Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2563

2563

Published by Tnp., 2021-10-05 10:11:14

Description: 2563

Search

Read the Text Version

ทยาลยั สงขลานครินทร์ นบนั ไดกับรายวชิ าศึกษาท่ัวไป บขนั้ บนั ไดกบั รายวชิ าศกึ ษาทั่วไปสาหรับนักศึกษาช้นั ปีท่ี 1 คณะเศรษฐศาสตร์ ปีการศกึ ษา 2562 เป็น รมเสริมหลกั สตู รแบบขั้นบนั ได สาหรับนักศกึ ษาชั้นปที ่ี 1 คณะเศรษฐศาสตร์ ปกี ารศกึ ษา 2562 14 15 16 17 18 แหลง่ งบประมาณ Output หมายเหตุ พ.ย. ธ.ค. -  ี :: -  ี ช ช ฒ แ ชี ที ี ที ที ที - ที::  Y2 -  ี แ -แ ็ 4 ี - ี ที 1  ี ที  ี :: :: ช แถ ชช  แ ที 2  ี ที 4 ช ช ชช . ช ช ที 3 ช ช -  ็ ัญ // - ชญ ชญช 1 ่ ช ช ช ช แ   ี ช ช ค 4 ช. . ธ:: .  . . ค .่  ฒ ็ ที .ท ค ใช - ที 3 2 ค (30 ช. .= ช  ช 18 ช. .+ Y2 ervice Learning) ท 10 ช. .) 14 15 16 17 18 แหลง่ งบประมาณ Output หมายเหตุ เม.ย. พ.ค. -  ี :: - ี ช ที 20 ช. .) ช ช (ช ี ี ใช ิ  ็ ช ท Follow up . ช ีที 1 -ค - ท ที ค ค ี แ ท ฒ 86

เวทคี ุณภาพ II มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ 1. การเรยี นรู้ a. แผนหรอื แนวทางการพัฒนาคุณภาพอยา่ งต่อเนอ่ื งในอนาคต 1. รบั ฟงั feedback ของผู้เรียน เพือ่ นาข้อมลู ทไี่ ดร้ ับมาพัฒนาปรบั ปรงุ แนวทางการจัดการ เรียนการสอนท่ีสอดคล้องกบั ลักษณะของผ้เู รียนมากขึ้น 2. บรู ณาการเน้ือหาวิชาเศรษฐศาสตร์ผ่านโครงการตา่ งๆ หรือกิจกรรมต่างๆ ใหเ้ พ่มิ ขึ้น b. จดุ แข็ง (strength) หรือ ส่ิงท่ีทาไดด้ ใี นประเดน็ ท่นี าเสนอ 1. การออกแบบกระบวนการเรียนรทู้ ่ีคานึงท้ังฝัง่ Supply Side และ Demand Side กลา่ วคือพจิ ารณาผลลัพธ์การเรยี นร้ขู องรายวชิ า ผลลัพธ์การเรียนรู้ของหลักสตู ร และลักษณะบัณฑิตทีพ่ ึง ประสงค์ และลักษณะของผู้เรียน 2. สามารถบูรณาการวชิ าบงั คับในหมวดวิชาศกึ ษาทัว่ ไปที่นักศกึ ษาชั้นปที ี่ 1 ทุกคนต้องเรยี น เข้ากับชั่วโมงกจิ กรรมเสรมิ หลักสตู รแบบขน้ั บันได ทาให้นักศึกษาสามารถประหยัดเวลาในการในการเข้าเรียน และการเขา้ ทากจิ กรรม โดยยังคงผลลัพธ์การเรยี นรู้ไว้ c. กลยทุ ธห์ รือปัจจัยทนี่ าไปสคู่ วามสาเรจ็ 1. การออกแบบการจัดการเรียนการสอนได้คานงึ ถึงหลักการการเรยี นรเู้ ปน็ สาคัญ 2. มีการผสมผสานการจัดการเรียนร้ใู นหลาย ๆ รูปแบบ ท่สี อดคลอ้ งกบั ลกั ษณะของผู้เรยี น เป้าหมายทต่ี ้องกาและทรพั ยากรท่ีมีจากดั 3. การศกึ ษาและทาความเขา้ ใจเกี่ยวกับผลลพั ธก์ ารเรยี นรูข้ องรายวชิ า ผลลพั ธ์การเรยี นรูข้ อง หลักสูตร และลักษณะบัณฑิตทีพ่ ึงประสงค์กอ่ นดาเนนิ การ 4. การได้รบั ความรว่ มมือ และข้อเสนอแนะจากผู้มสี ่วนได้สว่ นเสยี ภายในคณะเศรษฐศาสตร์ 5. การมที มี งานผู้นานักศกึ ษาที่เข้มแข็ง เพื่อสนบั สนุนการเนนิ การให้เปน็ ไปอย่างต่อเน่ือง ตลอดปีการศกึ ษา 6. โจทย์ปญั หาทช่ี ดั และคนในองค์กรเล็งเห็นถงึ ความสาคญั ของปัญหาเหมอื นกัน 7. คณะทางานทุกทา่ นเหน็ ภาพรวมของโครงการทง้ั หมด และรายละเอยี ดทกุ จุดของโครงการ อย่างชัดเจน 8. การมีทีมงานทเ่ี ข้มแขง็ ต้ังแต่ผบู้ รหิ าร บคุ ลากร และผู้นานักศกึ ษา 2. ประเด็น (จุดเดน่ ) ทเ่ี ปน็ แนวปฏบิ ัติทเี่ ปน็ เลศิ 1. การดาเนินงานเรื่องการพัฒนาแนวทางการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการกิจกรรม เสริมหลักสูตรสาหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี ช้ันปี 1 น้ี เป็นการถ่ายทอดนโยบายมหาวิทยาลัยตามแผน ยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติท่ีแท้จริงและภายหลังดาเนินการเสร็จสิ้นสามารถบรรลุผลตามตัวชี้วัดที่กาหนดไว้ ซึ่งสามารถวดั ลพั ธไ์ ดท้ ง้ั ในเชิงปริมาณและเชิงคณุ ภาพ 287

เวทคี ณุ ภาพ II มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 2. Module การจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการรายวิชาศึกษาทั่วไปและกิจกรรมเสริม หลักสูตรแบบข้ันบันไดสาหรบั นกั ศกึ ษาชน้ั ปีที่ 1 คณะเศรษฐศาสตร์ เป็นการออกแบบกิจกรรมเชิงรุก เพ่ือลด เวลาเรียนในชั้นเรียนและเพิ่มการลงมือปฏิบัติจริงของนักศึกษาให้ได้เรียนรู้จากชุมชนและสังคม ซึ่งจุดเด่น หนึง่ ของ Module น้ใี ช้ชุมชนเป็นฐานในการออกแบบการเรียนการสอนที่เช่ือมโยงเนื้อหาสาระในบทเรียนให้ สัมพันธ์กับชุมชน ผ่านการบูรณาการสาระความรู้ในหลายศาสตร์กับประเด็นปัญหาในโลกท่ีเป็นจริง เน้นฝึก ทกั ษะการคิด การแก้ปัญหา และเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง มีการประเมินผลตามสภาพจริงโดยการมีส่วน รว่ มจากผู้ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง นอกจากนั้นยงั ช่วยลดปญั หาความซา้ ซอ้ นการทากิจกรรมเสริมหลักสูตรข้ันเรียนรู้ชุมชน เรยี นรสู้ งั คม (Y2) กับกจิ กรรมรายวิชาประโยชน์เพื่อนมนุษย์ซ่ึงเดิมมีรูปแบบและแนวทางการดาเนินกิจกรรม เหมอื นกัน โดย Module นี้ใช้วิธีการนับรวมกันซึ่งช่วยให้นักศึกษามีภาระน้อยลงแต่ได้ผลลัพธ์การเรียนรู้เท่า เดิม อีกทั้งยังสามารถแก้ปัญหาการตกออกของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เน่ืองจากนักศึกษาได้รับการฝึกฝนทักษะ ทกั ษะท่จี าเป็นตอ่ การปรบั ตวั สาหรบั การใช้ชวี ติ ในมหาวิทยาลัยอย่างเป็นรูปธรรมและมีการจัดระบบการดูแล นกั ศึกษาอย่างต่อเนอ่ื งและทัว่ ถึง 3. การดาเนนิ งานคร้งั น้มี ีกระบวนการทางานอยา่ งเปน็ ระบบ ทกุ ฝ่ายสามารถปฏบิ ัติงานได้จริง ตามแนวทางที่กาหนดซึง่ ชว่ ยในการพัฒนาคณุ ภาพการทางานและชว่ ยพัฒนานกั ศึกษาจนนาไปสคู่ วามสาเรจ็ 4. ผู้เกี่ยวขอ้ งในแตล่ ะส่วนไดม้ ีการประเมินทางานระหวา่ งการปฏบิ ตั ิและแลกเปล่ียนเรียนรู้ซึ่ง กันและกัน เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์การทางานในแต่ละข้ันตอนตามเป้าหมายท่ีวางไว้ โดยจัดให้มีการติดตาม และประเมินผลรายกิจกรรม ผา่ นกระบวนการสุนทรียสนทนาและการทบทวนหลังปฏิบัติงาน (After Action Review : AAR) เพอื่ นาบทเรียนท่ไี ดร้ ับไปสกู่ ารออกแบบในปกี ารศึกษาถดั ไป 5. การปรับปรุงระหว่างการปฏิบัติงานอย่างต่อเน่ืองจนผลการดาเนินงานมีแนวโน้มว่าจะ ประสบผลสาเรจ็ ตามตวั ชวี้ ดั 3. เอกสารอ้างองิ จริยภัทร รัตโณภาส และกนกิ นนั ต์ กล้าหาญ. (2563). ผลการจดั เรยี นรู้แบบบรกิ ารสังคมในรายวิชาศกึ ษา ทว่ั ไปเพ่ือพัฒนาทักษะชีวติ ที่จาเป็นสาหรับนักศึกษาชน้ั ปที ่ี 1. การประชมุ วิชาการระดับชาติ ศกึ ษาศาสตร์วิจยั คร้ังท่ี 7 “นวตั กรรมการศึกษาเพื่อการเปล่ียนแปลงสคู่ วามเสมอภาค”, 787-798 ชริ วัฒน์ นจิ เนตร. (2561). การเรียนรู้ด้วยการบริการสังคม : ทางเลอื กหนง่ึ ในการรบั ใชส้ ังคมของ มหาวทิ ยาลยั . วารสารราชภฏั สุราษฎรธ์ านี, 5(1), 1-32. ธนีนาฏ ณ สุนทร. (2561). USC – Service Learning Model: สูก่ ารพัฒนานักศึกษาในยคุ Thailand 4.0. วารสารครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 46(3), 325-344. สรุ สิทธ์ิ นาคสมั ฤทธ.์ิ (2561). การพัฒนาทักษะชีวิตในร้ัวมหาวิทยาลยั ของนักศึกษามหาวิทยาลยั ราชภฎั กลุ่ม รัตนโกสินทร.์ วารสารวิจัย มสด สาขามนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 14(1), 41-54. 288

เวทคี ุณภาพ II มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ เอกสารประกอบโครงการรายวิชาศาสตร์พระราชา และประโยชน์เพ่อื นมนษุ ย.์ (2562). เขา้ ถึงไดจ้ าก https://www.economics.psu.ac.th/about/student.aspx Billing, S. H. (2006). Lesson from Research on Teaching and Learning : Service-Learning as effective instruction. New York: State Farm Companies Foundation. Center for Teaching and Learning. (2012). Service learning. Retrieved from https://www.washington.edu/teaching/topics/engaging-students-in-learning/service- learning/Katherine A May 5th, 2019. Farber. (2017). Learning by Doing: Service Learning As a Means of Personal Growth in the Middle Grades. Current Issues in Middle Level Education, 22(1), 1-9. Kolb, D. A. (1984). Experiential Learning. New Jersey: Prentice Hall. 4. บทสรปุ ตามท่ีมหาวิทยาลยั สงขลานครินทรไ์ ด้กาหนดเปา้ หมายเพ่ือสรา้ งนักศกึ ษาใหเ้ ปน็ บัณฑิตที่มคี ุณภาพ มากกวา่ แคส่ าเรจ็ การศึกษา โดยกาหนดพันธกิจที่ 2 ในการสรา้ งบณั ฑติ ที่มีสมรรถนะทางวิชาการและวชิ าชีพ ซือ่ สัตย์ มวี ินัย ใฝ่ปัญญา จติ สาธารณะและทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 งานพัฒนานักศึกษา คณะเศรษฐศาสตร์ จึงได้ออกแบบแนวทางการพัฒนานกั ศึกษาผา่ นการจัดกระบวนการเรียนรู้เชิงบรู ณาการระหวา่ งรายวิชาศกึ ษา ทว่ั ไป 4 รายวชิ า ร่วมกับกจิ กรรมเสริมหลักสตู รเพื่อพฒั นานักศึกษา เพ่ือพฒั นาทักษะที่จาเปน็ ตอ่ การปรับตวั สาหรับการใช้ชวี ติ ในมหาวิทยาลยั (Essential Life Skills) อนั ได้แก่ ทกั ษะการตระหนักรู้ในตน (Self- awareness Skill) ทักษะด้านความเหน็ ใจผู้อ่นื (Sympathetic Skill) ทกั ษะการทางานเปน็ ทีม (Teamwork Skill) ทกั ษะการอยูร่ ่วมกับผู้อ่ืนอยา่ งสนั ติ (Live with others Skill) ทกั ษะการตดั สินใจและ การแก้ไขปัญหาเฉพาหน้า (Decision-making Skill) และทักษะการสื่อสาร (Communication Skill) รวม ไปถงึ ปลูกฝงั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเสริมสร้างความเป็นพลเมอื งในศตวรรษท่ี 21 โดยเน้นให้ นักศึกษาเรยี นรู้ผา่ นการลงมือปฏบิ ตั จิ รงิ อย่างครบวงจร ฝึกการทางานรว่ มกนั และการฝึกปฏบิ ตั ิใน สถานการณ์จรงิ โดยวัตถุประสงคข์ องแนวปฏบิ ัตินี้เพอ่ื พัฒนาระบบและกระบวนการจัดการศึกษาท่ีมี คณุ ภาพและมีประสทิ ธภิ าพในการพฒั นานักศึกษาให้มคี ุณลักษณะ ทักษะ และสมรรถนะที่สอดคล้องกบั นโยบายมหาวทิ ยาลัยและแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ ตลอดจนเพอื่ พฒั นาผเู้ รียนอย่างทัว่ ถึงอย่างมีคุณภาพอนั เปน็ การลงทุนการศกึ ษาท่ีค้มุ ค่าและบรรลเุ ปา้ หมาย สง่ ผลต่อเน่อื งใหจ้ านวนการตกออกของนักศึกษาช้ันปที ี่ 1 ลดลง กล่าวคือนกั ศึกษาได้รบั การพัฒนาคณุ ลักษณะ ทกั ษะ ความรู้ ความสามารถและสมรรถนะของแต่ ละบคุ คลไดม้ ากท่สี ุดตามศกั ยภาพที่มภี ายใต้การสร้างสภาพแวดล้อมในการเรยี นร้ทู ่นี กั ศึกษาสามารถเรยี นรู้ ได้อยา่ งต่อเน่ือง มีการสง่ เสริมคุณธรรมจริยธรรม เสริมสรา้ งอตั ลักษณม์ หาวิทยาลัย รวมเป็นถงึ จดั การระบบ การจัดสรรทรัพยากรทางการศกึ ษาท่สี ามารถก่อเกดิ ประโยชนส์ ูงสุดในการพฒั นานักศกึ ษาแต่ละคนให้บรรลุ ศกั ยภาพและขีดความสามารถของตน ให้เปน็ ผู้มคี วามรู้ มีคุณลกั ษณะและทกั ษะการเรียนร้ใู นศตวรรษที่ 21 289

เวทีคุณภาพ II มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ มคี วามพร้อมในการศกึ ษาและเรยี นรูใ้ นระดับอุดมศึกษา สามารถพฒั นาศักยภาพและเรียนรู้ด้วยตนเองอย่าง ตอ่ เนื่องตลอดชวี ติ ภายใตก้ ารออกแบบและพัฒนากระบวนการจัดการศึกษาทม่ี ีคุณภาพ มปี ระสทิ ธิภาพและ วัดผลได้จรงิ 290

เวทีคุณภาพ II มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ แนวปฏบิ ตั ิทเ่ี ป็นเลศิ ****************************************** เรือ่ ง การจดั การเรยี นรู้โดยใช้โครงการ PBL: project based learning ในรายวิชา 400-100 ประโยชน์ เพอ่ื นมนุษย์ โครงการ/กจิ กรรม ดา้ นการเรยี นการสอนและคุณภาพบณั ฑติ ช่อื หน่วยงาน คณะมนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ คณะทางานพฒั นาแนวปฏบิ ัติทีเ่ ป็นเลศิ 1. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อารีย์ ธรรมโคร่ง สาขาวิชาปรชั ญาและศาสนา 2. ดร.สวัสดิ์ ไหลภาภรณ์ สาขาวชิ าพัฒนาสงั คม 3. อาจารย์อบั ดลุ คอลกิ อัรรอฮมี ีย์ สาขาวชิ าพฒั นาสงั คม 4. อาจารยว์ ัชรยี ์ เพชรรัตน์ สาขาวชิ าภาษาและวรรณคดีไทย 5. อาจารย์ฮูเซน็ ซาวัล สาขาวิชาภาษามลายู 6. อาจารยฐ์ าณดิ าภทั ฐ์ แสงทอง สาขาวิชาสงั คมสงเคราะห์ 7. อาจารยส์ มฤดี สงวนแก้ว สาขาวชิ าสงั คมวิทยาและมานุษยวทิ ยา 8. นางสาวจงรักษ์ ศรีจนั ทรง์ าม สานกั งานบรหิ ารคณะมนษุ ยฯ์ 6. การประเมนิ ปญั หา/ความเสี่ยง (Assessment) สภาวการณ์ของรายวิชา ฯ ที่เป็นที่มาของการการออกแบบการสอนและปรับเปล่ียนแนวทางการ เรียนการสอนตามสถานการณ์ จนเกิดเป็นแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ Project Based Learning ซ่ึงรายวิชานี้มีจัดกระบวนการเรียนรู้ผ่านกิจกรรม โดยการจัดวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างจิตสานึก สาธารณะ มุ่งเน้นประโยชน์ของเพ่ือนมนุษย์เป็นกิจที่หน่ึง และส่งเสริมพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนให้เป็นผู้มี ความคิดสร้างสรรค์ เป็นคนดีของชาติ มีจิตสานึกสาธารณะ สอดคล้องกับพระราชปณิธานของพระบิดา “ประโยชน์ของเพ่ือนมนุษย์เป็นกิจท่ีหน่ึง” ซึ่งอาศัยความร่วมมือจากคณาจารย์ (คณะทางาน) ของคณะ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ในการให้ความอนุเคราะห์เป็นอาจารย์ผู้สอนและเป็นท่ีปรึกษาโครงการของ นักศกึ ษา โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ การประชุมวางแผนอาจารย์ผู้สอนประจากลุ่ม ให้ นักศึกษารวมกลุ่มเพ่อื ประยุกต์ความรู้เชิงทฤษฎีจากการเรียนในชั้นเรียน นาความรู้จากชั้นเรียนไปบูรณาการ กับการลงพ้ืนท่ีชุมชน เพื่อนามาออกแบบโครงการและนากลับไปจัดโครงการในลักษณะของการบริการ วิชาการตามหลักการ “ประโยชน์เพื่อนมนุษย์เป็นกิจท่ีหนึ่ง” โดยนักศึกษาจะเป็นผู้หาแนวทาง เป็นผู้ลงมือ ปฏิบัติด้วยตนเองทุกขั้นตอน ในการจัดทาโครงการต้ังแต่การสารวจหาพ้ืนที่เป้าหมาย การหางบประมาณ การสร้างสรรค์กิจกรรม การดาเนนิ กิจกรรม จนถึงการประเมินโครงการของตนเอง ตามรูปแบบของโครงการ 291

เวทีคณุ ภาพ II มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ บริการวิชาการ เช่น บ้านพักเด็กและครอบครัว นักเรียนโรงเรียนต่าง ๆ มัสยิดประจาหมู่บ้าน เยาวชนใน หมู่บ้าน ผู้พิการทางสายตา คนชรา ฯลฯ รวมจานวนกว่า 200 โครงการ จากการดาเนินโครงการของ นักศึกษา รายวิชาได้จัดแข่งขันในระดับรายวิชาเพ่ือคัดเลือกส่งประกวดระดับวิทยาเขตและระดับ มหาวทิ ยาลยั และพัฒนาต่อยอดสง่ ประกวดระดับประเทศ อย่างไรก็ตาม ระยะต่อมาทีมผู้สอนเล็งเห็นว่า นักศึกษามีข้อกาหนดในการเก็บชั่วโมงกิจกรรม จึงมี การประชุมวางแผนร่วมกับฝ่ายกิจการนักศึกษาเพ่ือบูรณาการการเรียนการสอนร่วมกับกิจกรรม โดยมีรอง คณบดีฝ่ายวิชาการ รองคณบดีฝา่ ยกจิ การนักศกึ ษาและศษิ ย์เก่าสัมพันธ์ คณาจารย์และทีมผู้สอน มีข้อสรุปว่า นักศึกษาท่ีผ่านรายวิชา 400-100 ประโยชน์เพ่ือนมนุษย์ (Benefit of Mankinds) สามารถได้รับช่ัวโมง กิจกรรมประเภท Y2 (กิจการการเรียนรู้ชุมชน เรียนรู้สังคม) เน่ืองจากเป็นกิจกรรมท่ีนักศึกษาทากิจกรรมใน ชุมชน โดยนักศึกษาสามารถลงทะเบียนรายวิชาน้ี เมื่อได้รับผลการเรียนรู้ในระดับผ่านแล้ว จะสามารถนับ ชวั่ โมงกจิ กรรมบงั คบั ดงั กล่าวเพ่อื ไมใ่ ห้เกดิ ความซ้าซอ้ นและลดความเครยี ดให้กับนักศึกษา จนทาให้เกิดความ รว่ มมือดงั กล่าว และเกดิ เป็นโครงการประโยชนเ์ พื่อนมนษุ ย์สบื เนอ่ื งจากการจัดการเรยี นการสอนของวชิ าน้ี 7.เป้าหมาย/วตั ถุประสงคข์ องโครงการ พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยการใช้องค์ความรู้จากรายวิชา 400-100 ประโยชน์เพื่อนมนุษย์ บูรณาการผา่ นการจัดทาโครงการรูปแบบ PBL: Project Based Learning และเป็นโมเดลในการจัดการเรียน การสอนรายวิชาน้ีของคณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ 8.ผลทค่ี าดวา่ จะได้รบั เกดิ รปู แบบการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบ PBL: Project Based Learning ผ่านการจัดทาโครงการใน รูปแบบของการบรกิ ารวิชาการในรายวชิ า 400-100 ประโยชน์เพ่ือนมนุษย์และนักศึกษาได้รับชั่วโมงกิจกรรม ประเภท Y2 (กจิ การการเรยี นรู้ชมุ ชน เรียนรสู้ งั คม) 9.การออกแบบกระบวนการ 9.1วธิ กี าร/ แนวทางการปฏิบตั จิ รงิ (PDCA) 292

เวทคี ุณภาพ II มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ 9.2งบประมาณท่ีใชใ้ นการจัดโครงการ-กิจกรรม เพ่ือเป็นค่าใช้จ่ายของรายวิชาและมอบให้กับนักศึกษาเพื่อจัดโครงการ เช่น ค่าวัสดุโครงการ ค่าเงิน รางวลั ผ้ชู นะการประกวดระดับวิชา (รางวลั ชนะเลิศ รางวัลรองชนะเลิศอับดับ 1 รางวัลรองชนะเลิศดับดับ 2 และรางวัลชมเชย ค่าตอบแทนคณะกรรมการตัดสินผลงาน ฯลฯ) โดยมีรายละเอียดการได้รับงบประมาณ จดั สรรจากคณะ (ต่อปีการศึกษา) ดังนี้ 293

เวทีคุณภาพ II มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ 4,000 บาท 2,400 บาท คา่ ตอบแทน 4,000 บาท - คา่ เงนิ รางวลั ชนะเลศิ จานวน 1 รางวัล ๆ ละ 2,000 * 2 ภาคการศกึ ษา 3,000 บาท รองชนะเลิศ จานวน 1 รางวัล ๆ ละ 1,200* 2 ภาคการศึกษา ชมเชย 4 รางวัล ๆ ละ 500 บาท* 2 ภาคการศกึ ษา คา่ วัสดุ อุปกรณ์การจัดกิจกรรม รวม 13,400 บาท รวมเปน็ เงนิ ทั้งส้ิน หนง่ึ หม่ืนสามพนั ส่รี ้อยบาทถ้วน บาท หมายเหต:ุ ถัวเฉล่ียค่าใชจ้ ่ายตามความเปน็ จรงิ 10.การวัดผลและผลลัพธ์ (Measures) แสดงระดับแนวโน้มข้อมูลเชิงเปรียบเทียบ (3ปี) และ/ หรือเปรียบเทียบกบั หนว่ ยงานภายใน/ภายนอก การวัดผลการดาเนินงานเป็นการแสดงแนวโน้มในการพัฒนารูปแบบของการเรียนการสอนน้ี เปรยี บเทยี บในช่วงของการดาเนนิ งานได้เตม็ ศักยภาพ โดยใชต้ ัวชวี้ ัด 3 ประเด็น คือ 1. การเกิดรปู แบบการเรยี นการสอนท่ีเกิดจากการบูรณาการเน้ือหากับการใช้ Project Based เข้า มามสี ว่ นรว่ มในการขยายและแสดงผลการเรยี นรขู้ องนักศึกษาจากในช้ันเรยี นสู่ชมุ ชน 2. ตัวชี้วัดจากจานวนโครงการและการนาโครงการที่ผ่านบทเรียนและการประเมินจากรายวิชาแล้ว ไปสกู่ ารประกวดโครงการประโยชนเ์ พ่ือนมนุษย์เป็นกิจท่ีหน่ึงเป็นหลัก ซึ่งจะเห็นได้ว่า โครงการของนักศึกษา มีแนวโน้มในการพัฒนาไปสู่ระดับท่ีสูงข้ึน (ยกเว้นในช่วงหลังท่ีเวทีการประกวดมีการงดจัดประกวดและในปี 2563 เกิดภาวการณร์ ะบาดของโควิด-19 ตารางแสดงผลจานวนโครงการของนกั ศึกษาท่ดี าเนินการจดั และไดร้ บั รางวัล ปกี ารศึกษา จานวน จานวน เปอเซ็น จานวนโครงการทีไ่ ดร้ บั รางวัล หมายเหตุ นกั ศึกษาท่ี โครงการ โครงการตอ่ คณะ มหาวิทยาลัย ประเทศ ลงทะเบยี น งดจดั จานวน ประกวด นักศกึ ษา งดจัด ประกวด 2559 620 40 10 4 - 2560 650 43 10 2 - 2561 539 35 10 - 1* 2562 442 29 2563 490 46 294

เวทคี ุณภาพ II มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ * เป็นโครงการท่ีได้รับการต่อยอดไปสู่งาน ประชุมวิชาการเครือข่ายนิสิต นักศึกษา คณาจารย์ พัฒนา ทอ้ งถิ่นและสังคมระดับชาติ CSD สมั พนั ธ์ ครงั้ ท่ี 18 ณ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏศรสี ะเกษ หมายเหต:ุ จานวนโครงการแปรผันไปตามจานวนนักศกึ ษาท่ลี งทะเบียน 3. ตวั ช้ีวดั จากการผลการประเมนิ ของนักศึกษาตอ่ กระบวนการเรยี นการสอนทไ่ี ด้ออกแบบสาหรับ รายวิชานี้ ตารางแสดงผลการประเมินจากนกั ศกึ ษาทล่ี งทะเบยี น ปีการศกึ ษา ผลการประเมนิ รายวชิ า ผลการประเมนิ ทวนสอบผลสมั ฤทธิ์ ทางการเรยี น (นกั ศกึ ษาประเมินตนเอง) 2559 4.41 4.2 2560 4.02 4.13 2561 3.88 4.07 2562 3.8 4.08 2563 3.59 3.98 ข้อสังเกต: ผลการประเมินนักศึกษามีแนวโน้มลดลงซ่ึงมีนัยยะสาคัญกับรูปแบบของการจัดการเรียน การสอนที่ถูกปรับเปล่ียนไปตามสถานการณ์และบริบทแวดล้อมและปัจจัยภายนอก ซึ่งอาจมีผลต่อความ คาดหวงั และการจัดการรายวิชาของนกั ศึกษาในการประเมินแต่ละปี 3. ตัวช้ีวัดจากจานวนนักศึกษาท่ีผ่านเกณฑ์การเก็บช่ัวโมงกิจกรรม Y2 ทาให้ลดความซ้าซ้อนในการ ทากิจกรรมของนักศึกษา (หลักฐานแสดงผลรวมของการผ่านเกณฑ์ Y2 ของนักศึกษาที่ลงรายวิชา 400-100 ไปแล้ว 11.การเรียนรู้ (Study/ Learning) 11.1 แผนหรือแนวทางการพฒั นาคุณภาพอย่างต่อเนื่องในอนาคต 1) การปรบั ปรุงแนวทางในการจดั การเรียนการสอน เชน่ โครงสรา้ งเนอ้ื หาทมี่ ุ่งเนน้ ให้นกั ศึกษา รู้จัก เข้าใจ และประยุกต์ใช้เคร่ืองมือศึกษาชุมชนได้ พร้อมที่จะลงชุมชนเพ่ือเสาะหาข้อมูล นามาออกแบบ โครงการ และนาไปดาเนินการได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยในรายวิชาจะมีลาดับข้ันตอนใน การจดั การเรยี นรู้ ดงั นี้ 1.1 การสอนเนื้อหาทั้งหมด 2 ส่วน ส่วนแรกจะเป็นการเรียนรู้เครื่องมือชุมชนเพ่ือให้ นักศกึ ษาไดเ้ รียนรู้ทฤษฎกี ารลงชมุ ชน 1.2 การลงพ้ืนท่ีเพื่อนาเครื่องมือลงไปเก็บข้อมูลและนาข้อมูลมาใช้ในการเขียนข้อเสนอ โครงการ 1.3 การสอนแนวทางในการเขียนโครงการโดยใช้ข้อมูลจริงจากการลงไปเก็บข้อมูลในพ้ืนที่ โดยใชเ้ คร่ืองมอื ชุมชนท่ีสอนในช้ันเรียนไปแล้ว 295

เวทีคุณภาพ II มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ 1.4 การนาเสนอโครงการ (ในรูปแบบบริการวิชาการเพื่อประโยชน์เพ่ือนมนุษย์) โดยมี อาจารย์ผู้สอนในรายวิชาเป็นที่ปรึกษาตั้งแต่การเสนอหัวข้อไปจนถึงการขออนุมัติจาก คณะ 1.5 การนาโครงการไปปฏิบัติจริงในพื้นท่ีตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ผ่านการอนุมัติ โครงการและอนญุ าตลงพ้ืนท่จี ากคณะ 1.6 ประเมนิ โครงการโดยกล่มุ เป้าหมายของโครงการ 1.7 การนาเสนอผลการดาเนินโครงการภายในกลุ่มย่อย และคัดเลือกโครงการนาเสนอใน กลุ่มรวม 1.8 จัดประกวดโครงการท่ีได้รับเลือกจากกลุ่มย่อยนาเสนอในกลุ่มใหญ่ และมีการจัด ประกวดโครงการ โดยมีการเชญิ ผทู้ รงคุณวุฒิท่ไี ม่ใชอ่ าจารย์ผสู้ อนมาชว่ ยวพิ ากษ์ ทีมผู้สอนมีการประชุมพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องและสร้างแนวปฏิบัติท่ีสามารถปฏิบัติได้อย่างต่อเนื่องและ เป็นปัจจุบันเสมอ (ดูรายงานการประชุมในเอกสารแนบ) มีฝ่ายวิชาการคณะ ฯ เป็นผู้ควบคุมดูแลรายวิชานี้ โดยจะมีแผนการสารองเพ่ือรองรับสถานการณ์ท่ีไม่คาดคิด เช่น การได้รับผลกระทบจากความปลอดภัยของ นักศึกษาในพ้ืนที่สามจังหวัดชายแดนใต้ หรือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 ดังนั้น การบริหาร จัดการรายวิชาจงึ สามารถปรับปรงุ เปลย่ี นแปลงไดต้ ลอดระยะเวลาของการเปิดสอน และมีการวางรูปแบบใน การจัดการเรียนรู้ในรายวิชาไวเ้ พ่อื เป็นฐานรากให้แก่คณาจารย์ท่ีเข้ามาใหม่สามารถเข้าร่วมการสอนและสาน ตอ่ รายวชิ านีไ้ ด้อย่างสอดคล้องและตอ่ เน่อื ง 2) เตรียมการจัดทาพิจารณาให้อาจารย์ที่ปรึกษามีบทบาทในการดูแลนักศึกษารายวิชา 400-100 ประโยชน์เพื่อนมนุษย์ และสามารถนามาเป็นภาระงานสอนด้านการบริการวิชาการได้ (นาเสนอ แนวทางในการเปิดขยายกลุ่มเพื่อรองรับภาระงานของอาจารย์ท่ีปรึกษาต่อคณะอีกครั้ง ซ่ึงอาจจะเป็นภาระ งานการสอนหรอื ภาระงานบริการวชิ าการ) 11.2 จุดแข็ง (Strength) หรือ สง่ิ ท่ีทาได้ดีในประเด็นที่เสนอ 1) การลงพ้ืนที่ปฏิบัติจริงของนักศึกษาจากบทเรียนทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติ เช่น การวิเคราะห์ ชมุ ชนไปสูก่ ารเขียนโครงการเพอื่ นาไปปฏิบตั จิ ริง 296

เวทีคณุ ภาพ II มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ 2) ผลลัพธ์การเรียนรู้ที่เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมสืบเนื่องจากท่ีนักศึกษาปฏิบัติจริงและได้รับ รางวัลผลงานการประกวดโครงการทั้งในระดบั คณะ มหาวิทยาลัยและระดับประเทศ 3) การจดั การเรียนรูท้ ีส่ อดคล้องกับกิจกรรมของมหาวิทยาลัยเพื่อลดความซ้าซ้อนของการเก็บ ช่วั โมงกจิ กรรม 4) การทางานเป็นทีมของอาจารย์ผู้สอนและเจ้าหน้าที่คณะที่ดูแลประสานงาน โดยทีมผู้สอน เป็นอาจารยป์ ระจาจากต่างสาขาวิชาทาให้สามารถดูแลนักศึกษาได้อย่างท่ัวถึงและสามารถ บรู ณาการองคค์ วามร้แู ละการจัดการเรียนรู้ได้อยา่ งดี 5) มีการจัดเตรียมวิทยากรที่มีความรู้ความเช่ียวชาญเฉพาะเพ่ือเตรียมความพร้อมนักศึกษา เกยี่ วกบั การศกึ ษาวเิ คราะหช์ มุ ชนก่อนลงพนื้ ทจ่ี ริง 6) การจัดแบ่งอาจารย์ผู้สอนในการสอนบทเรียนเน้ือหาและการจัดการทีมอาจารย์ท่ีปรึกษา ประจาโครงการเพ่ือดูแลให้คาปรึกษาต่อกลุ่มโครงการอย่างใกล้ชิด สามารถติดตามความ คืบหน้าและการประเมนิ ผลการดาเนนิ โครงการอยา่ งตอ่ เน่อื ง 11.3 กลยุทธ์ หรอื ปัจจยั ทีน่ าไปสู่ความสาเรจ็ 1) การบริหารจัดการรายวิชาที่สอดประสานกับศาสตร์และความเชี่ยวชาญของทีมอาจารย์ ผู้สอนและวทิ ยากรท่ีมาจากหลากหลายสาขา 2) การประชุมพูดคุยกันระหว่างทีมผู้สอนอย่างต่อเน่ืองเพ่ือปรับปรุงแนวทางในการสอนจาก การสะท้อนของนักศึกษาเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และอานวยความสะดวกแก่ นักศกึ ษาอยา่ งเตม็ ที่ 3) ความร่วมมือร่วมใจและความมีจิตสาธารณะของทีมผู้สอนในการดูแลนักศึกษาอย่างใกล้ชิด และต่อเนอื่ ง 4) การสนับสนุนกิจกรรมและอานวยความสะดวกจากการบูรณาการระหว่างฝ่ายวิชาการและ ฝา่ ยพัฒนานกั ศึกษาของคณะ ฯ 5) การใช้เครือข่ายของนักศึกษากับชุมชนและเครือข่ายของทีมผู้สอน คณะมนุษย์ศาสตร์ ฯ คณะและหน่วยงานตา่ ง ๆ ของวิทยาเขต ในการสร้างความร่วมมือเพ่ือพัฒนาและผลักดันให้ โครงการของนกั ศึกษาสามารถดาเนินการไดเ้ ป็นอย่างดี 12.ประเด็น (จุดเดน่ ) ท่เี ปน็ แนวปฏบิ ัตทิ ด่ี ี การบรหิ ารจดั การรายวิชา 1. การลงพื้นที่ปฏิบัติจริงของนักศึกษาจากบทเรียนทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติ เช่น การวิเคราะห์ชุมชนไปสู่การ เขียนโครงการเพ่ือนาไปปฏิบัติจริง ผ่านรูปแบบ Project Based Learning ทาให้เกิดการเรียนรู้ที่บูรณา การถา่ ยทอดระหวา่ งการเรยี นเคร่อื งมอื ชมุ ชนและการเขียนโครงการในช้นั เรียนกับการปฏิบัติจริงนอกช้ัน เรยี น มชี มุ ชนเปน็ ฐานในการเรียนรู้ อีกท้ัง ยงั เปน็ การบรกิ ารวชิ าการให้กบั ชมุ ชนไดอ้ ีกทางหนึง่ 297

เวทีคณุ ภาพ II มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ 2. การบรู ณาการระหว่างฝ่ายวชิ าการ และฝ่ายกิจกรรมประเภท Y2 (กิจการการเรียนรู้ชุมชน เรียนรู้สังคม) ผา่ นรายวชิ า 400-100 ประโยชน์เพื่อนมนุษย์ (Benefit of Mankinds ) เน่ืองจากกิจกรรมการเรียนรู้ใน รายวิชานี้และ กิจกรรม Y2 มีเป้าหมายเพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้และทากิจกรรมในชุมชน หากนักศึกษา สามารถผ่าน (ได้รบั ผลการเรียนระดับ P หรือ G) นักศกึ ษาสามารถไดร้ บั ช่ัวโมงกิจกรรม Y2 โดยอัตโนมัติ ทาให้ไมเ่ กดิ ความซา้ ซอ้ นในการทากิจกรรมและลดความเครยี ดใหก้ ับนกั ศึกษา 3. การจัดทีมอาจารย์ผู้สอนจากต่างสาขาวิชาเป็นทีมกลางในการจัดกระบวนการเรียนรู้ทั้งส่วนทฤษฎีและ การปฏิบัติจริง สามารถปรับเปลี่ยนเข้า-ออกของคณาจารย์ผู้สอนได้ทุกภาคการศึกษา โดยใช้แนวปฏิบัติ หรือแนวทางการจัดการเรียนรูเ้ ดียวกันในการจดั การเรยี นรู้ 4. การติดตามงานอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องโดยอาจารย์ที่ปรึกษากลุ่มย่อยและผู้ประสานงานรายวิชา ท้ังน้ี การสง่ งานของนกั ศึกษาจะมีกรอบเวลาและได้รับการยืดหยุ่นหรือขยายเวลาขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าของ โครงการ ซ่ึงอาจเกิดจากความไม่สะดวกในการลงพื้นท่ีและการอานวยความสะดวกกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น ชาวบ้านหรือนักเรียน ฯลฯ เพื่อให้การดาเนินโครงการและการส่งรายงานโครงการของนักศึกษาไม่ รีบเรง่ ใหเ้ สรจ็ จนขาดคณุ ภาพและสามารถดาเนนิ การไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 5. การประเมินคุณภาพของโครงการ โดยทุกโครงการและผ่านการประเมนิ จะมีเง่ือนไขดังน้ี 5.1 มีอาจารย์ผูส้ อนเปน็ อาจารย์ที่ปรกึ ษาโดยทกุ โครงการจะตอ้ งผ่านความเห็นชอบจากอาจารย์ ทปี่ รึกษา 5.2 โครงการต้องได้รับการอนุมัติจากรองคณบดีฝ่ายวิชาการและได้รับอนุญาตจากคณะฯ ก่อน ลงพื้นท่ีดาเนินโครงการปฏบิ ัติจริง 5.3 มีการรายงานผลการดาเนินงานและนาเสนอแบบกลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ และมีการเชิญ ผู้ทรงคุณวุฒิมาให้ข้อเสนอแนะโครงการท่ีนาเสนอจึงจะถือว่าผ่านเงื่อนไขของรายวิชา ทั้ง ในชว่ งทน่ี กั ศกึ ษาสามารถลงพ้ืนที่ปฏิบัติจริง และในช่วงที่มีการควบคุมพ้ืนท่ีจากโรคระบาด โควิด-19 (แสดงในเอกสารอา้ งอิง) 6. การสร้าง Facebook group เพ่ือติดต่อส่ือสารระหว่างอาจารย์ผู้สอนกับนักศึกษา และอัพโหลดข้อมูล ข่าวสารและสื่อการสอนต่าง ๆ ของรายวิชาเพื่อการเข้าถึงข้อมูลรายวิชาได้อย่างทั่วถึง (ในช่วงปี 59-61 แบ่งเป็นกลุ่มย่อยตามรายวิชาของอาจารย์ประจากลุ่ม ต้ังแต่ปี 62 เป็นต้นมา ตั้งเป็น Facebook กลุ่ม รวม โดยสอนควบคูไ่ ปกับการเรยี นออนไลน์) เช่น ภาคการศึกษา ช่อื กลุ่มใน Facebook 1/2559 โค-โอเคคะ่ (400-100) 2/2559 โคโค่ มี 100 ให้ 150 1/2560 CoCo-CoCo 60-1 298

เวทคี ณุ ภาพ II มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ ภาคการศึกษา ชื่อกลุ่มใน Facebook 2/2560 วชิ าโค 400-100 ใหด้ ้วยใจไดด้ ว้ ยรัก 1/2561 Co-Co-Co-Co 2/2561 วชิ าศาสตร์พระราชา/ ประโยชน์เพื่อนมนุษย์ 1/2562 อยู่แต่สวน 2/2562 What’s a matter ศาสตรพ์ ระราชาและประโยชน์เพอ่ื น มนุษย์ 1/2563 ประโยชน์เพ่ือนมนษุ ย์ 2/2563 2/63 ประโยชน์เพ่อื นมนุษย์ 13.เอกสารอา้ งอิง สามารถดเู อกสารและคลปิ วีดีโอได้จาก Google Drive https://drive.google.com/drive/folders/1PvAl6ABvDzX4m8IneKpZVNu1Ro5X1tw5?usp=sharin g 14.บทสรุป รายวิชา 400-100 ประโยชน์เพื่อนมนุษย์ เป็นรายวิชาบังคับในหมวดวิชาศึกษาทั่วไป กลุ่มวิชา สังคมศาสตร์ ได้รับการออกแบบโดยคณาจารย์ผู้สอนให้มีการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ PBL: Project Based Learning มุ่งเน้นการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ บริบทและปัจจัยแวดล้อม คานึงถึง ศักยภาพของอาจารย์ผู้สอนและศาสตร์ที่คณะมนุษยศาสตร์ ฯ ที่มีความพร้อมและเชี่ยวชาญในศาสตร์ด้าน การศึกษาชุมชนเพื่อการพัฒนา จึงมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการสอนให้เป็นกิจกรรมเพ่ือการเรียนรู้และการ ปฏิบัติจริง ทั้งนี้ การเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาพร้อมลงพื้นท่ีและใช้องค์ความรู้ในรายวิชาบูรณาการกับ การเสนอโครงการเพ่อื นาไปปฏิบตั ิการในพื้นท่จี ริง จากการนารูปแบบ PBL มาใช้ในการจัดการเรียนการสอน ในรายวิชา ผ่านกระบวนการสอนทั้งในช้ันเรียนและการปฏิบัติจริงนอกชั้นเรียน เสริมความรู้และเสนอแนะ แนวทางในการลงมือปฏิบัติจริง ทาให้รายวิชานี้ตอบโจทย์ผลการเรียนรู้ได้มากกว่าท่ีรายวิชากาหนดไว้ กล่ว วคือ ได้รับท้ังความรู้และทักษะต่าง ๆ เช่น การทางานเป็นทีม การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การประสานงาน การมีมนุษยสัมพนั ธ์ ปฏสิ มั พันธ์ การนาเสนอผลการดาเนนิ งาน รวมถึงการบ่มเพาะให้นกั ศกึ ษามีจิตสาธารณะ และการใช้และต่อยอดองค์ความรู้จากชั้นเรียนไปบริการวิชาการให้แก่ชุมชน มุ่งเน้นการทาประโยชน์ให้แก่ ผอู้ น่ื สอดคล้องกับจดุ ม่งุ หมายของรายวิชาและปณิธานของมหาวทิ ยาลัย 299

เวทีคุณภาพ II มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ ภาพตวั อย่างประกอบกิจกรรม 300

เวทีคุณภาพ II มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ แนวปฏบิ ตั ทิ ่เี ปน็ เลศิ ****************************************** เรื่อง “การสรา้ งเครอื ข่ายวจิ ัยรว่ ม (collaborative research) เพือ่ พฒั นาชุมชน” โครงการ/กจิ กรรม ด้านงานวิจยั (ด้านการพัฒนาศักยภาพด้านวิจยั ของมหาวทิ ยาลัย) ช่ือหน่วยงาน สาขาวชิ าระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์ คณะทางานพัฒนาแนวปฏิบัติทเ่ี ปน็ เลิศ 1) ศ.ดร.พญ.ทิพวรรณ เลียบส่ือตระกูล รกั ษาการแทนหัวหนา้ สาขาวชิ าระบาดวทิ ยา 2) ศ.ดร.นพ. วีระศกั ด์ิ จงส่วู ิวัฒน์วงศ์ ประธานสาขาวิชาระบาดวทิ ยา 3) ศ.ดร.พญ.สาวิตรี อษั ณางคก์ รชยั อาจารย์ประจาสาขาวชิ าระบาดวิทยา 4) ดร. อลนั กเี ตอร์ อาจารยป์ ระจาสาขาวิชาระบาดวทิ ยา 5) รศ.นพ.หัชชา ศรปี ลงั่ อาจารย์ประจาสาขาวชิ าระบาดวทิ ยา 6) รศ.ดร.พญ.รศั มี สังขท์ อง รองหวั หนา้ สาขาวชิ าระบาดวิทยา 7) ดร. วิทย์ วิชัยดิษฐ อาจารย์ประจาสาขาวิชาระบาดวิทยา การประเมนิ ปัญหา/ความเสี่ยง (Assessment) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ มีพันธกิจร่วมรับผิดชอบสร้างความ เขม้ แขง็ แก่ชุมชนในภาคใต้ ถึงแมม้ หาวิทยาลยั มีนักวจิ ยั คุณภาพดีเป็นจานวนมาก แต่ยังเน้นการแข่งขันใน การทางานวจิ ยั และผลงานวจิ ยั ระหวา่ งสถาบัน โดยบทบาทในการสร้างศักยภาพงานวจิ ัยร่วมกับหน่วยงาน อนื่ ยงั ไม่มีระบบอยา่ งเป็นรปู ธรรม งานวจิ ยั มลี กั ษณะแยกสว่ น (fragmented) สง่ ผลให้พันธกิจเพื่อพัฒนา และสรา้ งความเข้มแข็งชุมชนในภาคใต้ยังทาได้ไม่เต็มท่ี ยังมีพื้นท่ีด้อยโอกาส มีความเหลื่อมล้า มีช่องว่าง ที่มหาวิทยาลยั ยังสามารถสนบั สนุน ช่วยเหลอื ด้วยระบบการทางานวจิ ัยกบั เครือขา่ ยเพมิ่ เตมิ ได้อกี มาก สาขาระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จัดตั้งขึ้นมาเพ่ือแก้ปัญหา สาธารณสุขของภาคใต้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2529 หลังจากน้ันได้มีการพัฒนาหลักสูตรหลังปริญญาระดับปริญญา โทและเอก สาขาระบาดวิทยานานาชาติในปีพ.ศ.2535 และผลิตนักศึกษาทาวิจัยด้านระบาดวิทยาเพ่ือ แกป้ ัญหาเก่ียวขอ้ งกับสุขภาพในหลากหลายสาขา อาทิ ปัญหาแม่และเดก็ โรคเรอื้ รงั และโรคมะเร็ง ปัญหา สารเสพติด สุรา ยาสูบ ปัญหาเด็กและเยาวชน ปัญหาส่ิงแวดล้อม การพัฒนาระบบฐานข้อมูลและ โปรแกรมอัตโนมัติเพ่ืองานวิจัย รวมถึงปัญหาความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนโรคติด 301

เวทคี ุณภาพ II มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ เชื้อที่เกิดการระบาดทั่วโลกเช่น วัณโรค เอดส์ โรคซิก้า โรคโควิด-19 โดยได้รับการสนับสนุนการทาวิจัย จากหน่วยงานจากต่างประเทศ เช่น NIH และในระดับประเทศ เช่น สสส. สวรส. ศวส. ศจย. สปสช. (เอกสารอา้ งองิ 1) เมื่อนักศึกษาสาเร็จการศึกษาแล้ว สาขาระบาดวิทยายังมีบทบาทเป็น mentoring institute มีความ ร่วมมือในการทาวิจัยและผลงานวิชาการต่อเนื่อง และร่วมพัฒนานักวิจัยในพ้ืนท่ีร่วมกัน ซึ่งมีส่วนส่งเสริม ใหช้ ุมชนภาคใต้มีความเขม้ แขง็ ทางวิจัยและสามารถรว่ มกันพฒั นาชมุ ชนได้อย่างยงั่ ยนื เปา้ หมาย/วัตถุประสงค์ของโครงการ 1) เกดิ เครอื ขา่ ยงานวจิ ยั ในภาคใต้และนานาชาติ 2) มีผลผลิตการวิจัยร่วมกันเป็นเครือข่ายอย่างต่อเน่ืองเพ่ือพัฒนาโครงร่างวิจัย หาทุนสนับสนุน นาความรูไ้ ปแกป้ ัญหาชมุ ชน และสรา้ งผลงานวิจัย วิชาการร่วมกนั กระบวนการพัฒนา การสร้างเครอื ข่ายงานวจิ ัยเพ่อื พัฒนาชุมชนอย่างยง่ั ยนื มีแนวทาง 4 ประการ ได้แก่ 1) การสรา้ งกาลังคนเพื่อทาวิจยั ในภาคใต้โดยเปิดหลกั สตู รระบาดวิทยา ให้เป็นหลักสูตรนานาชาติ เพื่อเกดิ มาตรฐานในการทางานระดบั สากลและสามารถตีพมิ พ์ผลงานวจิ ยั ในระดับนานาชาติได้ 2) ค้นหาเครือขา่ ยวิจัยท่ีต้องการการสง่ เสรมิ ความสามารถในการทาวิจัยและมีศักยภาพที่จะพัฒนา ต่อได้ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเปิดใหม่ เช่นมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยราชภัฏ หน่วยงานสาธารณสุข มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตต่างๆ และ หนว่ ยงานต่างๆในพืน้ ที่สามจังหวดั ชายแดนภาคใต้ 3) หน่วยงานมีวิสัยทัศน์และพันธกิจชัดเจนในการทางานเป็นเครือข่ายกับองค์กรต่างๆ ในการ พฒั นาชุมชนในฐานะ mentoring institute 4) มีแผนในการทางานวิจัยและพัฒนาร่วมกับศิษย์เก่าโดยใช้โจทย์ปัญหาของพื้นที่เป็นฐาน ได้แก่ พัฒนาโครงร่างวิจัย หาแหล่งทุนสนับสนุน สร้างผลงานวิจัยร่วมกัน เช่นงานวิจัยเรื่องโควิด-19 อกี ทั้งจัดกจิ กรรมวิชาการเพ่ือเสริมสร้างศักยภาพนักวิจัยในชุมชนเช่น จัดอบรมการทาวิจัยเพื่อ พัฒนาเจ้าหนา้ ทส่ี าธารณสุข งบประมาณทใ่ี ช้ในการจัดโครงการ – กจิ กรรม (ถา้ ม)ี ทุนวิจัยที่ได้รับในการทาวิจัยและจัดกิจกรรมวิชาการต่างๆ สาขาวิชาระบาดวิทยาได้รับทุนจากชุด โครงการใหม่ๆ หลายชุด เช่น NIH และในระดับประเทศ เช่น สสส. สวรส. ศวส. ศจย. สปสช. เป็นต้น นามาใชใ้ นการสร้างนักวิจยั และเครือขา่ ย 302

เวทคี ณุ ภาพ II มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ การวัดผลและผลลัพธ์ (Measures) แสดงระดับแนวโน้มข้อมูลเชิงเปรียบเทียบ (3 ปี) และ/หรือ เปรียบเทยี บกบั หน่วยงานภายใน/ภายนอก การประเมินการทางานดา้ นเครอื ข่ายวัดผลลพั ธ์จาก 1) จานวนทุนทไ่ี ด้รับ 2) จานวนผลงานตพี มิ พ์ 60 เรือ่ ง 3) ผลกระทบต่อสังคม เช่นปญั หาสามจงั หวัดชายแดนภาคใต้ ปญั หาสารเสพตดิ และความ เข้มแข็งของเครือขา่ ยในพ้ืนที่ ซงึ่ นามาซ่ึงความสมานฉนั ท์และการพฒั นาเศรษฐกิจ เปน็ ต้น การเรียนรู้ (Study/Learning) เกิดการเรียนรู้ขององคก์ รเครือข่ายท้ังหมด มีการพัฒนาความสามารถของนักวจิ ัย แผนหรือแนวทางการพัฒนาคณุ ภาพอย่างตอ่ เนือ่ งในอนาคต การวิจัยเพื่อใช้เทคโนโลยี วิชาการใหม่ๆ เพ่ือให้เครือข่ายได้นาไปใช้ เช่น application บน โทรศัพท์มือถือ ประเมินประสิทธิภาพการรับประทานยา การพัฒนาโปรแกรมเพ่ือตรวจสอบความผิดพลาด ในการบนั ทกึ ข้อมลู การเจรญิ เติบโตของเดก็ การพฒั นา application บนโทรศพั ทม์ ือถอื ในการคานวนขนาด ตัวอย่างในการทาวิจัย การพัฒนาโปรแกรมการวิเคราะห์ข้อมูลเพ่ือหาขนาดปัญหาสุขภาพและปัจจัยเส่ียง ระดับอาเภอสาหรับเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุข จดุ แขง็ (Strength) หรือ ส่ิงทท่ี าได้ดใี นประเด็นทนี่ าเสนอ สาขาวิชาระบาดวิทยามีเครือข่ายงานวิจัยเพ่ือชุมชนที่ดี จัดเป็นต้นทุนทางสังคมท่ีดี (ต้นทุนที่ดี สามารถแก้ปัญหาสังคมส่ิงแม้มีเงินก็อาจแก้ปัญหาไม่ได้) ส่งผลให้เกิดงานที่มีผลกระทบและประโยชน์ต่อ ชุมชน นอกจากนีย้ งั มีผลงานวิจัยทด่ี สี ะสมอย่างต่อเน่อื ง สรา้ งชื่อเสยี งตอ่ มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ กลยุทธห์ รือ ปัจจัยที่นาไปสู่ความสาเร็จ 1) มองหาความสนใจ (common interest) และผลประโยชน์ท่ีตรงกัน ความถนัดที่แต่ละฝ่ายมี ร่วมกัน ทาให้ต้นทุนของแต่ละฝ่ายในเครือข่ายและเราเองไม่สูงมาก และได้ผลตอบแทนดีกว่า ทางานแยกกนั 2) มคี วามคิดใหม่ๆ ในการทาวิจยั เพ่ือตอบปญั หา (novelty of research) ประเดน็ (จุดเดน่ ) ที่เป็นแนวปฏบิ ตั ทิ ่เี ปน็ เลิศ 1) มองหาปญั หาใหม่ๆ ที่แกไ้ ขได้ 2) พัฒนากระบวนการในการแกไ้ ขในรูปแบบใหม่ 3) พฒั นารูปแบบการนาเสนอใหมๆ่ 303

เวทีคุณภาพ II มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ เอกสารอ้างองิ ตามตารางท่ี 1 บทสรปุ สาขาวิชาระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พยายามทางานวิจัยในมิติใหม่ของ มหาวิทยาลัย มากกว่าการทาวิจัยท่ีเน้นและเปรียบเทียบกันท่ีผลงานตีพิมพ์ คือการทางานวิจัยเป็นเครือข่าย ร่วมกับพ้ืนที่และมีผลกระทบต่อชุมชน ใช้งานวิจัยเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนและรั บผิดชอบ (accountable) ตอ่ สังคมในพน้ื ที่ 304

เวทีคุณภาพ II มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ แนวปฏบิ ัติท่ีเป็นเลิศ ****************************************** เร่อื ง Organizing and performing a safe intra-hospital Adult ICU patient transfer โครงการ/กจิ กรรม ด้านการประกนั คุณภาพ ช่อื หน่วยงาน หออภิบาลผู้ปว่ ยศัลยกรรม ฝ่ายบรกิ ารพยาบาล โรงพยาบาลสงขลาสงขลานครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ คณะทางานพัฒนาแนวปฏิบัติท่ีเป็นเลิศ 1) พวสาลิณี สุนทร. ประธานโครงการ 2) พวภาชนิ ี พัฒนพ์ งศ์. สมาชิก 3) พววาสนา ธรรมศิรพิ งษ์. สมาชิก 6.การประเมนิ ปญั หา/ความเส่ียง (Assessment) ผู้ป่วยวิกฤตนับว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของร่างกายได้บ่อยคร้ัง หรือ มีโอกาสกลับไปสู่ สภาวะอาการทางคลินิกที่ไม่คงที่ (deterioration) มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ทุกเวลาหรือแม้แต่ได้รับ การช่วยเหลือจนกลับสู่ภาวะปกติ การเคล่ือนย้ายเพื่อไปรับการตรวจพิเศษ/การรักษาเฉพาะ จึงนับเป็นการ ปฏิบัติที่สาคัญและพบได้บ่อยในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต จะได้เห็นได้จากข้อมูล QA การเคล่ือนย้ายผู้ป่วยไปทา หัตถการท่ีเก็บรวบรวมไว้ในปี 2559-2561 พบว่ามีการเคล่ือนย้ายไปทาหัตถการ (CT,MRI, Intervention) เฉลี่ย 30 คร้ังต่อเดือน การพัฒนาโครงการแนวทางการเคล่ือนย้าย ไปทาหัตถการนอก SICU เพื่อเป็น มาตรฐานในการปฏิบัติจึงมีเป้าหมายหลัก เพื่อคงไว้ซ่ึงคุณภาพการดูแลแม้ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เพ่ือให้ ผู้ปว่ ยปลอดภยั ตลอดจนไดร้ ับการดูแลอย่างตอ่ เน่อื งขณะเคลื่อนย้าย ซ่งึ นบั ว่ามคี วามสาคญั จากการเก็บข้อมูลและจากรายงานอุบัติการณ์ของหอผู้ป่วย พบว่าผู้ป่วยมีความเสี่ยงเกิดภาวะหัวใจ หยุดเต้น (sudden cardiac arrest) ท่อช่วยหายใจเล่ือนหลุดขณะเคลื่อนย้ายผู้ป่วย สัญญาณชีพไม่คงที่ สายระบายเล่อื นหลุด และสายสวนหลอดเลือดหัวใจส่วนกลางเลื่อนหลุด การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในภาวะวิกฤต จึงเป็นเร่ืองที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง สัญญาณชีพของผู้ป่วยมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จงึ จาเป็นต้องมีเครื่องมือ อุปกรณ์ และยาท่ีพร้อมสาหรับการช่วยชีวิตไปกับผู้ป่วยในระหว่างการเคล่ือนย้าย รวมท้งั ปจั จัยด้านบุคลากรก็มีผลส่งเสริมใหผ้ ปู้ ว่ ยไดร้ บั ความปลอดภัยเช่นกัน หออภิบาลผู้ป่วยศัลยกรรมยังไม่มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ดังนั้นการ ทบทวนวรรณกรรม และการหาแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานจึงเป็นประโยชน์ต่อการดูแลผู้ป่วยวิกฤต ศัลยกรรมเพื่อผลลพั ธก์ ารดูแลท่ีดยี ่ิงข้นึ 7. เป้าหมาย/วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ 305

เวทคี ุณภาพ II มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ • เพ่ือพัฒนาคุณภาพการปฏิบัติ เพ่ือความปลอดภัยในการเคล่ือนย้ายผู้ป่วยวิกฤตศัลยกรรมไปทา หัตถการนอก SICU ภายในโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ให้เป็นมาตรฐานในการปฏิบัติไปในแนวทาง เดยี วกัน • เพื่อคงไว้ซึ่งคุณภาพการดูแลแม้ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัยตลอดจนได้รับการ ดแู ลอยา่ งต่อเนือ่ งขณะเคลอ่ื นยา้ ย ตวั ชว้ี ดั • การปฏบิ ตั ิตามแนวปฏบิ ตั ริ ้อยละ 100 • ไม่เกดิ ทอ่ ช่วยหายใจ/ Catheter เล่อื นหลุด ระหวา่ งการเคลอื่ นย้าย • ไม่เกิดเหตกุ ารณไ์ ม่พงึ ประสงค์ ในระดบั D-I • ไม่เกดิ เหตุการณไ์ มพ่ งึ ประสงค์ ในระดบั D-I จากการ transfer ของพยาบาลอายุงาน 1-2 ปี 8. ผลท่คี าดวา่ จะได้รบั การเคล่ือนย้ายผปู้ ่วยวิกฤตศลั ยกรรมไปทาหัตถการนอก SICU ภายในโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ มี คุณภาพในการดูแล ผู้ป่วยปลอดภัยตลอดจนได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องขณะเคล่ือนย้าย การปฏิบัติตาม มาตรฐานไปในแนวทางเดยี วกัน 9. การออกแบบกระบวนการ 9.1 วิธีการ/แนวทางปฏิบตั จิ ริง (PDCA) Plan เก็บข้อมูลและรายงานอุบัติการณ์ของหอผู้ป่วย ว่าในขณะเคล่ือนย้ายผู้ป่วยไปทาหัตถการนอกหอ ผู้ป่วย มีเหตุการไม่พึงประสงค์หรืออุบัติการณ์ที่เกิดข้ึนอะไรบ้าง เพ่ือใช้เป็นข้อมูลในการเตรียมอุปกรณ์และ บุคลากรให้พร้อมสาหรับการเคล่ือนย้ายอย่างปลอดภัย เหตุการณ์ท่ีพบรุนแรง ได้แก่ ในปี 2559 มีท่อช่วย หายใจเล่ือนหลุดที่ห้อง CT 1 ครั้ง และในปี 2561 มีภาวะหัวใจหยุดเต้นที่ห้อง CT 1 คร้ัง ค่าออกซิเจนใน เลือดลดลง 3 คร้ัง ความดันโลหิตต่าลง 3 คร้ังและด้ินไม่ให้ความร่วมมือในการทาหัตถการ 40 ครั้ง (ซึ่งทุก เหตกุ ารณส์ ามารถแกไ้ ขได้ทนั ทว่ งที) จากการเก็บข้อมูลการเคล่ือนย้ายผู้ป่วย SICU ไปทาหัตถการ พบว่าในแต่ละเดือน มีการเคล่ือนย้าย เป็นจานวนมาก แต่ยังมีแนวปฏิบัติที่แตกต่างกัน ข้ึนกับประสบการณ์ของพยาบาลแต่ละคน ได้แก่ การเลือก ลิฟต์ท่ีใช้ในการเคล่ือนย้าย อุปกรณ์ช่วยชีวิตในภาวะฉุกเฉิน เช่น ยา สารน้าหรือสารประกอบของเลือด เป็น ต้น จะมกี ารจดั เตรียมไว้ลว่ งหนา้ ตามแต่ประสบการณ์ของพยาบาลท่ีไปด้วยจะประเมินว่าอาจเกิดเหตุการณ์ อะไรได้บ้าง จงึ ได้ค้นคว้าและเก็บข้อมูลจากการสังเกตการปฏิบัติของพยาบาล รวมถึงประชุมปรึกษา ทาการ รวบรวมขอ้ มูลและจัดทาเปน็ แนวปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน โดยวางแผน 3 ประเด็นคือ ด้านอุปกรณ์ ด้าน แบบบนั ทกึ และดา้ นสมรรถนะของบุคลากร ดังนี้  กาหนดอุปกรณพ์ น้ื ฐานในการเคลือ่ นย้าย ได้แก่ Transport ventilator 306

เวทคี ณุ ภาพ II มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ Monitor transfer Transfer set ถังออกซิเจน  กาหนดให้มีการตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ transfer equipment ตามใบ check list ท้ังประสิทธภิ าพการทางาน สภาพพร้อมใชง้ าน ความเพยี งพอ อยใู่ นอายกุ ารใช้งาน โดยเฉพาะออกซิเจน, ยา ไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่ในกรณีที่ต้องการการเคลื่อนย้ายอย่างเร่งด่วน balance between speed and safety พูดคุย นิเทศให้ตระหนัก ถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้นตามมาจากความรีบร้อน หากไม่จัดเตรียมให้มีความ พรอ้ ม และอาจย่ิงทาให้เกิดความลา่ ช้าในการเคลอ่ื นย้าย  กาหนดให้มีแบบบันทึกการประเมินสาหรับการเคล่ือนย้าย ประเมินสัญญาณชีพและความ เส่ยี งท่อี าจจะเกิดขน้ึ โดยมีการปรบั ปรุงแบบบนั ทกึ ใหเ้ ข้ากับบริบทของ SICU จากการบันทึกในกระดาษ และ แบบบันทึกหลาย ๆ หนา้ เมื่อมีการนาไปใชพ้ บปัญหาจากความไม่สะดวกในการบันทึกและข้อมูลบางอย่างไม่ จาเปน็ ในภาวะวิกฤต จึงได้มีการปรับแบบันทกึ ใหมใ่ ห้เหลอื เพยี งขอ้ มูลทีส่ าคัญ เพื่อให้เข้ากับบริบทของ SICU 307

เวทคี ุณภาพ II มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ และตอ่ มาการบันทึกต่าง ๆ ของผู้ป่วยได้กาหนดให้มีการบันทึกระบบ Hospital Information System, HIS ของโรงพยาบาลมากขนึ้ ได้จดั ทา template safety transfer ขึ้น เพ่ือความสะดวกสาหรับผปู้ ว่ ยปฏบิ ตั ิ  กาหนดคุณสมบัติของพยาบาลท่ีพาผู้ป่วยไปทาหัตถการข้างนอกได้ จะต้องเป็นพยาบาลท่ี อายุงาน 1 ปีขึ้นไปและผ่าน In-service training เร่ือง safety transfer แล้วเท่านั้น โดยจะมีการจัดสอน พยาบาลใหม่ และทบทวนความรู้ ทักษะแก่พยาบาลประสบการณ์มากกว่า 1 ปี เกี่ยวกับการเตรียมอุปกรณ์ และการใช้อปุ กรณ์ในการ transfer  กาหนด situation ในการเรียนรู้ และจาลองสถานการณ์การ transfer เสมือนจริง โดยพา ไปดสู ถานทจ่ี รงิ ทม่ี ีโอกาสจะได้ transfer ผู้ป่วยไปทาหัตถการ และแนวทางการปฏิบัติกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่ พึงประสงค์ระหวา่ งการเคล่ือนย้าย )adverse incidentsลงของค่าทางสรีรวิทยาท่ีแย่ลง เช่น การเปลี่ยนแป ( เปน็ ต้น พรอ้ มแนะนาหน่วยงานสนับสนนุ ทสี่ ามารถขอความช่วยเหลือได้ กรณีมีปัญหาระหว่างทาง 308

เวทีคณุ ภาพ II มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ จดั ระบบพยาบาลพีเ่ ล้ยี ง พยาบาล consult เมอื่ มีปัญหาระหวา่ งการเคลอื่ นยา้ ย สดุ ทา้ ยกาหนดข้ันตอนการปฏิบตั ใิ นการเคลอ่ื นยา้ ยที่ชดั เจน เป็นระบบ ได้แก่ (1 สื่อสาร ประสานงานกบั หนว่ ยงานปลายทางกอ่ นพาผปู้ ว่ ยออกจากหอผ้ปู ่วย เพ่อื ใหผ้ ูป้ ่วยสามารถ เขา้ รับการทาหัตถการหรือตรวจไดท้ นั ที (2 เตรียมผปู้ ว่ ย ประเมินสญั ญาณชีพและมกี ารบันทึกกอ่ นการเคล่ือนย้าย (3 มภาวะเส่ียงที่อาจเกิดขึ้นกับเตรียมอุปกรณ์พื้นฐาน และยาท่ีประเมินแล้วว่าจาเป็นต้องใช้ ตา ผู้ป่วย เช่น ผู้ป่วยที่ดิ้นมาก อาจมกี ารผสมยาsedative drug ไปเลย หรือผู้ป่วยท่ีสัญญาณชีพไม่คงที่ อาจจะ มกี ารเตรียมยากระตนุ้ ความดนั เลอื ดหรือสารน้าไปกับผ้ปู ว่ ยเพิม่ เติม เปน็ ตน้ (4 พนักงานเปล 2 คน เม่ือพนักงานเปลมาเม่อื ไดร้ ับการยนื ยนั จากหนว่ ยงานปลายทาง จึงติดต่อขอ พรอ้ ม จึงติดตอ่ แพทยท์ ่จี ะเดนิ ทางไปดว้ ยกาหนดใหต้ อ้ งมีแพทย์ไปด้วยทกุ ครง้ั ในการ transfer 5บันทึกสัญญาณชีพ ก่อนออกจากหอผู้ป่วย ระหว่างการเคล่ือนย้าย และหากผู้ป่วยยังอยู่ในภาวะ ( วิกฤต หรอื มีการเปล่ยี นแปลงไมค่ งทีแ่ นะนาใหบ้ ันทึกสัญญาณชีพทุก 5 นาที และหลังจากกลับมาถึงหอผู้ป่วย พร้อมกับบันทกึ ในระบบ HIS ทกุ คร้งั สรุปเปน็ แผนภูมิไดด้ งั น้ี 309

เวทคี ุณภาพ II มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ Do นาแนวทางการเคลื่อนย้ายมาปฏิบัติดังนี้ ประเมินความจาเป็นในการเคลื่อนย้าย การ ปรึกษาหารือ การเห็นพ้องต้องกัน การเคลื่อนย้ายจะกระทาเมื่อมีความจาเป็นและเป็นประโยชน์กับผู้ป่วย เท่าน้ัน ร่วมกับการตัดสินใจโดยแพทย์เจ้าของไข้และหรือพยาบาลที่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้/ป่วยวิกฤต กาหนดข้อบ่งช้ี ข้อห้าม/ความเส่ียง/ปัจจัยเสี่ยงในการเคล่ือนย้ายหากอาการไม่คงที่ ควรได้รับการ / resuscitation จนอาการคงท่ี ก่อนการเคลื่อนย้ายกรณีจาเป็นต้องเคล่ือนย้ายขณะอาการไม่คงท่ีจัดว่าเป็น high risk transfer การดูแล การ monitor ท่ีพิเศษ ใช้หลัก ‘Airway, Breathing, Circulation )ABC ’( ประเมินก่อนการเคลื่อนย้าย เมื่อตัดสินใจว่าผู้ป่วยมีความพร้อม สามารถเคล่ือนย้ายได้หรือมีความจาเป็นที่ ตอ้ งเคลื่อนย้ายทนั ที จดั เตรยี มอุปกรณแ์ ละปฏิบตั ิเรอ่ื งการเคลื่อนยา้ ย มกี ารบนั ทกึ ตามแบบมาตรฐาน Check เก็บข้อมูลปัญหาท่ีเกิดขึ้นระหว่างการเคล่ือนย้าย ไม่ว่าจะเป็นจากอุปกรณ์ แนว ปฏิบัติ บุคลากรทุกฝ่ายที่มีส่วนเก่ียวข้องในการเคล่ือนย้าย ตลอดจนปัญหาจากการใช้แนวปฏิบัติ เพ่ือนามา วเิ คราะห์ปรบั ปรงุ หาแนวทางแกป้ ญั หา ACT จากการใช้แบบบันทึกสาหรับการเคลื่อนย้าย ได้มีการปรับปรุงให้เหมาะกับผู้ป่วยใน ภาวะวิกฤต จนมกี ารบันทกึ ในระบบ HIS ของโรงพยาบาลพบปัญหายุ่งยากในเร่อื ง - การบนั ทกึ สัญญาณชพี ระหว่างการเคลื่อนยา้ ย แก้ไขโดยให้มีการถ่ายรูปสัญญาณชีพจาก monitor และทาการบนั ทกึ ย้อนหลงั - เส้นทางในการเคลื่อนย้าย เน่ืองจากการ transfer ในแต่ละคร้ังมีการใช้เส้นทางที่ แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความเห็นของบุคลากรที่ไปพร้อมผู้ป่วย แพทย์/พยาบาล/พนักงานเปล) ซึ่งอยู่ใน) ในการเดินทางแต่ละเส้นทาง เพ่ือวางแผนกาหนดให้เป็นเส้นทางระหว่างการเก็บข้อมูลในเรื่องเวลาท่ีใช้ เดียวกันทีส่ นั้ สะดวกและใช้เวลาน้อยท่ีสุด 9.2 งบประมาณทีใ่ ช้ในการจัดโครงการ/กิจกรรม (ถ้ามี) - 10. การวัดผลและผลลัพธ์ (Measures) แสดงระดับแนวโน้มข้อมูลเชิงเปรียบเทียบ (3 ปี) และ/หรือ เปรียบเทยี บหนว่ ยงานภายใน/ภายนอก ขอ้ มลู การเคลอ่ื นย้ายผปู้ ่วยไปทาหตั ถการนอกหอผู้ป่วย ปีงบประมาณ 2562 และ 2563 ปงี บประมาณ ปี 2562 ปี 2563 หัตถการทท่ี า จานวน รอ้ ยละ จานวน รอ้ ยละ เอกซเรยค์ อมพวิ เตอรส์ มอง (CT brain) 543 73.7 477 71.7 เอกซเรยค์ อมพิวเตอรท์ รวงอก (CT chest) 19 2.6 23 3.5 เอกซเรย์คอมพิวเตอรช์ ่องท้อง (CT abdomen) 26 3.5 33 5.0 CT อน่ื ๆ 33 4.5 29 4.4 Ultrasound 28 3.8 31 4.6 57 7.7 60 9.0 รงั สีวินิจฉัย (IVR) 310

เวทคี ณุ ภาพ II มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อื่นๆ (MRI, ศูนย์โรคหัวใจ, สถาบันโรคทางเดินอาหารและตับ , x-ray, 31 4.2 12 1.8 renal scan) รวม 737 665 Transfer โดยพยาบาลอายุงาน 1 ปี 88 11.9 79 11.9 ผลการเก็บขอ้ มูลตามตัวช้ีวัด ของปีงบประมาณ 2562-2563 เปรียบเทียบกับปีงบประมาณ2560-2561 ก่อน มโี ครงการ ตัวชว้ี ัด ปี 2560 ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563 (ร้อยละ (รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ) การปฏิบตั ิตามแนวปฏิบัติ ยังไมม่ ี ยงั ไม่มี 100 100 ท่อชว่ ยหายใจ/ Catheter เลอ่ื นหลุด ระหว่างการเคลอ่ื นยา้ ย 00 0 0 เหตกุ ารณไ์ มพ่ ึงประสงค์ ในระดับ D-I 0 0.17 0 0 เหตุการณ์ไมพ่ ึงประสงคใ์ นระดบั A-C ยงั ไม่มี 7.8 7.4 8.6 การเก็บ ขอ้ มูลที่ ชัดเจน เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ในระดับ D-I จากการเคล่ือนย้ายของพยาบาลอายุ 0 0 0 0 งาน 1-2 ปี ** หมายเหตุ ในปี 2561 มีการเคลอื่ นยา้ ยผู้ปว่ ยไปทาหัตถการ 588 คร้งั ผลการดาเนินงาน ปีงบประมาณ 62 จากการเก็บข้อมูลปัญหาระหว่างการเคลื่อนย้าย พบปัญหา ท้ังหมด 40 เหตุการณ์ ปัญหาที่พบมากที่สุดคือ ผู้ป่วยด้ินไม่ให้ความร่วมมือในการทาหัตถการ 30 เหตุการณ์ รองลงมาคอื ความดันโลหติ ตา่ 6 เหตุการณ์ ผู้ป่วยไปทา)Intervention เป็น case ท่ีมีปัญหาสัญญาณชีพไม่ คงทีอ่ ยูแ่ ลว้ แต่จาเปน็ ต้องเคล่อื นยา้ ยเพื่อการรักษา จะมีการเตรียมเลือดสารน้าพร้อมสาหรับผู้ป่วยไปด้วย) / อย ระหว่างการเคล่ือนย้าย แต่ทุกเหตุการณ์ได้รับการแก้ไขท่ีเหลือคือมีปัญหาหายใจเหนื่อย่างรวดเร็วและมี ประสิทธิภาพ ผู้ป่วยปลอดภัยและทาหัตถการได้จนสาเร็จไม่พบปัญหาที่มีความรุนแรงระดับ D-I ในการ เคลื่อนย้ายผู้ป่วย และในปีงบประมาณ 63 พบปัญหาระหว่างการเคล่ือนย้าย ทั้งหมด 41 ครั้ง ปัญหาท่ีพบ ได้แก่ ความดันโลหิตมีแนวโน้มต่าลงหรือสูงข้ึน 8 เหตุการณ์, หายใจเหนื่อยขึ้น 1 เหตุการณ์ ออกซิเจนใน เลือดลดต่าลง 2 เหตุการณ์ นอกจากนั้นคือผู้ป่วยดิ้นไม่ให้ความร่วมมือ 38 เหตุการณ์ ผู้ป่วยได้รับการ แกป้ ัญหา และสามารถทาหตั ถการจนเสรจ็ สามารถกลับหอผปู้ ว่ ยไดอ้ ย่างปลอดภัย 100% และจากการเก็บข้อมูลติดตามการ transfer ของพยาบาลใหม่ต่อเน่ืองเป็นเวลา 1 ปี หลังจาก สามารถพาผู้ป่วยไปทาหัตถการข้างนอกได้ ท้ังหมด 88 คร้ัง ผู้ป่วยมีความปลอดภัย 100ไม่มีปัญหาทุก % ระดับ 311

เวทีคุณภาพ II มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ บทเรียนที่ได้รับ เมื่อนาแนวทางปฏิบัติไปใช้ และได้เก็บข้อมูล ทาให้เห็นแผนพัฒนาเพ่ือให้การ เคล่ือนย้ายทาได้สะดวกและรวดเร็วเพิ่มข้ึน ไม่ว่าจะเป็นการวางแผน การจัดทาเส้นทางในการเคลื่อนย้าย เพื่อลดระยะเวลาในการเดนิ ทาง จากบทเรียนทไ่ี ดร้ บั สง่ิ ทนี่ ามาปรบั ปรงุ ในปี 2563 ได้แก่ 1. เสน้ ทางการเคลือ่ นยา้ ย ไดม้ กี ารร่วมหารอื ของพยาบาล SICU กลุ่ม safety transfer และตัวแทน จากเจ้าหนา้ ท่ีหน่วยขนยา้ ย เกี่ยวกบั แนวปฏิบัติการเคล่ือนย้ายผู้ป่วย SICU ไปทาหัตถการ ให้มีแนวทางการ ปฏิบตั ิทเี่ ป็นรปู แบบเดยี วกนั ในเร่ืองเสน้ ทาง เมือ่ วนั ที่ 23 มิถนุ ายน 2563 ไดข้ อ้ สรุปดงั นี้  เส้นทางการเคลื่อนย้าย ให้ใช้ลิฟต์ตึกกระดูกและข้อ ยกเว้น กรณีเคล่ือนย้ายผู้ป่วยที่ on ECMO ให้ใช้ลิฟตต์ ึกเฉลิมพระบารมี No 20.เนื่องจากสามารถล็อกลิฟต์ได้ ตึก)กระดูกและข้อไม่สามารถล็อก ลฟิ ตไ์ ด้  ขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าท่ีหน่วยขนย้าย ในการช่วยย้ายผู้ป่วยลงเตียง CT โดยเฉพาะ CT ที่ ER เน่ืองจากมีเจ้าหน้าท่ีน้อย และประสานงานกับหน่วยรังสี เร่ืองให้เจ้าหน้าท่ีท่ีอยู่เวรมาช่วยในการย้าย ผู้ปว่ ยดว้ ย  ขอความร่วมมือจากหน่วยขนยา้ ย ในกรณี SICU ขอเจ้าหน้าที่เพื่อไปทาหัตถการ ไม่ใช่ย้ายไป) หอผปู้ ว่ ยสามญั 1ใน คน ขอเปน็ เจ้าหนา้ ท่ี ทอี่ ายงุ านมากกวา่ 4 อนเดื 2อน  ประสานงานเรื่องการ CT ช่วงต่อเวร ขอ CTให้เร็วข้ึนหรือรอ CT ในเวลา(ข้อมูลสะท้อน ปัญหาเร่ืองแพทย์ไม่ปฏิบัติตามแนวทางการเคลื่อนย้ายในเรื่องที่ต้องมีแพทย์ไปพร้อมผู้ป่วยและอยู่กับผู้ป่วย ตลอดเวลา โดยเป็นการเก็บข้อมูลปัญหาที่เกิดข้ึนในช่วงเดือนมกราคม 2563 พฤษภาคม-2563 checkแจ้ง แพทย์โดยตรงในช่วงท่ีไปทาหัตถการพร้อมแพทย์แล้วเกิดปัญหา แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ จึงได้นาข้อมูล ปรึกษากับอาจารย์แพทย์ในสายACTหลังจากน้ันติดตามในช่วงเดือนมิถุนายนจนถึงปัจจุบัน ไม่พบปัญหา ดงั กล่าวอีก ผลการดาเนินงานปีงบประมาณ 63 พบปัญหาทั้งหมด 41 เหตุการณ์ ปัญหาที่พบใหม่จากปี 62 คือ เร่ืองแพทย์ไม่ปฏิบัติตามแนวทางการเคล่ือนย้ายในเรื่องที่ต้องมีแพทย์ไปพร้อมผู้ป่วยและอยู่กับผู้ป่วย ตลอดเวลา ได้นาข้อมูลไปใช้ในการประสานงานกับแพทย์จนได้รับความร่วมมือไปทิศทางที่น่าพอใจ แต่ยังมี การเกบ็ ขอ้ มลู ตอ่ อยา่ งตอ่ เน่ือง 11. การเรยี นรู้ (Study/Learning) 11.1 แผนหรือแนวทางพัฒนาคณุ ภาพอยา่ งตอ่ เน่ืองในอนาคต 1) จากข้อมูลท่ีเก็บ พบว่า มี case ท่ีต้องไป CT ที่ ER มีจานวนมากกว่า CT ที่ศูนย์ CT และ หลาย ๆ case เป็น case ท่ีอาการคงท่ี สามารถรอ CT ในเวลาได้ ซึ่งการ CT ในเวลาช่วย รน่ ระยะเวลาเดินทาง และบุคลากรจะมีพร้อมมากกว่า จึงเป็นแผนสาหรับการพัฒนาต่อคือ 312

เวทคี ุณภาพ II มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ เก็บและวเิ คราะหข์ อ้ มลู เพ่ิมเตมิ ถงึ สาเหตุในกลุ่มผู้ป่วยท่ีไม่ฉุกเฉิน แต่ต้องไป CT ท่ี ER และ แผนพัฒนาในเรอ่ื งขอขยายเวลาการใหบ้ ริการของผู้ป่วยวกิ ฤตของศูนย์ CT 2) จัดทาการประเมิน Level ของความเสี่ยงในการ transfer เพ่ือนามาใช้ประโยชน์ในการตัด เตรยี มอปุ กรณช์ ว่ ยชีวิต และบคุ ลากรที่ต้องไปกับผู้ปว่ ยได้ 11.2 จุดแขง็ (Strength) หรือสิง่ ที่ทาไดด้ ใี นประเดน็ ทีน่ าเสนอ Patient and personal safety 11.3 กลยทุ ธ์ หรือปจั จัยทนี่ าไปสู่ความสาเรจ็ ค่านิยมขององค์กรในเร่ือง Risk and safety awareness, Team work, Quality, Customer focus 12. ประเดน็ (จุดเด่น) ทเี่ ปน็ แนวปฏบิ ตั ทิ ี่เปน็ เลิศ Safety 13. เอกสารอา้ งอิง - 14. บทสรุป ผู้ปว่ ยวกิ ฤตศลั ยกรรมมคี วามจาเป็นในการเคลื่อนยา้ ยเพือ่ การตรวจวินิจฉัยและการติดตามการรักษา พิจารณาโดยแพทย์เจ้าของไข้ร่วมกับพยาบาลที่มีประสบการณ์โดยให้ความสาคัญกับประโยชน์และความ ปลอดภัยของผู้ป่วย การปฏิบัติตามแนวทางการเคล่ือนย้ายเพื่อเพ่ิมความปลอดภัยลดความเส่ียงด้วย กระบวนการซ่งึ ประกอบดว้ ยขน้ั ตอน หรอื วธิ กี าร ทีจ่ ะประกันว่าผูป้ ่วยได้รับการดูแลต่อเน่ืองขณะเคล่ือนย้าย ท่ีสาคัญคือการวางขน้ั ตอนการเคลื่อนย้ายที่เป็นระบบควบคู่ไปกับการพัฒนาฝึกอบรมสมรรถนะบุคลากรการ ประเมนิ กากับตดิ ตามผ่านการบันทึกตลอดจนการสะท้อนคิดปัญหาอุปสรรคตลอดจนปัจจัยสนับสนุนร่วมกับ บุคลากรในหน่วยงานอย่างสม่าเสมอนาข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพ่ือพัฒนาก ารปฏิบัติในการเคลื่อนย้ายตาม วงจรคุณภาพ P-D-C-A ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพมีความเหมาะสมกับบริบทของหออภิบาลผู้ป่วยยิ่งๆ ข้ึนไป “ผปู้ ว่ ยปลอดภยั บคุ ลากรอุ่นใจ ดว้ ยแนวปฏิบัติการ Transfer” 313

เวทคี ณุ ภาพ II มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ แนวปฏบิ ตั ิที่เป็นเลศิ ****************************************** เรอ่ื ง การลดภาวะหลอดเลือดดาสว่ นปลายอกั เสบ (Phlebitis) จากการให้ยาที่มคี วามเสย่ี งสูง โครงการ/กจิ กรรม ด้านการประกันคุณภาพ ชือ่ หน่วยงาน หออภบิ าลผูป้ ่วยโรคหวั ใจ คณะแพทยศาสตร์ คณะทางานพัฒนาแนวปฏบิ ัตทิ ี่เปน็ เลิศ 1) นางสาวสุนนั ทา สกลู ดี พยาบาลวิชาชีพ 2) นางสาวสมพร ลายทิพย์ พยาบาลวชิ าชพี 3) นางสาวหทัยนันท์ ทองชว่ ย พยาบาลวิชาชีพ 4) นางสาววิลยั วรรณ ม่วงก่อเก้อื พยาบาลวชิ าชพี 6. การประเมินปญั หา/ความเส่ยี ง (Assessment) หอผู้ป่วย CCU ให้การดแู ลผู้ปว่ ยกลมุ่ ที่มภี าวะหัวใจเต้นผดิ จงั หวะ มภี าวะช็อคจากหัวใจ หรือมีภาวะ หัวใจล้มเหลว ซึ่งจาเป็นต้องได้รับยาในการรักษาเพ่ือควบคุมการเต้นของหัวใจ เพิ่มความดันโลหิต ซ่ึงยา เหล่าน้ีมักเป็นกลุ่มที่ต้องให้ทางหลอดเลือดดาส่วนกลาง เพื่อเป็นการบริหารยาอย่างมีประสิทธิภาพ และลด ภาวะแทรกซ้อน เช่น การเกิดหลอดเลือดดาส่วนปลายอักเสบ หรือเกิด tissue necrosis แต่โดยลักษณะ ผู้ป่วยใน CCU จะมีการให้ยาในปริมาณท่ีไม่สูงมาก ไม่จาเป็นต้องใส่สายสวนหลอดเลือดดาส่วนกลาง เน่ืองจากกระบวนการใส่จะมีความเส่ียงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง หรือหากมีการคาสายสวนเป็น เวลานานอาจทาให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดจากการใส่สายสวน จึงมีการให้ยาทางหลอดเลือดดาส่วน ปลายแทน และมีการให้ยาต่อเน่ืองเป็นเวลานาน บางรายอาจให้นานถึง 2 สัปดาห์ ซ่ึงเป็นปัจจัยที่เพ่ิมความ เสีย่ งต่อการเกิด phlebitis ร่วมกับผปู้ ่วยสว่ นใหญเ่ ป็นผปู้ ่วยสงู อายุ โดยประเมนิ ความเสยี่ งได้ ดงั นี้ 1) มกี ารให้ยาท่มี ีความเสยี่ งสงู ต่อการเกิด phlebitis ซ่งึ จาเป็นตอ่ การรกั ษา 2) มีการให้ยาในปริมาณที่ไม่จาเป็นต้องใส่สายสวนหลอดเลือดดาส่วนกลาง แต่บริหารยาด้วย ความเข้มขน้ สงู ขนาดเดียวกับการให้ทางหลอดเลือดดาส่วนกลาง 3) มกี ารให้ยาตอ่ เนอ่ื งเปน็ ระยะเวลานาน 4) มผี ู้ป่วยกลมุ่ สงู อายุ สว่ นใหญ่อายุ มากกวา่ 70 ปี 7. เปา้ หมาย/วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ วัตถปุ ระสงค์ เพื่อลดการเกดิ หลอดเลือดดาอกั เสบจากการใหย้ าความเสย่ี งสูงในหออภิบาลผู้ปว่ ยโรคหัวใจ เป้าหมาย ไม่เกิดภาวะหลอดเลือดดาอกั เสบจากยาความเส่ียงสูง ตัวชี้วดั อัตราการเกดิ หลอดเลอื ดดาอกั เสบระดับ 3 และ 4 เทา่ 0 ต่อ 1000 วนั นอนโรงพยาบาล 314

เวทคี ณุ ภาพ II มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ 8. ผลทีค่ าดว่าจะได้รับ 1) ผู้ป่วยที่ได้รับยาความเสี่ยงสูงไม่เกิดหลอดเลือดส่วนปลายดาอักเสบ (phlebitis) สามารถย้ายไป หอผ้ปู ว่ ยสามญั หรอื จาหนา่ ยกลบั บ้านตามแผนการรักษาเดมิ 2) หอผู้ป่วยมีแนวปฏิบัติในการบริหารยาความเสี่ยงสูง สามารถนามาใช้ในการดูแลผู้ป่วยได้อย่าง รวดเรว็ 3) ผูป้ ่วยสุขสบาย ไมเ่ จบ็ ปวดจากภาวะหลอดเลอื ดดาส่วนปลายอกั เสบ 9. การออกแบบกระบวนการ 9.1 วิธกี าร/แนวทางการปฏบิ ัติจรงิ (PDCA) ครั้งที่ 1 1) การทบทวนอบุ ัตกิ ารณก์ ารเกิดหลอดเลือดดาสว่ นปลายอกั เสบในหอผู้ปว่ ย เพอื่ ทราบอัตรา การเกดิ อุบตั กิ ารณ์ ยาทเ่ี ป็นสาเหตุ และปัจจยั ส่งเสริมต่างๆ 2) คน้ หาปจั จยั ทเี่ ปน็ สาเหตุ และปจั จัยสง่ เสรมิ ใหเ้ กิดภาวะหลอดเลอื ดดาอักเสบในหอผูป้ ่วย และจากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ พบว่าปัจจัยทเี่ กย่ี วข้องไดแ้ ก่ - ปัจจัยจากตัวผูป้ ว่ ย เชน่ สงู อายุ ลกั ษณะผวิ หนงั ท่ีบาง ลกั ษณะหลอดเลือดที่แขง็ ไม่ ยดื หยุ่น หรอื มขี นาดเล็ก - ปจั จยั จากตัวยา เชน่ ชนดิ ของยา ความเขม้ ขน้ ความเป็นกรด-ด่างท่สี ูง ลักษณะคุณสมบัติ ของยาทไี่ มค่ วรใหท้ างหลอดเลอื ดดาสว่ นปลาย - ตาแหน่งท่ใี หย้ า เช่น การให้ยาในตาแหนง่ ท่ีมีการเคล่ือนไหวบ่อย หรือใหย้ าบรเิ วณข้อพับ - ระยะเวลาในการให้ยาในตาแหนง่ เดมิ เปน็ เวลานาน - ยาทเ่ี ปน็ สาเหตุ ได้แก่ Dopamine, Dobutamine, Levophed และ Amiodarone 3) กาหนดเป็นแนวปฏบิ ตั ใิ นการให้ยาของหอผ้ปู ว่ ย ในการให้ยาเฉพาะกลุ่มท่ีมีความเส่ียงสูง ได้แก่ Dopamine, Dobutamine, Levophed และ Amiodarone โดย - ลดความเข้มข้นในการใหย้ าทางหลอดเลือดดาสว่ นปลายที่เจอื จางกว่าการให้ทางหลอด เลอื ดดาสว่ นกลาง ตามหลักฐานเชิงประจักษ์ เพ่ือลดความเสีย่ งตอ่ การเกดิ หลอดเลือด ดาส่วนปลายอักเสบ โดย Dopamine และ ยา Dobutamine ใหค้ วามเข้มขน้ 2 mg:1 ml (เดมิ 5 mg:1ml) Levophed ให้มคี วามเข้มข้น 30 mcg:1 ml (เดิม 60 mcg:1ml) Amiodarone ใหม้ ีความเข้มข้น 2 mg:1 ml (เดมิ 3.68 mg:1ml) - ปรกึ ษาร่วมกับทมี แพทย์ในการกาหนดปรมิ าณยาแต่ละชนิดท่ีสามารถให้ทางหลอด เลอื ดดาส่วนปลายได้ และปริมาณยาท่ีควรพจิ ารณาไปให้ทางหลอดเลอื ดดาสว่ นกลาง 315

เวทีคณุ ภาพ II มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ - กาหนดใหม้ ีการเปิดเสน้ เลือดใหม่ทุกครั้งทีใ่ หย้ าทีม่ คี วามเสีย่ งสงู โดย ใหย้ าในตาแหนง่ ท่มี ีความเสี่ยงต่า เช่น หลังมืด แขน และ ใช้เขม็ ขนาดเลก็ ขนาดเบอร์ 24 - สลบั ตาแหน่งในการให้ยาทุก 4 ชม. เพื่อลดระยะเวลาในการให้ยาสัมผัสหลอดเลอื ดเป็น เวลานาน - ประคบบรเิ วณที่ให้ยาดว้ ยเจลเย็นตลอดเวลา และหลงั ให้ยาตอ่ เน่ืองจนครบ 48 ชม. - มีการประเมินตาแหน่งทใี่ ห้ และหลงั ให้ยาทกุ 1 ชม. จนครบ 48 ชม. - ติดตามการบนั ทึกขอ้ มูลอยา่ งต่อเนื่อง และกาหนดใหม้ ีการสง่ ต่อข้อมลู ทุกคร้ัง 4) ให้ผู้ปว่ ยและญาติมีส่วนรว่ มในการเฝา้ ระวังภาวะหลอดเลือดดาอกั เสบดว้ ยตนเอง : แจ้ง พยาบาลทนั ทีทีร่ สู้ ึกตงึ ปวด บรเิ วณที่ใหย้ า หรือบรเิ วณทีใ่ หย้ ามีรอยแดง 5) ติดตามกากบั การปฏบิ ตั ิ วิเคราะห์ข้อมูลทุกเดอื น 6) มีการวิเคราะห์ทุกคร้ังท่เี กิดอุบัติการณ์ พบวา่ - อัตราการเกิดหลอดเลอื ดดาอักเสบลดลง แต่ยงั เกดิ จากยา Amiodarone - ตาแหนง่ ที่เกดิ จะพบบรเิ วณท่ีผิวหนังบาง เช่น บรเิ วณทอ้ งแขน - ผปู้ ว่ ยได้รบั การเปิดหลอดเลือดเพอื่ ให้ยา จานวนหลายครง้ั ทาใหเ้ กิดความเจ็บปวด - จากดั การเคลอ่ื นไหว และการประคบดว้ ยเจลเย็นทาใหไ้ ม่สุขสบาย - เพมิ่ ภาระงานของเจา้ หนา้ ที่ ในการเปดิ หลอดเลือดเพ่อื ให้ยา คร้งั ท่ี 2 หลงั วเิ คราะห์ข้อมูล ปรบั แนวปฏบิ ัติการใหย้ า Amiodarone เนอ่ื งจากเปน็ ยาท่ีเปน็ สาเหตุ หลักของการเกิดหลอดเลือดดาสว่ นปลายอกั เสบในหอผูป้ ว่ ย 1) นา IV inline filter (เป็นวสั ดุทางการแพทย์ทยี่ ังไม่มใี ชใ้ นโรงพยาบาล) มาใช้ จานวน 10 ราย 2) สลบั ตาแหน่งท่ีให้ยา ทุก 12 ชม. 3) กอ่ นหยดุ ใหย้ าในแต่ละตาแหนง่ ให้ดูดเลอื ดทิ้งเท่ากับจานวนความยาวสาย (ประมาณ 0.5 ml) และ flush สายดว้ ย NSS อย่างน้อย 10 ml 4) ประคบเย็นเฉพาะเมื่อมรี อยแดง หรอื เจ็บ 5) เล่ียงการใหย้ าบรเิ วณท้องแขน ยกเว้นกรณีไม่มีตาแหนง่ อ่ืนๆ โดยให้ระบเุ หตผุ ลในแบบ บันทกึ 6) กาหนดใหม้ ีการสลับเสน้ ทุก 12 ชวั่ โมง หลงั ไม่มี IV Inline filter (หลังนาขอ้ มลู มา วเิ คราะห์ พบว่า ผู้ปว่ ย 10 รายท่ีใช้ ไมเ่ กิดภาวะหลอดเลือดดาสว่ นปลายอักเสบ) 7) ตดิ ตามอัตราการเกิดอย่างต่อเน่อื ง พบอัตราการเกดิ หลอดเลอื ดดาส่วนปลายอักเสบจากยา Amiodarone เพมิ่ ขึ้น 316

เวทีคุณภาพ II มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ ครัง้ ท่ี 3 ปรับแนวปฏบิ ตั กิ ารให้ยา Amiodarone หลงั วิเคราะหข์ ้อมูล 1) ปรับลดความเขม้ ขน้ ยา Amiodarone จาก 2 mg:1 เป็น 1.5 mg : 1ml 2) กรณมี ีการใหย้ าต่อเนอ่ื ง มากกว่า 3 วนั ใหพ้ จิ ารณาแผนการรักษาร่วมกับทีมแพทย์ เพือ่ พิจารณาให้ทางหลอดเลือดดาสว่ นกลาง หรอื ปรับเปน็ ยาชนดิ รับประทาน 3) ปรับระยะเวลาในการเปลี่ยนตาแหน่งใหย้ า Amiodarone เปน็ ทุก 6 ชม. 4) ยังพบอัตราการเกดิ หลอดเลือดดาอักเสบระดบั 3 และ 4 จากยา Amiodarone โดยไมเ่ กดิ จากยากล่มุ อนื่ ครง้ั ท่ี 4 1) ปรับลดความเขม้ ข้นของยา Amiodarone จาก 1.5 mg:1 เป็น 1 mg : 1ml 2) กาหนดใหม้ ีการสลับตาแหนง่ ที่ใหย้ าทุก 6 ชม. 3) ทดสอบตาแหน่งทใี่ ห้ยา ว่าอยู่ในหลอดเลือด ไมม่ ีการอดุ ตนั ทกุ 1 ชม. 4) นา Aloe vera jel มาทาบริเวณเหนอื ตาแหน่งเข็มท่ใี ห้ยา Amiodarone และทาต่อเนือ่ ง จนครบ 48 ชม. 5) ติดตามอุบัติการณ์ และวเิ คราะห์ข้อมูลทุกครัง้ ที่เกดิ เพื่อร่วมหาสาเหตุและแนวทางป้องกัน สรุป แนวปฏบิ ตั ิในปัจจุบัน 1) มีการเปดิ หลอดเลือดใหม่เพื่อใหย้ าท่ีมีความเสย่ี งสูงทุกคร้ัง โดยใช้เขม็ ขนาดเล็ก เบอร์ 24 2) เล่ยี งการเปิดเส้นให้ยาบริเวณท่มี คี วามเสีย่ งสงู เช่น ทอ้ งแขน ขอ้ พับ 3) ความเข้มข้นของยาทส่ี ามารถให้ทางหลอดเลือดดาส่วนปลาย - ยา Dopamine, Dobutamine ให้มีความเขม้ ข้น 2 mg:1 ml - ยา Levophed ให้มีความเขม้ ข้น 30 mcg:1 ml - ยา Amiodarone ให้มคี วามเขม้ ขน้ 1 mg:1 ml 4) ทดสอบตาแหน่งทใี่ หย้ า ว่าอยู่ในหลอดเลือด ไมม่ ีการอดุ ตัน ทุก 1 ชม. 5) ทา Aloe vera jel บริเวณเหนอื ตาแหน่งเขม็ ท่ีใหย้ า Amiodarone และทาต่อเน่ืองจนครบ 48 ชม. 6) สลับตาแหนง่ ทีใ่ หย้ าทุก 6 ชม. 7) กอ่ นหยดุ ให้ยาในแต่ละตาแหน่ง ให้ดูดเลอื ดท้ิงเทา่ กบั จานวนความยาวสาย (ประมาณ 0.5 ml) และ flush สายดว้ ย NSS อย่างน้อย 10 ml 8) ตดิ ตามประเมนิ ตาแหน่งที่ให้ยาทุก 1 ชม. ตอ่ เนื่องจนครบ 48 ชม. 9) ติดตามการปฏบิ ตั ิตามแนวทางท่กี าหนด และวิเคราะห์ข้อมูลทุก 1 เดอื น 10) ทบทวนหาสาเหตุ และแนวทางแก้ไขทุกครั้งท่ีเกดิ อุบัติการณ์ 317

เวทีคณุ ภาพ II มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ แนวทางการปฏบิ ัติปัจจุบนั เปิดเสน้ ให้ยาตาแหน่งใหม่ เขม็ No.24 เล่ียงตาแหน่งขอ้ พบั หรอื ทอ้ งแขน - ยา Dopamine, Dobutamine ความเข้มขน้ 2 mg:1 ml ทา Aloe vera jel บรเิ วณเหนอื - ยา Levophed ความเขม้ ข้น 30 mcg:1 ml ตาแหน่งเข็มทใ่ี ห้ยา Amiodarone - ยา Amiodarone ให้มีความเขม้ ข้น 1 mg:1 ml และทาต่อเน่อื งจนครบ 48 ชม. ประเมินและทดสอบตาแหน่งที่ให้ยา ทุก 1 ชม. ใหย้ าครบ 6 ชม. เลือดยอ้ นดี เลือดยอ้ นไม่ด/ี มีอาการเจ็บ/ บวม/ แดง/ ร้อน ให้ off เสน้ โดย - ใหด้ ูดเลอื ดทิง้ เท่ากบั จานวนความยาวสาย (ประมาณ - ดดู เลือดทิง้ ใหม้ ากทส่ี ดุ (1.5-2 ml) 0.5 ml) และ flush สายด้วย NSS อยา่ งนอ้ ย 10 ml - ถอดเขม็ โดยกดเหนอื ปลายเข็ม - ให้ยาครงั้ ตอ่ ไปหลังพกั เสน้ 6 ชม. - ปิดด้วยสาลี sterile - ตดิ ตามประเมนิ เสน้ ทุก 1 ชม. - กรณีปวด บวม แดง ร้อน ประคบอนุ่ ใน 24 ชม. แรก หลังจาก - ครบ 24 ชม. ให้ off เสน้ นน้ั ใหป้ ระคบเย็น ตดิ ตามประเมินตาแหนง่ ทใี่ ห้ยาทกุ 1 ชม. ต่อเนอื่ งจนครบ 48 ชม. 9.2 งบประมาณที่ใช้ในการจัดโครงการ-กิจกรรม (ถา้ ม)ี ไม่มี 10. การวัดผลและผลลัพธ์ (Measures) แสดงระดับแนวโน้มข้อมูลเชิงเปรียบเทียบ (3 ปี) และ/หรือ เปรียบเทียบกบั หน่วยงานภายใน/ภายนอก อตั ราการเกิด phlebitis จากยา Amiodarone พบวา่ ในปี 2563 อัตราการเกิดสงู ขน้ึ และเกิดในผู้ป่วย เฉพาะราย โดยมกี ารเกดิ ในทุกตาแหนง่ ที่ได้รับยา Amiodarone และมีการให้ยามากกวา่ 24 ชม. 318

เวทีคณุ ภาพ II มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ ยา Amiodarone ใช้ยาความเข้มข้น 1.80 1.56 ใชย้ าความ ใช้ยาความเข้มข้น 1.5 mg : 1ml สลบั 1.60 เข้มขน้ 2 mg : 2 mg : 1ml สลบั ตำแหนง่ ใหย้ ำทกุ 12 ชม. 1.40 1ml สลบั ตำแหนง่ ใหย้ ำทกุ และปรบั เป็น ทกุ 6 ชม. 1.20 ตาแหนง่ ให้ยา 12 ชม. ทุก 4 ชม. 1.00 1.01 0.80 0.78 0.82 0.82 0.60 0.40 0.40 0.40 0.34 0.20 0.00 2560 2561 2562 2563 phlebitis stage 3, 4 phlebitis stage2 อัตราการเกิด phlebitis จากยา Dobutamine ในปี 2562 พบ 1 ราย เกิดจากการให้ยาต่อเน่ืองเป็น เวลา 2 สปั ดาห์ ปี 2563 ไม่พบการเกิด ยา Dobutamine 0.50 0.41 0.00 0.00 0.00 0.00 2560 2561 2562 2563 phlebitis stage 3, 4 phlebitis stage2 อตั ราการเกิด phlebitis จากยา Levophed ในปี 2562 เกิด 1 ราย เนื่องจากมีการให้ยาต่อเนื่องเป็น เวลา 4 วัน สว่ นปี 2563 ไม่พบการเกิด 319

เวทคี ุณภาพ II มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ ยา Levophed 0.50 0.39 0.41 0.40 0.30 0.20 0.10 0.00 0.00 0.00 2560 2561 2562 2563 phlebitis stage 3, 4 phlebitis stage2 อัตราการเกิด phlebitis จากยา Dopamine พบว่า หลังจากมีลดความเข้มข้นของยา เป็น 2 mg:1 ml ไม่เกิด phlepbitis เปน็ เวลา 3 ปตี ดิ ต่อกัน ยา Dopamine 0.50 0.39 0.00 0.00 0.00 0.00 2560 2561 2562 2563 phlebitis stage 3, 4 phlebitis stage2 ไม่มีการเปรียบเทียบกับหน่วยงานภายนอก หรือหน่วยงานอื่นในโรงพยาบาล เน่ืองจากเป็นการ ติดตามขอ้ มลู เฉพาะกลุ่มยาทมี่ คี วามเส่ียงสูงเท่าน้นั 11. การเรียนรู้ (Study/Learning) 11.1 แผนหรอื แนวทางการพฒั นาคุณภาพอย่างตอ่ เนือ่ งในอนาคต 1) มกี ารนาอปุ กรณ์ที่ช่วยลดความเส่ียงต่อการเกิดหลอดเลือดดาสว่ นปลายอักเสบมาใช้ ได้แก่ IV inline filter มาใชใ้ นกลุ่มที่มคี วามเส่ยี งสงู 2) บนั ทกึ ขอ้ มูลประวัติการเกิดในระบบ HIS เพือ่ ใหท้ ราบประวัติ 3) กรณมี ปี ระวตั ิการเกดิ แจ้งแพทยเ์ พื่อพิจารณาใหท้ างหลอดเลือดดาส่วนกลางแทน 4) การค้นคว้าหาหลักฐานเชิงประจักษ์เก่ียวกับยา หรือส่ิงที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิด หลอดเลอื ดดาส่วนปลายอกั เสบ 5) มีแนวทางในการดแู ลผปู้ ่วยท่ีเกิดหลอดเลอื ดดาสว่ นปลายอกั เสบ เพ่อื ลดความรนุ แรง 320

เวทคี ุณภาพ II มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ 11.2 จุดแขง็ (Strength) หรือ สิง่ ทีท่ าไดด้ ใี นประเด็นท่ีนาเสนอ 1) มีทีมพยาบาลผู้ปฏิบัติท่ีให้ความร่วมมือ และให้ความสาคัญในการป้องกันหลอดเลือดดา ส่วนปลายอกั เสบ รว่ มมือในการปฏิบตั ิตามแนวทาง 2) มีการนาปัญหา และผลการปฏิบัตินาเสนอกับทีมแพทย์โรคหัวใจ เพ่ือวิเคราะห์หาสาเหตุ และแนวทางในการป้องกันรว่ มกนั 11.3 กลยุทธ์ หรือปจั จยั ท่ีนาไปสูค่ วามสาเร็จ การทางานเป็นทีม ปฏิบัติตามแนวทางท่ีกาหนดอย่างเคร่งครัด มีการบันทึก เมื่อเกิด อบุ ตั กิ ารณ์ร่วมวเิ คราะหห์ าสาเหตุ และร่วมหาแนวทางในการปอ้ งกนั และแกป้ ญั หาร่วมกนั 12. ประเดน็ (จุดเดน่ ) ทีเ่ ป็นแนวปฏบิ ตั ทิ ่ีเป็นเลศิ - มีแนวทางในการปฏิบตั ทิ ีช่ ัดเจน สามารถนาไปปฏบิ ัตไิ ดจ้ รงิ - เกิดผลลัพธ์ท่ีดีต่อผู้รับบริการที่ชัดเจน เช่น ลดความเจ็บปวดจากการเกิดหลอดเลือดดาส่วน ปลายอกั เสบ ไดร้ ับการจาหน่ายกลบั บ้านตามแผนการรักษา 13. เอกสารอา้ งองิ - แนวทางการพยาบาลผปู้ ว่ ยไดร้ ับสารน้าทางหลอดเลือดดา (2561). กรงุ เทพฯ : ชมรมเครือข่าย พยาบาลผูใ้ หส้ ารนา้ แห่งประเทศไทย, 2561 - Norton, L., Linda K., Varady,A., Yang-Lu, C., Becker, N., Cotter,T., Pummer, E, et al. 2013. Phlebitis in Amiodarone Administration incidence, Contributing Factors, and Clinical Implications. Am J Crit Care, 22 (6) , 498-505. - Milutinovi,D., Simin,D. and Zec,D. 2015. Risk factor for phlebitis: a questionnaire study of nurses’ perception. Rev. Latino-Am. Enfermagem ,23(4),677-84. - Oragano,C., Patton, R. and Moore, P. 2019. Phlebitis in Intravenous Amiodarone Administration: Incidence and Contributing Factors. CriticalCareNurse, 39, 1. 14. บทสรปุ การมุ่งเน้นผู้รับบริการ ให้ได้ผลลัพธ์ท่ีดี เป็นปัจจัยกระตุ้นให้มีการพัฒนาแนวปฏิบัติในการดูแล ผูป้ ว่ ย เพอ่ื ใหผ้ ปู้ ่วยปลอดภัยจากตัวโรค และภาวะแทรกซอ้ นที่อาจเกดิ ขน้ึ จากกระบวนการรักษา ทั้งนี้จะต้อง มีความรว่ มมือกนั ในทมี บคุ ลากรในหอผปู้ ่วย และทมี สหสาขาทเ่ี กย่ี วข้อง เช่น ทีมแพทย์ เภสชั กร 321

เวทคี ณุ ภาพ II มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ แนวปฏิบัตทิ เ่ี ปน็ เลิศ ****************************************** เรอื่ ง จากหนึ่ง กลายเป็นสอง กบั การเพมิ่ ประสิทธภิ าพหม้อกดนมผสมและนา้ สเตอริไรส์ สาหรบั ผูป้ ่วยเด็ก โครงการ/กจิ กรรม ดา้ นการประกันคุณภาพ ชือ่ หน่วยงาน งานโภชนาการ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ คณะทางานพฒั นาแนวปฏิบัติทเ่ี ปน็ เลศิ 1) กาญจนา ฉมิ เรือง นกั วิชาการโภชนาการ ชานาญการ 2) ภัคจิรา เบญญาปัญญา นกั วิชาการโภชนาการ ชานาญการพิเศษ 3) พรพิศ เรืองขจร นกั วชิ าการโภชนาการ ชานาญการพิเศษ 6.การประเมนิ ปัญหา/ความเสย่ี ง (Assessment) มีดงั น้ี 1. ปรมิ าณนมทีบ่ รรจุลงขวดไมต่ รงตามคาส่ังแพทยจ์ ะส่งผลต่อผู้ปว่ ยดงั นี้ ความเสย่ี งกรณีผปู้ ่วยได้รับนมผสมมากเกนิ ไป 1.1 ผู้ปว่ ยเด็กโรคไต โรคหัวใจ เสี่ยงตอ่ ภาวะน้าทว่ มปอด 1.2 ผ้ปู ่วยเดก็ โรคลาไส้แปรปรวน ท้องเสยี เสี่ยงตอ่ การเกิดภาวะชอ็ ค 1.3 ผปู้ ่วยทีน่ ้าหนักตัวเกินส่งผลต่อการวนิ จิ ฉัยโรคของทีมแพทยท์ ่ีผดิ ไป ความเสีย่ งกรณผี ปู้ ่วยไดร้ ับนมนอ้ ยเกนิ ไป ผู้ปว่ ยทม่ี ีขนาดตวั เลก็ เส่ยี งต่อการขาดสารอาหาร และอาจสง่ ผลตอ่ การวินจิ ฉัยโรคของทีม แพทย์ท่ีผดิ ไป 2. เกดิ การปนเปื้อนเชอ้ื ทกี่ ่อใหเ้ กดิ โรคในนมผสม เชื้อทกี่ ่อให้เกิดโรค อาทิ - Escherichia coli (E.coli) - Salmonella spp. - Bacillus cereus - Clostridium botulinum - Staphylococcus aureus - Klebsiella spp. สง่ ผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจยี น ปวดศรษี ะ ท้องเสยี เฉียบพลนั อจุ จาระมเี ลอื ดปน มคี วาม ผดิ ปกติท่ไี ต เกิดอมั พาตและอาจเสยี ชวี ิต 322

เวทคี ุณภาพ II มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 3. การจดั บริการให้กบั ผู้ปว่ ยไม่ทันตามเวลาท่กี าหนด ส่งผลดงั นี้ ~ ผูป้ ว่ ยได้รับประทานยาไม่ตรงตามเวลาที่กาหนด ~ สง่ ผลต่อการทาหตั การ เช่น การผ่าตดั ตอ้ งทาการเลื่อนเวลาออกไป หรือไมไ่ ด้ทาหตั ถการ ในวันนั้น ~ ผปู้ ว่ ยได้รบั อาหารไม่เพียงพอตอ่ ความต้องการของรา่ งกาย ~ ผู้ปว่ ยรอ้ ง เพราะทนต่อความหวิ ไมไ่ ด้ (เด็กทารก เด็กเลก็ ) ~ สง่ ผลใหท้ ีมแพทย์ พยาบาล รับงานตอ่ มีความล่าชา้ ในการดูแลผปู้ ว่ ย 7. เป้าหมาย/วัตถุประสงคข์ องโครงการ 1. ลดการปนเปื้อนเช้ือทก่ี ่อใหเ้ กิดโรคในนมผสมและน้าสเตอริไรส์ 2. บรรจุนมลงขวดได้ปริมาณท่ีถูกต้องตามคาสั่งแพทย์ 3. จดั บรกิ ารผปู้ ว่ ยทันเวลา 100% 8. ผลทีค่ าดวา่ จะได้รับ  ลดการปนเป้ือนเชื้อท่กี ่อให้เกิดโรคในนมผสมและน้าสเตอริไรส์ได้ 100%  บรรจุนมลงขวดได้ปริมาณท่ีถูกต้องตามคาสง่ั แพทย์ ถกู ตอ้ งตามพยาธสิ ภาพของโรค  จดั บรกิ ารผูป้ ่วยทันเวลา 100%  ลดขน้ั ตอน ลดเวลาในกระบวนการผลติ นมผสมและนา้ สเตอรไิ รส์  สร้างความพงึ พอใจให้ทีมแพทย์ พยาบาล ผูป้ ่วยและญาติ 9. การออกแบบกระบวนการ 9.1 วิธีการ/แนวทางปฏิบตั ิจรงิ (PDCA) สารวจสภาพปัจจุบัน การทางานระบบเดิม การผสมนมให้กับผ้ปู ว่ ยกลุ่มเด็ก จะทาการผสมทีละสูตรตามคาสั่งแพทย์ โดยใช้เหยือก สแตนเลสในการผสมและตวงให้กับผู้ป่วยใส่ขวดนมทีละขวด และตรวจเช็คปริมาณให้ตรงกับ สเกลข้างขวด ส่งผลให้เกิดความผิดพลาดบ่อยครงั้ ในการทางาน วเิ คราะห์ปญั หาและสาเหตุ 1. เกิดการปนเปอื้ นเชอื้ ที่ก่อให้เกดิ โรค 323

เวทคี ณุ ภาพ II มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ 2. เจ้าหน้าที่ปวดลา้ กล้ามเนอ้ื แขน ขา ไหล่ ขณะปฏิบตั งิ านตอ้ งก้ม ยอ่ ตัว ยกของในท่าทางเดิมๆ ท่ี ซา้ ซ้อน 3. เกดิ ความผิดพลาดบอ่ ยครง้ั ในการบรรจุนมผสมลงขวดตามปริมาณทแ่ี พทย์กาหนด เนือ่ งจาก เมื่อยลา้ ของกลา้ มเนอ้ื ตา 4. จดั บริการผู้ป่วยไม่ทันเวลาตามทก่ี าหนด PDCA ครัง้ ที่ 1 การดาเนินการ กระบวนการ Plan ประชุมทมี ทางาน เพ่อื แก้ปัญหาต่าง ๆ ทเ่ี กดิ ขึ้นกบั กระบวนการผลติ อาหาร ให้บรรลุ ตามวัตถุประสงค์ทวี่ างไว้ จดั ทานวัตกรรมหมอ้ กดนมผสม Do -นาหม้อทรงรปู รมี าดดั แปลงเจาะใสก่ อ๊ ก ตดิ สปรงิ เพื่อควบคมุ การเปดิ ปิด -ทาขาต้งั ใหต้ วั ถังอยู่ในระดบั สายตา Check ทดลองการใชง้ าน Action ประเมนิ ผลหลงั ใช้งาน 1. เส่ยี งต่อการปนเปอ้ื นเชอื้ ทีก่ อ่ ให้เกดิ โรค เน่ืองจากใช้มอื ในการสมั ผสั อาหารหลาย ข้ันตอน 2. ทาการผสมอาหารหลายครัง้ 7-8 ครั้ง/มอ้ื อาหาร ใน 1 วัน ทาการผลิต 2 ครง้ั ใชเ้ วลาในกระบวนการผลิต >5 ช่วั โมง/1 ครง้ั 3. เกดิ การบาดเจบ็ กล้ามเนื้อมือ แขน ขา ไหล่ ในการยก เท นมผสมใส่ในหมอ้ กด นมผา่ นกระชอน 7-8 คร้ัง/มือ้ อาหาร นาหม้อทรงรูปรีเจาะใส่ ก๊อก ติดสปริง เพื่อควบคุมการเปิดปิด และทาขาต้ังให้ตัวถังอยู่ใน ระดบั สายตา ง่ายต่อการมองเห็นสเกลในการกรอกนม กรอกนมผสม 1 คร้ังได้ 2 ขวด มองสเกลง่าย ไม่ปวด สายตา ไมป่ วดไหล่ 324

เวทคี ุณภาพ II มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ ขอ้ ดี 1. เวลาในการทางานลดลงจาก 325 นาที เหลือ 140 นาที ขอ้ เสีย 1. เส่ียงต่อการปนเปื้อนเชือ้ ที่กอ่ ให้เกดิ โรค 2. ตอ้ งทาการผสมหลายครั้ง 7-8 ครั้ง/ม้ืออาหาร 3. เกิดการบาดเจบ็ กลา้ มเน้ือมอื ขา แขน ไหล่ PDCA คร้ังที่ 2 กระบวนการ การดาเนินการ Plan ประชุม ปรกึ ษาหาหรอื กบั ทีมวศิ วกรรม แนวทางประดิษฐ์หมอ้ กดนมผสม วัสดุ อปุ กรณ์ ทใี่ ชใ้ นการประดษิ ฐ์ แหล่งจัดซือ้ ราคา Do ทมี งานชว่ ยกนั ประดษิ ฐ์ - ประดิษฐ์ใบพัด - ประดษิ ฐ์แท่นยึดหม้อกรอกนม 325

เวทคี ณุ ภาพ II มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ - ติดตั้งมอเตอร์ - ตดิ ตัง้ เวลาการทางานของเคร่อื งมอเตอร์ - จาทาเสกลวดั ปริมาณอาหาร - จดั ทาเสกลขวดนม ชนดิ พเิ ศษ - ทดสอบหาระยะเวลาทเ่ี หมาะสมในกระบวนการผลิตอาหารแต่ละครง้ั - จดั ทาคมู่ ือการใชง้ าน - จดั ทาระบบ Total Productive Management Check -ทดลองใชง้ าน ตามมาตรฐานท่กี าหนด Action สรปุ ผลการใช้งาน สามารถตอบโจทยว์ ตั ถปุ ระสงค์ และความต้องการในการใช้งานได้เป็นอย่างดี 1. ลดการปนเป้ือนเชือ้ ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ โรคในนมผสม 100% 2. บรรจุนมลงขวดไดป้ รมิ าณท่ีถกู ต้องตามคาส่ังแพทย์ >98% 3. จดั บรกิ ารผปู้ ่วยทนั เวลา 100% จากข้อมลู Key Performance Indicator ตารางข้อมูลตวั ชีว้ ัดโปรแกรมความเสย่ี ง (หนว่ ยงานสนับสนุน พ.ศ 2561- พ.ศ 2563) ปรกึ ษาหาหรือกับทีมวิศวกรรม แนวทางประดิษฐห์ ม้อกดนมผสม วสั ดุ อปุ กรณ์ การทดลอง ความนา่ จะเป็น ในการปรบั ปรงุ ขั้นตอนที่1 ขนั้ ตอนที่ 2 326

เวทคี ุณภาพ II มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ ขั้นตอนท่ี 4 ข้ันตอนที่ 3 ข้ันตอนที่ 5 ข้นั ตอนท่ี 6 ข้นั ตอนท่ี 7 ขั้นตอนท่ี 8 ขอ้ ดี 1. สามารถตอบโจทย์วตั ถุประสงค์ และความต้องการในการใช้งานไดเ้ ป็นอย่างดี 2. พฒั นาตอ่ ยอดจากการบรรจุนมผสม ดัดแปลงใหส้ ามารถบรรจุน้าสเตอริไรส์ 327

เวทคี ุณภาพ II มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ PDCA คร้งั ที่ 3 พฒั นาใหห้ ม้อกดนมผสมให้สามารถบรรจนุ ้าสเตอริไรสไ์ ด้ด้วย (2 in 1) ขน้ั ตอนท่ี 1 ติดตง้ั ท่อน้า RO ขน้ั ตอนท่ี 2 ติดต้ังเครื่องทานา้ รอ้ น ขน้ั ตอนท่ี 3 ติดกอ๊ กนา้ เปิดใส่หมอ้ กดนมผสม ข้ันตอนที่ 4 ทาสเกลวัดปริมาณอาหาร ได้ทาการปรึกษาหาหรือกับทีมงานและช่างวศิ วกรรม เพื่อดาเนนิ การให้หม้อกดนมผสมสามารถ ใช้กดบรรจุน้าสเตอริไรสไ์ ด้ด้วยวิธี 2 in 1 ติดตัง้ ท่อนา้ RO ตดิ กอ็ กน้าเปิดลงใส่หม้อกดนม ผสม 328

เวทคี ุณภาพ II มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ ข้อดี  สามารถตอบโจทยว์ ตั ถปุ ระสงค์ท่วี างไว้ได้ 100%  สามารถลดขัน้ ตอน ลดเวลา ในกระบวนการทางานได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ 9.2 งบประมาณท่ใี ชใ้ นการจดั โครงการ-กจิ กรรม ประมาณ 10,000 บาท 10.การวดั ผลและผลลัพท์ (Measures) แสดงระดับแนวโนม้ ข้อมูลเชงิ เปรียบเทียบ (3 ปี) และ /หรือ เปรยี บเทียบกับหนว่ ยงานภายใน/ภายนอก การประเมนิ ผล โดยใช้หลัก Q- C- D - S – M – E - E การเพิม่ ผลผลติ กระบวนการทางานระบบ กระบวนการทางานระบบใหม่ Quality เดิม Cost -เสย่ี งต่อการปนเปื้อนเช้ือท่ี - ผปู้ ว่ ยไดร้ ับอาหารสะอาด ปลอดภัย จากเชอ้ื ที่ก่อให้เกิดโรค Delivery Safety กอ่ ให้เกดิ โรค และเช้ืออนื่ ๆ - ผู้ป่วยได้รบั อาหารตรงตามคาสัง่ แพทย์ เนื่องจากใช้มือในการ - ใชน้ วัตกรรมสงิ่ ประดิษฐ์ หม้อกดนม ในการผสมอาหาร สัมผัสอาหารทุกข้นั ตอนท่มี ี ความเสีย่ ง -ใช้เวลาในการผลิต -ลดขนั้ ตอน ลดเวลาจากเดิม 325 นาทลี ดไปถงึ 207 นาที โดยใช้ >5 ช่ัวโมง/มอื้ อาหาร เวลาเพียง 118 นาที จากเดิมใชเ้ วลา > 5 ชั่วโมงลดเหลอื 1.9 ใน 1 วันผลติ 2 ครัง้ ชั่วโมง/มอื้ อาหาร -ขั้นตอนการทางานซับซ้อน -สามารถประกนั เวลาการบริการอาหารได้ 100% สร้างความพงึ -สามารถประกนั เวลาการ พอใจใหก้ ับทีมแพทย์รกั ษา ผู้ปว่ ยและญาติ บรกิ ารอาหาร >85% -มีโอกาสเสีย่ งต่อการปนเป้ือน -ป้องกันการปนเป้ือนเชื้อท่ีกอ่ ใหเ้ กิดโรคได้100 % เช้อื ทก่ี ่อใหเ้ กิดโรคและเชื้อที่ สถติ ิการปนเปื้อนในนมผสมฯ ปี2561-2563 ไมก่ ่อให้เกดิ โรค อาทิ Bacillus 36,702 31,475 28,286 40,000 Spp. 20,000 0 0 0 จานวน - ปี2561 ปี2562 ป2ี 563 ผู้ป่วย Morale -เจ้าหนา้ ทม่ี ีความ -เจ้าหนา้ ท่ีมีความกระตือรือร้นในการทางานมคี วามคดิ ริเริ่ม กระตือรือรน้ ในการทางาน สรา้ งสรรค์ นาไปสู่จุดมุ่งหมายทีอ่ งคก์ รกาหนดไว้ 329

เวทคี ณุ ภาพ II มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ ระดบั ปานกลาง Ethic -พัฒนางานอย่างต่อเนื่อง -พฒั นางานตามคา่ นยิ มขององค์กร ยอมรับการเปล่ยี นแปลง ปรับปรงุ การทางานโดย มุ่งเนน้ ผู้ป่วยเปน็ ศนู ยก์ ลาง Environment -มขี ั้นตอนในการจัดเตรียม - ลดการใชอ้ ปุ กรณ์ ลดการใช้ทรัพยากร วัตถุดบิ ซ้าซ้อน เปน็ มติ รกับสง่ิ แวดลอ้ ม -การใชอ้ ุปกรณ์มากซึ่งต้องมี -เป็นนวตั กรรมประดิษฐ์ข้ึนมาใชใ้ นโรงพยาบาลสงขลานครินทรท์ ี่ การนึ่งฆา่ เชื้อหลายคร้งั /ม้ือ เดียวในประเทศไทย อาหาร 11.การเรียนรู้ (Study/Learning) 11.1 แผนหรอื แนวทางการพัฒนาคณุ ภาพอย่างต่อเนื่องในอนาคต - ตดิ ต้งั ระบบฮีทเตอรห์ รอื เครื่องทาน้าอุ่นบนถงั /หม้อกดนมผสมและน้าสเตอริไรส์ 11.2 จุดแข็ง (Strength) หรอื ส่ิงทที่ าไดด้ ใี นประเด็นทนี่ าเสนอ - สามารถลดขั้นตอน ลดเวลาจากเดิม 325 นาทีลดไปถึง 207 นาที โดยใชเ้ วลาเพยี ง 118 นาที จากเดิมใช้ เวลา > 5 ช่วั โมงลดเหลือ 1.9 ช่วั โมง/มื้ออาหาร - ลดการปนเปอ้ื นเช้อื ท่กี ่อให้เกดิ โรคได้ 100% - สามารถประกนั เวลาการบริการอาหารได้ 100% สรา้ งความพึงพอใจใหก้ ับทมี แพทยร์ ักษา ผู้ป่วยและญาติ - ผู้ปว่ ยไดร้ ับอาหารถกู ตอ้ งตามคาสั่งแพทย์ (ถูกโรค ถูกคน ถกู เตยี ง) 11.3 กลยุทธ์หรอื ปจั จยั ทีน่ าไปสู่ความสาเร็จ - พฒั นางานตามคา่ นยิ มขององค์กร ( STEMCQI) ยอมรับการเปลีย่ นแปลง ปรบั ปรุงแก้ไขใหด้ ี ท่ีสุด เพ่ือสรา้ งความพงึ พอใจใหก้ บั ผ้รู บั บรกิ าร 12. ประเดน็ (จุดเด่น) ที่เป็นแนวปฏบิ ัติท่เี ป็นเลศิ 330

เวทคี ณุ ภาพ II มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ นวตั กรรมท่ปี ระดษิ ฐ์ขน้ึ มาสามารถตอบสนองต่อระบบการทางานได้เป็นอยา่ งดี สามารถตอบโจทย์ วัตถุประสงค์ทกี่ าหนดไว้ได้ 1. ลดการปนเปอื้ นเชื้อทก่ี ่อให้เกิดโรคในนมผสมและนา้ สเตอริไรส์ 2. บรรจุนมลงขวดถกู ต้องตามคาส่ังแพทย์ 3. จดั บริการผ้ปู ว่ ยทนั เวลา 100% 4. สามารถลดข้นั ตอน ลดเวลา ในการทางานได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ 5. ได้ทาการแลกเปลย่ี น เรยี นรู้ เผยแพรผ่ ลงานในสถานท่ีต่างๆ อาทิ * ได้รบั รางวลั จากสมาคมนักกาหนดอาหารแหง่ ประเทศไทย ดา้ นนวตั กรรม ทนุ สนบั สนุนงานวจิ ัย TDA Research Award ประจาปี 2563 * นาเสนอผลงานเวที Thailand Kaizen Award 2019 ณ ศนู ยป์ ระชุมไบเทค กรงุ เทพฯ ประจาปี 2562 * นาเสนอผลงานมหกรรมคุณภาพภาครัฐวิสาหกิจ และมหกรรมคุณภาพภาคราชการและ โรงพยาบาล ประจาปี 2563 ของสมาคมส่งเสริมคุณภาพแห่งประเทศไทย กระทรวงอุตสาหกรรม ในวันท่ี 7 สงิ หาคม 2563 ณ กระทรวงอุตสาหกรรม กรุงเทพฯ เพ่อื คัดเลอื กกล่มุ คุณภาพดีเด่น เป็นตัวแทนประเทศไทย ไปเสนอผลงานในงานมหกรรม คุณภาพนานาชาติในปี 2564ซึ่งจะมีงานมหกรรมคุณภาพนานาชาติคือ ICQCC 2021– อินเดีย, งาน The Deming Prize Winners Presentation 2021 – ญ่ีปุ่น ได้รับรางวัลการ ตดั สินของคณะกรรมการตดิ อันดับ 1ใน20 ของประเทศไทย (ลาดับท่ี 15) 331

เวทคี ุณภาพ II มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ 13. เอกสารอ้างอิง * เอกสารผลการตรวจเช้ือที่ก่อให้เกิดโรค โดยหนว่ ยจลุ ชีววทิ ยา โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ สถติ กิ ารปนเป้ือนในนมผสมฯ ปี2561-2563 36,702 31,475 40,000 28,286 30,000 20,000 จำนวน ผูป้ ่ วย 10,000 0 0 0 - ป2ี 561 ปี2562 ป2ี 563 ปนเปื ้อน * เอกสารตารางข้อมูลตัวชี้วัดโปแกรมความเสี่ยง (18 โปรแกรม) ความเส่ียงของหน่วยงานสนับสนุน โรงพยาบาลสงขลานครนิ ทร์ คณะแพทยศาสตร์ 332

เวทีคณุ ภาพ II มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ *สิ่งประดษิ ฐห์ ม้อกดนมผสมและสารละลายเกลอื แร่ จุดทต่ี งั้ งานโภชนาการ ห้องผลิตนมผสมและสารละลาย เกลือแร่ 14. บทสรุป การประดษิ ฐห์ มอ้ กดนมผสมและน้าสเตอริไรด์ เพ่ือตอบสนองต่อการใช้งานตามบริษัทขององค์กรใน การนาเคร่ืองมือคุณภาพมาปรับ วิเคราะห์ระบบการทางานตามหลักการ Kaizen เป็นแนวคิดท่ีนามาใช้ใน การบรหิ ารการจัดการการอยา่ งมปี ระสทิ ธผิ ล โดยมุ่งเน้นที่การมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคน ร่วมกันแสวงหา แนวทางใหม่ๆ เพ่ือปรับปรุงวิธีการทางานและสภาพแวดล้อมในการทางานให้ดีข้ึนอยู่เสมอ หัวใจสาคัญอยู่ท่ี ตอ้ งมี การปรับปรุงอยา่ งต่อเนื่องไม่มีทส่ี ิน้ สดุ ดา้ นคณุ ภาพ ผ้ปู ว่ ยได้รับอาหารสะอาด ปลอดภัยจากเช้ือท่ีก่อให้เกิดโรค 100% ด้านต้นทุน ระบบ เดมิ ใช้เวลา >5 ช่ัวโมง คงเหลือ 1.9 ช่ัวโมง คิดเป็น 62% ด้านเวลา สามารถประกันเวลาการบริการอาหาร ได้ ทันเวลา 100% สร้างความพึงพอใจให้กับทีมแพทย์รักษา ผู้ป่วยและญาติ ด้านความปลอดภัย สามารถ ป้องกันการปนเป้ือนเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคได้100 % ด้านขวัญและกาลังใจ เจ้าหน้าที่มีความกระตือรือร้นใน การทางานมคี วามคดิ ริเร่ิม สร้างสรรค์ นาไปสู่จุดมุ่งหมายท่ีองค์กรกาหนดไว้ ด้านจริยธรรม มีการพัฒนางาน ตามค่านยิ มหลักขององค์กร STEM CQI ด้านสิ่งแวดล้อม ลดการใช้อุปกรณ์ ลดการใช้ทรัพยากรเป็นมิตรกับ สง่ิ แวดล้อม 333

เวทีคุณภาพ II มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ แนวปฏิบัตทิ ี่เป็นเลิศ ****************************************** เรอ่ื ง ระบบรายงานผลดชั นชี ี้วัดผลการปฏบิ ัติงานหลัก (KPI online) โครงการ/กิจกรรม ดา้ นการประกันคุณภาพ ชื่อหน่วยงาน กลุ่มงานแผนงานและประกนั คุณภาพ และ ฝา่ ยคอมพวิ เตอร์ทางวิศวกรรม คณะวศิ วกรรมศาสตร์ คณะทางานพัฒนาแนวปฏบิ ัติท่เี ปน็ เลิศ 1. นางสาวขวญั ฤดี คลา้ ยแก้ว 2. นางนพเก้า บญุ ราช 3. นางสาวเกสนิ ี พัฒนพสิ ุทธิ์ 4. นายวรรษษิ ฐ์ ศิริลกั ษณ์ 5. นางสาวกมลวรรณ เพชรธามรงค์ 6. การประเมินปัญหา/ความเสยี่ ง (Assessment) คณะวิศวกรรมศาสตร์ มีการรายงานผลดัชนีช้ีวัดผลงานหรือความสาเร็จของงาน ท่ีคณะฯ ดาเนินงาน มีการรายงานผลการดาเนินงานไปยังหน่วยงานต่างๆ เช่น รายงานผลการดาเนินงานตามตัวชี้วัด ของยทุ ธศาสตร์, EdPEx, AUN QA รวมถึงรายงานผลด้านต่างๆ ทาให้ปัจจุบัน คณะฯ มี KPIs จานวนมากท่ี จะต้องรายงาน และ KPIs เหล่าน้ัน การจัดเก็บข้อมูล หรือสรุปข้อมูลท่ีกระจัดกระจาย KPI บางตัวยังมีการ เก็บในรูปแบบเอกสาร และไม่มีความต่อเนื่อง รวมถึงการเข้าถือรายงานผล KPI ท่ีไม่สะดวก ใช้เวลานานใน การรวบรวมข้อมูล ทาให้ไม่สามารถนาข้อมูลของ KPI ท่ีมีอยู่นั้ รายงานผลได้ตามเวลาท่ีกาหนด รวมถึงไม่ สามารถนามาใชใ้ นการเปรียบเทยี บ แนวโนม้ ต่างๆ เพอื่ การบรหิ ารคณะวศิ วฯ ได้ทนั ท่วงที 7. เปา้ หมาย/วัตถุประสงค์ของโครงการ  เปน็ ศนู ย์รวมข้อมูลในรายงานผล KPI ของคณะวิศวฯ ที่หลากหลาย  ลดภาระงานของเจา้ หนา้ ท่ีในการจดั เกบ็ มูล  เพ่ิมประสทิ ธิภาพในการจัดเก็บขอ้ มลู ผลการดาเนนิ งานของคณะวิศวฯ  สะดวก รวดเรว็ ในการนาข้อมลู KPI มาใชป้ ระกอบการตัดสินใจของผู้บริหารคณะฯ 8. ผลทีค่ าดวา่ จะไดร้ บั  มศี ูนยร์ วมข้อมูลในการรายงานผล KPI ของคณะวศิ วฯ หลายรูปแบบ  สามารถลดภาระงานของเจ้าหนา้ ที่ในการจัดเก็บมลู 334

เวทีคณุ ภาพ II มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์  ได้รบั ความสะดวก รวดเร็ว ในการนาข้อมลู KPI มาใช้ประกอบการตดั สนิ ใจของผบู้ ริหารคณะฯ  เพ่ิมประสิทธิภาพในการจดั เก็บข้อมูลผลการดาเนินงานของคณะวิศวฯ 9. การออกแบบกระบวนการ 9.1 วิธกี าร/แนวทางการปฏิบัตจิ ริง (PDCA) ผรู้ บั ผิดชอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ขนั้ ตอน P 1. กาหนด KPI ทส่ี ะทอ้ นผลการดาเนนิ งาน ทีมบรหิ าร/ก. ของคณะ แผนฯ 2. ออกแบบมาตรฐานการรวบรวมขอ้ มลู KPI ก.แผนฯ D 3. ออกแบบรูปแบบและโครงสรา้ งโปรแกรม/ ฝ่ายคอมฯ สร้างโปรแกรม C 4. ทดสอบการใช้งานโปรแกรม ฝ่ายคอมฯ/ก. A 5. ปรบั ปรงุ โปรแกรม แผนฯ ฝ่ายคอมฯ 6. เผยแพร่การใช้งานโปรแกรม ฝา่ ยคอมฯ รายละเอยี ดของการข้ันตอนการพฒั นาระบบ KPI online มดี ังน้ี ขน้ั ตอนท่ี 1 การกาหนด KPI ท่ีสะท้อนผลการดาเนินงาน ของคณะ ทีมบริหารคณะฯ กาหนด KPI ทสี่ ะทอ้ นผลการดาเนินงาน โดยพจิ ารณา ใน 4 ประเดน็ หลัก ไดแ้ ก่ 1. เกณฑ์ EdPEx 2. วิสัยทัศน์ พนั ธกจิ และ เปา้ หมายของคณะ (รูปที่ 1) 3. เกณฑก์ ารจัดอนั ดับ ตาม THE ranking (รูปท่ี 2 และ 3) 4. KPI&OKR มอ. 335


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook