Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นักวิชาการจัดเก็บรายได้ปฏิบัติการ 62 อปท.

นักวิชาการจัดเก็บรายได้ปฏิบัติการ 62 อปท.

Published by มนฤดี เหลืองประมวล, 2020-10-05 00:41:30

Description: นักวิชาการจัดเก็บรายได้ปฏิบัติการ 62 อปท.

Search

Read the Text Version

แนวขอ้ สอบ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 147 18. ตามรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ขอ้ ใดกล่าวไม่ถกู ต้องตามหนา้ ท่ีของปวงชน ชาวไทย ก. ไม่รว่ มมือหรอื สนบั สนนุ การทจุ ริตและประพฤติมิชอบทุกรปู แบบ ข. ไปใช้สิทธิเลอื กตั้งหรือลงประชามติอยา่ งอสิ ระโดยคานึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเป็น สาคัญ ค. รับราชการทหารตามทกี่ ระทรวงกลาโหมหรอื รฐั บาลกาหนด ง. เสียภาษอี ากรตามทก่ี ฎหมายบญั ญัติ 19. ขอ้ ใดไมใ่ ชค่ ณุ สมบตั ิของนายกรัฐมนตรี ก. มีสัญชาตไิ ทยโดยการเกิด ข.มอี ายไุ มต่ ่ากว่าสามสิบห้าปบี รบิ ูรณ์ ค. เป็นสมาชกิ วฒุ สิ ภา ง. สาเรจ็ การศกึ ษาไมต่ ่ากว่าปริญญาตรหี รอื เทียบเทา่ 20. ตามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย 2560 คณะองคมนตรีมีจานวนทงั้ หมดก่ีคน ก. ไม่เกนิ 16 ข. ไมเ่ กิน 17 ค. ไม่เกิน 18 ง. ไม่เกิน 19 21. บุคคลผมู้ ีคุณสมบัติตามขอ้ ใด เป็นผมู้ สี ิทธิเลือกต้งั ก. มอี ายไุ มต่ า่ กวา่ สิบแปดปีในวันเลือกต้งั ข. มอี ายไุ มต่ า่ กวา่ ยีส่ ิบปใี นวันเลอื กตง้ั ค. มอี ายไุ ม่ตา่ กวา่ ยีส่ ิบเอด็ ปใี นวันเลอื กตั้ง ง. มีอายไุ ม่ต่ากว่าย่ีสิบสองปใี นวนั เลอื กตง้ั 22. โครงสร้างหรือโครงข่ายขน้ั พ้นื ฐานของกิจการสาธารณปู โภคขั้นพื้นฐานของรฐั อันจาเป็นต่อการ ดารงชีวติ ของประชาชนหรือเพอ่ื ความมัน่ คงของรัฐตามรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย 2560 รัฐ ต้องเป็นเจา้ ของเท่าใด ก. ร้อยละ 50 ข. ไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 50 ค. รอ้ ยละ 51 ง. ไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 51 23.ให้ประชมุ ครงั้ แรกภายในก่วี นั นับแต่วันเลือกตง้ั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร ก. 15 วัน ข. 30 วัน ค. 45 วนั ง. 60 วนั 24. สมัยประชุมสามัญของรัฐสภาสมยั หนึ่ง ๆ ใหม้ ีกาหนดเวลากีว่ นั ก. 90 วัน ข. 120 วัน ค. 150 วัน ง. ไมจ่ ากดั เวลา

148 25. ตามรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 หน้าท่ขี องปวงชนชาวไทย มีทง้ั หมดจานวนก่ี ขอ้ ก. 9 ขอ้ ข. 10 ข้อ ค. 11 ขอ้ ง. 12 ข้อ 26. สภาผูแ้ ทนราษฎรประกอบดว้ ยสมาชิกจานวนทงั้ หมดก่ีคน ก. 300 คน ข. 400 คน ค. 500 คน ง. 600 คน 27. บคุ คลใดทรงไวซ้ ึ่งอานาจในการประกาศสงคราม ประกาศใช้และเลกิ ใชก้ ฎอยั การศึก และ ตรา พระราชกฤษฎีกา ก. พระมหากษตั รยิ ์ ข. นายกรฐั มนตรี ค. ประธานวุฒิสภา ง. ประธานสภาผ้แู ทนราษฎร 28. สภาผูแ้ ทนราษฎรประกอบด้วยสมาชกิ แบบบัญชรี ายชือ่ พรรคการเมอื งจานวนท้ังหมดก่ีคน ก. 150 คน ข. 250 คน ค. 350 คน ง. 450 คน 29. จานวนสมาชกิ รฐั สภาตาม รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ.2560 มีกี่คน ก. 750 คน ข. 800 คน ค. 850 คน ง. 900 คน 30. เมอื่ อายุของสภาผแู้ ทนราษฎรสน้ิ สุดลงตอ้ งจดั ให้มกี ารเลือกต้งั ทั่วไปใหมภ่ ายในก่ีวัน ก. 15 วัน ข. 30 วัน ค. 45 วนั ง. 60 วนั 31. เม่อื อายขุ องวุฒิสภาสน้ิ สุดลงคณะกรรมการเลอื กตัง้ ตอ้ งกาหนดวันเร่มิ ดาเนินการเพื่อเลือกสมาชิก วฒุ ิสภาไมช่ า้ กว่าก่ีวนั นบั แตว่ ันท่ีพระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้ ก. 15 วนั ข. 30 วนั ค. 45 วัน ง. 60 วัน 32. การเสนอร่างพระราชบัญญัติต้องใหผ้ ูม้ สี ทิ ธเิ ลอื กตัง้ จานวนไม่นอ้ ยกวา่ กี่คนเขา้ ชอื่ ก. 5,000 คน ข. 10,000 คน ค. 15,000 คน ง. 50,000 คน 33. สมาชกิ ผแู้ ทนราษฎรซง่ึ มาจากการเลอื กตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตัง้ ใหใ้ ชว้ ธิ อี อกเสียงลงคะแนนโดย วธิ ใี ด ก. ตรงและลบั ข. เปิดเผย ค. ลบั ง. ตามความเหมาะสม

แนวข้อสอบ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2560 149 34. ตามรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2560 วาระเริม่ แรกกาหนดใหร้ ัฐสภามจี านวน รวมกัน ท้งั หมดกีค่ น ก. 550 คน ข. 600 คน ค. 700 คน ง. 750 คน 35. ตามรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ผู้แทนปวงชนชาวไทย คือ ผใู้ ด ก. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ข. สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎร ค. สมาชิกวุฒิสภา ง. สมาชิกสภานติ บิ ัญญัติ 36. ขอ้ ใดเปน็ องค์กรอสิ ระตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ก. คณะกรรมการการเลือกตัง้ (กกต.) ข. คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ (ป.ป.ช.) ค. คณะกรรมการตรวจเงนิ แผน่ ดิน (คตง.) ง. ถกู ทุกขอ้ 37. สภาผแู้ ทนราษฎรมีอายคุ ราวละกป่ี นี ับแต่วนั เลือกตั้ง ก. 2 ปี ข. 3 ปี ค. 4 ปี ง. 5 ปี 38. ส.ว. จานวนไม่นอ้ ยกว่าเท่าใดมสี ทิ ธเิ ขา้ ชื่อขอเปิดอภิปรายท่ัวไป เพอื่ ให้คณะรฐั มนตรีแถลง ข้อเท็จจรงิ หรือช้แี จงปญั หาเก่ยี วกบั การบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มกี ารลงมติ ก. 1 ใน 3 ข. 2 ใน 3 ค. 1 ใน 5 ง. 2 ใน 5 39. สมาชิกวฒุ สิ ภาตอ้ งมคี ุณสมบัตดิ ังต่อไปน้ียกเว้นข้อใด ก. มสี ญั ญาชาติไทยโดยการเกิด ข. มีอายุไม่ตา่ กวา่ 35 ปี ในวนั รับเลือกต้ัง ค. มีความรู้ ความเชีย่ วชาญ และประสบการณ์ ด้านทีส่ มคั รไมน่ อ้ ยกวา่ 10 ปี ง. เกิด มีชอ่ื อยใู่ นทะเบยี นบา้ น ทางาน หรือมีความเกยี่ วพนั กบั พื้นทท่ี ส่ี มัครตามหลกั เกณฑ์ และเงื่อนไขท่ีบญั ญัตไิ ว้ในพระราชบัญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยการไดม้ าซ่ึงสมาชิก วฒุ ิสภา 40. อายุของวุฒิสภามกี าหนดคราวละก่ีปีนับประกาศผลการเลอื ก ก. 3 ข. 4 ปี ค. 5 ปี ง. 6 ปี 41. ตามรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนูญมกี ีฉ่ บับ ก. 5 ข. 7 ค. 8 ง. 10

150 42. บุคคลในข้อใด มคี ุณสมบัติเป็นผู้มีสิทธิเลอื กตั้ง ก. มีสญั ชาตไิ ทยแตบ่ คุ คลผูม้ สี ัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาตติ ้องได้สญั ชาตไิ ทยมาแลว้ ไม่นอ้ ย กว่า 5 ปี ข. มีอายุไม่ต่ากว่าสบิ แปดปใี นวนั เลอื กตงั้ ค. มีช่อื อยใู่ นทะเบียนบา้ นในเขตเลือกตงั้ มาแล้วเป็นเวลาไมน่ ้อยกว่าเกา้ สบิ วันนบั ถึงวนั เลอื กตง้ั ผู้มีสทิ ธิเลอื กตงั้ ซงึ่ อยู่นอกเขตเลือกตัง้ ทีต่ นมีชือ่ อยูใ่ นทะเบยี นบ้าน หรือมชี อื่ อยู่ในทะเบียน บา้ น ในเขตเลอื กตัง้ เปน็ เวลานอ้ ยกวา่ เกา้ สบิ วนั นบั ถึงวันเลอื กตงั้ หรือมีถิน่ ที่อยูน่ อกราชอาณาจักร จะขอลงทะเบียนเพอื่ ออกเสียงลงคะแนนเลอื กตงั้ นอกเขตเลือกตัง้ ณ สถานท่แี ละตามวันเวลา วิธกี ารและเงอ่ื นไขทบ่ี ญั ญัติไวใ้ นพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยการเลอื กตง้ั สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรได้ ง. ถูกทกุ ข้อ 43. นายกรัฐมนตรีจะดารงตาแหน่งตดิ ต่อกันเกินกว่าก่ีปีไมไ่ ด้ ก. 5 ปี ข. 6 ปี ค. 8 ปี ง. 9 ปี 44. ความเป็นรฐั มนตรีสนิ้ สุดลงเฉพาะตวั สนิ้ สุดลงทุกข้อยกเว้นข้อใด ก. ลาออก ข. กระทาการอนั เป็นการต้องห้ามตามมาตรา 186 หรือมาตรา 187 ค. มีพระบรมราชโองการใหพ้ ้นจากความเป็นรัฐมนตรตี ามมาตรา 171 ง. ถูกทกุ ขอ้ 45. ศาลตามรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 จะตงั้ ขึน้ ไดโ้ ดยข้อใด ก. พระราชกฤษฎีกา ข. รฐั ธรรมนญู ค. พระราชบญั ญัติ ง. ผิดทกุ ขอ้ 46.ใครเสนอรา่ งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนญู ได้ ก. คณะรัฐมนตรี ข. ส.ส. จานวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ค. ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎกี า หรือองคก์ รอสิ ระตามรัฐธรรมนูญ ง. ถกู ทกุ ขอ้

แนวขอ้ สอบ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 151 47. ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้อง ก. ศาลปกครอง แบ่งออกเป็น ศาลปกครองสงู สดุ และศาลปกครองช้ันตน้ ข. ศาลทหารมอี านาจพจิ ารณาพพิ ากษาคดอี าญาทผี่ ู้กระทาผดิ เปน็ บคุ คล ซง่ึ อยใู่ นอานาจศาล ทหารและคดีอื่น ค. ศาลรฐั ธรรมนญู ประกอบดว้ ยตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู จานวน 9 คนซ่งึ พระมหากษตั ริย์ทรง แตง่ ตงั้ จากบคุ คล ง. ถูกทกุ ขอ้ 48. บุคคลในข้อใด ถอื วา่ เป็นผ้มู สี ทิ ธเิ ลือกตง้ั สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร ก. มีสญั ชาตไิ ทยโดยการแปลงสัญชาติ โดยไดส้ ัญชาตไิ ทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี ข. มสี ัญชาตไิ ทยโดยการแปลงสญั ชาติ โดยได้สญั ชาติไทยมาแลว้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 3 ปี ค. มสี ัญชาตไิ ทยโดยการแปลงสญั ชาติ โดยได้สญั ชาตไิ ทยมาแล้วไม่น้อยกวา่ 5 ปี ง. มสี ญั ชาติไทยโดยการแปลงสญั ชาติ โดยไดส้ ญั ชาติไทยมาแล้วไมน่ ้อยกว่า 10 ปี 49. ข้อใดไมใ่ ช่หนา้ ที่ของปวงชนชาวไทย ก. เขา้ รบั การศึกษาในภาคบังคบั ข. ไปใช้สิทธเิ ลือกตง้ั ค. รบั ราชการตารวจตามทกี่ ฎหมายบญั ญตั ิ ง. เสียภาษี 50. รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับท่ีเท่าใด ก. 17 ข. 18 ค. 19 ง. 20

152 เฉลยข้อสอบ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ขอ้ คาตอบ ข้อ คาตอบ 1 ข 26 ค 2 ก 27 ก 3 ง 28 ก 4 ค 29 ก 5 ข 30 ค 6 ก 31 ข 7 ง 32 ข 8 ข 33 ก 9 ข 34 ง 10 ก 35 ก 11 ง 36 ง 12 ข 37 ค 13 ข 38 ก 14 ค 39 ข 15 ข 40 ค 16 ค 41 ง 17 ก 42 ง 18 ค 43 ค 19 ค 44 ง 20 ง 45 ค 21 ก 46 ง 22 ง 47 ง 23 ก 48 ค 24 ข 49 ค 25 ข 50 ง

สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบริหารราชการแผน่ ดินพ.ศ. 2534 153 สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญัตริ ะเบียบบริหารราชการแผน่ ดินพ.ศ. 2534 1. ตราพระราชบญั ญัตขิ ้ึนไวโ้ ดยคาแนะนาและยนิ ยอมของสภานติ ิบัญญัตแิ ห่งชาติ (ฉบบั ท่ี 1) 2. พระราชบญั ญัตนิ ใี้ หใ้ ช้บงั คบั ต้งั แต่วนั ถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเป็นต้นไป *ราชกจิ จานุเบกษา เล่ม 108/ตอนท่ี 156/ฉบับพเิ ศษ หน้า 1/4 กนั ยายน 2534 ฉบบั ท่ี 1 มผี ลบังคับ ใช้วันที่ 5 กันยายน 2534 3. ฉบบั ท่ี 8 พ.ศ. 2553 ตราพระราชบัญญตั ิขึ้นไวโ้ ดยคาแนะนาและยนิ ยอมของรฐั สภา*ราชกจิ จานเุ บกษา เล่ม 127/ตอนที่ 75ก/หน้า 51/7 กันยายน 2553 ฉบบั ท่ี 8 มีผลบงั คบั ใช้วนั ที่ 8 กันยายน 2553 4. การบรหิ ารราชการตามพระราชบญั ญัตนิ ีต้ ้องเปน็ ไป - เพื่อประโยชน์สขุ ของประชาชน เกดิ ผลสมั ฤทธ์ิตอ่ ภารกจิ ของรฐั - ความมีประสิทธิภาพ - ความคุ้มคา่ ในเชิงภารกิจแหง่ รัฐ - การลดขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน - การลดภารกิจและยบุ เลกิ หนว่ ยงานทีไ่ ม่จาเป็น - การกระจายภารกจิ และทรัพยากรให้แกท่ ้องถิ่น - การกระจายอานาจตดั สินใจ - การอานวยความสะดวก และการตอบสนองความตอ้ งการของประชาชน 5. ให้จัดระเบียบบริหารราชการแผน่ ดิน ดังน้ี (1)ระเบียบบรหิ ารราชการสว่ นกลาง (2)ระเบียบบรหิ ารราชการส่วนภมู ิภาค (3)ระเบยี บบริหารราชการสว่ นทอ้ งถ่นิ 6. การแบ่งราชการออกเปน็ สว่ นตา่ งๆ ให้กาหนดตาแหน่งและอัตราเงินเดอื นโดยคานงึ ถงึ คุณภาพและปรมิ าณงานของสว่ นราชการนนั้ ๆ ไว้ดว้ ย 7. ให้นายกรัฐมนตรรี กั ษาการตามพระราชบัญญัตนิ ี้ 8. ใหจ้ ัดระเบยี บบริหารราชการส่วนกลาง ดังนี้ (1) สานักนายกรัฐมนตรี (2) กระทรวง หรือทบวงซงึ่ มฐี านะเทยี บเทา่ กระทรวง

154 (3) ทบวง ซ่ึงสังกัดสานกั นายกรฐั มนตรหี รือกระทรวง (4) กรม หรือสว่ นราชการท่เี รียกชื่ออย่างอ่นื และมฐี านะเปน็ กรม ซง่ึ สงั กดั หรอื ไมส่ ังกัด สานักนายกรฐั มนตรี กระทรวงหรือทบวงสานักนายกรัฐมนตรีมฐี านะเป็นกระทรวง ส่วนราชการตาม (1) (2) (3) และ (4) มฐี านะเปน็ นติ บิ ุคคล 9. การจัดต้ัง การรวม การโอนสว่ นราชการ ตามขอ้ 8 ดาเนินการดังน้ี การดาเนินการ ตราเปน็ กฎหมาย หมายเหตุ การจดั ตง้ั และการรวม การโอน พระราชบัญญัติ ส่วนราชการกรณี มีการกาหนด ตาแหนง่ หรืออตั ราของ ข้าราชการหรอื ลูกจา้ งเพม่ิ ขึน้ การจดั ตง้ั ทบวง ใหส้ งั กัดสานัก พระราชบญั ญัติ ใหร้ ะบสุ งั กัดไว้ดว้ ย นายกรัฐมนตรีหรอื กระทรวง การรวม/การโอนส่วนราชการ พระราชกฤษฎีกา ให้ระบอุ านาจหนา้ ท่ีของส่วน กรณไี มม่ กี าหนดตาแหนง่ หรอื ราชการการโอนอานาจหนา้ ท่ี อตั ราของขา้ ราชการหรือ การโอนข้าราชการและลูกจา้ ง ลกู จ้างเพมิ่ ขึ้น งบประมาณรายจา่ ย รวมทัง้ ทรพั ยส์ ินและหนไ้ี วด้ ้วย การจัดตง้ั กรม/ส่วนราชการท่ี พระราชบญั ญตั ิ ใหร้ ะบุสงั กัดด้วย เรยี กชอื่ อยา่ งอื่นและมฐี านะเป็น กรม ซง่ึ ไมส่ งั กดั สานกั นายกรฐั มนตรี กระทรวง หรอื ทบวง 10. การจัดตั้ง การรวม การโอนสว่ นราชการ ตามข้อ 8 ดาเนนิ การดังน้ี การเปลยี่ นชื่อ ตราเปน็ กฎหมาย พระราชกฤษฎกี า หมายเหตุ 1. ถ้าชอ่ื ตาแหน่งขา้ ราชการเปลย่ี นใหร้ ะบุการเปลี่ยนชือ่ ไวด้ ้วย

สรปุ สาระสาคญั พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บบริหารราชการแผน่ ดินพ.ศ. 2534 155 2.กรณบี ทบัญญตั แิ หง่ กฎหมายทกุ ประเภทประกาศหรือคาสงั่ ใดทอี่ ้างถงึ ส่วนราชการ หรือตาแหน่งของข้าราชการที่ได้ถกู เปลี่ยนชอ่ื ใหถ้ ือวา่ บทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายทุก ประเภทประกาศหรือคาสัง่ นัน้ อา้ งถึงสว่ นราชการหรอื ตาแหนง่ ของขา้ ราชการทไี่ ด้ เปลยี่ นชอ่ื ไปดว้ ย 11. การยุบสว่ นราชการ ตามข้อ 8 ดาเนินการดังน้ี การยบุ ส่วนราชการ ตราเปน็ กฎหมาย พระราชกฤษฎีกา หมายเหตุ 1. ให้งบประมาณของสว่ นราชการนั้นระงับไป 2. ทรัพยส์ ินของส่วนราชการนัน้ ให้โอนแก่ส่วนราชการอ่ืน ตามทรี่ ัฐมนตรีผู้รักษาการในพระราช กฤษฎีกากาหนดโดยความเหน็ ชอบของ ครม. 3. การจดั การกิจการสิทธิและหนี้สนิ ของสว่ นราชการนนั้ ใหเ้ ป็นไปตามพระราชกฤษฎีกา 4. ข้าราชการหรือลูกจ้างซ่ึงต้องพ้นจากราชการเพราะเหตุยุบตาแหน่ง อันเน่ืองมาแต่การยุบ ส่วนราชการนอกจากสิทธิประโยชนท์ พ่ี งึ ไดร้ ับตามกฎหมายแล้ว ใหข้ ้าราชการหรอื ลกู จา้ งได้รบั เงนิ ชดเชย ตามหลกั เกณฑใ์ นพระราชกฤษฎีกาดว้ ย 5.ส่วนราชการ รัฐวสิ าหกิจ ประสงค์จะรับโอนขา้ ราชการหรือลูกจ้าง ใหก้ ระทาไดโ้ ดยมิใหถ้ ือว่า ข้าราชการหรอื ลูกจา้ งผู้น้นั ได้พ้นจากราชการ ทง้ั นต้ี ้องกระทาภายใน 30 วนั นับแตพ่ ระราชกฤษฎีกามีผล ใช้บงั คบั 12. การแบ่งส่วนราชการสานักงานรัฐมนตรี กรม หรือส่วนราชการท่ีเรียกชื่ออย่างอื่นและมี ฐานะเปน็ กรมดาเนนิ การ ตามขอ้ 8 ดาเนนิ การดงั นี้ การแบง่ ส่วนราชการระดบั กรม ตราเปน็ กฎหมาย กฎกระทรวงโดยรฐั มนตรขี องสว่ นราชการเปน็ ออก หมายเหตุ 1. ระบอุ านาจหน้าทข่ี องแต่ละส่วนราชการไว้ในกฎกระทรวง 2. ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาแลว้ ใช้บงั คับได้ 13. ให้สานักงานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือนและสานักงบประมาณ มหี นา้ ท่ี

156 1. ตรวจสอบดูแลมิให้มีการกาหนดตาแหน่งหรืออัตราของข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วน ราชการที่จัดตงั้ ขึ้นใหม่ หรือท่ีถูกรวมหรอื โอนไป เพ่ิมข้ึนจนกว่าจะครบกาหนด 3 ปี นับแต่วันที่พระราช กฤษฎกี ามีผลใชบ้ งั คบั 2. เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีในการแบ่งส่วนราชการภายในและในการกาหนดอานาจ หน้าท่ีของแต่ละส่วนราชการ และใหส้ านักงานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื นจัดอตั รากาลงั และสานกั งบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณใหส้ อดคล้องเสนอไปในคราวเดียวกัน 14. การแบ่งส่วนราชการภายในมหาวิทยาลยั หรือสถาบันในทบวงมหาวิทยาลยั ให้เป็นไปตาม กฎหมายวา่ ดว้ ยมหาวิทยาลัยหรอื สถาบันนัน้ 15. การจัดระเบียบราชการในสานักนายกรัฐมนตรใี ห้เปน็ ไปตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรงุ กระทรวงทบวง กรม ให้ส่วนราชการในสานักนายกรัฐมนตรีบรรดาที่กาหนดไว้ในก ฎหมายว่าด้วยการ ปรับปรุงกระทรวงทบวง กรม มีฐานะเปน็ กรมสานกั นายกรัฐมนตรี มีสว่ นราชการ ดังต่อไปนี้ (1) สานกั งานปลดั สานกั นายกรัฐมนตรี (2) กรมประชาสมั พันธ์ (3) สานักงานคณะกรรมการคมุ้ ครองผู้บรโิ ภค ส่วนราชการที่อยู่ในบงั คับบัญชาขน้ึ ตรงต่อนายกรัฐมนตรี (1) สานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (2) สานักเลขาธิการคณะรฐั มนตรี (3) สานกั ขา่ วกรองแหง่ ชาติ (4) สานกั งบประมาณ **ออกบ่อยไมไ่ ดส้ ังกดั กระทรวงการคลงั นะ่ ครบั * (5) สานักงานสภาความมัน่ คงแห่งชาติ (*เลขาธกิ ารชอ่ื อะไร ท่กี าลังมปี ญั หาใหศ้ าลตดั สนิ อยู่) (6) สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา (7) สานกั งานคณะกรรมการข้าราชการพลเรอื น (*ก.พ.อย่าลมื ไปดโู ครงสรา้ งด้วย) (8) สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ (9) สานักงานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ (*ก.พ.ร.อยา่ ลมื ไปด*ู ต้ังข้ึนตอนปี 2550 ออก บ่อยเลขาธิการช่ืออะไร โครงสร้าง วาระ สานักนายกรฐั มนตรีอาจจดั ใหม้ ีสว่ นราชการเปน็ การ ภายในข้นึ ตรงตอ่ นายกรฐั มนตรเี พือ่ ทาหน้าทจ่ี ัดทานโยบายและแผน กากบั เรง่ รัด และตดิ ตาม นโยบายและแผนการปฏิบัติราชการตามนโยบายท่ีคณะรัฐมนตรกี าหนดหรอื อนุมัติ เพ่ือการน้ี นายกรัฐมนตรีจะสั่งให้กรมหรือส่วนราชการท่ีเรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐา นะเป็นกรมในสานัก นายกรัฐมนตรีจัดทากไ็ ด้

สรปุ สาระสาคญั พระราชบัญญัติระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 157 16. สานักนายกรัฐมนตรีมีอานาจหน้าที่ตามที่กาหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุง กระทรวง ทบวงกรม ดังน้ี 1. มีอานาจหนา้ ทเ่ี ก่ยี วกับราชการทั่วไปของนายกรัฐมนตรแี ละคณะรัฐมนตรี 2. รบั ผดิ ชอบการบรหิ ารราชการทัว่ ไป เสนอแนะนโยบายและวางแผนการพัฒนาด้านเศรษฐกจิ สงั คม การเมอื ง และความม่ันคง 3.ราชการเกี่ยวกับการงบประมาณ ระบบราชการ การบริหารงานบุคคล กฎหมายและการ พัฒนากฎหมาย 4. การตดิ ตามและประเมินผลการปฏบิ ัติราชการ การปฏิบัติภารกจิ พเิ ศษและราชการอ่นื ตามที่ มีกฎหมายกาหนดให้เป็นอานาจหน้าท่ีของสานักนายกรัฐมนตรีหรือส่วนราชการที่สังกัดสานัก นายกรฐั มนตรี หรอื ท่ีมไิ ดอ้ ยู่ภายในอานาจหน้าท่ขี องกระทรวงใดโดยเฉพาะ 17. สานักนายกรัฐมนตรีมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการ กาหนดนโยบาย เป้าหมาย และผลสัมฤทธิ์ของงานในสานักนายกรัฐมนตรีให้สอดคล้องกับนโยบายท่ี คณะรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อรฐั สภาหรอื ท่ีคณะรัฐมนตรกี าหนดหรืออนุมัติ โดยจะให้มีรองนายกรฐั มนตรีและ รฐั มนตรปี ระจาสานกั ายกรฐั มนตรีเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัตริ าชการก็ได้ ในกรณีทมี่ ีรองนายกรัฐมนตรีหรือ รัฐมนตรปี ระจาสานักนายกรัฐมนตรหี รือมที ้งั รองนายกรฐั มนตรีและรฐั มนตรปี ระจาสานักนายกรฐั มนตรี การส่ังและการปฏิบัติราชการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจาสานักนายกรัฐมนตรีให้ เป็นไป ตามท่นี ายกรัฐมนตรมี อบหมาย 18.ในระหว่างท่ีคณะรัฐมนตรีต้องอยู่ในตาแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรี ท่ีต้ังขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่เพราะนายกรัฐมนตรีตาย ขาดคุณสมบัติ ต้องคาพิพากษาให้จาคุก สภา ผู้แทนราษฎรมีมติไม่ไว้วางใจ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง หรือวุฒสิ ภามีมติใหถ้ อดถอนจากตาแหน่ง ให้คณะรัฐมนตรมี อบหมายให้รองนายกรฐั มนตรคี นใดคนหนึ่ง เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่มีผู้ดารงตาแหน่งรองนายกรัฐมนตรีหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติ ราชการได้ ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ในระหว่างท่ี คณะรัฐมนตรีต้องอยูใ่ นตาแหน่งเพอ่ื ปฏิบัติหน้าทตี่ ่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารบั หนา้ ท่ี ให้คณะรัฐมนตรีดังกล่าวอานวยความสะดวกให้หัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ดาเนินการใดๆ เท่าที่จาเป็น เพ่อื รับแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินจากนายกรัฐมนตรคี นใหมม่ าเตรยี มการดาเนนิ การได้ 19. นายกรฐั มนตรใี นฐานะหัวหน้ารฐั บาลมีอานาจหนา้ ที่ ดงั น้ี (1) กากับโดยท่ัวไปซ่ึงการบริหารราชการแผ่นดิน เพ่ือการนี้จะสั่งใหร้ าชการสว่ นกลางราชการ สว่ นภมู ิภาค และส่วนราชการซ่ึงมีหนา้ ทค่ี วบคมุ ราชการส่วนทอ้ งถนิ่ ชแี้ จง แสดงความคดิ เหน็ ทารายงาน เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ ในกรณีจาเป็นจะยับย้ังการปฏิบัติราชการใดๆ ท่ีขัดต่อนโยบายหรือมติของ

158 คณะรัฐมนตรีก็ได้และมีอานาจส่ังสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของราชการส่วนกลาง ราชการสว่ นภมู ภิ าค และราชการส่วนทอ้ งถน่ิ (2) มอบหมายใหร้ องนายกรัฐมนตรีกากบั การบรหิ ารราชการของกระทรวง หรือทบวงหนึ่งหรอื หลายกระทรวงหรอื ทบวง (3) บังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหารทุกตาแหน่งซ่ึงสังกัดกระทรวง ทบวง กรม และส่วน ราชการที่เรยี กชือ่ อยา่ งอืน่ ท่ีมีฐานะเป็นกรม (4) สั่งให้ขา้ ราชการซง่ึ สังกดั กระทรวง ทบวง กรมหน่ึงมาปฏิบตั ิราชการสานกั นายกรฐั มนตรโี ดย จะใหข้ าดจากอตั ราเงินเดือนทางสังกัดเดมิ หรอื ไมก่ ็ได้ ในกรณที ี่ให้ขาดจากอัตราเงนิ เดอื นทางสงั กดั เดิม ให้ ได้รับเงินเดือนในสานักนายกรฐั มนตรใี นระดบั และข้นั ท่ีไม่สงู กวา่ เดมิ (5) แต่งตง้ั ขา้ ราชการซ่ึงสงั กดั กระทรวง ทบวง กรมหนง่ึ ไปดารงตาแหนง่ ของอกี กระทรวงทบวง กรมหนึ่ง โดยใหไ้ ด้รบั เงนิ เดอื นจากกระทรวง ทบวง กรมเดมิ ในกรณเี ชน่ ว่านใ้ี หข้ า้ ราชการซ่งึ ไดร้ บั แต่งตั้ง มีฐานะเสมอื นเปน็ ข้าราชการสังกดั กระทรวง ทบวง กรม ซง่ึ ตนมาดารงตาแหนง่ นั้นทุกประการ แต่ถ้าเปน็ การแตง่ ตง้ั ข้าราชการต้งั แตต่ าแหน่งอธบิ ดีหรอื เทยี บเทา่ ขึ้นไปต้องได้รับอนมุ ัตจิ ากคณะรฐั มนตรี (6) แต่งต้ังผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานที่ปรึกษา ที่ปรึกษา หรือคณะท่ีปรึกษาของนายกรัฐมนตรี หรือเป็นคณะกรรมการเพ่อื ปฏิบัติราชการใดๆ และกาหนดอัตราเบี้ยประชุมหรือค่าตอบแทนใหแ้ ก่ผซู้ ่งึ ได้รับแตง่ ตง้ั (7) แตง่ ตัง้ ขา้ ราชการการเมอื งใหป้ ฏิบัติราชการในสานักนายกรัฐมนตรี (8) วางระเบียบปฏิบัติราชการ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปโดยรวดเร็วและมรี ะ สทิ ธิภาพ เท่าทีไ่ มข่ ดั หรอื แยง้ กบั พระราชบัญญตั นิ ีห้ รอื กฎหมายอื่น (9) ดาเนินการอ่ืนๆ ในการปฏิบัติตามนโยบาย ระเบียบตาม (8) เม่ือคณะรัฐมนตรีให้ความ เห็นชอบแล้ว ให้ใชบ้ ังคับได้ 20. ในกรณีท่ีนายกรัฐมนตรีเป็นผบู้ ังคับบัญชาส่วนราชการทเี่ รียกชื่ออย่างอ่ืนและมฐี านะเป็น กรม แต่มิได้สังกัดสานักนายกรัฐมนตรหี รือทบวง นายกรัฐมนตรจี ะมอบหมายใหร้ องนายกรฐั มนตรี หรือ รฐั มนตรีประจาสานักนายกรฐั มนตรปี ฏบิ ัตริ าชการแทนกไ็ ด้ 21. สานักเลขาธกิ ารนายกรัฐมนตรี มีอานาจหนา้ ท่ี - เกย่ี วกบั ราชการทางการเมอื ง - มีเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบในการปฏิบัติ ราชการข้ึนตรงต่อนายกรัฐมนตรี และให้มีรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝา่ ยการเมืองและรองเลขาธิการ

สรปุ สาระสาคญั พระราชบัญญตั ริ ะเบียบบริหารราชการแผน่ ดินพ.ศ. 2534 159 นายกรัฐมนตรีฝา่ ยบรหิ าร เป็นผูช้ ่วยส่ังและปฏิบัตริ าชการและจะใหม้ ผี ชู้ ่วยเลขาธกิ ารนายกรัฐมนตรี เปน็ ผู้ช่วยส่ังและปฏิบัติราชการด้วยก็ได้ ให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีและรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่าย การเมอื ง เป็นข้าราชการ การเมือง และให้รองเลขาธกิ ารนายกรัฐมนตรฝี ่ายบรหิ าร และผู้ช่วยเลขาธิการ นายกรฐั มนตรี เปน็ ข้าราชการพลเรือนสามญั 22. สานกั เลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรมี อี านาจหนา้ ที่ - เกย่ี วกบั ราชการของคณะรฐั มนตรี รฐั สภา และราชการในพระองค์ - มีเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเปน็ ผ้บู ังคับบัญชาข้าราชการ และรับผดิ ชอบในการปฏิบัติราชการ ขน้ึ ตรงตอ่ นายกรฐั มนตรี และให้มีรองเลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรเี ป็นผชู้ ่วยสัง่ และปฏิบัติราชการ และจะใหม้ ี ผู้ช่วยเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นผูช้ ่วยส่ังและปฏิบัติราชการด้วยก็ได้ ให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรี รอง เลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรี และผู้ช่วยเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี เปน็ ข้าราชการพลเรอื นสามัญ 23. ในสานักนายกรัฐมนตรี อาจมีส่วนราชการทอ่ี ยู่ในบงั คับบญั ชาข้ึนตรงต่อนายกรัฐมนตรีได้ ตามที่กาหนดในกฎหมายวา่ ด้วยการปรบั ปรงุ กระทรวง ทบวง กรม 24.สานกั นายกรฐั มนตรี นอกจากมีนายกรฐั มนตรี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรปี ระจาสานัก นายกรัฐมนตรี ใหม้ ปี ลัดสานกั นายกรัฐมนตรีคนหนึง่ มอี านาจหนา้ ทดี่ งั นี้ (1) รับผิดชอบควบคุมราชการประจาในสานักนายกรัฐมนตรี กาหนดแนวทางและ แผนการปฏิบัติราชการของสานักนายกรัฐมนตรี และลาดับความสาคัญของแผนการปฏิบัติราชการ ประจาปีของส่วนราชการในสานักนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรีกาหนดรวมทั้ง กากับ เร่งรดั ตดิ ตามและประเมินผลการปฏิบตั ริ าชการของส่วนราชการในสานกั นายกรัฐมนตรี (2) เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการของส่วนราชการในสานักนายกรัฐมนตรีรองจาก นายกรัฐมนตรีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจาสานักนายกรัฐมนตรี ยกเว้นข้าราชการของส่วน ราชการซ่ึงหัวหนา้ สว่ นราชการข้ึนตรงต่อนายกรฐั มนตรี (3) เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรีและรับผิดชอบในการ ปฏิบัติราชการของสานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรี ให้ปลัดสานักนายกรัฐมนตรี รองปลัดสานัก นายกรัฐมนตรี และผู้ช่วยปลัดสานักนายกรฐั มนตรี เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และให้รองปลัดสานกั นายกรัฐมนตรี ผู้ช่วยปลัดสานักนายกรัฐมนตรี และผู้ดารงตาแหน่งท่ีเรียกชื่ออย่างอนื่ ในสานักงานปลดั สานักนายกรัฐมนตรี มอี านาจหน้าที่ตามท่ปี ลดั สานกั นายกรฐั มนตรีกาหนดหรอื มอบหมาย 25. สานกั งานปลัดสานกั นายกรฐั มนตรีมีอานาจหน้าท่ี - เกยี่ วกบั ราชการประจาท่ัวไปของสานักนายกรฐั มนตรี

160 - ราชการที่คณะรัฐมนตรีมิได้กาหนดให้เป็นหน้าที่ของกรมใดกรมหนึ่งในสังกัดสานัก นายกรฐั มนตรีโดยเฉพาะ - รวมท้ังกากับและเร่งรัดการปฏิบัติราชการของส่วนราชการในสานักนายกรัฐมนตรี ให้ เป็นไปตามนโยบาย แนวทางและแผนการปฏบิ ตั ิราชการของสานักนายกรัฐมนตรี ยกเว้นราชการของสว่ น ราชการซงึ่ กฎหมายกาหนดใหห้ วั หน้าสว่ นราชการข้นึ ตรงตอ่ นายกรัฐมนตรี ในกรณที ีส่ านักนายกรัฐมนตรี มที บวงอย่ใู นสงั กดั และยังไมส่ มควรจดั ตง้ั สานักงานปลดั ทบวง จะใหส้ านักงานปลดั สานกั นายกรัฐมนตรที า หน้าท่ีสานักงานปลดั ทบวงดว้ ยกไ็ ด้ 26. ใหจ้ ัดระเบียบราชการของกระทรวง ดงั น้ี (1) สานกั งานรัฐมนตรี (2) สานกั งานปลัดกระทรวง (3) กรม หรือสว่ นราชการทเี่ รยี กชอื่ อย่างอน่ื เวน้ แต่บางกระทรวงเห็นวา่ ไม่มคี วามจาเปน็ จะไมแ่ ยกส่วนราชการตั้งขน้ึ เปน็ กรมก็ได้ ให้ส่วนราชการตาม (2) และส่วนราชการที่เรยี กชื่ออยา่ งอ่ืนตาม (3) มฐี านะเป็นกรม 27. กระทรวงใดมีความจาเป็นจะตอ้ งมสี ่วนราชการเพ่ือทาหน้าท่ีจัดทานโยบายและแผน กากับ เร่งรัดและติดตามนโยบายและแผนการปฏิบัติราชการของกระทรวง จะจัดระเบียบบริหารราชการโดย อนุมัติคณะรัฐมนตรีเพ่ือให้มีสานักนโยบายและแผนเป็นส่วนราชการภายใน ขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงก็ได้ 28. ในกระทรวงจะตราพระราชกฤษฎีกาจัดต้ังส่วนราชการเพื่อรับผิดชอบภาระหน้าที่ใด โดยเฉพาะซึ่งไม่มีฐานะเป็นกรม แต่มีผู้บังคับบัญชาของส่วนราชการดังกล่าวเป็นอธิบดีหรือตาแหน่งที่ เรียกชื่ออย่างอ่ืนที่มีฐานะเป็นอธิบดีก็ได้ ในกรณีเช่นนั้นให้อธิบดีหรือผู้ดารงตาแหน่งท่เี รียกชื่ออย่างอนื่ ดังกล่าวมอี านาจหน้าทีส่ าหรบั ส่วนราชการนน้ั เชน่ เดียวกบั อธิบดี ตามท่ีกาหนดในพระราชกฤษฎกี า และ ให้คณะอนุกรรมการสามัญประจากระทรวงทาหน้าที่คณะอนุกรรมการสามัญประจากรม สาหรับส่วน ราชการนน้ั การตราพระราชกฤษฎีกาใหก้ ระทาได้ในกรณีเปน็ การยบุ รวม หรอื โอนกรมในกระทรวงใดมา จัดต้ังเป็นสว่ นราชการตามวรรคสใ่ี นกระทรวงนน้ั หรือกระทรวงอน่ื โดยไมม่ กี ารกาหนดตาแหน่งหรืออตั รา ของข้าราชการหรอื ลูกจ้างเพิ่มขึ้น (โดยตราพระราชกฤษฎีกา โดยเป็นผลเป็นการแกไ้ ขเพิม่ เตมิ หรอื ยกเลกิ บทบัญญัติแห่งกฎหมายท่ีจัดตั้งส่วนราชการ กฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม หรือ กฎหมายอื่นที่เกยี่ วขอ้ ง) การแต่งตั้งอธิบดหี รอื ผดู้ ารงตาแหนง่ ทเี่ รยี กช่ืออย่างอน่ื ของส่วนราชการตามวรรค ส่ี ใหร้ ฐั มนตรเี จา้ สังกดั เป็นผนู้ าเสนอคณะรัฐมนตรีเพ่ือพจิ ารณาอนุมัติ และใหผ้ ้ดู ารงตาแหนง่ ดงั กลา่ วเป็น ผู้ดารงตาแหน่งระดับสูงตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต

สรปุ สาระสาคญั พระราชบัญญัติระเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 161 ก่อนท่ีคณะรัฐมนตรีจะให้ความเห็นชอบในร่างพระราชกฤษฎีกาจัดต้ังส่วนราชการตามวรรคส่ีของ กระทรวงใด ใหน้ ายกรฐั มนตรีสง่ รา่ งพระราชกฤษฎีกาดงั กล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพ่อื ทราบ 29. กระทรวงมีอานาจหน้าที่ตามท่ีกาหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการปรับปรงุ กระทรวง ทบวง กรม การจดั ระเบยี บราชการในกระทรวงหน่ึงๆ ใหเ้ ป็นไปตามกฎหมายวา่ ด้วยการปรบั ปรงุ กระทรวงทบวง กรม ส่วนการจัดระเบยี บราชการในกระทรวงที่เก่ียวกับการทหาร และการศึกษา ให้เป็นไปตามกฎหมาย ว่าดว้ ยการนัน้ ซ่ึงหมายถึง กระทรวงกลาโหม และกระทรวงศึกษาธิการ ไม่อยู่ในบังคับของ พระราชบัญญตั ิ ระเบียบบรหิ ารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 (แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2553 และไม่อยู่ในบังคับ พ.ร.บ.ปรบั ปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2554แก้ไขเพ่ิมเติมถึงฉบับที่ 10 พ.ศ. 2556 อย่าลืมไปอ่าน เพิม่ เติม 30. ให้ปลัดกระทรวง (ข้าราชการพลเรือนสามัญ) หัวหน้ากลมุ่ ภารกิจและหวั หนา้ สว่ นราชการ ตั้งแต่ระดับกรมข้ึนไป วางแผนและประสานกิจกรรมให้มีการใช้ทรัพยากรของส่วนราชการต่างๆ ใน กระทรวงร่วมกันเพื่อใหเ้ กดิ ประสิทธิภาพ ความค้มุ คา่ และบรรลุเปา้ หมายของกระทรวง เพอื่ ประโยชน์ใน การดาเนินการตามวรรคหน่ึง หัวหน้าส่วนราชการและหัวหน้ากลุ่มภารกิจดังกล่าวจะมีมติให้นา งบประมาณทแ่ี ตล่ ะส่วนราชการได้รับจัดสรรมาดาเนนิ การและใช้จ่ายรว่ มกันก็ได้ 31. ในกระทรวงหน่ึง ให้มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคนหนึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และ รบั ผดิ ชอบในการกาหนดนโยบาย เป้าหมาย และผลสมั ฤทธ์ิของงานในกระทรวงใหส้ อดคลอ้ งกบั นโยบายท่ี คณะรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อรัฐสภาหรือท่ีคณะรัฐมนตรีกาหนด หรืออนุมัติ โดยจะให้มีรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการก็ได้ ในกรณีที่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง การส่ังหรือการ ปฏิบัติราชการของรัฐมนตรชี ่วยว่าการกระทรวงให้เปน็ ไปตามท่ีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมอบหมาย ใน กรณีที่รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงเป็นผ้บู งั คบั บัญชาส่วนราชการที่เรียกช่อื อยา่ งอนื่ และมีฐานะเป็นกรม แต่ มิไดส้ ังกัดกระทรวง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงจะมอบหมายให้รัฐมนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวงปฏบิ ัตริ าชการ แทนก็ได้ 32. ในกระทรวงให้มปี ลัดกระทรวง (ข้าราชการพลเรอื นสามญั ) คนหนงึ่ มอี านาจหนา้ ท่ี ดงั นี้ (1) รับผิดชอบควบคุมราชการประจาในกระทรวง แปลงนโยบายเป็นแนวทางและแผนการ ปฏิบัติราชการ กากับการทางานของส่วนราชการในกระทรวงให้เกิดผลสัมฤทธ์ิ และประสานการ ปฏิบัติงานของส่วนราชการในกระทรวงให้มเี อกภาพสอดคล้องกัน รวมท้ังเรง่ รัดติดตาม และประเมนิ ผล การปฏิบตั ิราชการของสว่ นราชการในกระทรวง (2) เปน็ ผู้บังคบั บัญชาขา้ ราชการของสว่ นราชการในกระทรวงรองจากรฐั มนตรี

162 (3) เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสานักงานปลัดกระทรวง และรับผิดชอบในการปฏิบัติ ราชการของสานกั งานปลัดกระทรวง ในการปฏบิ ัตริ าชการของปลัดกระทรวง จะให้มีรองปลดั กระทรวงคน หนึง่ เปน็ ผชู้ ่วยส่ังและปฏิบตั ริ าชการตามท่ปี ลดั กระทรวงมอบหมายก็ได้ 33. ภายในกระทรวงจะออกกฎกระทรวงกาหนดให้ส่วนราชการระดับกรมตั้งแต่สองส่วน ราชการข้ึนไปอย่ภู ายใต้กลุ่มภารกจิ เดยี วกันกไ็ ด้ โดยใหแ้ ตล่ ะกลุ่มภารกจิ มีผดู้ ารงตาแหน่งไม่ตา่ กวา่ อธิบดี คนหนึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มภารกิจรับผิดชอบราชการและบังคับบัญชาข้าราชการของส่วนราชการในกลุ่ม ภารกิจน้ันโดยปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อปลัดกระทรวงหรือขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีตามที่กาหนดโดย กฎกระทรวง และในกรณีท่ีข้ึนตรงต่อรัฐมนตรีต้องรายงานผลการดาเนินงานต่อปลัดกระทรวงตามที่ กาหนดโดยกฎกระทรวง ในกลุ่มภารกิจเดียวกัน หัวหน้ากลุ่มภารกิจอาจกาหนดใหส้ ่วนราชการของส่วน ราชการระดับกรมแห่งหนึ่งปฏิบัติงานท่ีเกย่ี วกบั สารบรรณ บคุ ลากร การเงนิ การพัสดุ หรือการบริหารงาน ท่วั ไปให้แก่สว่ นราชการแหง่ อนื่ ภายใต้กลุม่ ภารกจิ เดียวกันก็ได้ กระทรวงใดมไิ ด้จดั ให้มีกลุ่มภารกิจ และมี ปริมาณงานมาก จะให้มีรองปลัดกระทรวงเป็นผ้ชู ่วยสง่ั และปฏบิ ตั ิราชการเพ่ิมขน้ึ เป็นสองคนกไ็ ด้ ในกรณี ท่ีกระทรวงใดมีการจัดกลุ่มภารกิจ จะให้มีรองปลัดกระทรวงเพ่ิมขึ้นเปน็ หัวหน้ากล่มุ ภารกิจก็ได้ และให้ อานาจหน้าท่ีของปลดั กระทรวงท่ีเกี่ยวกบั ราชการของส่วนราชการในกลุ่มภารกิจเป็นอานาจหน้าท่ขี อง หัวหนา้ กลุ่มภารกิจนนั้ ทง้ั น้ี เว้นแตจ่ ะมีกฎกระทรวงกาหนดไวเ้ ปน็ อย่างอนื่ 34. กระทรวงใดมภี ารกิจเพิม่ ข้ึน และมีความจาเป็นอย่างยิง่ ต้องมรี องปลัดกระทรวงมากกว่าที่ กาหนดไว้ใน คณะกรรมการข้าราชการพลเรอื น (ก.พ.) และคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ (ก.พ.ร.) จะร่วมกันอนมุ ัติให้กระทรวงน้นั มรี องปลดั กระทรวงเพ่มิ ข้นึ เป็นกรณพี เิ ศษโดยจะกาหนดเงื่อนไขหรอื เงอื่ น เวลาไว้ด้วยหรือไม่ก็ได้ในการดาเนินการ ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการจัดให้มีการประชุม พจิ ารณารว่ มกนั โดยกรรมการแต่ละฝา่ ยจะตอ้ งมาประชุมไม่นอ้ ยกว่าก่งึ หนง่ึ จงึ จะเปน็ องคป์ ระชมุ และใน การออกเสียงลงมติจะต้องได้คะแนนเสียงของกรรมการแต่ละฝ่ายเกินกว่าก่ึงหนึ่งของกรรมการฝ่าย ดงั กลา่ วท่ีมาประชุม แลว้ ใหน้ ามติดังกลา่ วเสนอคณะรฐั มนตรีพิจารณาต่อไป 35. สานักงานรัฐมนตรมี อี านาจหนา้ ที่ - เก่ียวกับราชการทางการเมือง มีเลขานุการรัฐมนตรีซ่ึงเป็นข้าราชการการเมืองเป็น ผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสานักงานรัฐมนตรีข้ึนตรงต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง และจะให้มีผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีซ่ึงเป็นข้าราชการการเมืองคนหน่ึงหรือ หลายคนเป็นผู้ช่วยส่ังหรือปฏิบัติราชการแทนเลขานุการรัฐมนตรีก็ได้พ.ร.บ.เดิมแกไ้ ขคาว่า “สานักงาน เลขานุการรฐั มนตรี” เปน็ “สานกั งานรฐั มนตรี” โดยพระราชบัญญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการแผ่นดนิ (ฉบับ ที่ 5) พ.ศ. 2545] 36.สานกั งานปลดั กระทรวงมีอานาจหน้าท่ี - เกยี่ วกบั ราชการประจาท่ัวไปของกระทรวง

สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญตั ิระเบียบบริหารราชการแผน่ ดินพ.ศ. 2534 163 - ราชการที่คณะรัฐมนตรีมิได้กาหนดให้เป็นหน้าท่ีของกรมใดกรมหน่ึงในสังกัดกระทรวง โดยเฉพาะ รวมท้งั กากับและเร่งรดั การปฏบิ ตั ิราชการของส่วนราชการในกระทรวงให้เป็นไปตามนโยบาย แนวทางและแผนการปฏิบัตริ าชการของกระทรวง ในกรณีทีก่ ระทรวงมีทบวงอยใู่ นสังกัดและยงั ไมส่ มควร จัดต้ังสานักงานปลัดทบวง จะให้สานักงานปลัดกระทรวงทาหน้าท่สี านักงานปลดั ทบวงด้วยก็ได้ การจดั ระเบยี บราชการในทบวงซ่งึ มีฐานะเทยี บเทา่ กระทรวงใหอ้ นโุ ลมตามการจัดระเบียบราชการของกระทรวง ซึง่ บัญญตั ไิ ว้ 37. การจัดระเบยี บราชการในทบวงซ่ึงสังกัดสานักนายกรัฐมนตรีหรือกระทรวงสว่ นใดซึ่งโดย สภาพและปรมิ าณของงานไมเ่ หมาะสมที่จะจดั ตง้ั เป็นกระทรวงหรือทบวงซึง่ มีฐานะเทยี บเท่ากระทรวง จะ จัดต้ังเปน็ ทบวงสังกัดสานักนายกรัฐมนตรีหรอื กระทรวง เพื่อให้มีรัฐมนตรวี ่าการทบวงเปน็ ผู้บังคบั บญั ชา ขา้ ราชการ และรบั ผิดชอบในการปฏิบตั ิราชการของทบวงกไ็ ด้ และให้จดั ระเบยี บราชการในทบวงดงั นี้ (1) สานกั งานรัฐมนตรี (2) สานักงานปลัดทบวง (3) กรม หรือสว่ นราชการท่ีเรยี กช่อื อย่างอนื่ เวน้ แต่บางทบวงซึง่ เหน็ ว่าไม่มีความจาเปน็ จะไมแ่ ยก ส่วนราชการตั้งข้ึนเป็นกรมก็ได้ ให้ส่วนราชการตาม (2) และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นตาม (3) มี ฐานะเป็นกรม ในกรณีท่ีสานักนายกรัฐมนตรีหรือกระทรวงมีทบวงอยู่ในสงั กัด และปริมาณและคุณภาพ ของราชการในทบวงยังไม่สมควรจดั ตัง้ สานกั งานปลัดทบวง จะใหส้ านกั งานปลดั สานักนายกรัฐมนตรีหรือ สานักงานปลัดกระทรวงทาหน้าท่ีสานักงานปลัดทบวงด้วยก็ได้ พ.ร.บ.เดิม แก้ไขคาว่า “สานักงาน เลขานุการรฐั มนตรี” เปน็ “สานกั งานรัฐมนตรี” โดยพระราชบญั ญตั ริ ะเบียบบรหิ ารราชการแผ่นดิน(ฉบับ ท่ี 5) พ.ศ. 2545] 38. การจดั ระเบียบราชการในทบวงหนงึ่ ๆ ใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายวา่ ด้วยการปรับปรงุ กระทรวง ทบวงกรม ส่วนการจัดระเบยี บราชการในทบวงมหาวทิ ยาลัย ให้เปน็ ไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น พ.ร.บ. ปรบั ปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 แก้ไขเพิม่ เตมิ ถงึ ฉบับที่ 10 พ.ศ. 2556 อยา่ ลมื ไปอ่านเพม่ิ เติม 39. ทบวงหน่ึงมีรัฐมนตรีว่าการทบวงเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และกาหนดนโยบายของ ทบวงใหส้ อดคลอ้ งกับนโยบายที่คณะรฐั มนตรีกาหนดหรอื อนมุ ัติ และรับผดิ ชอบในการปฏิบตั ริ าชการของ ทบวงและจะใหม้ รี ัฐมนตรีชว่ ยว่าการทบวงเป็นผู้ช่วยสง่ั และปฏบิ ัตริ าชการกไ็ ด้ ในกรณที ีม่ รี ัฐมนตรชี ว่ ยว่า การทบวง การส่ังหรือการปฏิบัติราชการของรัฐมนตรีช่วยว่าการทบวงให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีว่าการ ทบวงมอบหมาย ในกรณีที่เป็นทบวงสังกัดสานักนายกรัฐมนตรีหรือกระทรวง ให้รัฐมนตรีว่าการทบวง ปฏิบัติราชการภายใตก้ ารกากับของนายกรฐั มนตรีหรือรัฐมนตรวี ่าการกระทรวง แลว้ แตก่ รณี 40.ทบวง นอกจากมรี ัฐมนตรีวา่ การทบวงและรัฐมนตรีช่วยว่าการทบวง ให้มปี ลดั ทบวงคนหนึ่ง มีอานาจหน้าทีด่ ังนี้

164 (1) รบั ผดิ ชอบควบคุมราชการประจาในทบวง กาหนดแนวทางและแผนการปฏบิ ัติราชการของ ทบวง และลาดับความสาคัญของแผนการปฏิบตั ิราชการประจาปขี องสว่ นราชการในทบวงใหเ้ ปน็ ไปตาม นโยบายที่รัฐมนตรีกาหนด รวมท้งั กากบั เรง่ รัด ติดตามและประเมินผลการปฏบิ ัตริ าชการของส่วนราชการ ในทบวง (2) เปน็ ผบู้ ังคบั บญั ชาขา้ ราชการของส่วนราชการในทบวงรองจากรัฐมนตรี (3) เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสานักงานปลดั ทบวงและรบั ผิดชอบในการปฏิบัติราชการ ของสานกั งานปลัดทบวง ในการปฏบิ ัติราชการของปลดั ทบวง ใหม้ รี องปลดั ทบวงเปน็ ผู้ช่วยสง่ั และปฏิบัติ ราชการ และจะให้มีผู้ช่วยปลัดทบวงเป็นผ้ชู ่วยสั่งและปฏิบัติราชการด้วยก็ได้ ในกรณีท่ีมีรองปลัดทบวง หรือผชู้ ่วยปลัดทบวง หรือมีทงั้ รองปลดั ทบวงและผูช้ ่วยปลดั ทบวง ให้รองปลัดทบวงหรอื ผู้ชว่ ยปลดั ทบวง เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรบั ผิดชอบในการปฏิบัติราชการ รองจากปลดั ทบวง ให้รองปลัดทบวง ผู้ช่วยปลดั ทบวง และผู้ดารงตาแหน่งท่เี รยี กชื่ออยา่ งอ่นื ในสานกั งานปลัดทบวงมีอานาจหน้าท่ีตามทปี่ ลัด ทบวงกาหนดหรือมอบหมาย ในกรณที ปี่ ลดั ทบวงจะต้องปฏิบตั ิตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบงั คบั หรอื คาสั่ง ใด หรือมติของคณะรัฐมนตรีในเร่ืองใด ถ้ากฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคาส่ังน้ัน หรือมติของ คณะรัฐมนตรีในเร่ืองน้ันมไิ ด้กลา่ วถึงอานาจของปลดั ทบวงไว้ให้ปลัดทบวงมีอานาจดังเช่นปลัดกระทรวง ในกรณที ี่ให้สานกั งานปลัดสานกั นายกรฐั มนตรหี รือสานักงานปลัดกระทรวงทาหนา้ ทส่ี านกั งานปลดั ทบวง ใหป้ ลัดสานกั นายกรฐั มนตรีหรอื ปลัดกระทรวงทาหน้าทีป่ ลดั ทบวง 41. สานกั งานรัฐมนตรีมีอานาจหน้าท่ี - เก่ียวกับราชการทางการเมอื ง - มเี ลขานกุ ารรฐั มนตรีซ่ึงเป็นข้าราชการการเมอื งเปน็ ผู้บังคบั บัญชาขา้ ราชการ - รับผิดชอบในการปฏบิ ัตริ าชการของสานักงานรฐั มนตรีขึน้ ตรงต่อรฐั มนตรวี ่าการทบวง และจัด ให้มีผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ซึ่งเป็นข้าราชการการเมืองคนหน่ึงหรือหลายคนเป็นผู้ช่วยส่ังหรือปฏบิ ัติ ราชการแทนเลขานุการรัฐมนตรีก็ได้ พ.ร.บ.เดิมแก้ไขคาว่า “สานักงานเลขานุการรัฐมนตรี” เป็น “สานกั งานรัฐมนตรี” โดยพระราชบญั ญัติระเบียบบรหิ ารราชการแผ่นดนิ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545] 42. สานักงานปลัดทบวงมอี านาจหนา้ ที่ - เกย่ี วกบั ราชการประจาท่ัวไปของทบวง - และราชการท่ีคณะรัฐมนตรีมิได้กาหนดให้เป็นหน้าท่ีของกรมใดกรมหนึ่งในสังกัดทบวง โดยเฉพาะ - รวมทงั้ กากบั และเรง่ รดั การปฏบิ ัตริ าชการของสว่ นราชการในทบวงใหเ้ ปน็ ไปตามนโยบาย แนวทางและแผนการปฏบิ ตั ิราชการของทบวง

สรปุ สาระสาคญั พระราชบัญญตั ิระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 165 43. การจัดระเบยี บราชการในกรม กรมซง่ึ สงั กัดหรอื ไม่สงั กัดสานกั นายกรัฐมนตรี กระทรวง หรอื ทบวงอาจแบง่ ส่วนราชการดังนี้ (1) สานกั งานเลขานุการกรม (2) กองหรอื ส่วนราชการทม่ี ีฐานะเทยี บกอง เว้นแตบ่ างกรมเห็นวา่ ไมม่ คี วามจาเปน็ จะไมแ่ ยก สว่ นราชการตงั้ ข้ึนเปน็ กองก็ได้ กรมใดมีความจาเป็น จะแบง่ สว่ นราชการโดยให้มสี ว่ นราชการอื่นนอกจาก (1)หรือ (2) ก็ได้ 44. สาหรบั สานักงานตารวจแห่งชาตแิ ละสานกั งานอยั การสงู สดุ จะแบ่งส่วนราชการให้ เหมาะสมกบั ราชการของตารวจหรือราชการของอยั การกไ็ ด้ สานักงานตารวจแหง่ ชาติ (แกไ้ ขเพิ่มเตมิ ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2546 หมายเหตุ >> เหตผุ ลในประกาศใช้พระราชบัญญตั ิ น้ี คอื โดยทใ่ี นปจั จบุ นั ไดม้ กี ารโอนกรม ตารวจ ไปจัดตั้งเปน็ สานักงานตารวจแหง่ ชาติและกาหนดใหผ้ ูบ้ ังคบั การตารวจภูธรจงั หวัดทาหน้าท่ี หวั หน้าตารวจภธู รจงั หวดั จงึ สมควรแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ กฎหมายวา่ ด้วยระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดินในสว่ น ของช่อื กรมตารวจและตาแหน่งของขา้ ราชการตารวจในกรมการจงั หวดั ใหส้ อดคลอ้ งกนั จงึ จาเปน็ ตอ้ งตรา พระบญั ญัตินี้ สานกั งานอยั การสูงสดุ (แก้ไขเพิ่มเตมิ ฉบบั ที่ 8) พ.ศ. 2553 หมายเหตุ >> เหตผุ ลในประกาศใช้ พระราชบญั ญัตนิ ี้คือ โดยทร่ี ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย บัญญตั ิใหอ้ งค์กรอัยการเปน็ องคก์ รอื่นตาม รฐั ธรรมนญู และมาตรา 255 วรรคหา้ บญั ญตั ิใหอ้ งคก์ รอัยการมีหน่วยธรุ การทเี่ ปน็ อสิ ระ ในการ บรหิ ารงานบคุ คล การงบประมาณ และการดาเนินการอ่ืน โดยมีอัยการสูงสดุ เปน็ ผบู้ งั คับบญั ชา ทงั้ น้ี ตามที่กฎหมายบัญญตั ิ จงึ จาเปน็ ตอ้ งตราพระบัญญตั ิน้ี 45. กรมมอี านาจหนา้ ท่ี - เกี่ยวกบั ราชการของกระทรวงตามทกี่ าหนดในกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของกรม หรือตาม กฎหมายว่าด้วยอานาจหน้าท่ีของกรมน้ันในกรมหนึ่งมีอธิบดี (ข้าราชการพลเรือนสามัญ)คนหน่ึงเป็น ผบู้ ังคบั บัญชาข้าราชการและรบั ผิดชอบในการปฏบิ ตั ิราชการของกรม - ให้เกิดผลสมั ฤทธิ์และเปน็ ไปตามเป้าหมาย แนวทาง และแผนการปฏิบตั ริ าชการของกระทรวง และในกรณีท่มี ีกฎหมายอืน่ กาหนดอานาจหน้าทีข่ องอธิบดีไวเ้ ปน็ การเฉพาะ - การใช้อานาจและการปฏิบัติหนา้ ที่ตามกฎหมายดังกล่าวให้คานึงถึงนโยบายท่ีคณะรฐั มนตรี แถลงไว้ต่อรัฐสภาหรือท่ีคณะรัฐมนตรีกาหนดหรืออนุมัติ และนโยบาย แนวทาง และแผนการปฏิบัติ ราชการของกระทรวงด้วย

166 - ในกรมหนง่ึ จะให้มรี องอธบิ ดี (ขา้ ราชการพลเรือนสามญั )เป็นผบู้ งั คับบัญชาขา้ ราชการรองจาก อธบิ ดแี ละช่วยอธิบดีปฏิบตั ิราชการก็ได้ รองอธิบดีมีอานาจหน้าทตี่ ามที่อธิบดีกาหนดหรือมอบหมาย 46. สานกั งานเลขานุการกรมมอี านาจหนา้ ที่ - เก่ียวกับราชการทัว่ ไปของกรม - ราชการทีม่ ิได้แยกให้เปน็ หนา้ ทีข่ องกองหรือส่วนราชการใดโดยเฉพาะ - มีเลขานุการกรมเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของ สานักงานเลขานุการกรม ส่วนราชการใหม้ อี านาจหน้าที่ตามท่ีได้กาหนดไว้ใหเ้ ปน็ หน้าที่ของส่วนราชการ นั้นๆ โดยให้มีผู้อานวยการกอง หัวหน้ากอง หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่เทียบเท่ากับ ผู้อานวยการกองหรือหวั หนา้ กองหรือหวั หน้าส่วนราชการเปน็ ผ้บู งั คบั บัญชาข้าราชการ และรบั ผิดชอบใน การปฏิบัตริ าชการ 47. กระทรวง ทบวง กรมใดมีเหตุพเิ ศษ จะตราพระราชกฤษฎกี าแบ่งท้องท่อี อกเปน็ เขตเพ่ือให้ มีหัวหน้าส่วนราชการประจาเขตแล้วแต่จะเรียกช่ือเพื่อปฏิบัติงานทางวิชาการก็ได้ หัวหน้าส่วนราชการ ประจาเขตมีอานาจหน้าท่ีเป็นผรู้ ับนโยบายและคาส่ังจากกระทรวง ทบวงกรม มาปฏิบัติงานทางวิชาการ และเป็นผ้บู ังคบั บญั ชาข้าราชการประจาสานักงานเขตซงึ่ สงั กัดกระทรวงทบวง กรมน้ันความในมาตรานีไ้ ม่ ใช้บังคับแก่การแบ่งเขตและการปกครองบังคับบัญชาของตารวจและอัยการซึ่งได้กาหนดโดยพระราช กฤษฎกี า 48. กระทรวง ทบวง หรือกรมใดโดยสภาพและปริมาณของงานสมควรมีผู้ตรวจราชการของ กระทรวงทบวง หรือกรมนั้น ก็ให้กระทาได้ผู้ตรวจราชการของกระทรวง ทบวง หรือกรม มีอานาจหน้าท่ี ตรวจและแนะนาการปฏิบัติราชการอันเกี่ยวกับกระทรวง ทบวง หรือกรมน้ันให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับของกระทรวง ทบวง หรือกรมหรือมติของคณะรัฐมนตรี หรือการส่ังการของ นายกรัฐมนตรี 49. สว่ นราชการทเ่ี รียกชือ่ อย่างอืน่ และมฐี านะเป็นกรม - จะมเี ลขาธิการ ผอู้ านวยการ หรือตาแหนง่ ทเี่ รยี กชื่ออย่างอ่ืนซึ่งเทียบเท่าปลัดกระทรวงหรือ อธบิ ดเี ป็นผบู้ งั คับบญั ชาข้าราชการ - รับผิดชอบในการปฏิบตั ิราชการของสว่ นราชการนั้นใหเ้ ป็นไปตามท่ีกฎหมายกาหนด และจะ ให้มรี องเลขาธกิ าร รองผู้อานวยการหรือตาแหน่งรองของตาแหน่งที่เรียกชอ่ื อย่างอน่ื หรือผชู้ ่วยเลขาธิการ ผู้ช่วยผู้อานวยการหรือตาแหน่งผชู้ ว่ ยของตาแหนง่ ท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืน หรือมีทั้งรองเลขาธิการ และผู้ชว่ ย เลขาธิการหรือทั้งรองผู้อานวยการและผู้ช่วยอานวยการ หรือทั้งตาแหน่งรองและตาแหน่งผู้ช่วยของ ตาแหน่งทีเ่ รียกชื่ออย่างอ่นื เป็นผบู้ ังคบั บญั ชาข้าราชการ และช่วยปฏิบตั ริ าชการแทนก็ได้

สรปุ สาระสาคญั พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 167 - ให้นาความในมาตรา 31 มาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 34 และมาตรา 35 มาใช้บังคับแก่ สว่ นราชการทเี่ รียกช่ืออยา่ งอ่นื และมีฐานะเป็นกรมโดยอนโุ ลม 50. อานาจในการสง่ั การอนญุ าต การอนุมัติ การปฏิบตั ิราชการหรอื การดาเนนิ การอนื่ ท่ผี ดู้ ารง ตาแหน่งใดจะพึงปฏิบัติหรือดาเนินการตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ หรือคาส่ังใดหรือมติของ คณะรัฐมนตรีในเร่ืองใด ถ้ากฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ หรือคาส่ังนั้น หรือมติของคณะรัฐมนตรีใน เรื่องนั้นมิได้กาหนดเรื่องการมอบอานาจไว้เป็นอย่างอ่ืน หรือมิได้ห้ามเรื่องการมอบอานาจไว้ ผู้ดารง ตาแหน่งน้ันอาจมอบอานาจให้ผดู้ ารงตาแหน่งอื่นในส่วนราชการเดียวกันหรอื ส่วนราชการอ่นื หรือผู้ว่า ราชการจังหวัดเป็นผู้ปฏิบัติราชการแทนได้ ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่กาหนดในพระราชกฤษฎีกาพระราช กฤษฎกี าอาจกาหนดให้มีการมอบอานาจในเรอ่ื งใดเรอ่ื งหนงึ่ ตลอดจนการมอบอานาจให้ทานิติกรรมสญั ญา ฟ้องคดีและดาเนินคดี หรือกาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเง่ือนไขในการมอบอานาจหรือที่ผู้รับมอบ อานาจต้องปฏิบตั ิก็ไดม้ ใิ ห้ใช้บังคับกบั อานาจในการอนุญาตตามกฎหมายท่ีบัญญัติให้ต้องออกใบอนุญาต หรือท่ีบัญญัติผู้มีอานาจอนุญาตไว้เป็นการเฉพาะ ในกรณีเช่นนั้นให้ผู้ดารงตาแหน่งซ่ึงมีอานาจตาม กฎหมายดังกล่าวมีอานาจมอบอานาจให้ข้าราชการซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้ว่าราชการจังหวัดได้ ตามท่ีเห็นสมควร หรือตามที่คณะรัฐมนตรีกาหนดในกรณีมอบอานาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ผู้ว่า ราชการจังหวัดมีอานาจมอบอานาจไดต้ ่อไปตามหลกั เกณฑ์และเงอื่ นไขท่ผี ้มู อบอานาจกาหนดในกรณี เพอ่ื ประโยชน์ในการอานวยความสะดวกแก่ประชาชนจะตราพระราชกฤษฎีกากาหนดรายช่ือกฎหมายที่ผู้ ดารงตาแหน่งซง่ึ มอี านาจตามกฎหมายดังกลา่ วอาจมอบอานาจตามตามหลักเกณฑ์และเงอื่ นไขที่กาหนด ในพระราชกฤษฎีกาดังกลา่ วกไ็ ด้การมอบอานาจใหท้ าเปน็ หนงั สอื ”การมอบอานาจใหท้ าเป็นหนงั สอื และ ต้องอ่านพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการมอบอานาจ พ.ศ. 2550 เพิ่มเติมการมอบอานาจต้องเป็นไปเพื่อ วตั ถปุ ระสงค์ ดงั ต่อไปนี้ 1. การอานวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของประชาชน 2. ความคุมค่า ความรวดเรว็ และประสทิ ธภิ าพในการปฏบิ ตั ริ าชการ 3. การกระจายอานาจการตัดสนิ ใจและความรบั ผดิ ชอบท่เี หมาะสม 4. ไม่เป็นการเพ่ิมขั้นตอนหรือระยะเวลาในการใช้อานาจ และไม่ต้องผ่านการ พิจารณาของผู้ดารงตาแหน่งต่างๆ มากเกินความจาเป็นเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการมอบ อานาจ ผู้มอบอานาจอาจวางแนวทางหรือกาหนดรายละเอียดวิธีปฏิบัติราชการเพมิ่ เติมในเรอื่ งการมอบ อานาจโดยไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชกฤษฎีกานี้ เพ่ือให้สอดคล้องกับภารกิจหรือของงานที่ต้องมีการใช้ อานาจทม่ี อบอานาจไปน้ันกไ็ ด้ 51. เมอ่ื มกี ารมอบอานาจแลว้ ผรู้ ับมอบอานาจมีหน้าทีต่ ้องรับมอบอานาจนน้ั โดยผมู้ อบอานาจ จะกาหนดให้ผู้รบั มอบอานาจมอบอานาจใหผ้ ู้ดารงตาแหน่งอ่ืนปฏิบตั ิราชการแทนต่อไป โดยจะกาหนด หลักเกณฑ์หรือเง่ือนไขในการใช้อานาจนั้นไว้ด้วยหรือไม่ก็ได้ แต่ในกรณีการมอบอานาจให้ผู้ว่าราชการ

168 จงั หวัดคณะรฐั มนตรจี ะกาหนดหลกั เกณฑ์ใหผ้ วู้ ่าราชการจังหวดั ต้องมอบอานาจต่อไปให้รองผู้ว่าราชการ จงั หวดั ปลดั จงั หวัดหรือหวั หน้าส่วนราชการทีเ่ กี่ยวขอ้ งในจงั หวดั ก็ได้ 52. ในการมอบอานาจ ให้ผู้มอบอานาจพิจารณาถึงการอานวยความสะดวกแกป่ ระชาชนความ รวดเร็วในการปฏิบัติราชการ การกระจายความรับผิดชอบตามสภาพของตาแหน่งของผู้รับมอบอานาจ และผ้รู ับมอบอานาจตอ้ งปฏบิ ตั หิ น้าที่ทไี่ ด้รับมอบอานาจตามวัตถุประสงคข์ องการมอบอานาจดังกล่าวเมอ่ื ได้มอบอานาจแล้ว ผู้มอบอานาจมหี นา้ ทก่ี ากับดแู ลและติดตามผลการปฏิบตั ริ าชการของผ้รู บั มอบอานาจ และใหม้ ีอานาจแนะนาหรอื แก้ไขการปฏบิ ัติราชการของผ้รู บั มอบอานาจได้ 53. ในการปฏิบัติราชการของสว่ นราชการภายในกรม ถ้าการปฏบิ ัติราชการใดของส่วนราชการ นน้ั มลี กั ษณะเปน็ งานการใหบ้ รกิ ารหรือมกี ารให้บริการเกี่ยวเนอื่ งอยู่ด้วยและหากแยกการบริหารออกเป็น หน่วยบริการรูปแบบพิเศษจะบรรลุเป้าหมายตามมาตรา 3/1 ยิ่งขึ้น ส่วนราชการดังกล่าวโดยความ เหน็ ชอบของคณะรฐั มนตรีจะแยกการปฏบิ ัติราชการในเรอ่ื งนัน้ ไปจัดตง้ั เปน็ หนว่ ยบรกิ ารรูปแบบพเิ ศษซงึ่ มิใช่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจแต่อยู่ในกากับของส่วนราชการดังกล่าวก็ได้ ท้ังน้ี ให้เป็นไปตาม ระเบียบสานักนายกรฐั มนตรรี ะเบยี บสานักนายกรัฐมนตรอี ย่างน้อยให้กาหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการ จัดต้ังการมอบอานาจใหป้ ฏิบตั ิราชการแทน วิธีการบริหารงาน การดาเนินการด้านทรัพย์สิน การกากับ ดูแลสิทธิประโยชน์ของบคุ ลากรและการยุบเลิกไว้ด้วยให้หน่วยบริการรปู แบบพิเศษ มีหน้าท่ีปฏิบัติงาน ใหก้ บั ส่วนราชการตามภารกจิ ที่จดั ตงั้ หนว่ ยบรกิ ารรูปแบบพเิ ศษนัน้ เปน็ หลัก และสนบั สนนุ ภารกิจอ่นื ของ ส่วนราชการดังกล่าวตามท่ีได้รับมอบหมายและอาจให้บริการแก่ส่วนราชการอ่ืน หน่วยงานของรัฐหรอื เอกชน แตต่ ้องไม่กระทบกระเทอื นตอ่ ภารกจิ อันเปน็ วตั ถุประสงค์แห่งการจัดตั้งใหร้ ายได้ของหนว่ ยบริการ รูปแบบพิเศษเปน็ รายไดท้ ีไ่ ม่ตอ้ งนาส่งคลงั ตามกฎหมายวา่ ด้วยวธิ ีการงบประมาณและกฎหมายว่าด้วยเงิน คงคลัง 54. หมวด 6 การรกั ษาราชการแทน ตาแหน่ง รักษาการแทนลาดับที่ 1 ผู้รกั ษาการแทนลาดบั ที่ 2 นายกรฐั มนตรไี มอ่ าจปฏบิ ตั ิ ให้รองนายกรัฐมนตรเี ป็น 1. รองนายกรฐั มนตรหี ลายคน ราชการได้ (มาตรา 41) ผรู้ ักษาการแทน ให้คณะรฐั มนตรี (ครม.) มอบให้ รองนายกรฐั มนตรคี นใดคนหนง่ึ เป็นผู้รักษาการแทน 2. ถ้าไม่มีผดู้ ารงตาแหน่งรอง นายกรฐั มนตรีหรอื มแี ตไ่ มอ่ าจ ปฏบิ ตั ิราชการได้ ใหณ้ ะรฐั มนตรี

สรปุ สาระสาคญั พระราชบัญญตั ิระเบยี บบริหารราชการแผน่ ดินพ.ศ. 2534 169 ในกรณที ไ่ี ม่มผี ดู้ ารงตาแหนง่ ใหร้ ัฐมนตรีช่วยวา่ การ (ครม.)มอบหมายให้รัฐมนตรคี น รัฐมนตรีวา่ การกระทรวง (รมว.) กระทรวง (รมช.) ใดคนหนึ่งรกั ษาราชการแทน หรอื มีแต่ไม่อาจปฏบิ ตั ิราชการ เป็นผู้รักษาแทน 1.ถ้ามีรมช.หลายคนให้ ได้ (มาตรา 41) คณะรฐั มนตรมี อบหมายให้ รฐั มนตรีชว่ ยว่าการกระทรวงคน ในกรณีทไ่ี ม่มผี ดู้ ารงตาแหน่ง ให้ผู้ช่วยเลขานกุ ารรฐั มนตรี ใดคนหนึ่งเปน็ ผรู้ กั ษาราชการ เลขานกุ ารรฐั มนตรี หรือมแี ตไ่ ม่ เป็นผรู้ กั ษาราชการแทน แทน อาจปฏิบัตริ าชการได้ 2.ถา้ ไมม่ ีผู้ดารงตาแหนง่ (มาตรา 43) รฐั มนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวง หรือมแี ต่ไมอ่ าจปฏบิ ัติราชการได้ ในกรณที ่ีไมม่ ผี ดู้ ารงตาแหน่ง ให้รองปลัดกระทรวงเป็น ให้ณะรัฐมนตรมี อบหมายให้ ปลัดกระทรวง หรือมแี ต่ไมอ่ าจ ผู้รักษาราชการแทน ถ้ามี รฐั มนตรีคนใดคนหนงึ่ เปน็ ปฏบิ ัติราชการได้ (มาตรา 44) รองปลัดกระทรวงหลายคน ผู้รักษาราชการแทน 1.ถ้ามีผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ในกรณีทไี่ ม่มผี ดู้ ารงตาแหนง่ หลายคนใหร้ ฐั มนตรวี ่าการ กระทรวงมอบหมายให้ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีคนใด คนหนึ่งเปน็ ผรู้ กั ษาราชการแทน 2. ถ้าไมม่ ีผู้ชว่ ยเลขานุการฐ มนตรี ให้รฐั มนตรวี ่าการ กระทรวงแตง่ ตง้ั ขา้ ราชการใน กระทรวงคนหนงึ่ เปน็ ผรู้ กั ษา ราชการแทน 3.ให้นาความดงั กล่าวมาใชบ้ งั คับ แกเ่ ลขานกุ ารรัฐมนตรวี ่าการ ทบวงดว้ ยโดยอนุโลม ตามลาดบั 1.ใหร้ องปลดั กระทรวงเป็น ผ้รู ักษาราชการแทน ถ้ามีรอง ปลัดกระทรวงหลายคน ให้ นายกรัฐมนตรีสาหรบั สานกั นายกรัฐมนตรีหรือ รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงแต่งตั้ง

170 รองปลดั กระทรวง หรอื มีแตไ่ ม่ ปลัดกระทรวงจะแต่งตง้ั รองปลดั กระทรวงคนใดคนหนึง่ อาจปฏิบตั ริ าชการได้ (มาตรา 44) ขา้ ราชการในกระทรวงซึ่งดารง เป็นผ้รู ักษาราชการแทน ตาแหนง่ ไม่ตา่ กวา่ ผ้อู านวยการก 2 . ถ้าไมม่ ผี ู้ดารงตาแหนง่ รอง องหรอื เทียบเทา่ เป็นผรู้ ักษา ปลัดกระทรวง หรือมีแตไ่ มอ่ าจ ราชการแทนกไ็ ด้ ปฏิบัตริ าชการได้ ให้ นายกรัฐมนตรีสาหรบั สานกั นายกรัฐมนตรหี รือรฐั มนตรี ว่าการกระทรวงแตง่ ต้ัง ขา้ ราชการในกระทรวงซงึ่ ดารง ตาแหนง่ ไม่ตา่ ากวา่ อธบิ ดหี รือ เทยี บเท่าเป็นผู้รักษาราชการ แทน สรุปการรักษาการแทน อานาจคร้งั แรกจะอยู่ในอานาจของผถู้ ือครอง เช่น อานาจนายกรฐั มนตรี เป็นของนายกรฐั มนตรี ดังน้ี 1. นายกรฐั มนตรีแตง่ ตงั้ รองนายกรัฐมนตรรี กั ษาราชการแทน 2. กรณีนายกรฐั มนตรีไมส่ ามารถแตง่ ต้ัง กจ็ ะเปน็ อานาจของคณะรฐั มนตรี ในการแตง่ ตง้ั น้นั 3. ไม่ไดห้ มายความอานาจแตง่ ต้งั จะไปอยทู่ ค่ี ณะรฐั มนตรตี ั้งแต่แรก 4. กรณีอ่ืนเช่นเดยี วกนั เจตนาของกฎหมาย ทีใ่ ห้ตาแหน่งอ่ืนแตง่ ต้งั หมายความเจา้ ของอานาจ ไมอ่ ยู่ในวิสยั ทแ่ี ตง่ ตง้ั ตาแหนง่ ลาดบั รองได้ ตาแหนง่ ผู้รกั ษาการแทนลาดับที่ 1 ผรู้ กั ษาการแทนลาดบั ที่ 2 ในกรณที ไ่ี ม่มผี ดู้ ารงตาแหนง่ ให้รองอธบิ ดีเป็นผรู้ กั ษา 1.ถ้ามรี องอธิบดีหลายคน ให้ อธิบดี หรอื มแี ต่ไมอ่ าจปฏบิ ัติ ราชการแทน ปลดั กระทรวงแต่งตงั้ รองอธิบดคี นใด ราชการได้ (มาตรา 46) คนหนึ่งเป็นผรู้ กั ษาราชการแทน อธิบดจี ะแต่งตงั้ ขา้ ราชการใน 2. ถา้ ไมม่ ผี ดู้ ารงตาแหนง่ รองอธิบดี ในกรณที ี่ไม่มผี ู้ดารงตาแหน่ง กรมซงึ่ ดารงตาแหนง่ เทยี บเทา่ หรอื มีแต่ไม่อาจปฏบิ ัตริ าชการได้ ให้ รองอธบิ ดี หรอื มแี ตไ่ ม่อาจ ปลัดกระทรวงแต่งตง้ั ข้าราชการใน กรมซง่ึ ดารงตาแหนง่ เทียบเทา่ รอง

สรปุ สาระสาคญั พระราชบัญญตั ริ ะเบียบบริหารราชการแผน่ ดินพ.ศ. 2534 171 ปฏิบัตริ าชการได้ รองอธบิ ดี หรอื ขา้ ราชการ อธบิ ดหี รอื ขา้ ราชการต้งั แต่ตาแหนง่ ตง้ั แตต่ าแหนง่ หัวหนา้ กองหรอื หัวหนา้ กองหรือเทียบเทา่ ขึ้นไปคนใด *กรณที ี่ไม่มผี ู้ดารงตาแหน่ง เทียบเท่าขนึ้ ไปเปน็ ผรู้ ักษา คนหน่งึ เปน็ ผรู้ ักษาราชการแทน เลขาธิการ รองเลขาธกิ าร ราชการแทนกไ็ ด้ 3.แตถ่ า้ นายกรฐั มนตรสี าหรับสานกั ผ้อู านวยการ รองผูอ้ านวยการ นายกรฐั มนตรี หรอื รฐั มนตรีวา่ การ หรือตาแหน่งทเี่ รยี กช่ืออยา่ งอ่นื กระทรวงเหน็ สมควรเพือ่ ความ ซ่งึ เทยี บเทา่ ปลัดกระทรวงหรือ เหมาะสมแกก่ ารรบั ผดิ ชอบการปฏบิ ัติ อธิบดีในส่วนราชการท่ีเรียกชือ่ ราชการ ในกรมนั้นนายกรัฐมนตรหี รอื อย่างอื่น และมฐี านะเปน็ กรม รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงจะแต่งต้ัง ดว้ ยโดยอนโุ ลม ข้าราชการคนใดคนหนึ่งซงึ่ ดารง ตาแหนง่ ไม่ตา่ กวา่ รองอธิบดหี รือ ในกรณที ่ีไมม่ ผี ู้ดารงตาแหนง่ ให้อธิบดีแต่งตั้งขา้ ราชการใน เทยี บเท่า เป็นผรู้ กั ษาราชการแทนก็ เลขานกุ ารกรมหรอื หวั หน้าสว่ น กรมคนหนงึ่ ซง่ึ ดารงตาแหนง่ ได้ ราชการ หรือมีแตไ่ มอ่ าจปฏบิ ตั ิ ไมต่ า่ กวา่ หัวหนา้ กองหรอื ใหน้ าความในนีม้ าใชบ้ งั คบั แกส่ ว่ น ราชการได้ (มาตรา 47) เทียบเทา่ เป็นผรู้ ักษาราชการ ราชการทเี่ รียกชอื่ อย่างอน่ื และมี แทน ฐานะเป็นกรมด้วยโดยอนโุ ลม 55. ในกรณที ี่นายกรฐั มนตรไี ม่อาจปฏบิ ัตริ าชการได้ - ใหร้ องนายกรัฐมนตรเี ปน็ ผูร้ ักษาราชการแทน - ถา้ มีรองนายกรฐั มนตรีหลายคน ใหค้ ณะรัฐมนตรมี อบหมายใหร้ องนายกรฐั มนตรคี นใดคนหนง่ึ เปน็ ผูร้ กั ษาราชการแทน - ถ้าไม่มีผู้ดารงตาแหน่งรองนายกรัฐมนตรีหรือมีแต่ไมอ่ าจปฏิบัติราชการได้ ให้คณะรัฐมนตรี มอบหมายให้รฐั มนตรีคนใดคนหนึ่งเปน็ ผูร้ กั ษาราชการแทน 56.ในกรณีทไ่ี ม่มีผ้ดู ารงตาแหนง่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหรือมแี ตไ่ ม่อาจปฏิบัตริ าชการได้ - ให้รัฐมนตรีช่วยวา่ การกระทรวงเปน็ ผูร้ ักษาราชการแทน - ถ้ามีรฐั มนตรชี ่วยวา่ การกระทรวงหลายคน ใหค้ ณะรฐั มนตรีมอบหมายให้รฐั มนตรีช่วยว่าการ กระทรวงคนใดคนหน่ึงเปน็ ผรู้ ักษาราชการแทน

172 - ถ้าไม่มีผู้ดารงตาแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ คณะรฐั มนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรคี นใดคนหนึง่ เป็นผรู้ กั ษาราชการแทน -ให้นาความมาใชบ้ ังคับแก่รฐั มนตรวี า่ การทบวงด้วยโดยอนุโลม 57.ในกรณีทไ่ี มม่ ีผู้ดารงตาแหน่งเลขานกุ ารรัฐมนตรี หรือมีแต่ไม่อาจปฏบิ ัตริ าชการได้ - ใหผ้ ชู้ ว่ ยเลขานุการรฐั มนตรเี ปน็ ผ้รู กั ษาราชการแทน - ถ้ามีผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีหลายคน ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมอบหมายให้ ผู้ชว่ ยเลขานุการรฐั มนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผ้รู กั ษาราชการแทน - ถ้าไม่มีผู้ชว่ ยเลขานกุ ารรฐั มนตรี ให้รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงแต่งตั้งข้าราชการในกระทรวงคน หนึง่ เปน็ ผู้รกั ษาราชการแทน - ใหน้ าความมาใช้บังคับแกเ่ ลขานุการรฐั มนตรีว่าการทบวงดว้ ยโดยอนุโลม 58. ในกรณที ่ไี มม่ ีผ้ดู ารงตาแหนง่ ปลดั กระทรวง หรือมีแตไ่ ม่อาจปฏบิ ัตริ าชการได้ - ใหร้ องปลัดกระทรวงเปน็ ผูร้ ักษาราชการแทน - ถ้ามีรองปลัดกระทรวงหลายคน ให้นายกรัฐมนตรีสาหรับสานักนายกรัฐมนตรีหรือ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงแตง่ ต้งั รองปลดั กระทรวงคนใดคนหน่ึงเปน็ ผูร้ กั ษาราชการแทน ถา้ ไม่มีผ้ดู ารง ตาแหน่งรองปลัดกระทรวง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้นายกรัฐมนตรีสาหรับสานกั นายกรัฐมนตรีหรอื รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงแต่งต้งั ข้าราชการในกระทรวงซ่งึ ดารงตาแหน่งไมต่ ่ากว่าอธิบดี หรือเทยี บเทา่ เปน็ ผ้รู ักษาราชการแทน - ในกรณีท่ีไม่มีผู้ดารงตาแหน่งรองปลัดกระทรวง ห รือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ปลัดกระทรวงจะแต่งต้ังข้าราชการในกระทรวงซงึ่ ดารงตาแหน่งไม่ต่ากว่าผ้อู านวยการกองหรือเทยี บเทา่ เป็นผู้รักษาราชการแทนกไ็ ด้ - ให้นาความมาใช้บังคับแก่กรณีท่ีไมม่ ีผดู้ ารงตาแหน่งปลัดทบวงหรือรองปลัดทบวง ด้วยโดย อนุโลม 59. ในกรณที ไ่ี มม่ ีผดู้ ารงตาแหน่งอธิบดี หรอื มแี ต่ไมอ่ าจปฏิบตั ิราชการได้ - ให้รองอธิบดีเป็นผ้รู ักษาราชการแทน - ถ้ามีรองอธิบดีหลายคน ให้ปลัดกระทรวงแต่งตั้งรองอธิบดีคนใดคนหน่ึงเป็นผรู้ ักษาราชการ แทน

สรปุ สาระสาคญั พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 173 - ถ้าไม่มีผู้ดารงตาแหน่งรองอธิบดีหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ปลัดกระทรวงแต่งตั้ง ข้าราชการในกรมซ่ึงดารงตาแหน่งเทียบเท่ารองอธิบดี หรือข้าราชการตั้งแต่ตาแหน่งหัวหน้ากองหรือ เทียบเท่าขึ้นไปคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน - แต่ถา้ นายกรฐั มนตรีสาหรบั สานกั นายกรัฐมนตรี หรอื รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงเหน็ สมควรเพอ่ื ความเหมาะสมแก่การรับผิดชอบการปฏิบัติราชการในกรมนั้น นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงจะแต่งตง้ั ข้าราชการคนใดคนหน่ึงซงึ่ ดารงตาแหน่งไมต่ ่ากว่ารองอธิบดีหรือเทียบเท่า เปน็ ผู้รกั ษา ราชการแทนกไ็ ด้ -ในกรณีท่ีไม่มีผู้ดารงตาแหน่งรองอธิบดี หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้อธิบดีจะแต่งตั้ง ข้าราชการในกรมซึ่งดารงตาแหน่งเทียบเท่ารองอธิบดี หรือข้าราชการตั้งแต่ตาแหน่งหัวหน้ากองหรือ เทยี บเท่าขนึ้ ไปเปน็ ผู้รักษาราชการแทนกไ็ ด้ -ให้นาความมาใช้บังคับแก่กรณีทีไ่ ม่มีผู้ดารงตาแหน่งเลขาธิการ รองเลขาธิการ ผู้อานวยการ รองผู้อานวยการ หรือตาแหน่งท่ีเรียกชื่ออย่างอื่นซึ่งเทียบเท่าปลดั กระทรวงหรอื อธิบดีในสว่ นราชการที่ เรยี กชอ่ื อย่างอน่ื และมฐี านะเป็นกรมด้วยโดยอนโุ ลม 60.ในกรณีทีไ่ มม่ ผี ูด้ ารงตาแหนง่ เลขานุการกรมหรือหวั หนา้ สว่ นราชการ หรอื มแี ตไ่ มอ่ าจปฏบิ ตั ิ ราชการได้ - ใหอ้ ธบิ ดีแตง่ ต้งั ขา้ ราชการในกรมคนหนง่ึ ซึ่งดารงตาแหน่งไม่ตา่ กวา่ หัวหน้ากองหรอื เทยี บเท่า เป็นผู้รกั ษาราชการแทน - ให้นาความในมาใช้บังคับแก่ส่วนราชการท่ีเรียกช่ืออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรมด้วยโดย อนโุ ลม 61. ให้ผู้รักษาราชการแทนตามความในพระราชบัญญัตินี้มีอานาจหน้าท่ีเช่นเดียวกับผู้ซ่ึงตน แทน - ในกรณีที่ผู้ดารงตาแหน่งใดหรือผู้รักษาราชการแทนผู้ดารงตาแหน่งน้ันมอบหมายหรือมอบ อานาจให้ผู้ดารงตาแหน่งอ่ืนปฏิบัติราชการแทน ให้ผู้ปฏิบัติราชการแทนมีอานาจหน้าทเ่ี ช่นเดียวกับผู้ซึ่ง มอบหมายหรือมอบอานาจ - ในกรณีท่ีมีกฎหมายอืน่ แตง่ ตั้งให้ผ้ดู ารงตาแหน่งใดเป็นกรรมการหรอื ใหม้ ีอานาจหน้าทอี่ ย่างใด ให้ผู้รักษาราชการแทนหรือผู้ปฏิบัติราชการแทนมีอานาจหน้าที่เป็นกรรมการหรือมีอานาจหน้าที่ เชน่ เดยี วกับผดู้ ารงตาแหนง่ นั้นในการรักษาราชการแทนหรอื ปฏิบัติราชการแทนด้วย แล้วแตก่ รณี

174 62. การเปน็ ผู้รักษาราชการแทนตามพระราชบญั ญตั ิน้ีไม่กระทบกระเทอื นอานาจนายกรฐั มนตรี รฐั มนตรเี จ้าสังกดั ปลัดกระทรวง หรอื ผดู้ ารงตาแหนง่ เทยี บเท่าปลัดกระทรวง ปลัดทบวง อธบิ ดหี รอื ผดู้ ารง ตาแหน่งเทียบเท่าอธบิ ดี - ซ่ึงเป็นผบู้ ังคับบญั ชาทจี่ ะแตง่ ตง้ั ข้าราชการอนื่ เป็นผูร้ กั ษาราชการแทนตามอานาจหนา้ ทที่ ี่มอี ยู่ ตามกฎหมาย - ในกรณที ม่ี กี ารแตง่ ตง้ั ผู้รักษาราชการแทน ให้ผู้ดารงตาแหนง่ รองหรือผ้ชู ่วยพ้นจากความ เปน็ ผูร้ กั ษาราชการแทนนบั แต่เวลาทีผ่ ู้ไดร้ บั แต่งตง้ั เข้ารบั หน้าที่ - ความในหมวดน้มี ิใหใ้ ชบ้ งั คบั แก่ราชการในกระทรวงที่เกีย่ วกับทหาร 63. การบรหิ ารราชการในต่างประเทศ -“คณะผแู้ ทน” หมายความว่า บรรดาขา้ ราชการฝ่ายพลเรอื น หรอื ขา้ ราชการฝ่ายทหาร ประจาการในตา่ งประเทศซึง่ ได้รบั แต่งตงั้ ใหด้ ารงตาแหนง่ ในสถานเอกอคั รราชทตู สถานกงสลุ ใหญ่ สถาน กงสลุ สถานรองกงสลุ ส่วนราชการของกระทรวงการต่างประเทศซึ่งเรยี กชอ่ื เป็นอย่างอื่นและปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี เช่นเดียวกบั สถานเอกอคั รราชทูตหรอื สถานกงสลุ ใหญ่ และคณะผแู้ ทนถาวรไทยประจาองคก์ ารระหว่าง ประเทศ 64. “หัวหนา้ คณะผ้แู ทน” หมายความว่า ข้าราชการสงั กัดกระทรวงการตา่ งประเทศ - ซ่ึงไดร้ บั แต่งตงั้ ใหด้ ารงตาแหนง่ หวั หน้าคณะผ้แู ทนตามระเบยี บพิธีการทูต หรอื ระเบียบพธิ กี าร กงสลุ ในกรณีของคณะผูแ้ ทนถาวรไทยประจาองคก์ ารระหวา่ งประเทศ ใหห้ มายความว่า ข้าราชการสงั กดั ส่วนราชการซง่ึ ได้รบั แตง่ ต้ังใหด้ ารงตาแหนง่ หวั หนา้ คณะผแู้ ทนถาวรไทยประจาองค์การระหวา่ งประเทศ - “รองหัวหน้าคณะผแู้ ทน” หมายความวา่ ข้าราชการสงั กดั กระทรวงการตา่ งประเทศ ซึง่ ไดร้ บั แต่งตงั้ ให้ดารงตาแหนง่ เปน็ ผู้ชว่ ยสัง่ และปฏบิ ตั ิราชการแทนหวั หนา้ คณะผ้แู ทน ในกรณีของคณะผแู้ ทน ถาวรไทยประจาองคก์ ารระหว่างประเทศ ใหห้ มายความว่าข้าราชการสงั กัดสว่ นราชการ ซง่ึ ไดร้ ับแตง่ ต้งั ให้ ดารงตาแหนง่ ในลักษณะเดียวกัน 65.ใหห้ ัวหน้าคณะผูแ้ ทนเปน็ ผรู้ ับนโยบายและคาสง่ั จาก - นายกรัฐมนตรใี นฐานะหวั หน้ารัฐบาล คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มาปฏิบตั กิ ารให้ เหมาะสมกบั การปฏบิ ัติราชการในต่างประเทศ และเป็นหัวหนา้ บงั คบั บญั ชาบคุ คลในคณะผ้แู ทน และจะ ให้มรี องหวั หนา้ คณะผูแ้ ทนเปน็ ผู้ชว่ ยสง่ั และปฏิบตั ริ าชการแทนหวั หน้าคณะผ้แู ทนกไ็ ด้ - การสั่ง และการปฏบิ ัติราชการของกระทรวง ทบวง กรม ต่อบุคคลในคณะผแู้ ทนใหเ้ ปน็ ไปตาม ระเบียบทคี่ ณะรฐั มนตรกี าหนด - หวั หนา้ คณะผแู้ ทนอาจมอบอานาจใหบ้ คุ คลในคณะผู้แทนปฏบิ ัติราชการแทนตามระเบยี บท่ี คณะรัฐมนตรกี าหนด

สรปุ สาระสาคญั พระราชบัญญตั ิระเบยี บบริหารราชการแผน่ ดินพ.ศ. 2534 175 66.ในกรณีท่ีไม่มีผู้ดารงตาแหน่งหวั หน้าคณะผแู้ ทน หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รอง หวั หนา้ คณะผูแ้ ทนรกั ษาราชการแทน 66. ในกรณีที่ไม่มีรองหวั หนา้ คณะผแู้ ทนท่ีจะรักษาราชการแทนหรือไม่มผี ู้ดารงตาแหน่งใดอัน เป็นบุคคลในคณะผู้แทน หรือมแี ตบ่ ุคคลดงั กลา่ วไมอ่ าจปฏิบตั ิราชการได้ - ให้การรักษาราชการแทนหวั หน้าคณะผแู้ ทนหรอื ผู้ดารงตาแหน่งใดอันเป็นบคุ คลในคณะผแู้ ทน เป็นไปตามระเบียบท่ีคณะรัฐมนตรกี าหนด - ความในไม่ใช้บงั คบั กับขา้ ราชการฝ่ายทหารประจาการในต่างประเทศ 67. หัวหนา้ คณะผแู้ ทนมีอานาจและหนา้ ท่ี ดังนี้ (1) บริหารราชการตามกฎหมายและระเบยี บแบบแผนของทางราชการ (2) บริหารราชการตามท่ีคณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มอบหมาย หรือตามท่ี นายกรฐั มนตรสี ัง่ การในฐานะหวั หนา้ รัฐบาล (3) บังคับบัญชาบคุ คลในคณะผู้แทนและข้าราชการฝ่ายพลเรือนที่มิใช่บคุ คลในคณะผู้แทนซง่ึ ประจาอยใู่ นประเทศทีต่ นมอี านาจหน้าท่ี เพ่ือให้การปฏบิ ตั ิราชการเป็นไปตามกฎหมาย ระเบยี บข้อบังคบั หรอื คาสั่งของกระทรวง ทบวง กรม หรือมติของคณะรฐั มนตรี หรอื การสั่งการของนายกรฐั มนตรีในฐานะ หวั หนา้ รฐั บาล (4) รายงานข้อเท็จจริงและความเห็นเกี่ยวกับผลการปฏิบัติราชการของบุคคลตาม (3) เพ่ือ ประกอบการพิจารณาของผ้บู ังคับบัญชาของส่วนราชการต้นสังกัดเกย่ี วกับการแต่งตั้งและการเลอ่ื นข้นั เงนิ เดอื น 68. รัฐมนตรีว่าการกระทรวง รัฐมนตรีว่าการทบวง ปลัดสานักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง ปลัดทบวง อธิบดหี รอื ผดู้ ารงตาแหนง่ เทียบเทา่ อาจมอบอานาจ - ให้หวั หน้าคณะผ้แู ทนปฏบิ ตั ิราชการแทนได้ ในการน้ีใหน้ าความในมาตรา 38 มาใชบ้ ังคบั โดย อนโุ ลม - เม่ือมีการมอบอานาจโดยชอบแล้ว ผู้รับมอบอานาจมีหน้าท่ีต้องรับมอบอานาจน้ัน และจะ มอบอานาจนั้นให้แก่ ผู้อื่นต่อไปไม่ได้ เว้นแต่เป็นการมอบอานาจต่อไปให้บุคคลในคณะผู้แทนตาม ระเบยี บทค่ี ณะรฐั มนตรกี าหนด - เม่ือได้มีการมอบอานาจแล้ว หัวหน้าคณะผู้แทนมีหนา้ ทก่ี ากบั ติดตามผลการปฏิบัตริ าชการ ของผรู้ บั มอบอานาจ และให้มอี านาจแนะนาและแก้ไขการปฏบิ ัติราชการของผ้รู บั มอบอานาจได้

176 69. การท่ีกระทรวง ทบวง กรม จะมอบอานาจหรือมีคาสั่งใดท่ีเก่ียวข้องไปยังหัวหน้าคณะ ผู้แทน ให้แจ้งผ่าน - กระทรวงการต่างประเทศ 70. ให้จดั ระเบียบบริหารราชการสว่ นภูมิภาค ดงั นี้ (1) จังหวัด (2) อาเภอ 71. ใหร้ วมท้องทห่ี ลายๆ อาเภอตั้งข้ึน - เปน็ จังหวัดมฐี านะเป็นนิติบุคคล - การต้งั ยุบ และเปลย่ี นแปลงเขตจงั หวัด ใหต้ ราเปน็ พระราชบัญญัต(ิ ออกข้อสอบบ่อย) - เพอื่ ประโยชน์ในการบรหิ ารงานแบบบูรณาการในจังหวัดหรือกลุ่มจังหวัด ให้จังหวดั หรอื กลมุ่ จงั หวัดย่นื คาขอจัดต้งั งบประมาณได้ ท้งั นต้ี ามหลักเกณฑ์ วิธีการและเง่ือนไขทีก่ าหนดในพระราชกฤษฎกี า ในกรณนี ีใ้ ห้ถือวา่ จังหวัดหรอื กล่มุ จงั หวดั เปน็ สว่ นราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ 72. ใหจ้ ังหวัดมีอานาจภายในเขตจังหวัด ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) นาภารกจิ ของรฐั และนโยบายของรัฐบาลไปปฏิบตั ใิ หเ้ กดิ ผลสมั ฤทธิ์ (2) ดแู ลให้มีการปฏบิ ัติและบงั คบั การใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมาย เพอ่ื ใหเ้ กิดความสงบเรียบร้อยและ เป็นธรรมในสงั คม (3) จดั ให้มีการคุ้มครอง ป้องกัน ส่งเสริม และช่วยเหลอื ประชาชนและชมุ ชนท่ีดอ้ ยโอกาสเพอื่ ให้ ได้รับความเปน็ ธรรมทง้ั ดา้ นเศรษฐกจิ และสงั คมในการดารงชีวิตอยา่ งพอเพียง (4) จัดให้มีการบริการภาครฐั เพ่ือให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างเสมอหน้า รวดเร็วและมี คุณภาพ (5) จัดให้มีการส่งเสริม อุดหนุน และสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้สามารถ ดาเนินการตามอานาจและหน้าท่ีขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน และให้มีขีดความสามารถพร้อมที่จะ ดาเนนิ การตามภารกจิ ทีไ่ ดร้ บั การถ่ายโอนจากกระทรวง ทบวง กรม (6) ปฏิบัติหน้าท่ีอื่นตามท่ีคณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอ่ืนของรัฐ มอบหมาย หรือท่ีมีกฎหมายกาหนด - เพื่อประโยชนใ์ นการปฏิบัติหนา้ ที่ของจงั หวดั ใหเ้ ป็นหน้าทขี่ องส่วนราชการและหน่วยงานของ รัฐท่ีประจาอย่ใู นเขตจังหวดั ทจ่ี ะต้องปฏิบตั ใิ ห้สอดคลอ้ งและเปน็ ไปตามแผนพัฒนาจงั หวัด

สรปุ สาระสาคญั พระราชบัญญัติระเบยี บบริหารราชการแผน่ ดินพ.ศ. 2534 177 73. ในจังหวดั หนึง่ ใหม้ ีคณะกรมการจังหวดั ทาหนา้ ท่เี ปน็ - ท่ีปรึกษาของผวู้ า่ ราชการจังหวัดในการบริหารราชการแผ่นดินในจงั หวัดน้ัน กับปฏิบัตหิ น้าท่ี อน่ื ตามทกี่ ฎหมายหรือมติของคณะรฐั มนตรีกาหนด 74. คณะกรมการจงั หวัดประกอบดว้ ย - ผ้วู ่าราชการจงั หวดั เป็นประธาน - รองผวู้ ่าราชการจงั หวัดหนึ่งคนตามท่ผี ู้วา่ ราชการจงั หวัดมอบหมาย - ปลดั จงั หวดั - อัยการจังหวัดซึ่งเป็นหัวหน้าท่ีทาการอัยการจังหวัด - ผบู้ งั คบั การตารวจภูธรจังหวดั - หวั หนา้ ส่วนราชการประจาจงั หวดั จากกระทรวงและทบวงตา่ งๆ เว้นแตก่ ระทรวงมหาดไทยซึง่ ประจาอยใู่ นจงั หวัด กระทรวง หรอื ทบวงละหนึ่งคน เป็นกรมการจังหวดั - หวั หนา้ สานักงานจังหวดั เปน็ กรมการจงั หวัดและเลขานุการ (*ออกบอ่ ยตาแหนง่ ใดเปน็ เลขาฯ) - ถ้ากระทรวงหรือทบวงมีหัวหน้าส่วนราชการประจาจังหวัดซ่ึงกรมต่างๆ ในกระทรวงหรือ ทบวงน้นั ส่งมาประจาอย่ใู นจังหวัดมากกว่าหน่ึงคน ใหป้ ลัดกระทรวงหรือปลัดทบวงกาหนดใหห้ ัวหน้าส่วน ราชการประจาจงั หวัดหน่ึงคนเป็นผ้แู ทนของกระทรวงหรอื ทบวงในคณะกรมการจังหวดั - ในการปฏิบัติหน้าท่ี เม่ือผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นสมควรจะแต่งต้ังให้หัวหน้าส่วนราชการ ประจาจังหวัดซึ่งปฏิบัติหน้าท่ีในราชการส่วนภูมิภาคคนหน่ึงหรือหลายคนเป็นกรมการจังหวัดเพ่ิมขึ้น เฉพาะการปฏบิ ัติหน้าท่ีใดหนา้ ท่ีหน่ึงก็ได้ 75.ใหจ้ งั หวดั จดั ทาแผนพัฒนาจงั หวดั ใหส้ อดคล้องกบั - แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดับชาติ และความต้องการของประชาชนใน ท้องถนิ่ ในจังหวัด -ในการจัดทาแผนพัฒนาจงั หวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดให้มีการประชุมปรึกษาหารอื ร่วมกัน ระหว่างหวั หนา้ สว่ นราชการท่ีมีสถานทตี่ ้ังทาการอยูใ่ นจังหวัดไม่วา่ จะเป็นราชการบรหิ ารส่วนภมู ิภาคหรือ ราชการบริหารส่วนกลางและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท้ังหมดในจังหวัดรวมทั้งผู้แทนภาค ประชาสังคม และผแู้ ทนภาคธรุ กจิ เอกชน 76 .การจัดทาแผนพฒั นาจังหวัด จานวนและวิธีการสรรหาผแู้ ทนภาคประชาสังคมและผแู้ ทน ภาคธุรกจิ เอกชน

178 -ใหเ้ ปน็ ไปตามหลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารท่ีกาหนดในพระราชกฤษฎกี า -เม่ือประกาศใช้แผนพฒั นาจงั หวัดแลว้ การจัดทาแผนพฒั นาทอ้ งถิ่นขององค์กรปกครองสว่ น ท้องถ่ินและการดาเนินกจิ การของส่วนราชการและหน่วยงานอ่นื ของรฐั ท้งั ปวงที่กระทาในพื้นท่จี งั หวัดตอ้ ง สอดคลอ้ งกบั แผนพฒั นาจงั หวดั ดงั กลา่ ว 77. ในจงั หวัดหน่ึง ใหม้ ีผูว้ ่าราชการจังหวัดคนหน่ึง (ขา้ ราชการพลเรอื นสามัญ) - เปน็ ผรู้ บั นโยบายและคาส่ังจากนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารฐั บาล คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มาปฏบิ ตั กิ ารใหเ้ หมาะสมกับทอ้ งทแ่ี ละประชาชน - เปน็ หัวหนา้ บังคบั บญั ชาบรรดาขา้ ราชการฝ่ายบริหาร ซ่ึงปฏบิ ตั หิ น้าทใ่ี นราชการส่วนภูมิภาค ในเขตจังหวัด และรบั ผิดชอบในราชการจังหวดั และอาเภอ และจะให้มรี องผวู้ า่ ราชการจังหวดั หรือผ้ชู ว่ ย ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือท้ังรองผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ช่วยผวู้ ่าราชการจังหวัดเปน็ ผชู้ ่วยส่ังและปฏบิ ตั ิ ราชการแทนผู้วา่ ราชการจงั หวัดก็ได้ - รองผู้ว่าราชการจังหวดั หรอื ผู้ชว่ ยผวู้ ่าราชการจงั หวดั เปน็ ผบู้ งั คบั บัญชาข้าราชการฝ่ายบรหิ าร ส่วนภูมภิ าคในเขตจงั หวัด และรับผิดชอบในราชการรองจากผูว้ ่าราชการจังหวัด ผวู้ า่ ราชการจังหวดั รอง ผวู้ า่ ราชการจงั หวัด และผูช้ ่วยผ้วู ่าราชการจังหวัด (ข้าราชการพลเรอื นสามญั ) สังกดั กระทรวงมหาดไทย 78. ในจังหวัดหน่ึง นอกจากจะมผี วู้ า่ ราชการจงั หวดั เป็นหวั หนา้ ปกครองบงั คับบญั ชาขา้ ราชการ และรับผดิ ชอบงานบรหิ ารราชการของจงั หวดั ดงั กล่าว - ให้มีปลัดจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจาจังหวัด ซ่ึงกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ส่งมา ประจาทาหน้าทเี่ ป็นผ้ชู ่วยเหลือผ้วู ่าราชการจังหวัด และมีอานาจบังคับบญั ชาข้าราชการฝา่ ยบริหารส่วน ภมู ิภาคซึ่งสังกดั กระทรวง ทบวง กรมนน้ั ในจังหวัดนน้ั 79. ในจังหวัดหน่งึ นอกจากกรุงเทพมหานคร ให้มีคณะกรรมการธรรมาภิบาลจงั หวัดคณะหนึ่ง เรยี กโดยย่อวา่ “ก.ธ.จ.” - ทาหนา้ ท่ีสอดสอ่ งและเสนอแนะการปฏบิ ัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐในจงั หวัดให้ใช้วิธีการ บรหิ ารกจิ การบ้านเมอื งท่ดี แี ละเป็นไปตามหลักการทีก่ าหนดไวใ้ นมาตรา 3/1 - มาตรา 3/1 การบริหารราชการตามพระราชบัญญัติน้ีต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของ ประชาชน เกดิ ผลสมั ฤทธิ์ต่อภารกิจของรฐั ความมปี ระสิทธภิ าพ ความคุ้มคา่ ในเชิงภารกจิ แหง่ รัฐ การลด ขน้ั ตอนการปฏิบัติงาน การลดภารกิจและยบุ เลิกหนว่ ยงานทไี่ ม่จาเปน็ การกระจายภารกจิ และทรัพยากร ให้แกท่ อ้ งถ่ิน การกระจายอานาจตดั สนิ ใจ การอานวยความสะดวก และการตอบสนองความตอ้ งการของ ประชาชน ทั้งน้ี โดยมีผรู้ ับผิดชอบตอ่ ผลของงาน การจดั สรรงบประมาณ และการบรรจุและแตง่ ต้ังบุคคล เข้าดารงตาแหน่งหรือปฏิบัติหน้าท่ีต้องคานึงถึงหลักการตามวรรคหนึ่ง ในการปฏิบัติหน้าท่ีของส่วน

สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญัตริ ะเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดินพ.ศ. 2534 179 ราชการ ต้องใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดีโดยเฉพาะอย่างย่ิงให้คานึงถึงความรับผิดชอบของ ผู้ปฏิบัติงาน การมีส่วนร่วมของประชาชน การเปิดเผยข้อมูล การติดตามตรวจสอบและประเมินผลการ ปฏิบัติงาน ทั้งน้ี ตามความเหมาะสมของแต่ละภารกิจ เพื่อประโยชน์ในการดาเนินการให้เป็นไปตาม มาตราน้ี จะตราพระราชกฤษฎีกากาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการปฏิบัติราชการและการสัง่ การให้ สว่ นราชการและข้าราชการปฏบิ ตั ิก็ได้ 80. ก.ธ.จ. ประกอบดว้ ย - ผู้ตรวจราชการสานกั นายกรฐั มนตรซี ่งึ มเี ขตอานาจในจงั หวัดเป็นประธาน - ผแู้ ทนภาคประชาสังคม ผูแ้ ทนสมาชิกสภาทอ้ งถิ่นทไี่ มไ่ ดด้ ารงตาแหนง่ ผู้บริหารและ - ผู้แทนภาคธุรกิจเอกชน ท้ังน้ี จานวน วิธีการสรรหา และการปฏิบัติหน้าที่ของ ก.ธ.จ. ให้ เป็นไปตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีในกรณีที่ ก.ธ.จ. พบว่ามีการละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับหรือมกี รณีท่ีเป็นการทุจรติ ให้เป็นหน้าที่ของ ก.ธ.จ. ที่จะต้องแจง้ ให้ผู้ว่าราชการ จังหวัด หัวหน้าสว่ นราชการรัฐวิสาหกจิ หรือหน่วยงานอืน่ ของรฐั ทเี่ ก่ียวข้อง แล้วแต่กรณี เพ่ือดาเนนิ การ ตามอานาจหน้าที่ต่อไป”และขออธิบายเพิ่มเติมดังน้ี ตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วย คณะกรรมการธรรมาภบิ าลจังหวดั พ.ศ. 2552 ขอ้ 5 ในจงั หวดั หนึ่งนอกจากกรุงเทพมหานคร ใหม้ คี ณะกรรมการธรรมภบิ าลจงั หวัด คณะหนง่ึ เรียกโดยย่อว่า “ก.ธ.จ.” ประกอบด้วยผตู้ รวจราชการสานักนายกรบั มนตรีซึ่งมเี ขตอานาจในจังหวัดเปน็ ประธาน และผู้แทนภาคประชาสังคม ผู้แทนสมาชกิ สภาทอ้ งถ่นิ และผู้แทนภาคธุรกิจเอกชนในจังหวัดเปน็ กรรรมการ จานวนกรรมการใน ก.ธ.จ. แตล่ ะแห่งให้เปน็ ไปตามเกณฑใ์ น ข้อ 6 ให้คณะกรรมการตามวรรคหน่ึงเลือกกรรมการคนหน่ึง ทาหน้าท่ีรองประธาน ให้ปลัด สานักนายกรัฐมนตรีแต่งต้ังข้าราชการสังกัดสานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรีตามประธานเสนอเ ป็น เลขานุการหน่ึงคนและผู้ช่วยเลขานุการหนึ่งคน และแต่งต้ังข้าราชการในจังหวัดนั้นตามท่ีผู้ว่าราชการ จงั หวัดเสนอเปน็ ผ้ชู ่วยเลขานุการหนึ่งคน ให้เลขานกุ ารและผูช้ ่วยเลขานุการซึ่งเปน็ ข้าราชการสังกัดสานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรีมี หน้าที่รับผิดชอบการจัดทาวาระการประชุมและงานธุรการอื่นตามที่ประธานมอบหมาย รวมท้ังจัดทา แผนงานการประชุม ก.ธ.จ. เพื่อเสนอให้สานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรีย่ืนของบประมาณตาม กฎหมายว่าด้วยวิธีงบประมาณ และให้ผู้ช่วยเลขานุการซ่ึงเป็นข้าราชการในจังหวัดมีหน้าที่รับผิดชอบ ประสานงานกรรมการในจังหวัด เชิญประชุม จัดสถานที่ประชุม และงานธุรการอื่นตามท่ีประธาน มอบหมาย ขอ้ 6 จานวนกรรมการใน ก.ธ.จ. ให้ถือเกณฑจ์ านวนอาเภอของแตล่ ะจังหวดั ดงั ต่อไปนี้

180 (1)จังหวดั ที่มไี ม่เกินสบิ อาเภอ ให้มกี รรมการจานวนไมเ่ กินสบิ สค่ี น ประกอบด้วยประธาน และ ผู้แทนภาคประชาสังคมไมเ่ กินเจด็ ผู้แทนสมาชิกสภาท้องถ่ินสามคน และผู้แทนภาคธุรกจิ เอกชนสามคน เปน็ กรรมการ (2)จังหวัดที่มีตั้งแต่สิบเอ็ดอาเภอแต่ไม่เกินสิบห้าอาเภอ ให้มีกรรมการจานวนสิบหกคน ประกอบด้วยประธาน และผู้แทนภาคประชาสังคมเก้าคน ผู้แทนสมาชิกสภาท้องถ่ินสามคนและผแู้ ทน ภาคธุรกิจเอกชนสามคนเป็นกรรมการ (3)จังหวัดท่ีมีต้ังแต่สิบหกอาเภอแต่ไม่เกินย่ีสิบอาเภอ ให้มีกรรมการจานวนสิบแปดคน ประกอบด้วยประธาน และผู้แทนภาคประชาสังคมเก้าคน ผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่นสี่คน และผู้แทน ภาคเอกชนส่ีคนเปน็ กรรมการ (4)จังหวัดที่มีต้ังแต่ย่สี ิบเอ็ดอาเภอขึ้นไป ให้มีกรรมการจานวนย่ีสิบคน ประกอบด้วยประธาน และผู้แทนภาคประชาสังคมสิบเอด็ คน ผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่นส่ีคน และผู้แทนภาคธุรกิจเอกชนสี่คน เป็นกรรมการในกรณีท่ีมีการจัดตั้งอาเภอข้ึนใหม่อันอาจทาให้จานวนกรรมการที่จะพึงมีของจังหวัด เปลี่ยนไปให้กรรมการที่อยู่ในตาแหน่งปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนครบวาระ โดยไม่ต้องดาเนินการสรรหา กรรมการเพ่ิมเตมิ ข้อ 17 เมอ่ื ผวู้ ่าราชการจงั หวัดได้ดาเนนิ การสรรหาตาม ข้อ 13 และขอ้ 16 แล้ว ให้ผวู้ า่ ราชการ จังหวัดแจ้งรายชือ่ ไปยงั ปลดั สานักนายกรฐั มนตรีเพอ่ื ลงนามรับรองรายชือ่ กรรมการเปน็ รายจงั หวดั ใหผ้ ู้วา่ ราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดปิดประกาศรายชื่อกรรมการท่ีได้รับการรบั รองตามวรรคหนึ่งใหป้ ระชาชน ทราบ ณ ศาลากลางจงั หวดั ท่วี า่ การอาเภอ ทีท่ าการองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินและทที่ าการผู้ใหญ่บา้ น ข้อ 18 กรรมการผู้แทนภาคประชาสังคม กรรมการผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่น และกรรมการ ผู้แทนภาคธุรกิจเอกชน มีวาระดารงตาแหน่งคราวละสามปีนับแต่วันท่ีปลัดสานักนายกรัฐมนตรีลงนาม รบั รองรายชือ่ กรรมการเป็นรายจงั หวัด กรรมการซึง่ พน้ จากตาแหน่งตามวาระ อาจไดร้ ับสรรหาอกี ได้ แต่ จะดารงตาแหนง่ ตดิ ตอ่ กนั เกนิ สองวาระไมไ่ ดเ้ มอ่ื ครบกาหนดตามวาระในวรรคหน่งึ หากยงั ไม่มกี ารสรรหา กรรมการขึ้นใหม่ ใหก้ รรมการซ่งึ พ้นจากตาแหน่งตามวาระน้ันอยใู่ นตาแหน่งเพอ่ื ปฏิบัตหิ น้าท่ีตอ่ ไปจนกวา่ กรรมการซง่ึ ได้รับการสรรหาใหมเ่ ขา้ รับหน้าที่ ขอ้ 22 ก.ธ.จ. มีอานาจหนา้ ท่ี ดังต่อไปนี้ (1) สอดส่องการปฏิบัติภารกิจหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัดให้ใช้วิธีการ บริหารจัดการบา้ นเมืองที่ดี (2) แจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอ่ืนของรัฐ ที่ เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณี ดาเนินการตามอานาจหน้าท่ี ในกรณีที่พบว่ามีการละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎมาย ระเบยี บ หรือข้อบังคบั หรือมีการทุจรติ

สรปุ สาระสาคญั พระราชบัญญัติระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดินพ.ศ. 2534 181 (3) เสนอแนะแนวทางการปฏิบัติและการสง่ เสริมตามหลกั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และธรรมาภบิ าล เพ่ือการบริหารกิจการบา้ นเมืองทีด่ ีของหน่วยงานของรัฐและเจา้ หน้าท่ีของรัฐแกผ่ ้วู ่าราชการจังหวัดและ หน่วยงานของรฐั ในจงั หวดั (4) ตดิ ตามการปฏิบตั ิตามมติ ก.ธ.จ. (5) แตง่ ต้ังท่ปี รึกษาดา้ นวิชาการ การประชาสมั พันธ์ หรือด้านอ่นื จานวนไมเ่ กนิ สามคน (6) เผยแพร่ผลการปฏบิ ัตหิ น้าที่ตอ่ สาธารณะตามท่เี หน็ สมควร ข้อ 23 ในการดาเนนิ การตาม ขอ้ 22 (1) ให้ ก.ธ.จ. สอดส่องหน่วยงานของรฐั และเจ้าหนา้ ท่ี ของรัฐภายในจังหวัดให้ใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีตามพระราชกฤษฎีก าว่าด้วย หลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารบ้านเมอื งท่ีดีอย่างน้อยดังตอ่ ไปน้ี (1) ปฏิบัติภารกิจให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม ตลอดจนไม่ละเมิดสทิ ธิ และเสรภี าพของประชาชน (2) ปฏบิ ัติภารกิจเพือ่ อานวยความสะดวก ให้บรกิ าร และสนองความตอ้ งการของประชาชน (3) ปฏบิ ัตภิ ารกิจเพอ่ื ประโยชนส์ ุขของประชาชน (4) ปฏบิ ตั ิภารกิจให้เกิดผลสัมฤทธิ์ มปี ระสิทธิภาพ และมีความคุ้มคา่ (5) ปฏิบัติภารกิจโดยไม่มีข้ันตอนการปฏิบัติงานเกินความจาเป็น ให้ทันต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะในเร่ืองท่ีเปน็ ความเดอื ดรอ้ นและทกุ ข์ยากของประชาชน (6) ปฏบิ ัติภารกิจโดยยดึ หลักการมีสว่ นรว่ มของประชาชน และการเปดิ เผยข้อมูลอย่างโปร่งใส (7) ปฏบิ ัติภารกิจโดยมกี ารตดิ ตาม ตรวจสอบและประเมินผลการปฏบิ ัติงานอยา่ งสมา่ เสมอ 81. ใหม้ ีการรักษาราชการแทนกรณีผูว้ า่ ราชการจงั หวดั ไม่อาจปฏบิ ัตริ าชการได้ ดงั น้ี ตาแหนง่ ผ้รู กั ษาการแทนลาดบั ที1่ ผ้รู กั ษาการแทนลาดบั ที่ 2 และ ถัดไป ในกรณีทไี่ มม่ ผี ดู้ ารง ใหร้ องผ้วู ่าราชการจงั หวดั เป็น ตาแหน่งผ้วู ่าราชการจงั หวดั ผรู้ ักษาราชการแทน 1. ถ้าไมม่ ผี ูด้ ารงตาแหนง่ รองผู้ว่า หรอื มีแตไ่ มอ่ าจปฏิบัติ ราชการจงั หวดั หรอื มแี ต่ไม่อาจ ราชการได้ ปฏบิ ัติราชการได้ใหผ้ ู้ช่วยผู้ว่า (มาตรา 56) ราชการจงั หวดั เปน็ ผูร้ ักษา ราชการแทน

182 2. ถ้าไมม่ ีผดู้ ารงตาแหนง่ ผชู้ ว่ ย ผูว้ ่าราชการจังหวดั หรือมีแต่ไม่ อาจปฏิบตั ริ าชการได้ใหป้ ลัด จงั หวดั เปน็ ผรู้ กั ษาราชการแทน 3. ถา้ มีรองผู้วา่ ราชการจังหวัด ผู้ชว่ ยผวู้ า่ ราชการจงั หวดั หรอื ปลดั จังหวัดหลายคนให้ ปลัดกระทรวงแต่งตงั้ รองผูว้ า่ ราชการจงั หวัด ผู้ช่วยผวู้ า่ ราชการจงั หวัด หรือปลดั จังหวดั คนใดคนหน่งึ แลว้ แต่ กรณี เปน็ ผู้รกั ษาราชการแทน 4. ถา้ ไมม่ ีท้งั ผดู้ ารงตาแหนง่ รอง ผ้วู ่าราชการจงั หวัด ผู้ชว่ ยผวู้ า่ ราชการจงั หวัดและปลัดจงั หวดั หรอื มแี ต่ไมอ่ าจปฏิบัติราชการได้ ให้หวั หนา้ สว่ นราชการประจา จงั หวดั ซงึ่ มีอาวโุ สตามระเบียบ แบบแผนของทางราชการเป็น ผูร้ ักษาราชการแทน 82. ในกรณที ่ีไม่มีผูด้ ารงตาแหนง่ ผวู้ ่าราชการจังหวดั หรือมแี ตไ่ ม่อาจปฏิบตั ริ าชการได้ - ใหร้ องผู้ว่าราชการจงั หวัดเปน็ ผู้รกั ษาราชการแทน - ถ้าไม่มีผู้ดารงตาแหน่งรองผวู้ ่าราชการจังหวัด หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ใหผ้ ้ชู ่วยผวู้ ่า ราชการจงั หวัดเป็นผู้รกั ษาราชการแทน - ถ้าไม่มีผู้ดารงตาแหน่งผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้ปลัด จงั หวดั เปน็ ผรู้ กั ษาราชการแทน - ถ้ามีรองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด หรือปลัดจังหวัดหลายคน ให้ ปลัดกระทรวงแต่งตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด หรือปลัดจังหวัดคนใดคนหนึ่ง แลว้ แตก่ รณี เปน็ ผรู้ ักษาราชการแทน

สรปุ สาระสาคญั พระราชบัญญตั ิระเบียบบริหารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 183 - ถ้าไม่มีท้ังผู้ดารงตาแหน่งรองผวู้ ่าราชการจงั หวัด ผู้ช่วยผวู้ ่าราชการจงั หวัด และปลัดจังหวดั หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้หัวหน้าสว่ นราชการประจาจังหวัดซ่ึงมีอาวุโสตามระเบยี บแบบแผน ของทางราชการเปน็ ผรู้ ักษาราชการแทน 83. ผู้วา่ ราชการจังหวัดมีอานาจและหน้าทดี่ งั น้ี (1) บรหิ ารราชการตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ และตามแผนพัฒนาจงั หวัด (2) บริหารราชการตามที่คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มอบหมายหรือตามที่ นายกรัฐมนตรีสั่งการในฐานะหวั หนา้ รัฐบาล (3) บริหารราชการตามคาแนะนาและคาช้ีแจงของผู้ตรวจราชการกระทรวงในเมื่อไม่ขัดต่อ กฎหมาย ระเบียบ ขอ้ บังคบั หรือคาส่ังของกระทรวง ทบวง กรม มตขิ องคณะรัฐมนตรหี รอื การสงั่ การของ นายกรฐั มนตรี (4) กากับดูแลการปฏิบัติราชการอันมิใช่ราชการส่วนภูมิภาคของข้าราชการซ่ึงประจาอยู่ใน จงั หวัดนน้ั ยกเวน้ ข้าราชการทหาร ข้าราชการฝ่ายตลุ าการ ข้าราชการฝ่ายอัยการ ขา้ ราชการพลเรือนใน มหาวิทยาลยั ข้าราชการในสานกั งานตรวจเงนิ แผ่นดินและข้าราชการครู ให้ปฏิบตั ิราชการใหเ้ ป็นไปตาม กฎหมาย ระเบียบ ขอ้ บงั คบั หรือคาสงั่ ของกระทรวง ทบวง กรม หรอื มตขิ องคณะรฐั มนตรี หรือการสัง่ การ ของนายกรัฐมนตรี หรอื ยบั ยง้ั การกระทาใดๆ ของขา้ ราชการในจังหวดั ทีข่ ดั ต่อกฎหมาย ระเบยี บข้อบังคบั หรือคาสงั่ ของกระทรวง ทบวง กรมมตขิ องคณะรฐั มนตรี หรอื การสั่งการของนายกรฐั มนตรไี วช้ ่วั คราวแลว้ รายงานกระทรวง ทบวง กรม ทีเ่ ก่ียวข้อง (5) ประสานงานและร่วมมอื กับข้าราชการทหาร ข้าราชการฝา่ ยตุลาการข้าราชการฝ่ายอัยการ ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ข้าราชการในสานักงานตรวจเงินแผ่นดินและข้าราชการครู ผู้ตรวจ ราชการและหัวหนา้ ส่วนราชการในระดบั เขตหรอื ภาค ในการพฒั นาจงั หวดั หรอื ป้องปัดภัยพิบตั สิ าธารณะ (6) เสนองบประมาณต่อกระทรวงที่เกี่ยวข้อง หรือเสนอขอจัดต้ังงบประมาณต่อสานัก งบประมาณและรายงานใหก้ ระทรวงมหาดไทยทราบ (7) กากับดูแลการบริหารราชการสว่ นท้องถนิ่ ตามกฎหมาย (8) กากับการปฏิบตั หิ น้าทีข่ องพนกั งานองคก์ ารของรฐั บาลหรอื รัฐวิสาหกจิ ในการน้ีให้มีอานาจ ทารายงานหรือแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับการดาเนินงานขององค์การของรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจต่อ รัฐมนตรเี จา้ สังกัดองค์การของรัฐบาลหรือรัฐวสิ าหกิจ (9) บรรจุ แต่งตั้ง ให้บาเหน็จ และลงโทษข้าราชการส่วนภูมิภาคในจังหวัดตามกฎหมาย และ ตามที่ปลัดกระทรวง ปลดั ทบวง หรอื อธิบดมี อบหมาย

184 84. การยกเว้น จากัด หรือตดั ทอน อานาจหน้าท่ีของผวู้ า่ ราชการจังหวัดในการบรหิ ารราชการ ในจังหวัด หรือให้ข้าราชการของส่วนราชการใดมีอานาจหน้าท่ีในการบริหารราชการส่วนภูมิภาค เช่นเดียวกบั ผ้วู า่ ราชการจังหวดั จะกระทาไดโ้ ดยตรา - เปน็ พระราชบญั ญัติ มาตรา 59 ใหน้ าความในมาตรา 48 และมาตรา 49 มาใชบ้ ังคับแก่ผูร้ กั ษา ราชการแทนและผูป้ ฏิบัติราชการแทนตามหมวดน้ี (โดยรายละเอียดดังน้ี) มาตรา 48 ใหผ้ รู้ ักษาราชการแทนตามความในพระราชบัญญตั ินม้ี อี านาจหนา้ ทเี่ ชน่ เดยี วกบั ผ้ซู ง่ึ ตนแทน ในกรณที ่ีผูด้ ารงตาแหนง่ ใดหรือผรู้ ักษาราชการแทนผดู้ ารงตาแหน่งนนั้ มอบหมายหรอื มอบอานาจ ให้ผู้ดารงตาแหน่งอ่ืนปฏิบัติราชการแทน ให้ผู้ปฏิบัติราชการแทนมีอานาจหน้ าที่เช่นเดียวกับผู้ซ่ึง มอบหมายหรือมอบอานาจ ในกรณีท่ีมีกฎหมายอื่นแต่งต้ังให้ผู้ดารงตาแหน่งใดเป็นกรรมการหรือให้มี อานาจหน้าที่อย่างใดให้ผู้รกั ษาราชการแทนหรอื ผปู้ ฏิบตั ิราชการแทนมอี านาจหนา้ ท่ีเป็นกรรมการหรือมี อานาจหนา้ ท่ีเช่นเดยี วกับผดู้ ารงตาแหนง่ น้ันในการรักษาราชการแทนหรอื ปฏบิ ตั ิราชการแทนด้วย แลว้ แต่ กรณี มาตรา 49 การเป็นผู้รักษาราชการแทนตามพระราชบัญญัติน้ีไม่กระทบกระเทือนอานาจ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสงั กัด ปลัดกระทรวง หรือผ้ดู ารงตาแหน่งเทียบเท่าปลัดกระทรวง ปลัดทบวง อธิบดีหรือผู้ดารงตาแหน่งเทียบเท่าอธิบดี ซ่ึงเป็นผู้บังคับบัญชาท่ีจะแต่งตั้งข้าราชการอ่ืนเป็นผู้รักษา ราชการแทนตามอานาจหน้าทท่ี ี่มีอยู่ตามกฎหมาย ในกรณีที่มีการแต่งต้ังผู้รักษาราชการแทนตามวรรค หนึง่ ใหผ้ ู้ดารงตาแหน่งรองหรอื ผชู้ ่วยพ้นจากความเป็นผูร้ กั ษาราชการแทนนับแต่เวลาท่ผี ไู้ ด้รบั แตง่ ต้ังตาม วรรคหน่ึงเข้ารบั หนา้ ท่ี 85. ใหแ้ บง่ สว่ นราชการของจงั หวัดดงั นี้ (1) สานกั งานจังหวดั มหี นา้ ทเ่ี กี่ยวกับราชการท่วั ไปและการวางแผนพฒั นาจงั หวัดของจังหวัด นัน้ มหี ัวหนา้ สานกั งานจังหวัด (ขา้ ราชการพลเรอื นสามัญ) เปน็ ผู้บงั คบั บญั ชาขา้ ราชการ และรบั ผดิ ชอบใน การปฏิบัติราชการของสานักงานจงั หวดั (2) ส่วนต่างๆ ซ่ึงกระทรวง ทบวง กรม ได้ตัง้ ข้นึ มีหนา้ ทเ่ี กีย่ วกบั ราชการของกระทรวง ทบวง กรมนนั้ ๆ มีหัวหนา้ สว่ นราชการประจาจังหวดั นนั้ ๆ เปน็ ผปู้ กครองบงั คบั บัญชารับผดิ ชอบ 86. ในจังหวดั หนึ่งให้มหี น่วยราชการบริหารรองจากจังหวัดเรยี กว่า - อาเภอ (* ไมม่ ีฐานะเป็นนติ บิ ุคคล ซ่ึงไม่มีการตั้งงบประมาณเป็นของตนเอง ข้อสอบถามบอ่ ย) - การต้งั ยบุ และเปล่ยี นเขตอาเภอ ใหต้ ราเปน็ พระราชกฤษฎกี า (*ออกบอ่ ยมาก ออกเทศบาล โคกม้า อาเภอประโคนชยั จ.บรุ ีรัมยด์ ว้ ย)

สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญัติระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดินพ.ศ. 2534 185 87. ใหอ้ าเภอมีอานาจหนา้ ทภี่ ายในเขตอาเภอ ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) อานาจและหนา้ ทต่ี ามท่ีกาหนดในมาตรา 52/1 (1) (2) (3) (4) (5) และ (6) โดยใหน้ าความ ในมาตรา 52/1 วรรคสอง มาใช้บังคับโดยอนุโลม (เอาอานาจของจังหวัดมาปฏิบัติในเขตอาเภอโดย อนโุ ลม)มาตรา 52/1 ให้จังหวดั มีอานาจภายในเขตจงั หวดั ดงั ต่อไปน้ี (1) นาภารกจิ ของรัฐและนโยบายของรฐั บาลไปปฏบิ ตั ิให้เกิดผลสมั ฤทธิ์ (2) ดูแลให้มีการปฏิบัติและบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความสงบ เรียบรอ้ ยและเปน็ ธรรมในสังคม (3) จัดให้มกี ารค้มุ ครอง ป้องกนั สง่ เสริม และชว่ ยเหลอื ประชาชนและชมุ ชนทด่ี อ้ ยโอกาสเพอื่ ให้ ได้รับความเป็นธรรมท้งั ด้านเศรษฐกจิ และสังคมในการดารงชวี ิตอยา่ งพอเพยี ง (4) จัดให้มีการบริการภาครฐั เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างเสมอหน้า รวดเร็วและมี คณุ ภาพ (5) จัดให้มีการส่งเสริม อุดหนุน และสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเพื่อให้สามารถ ดาเนินการตามอานาจและหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และให้มีขีดความสามารถพร้อมท่ีจะ ดาเนนิ การตามภารกจิ ท่ีไดร้ ับการถ่ายโอนจากกระทรวง ทบวง กรม (6) ปฏิบตั ิหน้าทอี่ ่นื ตามทคี่ ณะรฐั มนตรี กระทรวง ทบวง กรม หรอื หนว่ ยงานอ่นื ของรฐั มอบหมาย หรือที่ มีกฎหมายกาหนดเพ่ือประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของจังหวัดตามวรรคหน่ึง ให้เป็นหน้าที่ของส่วน ราชการและหน่วยงานของรัฐท่ีประจาอยู่ในเขตจังหวัดท่ีจะต้องปฏิบัติให้สอดคล้องและเป็นไปตาม แผนพัฒนาจงั หวัดตามมาตรา 53/1มาตรา 53/1 ใหจ้ ังหวดั จัดทาแผนพัฒนาจงั หวัดใหส้ อดคล้องกับแนว ทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมในระดับชาติ และความต้องการของประชาชนในทอ้ งถ่ินในจังหวดั ใน การจัดทาแผนพัฒนาจงั หวดั ตามวรรคหนึง่ ให้ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั จัดใหม้ ีการประชุมปรกึ ษาหารอื ร่วมกัน ระหว่างหวั หนา้ สว่ นราชการท่มี ีสถานทีต่ งั้ ทาการอยู่ในจังหวัดไม่วา่ จะเป็นราชการบรหิ ารสว่ นภูมิภาคหรือ ราชการบริหารส่วนกลางและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินท้ังหมดในจังหวัดรวมท้ังผู้แทนภาค ประชาสังคม และผู้แทนภาคธุรกิจเอกชนการจดั ทาแผนพัฒนาจังหวัดตามวรรคหนึ่ง จานวนและวิธีการ สรรหาผู้แทนภาคประชาสังคมและผู้แทนภาคธุรกิจเอกชนตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และ วิธีการท่ีกาหนดในพระราชกฤษฎีกาเมือ่ ประกาศใช้แผนพฒั นาจงั หวัดแล้ว การจัดทาแผนพัฒนาท้องถ่นิ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและการดาเนินกิจการของสว่ นราชการและหน่วยงานอ่ืนของรฐั ทงั้ ปวงท่ี กระทาในพื้นทจ่ี ังหวัดต้องสอดคลอ้ งกับแผนพัฒนาจังหวัดดังกล่าว (2) ส่งเสริม สนับสนุน และจัดให้มีการบริการร่วมกันของหน่วยงานของรัฐในลักษณะ ศูนยบ์ รกิ ารร่วม

186 (3) ประสานงานกบั องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นเพอื่ ร่วมมือกับชมุ ชนในการดาเนนิ การให้มีแผน ชมุ ชน เพอื่ รองรับการสนับสนนุ งบประมาณจากองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน จังหวัด และกระทรวง ทบวง กรม (4) ไกลเ่ กลีย่ หรือจัดใหม้ กี ารไกลเ่ กลี่ยประนอมข้อพิพาทเพื่อใหเ้ กดิ ความสงบเรยี บรอ้ ยในสังคม ตามมาตรา 61/2 และมาตรา 61/3 88. มาตรา 61/2 ในอาเภอหนึง่ ให้มีคณะบคุ คลผทู้ าหนา้ ทีไ่ กล่เกลีย่ และประนอมข้อพพิ าทของ ประชาชนทคี่ กู่ รณฝี า่ ยใดฝ่ายหน่ึงมีภูมลิ าเนาอยใู่ นเขตอาเภอ ในเรือ่ งที่พพิ าททางแพ่งเกยี่ วกบั ที่ดินมรดก และขอ้ พพิ าททางแพง่ อนื่ ท่ีมที นุ ทรัพยไ์ ม่เกินสองแสนบาท หรอื มากกวา่ นัน้ ตามที่กาหนด - ในพระราชกฤษฎกี า - ให้นายอาเภอโดยความเห็นชอบของคณะกรมการจังหวัดจัดทาบัญชีรายช่ือบุคคลท่ีจะทา หน้าท่เี ป็นคณะบุคคลผทู้ าหน้าท่ไี กล่เกลย่ี และประนอมข้อพิพาท โดยคดั เลอื กจากบคุ คลทีม่ ีความรหู้ รือมี ประสบการณ์เหมาะสมกบั การทาหนา้ ที่ไกลเ่ กลยี่ ข้อพิพาท - เมื่อมีข้อพิพาทเกดิ ขึ้นและคู่พพิ าทตกลงยินยอมใหใ้ ช้วิธีการไกลเ่ กลีย่ ข้อพิพาทให้คู่พิพาทแต่ ละฝา่ ยเลือกบุคคลจากบัญชีรายชื่อฝ่ายละหน่งึ คน และใหน้ ายอาเภอ พนกั งานอัยการประจาจงั หวัดหรือ ปลัดอาเภอทไี่ ด้รับมอบหมายคนหนึ่งเปน็ ประธาน เพ่ือทาหนา้ ทเี่ ป็นคณะบุคคลผู้ทาหน้าทีไ่ กล่เกล่ียและ ประนอมข้อพพิ าท - ให้คณะบุคคลผู้ทาหน้าที่ไกล่เกล่ียและประนอมข้อพิพาทมีอานาจหน้าท่ีรับฟังข้อพิพาท โดยตรงจากคู่พิพาท และดาเนินการไกล่เกล่ียให้เกิดข้อตกลงยินยอมร่วมกันระหว่างคู่พิพาทโดยเร็วถา้ คู่พิพาทท้ังสองฝ่ายตกลงกนั ได้ ให้คณะบุคคลผู้ทาหน้าที่ไกลเ่ กลีย่ และประนอมข้อพพิ าทจัดให้มกี ารทา สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างคู่พิพาท และให้ถือเอาข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอม ความมีผลผูกพันคู่พิพาทท้ังสองฝ่าย ในกรณีที่คู่พิพาทไม่อาจตกลงกันได้ ให้คณะบุคคลผู้ทาหน้าที่ไกล่ เกลย่ี และประนอมข้อพพิ าทส่ังจาหนา่ ยขอ้ พพิ าทนั้น - ข้อตกลงให้มีผลเช่นเดียวกับคาชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการตามกฎหมายว่าด้วย อนญุ าโตตุลาการ 89. หลักเกณฑ์และวิธีการจดั ทาบัญชี การดาเนินการไกลเ่ กล่ียข้อพิพาทและการจดั ทาสัญญา ประนปี ระนอมยอมความ ตลอดจนค่าตอบแทนของคณะบคุ คลผทู้ าหน้าทไ่ี กลเ่ กลย่ี และประนอมขอ้ พพิ าท ใหเ้ ปน็ ไปตามที่กาหนด - ในกฎกระทรวง

สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญัตริ ะเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 187 - ในกรณีที่คู่พิพาทฝา่ ยใดฝ่ายหน่ึงไม่ปฏิบัติตามสญั ญาประนีประนอมยอมความให้คู่พพิ าทอีก ฝ่ายหนึ่งยื่นคาร้องต่อพนักงานอยั การ และให้พนกั งานอัยการดาเนินการยื่นคาร้องต่อศาลทมี่ ีเขตอานาจ เพื่อให้ออกคาบังคับให้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวโดยให้นากฎหมายว่าด้วย อนญุ าโตตลุ าการมาใชบ้ งั คบั โดยอนโุ ลม - เมื่อคณะบคุ คลผทู้ าหน้าที่ไกลเ่ กลยี่ และประนอมขอ้ พพิ าทได้รับข้อพิพาทไว้พจิ ารณา ให้อายุ ความในการฟ้องร้องคดสี ะดุดหยุดลง นับแต่วันที่ย่ืนข้อพิพาทจนถึงวันที่คณะบุคคลผทู้ าหน้าท่ีไกลเ่ กลย่ี และประนอมข้อพิพาทสั่งจาหน่ายข้อพิพาทหรือวันท่ีคู่พิพาททาสัญญาประนีประนอมยอมความกัน แลว้ แต่กรณี -ความในนีใ้ ห้ใช้กบั เขตของกรุงเทพมหานครด้วยโดยอนุโลม100. มาตรา 61/3 บรรดาความผิด ทมี่ โี ทษทางอาญาท่ีเกิดขน้ึ ในเขตอาเภอใดหากเปน็ ความผิดอันยอมความได้- มิใชเ่ ปน็ ความผิดเก่ยี วกับเพศ ถ้าผ้เู สยี หายและผูถ้ ูกกล่าวหายนิ ยอม หรือแสดงความจานง ให้นายอาเภอของอาเภอนนั้ หรอื ปลดั อาเภอท่ี นายอาเภอดังกล่าวมอบหมายเปน็ ผู้ไกลเ่ กลี่ยตามควรแก่กรณี และเม่อื ผู้เสียหายและผถู้ ูกกล่าวหายินยอม เป็นหนังสือตามท่ีไกล่เกลี่ยและปฏิบัติตามคาไกล่เกลี่ยดังกล่าวแล้ว ให้คดีอาญาเป็นอันเลิกกันตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในกรณีที่ผู้เสียหายและผถู้ ูกกล่าวหาไม่ยินยอมตามทีไ่ กลเ่ กลย่ี ให้จาหน่ายข้อพิพาทน้ันแต่เพื่อประโยชน์ในการท่ีผูเ้ สียหายจะไปดาเนินคดตี ่อไป อายุความการร้องทุกข์ ตามประมวลกฎหมายอาญาใหเ้ ร่มิ นับแต่วันที่จาหน่ายข้อพิพาทหลักเกณฑ์และวิธีในการดาเนินการ ให้ เป็นไปตามท่กี าหนดในกฎกระทรวง”101.ในอาเภอหนึ่ง มนี ายอาเภอ (ขา้ ราชการพลเรือนสามญั )คนหนึ่ง เป็น - หัวหน้าปกครองบังคับบญั ชาบรรดาข้าราชการในอาเภอ และรับผดิ ชอบงานบริหารราชการ ของอาเภอ - นายอาเภอสงั กดั กระทรวงมหาดไทย - บรรดาอานาจและหน้าท่ีเก่ียวกับราชการของกรมการอาเภอหรือนายอาเภอซึ่งกฎหมาย กาหนดให้กรมการอาเภอและนายอาเภอมอี ยู่ ให้โอนไปเป็นอานาจและหน้าทีข่ องนายอาเภอ 90. ในอาเภอหนึ่ง นอกจากจะมนี ายอาเภอเป็นผู้ปกครองบงั คับบัญชาและรบั ผิดชอบดังกลา่ ว ในใหม้ ี - ปลดั อาเภอและหัวหน้าส่วนราชการประจาอาเภอซึ่งกระทรวง ทบวง กรมตา่ งๆ ส่งมาประจา ใหป้ ฏบิ ตั หิ น้าทเ่ี ป็นผู้ช่วยเหลอื นายอาเภอ และมีอานาจบงั คับบัญชาข้าราชการฝา่ ยบริหารสว่ นภูมภิ าคซ่ึง สังกัดกระทรวง ทบวง กรมนน้ั ในอาเภอน้ัน

188 ผ้รู ักษาการแทนลาดับที่ 1 ผู้รักษาการแทนลาดบั ที่ 2 ตาแหน่ง ใหผ้ ู้วา่ ราชการจงั หวัดแตง่ ต้ัง ในกรณีทผี่ วู้ ่าราชการจงั หวัด ปลัดอาเภอ หรอื หวั หนา้ ส่วน หรือ ในกรณที ่ีไม่มผี ู้ดารง ราชการประจาอาเภอผมู้ อี าวโุ ส นายอาเภอมิไดแ้ ต่งต้งั ผ้รู ักษา ตาแหนง่ นายอาเภอ ตามระเบยี บแบบแผนของทาง ราชการแทนไว้ใหป้ ลัดอาเภอ ราชการเป็นผรู้ กั ษาราชการแทน หรอื หัวหนา้ สว่ นราชการประจา ถ้ามีผู้ดารงตาแหนง่ นายอาเภอแตไ่ ม่อาจ อาเภอผู้มอี าวโุ สตามระเบียบ ปฏิบตั ิราชการได้ แบบแผนของทางราชการเปน็ ใหน้ ายอาเภอแตง่ ต้งั ปลัดอาเภอ ผู้รกั ษาราชการแทน หรอื หวั หน้าสว่ นราชการประจา อาเภอผมู้ อี าวโุ สตามระเบียบ แบบแผนของทางราชการเปน็ ผรู้ ักษาราชการแทน 93. ในกรณที ่ไี ม่มผี ู้ดารงตาแหน่งนายอาเภอ - ให้ผูว้ า่ ราชการจังหวัดแตง่ ต้ังปลัดอาเภอ หรอื หัวหน้าส่วนราชการประจาอาเภอผมู้ ีอาวโุ ส ตาม ระเบียบแบบแผนของทางราชการเปน็ ผ้รู กั ษาราชการแทน - ถ้ามีผู้ดารงตาแหน่งนายอาเภอแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้นายอาเภอแต่งตั้งปลัดอาเภอ หรือหัวหนา้ สว่ นราชการประจาอาเภอผมู้ อี าวโุ สตามระเบียบแบบแผนของทางราชการเปน็ ผู้รักษาราชการ แทน - ในกรณีที่ผวู้ ่าราชการจังหวดั หรอื นายอาเภอมิได้แต่งตัง้ ผูร้ ักษาราชการแทนไว้ ให้ปลัดอาเภอ หรอื หวั หน้าส่วนราชการประจาอาเภอผ้มู ีอาวโุ สตามระเบยี บแบบแผนของทางราชการเป็นผรู้ กั ษาราชการ แทน 94. นายอาเภอมีอานาจและหนา้ ท่ีดังน้ี (1) บริหารราชการตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการ ถ้ากฎหมายใดมิได้ บัญญัติว่าการปฏิบัติตามกฎหมายนั้นเป็นหน้าทีข่ องผใู้ ดโดยเฉพาะ ให้เป็นหน้าที่ของนายอาเภอที่จะตอ้ ง รกั ษาการให้เปน็ ไปตามกฎหมายน้นั ด้วย (2)บริหารราชการตามที่คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มอบห มายหรือตามท่ี นายกรัฐมนตรีส่ังการในฐานะหวั หนา้ รฐั บาล

สรปุ สาระสาคญั พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บบริหารราชการแผน่ ดินพ.ศ. 2534 189 (3) บริหารราชการตามคาแนะนาและคาช้ีแจงของผ้วู ่าราชการจงั หวัดและผมู้ ีหน้าทีต่ รวจการ อื่นซึ่งคณะรัฐมนตรี นายกรฐั มนตรี กระทรวง ทบวง กรม และผูว้ า่ ราชการจังหวัดมอบหมาย ในเมื่อไมข่ ัด ต่อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคบั หรือคาสั่งของกระทรวง ทบวง กรม มตขิ องคณะรัฐมนตรี หรือการสงั่ การ ของนายกรฐั มนตรี (4) ควบคมุ ดแู ลการบริหารราชการสว่ นทอ้ งถ่นิ ในอาเภอตามกฎหมาย 95. ให้แบ่งสว่ นราชการของอาเภอดังนี้ (1)สานักงานอาเภอ มีหนา้ ทเ่ี ก่ียวกับราชการทว่ั ไปของอาเภอน้นั ๆ มนี ายอาเภอเปน็ ผปู้ กครอง บงั คับบญั ชาข้าราชการและรบั ผดิ ชอบ (2)ส่วนต่างๆ ซ่ึงกระทรวง ทบวง กรม ได้ตั้งขึ้นในอาเภอน้ัน มีหน้าที่เกี่ยวกับราชการของ กระทรวง ทบวง กรมน้ันๆ มีหัวหน้าส่วนราชการประจาอาเภอนนั้ ๆ เปน็ ผู้ปกครองบงั คับบัญชารบั ผิดชอบ - ให้นาความ มาใชบ้ ังคบั แกผ่ ูร้ ักษาราชการแทนและ ผ้ปู ฏบิ ัติราชการแทนตามหมวดนี้ - การจัดการปกครองอาเภอ นอกจากที่ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ให้เป็นไปตาม กฎหมายวา่ ดว้ ยการปกครองท้องท่ี 96. ทอ้ งถิ่นใดที่เหน็ สมควรจดั ให้ราษฎรมีสว่ นในการปกครองทอ้ งถิ่นให้จัดระเบียบการปกครอง เปน็ ราชการสว่ นท้องถิน่ ใหจ้ ัดระเบียบบรหิ ารราชการส่วนท้องถน่ิ ดงั นี้ (1)องค์การบริหารสว่ นจังหวัด (2)เทศบาล (3)สุขาภบิ าล (ปัจจบุ นั ไมม่ ตี ามพระราชบญั ญัตเิ ปล่ียนแปลงฐานะของ สุขาภิบาลเป็นเทศบาล พ.ศ. 2542) (4)ราชการส่วนทอ้ งถ่นิ อ่ืนตามท่ีมกี ฎหมายกาหนด (อบต./เมอื งพัทยาและกทม.) -การจัดระเบยี บการปกครององคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั เทศบาล สขุ าภิบาล และราชการส่วน ทอ้ งถ่นิ อื่นตามทีม่ กี ฎหมายกาหนด ให้เปน็ ไปตามกฎหมายว่าด้วยการนนั้ 97. ใหม้ ีคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการคณะหนงึ่ เรียกโดยยอ่ วา่ “ก.พ.ร.” ประกอบดว้ ย - นายกรฐั มนตรหี รือรองนายกรัฐมนตรีท่ีนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน (1 คน) - รฐั มนตรีหนึ่งคนที่นายกรฐั มนตรีกาหนดเปน็ รองประธาน (1 คน) - ผูซ้ ่ึงคณะกรรมการการกระจายอานาจใหแ้ ก่องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ มอบหมายหนงึ่ คน (1 คน)

190 - กรรมการผ้ทู รงคุณวุฒไิ ม่เกินสิบคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งต้ังจากผู้มคี วามรู้ความเชี่ยวชาญใน ทางดา้ นนิตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตรร์ ฐั ศาสตร์ การบริหารรัฐกิจ การบริหารธุรกจิ การเงนิ การคลัง จติ วทิ ยา องคก์ าร และสังคมวิทยาอย่างน้อยด้านละหนง่ึ คน (10 คน) = รวมทั้งหมด 13 คน 98. ในกรณที ม่ี ีความจาเปน็ เพอื่ ให้การปฏิบัตงิ านบรรลผุ ล คณะรฐั มนตรีจะกาหนดให้กรรมการ ผทู้ รงคุณวฒุ ิ - ไม่น้อยกว่าสามคนแต่ไม่เกินห้าคนต้องทางานเต็มเวลาก็ได้(* 3 คน ไม่เกิน 5 คน ออกสอบ บ่อย) 99. เลขาธิการ ก.พ.ร. - เป็นกรรมการและเลขานุการโดยตาแหน่ง (*ข้อสอบมักถามเป็นชื่อบุคคล ปัจจุบัน นายทศพร ศิริ สมั พันธ์) 100. การแต่งต้ังกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ของ“ก.พ.ร.” ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาจากรายช่ือ บคุ คลทไี่ ด้รับการเสนอโดยวิธกี ารสรรหา ทัง้ น้ี ตามหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาท่ี - คณะรฐั มนตรกี าหนด 101. กรรมการผ้ทู รงคุณวฒุ ิของ“ก.พ.ร.” ต้องมคี ณุ สมบตั แิ ละไมม่ ีลักษณะต้องหา้ ม ดงั ต่อไปนี้ ตามมาตรา 71/2 (1) มีสัญชาติไทย (แปลงสัญชาติมากส็ ามารถเป็นได้ หากข้อสอบถาม) (2)ไม่เปน็ บุคคลลม้ ละลาย คนไรค้ วามสามารถ หรอื คนเสมือนไร้ความสามารถ (3)ไม่เคยได้รับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงทสี่ ดุ ให้จาคุก เว้นแต่เปน็ โทษสาหรับความผดิ ทไ่ี ด้ กระทาโดยประมาทหรอื ความผิดลหโุ ทษ (4)ไมเ่ ป็นผดู้ ารงตาแหน่งทางการเมือง สมาชกิ สภาท้องถนิ่ หรือผู้บริหารท้องถ่นิ กรรมการหรือ ผู้ซึ่งดารงตาแหน่งซ่ึงรับผิดชอบการบรหิ ารพรรคการเมือง ท่ีปรกึ ษาพรรคการเมืองหรอื เจ้าหน้าทีพ่ รรค การเมือง (5)ไมเ่ คยถกู ไล่ออก ปลดออก หรอื ให้ออกจากราชการ หนว่ ยงานของรัฐ หรอื รัฐวสิ าหกจิ เพราะ ทุจริตต่อหนา้ ที่ หรือถือวา่ กระทาการทุจรติ และประพฤตมิ ิชอบในวงราชการ 102.กรรมการผ้ทู รงคณุ วุฒิของ“ก.พ.ร.” มีวาระการดารงตาแหนง่ คราวละ

สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญตั ริ ะเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดินพ.ศ. 2534 191 - ส่ีปี ผู้ซึ่งพ้นจากตาแหนง่ แลว้ อาจได้รับแต่งตั้งอีกได้แต่ไม่เกินสองวาระติดต่อกัน - ในกรณที ี่ กรรมการผู้ทรงคุณวฒุ ิพน้ จากตาแหนง่ ตามวาระ แตย่ งั มิได้แตง่ ตง้ั กรรมการผทู้ รงคุณวุฒิใหม่ ให้กรรมการ ผ้ทู รงคณุ วุฒิน้ันปฏบิ ตั หิ นา้ ทไ่ี ปก่อนจนกว่าจะได้แตง่ ตง้ั กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิใหม่ 103. นอกจากการพ้นจากตาแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ“ก.พ.ร.” พ้นจาก ตาแหน่งเม่อื (1) ตาย (2) ลาออก (3) ขาดคณุ สมบตั หิ รอื มีลกั ษณะต้องห้ามตามมาตรา 71/2 (ยอ้ นไปดูข้อ 111 ครบั ) (4) คณะรฐั มนตรใี ห้ออกเพราะบกพร่องต่อหน้าท่ี มีความประพฤติเสอ่ื มเสยี หรือหย่อน ความสามารถ 104. ในกรณที ก่ี รรมการผทู้ รงคุณวฒุ ขิ อง“ก.พ.ร.” พน้ จากตาแหนง่ ก่อนวาระและยงั มไิ ด้แตง่ ตง้ั กรรมการผทู้ รงคณุ วุฒิแทนตาแหน่งท่วี ่าง - ใหก้ รรมการทเ่ี หลืออย่ปู ฏบิ ัติหน้าท่ตี ่อไปได้ - เมื่อตาแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิว่างลงก่อนวาระ ให้ดาเนินการแต่งตั้งกรรมการ ผู้ทรงคณุ วฒุ ภิ ายในสามสิบวัน เวน้ แตว่ าระของกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ เิ หลือไมถ่ ึงหน่ึงร้อยแปดสบิ วันจะไม่ แตง่ ต้งั กรรมการผ้ทู รงคุณวุฒกิ ็ได้ - กรรมการผู้ทรงคุณวฒุ ิซึ่งไดร้ บั แต่งตงั้ แทนตาแหนง่ ท่วี ่าง หรือกรรมการผู้ทรงคณุ วุฒิซงึ่ ไดร้ ับ แต่งตั้งเพิ่มขึ้นในระหว่างทกี่ รรมการผู้ทรงคณุ วุฒิอนื่ ยังมีวาระอยู่ในตาแหน่ง ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒทิ ี่ ได้รบั แตง่ ตง้ั มวี าระการดารงตาแหน่งเทา่ กับเวลาที่เหลืออยู่ของกรรมการผูท้ รงคณุ วุฒทิ ย่ี ังอยูใ่ นตาแหน่ง 105. การประชุม ก.พ.ร. ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจานวนกรรมการ ทง้ั หมดเท่าท่ีมีอยู่ - จึงจะเปน็ องค์ประชุม ไม่ว่ากรรมการดังกล่าวจะเป็นกรรมการผูท้ รงคุณวุฒทิ ที่ างานเตม็ เวลา หรือไม่ (*ข้อสอบออกเหมอื นกนั ) - ในการประชมุ ก.พ.ร. ถา้ ประธานไม่อย่ใู นที่ประชุมหรือไมอ่ าจปฏบิ ตั ิหน้าทไ่ี ด้ ใหร้ องประธาน ปฏบิ ัตหิ น้าทแ่ี ทน ในกรณีท่ีไม่มีรองประธานหรอื มแี ต่ไมอ่ าจปฏบิ ัติหนา้ ท่ีได้ ให้กรรมการทมี่ าประชุมเลอื ก กรรมการคนหนึ่งทาหน้าทีเ่ ปน็ ประธานในที่ประชมุ - การวินิจฉัยช้ีขาดให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหน่ึงให้มเี สยี งหนึ่งในการลงคะแนน ถ้ามี คะแนนเสียงเทา่ กนั ให้ประธานในทีป่ ระชุมออกเสยี งเพิม่ ขน้ึ อีกเสยี งหน่ึงเปน็ เสยี งช้ีขาด

192 106. การปฏิบัติหน้าท่ีและค่าตอบแทนของกรรมการผทู้ รงคุณวุฒิของ“ก.พ.ร.” ที่ต้องทางาน เต็มเวลา ใหเ้ ป็นไปตามท่ีกาหนด - ในพระราชกฤษฎกี า (*ข้อสอบเคยออกเหมือนกนั ) 107. ใหม้ สี านกั งานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ เปน็ ส่วนราชการ - ในสานักนายกรัฐมนตรี - ทาหน้าทีร่ บั ผดิ ชอบงานธุรการของ ก.พ.ร. และหน้าทอ่ี ื่นตามท่ีกฎหมายหรือ ก.พ.ร. กาหนด - โดยมีเลขาธิการ ก.พ.ร. ซ่ึงเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและ ลูกจ้างของสานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และรับผิดชอบการปฏิบัติราชการข้ึนตรงต่อ นายกรัฐมนตรี 108. ก.พ.ร. มีอานาจหน้าที่ ดงั ตอ่ ไปน้ี (1) เสนอแนะและให้คาปรกึ ษาแก่คณะรัฐมนตรเี กี่ยวกบั การพัฒนาระบบราชการและงานของ รัฐอย่างอ่ืน ซ่ึงรวมถึงโครงสรา้ งระบบราชการ ระบบงบประมาณ ระบบบุคลากร มาตรฐานทางคุณธรรม และจริยธรรม คา่ ตอบแทน และวธิ ีปฏบิ ัติราชการอ่ืน ให้เปน็ ไปตามมาตรา 3/1 โดยจะเสนอแนะใหม้ ีการ กาหนดเปา้ หมาย ยทุ ธศาสตร์ และมาตรการก็ได้ (2) เสนอแนะและใหค้ าปรึกษาแกห่ นว่ ยงานอื่นของรัฐทมี่ ไิ ด้อย่ใู นกากบั ของราชการฝา่ ยบรหิ าร ตามทห่ี นว่ ยงานดงั กลา่ วรอ้ งขอ (3) รายงานต่อคณะรัฐมนตรีในกรณีท่ีมีการดาเนินการขัดหรือไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่ กาหนดในมาตรา 3/1 (4) เสนอตอ่ คณะรฐั มนตรีเพ่ือกาหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานในการจัดตง้ั การรวม การโอน การยุบเลิก การกาหนดชอ่ื การเปล่ียนชอ่ื การกาหนดอานาจหนา้ ท่ี และการแบง่ ส่วนราชการภายในของ ส่วนราชการที่เป็นกระทรวง ทบวง กรม หรอื ส่วนราชการอ่นื (5) เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีในการตราพระราชกฤษฎีกา และกฎที่ออกตาม พระราชบัญญัตนิ ี้ (6) ดาเนินการให้มีการชี้แจงทาความเข้าใจแก่ส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ท่ีเก่ียวข้องและ ประชาชนท่วั ไป รวมตลอดทัง้ การฝกึ อบรม (7) ติดตาม ประเมินผล และแนะนาเพื่อให้มีการปฏิบตั ิตามพระราชบัญญตั ิน้ี และรายงานตอ่ คณะรัฐมนตรีพร้อมทงั้ ขอ้ เสนอแนะ

สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญตั ิระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 193 (8) ตีความและวนิ จิ ฉัยปญั หาทเ่ี กิดขึ้นจากการใช้บงั คบั พระราชบัญญตั ิน้ี หรือกฎหมายวา่ ด้วย การปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม รวมตลอดทั้งกาหนดแนวทางปฏิบัติ ในกรณีที่เป็นปัญหา มติของ คณะกรรมการตามขอ้ น้ี เมอื่ ไดร้ ับความเหน็ ชอบจากคณะรฐั มนตรีแลว้ ใหใ้ ชบ้ ังคับได้ตามกฎหมาย (9) เรียกใหเ้ จ้าหนา้ ทห่ี รือบคุ คลอืน่ ใดมาชแี้ จงหรอื แสดงความเห็นประกอบการพิจารณา (10) จัดทารายงานประจาปเี กี่ยวกับการพัฒนาและจัดระบบราชการและงานของรัฐอย่างอน่ื เสนอตอ่ คณะรัฐมนตรี เพอื่ เสนอตอ่ สภาผ้แู ทนราษฎรและวุฒิสภา (11) แต่งตั้งคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะทางาน เพื่อปฏิบตั ิหน้าท่ีต่างๆ ตามที่ มอบหมาย และจะกาหนดอตั ราเบีย้ ประชมุ หรือคา่ ตอบแทนอื่นดว้ ยกไ็ ด้ (12) ปฏิบตั หิ นา้ ท่ีอื่นตามทกี่ าหนดในพระราชบัญญัติน้ีหรอื ตามที่คณะรฐั มนตรีมอบหมายลอง มาทบทวนตามมาตรา 3/1 (ซงึ่ นามาออกขอ้ สอบบอ่ ยทุกสว่ นราชการ)มาตรา 3/1 การบริหารราชการตาม พระราชบัญญัติน้ีต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธ์ิต่อภารกิจของรัฐ ความมี ประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าในเชิงภารกิจแห่งรัฐ การลดข้ันตอนการปฏิบัติงาน การลดภารกิจและยบุ เลิก หน่วยงานที่ไม่จาเป็น การกระจายภารกิจและทรัพยากรให้แก่ท้องถิ่น การกระจายอานาจตดั สินใจ การ อานวยความสะดวก และการตอบสนองความต้องการของประชาชน ทงั้ น้ี โดยมีผู้รับผดิ ชอบตอ่ ผลของงาน การจัดสรรงบประมาณ และการบรรจุและแต่งต้ังบคุ คลเข้าดารงตาแหน่งหรอื ปฏิบัติหน้าทต่ี ้องคานึงถงึ หลักการตามวรรคหน่ึง ในการปฏิบัติหน้าท่ีของส่วนราชการ ต้องใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งใหค้ านงึ ถึงความรับผดิ ชอบของผู้ปฏิบัตงิ าน การมสี ่วนร่วมของประชาชน การเปิดเผย ข้อมูล การติดตามตรวจสอบและประเมินผลการปฏิบัติงาน ทั้งน้ี ตามความเหมาะสมของแต่ละภารกจิ เพ่ือประโยชน์ในการดาเนินการให้เปน็ ไปตามมาตรานี้ จะตราพระราชกฤษฎีกากาหนดหลักเกณฑ์และ วิธกี ารในการปฏิบัตริ าชการและการสงั่ การใหส้ ่วนราชการและข้าราชการปฏิบตั ิก็ไดท้ าความเข้าใจ ก.พ.ร. อยู่ในส่วนในของการบริหารหารราชการแผ่นดินและไปดูในพ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ฉบับที่ 10 พ.ศ. 2556 มาตรา 7 สานักนายกรัฐมนตรี มสี ่วนราชการ ดังต่อไปน้ี 1. สานกั งานปลดั สานักนายกรฐั มนตรี 2. กรมประชาสัมพนั ธ์ 3. สานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บรโิ ภคสว่ นราชการทีอ่ ยู่ในบังคบั ขน้ึ ตรงต่อนายกรฐั มนตรี 4. สานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 5. สานักเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี 6. สานักข่าวกรองแห่งชาติ 7. สานกั งบประมาณ

194 8. สานกั งานสภาความนั่ คงแหง่ ชาติ 9. สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา 10.สานักงานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน 11.สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ 12.สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ทีว่ า่ มีฐานะเป็นกรมกย็ อ้ นไปดูพระราชบัญญตั ริ ะเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดินพ.ศ. 2534[แก้ไข เพ่ิมเตมิ ถงึ (ฉบบั ที่ 8) พ.ศ. 2553] มาตรา 7 ให้จดั ระเบียบบริหารราชการสว่ นกลาง ดงั นี้ (1) สานกั นายกรฐั มนตรี (2) กระทรวง หรอื ทบวงซง่ึ มฐี านะเทยี บเท่ากระทรวง (3) ทบวง ซ่งึ สงั กดั สานกั นายกรฐั มนตรีหรอื กระทรวง (4) กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอ่ืนและมีฐานะเป็นกรม ซ่ึงสงั กัดหรือไม่สังกัดสานกั นายกรฐั มนตรี กระทรวงหรอื ทบวง สานกั นายกรัฐมนตรีมีฐานะเปน็ กระทรวง ส่วนราชการตาม (1) (2) (3) และ (4) มีฐานะเป็นนิติบุคคลละเลย หรือไม่สนใจอ่าน ว่าที่ไปที่มา ของการแก้ไขเพิ่มเติม เจตนาของ กฎหมายตอ้ งการแก้ไขเพมิ่ เติมเพราะอะไร บทเฉพาะกาล มาตรา 72 คาว่า “ทบวงการเมอื ง” ตามกฎหมายอ่นื ท่มี อี ยกู่ ่อนวันท่ีพระราชบญั ญัตินีใ้ ชบ้ งั คับ ให้หมายความถึงกระทรวง ทบวง กรม ตามพระราชบัญญัติน้ีแล้วแต่กรณี มาตรา 73พระราชกฤษฎีกา และประกาศของคณะปฏวิ ัติเกยี่ วกับการจดั ระเบยี บราชการในสานักงานรฐั มนตรี สานักงานปลดั กระทรวง หรือทบวง กรม และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอ่ืนท่ีมีฐานะเทียบเท่ากรมหรอื มีฐานะเป็นกรมที่ได้ตรา หรือประกาศโดยอาศัยอานาจกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินที่ ใช้บังคับอยู่ก่อนวันท่ี พระราชบญั ญัติน้ีใชบ้ ังคบั ใหค้ งใช้บังคับไดต้ อ่ ไปเท่าที่ไม่ขดั หรือ แย้งกับพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะมีพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดระเบียบราชการตาม พระราชบญั ญตั ินี้ใช้บังคับแทน [มาตรา 73 แกไ้ ขคาว่า “สานักงานเลขานุการรฐั มนตรี” เป็น “สานักงาน รฐั มนตรี” โดยพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ (ฉบบั ท่ี 5) พ.ศ. 2545] มาตรา 74 พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการภายในสานักงานรัฐมนตรี และกรมหรือส่วน ราชการทีเ่ รียกชือ่ อยา่ งอ่ืนและมีฐานะเทียบเทา่ กรมหรือมฐี านะเป็นกรมใดยงั มไิ ด้ระบุอานาจหนา้ ทไี่ ว้ตาม

สรปุ สาระสาคญั พระราชบัญญตั ริ ะเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดินพ.ศ. 2534 195 มาตรา 8 วรรคส่ี ให้ดาเนินการแก้ไขให้เสร็จส้ินภายในสองปีนับแต่วันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้ บังคับ [มาตรา 74 แก้ไขคาว่า “สานักงานเลขานุการรัฐมนตรี” เป็น “สานักงานรัฐมนตรี” โดย พระราชบญั ญัตริ ะเบียบบรหิ ารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545] มาตรา 75 บทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคาสั่งใดอ้างถึงประกาศของ คณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ลงวันท่ี 29 กันยายน พ.ศ. 2515 หรืออ้างถึงบทบัญญัติแห่งประกาศของคณะ ปฏิวัติ ฉบับท่ี 218 ลงวันท่ี 29 กันยายน พ.ศ. 2515 ให้ถือว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคาสั่งน้ันอ้างถึงพระราชบัญญตั ินี้ หรือบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ในบทมาตราที่มนี ยั เชน่ เดยี วกัน แล้วแตก่ รณผี รู้ บั สนองพระบรมราชโองการ (ฉบับแรก) อานนั ท์ ปันยารชุน นายกรฐั มนตรี หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยท่ีเป็นการจาเป็นต้อง กาหนดขอบเขตอานาจหน้าท่ีของสว่ นราชการต่างๆ ใหช้ ัดเจนเพือ่ มิให้มกี ารปฏิบตั ิงานซา้ ซ้อนกนั ระหว่าง สว่ นราชการต่างๆ และเพือ่ ให้การบรหิ ารงานในระดบั กระทรวงมีเอกภาพสามารถดาเนนิ การใหเ้ ปน็ ไปตาม นโยบายทรี่ ฐั มนตรกี าหนดได้ และสมควรเพมิ่ บทบญั ญตั ิเกย่ี วกับการมอบอานาจให้ปฏบิ ตั ริ าชการแทนให้ ครบถ้วนชัดเจนเพื่อไม่ให้เป็นอปุ สรรคในการปฏิบตั ิราชการ และกาหนดอานาจและหน้าทข่ี องผ้วู ่าราชการ จังหวดั ในการควบคมุ ดูแลการปฏบิ ตั ิราชการของขา้ ราชการซึง่ ปฏิบัตริ าชการในเขตจังหวดั ใหเ้ หมาะสมขึ้น ประกอบกับประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี 218 ลงวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2515 ซึ่งเป็นกฎหมายหลัก ในการบริหารราชการแผ่นดินได้ประกาศใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว สมควรแก้ไขปรับปรุงเป็น พระราชบัญญัติเสียในคราวเดียวกัน จึงจาเป็นต้องตราพระราชบัญญัติน้ีมาดูสาระสาคัญท่ีสรุปไว้ แก้ไข เพิ่มเติมแต่ละครัง้ 1. พระราชบัญญตั ิระเบียบบริหารราชการแผน่ ดิน (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2535 หมายเหตุ : เหตุผล ในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบบั น้ี คือ โดยทีพ่ ระราชบญั ญัตคิ ณะกรรมการจดั ระบบการจราจรทาง บก (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2535 ไดบ้ ัญญตั ใิ ห้จัดตงั้ สานกั งานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก เปน็ สว่ น ราชการสังกัดสานักนายกรัฐมนตรี มีเลขาธิการคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกเป็น ผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผดิ ชอบในการปฏิบัติราชการ ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ในการน้ีสมควร แก้ไขเพม่ิ เติมมาตรา 15 แหง่ พระราชบัญญัติระเบียบบรหิ ารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 เสยี ใหม่ เพ่อื ให้ สอดคล้องกัน จึงจาเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 109/ตอนท่ี 21/หน้า 6/14 มีนาคม 2535) 2. พระราชบัญญตั ิระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดิน (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2536 หมายเหตุ : เหตุผล ในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยท่ีเป็นการสมควรกาหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการ พิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสานักงาน คณะกรรมการพิเศษเพ่ือประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ และรับผิด ชอบในการปฏิบตั ิ ราชการ ข้ึนต รงต่อนายกรัฐมนต รีแ ละ โด ยที่พระราชบัญญตั ิคณะกรรมการนโยบายพลงั งานแหง่ ชาติ

196 พ.ศ. 2535 ซงึ่ ได้ใช้บังคับแลว้ บญั ญัตใิ ห้จัดตง้ั สานักงานคณะกรรมการนโยบายพลงั งานแหง่ ชาตเิ ป็นส่วน ราชการสงั กดั สานกั นายกรัฐมนตรี มเี ลขาธกิ ารคณะกรรมการนโยบายพลงั งานแหง่ ชาติเป็นผูบ้ งั คบั บัญชา ขา้ ราชการในสานกั งานคณะกรรมการ นโยบายพลังงานแห่งชาติและรบั ผดิ ชอบในการปฏบิ ัตริ าชการ ขึ้น ตรงต่อนายกรัฐมนตรี ในการน้ีต้องแกไ้ ขเพ่ิมเติมมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติระเบยี บบริหารราชการ แผ่นดนิ พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญัตริ ะเบียบบริหารราชการแผน่ ดิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 เพอื่ กาหนดใหห้ วั หนา้ สว่ นราชการทัง้ สองเป็นผู้บงั คับบญั ชาขา้ ราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติ ราชการขนึ้ ตรงตอ่ นายกรฐั มนตรีจงึ จาเป็นตอ้ งตราพระราชบัญญตั ินี้ (ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ 110/ตอนที่ 127/ฉบบั พิเศษ หน้า 6/6 กันยายน 2536) 3. พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการแผ่นดิน (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2543 มาตรา 5 พระราช กฤษฎีกาแบง่ ส่วนราชการภายในสว่ นราชการตามมาตรา 8 วรรคส่ี แหง่ พระราชบญั ญัติระเบยี บบรหิ าร ราชการแผน่ ดิน พ.ศ. 2534 ทใ่ี ชบ้ งั คบั อยู่ในวันทีพ่ ระราชบญั ญตั นิ ป้ี ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษาให้คงใช้ บงั คบั ไดต้ อ่ ไป จนกวา่ จะมกี ฎกระทรวงว่าดว้ ยการแบง่ ส่วนราชการตามมาตรา 8 ฉ แห่งพระราชบญั ญัติ ระเบยี บบรหิ ารราชการแผ่นดนิ พ.ศ. 2534 ซ่ึงแกไ้ ขเพมิ่ เติมโดยพระราชบัญญัตนิ ้ีใชบ้ งั คับ มาตรา 6 ให้ นายกรัฐมนตรรี กั ษาการตามพระราชบญั ญตั ินี้ หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยท่ีรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย มาตรา 230 ได้บัญญัติให้การรวมหรือโอนกระทรวง ทบวง กรม ท่ีไม่มีการกาหนด ตาแหน่งหรืออัตราของข้าราชการหรือลูกจ้างเพ่มิ ขึ้นหรอื การยุบเลิกส่วนราชการดังกล่าว สามารถทาได้ โดยตราเปน็ พระราชกฤษฎีกา ดังนัน้ สมควรกาหนดลกั ษณะของกรณีท่ีสามารถตราเป็นพระราชกฤษฎีกา และวิธีการดาเนินการของแต่ละกรณี และรูปแบบของพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว รวมท้ังปรับปรุง หลักเกณฑ์การแบ่งส่วนราชการภายในสานักงานเลขานุการรัฐมนตรีและส่วนราชการระดับกรม ท้ังนี้ เพ่ือให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรฐั ธรรมนูญดังกล่าว จึงจาเป็นต้องตราพระราชบัญญัติน้ี (ราชกิจจา นเุ บกษา เล่ม 117/ตอนท่ี 77 ก/หนา้ 22/28 เมษายน 2542) 4. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับท่ี 5) พ.ศ. 2545 มาตรา 16 ในวาระ เร่ิมแรก ให้ ก.พ.ร. ดาเนินการเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรเี พื่อให้มกี ารปรับปรุงโครงสร้าง ระบบราชการ ระบบงบประมาณ ระบบบคุ ลากร การปรับเปลี่ยนสว่ นราชการเป็นองคก์ ารมหาชน หรือองคก์ รรปู แบบอน่ื ที่มิใช่ส่วนราชการ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองความ ตอ้ งการของประชาชน ทั้งนี้ ภายในสองปนี ับแตว่ ันทพ่ี ระราชบญั ญตั นิ ้ใี ชบ้ งั คบั มาตรา 18 ให้ดาเนินการแต่งต้ัง ก.พ.ร. ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ ให้โอนงบประมาณและบุคลากรของสานักงานคณะกรรมการข้าราชการพล เรือน ตามท่ีนายกรัฐมนตรีประกาศกาหนดในราชกิจจานุเบกษา ไปเป็นของสานักงานคณะกรรมการ พัฒนาระบบราชการ ให้อานาจหน้าที่ของสานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรอื นตามมาตรา 8 ทวิ