาช่วยให้ สามารถพดู และเขียนภาษาไทย ไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมกับ สัมพนั ธภาพของบคุ คล โอกาส กาลเทศะและสัมฤทธผิ ลตาม ความมุ่งหมายของผสู้ ่งสาร และ ผู้รบั สาร สำระกำรเรยี นรู้ - ระดับของภาษา

ย หนว่ ย ชอื่ หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนกั ท่ี ตวั ช้ีวดั (ช่ัวโมง) คะแนน ท ๔.๑ ป.๕/3 สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด 1 เปรยี บเทยี บภาษาไทย ภาษาไทยท่ใี ชส้ ือ่ สารใน มาตรฐานกบั ภาษาถ่นิ 1 ชีวติ ประจาวันมหี ลายระดบั 1 ท ๕.๑ ป.๕/๒ ระบุ การมคี วามรเู้ ก่ียวกบั ระดบั ภาษา 1 ความรู้และขอ้ คิดจาก ชว่ ยให้สามารถพดู และเขียน การอา่ นวรรณคดีและ และสอ่ื สารภาษาไทยไดถ้ ูกตอ้ ง วรรณกรรมทีส่ ามารถ เหมาะสมกับสัมพนั ธภาพของ นาไปใชใ้ นชีวติ จริง บคุ คล โอกาส กาลเทศะและ ท ๕.๑ ป.๕/๓ อธิบาย สมั ฤทธ์ิผลตามความมงุ่ หมาย คณุ คา่ ของวรรณคดี ของผสู้ ่งสารและผรู้ ับสาร และวรรณกรรม สำระกำรเรยี นรู้ ท ๕.๑ ป.๕/๒ ระบุ - การใช้ระดบั ของภาษาเพอ่ื ความรแู้ ละข้อคิดจาก การสอ่ื สาร การอ่านวรรณคดีและ วรรณกรรมทส่ี ามารถ สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด นาไปใชใ้ นชีวิตจริง เพลงกลอ่ มเดก็ เปน็ ภมู ิปัญญา ท ๕.๑ ป.๕/๓ อธบิ าย คณุ คา่ ของวรรณคดี ความสามารถในการใชภ้ าษา และวรรณกรรม ของคนไทยท่มี ีคณุ ค่า แฝงข้อคิด ท 2.1 ป.๕/๗ กรอก คตสิ อนใจ สะทอ้ นภาพสงั คม แบบรายการต่าง ๆ วัฒนธรรม คา่ นิยม ความคิด ท 2.1 ป.๕/๙ มี ความเชอ่ื ของคนในแตล่ ะ มารยาทในการเขยี น ท้องถนิ่ แต่ละยุคสมยั สำระกำรเรยี นรู้ - เพลงกล่อมเด็ก สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เพลงร้องเลน่ ของเด็กไทย แสดงใหเ้ หน็ ถึงพัฒนาการใช้ ภาษาของเดก็ ทีเ่ ปน็ เอกลกั ษณ์ เฉพาะถ่ิน จงึ ตอ้ งเรยี นรูใ้ หเ้ ข้าใจ เพือ่ สบื สานไวเ้ ปน็ มรดกไทย สำระกำรเรยี นรู้ - เพลงรอ้ งเลน่ ของเด็กไทย สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด การกรอกแบบรายการตา่ ง ๆ มคี วามสาคัญ ต้องอา่ นให้เขา้ ใจ

ร หน่วย ช่อื หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด เวลำ นำ้ หนัก ท่ี ตวั ชี้วดั (ช่ัวโมง) คะแนน กรอกข้อมูลใหถ้ ูกต้องครบถว้ น เพอ่ื ประโยชนข์ องตนเอง และใชเ้ ป็นหลกั ฐานอา้ งองิ สำระกำรเรยี นรู้ - การกรอกแบบรายการ - มารยาทในการเขยี น ท ๒.๑ ป.๕/๕ เขียนจด สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด 2 หมายถึงผู้ปกครองและ การเขียนจดหมายถึง 1 ญาติ ผปู้ กครองและญาติ ตอ้ งเขยี นให้ 1 ท ๒.๑ ป.๕/๙ มี ถูกต้องตามรปู แบบ ใชภ้ าษา มารยาทในการเขยี น สุภาพเขยี นดว้ ยลายมอื ท่ี สวยงาม สะอาดเปน็ ระเบียบ เพ่ือแสดงถึงความต้ังใจ ความ เคารพ และมีมารยาทในการ เขียนจะทาใหส้ อื่ สารไดด้ ี สำระกำรเรยี นรู้ - การเขียนจดหมายถงึ พอ่ แม่ ญาติ หรือผปู้ กครอง - มารยาทในการเขยี น ท ๑.๑ ป.๕/๓ การ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด อธบิ ายความหมาย ขอ้ ความทม่ี ีความหมาย โดยนัยจากเรอ่ื งทีอ่ า่ น โดยนยั จะไมส่ ่อื ความหมายตรง อย่างหลากหลาย ตัวจากส่งิ ที่เขียน ตอ้ งตคี วาม จากคาหรือบริบท ถา้ เข้าใจ ความหมายทีแ่ ทจ้ รงิ จะทาให้ สอ่ื สารไดถ้ ูกตอ้ ง สำระกำรเรยี นรู้ - การอธิบายความหมายโดยนยั ท ๓.๑ ป.๕/๓ สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด วเิ คราะห์ความ การฟังและดสู อื่ ตา่ ง ๆ ใน น่าเช่ือถือจากเร่ืองท่ฟี งั ชวี ติ ประจาวนั ตอ้ งจบั ใจความ และดอู ย่างมีเหตุผล วเิ คราะหค์ วามนา่ เชื่อถือ แสดง ท ๓.๑ ป.๕/๕ มี ความคิดอยา่ งมีเหตผุ ล และมี มารยาทในการฟงั การ มารยาทในการฟัง การดู และ ดู และการพดู

ล หนว่ ย ชอ่ื หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู/้ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ นำ้ หนกั ที่ ตัวช้วี ดั (ชว่ั โมง) คะแนน การพูด ผรู้ ับสารจึงจะไดร้ บั ประโยชน์ สำระกำรเรยี นรู้ - การวิเคราะห์เรอื่ งที่ฟงั และดู จากสอื่ ตา่ ง ๆ - มารยาทในการฟงั การดู และ การพดู ท ๔.๑ ป.๕/๑ ระบุ สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด 1 ชนดิ และหน้าทข่ี องคา คาอุทาน เปน็ คาที่แสดง ในประโยค อารมณ์ หรือความรสู้ กึ ของผพู้ ูด การรจู้ กั ชนดิ และหนา้ ท่ีของคา อทุ านในประโยค ทาใหส้ ามารถ นาไปใช้ส่ือสารได้ถกู ต้อง สำระกำรเรยี นรู้ - คาอุทาน ๕ วชิ ำเหมอื นสนิ คำ้ ท ๑.๑ ป.๕/๑ อา่ น สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด 10 ออกเสียงบทร้อยแก้ว การอ่านออกเสียงบทร้อย 1 และบทร้อยกรองได้ กรอง ประเภทกาพย์ยานี 11 ถกู ตอ้ ง ควรอา่ นใหม้ สี าเนยี งเสยี งทสี่ ูง ท 1.1 ป.๕/8 มี ตา่ หนกั เบา ยาว สัน้ มี มารยาทในการอา่ น การเออ้ื นเสียง ทอดเสยี ง และ เนน้ สัมผสั ให้ชดั เจน ไพเราะ เสยี งเปน็ กงั วาน แสดงอารมณ์ ตามเนอ้ื หาของบทรอ้ ยกรอง สำระกำรเรยี นรู้ - การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง ประเภทกาพย์ยานี ๑๑ ท ๑.๑ ป.๕/๒ อธบิ าย สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด 1 ความหมายของคา การเข้าใจความหมายของคา ประโยคและข้อความ ประโยค และข้อความ เปน็ ทเ่ี ปน็ การบรรยายและ การเตรียมความพร้อมในการ การพรรณนา อา่ น ชว่ ยให้อา่ นได้อย่างถูกตอ้ ง คล่องแคล่ว สามารถถอดคา ประพนั ธ์ และเขา้ ใจความหมาย ของเรอื่ งทอี่ า่ นได้

ว หนว่ ย ช่อื หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ นำ้ หนัก ท่ี ตัวชวี้ ดั (ช่วั โมง) คะแนน ท ๕.๑ ป.๕/๒ ระบุ สำระกำรเรยี นรู้ 1 ความรแู้ ละขอ้ คิดจาก - การอธบิ ายความหมายของคา 1 การอา่ นวรรณคดแี ละ ประโยค และข้อความทเี่ ป็น 1 วรรณกรรมที่สามารถ การบรรยายและการพรรณนา นาไปใช้ในชวี ิตจรงิ ท ๕.๑ ป.๕/๓ อธบิ าย สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด คณุ ค่าของวรรณคดี บทร้อยกรองวชิ าเหมอื น และวรรณกรรม ท ๔.๑ ป.๕/๗ ใช้ สินคา้ มคี ุณค่าดา้ นวรรณศลิ ป์ ใช้ สานวนได้ถกู ต้อง คาเปรียบเทียบทาใหเ้ ข้าใจง่าย เหน็ ภาพไดช้ ัดเจนและใหข้ ้อคิด ท ๑.๑ ป.๕/๔ แยก ในการขยนั ศกึ ษาเลา่ เรียน ผู้ ขอ้ เทจ็ จรงิ และ นาไปปฏบิ ตั ยิ อ่ มประสบ ข้อคิดเหน็ จากเรอ่ื งท่ี ความสขุ ความเจรญิ ในการ อ่าน ดาเนินชีวติ สำระกำรเรยี นรู้ - การวเิ คราะหค์ ุณค่าและขอ้ คดิ จากเรอื่ งที่อ่าน สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด การใช้สานวนเปรียบเทียบ สว่ นใหญ่มกั มีความหมายกวา้ ง ครอบคลมุ ถึงคาพงั เพยและ สภุ าษิต การเรียนรแู้ ละเขา้ ใจ ความหมายสานวนเปรียบเทียบ จะทาใหผ้ ู้เรยี นสามารถนา ความรู้ไปใช้ไดถ้ ูกตอ้ งและ เหมาะสมในชีวิตจรงิ สำระกำรเรยี นรู้ - การใชส้ านวนเปรยี บเทียบ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด การอ่านเร่อื งราวตา่ ง ๆ แลว้ สามารถจบั ใจความโดยแยก ขอ้ เทจ็ จรงิ ข้อคดิ เหน็ จากเร่ือง ทีอ่ า่ นได้ ทาให้เรามีเหตผุ ล รจู้ ัก พิจารณานาความรทู้ ไี่ ดจ้ าก การอ่านไปใชป้ ระโยชนใ์ นการ ดาเนินชีวิตจรงิ

ศ หนว่ ย ชอื่ หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนกั ท่ี ตวั ช้ีวดั (ชัว่ โมง) คะแนน สำระกำรเรยี นรู้ - การแยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น ท ๓.๑ ป.๕/๑ พูด สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด 1 แสดงความรู้ ความ การพูดแสดงความคดิ เห็นจาก 1 คิดเห็น และความรสู้ กึ เร่อื งท่ฟี งั และดูอยา่ งมเี หตผุ ล 1 จากเรื่องท่ีฟงั และดู ต้องฟงั และดอู ยา่ งตง้ั ใจ จบั ใจความ สงั เกตและพจิ ารณา ข้อเท็จจรงิ ขอ้ คดิ เห็น เพอื่ ให้ เกดิ ความรู้ และความเข้าใจ จึง จะสามารถพูดแสดงความ คดิ เห็นไดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล สำระกำรเรยี นรู้ - การพดู แสดงความคดิ เหน็ จาก เร่ืองทฟี่ งั และดูอย่างมเี หตผุ ล ท ๑.๑ ป.๕/๕ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด วิเคราะหแ์ ละแสดง การวิเคราะหแ์ ละแสดงความ ความคดิ เห็นเกยี่ วกบั คดิ เหน็ จากเร่อื งทอี่ า่ น ตอ้ งต้งั ใจ เรอื่ งทอ่ี า่ นเพอื่ นาไปใช้ อา่ นให้เข้าใจ จบั ใจความสาคญั ในการดาเนินชวี ิต ของเรอ่ื งใหไ้ ด้ จงึ จะแสดงความ คดิ เห็นได้ถูกต้องตรงประเดน็ และนาความรู้หรอื ข้อคิดไปใช้ ประโยชน์ในการดาเนินชีวิต สำระกำรเรยี นรู้ - การวเิ คราะห์และแสดงความ คิดเหน็ จากเร่อื งทอี่ ่าน ท ๑.๑ ป.๕/๖ อา่ นงาน สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด เขียนเชิงอธิบาย คาสั่ง การอา่ นงานเขียนประเภท ขอ้ แนะนา และปฏิบัติ คาแนะนา คาอธิบายแสดง ตาม ขั้นตอน ต้องทาความเข้าใจให้ ชัดเจน จงึ จะสามารถปฏบิ ตั ิตาม ไดอ้ ย่างถกู ต้อง ปลอดภยั และมี ประสทิ ธิภาพ สำระกำรเรยี นรู้

ษ หน่วย ชอ่ื หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรียนร/ู้ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ น้ำหนัก ท่ี ตัวชีว้ ดั (ชว่ั โมง) คะแนน - การอา่ นงานเขียนประเภท คาแนะนาและคาอธิบายแสดง ข้นั ตอน ท ๔.๑ ป.๕/๖ แต่งบท สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด 2 ร้อยกรอง การแต่งกาพย์ยานี ๑๑ นยิ ม ใชใ้ นการพรรณนาเรอ่ื งราว ตา่ ง ๆ ควรทราบฉันทลกั ษณ์ ของคาประพนั ธ์ เพอ่ื ใหก้ ารแต่ง มคี วามถกู ตอ้ ง สานวนภาษา ไพเราะ งดงามสละสลวย เกดิ จนิ ตนาการ สำระกำรเรยี นรู้ - การแต่งกาพย์ยานี ๑๑ ๖ นิทำนอำ่ นสนกุ ท ๕.๑ ป.๕/๑ สรปุ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด 10 5 เรื่องจากวรรณคดหี รอื นิทานพืน้ บ้าน เป็นเรอ่ื งเล่า 1 วรรณกรรมทอ่ี า่ น สืบตอ่ กันมาในทอ้ งถนิ่ ทสี่ มมตุ ิ ท ๕.๑ ป.๕/๒ ระบุ ขน้ึ การอา่ นนทิ านพื้นบา้ นทาให้ ความรูแ้ ละขอ้ คิดจาก เกดิ ความสนกุ สนานเพลิดเพลนิ การอ่านวรรณคดแี ละ เสรมิ สรา้ งจินตนาการ ได้ขอ้ คดิ วรรณกรรมทสี่ ามารถ คติสอนใจทส่ี ามารถนาไปใชใ้ น นาไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ ชวี ิตจริง สำระกำรเรยี นรู้ - นทิ านพน้ื บา้ น ท ๕.๑ ป.๕/๓ อธบิ าย สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด 1 คุณค่าของวรรณคดี นิทานท้องถิน่ เปน็ มรดกทาง และวรรณกรรม วัฒนธรรมท่มี ีคุณคา่ แสดงให้ เห็นวถิ ชี ีวิต ความคิด ความเช่อื สภาพสังคมและภูมปิ ัญญาไทย สำระกำรเรยี นรู้ - นทิ านทอ้ งถิ่น ท ๑.๑ ป.๕/๗ อ่าน สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด 1 หนังสอื ทีม่ คี ณุ ค่าตาม นทิ านเปน็ เรือ่ งเลา่ สบื ต่อกนั ความสนใจอยา่ ง มามีอยูใ่ นทุกชาติทุกภาษา สมา่ เสมอและแสดง นิทานท่เี ลา่ กนั ในกลุ่มประเทศ อาเซยี นเรยี กว่านทิ านอาเซียน

ส หนว่ ย ชอื่ หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู/้ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ นำ้ หนกั ท่ี ตัวชวี้ ดั (ชว่ั โมง) คะแนน ความคิดเหน็ เกย่ี วกบั และการเลอื กอ่านหนงั สอื เหล่าน้ี เร่ืองท่อี ่าน ต้องเลอื กใหเ้ หมาะสมกบั ความ ท ๕.๑ ป.๕/๒ ระบุ ต้องการและวัย จึงจะทาใหไ้ ดร้ บั ความรแู้ ละข้อคดิ จาก คุณค่า สามารถนาไปใช้ การอ่านวรรณคดแี ละ ประโยชนไ์ ด้อย่างแทจ้ รงิ วรรณกรรมทส่ี ามารถ สำระกำรเรยี นรู้ นาไปใช้ในชีวิตจริง - การอา่ นนิทานอาเซียน ท ๕.๑ ป.๕/๓ สรปุ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด 1 เรอื่ งจากวรรณคดหี รือ การสรปุ เร่อื ง เปน็ การนา ๒ วรรณกรรมทอ่ี า่ น ความคดิ หลกั หรอื ประเด็นสาคญั 1 ของเรอ่ื งมากล่าวใหเ้ ห็นเด่นชัด พดู หรือเขยี นเปน็ ประโยคสนั้ ๆ ทีไ่ ด้ใจความชัดเจน เป็นการสรปุ เร่ืองท่ีอ่าน และจับใจความ สาคัญของเรื่อง สำระกำรเรยี นรู้ - การสรปุ เรือ่ งจากวรรณคดีหรอื วรรณกรรมทีอ่ า่ น ท ๒.๑ ป.๕/๔ เขียนยอ่ สำระสำคัญ/ ควำมคดิ รวบยอด ความจากเร่ืองทอ่ี ่าน การเขียนย่อความเปน็ การนา ใจความสาคญั ของเรอ่ื งมาเรยี บ เรียงโดยใชส้ านวนของผเู้ ขียน เพอื่ ใหเ้ ขา้ ใจเร่อื งท่ตี อ้ งการ สอื่ สารไดง้ ่ายยง่ิ ขนึ้ การเขยี น ย่อความสามารถนามาใช้ใน การเรียนและชีวิตประจาวนั ได้ จงึ ควรฝกึ ฝนให้คลอ่ งแคล่ว สำระกำรเรยี นรู้ - การยอ่ ความจากเร่อื งทอ่ี า่ น ท ๒.๑ ป.๕/๘ เขยี น สำระสำคญั / ควำมคิดรวบยอด เรอื่ งตามจนิ ตนาการ การเขียนเรอื่ งตามจินตนาการ เปน็ การเขยี นเรื่องราวทเ่ี กดิ จาก ความคดิ ความรูส้ ึก การเขียน เรือ่ งได้ดีตอ้ งฝกึ การคิด

ห หน่วย ชอ่ื หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู/้ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ น้ำหนัก ท่ี ตวั ชี้วดั (ชว่ั โมง) คะแนน การสงั เกต และมคี วามคดิ สร้างสรรค์ สำระกำรเรยี นรู้ - การเขียนเร่ืองตามจินตนาการ ท ๕.๑ ป.๕/๒ ระบุ สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด ๑ ความรแู้ ละขอ้ คิดจาก บทอาขยานเป็นบทร้อยกรอง การอา่ นวรรณคดแี ละ ทม่ี คี วามไพเราะ มีคุณค่าและให้ วรรณกรรมทสี่ ามารถ ขอ้ คิดที่ดี ควรหม่นั ทอ่ งจาให้ นาไปใช้ในชวี ติ จริง คล่องแคล่ว เพอื่ นาไปใช้อ้างอิง ท ๕.๑ ป.๕/๔ ทอ่ งจา และเป็นการอนรุ กั ษบ์ ทร้อย บทอาขยานตามที่ กรอง กาหนดและบทร้อย สำระกำรเรยี นรู้ กรองท่ีมคี ุณค่าตาม - บทรอ้ ยกรองท่ีมคี ณุ ค่า ความสนใจ ท ๔.๑ ป.๕/๕ บอกคา สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด 2 ภาษาต่างประเทศใน คาภาษาต่างประเทศท่ีใชใ้ น ภาษาไทย ภาษาไทยมจี านวนมาก การรจู้ ัก ความหมายของคา ทาใหน้ าไป ใช้ในการตดิ ต่อ สอ่ื สารในชวี ติ ประจาวนั ได้ถูกตอ้ ง สำระกำรเรยี นรู้ - คาท่มี าจากภาษาตา่ งประเทศ ๗ รำชำธริ ำช ท ๑.๑ ป.๕/๒ อธิบาย สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด 11 5 ตอน กำเนิดมะกะ ความหมายของคา การอ่านข้อความที่เปน็ ๑ โท ประโยคและขอ้ ความท่ี การบรรยายและการพรรณนา เปน็ การบรรยายและ ตอ้ งเขา้ ใจความหมายของคา การพรรณนา ประโยคและขอ้ ความ จะชว่ ยให้ อา่ นได้อยา่ งถูกตอ้ ง คล่องแคลว่ ทาใหเ้ ข้าใจความหมายของ ข้อความหรอื เรอื่ งท่อี า่ นและ นาไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ สำระกำรเรยี นรู้ - การอ่านขอ้ ความท่เี ปน็ การบรรยาย และการพรรณนา

ฬ หนว่ ย ชอื่ หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ นำ้ หนกั ท่ี ตวั ช้วี ัด (ช่ัวโมง) คะแนน ท ๑.๑ ป.๕/๕ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด 1 วิเคราะหแ์ ละแสดง วรรณคดี เรอ่ื ง ราชาธิราช 1 ความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั ๑ เรือ่ งทอ่ี ่านเพือ่ นาไปใช้ ตอน กาเนดิ มะกะโท เป็นตอน ในการดาเนินชีวติ ท่ีแสดงใหเ้ ห็นถงึ ความขยนั ท ๕.๑ ป.๕/๒ ระบุ หมัน่ เพยี ร และความมปี ฏิภาณ ความรแู้ ละข้อคิดจาก ไหวพรบิ ของมะกะโทในการใช้ การอา่ นวรรณคดแี ละ ชีวิตประจาวนั วรรณกรรมทส่ี ามารถ สำระกำรเรยี นรู้ นาไปใชใ้ น - การอา่ นจบั ใจความ เรอื่ ง ชวี ิตจริง ราชาธริ าช ตอน กาเนดิ มะกะโท ท ๕.๑ ป.๕/๓ อธิบาย สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด คณุ คา่ ของวรรณคดี และวรรณกรรม เร่อื ง ราชาธิราช ตอน กาเนดิ มะกะโท แสดงใหเ้ ห็นถงึ คุณลักษณะอันพึงประสงค์และ คณุ ธรรมของผ้ทู จ่ี ะเปน็ ผู้นา รวมท้งั ได้ขอ้ คิดที่ดที ส่ี ามารถ นาไปปรบั ใชไ้ ดใ้ นชีวิตจริง สำระกำรเรยี นรู้ - การระบุความรแู้ ละข้อคิด จากเร่ืองทอ่ี ่าน สำระสำคัญ/ ควำมคดิ รวบยอด ราชาธริ าช ตอน กาเนิด มะกะโท เปน็ วรรณคดีร้อยแก้ว ท่ีมสี านวนโวหารไพเราะ สอดแทรกข้อคิดและคตสิ อนใจ เน้ือเรือ่ งแสดงให้เห็นถงึ ความ เฉลยี วฉลาด ปฏภิ าณไหวพรบิ และความขยันขันแขง็ ของ มะกะโท การอ่านอย่างพนิ ิจ พิจารณา ทาใหเ้ ห็นคุณคา่ ที่ แท้จรงิ และสามารถนาไปเปน็ แนวทางในการดาเนนิ ชวี ติ ได้ สำระกำรเรยี นรู้ - การอธิบายคุณคา่ จากเรอ่ื ง ทอ่ี ่าน

อ หนว่ ย ช่อื หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นร/ู้ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนกั ท่ี ตวั ชว้ี ดั (ชวั่ โมง) คะแนน ท ๒.๑ ป.๕/๒ เขยี น สำระสำคญั / ควำมคิดรวบยอด 1 ส่ือสารโดยใช้คาได้ การเขียนคาแนะนาและ ๑ ถูกต้อง ชัดเจนและ คาอธบิ ายแสดงข้นั ตอน เป็น ๑ เหมาะสม การเขยี นเพ่ือให้ข้อเสนอแนะ ให้ ความรู้ ความเขา้ ใจ ภาษาท่ีใช้ ควรเปน็ ภาษาทางการ ถ้อยคา กะทัดรัด ชดั เจน เขยี นถกู ตอ้ ง ตามลาดับข้ันตอน เพอ่ื ให้ปฏบิ ตั ิ หรอื นาไปใช้ได้ถูกวิธี สำระกำรเรยี นรู้ - การเขียนคาแนะนาและ คาอธบิ ายแสดงขนั้ ตอน ท ๓.๑ ป.๕/๔ พูด สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด รายงานเรื่องหรอื การพูดลาดบั ข้ันตอนการปฏิบัติ ประเดน็ ท่ศี ึกษาคน้ คว้า งานเปน็ การนาเสนอขอ้ มูลทีไ่ ด้ จากการฟัง การดู และ จากการศกึ ษาคน้ ควา้ ควรพูดให้ การสนทนา ชดั เจนเรยี งเน้อื หาตามลาดบั เพอื่ ท ๓.๑ ป.๕/๕ มี ใหผ้ ู้ฟงั เกดิ ความรู้ ความเขา้ ใจ มารยาทในการฟัง ปฏบิ ตั ิตามไดแ้ ละควรมมี ารยาท การดู และการพูด ในการฟงั การดู และการพูด สำระกำรเรยี นรู้ - การพดู ลาดับข้นั ตอน การปฏิบัตงิ าน - มารยาทในการฟงั การดู และ การพูด ท ๓.๑ ป.๕/๓ สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด วเิ คราะหค์ วาม การวิเคราะหค์ วามน่าเชื่อถอื นา่ เชือ่ ถือจากเรอื่ งทฟ่ี งั ของข่าวต้องดูการเล่าเหตุการณ์ และดูอย่างมเี หตุผล ตามลาดบั ตงั้ แตต่ น้ จนจบ ไม่ ปดิ บังทมี่ า สถานที่ เวลา และ บคุ คลท่เี กีย่ วขอ้ ง เพอื่ ให้ทราบ รายละเอยี ดทชี่ ดั เจน สำระกำรเรยี นรู้ - การวิเคราะหข์ า่ วและ เหตุการณ์ประจาวนั

ฮ หนว่ ย ชอื่ หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นร/ู้ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนัก ท่ี ตัวชวี้ ดั (ชั่วโมง) คะแนน ท ๑.๑ ป.๕/๖ อ่านงาน สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด ๑ เขียนเชงิ อธิบาย คาสั่ง การอา่ นคาแนะนาในการใช้ 2 ข้อแนะนา และปฏิบัติ พจนานุกรมช่วยใหป้ ฏบิ ตั ิตามได้ ตาม ถูกวิธี ค้นหาทมี่ า ความหมาย 1 ชนดิ ของคาและอ่านเขยี นคาได้ 75 ถกู ต้อง สำระกำรเรยี นรู้ - การใชพ้ จนานกุ รม ท ๔.๑ ป.๕/๗ ใช้ สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด สานวนได้ถูกตอ้ ง สานวนมีความหมายกว้าง ครอบคลมุ ถึงคาพังเพยและ สุภาษิต คาพงั เพยเป็นการ เปรียบเทยี บกบั เรื่องใดเรอื่ งหนง่ึ สภุ าษิตเป็นคติสอนใจให้ ประพฤตดิ ี การเขา้ ใจ ความหมายของสานวน คา พังเพย และสุภาษติ จะทาให้ นาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้ อย่างถกู ตอ้ งและเหมาะสม สำระกำรเรยี นรู้ - สานวนทเ่ี ปน็ คาพงั เพย ท ๑.๑ ป.๕/๑ อ่าน สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด ออกเสยี งบทร้อยแกว้ การอ่านออกเสยี งคาทมี่ ี และบทรอ้ ยกรองได้ พยัญชนะควบกล้า จะตอ้ งอ่าน ถกู ต้อง ออกเสยี งคาให้ชัดเจน ถกู ต้อง ท ๑.๑ ป.๕/๒ อธบิ าย ตามอักขรวธิ แี ละบอก ความหมายของคา ความหมายของคาได้ ประโยคและข้อความ สำระกำรเรยี นรู้ ทีเ่ ป็นการบรรยายและ - การอา่ นคาควบกล้า การพรรณนา รวมตลอดภำคเรียน 35

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ เร่อื ง สื่อสารคลอ่ งตอ้ งรวู้ ิธี ๑ หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๑ ส่อื สารคลอ่ งต้องรวู้ ิธี

๒ คมู่ ือครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) รหสั วชิ า ท๑๕๑๐๑ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ สื่อสารคลอ่ งตอ้ งรู้วธิ ี รายวิชาภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๑๐ ช่ัวโมง .................................................................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวช้ีวดั สาระที่ ๑ การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพอ่ื นาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาเนิน ชวี ิต และมนี ิสยั รักการอา่ น ตวั ชีว้ ดั ป.๕/๑ อ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทรอ้ ยกรองได้ถูกต้อง ป.๕/๕ วเิ คราะหแ์ ละแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เรือ่ งที่อ่านเพอ่ื นาไปใช้ในการดาเนนิ ชีวิต ป.๕/๘ มีมารยาทในการอ่าน สาระท่ี ๒ การเขยี น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขียนสือ่ สาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรปู แบบ ตา่ ง ๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ตัวชี้วัด ป.๕/๑ คดั ลายมอื ตัวบรรจงเต็มบรรทดั และครง่ึ บรรทัด ป.๕/๙ มีมารยาทในการเขยี น สาระที่ ๓ การฟัง การดู และการพูด มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดอู ย่างมีวจิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรสู้ ึกใน โอกาสต่าง ๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ ตวั ชว้ี ดั ป.๕/๑ พูดแสดงความรู้ ความคดิ เห็น และความรู้สกึ จากเรื่องทฟ่ี ังและดู ป.๕/๒ ตง้ั คาถามและตอบคาถามเชงิ เหตุผลจากเร่ืองทฟี่ ังและดู ป.๕/๕ มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู สาระที่ ๔ หลกั การใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของ ภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ ตัวชี้วัด ป.๕/4 ใชค้ าราชาศัพท์ สาระที่ ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและ นามาประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจรงิ ตัวชี้วัด ป.๕/๒ ระบคุ วามรูแ้ ละข้อคิดจากการอา่ นวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่สามารถนาไปใช้ในชวี ิตจรงิ

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ เรอื่ ง สอื่ สารคล่องตอ้ งรู้วิธี ๓ ๒. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด 2.1 การอ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ ต้องออกเสียงให้ชัดเจน อ่านคาถูกต้อง เว้นวรรคตอนเหมาะสม นา้ เสยี งนา่ ฟัง สอดแทรกอารมณก์ ารอ่านให้สมั พนั ธ์กับเน้ือเรือ่ ง และตอ้ งมีมารยาทในการอา่ น 2.2 การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรองต้องอา่ นออกเสียงให้ชัดเจน ถูกต้องตามอกั ขรวิธีและฉันทลักษณ์ การอ่านบทร้อยกรองเป็นทานองเสนาะต้องรู้จักทอดจังหวะ เอื้อนเสียงหรือหลบเสียง เสียงไม่เบาหรือดัง เกินไป รู้จกั เน้นเสยี งแสดงอารมณ์ใหเ้ ป็นไปตามเนือ้ เรือ่ ง 2.3 การคัดลายมือเป็นพื้นฐานในการเขียนหนังสือ ต้องเขียนด้วยตัวบรรจงให้ถกู ต้อง สวยงามเป็น ระเบียบตามรูปแบบตัวอักษรไทย มีทั้งการคัดลายมือเต็มบรรทัดและครึ่งบรรทัด และต้องมีมารยาทใน การเขยี น 2.4 การอ่านจบั ใจความ เพื่อวิเคราะห์เร่ืองที่อ่านเป็นการแยกแยะข้อเท็จจริงของสาระจากเรื่องที่ อ่าน และแสดงความคิดเห็นได้อย่างมีเหตุมีผล สามารถทาให้เกิดทักษะที่ดี นาไปใช้ในการดาเนิน ชีวิตประจาวนั ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ 2.5 การฟังและดูเป็นการรับสารเข้าสู่สมอง ทาให้มีความรู้เพิ่มขึ้น การฝึกรับสารด้วยการฟังและดู อย่างมีวิจารณญาณเป็นทกั ษะที่สาคัญ จะทาให้ผ้รู ับสารมีความร้ทู ่ีดี ถูกต้อง เหมาะสมและนาความร้ทู ี่ได้รับ พดู นาเสนออกไปได้อย่างมคี ณุ ค่า มปี ระสทิ ธภิ าพ เกดิ ประโยชนก์ บั ตนเองและผอู้ ืน่ 2.6 การพูดแสดงความรู้ ความคิดเห็น และความรู้สึกจากเร่ืองท่ีฟังและดู เป็นการถ่ายทอดความ เข้าใจจากสารท่ีไดร้ ับ โดยการพูดส่งสารอยา่ งมีลาดับ เหตกุ ารณ์ และสรา้ งความเขา้ ใจทีด่ ีกบั ผ้รู บั สาร 2.7 คาราชาศัพท์ เป็นถ้อยคาท่ีใชส้ ื่อสารสาหรับบุคคล 5 ชั้น ได้แก่ กษัตรยิ ์ เช้ือพระวงศ์ พระสงฆ์ ข้าราชการช้ันผู้ใหญ่ และสุภาพชน ซึ่งแบ่งออกเป็นหมวดต่าง ๆ เช่น หมวดคานาม หมวดคากริยา หมวด เครอ่ื งใช้ หมวดกฬี า และอืน่ ๆ การเรียนเรอ่ื ง คาราชาศัพท์ จะทาให้เขา้ ใจและนาไปใชไ้ ดเ้ หมาะสมกับบคุ คล 2.8 วรรณกรรม เป็นงานเขียนท่ัวไปท่ีมีเนื้อหาสาระและแนวความคิดเก่ียวกับเร่ืองใดเรื่องหน่ึง มี ลักษณะกระตุ้นหรอื ชักจูงให้ผู้อ่านเกิดความคิดในแง่ต่าง ๆ การอ่านวรรณกรรมต้องจับประเด็นสาคัญ และ พิจารณาหาความรู้ ขอ้ คิด หรือคตสิ อนใจเพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ในชวี ิตจรงิ ๓. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ ๑. บอกความหมายและหลกั การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วได้ ๒. อธิบายความหมายและหลักการอา่ นออกเสียงบทร้อยกรองได้ ๓. บอกหลักการคัดลายมือได้ ๔. บอกหลักการอา่ นจับใจความ วเิ คราะห์ แสดงความคดิ เห็นจากเร่อื งท่ีอ่านได้ ๕. บอกหลกั การจับใจความสาคัญจากการฟงั และดไู ด้ ๖. บอกหลักการพดู แสดงความรู้และความคดิ เหน็ จากเรื่องท่ฟี งั และดูได้ ๗. บอกความหมายและลกั ษณะของคาราชาศพั ท์ได้ ๘. บอกหลักการระบคุ วามรู้และขอ้ คิดจากเรื่องท่อี ่านได้ ทักษะ/กระบวนการ ๑. อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วได้ ๒. อา่ นออกเสยี งบทร้อยกรองได้ ๓. คัดลายมอื ตัวบรรจงเตม็ บรรทัดได้ 4. คัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทดั ได้

๔ คมู่ ือครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) ๕. จบั ใจความ วเิ คราะห์ และแสดงความคดิ เหน็ จากเรือ่ งทีอ่ ่านได้ ๖. ตั้งคาถามและตอบคาถาม และสรปุ ใจความสาคัญจากเรอื่ งที่ฟงั และดไู ด้ ๗. พูดแสดงความรู้และความคิดเหน็ จากเร่อื งทฟี่ งั และดูได้ ๘. จัดหมวดหมแู่ ละเขยี นความหมายคาราชาศพั ทไ์ ด้ถูกตอ้ ง ๙. ระบุความรแู้ ละข้อคิดจากเรือ่ งทอ่ี ่านได้ เจตคติ ๑. มีมารยาทในการอ่าน ๒. มีมารยาทในการเขียน 3. นาความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในการดาเนนิ ชีวติ 4. มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู 5. มีเจคตทิ ด่ี ีต่อการพดู 6. เหน็ ความสาคญั ในการใช้คาราชาศัพทอ์ ย่างถกู ตอ้ ง 7. มนี สิ ัยรักการอ่าน ๔. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 4.1 ความสามารถในการส่อื สาร 4.2 ความสามารถในการคดิ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต ๕. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 5.1 มวี ินยั 5.2 ใฝเ่ รยี นรู้ 5.3 มุ่งม่ันในการทางาน 5.4 รักความเป็นไทย ๖. การประเมนิ ผลรวบยอด ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน ๑. ใบงานที่ ๑ เรอ่ื ง การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว ๒. ใบงานท่ี ๒ เร่อื ง การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรอง ๓. ใบงานท่ี ๓ เร่ือง การคัดลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทัด ๔. ใบงานท่ี ๔ เรื่อง การคดั ลายมอื ตวั บรรจงครง่ึ บรรทดั ๕. ใบงานที่ ๕ เรอ่ื ง การอา่ นจับใจความและวิเคราะหแ์ สดงความคิดเหน็ จากเรื่องทีอ่ า่ น ๖. ใบงานที่ ๖ เรื่อง การตัง้ คาถามและตอบคาถาม และสรุปใจความสาคัญจากเร่อื งที่ฟงั และดู ๗. ใบงานท่ี 7 เรื่อง การสรปุ หลักการพูดแสดงความรู้และความคดิ เห็นจากเรอื่ งที่ฟงั และดู ๘. ใบงานที่ 8 เรื่อง แบบรา่ งการพูดแสดงความรู้และความคดิ เห็นจากเร่ืองทฟี่ งั และดู 9. การพดู แสดงความร้แู ละความคิดเหน็ จากเรื่องทีฟ่ งั และดู 10. ใบงานท่ี 9 เรื่อง การจดั หมวดหมู่คาราชาศัพท์ ๑1. ใบงานที่ 10 เร่ือง การอา่ นวรรณกรรมที่สนใจ ๗. เกณฑ์การประเมินผลชน้ิ งานหรือภาระงาน

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๑ เรอื่ ง ส่ือสารคลอ่ งตอ้ งรู้วิธี ๕ เกณฑ์ประเมิน : การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว ประเด็น ระดบั คุณภาพ การประเมิน ๑. อักขรวิธี ๔ (ดมี าก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรงุ ) อา่ นผิดมากกว่า ๒. การแบ่ง อ่านถูกตอ้ งทุกคา อา่ นผดิ ไม่เกนิ ๓ อา่ นผิดไมเ่ กิน ๕ ๕ คา วรรคตอน ออกเสยี ง ร ล คา ออกเสยี ง ร ล คา ออกเสียง ร ล ชัดเจน ชัดเจน ชดั เจน แบง่ วรรคตอนผดิ แบง่ วรรคตอน มากกว่า ๔ แหง่ ถกู ต้องทกุ วรรค แบง่ วรรคตอนผดิ แบง่ วรรคตอนผิด ๑-๒ แห่ง ๓-๔ แหง่ ๓. บคุ ลกิ ภาพ นง่ั ในทา่ ทีเ่ หมาะสม น่งั ในท่าทเ่ี หมาะสม น่ังในทา่ ทไ่ี ม่ น่ังในทา่ ทไ่ี ม่ ท่าทางในการอา่ น ใชส้ ายตามองกวาด ใช้สายตามองกวาด เหมาะสมใชส้ ายตา เหมาะสม ใช้นิ้วชี้ ตัวหนงั สอื ไม่ชหี้ รือ ตวั หนังสอื ถูกตอ้ ง มองกวาด สา่ ยหนา้ ตามตัวอักษร ส่ายหนา้ ตาม เป็นส่วนใหญ่ ตามตัวหนงั สอื และสา่ ยหนา้ ตาม ตัวอกั ษร ถกู ตอ้ งเป็นสว่ น ตวั อักษร นอ้ ย ๔. นา้ เสียงในการ น้าเสียงชดั เจน นา้ เสยี งชดั เจน นา้ เสยี งชดั เจน นา้ เสียงไมช่ ดั เจน อ่าน นุ่มนวล นา่ ฟงั นมุ่ นวลนา่ ฟงั เป็น น่มุ นวลนา่ ฟงั เป็น ขาดความม่นั ใจ สอดแทรกอารมณ์ สว่ นใหญ่ ส่วนน้อย ในการอ่าน สมั พนั ธก์ บั เน้อื หา ๕. มารยาท ไมอ่ า่ นเสยี งดัง ไมอ่ า่ นเสียงดัง ไมอ่ า่ นเสียงดงั อ่านเสยี งดังและ ในการอ่าน รบกวนผอู้ ่นื ไมเ่ ลน่ รบกวนผูอ้ ื่น ไมเ่ ล่น รบกวนผู้อ่ืน ไมเ่ ล่น รบกวนผู้อ่ืนเป็น ขณะอา่ น และมี ขณะอา่ นและมี ขณะอ่านและมี บางครงั้ และขาด สมาธใิ นการอ่าน สมาธิในการอ่าน สมาธใิ นการอา่ น สมาธใิ นการอ่าน เปน็ สว่ นใหญ่ บา้ งเป็นบางครงั้ เกณฑ์การประเมินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 18-20 ดีมาก 15-17 ดี 12-14 ตา่ กวา่ ๑2 พอใช้ ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารตัดสิน : ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินร้อยละ ๖๐ ข้นึ ไป (ตอ้ งได้ระดบั พอใชข้ ึน้ ไป)

๖ คู่มอื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) เกณฑ์ประเมิน : การอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง ประเด็น ๔ (ดีมาก) ระดับคุณภาพ ๑ (ปรับปรงุ ) การประเมนิ ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑. อกั ขรวธิ ี อ่านถูกต้องทุกคา อ่านผิดไมเ่ กิน ๓ อ่านผดิ ไม่เกนิ ๕ คา อ่านผดิ มากกวา่ ๒. อา่ นถกู ต้อง ออกเสยี ง ร ล คา ออกเสยี ง ร ล ออกเสยี ง ร ล ชัดเจน ๕ คา ตามฉันทลกั ษณ์ ชดั เจน ชดั เจน อ่านไม่ถกู ต้อง อา่ นถกู ตอ้ งตาม อ่านถูกต้องตาม อ่านถูกต้องตาม ตามลกั ษณะคา ลกั ษณะของคา ลกั ษณะคาประพันธ์ ลักษณะคาประพันธ์ ประพนั ธ์ และ ประพนั ธ์ แบง่ วรรค แบง่ วรรคตอน แบง่ วรรคตอน แบ่งวรรคตอนผดิ ตอนถูกต้องทกุ วรรค ผิด ๑-๒ แหง่ ผดิ ๓-๔ แห่ง มากกว่า ๔ แห่ง ๓. บคุ ลิกภาพ นง่ั ในท่าที่เหมาะสม นั่งในทา่ ทเี่ หมาะสม นั่งในท่าท่ไี มเ่ หมาะสม นั่งในทา่ ทไี่ ม่ ทา่ ทางในการ ใช้สายตามองกวาด ใชส้ ายตามองกวาด เหมาะสมใชน้ ว้ิ ช้ี อ่าน ตวั หนังสอื ไม่ชห้ี รอื ใช้สายตามองกวาด สา่ ยหน้าตาม ตามตวั อักษรและ ๔. น้าเสยี ง ส่ายหนา้ ตามตวั ตัวหนงั สอื ถูกตอ้ ง ตวั หนังสือถกู ตอ้ งเปน็ ส่ายหน้าตาม ในการอ่าน อกั ษร เปน็ สว่ นใหญ่ ส่วนน้อย ตวั อกั ษร ๕. มารยาท นา้ เสียงชดั เจน ในการอา่ น นุม่ นวลนา่ ฟงั นา้ เสียงชัดเจน นา้ เสียงชดั เจนขาด นา้ เสียงไม่ชดั เจน สอดคลอ้ งกบั เร่อื งที่ น่มุ นวล น่าฟงั เปน็ ความนมุ่ นวลหรอื ขาดความมนั่ ใจ อา่ น ส่วนใหญ่ สอดคลอ้ งกบั เรอ่ื งที่ ในการอ่าน ไม่สง่ เสยี งดังรบกวน อา่ น สง่ เสียงดงั และ ผอู้ ื่นไมเ่ ล่นในขณะ เล่นในขณะอา่ น อ่าน และมีสมาธิใน ไม่ส่งเสยี งดังรบกวน สง่ เสียงดงั บา้ งและ การอา่ น ผู้อืน่ ไมเ่ ลน่ ขณะ เล่นในขณะอา่ นเปน็ อ่าน บางครง้ั เกณฑก์ ารประเมนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 16-20 ดมี าก 11-15 ดี 6-10 พอใช้ 1-5 ปรับปรงุ เกณฑ์การตดั สนิ : ผ่านเกณฑ์การประเมินร้อยละ ๖๐ ขึน้ ไป (ตอ้ งไดร้ ะดบั พอใชข้ ้นึ ไป)

หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ เรอ่ื ง สือ่ สารคล่องตอ้ งรูว้ ธิ ี ๗ เกณฑป์ ระเมิน : การคดั ลายมอื ตัวบรรจงเต็มบรรทัด ประเด็น ๔ (ดมี าก) ระดับคุณภาพ ๑ (ปรับปรงุ ) การประเมิน ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑. รปู แบบ คัดลายมอื ตัวบรรจง คัดลายมอื ตัว คัดลายมือตวั บรรจง คัดลายมือตวั ตวั อักษร เต็มบรรทัดตาม บรรจงเตม็ บรรทัด เตม็ บรรทัด ตาม บรรจงเต็มบรรทัด รูปแบบท่ีกาหนด ตามรูปแบบท่ี รูปแบบทก่ี าหนด ไม่ถูกตอ้ งตามแบบ ๒. การเขยี น ท้ังหมด กาหนดบางส่วน บกพรอ่ งเปน็ ส่วน ทีก่ าหนด คาและ บกพรอ่ ง ใหญ่ วรรคตอน ๓. ความ เขียนคา และเว้นวรรค เขยี นคา และเว้น เขียนคา และเว้น เขยี นคา และเว้น สะอาด เป็น ตอนถูกตอ้ งทุกคา วรรคตอนถกู ตอ้ ง วรรคตอนถกู ต้อง วรรคตอนไม่ถกู ตอ้ ง ระเบียบ เป็นสว่ นนอ้ ย เปน็ จานวนมาก เปน็ สว่ นใหญ่ ๔. เวลา ตวั อักษรสมา่ เสมอ ตัวอักษรสม่าเสมอ ตวั อักษรไมค่ ่อย ตวั อกั ษรไม่ เรียบร้อย สวยงาม เรียบรอ้ ยสวยงาม สม่าเสมอ ผลงาน สมา่ เสมอ ผลงานสะอาด ไมม่ ี ผลงานสะอาด มี ไมส่ ะอาด มีรอยลบ มรี อยลบขดี ฆ่า รอยลบขดี ฆ่า รอยลบขีดฆ่า ๑-๒ ขดี ฆา่ ๓-๕ แห่ง มากกว่า ๖ แห่ง เสร็จตามเวลาท่ี แห่ง กาหนด เสรจ็ ช้ากวา่ เวลา เสรจ็ ชา้ กวา่ เวลา ไม่เสร็จตามเวลาที่ กาหนด 30 นาที กาหนด 1 ชว่ั โมง กาหนด และไมส่ ง่ งาน ๕. มารยาท มีสมาธิ และตง้ั ใจ ต้ังใจในการเขียน ต้งั ใจในการเขียน ไมต่ ้ังใจในการเขยี น ในการเขยี น ในการเขยี นอย่าง อยา่ งสม่าเสมอ พอสมควร พดู คยุ พูด คยุ และเลน่ สม่าเสมอ ไม่พูด ไม่พูด ไม่คุย และ และเล่นระหวา่ ง ระหว่างทางาน ไม่คยุ และไม่เลน่ ไม่เลน่ ระหวา่ ง ทางานเปน็ บางคร้ัง ตลอดเวลา ระหว่างทางาน ทางาน ตอ้ งคอยตักเตอื น เกณฑ์การประเมนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 16-20 ดีมาก 11-15 ดี 6-10 พอใช้ 1-5 ปรับปรงุ เกณฑ์การตดั สิน : ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ ๖๐ ข้นึ ไป (ตอ้ งได้ระดบั พอใชข้ น้ึ ไป)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook