สรปุ สาระสาคญั พรบ.ระเบียบบรหิ ารงานบุคคลสว่ นทอ้ งถิ่น พ.ศ.2542 297 2.คณะกรรมการกลางพนักงานองคก์ ารบริหารสว่ นตาบล (กรรมการ 18 คน) ตาแหน่ง จานวน ประกอบดว้ ย ประธาน รมต.วา่ การ 1 หรอื รมต.ชว่ ยว่าการกระทรวงมหาดไทยซงึ่ รบั กระทรวงมหาดไทย มอบหมาย กรรมการ -ปลดั กระทรวงมหาดไทย 5 กรรมการโดยตาแหน่ง...ที่มกั จามาออกขอ้ สอบ -เลขาธิการ ก.พ. -ผ.อ.สานักงบประมาณ - อธิบดกี รมบัญชกี ลาง -อธิบดกี รมส่งเสรมิ การ ปกครองท้องถิ่น กรรมการ ผู้แทนเทศบาล 6 1.คดั เลอื กจากประธานกรรมการบรหิ ารอบต. (ปจั จุบนั คอื นายก อบต.) 3 คน 2. คดั เลือกจากปลัด อบต. 3 คน กรรมการ ผทู้ รงคณุ วุฒิ 6 มคี วามรู้ความเชยี่ วชาญ ดังน้ี 1. ดา้ นการบรหิ ารงานทอ้ งถน่ิ 2.ด้านการบรหิ ารงานบคุ คล 3.ดา้ นระบบราชการ 4.ด้านการบริหารและการจดั การ 5.หรอื ดา้ นอ่ืนทจี่ ะเปน็ ประโยชน์แกก่ ารบรหิ ารงาน บคุ คลขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัด รวม 18 เลขาฯ = อธบิ ดกี รมส่งเสรมิ การปกครองทอ้ งถิ่น แต่งตง้ั ขา้ ราชการในกรมซงึ่ ดารงตาแหน่งไม่ตา่ กวา่ รองอธิบดี เป็นเลขานกุ าร ปลัดกระทรวงมหาดไทย มหี น้าท่ีดาเนินการจัดให้มกี ารคดั เลอื กผ้แู ทนองคก์ าร บรหิ ารส่วนตาบล วาระอยใู่ นตาแหน่ง กรรมการผู้แทนและผู้ทรงคุณวุฒมิ วี าระการดารงตาแหน่งคราว ละ 4 ปี และ อาจไดร้ ับคัดเลือกอีกได้
298 การบรหิ ารงานบคุ คลในเมอื งพัทยา 1.คณะกรรมการพนักงานเมืองพัทยา (กรรมการ 12 คน) ตาแหนง่ จานวน ประกอบด้วย ประธาน ผู้ว่าราชการจงั หวดั ชลบุรี 1 กรรมการ กรรมการ นายอาเภอ หรอื หัวหน้า 3 ในจงั หวดั ชลบรุ ี กรรมการ ส่วนราชการ ผู้แทนเมืองพทั ยา 4 1.นายกเมอื งพทั ยา 2.ประธานสภาเมืองพทั ยา (คัดเลอื กกันเอง 1 คน) 3.ปลัดเมอื งพทั ยา 4. ผู้แทนพนักงานเมอื งพัทยา (คัดเลือกกันเอง 1 คน) ผู้ทรงคุณวุฒิ 4 มีความรู้ความเชีย่ วชาญ ดังน้ี 1. ด้านการบรหิ ารงานท้องถิ่น 2.ดา้ นการบรหิ ารงานบุคคล 3.ด้านระบบราชการ 4.ดา้ นการบรหิ ารและการจดั การ 5.หรอื ดา้ นอนื่ ท่จี ะเป็นประโยชน์แกก่ ารบรหิ ารงาน บคุ คลขององค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัด รวม 12 เลขานุการฯ = ปลดั เมอื งพทั ยา ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี มีหน้าท่ีดาเนินการจัดให้มกี ารคัดเลือกผู้แทนพนักงาน เมอื งพทั ยา วาระอยู่ในตาแหน่ง กรรมการผแู้ ทนและผ้ทู รงคุณวุฒิมีวาระการดารงตาแหน่งคราว ละ 4 ปี และ อาจได้รบั คดั เลือกอกี ได้ การกาหนดหลกั เกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารงานบคุ คลของคณะกรรมการพนักงานเมอื งพัทยา ใหม้ ี อานาจกาหนดให้สอดคล้องกับความต้องการและความเหมาะสมของเมืองพัทยา แต่จะต้องอยู่ภายใต้ มาตรฐานทัว่ ไปเกย่ี วกบั การบริหารงานบุคคลที่คณะกรรมการกลางพนกั งานเทศบาลกาหนด
แนวข้อสอบ พรบ. ระเบยี บบรหิ ารงานบุคคลส่วนทอ้ งถน่ิ 2542 299 แนวข้อสอบ พรบ. ระเบยี บบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ิน 2542 1. ใครเป็นผรู้ กั ษาการตาม พรบ.ระเบยี บบรหิ ารงานบุคคลสว่ นทอ้ งถ่ิน พ.ศ.2542 ก. นายกรฐั มนตรี ข. รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย ค. ปลดั กระทรวงมหาดไทย ง. รฐั มนตรีชว่ ยว่าการกระทรวงมหาดไทย 2. พรบ. ระเบียบบรหิ ารงานบุคคลสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ.2542 บังคบั ใชว้ ันท่ีเท่าใด ก. 29 พฤศจิกายน 2542 ข. 29 พฤษภาคม 2542 ค. 30 พฤศจกิ ายน 2542 ง. 30 พฤษภาคม 2542 3. กรรมการผูท้ รงคณุ วุฒิคณะกรรมการขา้ ราชการองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัดมีวาระอยู่ในการดารง ตาแหนง่ กปี่ ี ก. 4 ปี ตดิ ตอ่ กัน 2 วาระ ข. 4 ปี และอาจได้รับคับเลือกอกี ค. 4 ปี ไม่เกิน 2 วาระ ง. 4 ปีวาระเดียว 4. ใครมีหน้าที่ดาเนินการจดั ใหม้ ีการคดั เลอื กผูแ้ ทนข้าราชการองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั ก. นายกรฐั มนตรี ข. ปลัดจงั หวัด ค. ผูว้ ่าราชการจงั หวดั ง. รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย 5. ข้อใดไม่ใชค่ ุณสมบัติและลกั ษณะตอ้ งหา้ มของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการข้าราชการ องค์การบริหารสว่ นจังหวดั ก. อายุไมต่ ่ากว่าส่ีสบิ ปบี รบิ ูรณ์ ข. อายุไม่ต่ากว่าส่ีสบิ ปี ค. ไมเ่ ป็นผดู้ ารงตาแหนง่ ทางการเมอื ง ง. ไมเ่ ปน็ ข้าราชการซง่ึ มตี าแหนง่ หรือเงินเดอื นประจา 6. คณะกรรมการขา้ ราชการองค์การบริหารสว่ นจงั หวัด มีจานวนกี่คน ก. 12 คน ข. 14 คน ค. 16 คน ง. 18 คน 7. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ความร้คู วามเชี่ยวชาญของผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วน จงั หวดั ก. ดา้ นการบริหารงานบคุ คล ข. ด้านการบรหิ ารงานท้องถิน่ ค. ดา้ นกฎหมาย ง. ดา้ นการระบบราชการ
300 8. ผ้ใู ดไมใ่ ช่ผูแ้ ทนคณะกรรมการขา้ ราชการองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด ก. นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัด ข. ผู้วา่ ราชการจงั หวดั ค. ข้าราชการองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัด ง. สมาชิกสภาองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั 9. ขอ้ ใดกล่าวไมถ่ กู ต้อง ก. การประชมุ ของคณะกรรมการขา้ ราชการองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัดตอ้ งมกี รรมการมาประชุม ไมน่ ้อยกว่าก่ึงหนงึ่ ของจานวนกรรมการทงั้ หมดจึงจะเปน็ องคป์ ระชุม ข. ถา้ ประธานไมอ่ ยใู่ นทป่ี ระชมุ หรอื ไมส่ ามารถปฏบิ ัตหิ นา้ ทไี่ ด้ให้นายกองค์การบรหิ ารส่วน จังหวัดทาหน้าทเ่ี ปน็ ประธานในทป่ี ระชมุ ค. ในการประชุมถ้ามีการพจิ ารณาเร่อื งเกี่ยวกับกรรมการผู้ใดโดยเฉพาะ กรรมการผู้น้ันไมม่ ีสทิ ธิ เขา้ ประชมุ ง. ในการประชุมถา้ มีการพจิ ารณาเรือ่ งเกยี่ วกบั กรรมการผูใ้ ดโดยเฉพาะ กรรมการผู้นั้นไมม่ ีสทิ ธิ ออกเสียงในทป่ี ระชุม 10. การคัดเลอื กกรรมการผทู้ รงคุณวุฒิให้ประธานและหัวหน้าสว่ นราชการประจาจังหวัดเสนอรายช่ือ จานวนกี่คน ก. 4 คน ข. 6 คน ค. 8 คน ง. 12 คน 11. ข้อใดไมใ่ ช่อานาจหนา้ ที่ของคณะกรรมการข้าราชการองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั ก. กาหนดระเบยี บเก่ียวกับการบรหิ าร ข. กาหนดจานวนและอัตราตาแหน่ง ค. กาหนดมาตรฐานทว่ั ไปเกยี่ วกบั อตั ราตาแหนง่ ง. กาหนดหลักเกณฑ์และเง่อื นไขการ คดั เลือก 12. คณะกรรมการกลางขา้ ราชการองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั มจี านวนกี่คน ก. 12 คน ข. 14 คน ค. 16 คน ง. 18 คน 13.ประธานคณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดคือผใู้ ด ก. ผ้วู า่ ราชการจังหวดั ข. รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย ค. นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัด ง. ปลดั จงั หวัด
แนวข้อสอบ พรบ. ระเบยี บบริหารงานบุคคลส่วนทอ้ งถิน่ 2542 301 14. ขอ้ ใดกล่าวไมถ่ ูกตอ้ ง ก. ผวู้ า่ ราชการจงั หวัด เปน็ ประธานคณะกรรมการขา้ ราชการองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัด ข. ผู้ว่าราชการจงั หวัด เป็นประธานคณะกรรมการกลางข้าราชการองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ค. ปลดั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เป็นเลขาฯคณะกรรมการข้าราชการองค์การบรหิ ารส่วน จังหวดั ง. ผู้วา่ ราชการจงั หวัด เป็นประธานคณะกรรมการพนกั งานเทศบาล 15. ผูใ้ ดไมใ่ ช่คณะกรรมการกลางขา้ ราชการองค์การบริหารส่วนจงั หวัด ก. เลขาธกิ าร ก.พ. ข. อธบิ ดีกรมส่งเสรมิ การปกครองทอ้ งถ่ิน ค. ผู้อานวยการสานกั งบประมาณ ง. ผ้วู ่าราชการจงั หวัด 16. ใครเป็นเลขานุการคณะกรรมการกลางขา้ ราชการองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด ก. คนท่ีผวู้ า่ ราชการจงั หวัดแตง่ ตง้ั ข. คนทอี่ ธบิ ดกี รมส่งเสรมิ การปกครองแตง่ ตัง้ ค. ปลดั จงั หวดั ง. ปลดั องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั 17. ใครเป็นผแู้ ต่งต้ังบุคคลเป็นเลขานกุ ารคณะกรรมการพนกั งานเทศบาล ก. นายกเทศมนตรี ข. ผูว้ า่ ราชการจงั หวัด ค. ประธานสภาเทศบาล ง. คณะกรรมการคดั เลอื ก 18. หวั หนา้ ส่วนราชการประจาจังหวัดเปน็ คณะกรรมการพนกั งานเทศบาลกีค่ น ก. 4 คน ข. 5 คน ค. 6 คน ง. 7 คน 19. ขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ ง ก. ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั เป็นประธานคณะกรรมการพนกั งานเทศบาล ข. ผูว้ ่าราชการจงั หวดั หรอื รองผวู้ ่าราชการจงั หวัดเปน็ ประธานคณะกรรมการพนกั งานเทศบาล ค. ปลัดจงั หวัด เป็นเลขานุการคณะกรรมการพนกั งานเทศบาล ง. นายกเทศมนตรีแต่งต้งั ข้าราชการเป็นเลขานุการคณะกรรมการพนกั งานเทศบาล 20. ผใู้ ดไมไ่ ด้เปน็ ผ้แู ทนเทศบาลของคณะกรรมการพนักงานเทศบาล ก. นายกเทศมนตรี ข. รองนายกเทศมนตรี ค. ผู้แทนพนักงานเทศบาล ง. ประธานสภาเทศบาล 21. ผู้แทนและผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการพนกั งานเทศบาลมีวาระในการดารงตาแหนง่ ก่ปี ี ก. 4 ปีวาระเดยี ว ข. 4 ปี ตดิ ต่อกนั 2 วาระ ค. 4 ปี ไมเ่ กิน 2 วาระ ง. 4 ปี และอาจไดร้ บั คับเลือกอีก
302 22. ใครมีหน้าทดี่ าเนนิ การจดั ให้มีการคัดเลอื กผูแ้ ทนคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล ก. ปลดั กระทรวงมหาดไทย ข. อธบิ ดกี รมบญั ชีกลาง ค. รัฐมนตรีชว่ ยวา่ การกระทรวงมหาดไทย ง. อธบิ ดีกรมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถิ่น 23. ผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาลต้องมีความรู้ความเช่ียวชาญในด้านใด ก. ด้านการบรหิ ารงานทอ้ งถ่นิ ข. ด้านกฎหมาย ค. ดา้ นการบรหิ ารและการจดั การ ง. ถกู ท้ังข้อ ก. และขอ้ ค. 24. บคุ คลใดเป็นคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล ก. ผู้ว่าราชการจงั หวดั ข. ผูอ้ านวยการสานกั งบประมาณ ค. ปลัดจงั หวัด ง. ปลดั กระทรวงการคลงั 25. คณะกรรมการพนกั งานสว่ นตาบลมีจานวนก่ีคน ก. 12 คน ข. 16 คน ค. 18 คน ง. 27 คน 26. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ตอ้ ง ก. ผูว้ ่าราชการจังหวดั เป็นประธานคณะกรรมการพนักงานสว่ นตาบล ข. ผูว้ ่าราชการจงั หวัดหรือรองผู้วา่ ราชการท่ไี ดร้ บั มอบหมาย เปน็ ประธานคณะกรรมการ พนกั งานส่วนตาบล ค. ปลัดจงั หวดั เป็นเลขานกุ ารคณะกรรมการพนกั งานส่วนตาบล ง. นายอาเภอ แต่งตั้งบุคคลเพื่อเป็นเลขานุการพนักงานส่วนตาบล 27. การคัดเลือกผทู้ รงคุณวุฒิ ผู้แทนองค์การบริหารสว่ นตาบลเสนอรายช่อื ได้กค่ี น ก. 6 คน ข. 10 คน ค. 12 คน ง. 15 คน 28. ใครเป็นผ้จู ัดใหม้ กี ารคดั เลือกผแู้ ทนคณะกรรมการพนักงานสว่ นตาบล ก. ผู้วา่ ราชการจงั หวดั ข. หัวหน้าสว่ นราชการ ค. นายอาเภอ ง. นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล 29. คณะกรรมการกลางพนกั งานสว่ นตาบลมีก่ีคน ก. 12 คน ข. 16 คน ค. 18 คน ง. 27 คน
แนวข้อสอบ พรบ. ระเบียบบรหิ ารงานบคุ คลส่วนท้องถิน่ 2542 303 30. ขอ้ ใดไม่ใช่ความรู้ความเชียวชาญของผู้ทรงคณุ วุฒิของคณะกรรมการกลางพนักงานสว่ นตาบล ก. ด้านการระบบราชการ ข. ดา้ นการพฒั นาทอ้ งถ่นิ ค. ดา้ นการบริหารงานบุคคล ง. ด้านการบรหิ ารงานท้องถ่นิ 31. คณะกรรมการพนกั งานเมืองพัทยามที ั้งหมดกี่คน ก. 12 คน ข. 16 คน ค. 18 คน ง. 27 คน 32. ขอ้ ใดกล่าวถูกต้อง ก. ผูว้ า่ ราชการจังหวดั ชลบรุ ี เป็นประธานคณะกรรมการพนกั งานเมอื งพทั ยา ข. ผูว้ ่าราชการจงั หวัดชลบรุ ี หรือรองผู้ว่าราชการจงั หวดั ชลบรุ ีเป็นประธานคณะกรรมการ พนักงานเมืองพทั ยา ค. ปลดั เมอื งพทั ยา แต่งต้งั บคุ คลเปน็ เลขานกุ ารคณะกรรมการพนกั งานเมอื งพัทยา ง. นายอาเภอ เปน็ ผดู้ าเนินการจดั ใหก้ ารคัดเลอื กผแู้ ทนพนกั งานเมอื งพทั ยา 33. ผใู้ ดไม่ใช่คณะกรรมการพนักงานเมืองพัทยา ก. ผวู้ า่ ราชการจงั หวัดชลบรุ ี ข. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย ค. นายอาเภอหรือหัวหน้าส่วนราชการในจังหวดั ชลบุรี ง. ปลดั เมืองพทั ยา 34. คณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบุคคลส่วนทอ้ งถนิ่ เรียกโดยย่อวา่ ก. ก.ถ. ข. กถ. ค. กก.ถ. ง. กกถ. 35. ใครไมใ่ ช่คณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบุคคลส่วนท้องถ่ิน ก. ผอู้ านวยการสานกั งบประมาณ ข. ปลดั กระทรวงการคลัง ค. ปลดั กระทรวงมหาดไทย ง. รฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 36. ผทู้ รงคุณวุฒิคณะกรรมการข้าราชการองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดมีวาระอยู่ในตาแหนง่ กี่ปี ก. 2 ปี ข. 3 ปี ค. 4 ปี ง. 5 ปี
304 37. อานาจหน้าทีข่ องคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลสว่ นท้องถิ่นคอื ข้อใด ก. กาหนดมาตรฐานกลางและแนวทางการบรหิ ารงานบุคคลสว่ นท้องถน่ิ ข. กาหนดมาตรฐานท่วั ไปเกย่ี วกบั คุณสมบตั แิ ละลกั ษณะตอ้ งห้ามเบอ้ื งตน้ ค. กาหนดมาตรฐานทว่ั ไปเกีย่ วกบั การใหอ้ อกจากราชการ ง. กาหนดจานวนและอัตราตาแหน่ง 38. ใครเป็นผู้ดาเนินการจัดให้มกี ารคดั เลอื กประธานกรรมการมาตรฐานการริหารงานบคุ คลส่วน ท้องถ่ิน ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ข. ปลดั กระทรวงมหาดไทย ค. อบดีกรมส่งเสริมการปกครองทอ้ งถ่ิน ง. เลขาธกิ าร ก.พ. 39. ใครเป็นผ้มู ีอานาจออกคาสัง่ แตง่ ตง้ั ขา้ ราชการองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด ก. นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด ข. นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัด โดยความเห็นชอบของผ้วู ่าราชการจงั หวัด ค. นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัด โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการขา้ ราชการองคก์ าร บรหิ ารส่วนจังหวดั ง. คณะกรรมการข้าราชการองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัด 40. ใครเป็นผปู้ ระกาศแต่งตงั้ บคุ คลทไ่ี ด้รบั การคัดเลอื กเป็นประธานกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงาน บุคคลสว่ นท้องถิ่น ก. ปลดั กระทรวงมหาดไทย ข. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ค. อธบิ ดกี รมส่งเสรมิ การปกครองทอ้ งถิน่ ง. นายกรฐั มนตรี 41. ประธานกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบคุ คลสว่ นทอ้ งถิ่น มีวาระอยใู่ นตาแหน่งคราวละก่ปี ี ก. 4 ปี วาระเดยี ว ข. 6 ปี วาระเดียว ข. 4 ปี ไมเ่ กนิ 2 วาระ ง. 6 ปี ไม่เกนิ 2 วาระ 42. การจา่ ยเงินเดอื น ประโยชน์ตอบแทนอื่น เงินคา่ จา้ งท่ีนามาจากเงินรายไดไ้ ม่รวมเงินอดุ หนุนหรอื และเงินกู้อื่นใด องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินแต่ละแห่ง ต้องกาหนดไว้เทา่ ใด ก. รอ้ ยละ 40 ของเงินงบประมาณรายจ่ายประจาปี ข. ไมเ่ กนิ ร้อยละ 40 ของเงนิ งบประมาณรายจ่ายประจาปี ค. รอ้ ยละ 40 ของเงนิ งบประมาณรายรับประจาปี ง. ไมเ่ กนิ ร้อยละ 40 ของเงนิ งบประมาณรายรบั ประจาปี
แนวขอ้ สอบ พรบ. ระเบยี บบรหิ ารงานบคุ คลส่วนท้องถนิ่ 2542 305 43. ใหจ้ ัดต้งั สานักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นขึน้ ในหน่วยงานใด ก. สานกั นายกรฐั มนตรี ข. สานักงานปลดั กระทรวง กระทรวงมหาดไทย ข. สานกั งานปลัดสานกั นายกฯ ง. สานักปลัดกระทรวงมหาดไทย 44. ใครเป็นประธานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลสว่ นทอ้ งถิ่น คนปจั จุบัน ก. นายพงศ์โพยม วาศภูติ ข. นายวัชรินทร์ ทองสกุล ค. นายประยูร พรหมพันธ์ุ ง. นายคณพล ปิ่นแกว้
306 เฉลยแนวขอ้ สอบ พรบ. ระเบียบบรหิ ารงานบุคคลสว่ นท้องถ่นิ 2542 ข้อ คาตอบ ข้อ คาตอบ 1 ข 23 ง 2 ค 24 ข 3 ข 25 ง 4 ค 26 ข 5 ข 27 ง 6 ก 28 ก 7 ค 29 ค 8 ข 30 ข 9 ข 31 ก 10 ข 32 ก 11 ค 33 ข 12 ง 34 ก 13 ข 35 ง 14 ข 36 ค 15 ง 37 ก 16 ข 38 ก 17 ข 39 ค 18 ข 40 ข 19 ก 41 ข 20 ข 42 ข 21 ง 43 ข 22 ก 44 ก
สรปุ สาระสาคญั การบรหิ ารงานบุคคลในองค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ 307 สรปุ สาระสาคัญการบรหิ ารงานบุคคลในองคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น คณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนทอ้ งถน่ิ (ก.ถ.) (กรรมการ 17 คน) ตาแหนง่ จานวน ประธาน 1 กรรมการโดยตาแหน่ง , ผทู้ รงคณุ วุฒิ, และผู้แทน ร่วมกันเสนอ รายชอ่ื ประธานฝ่ายละ3 คน และใหบ้ ุคคล 9 คนประชมุ คดั เลือก กนั เอง ผู้ไดร้ บั คะแนนสูงสดุ เปน็ ผูไ้ ด้รบั การคัดเลอื ก ตอ้ งมีความร้คู วามเช่ียวชาญ 1. ด้านการบรหิ ารงานท้องถิ่น 2.ด้านการบริหารงานบุคคล 3.ดา้ นระบบราชการ 4.ด้านการบริหารและการจดั การหรอื ด้านกฎหมาย และไมไ่ ด้เปน็ กรรมการใดๆ กรรมการโดยตาแหนง่ 6 1.เลขาธิการ ก.พ. 2.เลขาธกิ ารคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ 3.ผูอ้ านวยการสานักงบประมาณ 4.ปลดั กระทรวงการคลงั 5.ปลดั กระทรวงมหาดไทย 6.อธิบดีกรมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถน่ิ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ 5 คณะรฐั มนตรแี ตง่ ตั้งจากผมู้ ีความรูค้ วามเชยี วชาญ 1. ดา้ นการบรหิ ารงานท้องถน่ิ 2.ดา้ นการบริหารงานบคุ คล 3.ด้านระบบราชการ 4.ดา้ นการบรหิ ารและการจดั การหรอื ดา้ นกฎหมาย ผแู้ ทน 5 ผแู้ ทนคณะกรรมการกลางข้าราชการ อบจ. 1 คน ผแู้ ทนคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล 1 คน ผแู้ ทนคณะกรรมการกลางพนกั งานส่วนตาบล 1 คน ผแู้ ทนคณะกรรมการขา้ ราชการ กทม. 1 คน ผู้แทนคณะกรรมการพนกั งานเมอื งพทั ยา 1 คน เลขานุการ = หัวหนา้ สานักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบคุ คลส่วนท้องถ่นิ
308 วาระอยู่ในตาแหน่ง ประธานกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบุคคลสว่ นท้องถ่ิน มี วาระการอยู่ในตาแหนง่ คราวละ 6 ปี นบั ตัง้ แต่วนั ท่ไี ด้รับการแตง่ ตงั้ ไดเ้ พยี งวาระเดยี ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประกาศแต่งต้ังบุคคลซ่ึงได้รับการคัดเลือกเปน็ ประธานกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถิ่น อานาจหนา้ ท่ีคณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบุคคลสว่ นท้องถิ่น (1) กาหนดมาตรฐานกลางและแนวทางในการรักษาระบบคุณธรรมเกี่ยวกับการบริหารงาน บุคคลโดยเฉพาะในเรื่องการแตง่ ต้ังและการใหพ้ ้นจากตาแหน่งของพนักงานส่วนท้องถ่ินรวมตลอดถึงการ กาหนดโครงสร้างอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นให้มีสัดส่วนที่เหมาะสมแก่รายได้และการ พัฒนาท้องถิ่นตามอานาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ท้ังนี้ การกาหนดมาตรฐานกลางและ แนวทางจะต้องไม่มีลักษณะเป็นการกาหนดหลักเกณฑ์การบริหารงานบุคคลโดยเฉพาะเจาะจงท่ีทาให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถบริหารงานบุคคลตามความต้องการและความเหมาะสมของแต่ละ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิน่ ได้ (2) กาหนดแนวทางการพัฒนาการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นเพ่ือรองรับการกระจาย อานาจการปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน (3) กาหนดหลกั เกณฑแ์ ละเงอ่ื นไขการคัดเลอื กผแู้ ทนและผ้ทู รงคณุ วุฒขิ องคณะกรรมการกลาง (4) สง่ เสรมิ ให้มกี ารศกึ ษา วเิ คราะห์ หรอื วจิ ัยเกี่ยวกับการบรหิ ารงานบคุ คลสว่ นทอ้ งถิน่ (5) ให้คาปรึกษา คาแนะนา และพิจารณาปัญหาเกี่ยวกบั การบรหิ ารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นแก่ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่น (6) ประสานงานกบั คณะรฐั มนตรี หน่วยงานของรัฐ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ คณะกรรมการ ข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการประเภทต่าง ๆ คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือ พนักงานส่วนท้องถ่ิน และคณะกรรมการข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถ่ิน เพ่ือส่งเสริมให้การ บรหิ ารงานบคุ คลสว่ นท้องถ่ินมีประสทิ ธิภาพ (7) ปฏิบัติการอื่นตามทีก่ าหนดไว้ในพระราชบัญญตั นิ ี้หรือกฎหมายอ่ืน มาตรา 35 ในการจ่ายเงินเดือน ประโยชน์ตอบแทนอื่น และเงินค่าจ้างของข้าราชการ หรือ พนักงานส่วนท้องถิ่น และลูกจ้าง ท่ีนามาจาเงินรายได้ท่ีไม่รวมเงินอุดหนุนและเงินกู้หรือเงินอื่นใดน้ัน องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ แต่ละแหง่ จะกาหนดสูงกวา่ ร้อยละสี่สบิ ของเงินงบประมาณรายจา่ ยประจาปี ขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่นนั้นไมไ่ ด้
สรปุ สาระสาคญั การบรหิ ารงานบคุ คลในองคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ 309 จดั ต้งั สานักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถ่นิ ขึ้นในสานกั งาน ปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่รับผิดชอบงานในราชการของคณะกรรมการมาตรฐานการ บรหิ ารงานบคุ คลสว่ นทอ้ งถนิ่ และมีอานาจหนา้ ท่ี ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) รับผิดชอบในงานธุรการของคณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบคุ คลสว่ นทอ้ งถนิ่ (2) ศึกษา วเิ คราะห์ และรวบรวมขอ้ มูลต่าง ๆ เก่ยี วกับงานของคณะกรรมการมาตรฐานการ บรหิ ารงานบุคคลส่วนทอ้ งถิ่น (3) ประสานงาน ตดิ ตาม และประเมินผลการบรหิ ารงานบุคคลขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น (4) ช่วยเหลอื และใหค้ าปรกึ ษาและแนะนาเกี่ยวกบั การบรหิ ารงานบุคคลสว่ นทอ้ งถ่นิ (5) จดั ประชมุ สมั มนา ฝกึ อบรม รวมทง้ั การประชาสัมพนั ธแ์ ละเผยแพรค่ วามรู้เกยี่ วกบั การ บรหิ ารงานบคุ คลส่วนทอ้ งถ่ิน (6) จดั ทารายงานประจาปเี กย่ี วกบั วัตถปุ ระสงค์ ผลงาน และอปุ สรรคในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทแ่ี ละใน การดาเนินงานของคณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบุคคลสว่ นทอ้ งถิน่ และสานกั งาน คณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนทอ้ งถิ่น (7) ปฏิบัติงานอืน่ ๆ ตามทคี่ ณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบุคคลสว่ นท้องถิ่นมอบหมา ยามรูเ้ กยี่ วกับการบรหิ ารงานบุคคลส่วนทอ้ งถ่ิน
310 สรุปสาระสาคัญพระราชกฤษฎีกาว่าดว้ ยหลักเกณฑ์และวธิ ีการบริหารบา้ นเมืองทีด่ ี พ.ศ. 2546 พระราชกฤษฎกี า ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวธิ ีการบรหิ ารบ้านเมอื งทดี่ ี พ.ศ. 2546 เปน็ กฎหมายที่ กาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการปฏิบัติราชการ การส่ังการให้ส่วนราชการและข้าราชการปฏิบัติ ราชการเพื่อให้เกิดการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี สอดคล้องกับการปฏิรูประบบราชการ เพ่ือให้การ ปฏิบัติงานของส่วนราชการตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศ และให้บริการแก่ประช าชนอย่างมี ประสิทธิภาพ มาตรา 1 ช่ือ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวธิ กี ารบริหารกิจการบา้ นเมอื งท่ีดี พ.ศ. 2546 มาตรา 2 ข้อควรจา -> พระราชกฤษฎกี า วา่ ด้วยหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารบรหิ ารบา้ นเมอื งทดี่ ี พ.ศ. 2546 ให้ไว้ ณ วันท่ี 9 ตุลาคม พ.ศ. 2546 และบังคับใช้ต้ังแต่วันถัดจากประกาศในราชกิจจา นุเบกษาเปน็ ต้นไป น้นั กค็ อื วันที่ 10 ตลุ าคม 2546 เล่ม 100 ตอน 20ก. มาตรา 3 การปฏบิ ัติตาม พรฎ.น้ี ให้เป็นไปตามที่ ครม.กาหนด ตามขอ้ เสนอแนะของ ก.พ.ร. มาตราท่ี 4 คาจากดั ความในพระรากฤษฎีกานี้ “สว่ นราชการ” หมายความวา่ สว่ นราชการตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรมและหนว่ ยงานอ่นื ของรฐั ท่อี ย่ใู นกากบั ของราชการฝ่ายบรหิ ารแต่ไม่รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน “รัฐวิสาหกิจ” หมายความว่า รัฐวิสาหกิจท่ีจัดต้ังขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎกี า “ข้าราชการ” หมายความรวมถงึ พนกั งาน ลูกจ้าง หรอื ผู้ปฏิบัตงิ านในส่วนราชการ มาตราท่ี 5 ใหน้ ายกรัฐมนตรรี กั ษาการตามพระราชกฤษฎกี านี้ หมวด 1 การบรหิ ารบา้ นเมืองที่ดี มาตรา 6 พระราชกฤษฎกี า มีเป้าหมาย ดังน้ี 1) เกดิ ประโยชนส์ ขุ ของประชาชน 2) เกิดผลสัมฤทธ์ิตอ่ ภารกจิ ของรฐั 3) มปี ระสทิ ธิภาพและเกดิ ความค้มุ คา่ ในเชงิ ภารกจิ ของรฐั 4) ไมม่ ขี ั้นตอนการปฏิบตั ิงานเกนิ ความจาเปน็ ได้แก่การกาหนดระยะเวลาในการปฏิบัติงานและการลดข้ันตอนการปฏิบัติงาน จัดให้มีการ กระจายอานาจการตัดสินใจ เพื่อใหก้ ารปฏิบัติงานเสร็จสน้ิ ที่จุดบริการใกล้ตัวกับประชาชน รวมท้ังการ ปฏบิ ตั งิ านในรูป one – stop service
สรปุ สาระสาคญั พระราชกฤษฎกี าว่าดว้ ยหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารบรหิ ารบา้ นเมืองทด่ี ี พ.ศ. 311 2546 5) มีการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการให้ทันต่อเหตุการณ์ ได้แก่ การทบทวนและปรบั ปรุง กระบวนการ และขั้นตอนทางานใหม่อยู่เสมอ ทบทวนลาดับความสาคัญ และความจาเป็นทางแผนงาน และโครงการทกุ ระยะ การยบุ เลิกส่วนราชการทไี่ มจ่ าเป็น และปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ ตา่ ง ๆ ให้ เหมาะสมกับเหตกุ ารณ์อยู่เสมอ 6) ประชาชนได้รับการอานวยความสะดวกและได้รับการตอบสนองความต้องการ ได้แก่ การ ปฏิบัติราชการท่ีมุ่งเน้นกับความต้องการและความพงึ พอใจของประชาชนผู้รบั บริการเปน็ หลกั โดยมีการ สารวจความต้องการของประชาชน และความพึงพอใจของผู้รบั บรกิ ารอย่างสม่าเสมอ เพือ่ นามา ปรับปรงุ การปฏบิ ตั ริ าชการ 7) มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่าเสมอได้แก่ การตรวจสอบและวัดผลการ ปฏิบัติงาน เพอื่ ใหเ้ กิดระบบการควบคมุ ตนเอง สตู รเทคนิคการจา ; ประโยชน์ – สมั ฤทธิ์ – ประสิทธิ์ – ข้นั ตอน – ปรับปรุง – อานวย – ประเมิน หมวดท่ี 2 การบริหารราชการเพ่ือใหเ้ กดิ ประโยชนส์ ุขของประชาชน มาตราที่ 7 หมายถงึ การปฏบิ ัตริ าชการท่ีมเี ปา้ หมายเพ่ือเกดิ ความผาสกุ และความเป็นอยขู่ อง ประชาชนมีความสงบและปลอดภยั ของสังคมส่วนรวมตลอดจนประโยชน์สงู สดุ ของประเทศ มาตราท่ี 8 กาหนดใหม้ ีแนวทางบรหิ ารราชการ ดงั นี้ 1) กาหนดภารกิจของส่วนราชการต้องทาไปเพ่ือความผาสุกของประชาชนและสอดคล้องกับ แนวนโยบายแหง่ รัฐ และแนวนโยบายของรัฐบาล 2) ตอ้ งปฏบิ ัตไิ ปโดยความซือ่ สัตยส์ จุ รติ สามารถตรวจสอบได้ 3) ก่อนเร่ิมดาเนินการ ต้องศึกษาวิเคราะห์ผลดี และผลเสียให้ครบถ้วน ด้วยความโปร่งใส ภารกิจใดมผี ลกระทบต่อประชาชน ตั้งรับฟังความคดิ เห็นของประชาชนตระหนกั ถึงประโยชน์ส่วนรวมท่ี จะไดร้ ับประชาชนตระหนักถงึ ประโยชนส์ ่วนรวมท่ีจะไดร้ บั 4) เป็นหนา้ ท่ีต้องรบั ฟงั ความคิดเหน็ ความพงึ พอใจของสังคม และประชาชน ที่ไดร้ ับบรกิ ารเพอ่ื นามาปรบั ปรงุ เสนอแนะผูม้ ีอานาจปรับปรงุ ให้เหมาะสม
312 5) พบปัญหาอุปสรรคการดาเนินการ ให้รีบแก้ไขปัญหาอุปสรรคโดยเร็ว หากพบว่า ปัญหา อุปสรรคเกิดจากส่วนราชการ ระเบียบ ข้อบังคับ รีบแจ้งให้ส่วนราชการเกี่ยวข้อง ทราบเพื่อปรับปรุง โดยเรว็ และแจง้ ให้ ก.พ.ร. ทราบดว้ ย หมวดที่ 3 การบรหิ ารราชการเพื่อใหเ้ กดิ ผลสมั ฤทธ์ติ อ่ ภารกจิ ของรฐั มาตรา 9 เพ่อื ให้เกดิ ผลสัมฤทธติ์ อ่ ภารกิจของรฐั ให้ส่วนราชการปฏบิ ัติ ดงั น้ี 1) ก่อนดาเนนิ การ ต้องจดั ทาแผนปฏิบัตริ าชการไว้เปน็ การลว่ งหนา้ 2) ในแผนปฏิบัติราชการ ต้องมีรายละเอียดของข้ันตอน ระยะเวลาและงบประมาณที่ต้องใช้ เป้าหมายของภารกิจ ผลสัมฤทธ์ิ และตวั ช้วี ดั ความสาเร็จ 3) ตอ้ งจดั ให้มกี ารตดิ ตาม และประเมนิ ผลการปฏบิ ัติตามแผนปฏิบัตริ าชการ 4) การปฏิบตั ติ ามแผนปฏบิ ตั ิราชการเกิดผลกระทบตอ่ ประชาชน ต้องรีบแกไ้ ขหรอื บรรเทาหรอื เปลี่ยนแปลงแผนปฏิบัตริ าชการให้เหมาะสม มาตรา 10 ภารกจิ ใดมคี วามเกี่ยวข้องกบั หลายส่วนราชการ ใหส้ ่วนราชการท่เี ก่ียวข้องกาหนด แนวปฏิบัติราชการ เพ่ือให้เกดิ การบรหิ ารราชการบูรณาการพร้อมกัน โดยมุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกจิ ของรฐั มาตรา 11 การพัฒนาความรู้ในส่วนราชการ ที่มีลักษณะเป็นองค์แห่งการเรียนรู้อย่าง สมา่ เสมอ เพื่อนาความรูม้ าประยุกต์ใช้ได้อย่างถกู ต้อง รวดเรว็ สง่ เสริมพัฒนาความรคู้ วามสามารถ สร้าง วิสัยทศั นแ์ ละเปลย่ี นทัศนคติ ให้มกี ารเรยี นรรู้ ว่ มกัน มาตรา 12 ก.พ.ร. อาจเสนอต่อ ครม.เพ่ือกาหนดมาตรการกากับการปฏิบัติราชการ (คา รบั รองการปฏบิ ตั ริ าชการ โดยวธิ ีการจดั ทาความตกลงเปน็ ลายลักษณอ์ กั ษร หรือโดยวธิ อี ่นื ใด มาตรา 13 ให้ ครม.จัดให้มี แผนการบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อ ครม.แถลงนโยบายต่อ รฐั สภา 15วนั ) แลว้ ให้ 1. สานกั งานเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี 2. สานกั งานเลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี 3. สานักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาต(ิ สศช.)
สรปุ สาระสาคญั พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวธิ ีการบรหิ ารบ้านเมอื งทด่ี ี พ.ศ. 313 2546 4. สานักงบประมาณ ร่วมกันจัดทาแผนฯเสนอ ครม.พิจารณา ภายใน 90 วัน เสนอ นายกภายใน 60 วัน นับแต่วันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เม่ือครม.เห็นชอบ ให้มีผลผกู พัน ครม. / รมต. / ส่วนราชการ มาตรา 14 การจัดทาแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ให้จัดทาเปน็ แผน 4 ปี โดยนานโยบาย ของรัฐบาลทีแ่ ถลงตอ่ รัฐสภามาพิจารณาดาเนินการให้สอดคลอ้ งกับ แนวนโยบายข้ันพื้นฐานแหง่ รฐั ตาม มาตรา.75-76 รธน. และแผนพัฒนาประเทศที่เก่ียวข้อง อย่างน้อยต้องมีสาระสาคัญเกี่ยวกับ 1.การกาหนดเป้าหมายและผลสัมฤทธ์ขิ องงาน 2.สว่ นราชการ และบคุ คลทีร่ บั ผดิ ชอบ ในแตล่ ะภารกิจ 3.ประมาณการรายได้ และรายจ่าย และทรัพยากรต่างๆท่ีจะต้องใช้ในแต่ละภารกิจ 4.ระยะเวลาการดาเนินการ 5.การตดิ ตามประเมินผล มาตรา 15 เมอ่ื มีการประกาศใชบ้ งั คบั แผนการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ แลว้ ให้ 1. สานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า 2. สานกั งาน เลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี รว่ มกนั พจิ ารณาจดั ทาแผนนิติบญั ญตั ิ (ทาใหแ้ ลว้ เสรจ็ สน้ิ ภายใน 120 วนั นบั แตแ่ ผนฯประกาศในราชกจิ จาฯ)โดยมีรายละเอยี ดเก่ยี วกบั 1.กฎหมายทจี่ ะตอ้ งจดั ใหม้ ีขน้ึ ใหม่ 2.กฎหมายที่ตอ้ งมกี ารแก้ไขเพิม่ เติม หรอื ยกเลกิ ให้สอดคลอ้ งกับแผนการบริหารราชการ แผน่ ดนิ 3.สว่ นราชการผู้รบั ผิดชอบ 4.ระยะเวลาท่ีดาเนินการ แผนนิติบัญญัตินั้น เม่ือ ครม.เห็นชอบให้มีผลผูกพันส่วนราชการที่ เก่ียวข้องที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามน้ันในกรณีท่ีเหน็ ควร สานักงานกฤษฎีกาอาจเสนอต่อ ครม. เพื่อ กาหนด หลักเกณฑ์การจดั ทาแผนนิติบัญญตั ิเพ่ือให้เกิดความรว่ มมือในการปฏบิ ตั ิงาน มาตรา 16 ใหส้ ่วนราชการจดั ทาแผนปฏบิ ตั ริ าชการของส่วนราชการน้ัน โดยจัดทาเปน็ แผน 4 ปี สอดคล้องกับแผนบริหารราชการแผน่ ดนิ แตล่ ะปงี บประมาณให้จดั ทาแผนปฏิบัตกิ ารประจาปี โดยระบุ สาระสาคัญเกี่ยวกับนโยบายการปฏิบัติราชการ เป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ของงาน รวมทั้งประมาณการ รายไดร้ ายจา่ ยเม่อื สิ้นปงี บประมาณให้จดั ทารายงานแสดงผลสัมฤทธ์ิของแผนปฏบิ ตั ริ าชการ มาตรา 17 ให้ สานักงบประมาณ และ ก.พ.ร. ร่วมกนั กาหนดแนวทางการจดั ทาแผนการ ปฏิบตั ิราชการ
314 มาตรา 18 การโอนงบประมาณ จากภารกิจหนึ่งตามแผนการปฏิบัติราชการ ไปดาเนินการ อย่างอ่ืน ซึ่งมีผลทาให้ภารกิจเดิมไม่บรรลเุ ปา้ หมาย หรือนาไปใช้ในภารกิจใหม่ท่ีมิได้กาหนดในแผนการ ปฏิบัตริ าชการ จะกระทาไดต้ อ่ เมือ่ ....ได้รับอนมุ ตั ิจาก คณะรฐั มนตรี ใหป้ รบั แผนการปฏบิ ตั ิราชการ การ ปรับแผนการปฏิบัติราชการจะกระทาได้เฉพาะ ในกรณีที่งาน หรือภารกิจใด ไม่อาจดาเนินการตาม วัตถุประสงค์ต่อไปได้ หรือหมดความจาเป็น หรอื ไม่เปน็ ประโยชน์ หรือหากดาเนินการต่อไปจะต้องเสีย คา่ ใช้จา่ ยเกินความจาเปน็ หรอื มีความจาเปน็ อยา่ งอน่ื อนั ไม่อาจหลีกเล่ยี งได้ มาตรา 19 เมอื่ นายกพน้ จากตาแหนง่ หมวด 4 การบรหิ ารราชการอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพและเกิดความคมุ้ คา่ ในเชงิ ภารกจิ ของรัฐ มาตรา 20 ใหส้ ่วนราชการกาหนดเป้าหมาย แผนการทางาน ระยะเวลาแลว้ เสรจ็ ของงานหรอื โครงการและงบประมาณทจ่ี ะตอ้ งใช้ และต้องเผยแพร่ใหข้ ้าราชการและประชาชนทราบ มาตรา 21 ใหส้ ่วนราชการจัดทาบญั ชีต้นทุนในงานสาธารณะแตล่ ะประเภทขน้ึ ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่ กรมบัญชีกลางกาหนด ให้ส่วนราชการคานวณรายจา่ ยต่อหน่วย ของงานสาธารณะทอี่ ย่ใู น ความรับผิดชอบ ตามระยะเวลาท่ีกรมบัญชีกลางกาหนด และรายงานให้ สานักงบประมาณ , กรมบญั ชกี ลาง , ก.พ.ร. ทราบ ถ้ามิไดม้ ขี อ้ ทักท้วงภายใน 15 วนั ก็ให้ส่วนราชการดงั กลา่ วถอื ปฏิบัติตาม แผนการลดรายจา่ ยนั้นต่อไป มาตรา 22 ให้ สานักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ(สศช.) และ สานักงบประมาณ รว่ มกันจดั ใหม้ กี ารประเมิน ความคุ้มคา่ ในการปฏิบตั ภิ ารกจิ ของรัฐ ทสี่ ่วนราชการ ดาเนินการอยู่ เพอ่ื รายงาน คณะรัฐมนตรี ความคมุ้ ค่าน้ี ให้หมายความรวมถึงประโยชนห์ รอื ผลเสียทาง สงั คม และประโยชน์หรอื ผลเสียอ่ืน ซง่ึ ไม่อาจคานวณเปน็ ตวั เงนิ ได้ มาตรา 23 การจดั ซอื้ หรอื จัดจ้าง ใหด้ าเนินการโดยเปิดเผยและเท่ยี งธรรม พิจารณาถึง ประโยชน์และผลเสียทางสงั คม ภาระต่อประชาชน คณุ ภาพ วัตถปุ ระสงค์ทจี่ ะใช้ ราคาและประโยชน์ ระยะยาวของส่วนราชการทจี่ ะไดร้ บั ประกอบกนั ในกรณที ว่ี ตั ถุประสงค์ในการใช้เปน็ เหตตุ อ้ งคานงึ ถงึ คณุ ภาพ การดูแลรักษาเปน็ สาคัญ ใหส้ ามารถทาไดโ้ ดยไมต่ อ้ งถือราคาตา่ สุดในการเสนอซอื้ หรอื จา้ งเสมอ ไป มาตรา 24 ภารกจิ ใด หากจาเปน็ ตอ้ งได้รบั อนุญาต อนมุ ตั ิ หรอื เห็นชอบจากสว่ นราชการอื่น ให้ส่วนราชการน้นั แจ้งผลการพจิ ารณาใหท้ ราบภายใน 15 วัน นบั แต่วันที่ไดร้ บั คาขอ มาตรา 25 ในการวินจิ ฉัยช้ขี าดปัญหา ใหต้ ง้ั คณะกรรมการ หากผแู้ ทนส่วนราชการนั้นมีความ คดิ เหน็ แตกต่างกันใหบ้ นั ทึกความเห็นของฝ่ายนอ้ ยใหป้ รากฏในเรอ่ื งนั้น หา้ มมใิ หใ้ ช้บงั คบั การวินจิ ฉัยใน ปญั หาดา้ นกฎหมาย
สรปุ สาระสาคญั พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบรหิ ารบา้ นเมอื งทีด่ ี พ.ศ. 315 2546 มาตรา 26 การสง่ั ราชการใหท้ าเปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร เว้นแตผ่ บู้ ังคบั บญั ชามคี วามจาเป็นไม่ อาจ สัง่ ได้ ใหผ้ รู้ บั คาสัง่ บันทึกไว้เป็นลายลกั ษณอ์ กั ษร และเมอื่ ปฏบิ ัตแิ ล้วให้บันทกึ รายงานอา้ งคาสง่ั ด้วย วาจาไว้ด้วย หมวด 5 การลดขน้ั ตอนการปฏิบัติงาน มาตรา 27 ใหก้ ระจายอานาจการบรหิ ารตัดสินใจใหแ้ ก่ผู้ดารงตาแหนง่ รบั ผดิ ชอบเรอ่ื งนั้น ๆ โดยตรง ต้องมุ่งผลให้เกดิ ความสะดวกรวดเรว็ ในการบรกิ ารประชาชน ลดขั้นตอน กลนั่ กรองงาน หากใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศหรอื โทรคมนาคมจะเปน็ การเพิ่มประสทิ ธภิ าพและประหยัดค่าใช้จา่ ย มาตรา 28 ให้ส่วนราชการจัดทาแผนภูมิขั้นตอนและระยะเวลาการดาเนินการ รวมทั้ง รายละเอียดอ่นื ๆ ท่เี ก่ียวข้องโดยเปดิ เผย ณ ทีท่ าการเพือ่ ให้ประชาชนหรือผู้เก่ยี วขอ้ งเข้าตรวจดไู ด้ มาตรา 30 ให้มีศนู ย์บรกิ ารประชาชนรวมท้ังประจาจงั หวดั อาเภอ หมวด 6 การปรบั ปรุงภารกจิ ของสว่ นราชการ มาตรา 31 ในศนู ย์บริการร่วม ใหจ้ ดั ให้มเี จา้ หน้าทร่ี บั เร่ืองราวตา่ งๆ มาตรา 32 ให้ผู้ว่า นายอาเภอ ปลัดอาเภอ หน.กิ่ง จัดให้ส่วนราชการทร่ี ับผิดชอบดาเนินการ บริการ ปชช.ในเร่ืองเดียวกันหรือต่อเน่ืองกัน ร่วมจัดต้ังศูนย์บริการร่วมไว้ท่ีศาลากลาง จังหวัด ที่ว่าการ อาเภอ ก่งิ อาเภอ หรอื สถานอืน่ ตามท่ีเหน็ สมควร มาตรา 33 ส่วนราชการต้องจัดให้มีการทบทวนภารกิจของตน มีความจาเป็นหรือสมควร ดาเนินการต่อไป โดยคานึงถงึ แผนการบรหิ ารราชการแผ่นดิน นโยบาย คาส่งั งบประมาณ ความคมุ้ คา่ ของ ภารกจิ ทง้ั น้ี ก.พ.ร.จะกาหนดหากมกี ารปรบั ปรุง เปล่ียนแปลงตอ้ งให้คณะรัฐมนตรเี หน็ ชอบ 34 เม่ือมีการ ยุบเลกิ โอนสว่ นราชการใด หา้ มมใิ ห้จัดตงั้ ส่วนราชการทม่ี ภี ารกจิ หรอื หนา้ ทที่ ม่ี ี ลักษณะคล้ายคลงึ กนั เวน้ แต่ 1. มีการเปลยี่ นแปลงแผนการบริหารราชการแผน่ ดิน 2. มเี หตุผลจาเป็นเพ่อื รักษาความมน่ั คงของรัฐ หรอื เศษฐกจิ ของประเทศ 3 .รกั ษาผลประโยชนส์ ่วนรวมของประชาชนและโดยได้รับความเหน็ ชอบจาก ก.พ.ร. มาตรา 35 ส่วนราชการมีหน้าที่ตรวจสอบ ทบทวน กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศที่ อยู่ในความรับผิดชอบ เพ่ือดาเนินการ ยกเลิกปรับปรุง หรือจัดให้มีใหม่ให้ทันสมัยและเหมาะสมกับ
316 สถานการณ์หรอื สอดคล้องกบั ความจาเป็นทางเศรษฐกิจ สังคม และความมนั่ คงของประเทศ โดยคานึงถงึ ความสะดวกรวดเรว็ และลดภาระของ ปชช. โดยนาขอ้ คดิ เห็นหรือขอ้ เสนอแนะของ ปชช.มาประกอบดว้ ย มาตรา 36 ในกรณที ี่สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี าเหน็ ว่ากฎหมาย กฎ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั หรอื ประกาศ ไม่สอดคล้องหรือเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจบุ นั ไมเ่ อือ้ ต่อการพัฒนาเป็นอปุ สรรคตอ่ การ ดารงชีวิตของประชาชน ให้แนะนาสว่ นราชการนัน้ ดาเนนิ การแก้ไขโดยเรว็ หมวด 7 การอานวยความสะดวกและการสนองความต้องการของประชาชน มาตรา 37 ให้ส่วนราชการกาหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของงานแต่ละงานและประกาศให้ ประชาชนและข้าราชการทราบเป็นการทั่วไป ให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาต้องตรวจสอบให้การ ปฏบิ ตั งิ านแลว้ เสร็จตามกาหนดไว้ มาตรา 38 เมื่อส่วนราชการได้รับติดต่อสอบถามเปน็ หนังสอื จากประชาชนหรอื ส่วนราชการ ดว้ ยกนั ตอ้ งตอบคาถามหรือแจ้งดาเนนิ การให้ทราบภายใน 15 วนั หรือตามกาหนดไว้ในมาตรา 37 มาตรา 39 ให้ส่วนราชการจัดให้มีระบบเครอื ขา่ ยสารสนเทศของสว่ นราชการเพ่อื อานวยความ สะดวกแกป่ ระชาชน สามารถติดต่อสอบถามหรือขอข้อมลู หรอื แสดงความคิดเห็น มาตรา 41 เม่ือได้รับคาร้องเรยี น เสนอแนะ หรือความคิดเหน็ เก่ียวกับการปฏิบัติหน้าที่ พบ ปัญหาอุปสรรค ปัญหาจากบุคคล เป็นหน้าท่ีของสว่ นราชการนั้นต้องพิจารณาดาเนินการปรับปรุง แล้ว แจ้งให้บุคคลท่รี ้องเรยี นทราบด้วยหากสามารถตดิ ต่อได้ หรือแจ้งผ่านระบบเครือข่ายสารสนเทศ มาตรา 42 ให้ส่วนราชการที่มีอานาจออกกฎ ระเบียบ ข้อบงั คับ หรือประกาศเพือ่ ใชบ้ ังคบั กบั ส่วนราชการอ่ืน มีหน้าท่ีตรวจสอบว่ากฎระเบียบเหล่าน้ัน เป็นอุปสรรค ยุ่งยาก ซ้าซ้อน ล่าช้า ต่อการ ปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เพ่ือปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสม ในกรณีมีข้อร้องเรียน ให้ส่วนราชการที่ออก กฎระเบียบนั้น พิจารณาโดยทันที และในกรณีเป็นการเข้าใจผิด ให้ชี้แจให้ทราบภายใน 15 วันการ รอ้ งเรียน การเสนอแนะ จะแจง้ ผ่าน ก.พ.ร. ก็ได้ มาตรา 43 การปฏิบัติราชการใด โดยปกติให้ถือเป็นเร่ืองเปดิ เผย เว้นแต่ จาเป็นอย่างย่ิงต่อ ความมนั่ คง เศรษฐกจิ ความสงบ การคุ้มครองสิทธสิ ว่ นบคุ คล เท่าทีจ่ าเปน็ มาตรา 44 ต้องจัดให้มีการเปิดเผยข้อมูลเก่ียวกับงบประมาณรายจ่ายแต่ละปี รายการ เกี่ยวกับการจัดซื้อ/จัดจ้าง และสัญญาใดที่มีการอนุมัติให้จัดซื้อ/จัดจ้าง ให้ประชาชนสามารถขอดู / ตรวจสอบได้ ณ ที่ทาการหรือระบบเครือข่ายสารสนเทศ ทั้งน้ีต้องไม่เกิดความได้ เปรียบเสียเปรียบแก่ บคุ คลเกย่ี วขอ้ ง หรือกฎหมาย กฎ ระเบียบ ขอ้ หา้ ม/ตกลงไวใ้ นสัญญาตอ้ งได้รับความคุม้ ครอง
สรปุ สาระสาคญั พระราชกฤษฎีกาวา่ ด้วยหลกั เกณฑ์และวธิ ีการบรหิ ารบ้านเมืองทีด่ ี พ.ศ. 317 2546 มาตรา 44 ส่วนราชการเปิดเผยข้อมูลเกย่ี วกบั งบประมาณรายจา่ ยแต่ละปี รายการจัดซื้อจดั จ้าง และสัญญาใด ๆท่ีมีการอนมุ ตั ใิ หจ้ ัดซอ้ื หรอื จดั จา้ ง ทัง้ น้ีตอ้ งไม่ก่อใหเ้ กิดความได้เปรียบเสยี เปรยี บหรอื ความเสียหายแก่บุคคลใด การจัดซื้อจดั จ้าง ห้ามมิให้มขี ้อตกลงหา้ มมิใหเ้ ปดิ เผยขอ้ ความหรือข้อตกลงใน สญั ญา เว้นแตค่ ุม้ ครองความลับทางราชการ หรอื ความลับทางการค้า หมวด 8 การประเมนิ ผลการปฏิบตั ริ าชการ มาตรา 45 ให้ส่วนราชการจัดให้มีคณะผู้ประเมินอิสระดาเนินการประเมินผลการปฏิบัติ ราชการของส่วนราชการเกี่ยวกับผลสัมฤทธ์ิของภารกิจ คุณภาพการให้บริการ ความพึงพอใจของ ประชาชนผู้รับบริการ ความคุม้ คา่ ในภารกจิ มาตรา 46 จัดให้มีการประเมินภาพรวมของผ้บู งั คับบัญชาแต่ละระดับหรอื หน่วยงานในส่วน ราชการกไ็ ด้ ทงั้ นี้ ต้องกระทาเป็นความลบั และเป็นประโยชนแ์ หง่ ความสามคั คขี องข้าราชการ มาตรา 47 การประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการ เพ่ือประโยชน์ในการบริหารงาน บุคคลให้คานึงถึงผลการปฏิบัติงานเฉพาะตัวของข้าราชการผู้น้ันในตาแหน่งท่ีปฏิบัติ ประโยชน์ และ ผลสมั ฤทธิท์ ่ีหนว่ ยงานผู้นัน้ สงั กัดปฏบิ ตั ิงาน มาตรา 48 ส่วนราชการใดดาเนินการให้บริการทม่ี ีคุณภาพและเป็นไปตามเป้าหมาย รวมทัง้ ความพึงพอใจแก่ประชาชน ให้ ก.พ.ร. เสนอคณะรัฐมนตรีจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษเป็นบาเหน็จความชอบ หรือนาไปใช้ปรับปรุงการปฏิบตั ิงาน มาตรา 49 ส่วนราชการใดได้ดาเนินงานไปตามเป้าหมาย สามารถเพ่ิมผลงานและผลสัมฤทธิ์ โดยไมเ่ พ่มิ คา่ ใช้จ่ายและคุม้ คา่ ภารกิจ สามารถลดคา่ ใชจ้ า่ ยต่อหน่วยตามหลักเกณฑ์ท่ี ก.พ.ร. กาหนด ให้ ก.พ.ร. เสนอคณะรฐั มนตรี จดั สรรเงนิ รางวัลการเพ่ิมประสทิ ธิภาพให้แก่ส่วนราชการนั้น หมวดท่ี 9 บทเบ็ดเตลด็ มาตรา 50 เพ่ือให้การบริหารราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่าในเชิงภารกิจรัฐ ก.พ.ร. โดยความเห็นชอบของ ครม.อาจกาหนดให้ส่วนราชการปฏิบัตินอกเหนือจาก พรฎ.นี้ รวมทั้ง กาหนดมาตรการเพิม่ เตมิ มาตรา 51 ในกรณีที่ พรฎ.นกี้ าหนดให้จดั ทาแผนเร่ืองใด และมีกฎหมายฉบบั อนื่ กาหนดให้มีการ จัดทาแผนในเรือ่ งเดียวกนั น้ี เม่ือได้จัดทาแผนตามกฎหมายฉบับใดแลว้ ให้ถือว่าส่วนราชการนั้นไดจ้ ัดทา แผนตาม พรฎ.นแี้ ล้ว
318 มาตรา 52 ให้องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ จดั ทาหลักเกณฑ์การบริหารกิจการบ้านเมอื งทดี่ ตี าม แนวทาง พรฎ.นี้ อย่างน้อยต้องมี การลดขั้นตอน การอานวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการ ของ ปชช. ให้เป็นหนา้ ทข่ี องกระทรวงมหาดไทย ดแู ลและใหค้ วามช่วยเหลอื องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินใน การจดั ทาหลักเกณฑก์ ารบริหารกจิ การบ้านเมืองท่ีดี มาตรา 53. ให้องคก์ รมหาชน และรฐั วสิ าหกิจ จัดใหม้ ี หลักเกณฑ์การบริหารกจิ การบา้ นเมอื งท่ี ดตี ามแนวทาง พรฎ.น้ี ในกรณีที่ ก.พ.ร. เหน็ ว่า องค์การมหาชน หรอื รฐั วสิ าหกจิ ใดไมจ่ ดั ทาหลักเกณฑ์ฯ หรอื มีแตไ่ มส่ อดคลอ้ ง กบั พรฎ.น้ี ใหแ้ จ้งกบั รมต.ทก่ี ากบั ดแู ล เพอ่ื พิจารณาสั่งใหด้ าเนินการใหถ้ ูกตอ้ ง หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่มีการปฏิรูประบบ ราชการ เพ่ือให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศและให้บริการแก่ ประชาชนได้อย่างมีประสทิ ธิภาพย่งิ ข้นึ
แนวข้อสอบพระราชกฤษฎีกาว่าดว้ ยหลักเกณฑแ์ ละวิธีการบรหิ ารกิจการบา้ นเมอื งที่ดี พ.ศ. 319 2546 แนวขอ้ สอบพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลกั เกณฑ์และวิธีการบริหารกจิ การบ้านเมอื งทีด่ ี พ.ศ.2546 1. ขอ้ ใดไมใ่ ช่สว่ นราชการตามพระราชกฤษฎกี าว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบรหิ ารกิจการบา้ นเมอื งท่ดี ี พ.ศ. 2546 ก. องค์กรมหาชน ข. องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน ค. กระทรวงมหาดไทย ง. กรมสง่ เสรมิ การปกครองส่วนท้องถน่ิ 2. พระราชกฤษฎกี าว่าดว้ ยหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการบรหิ ารกจิ การบ้านเมอื งทด่ี ี พ.ศ. 2546 มกี ่ีหมวด กี่ มาตรา ก. 8 หมวด 52 มาตรา ข. 8 หมวด 54 มาตรา ค. 9 หมวด 53 มาตรา ง. 9 หมวด 54 มาตรา 3. ในการจัดทาแผนการบรหิ ารราชการแผ่นดิน ต้องจดั ทาเป็นแผนก่ีปี ก. 20 ปี ข. 8 ปี ค. 4 ปี ง. 15 ปี 4. การบริหารราชการเพ่ือประโยชนส์ ขุ ของประชาชน คือข้อใด ก. การปรับปรุงภารกจิ ของส่วนราชการ ข. ไม่มขี ั้นตอนการปฏิบัติงานเกนิ ความจาเปน็ ค. การปฏบิ ตั ิราชการท่ีมีเป้าหมายเพอ่ื ให้เกิดความผาสุกและความเปน็ อยู่ที่ดีของประชาชน ง. ประชาชนได้รบั การอานวยความสะดวกและไดร้ ับการตอบสนองความต้องการ 5. ตามพระราชกฤษฎีกานี้ คาวา่ “ข้าราชการ” ตามพระราชกฤษฎีกานี้หมายความรวมถึงใครบา้ ง ก. ลูกจ้าง ข. ปฏบิ ัตงิ านในสว่ นราชการ ค. พนักงาน ง. ถูกทุกขอ้ 6. หน่วยงานใดทร่ี ่วมกบั สานักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติในการประเมิน ความค้มุ ค่าการปฏิบัตภิ ารกจิ ของรฐั ก. สานักงาน ก.พ.ร. ข. กรมบญั ชีกลาง ค. สานักงาน ก.พ. ง. สานกั งบประมาณ
320 7. เมอ่ื ส่วนราชการไดร้ บั การตดิ ตอ่ สอบถามเป็นหนงั สอื จากประชาชนต้องตอบคาถามใหท้ ราบภายในกี่ วัน ก. 15 วัน ข. 20 วัน ค. 7 วนั ง. 10 วัน 8. ส่วนราชการตอ้ งดาเนินการแกไ้ ขปัญหา และอปุ สรรคน้ันแล้วตอ้ งแจง้ ให้ใครทราบ ก. ปปช. ข. ก.พ.ร. ค. รมต. ง. ครม. 9. หากผู้บังคับบัญชามีความจาเป็นตอ้ งสงั่ ราชการดว้ ยวาจาในฐานะท่ีเป็นผรู้ ับคาสั่งตอ้ งกระทาการ อยา่ ง ก. เมือ่ ปฏิบัติราชการตามคาสง่ั น้ันแล้วให้บันทึกรายงานใหผ้ สู้ ง่ั ราชการทราบ ข. บันทกึ คาสัง่ ด้วยวาจาไว้เป็นลายลกั ษณอ์ กั ษร ค. ปฏเิ สธการปฏบิ ตั ติ ามคาสั่งนัน้ ง. ถูกเฉพาะขอ้ ก และขอ้ ข 10. ก่อนเริ่มดาเนินการส่วนราชการต้องจดั ใหม้ ีการศึกษาวิเคราะห์ผลดีและผลเสยี ใหค้ รบถว้ นทุกด้านถือ วา่ อยใู่ นหลกั เกณฑก์ ารของแนวทางใด ก. แนวทางการบรหิ ารกจิ การบ้านเมืองที่ดี ข. แนวทางการตดิ ตามและประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิ ค. แนวทางการบรหิ ารราชการเพือ่ ประโยชน์สุขของประชาชน ง. แนวทางการบริหารราชการเพอ่ื ใหเ้ กดิ ผลสมั ฤทธ์ิตอ่ ภารกิจของรัฐ 11. ในการบริหารราชการ กอ่ นจะดาเนินการสงิ่ ใด ส่วนราชการต้องดาเนินการตามข้อใด ก.จัดทาแผนปฏิบัตริ าชการไว้เปน็ การล่วงหนา้ ข. โฆษณาประชาสมั พันธ์ใหป้ ระชาชนทราบ ค. แจ้งให้ประชาชนทราบก่อนเสมอ ง. แจง้ ใหป้ ระชาชนทราบกอ่ นเสมอแจง้ ใหป้ ระชาชนทราบก่อนเสมอ
แนวข้อสอบพระราชกฤษฎีกาว่าดว้ ยหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารบรหิ ารกจิ การบ้านเมอื งท่ดี ี พ.ศ. 321 2546 12. ในการบริหารราชการเพ่ือประโยชน์สุขของประชาชนน้ัน ส่วนราชการจะตอ้ งดาเนินการโดยยดึ ข้อใด เป็นศูนยก์ ลางในการบริหารการจดั การ ก. ความคุ้มค่า ข. ประชาชน ค. หน่วยงานของรัฐและเอกชน ง. สว่ นราชการ 13. ถา้ สว่ นราชการใดไดร้ ับการตดิ ต่อสอบถามจากประชาชนเป็นหนังสอื ให้ส่วนราชการน้ันต้องตอบ คาถามหรอื แจ้งดาเนินการภายในกี่วัน ก. 15 วนั ข. 20 วัน ค. 10 วัน ง. ไมไ่ ดก้ าหนดไว้ 14. การกระจายอานาจการตดั สินใจน้ัน มุ่งผลเร่อื งใดเป็นหลัก ก. เกดิ ขวญั และกาลงั ใจในการทางาน ข. ความสะดวกและรวดเรว็ ในการบริการประชาชน ค. การบรหิ ารแบบมสี ว่ นรว่ ม ง. การทางานเปน็ ทมี 15. ประเดน็ ในการประเมนิ ผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ มี 4 หวั ขอ้ ยกเวน้ ข้อใด ก. ความทวั่ ถงึ ในการใหบ้ ริการ ข. ความพงึ พอใจของประชาชนผรู้ บั บรกิ าร ค. ผลสมั ฤทธิ์ของภารกจิ ง. คุณภาพการใหบ้ ริการ 16. เมอ่ื นายกรัฐมนตรพี ้นจากตาแหนง่ ผ้ใู ดมีหนา้ ท่สี รุปผลการปฏิบตั ริ าชการและให้ข้อมลู ต่อ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก. ปลัดกระทรวง ข. หัวหนา้ สว่ นราชการ ค. อธบิ ดกี รมการปกครอง ง. ผู้บัญชาการตารวจแหง่ ชาติ 17. การอานวยความสะดวกและความรวดเรว็ แก่ประชาชนในการตดิ ต่อกบั สว่ นราชการ ทุกแห่ง ทุกส่วนราชการใดตอ้ งจดั ให้มรี ะบบเครอื ข่ายสารสนเทศกลางข้นึ ก. หนว่ ยงานเอกชน ข. กระทรวง ทบวง กรม ค. กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร ง. จังหวดั อาเภอ 18. เพือ่ ประโยชนใ์ นการปฏิบัตริ าชการให้เกดิ ผลสัมฤทธิ์ ก.พ.ร. อาจเสนอตอ่ ใคร เพ่อื กาหนด มาตรการกากบั การปฏิบตั ิราชการ ก. รัฐสภา ข. ครม. ค. รมต. ง. วุฒิสภา
322 19. พระราชกฤษฎกี าว่าดว้ ยหลักเกณฑแ์ ละวิธีการบรหิ ารกิจการบ้านเมอื งทดี่ ี พ.ศ. 2546 มีผลบงั คับ ใชเ้ ม่อื ใด ก. วันที่ 12 ตุลาคม 2546 ข. วนั ท่ี 11 ตลุ าคม 2546 ค. วันท่ี 9 ตลุ าคม 2546 ง. วนั ที่ 10 ตลุ าคม 2546 20. เพ่ือใหเ้ กิดผลสัมฤทธต์ิ ่อภารกจิ ของรฐั ให้ส่วนราชการปฏิบัติอย่างไร ก. บรหิ ารราชการแบบบรู ณาการร่วมกัน ข. ประสานแผนกัน ค. สัมมนารวมกัน ง. ปรกึ ษาหารอื กัน 21. ใหส้ ่วนราชการจัดทาบัญชตี น้ ทุนในงานบริการสาธารณะแตล่ ะประเภทขน้ึ ตามหลักเกณฑแ์ ละ วธิ ีการท่หี นว่ ยงานใดกาหนด ก. กระทรวงการคลงั ข. กรมบญั ชกี ลาง ค. สานกั งบประมาณ ง. สานักงานตรวจเงินแผ่นดนิ 22. ผูม้ อี านาจเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกาหนดมาตรฐานกากับการปฏิบัติราชการคอื ผใู้ ด ก. คณะรฐั มนตรี ข. สว่ นราชการทกุ สว่ นราชการ ค. ก.พ.ร ง. ถกู เฉพาะขอ้ ก และข้อ ข 23. ในการบริหารราชการจะใหเ้ กดิ ผลสัมฤทธิ์ได้นัน้ ส่ิงสาคัญทีจ่ ะต้องมคี ือขอ้ ใด ก. แผนปฏิบตั ริ าชการ ข. นโยบาย ค. แผนปฏิบัติภารกจิ ง. แผนพฒั นา 24. เม่อื คณะรฐั มนตรีได้แถลงนโยบายต่อรฐั สภาแล้ว สว่ นราชการใด ตอ้ งจัดทาแผนการบริหาร ราชการแผน่ ดิน ก. สานกั งบประมาณ ข. สานกั เลขาธิการคณะรฐั มนตรี และสานกั เลขาธิการนายกรฐั มนตรี ค. สานักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ง. ถกู ทุกข้อ 25. ก.พ.ร. คอื หน่วยงานใด ข. คณะกรรมการพฒั นาขา้ ราชการ ก. คณะกรรมการพัฒนาระบบสว่ นราชการ ง. คณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ ค. คณะกรรมการพฒั นาระบบขา้ ราชการ
แนวข้อสอบพระราชกฤษฎกี าวา่ ด้วยหลักเกณฑ์และวธิ ีการบรหิ ารกจิ การบ้านเมอื งทีด่ ี พ.ศ. 323 2546 26. องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินจะตอ้ งจัดทาหลกั เกณฑ์การบรหิ ารกิจการบ้านเมืองทด่ี ตี ามแนวทางของ ภารกิจนี้อยา่ งน้อยจะต้องมีหลกั เกณฑเ์ กี่ยวข้องกับขอ้ ใดบา้ ง ก. เกิดผลสมั ฤทธิต์ ่อภารกจิ ของรฐั และเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ ข. เกิดความคมุ้ ค่าและเกดิ ผลสัมฤทธิ์ ค. การลดข้นั ตอนการปฏบิ ตั งิ าน และการอานวยความสะดวกและการตอบสนองความตอ้ งการ ของประชาชน ง. เกดิ ประโยชน์สูงสดุ ของประชาชนและไม่มขี ้ันตอนการปฏบิ ัติเกินความจาเปน็ 27. การสง่ั ราชการโดยปกติให้กระทาเป็นลายลักษณอ์ ักษร เวน้ แตใ่ นกรณที ่ผี ู้บงั คับบัญชาจะดาเนิน อย่างไร ก. ส่ังการดว้ ยภาษามือ ข. สั่งการทางโทรศพั ท์ ค. สง่ั การด้วยวาจา ง. ถกู ทุกข้อ 28. ในทางปฏิบัตติ ามบริหารราชการเพือ่ ประโยชน์สขุ ของประชาชน หากมีกรณที เ่ี กดิ ปัญหาและ อปุ สรรคจากดาเนินการใหส้ ว่ นราชการปฏบิ ัติอยา่ งไร ก. แก้ไขปัญหาและอปุ สรรคนัน้ โดยเรว็ ข. แจง้ ก.พ.ร. ทราบ ค. แจง้ ให้ส่วนราชการทเ่ี กี่ยวข้องใหท้ ราบปญั หา ง. แจง้ ผู้บงั คับบญั ชาทราบ เพื่อเสนอการแกไ้ ขปญั หาและอปุ สรรค 29. การปฏบิ ัติราชการภายในสว่ นราชการเพื่อให้เป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ส่วนราชการต้องกาหนดข้อ ใดไว้ในโครงการ ก. ระยะเวลาแล้วเสร็จของโครงการ ข. เป้าหมาย ค. แผนการทางาน ง. ถกู ทุกขอ้ 30. ในการจดั ใหม้ กี ารกระจายอานาจดงั กล่าว เพอื่ ม่งุ ผลประโยชน์ใด ก. ต้องมุ่งผลใหเ้ จ้าหน้าทปี่ ฏบิ ตั ิหน้าทไี่ ด้อย่างมนั่ ใจ ข. ต้องมุ่งผลใหป้ ระชาชนมสี ว่ นรว่ มมากยิง่ ขึ้น ค. ตอ้ งมุง่ ผลให้เกดิ ความสะดวกและรวดเร็วในการบรกิ ารประชาชน ง. ต้องมุ่งผลใหเ้ จา้ หน้าทมี่ ขี วญั และกาลังใจ
324 เฉลยข้อสอบ พระราชกฤษฎีกาวา่ ดว้ ยหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารบริหารกจิ การบา้ นเมอื งท่ีดี พ.ศ.2546 ข้อ คาตอบ ขอ้ คาตอบ ข้อ คาตอบ 1 ข 26 ค 2 ค 27 ค 3 ค 28 ก 4 ค 29 ง 5 ง 30 ค 6ง 7ก 8ข 9ง 10 ค 11 ก 12 ข 13 ก 14 ข 15 ก 16 ข 17 ค 18 ข 19 ง 20 ก 21 ข 22 ค 23 ก 24 ง 25 ง
สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญตั ิการอานวยความสะดวกในการพจิ ารณาอนญุ าตของทาง 325 ราชการ พ.ศ. 2558 สรปุ สาระสาคัญพระราชบัญญัตกิ ารอานวยความสะดวกในการพิจารณาอนญุ าตของทางราชการ พ.ศ. 2558 พระราชบญั ญตั กิ ารอานวยความสะดวกในการพจิ ารณาอนุญาตของทางราชการการ พ.ศ.2548 ประกาศใช้ ณ วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2558 มาตรา 2 พระราชบัญญตั ิน้ใี หใ้ ชบ้ งั คบั เมือ่ พน้ กาหนดหนงึ่ ร้อยแปดสิบวันนบั แต่วันประกาศ ใน ราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ต้นไป เวน้ แต่มาตรา 17 ให้ใช้บงั คบั ตง้ั แตว่ ันประกาศในราชกิจจานเุ บกษา เปน็ ต้น ไป พน้ กาหนด 180 วัน นับตั้งแต่วันประกาศ คือวันท่ี 21 กรกฎาคม 2558 น้ี มาตรา 3 พระราชบัญญัติน้ใี หใ้ ชบ้ งั คับกับบรรดาการอนญุ าต การจดทะเบียนหรือการแจง้ ท่ีมี กฎหมายหรือกฎกาหนดให้ต้องขออนุญาต จดทะเบียน หรือแจ้ง ก่อนจะดาเนินการใดบทบัญญัติของ กฎหมายหรือกฎใดทข่ี ัดหรือแยง้ กับพระราชบัญญัติน้ีให้ใชพ้ ระราชบัญญตั ิน้ีแทน มาตรา 4 ในพระราชบัญญัติน้ี “เจ้าหน้าที่” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทาง ปกครอง “อนุญาต” หมายความว่า การท่ีเจ้าหน้าที่ยินยอมให้บุคคลใดกระทาการใดที่มี กฎหมายกาหนดให้ ต้องได้รับความยินยอมก่อนกระทาการน้ัน และให้หมายความรวมถึงการออก ใบอนญุ าต การอนุมัติ การจดทะเบยี น การข้นึ ทะเบยี น การรับแจง้ การให้ประทานบตั รและการใหอ้ าชญา บัตรด้วย “ผูอ้ นญุ าต” หมายความว่า ผซู้ ง่ึ กฎหมายกาหนดใหม้ อี านาจในการอนญุ าต “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า พนักงานเจ้าหนา้ ทต่ี ามกฎหมายวา่ ด้วยการอนุญาต “กฎหมายว่าดว้ ยการอนญุ าต” หมายความวา่ บรรดากฎหมายท่มี บี ทบญั ญัติกาหนดให้ การดาเนินการใด หรอื การประกอบกิจการใดจะตอ้ งได้รบั อนญุ าตก่อนจึงจะดาเนินการได้ “คาขอ” หมายความวา่ คาขออนุญาต มาตรา 5 พระราชบญั ญัติน้ีมใิ ห้ใช้บังคบั แก่ (1) รฐั สภาและคณะรฐั มนตรี (2) การพิจารณาพพิ ากษาคดขี องศาลและการดาเนินงานของเจ้าหนา้ ทีใ่ นกระบวนการพจิ ารณา คดี การบงั คบั คดี และการวางทรัพย์ (3) การดาเนนิ งานตามกระบวนการยตุ ิธรรมทางอาญา
326 (4) การอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม (5) การอนุญาตท่ีเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหารด้านยุทธการ รวมท้ังตามกฎหมาย เกี่ยวกับ การควบคุมยุทธภัณฑ์ และกฎหมายว่าด้วยโรงงานผลิตอาวุธของเอกชน การยกเว้นไม่ให้นา บทบญั ญตั ิแหง่ พระราชบัญญัตินี้มาใชบ้ ังคบั แกก่ ารดาเนินกจิ การใดหรอื กบั หน่วยงานใดนอกจากที่กาหนด ไวใ้ นวรรคหน่งึ ให้ตราเปน็ พระราชกฤษฎกี า มาตรา 6 ทุก 5 ปีนับแต่วันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ผู้อนุญาตพิจารณากฎหมาย ที่ให้ อานาจในการอนญุ าตว่าสมควรปรบั ปรงุ กฎหมายนน้ั เพื่อยกเลิกการอนญุ าตหรือจัดใหม้ ีมาตรการอื่น แทน การอนุญาตหรือไม่ ท้ังนี้ ในกรณีท่ีมีความจาเป็นผู้อนุญาตจะพิจารณาปรับปรุงกฎหมายหรือจัดให้มี มาตรการอื่นแทนในกาหนดระยะเวลาทเ่ี ร็วกว่านนั้ กไ็ ด้ ให้ผู้อนุญาตเสนอผลการพิจารณาตามวรรคหนึ่ง ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณายกเลิกการอนุญาต หรือจัดให้มีมาตรการอ่ืนแทนการอนุญาต ในการน้ีให้ คณะรัฐมนตรีรบั ฟังความคิดเหน็ ของคณะกรรมการ พัฒนากฎหมายตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการ กฤษฎีกาประกอบการพิจารณาด้วย มาตรา 7 ในกรณีท่ีมีกฎหมายกาหนดใหก้ ารกระทาใดจะต้องได้รับอนุญาต ผู้อนุญาตจะตอ้ ง จดั ทา คมู่ อื สาหรับประชาชน ซึ่งอย่างน้อยตอ้ งประกอบดว้ ย หลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเงอื่ นไข (ถา้ ม)ี ในการ ย่ืนคาขอขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตและรายการเอกสารหรือหลักฐานที่ผ้ขู ออนุญาต จะต้อง ย่ืนมาพร้อมกับคาขอ และจะกาหนดใหย้ ่ืนคาขอผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์แทนการมายื่นคาขอ ด้วยตนเองกไ็ ด้ คู่มือสาหรับประชาชนตามวรรคหนึ่งให้ปิดประกาศไว้ ณ สถานท่ีท่ีกาหนดให้ย่ืนคาขอ และ เผยแพร่ ทางสอ่ื อเิ ล็กทรอนิกส์ และเมื่อประชาชนประสงคจ์ ะได้สาเนาคู่มือดังกล่าว ใหพ้ นกั งานเจา้ หน้าท่ี จัดสาเนาให้ โดยจะคิดค่าใช้จ่ายตามควรแก่กรณีก็ได้ ในกรณีเช่นนั้นให้ระบุค่าใช้จ่ายดังกลา่ วไว้ในคู่มือ สาหรับ ประชาชนด้วย ให้เป็นหน้าท่ีของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการตรวจสอบข้ันตอนและ ระยะเวลาในการ พิจารณาอนุญาตที่กาหนดตามวรรคหน่ึงว่าเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมตามหลักเกณฑ์ และวิธีการบริหาร กิจการบ้านเมืองที่ดีหรือไม่ ในกรณีที่เห็นว่าขั้นตอนและระยะเวลาท่กี าหนดดังกลา่ ว ลา่ ชา้ เกินสมควร ให้เสนอคณะรฐั มนตรเี พอื่ พจิ ารณาและสั่งการใหผ้ ู้อนุญาตดาเนนิ การแก้ไขใหเ้ หมาะสม โดยเร็ว เพื่อประโยชน์ในการอานวยความสะดวกให้แกป่ ระชาชน ให้ส่วนราชการจัดให้มีศูนย์บรกิ ารรว่ ม เพ่ือรับคาขอและช้ีแจงรายละเอียดเก่ียวกับการอนุญาตต่าง ๆ ตามกฎหมายว่าด้วยการอนุญาตไว้ ณ ท่ี เดยี วกนั ตามแนวทางท่ีคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการกาหนด มาตรา 8 ใหเ้ ปน็ หน้าท่ขี องพนกั งานเจ้าหนา้ ทผี่ ู้มีหนา้ ที่ในการรบั คาขอจะตอ้ งตรวจสอบคาขอ และรายการเอกสารหรือหลกั ฐานท่ยี ื่นพรอ้ มคาขอให้ถูกต้องครบถ้วน หากเหน็ ว่าคาขอไม่ถกู ต้องหรอื ยัง ขาดเอกสารหรอื หลักฐานใดให้แจ้งใหผ้ ูย้ ื่น คาขอทราบทันที ถ้าเป็นกรณีท่ีสามารถแก้ไขหรือเพิ่มเตมิ ได้ ในขณะน้ัน ให้แจ้งให้ผยู้ ่ืนคาขอดาเนินการแกไ้ ขหรอื ยื่นเอกสารหรอื หลกั ฐานเพ่มิ เติมใหค้ รบถ้วน ถ้าเป็น
สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญตั กิ ารอานวยความสะดวกในการพจิ ารณาอนญุ าตของทาง 327 ราชการ พ.ศ. 2558 กรณที ่ไี มอ่ าจดาเนนิ การได้ในขณะน้ันให้บันทึกความบกพรอ่ งและรายการเอกสารหรือหลกั ฐาน ท่ีจะตอ้ ง ย่ืนเพิ่มเติม พร้อมท้ังกาหนดระยะเวลาที่ผู้ยื่นคาขอจะต้องดาเนินการแก้ไขหรอื ยื่นเพ่ิมเติมไว้ ในบันทกึ ดังกล่าวด้วยและให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีและผู้ยื่นคาขอลงนามไว้ในบันทึกน้ัน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มอบ สาเนาบันทึกตามวรรคหน่ึงให้ผู้ยื่นคาขอไว้เป็นหลักฐาน ในกรณีท่ีผู้ย่ืนคาขอได้จัดทาคาขอถูกต้องและ แนบเอกสารหรือหลักฐานครบถ้วนตามทีร่ ะบุ ในคู่มือสาหรับประชาชนตามมาตรา 7 แล้ว หรือได้แก้ไขหรือยื่นเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติมครบถ้วน ตามที่พนักงานเจ้าหน้าท่ี แนะนาหรือตามท่ีปรากฏในบันทกึ ตามวรรคหน่ึงแล้ว พนักงานเจ้าหน้าท่ีจะเรยี ก เอกสารหรอื หลักฐาน เพ่ิมเตมิ อ่ืนใดอีกไม่ได้ และจะปฏิเสธการพิจารณาคาขอน้ันโดยอาศัยเหตุแห่ง ความไม่สมบูรณ์ของคาขอ หรือความไม่ครบถ้วนของเอกสารหรือหลักฐานไม่ได้ เว้นแต่เป็นกรณีท่ีความไม่สมบูรณ์ หรือความไม่ ครบถว้ นนัน้ เกิดจากความประมาทเลินเลอ่ หรอื ทุจริตของพนกั งานเจา้ หนา้ ที่ และเป็นผลให้ไมอ่ าจอนุญาต ได้ ในกรณีนี้ให้ผู้อนุญาตส่ังการตามท่ีเห็นสมควร และให้ดาเนินการทางวินัยหรือดาเนินคดีกับพนกั งาน เจ้าหนา้ ที่ท่ีเกยี่ วขอ้ งโดยไม่ชักชา้ มาตรา 9 ในกรณีท่ีผู้ยื่นคาขอไม่แก้ไขเพิ่มเติมคาขอหรือไม่ส่งเอกสารหรือหลักฐานเพ่ิมเติม ตามท่ีพนักงานเจ้าหน้าท่ีแจ้งให้ทราบหรือตามที่ปรากฏในบันทึกท่ีจัดทาตามมาตรา 8 วรรคหน่ึง ให้ พนักงานเจา้ หนา้ ท่คี นื คาขอให้แก่ผูย้ ืน่ คาขอพร้อมทง้ั แจง้ เป็นหนังสือถงึ เหตุแหง่ การคนื คาขอให้ทราบด้วย ผูย้ ืน่ คาขอจะอทุ ธรณค์ าส่ังคืนคาขอตามวรรคหนง่ึ ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏบิ ตั ริ าชการ ทางปกครองหรอื จะยนื่ คาขอใหม่กไ็ ด้ แต่ในกรณที ี่กฎหมายกาหนดใหต้ อ้ งยื่นคาขอใดภายในระยะเวลาทกี่ าหนด ผู้ย่นื คาขอ จะต้องยนื่ คาขอน้นั ใหมภ่ ายในระยะเวลาดงั กลา่ ว มาตรา 10 ผู้อนุญาตต้องดาเนินการใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายในกาหนดเวลาที่ระบไุ ว้ในคู่มอื สาหรับ ประชาชนตามมาตรา 7 และแจง้ ให้ผูย้ ื่นคาขอทราบภายในเจด็ วนั นบั แต่วันทีพ่ ิจารณาแล้วเสร็จ เม่ือครบ กาหนดเวลาตามท่รี ะบุไว้ในคู่มือสาหรบั ประชาชนตามมาตรา 7 แล้ว หากผู้อนุญาต ยังพิจารณาไมแ่ ล้ว เสรจ็ ใหแ้ จ้งเป็นหนงั สอื ใหผ้ ู้ยื่นคาขอทราบถึงเหตแุ ห่งความล่าช้าทกุ เจ็ดวนั จนกวา่ จะพจิ ารณาแลว้ เสร็จ พร้อมท้ังส่งสาเนาการแจ้งดังกล่าวให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการทราบทุกคร้ัง ในกรณีที่ คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเห็นว่าความล่าช้านั้นเกินสมควรแก่เหตุหรือเกิดจาก การขาด ประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของหน่วยงานของผู้อนญุ าต ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบ ราชการ รายงานต่อคณะรัฐมนตรีพรอ้ มทัง้ เสนอแนะใหม้ ีการพัฒนาหรอื ปรับปรงุ หน่วยงานหรือระบบการปฏบิ ัติ ราชการของหน่วยงานนัน้ ในกรณีไมแ่ จ้งตามวรรคหน่ึงหรือวรรคสอง ให้ถอื ว่าผอู้ นุญาตกระทาการหรือละ เวน้ กระทาการ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเสียหายแกผ่ ูอ้ นื่ เวน้ แต่จะเป็นเพราะมเี หตสุ ดุ วสิ ยั มาตรา 11 ในกรณีที่มีกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับใดออกใช้บังคับและมีผลให้ต้อง เปล่ียนแปลงหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข หรือรายละเอียดอ่ืนใดที่ปรากฏในคู่มือสาหรับประชาชน ตาม มาตรา 7 การเปล่ียนแปลงเช่นว่าน้ัน มิให้ใช้บังคับกับการย่ืนคาขอท่ีได้ยื่นไว้แล้วโดยชอบก่อนวันท่ี
328 กฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับดงั กลา่ วมีผลใช้บงั คับ เว้นแต่กฎหมายนั้นจะบญั ญตั ิไว้เป็นอย่างอืน่ แต่สาหรับในกรณีกฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับนั้นจะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นได้ก็แต่เฉพาะในกรณีที่ การ เปล่ยี นแปลงนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อผ้ยู นื่ คาขอ มาตรา 12 ในกรณที ่ีกฎหมายกาหนดอายุใบอนุญาตไว้ และกิจการหรอื การดาเนินการทไี่ ดร้ บั ใบอนุญาตนั้นมีลักษณะเป็นกิจการหรือการดาเนินการท่ีเห็นได้ว่าผู้ได้รับใบอนุญาตจะประกอบกิจการ หรือดาเนินการนั้นตอ่ เน่ืองกนั คณะรัฐมนตรีจะกาหนดให้ผรู้ ับใบอนญุ าตชาระค่าธรรมเนียมการตอ่ อายุ ใบอนุญาตตามทก่ี าหนดไว้ในกฎหมายนั้น ๆ แทนการยื่นคาขอต่ออายุใบอนุญาตก็ได้ และเมื่อหนว่ ยงาน ซึ่งมีอานาจออกใบอนุญาตได้รับค่าธรรมเนียมดังกลา่ วแล้ว ให้ออกหลักฐานการต่ออายุใบอนุญาตใหแ้ ก่ ผ้รู ับใบอนุญาตโดยเร็ว และให้ถือว่าผูร้ บั ใบอนญุ าตได้รับการต่ออายุใบอนญุ าตตามกฎหมายนั้น ๆ แลว้ การกาหนดให้ผู้รับใบอนุญาตชาระค่าธรรมเนียมต่ออายุใบอนุญาตแทนการย่ืนคาขอต่ออายุ ใบอนุญาตตามวรรคหนึ่งให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวให้ระบุช่ือ พระราชบญั ญัติ และประเภทของใบอนุญาตตามพระราชบญั ญัตดิ ังกลา่ วทีผ่ ู้รับใบอนุญาตอาจดาเนินการ ตามวรรคหน่ึงได้ ก่อนตราพระราชกฤษฎีกาตามวรรคสอง ให้คณะรัฐมนตรีส่งร่างพระราชกฤษฎีกา ดังกลา่ ว ใหส้ ภาผูแ้ ทนราษฎรและวุฒสิ ภาเป็นเวลาไม่นอ้ ยกว่าสามสบิ วนั เม่ือพน้ กาหนดเวลาดังกล่าวแลว้ หากสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภามิได้มีมติทักท้วง ให้นาความกราบบังคมทูลเพื่อทรงตราพระราช กฤษฎีกาดังกล่าว ต่อไป ให้เป็นหน้าที่ของสานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการที่จะหารือกับ หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับ การออกใบอนุญาต เพื่อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรใี นการดาเนินการตามวรรค หนง่ึ และวรรคสอง มาตรา 13 ให้เป็นหนา้ ทข่ี องผู้อนญุ าตท่จี ะต้องกาหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการตรวจสอบ การประกอบกจิ การหรอื การดาเนนิ กิจการของผไู้ ด้รบั อนญุ าตใหเ้ ปน็ ไปตามที่กฎหมายว่าด้วยการอนุญาต กาหนด และให้เป็นหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าท่ีและผู้อนุญาตท่ีจะต้องตรวจสอบตามหลักเกณฑ์และ แนวทางดงั กล่าว เมอ่ื มผี ไู้ ดร้ บั ความเดือดรอ้ นราคาญ หรอื เสียหายจากการประกอบกจิ การหรอื การดาเนนิ กิจการของ ผ้ไู ดร้ ับอนญุ าต ไม่วา่ ความจะปรากฏต่อพนักงานเจา้ หน้าที่เองหรือมีผูร้ อ้ งเรียน ใหเ้ ป็นหน้าท่ี ของพนกั งาน เจา้ หนา้ ท่ที ่จี ะดาเนินการตรวจสอบและสงั่ การตามอานาจหนา้ ท่ีโดยเร็ว มาตรา 14 ในกรณีจาเป็นและสมควรเพือ่ ประโยชน์ในการอานวยความสะดวกแก่ประชาชน ให้คณะรัฐมนตรมี ีมติจดั ต้งั ศนู ยร์ ับคาขออนุญาต เพื่อทาหน้าที่เปน็ ศนู ย์กลางในการรับคาขอตามกฎหมาย ว่าดว้ ยการอนญุ าตข้ึน ใหศ้ ูนยร์ ับคาขออนญุ าตตามวรรคหนงึ่ มฐี านะเป็นสว่ นราชการตามมาตรา 18 วรรค ส่ี แห่งพระราชบัญญตั ิระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบบั ท่ี 5) พ.ศ. 2545 โดยอยู่ในสังกัดสานักนายกรฐั มนตรี และจะใหม้ ี สาขาของศูนย์ประจากระทรวงหรอื ประจาจงั หวัดด้วยก็ได้ การจัดตงั้ ศูนยร์ ับคาขออนุญาตตามวรรคหน่งึ ให้ตราเปน็ พระราชกฤษฎีกา ในพระราชกฤษฎีกา ดังกลา่ วใหก้ าหนดรายชือ่ กฎหมายว่าด้วยการอนญุ าตท่ี
สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญัตกิ ารอานวยความสะดวกในการพจิ ารณาอนุญาตของทาง 329 ราชการ พ.ศ. 2558 จะให้อยู่ภายใต้การดาเนินการของศูนย์รับคาขอ อนุญาต ในการดาเนินการเกี่ยวกับการรับคาขอ จะ กาหนดในพระราชกฤษฎกี าใหผ้ ูย้ น่ื คาขอ ย่ืนคาขอ ผ่านทางสือ่ อิเล็กทรอนิกสก์ ็ได้ มาตรา 15 เมื่อมีการจัดตั้งศูนย์รับคาขออนุญาตตามมาตรา 14 แล้ว ให้ดาเนินการและมผี ล ดังต่อไปนี้ ตามที่บญั ญัติไวใ้ นมาตรา 8 มาตรา 16 ให้ศูนยร์ บั คาขออนญุ าตมีหนา้ ทดี่ งั ต่อไปน้ี (1) ในกรณีทกี่ ฎหมายวา่ ดว้ ยการอนญุ าตหรอื กฎทอ่ี อกตามกฎหมายดังกล่าวกาหนดใหต้ ้อง ยนื่ คาขอ หรือส่งเอกสารหรือหลักฐาน หรือค่าธรรมเนียมใด ณ สถานที่ใด ถ้าได้มีการย่ืนคาขอ หรือส่ง เอกสารหรือหลกั ฐาน หรือค่าธรรมเนียม ณ ศูนยร์ บั คาขออนุญาตแล้ว ใหถ้ อื วา่ ได้มกี ารยน่ื คาขอ หรือ สง่ เอกสารหรือหลกั ฐาน หรือคา่ ธรรมเนยี มโดยชอบตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการอนญุ าตนั้นแลว้ (2) บรรดาเงินค่าธรรมเนียมหรอื เงินอ่นื ใดท่ศี ูนย์รบั คาขออนญุ าตไดร้ ับไวต้ าม (1) ใหศ้ นู ย์ รบั คา ขออนญุ าตนาส่งคลงั เปน็ รายได้แผน่ ดินในนามของหน่วยงานของผอู้ นุญาต หรือส่งให้องค์กร ปกครองสว่ น ทอ้ งถนิ่ แล้วแต่กรณี และแจ้งใหห้ น่วยงานของผอู้ นุญาตทราบ (3) ในกรณีท่ีหน่วยงานของผู้อนุญาตมีสิทธิหักค่าใช้จ่ายจากเงินท่ีจะต้องนาส่งคลัง ให้ศูนย์ รับคาขออนุญาตหักเงินดังกลา่ วแทนและส่งมอบเงนิ ทีห่ กั ไว้น้ันใหแ้ ก่หน่วยงานของผู้อนุญาต โดยให้ศนู ย์ รับคาขออนุญาตมีสิทธิหักค่าใช้จ่ายของศูนย์รับคาขออนุญาตตามอัตราที่จะได้ตกลงกับหน่วยงานของผู้ อนุญาต (4) ระยะเวลาตามมาตรา 10 ให้นับแตว่ ันท่ีศูนย์รบั คาขออนุญาตสง่ เรือ่ งใหผ้ อู้ นุญาต โดยศูนย์ รับคาขออนุญาตจะต้องส่งเรื่องให้ผู้อนุญาตไม่ช้ากว่าสามวันทาการและให้นามาตรา 10 วรรคสี่ มาใช้ บงั คบั โดยอนโุ ลม (5) ให้เป็นหน้าที่ของผอู้ นุญาตที่จะต้องสง่ คู่มอื สาหรบั ประชาชนตามมาตรา 7 ที่ถูกต้อง และ เป็นปัจจุบนั ให้ศูนย์รับคาขออนุญาตตามจานวนทจ่ี าเปน็ และดาเนินการให้มกี ารฝกึ อบรมหรือช้ีแจง แก่ เจ้าหน้าท่ขี องศูนยร์ บั คาขออนญุ าต เพ่อื ให้เกดิ ความชานาญในการปฏิบัติหน้าทดี่ ว้ ย (6) ให้เป็นหนา้ ทีข่ องเจา้ หนา้ ที่ของศูนยร์ บั คาขออนุญาตทจ่ี ะต้องดาเนินการตามมาตรา 8 และ ตอ้ งรบั ผิดชอบในฐานะเชน่ เดยี วกับพนักงานเจ้าหน้าท่ีตามท่ีบญั ญตั ิไวใ้ นมาตรา 8 มาตรา 16 ใหศ้ นู ยร์ ับคาขออนญุ าตมหี น้าทดี่ งั ต่อไปนี้ (1) รับคาขอและค่าธรรมเนียม รวมตลอดทั้งคาอุทธรณ์ ตามกฎหมายวา่ ด้วยการอนุญาต (2) ให้ข้อมูล ช้ีแจง และแนะนาผู้ยื่นคาขอหรือประชาชนให้ทราบถึงหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เง่ือนไขในการขออนุญาต รวมตลอดทั้งความจาเป็นในการยื่นคาขออื่นใดท่ีจาเป็นต้องดาเนินการ ตาม กฎหมายวา่ ดว้ ยการอนุญาตท้ังปวง ในการประกอบกิจการหรอื ดาเนินการอย่างหนง่ึ อยา่ งใด
330 (3) ส่งคาขอ หรือคาอุทธรณ์ ที่ได้รับจากผยู้ ่ืนคาขอหรือผยู้ ่ืนคาอทุ ธรณ์พร้อมทั้งเอกสาร หรอื หลักฐานทีเ่ กย่ี วขอ้ งให้หนว่ ยงานที่เกยี่ วข้อง และคอยติดตามเรง่ รดั หน่วยงานดังกล่าวเพื่อดาเนินการ ให้ ถกู ตอ้ งภายในระยะเวลาทกี่ าหนดตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ และคู่มือสาหรบั ประชาชนตามมาตรา 7 หรอื ตาม กฎหมายท่ใี หส้ ทิ ธิในการอทุ ธรณ์ (4) ในกรณีท่เี ห็นวา่ หลกั เกณฑห์ รอื วิธีการในการยื่นคาขอ มีรายละเอียดหรอื กาหนดใหต้ อ้ ง สง่ เอกสารท่ีไม่จาเป็น หรือเป็นภาระเกินสมควรแก่ประชาชน ให้เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพ่ือสั่งการให้ หนว่ ยงานทเี่ ก่ียวข้องดาเนนิ การปรบั ปรงุ แกไ้ ขใหเ้ หมาะสมยงิ่ ขน้ึ (5) รวบรวมปัญหาและอุปสรรคจากการอนุญาตและการดาเนินการของศูนย์รบั คาขออนญุ าต เพือ่ เสนอต่อคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการเพ่อื รายงานต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาส่ังการให้หน่วยงาน ทเี่ กีย่ วขอ้ งดาเนินการปรบั ปรุงแก้ไขใหเ้ หมาะสมตอ่ ไป (6) เสนอแนะในการพฒั นาหรอื ปรับปรงุ กระบวนการ ข้นั ตอน ระยะเวลา เกย่ี วกบั การอนญุ าต ต่างๆ รวมถึงข้อเสนอในการออกกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือกาหนดหลักเกณฑ์ที่เก่ียวกับการอนุญาต เพ่ือให้ประชาชน ได้รบั ความสะดวกมากข้นึ มาตรา 17 ให้ผู้อนุญาตจัดทาคู่มือสาหรับประชาชนตามมาตรา 7 ให้เสร็จส้ินภายในหนง่ึ รอ้ ย แปดสิบวันนับแต่วันท่ีพระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา 18 ให้นายกรัฐมนตรี รกั ษาการตามพระราชบัญญตั ินี้ ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยทุ ธ์ จันทรโ์ อชา นายกรัฐมนตรี
แนวขอ้ สอบพระราชบญั ญตั ิการอานวยความสะดวกในการพจิ ารณาอนญุ าตของทางราชการ 331 พ.ศ. 2558 แนวขอ้ สอบพระราชบัญญตั กิ ารอานวยความสะดวกในการพจิ ารณาอนญุ าตของทางราชการ พ.ศ. 2558 1. พระราชบญั ญัติการอานวยความสะดวกในการพจิ ารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ใหไ้ ว้ ณ วันใด ก. 16 มกราคม 2558 ข. 18 มกราคม 2558 ค. 20 มกราคม 2558 ง. 22 มกราคม 2558 2. การอานวยความสะดวกในการพิจารณาอนญุ าตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ประกาศในราชกจิ จา นุเบกษาเมอ่ื ใด ก. 20 มกราคม 2558 ข. 21 มกราคม 2558 ค. 22 มกราคม 2558 ง. 23 มกราคม 2558 3. พระราชบัญญัตินี้ใหใ้ ช้บังคบั เมอ่ื พ้นกาหนดก่วี ัน นับแต่วันประกาศในราชกจิ จานุเบกษา ก. 60 วนั ค. 90 วนั ข. 120 วนั ง. 180 วัน 4. พระราชบัญญัตินใี้ ช้บังคับกับขอ้ ใด ก. การอนญุ าต ข. การจดทะเบยี นหรอื การแจง้ ท่มี กี ฎหมายหรือกฎกาหนดให้ต้องขออนญุ าต ค. จดทะเบยี น หรือแจ้ง ก่อนจะดาเนินการใด ง. ถูกทกุ ข้อ 5. มาตรา 5 พระราชบญั ญัตินม้ี ใิ หใ้ ช้บงั คับแก่ (1) รัฐสภาและคณะรัฐมนตรี (2) การพจิ ารณาพิพากษาคดีของศาลและการดาเนนิ งานของเจ้าหน้าทใ่ี นกระบวนการพจิ ารณา คดีการบังคบั คดี และการวางทรพั ย์ (3) การดาเนินงานตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา (4) การอนญุ าตตามกฎหมายว่าด้วยทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม (5) การอนญุ าตทีเ่ กีย่ วขอ้ งกับการปฏิบตั ิการทางทหารดา้ นยุทธการ รวมทง้ั ตามกฎหมาย เกย่ี วกบั การควบคมุ ยทุ ธภัณฑ์ และกฎหมายว่าด้วยโรงงานผลิตอาวธุ ของเอกชน การยกเว้นไมใ่ ห้ นาทบญั ญัติแหง่ พระราชบญั ญัตนิ ีม้ าใช้บงั คบั แก่การดาเนนิ กจิ การใดหรอื กับหนว่ ยงานใดนอกจาก ท่ีกาหนดไว้ให้ตราเป็นกฎหมายใด ก. พระราชบัญญตั ิ ข. พระราชกฤษฎกี า ค. พระราชกาหนด ง. กฎกระทรวง
332 6. ให้ผ้อู นญุ าตพิจารณากฎหมายท่ใี ห้อานาจในการอนุญาตว่าสมควรปรับปรุงกฎหมายนั้นเพอื่ ยกเลกิ การอนุญาตหรอื จัดใหม้ มี าตรการอนื่ แทนการอนุญาตหรือไม่ ในทกุ กี่ปี ก. 2 ปี ข. 3 ปี ค. 4 ปี ง. 5 ปี 7. พระราชบญั ญตั ิการอานวยความสะดวกในการพจิ ารณาอนญุ าตของทางราชการ พ.ศ. 2558 มีก่ี มาตรา ก. 20 มาตรา ข. 25 มาตรา ค. 18 มาตรา ง. 30 มาตรา 8. ในกรณที ่มี กี ฎหมายกาหนดใหก้ ารกระทาใดจะต้องได้รบั อนญุ าต ผู้อนุญาตจะต้องจดั ทาสง่ิ ใด ก. คู่มือสาหรบั หน่วยงานของรฐั ข. ค่มู อื สาหรับองค์กรเอกชน ค. คมู่ อื สาหรับประชาชน ง. คูม่ ือสาหรบั ข้าราชการ 9. ใครเป็นผรู้ กั ษาการตามพระราชบัญญัติน้ี ก. รฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ข. รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงการคลัง ค. นายกรัฐมนตรี ง. รองนายกรัฐมนตรี 10. คู่มอื สาหรับประชาชนใหป้ ิดประกาศไว้ ณ ท่ใี ด ก. ปิดประกาศไว้ ณ สถานท่ที ่กี าหนดใหย้ ืน่ คาขอ และเผยแพร่ทางสื่ออเิ ล็กทรอนกิ ส์ ข. ปิดประกาศไว้ ณ ท่ีวา่ การอาเภอ และเผยแพร่ทางสื่ออเิ ล็กทรอนกิ ส์ ค. ปดิ ประกาศไว้ ณ สถานทท่ี ี่กาหนดให้ยนื่ คาขอ ง. ปิดประกาศไว้ ณ ที่ว่าการอาเภอ 11. คาว่า “เจ้าหน้าที่” ตามพระราชบญั ญตั กิ ารอานวยความสะดวกในการพจิ ารณาอนญุ าตของทาง ราชการ พ.ศ. 2558 หมายความถึง เจ้าหนา้ ที่ตามขอ้ ใด ก. ประมวลกฎหมายอาญา ข. ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา ค. กฎหมายวา่ ดว้ ยวิธีปฏิบตั ิราชการทางปกครอง ง. กฎหมายระเบยี บบรหิ ารราชการแผ่นดิน 12. “อนญุ าต” ตามพระราชบัญญัติการอานวยความสะดวกในการพจิ ารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 หมายความว่าอยา่ งไร ก. การอนญุ าตให้ปล่อยตวั ช่ัวคราว ข. การให้ประทานบตั ร ค. การใหอ้ าญาบัตร ง. ถกู ท้งั ข้อ ข และขอ้ ค.
แนวขอ้ สอบพระราชบญั ญัติการอานวยความสะดวกในการพิจารณาอนญุ าตของทางราชการ 333 พ.ศ. 2558 13. คมู่ อื สาหรับประชาชน อย่างน้อยตอ้ งประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง ก. หลักเกณฑ์ ข. วิธีการ ค. ชอ่ื สว่ นราชการทจ่ี ัดทา ง. ข้อ ก,ข ถูก 14. เมือ่ พิจารณาอนุญาตแล้วเสร็จ ผู้อนญุ าตแจ้งใหผ้ ู้ย่ืนคาขอทราบภายในกวี่ ันนับแต่พิจารณาแล้ว เสร็จ ก. ไม่น้อยกว่า 5 วัน ข. 5 วัน ค. ไม่นอ้ ยกว่า 7 วนั ง. 7 วัน 15. หากผู้อนุญาตพิจารณาไมแ่ ล้วเสร็จตามกาหนด ใหแ้ จ้งตอ่ ผยู้ ่ืนคาขอทราบถึงเหตุแหง่ ความลา้ ชา้ ภายในระยะเวลาใด ก. ให้แจง้ ทุก 7 วันจนกวา่ จะพจิ ารณาแล้วเสรจ็ พรอ้ มส่งสาเนาให้ผบู้ ังคบั บญั ชาทราบทกุ ครง้ั ข. ให้แจง้ ทกุ 7 วันจนกวา่ จะพิจารณาแล้วเสรจ็ พร้อมสง่ สาเนาให้ผตู้ รวจราชการทราบทุกครง้ั ค. ให้แจง้ ทุก 7 วันจนกวา่ จะพิจารณาแล้วเสรจ็ พรอ้ มสง่ สาเนาให้ ก.พ.ร. ทราบทกุ ครั้ง ง. ใหแ้ จง้ ทุก 7 วันจนกว่าจะพจิ ารณาแล้วเสร็จ พร้อมส่งสาเนาให้ ค.ร.ม. ทราบทกุ คร้ัง 16. ศูนย์รบั คาขออนุญาต จัดตง้ั โดย ก. จดั ต้ังตามคาสง่ั นายกรฐั มนตรีโดยตราเป็นพระราชกฤษฎกี า ข. จัดตง้ั ตามมติคณะรฐั มนตรีโดยตราเปน็ พระราชกฤษฎีกา ค. จัดต้ังตามมติ ก.พ.ร โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ง. จัดตั้งตามคาสั่งรัฐมนตรโี ดยออกเปน็ กฎกระทรวง 17. ศูนย์รบั คาขออนุญาต มหี น้าท่ีตามขอ้ ใด ก. รับคาขอและคา่ ธรรมเนียม รวมตลอดทง้ั คาอทุ ธรณ์ตามกฎหมาย ข. ให้ข้อมลู ชแ้ี จง แนะนาผยู้ น่ื คาขอหรือประชาชน ใหท้ ราบถงึ หลกั เกณฑ์วธิ กี ารและเง่ือนไข ในการอนญุ าต ค. เสนอแนะตอ่ คณะรฐั มนตรเี พือ่ ให้หนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ปรับปรุงแกไ้ ขหลกั เกณฑ์หรอื วธิ ีการ ในการยื่นคาขอให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ง. ถกู ทกุ ขอ้ 18. เกี่ยวกับศูนย์รับคาขออนุญาต ขอ้ ใดถูกตอ้ งท่สี ุด ก. เป็นส่วนราชการมีฐานะเป็นกระทรวง อยู่ในสังกดั สานกั นายกรฐั มนตรี ข. เป็นสว่ นราชการมีฐานะเป็นกรม มอี ธบิ ดเี ปน็ ผบู้ งั คับบัญชา อยใู่ นสงั กดั สานักนายกรัฐมนตรี ค. เป็นส่วนราชการไม่มฐี านะเปน็ กรม อยู่ในสงั กัดสานักนายกรฐั มนตรี ง. ถกู ทงั้ ข้อ ก,ข
334 19. เมือ่ ศูนยร์ ับคาขออนุญาตได้รบั คาขออนุญาตจากผขู้ ออนุญาตแลว้ ให้ส่งเร่อื งให้ผู้อนุญาตภายใน ระยะเวลาเท่าใด ก. 3 วนั ข. 5 วนั ค. ไมช่ า้ กว่า 3 วัน ง. ไม่ช้ากวา่ 5 วนั 20. ใหผ้ ู้อนญุ าตจัดทาคู่มือสาหรับประชาชนให้เสรจ็ สน้ิ ภายในระยะเวลาใด ก. ภายใน 180 วนั นับแตพ่ รบ.นปี้ ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ข. ภายใน 180 วัน ค. ภายใน 180 วันนบั แต่ พรบ.นใี้ ช้บงั คบั ง. ไมเ่ กนิ 180 วนั
เฉลยขอ้ สอบ พรบ.การอานวยความสะดวกในการพจิ ารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 335 2558 เฉลยข้อสอบ พรบ.การอานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ขอ้ คาตอบ ขอ้ คาตอบ ขอ้ คาตอบ 1ก 2ค 3ง 4ง 5ข 6ง 7ค 8ค 9ค 10 ก 11 ค 12 ง 13 ง 14 ง 15 ค 16 ข 17 ง 18 ค 19 ค 20 ก
336 สรปุ สาระสาคญั ระเบียบสานกั นายกรัฐมนตรี วา่ ดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 ระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 บงั คับใชว้ ันท่ี 1 มิถุนายน 2526 ระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2548 บังคับใช้วันท่ี 24 กนั ยายน 2548 “งานสารบรรณ” หมายความวา่ งานทเ่ี ก่ียวกบั การบรหิ ารงานเอกสาร เรมิ่ ตงั้ แต่การจัดทา การรบั การสง่ การเกบ็ รักษา การยมื จนถงึ การทาลาย ขอ้ 1 ระเบียบน้เี รียกว่า “ระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรวี ่าดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526” รไู้ วใ้ หจ้ า สูตร (6 Step = ทา – รับ – สง่ – เก็บ – ยืม – ทาลาย) นิยามท่อี อกข้อสอบบ่อย “หนังสอื ” หมายความว่า หนังสือราชการ “อิเล็กทรอนิกส์” หมายความวา่ การประยกุ ตใ์ ชว้ ธิ กี ารทางอเิ ลก็ ตรอน ไฟฟา้ คลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ หรือวธิ อี ืน่ ใดในลกั ษณะคล้ายกัน และให้หมายความรวมถงึ การประยกุ ตใ์ ชว้ ิธกี ารทางแสง วธิ กี าร ทางแมเ่ หลก็ หรอื อุปกรณท์ เี่ กีย่ วขอ้ งกบั การประยกุ ตใ์ ช้วธิ ีต่าง ๆ เชน่ ว่าน้นั “ระบบสารบรรณอิเลก็ ทรอนิกส์” หมายความวา่ การรับสง่ ข้อมลู ข่าวสารหรือหนงั สอื ผ่าน ระบบสอ่ื สารด้วยวธิ กี ารทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ผรู้ ักษาการตามกฎหมายนี้ คือ ปลัดสานกั นายกรัฐมนตรี หมวด 1 ชนิดของหนังสือ ข้อ 9 หนงั สอื ราชการ คอื เอกสารท่ีเปน็ หลักฐานในราชการ ไดแ้ ก่ 9.1 หนงั สอื ทมี่ ไี ปมาระหว่างส่วนราชการ 9.2 หนังสอื ทสี่ ่วนราชการมีไปถึงหน่วยงานอ่ืนใดซ่งึ มิใช่สว่ นราชการ หรือทีม่ ีไปถึง บุคคลภายนอก 9.3 หนังสือทหี่ น่วยงานอนื่ ใดซึง่ มิใชส่ ่วนราชการ หรอื บุคคลภายนอกมมี าถงึ สว่ นราชการ 9.4 เอกสารท่ที างราชการจัดทาขนึ้ เพอ่ื เป็นหลักฐานในราชการ
สรปุ สาระสาคญั ระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 337 9.5 เอกสารท่ที างราชการจดั ทาข้ึนตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบงั คับ 9.6 ข้อมลู ขา่ วสารหรือหนังสือท่ไี ดร้ ับจากระบบสารบรรณอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (ความในขอ้ 9 แก้ไขโดย ระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรี วา่ ดว้ ยงานสารบรรณ (ฉบับท่ี 2 ) พ.ศ.2548 ลงวันท่ี 21 มถิ ุนายน พ.ศ. 2548) ขอ้ 10 หนังสอื มี 6 ชนิด คอื 1. หนงั สอื ภายนอก 2. หนังสอื ภายใน 3. หนงั สือประทบั ตรา 4. หนังสือสง่ั การ 5. หนงั สือประชาสัมพันธ์ 6. หนังสอื ทเี่ จา้ หน้าทท่ี าข้นึ หรอื รบั ไว้เปน็ หลักฐานในราชการ สว่ นท่ี 1 หนังสือภายนอก ขอ้ 11 หนังสือภายนอก คือ หนังสือติดต่อราชการท่ีเป็นแบบพิธีโดยใช้กระดาษตรา ครุฑ เป็นหนงั สือติดตอ่ ระหว่างสว่ นราชการ หรอื สว่ นราชการมีถึงหน่วยงานอืน่ ใดซึ่งมิใช่สว่ นราชการ หรอื ทีม่ ถี ึงบุคคลภายนอก ใหจ้ ัดทาตามแบบท่ี 1 ทา้ ยระเบียบ โดยกรอกรายละเอยี ดดงั น้ี 11.1 ที่ ให้ลงรหสั ตัวพยัญชนะและเลขประจาของเจา้ ของเรือ่ ง ตามที่กาหนดไว้ในภาคผนวก 1 ทบั เลขทะเบียนหนังสือส่ง สาหรับหนังสือของคณะกรรมการให้กาหนดรหัสตัวพยัญชนะเพ่ิมข้ึนได้ตาม ความจาเปน็ 11.2 ส่วนราชการเจ้าของหนังสือ ให้ลงชื่อส่วนราชการ สถานที่ราชการ หรือ คณะกรรมการ ซึง่ เปน็ เจา้ ของหนงั สอื นัน้ และโดยปกตใิ หล้ งทีต่ ้ังไวด้ ว้ ย 11.3 วนั เดือน ปี ให้ลงตวั เลขของวนั ท่ี ชื่อเตม็ ของเดอื น และตวั เลขของปพี ุทธศกั ราช ทอ่ี อกหนงั สอื 11.4 เร่อื ง ให้ลงเรอื่ งยอ่ ท่เี ป็นใจความสั้นทีส่ ุดของหนงั สือฉบับน้ัน ในกรณีที่เปน็ หนังสือ ตอ่ เนอ่ื ง โดยปกติให้ลงเรือ่ งของหนงั สอื ฉบับเดิม 11.5 คาขน้ึ ตน้ ให้ใช้คาข้ึนตน้ ตามฐานะของผู้รับหนงั สือตามตารางการใช้คาขน้ึ ต้นสรรพนาม และคาลงท้าย ที่กาหนดไว้ในภาคผนวก 2 แล้วลงตาแหน่งของผู้ที่หนังสือน้ันมีถึง หรือช่ือ บคุ คลในกรณที ม่ี ถี งึ ตวั บคุ คลไม่เก่ียวกับตาแหนง่ หน้าที่
338 11.6 อ้างถึง(ถ้ามี) ให้อ้างถึงหนังสือท่ีเคยมีติดต่อกันเฉพาะหนงั สอื ท่ีส่วนราชการผู้รับหนงั สอื ได้รับมากอ่ นแล้ว จะจากสว่ นราชการใดก็ตาม โดยใหล้ งช่อื ส่วนราชการเจ้าของหนงั สอื และเลขที่หนงั สอื วันท่ี เดือน ปีพุทธศักราช ของหนังสือน้ัน การอ้างถึง ให้อ้างถึงหนังสือฉบบั สดุ ทา้ ยที่ติดต่อกันเพียงฉบบั เดียว เวน้ แต่มเี รือ่ งอ่ืน ท่เี ป็นสาระสาคญั ตอ้ งนามาพจิ ารณา จงึ อา้ งถึงหนังสอื ฉบับอ่ืน ๆ ทเ่ี กีย่ วกับเรือ่ งนน้ั โดยเฉพาะใหท้ ราบดว้ ย 11.7 ส่ิงท่ีส่งมาด้วย (ถ้ามี) ให้ลงชื่อสิง่ ของ เอกสาร หรือบรรณสารทสี่ ่งไปพร้อมกบั หนงั สอื นน้ั ในกรณีทไี่ มส่ ามารถส่งไปในซองเดยี วกันได้ ให้แจง้ ด้วยวา่ ส่งไปโดยทางใด 11.8 ขอ้ ความ ใหล้ งสาระสาคัญของเรอื่ งใหช้ ดั เจนและเขา้ ใจง่าย หากมีความประสงค์ หลายประการใหแ้ ยกเปน็ ขอ้ ๆ 11.9 คาลงท้าย ให้ใช้คาลงท้ายตามฐานะของผรู้ บั หนังสือตามตารางการใช้คาขน้ึ ต้นสรรพนาม และคาลงทา้ ย ที่กาหนดไวใ้ นภาคผนวก 2 11.10 ลงชอ่ื ใหล้ งลายมอื ช่อื เจา้ ของหนังสอื และให้พมิ พช์ อ่ื เตม็ ของเจ้าของลายมือช่ือ ไวใ้ ต้ลายมอื ชอ่ื ตามรายละเอียดที่กาหนดไวใ้ นภาคผนวก 3 11.11 ตาแหน่ง ให้ลงตาแหนง่ ของเจา้ ของหนงั สือ 11.12 ส่วนราชการเจ้าของเรอ่ื ง ใหล้ งชอื่ ส่วนราชการเจ้าของเรือ่ ง หรอื หนว่ ยงานทีอ่ อก หนงั สอื ถา้ สว่ นราชการทีอ่ อกหนงั สอื อยใู่ นระดับกระทรวง หรือทบวง ใหล้ งช่อื สว่ นราชการเจา้ ของเรอื่ ง ทั้งระดับกรมและกอง ถ้าส่วนราชการทอี่ อกหนังสอื อยู่ในระดับกรมลงมา ให้ลงช่ือส่วนราชการเจา้ ของ เรื่องเพียงระดบั กองหรือหนว่ ยงานทีร่ ับผดิ ชอบ 11.13 โทร. ใหล้ งหมายเลขโทรศพั ท์ของส่วนราชการเจ้าของเรอื่ ง หรือหน่วยงานที่ออก หนงั สอื และหมายเลขภายในตสู้ าขา (ถา้ มี) ไวด้ ้วย 11.14 สาเนาส่ง (ถ้ามี) ในกรณีที่ผู้ส่งจัดทาสาเนาสง่ ไปให้ส่วนราชการ หรือบุคคลอื่นทราบ และประสงค์จะให้ผ้รู ับทราบว่าได้มีสาเนาส่งไปให้ผ้ใู ดแล้ว ให้พิมพ์ช่ือเต็ม หรือชื่อย่อของส่วนราชการ หรอื ช่อื บคุ คลที่สง่ สาเนาไปให้ เพอ่ื ใหเ้ ป็นทเ่ี ข้าใจระหวา่ งผู้ส่งและผู้รบั ถา้ หากมีรายชื่อที่ส่งมากใหพ้ มิ พ์วา่ ส่งไปตามรายชอ่ื ทแ่ี นบ และแนบรายช่อื ไปด้วย สว่ นท่ี 2 หนังสอื ภายใน ข้อ 12 หนงั สือภายใน คอื หนังสือติดต่อราชการท่เี ป็นแบบพิธีนอ้ ยกว่าหนังสอื ภายนอก เป็น หนงั สอื ตดิ ต่อภายในกระทรวง ทบวง กรม หรือจังหวดั เดยี วกนั ใชก้ ระดาษบนั ทกึ ขอ้ ความ และให้ จัดทาตามแบบท่ี 2 ท้ายระเบยี บ โดยกรอกรายละเอยี ดดงั น้ี 12.1 ส่วนราชการ ใหล้ งชื่อส่วนราชการเจา้ ของเรือ่ ง หรือหนว่ ยงานที่ออกหนงั สอื โดยมี รายละเอียดพอสมควร โดยปกตถิ ้าสว่ นราชการทอี่ อกหนังสืออยูใ่ นระดับกรมขน้ึ ไป ใหล้ งชอื่ ส่วนราชการ
สรปุ สาระสาคญั ระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรี วา่ ดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 339 เจา้ ของเรอ่ื งทงั้ ระดบั กรมและกอง ถ้าส่วนราชการทอ่ี อกหนงั สืออย่ใู นระดบั ต่ากวา่ กรมลงมา ใหล้ งชื่อส่วนราชการ เจ้าของเรื่องเพียงระดับกอง หรอื ส่วนราชการเจา้ ของเรอื่ งพร้อมทง้ั หมายเลขโทรศพั ท์ (ถา้ ม)ี 12.2 ท่ี ใหล้ งรหัสตวั พยญั ชนะและเลขประจาของเจ้าของเรื่อง ตามทก่ี าหนดไว้ในภาคผนวก 1 ทบั เลขทะเบียนหนงั สอื ส่ง สาหรับหนงั สือของคณะกรรมการใหก้ าหนดรหสั ตัวพยัญชนะเพ่ิมข้ึนได้ตาม ความจาเปน็ 12.3 วนั ท่ี ใหล้ งตวั เลขของวันท่ี ช่อื เต็มของเดอื น และตวั เลขของปพี ุทธศักราชทีอ่ อก หนงั สือ 12.4 เรือ่ ง ใหล้ งเรอื่ งยอ่ ทเี่ ป็นใจความสน้ั ทส่ี ุดของหนงั สือฉบบั นัน้ ในกรณที เ่ี ป็นหนังสือ ต่อเนอ่ื ง โดยปกติให้ลงเรอื่ งของหนังสือฉบับเดิม 12.5 คาขึ้นต้น ใหใ้ ชค้ าข้นึ ตน้ ตามฐานะของผูร้ ับหนงั สอื ตามตารางการใช้คาขึ้นต้นสรรพนาม และคาลงท้าย ทีก่ าหนดไว้ในภาคผนวก 2 แล้วลงตาแหน่งของผ้ทู ห่ี นงั สอื น้นั มีถงึ หรอื ชอ่ื บคุ คลในกรณที ี่ มถี งึ ตวั บคุ คลไม่เกย่ี วกับตาแหนง่ หนา้ ที่ 12.6 ข้อความ ให้ลงสาระสาคัญของเรื่องให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย หากมีความ ประสงค์หลายประการ ให้แยกเป็นข้อ ๆ ในกรณีท่ีมีการอา้ งถึงหนังสือท่ีเคยมีตดิ ต่อกันหรอื มสี ง่ิ ทส่ี ่งมา ด้วย ใหร้ ะบุไว้ในข้อน้ี 12.7 ลงชือ่ และตาแหนง่ ใหป้ ฏิบัติตามข้อ 11.10 และขอ้ 11.11 โดยอนโุ ลมในกรณีที่ กระทรวง ทบวง กรม หรือจังหวัดใดประสงค์จะกาหนดแบบการเขียนโดยเฉพาะ เพ่ือใช้ตามความ เหมาะสมก็ให้กระทาได้ สว่ นที่ 3 หนังสอื ประทับตรา ข้อ 13 หนงั สอื ประทบั ตรา คือ หนงั สอื ทใ่ี ช้ประทับตราแทนการลงชอื่ ของหวั หน้าสว่ นราชการ ระดับกรมข้นึ ไป โดยใหห้ วั หนา้ ส่วนราชการระดบั กอง หรอื ผทู้ ไี่ ด้รบั มอบหมายจากหัวหน้าสว่ นราชการระดบั กรมขนึ้ ไป เปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบลงช่ือยอ่ กากบั ตรา หนังสอื ประทบั ตราให้ใช้ได้ทงั้ ระหวา่ งส่วนราชการกับสว่ นราชการ และระหว่างสว่ นราชการกับ บุคคลภายนอก เฉพาะกรณีทไี่ มใ่ ชเ่ รื่องสาคญั ได้แก่ 13.1 การขอรายละเอยี ดเพม่ิ เติม 13.2 การสง่ สาเนาหนงั สอื ส่งิ ของ เอกสาร หรอื บรรณสาร 13.3 การตอบรบั ทราบทไ่ี มเ่ กี่ยวกับราชการสาคญั หรือการเงิน 13.4 การแจ้งผลงานทไ่ี ดด้ าเนนิ การไปแลว้ ใหส้ ว่ นราชการท่เี กีย่ วขอ้ งทราบ 13.5 การเตอื นเรอ่ื งท่ีคา้ ง 13.6 เร่อื งซึ่งหัวหนา้ สว่ นราชการระดบั กรมขึ้นไปกาหนดโดยทาเปน็ คาสั่ง ให้ใช้หนังสอื
340 ประทับตรา ขอ้ 14 หนังสือประทบั ตรา ใชก้ ระดาษตราครุฑ และให้จดั ทาตามแบบที่ 3 ท้ายระเบียบ โดยกรอก รายละเอียดดังนี้ 14.1 ที่ ให้ลงรหัสตัวพยัญชนะและเลขประจาของเจ้าของเรื่อง ตามท่ีกาหนดไว้ใน ภาคผนวก 1 ทบั เลขทะเบยี นหนงั สอื สง่ 14.2 ถงึ ใหล้ งชอื่ ส่วนราชการ หน่วยงาน หรือบคุ คลทหี่ นงั สือนน้ั มีถงึ 14.3 ข้อความ ใหล้ งสาระสาคัญของเรื่องใหช้ ัดเจนและเขา้ ใจงา่ ย 14.4 ช่ือสว่ นราชการท่สี ่งหนงั สือออก ให้ลงชื่อสว่ นราชการทสี่ ง่ หนงั สอื ออก 14.5 ตราช่อื สว่ นราชการ ใหป้ ระทบั ตราชื่อสว่ นราชการตามข้อ 72 ด้วยหมกึ แดง และให้ ผู้รบั ผิดชอบลงลายมอื ช่ือยอ่ กากบั ตรา 14.6 วนั เดอื น ปี ให้ลงตัวเลขของวันที่ ชอ่ื เตม็ ของเดอื นและตวั เลขของปีพทุ ธศกั ราช ท่อี อกหนงั สอื 14.7 ส่วนราชการเจ้าของเรื่อง ใหล้ งชือ่ สว่ นราชการเจา้ ของเร่ือง หรือหน่วยงานที่ ออกหนงั สอื 14.8 โทร. หรอื ท่ีตงั้ ใหล้ งหมายเลขโทรศพั ท์ของสว่ นราชการเจ้าของเรือ่ ง และหมายเลข ภายในตู้สาขา (ถ้ามี) ด้วย ในกรณีท่ีไม่มีโทรศพั ท์ ใหล้ งทีต่ ้ังของสว่ นราชการเจ้าของเรอ่ื งโดยให้ ลงตาบลทอี่ ย่ตู ามความจาเปน็ และแขวงไปรษณีย์ (ถา้ มี) ส่วนที่ 4 หนังสอื สง่ั การ ขอ้ 15 หนงั สือสง่ั การ ให้ใช้ตามแบบท่กี าหนดไวใ้ นระเบียบนี้ เวน้ แต่จะมกี ฎหมาย กาหนดแบบไวโ้ ดยเฉพาะหนงั สือสงั่ การมี 3 ชนดิ ได้แก่ คาส่งั ระเบียบ และข้อบังคับ ขอ้ 16 คาส่ัง คอื บรรดาข้อความที่ผู้บงั คบั บัญชาส่งั การให้ปฏบิ ตั โิ ดยชอบดว้ ยกฎหมาย ใชก้ ระดาษตราครฑุ และใหจ้ ัดทาตามแบบท่ี 4 ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอยี ดดงั น้ี 16.1 คาส่ัง ให้ลงชอ่ื สว่ นราชการ หรอื ตาแหนง่ ของผมู้ ีอานาจทอ่ี อกคาส่งั 16.2 ท่ี ให้ลงเลขท่ีทอ่ี อกคาสง่ั โดยเร่ิมฉบบั แรกจากเลข 1 เรยี งเป็นลาดบั ไปจนสน้ิ ปปี ฏทิ นิ ทบั เลขปีพทุ ธศกั ราชท่ีออกคาสงั่ 16.3 เรอ่ื ง ใหล้ งช่ือเรอ่ื งทอ่ี อกคาสงั่
สรปุ สาระสาคญั ระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรี วา่ ดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 341 16.4 ขอ้ ความ ใหอ้ ้างเหตทุ ีอ่ อกคาสง่ั และอ้างถงึ อานาจทใ่ี หอ้ อกคาสงั่ (ถ้าม)ี ไวด้ ้วย แล้วจึงลงข้อความทส่ี งั่ และวนั ใชบ้ งั คับ 16.5 ส่ัง ณ วันท่ี ให้ลงตัวเลขของวันที่ ช่อื เต็มของเดือน และตัวเลขของปพี ทุ ธศักราช ท่อี อกคาสงั่ 16.6 ลงชอ่ื ให้ลงลายมอื ช่ือผ้อู อกคาสง่ั และพมิ พช์ ่ือเตม็ ของเจา้ ของลายมอื ช่อื ไว้ใต้ ลายมอื ช่ือ 16.7 ตาแหน่ง ใหล้ งตาแหน่งของผอู้ อกคาสั่ง ข้อ 17 ระเบยี บ คอื บรรดาขอ้ ความท่ผี ้มู อี านาจหนา้ ท่ไี ด้วางไว้ โดยจะอาศัยอานาจของกฎหมาย หรือไม่ก็ได้ เพื่อถือเป็นหลักปฏิบัติงานเป็นการประจา ใช้กระดาษตราครุฑ และให้จัดทาตามแบบท่ี 5 ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอยี ดดังน้ี 17.1 ระเบยี บ ให้ลงชือ่ ส่วนราชการทีอ่ อกระเบียบ 17.2 วา่ ด้วย ให้ลงช่อื ของระเบียบ 17.3 ฉบบั ท่ี ถ้าเป็นระเบียบทกี่ ลา่ วถงึ เปน็ ครั้งแรกในเรอื่ งน้นั ไมต่ อ้ งลงวา่ เป็นฉบบั ที่ เท่าใด แตถ่ ้าเปน็ ระเบยี บเรอื่ งเดียวกนั ท่มี กี ารแก้ไขเพม่ิ เตมิ ให้ลงเป็น ฉบบั ท่ี 1 และท่ีถดั ๆ ไปตามลาดบั 17.4 พ.ศ. ให้ลงตัวเลขของปพี ุทธศักราชทอี่ อกระเบยี บ 17.5 ข้อความ ให้อ้างเหตุผลโดยย่อ เพ่ือแสดงถึงความมุ่งหมายท่ีต้องออก ระเบียบ และอา้ งถงึ กฎหมายท่ีให้อานาจออกระเบียบ (ถา้ ม)ี 17.6 ข้อ ให้เรียงข้อความทจ่ี ะใช้เป็นระเบียบเป็นข้อ ๆ โดยให้ข้อ 1 เป็นช่ือ ระเบยี บ ขอ้ 2 เปน็ วันใช้บงั คบั กาหนดว่าใหใ้ ชบ้ งั คบั ตั้งแต่เมื่อใด และข้อสดุ ท้าย เป็นขอ้ ผูร้ ักษาการ ระเบียบใดถ้ามี มากข้อหรือหลายเร่ือง จะแบ่งเปน็ หมวดกไ็ ด้ โดยใหย้ ้ายข้อผูร้ กั ษาการไปเปน็ ข้อสุดทา้ ย กอ่ นทจี่ ะขึ้นหมวด 1 17.7 ประกาศ ณ วันท่ี ใหล้ งตวั เลขของวันที่ ชอ่ื เต็มของเดอื น และตัวเลขของปพี ทุ ธศักราช ที่ออกระเบยี บ 17.8 ลงชื่อ ใหล้ งลายมอื ชือ่ ผอู้ อกระเบียบ และพมิ พ์ชอื่ เตม็ ของเจ้าของลายมือช่ือไว้ใต้ ลายมือชอื่ 17.9 ตาแหนง่ ใหล้ งตาแหนง่ ของผู้ออกระเบียบ
342 ข้อ 18 ขอ้ บังคับ คือ บรรดาขอ้ ความทีผ่ ูม้ อี านาจหนา้ ท่ีกาหนดให้ใชโ้ ดยอาศยั อานาจของ กฎหมายที่บญั ญัติใหก้ ระทาได้ ใช้กระดาษตราครฑุ และใหจ้ ดั ทาตามแบบท่ี 6 ท้ายระเบียบ โดยกรอก รายละเอยี ดดงั น้ี 18.1 ข้อบงั คบั ใหล้ งช่อื ส่วนราชการที่ออกข้อบงั คับ 18.2 ว่าด้วย ให้ลงชอื่ ของขอ้ บงั คบั 18.3 ฉบับท่ี ถ้าเปน็ ข้อบังคบั ที่กลา่ วถงึ เปน็ ครง้ั แรกในเรื่องนั้น ไมต่ อ้ งลงว่าเป็นฉบับที่ เท่าใด แต่ถา้ เปน็ ขอ้ บงั คบั เรอื่ งเดยี วกันทีม่ กี ารแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ ให้ลงเป็นฉบบั ที่ 2 และที่ถดั ๆ ไป ตามลาดับ 18.4 พ.ศ. ให้ลงตวั เลขของปพี ุทธศักราชท่ีออกขอ้ บงั คบั 18.5 ขอ้ ความ ให้อ้างเหตผุ ลโดยย่อเพอื่ แสดงถงึ ความมุ่งหมายทีต่ อ้ งออกข้อบงั คบั และอ้างถึงกฎหมายที่ใหอ้ านาจออกข้อบังคบั 18.6 ข้อ ใหเ้ รียงข้อความทจ่ี ะใช้บงั คบั เปน็ ข้อ ๆ โดยให้ ข้อ 1 เปน็ ช่อื ขอ้ บงั คับ ข้อ 2 เปน็ วนั ทีใ่ ชบ้ งั คบั กาหนดว่าใหใ้ ชบ้ ังคบั ตัง้ แต่เมื่อใด และข้อสดุ ท้ายเป็นข้อผู้รกั ษาการ ขอ้ บงั คับใดถา้ มีมากข้อ หรือหลายเรอื่ งจะแบ่งเป็นหมวดก็ได้ โดยให้ย้ายข้อผรู้ กั ษาการไปเป็นขอ้ สุดทา้ ยก่อนท่ีจะข้นึ หมวด 1 18.7 ประกาศ ณ วนั ท่ี ให้ลงตัวเลขของวนั ที่ ชื่อเต็มของเดอื น และตัวเลขของปพี ทุ ธศักราชท่ี ออกข้อบงั คบั 18.8 ลงชอื่ ให้ลงลายมอื ช่ือผ้อู อกข้อบงั คบั และพมิ พช์ ่อื เต็มของเจ้าของลายมอื ช่อื ไว้ ใต้ลายมือช่ือ 18.9 ตาแหนง่ ให้ลงตาแหนง่ ของผู้ออกขอ้ บังคับ สว่ นท่ี 5 หนังสือประชาสมั พันธ์ ข้อ 19 หนงั สือประชาสัมพันธ์ ใหใ้ ชต้ ามแบบทีก่ าหนดไว้ในระเบยี บนี้ เว้นแตจ่ ะมกี ฎหมาย กาหนดแบบไวโ้ ดยเฉพาะหนงั สือประชาสมั พันธ์มี 3 ชนิด ได้แก่ ประกาศ แถลงการณ์ และขา่ ว ขอ้ 20 ประกาศ คือ บรรดาขอ้ ความทท่ี างราชการประกาศหรือชี้แจงให้ทราบ หรอื แนะ แนวทางปฏบิ ัติ ใชก้ ระดาษตราครฑุ และใหจ้ ัดทาตามแบบท่ี 7 ทา้ ยระเบียบ โดยกรอกรายละเอยี ดดงั นี้ 20.1 ประกาศ ใหล้ งช่อื สว่ นราชการทอี่ อกประกาศ 20.2 เรอื่ ง ใหล้ งชื่อเรอ่ื งทปี่ ระกาศ 20.3 ขอ้ ความ ใหอ้ า้ งเหตุผลทตี่ อ้ งออกประกาศและข้อความท่ปี ระกาศ
สรปุ สาระสาคญั ระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรี วา่ ด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 343 20.4 ประกาศ ณ วนั ท่ี ใหล้ งตวั เลขของวันที่ ช่ือเต็มของเดอื น และตัวเลขของปีพทุ ธศกั ราชที่ ออกประกาศ 20.5 ลงชือ่ ใหล้ งลายมอื ช่ือผอู้ อกประกาศ และพมิ พช์ ื่อเตม็ ของเจ้าของลายมือชอื่ ไว้ใต้ ลายมอื ช่อื 20.6 ตาแหน่ง ให้ลงตาแหนง่ ของผอู้ อกประกาศในกรณีที่กฎหมายกาหนดให้ทาเปน็ แจง้ ความ ใหเ้ ปล่ียนคาวา่ ประกาศ เป็น แจง้ ความ ขอ้ 21 แถลงการณ์ คือ บรรดาขอ้ ความทที่ างราชการแถลงเพอ่ื ทาความเขา้ ใจในกจิ การของทาง ราชการ หรอื เหตกุ ารณ์ หรือกรณีใด ๆ ให้ทราบชัดเจนโดยท่วั กนั ใชก้ ระดาษตราครฑุ และใหจ้ ดั ทาตาม แบบท่ี 8 ท้ายระเบยี บ โดยกรอกรายละเอยี ดดังนี้ 21.1 แถลงการณ์ ใหล้ งชือ่ ส่วนราชการทอ่ี อกแถลงการณ์ 21.2 เรือ่ ง ให้ลงชอ่ื เรอื่ งท่ีออกแถลงการณ์ 21.3 ฉบับท่ี ใช้ในกรณที ่จี ะต้องออกแถลงการณ์หลายฉบับในเรอ่ื งเดียวท่ตี อ่ เนื่องกัน ให้ลงฉบบั ที่เรยี งตามลาดับไวด้ ว้ ย 21.4 ขอ้ ความ ให้อา้ งเหตผุ ลที่ตอ้ งออกแถลงการณแ์ ละข้อความทีแ่ ถลงการณ์ 21.5 ส่วนราชการทอี่ อกแถลงการณ์ ใหล้ งชอ่ื ส่วนราชการท่อี อกแถลงการณ์ 21.6 วัน เดอื น ปี ใหล้ งตวั เลขของวันท่ี ชื่อเตม็ ของเดือน และตัวเลขของปีพทุ ธศกั ราช ท่อี อกแถลงการณ์ ขอ้ 22 ข่าว คอื บรรดาข้อความทีท่ างราชการเหน็ สมควรเผยแพร่ใหท้ ราบ ใหจ้ ัดทาตามแบบที่ 8 ทา้ ยระเบียบ โดยกรอกรายละเอียดดงั น้ี 22.1 ขา่ ว ให้ลงช่ือส่วนราชการทอี่ อกขา่ ว 22.2 เรื่อง ใหล้ งชื่อเร่อื งทอ่ี อกข่าว 22.3 ฉบบั ท่ี ใช้ในกรณีทจ่ี ะต้องออกขา่ วหลายฉบับในเร่อื งเดยี วที่ตอ่ เนื่องกัน ใหล้ งฉบบั ท่ี เรยี งตามลาดบั ไวด้ ้วย 22.4 ข้อความ ใหล้ งรายละเอียดเกยี่ วกบั เรื่องของขา่ ว 22.5 สว่ นราชการท่อี อกขา่ ว ให้ลงชือ่ ส่วนราชการทอ่ี อกข่าว 22.6 วนั เดอื น ปี ให้ลงตวั เลขของวันท่ี ช่อื เตม็ ของเดือน และตวั เลขของปพี ทุ ธศักราชที่ ออกขา่ ว
344 ส่วนที่ 6 หนังสือท่ีเจา้ หน้าทท่ี าข้ึนหรอื รับไวเ้ ป็นหลกั ฐานในราชการ ข้อ 23 หนังสอื ทเี่ จ้าหน้าท่ที าขนึ้ หรือรบั ไวเ้ ป็นหลกั ฐานในราชการ คือ หนังสือท่ีทางราชการ ทาขึ้นนอกจากท่ีกลา่ วมาแล้วข้างต้น หรอื หนงั สือทีห่ น่วยงานอ่ืนใดซึ่งมิใช่สว่ นราชการ หรอื บุคคลภายนอกมีมาถงึ สว่ นราชการ และสว่ นราชการรบั ไวเ้ ปน็ หลกั ฐานของทางราชการ มี 4 ชนดิ คอื หนังสือรบั รองรายงานการประชมุ บนั ทกึ และหนงั สอื อน่ื ข้อ 24 หนังสือรบั รอง คือ หนงั สือทส่ี ว่ นราชการออกใหเ้ พอ่ื รบั รองแก่ บคุ คล นิติบคุ คล หรือ หนว่ ยงาน เพ่อื วตั ถปุ ระสงค์อยา่ งหนง่ึ อย่างใดใหป้ รากฏแก่บุคคลโดยทั่วไปไมจ่ าเพาะเจาะจง ใช้ กระดาษตราครฑุ และใหจ้ ัดทาตามแบบที่ 10 ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอยี ดดงั น้ี 24.1 เลขที่ ให้ลงเลขท่ขี องหนังสือรบั รองโดยเฉพาะ เรม่ิ ต้ังแตเ่ ลข 1 เรียงเปน็ ลาดบั ไปจนถึงสิ้นปีปฏิทิน ทับเลขปีพุทธศักราชท่ีออกหนังสอื รับรอง หรือลงเลขที่ของหนังสือทั่วไปตามแบบ หนงั สือภายนอกอยา่ งหนึง่ อย่างใด 24.2 สว่ นราชการเจ้าของหนังสือ ใหล้ งชื่อของส่วนราชการซง่ึ เป็นเจา้ ของหนงั สอื นั้น และจะลงสถานที่ตัง้ ของส่วนราชการเจ้าของหนังสือด้วยก็ได้ 24.3 ข้อความ ใหล้ งขอ้ ความขึน้ ต้นวา่ หนังสอื ฉบบั นีใ้ หไ้ วเ้ พื่อรบั รองว่า แล้วต่อดว้ ย ชื่อบุคคล นิตบิ ุคคล หรอื หน่วยงานทีท่ างราชการรบั รอง ในกรณเี ปน็ บุคคลใหพ้ มิ พ์ชอ่ื เตม็ โดยมคี านาหนา้ นาม ชื่อ นามสกุล ตาแหน่งหน้าที่ และสงั กัดหนว่ ยงานทผ่ี นู้ ้นั ทางานอยอู่ ยา่ งชัดแจ้ง แล้วจงึ ลงข้อความท่รี ับรอง 24.4 ให้ไว้ ณ วนั ที่ ใหล้ งตวั เลขของวันท่ี ชื่อเตม็ ของเดอื น และตวั เลขของปพี ุทธศักราช ทอ่ี อกหนงั สือรบั รอง 24.5 ลงชื่อ ใหล้ งลายมือชื่อหวั หน้าสว่ นราชการผอู้ อกหนงั สอื หรือผทู้ ่ไี ด้รับมอบหมาย และพมิ พ์ชอื่ เตม็ ของเจา้ ของลายมอื ชื่อไว้ใต้ลายมอื ชือ่ 24.6 ตาแหนง่ ใหล้ งตาแหน่งของผลู้ งลายมอื ชอื่ ในหนงั สอื 24.7 รูปถ่ายและลายมอื ช่ือผู้ได้รับการรับรอง ในกรณีทีก่ ารรบั รองเป็นเร่ืองสาคัญ ที่ออกใหแ้ กบ่ ุคคล ใหต้ ดิ รปู ถ่ายของผทู้ ไี่ ด้รับการรบั รอง ขนาด 4 × 6 เซนติเมตร หนา้ ตรง ไมส่ วมหมวก ประทับตราชือ่ ส่วนราชการท่อี อกหนงั สอื บนขอบลา่ งด้านขวาของรูปถา่ ยคาบต่อลงบนแผ่นกระดาษ และ ให้ผู้นนั้ ลงลายมอื ชอ่ื ไว้ใต้รปู ถ่ายพรอ้ มทัง้ พมิ พช์ อ่ื เต็มของเจา้ ของลายมือชือ่ ไว้ใต้ลายมอื ช่อื ดว้ ย ขอ้ 25 รายงานการประชุม คอื การบันทกึ ความคิดเห็นของผมู้ าประชุม ผเู้ ข้าร่วมประชมุ และมติ ของท่ีประชมุ ไวเ้ ปน็ หลกั ฐาน ให้จดั ทาตามแบบที่ 11 ทา้ ยระเบียบ โดยกรอกรายละเอยี ดดังน้ี 25.1 รายงานการประชุม ให้ลงชือ่ คณะทปี่ ระชมุ หรอื ชือ่ การประชุมนน้ั
สรปุ สาระสาคญั ระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรี ว่าดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 345 25.2 ครั้งท่ี ใหล้ งครั้งท่ีประชมุ 25.3 เมื่อ ใหล้ งวนั เดอื น ปีท่ปี ระชมุ 25.4 ณ ใหล้ งสถานท่ที ปี่ ระชมุ 25.5 ผู้มาประชุม ให้ลงชื่อและหรือตาแหน่งของผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะท่ีประชุม ซ่ึงมาประชุม ในกรณีที่มีผูม้ าประชุมแทนให้ลงช่ือผู้มาประชุมแทน และลงว่ามาประชุมแทนผ้ใู ดหรอื ตาแหนง่ ใด 25.6 ผู้ไม่มาประชุม ใหล้ งชือ่ และหรือตาแหน่งของผ้ทู ไ่ี ด้รับการแต่งตั้งเป็นคณะท่ีประชุม ซ่ึงมิไดม้ าประชมุ พรอ้ มทั้งเหตผุ ล (ถ้าม)ี 25.7 ผู้เข้ารว่ มประชมุ ใหล้ งช่อื และหรอื ตาแหน่งของผ้ทู ่ีมิได้รบั การแตง่ ต้งั เป็นคณะทปี่ ระชมุ ซึ่งไดเ้ ข้ารว่ มประชุม (ถา้ ม)ี 25.8 เรมิ่ ประชุมเวลา ใหล้ งเวลาท่เี รมิ่ ประชุม 25.8 ข้อความ ใหบ้ นั ทึกข้อความทปี่ ระชุม โดยปกติใหเ้ ร่มิ ต้นดว้ ยประธานกลา่ วเปดิ ประชมุ และเรอ่ื งที่ประชมุ กับมตหิ รอื ขอ้ สรปุ ของทปี่ ระชุมในแตล่ ะเรอ่ื งตามลาดับ 25.10 เลกิ ประชมุ เวลา ใหล้ งเวลาทีเ่ ลกิ ประชมุ 25.11 ผู้จดรายงานการประชุม ใหล้ งช่ือผู้จดรายงานการประชุมครง้ั น้ัน ขอ้ 26 บันทึก คือ ข้อความซ่ึงผู้ใต้บังคับบัญชาเสนอต่อผู้บังคับบัญชา หรือผู้บังคับบัญชา สั่งการแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา หรอื ข้อความท่ีเจ้าหน้าที่ หรอื หน่วยงานระดบั ตา่ กว่าส่วนราชการระดับ กรมติดต่อกันในการปฏบิ ตั ริ าชการ โดยปกติใหใ้ ชก้ ระดาษบนั ทึกขอ้ ความ และใหม้ หี ัวขอ้ ดงั ต่อไปนี้ 26.1 ชื่อหรือตาแหนง่ ทบ่ี ันทึกถงึ โดยใช้คาขึ้นตน้ ตามทก่ี าหนดไวภ้ าคผนวก 2 26.2 สาระสาคญั ของเร่อื ง ใหล้ งใจความของเรอ่ื งทบี่ ันทกึ ถ้ามเี อกสารประกอบก็ใหร้ ะบไุ วด้ ้วย 26.3 ชือ่ และตาแหน่ง ใหล้ งลายมอื ช่อื และตาแหนง่ ของผบู้ ันทึก และในกรณที ไี่ ม่ใช้ กระดาษบนั ทึกขอ้ ความ ใหล้ งวัน เดือน ปที บ่ี นั ทกึ ไวด้ ้วย การบนั ทกึ ต่อเน่ือง โดยปกติใหผ้ ู้บนั ทึกระบคุ าขนึ้ ต้น ใจความบันทกึ และลงชอื่ เช่นเดียวกับท่ี ไดก้ ลา่ วไวข้ า้ งต้น และใหล้ งวัน เดือน ปี กากับใต้ลายมอื ชอื่ ผู้บันทึก หากไมม่ ีความเห็นใดเพ่ิมเตมิ ให้ลง ชื่อและวัน เดอื น ปี กากับเท่านั้น ข้อ 27 หนังสืออ่ืน คือ หนงั สอื หรอื เอกสารอ่ืนใดทเี่ กิดข้ึนเน่ืองจากการปฏบิ ัตงิ านของเจ้าหนา้ ที่ เพ่อื เป็นหลักฐานในราชการ ซ่งึ รวมถึงภาพถา่ ย ฟลิ ม์ แถบบนั ทกึ เสียง แถบบันทึกภาพ และสื่อกลาง บนั ทึกข้อมูลด้วย หรือหนังสอื ของบุคคลภายนอก ท่ยี ่นื ต่อเจ้าหนา้ ที่ และเจา้ หนา้ ท่ีได้รับเข้าทะเบยี น รับหนังสอื ของทางราชการแลว้ มรี ปู แบบตามทีก่ ระทรวง ทบวง กรม จะกาหนดข้นึ ใช้ตามความเหมาะสม
346 เวน้ แตม่ แี บบตามกฎหมายเฉพาะเรือ่ งใหท้ าตามแบบ เชน่ โฉนด แผนที่ แบบ แผนผงั สัญญา หลกั ฐาน การสบื สวนและสอบสวน และคาร้อง เป็นต้น ส่ือกลางบนั ทกึ ข้อมลู ตามวรรคหนง่ึ หมายความถงึ สอ่ื ใด ๆ ทีอ่ าจใช้บันทกึ ข้อมลู ไดด้ ้วย อุปกรณท์ างอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เช่น แผ่นบันทกึ ขอ้ มลู เทปแมเ่ หลก็ จานแมเ่ หลก็ แผน่ ซดี ี - อา่ นอย่าง เดียว หรอื แผ่นดจิ ทิ ัลอเนกประสงค์ เป็นต้น (ความในขอ้ 27 แก้ไขโดย ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี วา่ ด้วยงานสารบรรณ (ฉบบั ท่ี 2 ) พ.ศ.2548 ลง วันที่ 21 มถิ นุ ายน พ.ศ.2548) สว่ นที่ 7 บทเบ็ดเตล็ด ขอ้ 28 หนังสือที่ต้องปฏิบัตใิ หเ้ รว็ กว่าปกติ เป็นหนงั สอื ทตี่ อ้ งจัดสง่ และดาเนินการทางสารบรรณ ด้วยความรวดเร็วเป็นพเิ ศษ แบง่ เปน็ 3 ประเภท คอื 28.1 ด่วนทสี่ ดุ ให้เจ้าหน้าท่ีปฏบิ ตั ิในทันทีทไ่ี ดร้ บั หนงั สือน้นั 28.2 ด่วนมาก ใหเ้ จ้าหน้าที่ปฏิบัติโดยเร็ว 28.3 ด่วน ใหเ้ จา้ หน้าทป่ี ฏบิ ตั ิเรว็ กวา่ ปกติ เท่าทจ่ี ะทาได้ ให้ระบชุ ้ันความเร็วด้วยตัวอกั ษรสแี ดงขนาดไมเ่ ลก็ กวา่ ตัวพมิ พโ์ ป้ง 32 พอยท์ ใหเ้ ห็นได้ชัดบนหนงั สอื และบนซอง ตามทกี่ าหนดไวใ้ นแบบท่ี 1 แบบที่ 2 แบบท่ี 3 และแบบท่ี 15 ทา้ ยระเบียบ โดยใหร้ ะบคุ าวา่ ด่วนทส่ี ุด ด่วนมาก หรือดว่ น สาหรบั หนงั สอื ตามขอ้ 28.1 ข้อ 28.2 และขอ้ 28.3 แล้วแต่กรณี ในกรณีท่ตี อ้ งการให้หนงั สือส่งถึงผ้รู ับภายในเวลาที่กาหนด ให้ระบคุ าว่า ด่วนภายใน แลว้ ลง วัน เดอื น ปี และกาหนดเวลาที่ตอ้ งการใหห้ นังสือนนั้ ไปถงึ ผรู้ บั กบั ใหเ้ จ้าหน้าทส่ี ง่ ถงึ ผรู้ บั ซงึ่ ระบุบนหนา้ ซองภายในเวลาทกี่ าหนด ข้อ 29 การตดิ ตอ่ ราชการนอกจากการจะดาเนินการโดยหนงั สอื ทีเ่ ป็นเอกสารสามารถ ดาเนินการด้วยระบบสารบรรณอิเลก็ ทรอนิกส์ได้ ในกรณที ่ีตดิ ต่อราชการดว้ ยระบบสารบรรณอเิ ล็กทรอนิกส์ ใหผ้ สู้ ง่ ตรวจสอบผลการส่งทกุ ครั้ง และใหผ้ ้รู บั แจง้ ตอบรบั เพอื่ ยืนยนั ว่าหนังสอื ไดจ้ ดั สง่ ไปยงั ผรู้ ับเรียบร้อยแล้ว และสว่ นราชการผสู้ ง่ ไม่ตอ้ ง จัดส่งหนงั สือเป็นเอกสาร เวน้ แต่กรณีเปน็ เร่ืองสาคัญจาเป็นตอ้ งยนื ยันเปน็ เอกสาร ใหท้ าเอกสารยนื ยันตาม ไปทนั ที การสง่ ข้อความทางเคร่ืองมอื สอ่ื สาร เชน่ โทรเลข วทิ ยุโทรเลข โทรพมิ พ์ โทรศัพท์ วิทยสุ ่ือสาร วิทยุกระจายเสยี ง หรอื วิทยุโทรทัศน์ เป็นต้น ให้ผู้รับปฏบิ ตั ิเช่นเดยี วกับได้รบั หนังสือ ในกรณีท่ีจาเป็น ตอ้ งยืนยนั เปน็ หนังสอื ใหท้ าหนงั สอื ยนื ยนั ตามไปทันที
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 555
Pages: