การประชมุ สมั มนาเชิงวิชาการด้านการจดั การโลจสิ ติกสแ์ ละโซอ่ ุปทาน ครั้งที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 ตารางที่ 2: คา่ ประมาณขนาดอทิ ธิพลของฤดูกาลทใี่ ชต้ วั แปรห่นุ ที่มผี ลต่อผลผลติ ยางพารา ปัจจัย คา่ เฉลย่ี คา่ สว่ นเบยี่ งเบน 95% Credible Interval 0 (Intercept) 13,900.00 1,946.00 10,380.00 18,510.00 1 (ม.ค.) 947.80 299.30 380.10 1,544.00 2 (ก.พ.) 545.90 290.20 -17.84 1,114.00 3 (ม.ี ค.) -717.10 297.60 -1,299.00 -126.10 4 (เม.ย.) -897.90 310.60 -1,503.00 -314.10 5 (พ.ค.) -399.60 305.00 -1,017.00 170.10 6 (ม.ิ ย.) 28.57 291.10 -546.10 580.70 7 (ก.ค.) 229.70 295.90 -355.50 807.00 8 (ส.ค.) 159.20 301.30 -416.40 758.10 9 (ก.ย.) 221.60 303.40 -365.30 804.70 10 (ต.ค.) 17.46 300.80 -565.10 622.80 11 (พ.ย.) -187.00 302.40 -761.90 407.80 ธ.ค. (อา้ งองิ ) . . . . ตารางที่ 3: ค่าจรงิ คา่ พยากรณ์ คา่ ผิดพลาด ของข้อมูลผลผลิตยางพารา เม่อื ใชฤ้ ดกู าลแบบฟูเรยี ร์ และแบบ ตัวแปรหนุ่ ชว่ งท่ีใชส้ าหรบั การประมาณคา่ พารามเิ ตอร์ ในจงั หวัดกระบี่ เดอื นที่ ค่าผลผลิตจรงิ ฤดกู าลแบบฟเู รียร์ ฤดูกาลแบบตวั แปรหุ่น ค่าพยากรณ์ คา่ ผดิ พลาด 1 18,701 ค่าพยากรณ์ คา่ ผดิ พลาด 2 16,830 16480 2,221 3 3,312 15,080 3,621 15090 1,740 … 5705 2,393 71 … 13,850 2,980 72 31,699 …… MAE 30,595 6,998 3,686 34660 2961 34930 4335 …… 4,887 36,510 4811 36,230 5635 5,024 273
การประชุมสัมมนาเชิงวิชาการด้านการจัดการโลจิสตกิ ส์และโซอ่ ุปทาน ครงั้ ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 ตารางท่ี 4: การเปรียบเทยี บคา่ MAE ของข้อมลู ผลผลติ ยางพาราในแต่ละวธิ ขี องแต่ละจงั หวัด จงั หวดั ตวั แปรหนุ่ Mean Absolute Error (MAE) SARIMA 1,051 ฟเู รยี ร์ Holt-Winters ES 2,027 กระบี่ 2,284 1,533 2,923.44 1,917 ชมุ พร 2,395 1,333 2,387.97 6,620 ตรงั 3,073 3,732 7,529.13 9,028 นครศรธี รรมราช 1,969 4,702 9,709.21 5,546 นราธิวาส 364 3,088 6,315.86 1,137 ปัตตานี 1,072 681 1,403.47 2,600 พังงา 919 1,561 3,104.60 2,494 พทั ลุง 192 1,541 3,092.55 557 ภเู ก็ต 1,833 2,064 597.15 4,522 ยะลา 225 2,941 5,900.21 577 ระนอง 3,120 381 602.17 9,809 สงขลา 395 4,867 9,900.84 1,449 สตลู 3,350 774 1,494.63 9,168 สรุ าษฎรธ์ านี 5,079 10,354.55 5. สรปุ และบทวิจารณ์ ข้อมูลที่ใช้ศึกษาในงานวิจัยน้ีคือ ผลผลิตยางพารารายเดือน ในจังหวัดภาคใต้ ของประเทศไทย ปี 2548-2553 มี ค่าเฉล่ียต่อเดือนจังหวัด 15,361.62 ตัน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 6,467.35 ตัน ผลการวิเคราะห์ข้อมลู ด้วยตัวแบบ LMM ท่ีมี อิทธพิ ลเชิงพ้นื ท่ี อิทธพิ ลอื่นๆ ทไี่ มใ่ ช่อทิ ธิพลเชงิ พืน้ ที่ และอิทธิพลของฤดกู าล รวมอยดู่ ้วยพบว่า อิทธพิ ลเชิงพื้นที่ อทิ ธิพลอืน่ ๆ ที่ไม่ใช่อิทธิพลเชิงพื้นท่ี และอิทธิพลของฤดูกาล มีอิทธิพลต่อผลผลิตยางพาราเฉล่ยี แตล่ ะเดือน ในจังหวัดภาคใต้ของประเทศ ไทย ขนาดของอิทธิพลของฤดูกาลเรยี งลาดบั จากมากไปน้อย ได้ดังนี้ มค. ก.พ. ก.ค. ก.ย. ส.ค. ม.ิ ย. ต.ค. ธ.ค. พ.ย. พ.ค. มี.ค. และ เม.ย. ตามลาดับ และขนาดของอิทธิพลเชิงพ้ืนท่ี 5 อันดับสูงสุดเรียงลาดับจากมากไปน้อย คือ นราธิวาส (3,973 ตัน) สงขลา (3,398 ตนั ) พทั ลงุ (3,033 ตนั ) ตรัง (2,990 ตนั ) และยะลา (2,581 ตัน) ตามลาดบั ผลการประเมนิ ประสิทธิภาพของ ตัวแบบโดยใช้ค่า MAE เป็นเกณฑ์ พบว่าตัวแบบที่นาเสนอมีประสิทธิภาพมากกว่าตัวแบบที่แสดงอิทธิพลของฤดูกาลด้วยฟู เรียร์ Holt-Winters ES และ SARIMAเพราะว่าตัวแบบท่ีนาเสนอมีความยืดหยุ่นสูง สามารถเพิ่มตัวแปรท่ีเป็นอิทธิพลได้อีก หลายประเภท เชน่ อทิ ธิพลเชงิ พนื้ ท่ี อทิ ธพิ ลของฤดูกาล ซ่ึงสอคล้องกบั สภาพความจริงของขอ้ มลู มากทสี่ ุด ในกรณขี องข้อมูล อิทธิพลเชิงพ้ืนที่น้ัน เป็นไปตามหลักความจริงท่ีว่า ข้อมูลท่ีเก็บรวบรวมมาจากจังหวัดท่ีอยู่ใกล้กันย่อมมีความสัมพันธ์กัน มากกวา่ จังหวดั ท่อี ยไู่ กลกนั ซ่ึงอทิ ธพิ ลเชิงส่มุ น้ไี ม่สามารถมีได้ในตัวแบบ Holt-Winters Additive Exponential Smoothing และ SARIMA ซ่งึ มีไดเ้ ฉพาะอิทธิพลของฤดูกาล และตัวแบบท่ีนาเสนอยงั สามารถพยากรณ์ผลผลติ ยางพาราในแต่ละจังหวัดได้ ในคราวเดยี วกนั ในขณะที่ตวั แบบ Holt-Winters Additive Exponential Smoothing และ 274
การประชมุ สมั มนาเชงิ วชิ าการด้านการจดั การโลจิสตกิ สแ์ ละโซอ่ ปุ ทาน คร้งั ท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 SARIMA ต้องแยกกันพยากรณ์ทีละจังหวัด นอกจากนั้นการประมาณค่าด้วยวิธีการของเบย์ยังได้เปรียบในด้านที่สามารถ ประมาณค่าพารามิเตอร์ในตัวแบบที่มีความซับซ้อนได้ โดยที่วิธีการที่การที่ใช้กันอยู่ทั่วไปเช่น Maximum likelihood ไม่ สามารถนามาใช้ได้ โดยใชห้ ลักของ MCMC ผลการศึกษานมี้ ปี ระโยชน์ต่อผู้เกย่ี วข้องกบั เรื่องยางพารา ทัง้ ผบู้ รหิ ารหน่วยงาน ของรัฐ และเกษตรกร สามารถนาไปใช้ประกอบการวางแผนตัดสินใจปลกู ยางพาราได้ 6. กิตติกรรมประกาศ งานวจิ ัยน้ไี ดร้ บั การสนบั สนุนทุนจากคณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เอกสารอา้ งองิ ศูนย์วิจยั กสิกรไทย,2557,“ธรุ กิจยางพาราในภาคใต้”,http://www.ksmecare.com. [20 ธนั วาคม 2557] สานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร,2558, “สถิติยางไทย”.http://www.oae.go.th. [25 ธันวาคม 2558] Banerjee, S, B. P. Carlin and A. E. Gelfand. 2004. Hierarchical Modeling and Analysis for Spatial Data. Chapman and Hall/CRC Press, FL. Bernardinelli, L, D. Clayton, C. Pascutto, C. Montomoli, M. Ghislandi and M. Songini. 1995. Bayesian analysis of space-time variation in disease risk. Statistics in Medicine 14: 2433-2443. Besag, J. 1974. Spatial Interaction and the Statistical Analysis of Lattice Systems. Journal of the Royal Statistical Society Series B 36(2): 192–236. Congdon, P. 2006. Bayesian Statistical Modelling. 2nd ed. John Wiley and Sons, NY. Conway, D, C.Q Li, J. Wolch, C. Kahle, and M. Jerrett. 2010. A spatial autocorrelation approach for examining the effects of urban green space on residential property values. The Journal of Real Estate Finance and Economics 41(2): 150-169. Diaconoa, M, A. Castrignanob, A. Troccolic, D. De Benedettob, B. Bassod and P. Rubino. 2012. Spatial and temporal variability of wheat grain yield and quality in a Mediterranean environment: A multivariate geostatistical approach. Field Crops Research 131: 49–62. Tongkhow, P and N. Kantanantha. 2013. Bayesian models for time series with covariates, trend, seasonality, autoregression and outliers. Journal of Computer Science 9(3): 291-298. West, B. T, K. B. Welch, and A. T. Galecki. 2007. Linear mixed models: A practical guide to using statistical software. Chapman and Hall/CRC, NY. Yelland, P. M. 2010. Bayesian Forecasting of Part Demand. International Journal of Forecasting 26: 374- 396 275
Topic F: Demand Planning การประชมุ สัมมนาเชงิ วชิ าการด้านการจัดการโลจสิ ตกิ ส์และโซอ่ ปุ ทาน คร้ังที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 Paper ID: DP 04 การเปรียบเทยี บเทคนิคการพยากรณม์ ูลคา่ การสง่ ออกผลิตภัณฑป์ ลาของประเทศไทย Comparison of Forecasting Technique in Fish Products of Thailand ณภัทร อนิ ทนนท1์ *, ปรญิ ญา ศรีสัตยกลุ 2, ภาณเุ ดช แสงสีดา3, มานิตย์ ธิมาทา4, ฉตั รแกว้ สุรยิ ะภา5 1*, 5 สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอสี าน โทร 086 6356986 E-mail [email protected], [email protected] 2, 3 สาขาวชิ าวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรงุ เทพ โทร 043-2879600 E-mail [email protected] 4 สาขาวชิ าวศิ วกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ โทร 02-8074500 E-mail [email protected] บทคัดยอ่ การพยากรณ์เป็นตวั ช้ีวดั เพอื่ คาดการณ์ปรมิ าณความตอ้ งการของลูกคา้ ทีม่ ีการเปลย่ี นแปลงตลอดเวลา การพยากรณ์ ที่มเี หมาะสม จะชว่ ยลดตน้ ทุนและเพ่ิมกาไรใหก้ ับองค์กรได้ วัตถุประสงคง์ านวิจยั นเี้ ป็นการเปรยี บเทยี บเทคนคิ การพยากรณ์ที่ เหมาะสมของมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ประมงประเภทปลาของประเทศไทย โดยข้อมูลเริ่มต้ังแต่ปี พ.ศ. 2550 - 2559 ผลการวิจัยพบว่าการพยากรณ์ที่มีความเหมาะสมสามารถเป็นฐานข้อมูลสาหรับการปรับปรุงกระบวนการทางาน ทั้งด้านการ ลดต้นทุนการจดั เก็บสินค้าและการลดตน้ ทุนการขนส่ง การกาหนดราคาสนิ ค้า ตลอดจนการกาหนดนโยบายเก่ียวกับรายไดท้ ี่ เกิดจากการประมงของประเทศไทยด้วยนอกจากนี้ยังสามารถนาเอาเทคนิคการพยากรณ์ไปประยกุ ต์ใช้กับธุรกิจประเภทอน่ื ๆ ของประเทศไทยได้อีกด้วย คาสาคัญ: การพยากรณ;์ ผลติ ภณั ฑ์ประมง; การวเิ คราะห์เชิงสถิต;ิ ค่าความคลาดเคลื่อน Abstract Forecasting is indicating the demand uncertainty each moment. The optimization forecasting can reduce cost and increase profit of the organization. The objective of research was to compare the optimization forecasting fish products of Thailand. To collect the data from 2550-2559 BE. The result was revealing that the optimal forecasting is the database for warehouse improving reduced transportation cost and it’s can use for pricing and tax policy. Moreover, this result can applied the other business in Thailand. Keywords: Forecasting; fishery; statistical analysis; error variation 276
การประชมุ สัมมนาเชงิ วิชาการด้านการจดั การโลจสิ ติกสแ์ ละโซ่อุปทาน ครงั้ ท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวศิ วกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 1. บทนา อุตสาหกรรมการประมง ถือเป็นหน่ึงในอุตสาหกรรมท่ีสาคัญของประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2559 ประเทศไทยมีการ ส่งออกสินค้าประมงทั้งส้ิน 1,371,026.71 ตัน คิดเป็นมูลคา่ ทั้งสิ้น 181,209.57 ล้านบาท (กองประมงต่างประเทศ,2560) ใน ขณะเดียวกันก็มีการนาเข้า 1,529,488.02 ตัน คิดเป็นมูลค่า 92,098.90 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุท่ีมีท้ังการนาเข้าและการส่งใน สินคา้ ประเภทเดยี วกันเพราะประเทศไทยมีการนาสินค้าบางชนดิ เข้ามาเพ่อื แปรรปู และปรงุ แตง่ ซง่ึ แน่นอนวา่ หลงั จากการแปร รูปและปรุงแต่งแล้วจะทาให้สินค้าส่งออกมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น และราคาที่เพิ่มสูงข้ึนส่วนหน่ึงก็มาจากราคาต้นทุนการนาเข้า หากต้นทนุ ในการนาเข้าสงู ราคาการสง่ ออกกส็ ูงตามไปด้วย การพยากรณ์มูลค่าของการส่งออก เป็นประโยชน์ในด้านการวางแผนทางการค้า การวางนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ ดลุ การค้า ดลุ การชาระเงิน และยังเปน็ ประโยชน์ตอ่ การแข่งขนั ทางการคา้ กบั ประเทศต่าง ๆ ดว้ ย การพยากรณท์ ่ีนิยมนามาใช้ กันโดยท่ัวไปไดแ้ ก่เทคนิคการวิเคราะห์อนุกรมเวลา (วรางคณา,2558) ซ่ึงเป็นการนาข้อมูลในอดีตมาวิเคราะห์หารปู แบบของ การเปล่ียนแปลง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่นามาใช้ในการวิเคราะห์น้ัน จะเป็นข้อมูลเพียงด้านเดียว กล่าวคือ หากต้องก าร พยากรณม์ ลู คา่ การส่งออก กพ็ จิ ารณาข้อมูลการสง่ ออกในอดีตทีผ่ า่ นมา โดยไมไ่ ดน้ าขอ้ มูลของการนาเข้า มาวิเคราะห์รว่ มด้วย ท้ัง ๆ ท่ีมูลค่าของการนาเข้ามีอิทธิพลต่อมูลค่าของการส่งออก ดังนั้นการวิจัยคร้ังน้ีจึงทาการพยากรณ์มูลค่าของการส่งออก โดยนารูปแบบของการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าของการนาเข้า มาเปน็ ส่วนหน่ึงของการพยากรณ์ดว้ ย 2. วธิ ดี าเนินการวจิ ัย 2.1.ข้อมลู พืน้ ฐานท่นี ามาวเิ คราะห์ ขอ้ มูลทน่ี ามาวเิ คราะห์ ได้แก่ มลู คา่ ของการนาเข้า และสง่ ออก ของสินค้าประมงประเภทปลา ทั้งน้ีเพราะสินคา้ ประเภทนี้เปน็ สินคา้ ประมงที่มมี ลู คา่ ของนาเขา้ และส่งออกสูงกว่าสนิ ค้าประเภทอนื่ ๆ โดยเฉพาะมลู คา่ ของการนาเขา้ คิดเปน็ ร้อยละ 77.81 ของมูลค้าสนิ คา้ ประมงทีน่ าเข้ามาในชว่ ง พ.ศ. 2550 – 2559 โดยสนิ ค้าประเภทปลาประกอบดว้ ย ปลาสดแช่ เย็นแชแ่ ข็ง ปลาแห้ง ปลามชี ีวติ ทนู า่ กระป๋อง ชาร์ดนี กระป๋อง เป็นตน้ (ประเทศไทยนาเขา้ ทูน่าสดแชเ่ ยน็ แชแ่ ขง็ เพ่ือนามา ผลติ เปน็ ทูนา่ กระป๋องและส่งออก) โดยในช่วงดังกล่าว มปี รมิ าณการนาเข้าและส่งออก ดังรายละเอียดในตารางท่ี 1 ตารางที่ 1: ปรมิ าณและมูลคา่ การนาเขา้ สินค้าประมงประเภทปลา ปี นาเขา้ ส่งออก มลู คา่ ปรมิ าณ มลู ค่า ราคาตอ่ ตัน(บาท/ ปรมิ าณ ราคาตอ่ ตัน(บาท/ (ตัน) (ลา้ นบาท) ตนั ) (ตัน) (ล้านบาท) ตัน) 1,099,328.38 80,586.68 1,136,526.72 103,881.29 73,305.38 2550 1,286,665.89 51,887.84 40,327.36 1,061,824.62 90,636.44 91,402.42 1,089,867.46 89,532.77 85,359.14 2551 1,399,843.80 68,921.01 49,234.79 1,077,664.86 101,552.09 82,150.15 1,120,934.43 125,173.74 94,233.46 2552 1,428,798.07 57,385.87 40,163.74 1,032,427.38 114,332.41 111,669.10 1,066,959.41 112,721.01 110,741.36 2553 1,430,753.63 57,848.67 40,432.31 979,685.58 101,618.85 105,646.95 753,423.35 84,498.31 103,725.98 2554 1,478,549.30 69,703.10 47,142.90 1,041,864.22 100,453.36 112,152.50 97,038.64 2555 1,458,896.75 79,833.34 54,721.72 277 2556 1,426,653.00 66,098.83 46,331.40 2557 1,359,291.72 62,388.04 45,897.46 2558 1,299,650.92 62,669.87 48,220.54 2559 1,192,953.06 62,669.87 52,533.39 เฉลยี่ 1,376,205.61 63,940.64 46,500.56
การประชุมสมั มนาเชงิ วิชาการด้านการจัดการโลจสิ ตกิ ส์และโซ่อุปทาน ครั้งท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวศิ วกรรมอุตสาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 2.2. เทคนิคและขั้นตอนของการพยากรณ์ รูปท่ี 1 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างราคานาเข้าต่อตัน และราคาส่งออกต่อตันในแต่ละปี ซึ่งพบว่า ราคามี ความสัมพันธ์กัน กล่าวคือหากราคานาเข้ามีราคาสูงขึ้น ราคาส่งออกก็มีแนวโน้มสูงข้ึนเช่นกัน ซ่ึงในการปฏิบัติเม่ือมีการซ้ือ วัตถุดิบเข้าในราคาสูง ก็ต้องส่งออกในราคาสูงเช่นกัน ซึ่งประเด็นน้ีเป็นประเด็นสาคัญสาหรับงานวิจัยฉบับน้ี กล่าวคือ เม่ือ ราคาการนาเข้ามีผลกระทบต่อราคาส่งออก การพยากรณ์ก็ควรต้องมีการนาคา่ ดังกลา่ วมาใส่ในสมการของการพยากรณ์ด้วย ท้ังนี้เพราะหลกั ของการพยากรณ์ที่ดีและมคี วามแมน่ ยาน้ันจะตอ้ งนาตัวเลขหรือคา่ ต่างๆ ทุกค่าท่ีมีผลกระทบมาพิจารณาดว้ ย (Chembers,Mullick and Smith,1971) แต่ในสมการการพยากรณ์ส่วนใหญ่ ไม่มีการนาข้อมูลที่อยู่นอกเหนือชุดข้อมลู มาใช้ ในการพยากรณ์ ซึ่งในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ นามูลค่าของการนาเข้า มาเป็นส่วนหนึ่งของมูลค่าการส่งออก ดังรายละเอียด ตอ่ ไปน้ี ราคา(บาท) ปี พ.ศ. รูปที่ 1: ความสมั พันธข์ องราคานาเขา้ และราคาส่งออก 2.2.1. การหาอัตราสว่ นของราคาการน้าเข้าและการสง่ ออก จากตารางที่ 1 คานวณอตั ราสว่ นของราคาสง่ ออกตอ่ การนาเข้า ในแตล่ ะปี จากสมการ อัตราส่วนราคา (เท่า) (Rt) = ราคาต่อตันของการสง่ ออก (บาท) / ราคาตอ่ ตนั ของการน้าเข้า (บาท) (1) 2.2.2. พยากรณอ์ ตั ราสว่ นของราคาการสง่ ออก (Predict Ratio:PR) การพยากรณอ์ ตั ราสว่ นของราคาการสง่ ออกใช้ วิธีค่าเฉล่ียเคลือ่ นท่ี (Moving Average) 2 คาบเวลา ท้ังนเ้ี พราะการ พยากรณ์ที่เป็นคา่ เฉลี่ยเคลื่อนที่น้ัน มีความเหมาะสมสาหรบั การพยากรณ์ระยะสั้น โดยมีระยะเวลาประมาณ 2 – 3 เดือนจึง จะมคี วามแมน่ ยาสงู (Chembers,Mullick and Smith,1971) ดงั นัน้ การนาข้อมลู มาใชใ้ นการพยากรณ์จึงไมค่ วรท่จี ะใช้ข้อมูล ย้อนหลงั หลายคาบเวลา ตามสมการ อตั ราส่วนราคาพยากรณป์ ีที่ t = [อัตราสว่ นราคาปที ่ี t-2 + อัตราสว่ นราคาปีที่ t-1]/2 (2) 278
การประชมุ สัมมนาเชิงวชิ าการด้านการจัดการโลจสิ ติกส์และโซอ่ ปุ ทาน ครงั้ ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 หรือ (3) PRt = [PRt-2 + PRt-1]/2 2.2.3 พยากรณ์ราคาตอ่ ตันของการสง่ ออก และปรมิ าณการส่งออก ราคาต่อตนั ของการส่งออก เทา่ กับราคาตอ่ ตันของการนาเข้าในปีทผ่ี ่านมา คณู กบั อัตราสว่ นราคาท่ีไดจ้ ากการ พยากรณ์ หรือเขยี นเปน็ สมการไดด้ ังน้ี EPt = IPt-1 * Rt (4) เมอื่ EPt คอื ราคาสง่ ออกต่อตนั ในปที ี่ t IPt-1 คอื ราคานาเข้าตอ่ ตัน ในปีท่ี t-1 Rt คือ อตั ราสว่ นของราคาในปที ี่ t สาหรบั การพยากรณป์ รมิ าณของการสง่ ออก ใชว้ ิธคี ่าเฉลย่ี เคล่อื นที่ (Moving Average) 2 คาบเวลา เชน่ เดยี วกนั กับ การพยากรณ์อัตราสว่ นของราคา เมือ่ ได้ราคาต่อตนั ของการสง่ ออก แล้ว นาราคาทไี่ ด้มาคณู กบั ปรมิ าณการส่งออก จะทาให้ได้ มูลค่าของการสง่ ออกรวม รายละเอยี ดของ อัตราส่วนของราคา อัตราส่วนราคาพยากรณ์ ราคาต่อตันของการนาเขา้ ราคาต่อ ตนั และปริมาณสง่ ออก ตลอดจนมลู ค่าการสง่ ออกท่ไี ด้จากการพยากรณ์ แสดงในตารางที่ 2 ตารางท่ี 2 รายละเอยี ดของค่าต่าง ๆ ในการพยากรณ์ ปี อตั ราส่วน อัตราส่วนราคา ราคานาเข้า ราคาสง่ ออก ปรมิ าณการสง่ ออก มลู คา่ ส่งออก ราคา พยากรณ์ (บาท/ตนั ) พยากรณ์ พยากรณ์ พยากรณ์ 2550 1.82 40,327.36 2551 1.86 49,234.79 2552 2.13 1.84 40,163.74 90,449.67 1,117,927.55 96,192.83 79,960.76 1,099,175.67 87,327.44 2553 2.03 1.99 40,432.31 84,040.04 1,075,846.04 90,630.76 95,009.08 1,083,766.16 106,480.9 2554 2.00 2.08 47,142.90 110,525.90 1,099,299.65 114,122.3 102,644.28 1,076,680.91 109,495.7 2555 2.04 2.02 54,721.72 107,675.56 1,049,693.40 105,443.1 107,360.10 1,023,322.50 80,835.32 2556 2.39 2.02 46,331.40 112,577.87 866,554.47 97,554.86 2557 2.30 2.22 45,897.46 2558 2.15 2.35 48,220.54 2559 2.13 2.23 52,533.39 2560 2.08 2.14 2.2.4. การเปรียบเทยี บประสทิ ธภิ าพของการพยากรณ์ ในการเปรยี บเทียบประสทิ ธิภาพในการพยากรณใ์ นครงั้ น้ี ใช้การเปรยี บเทียบแบบ ค่าความเคลอื่ นค่าความแตกต่าง เฉลย่ี (Mean absolute deviation : MAD) ทงั้ น้ีเพราะในการวิเคราะหม์ ลู คา่ การสง่ ออกท่วั ไป นิยมวดั คา่ ที่สงู กวา่ และต่ากว่า ท่ีประมาณการไว้ เช่นในปี พ.ศ. 2558 มียอดส่งออกสูงกว่าท่ีประมาณการไว้ 17,000 ล้านบาท ซึ่งหากใช้ค่า MSE (Mean Square Error) คา่ ท่ไี ดจ้ ะเปน็ คา่ ยกกาลังสอง การนาเสนอคา่ ท่ีเป็นยกกาลังสอง อาจทาใหผ้ รู้ ับขอ้ มลู เกดิ ความสับสนได้ ดงั นั้น 279
การประชมุ สมั มนาเชงิ วชิ าการด้านการจดั การโลจิสติกสแ์ ละโซอ่ ปุ ทาน คร้งั ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 เพื่อใหส้ อดคล้องกับการนาเสนอข้อมลู ในการเปรยี บเทยี บประสิทธิภาพของการพยากรณ์จงึ เลือกวิธี MAD ซึง่ ค่า MAD หาได้ จากสมการ (ศุภชัย,2554) MAD = N xi ˆxi (5) i 1 N โดยท่ี = คา่ จริง ลาดับที่ i ,i = 1,2,3,…,N = ค่าพยากรณ์ ลาดับที่ i, i = 1,2,3,..,N xi ˆxi ในการวิจยั คร้ังน้จี ะมีการเปรียบเทียบประสิทธภิ าพคา่ พยากรณ์ทไ่ี ด้จากแนวทางทผ่ี ู้วิจัยกาหนดขึ้น กบั ค่าพยากรณ์ ท่ีได้จากวิธี Simple moving average 2 คาบเวลา ทั้งน้ีเพราะต้องการให้ข้อมูลแสดงค่าแนวโน้มด้วย การเลือกใช้จานวน คาบเวลามาก ข้อมูลจะไม่แสดงค่าแนวโน้ม (วรวลัญช์,2560) และค่าพยากรณ์ท่ีได้จากการพยากรณ์แบบ Exponential smoothing ท่ีมีค่าคงท่ีของการปรับเรียบ (Smoothing constant : ) เป็น 0.1, 0.25, และ 0.4 สาเหตุทเ่ี ลือกการพยากรณ์ แบบ Exponential smoothing มาเปรียบเทยี บนน้ั เป็นเพราะวา่ วิธกี ารดงั กล่าว เปน็ วธิ ที ่ีให้ความแม่นยาสงู จงึ เปน็ วิธีท่ไี ด้รับ การนยิ มสูง และกระบวนคานวณนน้ั ไมย่ ากเกนิ ไป การเลอื กใชค้ า่ คงท่ีของการปรบั เรยี บนน้ั อย่บู นพ้ืนฐานของการผันผวนของ ค่าพยากรณก์ ล่าวคือ หากต้องการเพิ่มความไวของการพยากรณ์ ให้ใช้ค่า ที่สูง แต่ค่าความเรียบของการพยากรณ์จะลดลง และหากต้องการค่าความเรียบของการพยากรณ์ ต้องใช้ค่า ท่ีต่า และเพื่อให้ได้ค่าพยากรณ์ท่ีเหมาะสม ได้มีการทดลอง เปล่ยี นคา่ โดยใช้ โปรแกรม MS Excel ปรบั คา่ จนไดค้ า่ ท่เี หมาะสมแลว้ จงึ นาคา่ ทไ่ี ด้มาเปรียบเทยี บคา่ ของการพยากรณ์ 3. ผลการวจิ ยั ตารางท่ี 3 แสดง มลู ค่าของการส่งออก มูลค่าการสง่ ออกที่ได้จากการพยากรณท์ ี่ผูว้ ิจยั สรา้ งขนึ้ และมูลค่าการส่งออก ท่ีได้จากการพยากรณ์แบบ Simple moving average 2 คาบเวลา และมูลค่าการส่งออกท่ีได้จากการพยากรณ์แบบ Exponential smoothing ท่ีมีค่าคงท่ีการปรับเรียบ เป็น 0.1, 0.25 และ 0.4 ซึ่งจากตารางพบวา่ มูลค่าของการสง่ ออกในแต่ ละวิธนี ั้นมีคา่ ใกลเ้ คยี งกนั และตารางท่ี 4 จะเป็นเปรียบเทียบเพ่อื แสดงให้เหน็ ถึงประสทิ ธภิ าพของการพยากรณ์ในแตล่ ะวธิ ี ตารางที่ 3 มูลคา่ การสง่ ออกจรงิ และมลู ค่าการส่งออกที่ได้จากการพยากรณ์ หนว่ ย : ล้านบาท ปี พ.ศ. ส่งออกจริง พยากรณ์ จากวธิ ที ี่ Simple moving Exponential Smoothing กาหนดข้ึน Average = 0.1 = 0.25 = 0.4 2550 80,586.68 2551 103,881.29 80,586.68 80,586.68 80,586.68 2552 90,636.44 96,192.83 92,233.99 82,916.14 86,410.33 89,904.52 2553 89,532.77 87,327.44 97,258.87 83,688.17 87,466.86 90,197.29 2554 101,552.09 90,630.76 90,084.61 84,272.63 87,983.34 89,931.48 2555 125,173.74 106,480.9 95,542.43 86,000.58 91,375.53 94,579.73 2556 114,332.41 114,122.3 113,362.92 89,917.89 99,825.08 106,817.33 2557 112,721.01 109,495.7 119,753.08 92,359.34 103,451.91 109,823.36 280
การประชุมสัมมนาเชิงวชิ าการด้านการจัดการโลจสิ ติกสแ์ ละโซอ่ ุปทาน คร้งั ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 ปี พ.ศ. สง่ ออกจริง พยากรณ์ จากวธิ ที ี่ Simple moving Exponential Smoothing กาหนดข้นึ Average = 0.1 = 0.25 = 0.4 94,395.51 105,769.19 110,982.42 2558 101,618.85 105,443.1 113,526.71 95,117.85 104,731.60 107,236.99 2559 84,498.31 80,835.32 107,169.93 2560 97,554.86 93,058.58 94,055.89 99,673.28 98,141.52 4. อภปิ รายผล จากการเปรียบเทียบค่าความแตกตา่ งระหวา่ งคา่ การพยากรณ์ และ มูลค่าการสง่ ออกตามขอ้ มูลทเ่ี ก็บ สามารถแสดง ได้ดงั ตารางที่ 4 ตารางที่ 4 คา่ ความแตกตา่ งในแตล่ ะรอบเวลาและ คา่ MAD ของการพยากรณ์แตล่ ะรปู แบบ ปี พ.ศ. พยากรณจ์ ากวิธที ี่ Simple moving Average Exponential Smoothing กาหนดขนึ้ = 0.1 = 0.25 = 0.4 2552 5,556.39 1,597.55 7,720.30 4,226.11 731.92 2553 2,205.33 7,726.09 5,844.60 2,065.91 664.52 2554 10,921.33 11,467.49 17,279.46 13,568.75 11,620.61 2555 18,692.84 29,631.31 39,173.16 33,798.21 30,594.01 2556 210.11 969.49 24,414.52 14,507.33 7,515.08 2557 3,225.31 7,032.06 20,361.67 9,269.10 2,897.65 2558 3,824.25 11,907.86 7,223.34 4,150.34 9,363.57 2559 3,662.99 22,671.62 10,619.54 20,233.29 22,738.68 MAD 6,037.32 11,625.43 16,579.57 12,727.38 10,765.75 จากตารางท่ี 3 และ 4 พบวา่ ค่าพยากรณโ์ ดยค่าพยากรณอ์ ัตราส่วนของราคาในแตล่ ะปี คณู กับมูลค่าของการนาเข้า ในปีที่ผ่านมา เพื่อใช้เป็นมูลค่าพยากรณข์ องนั้นให้ค่าความคลาดเคลื่อนของการพยากรณท์ ่ดี ีกว่า การพยากรณ์ แบบ Simple moving average 2 คาบเวลา และการพยากรณแ์ บบ Exponential Smoothing ทใี่ ชค้ ่า = 0.1 และ 0.25 แต่ เมอ่ื ใชค้ ่า = 0.4 ปรากฏวา่ วิธี Exponential Smoothing จะใหค้ า่ MAD ทดี่ ีกวา่ อย่างไรก็ดี การใชค้ ่า ทส่ี ูงนน้ั คา่ ความเรยี บของ การพยากรณจ์ ะลดลง และความไวของการพยากรณจ์ ะสูงขน้ึ ซงึ่ แยง้ กบั ความตอ้ งการที่จะให้การพยากรณม์ คี ่าความเรียบท่ีดี ไมเ่ ปล่ียนแปลงมาก ซ่ึงจะสอดคล้องกบั ค่าจริงทเี่ กดิ ข้ึนในการดาเนินธุรกจิ จากคา่ ความผดิ พลาดของการพยากรณ์จากตารางท่ี 4 แสดงให้เหน็ ว่า การนาอัตราส่วนของราคานาเข้า เข้ามามสี ่วน ในการพยากรณ์มูลค่าของการส่งออกนั้น ให้ความแม่นยาดีกว่าการพยากรณ์แบบท่ีใช้ข้อมูลเพียงฝ่ายเดียว ทั้งนี้เพราะราคา นาเข้าก็มีอิทธิพลต่อการกาหนดราคาส่งออก ซึ่งเป็นเรื่องท่ีปฏิบัติกันทั่วไปในการดาเนินธุรกิจดังน้ันจึงถือว่า ราคานาเข้า มี อิทธิพลต่อราคาการส่งออก และมีอิทธิพลต่อมูลค่าการส่งออกโดยรวม จึงควรท่ีจะนาข้อมูลราคานาเข้ามาเป็นส่วนหน่ึงของ ข้อมลู ที่ใชใ้ นการพยากรณ์ดว้ ย เพ่อื เพม่ิ ความแม่นยาของการพยากรณ์ และเพอ่ื ใหเ้ กิดความเชือ่ มโยงข้อมลู ทคี่ รบถ้วน 281
การประชุมสมั มนาเชงิ วชิ าการด้านการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อปุ ทาน คร้ังที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 5. สรุปผลการวิจยั ในการพยากรณ์มูลค่าของการส่งออกสินคา้ ประมง โดยเนน้ มูลคา่ ของการส่งออกปลาและผลติ ภัณฑจ์ ากปลาในครงั้ น้ี ผู้วิจัยได้ประยุกต์การพยากรณ์ที่นิยมใช้กันท่ัวไป คือการพยากรณ์แบบค่าเฉล่ียเคลื่อนท่ีแบบธรรมดาท่ีมีคาบเวลาของการ พยากรณ์ 2 คาบเวลา มาประยุกต์เข้าปัจจัยท่ีสาคัญคือราคาการนาเข้า ซ่ึงถือเป็นปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อราคาการส่งออก และ ส่งผลให้มูลค่าของการส่งออกโดยรวมเปลี่ยนแปลงด้วย ซ่ึงผลการของวิเคราะห์พบว่า การพยากรณ์ท่ีกาหนดขึน้ นั้นมีคา่ ความ คลาดเคล่ือนตา่ กวา่ การพยากรณท์ ่เี ปน็ ท่ีนยิ มโดยทวั่ ไป อย่างไรก็ตาม การพยากรณ์ท่ีผู้วิจัยได้ศึกษาในคร้ังน้ี อาจมีความเฉพาะเจาะจง หากต้องการนาไปใช้ต้องพิจารณา อิทธิพลของปัจจัยอื่น ๆ ท่ีมีผลกระทบต่อสิ่งที่ต้องการพยากรณ์ ซ่ึงหากสามารถที่จะกาหนดอิทธิพลของปัจจัยอ่ืน ท่ีมี ผลกระทบนอกเหนอื จากขอ้ มลู ที่มใี นอดตี แล้ว การพยากรณจ์ ะมคี วามแม่นยามากกว่าเดมิ เอกสารอา้ งอิง กองประมงตา่ งประเทศ,2560, “รายงานปริมาณและมลู คา่ การสง่ ออกสินค้าประมงท้งั หมดของไทย. www.fisheries.go.th/foreign/fisher2/index.php?option=com_goods&view=imports&layout=search&Itemid =140 [15 มนี าคม 2560] วรางคณา กรี ติวิบลู ย์, 2558, วารสารวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ปีท่ี 31 ฉบบั ท่ี 1. วรวลญั ช์ รุ่งเรอื งศรี, 2560, “การพยากรณก์ ารผลติ ” .fe.rmutl.ac.th/2012/wp-content/.../Chapter-2_การพยากรณก์ าร ผลิต_Aj.Pei_2.pdf [15 มีนาคม 2560] ศุภชัย ปทุมนากุล,2554, การวางแผนและควบคมุ การผลติ . พมิ พ์ครั้งท่ี 2. หนว่ ยสารบญั งานบริหารและงานธุรการ คณะ วศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ . Chambers, Jhon,C.,Mullick, Satinder,K. and Smith, Donald,D.,(1971), How to Choose the Right Forecasting Technique. Harvard Business Review. https://hbr.org/1971/07/how-to-choose-the-right-forecasting- technique [15 มนี าคม 2560] 282
Topic F: Demand Planning การประชมุ สมั มนาเชงิ วชิ าการด้านการจดั การโลจิสติกส์และโซอ่ ปุ ทาน คร้ังท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 Paper ID: DP 05 Crop Yields Forecasting in Thailand by Applying a Multiple Regression Panudet Saengseedam1*, Parinya Srisattayakul2, Sutham Siwawut3 1*, 2, 3 Department of Industrial Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Krungthep, Tel. 02-287-9600 E-mail 1 [email protected], 2 [email protected], 3 [email protected] ABSTRACT This paper proposes a multiple regression. The proposed model is applied to forecast rice and cassava yields, a spatio-temporal data type, in Thailand. The data have been extracted from the Office of Agricultural Economics, Ministry of Agriculture and Cooperatives of Thailand. The proposed model was compared with a simple exponential smoothing model (ES) and also compared to an autoregressive integrated moving average model (ARIMA). Researchers found that the proposed model is the most appropriate, using the mean absolute error criterion. It fits the data very well in both the fitting part and the validation part for rice yield. Therefore, it is recommended to be a primary model for forecasting these types of spatio-temporal time series data. The advantage of this research is can reduce Bullwhip of demand in supply chain management. Author Keywords: multiple regression, crop yield, forecasting, spatio-temporal. 1. Introduction Since Thailand is an agricultural country, forecasting of product yields is very important for decision making or production planning. The Office of Agricultural Economics, an organization under the Ministry of Agriculture and Cooperatives of the Kingdom of Thailand (OAE, 2013), releases a yearly report for common agricultural products in each province of Thailand such as rice, rubbers, cassava, sugar cane, and pineapples. Those kinds of data motivated us to investigate and develop an appropriate model to analyze and forecast them for reduce Bullwhip of demand in supply chain management. Rice and cassava yields have been selected to be studied because of its two important agricultural yields in Thailand. Table 1 presented the top ten levels of agricultural yields according to the farm value in year 2012. Table 1: Top ten levels of agricultural yields according to the farm value in year 2012. Type Yields (Tons) Farm value Southern (Million Baht) 1. Rice Northern North Central 1.1 Major Rice 1.2 Second Rice - Eastern Plain - 434,892 7,873,856 - - 405,399 310,549 2. Para rubber 5,198,586 3. Sugarcane 13,208,883 5,462,249 4. Cassava 59,569 28,912,702 1,626,533 5,164,356 234,050 124,343 2,699,080 315,944 6,197,571 430,480 436,210 - 93,874 37,209,173 32,278,590 - 61,467 15,203,382 8,009,167 283
การประชุมสัมมนาเชงิ วชิ าการด้านการจัดการโลจิสติกส์และโซอ่ ุปทาน ครั้งท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 Type Yields (Tons) Farm value Southern (Million Baht) 5. Oil palm Northern North Central 6. Longans 7. Durians 10,560 Eastern Plain 8. Pineapple 625,291 9. Lemons 100,860 1,144,790 10,070,450 55,614 10. Shallots 14,708 - 20,690 462,543 22,806 205,683 16,379 200,144 8,086 16,553 1,061 311,444 25,004 134,123 72,701 1,890,018 6,445 6,348 5,900 100 98,347 - 94,098 - Table 1 shows that the rice value is largest (434,892 Million Baht) and the most planted area is in the North-Eastern of Thailand. The Para rubber value is the second one (315,944 Million Baht), and the most planted area is in the South of Thailand. The sugarcane value is third one (93,874 Million Baht) but the recorded data are not completed, so they are not considered to be used in this paper. The cassava value is fourth one (61,467 Million Baht) and the most planted area is in the North-Eastern of Thailand, the same area rice. Therefore, the rice and cassava are selected to be used in this study. This paper proposes a multiple regression for rice yield whose factors are cassava, zone and Month 11 The proposed model is applied to the rice and cassava yields in the 19 north-Eastern provinces of Thailand. The performance of the proposed models is compared MAEs with some traditional models, simple exponential smoothing (ES) models and autoregressive integrated moving average (ARIMA) models. The organization of this paper is as follows. In Section 2, we introduce a multiple regression. In Section 3 we illustrate an application of rice and cassava yields. The results are present in Section 4. Discussion and conclusions are presented in Section 5 and 6, respectively. 2. Methodology A multiple regression is one of the best methodologies for the analysis of repeated measures data. One major advantage of this methodology is that it accommodates the complexities of these repeated measurements. A general multiple regression is yit β CZit (1) it for i 1, , m; t 1, ,T , where yit is the ith individual response at time t , β is fix effect, Zit independence variable, C is coefficients random error which is of independence variable and is a it normally independent and identically distributed, N(0, 2) it Multiple regression for rice yield, the dependent variables, treating cassava yield, zones and Month 11 as the independent variables. In North-Eastern product yields always similar in each area and Month 11 is maximum rice yield in each province. Cassava also popular plant in North-Eastern. The North-Eastern part of Thailand is divided into three zones, upper zone, central zone and lower zone. The provinces in each zone were presented in Table 2. The dummy variables for those three zones were presented in Table 3 and for months were presented in Table 4. 284
การประชุมสมั มนาเชงิ วชิ าการด้านการจดั การโลจสิ ตกิ สแ์ ละโซอ่ ปุ ทาน ครั้งที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 Table 2: Zones in the North-Eastern part of Thailand. Upper zone Zone Lower zone 1. Loei Central zone 12. Yasothon 8. Maha 2. Nong Bua Lam Sarakham 13. Amnat Charoen Phu 9. Roi Et 3. Udon Thani 14. Ubon Ratchathani 4. Nong Khai 10. Kalasin 15. Si Sa Ket 5. Sakon Nakhon 11. Khon Kaen 16. Surin 6. Nakhon Phanom 17. Buri Ram 7. Mukdahan 18. Chaiyaphum 7. Mukdahan 19. Nakhon Ratchasima Table 3: Dummy variables for zones in the North-Eastern part of Thailand. Zone Zone 1 (Lower) Zone 2 (Central) Upper (Reference zone) 0 0 0 1 Central 1 0 Lower Table 4: Dummy variable for months. Months Dummy Not Month 11 (Not Nov.) (Reference month) 0 Month 11 (Nov.) 1 The performance of the proposed models is compared MAEs with some traditional models, simple exponential smoothing (ES) models and autoregressive integrated moving average (ARIMA) models. The multiple regression, ES and ARIMA were run in SPSS version 17. 3. Application The proposed model is applied to the rice and cassava yields in the 19 north-Eastern provinces of Thailand and have been collected from the annual reports of the Officer of Agricultural Economics from 2002 to 2011 (120 months). The data were divided into two parts. The first 108 months are for model fitting and the last 12 months are for model validation, using MAEs compared performance of Models. The measure of accuracy is mean absolute error (MAE) as: n n Yt Yˆt (2) et t 1 n MAE t1 n Mean absolute error (MAE) measures how much the series varies from its model-predicted level. MAE is reported in the original series units (Tons). 4. Result The coefficients when treating cassava yield, zone and Month 11 as independent variables from the multiple regression were presented in Table 5. 285
การประชุมสัมมนาเชงิ วชิ าการด้านการจัดการโลจสิ ติกสแ์ ละโซ่อปุ ทาน ครัง้ ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 Table 5: Estimated regression coefficients when treating cassava yield, zone and Month 11 as independent variables. Model Unstandardized Coefficients Standardized t Sig. Coefficients (Constant) B Std. Error 0.338 0.735 cassava 1113.560 3295.522 Beta 3.589 0.000 zone1 .015 6.299 0.000 zone2 .053 4511.783 0.057 5.950 0.000 Month 11 28418.452 5369.330 0.112 44.270 0.000 31947.122 7095.895 0.104 314135.736 0.692 From Table 5, an example of multiple regression for forecasting rice yield can be written in the following form yˆrice 1,113.560 .053Cassava 28, 418.452Zone1 31, 947.122Zone2 314,135.736Month11 The MAEs from the multiple regression for rice yield compared to ES and ARIMA were presented in Table 6. Table 6: Performance from the proposed Model comparing MAEs to ES and ARIMA models for rice yield. Province Model MAE (Tons) Loei ES Fitting Validation ARIMA 21,182.73 24,979.32 Nong Bua Lam Proposed 19,592.30 23,939.07 Phu ES 5,597.57 Udon Thani ARIMA 6,951.11 43,289.07 Nong Khai Proposed 36,668.33 45,911.52 ES 39,395.53 44,979.04 Sakon Nakhon ARIMA 22,850.61 98,556.02 Proposed 74,148.97 101,229.04 Nakhon Phanom ES 81,126.10 7,424.33 ARIMA 33,832.22 53,840.55 Mukdahan Proposed 40,616.49 52,957.14 Yasothon ES 39,328.02 28,158.08 ARIMA 21,724.43 90,544.82 Proposed 75,126.66 ES ARIMA 64,605.44 85,509.87 Proposed 31,729.46 23,246.68 ES 39,952.72 58,702.04 ARIMA 37,069.67 60,830.22 Proposed 22,107.46 13,848.24 ES 16,085.04 23,359.88 ARIMA 14,169.85 22,313.40 Proposed 43,208.52 30,836.89 41,756.63 58,424.90 35,948.14 55,324.97 44,332.29 27,972.62 286
การประชมุ สมั มนาเชิงวิชาการด้านการจดั การโลจิสตกิ สแ์ ละโซอ่ ปุ ทาน คร้ังท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 Table 6: (Continued) Province Model MAE (Tons) Amnat Charoen Ubon Ratchathani ES Fitting Validation Si Sa Ket ARIMA 39,371.74 49,915.28 Surin Proposed 32.682.57 46,305.01 Buri Ram ES 63,504.24 104,393.77 Maha Sarakham ARIMA 119,697.32 165,278.30 Roi Et Proposed 106,849.60 155,302.53 Kalasin ES 60,713.56 87,443.71 Khon Kaen ARIMA 107,194.27 159,423.68 Chaiyaphum Proposed 89,911.66 149,056.88 Nakhon ES 71,092.54 87,068.49 Ratchasima ARIMA 132,952.98 166,862.99 Proposed 108,820.18 156,027.51 ES 64,586.17 84,563.42 ARIMA 115,194.83 154,783.45 Proposed 88,101.60 140,429.49 ES 40,612.17 65,288.54 ARIMA 78,221.27 106,847.28 Proposed 58,912.83 102,805.29 ES 63,361.03 78,715.64 ARIMA 115,850.40 147,864.24 Proposed 85,755.24 135,592.24 ES 47,082.48 46,129.70 ARIMA 62,183.73 83,444.63 Proposed 55,664.14 83,321.08 ES 58,875.62 64,502.03 ARIMA 88,218.96 112,170.31 Proposed 74,344.28 109,330.23 ES ARIMA 61,627.41 34,483.89 Proposed 49,750.54 63,623.78 ES 45,479.85 65,502.70 ARIMA 83,103.82 131,705.99 Proposed 119,624.43 163,438.90 103,443.75 164,380.28 19,398.46 15,292.12 The multiple regression for rice yield, the dependent variables, treating cassava yield, zones and Month 11 as the independent variables is proposed to forecast rice yields in Thailand. The model is applied to rice yield, monthly spatio-temporal data, which are from the Office of Agricultural Economics, Ministry of Agriculture and Cooperatives of Thailand. Using the MAE criterion, the results show that the proposed model is the most effective in both the fitting part and the validation part for rice yield. The proposed model is recommended to be used for spatio-temporal time series data for these kinds of crop yields. The benefit of this research is can reduce Bullwhip of demand in supply chain management. 287
การประชมุ สมั มนาเชิงวิชาการด้านการจดั การโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ครง้ั ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 Reference Congdon, P., 2006. Bayesian Statistical Modelling, 2nd ed., John Wiley and Sons, NK. Cressie, N., Wikle, C. K., 2011. Statistics for Spatio-Temporal Data, Wiley, NK. Gamerman, D., 2010. Dynamic Spatial Models Including Spatial Time Series, in Handbook of Spatial Statistics, A. E. Gelfand, P.J. Diggle, M. Fuentes and P. Guttorp, eds., Chapman & Hall/CRC, FL, ch.24, 437–448. Huang, J., Wang, X., Li, X., Tian, H., Pan, Z., 2013. Remotely sensed rice yield prediction using multi- temporal NDVI data derived from NOAA's-AVHRR, PLoS One 8, pp. 1–13. Lee, R., 1999. Modeling corn yields in Iowa using time series analysis of AVHRR data and vegetation phenological metrics, Ph.D. diss., University of Kansas, Lawrence, Kansas. McCulloch, C. E., Searle, S. R., Neuhaus, J. M., 2008. Generalized, Linear and Mixed Models, 2nd ed., John Wiley and Sons, NJ. Muhire, I., Ahmed, F., Abutaleb, K., 2014. Spatio-temporal trends in major food crop yields in Rwanda, GJHSS 14, 24–42. Potgieter, A. B. , Hammer, G. L, Doherty, A. , 2005. A simple regional- scale model for forecasting sorghum yield across North-Eastern Australia, Agric. Forest Meteorology. 132, 143–153. Rahman, N. M. F., 2010. Forecasting of boro rice production in Bangladesh: An ARIMA approach, J. Bangladesh Agric. Univ. 8, 103–112. R Core Team. R, 2013. : A language and environment for statistical computing, Available: http://www.R-project.org/. Saengseedam, P., Kantanantha, N., 2014. Spatial time Series models for rice and cassava yields based on bayesian linear mixed models, Int. J. Math. Comput. Phys. Quantum Eng. 8, 1046–1051. Tongkhow, P. , Kantanantha, N. , 2013. Bayesian models for time series with covariates, trend, seasonality, autoregression and outliers, J. Comput. Sci.9, 291–298. Yelland, P. M., 2010. Bayesian forecasting of part demand, International Journal of Forecasting, 26, 374–396. 288
การประชมุ สัมมนาเชงิ วิชาการด้านการจัดการโลจิสตกิ ส์และโซ่อปุ ทาน ครัง้ ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวศิ วกรรมอุตสาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 Topic G: Government Policies and Regulations 289
การประชมุ สมั มนาเชิงวชิ าการด้านการจัดการโลจิสติกสแ์ ละโซ่อปุ ทาน ครัง้ ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 Topic G: Government Policies and Regulations Paper ID: GP 01 ปัจจยั เชิงกาหนดท่มี ผี ลตอ่ ความคืนสภาพไดท้ างด้านไซเบอร์ของโซอ่ ปุ ทาน ภายใตร้ ะบบนเิ วศธรุ กิจดจิ ิทลั ของประเทศไทย นรสิ อไุ รพนั ธ์1, ประสงค์ ปราณีตพลกรัง2, ธรินี มณีศรี3 1, 3 บัณฑิตศกึ ษา วิทยาลยั โลจสิ ตกิ ส์และซพั พลายเชน มหาวทิ ยาลยั ศรปี ทมุ E-mail 1 [email protected], 3 [email protected] 2 บัณฑติ ศกึ ษา คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวทิ ยาลยั ศรีปทุม E-mail [email protected] บทคดั ยอ่ งานวิจัยน้ี มวี ตั ถุประสงคเ์ พื่อศกึ ษาถึงปัจจยั ท่ีมผี ลตอ่ ความคืนสภาพได้ทางด้านไซเบอร์ของโซ่อปุ ทานภายใต้บริบท ของระบบนิเวศธุรกิจดิจิทัลในประเทศไทย สาหรับองค์กรต่างๆ ที่ดาเนินกิจกรรมทางด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานภายใต้ สภาวะแวดล้อมที่มีการทาธุรกรรมออนไลน์ องค์กรเหล่านี้มักจะประสบปัญหาภัยคุกคามทางด้านไซเบอร์ทั้งสิ้น การรับมือ จากภัยคกุ คามด้วยวิธีความคืนสภาพได้ทางไซเบอร์กเ็ ปน็ อกี แนวทางหนง่ึ ในการเตรยี มความพรอ้ มเพ่ือตรวจจับและตอบสนอง ต่อภัยคุกคามไดอ้ ย่างรวดเรว็ และเปน็ ระบบ การวจิ ยั นเี้ ปน็ การวิจัยท้ังเชิงคณุ ภาพและเชิงปรมิ าณ ทั้งน้ไี ดท้ าการสารวจไปยัง วิสาหกิจท่ีมีการดาเนินธุรกรรมทางดา้ นดจิ ิทัล โดยจานวนผู้ตอบแบบสอบถามมีท้ังหมด 44 คน ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยท่ีมี ผลกระทบต่อความคืนสภาพได้ทางไซเบอร์ของโซ่อุปทานภายใต้บริบทของระบบนิเวศธุรกิจดิจิทัลมีจานวน 3 ด้าน ได้แก่ ความร่วมมือกันของโซ่อุปทานซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลมากท่ีสุดต่อความคืนสภาพได้ทางไซเบอร์ การจัดการความเสี่ยงของโซ่ อุปทานซ่ึงเป็นปัจจัยท่ีส่งผลในอันดับรองลงมา โดยลาดับสุดท้ายที่ส่งผลได้แก่ปัญหาภัยคุกคามไซเบอร์ นอกจากนั้น องค์ประกอบของความสามารถในการความคืนสภาพได้ทางด้านไซเบอร์ประกอบไปด้วย ความคล่องตัวและความคงท น ผลการวิจัยนี้ยังใช้เป็นแนวทางในการจัดการความต่อเน่ืองทางธุรกิจดิจิทัลในเชิงไซเบอร์ของโซ่อุปทานสาหรับประเทศไทย ตอ่ ไป คาสาคัญ : ภยั คกุ คามไซเบอร์; ความคนื สภาพได้ทางด้านไซเบอรข์ องโซ่อุปทานว; ระบบนิเวศธรุ กจิ ดิจทิ ัล 1. บทนา นับตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 เป็นต้นมา การจัดการโซ่อุปทานเป็นระบบที่ได้ทาการพัฒนาให้มีการจัดการกิจกรรมต่างๆ ภายใต้เครือข่ายของระบบคอมพิวเตอร์มากข้ึน จากเดิมที่ต้องใช้กระดาษทารายการค้าก็ได้มีการปรับเปล่ียนให้ใช้เอกสาร อิเล็กทรอนิกส์มากข้ึน โดยในอนาคตเองก็อาจจะต้องมีการส่งเสริมให้ใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นมาตรฐานสากลมากข้ึน ดังนั้นเพอ่ื ในทกุ ๆ ธรุ กจิ จาเปน็ ตอ้ งมกี ารเตรยี มตัวเพ่อื การแขง่ ขันในโลกดจิ ิทัล เพอ่ื ทาใหเ้ กิดความเช่ือมโยงของข้อมูลไม่ว่าจะ เปน็ ภายในองคก์ ร ภายในโซ่อุปทาน หรือแมแ้ ต่ระหว่างโซอ่ ปุ ทานด้วยกนั กจิ กรรมต่างๆ ท่เี ก่ยี วข้องกับโซ่อปุ ทานไดม้ ีการ นาเอาเรื่องของเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้งานแทบทั้งส้ิน โดยมีวัตถุประสงค์ท่ีจะทาให้สามารถเชื่อมโยงการ ดาเนินงานระหว่างองค์กรท้ังภายในโซ่อุปทานหรือระหว่างโซ่อุปทาน และทาให้การดาเนินงานภายในโซ่อุปทานสามารถ ทางานรว่ มกันไดอ้ ยา่ งเรยี ลไทม์ กิจกรรมต่างๆ ในโซอ่ ปุ ทานทไี่ ดถ้ กู ปรบั เปล่ยี นใหเ้ ปน็ ดิจทิ ัลอยูแ่ ลว้ นัน้ จงึ ตอ้ งได้รบั การพัฒนา 290
การประชุมสมั มนาเชิงวิชาการด้านการจดั การโลจิสตกิ ส์และโซ่อปุ ทาน ครัง้ ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวศิ วกรรมอุตสาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 ไปตามเทคโนโลยี โดยเทคโนโลยที เี่ พิ่มเติมเข้ามาน้ีจะตอ้ งมีการทางานผ่านระบบอินเทอร์เนต็ ประกอบกบั อุปกรณท์ ่สี ามารถ เช่ือมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ตท่ีได้ถูกนามาใช้งานก็มีความหลากหลาย ตัวอย่างอุปกรณ์ดังกล่าวได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์, โน้ตบุค๊ , โมบายโฟน, แทปเลต, สมาร์ตโฟน หรือุปกรณ์พกพาตา่ งๆ ผลลพั ธ์ทีต่ ามมาสาหรับการใชเ้ ทคโนโลยีการสอื่ สารผา่ น อุปกรณ์ท่ีทันสมัยเหล่าน้ี สิ่งที่หลีกหนีไม่ได้ก็คือ การท่ีต้องเผชิญกับภัยคุกคามทางด้านไซเบอร์ (Cyber Threats) และจาก การเพิ่มขึ้นของการนาเอาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้น้ี เป็นผลให้นามาสู่ความเส่ียงทางด้านไซเบอร์ (Cyber Risk) ที่ เพิม่ ขึ้นไดเ้ ชน่ เดียวกนั จากรายงานแนวโนม้ ภยั คุกคามความมนั่ คงปลอดภัยสารสนเทศ สาหรบั ปี 2016 “Threat Horizon 2016” รายงาน ในธีมหัวข้อ “On The Edge of Trust” โดย Information Security Forum (2016) ได้รายงานสรปุ ทิศทางในเชิงลบ เป็น ภัยความเสี่ยง 3 ประเด็นหลัก คือ (1) ไม่มีใครน่าไว้วางใจในไซเบอร์อีกต่อไป (2) ความเช่ือมั่นในระบบหรืองานประยุกต์ การรักษาความมน่ั คงปลอดภัยในแนวทางที่ยอมรบั โดยทั่วไปเส่อื มสลาย ต้องคิดหาแนวทางใหม่ และ (3) ความล้มเหลวต่อ การรกั ษาระดบั การให้บรกิ ารในการรักษาความมัน่ คงปลอดภัยทางไซเบอร์ จากรายงานนที้ าให้เห็นวา่ ความรุนแรงของภัยคกุ คามทางด้านไซเบอร์ได้เกิดข้นึ อยา่ งตอ่ เน่ือง องค์กรและหนว่ ยงานตา่ งๆ ไม่มี ความสามารถในการปรบั ตัวและรับมือ ในขณะทซ่ี อฟต์แวร์ท่ีประยุกต์ใช้งานอย่ใู นปจั จบุ นั ที่มอี ยโู่ ดยทว่ั ๆ ไป ไดก้ ลายเปน็ ภยั คุกคามสาคัญเสียเอง ทั้งจากการใช้งานผู้ให้บริการภายนอก, แอปพลิเคชันมือถือ, การเข้ารหัสข้อมูลและการจัดการข้อมูล ขนาดใหญ่ขององค์กร ตลอดจนบทบาทของภาครัฐที่เข้ามาแทรกแซงหรือควบคุมอินเทอร์เน็ต ซ่ึงหมดเป็นสาเหตุที่ทาให้เกิด การจารกรรมทางไซเบอร์ไดท้ ้ังส้นิ นอกจากน้ีก็ยังไดม้ ีรายงานสถานการณ์ภัยคุกคามของ Trend Micro ในปี 2015 ท่ีผ่านมา (TrendMicro, 2015) ได้รายงานว่า ในช่วงปี 2015 ท่ีผ่านมาภัยคุกคามทางไซเบอร์จะประกอบด้วยภัยคุกคามท้ังแบบเก่า และแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็น มัลแวร์ที่แฝงตัวในโฆษณา (Malvertising) และช่องโหว่ท่ีเพิ่งค้นพบซึ่งได้แก่ ภัยคุกคามที่ท้าทาย ความน่าเชื่อถือในระบบโซ่อุปทานและแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม” (Bad Ads and Zero-Days: Reemerging Threats Challenge Trust in Supply Chains and Best Practices), ระบบชาระเงนิ ในธุรกจิ ค้าปลกี และธุรกจิ ความงามและสขุ ภาพ ยังพบเจอกับปัญหาภัยคุกคามทางไซเบอร์ท่ีเพิ่มสูงข้ึน รายงานดังกล่าวเน้นย้าว่าความไว้วางใจของผู้ใช้ อาจก่อให้เกิดความ เส่ียงทางด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างมากในยุคท่ีความผิดพลาดแม้เพียงเลก็ น้อยก็อาจก่อใหเ้ กิดปัญหาร้ายแรง ได้ ถึงแม้วา่ การโจมตที ่ีมีต่อธุรกิจเหลา่ น้ีอยู่ในชว่ งเริม่ แรก แต่มนั ก็ไดเ้ กดิ ข้ึนมานานหลายปแี ล้ว ดังนั้นนักวิจัยจึงเช่ือว่าการเพิ่มข้ึนนี้เป็นผลมาจากการขาดความพร้อมซ่ึงเป็นปัญหาสาคัญท่ีจาเป็นต้องได้รับการ จัดการดูแลอย่างจรงิ จงั ประเด็นที่เราตอ้ งต้งั คาถามก็คอื ว่า เราได้ดาเนินการอย่างเพียงพอแล้วหรอื ยงั เพ่ือท่ีจะปกป้องธรุ กิจ ของตัวเราเองจากภัยคุกคามด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เราจาเป็นท่ีจะต้องอัพเดตระบบเพ่ือป้องกันภัยคุกคาม ใหม่ๆ ดังนัน้ แล้วไม่เพียงแตท่ ีจ่ ะต้องระวังต่อภยั คกุ คามตัวใหมๆ่ ทเ่ี ขา้ มา แตจ่ ะต้องระวังต่อภัยคกุ คามเดมิ ๆ ด้วยเช่นกนั และ จาเป็นท่ีจะต้องทาโดยให้ครอบคลุมทุกระบบและทุกกลุ่มอุตสาหกรรมอย่างไม่มีข้อยกเว้น ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมาธุรกิจ ขนาดกลางและขนาดใหญใ่ นประเทศไทยตา่ งไดล้ งทนุ ด้านไอซที ไี ปค่อนข้างมาก และไดส้ ร้างสมรรถนะในการแขง่ ขันด้วยไอซที ี การทาธุรกิจออนไลน์และแลกเปลี่ยนข้อมลู ทางการค้ากับพันธมิตรดว้ ยเอกสารอิเลก็ ทรอนิกสก์ ไ็ ดพ้ ัฒนาไปแลว้ ไม่แพ้ประเทศ อื่น ซึ่งต่างกับธุรกิจกลุ่ม SMEs ที่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้พัฒนาระบบธุรกิจไปในทิศทางที่กล่าวข้างต้น ซ่ึงเป็นเรื่องปกติของ ธรุ กจิ SMEs ทัว่ ทั้งโลกที่เปน็ กลุ่มทีใ่ ชไ้ อซที นี อ้ ยท่สี ุดดว้ ยเหตุผลที่พอเข้าใจได้ จงึ จาเป็นที่ภาครฐั ต้องเขา้ มาส่งเสริมธุรกิจกลมุ่ น้ี ให้เข้าสู่การใช้ระบบออนไลน์ด้วยเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ให้มากที่ สุดเพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขันทั่วทั้งระบบ เศรษฐกิจของไทยในที่สดุ 291
การประชุมสัมมนาเชงิ วิชาการด้านการจดั การโลจิสติกสแ์ ละโซ่อปุ ทาน ครัง้ ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 จากการสนับสนุนของภาครัฐโดยการประกาศนโยบายการขับเคลอื่ นเศรษฐกิจดิจิทลั โดยคณะกรรมการเตรียมการ ด้านดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม ได้เสนอ (ร่าง) แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ (ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาล ดิจิทัลของประเทศไทย (พ.ศ.2559-2561) รวมถึงการพัฒนา Data Center และ โครงการยกระดับโครงสร้างพ้ืนฐาน โทรคมนาคมเพอื่ ขบั เคลอ่ื นเศรษฐกจิ มุ่งนาพาประเทศสู่ DIGITAL THAILAND ทาใหห้ น่วยงานตา่ งๆ ท้ังภาครัฐและภาคธุรกจิ ของประเทศไทยเกดิ ความตื่นตัวในการที่จะพัฒนาระบบการทางานในแต่ละบริษัทเพื่อใหส้ ามารถรองรบั ต่อนโยบายเศรษฐกจิ ดิจิทัลดังกล่าว เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) เป็นระบบเศรษฐกิจท่ีธุรกิจส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลทาการค้าการ ขาย ตั้งแต่การผลิต การส่ังซ้ือ การส่งสินค้าตลอดจนการชาระเงิน ที่มีการดาเนินธุรกรรมมากกว่าการทางานด้วยระบบ คอมพิวเตอร์แบบเดิม เน่ืองจากระบบธุรกิจถูกสร้างข้ึนจากความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน คนกับองค์กร และองค์กรกับ องค์กรหรือกับกลุม่ องค์กร และกับสงิ่ แวดลอ้ ม ส่ิงแวดล้อมในที่นี้อาจหมายถึง กฎหมาย กฎระเบยี บของภาครฐั ในบรบิ ทของ การทาธุรกจิ ชมุ ชน ลูกคา้ คคู่ ้า คแู่ ข่ง ระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบงานอื่น ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ธุรกิจ รวมท้งั ทรัพยากรของ องค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่นคน อุปกรณ์ สินค้า บริการ และทรัพยากรอ่ืน ๆ ภาพที่แสดงข้างต้น จึงเป็นการแสดงให้เห็น ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบท่ีกล่าวทั้งหมด และเช่ือมโยงกันผา่ นดิจิทัลเทคโนโลยี จึงเรียกไดว้ ่าเป็น “ระบบนเิ วศธรุ กจิ ดจิ ทิ ลั (Digital Business Ecosystem)” และถือว่าเป็นเวทีการคา้ ทส่ี าคญั ในยคุ เศรษฐกจิ ดิจิทัล การศึกษาวิจยั ในบทความนมี้ ีวัตถุประสงค์เพ่ือที่จะทาการศกึ ษาถึงปัจจยั ท่มี ีผลต่อความคืนสภาพได้ทางไซเบอรข์ อง โซอ่ ปุ ทานภายใต้บรบิ ทของระบบนเิ วศธรุ กิจดจิ ิทลั ของประเทศไทย เพอื่ ให้เหน็ ถงึ ปจั จยั ทีจ่ ะส่งผลตอ่ การต่อความคนื สภาพได้ ทางไซเบอรข์ องโซอ่ ุปทาน โดยเน้อื หาของบทความนจี้ ะประกอบไปดว้ ย บทนา การทบทวนวรรณกรรมท่ีเกย่ี วกบั ทฤษฏแี ละ งานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง อันประกอบไปด้วย ความคืนสภาพได้ของโซ่อุปทาน ภัยคุกคามทางไซเบอร์ ความคืนสภาพได้ทางไซ เบอร์ของโซ่อุปทาน โดยผลของการวิจัยทาให้ทราบถึงปัจจัยท่ีมีผลตอ่ ความคืนสภาพได้ทางไซเบอร์ของโซ่อุปทาน ซึ่งได้แก่ การจัดการความเสี่ยงทางไซเบอร์ของโซ่อุปทาน สมรรถนะทางไซเบอร์ของโซ่อุปทาน และความร่วมมือกันทางไซเบอร์ ภายใต้บรบิ ทของระบบนเิ วศธรุ กิจดจิ ิทลั ของประเทศไทย 2. ทฤษฏีและงานวิจัยที่เกยี่ วข้อง 2.1. ความคนื สภาพไดข้ องโซอ่ ุปทาน (Supply Chain Resilience) ความคืนสภาพได้ของโซ่อุปทาน (Ponomarov, 2009) คือ ความสามารถในการปรับตัวของโซ่อุปทาน เพ่ือเตรียมความพรอ้ ม (Readiness) สาหรับเหตกุ ารณท์ ี่ไมค่ าดคิด และตอบสนอง (Response) ต่อการหยดุ ชะงัก และกคู้ นื (Recovery) จากเหตุการณ์เหล่านัน้ โดยการรักษาความตอ่ เน่ืองของการดาเนินงานในระดบั ทตี่ ้องการ ของการเช่ือมโยงและ การควบคุมผ่านโครงสร้างและหน้าที่ 2.2. ความคืนสภาพไดท้ างไซเบอร์ของโซ่อุปทาน (Supply Chain Cyber Resilience) สภาเศรษฐกจิ โลก (World Economic Forum: WEF) ได้นิยามความหมายของคาว่า ความคืนสภาพได้ ทางไซเบอร์ (Cyber Resilience) ไว้ว่า ความสามารถของระบบและองค์กร ในการทนต่อเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นในโลกไซเบอร์ โดยวดั จากผลรวมระหว่างเวลาเฉลย่ี ในการล้มเหลวกับเวลาเฉลีย่ ในการกู้คนื 292
การประชุมสัมมนาเชิงวิชาการด้านการจัดการโลจิสตกิ ส์และโซอ่ ุปทาน ครง้ั ท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวศิ วกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 2.3. การจดั การความเสีย่ งของโซ่อปุ ทาน (Supply Chain Risk Management) จากการศึกษาของ Christopher and Lee (2004) ได้ให้ข้อเสนอแนะว่า วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับ ความเส่ียงในโซ่อุปทาน คือการเพ่ิมความเช่ือม่ันในโซ่อุปทาน ความเชื่อม่ันในโซ่อุปทานจะเกิดข้ึนได้ก็ตอ่ เมื่อ โซ่อุปทาน จะมีความสามารถในการเปล่ียนสภาพคืนกลับสู่สภาวะปกติจากการที่ต้องเผชิญกับการเปล่ียนแปลงท่ีส่งผลกระทบต่อการ ดาเนินงาน จะเห็นได้วา่ ประเด็นดงั กล่าวน้ี ได้สะท้อนให้เหน็ ถึงองค์ประกอบของความคืนสภาพได้ ที่สามารถตัง้ ข้อสังเกตได้ ว่า การจัดการความเสีย่ งกไ็ ด้ถูกพิจารณาอยใู่ นมมุ มองของระบบนิเวศเช่นเดยี วกนั นอกจากน้ี Christopher and Lee ยังได้เสนออีกว่าความเชื่อมั่นในโซ่อุปทาน จะได้รับความเชื่อม่ัน เพ่ิมขึ้นถ้าความเช่ือม่ันดังกล่าวนั้นได้มีการปฏิบัติการโดยผ่านการมองเห็น (Visibility) และการควบคุม กลไกหน่ึงในการ ควบคุมท่ีเพ่ิมข้ึนคือการจัดการเหตุการณ์ที่เป็นการจัดการต่อเหตุการณ์ที่มีมาก่อนหน้าน้ันโดยจากัดให้อยู่ ณ จุดหรือรอยต่อ ของความเช่ือมโยงท่ีสาคัญที่ถูกใช้ในการจัดการต่อการไหลของวัตถุดบิ ทม่ี ีต่อเครือข่ายน้นั ๆ ในกรณีที่กิจกรรมเกนิ ขีดจากดั การควบคุม การแจ้งเตือนจะถูกส่งไปท่ีสมาชิกของโซ่อุปทานที่เฉพาะเจาะจงเพ่ือให้สามารถการดาเนินการแก้ไขกับกรณี ดังกล่าว ดังน้ันการจัดการเหตุการณ์ จึงหมายถึงการตรวจสอบ การรายงาน และการตอบสนองต่อปัญหาท่ีเกิดขึ้นในโซ่ อุปทานอยา่ งเหมาะสม โซ่อปุ ทานทม่ี รี ะบบการจดั การเหตกุ ารณท์ ี่มีประสิทธภิ าพนั้น จะทาให้สามารถท่ีจะลดความเสีย่ งและ ปรับปรุงการดาเนินงานอย่างมีนัยสาคัญ โดยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปล่ียนแปลงสภาพที่อาจจะใช้เวลานานกว่าท่ีจะรับรู้ และตอบสนอง (Stiles, 2002) 2.4. ภยั คุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Threats) ภัยคกุ คามทางไซเบอร์ (Cyber Threats) เปน็ เรื่องทบ่ี ริษัทหรือหนว่ ยงานต่างๆ ท้งั ทเี่ ป็นของรัฐและเอกชน กาลังเผชิญอยู่ โดยภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็นส่ิงท่ีเกดิ ขึน้ เพื่อสร้างความเสยี หายใหก้ ับระบบคอมพิวเตอร์ที่เกิดขน้ึ ในปจั จุบัน นั้น ระบบคอมพิวเตอร์ดังกล่าวก็คือเคร่ืองมือท่ีใช้ในการทางานที่ได้กลายเป็นสิ่งจาเป็นสาหรับบริษัทต่างๆ ในปัจจุบันน้ี เครื่องมือท่ีนามาใช้ในการทางานก็ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล คอมพิวเตอร์พกพา สมาร์ตโฟนต่างๆ รวมไปถึง อุปกรณ์แท็บเล็ต ซ่ึงเป็นสิ่งที่นามาใช้งานเพ่ือทาให้เกิดธุรกรรมต่างๆ ในห่วงโซ่อุปทานเพ่ือการแข่งขันแทบท้ังสิ้น ดังน้ัน เนื่องจากมีอุปกรณ์มากมายท่ีบริษัทต่างๆ ได้นามาใช้เพ่ือการทางาน ก็เท่ากับว่าเป็นการเพิ่มช่องทางให้กับผู้ท่ีไม่หวังดีต่อ บริษัท อันจะทาให้เป็นเป้าหมายในการสร้างความเสียหายให้เกิดข้ึนกับบริษัทรวมไปถึงเครือข่ายของห่วงโซ่อุปทานในท่ีสุด จุดมุ่งหมายของ อาชญากรทางไซเบอร์สว่ นใหญม่ ุ่งไปใน 3 ลักษณะคือ การนาความลบั ไปเปิดเผย (Data Confidentiality) การเปล่ียนแปลงข้อมูล (Data Integrity) และการทาให้ระบบหยุดบริการหรือไม่สามารถใช้งานได้ (System Availability) (เศรษฐพงค์ มะลิสวุ รรณ, 2010) 2.5. ระบบนิเวศธุรกจิ ดิจิทลั (Digital Business Ecosystem) ระบบธุรกิจ (Business System) นั้นได้ถูกสร้างขึ้นมาจากความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน คนกับองค์กร องค์กรกับองค์กรหรอื กลุ่มองค์กร โดยจะต้องเก่ียวข้องกับสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทั้งภายในและภายนอก และด้วยวิวฒั นาการของ ระบบธุรกิจเองน้ัน (Miklo’s Herdon, 2012) ได้ถูกพัฒนาการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ดังกล่าว ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น (มนู, 2015) แนวคิดทางด้านระบบนิเวศธุรกิจได้ถูกนาเสนอโดย Moore (1996) โดยให้คานิยามของระบบนิเวศธุรกิจไว้ว่า ชุมชนทางเศรษฐกจิ (Economic community) ท่ไี ด้รบั การสนับสนุนโดยองค์กรทมี่ ีปฏิสมั พันธ์ระหว่างกนั และกบั ตวั เอง หรือ อาจกล่าวได้ว่าเป็นองค์กรบนโลกธุรกิจ นอกจากน้ี Moore (1996) ยังช้ีให้เห็นว่า ระบบ (systems) ประกอบไปด้วยผู้มีส่วน ร่วมทห่ี ลากหลายซ่ึงได้แก่ ลกู คา้ ค่แู ข่งขัน และอื่นๆ อกี มากมาย และจากการศกึ ษาของ Nachira (2002) ไดก้ ล่าววา่ ระบบ นเิ วศธุรกจิ ดิจิทัลจะเกิดข้นึ ก็ตอ่ เมื่อ “ธรุ กิจไดม้ กี ารใชง้ านภายใตเ้ ทคโนโลยีอินเทอรเ์ น็ต” ท่อี ยู่ในระดับที่ การบริการทางธุรกจิ 293
การประชุมสมั มนาเชิงวิชาการด้านการจดั การโลจิสตกิ สแ์ ละโซอ่ ุปทาน คร้ังที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 และส่วนประกอบของซอฟต์แวร์ ได้รับการสนับสนุนโดยสภาพแวดล้อมทางด้านซอฟต์แวร์ท่ีหลากหลาย ซึ่งแสดงให้เห็นถึง วิวัฒนาการและพฤติกรรมการในการจัดการตัวเอง ดังนั้น การส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจดิจิทัลของภาครัฐจึงเป็นการสร้างให้ ภาคเอกชนไดต้ ระหนักและเกิดการกระตนุ้ ใหส้ ามารถทาธรุ กิจไดก้ บั คนทั่วโลก ท่ีตอ้ งเชอ่ื มโยงกนั ดว้ ยระบบอเิ ล็กทรอนิกส์ อัน จะเป็นการนาพาธุรกจิ ไทยให้เขา้ สยู่ ุคเศรษฐกิจดิจิทัลด้วยการทาธรุ กิจออนไลนแ์ บบครบวงจรมากขึน้ 3. วธิ ดี าเนนิ การวิจัย เน่ืองจากเป็นการวิจัยแบบผสม ในส่วนของการวิจัยเชิงคุณภาพเป็นการวิจัยเอกสาร (Documentary Research) โดยผู้วิจัยได้ทาศึกษาเอกสารงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ และ เอกสารวิชาการท่ีเก่ียวข้องกับความคืนสภาพได้ของโซ่ อุปทานและความมั่นคงปลอดภยั ไซเบอร์ และ ในส่วนของการวิจัยเชิงปริมาณ ผู้วิจัยได้ใช้แบบสอบถามเป็นเครือ่ งมือในการ เก็บรวบรวมขอ้ มูล ประชากรและกล่มุ ตวั อยา่ งท่ีใช้ในการวจิ ยั ครงั้ นไี้ ดแ้ ก่ เปน็ บริษัททีม่ ีการดาเนินธุรกรรมทางด้านเทคโนโลยี สารสนเทศ โดยการสุ่มแบบเจาะจงจากบุคลากรที่ทางานในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ท่ีดาเนินธุรกรร มทางด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศ จานวน 44 คน ทั้งนี้ เพื่อศึกษาถึงปัจจัยท่ีมผี ลต่อความคืนสภาพได้ทางไซเบอรข์ องโซ่อุปทาน สถิติที่ ใช้ในการวเิ คราะหข์ อ้ มูลไดแ้ ก่ รอ้ ยละ ค่าเฉล่ีย และคา่ เบีย่ งเบนมาตรฐาน โดยเน้น ประเด็นเกี่ยวกับภัยคุกคามทางด้านไซ เบอร์ ที่จะก่อให้เกิดความเสี่ยงขึ้นต่อองค์กรและรวมไปถึงโซ่อุปทาน ภายใต้การดาเนินของวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมสาขาดิจิทัลคอนเท้นท์ รวมไปถงึ การเตรยี มความพร้อมทจ่ี ะรับมอื ตอ่ ปัญหาภัยคกุ คามทางไซเบอร์ เพอื่ สรุป ถึงปัจจัยที่มอี ทิ ธิพลต่อการคืนสภาพไดท้ างไซเบอร์ของโซ่อุปทาน จากน้ันจึงนาข้อมูลมาวเิ คราะหเ์ น้ือหาตามวัตถุประสงคข์ อง การวจิ ยั 4. ผลการวจิ ยั การศึกษาวิจยั ผลการวิจัย พบวา่ สว่ นที่ 1 ขอ้ มูลท่ัวไป ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงจานวน 29 คน (ร้อยละ 65.9) มีอายุระหว่าง21-30 ปีจานวน 27 คน (ร้อยละ 61.4) การศึกษาในระดับปริญญาตรี จานวน 32 คน (ร้อยละ 72.7) ตาแหน่งส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าหน้าท่ีฝ่าย สารสนเทศ จานวน 34 คน (รอ้ ยละ 77.3) สว่ นใหญ่มีอายุงานนอ้ ยกว่า 1 ปี จานวน18คน (ร้อยละ40.9) และสว่ นใหญไ่ มเ่ คยพบ ปญั หาเรื่องการโจมตีทางไซเบอร์ จานวน 23 คน (ร้อยละ 52.3) ส่วนที่ 2 ความคิดเห็นเก่ียวกับความสามารถสาหรับการคืนสภาพไดท้ างด้านไซเบอร์ของโซ่อุปทาน การวิเคราะห์ แบบสอบถามความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่าง เกี่ยวกับความสามารถสาหรับการคืนสภาพได้ทางด้านไซเบอร์ของโซ่ อุปทาน แสดงไว้ดังตารางที่ 1 ตารางท่ี 1 : ความคิดเหน็ เก่ียวกับความสามารถสาหรบั การคนื สภาพไดท้ างด้านไซเบอรข์ องโซ่อุปทาน ข้อคาถาม x̅ SD แปลความหมาย 1. ด้านความคล่องตัว 3.84 0.72 มาก 2. ด้านความคงทน 3.84 0.74 มาก ระดบั ความคดิ เห็นเฉลยี่ 3.84 0.73 มาก 294
การประชุมสมั มนาเชงิ วชิ าการด้านการจัดการโลจิสตกิ ส์และโซอ่ ปุ ทาน ครง้ั ท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 จากตารางที่ 1 ความคิดเห็นเกี่ยวกับความสามารถสาหรับการคืนสภาพได้ทางด้านไซเบอร์ของโซ่อุปทาน ซึ่ง ประกอบด้วย ด้านความคลอ่ งตัวซึ่งอยใู่ นระดบั เห็นด้วยมาก (x̅=3.84, SD = 0.72) ด้านความคงทนอยู่ในระดับเห็นด้วยมาก (x̅=3.84, SD = 0.74) ดังนั้น ความคิดเห็นเกี่ยวกับความสามารถสาหรับการคืนสภาพได้ทางด้านไซเบอร์ของโซ่อุปทาน โดยรวมอยู่ในระดบั เห็นดว้ ยมาก (x̅=3.84, SD = 0.73) ส่วนท่ี 3-5 ความคิดเหน็ เกย่ี วกับความรว่ มมือกันของโซ่อปุ ทาน ปญั หาภยั คกุ คามทางไซเบอร์ และ การจัดการ ความเส่ยี งทางไซเบอร์ของโซ่อุปทาน การวเิ คราะหแ์ บบสอบถามความคิดเหน็ จากกลมุ่ ตัวอย่างเกย่ี วกบั ความร่วมมือกนั ของโซ่ อุปทาน ปัญหาภัยคุกคามทางไซเบอร์ และ การจัดการความเสี่ยงทางไซเบอร์ของโซ่อุปทาน มาใช้สาหรับการคืนสภาพได้ ทางดา้ นไซเบอรข์ องโซ่อุปทาน แสดงไว้ดังตารางท่ี 2 จากตารางที่ 2 ความคิดเห็นเก่ียวกับความรว่ มมือกันของโซ่อุปทาน ปัญหาภยั คุกคามทางไซเบอร์ และ การจัดการ ความเส่ียงทางไซเบอร์ของโซอ่ ุปทาน มาใช้สาหรับการคืนสภาพได้ทางด้านไซเบอร์ของโซ่อุปทานซ่ึงประกอบด้วยด้านความ ร่วมมือกันของโซอ่ ุปทาน (การแบ่งปันขอ้ มูลรว่ มกัน, ความไวใ้ จ, ความรว่ มมือกนั ในการสอ่ื สาร, การสร้างความรูร้ ่วมกัน) อยู่ ในระดับเหน็ ดว้ ยมาก (x̅ = 3.91, SD = 0.83) ดา้ นปญั หาภยั คกุ คามไซเบอร์ (ไมม่ ใี ครน่าไว้ใจในไซเบอร์อกี ตอ่ ไป ความเชอ่ื มน่ั ใน ระบบหรอื โซลชู ่นั การรกั ษาความมน่ั คงปลอดภยั ในแนวทางทย่ี อมรับโดยทั่วไปไดม้ กี ารเสอ่ื มสลายลงไปแลว้ ตอ้ งคิดหาแนวทาง ใหม่ ความล้มเหลวต่อการรกั ษาระดบั การให้บรกิ ารในการรกั ษาความมนั่ คงปลอดภยั ทางไซเบอร์ อยใู่ นระดับเห็นด้วยมาก (x̅ = 3.84, SD = 0.77) ด้านการจัดการความเสี่ยงของโซ่อุปทาน(ภัยคุกคาม,ช่องโหว่) อยู่ในระดับเห็นดว้ ยมาก (x̅=3.88, SD = 0.79) ดังน้ัน ความคิดเห็นเก่ียวกับ ปัจจัยด้าน ความร่วมมือกันของโซ่อุปทาน ปัญหาภัยคุกคามทางไซเบอร์ และ การ จัดการความเส่ียงทางไซเบอร์ของโซ่อุปทานท่ีนามาใช้สาหรับการคืนสภาพได้ทางด้านไซเบอร์ของโซ่อุปทาน โดยรวมอยู่ใน ระดับเหน็ ดว้ ยมาก (x̅ = 3.88, SD = 0.80) ตารางท่ี 2 : ความคิดเห็นเกี่ยวกับ ปัจจัยด้าน ความร่วมมอื กันของโซ่อุปทาน ปัญหาภัยคุกคามทางไซเบอร์ และ การจัดการ ความเส่ียงทางไซเบอรข์ องโซอ่ ุปทานทนี่ ามาใช้สาหรบั การคืนสภาพไดท้ างด้านไซเบอรข์ องโซ่อปุ ทาน ข้อคาถาม x̅ SD แปลความหมาย 1. ด้านความรว่ มมอื กนั ของโซ่อปุ ทาน 3.91 0.83 มาก 1.1 การแบง่ ปันข้อมลู รว่ มกนั 1.2 ความไว้ใจ 3.81 0.85 มาก 1.3 ความรว่ มมือกนั ในการสื่อสาร 1.4 การสร้างความรรู้ ว่ มกัน 4.07 0.78 มาก 2. ดา้ นปญั หาภัยคุกคามไซเบอร์ 2.1 ไม่มีใครนา่ ไว้ใจในไซเบอรอ์ กี ตอ่ ไป 3.92 0.85 มาก 2.2 ความเช่ือมนั่ ในระบบหรือโซลชู น่ั การรกั ษาความ 3.85 0.85 มาก มัน่ คงปลอดภยั ในแนวทางที่ยอมรบั โดยทว่ั ไปได้มี การเสื่อมสลายลงไปแลว้ ตอ้ งคิดหาแนวทางใหม่ 3.84 0.77 มาก 2.3 ความล้มเหลวต่อการรักษาระดับการให้บริการในการ รกั ษาความมน่ั คงปลอดภยั ทางไซเบอร์ 3.84 0.83 มาก 3. ด้านการจดั การความเสยี่ งทางไซเบอรข์ องโซ่อปุ ทาน 3.90 0.76 มาก 3.79 0.71 มาก 3.88 0.79 มาก 295
การประชมุ สมั มนาเชงิ วิชาการด้านการจัดการโลจิสตกิ สแ์ ละโซอ่ ปุ ทาน คร้ังท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 ข้อคาถาม x̅ SD แปลความหมาย 3.1 ภยั คกุ คาม 3.75 0.75 มาก 3.2 ช่องโหว่ ระดับความคดิ เห็นเฉลี่ย 4.01 0.83 มาก 3.88 0.80 มาก 5. การอภิปรายผลการวิจัย จากการวิจัยพบว่า ปัจจัยท่ีส่งผลต่อความสามารถในการคืนสภาพได้ทางด้านไซเบอร์ของโซ่อุปทาน ได้แก่ ความ ร่วมมือกันของโซ่อุปทาน การจัดการความเสย่ี งของโซ่อุปทาน และปัญหาภยั คุกคามทางไซเบอร์ ซ่ึงจากผลการศึกษาพบวา่ ปัจจัยท้ัง 3 น้ีเป็นปัจจัยที่จะส่งผลต่อความสามารถในการคืนสภาพได้ทางด้านไซเบอร์ของโซ่อุปทานอยู่ในระดับมาก โดยท่ี ความรว่ มมอื กันของโซ่อปุ ทานเปน็ ปัจจัยท่ีส่งผลต่อความคืนสภาพได้ทางด้านไซเบอร์ของโซ่อุปทานมากทส่ี ุด โดยมีการจดั การ ความของโซ่อุปทานเป็นปัจจยั ทสี่ ่งผลรองลงมาและปัญหาภัยคุกคามทางไซเบอรเ์ ป็นปัจจัยท่ีส่งผลต่อความสามารถในการคนื สภาพได้ทางไซเบอร์ของโซ่อุปทานในลาดับสุดท้าย โดยที่ความสามารถในการคืนสภาพได้ทางด้านไซเบอร์ของโซ่อุปทาน ประกอบไปดว้ ย ความคลอ่ งตวั และความคงทน ซ่ึงก็เป็นองค์ประกอบของการคนื สภาพไดท้ างด้านไซเบอร์ของโซอ่ ุปทานใน ระดับมากเชน่ กัน 6. การสรุปผลการวจิ ยั จากผลการวิจัยและการอภิปรายผลการวิจัยท่ีได้กล่าวมาในข้างต้นนั้น ทาสามารถสรุปได้ว่าปั จจัยท่ีส่งผลต่อ ความสามารถในการคืนสภาพได้ทางไซเบอร์ของโซ่อุปทานน้ันประกอบไปด้วย ความร่วมมือกันของโซ่อุปทาน การจัดการ ความเสี่ยงของโซ่อุปทาน และปัญหาภัยคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งจะสอดคล้องกับงานวิจัยของ M. Brand et al., (2011), Patricia A. et al., (2010), Kirstin Scholten et al., (2015), Sandor Boyson, (2014). ท่ีได้ทาการศกึ ษาถงึ ปัจจัยทางด้าน ความร่วมมอื กนั ของโซอ่ ุปทาน การจดั การความเสย่ี งของโซ่อุปทาน และปัญหาภัยคกุ คามทางไซเบอร์ ทม่ี ผี ลต่อความสามารถ ในการคืนสภาพได้ทางดา้ นไซเบอร์ของโซอ่ ุปทาน โดยผลการวจิ ัยดงั กล่าวขา้ งต้นนี้จะไปใช้เปน็ แนวทางในการพิจารณาถึงการ จดั การความต่อเน่ืองทางธุรกจิ ทางไซเบอร์ของโซอ่ ุปทานภายใต้ระบบนิเวศดิจทิ ัลในประเทศไทยต่อไป เอกสารอา้ งองิ มนู อรดีดลเชษฐ,์ (2015), “การสง่ เสรมิ การพัฒนาเศรษฐกจิ ดิจิทลั ตอนท่ี 5.” แหล่งขอ้ มลู http://ictandservices.blogspot.com/2015/05/5.html., สืบคน้ เมื่อ May 1, 2017. Kirstin Scholten and Sanne Schilder. (2015), “The role of collaboration in supply chain resilience.” Supply Chain Management : An International Journal, Vol. 20 Issue 4 pp. 471 – 484. M. Brand, C. Valli, A. Woodward, (2011). “A Threat to Cyber Resilience: A Malware Rebirthing Botnet” Proceedings of the 2nd International Cyber Resilience Conference, Edith Cowan University, Perth Western Australia, 1st -2nd August 2011. Miklós Herdon László Várallyai Ádám Péntek, (2012), “Digital business ecosystem prototyping for SMEs. ” Journal of Systems and Information Technology, Vol. 14 Issue 4 pp. 286 – 301. Moore, J.F. (1996), “The Death of Competition Leadership & Strategy in the Age of Business Ecosystems.” HarperBusiness, New York, NY. 296
การประชมุ สมั มนาเชิงวชิ าการด้านการจัดการโลจสิ ตกิ ส์และโซ่อุปทาน ครั้งท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวศิ วกรรมอุตสาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 Nachira, F. (2002), “Towards a Network of Digital Business Ecosystems Fostering the Local Development.” European Commission Discussion Paper, Bruxelles, 23 p. http://www.digitalecosystem.org/html/repository/dbe_discussionpaper.pdf Patricia A. H. Williams and Rachel J. Manhcke, (2010), “Small Business - A Cyber Resilience Vulnerability.” Proceedings of the 1st International Cyber Resilience Conference, Edith Cowan University, Perth Western Australia, 23rd August 2010. Ponomarov, Y.S. and Holcomb, M.C. (2009), “Understanding the concept of supply chain resilience.” The International Journal of Logistics Management, Vol. 20 No. 1, pp. 124-143. Sandor Boyson, (2014), “Cyber supply chain risk management: Revolutionizing the strategic control of critical IT systems.” Technovation 34 (2014), pp. 342–353. The Information Security Forum (ISF), (2016), “Threat Horizon 2016 – On The Edge of Trust.” Threat Horizon 2016, 2016. TrendMicro, ( 2015) , “ Bad Ads and Zero- Days : Reemerging Threats Challenge Trust in Supply Chains and Best Practices.” TrendLabs 1Q 2015 Security Roundup, 2015. 297
การประชมุ สมั มนาเชิงวิชาการด้านการจัดการโลจิสตกิ สแ์ ละโซอ่ ุปทาน คร้งั ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 Topic G: Government Policies and Regulations Paper ID: GP 02 ความสัมพนั ธร์ ะหว่างความสามารถของผู้ให้บริการโลจิสตกิ สข์ า้ มพรมแดน กบั ผลประกอบการทางการเงนิ ของผ้สู ง่ ออกในประเทศไทย (มมุ มองผู้ส่งออก) ธนกฤต เจรญิ ฤทธิ์1, ธนชนก ศรวี รเวยี ง2, ฐาปณีย์ พงษ์ทวี3, รวิพร จนั ทศาสตร์4,วรางคณา ชยากร5, อรุณี ตนั วิสุทธ์ิ6* 1, 2, 3, 4, 5, 6* ภาควิชาบรหิ ารธรุ กจิ ระหวา่ งประเทศ โลจสิ ติกส์และการขนส่ง คณะพาณชิ ยศาสตรแ์ ละการบัญชี มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ โทร 087-1142119 E-mail [email protected] บทคัดย่อ ในปจั จบุ ันการคา้ ข้ามพรมแดนกับประเทศเพ่อื นบา้ นมมี ลู คา่ เพิม่ ข้นึ อย่างต่อเนอ่ื ง ส่งผลให้บทบาทของผู้ใหบ้ รกิ ารโล จิสติกส์ข้ามพรมแดนมีความสาคัญต่อผู้ส่งออกมากขึ้นเช่นกัน งานวิจัยน้ีจึงได้ทาการศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง ความสามารถของผู้ให้บริการโลจิสตกิ สข์ า้ มพรมแดนกับผลประกอบการทางการเงินของผสู้ ่งออกในประเทศไทย โดยประเมนิ ความสามารถของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน ผ่านมุมมองของผู้ส่งออกใน 6 ด้าน (การขนส่งสินค้า ความน่าเชื่อถือ ความยืดหยุ่น นวัตกรรม การต้ังราคา และกิจกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่ม) ซ่ึงคณะผู้วิจัยได้ทาการทดสอบสมมติฐานผ่า นการ วิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (CFA) ด้วยโปรแกรม AMOS และการวิเคราะห์สมการถดถอย (Multiple Regression) ศึกษาผ่านกลุ่มตัวอย่างจานวน 355 ราย โดยมีอัตราการตอบกลับมา 25.07 เปอร์เซ็นต์ ซ่ึงผลการศึกษาวิจัยพบว่า ความสามารถดา้ นการขนส่งสินค้า ความสามารถด้านความน่าเช่ือถือในการใหบ้ รกิ าร ความสามารถด้านความยืดหยุน่ ในการ ให้บริการ ความสามารถด้านกิจกรรมท่ีสร้างมูลค่าเพ่ิม มีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับผลประกอบทางการเงินของผู้ ส่งออก โดยใช้ตัวชี้วัดดา้ นอัตราการเปล่ียนแปลงของยอดขาย แต่ความสามารถด้านนวัตกรรมในการใหบ้ ริการมคี วามสัมพนั ธ์ ในทิศทางตรงกันขา้ มกับผลประกอบทางการเงนิ ของผ้สู ง่ ออก คาสาคัญ: ผใู้ หบ้ รกิ ารโลจสิ ตกิ ส์; ความสามารถของผู้ใหบ้ ริการโลจสิ ตกิ ส;์ การขนส่งข้ามพรมแดน; ผลประกอบการของ ทางการเงินของผ้สู ง่ ออก; ทฤษฎมี ุมมองบนพืน้ ฐานทรพั ยากร 1.ท่มี าและความสาคญั ในปัจจุบันประเทศไทยมีการพัฒนาความเชื่อมโยงทางการค้ากับประเทศเพื่อนบา้ นเพ่ิมขึ้นในหลายมิติ สร้างโอกาส ใหม่ๆ ทางเศรษฐกิจให้เกิดขน้ึ ในจงั หวัดตามแนวชายแดนทุกภูมภิ าคของประเทศ โดยลักษณะภูมิประเทศของไทยมพี รมแดน ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านท้ังหมด 4 ประเทศ ได้แก่ เมียนมา ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย โดยที่ผ่านมามีพัฒนาการทาง เศรษฐกิจท่ีสาคัญ ดังนี้ 298
การประชมุ สัมมนาเชิงวิชาการด้านการจดั การโลจสิ ตกิ สแ์ ละโซ่อปุ ทาน ครัง้ ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 ปริมาณการค้าข้ามพรมแดนเพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็วในช่วง 8 ปีท่ีผ่านมา โดยมูลค่าการค้า และปริมาณการค้าข้าม พรมแดนกบั ประเทศเพือ่ นบ้านโดยรวมน้นั มแี นวโนม้ เพิ่มขนึ้ อยา่ งต่อเน่ือง โดยในปี ค.ศ. 2016 ประเทศไทยมีมูลค่าการค้าข้าม พรมแดนกว่า 1 ล้านล้านบาท โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าข้ามพรมแดนมีสัดส่วน 60 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าการส่งออกของ ประเทศ ทั้งนี้ ตลอด 8 ปี ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีมูลค่าการค้าข้ามพรมแดนกับมาเลเซียสูงท่ีสุด(50 เปอร์เซ็นต์) ซึ่งประเทศ ไทยมดี ลุ การค้าขา้ มพรมแดนเกนิ ดุลกบั ประเทศเพือ่ นบ้านทุกประเทศ โดยมมี ูลค่าการค้าขา้ มพรมแดนเกนิ ดลุ สทุ ธิรวมกวา่ 1.9 แสนลา้ นบาท (กรมการคา้ ตา่ งประเทศ, 2017) ซึ่งการค้าข้ามพรมแดนน้ันจะเก่ียวข้องกับผู้นาเข้าสินค้า ผู้ส่งออกสินค้า รวมถึงผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ซ่ึงมีบทบาท สาคญั ในการคา้ ขา้ มพรมแดน ทงั้ ผู้นาเขา้ และผู้สง่ ออกสนิ ค้า ทางฝ่ังผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (Logistics service provider: LSP) ก็มีการพัฒนาการให้บริการในด้านต่างๆ เพ่ือ ตอบสนองความต้องการของลกู ค้าที่ต้องการระบบโลจิสติกส์ทม่ี ีประสิทธิภาพจากผู้ให้บริการโลจสิ ติกสใ์ นสภาวะการแข่งขนั ที่ สูงขน้ึ ทง้ั จากบริษัทในประเทศ และบรษิ ัทข้ามชาตเิ พ่ือดึงดดู ใหล้ ูกค้ามาใชบ้ ริการของตนเอง จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า บทบาทของผู้นาเข้าและผู้สง่ ออกสินค้า รวมถึงผู้ให้บริการโลจิสตกิ ส์ข้ามพรมแดนซ่ึง เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโลจิสติกส์ จึงมีความสาคัญมากย่ิงขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากทั้งสองส่วนเป็นองค์ประกอบสาคัญของการ พัฒนาระบบโลจิสติกส์โดยพิจารณาความสามารถของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งสามารถสะท้อนถึงมูลค่าการ ส่งออกสินค้าข้ามพรมแดนท่ีสูงข้ึนอย่างต่อเนื่อง โดยที่ขอบเขตของงานวิจัยนี้จะศึกษาถึงผู้ส่งออกในประเทศไทยท่ีส่งออก สินค้าไปยังประเทศเพ่ือนบ้านท่ีมีพรมแดนติดกับประเทศไทย คือ ประเทศเมียนมา ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย เพื่อให้ผู้ ให้บริการโลจิสติกส์ข้ามพรมแดนทราบถึงความสามารถและทราบถึงความสาคัญของกิจกรรมท่ีผู้ส่งออกตระหนักในการ ใหบ้ รกิ ารของอตุ สาหกรรมตนเอง 2.วรรณกรรมปรทิ ศั น์ 2.1. ทฤษฎีมมุ มองบนพน้ื ฐานทรัพยากร (Resource-based view: RBV) ทฤษฎีมุมมองบนพื้นฐานทรัพยากรขององค์กร (RBV) เป็นทฤษฎีท่ีกล่าวว่าสินทรัพย์ที่องค์กรมีสามารถสร้าง และ เพ่ิมความสามารถในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืนโดยใช้ทรัพยากรท่ีมีคุณค่า และความสามารถท่ีมีอยู่ขององค์กร (Day, 1994; Wernerfelt, 1984; as cited in Lu & Yang, 2010) ซ่ึงทรัพยากรขององค์กรจะพิจารณาจากสินทรัพย์ ความสามารถ สมรรถนะ ข้อมูล และความรู้ (Collis & Montgomery, 1995; Barney, 1991; as cited in Lu & Yang, 2010) นอกจากน้ี ในงานวิจัยของ Nelson (1991); as cited in Olavarrieta & Ellinger (1997) ก็ยังกล่าวถึงความแตกต่างของความสามารถ จากทรัพยากรอ่ืนๆ ขององค์กรตรงที่ความสามารถน้ันจะควบคุม และพัฒนาได้จากการใช้ความสามารถ ย่ิงใช้มากเท่าไหร่ ก็ จะย่ิงเชีย่ วชาญ และยากตอ่ การถกู ลอกเลยี นแบบมากขน้ึ เทา่ นนั้ หลังจากน้ัน ทฤษฎีนี้ได้ถูกนาไปใช้ในงานวิจัยที่เก่ียวข้องกับการดาเนินการด้านโลจิสติกส์เพื่อนาไปประเมินผลการ ดาเนินงานจากกิจกรรมทางโลจิสติกสท์ สี่ ่งผลตอ่ ผลประกอบการขององคก์ ร (Shang, 2009; Lu & Yang, 2010; Yang et al., 2009; Shang & Marlow, 2005; Lai, 2004; as cited in Liu & Lyons, 2011) อีกท้ังงานวิจัยหลายงานได้ทาการศึกษา เก่ียวกับผลกระทบของการจดั การทางด้านโลจิสติกสต์ อ่ ความสามารถด้านโลจิสตกิ สภ์ ายในองคก์ ร ซึง่ ผลลัพธ์ทีแ่ สดงออกมาจะ เปน็ การแนะนาถึงความแตกตา่ งในแตล่ ะปจั จัยที่ถกู นามาพจิ ารณา (Lai, 2004) หรืองานวจิ ัยที่พิจารณาความสามารถด้านโลจิ สติกส์ต่อประสิทธิภาพของบริษัทผู้ผลิตในไต้หวัน ผลลัพธ์ที่ได้นั้น แสดงถึงความสามารถด้านการจัดการข้อมูลส่งผลต่อ ประสทิ ธิภาพทางดา้ นโลจสิ ติกส์ ซึง่ นาไปสู่ผลประกอบการทางด้านการเงินในเชงิ บวกของผู้ให้บริการโลจสิ ตกิ ส์ (Shang & 299
การประชมุ สัมมนาเชิงวิชาการด้านการจดั การโลจสิ ติกสแ์ ละโซอ่ ปุ ทาน คร้ังที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 Marlow, 2005) ซึ่งจากที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่าทฤษฎีมุมมองบนพ้ืนฐานทรัพยากร เป็นทฤษฎีที่สามารถใช้ในการศึกษา งานวิจัยนีไ้ ด้ ในปัจจุบัน ทฤษฎีมุมมองบนพื้นฐานทรัพยากรได้มีการสร้าง และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันอย่างย่ังยืน โดย ไม่ได้จากัดว่าทรัพยากรนั้น จะมีเพียงแค่ภายในองค์กรอีกต่อไป ท้ังน้ี การใช้ Outsource ยังช่วยให้องค์กรเกิดการพัฒนาใน การใช้ทรัพยากรได้ ซ่ึงจะส่งผลให้องค์กรมีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุน้ีองค์กรต่างๆ จึงมีการใช้บริการ จากผู้ใหบ้ รกิ ารโลจิสตกิ ส์มากขนึ้ บทบาทความสัมพันธร์ ะหว่างผู้ขนส่งสินคา้ และผใู้ ห้บรกิ ารโลจสิ ติกสก์ จ็ ะคอ่ ยๆ เปล่ยี นแปลง ไปเช่นกนั (Makukha & Gray, 2004; Bask, 2001; as cited in Wagner & Sutter, 2012) ความสามารถในการมีบรกิ ารเสรมิ อนื่ ๆ หรอื เพิม่ เติมตามความต้องการของลูกคา้ ซ่ึงเปน็ กิจกรรมท่จี ะสรา้ งมลู คา่ เพมิ่ ของผใู้ หบ้ รกิ ารโลจสิ ติกส์ (Whyte, 1993; as cited in Yeung et al., 2012) สามารถเพมิ่ ความสามารถในการแขง่ ขนั ใหก้ บั ผู้ ส่งออกได้ และเม่ือพัฒนาความสามารถในการแข่งขันแล้ว ผู้ส่งออกจะพัฒนาประสิทธิภาพในการส่งออกได้ทั้งในด้านของ ยอดขาย การเติบโตขององคก์ ร ส่วนแบ่งทางการตลาด และความสามารถในการทากาไร (Yeung et al., 2012) นอกจากน้ี ยังมีงานวิจัยท่ีกล่าวว่าการใช้ Outsource นั้นมีผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันภายนอกของ องค์กรซ่ึงสะท้อนไดจ้ ากการเพ่ิมขึน้ ของระดบั ความยดื หยนุ่ ทีอ่ งค์กรสามารถตอบสนองต่อความตอ้ งการของตลาดความรวดเรว็ ในการนาเสนอบริการใหมๆ่ การกระจายขอบเขตการใหบ้ รกิ าร รวมถงึ การนาเสนอการให้บรกิ ารท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพอกี ด้วย โดย การใช้ Outsource นั้น จะส่งผลต่อผลประกอบการขององค์กร (Firm performance) โดยเฉพาะในบริบทของผล ประกอบการทางธุรกิจ เม่ือพิจารณาผ่านตัวชี้วัดภายใน (ตัวชี้วัดประสิทธิภาพขององค์กร เช่น ROA ROE และ ROI เป็นต้น) หรือตัวช้ีวัดภายนอก (ส่วนแบ่งทางการตลาด หรือระดับยอดขายที่เพ่ิมข้ึน) (Bustinza, Arias-Aranda, & Gutierrez- Gutierrez, 2010) 2.2. ผ้ใู ห้บรกิ ารโลจสิ ติกสข์ ้ามพรมแดน (Cross-border logistics service provider: CBLSP) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน (Cross-border logistics service provider) ซ่ึงเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ประเภทหน่ึงท่ีจะเข้ามามีบทบาททางการค้าข้ามพรมแดนมากขึ้น หากมีความต้องการในการขนส่งสนิ ค้าระหว่างประเทศท่มี ี พรมแดนติดกันโดยกระบวนการส่งสินค้าข้ามพรมแดนจะเร่ิมต้นท่ีผู้ให้บริการโลจิสติกส์ข้ามพรมแดนทาการรับสินค้าจาก ผู้ใช้บริการ และบรรทุกสินค้าข้ึนรถบรรทุก จากนั้นจึงจัดเตรียมเอกสารท่ีต้องทาการส่งมอบให้กับทางศุลกากรก่อนจะ ดาเนินการขนส่งสินค้าผ่านด่านพรมแดนไปยังผูร้ ับสินคา้ ปลายทาง แต่อย่างไรก็ตามการขนสง่ สินค้าข้ามพรมแดนมขี ั้นตอนท่ี ยากและซบั ซอ้ น เน่อื งจากโครงสรา้ งพืน้ ฐานด้านการขนส่งสินคา้ ทีม่ คี วามแตกต่างกันระหว่างประเทศไทยและประเทศเพ่อื น บ้าน นอกจากนี้ผู้ให้บริการขนส่งบางรายในบางประเทศจะต้องทาการเปลี่ยนถ่ายสินค้าไปยังรถบรรทุกคันอื่นอย่างน้อย 1-2 ครั้งก่อนจะถึงจดุ หมายปลายทาง (Saowadee et al., 2015) 2.3. ความสามารถดา้ นโลจสิ ตกิ ส์ (Logistics capability) โลจิสติกส์ และความสามารถด้านโลจิสติกสส์ ามารถสรา้ งความไดเ้ ปรยี บทางการแข่งขันให้กับผใู้ ช้บริการโลจสิ ตกิ ส์ ไม่ว่าจะเป็นผผู้ ลติ ผู้ขายสินค้า หรือเทคโนโลยีต่างๆขององค์กร ทั้งนี้ความสามารถด้านโลจิสติกส์ (Logistics capability) ถูก นิยามในการศึกษาของ Chin-Shan Lu และ Ching-Chiao Yang (2010) ว่าเป็นการรวบรวมองค์ความรู้ที่ใช้ในการเช่ือมโยง กิจกรรม บรหิ ารการใช้ทรัพยากรตา่ งๆ รวมถึงการปรบั ปรงุ การใหบ้ ริการ เพอื่ ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ความสามารถด้านโลจิสติกส์ ถูกพิจารณาไว้ในหลากหลายมุมมอง และมีเคร่ืองมือในการประเมินความสามารถที่ แตกตา่ งกนั ออกไปในแตล่ ะงานวจิ ัย Fawcett, Stanley and Smith (1997) และ Daugherty and Pittman (1995); as 300
การประชุมสมั มนาเชงิ วิชาการด้านการจดั การโลจสิ ติกส์และโซอ่ ปุ ทาน ครง้ั ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 cited in Liu & Luo (2012) พบว่าความสามารถท่ีอยู่บนพ้ืนฐานด้านเวลาเป็นสิ่งท่ีสาคัญที่สุด ในขณะที่ Eckert and Fawcett (1996); as cited in Liu & Luo (2012) เช่ือว่าคุณภาพ เวลา และการบริหารทรัพยากรมนุษย์เป็นองค์ประกอบที่ สาคญั ที่สดุ ของความสามารถดา้ นโลจิสติกส์ ความสามารถในการให้บริการโลจิสติกส์เป็นสิ่งที่สาคัญมาก และยังเป็นสิ่งท่ีผู้ให้บริการโลจิสติกส์จาเป็นจะต้องมี เนือ่ งจากผใู้ ชบ้ ริการยอ่ มมองหาผใู้ หบ้ รกิ ารทส่ี ามารถตอบสนองความต้องการด้านโลจสิ ติกส์ไดต้ ามเปา้ หมายท่ีผใู้ ช้บรกิ ารตั้งไว้ ได้ (Panayides & So, 2005) ซ่ึงความสามารถด้านโลจิสติกส์น้ัน ถูกนามาใช้เป็นเคร่ืองมือเพ่ือสร้างอรรถประโยชน์ในด้าน เวลา สถานท่ี รวมถึงคณุ ภาพ ให้กบั องค์กรต่างๆ ผา่ นการบริหารจดั การกลยทุ ธ์ การบรหิ ารโครงสรา้ งพ้ืนฐาน และการบริหาร จัดการทรัพยากรโดยมีเป้าหมายเพ่ือท่ีจะสร้างความพึงพอใจในการใช้สินค้าและการบริการให้แก่ลูกค้า ( Novack et al., 1992, p. 236; as cited in Olavarrieta & Ellinger, 1997) 2.4. ผลประกอบการขององคก์ ร (Firm Performance) งานวิจัยในอดีตท่ีผ่านมามีการศึกษาในเร่ืองของผลประกอบการขององค์กรอยู่จานวนมากโดยแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ ผลประกอบการด้านการดาเนินงาน (Operational performance) และผลประกอบการทางการเงินขององค์กร (Financial performance) (Venkatraman & Ramanujam, 1986; as cited in Lu & Yang, 2010) การศึกษางานวิจัยที่ ผ่านมา ส่วนใหญ่จะประเมนิ ผลประกอบการขององค์กรในด้านการดาเนินงาน หรอื ผลประกอบการด้านการดาเนนิ งาน ดงั นั้น คณะผู้วิจยั จงึ ได้ทาการศึกษาหาความสัมพันธ์ที่นาไปสูผ่ ลประกอบการทางการเงินของผูส้ ่งออกน่นั เอง ซ่ึงงานวิจัยท่ีผ่านมาได้ ศกึ ษาถงึ ผลประกอบการทางการเงินของผูใ้ หบ้ รกิ ารโลจิสตกิ ส์ โดยประเมินผา่ นอตั รากาไรข้ันต้น (Gross profit margin) และ อัตราการเปล่ียนแปลงของยอดขาย (Sales growth) (Chiung-Lin & Lyons, 2010; Panayides, 2007) นอกจากน้ียังมี งานวิจัยของ Ellinger et al. (2003); as cited in Liu & Lyons (2011) ที่ได้ประเมินผลประกอบการทางการเงินของผู้ ใหบ้ ริการโลจิสตกิ สผ์ า่ นตัววัดผลประกอบการทางการเงนิ 8 ตวั คอื อตั รากาไรข้นั ต้น (Gross profit margin) ผลตอบแทนต่อ ยอดขาย (Return on sales) (Kim, 2006) กาไรจากการดาเนินงาน (Operating profit margin) อัตราผลตอบแทนต่อ สินทรัพย์ (Return on Assets) อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (Return on Equity) อัตราส่วนของลูกหน้ีหมุนเวียน (Accounts receivable turnover) อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน (Current ratio) และอัตราส่วนของหน้ีสิน (Debt ratio) นอกจากน้ี ยังมีตัวชี้วัดทางด้านผลประกอบการทางการเงินอ่ืนๆ อีก คือ ผลตอบแทนจากการลงทุน ( Return on investment) (Panayides et al., 2007; Kim, 2006) และยอดขาย (Panayides et al., 2007; Yeung et al., 2006) ใน ขณะเดียวกัน หลากหลายปัจจัยทใ่ี ชว้ ัดผลประกอบการทางการเงนิ เชน่ งานของ Panayides (2007) เป็นตน้ 2.5. ความสามารถของผูใ้ หบ้ ริการโลจิสตกิ ส์ (Logistics Service Provider Capability) และผลประกอบการทาง การเงินขององค์กร (Firm Financial Performance) จากงานวิจัยด้านโลจิสติกส์ในอดีตท่ีผ่านมา พบว่ามีงานวิจัยหลายงานท่ีได้นาเสนอผลกระทบของความสามารถ ด้านโลจิสติกส์ต่อผลประกอบการขององค์กร (Kim, 2006; Shang & Marlow, 2005; Lai, 2004; Zhao et al., 2001; Lynch, Keller, & Ozment, 2000; as cited in Lu & Yang, 2010) ซ่ึงได้มีผู้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถ ด้านโลจิสติกส์ (Logistics capability) ของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ต่อความได้เปรียบในการแข่งขันขององค์กร (Competitive advantage) โดยผลของการศึกษาระบุไว้ว่า ความสามารถด้านโลจิสติกส์ส่งผลต่อความได้เปรียบในการแข่งขันขององค์กร (Yeung et al., 2012) ซ่ึงใกล้เคยี งกับผลลพั ธจ์ ากงานวจิ ัยของ Liu and Lyons, 2011 ท่ไี ด้ทาการศกึ ษาผใู้ ห้บริการโลจิสติกส์ ในประเทศไต้หวัน และประเทศอังกฤษ รวมถึงได้นาเสนอว่าความสามารถของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ส่งผลอย่างมากต่อผล ประกอบการทางการเงิน และผลประกอบการดา้ นการดาเนนิ งาน นอกจากนี้ ยงั พบว่าหากผูใ้ หบ้ รกิ ารโลจิสตกิ สส์ ามารถ 301
การประชมุ สัมมนาเชงิ วชิ าการด้านการจัดการโลจสิ ติกสแ์ ละโซอ่ ปุ ทาน คร้ังที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 ปรบั ปรุงผลประกอบการด้านการดาเนินงานให้มีประสิทธภิ าพมากข้ึนได้ จะส่งผลในทางบวกตอ่ ผลประกอบการทางการเงินได้ เชน่ กนั โดยผลกระทบของความสามารถด้านโลจสิ ตกิ สต์ ่อผลประกอบการขององค์กรน้นั สามารถวัดผ่านตวั วัดอันประกอบไป ด้วย อัตราผลกาไร (Kim, 2006; Lynch et al., 2000) อัตราการเปล่ยี นแปลงของยอดขาย (Kim, 2006; Tan et al., 1999) การลดต้นทุนปฏิบัติการ (Kim, 2006) ผลตอบแทนจากการลงทุน (Kim, 2006; Lynch et al., 2000) การเปลี่ยนแปลงของ สว่ นแบ่งการตลาด (Kim, 2006; Fawcett et al., 1997) และความพึงพอใจของลกู ค้า (Kim, 2006; Stank, Keller, & Closs, 2001; Zhao et al., 2001); as cited in Lu & Yang, 2010 ทั้งนค้ี วามสามารถด้านโลจสิ ติกสข์ องผูใ้ ห้บริการโลจสิ ติกส์ไม่ได้สง่ ผลกระทบแตเ่ พียงผลประกอบการของผู้ให้บริการ เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อไปยังผลประกอบการของผู้ใช้บริการด้วยเช่นกัน โดยท่ี Lieb, Millen and Wassenhove (1993) ได้ทาการสารวจบริษัทผู้ผลิตที่ใช้บริการของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (Third-party logistics service provider: 3PL) ในอเมริกาและยโุ รป พบว่าผ้ผู ลิตทใี่ ชบ้ ริการของผ้ใู หบ้ รกิ ารโลจสิ ติกสจ์ านวนหน่ึงสามารถลดตน้ ทุนด้านโลจสิ ตกิ ส์ไดถ้ ึง 30 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงสามารถทาให้การดาเนินงานด้านโลจิสติกส์ในระดับโลกมีกระบวนการดาเนินงานที่ง่ายข้ึน นอกจากน้ี Andy C.L. Yeung (2006) ก็ได้พบว่าความสามารถของผใู้ ห้บริการ โลจิสติกส์ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการด้านโลจิสตกิ ส์ และดา้ นการสง่ ออกของผู้ใช้บริการ อกี ท้ังผลสารวจในปี ค.ศ. 2000 ยงั เปิดเผยวา่ ผู้ผลติ ส่วนมากใช้บรกิ ารของผ้ใู หบ้ ริการโลจิ สติกส์ และกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ของกลุ่มดังกล่าว ระบุว่าการใช้บริการของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ส่งผลกระทบทางบวกอย่าง มากต่อต้นทุนโลจิสติกส์ และระดับกาให้บริการของพวกเขา นอกจากน้ีประมาณ 2 ใน 3 ของผู้ใช้บริการยังระบุว่าการใช้ บริการของผู้ใหบ้ ริการโลจสิ ตกิ ส์ ยงั ส่งผลกระทบทางบวกอย่างมากตอ่ ความพึงพอใจของลกู ค้าอีกด้วย (Lieb & Miller, 2002) รวมถึง McGrath และ Hoole (1992) ได้กล่าวไว้ว่า โลจิสติกส์มีบทบาทสาคัญต่อการสร้างกลยุทธ์ระดับโลก และ ความสามารถในภาพรวมของบริษัทผู้ผลิตเพื่อเพ่ิมระดบั ความพึงพอใจของลูกค้า โดยเฉพาะในตลาดระดับประเทศ อีกท้ังยัง เปน็ กุญแจสาคัญทท่ี าใหบ้ ริษัทผูผ้ ลิตสามารถแขง่ ขนั ได้ในตลาดการสง่ ออกสนิ ค้าได้ อยา่ งไรกต็ าม แม้ว่าทผ่ี ่านมาจะมีการศกึ ษาเก่ียวกบั ความสามารถของผ้ใู ห้บริการโลจิสตกิ ส์ และผลประกอบการของ องค์กรอยูห่ ลายงาน แตก่ ารศึกษาในส่วนผลประกอบการทางการเงินของผู้ใชบ้ ริการโลจสิ ตกิ สน์ ั้นยังมีไมม่ ากนกั สว่ นมากจะ เป็นการศึกษาผลประกอบการทางการเงินของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ จึงถือได้ว่าเป็นความแตกต่างของงานวิจัยฉบับนี้ที่ศึกษา ความสัมพันธ์ระหวา่ งความสามารถของผู้ใหบ้ รกิ ารโลจสิ ติกส์ตอ่ ผลประกอบการทางการเงินของผ้สู ่งออก ด้วยเหตุน้ีจึงได้ทาการคัดเลือกตัวชี้วัดในการประเมนิ ความสามารถของผู้ให้บริการโลจิสตกิ ส์ข้ามพรมแดนผา่ นการ ทบทวนงานวิจัยในอดีตโดยทาการตรวจสอบระหว่างตัวช้ีวัด (Crosscheck) คณะผู้วิจัยได้จาแนกกลุ่มของตัวชี้วัดหลัก ออกเป็น 6 ด้าน ซ่ึงมาจากการศึกษางานวิจัยที่ผ่านมา คือ ความสามารถด้านการขนส่งสินค้า ( Delivery capability) ความสามารถด้านความน่าเชื่อถือในการใหบ้ รกิ าร (Reliability capability) ความสามารถดา้ นความยดื หยนุ่ ในการให้บรกิ าร (Flexibility capability) ความสามารถด้านนวัตกรรมในการให้บริการ (Innovation capability) ความสามารถด้านการต้ัง ราคาในการใหบ้ รกิ าร (Pricing capability) และความสามารถดา้ นกิจกรรมการสร้างมลู ค่าเพ่ิม (Value-added capability) 302
การประชมุ สัมมนาเชิงวิชาการด้านการจดั การโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ครัง้ ท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 2.6. กรอบแนวความคิดของงานวจิ ยั กรอบแนวความคิดของการศกึ ษาวิจัยดงั ต่อไปนี้ รปู ท่ี 1: กรอบแนวความคดิ แสดงความเชอื่ มโยงทใ่ี ชใ้ นการทาวิจัย 2.7. การทดสอบสมมตฐิ าน การศึกษางานวิจัยในคร้ังนี้ ทางคณะผู้วิจัยศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ข้าม พรมแดนกบั ผลประกอบการทางการเงนิ ของผูส้ ง่ ออก โดยผา่ นตวั ช้วี ัดดา้ นอัตราการเปลยี่ นแปลงของยอดขาย ซ่งึ คณะผ้วู ิจัยทา ไดท้ าการตัง้ สมมติฐาน คอื ความสามารถด้านการขนสง่ สนิ ค้า (Delivery capability) ความสามารถด้านความน่าเชอ่ื ถือในการ ให้บริการ (Reliability capability) ความสามารถด้านความยืดหยุ่นในการให้บริการ (Flexibility capability) ความสามารถ ด้านนวัตกรรมในการให้บริการ (Innovation capability) ความสามารถด้านการตั้งราคาในการให้บริการ (Pricing capability) และความสามารถด้านกิจกรรมการสร้างมูลค่าเพ่ิม (Value-added capability) ของผู้ให้บริการโลจิสติกส์มี ความสมั พนั ธ์ในทิศทางเดยี วกันกับผลประกอบการทางการเงิน (Financial performance) ของผู้ส่งออก รูปที่ 2: แสดงความเชื่อมโยงกนั ของการทดสอบสมมตฐิ าน 3.ระเบียบวธิ วี จิ ัย เนื่องจากงานวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพ่ือศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ข้ามพรมแดนกับผลประกอบการทางการเงินของผู้ส่งออกในประเทศไทย ตามกรอบแนวความคิดของการศึกษาในคร้ังน้ี ซึ่ง คณะผู้วิจัยได้ทาการศึกษาถึงผู้ให้บริการโลจิสติกส์ข้ามพรมแดนและผู้ส่งออกในประเทศไ ทย ท่ีส่งออกสินค้า ขา้ มพรมแดนไปยังประเทศเพ่อื นบา้ น 303
การประชมุ สมั มนาเชงิ วิชาการด้านการจดั การโลจิสตกิ ส์และโซ่อุปทาน ครัง้ ท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 คณะผู้วิจัยได้เร่มิ เก็บรวบรวมจานวนประชากรของผใู้ ห้บริการโลจิสตกิ ส์ข้ามพรมแดนจากสมาคมผู้รับจัดการขนสง่ สินค้าระหว่างประเทศ (Thai International Freight Forwarders Association: TIFFA) ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลท่ีง่ายต่อการ เขา้ ถึงข้อมูลเกี่ยวกบั ผใู้ หบ้ ริการโลจสิ ตกิ ส์ โดยมีจานวนทัง้ หมด 215 ราย และทาการคัดกรองเฉพาะรายช่ือของผใู้ หบ้ รกิ ารโลจิ สติกส์ข้ามพรมแดนที่ขนสง่ สินคา้ ทางบกไปยงั ประเทศเพื่อนบา้ น เป็นจานวน 136 ราย หลังจากทราบจานวนประชากรของผู้ ให้บริการแล้ว จึงดาเนินการทาแบบสอบถามโดยอาศัยการศกึ ษานาร่อง (Pilot study) โดยนาแบบสอบถามท่ีจัดทาขึ้นไปทา การทดสอบกบั กลมุ่ ตัวอยา่ งทีไ่ ดท้ าการเลือกโดยวธิ ีการแบบสมุ่ (Random sampling) จากผู้ให้บรกิ ารโลจิสตกิ ส์ข้ามพรมแดน จานวน 30 ราย สาหรับผู้ส่งออกในประเทศไทย คณะผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมรายชื่อผู้ส่งออกจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (Department of Business Development: DBD) สังกดั กระทรวงพาณิชย์ ซ่ึงมจี านวนประชากรผ้สู ่งออกท้ังสิน้ 4,578 ราย อย่างไรก็ตาม การเก็บข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างจากประชากรท้ังหมดน้ัน จะต้องใช้ระยะเวลาในการเข้าถึงข้อมลู คณะผู้วิจัยจึง ได้กาหนดกล่มุ ตวั อยา่ งในการศกึ ษาโดยใช้วิธีของ Robert V. Krieg Jc และ Earyle W. Morgan (1970) ณ ระดบั ความเช่อื มนั่ ที่ 95 เปอรเ์ ซ็นต์ และคา่ ความคลาดเคลอ่ื นจากการสมุ่ ที่ 5 เปอรเ์ ซ็นต์ จึงไดก้ ลุ่มตวั อย่างทเ่ี หมาะสมเท่ากับ 355 ราย โดยกลมุ่ ตัวอย่างของผู้ส่งออก ได้ทาการติดต่อกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ข้ามพรมแดนท่ีทาการขนส่งสินค้าผ่านด่านพรมแดนไปยัง ประเทศเพอ่ื นบา้ นโดยตรงดว้ ยตนเอง ซ่งึ คณะผวู้ ิจยั ได้ดาเนนิ การจดั ทาแบบสอบถามโดยอาศยั การศกึ ษานาร่อง (Pilot study) โดยนาแบบสอบถามที่จัดทาข้ึนไปทาการทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างท่ีได้ทาการเลือกโดยวิธีการแบบสุ่ม (Random sampling) จากผสู้ ง่ ออกในประเทศไทย จานวน 5 ราย โดยดาเนนิ ขน้ั ตอนการเกบ็ ข้อมูลเช่นเดยี วกนั กบั การเก็บข้อมูลของฝ่ังผใู้ ห้บรกิ ารโล จิสติกสข์ า้ มพรมแดน ซึ่งหลงั จากได้รับข้อมูลตอบกลบั จากผูส้ ง่ ออกแลว้ คณะผู้วิจยั สามารถเก็บข้อมลู โดยมอี ัตราการตอบกลับ (Response rate) อยู่ที่ 25.07 เปอรเ์ ซน็ ต์ สาหรับเกณฑ์การประเมนิ ของแบบสอบถามในเรอื่ งความสามารถของผใู้ ห้บริการโลจิสติกส์ข้ามพรมแดนนน้ั จะแบ่ง ออกเป็น 4 ส่วน คือ ข้อมูลท่ัวไปของบริษัท ข้อมูลผู้ตอบแบบสอบ แบบประเมินความสามารถของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ขา้ ม พรมแดนที่บริษัทเลือกใช้บริการ ณ ช่วงปี ค.ศ. 2016 โดยใช้เกณฑ์ของ Seven-point Likert-type scale โดยนา แบบสอบถามท่ีทดลองมาดาเนินการหาค่าความเช่ือม่ัน (Reliability) ของแบบสอบถามโดยใช้สูตรสัมประสิทธ์ิอัลฟา ของครอนบัค (Cronbach’s Alpha Coefficient) โดยมคี า่ สัมประสิทธ์แิ อลฟา (α-Coefficent) ไม่ตา่ กวา่ 0.7 ซง่ึ อยู่ในเกณฑ์ ทีน่ ่าเช่อื ถือ ซึ่งภายหลังจากการเก็บข้อมูลจากแบบสอบถามเรียบร้อยแล้ว ทางคณะผู้วิจัยจึงนาข้อมูลท่ีได้รับจากแบบสอบถาม ไปทาการประมวลผลโดยอาศัยเคร่ืองมือในการประมวลผล ประกอบไปด้วยการวิเครา ะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (Confirmatory factor analysis: CFA) และการวเิ คราะห์สมการถดถอยพหคุ ณู (Multiple regression) โดยคณะผวู้ จิ ัยไดร้ บั ผลของการศึกษางานวจิ ยั ดงั ต่อไปน้ี 4.ผลของการศึกษางานวจิ ัย หลังจากได้รับแบบสอบถามจากผู้ส่งออกในประเทศไทย คณะผู้วิจัยได้แบ่งการนาเสนอผลการวิจัยออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (Confirmatory factor analysis) และการวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ (Multiple regression) ดังต่อไปนี้ 304
การประชมุ สมั มนาเชงิ วิชาการด้านการจัดการโลจสิ ติกสแ์ ละโซ่อุปทาน ครง้ั ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 4.1. การวิเคราะห์องค์ประกอบเชงิ ยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis: CFA) จากการวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบเชิงยืนยนั ของความสามารถของผใู้ หบ้ รกิ ารโลจสิ ตกิ สข์ า้ มพรมแดนมีคา่ สถิติท่ไี ดจ้ าก การทดสอบทีค่ วามสอดคล้องกบั ขอ้ มูลเชงิ ประจักษ์ ดงั ต่อไปนี้ ตารางท่ี 1: ค่าดัชนีความสอดคลอ้ งของโมเดล CFA ดชั นีความสอดคล้อง คา่ ที่แสดงความสอดคลอ้ ง ค่าทีย่ อมรบั ได้วา่ มีความสอดคล้อง X2/df 1.74 X2/df ≤ 3 RMSEA 0.089 .05 < RMSEA ≤ .09 NFI 0.759 CFI 0.887 .05 < NFI ≤ .95 .05 < CFI ≤ .97 พบวา่ ความสามารถของผู้ใหบ้ รกิ ารโลจิสตกิ สข์ ้ามพรมแดน มตี ัวชว้ี ดั หลักจานวน 6 ตัว ไดแ้ ก่ ดา้ นการขนส่งสนิ คา้ ด้านความน่าเช่ือถือในการให้บรกิ าร ดา้ นความยดื หยุน่ ในการใหบ้ ริการ ด้านนวัตกรรมในการใหบ้ ริการ ด้านการต้งั ราคาในการใหบ้ ริการ และดา้ นกิจกรรมทส่ี ร้างมลู คา่ เพ่ิม โดยตัวชี้วดั หลักมีคา่ นา้ หนกั องคป์ ระกอบมาตรฐาน (Standardize score) อยรู่ ะหว่าง 0.78-0.83 ซง่ึ ตัวชีว้ ัดหลกั มีความสอดคล้องกบั ขอ้ มูลเชิงประจกั ษ์ 4.2. การวิเคราะห์สมการถดถอยพหคุ ณู (Multiple Regression) โดยภายหลังจากทาการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (CFA) เพ่ือยืนยันตัวชี้วัดหลักกับตัวช้ีวัดย่อยว่ามีความ เก่ียวข้องกัน ทางคณะผู้วิจัยจึงได้นาคะแนนเฉล่ีย ( Mean) จากแบบสอบถามที่ได้รับตอบกลับมา โดยใช้เกณฑ์ Seven-point Likert-type scale มาทาการวิเคราะหห์ าความสัมพันธแ์ ละขนาดความสัมพันธ์ของตัวช้ีวัดหลักแต่ละดา้ นด้วย สมการถดถอยพหุคูณ ซึ่งผลการวิเคราะห์พบว่าการศึกษาในคร้ังน้ี สามารถสรุปออกมาในรูปของสมการ ถดถอยพหุคูณไดด้ ังตอ่ ไปนี้ Y = - 71.934 + 5.669(C1) + 4.595(C2) + 3.553(C3) - 6.203(C4) + 4.344(C6) + 6.787 (1) จากสมการถดถอยพหุคูณที่ได้จากตาราง Coefficientsa ในภาคผนวก พบว่าความสามารถด้านการขนส่งสินค้ามี ขนาดของความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับอัตราการเปล่ียนแปลงของยอดขายมากที่สุด (Beta = 5.669) ซึ่งหมายความวา่ ถ้าความสามารถดา้ นการขนส่งสินคา้ (C1) เพิ่มข้ึน 1 หน่วย สะทอ้ นความสัมพนั ธใ์ ห้อัตราการเปล่ยี นแปลงของยอดขายเพมิ่ ขน้ึ 5.669 หน่วย) และรองลงมา คือ ด้านความน่าเช่ือถือในการขนส่งสินค้า ความสามารถด้านกิจกรรมท่ีสร้างมูลค่าเพ่ิม และ ความสามารถด้านความยืดหยุ่นตามลาดับ (Beta = 4.595; 4.344; 3.553) แต่อย่างไรก็ตาม พบว่าความสามารถด้าน นวัตกรรมในการให้บริการมีขนาดของความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามต่ออัตราการเปลี่ยนแปลงของยอดขาย ( Beta = - 6.203) จากตารางสรุปโมเดล (Model summaryb) ในภาคผนวก จะเห็นว่าตัวแปรต้นกับตัวแปรตามจากโมเดลการ พยากรณ์ มีความสัมพันธ์กันอยู่ที่ 80.4% เม่ือพิจารณาโมเดลนี้จากค่า R-square จะมีความน่าเช่ือถืออยู่ท่ี 64.7% ซึ่งอยู่ใน เกณฑด์ ี (R = 0.804; R-square = 0.647; Adjust R-Square = 0.621; S.E. = 9.29508; R-Square Change = 0.647) จากตาราง ANOVA ในภาคผนวก จะเห็นว่าตัวแปรต้นกับตัวแปรตาม มีการวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณที่ เหมาะสมท่ีระดบั นยั สาคัญ 0.05 (F = 24.999; Sig. = 0.000) 305
การประชมุ สัมมนาเชิงวชิ าการด้านการจดั การโลจสิ ตกิ ส์และโซอ่ ปุ ทาน คร้งั ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 5.ผลการวิเคราะห์ รปู ที่ 3: แสดงผลความสมั พนั ธ์ระหวา่ งความสามารถแตล่ ะด้านกบั อตั ราการเปลยี่ นแปลงของยอดขาย จากการทดสอบความสัมพันธ์ของตัวช้ีวัดหลกั ท้ัง 6 ด้านน้ัน โดยความสามารถแต่ละด้านของผู้ให้บริการ โลจิสติกส์ ข้ามพรมแดนท่ีมีความสัมพันธ์กับผลประกอบการทางการเงินของผู้ส่งออกที่วัดผ่านตัวชี้วัดด้านอัตราการเปล่ียนแปลงของ ยอดขาย (Sales growth) คอื ความสามารถทง้ั 5 ด้าน โดยพิจารณาได้จากคา่ Sig. ในตาราง Coefficientsa ในภาคผนวกของ ตวั ชี้วดั ความสามารถทั้ง 6 ด้าน ซ่ึงมคี า่ น้อยกว่าระดับนัยสาคัญท่คี ณะผู้วิจยั ไดก้ าหนดไวใ้ นตอนแรกคอื 95 เปอร์เซน็ ต์ (0.003 < 0.05, 0.014 < 0.05, 0.033 < 0.05, 0.001 < 0.05, 0.522 > 0.05 และ 0.010 < 0.05) โดยเป็นความสามารถด้านการ ขนส่งสินค้า ด้านความนา่ เช่ือถือในการให้บรกิ าร ด้านความยืดหยนุ่ ในการให้บริการ ด้านนวัตกรรมในการให้บรกิ าร และด้าน กิจกรรมท่ีสร้างมูลค่าเพ่ิมตามลาดับ ซึ่งถ้าค่า Sig. มีค่าน้อยกว่าค่าระดับนัยสาคัญ ย่อมแสดงให้เห็นว่าตัวแปรตาม หรือ Y มี ความสัมพนั ธ์กับตัวแปรอิสระ หรือ X นอกจากน้ี จากการทมี่ ีคา่ Beta ของแต่ละด้านความสามารถของผู้ให้บริการโลจิสติกส์มี ค่าเปน็ 5.669, 4.595, 3.553, -6.203, 1.238 และ 4.344 ตามลาดับ ส่วนความสามารถด้านการต้ังราคาในการใหบ้ ริการ ซ่งึ มี ค่า Sig. ในตาราง Coefficientsa ในภาคผนวก ซึ่งมีค่ามากกว่าระดับนัยสาคัญท่ีคณะผู้วิจัยได้กาหนดไว้ แสดงว่าตัวแปรต้นนี้ ไมม่ ีความสมั พนั ธ์กบั ตวั แปรอิสระ ดงั นน้ั คณะผวู้ ิจยั สามารถสรุปได้วา่ ผลการวิเคราะห์การทดสอบสมมติฐาน (H1) ความสามารถด้านการขนส่งสินค้าของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ข้าม พรมแดนมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับผลประกอบการทางการเงินของผู้ส่งออก โดยมองผ่านตัวชี้วัดด้านอัตราการ เปลยี่ นแปลงของยอดขาย หากผู้ใหบ้ ริการโลจสิ ตกิ ส์ขา้ มพรมแดนมกี ารให้บริการด้านการขนสง่ ทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพท้ังในเร่ืองของ การส่งสินค้าทต่ี รงเวลาและมคี วามปลอดภยั จะทาให้ผสู้ ง่ ออกมีความสามารถในการตอบสนองต่อลกู คา้ ของผ้สู ่งออกไดด้ ี และ ยงั ส่งผลให้ผ้สู ง่ ออกเองสามารถสร้างรายไดม้ ากขึ้น และเพ่มิ กาไรขององค์กรได้อีกด้วย ผลการวิเคราะห์การทดสอบสมมติฐาน (H2) ความสามารถด้านความน่าเชื่อถือในการให้บริการของผู้ให้บริการโลจิ สติกส์ข้ามพรมแดนมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับผลประกอบการทางการเงินของผู้ส่งออก โดยมองผ่านตัวชี้วัดด้าน อัตราการเปลี่ยนแปลงของยอดขาย เน่ืองจากหากผู้ให้บริการโลจิสติกส์ข้ามพรมแดนมีความน่าเชื่อถือในการให้บริการ เช่น ชื่อเสียงของผใู้ ห้บริการโลจสิ ติกสย์ ่อมส่งผลตอ่ การเลือกใช้บริการของผู้ส่งออก เพราะสามารถรับรองคุณภาพการบริการได้ท้ัง การบริการก่อนและหลังการขาย ทาให้ผู้ส่งออกสามารถลดจานวนของเสีย (Lean) ในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อน บา้ นไดเ้ ป็นอยา่ งดี ผลการวิเคราะห์การทดสอบสมมตฐิ าน (H3) ความสามารถดา้ นความยืดหยุ่นในการให้บรกิ ารของผใู้ ห้บริการ โลจิ สติกส์ข้ามพรมแดนมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับผลประกอบการทางการเงินของผู้ส่งออก โดยมองผ่านตัวช้ีวัดด้าน อตั ราการเปลีย่ นแปลงของยอดขาย หากผ้สู ง่ ออกมีปรมิ าณสนิ คา้ ในการสง่ ออกท่ไี ม่แนน่ อน ยกตวั อย่างเช่น ในช่วงแรกกอ่ นจะ 306
การประชุมสมั มนาเชงิ วิชาการด้านการจดั การโลจสิ ตกิ ส์และโซอ่ ุปทาน คร้ังที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 ทาการขนส่งจะตอ้ งมีการวางแผนปริมาณการขนสง่ และตกลงปริมาณสินค้าท่ีจะขนส่งกับผู้ใหบ้ รกิ ารโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน แลว้ แต่ผสู้ ง่ ออกมคี วามต้องการที่จะเพ่มิ หรอื ลดปรมิ าณการขนสง่ ในภายหลงั จากที่ตกลงปรมิ าณการขนสง่ กบั ผู้ให้บริการโลติ สติกส์ข้ามพรมแดนเรียบร้อยแล้ว หากผู้ให้บริการโลจิสติกส์มีความยืดหยุ่นในการให้บริการก็จะทาให้ผู้ส่งออกสามารถเพิ่ม ยอดขายได้ ผลการวิเคราะห์การทดสอบสมมตฐิ าน (H4) ความสามารถด้านนวัตกรรมในการให้บริการของผู้ให้บริการโลจสิ ตกิ ส์ ข้ามพรมแดนมคี วามสมั พันธ์ในทิศทางตรงกนั ข้ามกับผลประกอบการทางการเงินของผู้สง่ ออก โดยมองผ่านตัวชี้วัดด้านอัตรา การเปลี่ยนแปลงของยอดขาย การที่ผ้ใู ห้บรกิ ารโลจิสตกิ สข์ ้ามพรมแดนพฒั นาความสามารถของตนเองใหด้ ีมากยิ่งขึ้น แต่กลับ ทาให้ผลประกอบการทางการเงินของผู้สง่ ออกลดลง อาจเป็นผลมาจากปัจจยั อื่นๆ ท่ีมีผลกระทบความสามารถดา้ นนวัตกรรม ในการให้บรกิ าร เชน่ บุคลากร หากมกี ารพฒั นา แต่บุคลากรทดี่ าเนนิ การไม่มคี วามเชี่ยวชาญ และไมไ่ ดร้ บั การอบรมในการใช้ เครือ่ งมอื ใหม่ กอ็ าจจะทาให้เกดิ ความย่งุ ยาก และล่าช้าแทนการใหบ้ ริการที่ดีข้ึนได้ ผลการวเิ คราะหก์ ารทดสอบสมมตฐิ าน (H5) ความสามารถด้านการตัง้ ราคาในการใหบ้ ริการของผใู้ หบ้ รกิ ารโลจิสตกิ ส์ ข้ามพรมแดนไม่มีความสัมพันธ์กับผลประกอบการทางการเงินของผู้ส่งออก โดยมองผ่านตัวช้ีวัดด้านอัตราการเปล่ียนแปลง ของยอดขาย แม้ว่าผู้ให้บริการโลจิสติกสข์ ้ามแดนจะมกี ารต้งั ราคาค่าบริการท่ีสมเหตุสมผล และแม้ว่าจะเป็นการต้ังในราคาท่ี สูงกว่าหรือต่ากว่าก็ตาม โดยราคาก็จะสะท้อนในเรื่องของต้นทุนแทน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า ความสามารถด้านการต้ัง ราคาในการให้บริการ ไม่ได้ส่งผลต่อปริมาณการคา้ และการส่งออกขององค์กร ซึ่งทาให้ผู้ส่งออกไม่ได้ตระหนักถึงสว่ นต่างใน ส่วนนม้ี ากนัก ผลการวิเคราะห์การทดสอบสมมติฐาน (H6) ความสามารถด้านกิจกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ข้ามพรมแดนในการให้บริการมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับผลประกอบการทางการเงินของผู้ส่งออก โดยมองผ่าน ตัวช้ีวัดด้านอัตราการเปล่ียนแปลงของยอดขาย เนื่องจากการท่ีผูใ้ หบ้ ริการโลจสิ ตกิ สข์ ้ามพรมแดนมีกจิ กรรมท่ีสร้างมูลค่าเพ่มิ ซ่ึงมีความสัมพันธ์กับการส่งออกทั้งในแง่ของการให้คาปรึกษาท่ีจะช่วยลดระยะเวลาในการส่งออกสินค้าในแต่ละครั้ง และมี ความสะดวกในการดาเนินงาน กจ็ ะส่งผลใหผ้ ้สู ่งออกสามารถสร้างรายได้ได้มากขึ้น สาหรับขอ้ จากดั ในการศกึ ษาวจิ ยั ในครัง้ น้ี สามารถแบ่งออกได้เป็นประเดน็ ตา่ งๆ ดังน้ี 5.1. ขอ้ จากดั ด้านงานวจิ ยั ทเ่ี กีย่ วข้องกบั ผู้ให้บรกิ ารโลจสิ ติกส์ขา้ มพรมแดน เนื่องจากบริบทของการค้าข้ามพรมแดนเป็นบริบทท่ีหลายหน่วยงานเริ่มตระหนักถึงความสาคัญมากขึ้นในช่วง ระยะเวลาท่ีผ่านมาไม่นาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทาวิจัยในคร้ังนี้ จากการหาข้อมูลซ่ึงเป็นหลักฐานอ้างอิงจากการรวบรวม วรรณกรรมปริทัศน์ไดน้ อ้ ย 5.2. ข้อจากัดในการเขา้ ถึงข้อมลู ประเทศไทยยังมีข้อจากัดเร่ืองการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทขาดแคลนแหล่งรวบรวมข้อมูลรวมถึงยังพบปัญหาเ ร่ือง ข้อมูลท่ีไม่เป็นปัจจุบัน อีกท้ังมีหลายบริษัทท่ีไม่ได้ให้ความร่วมมือในการเข้าถึงข้อมูล ทาให้การรวบรวมข้อมูลทางฝ่ังของผู้ สง่ ออกในเชงิ ลึกที่สามารถสะท้อนถึงผลของการศกึ ษางานวจิ ัยน้อี ยา่ งแทจ้ ริงน้ันเป็นไปได้ยาก เช่น คณะผ้วู ิจัยไม่สามารถทราบ ถึงยอดขายของการส่งออกเฉพาะในสว่ นของการส่งออกขา้ มแดนได้ จะทราบเพียงแตย่ อดขายโดยรวมของบริษัทเทา่ นนั้ สาหรับข้อเสนอแนะในการศึกษาค้นคว้าเพ่ือพัฒนางานวิจัยในอนาคตควรมีกลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการศึกษาให้มาก ยิ่งขึ้นเพ่ือเพ่ิมความน่าเช่ือถือในผลลัพธ์ของงานวิจัย ซึ่งจะช่วยลดความผิดพลาดท่ีอาจเกิดข้ึนกับผลของการศึกษาได้อีกดว้ ย ทั้งนี้ หลังจากที่ผูว้ จิ ยั ทราบผลของการศึกษาแลว้ นนั้ ผวู้ ิจยั ยังสามารถศกึ ษาวจิ ยั โดยใช้เครอ่ื งมือเชิงคุณภาพประกอบการวิจัย 307
การประชุมสัมมนาเชิงวิชาการด้านการจัดการโลจิสตกิ ส์และโซอ่ ุปทาน ครง้ั ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวศิ วกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 เพิม่ เตมิ เชน่ การศกึ ษากรณีตวั อย่าง (Case study) การสัมภาษณเ์ ชงิ ลึกกบั บริษัททไี่ ดท้ าการตอบแบบสอบถาม เป็นต้น เพอ่ื สร้างองคค์ วามรูใ้ หม่เพ่มิ เติมจากการวิจัยในครัง้ นี้ เอกสารอา้ งอิง Banomyong, R., Cook, P., & Kent, P. (2008). Formulating regional logistics development policy: the case of ASEAN. International Journal of Logistics Research and Applications,11(5), 359-379. Bustinza, O., Arias-Aranda, D., & Gutierrez-Gutierrez, L. (2010). Outsourcing, competitive capabilities and performance: an empirical study in service firms. International Journal of Production Economics,126(2), 276-288. Fabbe-Costes, N., Jahre, M., & Roussat, C. (2008). Supply chain integration: the role of logistics service providers. International Journal of Productivity and Performance Management,58(1), 71-91. Fawcett, S. E., Stanley, L. L., & Smith, S. R. (1997). Developing a logistics capability to improve the performance of international operations. Journal of Business Logistics,18(2), 101-127. Kim, S. W. (2006). The effect of supply chain integration on the alignment between corporate competitive capability and supply chain operational capability. International Journal of Operations & Production Management,26(10), 1084-1110. Lai, K. (2004). Service capability and performance of logistics service providers. Transportation Research Part E: Logistics and Transportation Review,40(5), 385-399. Lieb, R. C., Millen, R. A., & Wassenhove, L. N. (1993). Third Party Logistics Services: A Comparison of Experienced American and European Manufacturers. International Journal of Physical Distribution & Logistics Management,23(6), 35-44. Lieb, R., & Miller, J. (2002). The Use of Third-party Logistics Services by Large US Manufacturers, The 2000 Survey. International Journal of Logistics Research and Applications,5(1), 1-12. Liu, C., & Lyons, A. C. (2011). An analysis of third-party logistics performance and service provision. Transportation Research Part E: Logistics and Transportation Review,47(4), 547-570. Liu, L., & Luo, D. (2012). Effects of Logistics Capabilities on Performance in Manufacturing Firms . Contemporary Logistics , 9. Lu, C., & Yang, C. (2010). Logistics service capabilities and firm performance of international distribution center operators. The Service Industries Journal,30(2), 281-298. Lynch, D. F., Keller, S. B., & Ozment, J. (2000). The effects of logistics capabilities and strategy on firm performance. Journal of Business Logistics,21(2), 47-67. McGrath, M. E., & Hoole, R. W. (1992). Manufacturing’s New Economies of Scale. Harvard Business Review,70(3), 94-102. Olavarrieta, S., & Ellinger, A. E. (1997). Resource-based theory and strategic logistics research. International Journal of Physical Distribution & Logistics Management,27(9/10), 559-587. 308
การประชุมสัมมนาเชงิ วิชาการด้านการจัดการโลจิสตกิ สแ์ ละโซ่อปุ ทาน ครัง้ ท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวศิ วกรรมอุตสาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 Panayides, P. (2004). Logistics service providers: An empirical study of marketing strategies and company performance. International Journal of Logistics Research and Applications,7(1), 1-15. Panayides, P. M., & So, M. (2005). The Impact of Integrated Logistics Relationships on Third-Party Logistics Service Quality and Performance. Maritime Economics & Logistics,7(1), 36-55. Saowadee, K., Nimsai, S., & Piboonrungroj, P. (2015). An Investigation and Evaluation of CrossBorder Truck Transportation from Mae Sot-Myawaddy to Yangon. International Journal of Supply Chain Management ,4(4), 102-107. Sasananan, M., Narkhede, B. E., Gardas, B. B., & Raut, R. D. (2016). Selection of Third Party Logistics Service Provider Using a Multi-Criteria Decision Making Approach for Indian Cement Manufacturing Industries . Thammasat International Journal of Science and Technology,21(3), 70-81. Shang, K., & Marlow, P. B. (2005). Logistics capability and performance in Taiwan's major manufacturing firms. Transportation Research Part E: Logistics and Transportation Review,41(3), 217-234. Wagner, S. M., & Sutter, R. (2012). A qualitative investigation of innovation between third-party logistics providers and customers. International Journal of Production Economics,140(2), 944-958. Yang, C. (2012). Assessing the moderating effect of innovation capability on the relationship between logistics service capability and firm performance for ocean freight forwarders. International Journal of Logistics Research and Applications,15(1), 53-69. Yang, C., Marlow, P. B., & Lu, C. (2009). Assessing resources, logistics service capabilities, innovation capabilities and the performance of container shipping services in Taiwan. International Journal of Production Economics,122(1), 4-20. Yeung, A. C. (2006). The Impact of Third-Party Logistics Performance on the Logistics and Export Performance of Users: An Empirical Study. Maritime Economics & Logistics,8(2), 121-139. Yeung, K., Zhou, H., Yeung, A. C., & Cheng, T. (2012). The impact of third-party logistics providers capabilities on exporters performance. International Journal of Production Economics,135(2), 741- 753. 309
การประชุมสมั มนาเชงิ วิชาการด้านการจดั การโลจิสตกิ ส์และโซ่อปุ ทาน ครัง้ ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 Topic G: Government Policies and Regulations Paper ID: GP 03 ยุทธศาสตรก์ ารพัฒนากาลังคนสาหรบั อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องน่งุ หม่ ไทย วลัยลกั ษณ์ อตั ธรี วงศ1์ *, รณชยั ศิโรเวฐนุกูล2, กนกกรรณ์ ลโี้ รจนาประภา3, วริยา ปานปรุง4 1* ภาควชิ าสถิติ คณะวิทยาศาสตร์ สถาบนั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ เจ้าคณุ ทหารลาดกระบัง โทรศัพท์ 02-2298000 โทรสาร 02-3298426 E-mail [email protected] 2 ภาควิชาวศิ วกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหิดล โทรศพั ท์ 02-8892138 ต่อ 6210 โทรสาร 02-8892138 ต่อ 6229 E-mail [email protected] 3ภาควชิ าสถิติ คณะวิทยาศาสตร์ สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าเจา้ คุณทหารลาดกระบัง โทรศัพท์ 02-2298000 โทรสาร 02-3298426 E-mail [email protected] 4ภาควชิ าวทิ ยาการจัดการ คณะวทิ ยาการจดั การ มหาวิทยาลัยราชภฎั พระนคร โทรศัพท์ 02-2298000 โทรสาร 02-3298426 E-mail [email protected] บทคดั ย่อ ในปัจจุบันอุตสาหกรรมส่ิงทอและเครื่องนุ่งห่มไทยถูกกาหนดให้อยู่ในเส้นโค้งเอสท่ีสอง (Second S-Curve) ของ รัฐบาล อยา่ งไรก็ตามอตุ สาหกรรมสง่ิ ทอและเคร่ืองนุง่ หม่ ไทยต้องเผชิญกบั ปญั หาด้านเศรษฐกิจทถ่ี ดถอยและปจั จัยตา่ งๆ เชน่ การขาดแคลนกาลงั คน ข้อตกลงทางการคา้ TPP และสทิ ธิทางภาษีอนื่ ๆ เปน็ ต้น ทาใหอ้ ตุ สาหกรรมสิง่ ทอและเคร่อื งนงุ่ ห่มตอ้ ง มีการปรับตัวโดยเฉพาะด้านกาลังคนเนื่องจากมีความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานของกาลังคนในประเทศที่เผชิญอยู่ และจุดสมดุลท่ีไม่แน่นอนในอนาคต งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัญหาด้านกาลังคนของอุตสาหกรรมสิ่งทอและ เครอ่ื งน่งุ ห่ม 2) นาเสนอยทุ ธศาสตร์การพัฒนากาลังคนในอตุ สาหกรรมอตุ สาหกรรมส่ิงทอและเครื่องนุ่งห่ม เก็บรวบรวมข้อมูล โดยการสัมภาษณ์ทั้งด้านอุปสงค์กาลังคนจากผู้ประกอบการต่างๆ และอุปทานกาลังคนจากสถาบันการศึกษาท่ีทาหน้าทผ่ี ลติ บุคลากรใหม่เพ่ือป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรม รวมท้ังหน่วยงานท่ีเกย่ี วขอ้ งกับการวางนโยบายการเตรียมกาลังคนในระดับประเทศ และทาการประชุมกลุ่มเพื่อระดมสมองผูท้ ่ีเกี่ยวข้องทุกๆ ฝ่าย เพื่อหาแนวทางร่วมกันในการพัฒนากลยุทธ์สาหรับการพัฒนา กาลังคนสาหรับอตุ สาหกรรมที่เหมาะสมต่อไป จากนัน้ วเิ คราะหข์ อ้ มูลโดยใช้การวเิ คราะหเ์ ชงิ เน้อื หา (Content Analysis) ใน การจาแนกปัญหาด้านกาลังคนในอุตสาหกรรมที่พบออกเป็นปัญหาด้านจานวนและปัญหาด้านทักษะโดยใช้แผนภาพ ความสมั พันธเ์ ชงิ เหตแุ ละผล แลว้ ทาการวเิ คราะหส์ ภาวะแวดลอ้ มและเมททริกซ์ทาวซ์ (SWOT Analysis และ TOWS Matrix Analysis) เพอ่ื นาเสนอยทุ ธศาสตรแ์ ละแผนกลยุทธด์ า้ นการพฒั นากาลงั คนในอุตสาหกรรมสง่ิ ทอและเครอ่ื งนุ่งห่ม โดยงานวิจยั น้ีได้นาเสนอยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนากาลังคนออกเป็น 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1: การพัฒนากาลังคนให้มี ศักยภาพสูงและมีความสามารถในระดับสากลอยา่ งย่ังยืน ยุทธศาสตร์ที่ 2: การสร้างความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ด้านกาลังคนอย่างมีประสิทธิภาพ ยุทธศาสตร์ท่ี 3: การสร้างกาลังคนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อเพ่ิมศักยภาพการ แข่งขัน และ ยุทธศาสตรท์ ี่ 4: การสร้างความร่วมมอื ระหว่างสถาบันการศกึ ษาและสถานประกอบการ โดยมีกลยทุ ธ์ทง้ั สิน้ 15 กลยทุ ธ์ คาสาคัญ: การเตรียมความพร้อมด้านกาลังคน; อุตสาหกรรมส่ิงทอและเครื่องนุ่งห่ม; ยุทธศาสตร์; การพัฒนากาลังคน; แผนภาพความสมั พนั ธ์เชิงเหตุและผล 310
การประชมุ สัมมนาเชงิ วิชาการด้านการจัดการโลจิสตกิ สแ์ ละโซอ่ ุปทาน คร้งั ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 1. บทนา กาลังคนเปน็ ปัจจัยการผลิตที่มคี วามสาคัญตอ่ การพัฒนาประเทศในทุกระดับ ถ้ากาลังคนในภาคการผลติ ตา่ งๆ ของ ประเทศมคี วามรคู้ วามสามารถ มีทักษะและศกั ยภาพสงู จะส่งผลใหป้ ระสทิ ธิภาพการผลิตและประสิทธิผลต่อการผลติ สูงขึ้นซ่ึง จะส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยประสบปัญหาการขาด แคลนกาลังคนท้ังด้านปริมาณและคุณภาพอย่างมากและมีแนวโน้มความรุนแรงมากขึ้นเป็นลาดับ ซ่ึงจะส่งผลกระทบต่อ ความสามารถในการเจริญเติบโตอย่างย่ังยืนของประเทศในระยะยาว (เสาวณี จันทะพงษ์ และศลิษา อังศรีประเสริฐ, 2555) สานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม (อุดม วงศ์วัฒน์ไชย, 2558) ได้ระบุไว้วา่ อุปทานของแรงงาน สายอาชีพเข้าสู่ตลาดแรงงานไม่เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากนักเรียนท่ีจบมัธยมศึกษาตอนปลายนิยมศึกษาต่อระดับ ปริญญาตรเี พ่ือได้รับค่าตอบแทนที่สงู ข้ึนจึงทาใหแ้ รงงานสายอาชีพขยายตวั น้อยกว่าแรงงานสายสามัญ ท้ังน้ีสืบเนื่องจากการ กาหนดค่าจ้างแรงงานตามวุฒิการศึกษาที่สาเร็จมากกว่าความสามารถและประสบการณ์ของบุคลากร ประกอบกับนโยบาย สร้างโอกาสทางการศึกษาของภาครัฐโดยมีการจัดต้ังกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และนโยบายของภาครัฐท่ี ส่งเสริมและเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาสู่การศึกษาในระดับการศึกษาได้มากข้ึน ทาให้นักเรียนเลือกที่จะเรียนสายสามัญ และสอบเขา้ เรยี นต่อในระดบั ปรญิ ญาตรีกันมากขนึ้ ในรอบ 20 ปีที่ผา่ นมา (แกว้ ขวญั ตั้งติพงศ์กลู , 2555) นอกจากนั้นยังพบว่า มีความไม่สอดคล้องของอุปสงค์และอุปทานด้านการศกึ ษาและประสบการณ์ของบุคลากรประเภทท่ีมีทักษะซึง่ เกิดจากระบบ การศึกษาที่ผลิตกาลังคนที่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาด กล่าวคือตลาดแรงงานต้องการกาลังคนที่จบสายวิทยาศาสตร์ มากกว่าสายสงั คมศาสตร์ ขณะที่จานวนผู้ศึกษาตอ่ ในสายวิทยาศาสตร์ต่อสายสังคมศาสตร์อยู่ทีร่ ้อยละ 30 ต่อ 70 โดยพบว่า ส่วนมากจะศึกษาในด้านการบริหารจัดการ รวมท้ังคุณภาพของกาลังคนนั้นยังขาดความรู้และทักษะท่ีจาเป็นต่อการพัฒนา เศรษฐกิจ เช่น การเรียนรู้จากการปฏิบัตดิ ้วยตนเอง การมีวินัย ภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์และการส่ือสาร เป็นต้น (วิทยากร เชยี งกูร, 2552) อตุ สาหกรรมสง่ิ ทอและเครอ่ื งนงุ่ ห่มเปน็ อุตสาหกรรมที่มกี ารจา้ งกาลงั คนคอ่ นข้างสูงโดยมีกาลงั คนอยูใ่ นอุตสาหกรรม นี้ถึงหนึ่งในห้าของอุตสาหกรรมท้ังประเทศ (สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมส่ิงทอ, 2555) อีกทั้งยังมีสถานประกอบการเป็น จานวนมากทาให้มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและจาเป็นต้องมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการใน ภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในระดับผูบ้ ริหารระดบั กลาง (Middle Management) รวมถึงบุคลากรที่มีฝีมอื และมีคณุ ภาพสูง แต่เนื่องจากการขาดสภาพคล่องในด้านกาลังคนดังกล่าวทาให้ผู้ประกอบการมักประสบปัญหาด้านบุคลากรที่รับเข้าทางานมี ความรู้แต่ขาดประสบการณ์และความรู้ที่จบจากสถานศึกษามักไม่ตรงกับความต้องการของสถานประกอบการ ทาให้ ผู้ประกอบการต้องสอนงานใหมเ่ พอื่ เพ่ิมทักษะใหก้ ับบุคลากร ซึ่งการสร้างกาลังคนในอุตสาหกรรมส่งิ ทอและเครือ่ งนุ่งห่มใหม้ ี ความรู้ความสามารถและผลิตภาพ (Productivity) เพิ่มข้ึนทั้งปริมาณและคุณภาพอย่างมีระบบน้ันจะทาให้ผู้ผลิตใน อตุ สาหกรรมส่ิงทอและเครอื่ งนงุ่ ห่มของไทยสามารถบรหิ ารต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้เกิดประสิทธิผลสงู สดุ ซึ่งจาเปน็ ตอ้ งมีปัจจัย หลักสนับสนนุ ด้วยกาลังคนที่มปี ระสิทธิภาพ มีฝีมือ และมีคุณภาพสูงตรงกับความต้องการจากภาคอุตสาหกรรมในการเขา้ ไป ดาเนินสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้น ซ่ึงจะก่อให้เกิดการสร้างศักยภาพในการแข่งขันระยะยาวให้กับภาคอุตสาหกรรมรวม ทั้งยัง สามารถรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมส่ิงทอและเคร่ืองนุ่งห่มไทยได้อย่างย่ังยืนสู่การเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคอาเซียน ดังน้ันในงานวิจัยน้ีจึงมีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาถึงสภาพปัญหาด้านกาลังคนในอุตสาหกรรมสิ่งทอและ เคร่ืองนุ่งห่ม และ 2) เพอ่ื นาเสนอยุทธศาสตรก์ ารพัฒนากาลังคนให้มศี กั ยภาพและใหท้ นั ตอ่ การเปล่ยี นแปลงในบรบิ ทอาเซยี น 311
การประชุมสัมมนาเชิงวิชาการด้านการจดั การโลจิสตกิ สแ์ ละโซ่อปุ ทาน ครงั้ ท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 2. ทฤษฎีท่ีเก่ียวข้อง 2.1 การวเิ คราะหส์ ภาวะแวดล้อม (SWOT Analysis) การวิเคราะห์สภาวะแวดล้อม (SWOT Analysis) เป็นเคร่ืองมือในการวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ขององค์กรว่า องค์กรมีจุดแข็ง (Strengths) จุดอ่อน (Weaknesses) โอกาส (Opportunities) และอุปสรรค (Threats) เป็นอย่างไร โดยนา ตวั ย่อจากคาศพั ท์ภาษาอังกฤษ 4 คา มาใชใ้ นการตง้ั ช่ือ การวเิ คราะหห์ ลักการในการกาหนดจุดแข็ง (Strengths) และจดุ ออ่ น (Weaknesses) จะคานึงถงึ ความสามารถและสถานการณใ์ นการทางานด้านบวกหรือด้านลบทส่ี ่งผลต่อการบรรลุวตั ถปุ ระสงค์ เฉพาะท่ีเกิดขึ้นภายในองค์กรเป็นหลัก ในขณะที่โอกาส (Opportunities) และอุปสรรค (Threats) จะหมายถึงปัจจัยหรือ สถานการณ์ภายนอกท่ีเอื้ออานวยหรือขัดขวางต่อการทางานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร (นันทิยา หุตานุวัตร และ ณรงค์ หตุ านวุ ตั ร, 2545: วฒั นา วงศ์เกยี รติรตั น์, 2545) 2.2 การกาหนดยทุ ธวิธีโดยใช้เมททริกซ์ทาวซ์ (TOWS Matrix) การกาหนดกลยุทธ์ในเชิงรุก เชิงรับ เชิงป้องกัน และเชิงแก้ไขโดยใช้เมททริกซ์ทาวซ์ (Threats – Opportunity - Weaknesses – Strengths) โดยนาปัจจัยภายนอกท่ีเป็นโอกาสและอุปสรรคที่องค์กรกาลังเผชิญอยู่นั้นมาจับคู่เพื่อให้ สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันท่ีเป็นจุดแข็งและจุดอ่อนขององค์กรเพื่อสร้างยุทธศาสตร์ 4 ชุด ดังน้ี 1) ยุทธวิธีเชิงรุก (SO-Strategy) เป็นการใช้จุดแข็งที่มีโอกาสเพ่ือก่อให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน 2) ยุทธวิธีเชิงป้องกัน (ST-Strategy) เป็นการนาจุดแข็งมาใช้เพ่ือป้องกันหรือหลีกเลี่ยงผลกระทบท่ีอาจจะเกิดขึ้น 3) ยุทธวิธีเชิงแก้ไข (WO-Strategy) เป็นการนา โอกาสมาใช้แก้ไขจุดอ่อนเพือ่ ใหเ้ กิดประโยชนต์ อ่ องค์กร 4) ยทุ ธวธิ เี ชงิ รับ (WT-Strategy) เปน็ การกาจดั จดุ อ่อนทจ่ี ะเกิดข้ึนได้ และสามารถป้องกันอุปสรรคได้ด้วยในคราวเดยี วกนั 3. วิธีดาเนนิ การวิจัย 3.1. เคร่ืองมอื ท่ีใชใ้ นการวิจัย งานวิจยั นเ้ี ป็นการวจิ ัยเชงิ คณุ ภาพ (Qualitative Analysis) โดยมีเครอื่ งมอื ในการเก็บ รวบรวมขอ้ มลู ดังนี้ 1. การสัมภาษณ์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งในมุมมองของสถานประกอบการที่เป็นข้อมูลของผู้ท่ีต้องการกาลังคนหรือ ด้านอุปสงค์ (Demand Side) และหน่วยงานท่ีทาหน้าที่ผลิตบุคลากรเพ่ือป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมหรือด้านอุปทาน (Supply Side) รวมทั้งหนว่ ยงานทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั การวางนโยบายการเตรียมกาลงั คนในระดบั ประเทศ 2. การประชุมกลุ่ม (Focus Group) เปน็ การระดมสมองผูท้ เี่ กย่ี วขอ้ งทกุ ฝา่ ยเพือ่ ตรวจสอบความถูกต้องในประเดน็ ท่ี ได้มีการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลไว้ รวมทั้งเพ่ือหาแนวทางร่วมกันในการพัฒนากลยุทธ์ในการพัฒนากาลังคนสาหรับ อตุ สาหกรรมทเี่ หมาะสมตอ่ ไป 3.2. กลุ่มตัวอยา่ ง ในงานวิจยั นี้ไดด้ าเนินการสมั ภาษณ์ผู้ประกอบการท้งั ขนาดเลก็ กลาง และใหญจ่ านวน 55 แหง่ ที่ ดาเนินธุรกิจมาเป็นเวลานานซ่ึงสามารถใหข้ ้อมูลในภาพรวมของอุตสาหกรรมรวมทั้งปัญหาด้านแรงงานท่พี บได้ สถานศึกษาท่ี เปิดการเรียนการสอนในสาขาสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจานวน 9 แห่ง กรมอาชีวศึกษา และผู้แทนจากสมาคมต่างๆ ใน อุตสาหกรรมสิ่งทอและเคร่อื งนุ่งห่ม อาทิ สมาคมพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม สมาคม อุตสาหกรรมฟอกย้อม พิมพ์และตกแตง่ ส่ิงทอไทย เปน็ ต้น 3.3. การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้วิธีการวิเคราะห์เชิงเน้ือหา (Content Analysis) ตามเนื้อหาที่ปรากฏ (Manifest Content) โดยมุ่งวิเคราะห์ด้านปัญหาการขาดแคลนกาลังคนที่อุตสาหกรรมประสบอยู่ (สุภางค์ จันทรวานิช, 2559) และ แสดงในรปู แบบของแผนภาพความสัมพนั ธเ์ ชงิ เหตแุ ละผล (Casual Map) (Ackermann, 1996) จากนั้นทาการวิเคราะห์ 312
การประชุมสัมมนาเชงิ วิชาการด้านการจัดการโลจสิ ติกส์และโซ่อปุ ทาน คร้ังที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 ข้อมูลด้วยเทคนิค SWOT Analysis และ เมททริกซ์ทาวซ์ (TOWS Matrix Analysis) โดยหลกั การสาคัญของ SWOT คือการ วิเคราะห์โดยการสารวจจากสภาพการณ์ 2 ด้าน คือ สภาพการณ์ภายในและสภาพการณ์ภายนอกเพ่ือนามาสร้างเมททริกซ์ ทาวซ์ (TOWS Matrix) สาหรับกาหนดนโยบายและกลยทุ ธ์ในการพัฒนากาลังคนไปในทิศทางท่ีเหมาะสม (นนั ทยิ า หตุ านวุ ัตร และณรงค์ หตุ านุวตั ร, 2545: วฒั นา วงศเ์ กียรติรัตน์, 2545) 4. ผลการวจิ ยั จากการสัมภาษณ์ผู้ท่ีเก่ียวข้องทุกๆ ฝ่ายในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทาน กาลังคน รวมท้ังการประชุมกลมุ่ (Focus Group) สามารถวิเคราะห์ปญั หาและสาเหตขุ องปัญหาในการขาดแคลนกาลังคนใน อุตสาหกรรมจาแนกเป็นปัญหาการขาดแคลนด้านจานวนและด้านทักษะ และนาไปสู่การวิเคราะห์ เพื่อสร้างยุทธศาสตรแ์ ละ แผนกลยทุ ธส์ าหรับการพัฒนากาลงั คน ไดผ้ ลดงั ต่อไปนี้ 4.1. ปัญหาดา้ นการขาดแคลนกาลังคนทีม่ ีทักษะ ผลการวิเคราะหข์ ้อมูลด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา สามารถแบง่ ปัญหาหลกั ด้าน “การขาดแคลนกาลังคนทมี่ ีทกั ษะ” ออกเป็น 2 ด้านได้แก่ ปัญหาด้านจานวน และปัญหาด้านทักษะ โดยปัญหาต่างๆ ที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายระบุไว้นั้นอาจมี สาเหตุมาจากหลายปญั หาและมีลกั ษณะทเ่ี ชอ่ื มโยงกันสปู่ ญั หาหลกั ซงึ่ สามารถแสดงความสัมพนั ธเ์ ชิงเหตแุ ละผลได้ดงั รูปที่ 1 4.1.1 ปัญหาการขาดแคลนดา้ นจา้ นวน จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า สาเหตุการขาดแคลนกาลังคนด้านจานวนนั้นพบได้จาก 3 ปัญหาหลัก ได้แก่ 1) จานวนผู้ที่สาเร็จการศึกษาตรงตามตาแหน่งท่ีสถานประกอบการระบุมีจานวนน้อยลง 2) เม่ือจบการศึกษาแล้วไม่ทางานตรง สายงาน และ 3) อัตราการออกจากงาน (Turnover Rate) สูง และจากการสัมภาษณ์ผูป้ ระกอบการระบวุ ่าสาเหตุเหล่านีเ้ ป็น จุดวกิ ฤต (Critical Points) ท่ผี มู้ สี ่วนได้สว่ นเสยี ควรตระหนัก ดังนั้นถา้ แก้ปัญหาเหลา่ นไี้ ดก้ อ็ าจทาใหป้ ญั หาดา้ นการขาดแคลน กาลังคนในบางตาแหน่งลดลงได้ สาหรับสาเหตุหลักที่ทาให้มีจานวนผสู้ าเร็จการศึกษาตรงตามตาแหน่งน้อยลงนั้น เนื่องมาจากปัญหาด้านนักเรียน/ นักศึกษาเลือกศึกษาในสาขาดังกล่าวน้อยลง โดยในมุมมองของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่ามีสาเหตทุ ่ีหลากหลาย เช่น สภาพแวดล้อมในการทางานท่ีไม่ดึงดูด ลักษณะงานของอุตสาหกรรมที่ไม่มีสายงานในอาชีพ (Career Path) ที่ชัดเจน ภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมท่ีถูกมองว่าเป็น “อุตสาหกรรมไม่มีอนาคต” (Sunset Industry) และความม่ันคงของกิจการท่ี ผู้ประกอบการรายเล็กจานวนหนึ่งท่หี ยุดดาเนินกจิ การลง เป็นตน้ ส่งผลใหน้ กั เรียน/นกั ศกึ ษามีความสนใจเลอื กศกึ ษาในสาขา ดังกล่าวนอ้ ยลง ในประเดน็ ท่ี 2 คือ นักเรียน/นักศึกษาเมื่อจบการศึกษาแลว้ ทางานไม่ตรงสายงาน มีสาเหตุมาจากลกั ษณะงานของ อตุ สาหกรรมสิง่ ทอท่ีต้องทางานในสายการผลิตที่มีฝนุ่ มาก เสยี งดงั หรือมกี ลิน่ รบกวน รวมทงั้ อาจมองไมเ่ ห็น การเตบิ โตในสายงานอาชพี ที่ชดั เจน เม่ือเปรยี บเทยี บค่าตอบแทนทไ่ี ดอ้ าจไมไ่ ดส้ งู กว่าอุตสาหกรรมอ่ืนทีม่ ีลักษณะงานท่สี ะอาด และสะดวกสบายกวา่ ส่วนหนึ่งจงึ ตดั สนิ ใจเปล่ียนไปทางานในอุตสาหกรรมอืน่ แทนเม่ือสาเร็จการศึกษา สาหรับปัญหาด้านอัตราการออกจากงานสงู (Turnover Rate) เป็นอีกปัญหาหน่ึงท่ีผปู้ ระกอบการประสบ โดยระบุ ว่าพนักงานเม่ือเข้ามาทางานได้ระยะหน่ึงแล้วมีบางส่วนลาออกจากงาน เน่ืองจากพนักงานน้ันๆ ไม่สามารถปรับตั วได้กับ สภาวะแวดล้อมของอุตสาหกรรมได้ และขาดแรงจูงใจด้านค่าตอบแทนดังท่ีได้กล่าวไว้ข้างต้น อีกทั้งเกิดความขาดแคลน แรงงานทมี่ ที ักษะในอตุ สาหกรรมอื่นเชน่ กัน รวมท้ังการขาดความชัดเจนของสายงานในอาชีพ (Career Path) ทาใหก้ าลังคน 313
การประชุมสัมมนาเชงิ วชิ าการด้านการจดั การโลจิสตกิ ส์และโซอ่ ปุ ทาน คร้งั ท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวศิ วกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 บางส่วนเปล่ียนสายงาน เช่น เปล่ียนจากนักเคมีสิ่งทอมาเป็นตัวแทนจัดจาหน่ายสีเคมี หรือย้ายจากอุตสาหกรรมสิ่งทอไป ทางานในอุตสาหกรรมอ่ืน เป็นต้น สาหรับแนวทางการแก้ไขปัญหากาลังคนด้านจานวนในปัจจุบันน้นั ผู้ประกอบการสว่ นใหญ่ใช้การแก้ปัญหาท่ีปลาย เหตุเพ่ือลดผลกระทบท่ีเกิดข้ึนจากการขาดแคลนพนักงานในตาแหน่งที่สาคัญในหลายรูปแบบ เช่น การนาเทคโนโลยีเข้ามา ทดแทนกาลังคนให้มากขึ้น การเพ่ิมประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มขดี ความสามารถของกาลังคนทีม่ อี ยูโ่ ดยอบรมพนกั งานให้มี ความสามารถทห่ี ลากหลายมากขึน้ และสามารถทางานแทนกันได้หากจาเป็น ใชแ้ รงงานตา่ งชาตทิ ดแทน รวมทัง้ ว่าจ้างผู้สาเร็จ การศกึ ษาในวฒุ ิการศกึ ษาที่ใกล้เคยี งมาทดแทนผทู้ ส่ี าเร็จการศึกษาดา้ นสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มโดยตรง อยา่ งไรกต็ ามการแกไ้ ข ดงั กล่าวยังมิใชก่ ารแก้ปญั หาท่ีตน้ เหตอุ ันเนอ่ื งมาจากนกั เรียน/นักศึกษาเลือกเรียนสาขาน้ีน้อยและอัตราการออกงานทีส่ งู 4.1.2 ปญั หากา้ ลงั คนด้านทักษะ ประเด็นปัญหาดา้ นทกั ษะของกาลังคนที่จบใหม่นน้ั ผูป้ ระกอบการระบวุ ่าอาจมีสาเหตุมาจากตวั บคุ คลหรอื หลักสูตร ท่มี ีการเรยี นการสอน จากการสมั ภาษณ์พบว่ามี 2 ประเด็นหลกั ทผ่ี ปู้ ระกอบการระบุคือ 1) ผ้สู าเร็จการศึกษาใหมม่ คี วามรเู้ ปน็ พ้ืนฐานมากเกินไป และ 2) การศึกษาท่ีไม่ทันเทคโนโลยีท่ีปรับเปลีย่ นไป ปัญหาด้านทักษะหลังสาเรจ็ การศึกษามีความรทู้ ี่เป็น พื้นฐานมากเกินไปน้นั จากการสัมภาษณพ์ บวา่ มสี าเหตจุ ากการกาหนดหลักสูตรตามกรอบมาตรฐานของปรญิ ญาท่ไี ด้รับทาให้ ต้องผู้เรียนต้องศึกษาในรายวิชาพื้นฐานทาให้อาจไม่ได้นามาใช้จริงในเชิงปฏิบัติ นอกจากนี้ปัญหาด้านการศึกษาไม่ทัน เทคโนโลยีทีเ่ กิดจากสถานศกึ ษาขาดโอกาสในการเขา้ ถึงเทคโนโลยีดา้ นสง่ิ ทอและเครื่องน่งุ ห่มทีม่ ีราคาสงู และมกี ารปรบั เปลย่ี น ไปอยา่ งรวดเร็ว อีกทัง้ งบประมาณด้านการจัดซอื้ ครุภณั ฑแ์ ละอุปกรณเ์ คร่ืองจกั รตา่ งๆ ทส่ี ถานศกึ ษาได้รบั นั้นก็ไมเ่ พยี งพอท่ีจะ จัดซ้อื ใหท้ นั กบั เทคโนโลยที ่ีปรับเปลีย่ นอย่างตอ่ เนอ่ื ง จากรูปท่ี 1 ชี้ให้เห็นว่าปัญหากาลังคนด้านจานวนและทักษะมีความซับซ้อน และมีสาเหตุที่หลากหลาย การ แก้ปัญหาดังกล่าวในทางปฏิบัติอาจไม่สามารถจัดการทุกปัญหาภายในเวลาเดียวกันได้ และต้องคานึงว่าในบา งทางเลือก สามารถลดปญั หาหนึง่ แต่อาจไปสง่ ผลให้เกิดปัญหาอื่นตามมาได้ เช่น หากผู้ประกอบการเลอื กใช้แนวทางวา่ จ้างพนักงานทีจ่ บ มาไม่ตรงสายงานเพื่อแก้ไขปัญหาด้านจานวนท่ีขาดแคลน แต่อาจไปเพิ่มปัญหาด้านทักษะเนื่องจากได้พนักงานที่ไม่มีความรู้ ความชานาญในด้านสิง่ ทอหรอื เครื่องนุง่ หม่ เขา้ มาทางาน เปน็ ตน้ นอกจากนี้ยังพบว่ากุญแจสาคัญในการแก้ปัญหาด้านจานวนและทักษะมาจากการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ระหว่างสถานศึกษา ซ่ึงจากการศึกษาวิจัยคร้ังนี้พบว่าบางสถานประกอบการได้แสดงความจานงในการสร้างเครือข่ายความ ร่วมมือกับสถานศึกษาในหลายรูปแบบทั้งการรับนักศึกษาเข้ามาเรียนหรือฝึกงานในโรงงานเพ่ือให้มีทักษะด้านอุตสาหกรรม ตลอดจนการให้ทุนสนับสนุนภายใต้เง่ือนไขท่ีนักศึกษาต้องเข้ามาร่วมงานกับสถานประกอบการหลังสาเร็จการศึกษา นอกจากนี้บางสถานประกอบการได้มีแนวคิดในการร่วมจัดทาหลักสูตรร่วมกับสถานศึกษาอีกด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าหลักสตู รจะ สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของผู้ประกอบการและสถานศึกษาสามารถผลิตบัณฑิตเข้ามาสู่สถานประกอบการและ บริษัทในเครือได้จานวนหน่ึง ซ่ึงจะเห็นได้ว่าการแก้ปญั หาตา่ งๆ ในด้านกาลังคนนัน้ จะไม่สามารถแก้ปญั หาไดโ้ ดยหน่วยงานใด หน่วยงานหน่ึงเท่านั้น ต้องอาศัยความร่วมมือของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกันทั้งหมดในอุตสาหกรรมซึ่งสามารถทาได้ในหลาย รูปแบบโดยมีเปา้ หมายรว่ มกันเพ่ือแก้ปญั หาขาดแคลนกาลงั คนทมี่ ีทักษะตามทต่ี ้องการ 4.2. แผนยทุ ธศาสตร์และกลยทุ ธก์ ารเตรยี มความพรอ้ มกาลงั คน แผนยุทธศาสตรแ์ ละกลยุทธ์การเตรียมความพร้อมด้านกาลงั คนเป็นผลท่ีเกดิ จากการวเิ คราะห์ข้อมูลดว้ ยเทคนิคการ วิเคราะห์สภาวะแวดล้อม (SWOT Analysis) และเมททริกซ์ทาวซ์ (TOWS Matrix Analysis) ซึ่งจะนาเสนอผลการวิเคราะห์ ในเชิงภาพรวม สถานประกอบการ สถานการศกึ ษา และทกั ษะแรงงาน แสดงได้ดงั ตาราง ท่ี 1 314
การประชุมสัมมนาเชิงวิชาการด้านการจดั การโลจสิ ติกสแ์ ละโซ่อุปทาน คร้ังที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 รูปที่ 1: ความสมั พันธ์เชิงเหตแุ ละผลของการขาดแคลนกาลงั คนทั้งด้านจานวนและดา้ นทักษะ ตารางท่ี 1: การวเิ คราะหส์ ภาวะแวดล้อม (SWOT Analysis) ด้านกาลังคนสาหรบั อุตสาหกรรมส่งิ ทอและเครอื่ งนุ่งหม่ จดุ แขง็ (Strengths) จุดออ่ น (Weaknesses) 1. ภาพรวม S1 สนิ ค้าหรือส่งิ ทอของไทยมคี ุณภาพมากกวา่ ค่แู ขง่ W1 วตั ถดุ ิบ เคร่อื งจกั ร และอปุ กรณย์ งั ตอ้ งพ่ึงพาการนาเข้า S2 มปี ระสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมสิง่ ทอมายาวนานประมาณ W2 การทไ่ี ม่สามารถขยายอุตสาหกรรมฟอกยอ้ มซึ่งเป็นกลางน้าที่ 50-60 ปี เม่ือเทียบกบั คแู่ ขง่ ในภมู ภิ าคอาเซียน สร้างมูลคา่ เพ่มิ จึงทาให้เกิดคอขวดในโซ่อปุ ทาน S3 มีความสามารถในการสร้างนวัตกรรมในผลิตภัณฑ์สิ่งทอ W3 ต้นทนุ ในการผลติ สงู ทาให้ผูป้ ระกอบการบางสว่ นตอ้ งยา้ ยฐาน และเครอ่ื งนงุ่ ห่ม การผลิต (Relocation) S4 แรงงานที่มีฝมี ือ W4 ต้นทุนแรงงานสูงเม่อื เทยี บกับประเทศเพอื่ นบ้าน S5 สถานประกอบการในประเทศมีทั้งต้นน้า กลางน้า และ W5 ขาดแคลนแรงงานท่มี ีทักษะและไมม่ ีทักษะ ปลายน้าท่ีครอบคลุมทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาด เลก็ S6 มกี ารจดั การทดี่ แี ละขดี ความสามารถดา้ นกาลงั การผลติ สงู W6 นโยบายของกระทรวงศึกษาไมเ่ อือ้ ตอ่ การพฒั นาและปรับปรุง หลกั สตู ร S7 มีการเช่ือมโยงโดยตรงกับตลาดนาเข้าวตั ถุดิบ W7 การปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมทั้งระบบการศึกษาไม่ เพียงพอ S8 พลงั งานสาหรบั การผลติ มีเพียงพอ 315
การประชมุ สัมมนาเชิงวิชาการด้านการจดั การโลจิสตกิ สแ์ ละโซ่อุปทาน คร้งั ท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 จุดแขง็ (Strengths) จุดออ่ น (Weaknesses) 2. สถานประกอบการ S9 ผปู้ ระกอบการไทยมีการรวมกลมุ่ กันอยา่ งเขม้ แข็ง W8 ขาดงบประมาณในการซอ้ื เครือ่ งจักร/อปุ กรณใ์ หม่ๆ S10 ผู้ประกอบการสนับสนุนการรับนักศึกษาเข้าฝึกงานและสห W9 ขาดแคลนกาลังคน ถึงแม้วา่ จะมกี ารพัฒนากาลงั คนจากความ กิจศกึ ษาในสถานประกอบการรวมท้ังการฝึกสอนในโรงงาน ร่วมมือของผู้ทเ่ี กยี่ วขอ้ งในอุตสาหกรรมในหลายปีทผี่ า่ นมา S11 สินค้าไทยมีคุณภาพและมีความสามารถการส่งมอบท่ีตรง W10 สถานประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่มีการจัดทาเส้นทางอาชีพ เวลา (Career Path) ในตาแหนง่ งานท่สี าคัญ ซ่งึ จะชว่ ยใหน้ ักศกึ ษา S12 โครงสร้างพืน้ ฐานทดี่ ีกวา่ คแู่ ขง่ มีความสนใจที่จะเรียนในสาขาสิ่งทอและเคร่ืองนุ่งห่มมากขน้ึ และเกิดความมน่ั คงในการทางาน W11 การความร่วมมือกับสถานศึกษาในเรื่องของหลักสูตรในการ ทาทวิภาคกี บั สถานศึกษายงั น้อยมาก 3. สถานศกึ ษา S13 ปัจจุบันมีการจัดการการเรียนรู้ และร่วมมือกันมากขึ้น W12 การเรียนการสอนยังเน้นทฤษฏมี ากกวา่ ภาคปฏิบัติ ระหว่างสถาบันการศึกษาและสถานประกอบการในด้าน W13 หลกั สูตรเรียนไมท่ ันกับการเปลีย่ นแปลงในยคุ โลกาภวิ ฒั น์ สหกิจศึกษา การฝึกงาน และการศึกษาดูงานของนักศึกษา และอาจารย์ S14 อาจารย์มีความรู้ทางด้านทฤษฎีมีความเชี่ยวชาญในสาขา W14 ขาดแคลนนักศึกษาในสายอาชีวศึกษาเน่ืองจากนักศึกษาหัน วิชาชีพและไม่ขาดแคลน ผู้สอนทั้งใ นด้านสิ่งทอ ไปเรยี นระดบั ปริญญาตรมี ากขึน้ เครอ่ื งน่งุ ห่มและดา้ นภาษาตา่ งประเทศ S15 มีระบบประกนั คุณภาพด้านการศกึ ษาตาม W15 ค่านิยมของนกั ศึกษาและผปู้ กครองส่งผลใหม้ จี านวนนักศึกษา สถาบันการศกึ ษากาหนด เข้าเรียนลดลง เน่ืองจากไม่เข้าใจลักษณะและการเติบโตของ S16 สถานศึกษามีเปิดสอนหลักสูตรสิ่งทอและเคร่ืองนุ่งห่มใน อุตสาหกรรมอย่างแท้จริง และมักเลือกเรียนส่ิงทอและ หลายสาขา เครอื่ งน่งุ ห่มเปน็ อันดับสดุ ท้ายหรอื ไมเ่ ลอื กเรียนในสาขาน้ี S17 สถานศึกษามคี วามร่วมมือกับต่างประเทศ W16 เรยี นจบแล้วไปทางานในด้านอนื่ W17 การทน่ี ักศกึ ษาต้องเรียนวิชาบังคับของแตล่ ะสาขาทาใหม้ ี โอกาสเลือกเรยี นวชิ าเลอื กท่ีสอดคล้องกบั ภาคอตุ สาหกรรม ได้นอ้ ยลง W18 ขาดการลงทุนเครอ่ื งจกั รท่ีเป็นคนไทย W19 อาจารย์ขาดทกั ษะ/ประสบการณ์เกี่ยวกบั ภาคอตุ สาหกรรม W20 การปรับเปลย่ี นหลักสตู รมีขัน้ ตอนซ่งึ ต้องใชร้ ะยะเวลา W21 การปรับหลักสูตรเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจ อาเซยี นยงั ไม่ชัดเจน W22 สถานศกึ ษาสว่ นใหญ่ยงั ขาดการประชาสมั พนั ธเ์ ชิงรกุ 4. ทกั ษะแรงงาน S18 กาลงั แรงงานมีฝีมือและความเชยี่ วชาญในอุตสาหกรรม W23 ขาดทักษะทางด้านภาษา คอมพิวเตอร์ การคดิ ที่เป็นระบบ การทางานเป็นทีม และทศั นคติที่ดตี อ่ การทางาน เป็นตน้ W24 ขาดมุมมองในเชิงอุตสาหกรรม และการเช่ือมโยงในเชิงบรู ณา การ 316
การประชมุ สัมมนาเชงิ วิชาการด้านการจดั การโลจสิ ติกส์และโซอ่ ุปทาน ครง้ั ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 โอกาส (Opportunities) ภัยคุกคาม (Threats) 1. ภาพรวม O1 ประเทศไทยอยใู่ นตาแหน่งพื้นที่ท่ีเป็นศูนย์กลางในภูมภิ าค T1 การแข่งขันท่ีรุนแรงจาก จีน อินเดีย บังคลาเทศ และ อาเซยี น ปากสี ถาน เปน็ ต้น O2 ประเทศไทยมีชื่อเสียงในเร่ืองของคุณภาพของสินค้าและ T2 การเปล่ยี นแปลงเทคโนโลยีทีร่ วดเรว็ ทาการผลิตสินค้าที่หลากหลายเม่ือเทียบกับประเทศอื่นๆ T3 ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น สิทธิทางภาษี เป็นต้น ในภมู ิภาคอาเซยี น สาหรับการเป็นประเทศในกลุ่ม ASEAN และ WTO เช่น O3 ตลาด AEC เปน็ ตลาดทใ่ี หญ่ TPP ( Trans- Pacific Partnership) แ ล ะ FTA ( Free- Trade Agreement) เปน็ ตน้ O4 ขยายตลาดในการส่งผ้าผืนไปตัดเย็บในประเทศเวียดนาม T4 ค่านิยมและพฤติกรรมคนไทยท่ีนิยมตราสินค้า (Brand) และประเทศเพอื่ นบา้ นในภูมภิ าค ต่างประเทศอาจจะส่งผลต่อการอยู่รอดของตราสินค้า O5 ส่วนแบ่งตลาดด้านเคร่ืองนุ่งห่มของไทยยังมีไม่มากเม่ือ (Brand) ไทย เทียบกบั ความตอ้ งการของตลาดโลก O6 รัฐบาลมีนโยบาย S-Curve สนับสนุนอุตสาหกรรมสิ่งทอ และเครื่องนุง่ ห่ม ซงึ่ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลกั ของไทย O7 มีภาพลักษณ์ที่ดีของอุตสาหกรรมส่ิงทอและเครื่องนุ่งห่ม ไทยสาหรับคู่คา้ และค่แู ข่ง 2. สถานประกอบการ O8 สถานประกอบการใหค้ วามร่วมมอื กบั ภาครัฐและสนับสนนุ T5 การไม่ได้เข้าร่วมใน TPP จะทาให้ประเทศไทยสูญเสีย ก า ร รั บ นั ก ศึ ก ษ า เ พื่ อ ฝึ ก ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ใ ห้ แ ร ง ง า น มี ความสามารถในการแข่งขันท้ังในด้านการส่งออกวัตถุดิบใน ประสทิ ธิภาพมากข้ึน อุตสาหกรรมส่ิงทอและเครื่องนุ่งห่มของไทยไปประเทศ O9 การการกาหนดคลัสเตอร์ส่ิงทอและเคร่ืองนุ่งห่มตาม สหรฐั ฯ และประเทศในกลุม่ TPP นโยบายของรัฐบาล T6 นักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในภาคอุตสาหกรรม น้อยลงจากการที่ประเทศไทยไม่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี การค้าตา่ งๆ T7 สถานการณ์ทางเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อสถานประกอบ ธุรกิจของสถานประกอบการ 3. สถานศึกษา O10 ปจั จบุ ันนโยบายกระทรวงศกึ ษาธกิ ารสง่ เสรมิ ให้มกี ารเรยี น T8 ค่านิยมในการเลือกศึกษาตอ่ ในสถาบนั การศึกษาปัจจุบนั ทา ในสายอาชวี ศกึ ษาเพ่ิมมากขึ้น ให้สถาบันการศึกษามีโอกาสท่ีจะคัดเลือกผู้เข้าศึกษาได้ น้อยลง เนือ่ งจากนกั ศกึ ษามักจะเลือกสาขาดังกล่าวในอันดับ ท้ายๆ O11 การปรับปรุงหลักสูตรและการปฏิรปู การศกึ ษาอยา่ งจริงจัง T9 การเปิดการศึกษาเสรีส่งผลให้มหาวิทยาลัยเฉพาะสาขามี และทงั้ ระบบจะช่วยใหค้ ณุ ภาพทางการศึกษาดขี ้นึ คู่แข่งมากข้ึน ซ่ึงปัจจุบันสถานศึกษาอื่นๆ ท้ังภาครัฐและ เอกชนเปิดสอนในสาขาต่างๆ กันอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะ ทางด้านบรหิ ารธรุ กจิ และสังคมศาสตร์ T10 การจัดการศึกษาทางด้านส่ิงทอต้องใช้การลงทุนสูงใน ด้านอุปกรณ์และห้องปฏบิ ัติการ T11 ขาดความรู้ภาษาอังกฤษและภาษาของประเทศอาเซียนใน การทาธรุ กจิ 317
การประชมุ สมั มนาเชิงวชิ าการด้านการจัดการโลจสิ ตกิ สแ์ ละโซอ่ ุปทาน คร้งั ท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 โอกาส (Opportunities) ภยั คกุ คาม (Threats) 4. ทักษะแรงงาน O12 การเปิดเศรษฐกิจอาเซียนสร้างโอกาสการเลือกไปทางาน T12 สภาพเศรษฐกิจที่ผันผวนส่งผลให้ผู้สาเร็จการศึกษาท่ีสาเร็จ ในประเทศเพอ่ื นบา้ นได้มากขึ้น การศกึ ษาหางานได้ยากขนึ้ T13 ทักษะด้านภาษาของนักศึกษาและพนักงานยังอยู่ในเกณฑ์ท่ี แขง่ ขันยาก ผลจากการวิเคราะห์ขอ้ มูลทัง้ จากขอ้ มูลปฐมภมู แิ ละการระดมสมองกับผู้ประกอบการในประเดน็ ตา่ งๆ ในเชงิ ลกึ และ จากการวิเคราะห์สภาวะแวดล้อม (SWOT Analysis) ภายใต้บริบทของการเตรียมความพร้อมกาลังคนเพื่อสร้างโซ่คุณค่า อุตสาหกรรมสงิ่ ทอและเคร่อื งนุ่งหม่ ไทย นามาสร้างเมททรกิ ซท์ าวซ์ (TOWS Matrix) เพื่อกาหนดยุทธศาสตร์และแผนกลยุทธ์ ด้านการพัฒนากาลังคนสาหรับอุตสาหกรรมส่ิงทอและเครื่องนุ่งห่มสาหรับนาไปใช้ในการกาหนดแนวทางและมาตรการให้ สถานศึกษา ผู้ประกอบการ และผู้ที่นานโยบายไปใช้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพ่ือปรับตัวให้สามารถแข่งขันต่อไป โดย รายละเอียดปรากฏในรายงานการวิจัยของวลัยลักษณ์ อัตธีรวงศ์ และคณะ (2559) และสรุปได้ดังโดยรูปที่ 2 ซึ่งแสดง รายละเอยี ดของยุทธศาสตรแ์ ละแผนกลยุทธ์การพัฒนากาลงั คน ดังนี้ ยทุ ธศ ส ์ที่ 1 กลยุทธ์ที่ 1.1 จดั ตั้งศนู ย์ความเปน็ เลิศทางวชิ าชีพเฉพาะด้านในระดบั สากล โดยเน้นการพัฒนาการวจิ ยั และ มี การสง่ เสริมในการผลิตครูอาชวี ศกึ ษาและอาจารยใ์ นมหาวิทยาลยั ให้มคี ณุ ภาพมากข้ึน ก พฒ ก ล ค ให้มี ศกยภ พสู และมี กลยุทธ์ที่ 1.2 ส่งเสริมและพัฒนากาลังคนให้มีศักยภาพความรู้ความสามารถทักษะฝีมือและทักษะด้าน ภาษาต่างประเทศ ภาษาอาเซยี นและการทางานเป็นทมี คว มส ม ถใ ะดบ ส กลอย่ ย่ ยื กลยทุ ธท์ ี่ 1.3 พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้ตรงต่อความต้องการของตลาดเพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลาง ด้านการศกึ ษา (Education Hub) ของอาเซียน กลยทุ ธท์ ี่ 1.4 สง่ เสรมิ ให้มีการเรียนการสอนในรูปแบบ Work Integrated Learning (WIL) มากขึน้ ในการศึกษา ในทกุ ระดบั เพอ่ื พัฒนาทักษะผู้เรียนให้สามารถทางานได้จริง กลยุทธ์ท่ี 1.5 ส่งเสริมให้มีการแลกเปลยี่ นนกั ศึกษาในประเทศท่ีมคี วามก้าวหน้าในหลกั สตู รอตุ สาหกรรมส่ิงทอ ยุทธศ ส ท์ ่ี 2 กลยุทธ์ที่ 2.1 สนับสนุนให้มีการพัฒนาบุคลากรก่อนสู่ตลาดแรงงานโดยส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ในสถาน- ประกอบการ ส ้ คว มสมดลุ ะหว่ อปุ ส ค์และอปุ ท ด้ ก ล ค กลยทุ ธท์ ่ี 2.2 พัฒนากาลงั คนใหม้ ีความรู้และทักษะสอดคล้องกับยทุ ธศาสตรใ์ นการพฒั นาอุตสาหกรรม กลยุทธ์ท่ี 2.3 สรา้ งเส้นทางอาชพี (Career Path) ในอตุ สาหกรรมสิง่ ทอและเคร่ืองนงุ่ ห่ม เพื่อให้เกิดความม่นั คง อย่ มีป ะสทิ ธภิ พ ในการปฏบิ ตั งิ าน กลยุทธ์ท่ี 2.4 พัฒนากาลังคนให้มีการความรู้ ความสามารถ มีคุณธรรมและทัศนคติที่ดีในการทางานให้ สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของสถานประกอบการ ยุทธศ ส ์ท่ี 3 กลยุทธท์ ่ี 3.1 พัฒนาโซ่คณุ ค่ากาลงั คนเพ่อื รองรบั สนิ ค้าและบริการทม่ี นี วัตกรรมและเทคโนโลยี กลยุทธท์ ่ี 3.2 พัฒนาทักษะใหม่ๆ (ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี) เพื่อสร้างโอกาสแก่บุคลากรให้มีศกั ยภาพเทา่ ทัน ก ส ้ ก ล ค ด้ และใชโ้ อกาสจากนวัตกรรมและเทคโนโลยที ี่เปลย่ี นไปในปัจจุบัน และสามารถนาเทคโนโลยเี ข้ามาใช้ ว ก มและเทค ลยี ในการสร้างความร่วมมอื กันระหว่างองคก์ รในการผลิตสนิ คา้ แตล่ ะขัน้ ตอน เพือ่ เพิ่มศกยภ พก แข่ ข รปู ท่ี 2: แผนยทุ ธศาสตร์และกลยทุ ธก์ ารพฒั นากาลังคนสาหรับอุตสาหกรรมส่งิ ทอและเคร่ืองนุ่งห่ม 318
การประชมุ สัมมนาเชิงวชิ าการด้านการจดั การโลจิสติกส์และโซอ่ ปุ ทาน ครง้ั ที่ 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวิศวกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 ยทุ ธศ ส ท์ ่ี 4 กลยุทธ์ที่ 4.1 พฒั นาทกั ษะในเชิงปฏบิ ตั ขิ องอาจารยใ์ นระดบั มหาวิทยาลยั และครูอาชวี ศึกษาเพอื่ ใหส้ อดคล้องกบั ยุทธศาสตรใ์ นการพฒั นาอุตสาหกรรม ก ส ้ คว ม ว่ มมือ ะหว่ สถ บ ก ศกึ ษ และสถ กลยทุ ธ์ท่ี 4.2 จัดทาความร่วมมือทวิภาคีระหว่างสถานประกอบการและสถาบันการศึกษาในการพัฒนาหลักสูตร ป ะกอบก ร่วมกนั ในการผลติ บุคลากรเพอื่ ให้สอดคลอ้ งกับความตอ้ งการของสถานประกอบการ กลยุทธท์ ี่ 4.3 แก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ของสถาบันการศึกษาในการเชิญผู้เชี่ยวชาญในภาคอุตสาหกรรมสอนรว่ มใน รายวิชา กลยุทธท์ ่ี 4.4 สง่ เสริมให้มีศูนยร์ วมการจัดเกบ็ ขอ้ มลู ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั กาลังคนในอุตสาหกรรมรวมทงั้ อัตราการว่างงาน และตาแหน่งงานเพื่อให้ผู้ประกอบการขาดแคลนที่ทาให้ผู้ประกอบการและแรงงานเข้าถึงข้อมูล โดยงา่ ย รูปท่ี 2: แผนยุทธศาสตรแ์ ละกลยทุ ธก์ ารพัฒนากาลงั คนสาหรับอตุ สาหกรรมสง่ิ ทอและเคร่ืองนุ่งห่ม (ตอ่ ) 5. สรปุ ผลการวจิ ยั และขอ้ เสนอแนะ กาลังคนเป็นปัจจยั พืน้ ฐานทสี่ าคัญในกิจกรรมโซ่คณุ คา่ โดยเฉพาะในกจิ กรรมหลักด้านการผลติ ในอตุ สาหกรรมสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม และเก่ียวข้องโดยตรงกับการแข่งขันด้านการผลิตกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค การวางยุทธศาสตร์ด้าน กาลังคนที่เหมาะสมจะนาสู่การแก้ปัญหาแรงงานของประเทศไทยท่ีเรม่ิ ทวีความสาคัญมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากมีความไม่ สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานของกาลงั คนท่ีประเทศไทยกาลังเผชิญอย่ทู ั้งทางดา้ นทักษะและจานวน ดังน้ันงานวิจัยนี้จึงมี วตั ถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงปัญหาด้านกาลงั คนของอตุ สาหกรรมสิง่ ทอและเคร่อื งนุ่งห่มข้ึนเพื่อนามาจัดทายุทธศาสตร์การพัฒนา กาลังคนสาหรับอุตสาหกรรมส่งิ ทอและเครอื่ งนุ่งหม่ สาหรบั การแก้ปัญหาดงั กล่าว โดยเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณท์ ้ัง ด้านอุปสงค์กาลังคน อุปทานกาลังคน และหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับการวางนโยบายการเตรียมกาลังคนในระดับประเทศ จากน้ันทาการประชุมกลุ่มเพ่ือระดมสมองผู้ที่เก่ียวข้องทุกๆ ฝ่าย เพ่ือหาแนวทางท่ีเหมาะสมร่วมกันในการพัฒนา กลยุทธ์ สาหรบั การพัฒนากาลังคนสาหรบั อตุ สาหกรรมดังกล่าวให้มีศักยภาพและให้ทันต่อการเปล่ยี นแปลงในบรบิ ทอาเซียน 5.1. สรุปผลการวจิ ัย งานวิจัยน้ีได้นาเสนอยุทธศาสตร์และแผนกลยุทธ์ด้านการพัฒนากาลังคนผลจากการวิเคราะห์สภาวะแวดล้อม (SWOT Analysis) และ เมททริกซท์ าวซ์ (TOWS Matrix Analysis) ประกอบดว้ ย 4 ยทุ ธศาสตร์ ไดแ้ ก่ ยทุ ธศาสตร์ที่ 1: การพฒั นากาลังคนให้มีศักยภาพสูงและมีความสามารถในระดับสากลอยา่ งยั่งยืน มี 5 กลยทุ ธ์ ยุทธศาสตร์ท่ี 2: การสร้างความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานด้านกาลังคนอย่างมีประสิทธิภาพ มี 4 กลยุทธ์ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 3: การสรา้ งกาลังคนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยเี พอื่ เพ่มิ ศกั ยภาพการแข่งขัน มี 2 กลยุทธ์ ยุทธศาสตรท์ ่ี 4: การสร้างความรว่ มมือระหว่างสถาบนั การศึกษาและสถานประกอบการ มี 4 กลยุทธ์ ซงึ่ ในแต่ละยทุ ธศาสตรน์ ้ันคณะผู้วิจัยได้กาหนดกลยุทธ์ท้ังสน้ิ 15 กลยทุ ธเ์ พ่อื ให้ผู้ทีเ่ ก่ียวช้องสามารถนาไปใช้สาหรับ กาหนดแนวทางปฏิบตั ใิ นการดาเนนิ งานในการพัฒนากาลังคนในอตุ สาหกรรมต่อไป 5.2. ขอ้ เสนอแนะ ผลจากการศึกษาวจิ ยั ครัง้ นี้ มีขอ้ เสนอแนะดงั ตอ่ ไปนี้ 1) ควรมงุ่ เน้นกระบวนการคดั เลือกพนกั งานที่มีความสามารถและมคี ุณภาพเพอื่ ทดแทนกาลงั คนรุ่นเก่าในจานวนที่ เท่ากันหรือลดจานวนพนักงานลง โดยบุคลากรที่รับเข้าใหม่เหล่านั้นจะต้องมีความสามารถทางานได้หลากหลายทักษะ (Multidisciplinary Skills) รวมทัง้ สร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับลาดบั ข้นั ตอนในการทางานของงาน (Know-how) เพอ่ื ทจี่ ะให้เกิด 319
การประชมุ สมั มนาเชงิ วชิ าการด้านการจัดการโลจิสตกิ สแ์ ละโซ่อปุ ทาน ครัง้ ท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 การเรียนรู้พัฒนาและสามารถแก้ปัญหาในการทางานได้ หรือในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มจะมีการกาหนดการให้ค่าตอบแทน ตามความยากง่ายของงานเพ่ือให้ได้ตามเปา้ หมายทีก่ าหนดไว้ 2) ภาครัฐควรมกี ารส่งเสรมิ อตุ สาหกรรมสง่ิ ทอและเครื่องนงุ่ หม่ อย่างจริงจังทงั้ ในด้านภาพพจน์ ข้อมูล ทท่ี ันสมยั ดา้ นเงินทนุ ดา้ นการศึกษา การค้าระหว่างประเทศ กฎหมายต่างๆ เพ่อื ให้สอดรับแนวโน้มกับการเตบิ โตของอตุ สาหกรรม 3) เพ่ิมประสิทธิภาพในการผลิตโดยเน้นการลดต้นทุน ลดของเสีย ลดความผิดพลาดต่างๆ ลง การวางผังการผลิต และโรงงานให้เหมาะสมเพ่ือลดระยะเวลาการรอคอยหรือความสูญเสียท่ีเกิดข้ึนระหว่างกระบวนการผลิตเพ่ิมความรวดเร็วใน การสง่ มอบและเพิ่มความสามารถในการแขง่ ขนั 4) นาระบบอัตโนมัติ (Automation) และเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมท้ังเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) เข้ามาประยุกตใ์ ชเ้ พม่ิ เติมเพอื่ เข้ามาทดแทนแรงงานทข่ี าดแคลน 6. กติ ตกิ รรมประกาศ คณะผู้วิจยั ขอบคุณสานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และสานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ท่ี เห็นความสาคัญเร่ืองกาลังคนและให้ทุนสนับสนุนในการทาวิจัยคร้ังนี้ และขอขอบคุณผู้ประกอบการทุกท่านและหน่วยงาน ตา่ งๆ ทไ่ี ด้ใหข้ ้อมูลในการศึกษาครั้งน้ี โดยเฉพาะอย่างยิง่ ที่ปรกึ ษาโครงการวจิ ยั ดร.สาธิต พุทธชยั ยงค์ อธกิ ารบดี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลกรงุ เทพ เอกสารอ้างองิ แก้วขวัญ ตงั้ ตพิ งศก์ ูล, 2555, “วิกฤตแิ รงงานไทย”, ประชาชาติธุรกิจ, คอลมั นเ์ ศรษฐธรรมศาสตร์, 4(13). นันทิยา หุตานุวัตร และณรงค์ หุตานุวัตร, 2545, “SWOT: การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจชุมชน”, คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลยั อบุ ลราชธาน:ี อบุ ลราชธาน.ี วลัยลักษณ์ อัตธีรวงศ์ และคณะ, 2559, “การเตรียมความพร้อมด้านกาลังคนเพื่อสร้างโซ่คุณค่าอุตสาหกรรมส่ิงทอและ เครื่องนุ่งห่มไทยในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน”. รายงานการวิจัยเสนอต่อสานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย: กรุงเทพมหานคร. วัฒนา วงศ์เกียรติรัตน์, 2545, การวางแผนยุทธศาสตร์ขององค์กร. ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั : กรงุ เทพมหานคร. วทิ ยากร เชียงกรู , 2552, “บทบาทของการศึกษาต่อการพัฒนาทางเศรษฐกจิ และสังคม”. การสัมมนารายงานสภาวะการศึกษา ไทย 2551/2552. มหาวทิ ยาลยั รังสิต. สถาบนั พัฒนาอุตสาหกรรมส่งิ ทอ, 2555, “สถิติสง่ิ ทอไทย 2554/2555”. http://www.thaitextile.org. [26 ธนั วาคม 2556]. เสาวณี จันทะพงษ์ และศลิษา อังศรีประเสริฐ, 2555, “การขาดแคลนแรงงานของไทย: ปัญหาโครงสร้างที่ต้องแก้ไขแบบ บูรณาการ”. http://www.ryt9.com /s/bot/1476202. [23 กรกฎาคม 2558] สภุ างค์ จนั ทรวานิช, 2559, วิธีการวิจยั เชงิ คุณภาพ, พิมพค์ ร้งั ท่ี 3, กรงุ เทพฯ: สานักพิมพ์แหง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั . อุดม วงศ์ววิ ฒั น์ไช, 2558, “เจาะลึกแรงงานอุตสาหกรรมไทยและความต้องการ 5 ปี ขา้ งหน้า”, http://www.industry.go.th/industry/index.php/. [23 พฤศจิกายน 2558]. Ackermann, F., Eden, C. and Cropper, S. 1996, “Getting started with cognitive mapping”, http://www.banxia.com/depaper.html [12/3/2007]. 320
การประชุมสัมมนาเชิงวชิ าการด้านการจดั การโลจิสตกิ ส์และโซ่อุปทาน คร้ังท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควิชาวศิ วกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 Topic H: Supply Chain Leadership 321
Topic H: Supply Chain Leadership การประชุมสมั มนาเชงิ วิชาการด้านการจดั การโลจสิ ตกิ ส์และโซ่อุปทาน ครัง้ ท่ี 17 “Industry 4.0: Challenges, Innovation and Opportunity for Logistics and Supply Chain Management” ภาควชิ าวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ 19 – 23 ตุลาคม 2560 Paper ID: SL 01 ความร่วมมอื ระหวา่ งผู้ประกอบการท่าและสายเรือ กบั ผลการดาเนินงานทางการเงนิ ของผูป้ ระกอบการทา่ ธนพร จงจรงิ วงศ์1*, ภัทรนนั ท์ ศรีกาญจน์2, จิดรานชุ วัฒนวจิ ติ ร3, ปริชญา มุ่งเอ้ือมกลาง4, อภชิ าติ วัง5 1*, 2, 3, 4, 5 สาขาวชิ าบรหิ ารธรุ กิจระหว่างประเทศ โลจสิ ตกิ ส์และการขนส่ง คณะพาณิชยศาสตรแ์ ละการบัญชี มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ โทร 081-7637617 หรอื 090-4893400 E-mail [email protected] บทคดั ยอ่ วัตถุประสงค์ของงานวิจัย เพ่ือศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง ความร่วมมือของผู้ประกอบการท่า ( Terminal operator) กับ สายเรือ (Liner company) และผลการดาเนินงานทางการเงิน ซ่ึงใช้รายได้หลักจากการขนถา่ ยสนิ ค้าจะถกู ใช้ เป็นตัวชี้วัด โดยคณะผู้จัดทาได้เล็งเห็นถึงความสาคัญของผู้ประกอบการท่าเรือในฐานะท่ีเป็นส่วนเช่ือมต่อหลักในห่วงโซ่ อปุ ทานและเปน็ บรเิ วณทส่ี ามารถเกิดปัญหาคอขวดได้ง่าย รวมถงึ ผปู้ ระกอบการทา่ เปน็ องคก์ รทีม่ กี ารดาเนินงานร่วมกับผู้เล่น ท่ีหลากหลาย ดังน้ันจึงเป็นเรื่องสาคัญท่ีผู้ประกอบการท่าเรือจะต้องร่วมมือกับสมาชิกรายอื่นในห่วงโซ่อุปทาน ซ่ึงจาก การศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่าผู้ประกอบการท่าเรือประมาณ 85% สนใจที่จะร่วมมือกับสายเรือ โดยส ายเรือถือเป็น สมาชิกหลักที่มีระดับการร่วมมือกับผู้ประกอบการท่าเรือที่สูงที่สุด นอกจากนี้การร่วมมือกันยังช่วยเพิ่มผลประโยชน์ให้กับ องคก์ รในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะผลการดาเนินงานทางการเงิน อย่างไรกต็ ามยังคงขาดการศึกษาท่ีเพียงพอเพื่อพิสจู น์ความสมั พนั ธร์ ะหว่างการร่วมมือกนั ของผู้ประกอบการท่า กับ บริษัทสายเรอื และผลการดาเนินงานทางการเงิน โดยเฉพาะในบริบทประเทศไทย ผู้จัดทาจึงเลง็ เหน็ และนาประเด็นดังกลา่ ว มาศึกษา โดยงานวิจัยนมี้ วี ัตถปุ ระสงค์การศึกษาเพ่ือให้ผูป้ ระกอบการท่า เข้าใจและเหน็ ประโยชนจ์ ากการร่วมมือกันกับบริษัท สายเรือมากขึ้น รวมถึงเป็นแนวทางในการดาเนินงานเพ่ือเพิ่มผลการดาเนินงานทางการเงิน โดยใช้การวิเคราะหบ์ ทสัมภาษณ์ ผู้เชยี่ วชาญในอุตสาหกรรม และแบบสอบถามเป็นหลกั สาหรบั ระเบยี บวิธีวจิ ยั คณะผ้จู ัดทาคาดว่าผลการวิเคราะหจ์ ะแสดงให้ เห็นถึงความสัมพนั ธท์ ี่เป็นบวกระหว่างความร่วมมือระหวา่ ง Terminal operator กับ liner company ผ่าน มิติทางดา้ นการ แบ่งปันข้อมูล การมีเป้าหมายร่วมกัน การตัดสินใจร่วมกัน และการมีผลประโยชน์ หรือแรงจูงใจในการดาเนินงานร่วมกัน ร่วมกนั และผลการดาเนนิ งานทางการเงนิ คาสาคญั : ความรว่ มมือระหวา่ งผปู้ ระกอบการทา่ กับสายเรือ; ความรว่ มมือกัน; ความรว่ มมือและผลการดาเนนิ งานทาง การเงนิ ; ความสมั พันธร์ ะหวา่ งความรว่ มมือและผลการดาเนินงานทางการเงิน 1. ทมี่ าและความสาคัญ ผู้ประกอบการท่า หรือ Terminal operators เป็นองค์กรที่มีการดาเนินงานร่วมกับผู้เล่นท่ีหลากหลาย และมี ผลประโยชน์ร่วมกันเกิดข้ึน (Dong-Wook Song and Francesco Parola, 2015) โดยสายเรือถือเป็นสมาชิกหลักท่ีมีระดับ การร่วมมือกับผปู้ ระกอบการทา่ เรอื ท่ีสูงทีส่ ุด (Martijn van der Horst, 2009) ดังน้ันจงึ เปน็ เร่อื งสาคญั ท่ีสายเรือตอ้ งทางาน 322
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 649
Pages: