สรปุ สาระสาคญั พระราชบัญญตั ริ ะเบียบบริหารราชการแผน่ ดินพ.ศ. 2534 197 และตามมาตรา 8 สัตต ในส่วนท่ีเกี่ยวกับการแบ่งส่วนราชการและการกาหนดอานาจหน้าท่ีของส่วน ราชการซ่ึงแก้ไขเพิม่ เติมโดยพระราชบัญญตั ิระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2543 เป็น อานาจหน้าทข่ี อง ก.พ.ร. ให้คณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน และสานกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพล เรือน คงมีอานาจหน้าที่เท่าท่ีไม่ซ้ากับอานาจหน้าที่ของ ก.พ.ร. ให้ดาเนินการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วย ระเบียบข้าราชการพลเรือนและกฎหมายว่าดว้ ยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เพ่ือกาหนดภารกิจของ ก.พ.ร. สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการคณะกรรมการข้าราชการพลเรอื น และสานักงาน คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนใหเ้ หมาะสม ซ่ึงต้องทาใหแ้ ลว้ เสร็จและเสนอสภาผู้แทนราษฎรภายใน สองปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ มาตรา 19 ให้บทบัญญัติมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ.2534 ก่อนการแก้ไขเพิม่ เตมิ โดยพระราชบญั ญัตินี้ คงใช้บงั คับตอ่ ไป จนกวา่ จะมกี ารแก้ไขเพิ่มเติม ให้นากรณีทีส่ ่วนราชการใดขน้ึ ตรงตอ่ นายกรฐั มนตรีไปบัญญัติไวใ้ นกฎหมาย วา่ ด้วยการปรบั ปรุงกระทรวงทบวง กรม หมายเหตุ : เหตผุ ลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ฉิ บับนี้ คือ โดยท่ีเปน็ การสมควรปรบั ปรุง ระบบบริหารราชการเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศและการให้บริการแก่ ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพย่ิงข้ึนโดยกาหนดใหก้ ารบริหารราชการแนวทางใหม่ต้องมกี ารกาหนด นโยบาย เปา้ หมาย และแผนการปฏิบัติงานเพื่อใหส้ ามารถประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิราชการในแต่ละระดบั ได้ อยา่ งชดั เจน มกี รอบการบริหารกิจการบ้านเมอื งที่ดเี ป็นแนวทางในการกากบั การกาหนดนโยบายและการ ปฏิบัติราชการ และเพ่ือให้กระทรวงสามารถจัดการบรหิ ารงานให้เป็นไปตามเปา้ หมายได้ จึงกาหนดให้มี รูปแบบการบรหิ ารใหม่ โดยกระทรวงสามารถแยกสว่ นราชการจดั ต้งั เปน็ หน่วยงานตามภาระหนา้ ที่เพ่ือให้ เกิดความคล่องตัวและสอดคล้องกับเป้าหมายของงานท่ีจะต้องปฏิบตั ิ และกาหนดให้มีกลุ่มภารกิจของ ส่วนราชการต่างๆ ท่ีมีงานสัมพันธ์กัน เพื่อที่จะสามารถกาหนดเป้าหมายการทางานร่วมกันไ ด้ และมี ผู้รับผิดชอบกากับการบรหิ ารงานของกลุ่มภารกิจนั้นโดยตรงเพ่อื ให้งานเป็นไปอย่างมปี ระสิทธิภาพและ รวดเร็ว รวมทงั้ ใหม้ กี ารประสานการปฏิบัตงิ าน และการใช้งบประมาณเพอื่ ท่ีจะให้การบริหารงานของทุก สว่ นราชการบรรลุเปา้ หมายของกระทรวงไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพและลดความซา้ ซอ้ น มีการมอบหมายงาน เพ่ือลดข้ันตอนการปฏิบตั ิราชการ และสมควรกาหนดการบรหิ ารราชการในต่างประเทศให้เหมาะสมกบั ลักษณะการปฏิบัติหน้าที่และสามารถปฏิบตั ิการได้อย่างรวดเร็วและมเี อกภาพ โดยมีหัวหน้าคณะผแู้ ทน เป็นผรู้ ับผิดชอบในการบริหารราชการ นอกจากน้ี สมควรใหม้ คี ณะกรรมการพฒั นาระบบราชการเพือ่ เป็น หน่วยงานท่ีรับผดิ ชอบในการดูแลการจัดส่วนราชการและการปรบั ปรงุ ระบบการทางานของภาคราชการ ให้มีการจัดระบบราชการอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป จึงจาเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ (ราชกิจจา นเุ บกษา เลม่ 119/ตอนที่ 99 ก/หนา้ 1/2 ตลุ าคม 2545) 5. พระราชบญั ญตั ริ ะเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ (ฉบบั ท่ี 6) พ.ศ. 2546 หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยท่ีในปจั จุบันได้มกี ารโอน กรมตารวจไปจดั ตั้งเป็นสานักงานตารวจแหง่ ชาติและกาหนดให้ผ้บู ังคับการตารวจภูธรจงั หวัด ทาหนา้ ท่ี
198 หัวหน้าตารวจภูธรจังหวัด จึงสมควรแก้ไขเพม่ิ เติมกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผน่ ดินในส่วน ของชอ่ื กรมตารวจและตาแหน่งของขา้ ราชการตารวจในกรมการจงั หวัดให้สอดคลอ้ งกัน จงึ จาเปน็ ตอ้ งตรา พระราชบญั ญตั นิ ้ี (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 120/ตอนท่ี 108 ก/หนา้ 1/31 ตุลาคม 2546) 6. พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการแผ่นดนิ (ฉบบั ที่ 7) พ.ศ. 2550มาตรา 17 ในระหวา่ ง ที่ยังมิได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาเก่ียวกับการมอบอานาจให้ปฏิบัติราชการแทนตามมาตรา 38 แห่ง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติน้ี ให้ หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการมอบอานาจตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบรหิ ารราชการแผ่นดนิ พ.ศ. 2534 ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 ยังคงใช้บังคับตอ่ ไปได้ ท้ังนี้ ไมเ่ กินหกสบิ วนั นบั แต่วนั ทีพ่ ระราชบัญญตั ิน้ีใชบ้ งั คับ หมายเหตุ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบบั นี้ คือ โดยท่ีเป็นการสมควรปรบั ปรงุ ระบบการบรหิ ารราชการใหส้ อดคล้องกับนโยบายของรฐั บาลท่ีมงุ่ เน้นการจดั องค์กรภาครัฐให้สอดคลอ้ ง กับทิศทางการนาพาประเทศไปส่กู ารพัฒนาท่ียั่งยืน และเพ่ือใหก้ ารปฏิบัติราชการสามารถอานวยความ สะดวกและให้บริการแกป่ ระชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สนับสนุนให้มีการมอบอานาจใหป้ ฏบิ ตั ิ ราชการแทนได้กว้างขวางขึ้น เพ่ือเน้นการบริการประชาชนให้มีความสะดวกและรวดเร็ว นอกจากนั้น เพ่ือให้การบริหารราชการในราชการบริหารสว่ นภูมิภาคสอดคลอ้ งกับทิศทางการพัฒนาประเทศ และให้ การบริหารงานแบบบูรณาการในจังหวัดบรรลุผล สมควรปรับปรงุ อานาจการดาเนินการของจังหวัด การ จัดทาแผนพัฒนาจังหวัดและการจัดทางบประมาณของจังหวัดให้เหมาะสม รวมทั้งสมควรส่งเสริมให้มี คณะกรรมการธรรมาธิบาลจงั หวัด เพื่อสอดส่องและเสนอแนะการปฏิบตั ิภารกิจของหนว่ ยงานของรัฐใน จังหวัดให้ใช้วิธีการบริหารกจิ การบ้านเมืองท่ีดี อันจะทาให้การบรหิ ารเปน็ ไปด้วยความโปร่งใสเป็นธรรม และมีความรบั ผิดชอบตลอดจนปรับปรงุ อานาจในทางปกครองของอาเภอเพอื่ สนบั สนนุ ใหเ้ กดิ ความสงบ เรียบร้อยในสงั คม และสมควรให้สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเปน็ สว่ นราชการในสานัก นายกรัฐมนตรีและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี จึงจาเป็นต้องตรา พระราชบัญญตั นิ ้ี (ราชกิจจานเุ บกษา เล่ม 124/ตอนที่ 55 ก/หน้า 1/15 กันยายน 2550) 7. พระราชบญั ญตั ิระเบียบบรหิ ารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2553หมายเหตุ เหตุผลใน การประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้องค์กร อัยการเป็นองค์กรอ่ืนตามรัฐธรรมนูญ และมาตรา 255 วรรคห้าบญั ญตั ิใหอ้ งค์กรอัยการมีหน่วยธุรการที่ เป็นอิสระ ในการบริหารงานบุคคล การงบประมาณ และการดาเนินการอ่ืน โดยมีอัยการสูงสุดเป็น ผู้บังคับบญั ชา ทั้งนี้ ตามท่ีกฎหมายบัญญตั ิ จึงจาเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ (ราชกิจจานุเบกษา เลม่ 127/ตอนที่ 75ก/ หนา้ 51/7 ธันวาคม 2553) ดังนนั้ มีผลบงั คับใชว้ ันท่ี 8 ธันวาคม 2553 ผรู้ บั สนองพระ บรมราชโองการ นายอภิสทิ ธ์ิ เวชชาชีวะ นายกรฐั มนตรี ขณะน้ันครับ
แนวขอ้ สอบพระราชบญั ญัตริ ะเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 และแกไ้ ขเพ่มิ เติม 199 แนวขอ้ สอบพระราชบญั ญัติระเบยี บบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และแก้ไขเพม่ิ เตมิ 1. การจดั ระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดินมรี ปู แบบใด ก. กระทรวง ทบวง กรม ข. ส่วนกลาง สว่ นภูมิภาค สว่ นท้องถิ่น ค. จังหวดั อาเภอ กงิ่ อาเภอ ตาบล หมบู่ า้ น ง. จังหวดั อาเภอ 2. พ.ร.บ. ระเบยี บบริหารราชการแผน่ ดิน พ.ศ. 2534 ได้วางแนวทางการจดั สรรงบประมาณและการ บรรจุแตง่ ตัง้ บุคคลเขา้ ดารงตาแหนง่ หรือปฏิบตั ิหนา้ ท่ีตาม พ.ร.บ. จะต้องเปน็ ไปตามหลักการใด ก. ความยุติธรรม ข. ความเสมอภาค ค. ความมีประสทิ ธิภาพ ง. ความเท่าเทียมกนั 3. การกาหนดตาแหนง่ และอตั ราเงนิ เดอื น ของส่วนราชการต่าง ๆ ตาม พ.ร.บ. ระเบยี บบริหาร ราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 จะตอ้ งคานึงถึง ก. ภารกจิ ทีร่ บั ผิดชอบ ข. ประสิทธภิ าพของสว่ นราชการ ค. คณุ ภาพและปริมาณของส่วนราชการนนั้ ๆ ง. ก และ ค 4. ข้อใดเปน็ หลักการในการบริหารราชการตาม พรบ. ระเบยี บบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และทแี่ กไ้ ขเพมิ่ เตมิ ก. เพอ่ื ประโยชนส์ ุขของประชาชน ข. เพ่ือลดภารกจิ และยบุ เลกิ หนว่ ยงานที่ไมจ่ าเป็น ค. เพอื่ กระจายอานาจตัดสนิ ใจ ง. ข้อ ก. , และ ค. ถกู 5. สว่ นราชการใด ไมม่ ีฐานะเป็นนติ ิบุคคล ก. สานักนายกรฐั มนตรี ข. ทบวง ค. กรม ง. ไม่มีขอ้ ใดถูก 6. โดยทัว่ ไปการจัดการจดั ต้งั การรวม การโอน กระทรวง ทบวง กรม จะตอ้ งตราเป็นกฎหมายใน ลาดับใด ก. พระราชบัญญตั ิ ข. พระราชกาหนด ค. พระราชกฤษฎกี า ง. กฎกระทรวง 7. ข้อใดผิด ก. การโอนส่วนราชการเข้าดว้ ยกันถา้ ไมม่ กี ารกาหนดตาแหนง่ หรอื อัตรากาลงั ของสว่ นราชการหรอื ลกู จ้างเพม่ิ ขน้ึ ให้ตราเปน็ พระราชกฤษฎีกา ข. ให้สานกั งานข้าราชการพลเรอื น และสานกั งานพฒั นาระบบราชการมหี นา้ ท่ีการตรวจสอบดแู ล มใิ หส้ ่วนราชการทมี่ ีพระราชกฤษฎีกาใหร้ วมหรอื โอนเขา้ ด้วยกัน กาหนดตาแหนง่ หรอื อัตรากาลงั ของ ขา้ ราชการ หรอื ลกู จ้างเพ่ิมจนกว่าจะครบสามปนี บั แต่วันทพ่ี ระราชกฤษฎีกามผี ลบังคบั ใช้ ค. การเปล่ียนช่อื สว่ นราชการท่มี ีฐานะเป็นกรมใหต้ ราเป็นพระราชกฤษฎกี า ง. การยุบสว่ นราชการทม่ี ฐี านะเป็นกระทรวงให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
200 8. ขอ้ ใดกลา่ วผิดเกยี่ วกับการยบุ เลิกกรม ก. จดั ทาเป็นพระราชกฤษฎกี า ข. ใหง้ บประมาณรายจ่ายทเ่ี หลืออย่ขู องกรมนนั้ ตกเป็นงบกลาง ค. ทรัพย์สินอนื่ ของกรมนน้ั ให้โอนแกส่ ว่ นราชการอนื่ ตามทีก่ าหนดไวใ้ นพระราชกฤษฎีกา ง. ขอ้ ข. และ ค. 9. หน่วยงานใดมีหน้าทีใ่ นการตรวจสอบดูแล สว่ นราชการท่จี ดั ตงั้ ขึ้นใหม่ มใิ ห้มกี ารกาหนดตาแหน่ง หรอื อัตรากาลังของขา้ ราชการหรือลกู จา้ งเพ่มิ ขึน้ จนกว่าจะครบสามปี ก. สานักงานพฒั นาระบบราชการ ข. สานักงานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน ค. สานักงบประมาณ ง. ขอ้ ข. และ ค. 10. กรณที กี่ รมส่งเสริมการปกครองทอ้ งถิ่น หมดความจาเปน็ หากต้องการทีจ่ ะยบุ กรมดังกลา่ ว จะตอ้ งตราเปน็ กฎหมายใด ก. พระราชบญั ญัตๆิ ข. พระราชกฤษฎีกา ค. พระราชกาหนด ง. กฎกระทรวง 11. การแบง่ ส่วนราชการภายในกรม จะต้องตราเปน็ กฎหมายขอ้ ใด ก. พระราชบญั ญัติ ข. พระราชกฤษฎีกา ค. พระราชกาหนด ง. กฎกระทรวง 12. หากกรมการปกครอง จะเปลย่ี นช่ือเป็นกรมการความมั่นคงภายใน จะตอ้ งตราเป็นกฎหมายใด ก. พระราชบญั ญตั ิ ข. พระราชกฤษฎีกา ค. พระราชกาหนด ง. กฎกระทรวง 13. หนว่ ยงานใดมีหน้าที่เสนอความเห็นต่อคณะรฐั มนตรี ให้แบ่งสว่ นราชการภายในของกรมการ ปกครอง ก. สานกั งานคณะกรรมการข้าราชการพลเรอื น ข. กระทรวงมหาดไทย ค. สานักงบประมาณ ง. ขอ้ ก. และ ข. 14. บุคคลใดเป็นผรู้ บั ผดิ ชอบในการกาหนดนโยบายเป้าหมาย และผลสาฤทธ์ขิ องงานในสานกั นายกรฐั มนตรี ก. นายกรัฐมนตรี ข. ปลดั สานกั นายกรฐั มนตรี ค. รฐั มนตรปี ระจาสานกั นายกรฐั มนตรี ง. ข้อ ก. และ ข. ถกู
แนวข้อสอบพระราชบญั ญตั ริ ะเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 และแก้ไขเพม่ิ เตมิ 201 15. ในกรณที ่ีนายกรัฐมนตรีตาย ขาดคุณสมบตั ิ ต้องคาพิพากษาให้จาคกุ หรอื ศาลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉัยวา่ ความเปน็ รัฐมนตรีของนายกส้นิ สดุ ลงในระหว่างทร่ี อคณะรัฐมนตรชี ุดใหม่เข้ามารบั หนา้ ท่ี นั้น คณะรัฐมนตรีชดุ เดมิ จะต้องทาอย่างไร ก. มอบหมายให้รองนายกรฐั มนตรคี นใดคนหน่ึงรกั ษาราชการแทนนายกรฐั มนตรี ข. มอบหมายใหร้ องนายกรัฐมนตรคี นใดคนหนงึ่ ปฏบิ ตั ิหน้าทแ่ี ทนนายกรฐั มนตรี ค. มอบหมายใหร้ องนายกรฐั มนตรคี นใดคนหนงึ่ ปฏบิ ัติราชการแทนนายกรฐั มนตรี ง. มอบหมายให้รองนายกรฐั มนตรีคนใดคนหนงึ่ ปฏิบัตหิ น้าทแ่ี ทนนายกรฐั มนตรแี ล้วแต่กรณี 16. ขอ้ ใดกลา่ วผดิ เก่ียวกับอานาจหนา้ ทีข่ องนายกรฐั มนตรใี นฐานะหัวหนา้ รฐั บาล ก. ส่ังให้ราชการส่วนกลางรายงานการปฏบิ ัตริ าชการ ข. สงั่ ใหร้ าชการสว่ นภูมิภาคชแ้ี จงแสดงความคดิ เหน็ ค. สง่ั ให้ราชการสว่ นทอ้ งถิ่นรายงานการปฏบิ ัติราชการ ง. สง่ั สอบสวนขอ้ เทจ็ จริงเกี่ยวกบั การปฏบิ ตั ิราชการของราชการสว่ นท้องถ่นิ 17. นายกรฐั มนตรีสามารถยบั ยง้ั การปฏิบตั ริ าชการของสว่ นราชการท้องถิ่นไดใ้ นกรณีใด ก. ไมส่ ามารถยบั ยง้ั เปน็ อิสระของราชการส่วนท้องถิ่นตามหลกั การปกครองตนเอง ข. ยับยง้ั ได้หากราชการส่วนทอ้ งถ่นิ กระทาการก่อใหเ้ กดิ ความเสยี หายต่อทอ้ งถิน่ ค. กรณที ี่ราชการส่วนทอ้ งถิน่ ปฏบิ ัตริ าชการตอ่ นโยบายหรอื มตขิ องคณะรฐั มนตรี ง. ขอ้ ก. และ ค. 18. บุคคลตามขอ้ ใด เปน็ ขา้ ราชการเมอื ง ก. เลขาธิการนายกรฐั มนตรี ข. รองเลขาธิการนายกรฐั มนตรฝี ่ายบรหิ าร ค. รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรฝี า่ ยการเมือง ง. ขอ้ ก. และ ค. ถูก 19. บุคคลตามข้อใดต่อไปน้ีอาจเป็นขา้ ราชการการเมอื งหรือข้าราชการพลเรอื นสามัญก็ได้ ก. เลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรี ข. รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ค. ผชู้ ่วยเลขาธิการคณะรฐั มนตรี ง. ไม่มีขอ้ ใดถูก 20. ขอ้ ใดมิใช่อานาจของปลัดสานกั นายกรฐั มนตรี ก. รับผดิ ชอบควบคุมราชการประจาในสานักนายกรฐั มนตรี ข. รับผดิ ชอบกาหนดแนวทางและแผนปฏบิ ตั ริ าชการของสานักนายกรฐั มนตรี ค. เปน็ ผ้บู งั คบั บญั ชาขา้ ราชการสงู สดุ ของส่วนราชการในสานักนายกรฐั มนตรยี กเวน้ ข้าราชการ ของสว่ นราชการซงึ่ หัวหนา้ สว่ นราชการข้ึนตรงต่อนายกรฐั มนตรี ง. เปน็ ผู้บงั คบั บัญชาข้าราชการในสานกั งานปลัดสานักนายกรัฐมนตรี
202 21. ตาแหน่งใดระเบียบบรหิ ารราชการแผ่นดินมไิ ด้กาหนดไว้ ก. ผชู้ ่วยเลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี ข. ผ้ชู ว่ ยปลัดสานักนายกรัฐมนตรี ค. ผู้ชว่ ยเลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรี ง. ผ้ชู ว่ ยปลดั กระทรวง 22. การจดั ต้ังสานักนโยบายและแผน เป็นส่วนราชการภายในกระทรวง จะสามารถกระทาไดโ้ ดย วธิ ใี ด ก. ตราเปน็ พระราชกฤษฎกี า ข. ออกเปน็ กฎกระทรวง ค. ออกเปน็ พระราชกาหนด ง. ออกเปน็ ระเบียบบรหิ ารราชการโดยอนุมตั ิคณะรฐั มนตรี 23. การปฏิบัติราชการของ หัวหนา้ กลมุ่ ภารกจิ ข้ึนตรงตอ่ บุคคลใด ก. รัฐมนตรี ข. ปลัดกระทรวง ค. รองปลัดกระทรวง ง. รฐั มนตรหี รอื ปลัดกระทรวงก็ได้ แล้วแต่จะกาหนดไว้ในกฎกระทรวง 24. บุคคลท่ีมหี นา้ ทีใ่ นการวางแผนและประสานกจิ กรรมใหม้ ีการใช้ทรัพยากรของส่วนราชการตา่ ง ๆ ใน กระทรวงร่วมกัน เพื่อใหเ้ กิดประสทิ ธภิ าพ ตามมตแิ ละเป้าหมายของกระทรวง ได้แก่ ก. รัฐมนตรี ข. ปลัดกระทรวง ค. หวั หน้ากลุม่ ภารกจิ ง. ขอ้ ข. ค. และ ง. 25. กระทรวงมหาดไทยมีกลุม่ ภารกิจ ดงั นี้ข้อใดมใิ ช่ ก. ด้านกิจการความมนั่ คงภายใน ข. ดา้ นพฒั นาเมอื งและสง่ เสรมิ การปกครองท้องถิน่ ค. ด้านพัฒนาชมุ ชนและและสง่ เสรมิ การปกครองท้องถน่ิ ง. ดา้ นสาธารณภัยและพัฒนาเมอื ง
แนวขอ้ สอบพระราชบญั ญัตริ ะเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 และแก้ไขเพม่ิ เตมิ 203 26. กล่มุ ภารกิจของกระทรวงมหาดไทยมีการบังคับบญั ชาในลกั ษณะใด ก. ทุกกลมุ่ ภารกจิ ปฏิบัตริ าชการขน้ึ ตรงตอ่ รัฐมนตรี ข. ทุกกล่มุ ภารกจิ ปฏบิ ตั ริ าชการขน้ึ ตรงตอ่ ปลัดกระทรวงแตใ่ หร้ ายงานโดยตรงต่อรัฐมนตรีอีกตอ่ หนง่ึ ดว้ ย ค. ทุกกลมุ่ ภารกจิ ปฏิบตั ริ าชการขึน้ ตรงตอ่ ปลดั กระทรวงเวน้ แต่ด้านกจิ การความมั่นคงภายใน ขน้ึ ตรงต่อรฐั มนตรี ง. ผดิ ทุกข้อ 27. ในการจดั ระเบยี บราชการของกระทรวง สว่ นราชการใดอาจมหี รือไมม่ กี ไ็ ด้ ก. สานักนายกรัฐมนตรี ข. สานักงานปลัดกระทรวง ค. กรม ง. ข้อ ก. และ ข. 28. สานกั งานรัฐมนตรีมอี านาจหนา้ ท่ีเกีย่ วกับเรอ่ื งใด ก. ราชการทางเมอื ง ข. ราชการทวั่ ไปของกระทรวง ค. ราชการทมี่ ไิ ด้กาหนดใหเ้ ป็นหน้าทขี่ องกรมหนงึ่ กรมใดโดยเฉพาะ ง. ข้อ ก. และ ข. 29. ในการจัดระเบยี บราชการในกรม โดยทั่วไปส่วนราชการใด จะตอ้ งถกู กาหนดไว้เสมอ ก. สานักงานเลขานกุ ารกรม ข. กอง ค. ส่วนราชการที่มฐี านะเทยี บกอง ง. ข้อ ก. และ ข. 30. กรณที มี่ กี ฎหมายอื่นกาหนดหน้าที่ของอธบิ ดีไว้เป็นการเฉพาะ การใช้อานาจและการปฏบิ ัติ หน้าที่ตาม กฎหมายดงั กล่าว อธบิ ดีจะต้องคานึงถงึ ... ก. นโยบายทค่ี ณะรฐั มนตรีได้แถลงไว้ตอ่ รัฐสภา ข. นโยบายทค่ี ณะรฐั มนตรกี าหนดหรอื อนมุ ตั ิ ค. นโยบาย แนวทาง และแผนการปฏบิ ัติของกระทรวง ง. ขอ้ ก ข และ ค 31. การที่กรมใด จะตอ้ งแบง่ ท้องทีอ่ อกเปน็ เขตและให้มหี ัวหนา้ สว่ นราชการประจาเขต มี วตั ถุประสงค์ในการแบ่งอยา่ งใด ก. เพอื่ ปฏบิ ตั ทิ างการเงิน ข. เพื่อปฏิบัติงานวชิ าการ ค. เพ่ือปฏิบัตงิ านตรวจสอบ ง. เพอื่ ปฏบิ ตั งิ านการวจิ ัย
204 32. กรณที ีป่ ลัดกระทรวงไม่อาจปฏิบัติราชการแทนได้และไม่มรี องปลัดกระทรวงหรอื มีแตไ่ ม่อาจ ปฏิบตั ิราชการได้ ขอ้ ใดกลา่ วถูกตอ้ งเกย่ี วกบั การรกั ษาราชการแทนปลัดกระทรวง ก. ให้รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงแต่งตัง้ อธบิ ดีหรอื ผดู้ ารงตาแหนง่ เทยี บเท่าเปน็ ผรู้ ักษาราชการแทน ข. ให้รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงแตง่ ตงั้ ขา้ ราชการในกระทรวงซ่งึ ดารงตาแหน่งไมต่ า่ กวา่ ผู้อานวยการกองหรอื เทยี บเท่าเป็นผรู้ กั ษาราชการแทน ค. ใหป้ ลัดกระทรวงแตง่ ตง้ั ข้าราชการในกระทรวงซึ่งดารงตาแหนง่ ไม่ตา่ กวา่ อธบิ ดีหรือเทยี บเทา่ เปน็ ผ้รู ักษาราชการแทน ง. ก และ ค แล้วแต่กรณี 33. ในกรณีที่ไม่มผี ้ดู ารงตาแหนง่ เลขานุการรัฐมนตรี หรอื มีไม่อาจปฏบิ ตั ิราชการได้ใครจะเป็นผูร้ กั ษา ราชการแทน ข้อใดกลา่ วถกู ต้อง ก. ผชู้ ่วยเลขานกุ ารรฐั มนตรีผูม้ คี วามอาวโุ ส ข. ผชู้ ่วยเลขานุการรฐั มนตรีทร่ี ัฐมนตรีว่าการกระทรวงมอบหมาย ค. หวั หนา้ สานักงานรฐั มนตรกี รณีท่ไี มม่ ผี ชู้ ่วยเลขานกุ ารรฐั มนตรี ง. ถ้าไม่มผี ูช้ ่วยเลขานุการรัฐมนตรใี หร้ ฐั มนตรีวา่ การกระทรวงแต่งตง้ั ขา้ ราชการการเมอื งคนหนงึ่ เป็นผ้รู ักษาราชการแทน 34. การรกั ษาราชการแทนตาม พ.ร.บ. ระเบียบบรหิ ารราชการแผ่นดนิ พ.ศ. 2534 ไมใ่ ช้บงั คับแก่ ส่วนราชการใด ก. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ข. กระทรวงการคลงั ค. สานักงานตารวจแหง่ ชาติ ง. กระทรวงกลาโหม 35. กรณเี ลขานุการกรมการปกครอง ไมส่ ามารถปฏิบตั ิราชการได้ หากต้องการท่ีจะแต่งตัง้ ผู้รักษา ราชการแทนเลขานุการปกครองจะตอ้ งทาอย่างไร ก. เลขานุการกรมการปกครองออกคาสงั่ แตง่ ตง้ั หัวหนา้ ฝา่ ยคนใดคนหนงึ่ เปน็ ผรู้ ักษาราชการแทน ข. อธบิ ดอี อกคาสั่งแต่งตั้งหวั หนา้ ฝา่ ยคนใดคนหนึ่งเปน็ ผรู้ กั ษาราชการแทน ค. อธบิ ดีออกคาสง่ั แต่งต้ังข้าราชการในกรมคนใดคนหนึง่ ซงึ่ ดารงตาแหน่งไมต่ า่ กว่าหัวหนา้ กอง หรอื เทยี บเทา่ เป็นผ้รู กั ษาราชการแทน จ. ผดิ ทุกข้อ
แนวขอ้ สอบพระราชบญั ญตั ริ ะเบียบบรหิ ารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และแกไ้ ขเพม่ิ เติม 205 36. กรณที ่ปี ลดั กระทรวงมหาดไทย จะมอบอานาจเรอื่ งใดเรื่องหนึ่งให้หัวหนา้ คณะผู้แทนในการ บรหิ ารราชการ ในตา่ งประเทศ ตาม พ.ร.บ. ระเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 และทแ่ี กไ้ ข เพิ่มเติม (ฉบบั ที่ 5) พ.ศ. 2545 จะต้องทาอยา่ งไร ก. ทาหนงั สอื ใหค้ ณะรัฐมนตรที ราบ ข. แจ้งเรื่องมอบอานาจใหห้ ัวหนา้ คณะผูแ้ ทนทราบโดยตรง ค. ขออนุมัติรฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทยกอ่ นทจี่ ะทาการมอบอานาจ ง. แจง้ เร่ืองการมอบอานาจดงั กลา่ วผ่านกระทรวงตา่ งประเทศ 37. หน่วยงานใดสามารถยน่ื คาขอจดั ตัง้ งบประมาณได้ตามกฎหมายวา่ ด้วยวิธีการและงบประมาณ ก. จังหวดั ข. กลุ่มจังหวดั ค. อาเภอ ง. ก และ ข 38. ในการบรหิ ารราชการแผ่นดนิ ของจังหวัดใด ใครมีหน้าทีเ่ ป็นที่ปรึกษาของผู้วา่ ราชการจงั หวัด ก. สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรในจงั หวดั ข. สภาจงั หวัด ค. คณะกรรมการจงั หวดั ง. คณะกรรมการธรรมภบิ าลจงั หวัด 39. ข้อใดเปน็ อานาจหนา้ ที่ของคณะกรรมการจังหวดั ก. ใหค้ วามเหน็ ชอบในการจดั ทาแผนพฒั นาจงั หวดั ข. ทาหน้าท่เี ป็นทปี่ รกึ ษาของผ้วู ่าราชการจงั หวัด ค. ปฏบิ ตั หิ นา้ ที่อ่นื ตามท่ีกฎหมายหรือมติของคณะรฐั มนตรีกาหนด ง. ถูกเฉพาะขอ้ ข. และ ค. 40. ตามพระราชบญั ญัติระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2550 กาหนดใหจ้ ังหวัดมอี านาจกข่ี ้อ ก. 5 ขอ้ ข. 7 ขอ้ ค. 8 ขอ้ ง. ข้อ 9
206 เฉลยแนวข้อสอบ พรบ.ระเบยี บบริหารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 และแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ ขอ้ คาตอบ ข้อ คาตอบ ขอ้ คาตอบ 1 ข 16 ค 31 ข 2 ค 17 ค 32 ก 3 ค 18 ง 33 ข 4 ง 19 ง 34 ง 5 ง 20 ค 35 ค 6 ก 21 ง 36 ง 7 ข 22 ง 37 ง 8 ข 23 ง 38 ค 9 ง 24 ง 39 ข 10 ข 25 ข 40 ก 11 ง 26 ก 12 ข 27 ค 13 ง 28 ก 14 ก 29 ก 15 ง 30 ง
สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญัติองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั พ.ศ.2540 และแก้ไขเพมิ่ เตมิ 207 (ฉบบั ท่ี 5) พ.ศ. 2562 สรุปสาระสาคญั พระราชบญั ญตั ิองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 และแก้ไขเพ่มิ เตมิ (ฉบบั ท่ี 5) พ.ศ. 2562 o องค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด (อบจ.) เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินที่มขี นาดใหญ่ที่สดุ ของไทย ใชเ้ ขตจังหวัดเป็นทต่ี ้ังจึงมีจังหวัดละหนึง่ แห่ง o องค์การบริหารส่วนจังหวัด มีเขตพ้ืนท่ีรับผิดชอบครอบคลุมท้ังจังหวัด จัดต้ังข้ึนเพ่ือ บริการสาธารณประโยชน์ในเขตจังหวัด ตลอดทั้งช่วยเหลอื พัฒนางานของเทศบาล และองค์การบริหาร ส่วนตาบล รวมทั้งการประสานแผนพัฒนาทอ้ งถิ่นเพอ่ื ไมใ่ ห้งานซา้ ซอ้ น ดังน้ัน อาจมี หลายเทศบาลและ หลายองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล อยู่ในเขตองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั เดยี ว o กรงุ เทพมหานครเปน็ การปกครองส่วนท้องถนิ่ รปู แบบพเิ ศษ จงึ ไมน่ ับ การเปน็ จงั หวัดและไมม่ กี ารปกครองแบบองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล เทศบาล หรอื องคก์ าร บรหิ ารสว่ นจงั หวัด. (ขอ้ สอบมกั หลอกวา่ กรงุ เทพมหานครเปน็ องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั หรือไม่ ซึง่ ไม่ใช่) ววิ ัฒนาการองค์การบริหารส่วนจงั หวัด – ในปี พ.ศ. 2498 เพ่ือใหป้ ระชาชนมีส่วนในการปกครองตนเอง จงึ มกี ารปรบั ปรุงบทบาทของ สภาจงั หวดั ใหก้ ลายเปน็ องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั เป็นนิติบุคคลแยกจากจังหวัด (แยกออกจากราชการ สว่ นภมู ิภาค) ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการสว่ นจังหวดั พ.ศ. 2498 – ต่อมา ประกาศคณะปฏิวตั ฉิ บบั ที่ 218 ลงวันที่ 29 กันยายน 2515 ซง่ึ เป็นกฎหมายแมบ่ ทว่า ด้วยการจัดระเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดิน กาหนดให้องค์การบริหารสว่ นจังหวัดมีฐานะเปน็ หน่วยการ ปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นรปู แบบหน่ึง – ในปี พ.ศ. 2540 ได้ยกเลิกกฎหมายทั้งหมด และประกาศใช้พระราชบัญญตั ิองค์การบรหิ าร ส่วนจงั หวัด พ.ศ. 2540 มีผลบังคับใชเ้ ม่ือ 1 พฤศจิกายน 2540 – กฎหมายฉบับปจั จุบันเปน็ การแก้ไขครงั้ ท่ี 4 พ.ศ. 2552 ชอื่ วา่ พระราชบญั ญัตอิ งค์การบรหิ าร ส่วนจังหวดั พ.ศ. 2540 แก้ไขเพม่ิ เตมิ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2552 องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั มีพฒั นาการมาจากองคใ์ ด ให้ตอบวา่ “สภาจังหวดั ” และองคก์ าร บรหิ ารส่วนจงั หวดั ต่างกับจังหวัดอย่างไร ให้ตอบวา่ องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัด. เปน็ การปกครองส่วน ทอ้ งถิน่ ส่วนจงั หวดั เป็นการปกครองสว่ นภูมภิ าค
208 บทท่วั ไป - องค์การบริหารส่วนจังหวัดอยู่ในการกับดูแลของกรมสง่ เสรมิ การปกครองสว่ นท้องถ่ิน และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รกั ษาการตามพระราชบัญญัตอิ งค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัด พ.ศ. 2540 - องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดเปน็ ทบวงการเมอื ง ประเภทองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น นยิ ามความหมายทีส่ าคญั – ข้าราชการองค์การบริหารสว่ นจังหวัด ข้าราชการท่ีปฏิบตั ิกิจการขององค์การบรหิ ารส่วน จังหวัด โดยมีอัตราเงินเดอื นและตาแหน่งตามทงี่ บประมาณขององค์การบริหารส่วนจงั หวัดแต่ละแหง่ จะ กาหนด (ตาแหน่งมากน้อยขนึ้ อยู่กับวา่ เปน็ จังหวดั ขนาดใหญห่ รือไม่) – ข้อสอบมกั ถามวา่ ขา้ ราชการองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั ได้รับเงินเดือนตามงบอะไร มักจะ หลอกด้วยงบทีจ่ ดั สรรจากรัฐบาล หรือกระทรวงมหาดไทย ซ่ึงผิด ที่ถูกคือ เป็นงบประมาณของ องคก์ าร บริหารส่วนจังหวัดเท่านั้น ราชการส่วนท้องถ่ินอื่น คือ ราชการส่วนท้องถ่ินท่ีกฎหมายจัดต้ังขึ้น นอกเหนือจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด ได้แก่ เทศบาล สุขาภิบาล องค์การบริหารส่วนตาบล กรุงเทพมหานคร และเมืองพทั ยา องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั คืออะไร - องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั = นายกองค์การบริหารส่วนจงั หวัด + สภาองคก์ ารบริหารส่วน จังหวัด - สมาชิกสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั (สจ.) มาจากการเลอื กตง้ั อยู่ในตาแหนง่ (วาระ) 4 ปี นบั แต่วันเลอื กตง้ั แตจ่ ะดารงตาแหนง่ กนั เกินสองวาระตดิ ต่อกนั ไม่ได้ การสน้ิ สดุ สมาชกิ ภาพ สจ. 1. ออกตามวาระ (อยคู่ รบ 4 ปี) หรอื ยุบสภา (ผ้วู ่าราชการหรือรัฐมนตรมี หาดไทยสงั่ ) 2. ตาย 3. ยืน่ ลาออกต่อ “ผวู้ า่ ราชการฯ” เทา่ นั้น 4. ขาดคุณสมบตั ิหรอื มลี กั ษณะต้องหา้ ม 5. ขาดประชมุ 3 ครัง้ ติดต่อกันโดยไมม่ เี หตุอนั สมควร 6. มีสว่ นไดเ้ สยี ไมว่ ่าทางตรงหรือทางออ้ มในคู่สัญญากับองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัด
สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญัตอิ งค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัด พ.ศ.2540 และแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ 209 (ฉบบั ที่ 5) พ.ศ. 2562 7. สภา องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด. มมี ติ 3 ใน 4 ของสมาชกิ ให้พ้นจากตาแหน่ง 3 ใน 4 ของ สมาชกิ 8. ผูม้ สิ ทิ ธิเลอื กต้งั ในเขต องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ยนื่ ถอดถอน การพ้นจากตาแหนง่ ของประธานและรองประธานสภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด 1. เมอ่ื ผวู้ า่ ราชการราชการจังหวัดเปน็ ผแู้ ตง่ ตงั้ ประธาน 1 คน และรองประธาน 2 คน ประธาน หรือรองประธานต้องลาออกกับผู้ว่าราชการจังหวัด ข้อสอบมักหลอกว่า ให้ยื่นลาออกต่อนายกองคก์ าร บรหิ ารสว่ นจังหวดั 2. สิ้นสดุ สมาชกิ ภาพสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวดั 3. รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยส่งั ให้พน้ จากตาแหน่ง 4. สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีมติ 3 ใน 4 (อีกแล้ว) ให้พ้นจากตาแหน่ง ด้วยเหตุความ ประพฤตเิ สอ่ื มเสีย ฝ่าฝืนความสงบเรยี บรอ้ ยของประชาชน สมัยประชมุ สามญั และวิสามัญ สามัญ กฎหมายกาหนดชัดเจนว่าต้องประชุมก่ีวัน ก่ีคร้ัง ส่วนวิสามัญ จาไว้ว่า เรื่องด่วน ๆ ประชุมสามัญไม่ได้ กต็ อ้ งวสิ ามัญ สมัยประชมุ สามญั ปหี นึง่ ประชมุ กนั 2 สมัย ในแต่ละสมยั จะประชมุ กคี่ รัง้ กไ็ ด้ เช่น เดือนมกรา เป็นสมัยประชุมที่ 1 เม่ือวันที่ 9 ประชุมครั้งแรกแล้ว วันท่ี 11 จะประชุมอีก ก็จะเรียกว่า “ประชุมสมัย สามัญครั้งที่ ½ แต่ละสมัย ประชุมไมเ่ กิน “45 วัน” และหากเล่อื นประชุม ต้องได้รับอนุญาตจาก ผู้ว่าราชการ ราชการ เท่านั้น จะเห็นได้ว่าผู้ว่าราชการมีบทบาทมาก ๆ กับองค์การบริหารสว่ นจังหวัดบทบาทแรก ๆ เช่น ผู้ว่าราชการราชการจะเป็นผ้กู าหนดการประชุมสามญั ครง้ั แรกภายหลังจากการเลือกต้ัง ภายใน 15 วนั นบั แต่วนั ประกาศผล เพือ่ หาประธานกับรองประธาน สมัยวิสามัญ ต้องเป็นเร่ืองด่วน หรือประโยชน์ขององค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัด แล้วใครกันจะ ขอใหป้ ระชุมได้ มสี องกลมุ่ ไดแ้ ก่ ประธานสภา องคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด. เรียกประชมุ เองหรอื นายกฯ และ สมาชกิ องค์การบริหารสว่ นจงั หวัด. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ยื่นเรื่องต่อประธานสภา องค์การบริหารสว่ น จังหวัด. และต้องเรียกประชุมภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับเรือง โดยประชุมสมัยวิสามัญมีวาระการ ประชุมสมัยละ 7 วันประชุมสามัญ 2 สมัย 45 วัน ประชุมวิสามัญ 7 วัน โดยปกติการประชุมสภาต้อง กระทาโดยเปิดเผย เว้นแต่ นายก องค์การบริหารส่วนจังหวัด. หรือสมาชิกสภา องค์การบริหารส่วน จงั หวดั . ไม่นอ้ ยกว่า 1 ใน 3 ขอใหป้ ระชุมลับ
210 นายกองค์การบริหารสว่ นจังหวดั 1. นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั มาจากการเลอื กตัง้ โดยตรงของประชาชน (ส่วนใหญ่กเ็ ป็น หวั หนา้ ทีม สจ. ) มีวาระดารงตาแหน่ง 4 ปี ไม่เกนิ 2 วาระติดต่อกัน ข้อสอบมกั ถามวา่ 4 ปี นับแต่ เมอ่ื ไหร่ “นับแตว่ นั เลือกตงั้ ” เหมอื นกบั สจ.รบั รองผลอะไรยังไงนน้ั นายกมีอานาจบังคบั บญั ชาสูงสดุ ต่อ ขา้ ราชการและลกู จ้างขององค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด และทาหน้าทีบ่ ริหารจดั การภายในองคก์ ารบรหิ าร ส่วนจังหวัด ดว้ ย 2. เข้ารบั ตาแหนง่ นายกตอ้ งแถลงนโยบาลตอ่ สภาองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ภายใน 30 วนั นับแตป่ ระกาศผลเลอื กตง้ั โดยประธานสภาเปน็ ผ้นู ดั ประชมุ 3. ไมม่ ปี ระธานสภา ให้นายกปฏิบตั ิหนา้ ทไ่ี ปพลางกอ่ นได้ หากมีประธานแลว้ ให้นายกแถลง ภายใน 15 วนั 4. หากแถลงไม่ได้อกี ผู้ว่าราชการสง่ั ให้นายกแถลงนโยบาลเปน็ หนังสือ ตอ่ สมาชิกสภาองค์การ บริหารส่วนจงั หวัดทุกคนภายใน 7 วัน และให้ถือว่าไดแ้ ถลงแลว้ หากนายกไมส่ ามารถแถลงนโยบายตอ่ สภาได้ ใครเปน็ ผสู้ ่งั การให้นายกแถลงเป็นหนังสือ คาตอบ คอื ผ้วู า่ ราชการราชการจงั หวัด คุณสมบัตินายก อบจ. 1. อายุ 35 ปี บรบิ รู ณ์ นบั ถึงวนั เลอื กตง้ั 2. สาเรจ็ การศึกษาไมต่ า่ กว่า ป.ตรี หรือเคยเป็น สมาชกิ สภาจังหวดั หรือ สมาชิกสภาองคก์ าร บรหิ ารส่วนจงั หวัด ผบู้ รหิ ารท้องถน่ิ หรอื สมาชกิ รฐั สภา (สส./ สว.) อานาจหน้าท่ขี องนายก อบจ. 1. กาหนดนโยบายทไ่ี ม่ขัดตอ่ กฎหมายและบริหารจัดการใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย 2. ส่ัง อนุญาต อนมุ ตั เิ กี่ยวกับราชการขององคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัด 3. แต่งตง้ั หรอื ถอดถอนรองนายก ท่ีปรึกษา หรอื เลขานกุ ารนายกฯ 4. วางระเบียบ เพ่ือให้งานองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดเปน็ ไปด้วยความเรยี บรอ้ ย 5. รกั ษาการตามขอ้ บญั ญตั อิ งคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด 6. ปฏิบตั หิ น้าทอี่ ่ืนตามทบ่ี ญั ญตั ิไว้
สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญัติองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 และแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ 211 (ฉบับท่ี 5) พ.ศ. 2562 นายก อบจ.พน้ จากตาแหน่ง เมือ่ 1. ถงึ คราวออกตามวาระ 2. ตาย 3. ลาออก (ย่ืนกบั ผู้วา่ ราชการเทา่ น้นั ) 4. ขาดคณุ สมบตั ิ 5. กระทาการฝ่าฝืน เช่น ควบตาแหนง่ อื่น เรยี กรบั ผลประโยชน์ 6. รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยส่ังใหพ้ ้นจากตาแหนง่ 7. ตอ้ งโทษจาคกุ โดยคาพพิ ากษาถงึ ท่ีสดุ ใหจ้ าคกุ 8. ผมู้ สิ ทิ ธเิ ลอื กต้งั จานวน 3 ใน 4 เข้าชอื่ ถอดถอน “ในระหวา่ งทีไ่ ม่มีนายกองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ใหป้ ลดั องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั ปฏิบตั ิ หน้าทีข่ องนายกองค์การบริหารส่วนจงั หวัดเทา่ ทจ่ี าเปน็ ไดเ้ ปน็ การช่ัวคราวจนถึงวันประกาศผลการ เลอื กต้งั นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ” รองนายก อบจ.พ้นจากตาแหน่ง เมอื่ 1. นายกองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั พ้นจากตาแหนง่ 2. นายองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดมีคาส่ังใหพ้ ้นจากตาแหนง่ 3. ตาย 4. ลาออก โดยยน่ื หนงั สือลาออกต่อนายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั 5. ขาดคณุ สมบตั หิ รอื ลกั ษณะตอ้ งหา้ ม 6. กระทาการฝา่ ฝืนตามมาตรา 44/3 7. ถกู จาคกุ โดยคาพพิ ากษาถงึ ทสี่ ดุ ใหจ้ าคกุ 8. รฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสัง่ ให้พ้นจากตาแหนง่
212 รองนายกฯ ท่ีปรึกษาและเลขานายกฯ 1. ตาแหนง่ เหลา่ นีจ้ าให้ดี เปน็ ตาแหน่งทางการเมือง ส่วนปลัด องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั . เป็น ตาแหนง่ ข้าราชการประจา 2. นายกสามารถแต่งต้ังรองนายกที่เป็นคนนอกโดยมีสูตรการจาว่า 2 – 3 – 4 เป็นสัดส่วน จานวนรองนายกกบั สมาชกิ องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัด 3. สมาชิกองค์การบริหารสว่ นจงั หวัด 24 หรือ 30 คน ใหแ้ ตง่ ตัง้ รองนายก อบจ.ได้ไม่เกนิ 2 คน 4. สมาชกิ องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั 36 หรือ 42 คน ใหแ้ ตง่ ต้ังรองนายก อบจ.ไดไ้ ม่เกนิ 3 คน 5. สมาชิกองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด 48 ให้แตง่ ตงั้ รองนายก อบจ.ไดไ้ มเ่ กนิ 4 คน 6. นายกแต่งตงั้ ท่ปี รึกษาและเลขา โดยต้องเป็นคนนอกเทา่ นนั้ และรวมกันไมเ่ กนิ 5 คน การพ้นจากตาแหน่งของท่ปี รึกษานายก อบจ. และเลขานกุ ารนายก อบจ. - เหมือนกบั ของรองนายก อบจ.ทุกประการ จาไวว้ า่ นายกพ้นจากตาแหนง่ เมอื่ ไหร่ ทมี งานหาย หมด - หากจะลาออกจะต้องย่นื ต่อ นายกองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั . ขอ้ หา้ มรว่ มกันของนายก รองนายก ท่ีปรึกษาและเลขา 1. หากพบเมื่อใด ขาดคณุ สมบัตใิ นการดารงตาแหนง่ ทันท่ี ไดแ้ ก่ 2. ดารงตาแหนง่ อืน่ ในระหว่างเป็นนายก (ควบตาแหน่งนั้นเอง) 3. รบั ผลประโยชนห์ รอื ทจุ รติ 4. ส่วนไดเ้ สยี จากการเปน็ คสู่ ัญญาของทอ้ งถน่ิ ปลัดองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด ถอื ไดว้ า่ เปน็ ข้าราชการประจาท่ีมีตาแหนง่ สงู สุดในองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั น้ันแต่ต้องจาให้ดี ว่า นายกใหญ่กว่าปลัด ดังนั้น ปลัดเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและลูกจ้างขององค์การบริหารส่วน จงั หวดั . รองจากนายกอบจ. หากไม่มนี ายก อบจ. ปลัดรักษาการแทนได้ จนถึงวนั ประกาศผลเลอื กตั้ง การแบง่ ส่วนราชการในองค์การบริหารสว่ นจังหวดั การแบง่ ส่วนหรือตง้ั กองต่าง ๆ ตอ้ งได้รบั ความเหน็ ชอบองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั กระทรวงมหาดไทย เพ่อื ใหม้ รี ปู แบบเดยี วกนั
สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญตั อิ งคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด พ.ศ.2540 และแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ 213 (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2562 รักษาราชการแทน ปฏิบัตริ าชการแทน รกั ษาราชการแทน คือ ผมู้ อี านาจไมส่ ามารถปฏิบตั ริ าชการได้ เช่น ป่วยไปราชการต่างจังหวัด จงึ ตอ้ งใหใ้ ครมาแทน หากนายกปฏิบตั ิงานไมไ่ ด้ รองนายกตามลาดับที่นายกจดั ไว้ รกั ษาราชการแทน หาก ไม่มีรองนายก จะเป็นปลดั ปฏิบัติราชการแทน คือ นายกมอบอานาจใหช้ ่วยทางาน หรือแบ่งเบาภาระ งาน หากมอบใหร้ องนายกจะทาเปน็ หนงั สอื หากมอบให้ปลดั จะทาเปน็ คาสงั่ ช่วยปฏิบตั ริ าชการชัว่ คราว เป็นกรณที ีน่ ายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั อาจขอยมื ตวั ขา้ ราชการหรือลกู จา้ งของหน่วยงาน ของรัฐหรอื ราชการส่วนทอ้ งถิน่ อนื่ มาชว่ ยปฏิบตั ริ าชการเปน็ การชัว่ คราว โดยต้องตกลงกบั หน่วยงานน้ัน ก่อน และเสนอใหผ้ วู้ า่ ราชการพิจารณา การปฏบิ ตั งิ านขององคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัด ต้องเป็นไปเพ่ือประโยชน์ของประชาชน โดยคานึงถึง “การบรหิ ารกิจการบ้านเมอื งท่ีดี การมี ส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทาแผนพฒั นา การจัดทางบประมาณ การจัดซื้อจัดจา้ ง การตรวจสอบ การประเมินผลการปฏิบตั งิ าน และการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร หากเกดิ กรณีท่อี งคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด ไม่จัดทากิจการตามอานาจหน้าท่ี รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีอาจมีคาสั่งให้ราชการ ส่วนกลางหรือภูมิภาคจัดทากิจการนั้น เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด. ไม่ยอมซ่อมสะพาน รัฐมนตรี มหาดไทยจึงเสนอให้คณะรัฐมนตรีมีคาส่ังให้กรมทางหลวงชนบท ซึ่งเปน็ ราชการส่วนกลาง ทาการซอ่ ม ถนนแทน องค์การบริหารสว่ นจงั หวดั . เป็นต้น การดาเนินการของเอกชน องค์การบริหารส่วนจังหวัด. อาจให้บริการแก่เอกชนหรือราชการส่วนอื่นโดยเรียกเก็บ ค่าบรกิ ารได้ เชน่ คา่ ธรรมเนยี มตา่ ง ๆ ซึง่ ต้องตราเป็นขอ้ บัญญัติจังหวดั องคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั อาจมอบอานาจให้เอกชนจัดทากิจการทีอ่ ย่ใู นอานาจของ องคก์ าร บริหารส่วนจังหวัด และเรียกเก็บค่าธรรมเนยี ม ค่าบริการหรือค่าตอบแทน ท้ังนี้ ต้องได้รับความยนิ ยอม จากสภาองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัด และผูว้ า่ ราชการราชการจงั หวัดกอ่ น ข้อบญั ญัตจิ ังหวัด คืออะไร กฎหมายระดบั ทอ้ งถ่นิ ท่ีออกโดยสภาองค์การบริหารส่วนจงั หวัด เปน็ กรอบในการดาเนินการ ของ องคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด. ซง่ึ ข้อบัญญัตจิ ังหวัดจะกาหนดโทษจาคุกและปรบั ได้ แตต่ ้องไม่เกินจาคกุ 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท (จาให้ดี) ผู้มีสิทธิเสนอร่างข้อบัญญัติต่อสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ได้แก่ นายก อบจ. สมาชิกสภา และ ผู้มิสิทธิเลือกตั้ง (ไม่จากัดจานวน) เม่ือมีการย่ืนร่างมาแล้ว สภา จะตอ้ งพิจารณาภายใน 7 วัน ว่าจะรบั ร่างหรือไมร่ บั ร่างไว้พจิ ารณา
214 หากสภารับรา่ งจะทาอะไรตอ่ ไป จางา่ ย ๆ ไดแ้ บบนี้ – ประธานสภาเสนอรา่ งดังกล่าวไปทผ่ี วู้ า่ ราชการราชการจงั หวัด เพอื่ พจิ ารณา – ผ้วู ่าราชการจะต้องพิจารณาภายใน 15 วนั (จาให้ด)ี หากไม่พจิ ารณาภายในกาหนด ถือว่า ผู้ว่าราชการ “เห็นชอบ” แล้ว ถ้าผู้ว่าราชการไมเ่ ห็นชอบ จะเป็นอย่างไร ผู้ว่าราชการส่งคืนรา่ งนน้ั ให้กับ สภา องค์การบริหารสว่ นจังหวัด. เพ่อื ไปพจิ ารณาแก้ไขภายใน 30 วนั – หากสภามีมติ 2 ใน 3 ยนื ยันร่างเดมิ ไม่แกไ้ ข ประธานสภาสง่ ร่าง ข้อบญั ญัตนิ ั้นใหน้ ายกเพือ่ ประกาศใช้ตอ่ ไป แตห่ ากลงมติแลว้ ได้น้อยกว่า 2 ใน 3 หรอื พิจารณา เกนิ 30 วัน เปน็ อันว่า รา่ งข้อบญั ญัตินนั้ ตกไป หากสภาไมร่ ับร่างข้อบัญญัติ ผู้วา่ ราชการตัง้ คณะกรรมการกลาง 15 คน เพือ่ ยุติข้อขดั แย้ง คณะกรรมการดงั กลา่ วมาจากตัวแทนฝง่ั สมาชิกสภา 7 คน ตัวแทนจากนายก 7 คน และคนนอกอกี 1 คน เขา้ มาเป็นประธานคณะกรรมการ - คณะกรรมการจะต้องพจิ ารณารา่ งขอ้ บัญญัติภายใน15 วัน แล้วรายงานต่อผูว้ ่าราชการ และ ผูว้ า่ ราชการจะสง่ เรอื่ งใหน้ ายกองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด. พิจารณา และนายกสง่ ให้สภาพจิ ารณาภายใน 7 วนั - หากนายกไม่ดาเนินการส่งเร่ืองไปสภาภายใน 7 วัน ผู้ว่าราชการสามารถเสนอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีคาสั่งให้นายกพ้นจากตาแหน่ง ในทางกลับกันหากสภาเทศบาลไม่ พจิ ารณารา่ งภายใน 30 วัน ผู้ว่าราชการกเ็ สนอให้ รมต. มหาดไทย ยบุ สภาได้เชน่ กนั - ขอ้ บัญญตั ิมีผลบังคับใชเ้ มือ่ ใด นั้น มีผลเมอ่ื ประกาศทนั ที หรอื มีผลตามทกี่ าหนดไว้ในประกาศ เช่น กาหนดว่ามผี ลเมื่อประกาศไปแล้ว 7 วัน เป็นต้น การประกาศต้องทาการปิดประกาศไว้ทส่ี านักงาน องค์การบริหารสว่ นจงั หวัด. เพอื่ ใหป้ ระชาชนรับทราบ การตรวจสอบการคลัง รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทยเปน็ ผมู้ อี านาจ โดยตรวจสอบปลี ะครง้ั การงบประมาณและการคลงั องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั . จะตอ้ งมีการจัดทางบประมาณรายจ่ายในรปู แบบของข้อบัญญตั ิ จังหวดั ซง่ึ เปน็ กรอบในการใชจ้ ่ายงบประมาณขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด ภาษีท่เี ป็นรายได้ขององค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด. ได้แก่ ภาษบี ารุงทอ้ งที่ ภาษีโรงเรือนและทดี่ ิน ภาษปี ้ายอากรการฆา่ สัตวแ์ ละผลประโยชนจ์ ากการฆา่ สัตว์ (กรณไี มใ่ ชโ่ รงฆ่าสัตว์ของท้องถ่ินอื่น)
สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญัติองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั พ.ศ.2540 และแก้ไขเพิม่ เตมิ 215 (ฉบบั ท่ี 5) พ.ศ. 2562 ภาษที ี่ให้จัดสรร เป็นภาษีท่ีรัฐมอบใหแ้ ก่ องคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด ไดแ้ ก่ ภาษแี ละ ค่าธรรมเนยี มรถยนต์และล้อเลอ่ื นทจี ัดเกบ็ ได้ในจงั หวดั ค่าภาคหลวงแรต่ ามกฎหมายว่าดว้ ยแร่ ค่าภาคหลวงปโิ ตรเลียม รฐั จดั เกบ็ ภาษมี ลู ค่าเพ่มิ ในจงั หวัดใดเทา่ ไหร่ ให้สง่ มอบแก่ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด รอ้ ยละ 5 ของภาษมี ูลค่าเพ่มิ ทจ่ี ดั เกบ็ ได้ รายไดข้ ององค์การบริหารส่วนจังหวัด (1) ภาษีอากรตามทม่ี ีกฎหมายบัญญตั ิไว้ (2) คา่ ธรรมเนยี ม คา่ ใบอนญุ าต และคา่ ปรบั ตามท่มี ีกฎหมายบัญญตั ิไว้ (3) รายได้จากทรพั ยส์ ินขององค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั (4) รายได้จากสาธารณูปโภคขององค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั (5) รายได้จากการพาณิชยข์ ององคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั (6) พนั ธบตั รหรือเงนิ กู้ตามที่มกี ฎหมายบัญญัติไว้ (7) เงนิ กจู้ ากกระทรวง ทบวง กรม องคก์ าร หรอื นิตบิ ุคคลต่างๆ ซงึ่ ไดร้ บั ความเหน็ ชอบ องค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั จากรฐั มนตรี (8) เงนิ อดุ หนนุ หรือรายได้อน่ื ตามทร่ี ฐั บาลหรือหน่วยงานของรฐั จัดสรรให้ (9) เงนิ และทรพั ยส์ นิ อยา่ งอืน่ ท่มี ผี ้อู ุทศิ ให้ (10) รายได้อ่ืนตามท่ีมีกฎหมายบญั ญตั ใิ หเ้ ป็นขององค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด การควบคมุ องค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด ควรใชค้ าว่า กากับดแู ล เนอ่ื งจาก การจดั ตัง้ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น ก็เพื่อตอ้ งการใหช้ มุ ชน สามารถบรหิ ารจดั การตวั เอง มีความเป็นอิสระ โดยราชการส่วนกลางและสว่ นภูมภิ าคเป็นผู้กากับดแู ล ไม่ สามารถใช้อานาจบังคับบัญชาได้ ดังนั้น ผ้มู อี านาจกากับดแู ลองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั ไดแ้ ก่ ผวู้ า่ ราชการราชการจงั หวดั สาคัญมาก ๆ ถือไดว้ ่าเป็นผกู้ ากับดแู ลองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัด ในจังหวัดของตน ผู้ว่าราชการมีอานาจในการเพิกถอนมติสภา องค์การบริหารส่วนจังหวัด. (ที่ไม่ใช่ ข้อบัญญัติจังหวัด) หากเหน็ ว่ามตนิ ้ันผิดกฎหมาย โดยต้องกระทาภายใน 30 วัน นับแต่วันท่ีสภามีมติ แต่ หากสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม ผู้ว่าราชการสามารถรายงานต่อรัฐมนตรีภายใน 15 วัน เพื่อให้ รัฐมนตรีพิจารณาต่อไปภายใน 30 วนั
216 ผู้ว่าราชการมีอานาจในการยับยงั้ การปฏิบัติการไว้เป็นช่ัวคราว หากเห็นว่า องค์การบรหิ าร ส่วนจังหวัด ดาเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ว่าราชการสามารถรายงานต่อรฐั มนตรภี ายใน 15 วัน เพอื่ ให้รัฐมนตรพี ิจารณาตอ่ ไปภายใน 30 วัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สาคัญที่สุด เพราะมีอานาจในการสั่งให้นายก อบจ., รอง นายก อบจ. ,ทปี่ รกึ ษานายกฯ , เลขานายกฯ พน้ จากตาแหน่ง หรอื สั่งยบุ สภาองค์การบรหิ ารสว่ นตาบลได้ อานาจหนา้ ท่ีขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั (1) ตราข้อบัญญัตโิ ดยไม่ขดั หรือแยง้ ตอ่ กฎหมาย (2) จัดทาแผนพัฒนาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด และประสานการจดั ทาแผนพฒั นาจงั หวดั ตามระเบยี บท่คี ณะรัฐมนตรีกาหนด (3) สนับสนุนสภาตาบลและราชการสว่ นทอ้ งถิน่ อน่ื ในการพฒั นาทอ้ งถ่นิ (4) ประสานและใหค้ วามร่วมมือในการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ขี องสภาตาบลและราชการสว่ นทอ้ งถ่ินอนื่ (5) แบ่งสรรเงินซ่งึ ตามกฎหมายจะต้องแบ่งใหแ้ กส่ ภาตาบลและราชการส่วนท้องถน่ิ อ่ืน (6) อานาจหน้าทขี่ องจงั หวัด ตามพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการสว่ นจังหวัด พ.ศ. 2498 เฉพาะภายในเขตสภาตาบล (7) คุ้มครอง ดแู ล และบารงุ รักษาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมบารงุ รกั ษาศิลปะ จารตี ประเพณี ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น และวฒั นธรรมอนั ดขี องท้องถิน่ (8) จัดทากิจการใดๆ อันเปน็ อานาจหน้าที่ของราชการส่วนทอ้ งถิน่ อื่นทอี่ ย่ใู นเขตองคก์ าร บรหิ ารสว่ นจงั หวดั และกิจการนั้นเปน็ การสมควรใหร้ าชการส่วนท้องถนิ่ อนื่ รว่ มกันดาเนินการหรือให้ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั จดั ทา ทง้ั นี้ ตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง (9) จัดทากจิ การอื่นใดตามทีก่ าหนดไวใ้ นพระราชบัญญัตินห้ี รือกฎหมายอ่ืนกาหนดใหเ้ ปน็ อานาจหนา้ ทีข่ ององคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั
แนวข้อสอบพระราชบญั ญัติองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั พ.ศ. 2540 และที่แกไ้ ขเพิ่มเตมิ 217 แนวขอ้ สอบพระราชบัญญตั ิองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัด พ.ศ. 2540 และทแ่ี ก้ไขเพิ่มเตมิ 1. พระราชบัญญัติองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั พ.ศ. 2540 ให้ใช้บังคบั ต้ังแต่เม่ือใด ก. วนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ต้นไป ข. วนั ถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเป็นตน้ ไป ค. เมื่อพ้นกาหนด 60 วันนบั แตว่ นั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ง. เมอ่ื พน้ กาหนด 90 วนั นับแต่วันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ต้นไป 2. ใครเป็นผู้รกั ษาการตามพระราชบญั ญัติองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั พ.ศ. 2540 ก. นายกรัฐมนตรี ข. รองนายกรฐั มนตรที ่ไี ดร้ ับมอบหมาย ค. รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย ง. ปลดั กระทรวงมหาดไทย 3. ราษฎรผ้มู สี ิทธเิ ลือกตั้งในเขตองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดจานวนเทา่ ใดของผมู้ ีสทิ ธเิ ลือกตงั้ มา ลงคะแนนเสยี งเพอ่ื ถอดสมาชกิ สภาทอ้ งถิ่นหรือผูบ้ ริหารท้องถ่ิน ก. ไม่น้อยกวา่ 1 ใน 4 ข. ไมน่ อ้ ยกว่า 2 ใน 3 ค. ไมน่ ้อยกว่า 2 ใน 4 ง. ไมน่ ้อยกวา่ 3 ใน 4 4. สภาองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัด ประกอบดว้ ยผู้ใดบ้าง ก. ประธานสภา 1 คน , รองประธานสภา 1 คน ข. ประธานสภา 1 คน , รองประธานสภา 2 คน ค. ประธานสภา 1 คน , รองประธานสภา 3 คน ง. ประธานสภา 1 คน , รองประธานสภา 4 คน 5. ผวู้ ่าราชการจังหวดั ตอ้ งกาหนดใหส้ มาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดไดม้ าประชุมสภาองค์การ บริหารส่วนจงั หวัดครง้ั แรก ภายในก่วี ัน ก. 7 วนั ข. 15 วัน ค. 30 วัน ง. 45 วนั
218 6. ในจังหวัดหนึ่งใหม้ ีองค์การบริหารส่วนจงั หวัด ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง ก. สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั , ประธานสภาองค์การบรหิ ารส่วนตาบล ข. สภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั , องค์การบรหิ ารสว่ นตาบล ค. สภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั , นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั ง. องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล, นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัด 7. อายขุ องสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั มวี าระคราวละกีป่ ี ก. 2 ปี ข. 6 ปี ค. 8 ปี ง. 4 ปี 8. นายกองค์การบริหารสว่ นจังหวดั ต้องแถลงนโยบายก่อนเข้ารับตาแหน่ง ซ่ึงจะตอ้ งกระทาภายในก่ี วัน ก. 9 วนั ข. 15 วนั ค. 30 วัน ง. 60 วัน 9. บุคคลผมู้ สี ิทธสิ มัครรับเลอื กตง้ั เป็นนายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ต้องมอี ายเุ ท่าใด ก. ไม่ต่ากว่า 30 ปีในวนั ประกาศรบั สมัครเลือกตง้ั ข. ไม่ต่ากว่า 30 ปใี นวันเลอื กต้งั ค. ไมต่ า่ กว่า 35 ปใี นวันประกาศรบั สมคั ร ง. ไมต่ ่ากว่า 35 ปีในวนั เลอื กต้ัง 10. ในการเขา้ ชื่อเสนอญตั ตขิ อเปิดอภิปรายท่ัวไปในประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจงั หวัดน้ัน ต้องมี จานวนสมาชกิ สภาฯ เท่าใดในการเขา้ ชือ่ เสนอ ก. ไม่นอ้ ยกว่าหนง่ึ ในสาม ข. ไมน่ ้อยกว่าสองในสาม ค. ไมน่ ้อยกวา่ ก่งึ หนึง่ ง. ไม่น้อยกวา่ สองในหา้ 11. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดดารงตาแหน่งนบั ต้งั แตว่ ันใด ก. วันเลือกตง้ั ข. วันประกาศผลเลอื กตงั้ ค. วันทีร่ บั รองผลการเลือกตง้ั ง. วันสุดทา้ ยทห่ี มดวาระ 12. กรณที น่ี ายกองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดไมอ่ าจปฏิบตั ิหน้าที่ได้ ให้ผูใ้ ดเป็นผรู้ กั ษาราชการแทน ก. รองนายกองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั ข. ปลดั องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั ค. รองปลัดองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด ง. บคุ คลทผ่ี ู้ว่าราชการจงั หวดั แต่งตงั้
แนวข้อสอบพระราชบญั ญัตอิ งคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด พ.ศ. 2540 และทแี่ กไ้ ขเพ่มิ เตมิ 219 13. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้องถึงวาระการดารงตาแหนง่ ของนายกองค์การบริหารสว่ นจงั หวัด ก. คราวละ 4 ปี วาระเดียว ข. คราวละ 4 ปี ไม่เกนิ สองวาระตดิ ต่อกนั ค. คราวละ 4 ปี ดารงตาแหน่งตดิ ต่อกันก่วี าระกไ็ ด้ ง. คราวละ 6 ปี 14. เมือ่ สภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั ไดม้ ตเิ ห็นชอบด้วยกับร่างข้อบญั ญตั แิ ล้ว ประธานสภา องค์การบริหารสว่ นจังหวัดตอ้ งสง่ รา่ งข้อบญั ญตั ิน้ันให้ผู้ว่าราชการพจิ ารณาภายในกีว่ ัน ก. 7 วนั ข. 10 วัน ค. 15 วนั ง. 30 วัน 15. ในระหว่างท่ีไมม่ ีนายกองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด ให้ผใู้ ดปฏบิ ัติหน้าท่ขี องนายกองคก์ ารบริหาร สว่ นจังหวัด ก. รองนายกองค์การบริหารสว่ นจงั หวดั ข. ปลัดองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั ค. รองปลัดองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั ง. บุคคลทผ่ี วู้ า่ ราชการจงั หวดั แต่งตัง้ 16. องคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั มอี านาจออกข้อบัญญตั ิเก็บภาษี “ยาสบู ” โดยจดั เกบ็ เพิ่มข้ึนไดไ้ ม่เกิน มวนละเทา่ ใด ก. 10 สตางค์ ข. 15 สตางค์ ค. 20 สตางค์ ง. 25 สตางค์ 17. ผ้ทู พ่ี ้นจากตาแหน่งสมาชิกสภาท้องถนิ่ จากกรณเี หตมุ ีสว่ นไดเ้ สียกบั องคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น จะต้องรอพน้ ระยะเวลาอกี กป่ี ี จงึ จะมสี ทิ ธสิ มคั รรับเลอื กต้ังเป็นสมาชกิ สภาองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัด ได้ ก. 3 ปี ข. 4 ปี ค. 5 ปี ง. 6 ปี 18. กรณีสภา อบจ. ไมร่ ับหลกั การร่างงบประมานรายจา่ ยประจาปี ข้ันตอนต่อไปตามกฎหมาย คอื ข้อใด ก. ประธานสภา ตัดสินชี้ขาด ข. ประธานสภา ตั้งคณะกรรมการ จานวน 15 คน เพอื่ พจิ ารณาหาขอ้ ยุติ ค. ผูว้ ่าราชการจงั หวดั ตั้งคณะกรรมการ จานวน 15 คน เพอื่ พจิ ารณาหาขอ้ ยุติ ง. นายอาเภอ ตงั้ คณะกรรมการ จานวน 15 คน เพื่อพจิ ารณาขอ้ ยุติ
220 19. ตามพระราชบัญญตั ินี้ ผใู้ ด ถือเป็นเจ้าพนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา ก. รองปลัดองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั ข. เลขานุการนายกองคก์ ารบรกิ ารสว่ นจงั หวดั ค. ทีป่ รกึ ษานายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ง. ถกู ทกุ ข้อ 20. กรณที ส่ี ภาองค์การบริหารสว่ นจังหวดั ไมอ่ าจเลอื กประธานสภาองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดไดใ้ ห้ อานาจผใู้ ดอาจเสนอรฐั มนตรีให้มีคาสง่ั ยบุ สภาองค์การบริหารสว่ นจงั หวัด ก. นายอาเภอ ข. นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัด ค. สภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัด ง. ผูว้ ่าราชการจังหวดั 21. ประธานสภาองค์การบริหารสว่ นจงั หวัด มาจากข้อใด ก. การแตง่ ต้งั จากนายกฯ ข. สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดเลอื ก ค. ผ้วู ่าราชการจงั หวดั คดั เลอื ก ง. นายอาเภอแต่งต้งั 22. สมัยประชุมสามญั สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั มีกาหนดขน้ึ ภายในก่ีวัน ก. 15 วัน ข. 30 วนั ค. 45 วัน ง. 60 วัน 23. ในกรณที ่ีสภาองค์การบริหารส่วนจงั หวัดมสี มาชกิ สภาสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด 48 คน ให้ แตง่ ตงั้ รองนายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ได้ ไม่เกินกค่ี น ก. ไม่เกิน 2 คน ข. ไมเ่ กนิ 3 คน ค. ไม่เกนิ 4 คน ง. ไมเ่ กนิ 5 คน 24. กรณีมีเหตุจาเป็น ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวดั สามารถสง่ั ขยายสมยั ประชมุ สามัญ ออกไปอกี คร้ังละไม่เกินก่วี ัน ก. 15 วนั ข. 30 วนั ค. 45 วนั ง. 60 วนั 25. ในปีหนึ่งๆ สภาองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั มีสมยั ประชุมสามญั กสี่ มัย ก. หน่ึงสมยั ข. สองสมัย ค. สามสมัย ง. สส่ี มยั
แนวขอ้ สอบพระราชบญั ญตั ิองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัด พ.ศ. 2540 และท่ีแก้ไขเพิ่มเตมิ 221 26. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวดั แตง่ ตัง้ เลขานุการและทป่ี รึกษา ได้ไมเ่ กนิ กค่ี น ก. ไม่เกนิ 2 คน ข. ไมเ่ กนิ 3 คน ค. ไมเ่ กิน 4 คน ง. ไมเ่ กิน 5 คน 27. องค์การบริหารส่วนจังหวัด อาจออกข้อบัญญตั เิ พ่ือเกบ็ คา่ ธรรมเนยี มใบอนุญาตการขายสรุ า เพิม่ ขนึ้ ไม่เกนิ ร้อยละเท่าใดของค่าธรรมเนียมดังกล่าว ก. ไม่เกนิ รอ้ ยละ 7 ข. ไมเ่ กินร้อยละ 8 ค. ไม่เกนิ ร้อยละ 10 ง. ไม่เกนิ รอ้ ยละ 12 28. ในขั้นตอนการจดั ทาแผนพัฒนาจงั หวัดน้ันๆ องคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดมีบทบาทอยา่ งไร ก. เป็นเจ้าภาพจัดทา ข. ทาหนา้ ทป่ี ระสานการจดั ทา ค. สนบั สนุนการจัดทา ง. ถูกทกุ ขอ้ 29. ขา้ ราชการผู้ปฎิบัตหิ นา้ ที่ภายในองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัด มชี อ่ื เรยี กวา่ อยา่ งไร ก. พนกั งานสว่ นจังหวัด ข. พนักงานองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ค. ข้าราชการองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัด ง. ขา้ ราชการจงั หวดั 30. สาหรับองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัดแล้ว ในข้อใดอาจเป็นไปไดท้ ้ังรายรับและรายจา่ ย ก. เงนิ เดอื น ข. เงินตอบแทน ค. เงินอดุ หนนุ ง. ค่าใช้สอย 31. คณะกรรมการเพอื่ พจิ ารณาหาข้อยตุ ริ า่ งขอ้ บญั ญัติ จะตอ้ งรายงานผลการพจิ ารณาวินิจฉยั ต่อ ผู้ใด ก. ประธานสภา อบจ. ข. นายก อบจ. ค. ผู้วา่ ราชการจงั หวัด ง. นายอาเภอ 32. ก่อนนายกองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดเขา้ รบั หน้าที่ต้องกระทาสงิ่ ใด ก. กล่าวแสดงวสิ ัยทัศน์ ข. เข้าพบนายกรัฐมนตรี ค. ปฏิญาณตน ง. แถลงนโยบาย 33. ปกตแิ ล้วผู้เรียกประชมุ และเป็นผู้เปิดและปิดสมยั ประชมุ สภาองค์การบริหารสว่ นจังหวัด คือผู้ใด ก. ประธานสภาองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ข. นายกเทศมนตรี ค. นายกองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด ง. นายอาเภอ
222 34. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวดั ยื่นใบลาออกตอ่ ผใู้ ด ก. นายอาเภอ ข. ผ้วู ่าราชการจงั หวัด ข. อธิบดีกรมส่งเสรมิ การปกครองท้องถ่ิน ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 35. ผ้ใู ดมหี นา้ ท่รี บั ผดิ ชอบควบคมุ ดแู ลราชการประจาขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั ก. รองนายกองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ข. ปลัดองค์การบริหารสว่ นจังหวดั ค. ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ง. ผ้วู ่าราชการจังหวัด 36. เงินเดอื นและคา่ ตอบแทนสมาชกิ สภาองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดและนายกองค์การบรหิ ารสว่ น จังหวดั ต้องเป็นไปตามระเบยี บใด ก. ระเบยี บกระทรวงมหาดไทย ข. ระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรี ค. ระเบียบกรมสง่ เสรมิ การปกครองท้องถิ่น ง. ระเบียบองค์การบริหารส่วนจงั หวัด 37. องค์การบริหารส่วนจังหวัดอาจให้บริการแกร่ าชการสว่ นท้องถิ่นอ่ืนโดยเรยี กค่าบรกิ ารได้ โดยต้อง ทาอย่างไร ก. ตราเปน็ ขอ้ บญั ญตั ิ ข. ต้องจดั ทาแผนดาเนินงาน ค. ตราเป็นเทศบัญญัติ ง. ตราเปน็ สหการ 38. องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั ตอ้ งดาเนินการอยา่ งไรเพอื่ เก็บคา่ ธรรมเนยี มใดๆ จากผ้ซู ่ึงใชห้ รอื ไดร้ บั ประโยชน์จากบริการสาธารณะที่องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดใหม้ ีขึ้นได้ ก. ตราเปน็ ขอ้ บัญญัติ ข. ต้องจดั ทาแผนดาเนนิ งาน ค. ตราเป็นเทศบัญญัติ ง. ตราเป็นสหการ 39. ใครมีอานาจกากบั ดูแลการปฏบิ ตั ริ าชการขององคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ และระเบียบข้อบังคับของทางราชการ ก. ผู้วา่ ราชการจังหวัด ข. นายกรฐั มนตรี ค. ปลดั กระทรวงมหาดไทย ง. อธิบดีกรมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถ่นิ 40. พระราชบัญญตั ิองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัด (ฉบบั ท่ี 5) พ.ศ.2562 ใหใ้ ช้บงั คับตั้งแตเ่ มอ่ื ใด ก. 16 เมษายน 2562 ข. 17 เมษายน 2562 ค. 16 มกราคม 2562 ง. 17 มกราคม 2562
เฉลยแนวขอ้ สอบ พระราชบัญญัติองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั พ.ศ. 2540 และทแี่ กไ้ ขเพมิ่ เติม 223 เฉลยแนวขอ้ สอบ พระราชบัญญตั ิองค์การบริหารส่วนจังหวดั พ.ศ. 2540 และทแี่ กไ้ ขเพม่ิ เตมิ 1. ตอบ ข. วันถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป (มาตรา 2) 2. ตอบ ค. รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย (มาตรา 6) 3. ตอบ ง. ไมน่ อ้ ยกว่า 3 ใน 4 (มาตรา 11) 4. ตอบ ข. ประธานสภา 1 คน, รองประธานสภา 2 คน (มาตรา 17) 5. ตอบ ข. 15 วนั (มาตรา 22) 6. ตอบ ค. สภาองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั , นายกองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั (มาตรา 7) 7. ตอบ ง. 4 ปี (มาตรา 10) 8. ตอบ ค. 30 วนั (มาตรา 35/4) 9. ตอบ ง. ไมต่ ่ากว่า 35 ปใี นวนั เลือกต้ัง (มาตรา 8 ฉบบั 5) 10. ตอบ ก. ไม่นอ้ ยกว่าหน่ึงในสาม (มาตรา 30) 11. ตอบ ก. วนั เลอื กตัง้ (มาตรา 35/2) 12. ตอบ ก. รองนายกองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัด (มาตรา 39/1) 13. ตอบ ข. คราวละ 4 ปี ไม่เกินสองวาระติดต่อกัน (มาตรา 9 ฉบบั 5) 14. ตอบ ก. 7 วัน (มาตรา 53) 15. ตอบ ข. ปลัดองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั (มาตรา 36) 16. ตอบ ก. 10 สตางค์ (มาตรา 64) 17. ตอบ ค. ค. 5 ปี (มาตรา 9) 18. ตอบ ค. ผูว้ ่าราชการจังหวัด ต้งั คณะกรรมการ จานวน 15 คน เพอ่ื พจิ ารณาหาขอ้ ยุติ (มาตรา 55) 19. ตอบ ก. รองปลดั องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัด (มาตรา 44) 20. ตอบ ง. ผวู้ า่ ราชการจังหวดั (มาตรา 22) 21. ตอบ ข. สภาองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เลือก (มาตรา 17) 22. ตอบ ค. 45 วนั (มาตรา 22) 23. ตอบ ค. ไมเ่ กนิ 4 คน (มาตรา 35/3) 24. ตอบ ก. 15 วนั (มาตรา 22) 25. ตอบ ข. สองสมัย (มาตรา 22) 26. ตอบ ง. ไมเ่ กิน 5 คน (มาตรา 35/3) 27. ตอบ ค. ไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 10 (มาตรา 66) 28. ตอบ ข. ทาหน้าทปี่ ระสานการจดั ทา (มาตรา 45)
224 29. ตอบ ค. ขา้ ราชการองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด (มาตรา 5) 30. ตอบ ค. เงินอุดหนุน 31. ตอบ ค. ผู้ว่าราชการจงั หวดั (มาตรา 55) 32. ตอบ ง. แถลงนโยบาย (มาตรา 35/4) 33. ตอบ ก. ประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั (มาตรา 24) 34. ตอบ ข. ผ้วู า่ ราชการจังหวดั (มาตรา 36) 35. ตอบ ข. ปลัดองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั (มาตรา 39) 36. ตอบ ก. ระเบยี บกระทรวงมหาดไทย (มาตรา 75) 37. ตอบ ก. ตราเปน็ ขอ้ บญั ญัติ (มาตรา 48) 38. ตอบ ก. ตราเปน็ ข้อบญั ญัติ (มาตรา 69) 39. ตอบ ก. ผู้ว่าราชการจังหวดั (มาตรา 77) 40. ตอบ ข. 17 เมษายน 2562
สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญัติเทศบาล 2496 และแก้ไขเพ่ิมเตมิ (ฉบบั ที่ 14) พ.ศ.2562 225 สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญตั ิเทศบาล 2496 และแก้ไขเพ่มิ เตมิ (ฉบับที่ 14) พ.ศ.2562 พระราชบัญญัติเทศบาล 2496 ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ 17 กุมภาพันธ์ 2496 และบงั คบั ใช้ 18กุมภาพนั ธ์ 2496 ใหใ้ ช้บังคบั ต้งั แต่วนั ถัดจากวนั ประกาศในราชกจิ จาฯ พระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ 14) พ.ศ.2562 ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ 16 เมษายน 2562 และบังคบั ใช้ 17 เมษายน 2562 ใหใ้ ชบ้ ังคบั ตั้งแต่วันถดั จากวนั ประกาศในราชกิจจาฯ • เมอื่ มกี ารจัดตั้งเทศบาล ใหเ้ ลือกตง้ั สมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีภายใน 45 วันนบั แตว่ นั จดั ตัง้ เป็นเทศบาล ในระหว่างทีไ่ ม่มีนายกเทศมนตรี ให้ปลดั องค์การบรหิ ารส่วนตาบลซงึ่ ดารงตาแหนง่ อยู่กอ่ นวนั ที่ จัดตั้งเทศบาลปฏิบัติหน้าท่ีปลัดเทศบาล และให้ปฏิบัติหน้าท่ีนายกเทศมนตรีเท่าท่ีจาเป็นได้เป็นการ ช่ัวคราว จนถึงวันประกาศผลการเลอื กตง้ั นายกเทศมนตรี • เทศบาลเมอื ง = ทอ้ งถนิ่ อันเป็นท่ตี ั้งศาลากลางจงั หวัด หรือมีราษฎรตง้ั แต่ 10,000 คนขึ้นไป • เทศบาลนคร = ท้องถิ่นท่มี ีราษฎรตัง้ แต่ 50,000 บาท • การเปลี่ยนชื่อเทศบาลหรือการเปลี่ยนแปลงเขตเทศบาล ให้กระทาโดยประกาศ กระทรวงมหาดไทย • องค์การเทศบาล ประกอบด้วย = สภาเทศบาล - นายกเทศมนตรี • สภาเทศบาล ประกอบดว้ ยสมาชกิ สภาเทศบาลซ่งึ มาจากการเลอื กตั้งโดยตรงของประชาชน 1. เทศบาลตาบล สมาชกิ จานวน 12 คน 2. เทศบาลเมอื ง สมาชกิ จานวน 18 คน 3. เทศบาลนคร สมาชกิ จานวน 24 คน สมาชิกสภาเทศบาลมีวาระอยใู่ นตาแหนง่ คราวละ 4 ปีนับแต่วนั เลอื กต้ัง * สมาชิกภาพของสมาชิกสภาเทศบาลสิ้นสดุ ลง เม่อื 1. ออกตามวาระ หรือยบุ สภาเทศบาล 2. ตาย 3. ลาออก โดยยน่ื หนังสือลาอออกตอ่ ผูว้ ่าราชการจงั หวดั 4. ขาดคุณสมบัตหิ รือมีลักษณะต้องห้าม
226 5. ขาดประชุมสภาเทศบาล 3 ครงั้ ติดตอ่ กันโดยไมม่ ีเหตอุ นั สมควร 6. สมากระทาการอนั ต้องห้าม 7. สภาเทศบาลมมี ติให้พน้ จากตาแหนง่ 8. ราษฎรผู้มีสิทธิเลือกต้ัง จานวนไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจานวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มา ลงคะแนนเสยี ง เหน็ ว่าไมส่ มควรอยู่ในตาแหน่งต่อไป * สภาเทศบาลมีประธานสภาคนหน่ึง และรองประธานสภาคนหน่ึง ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด แต่งตง้ั จากสมาชิกสภาเทศบาลตามมติของสภาเทศบาล *ประธานสภาเทศบาลและรองประธานสภา ดารงตาแหน่งจนครบอายุของสภาเทศบาล และ พ้นจากตาแหนง่ เมอื่ 1. ลาออก โดยยนื่ หนังสอื ตอ่ ผู้ว่าราชการจงั หวัด 2. ส้ินสดุ สมาชิกภาพ 3. รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยสั่งให้พน้ จากตาแหนง่ 4. สภาเทศบาลมมี ติใหพ้ น้ จากตาแหนง่ ในกรณีท่ีตาแหนง่ ประธานสภาเทศบาลหรอื รองประธานสภาเทศบาลวา่ งลงเพราะเหตใุ ด เหตุหน่ึง ให้สภาเทศบาลเลือกสมาชิกสภาเทศบาลข้ึนแทนตาแหน่งที่ว่างภายในสิบห้าวันนับแต่ วันทีต่ าแหน่งวา่ งลง * ในปีหน่ึงให้มีสมัยประชุมสามัญ 4 สมัย สมัยประชุมสามัญครัง้ แรกและวันเรมิ่ ประชุมสมยั สามัญประจาปีให้สภาเทศบาลกาหนด * ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องกาหนดให้ประชุมสภาเทศบาลคร้ังแรกภายใน 15 วัน นับแต่วัน ประกาศผลการเลือกต้ังสมาชิกสภาคเทศบาล และให้ท่ีประชุมเลือกประธานสภาเทศบาลและรอง ประธานสภาเทศบาล * สมยั ประชมุ สามญั สมยั หน่ึงๆให้มกี าหนดไมเ่ กนิ 30 วัน แตถ่ า้ จะขยายเวลาออกไปอีก จะตอ้ ง ได้รบั อนุญาตจากผู้วา่ ราชการจงั หวัด * สมยั ประชมุ วสิ ามญั ใหม้ ีกาหนดไม่เกิน 15 วัน แตถ่ า้ จะขายเวลาออกไปอกี ตอ้ งไดร้ ับอนญุ าต จากผวู้ า่ ราชการจังหวัด *การประชมุ สภาเทศบาล ต้องมีสมาชกิ สภาเทศบาลไมน่ ้อยกวา่ กง่ึ หนึ่งของจานวน สมาชิกเท่าที่ มอี ยู่ จงึ จะครบองคป์ ระชมุ
สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญตั ิเทศบาล 2496 และแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ (ฉบบั ที่ 14) พ.ศ.2562 227 * ผมู้ ีสิทธิเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี ตอ้ งมคี ุณสมบัตแิ ละไม่มลี กั ษณะต้องหา้ ม 1. อายุไม่ต่ากวา่ 35 ปีบรบิ รู ณใ์ นวนั เลอื กต้งั 2. สาเร็จการศึกษาไม่ต่ากว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาท้องถ่ิน ผบู้ รหิ ารทอ้ งถนิ่ หรือสมาชกิ รฐั สภา * นายกเทศมนตรี มีวาระอยู่ในตาแหน่งคราวละ 4 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง แต่จะดารง ตาแหนง่ ตดิ ตอ่ กนั เกินสองวาระไมไ่ ด้ * นายกเทศมนตรอี าจแตง่ ตงั้ รองนายกเทศมนตรี ดงั น้ี 1. เทศบาลตาบล ใหแ้ ตง่ ตงั้ รองนายกเทศมนตรไี ด้ไม่เกนิ 2 คน 2. เทศบาลเมือง ให้แตง่ ต้งั รองนายกเทศมนตรีได้ ไมเ่ กนิ 3 คน 3. เทศบาลนคร ให้แตง่ ตงั้ รองนายกเทศมนตรีได้ ไมเ่ กิน 4 คน * ก่อนนายกเทศมนตรีเข้ารับหน้าท่ี ให้ประธานสภาเทศบาลเรียกประชุมสภาเทศบาลเพือ่ ให้ นายกเทศมนตรีแถลงนโยบายตอ่ สภาเทศบาล โดยไมม่ กี ารลงมติ ภายใน 30 วนั • ให้นายกเทศมนตรีจัดทารายงานแสดงผลการปฏิบัติงานตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อสภา เทศบาลเป็นประจาทุกปี * นายกเทศมนตรมี ีอานาจหนา้ ที่ 1. กาหนดนโยบายและรบั ผิดชอบในการบรหิ ารราชการของเทศบาล 2. ส่ัง อนญุ าต และอนมุ ัติ เก่ยี วกับราชการของเทศบาล 3. แต่งตัง้ /ถอดถอน รองนายกเทศมนตรี ทีป่ รึกษา และเลขา 4. วางระเบยี บเพ่ือใหง้ านของเทศบาลเปน็ ไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ย 5. รักษาการใหเ้ ปน็ ไปตามเทศบัญญตั ิ 6. ปฏิบตั ิตามท่กี ฎหมายบัญญัติไว้ * ให้นายกเทศมนตรีควบคุมและรับผิดชอบในการบริหารกิจการของเทศบาลและเป็น ผบู้ งั คับบญั ชาพนกั งานเทศบาลและลกู จ้างเทศบาล * เทศบาลแบ่งสว่ นราชการ ดังนี้ 1. สานกั ปลดั เทศบาล
228 2. ส่วนราชการอื่นตามท่ีนายกเทศมนตรีประกาศกาหนดโดยความเห็นชอบของ กระทรวงมหาดไทย * ให้มีปลัดเทศบาลเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานเทศบาลและลูกจ้างเทศบาลรองจาก นายกเทศมนตรี และรับผิดชอบควบคุมดแู ลราชการประจาของเทศบาลให้เปน็ ไปตามนโยบาย * กรณนี ายกไมอ่ าจปฏบิ ตั ิหน้าท่ีได้ ใหร้ องนายก ตามลาดบั เป็นผรู้ ักษาราชการแทน ถ้าไมม่ รี อง นายกหรอื มีแต่ไม่อาจปฏบิ ัติราชการได้ ใหป้ ลัดเป็นผู้รักษาราชการแทน * เทศบาลตาบลมหี นา้ ที่ตอ้ งทา ม.50 1. รกั ษาความสงบเรยี บร้อยของประชาชน 2. ให้มีและบารุงทางนา้ ทางบก 2.1 รักษาความเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย การดแู ละการจรจร และสง่ เสริมหน่วยงานอนื่ ใน การปฏิบตั หิ น้าท่ดี งั กลา่ ว 3. รกั ษาความสะอาด กาจดั ขยะ 4. ปอ้ งกันและระงับโรคตดิ ต่อ 5. ให้มีเคร่อื งใช้ดบั เพลิง 6. จัดการ ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา ศาสนาและการฝึกให้แก่ประชาชน รวมทั้งการจดั การหรือสนับสนุนการดแู ละและพัฒนาเดก็ เล็ก 7. สง่ เสรมิ การพัฒนาสตรี เด็ก เยาวชน ผสู้ ูอายุ และผู้พิการ 8. บารงุ ศิลปะ จารีตประเพณี 9. หน้าท่ีอน่ื ตามที่กฎหมายบญั ญัติ * เทศบาลตาบลอาจจดั ทา 1. ใหม้ ีน้าสะอาด หรือน้าประปา 2. ให้มีโรงฆา่ สัตว์ 3. ใหม้ ีตลาด ทา่ เทยี บเรอื ท่าข้าม 4. ใหม้ ีสสุ าน และฌาปณสถาน 5. บารงุ และสง่ เสรมิ การทามาหากนิ
สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญตั ิเทศบาล 2496 และแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี 14) พ.ศ.2562 229 6. ใหม้ ีและบารุงสถานท่ที าการพทิ กั ษ์รกั ษาคนเจ็บไข้ 7. ให้มีและบารงุ การไฟฟ้า แสงสว่างโดยวธิ อี ่นื 8. ให้มแี ละบารุงทางระบายน้า 9. เทศพาณิชย์ * เทศบาลเมืองมหี นา้ ท่ีตอ้ งทา ม.53 1. กิจการตามทร่ี ะบุ ใน ม. 50 2. นา้ สะอาด ประปา 3. โรงฆ่าสัตว์ 4. สถานทีท่ าการพิทกั ษ์ รกั ษาคนเจบ็ ไข้ 5. ทางระบายน้า 6. ส้วมสาธารณะ 7. ไฟฟ้า แสงสวา่ ง 8. โรงรบั จานา สถานสินเช่ือ 9. จัดระเบยี บการจราจร หรือร่วมมอื กบั หน่วยงานอนื่ * เทศบาลเมอื งอาจจดั ทา 1. ตลาด ทา่ เทียบเรือ ทา่ ขา้ ม 2. สุสาน ฌาปณสถาน 3. การทามาหากนิ 4. สงเคราะห์มารดาและเด็ก 5. โรงพยาบาล 6. สาธารณูปการ 7. การสาธารณสุข 8. โรงเรยี นอาชีวศกึ ษา
230 9. การกฬี าและพลศึกษา 10. สวนสาธารณะ สวนสตั ว์ สถานทพ่ี กั ผ่อน 11.ปรับปรงุ แหลง่ เสอ่ื มโทรม 12. เทศพาณิชย์ * เทศบาลนคร มหี น้าท่ีตอ้ งทา 1. กจิ การตาม ม. 53 2. การสงเคราะห์มารดาและเด็ก 3. เพื่อการสาธารณสุข 4. สขุ ลกั ษณะ อนามัยรา้ นจาหน่ายอาหาร โรงมหรสพ สถานบริการอนื่ 5. ทอี่ ยูอ่ าศัย ปรับปรงุ แหลง่ เสือ่ มโทรม 6. ตลาด ทา่ เทียบเรือ ท่าข้าม ทจี่ อดรถ 7. ผังเมอื ง การก่อสร้าง 8. การทอ่ งเทีย่ ว * เทศบาลอาจทากจิ การนอกเขต เมอ่ื 1. จาเปน็ ต้องทาและเก่ยี วเนอ่ื งกบั กจิ การตามหนา้ ที่ 2. ไดร้ ับความยนิ ยอมจากสภาเทศบาล 3. ไดร้ ับอนมุ ตั ิจากรฐั มนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย * สหการ กจิ การใดอยูภ่ ายในอานาจหนา้ ท่ขี องเทศบาลตั้งแต่ 2 แหง่ ขนึ้ ไปที่จะร่วมกันทา เพ่ือให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่ง ก็ให้จัดตั้งเป็นองค์การข้ึนเรียกว่า “สหการ” มีสภาพเป็นทบวง การเมือง และมคี ณะกรรมการบริหาร ประกอบดว้ ยผู้แทนของเทศบาลทเ่ี กี่ยวขอ้ งอยู่ด้วย • การจดั ตง้ั /ยบุ เลกิ สหการ ตราเป็น พระราชกฤษฎีกา • เทศบาลมีอานาจตราเทศบญั ญตั ิโดยไมข่ ดั หรอื แยง้ ต่อกฎหมาย * กาหนดโทษปรับผลู้ ะเมิดเทศบญั ญัตไิ วด้ ว้ ยกไ็ ด้ แต่ห้ามมิให้กาหนดเกินกวา่ 1,000 บาท
สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญัติเทศบาล 2496 และแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ (ฉบบั ที่ 14) พ.ศ.2562 231 * รา่ งเทศบัญญัติ จะเสนอได้ โดย 1. นายกเทศมนตรี 2. สมาชิกสภาเทศบาล หรือ 3. ราษฎรผู้มสี ิทธเิ ลอื กตง้ั 4. ในกรณสี มาชกิ สภาเทศบาลเปน็ ผเู้ สนอรา่ งเทศบัญญตั ติ อ้ งมีสมาชิกสภาเทศบาลลง นามรบั รองไมน่ อ้ ยกว่า 2 คน • รา่ งเทศบญั ญัตทิ เี่ ก่ียวกบั การเงิน สมาชกิ สภาเทศบาลจะเสนอได้ต่อเมอ่ื มีคารบั รองของ นายกเทศมนตรี • ภายในเจด็ วันนบั แตว่ ันทส่ี ภาเทศบาลไดม้ มี ตเิ หน็ ชอบด้วยกับรา่ งเทศบัญญตั ใิ ดในกรณี เทศบาลตาบล ให้ประธานสภาเทศบาลส่งร่างเทศบญั ญัติไปยงั นายอาเภอเพ่อื สง่ ไปยงั ผูว้ ่าราชการจังหวดั พิจารณา ในกรณเี ทศบาลเมอื งและเทศบาลนคร ใหป้ ระธานสภาเทศบาลสง่ ไปยงั ผวู้ า่ ราชการจงั หวัด พจิ ารณา • งบประมาณประจาปขี องเทศบาลต้องตราขึน้ เป็นเทศบญั ญตั ิ ถ้าเทศบัญญตั งิ บประมาณออก ไมท่ ันปีใหม่ ให้ใชเ้ ทศบญั ญตั ิงบประมาณปีก่อนนนั้ ไปพลาง • เทศบาลอาจมรี ายได้ 1. ภาษอี ากร 2. คา่ ธรรมเนียม ใบอนญุ าต คา่ ปรบั 3. ทรพั ย์สนิ ของเทศบาล 4. รายได้จากสาธารณปู โภคและเทศพาณชิ ย์ 5. พนั ธบัตร หรือเงินกู้ 6. เงินกู้จากกระทรวง ทบวง กรม องคก์ าร หรอื นติ บิ คุ คลตา่ งๆ 7. เงนิ อุดหนุนจากรัฐบาลหรือ อบจ. 8. เงนิ และทรัพยส์ นิ อยา่ งอนื่ ที่มผี ูอ้ ทุ ิศให้ 9. รายได้อ่นื ใดตามท่กี ฎหมายกาหนด
232 * เทศบาลอาจมรี ายจา่ ย 1. เงินเดอื น 2. คา่ จ้าง 3. เงินค่าตอบแทนอืน่ ๆ 4. คา่ ใชส้ อย 5. ค่าวัสดุ 6. คา่ ครภุ ัณฑ์ 7. คา่ ที่ดนิ สงิ่ กอ่ สร้าง และทรพั ย์สินอน่ื ๆ 8. เงินอุดหนุน 9. รายจา่ ยอ่ืนใดทจี่ าเปน็ ตอ้ งจา่ ยในการปฏบิ ตั หิ น้าทห่ี รอื ตามข้อผูกพันหรือตาม กฎหมาย หรอื ระเบยี บของกระทรวงมหาดไทยกาหนดไว้ * ให้ผู้วา่ ราชการจงั หวดั มีอานาจหน้าทคี่ วบคมุ ดูแลเทศบาล มอี านาจช้ีแจงแนะนาตกั เตอื นและ ตรวจสอบกจิ การ เรยี กรายงานและเอกสารหรือสถติ ิใดๆตลอดจนเรียกสมาชิกสภาเทศบาลหรือพนกั งาน เทศบาลมาชแ้ี จงหรอื สอบสวนกไ็ ด้ อานาจหน้าทขี่ องผูว้ า่ ราชการ สาหรบั เทศบาลเมอื งและเทศบาลตาบล ผวู้ ่าราชการจังหวัดจะ มอบหมายให้นายอาเภอปฏบิ ัตกิ ารแทนสาหรับเทศบาลทอ่ี ยู่ในอาเภอนั้น
แนวข้อสอบพระราชบญั ญตั เิ ทศบาล พ.ศ. 2496 และทีแ่ ก้ไขเพ่มิ เตมิ 233 แนวข้อสอบพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และทแ่ี ก้ไขเพ่ิมเตมิ 1. ผ้ใู ดรกั ษาการตามพระราชบญั ญตั เิ ทศบาล พ.ศ. 2496 ก. นายกรัฐมนตรี ข. รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย ค. อธิบดีกรมการปกครอง ง. อธบิ ดีกรมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถ่ิน 2. กระทรวงมหาดไทยไดก้ าหนดเกณฑก์ ารยกฐานะสขุ าภบิ าลเปน็ เทศบาลตาบล จะตอ้ งมปี ระชากร เท่าใด ก. 5,000 คน ข. 7,000 คน ค. 10,000 คน ง. 12,000 คน 3. หากทอ้ งที่นั้น ตอ้ งการยกฐานะเปน็ เทศบาลเมือง จะตอ้ งมีประชากรเทา่ ใด ก. 20,000 คน ข. 15,000 คน ข. 10,000 คน ง. 7,000 คน 4. ข้อใดไมใ่ ช่รูปแบบหนงึ่ ของเทศบาล ข. เทศบาลอาเภอ ก. เทศบาลตาบล ง. เทศบาลนคร ค. เทศบาลเมอื ง 5. การเปลี่ยนแปลงฐานะเทศบาล ตอ้ งตราเปน็ กฎหมายใด ก. พระราชบญั ญตั ิ ข. พระราชกฤษฎกี า ค. ประกาศกระทรวงมหาดไทย ง. ประกาศกรมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถ่ิน 6. สภาเทศบาลนคร ประกอบด้วยสมาชิกสภาจานวนเท่าใด ก. 12 คน ข. 18 คน ค. 24 คน ง. 36 คน 7. เมือ่ สมาชกิ สภาเทศบาลดารงตาแหนง่ ครบตามวาระแลว้ ต้องจดั เลือกตง้ั ใหม่ภายในก่ีวัน ก. 30 วัน ข. 45 วัน ค. 60 วัน ง. 120 วนั
234 8. ข้อใดกลา่ วไม่ถูกต้อง ก. เทศบาลเมือง มสี มาชิกสภาจานวน 18 คน ข. สมาชกิ สภาเทศบาลมาจากการแต่งตง้ั ค. สมาชกิ สภาเทศบาลมีวาระดารงตาแหนง่ คราวละ 4 ปี ง. จัดต้งั เทศบาลได้ 3 ประเภท คือ เทศบาลตาบล เทศบาลเมอื ง เทศบาลนคร 9. สภาเทศบาลเมอื ง ประกอบดว้ ยสมาชิกสภาจานวนเท่าใด ก. 12 คน ข. 18 คน ค. 24 คน ง. 36 คน 10. ตามพระราชบัญญตั ินก้ี าหนดให้เทศบาลมฐี านะตามข้อใด ก. กรม ข. กระทรวง ค. ทบวงการเมอื ง ง. สานกั การเมือง 11. องค์ประกอบของเทศบาล ขอ้ ใดถกู ตอ้ ง ข. นายกเทศมนตรีและปลัดเทศบาล ก. สภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ง. สภาเทศบาลและเทศมนตรี ค. สภาเทศบาลและปลัดเทศบาล 12. พระราชบญั ญตั ิเทศบาล พ.ศ. 2494 ฉบบั ปัจจุบันที่ใช้บังคับอยู่ คือฉบับทเ่ี ท่าใด ก. ฉบบั ที่ 12 พ.ศ. 2550 ข. ฉบบั ที่ 12 พ.ศ. 2552 ค. ฉบบั ที่ 13 พ.ศ. 2561 ง. ฉบบั ท่ี 14 พ.ศ. 2562 13. การปฏบิ ตั ติ ามอานาจหน้าทีข่ องเทศบาลต้องไปเพื่อประโยชนส์ ุขของประชาชนโดยใชช้ วี ิตใด ก. การบริหารราชการยุคใหม่ ข. การบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งทด่ี ี ค. การบรหิ ารแบบพอเพยี ง ง. การบรหิ ารโดยไมม่ คี วามเส่ยี ง 14. ร่างเทศบัญญตั เิ กีย่ วกับการเงิน สมาชิกสภาเทศบาลจะเสนอไดต้ อ่ เม่ือมีคารับรองของผู้ใด ก. ประธานสภาเทศบาล ข. ปลดั เทศบาล ค. นายกเทศมนตรี ง. เลขานกุ ารสภาเทศบาล 15. เทศบัญญัติ คอื ขอ้ ใด ข. งบประมาณประจาปี ก. แผนพฒั นาเทศบาล ง. แผนการจดั หาพัสดุ ค. แผนการจดั จ่ายเงิน
แนวข้อสอบพระราชบญั ญัตเิ ทศบาล พ.ศ. 2496 และทแ่ี ก้ไขเพิ่มเตมิ 235 16. ผูใ้ ดปฏิบัตกิ ารแทนผู้ว่าราชการจังหวดั ควบคุมดแู ลเทศบาลตาบล ก. รองผูว้ ่าราชการจังหวัด ข. นายอาเภอ ค. ปลดั จงั หวัด ง. หวั หนา้ สว่ นราชการประจาจงั หวดั 17. ผูใ้ ดไม่สามารถเสนอร่างเทศบัญญตั ิได้ ข. ปลดั เทศบาล ก. นายกเทศมนตรี ง. ราษฎรผมู้ ีสทิ ธิเลอื กต้ัง ค. สมาชกิ สภาเทศบาล 18. เทศบาลมีอานาจตราเทศบัญญัติ โดยสามารถกาหนดโทษปรับผ้ลู ะเมดิ เทศบัญญัติได้ ไม่เกิน เท่าใด ก. 1,000 บาท ข. 2,000 บาท ค. 5,000 บาท ง. 10,000 บาท 19. นายกเทศมนตรี รองนายกเทศมนตรีและพนกั งานเทศบาล เป็นเจ้าพนักงานตามประมวล กฎหมายใด ก. ประมวลกฎหมายอายา ข. ประมวลกฎหมายแพง่ ค. ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาอาญา ง. ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาแพง่ 20. หากนายกเทศมนตรจี ะลาออกจากตาแหน่ง ตอ้ งยนื่ หนังสอื ตอ่ ผู้ใด ก. สมาชิกสภาเทศบาล ข. ผู้ว่าราชการจงั หวัด ค. ประธานสภาเทศบาล ง. นายอาเภอ 21.ในกรณีที่นายกเทศมนตรไี ม่อาจปฏิบัติราชการได้น้ัน ให้รองนายกเทศมนตรดี าเนินการตามข้อใด แทนได้ ก. ปฏบิ ัติราชการแทน ข. ปฏบิ ัติราชการแทน ค. รักษาราชการแทน ง. รักษาปฏบิ ตั หิ น้าทีแ่ ทน 22.เทศบาลต้งั แต่สองแหง่ ขึ้นไปทจ่ี ะร่วมกนั ดาเนนิ กจิ กรรมใดๆนั้น การจดั ตัง้ เป็นองคก์ ารนีเ้ รยี กวา่ อยา่ งไร ก. สหกรณ์ ข. สหการ ค. สหกจิ ง. สหเทศบาล
236 23. ผู้วา่ ราชการจงั หวัดต้องพจิ ารณารา่ งเทศบัญญัตใิ หเ้ สรจ็ และสง่ คืนประธานสภาเทศบาลภายในก่ี วนั ก. 7 วนั ข. 15 วนั ค. 30 วัน ง. 45 วัน 24. ผู้ใดแต่งต้งั คณะกรรมพจิ ารณาหาขอ้ ยุตคิ วามขัดแยง้ กรณีสภาเทศบาลไมร่ บั หลักการร่าง งบประมาณรายจา่ ยประจาปี ก. นายกเทศมนตรี ข. ผูว้ า่ ราชการจงั หวดั ค. ประธานสภาเทศบาล ง. นายอาเภอ 25. ถา้ เทศบัญญัติงบประมาณออกไม่ทนั ปีใหม่ ใหด้ าเนินการตามขอ้ ใด ก. ใชข้ อ้ บัญญัติงบประมาณปกี ่อนน้ันไปพลาง ข. ใชเ้ ทศบญั ญัตงิ บประมาณปกี ่อนน้นั ไปพลาง ค. ใช้ขอ้ บญั ญัติงบประมาณรายรบั ปีก่อนนั้นไปพลาง ง. ใชเ้ ทศบัญญตั ิงบประมาณรายรบั ปกี ่อนนัน้ ไปพลาง 26. การเสนอญตั ตขิ อเปิดอภิปรายทั่วไปในท่ีประชุมสภาเทศบาลเพ่อื ให้นายกเทศมนตรแี ถลง ขอ้ เท็จจริงตอ้ งมจี านวนสมาชกิ สภาเทศบาล เท่าใด ก. สมาชิกจานวนไม่นอ้ ยกว่าหนงึ่ ในสีจ่ านวนสมาชิกเทา่ ทม่ี ี ข. สมาชกิ จานวนไมน่ ้อยกวา่ หนง่ึ ในสามจานวนสมาชิกเทา่ ทมี่ ี ค. สมาชิกจานวนไมน่ อ้ ยกว่าสองในสามจานวนสมาชกิ เทา่ ทมี่ ี ง. สมาชิกจานวนไม่น้อยกว่าสองในสจ่ี านวนสมาชิกเท่าท่มี ี 27. ในกรณที ส่ี ภาเทศบาลไมร่ ับหลักการเทศบัญญัติงบประมารณรายจ่าย ต้องทาเช่นไร ก. เตรียมยบุ สภา ข. ใหน้ ายอาเภอ พจิ ารณาเพื่อรบั หลกั การ ค. ใหผ้ ูว้ ่าราชการจังหวดั พจิ ารณาเพอื่ รบั หลกั การ ง. ใหผ้ ูว้ า่ ราชการจงั หวดั ตั้งคณะกรรมการ เพอื่ พจิ ารณาหาขอ้ ยุตคิ วามขัดแยง้
แนวข้อสอบพระราชบญั ญตั เิ ทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แกไ้ ขเพิม่ เตมิ 237 28. ในกรณีทีส่ ภาเทศบาลไมร่ ับหลักการเทศบัญญตั งิ บประมารณรายจา่ ย ตอ้ งทาเชน่ ไร ก. เตรยี มยบุ สภา ข. ใหน้ ายอาเภอ พจิ ารณาเพือ่ รบั หลักการ ค. ใหผ้ ้วู ่าราชการจังหวดั พิจารณาเพอ่ื รบั หลักการ ง. ใหผ้ ู้วา่ ราชการจงั หวดั ตั้งคณะกรรมการ เพ่อื พจิ ารณาหาขอ้ ยุตคิ วามขดั แย้ง 29. ผู้ใดแตง่ ตง้ั คณะกรรมพจิ ารณาหาขอ้ ยตุ ิความขัดแย้ง กรณสี ภาเทศบาลไม่รบั หลกั การร่าง งบประมาณรายจา่ ยประจาปี ก. นายกเทศมนตรี ข. ผู้วา่ ราชการจงั หวัด ค. ประธานสภาเทศบาล ง. นายอาเภอ 30. ประชาชนทัว่ ไป จะสามารถเขา้ รว่ มรบั ฟังการประชมุ สภาเทศบาลไดห้ รือไม่ ก. ไมไ่ ด้ ข. ได้ หากนายกเทศมนตรอี นญุ าต ค. ได้ หากข้อบังคับประชมุ สภาอนุญาต ง. ได้ หากประชาชนทาเรอ่ื งขอเข้าประชุม
238 เฉลยแนวข้อสอบพระราชบญั ญตั เิ ทศบาล พ.ศ. 2496 และทแี่ กไ้ ขเพมิ่ เติม ขอ้ คาตอบ ข้อ คาตอบ 1ข 16 ข 2ข 17 ข 3ข 18 ก 4ข 19 ค 5ค 20 ข 6ค 21 ค 7ข 22 ข 8ข 23 ข 9ข 24 ข 10 ค 25 ข 11 ก 26 ข 12 ง 27 ง 13 ข 28 ง 14 ค 29 ข 15 ข 30 ค
สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญตั สิ ภาตาบลและองค์การบรหิ ารส่วนตาบล พ.ศ.2537 และ 239 แก้ไขเพมิ่ เตมิ (ฉบับท่ี 7) พ.ศ. 2562 สรุปสาระสาคัญพระราชบญั ญัตสิ ภาตาบลและองค์การบรหิ ารส่วนตาบล พ.ศ.2537 และแกไ้ ข เพิม่ เติม (ฉบับท่ี 7) พ.ศ. 2562 พระราชบัญญตั ิสภาตาบลและองค์การบริหารส่วนตาบล พ.ศ.2537 - ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2537 - บงั คับใช้วนั ที่ 2 มนี าคม พ.ศ. 2538 (90 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา) พระราชบญั ญัตสิ ภาตาบลและองคก์ ารบริหารสว่ นตาบล (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 - ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วนั ที่ 16 เมษายน 2562 - บังคบั ใช้วันที่ 17 เมษายน 2562 (วันถดั จากวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษา) “หน่วยบริหารราชการสว่ นท้องถิ่น ” หมายถงึ เทศบาล สุขาภบิ าล ราชการส่วนท้องถิน่ อน่ื ทม่ี ี กฎหมายจัดตั้ง ยกเว้น องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั รฐั มนตรีกระทรวงมหาดไทย เปน็ ผ้รู ักษาการตาม พ.ร.บ. ฉบับน้ี สภาตาบลมฐี านะเป็น นิติบคุ คล สว่ นที่ 1 สมาชิกสภาตาบล ประกอบด้วย - สมาชิกโดยตาแหน่ง ไดแ้ ก่ กานัน ผใู้ หญบ่ ้าน และแพทย์ประจาตาบล - สมาชิกโดยการเลือกตงั้ หมูบ่ า้ นละ 1 คน - ผู้มสี ทิ ธิ์เลอื กต้งั ตาม กฎหมายวา่ ด้วยการเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ ผู้มสี ิทธส์ิ มคั รรบั เลือกตงั้ เป็นสมาชิกสภาตาบลซึ่งไดร้ บั เลือกต้ังต้องมคี ุณสมบตั ิ ดงั นี้ 1. มชี ื่ออยใู่ นทะเบียนบา้ นตดิ ต่อกันไมน่ ้อยกวา่ 1 ปนี ับถงึ วนั รบั สมัครเลือกต้งั 2. ไม่เป็นผู้ทุจริต และไม่เคยถูกให้พ้นจากตาแหน่งเพราะมีส่วนได้ส่วนเสียจากการทา สญั ญาไม่ต่ากวา่ 5 ปี 3. มีคณุ สมบตั ิตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการเลือกต้ังสมาชิกสภาท้องถ่นิ - ให้นายอาเภอจัดการเลือกตั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีกาหนดในระเบียบของ กระทรวงมหาดไทย - สมาชิกสภาท่ีมาจากการเลอื กต้งั มวี าระคราวละ 4 ปนี ับแต่วันเลอื กต้ัง
240 สมาชิกสภาตาบลซึง่ ไดร้ บั เลือกตัง้ อาจพน้ จากตาแหนง่ ดว้ ยเหตใุ ดเหตุหนึ่ง ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ตาย 2. ยน่ื หนงั สือลาออกตอ่ นายอาเภอ (ใหพ้ น้ นับแตว่ ันลาออก) 3. การยบุ สภาตาบล 4. เป็นผ้มู ีส่วนไดส้ ่วนเสียทัง้ ทางตรงทางออ้ มในสัญญากับสภาตาบล 5. มติของสภาตาบล สองในสามของสมาชกิ ท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ 6. นายอาเภอสั่งให้พ้นจากตาแหน่ง เพราะ - ขาดคณุ สมบตั ิตาม มาตรา 9 - ไม่ได้อยใู่ นหมบู่ า้ นติดต่อกนั เปน็ เวลา 6 เดอื น - ขาดประชุมสภา 3 ครั้งตดิ ตอ่ กนั โดยไม่มเี หตุผลอนั สมควร 7. ผวู้ ่าสงั่ ใหพ้ ้น เม่ือสอบสวนวา่ บกพร่องในทางความประพฤติ - เมื่อตาแหน่งวา่ งลงเพราะครบวาระให้มีการเลอื กต้ัง ภายใน 45 วนั นบั แตว่ ันที่ครบวาระ - หากว่างลงเพราะเหตุอ่ืนให้มีการเลือกตั้งแทนตาแหน่งที่ว่างภายใน 60 วันนับแต่วันที่ ตาแหน่งน้ันวา่ งลง เวน้ แต่ วาระการดารงตาแหนง่ เหลือไมถ่ งึ 180 วัน ใหส้ ภาประกอบดว้ ยสมาชกิ เท่าท่มี ี - เมื่อมีการแยกพื้นทห่ี มู่บา้ น ให้นายอาเภอถึงให้มีการเลือกต้ัง สมาชิกสภา ในหมู่บ้านใหมน่ ้นั ภายใน 45 วัน เวน้ แต่เหลือวาระการดารงตาแหนง่ ไมถ่ งึ 180 วนั - สภาตาบลมี กานัน เป็นประธานสภา และมีรองประธาน ซึ่งนายอาเภอแต่งต้ังตาม มติของ สภา - รองประธานสภาตาบลมีวาระการดารงตาแหนง่ คราวละ 4 ปี รองประธานสภาพ้นจากตาแหนง่ ก่อนครบวาระ เมื่อ 1. ลาออก โดยยื่นตอ่ นายอาเภอ (พน้ ตาแหนง่ นบั แตว่ ันทีล่ าออก) 2. พน้ ตาม ม.12 - ประธานสภาตาบลเปน็ ผเู้ รียกประชุมสภา และดาเนนิ การประชุมให้เปน็ ไปตามขอ้ บังคบั การ ประชุมที่กระทรวงมหาดไทยกาหนด
สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญัตสิ ภาตาบลและองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล พ.ศ.2537 และ 241 แก้ไขเพ่มิ เติม (ฉบบั ที่ 7) พ.ศ. 2562 - หากประธานหรอื รองประธานไม่อย่ใู หส้ มาชิกเลือกหน่ึงคนขึ้นเปน็ ประธานในการประชุมคร้ัง นนั้ - ให้มีการประชุมสภาตาบลอย่างน้อยเดือนละ่ 1 คร้ังและต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่าก่ึงหน่ึง จึง ครบองคป์ ระชมุ - ในการออกเสียงหากมคี ะแนนเทา่ กนั ใหป้ ระธานออกเสียงไดเ้ พอ่ื ชี้ขาด - ให้สภาตาบลมีเลขานุการ 1 คน ซ่ึงแต่งตั้งจากข้าราชการท่ีปฏิบัติงานในตาบลน้ันๆ โดย นายอาเภอเป็นผแู้ ต่งต้งั และถอดถอนเลขานกุ ารตามมติของสภา เลขานกุ ารสภา ทาหนา้ ที่ o รบั ผดิ ชอบงานธรุ การ o การจัดการประชุม o งานอืน่ ๆ ตามทีส่ ภาตาบลมอบหมาย - ใหส้ มาชกิ สภาตาบลและเลขานุการสภา เปน็ เจา้ พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา สว่ นที่ 2 อานาจหนา้ ท่ีของสภาตาบล 1. พฒั นาตาบลตามแผนงานโครงการและงบประมาณ 2. เสนอแนะส่วนราชการในการบรหิ ารราชการพฒั นาตาบล 3. หนา้ ทอี่ ืน่ ๆตามทีก่ ฎหมายกาหนด สภาตาบลอาจ ดาเนินกิจการภายในตาบลดงั นี้ 1. จดั ให้มีน้าอุปโภค บริโภค และการเกษตร 2. จัดใหม้ ีการบารงุ ทางนา้ และทางบก 3. จัดใหม้ ีและรกั ษาทางระบายน้า รักษาความสะอาดถนน ทางน้า 4. คุ้มครองดูแลและบารงุ รักษาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม 5. บารงุ และส่งเสรมิ การประกอบอาชีพของราษฎร 6. ส่งเสรมิ การพัฒนา เดก็ สตรี เยาวชน ผสู้ ูงอายุ และผู้พกิ าร
242 - กานัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจาตาบลต้องไมเ่ ป็นผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญากับบัสภาตาบล หากฝ่าฝืนใหผ้ ู้วา่ สัง่ ใหอ้ อกจากตาแหนง่ - ให้กานัน ผใู้ หญ่บ้านดาเนนิ การให้สอดคลอ้ งกบั แผนพฒั นาตาบล - การถงึ ทาโครงการ หรือกจิ กรรมใดของหน่วยงานราชอื่น ให้คานึงถึงแผนพฒั นาตาบลด้วย - การปฏิบัติหนา้ ทีข่ องสภาตาบลให้ประธานสภาเป็นผ้รู ับผิดชอบและดาเนนิ การ การทานิติกรรมของสภา ตอ้ งประกอบด้วย (เป็นไปตามระเบยี บของกระทรวงมหาดไทย ) o ประธานสภา o เลขานกุ ารสภา และ o สมาชกิ สภา 1 คน - การทานติ กิ รรมจะเปน็ ไปตามระเบยี บของกระทรวงมหาดไทย สภาตาบลอาจทากิจกรรมนอกเขตสภาตาบล หรือร่วมกับสภาตาบล องค์การบริหารสวน ตาบล องค์การบริหารสว่ นจังหวัด หรอื หน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถ่ินอื่นเพื่อทากิจการร่วมกัน จะตอ้ ง 1. ได้รบั ความเห็นชอบจากผ้วู ่าราชการจังหวดั 2. ไดร้ บั ความยินยอมจาก ทอ้ งถิ่นอื่น หรอื หนว่ ยงานทเ่ี กีย่ วขอ้ ง 3. กิจการนน้ั จาเปน็ ตอ้ งทา
สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญัตสิ ภาตาบลและองค์การบรหิ ารสว่ นตาบล พ.ศ.2537 และ 243 แก้ไขเพมิ่ เตมิ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 สว่ นท่ี 3 รายได้และรายจา่ ยของสภาตาบล สภาตาบลมรี ายได้ ซ่งึ องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั จดั สรรใหต้ ามหลกั เกณฑ์ท่ีกระทรวงมหาดไทย กาหนดดังน้ี 1. ภาษีบารุงท้องที่ ภาษีโรงเรือนและทดี่ นิ ภาษีป้าย อากรฆ่าสตั ว์ 2. คา่ ธรรมเนยี ม ค่าใบอนญุ าต และค่าปรับ 3. ค่าธรรมเนยี มใบอนุญาตการพนนั 4. ภาษีมลู ค่าเพิ่ม และภาษีธุรกิจเฉพาะ ทีอ่ งคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดไดร้ ับจดั สรร 5. ภาษีสุรา และภาษีสรรพสามติ ทีอ่ งค์การบริหารส่วนจังหวดั ไดร้ บั จดั สรร 6. ภาษแี ละคา่ ธรรมเนยี มรถยนตแ์ ละล้อเลือ่ น ท่ีองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดได้รับจดั สรร - ทุกปีงบประมาณใหร้ ฐั บาลถงึ สรรเงนิ ให้สภาเป็น เงนิ อดุ หนนุ สภาตาบลอาจมีรายได้ ดงั ต่อไปน้ี 1. รายไดจ้ ากทรพั ย์สนิ ของสภาตาบล 2. รายไดจ้ ากสาธารณูปโภคของสภาตาบล 3. เงนิ และทรัพย์สนิ ท่ีมีผู้อุทิศให้ 4. เงนิ อุดหนุน และรายไดอ้ นื่ ตามที่รัฐบาลหรือหนว่ ยงานอืน่ จดั สรรให้ 5. รายได้อ่ืนท่ีมีกฎหมายกาหนดใหเ้ ปน็ ของสภาตาบล - รายได้ของสภาตาบล ไม่ต้องเสียภาษีโดยตราเป็นพระราชกฎฎีกา และไม่ต้องนาส่งคลัง รายได้แผน่ ดิน สภาตาบลมีรายจา่ ย ดงั น้ี o เงินเดอื น /ค่าจ้าง /ค่าตอบแทนอ่นื ๆ /ค่าใช้สอย /ค่าวัสดุ /ค่าครภุ ณั ฑ์ /คา่ ท่ีดนิ /ค่า สาธารณปู โภค o เงนิ อดุ หนุนหน่วยงานอ่ืน o รายจ่ายอื่นใดตามขอ้ ผกู พนั
244 - ค่าตอบแทนของประธานสภาตาบล รองประธานสภาตาบล สมาชกิ สภาตาบล และเลขานกุ าร สภาตาบล ให้เปน็ ไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย - งบประมาณรายจ่ายประจาปีและรายจ่ายเพิ่มเติม ให้จัดทาเป็นข้อบังคับ ตามระเบียบและ วิธีการท่ี กระทรวงมหาดไทยกาหนดเมือ่ รา่ งเสร็จให้นายอาเภออนุมตั ิ ถ้าออกไม่ทันให้ใช้ข้อบงั คับของปี กอ่ นไปพลางก่อน - ให้กระทรวงมหาดไทยออกระเบียบว่าด้วยการคลัง การงบประมาณ การรักษาทรัพยส์ นิ การ จดั หาผลประโยชน์จากทรพั ยส์ ิน การจดั หาพสั ดุและการจ้างเหมา ส่วนท่ี 4 การกากับดแู ล - นายอาเภอมีอานาจหน้าทใ่ี นการกากบั ดูแลสภาตาบลใหเ้ ปน็ ไปตาม กฎหมาย และข้อบังคับ ราชการ - หากสภาตาบลปฏบิ ตั ไิ มช่ อบด้วยกฎหมาย หรอื อาจกอ่ ให้เกิดความเสียหาย แกร่ าชการ ใหน้ ายอาเภอ ยบั ย้งั การดาเนนิ การนน้ั และรายงานผู้ว่าราชการจังหวดั ภายใน 15 วนั นับแต่ วันยับย้ัง และผู้ว่าต้องวินิจฉยั ภายใน 30 วันนบั แตว่ นั ทไ่ี ด้รบั รายงาน หากนายอาเภอไม่รายงานหรอื ผู้ว่าไม่วินิจฉัย ตาม เวลาดังกลา่ ว ใหก้ ารยับยั้งของอานาจอาเภอเปน็ อันสนิ้ สุดลง หมวดท่ี 2 องค์การบรหิ ารส่วนตาบล - สภาตาบลที่มรี ายไดโ้ ดยไมร่ วมเงินอดุ หนุนในปีงบประมาณที่ล่วงมาติดตอ่ กันสามปีเฉลี่ยไม่ ต่ากว่าปีละหน่ึงแสนห้าหม่ืนบาท อาจถึงตั้งเป็นองค์การบริหารส่วนตาบลได้ โดยทาเป็นประกาศ กระทรวงมหาดไทย และใหป้ ระกาศในราชกจิ จานุเบกษา จะตอ้ งระบุชื่อและเขตขององคก์ ารบรหิ ารส่วน ตาบลนัน้ ดว้ ย - สภาตาบล หรือองค์การบริหารส่วนตาบลอาจรวมกับองค์การบริหารส่วนตาบลหรือหน่วย บรหิ ารราชการท้องถิน่ อ่นื ในเขตอาเภอเดยี วกันได้ตามเจตนารมณ์ของประชาชน - ให้กระทรวงมหาดไทยยุบสภาตาบลทัง้ หมดและองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล ที่มปี ระชากรไมถ่ งึ 2,000 คน ให้รวมเข้ากับองค์การบริหารส่วนตาบลหรอื หน่วยบริหารราชการท้องถิ่นอ่ืน ภายใน 90 วัน เวน้ แต่องคก์ ารบริหารสว่ นตาบลทีม่ ไี ม่ถึง 2,000 คน แต่มสี ภาพเปน็ เกาะ - องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบลมฐี านะเปน็ นติ บิ ุคคลและเปน็ ราชการบรหิ ารสว่ นทอ้ งถิ่น - ประกอบด้วย สภาองคก์ ารบริหารส่วนตาบล และนายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล
สรปุ สาระสาคญั พระราชบญั ญตั สิ ภาตาบลและองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล พ.ศ.2537 และ 245 แกไ้ ขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 7) พ.ศ. 2562 - สภาองค์การบริหารสว่ นตาบลประกอบดว้ ยสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตาบล จานวน เขตเลือกต้ังละหน่ึงคน ซึ่งเลือกตั้งขึ้นโดยราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในแต่ละเขตเลือกตั้งในเขตองค์การ บริหารส่วนตาบลน้นั ให้ถือเขตหมู่บ้านเป็นเขตเลือกตัง้ เว้นแต่หมู่บ้านใดมีราษฎรตามหลกั ฐานการทะเบียนราษฎร ไม่ถงึ ย่สี ิบห้าคน ใหร้ วมหมู่บ้านนนั้ กบั หมู่บา้ นทมี่ พี ้นื ทตี่ ดิ ต่อกนั และเมอ่ื รวมกนั แลว้ จะมรี าษฎรถึงยีส่ ิบห้า คนเปน็ เขตเลอื กตัง้ เดยี วกนั การนับจานวนราษฎรดังกล่าวใหน้ บั ณ วันท่ี 1 มกราคมของปีทม่ี กี ารเลอื กต้ัง การรวมหมูบ่ ้านเปน็ เขตเลือกตั้งใหน้ ายอาเภอเปน็ ผดู้ าเนนิ การและประกาศให้ประชาชนทราบ ภายในวันที่ 31 มกราคม ของปที ม่ี กี ารเลอื กตัง้ เวน้ แต่เปน็ กรณีทเ่ี ป็นการเลือกตัง้ แทนตาแหน่งที่วา่ ง หรอื มกี ารเลือกตง้ั ภายในเดือนมกราคม ใหถ้ ือเขตเลือกต้ังท่ไี ดป้ ระกาศไวใ้ นการเลือกตั้งคร้งั สดุ ท้าย องค์การบรหิ ารสว่ นตาบลใดมีเขตเลอื กต้งั ไม่ถึงหกเขตเลอื กตั้งให้สภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล น้นั ประกอบดว้ ยสมาชกิ จานวนหกคน ตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ อบต.มี 1 หมบู่ า้ น ใหม้ สี มาชกิ 6 คน / มี 2 หมู่บ้านให้มีสมาชิกหมู่บ้านละ 3 คน/ มี 3 หมูบ่ า้ น ให้มีสมาชิกหมบู่ า้ นละ 2 คน/ มี 4 หมู่บา้ นให้มีสมาชิกหมู่บา้ นละ 1 คน และ 2 หมู่บา้ นที่มปี ระชากรเพิ่ม อีกหมบู่ ้านละ 1 คน / มี 5 หมบู่ ้าน ใหม้ ีสมาชิกหมบู่ ้านละ 1 คนและอีก 1 หม่บู า้ นท่ีมปี ระชากรมากท่สี ุด เพมิ่ อกี 1 คน - อายขุ องสภาองคก์ ารบริหารส่วนตาบลมกี าหนดคราวละ 4 ปี นบั แต่วันเลอื กตง้ั สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล มอี านาจหน้าที่ดงั นี้ 1. ใหค้ วามเห็นชอบแผนพฒั นาองค์การบริหารส่วนตาบล 2. พจิ ารณาและใหค้ วามเหน็ ชอบร่างขอ้ บัญญัติองค์การบรหิ ารสว่ นตาบล ร่างขอ้ บญั ญัติ งบประมาณรายจา่ ยประจาปี และร่างข้อบัญญตั ิงบประมาณรายจา่ ยเพ่ิมเติม 3. ควบคุมการปฏิบัติงานของนายกองค์การบริหารส่วนตาบล ให้เป็นไปตามกฎหมาย นโยบาย แผนพฒั นาองค์การบรหิ ารสว่ นตาบล ข้อบญั ญตั ิ ระเบยี บ และขอ้ บงั คบั ของทางราชการ - ผ้มู สี ิทธเิ์ ลือกต้งั และสมคั รรบั เลอื กต้งั เหมอื นของสภาตาบล
246 สมาชกิ ภาพของสมาชกิ สภาองคก์ ารบริหารสว่ นตาบลสิ้นสดุ ลงเม่ือ 1. ถงึ คราวตามอายุของสภา หรือมกี ารยบุ สภา 2. ตาย 3. ยื่นหนงั สือลาออกตอ่ นายอาเภอ 4. ขาดประชมุ สภา 3 คร้ังตดิ ต่อกนั โดยไมม่ เี หตุผลสมควร 5. มไิ ดอ้ ยู่ประจาในเขตเลือกต้ังทไี่ ด้รบั เลือกต้งั เปน็ ระยะเวลาตดิ ต่อกนั หกเดอื น 6. เป็นผู้มีสว่ นได้เสยี ไม่ว่าทางตรงหรอื ทางออ้ มในสัญญาท่ีองค์การบรหิ ารส่วนตาบลน้ัน เปน็ คู่สญั ญาหรอื ในกจิ การทกี่ ระทาให้แกอ่ งคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบลน้ันหรอื ทอี่ งค์การบรหิ ารส่วน ตาบลนั้นจะกระทา 7. ขาดคุณสมบตั หิ รอื มลี กั ษณะตอ้ งห้าม 8. สภาองค์การบริหารสว่ นตาบลมมี ติให้พน้ จากตาแหน่ง 9. ราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตใดมีจานวนไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจานวนผู้มีสิทธิ เลือกตั้งท่มี าลงคะแนนเสยี งเพ่ือถอดถอน - มติสภาตาบล ให้สมาชิกสภาหน่ึงในสามเข้าช่ือให้สภาพิจารณา และลงมติสามในสี่ และมี สทิ ธิอุทธรณต์ ่อนายอาเภอภายใน 15 วันและนายอาเภอพจิ ารณาภายใน 30 วัน - ให้มีประธานสภา และรองประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล โดยนายอาเภอแต่งตง้ั ตาม มตขิ องสภา มีวาระตามอายุสภาและจะพน้ เม่อื 1. ลาออก โดยย่ืนหนังสือลาออกต่อนายอาเภอ 2. สิน้ สมาชิกภาพของสมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล 3. ผ้วู ่าราชการจังหวดั สั่งให้พ้นตาม มาตรา 92 (เม่อื พน้ แล้วจะกลบั มาดารงตาแหน่งอีก ไมไ่ ด้ ) - เมื่อตาแหน่งประธานหรือรอประธานสภาองค์การบริหารส่วนตาบลว่างลงด้วยเหตุอื่นใด นอกจากครบวาระ ใหม้ กี ารเลือกแทนตาแหนง่ ทว่ี า่ งภายใน 15 วันนับแตว่ ันท่ีตาแหนง่ นน้ั วา่ งลง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 555
Pages: