Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นักวิชาการจัดเก็บรายได้ปฏิบัติการ 62 อปท.

นักวิชาการจัดเก็บรายได้ปฏิบัติการ 62 อปท.

Published by มนฤดี เหลืองประมวล, 2020-10-05 00:41:30

Description: นักวิชาการจัดเก็บรายได้ปฏิบัติการ 62 อปท.

Search

Read the Text Version

แนวข้อสอบวชิ าคณิตศาสตร์ 47 30. เปด็ 16 ตวั มีขาเทา่ กบั ววั จานวนหนงึ่ ถ้าขาววั เทา่ กบั จานวนไก่ทงั้ หมด อยากทราบว่าไกม่ ี ทัง้ หมดก่ีขา ? ก. 256 ขา ข. 120 ขา ค. 128 ขา ง. 32 ขา ตอบ ก. 256 ขา แนวคิด วิธกี ารหาคาตอบ * เปด็ มี 16 ตวั จะมีขา (16x2) =32 ขา * ววั มี 32 ตัว จะมีขา (32x4) =128 ขา * ไกม่ ี 128 ตัว จะมขี า (128x2) =256 ขา 31. ถา้ เมื่อ 7 ปกี อ่ น สมศกั ดิ์ อายุ 21 ปี อีก 8 ปี ขา้ งหน้า สมศักดิ์จะมอี ายกุ ่ีปี ก.16 ข. 24 ค. 32 ง. 36 ตอบ ง. 36 ปี แนวคิด วิธีการหาคาตอบ * เมอ่ื 7 ปกี ่อน สมหมายอายุ 21 ปี แสดงว่า ขณะน้ีสมหมายมีอายุ 21+7 = 28 ปี * ดงั น้ันอีก 8 ปีข้างหน้า สมหมายจะมอี ายุ 28+8 = 36 ปี 32. 25% ของ 240 เท่ากับเทา่ ไร ก. 20 ข. 30 ค. 50 ง. 60 ตอบ ง. 60 แนวคดิ วิธีการหาคาตอบ 25% =25×240 = 60 100 33. 60% ของ 15 กับ 50 % ของ 16 ตา่ งกันเท่ากับเท่าไร ก. 0 ข. 1 ค. 4 ง. 5 ตอบ ข. 1

48 แนวคดิ วธิ หี าคาตอบ 60% =60×15 = 9 50% =50×16= 8 , ต่างกันเทา่ กับ 9-8 = 1 100 100 34. ขอ้ ใดมีคา่ น้อยทีส่ ดุ ก. 3% ของ 400 ข. 4% ของ 500 ค. 5% ของ 350 ง. 6% ของ 600 ตอบ ข้อ ก. 3% ของ 400 แนวคิด 3% ของ 400 = 3 X 400 = 12 100 4% ของ 500 = 4 X 500 = 20 100 5% ของ 350 = 5 X 350 = 17.5 100 6% ของ 600 = 6 X 600 = 36 100 35. ติดราคาสินคา้ ไว้สูงกว่าทุน 1 เทา่ ตัว แต่ลดใหผ้ ู้ซอื้ เงินสด 20% จากราคาปา้ ย เขาจะไดก้ าไรร้อย ละเท่าไร ก. 30% ข. 40% ค. 60% ง. 70% ตอบ ค. 60% แนวคดิ ทนุ 100 บาท ตดิ ราคาขายไว้ 200 บาท ลดให้ 20% จากป้าย = 20 X 200 = 40 100 จะขายไป 160 นั่นคอื ไดก้ าไร 160- 100 = 60% 36. เลข 2 จานวนรวมกบั เป็น 25 ถา้ จานวนนอ้ ยเปน็ 4 เท่าของ 25 “ถามวา่ จานวนมากมคี า่ เท่าไร”

แนวขอ้ สอบวชิ าคณิตศาสตร์ 49 ก. 10 ข. 15 ค. 20 ง. 25 ตอบ ข. 15 40%. ของ 25 = 40 X 25 = 10 แนวคิด จานวนมาก 100 = 25 - 10 = 15 37. เลขจานวน 28 จะมคี ่าเป็น 35% ของเลขจานวนใด ก. 480 ข. 58 ค. 68 ง. 80 ตอบ ง. 80 แนวคิด 35 มคี ่า 28 100 1 มีค่า 28 X 100 = 80 35 38. 35% ของ 70% ของ 2000 มีค่าเท่าไร ก. 200 ข. 300 ค. 450 ง. 490 ตอบ ง. 490 แนวคดิ 70% ของ 2000 = 70 X 2000 = 1400 100 35% ของ 1400 = 35 X 1200 = 490 100

50 39. คน 20 คน ทางานเสร็จในเวลา 30 วัน ถา้ มีคนเพียง 15 คน จะทางานใหเ้ สรจ็ ต้องเพมิ่ เวลาอกี ก่ี เปอรเ์ ซ็นต์ ก. 20% ข. 25% ค. 33% ง. 75% ตอบขอ้ ข. 33% แนวคิด คน 20 คน ทางานเสรจ็ 30 วนั คน 15 คนทางาน = (30x20)/15 = 40 วนั วันเพ่มิ ขึ้นจากเดมิ 40-30 =10 วัน คิดเป็น % =(10x100)/30 = 33 % 40. น้าตาล 9 กโิ ลกรัม ราคา 54 บาท มีเงินอยู่ 120 บาท จะซอื้ น้าตาลได้ก่ีกโิ ลกรมั ก. 10% ข. 15% ค. 20% ง. 25% ตอบ ค. 20% แนวคดิ มีเงนิ 54 บาท ซ้ือนา้ ตาลได้ 9 กิโลกรัม มีเงิน 1 บาท ซอ้ื นา้ ตาลได้ 9 กโิ ลกรมั 54 มเี งนิ 120 บาท ซื้อน้าตาลได้ 9 X 120 = 20 กโิ ลกรมั 54 41.ชาย 4 คน ทางานเสร็จใน 7 วนั ถ้าชาย 16 คน ทางาน 8 เทา่ ของงานเดมิ จะเสร็จภายในกว่ี ัน ก. 6 วนั ข. 14 วัน ค. 15 วัน ง. 16 วัน ตอบ ข. 14 วัน แนวคดิ ขาย 4 คน ทางานอย่างหนึง่ แล้วใน 7 วนั ชาย 1 คน ทางานอยา่ งหน่ึงแล้วใน 7 X 4 วนั ขาย 16 คน ทางานอย่างหนึ่งแลว้ ใน 7 ×4 = 7 วนั 16 4 ถ้าทางาน 8 เทา่ ของงานเดมิ จะใช้เวลา 7 X 8 = 14 วัน 4

แนวข้อสอบวชิ าคณิตศาสตร์ 51 42. หญงิ 3 คน ทางานอย่างหนึง่ เสรจ็ ใน 5 วัน ถา้ ใช้หญิง 4 คน ทางานชิ้นเดมิ จะเสรจ็ ในกว่ี ัน ก. 33 วนั 4 ข. 8 วัน ค. 9 วัน ง. 31 วัน ตอบ ก. 33 วัน 4 แนวคดิ หญิง 3 คน ทางานอย่างหน่ึงเสรจ็ ใน 5 วนั หญงิ 1 คน ทางานอย่างหน่ึงเสร็จใบ 5x3 วัน หญงิ 4 คน ทางานอยา่ งหนึ่งเสรจ็ ใบ 5 ×3 = 3 3 วนั 44 43. จงหาผลบวกของ 1 + 2 + 3 + 4 + ……. + 12 ก. 78 = 1 + 2 + 3 + 4 +… + 12 ข. 88 = ปลาย÷ 2 (ปลาย + 1) เมอ่ื ปลาย = 12 ค. 98 = 12÷2 (12 + 1) ง. 100 = 6 x 13 = 78 ตอบ ก. 78 แนวคิด ผลบวก

52 44. จงหาผลบวกของ 17 + 18 + 19 + …… + 56 ก. 1460 ข. 1550 ค. 1630 ง. 1640 ตอบ ก. 1460 แนวคดิ ผลบวก = 17 + 18 + 19 … + 56 = (1 + 2 + 3 + 4 + … + 56) – (1 + 2 + 3 + 4 + … + 16) = 56÷ 2 (56 + 1) – 16÷ 2 (16 + 1) = 28 + 57 – 8 x 17 = 1596 – 136 = 1460 45. ถ้า A-B =5 ขอ้ ใดถกู ก. A มากกวา่ B อยู่ 5 ข. A มากกวา่ 5 อยู่ B ค. A น้อยกว่า B อยู่ 5 ง. A น้อยกว่า 5 อยู่ B ตอบ ก. A มากกว่า B อยู่ 5 แนวคิด A มากกวา่ B อยู่ 5 ตัวอย่าง 10-5 =5 หรือ 20-15 =5 46. จานวนใดมีคา่ ใกล้เคยี ง 0 มากทส่ี ุด ก. 0.1 ข. 0.01 ค. 0.001 ง. 0.0001 ตอบ ง.0.0001 แนวคิด 0.0001

แนวข้อสอบวิชาคณติ ศาสตร์ 53 47. จงหาคาตอบ .0001X .1 =? ก. 1 ข. .1 ค. .00001 ง. .000011 ตอบ ค.00001 แนวคิด เอา 1X1 =1 รวมทศนิยมของจานวนท้งั สอง เป็นทศนิยม 5 ตาแหนง่ นับเลื่อนทศนิยมจากด้านหลังไปดา้ นหนา้ = 0.00001 48. ปากการาคาโหลละ 19.20 บาท ถา้ ซอ้ื 7 แหง่ จะตอ้ งจ่ายเงินเทา่ ใด ก. 11.20 บาท ข. 12.20 บาท ค. 11.45 บาท ง. 12.45 บาท ตอบ ข 12.20 บาท แนวคิด ปากกาแทง่ ละ 19.20 = 1.6 บาท 12 ดงั นนั้ ชอ้ื 7 แท่งต้องจา่ ยเงิน 1.6 X7 =11.20 บาท 49. 1.11 X 1.01 เป็นเท่าไหร่ ก. 1.1211 ข. 1.221 ค. 11.211 ง. 12.111 ตอบ ก. 1.1211 แนวคดิ เอา 111X101 = 11211 รวมทศนิยมของจานวนทงั้ สอง เปน็ ทศนิยม 4 ตาแหนง่ นับ เลือ่ นทศนิยมจากดา้ นหลังไปด้านหน้า = 1.1211

54 50. (A+1) จะมคี า่ เป็นลบ ในกรณใี ด ก. เม่อื A นอ้ ยกวา่ 1 ข. เมื่อ A นอ้ ยกว่า -1 ค. เม่อื A น้อยกว่า 0 ง. เม่อื A มากกว่า -1 ตอบ ข. แนวคดิ เม่อื A น้อยกวา่ -1 (แทนคา่ -2, -3,-4…..)

วชิ าภาษาไทย 55 วิชาภาษาไทย อุปมาอุปไมย การคิดเซงิ อปุ มาอปุ ไมยเปน็ ทกั ษะทส่ี าคัญทีต่ อ้ งใชใ้ นการสอบแขง่ ขนั รับราชการ เพราะเป็นการ ใช้ความรู้ ความคดิ ทาความเขา้ ใจเรื่องใดเรอ่ื งหน่งึ อย่างมเี หตผุ ล การคิดเชงิ อุปมาอุปไมยตอ้ งอาศัยประ ลบการณใ์ นการพจิ ารณาตดั สินสารด้วยความรอบคอบ และอยา่ งชาญฉลาดเปน็ เหตุเปน็ ผล เพื่อนาไปใชใ้ น การตดั สินใจเลือกคาตอบทถ่ี ูกต้องได้ นิยามคาศัพท์ อปุ มา หมายถึง สิง่ หรือขอ้ ความท่ียกมาเปรยี บ มักใช้คู่กับอปุ ไมยในประโยค เชน่ เรื่องนอ้ี ุปมา ฉนั ใด อปุ ไมยก็ฉันนัน้ อุปไมย หมายถึง สงิ่ หรือขอ้ ความทพ่ี ึงเปรยี บเทยี บกบั สิง่ อื่นเพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจแจม่ แจง้ คู่กบั อุปมา อปุ มาอุปไมย หมายถงึ การเปรยี บเทยี บกนั จากความหมายขา้ งต้น สรุปได้ว่า อปุ มาอปุ ไมย เป็น การคดิ วเิ คราะห์ เปรียบเทยี บกันโดยนยั โดยใช้คา วลี หรือรปู ภาพแทนสิ่งใด สิ่งหน่ึง ซ่ึงต้องใช้ความสามารถในการคิดจนิ ตนาการเชื่อมโยงความเหมอื น ความต่าง เพื่อใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์ท่ี พึงประสงค์ ตอบสนองเป้าหมายที่ต้องการ อุปมาอุปไมยต้านภาษา จะอาศัยภาษาที่เป็นศัพท์ทั่ว ๆ ไป ท่ีมีโครงสร้างและหน้าท่ีร่วมกัน นามาเข้าคู่กันเป็นคู่ ๆ รปู แบบความความสมั พนั ธ์ มีดังนี้ ความสัมพนั ธท์ างความหมายของคา หมายถึง คาสองคาทีม่ ีความหมายสมั พนั ธ์กนั ในเชงิ ความหมายต่อกัน โดยอาจจะเป็น ความหมายเหมอื นกนั ใกล้เคยี งกันหรือตรงข้ามกันก็ได้ ตัวอยา่ งโจทย์ ขาว : ดา :: ? : ? คาตอบในส่วนนกี้ จ็ ะเป็นคาทม่ี ลี กั ษณะตรงขา้ มกนั เชน่ ร้อน : เย็น กลางวนั : กลางคนื ลดลง : เพ่ิมขึน้ หวั เราะ : ร้องไห้

56 ความลม้ พันธ์แบบเหตุและผล หมายถึง ความสัมพนั ธ์ทมี่ ีความหมายของคาหน่ึงเป็นสาเหตทุ าใหเ้ กิดความหมายของอกี คาหนง่ึ หรือเปน็ ผลทต่ี ิดตามมาจากต้นเหตุ ตวั อยา่ งโจทย์ เกยี จคร้าน : ลม้ เหลว :: ? : ? คาตอบในส่วนนี้ กจ็ ะเป็นคาทม่ี ลี ักษณะเป็นเหตหุ รือเป็นผลเช่น ขยนั : สาเรจ็ โกรธ : เกลยี ด วิ่งเร็ว : เหนือ่ ย กนิ มาก : อ้วน ความสัมพันธ์แบบสว่ นยอ่ ยตอ่ ส่วนท้งั หมด หรือสว่ นท้ังหมดตอ่ ส่วนย่อย หมายถึง ความสัมพนั ธ์ที่คาใดคาหนึ่งมีความหมาย ขนาด ชนิด ความสาคัญ ความเกยี่ วข้อง เป็นเพียงส่วนหน่งึ ของอีกคาหนง่ึ ตวั อย่างโจทย์ ร่างกาย : ศีรษะ :: ? : ? คาตอบในส่วนน้ี ก็จะเปน็ คาทป่ี ลี กั ษณะสัมพนั ธ์แบบส่วนยอ่ ย เชน่ กระทรวง : กรม จงั หวดั : อาเภอ ขยาย : ย่อ บรรยาย : สรปุ ความสัมพันธ์แบบส่วนตอ่ ส่วน หรือส่วนท้ังหมดต่อส่วนท้ังหมด หมายถึง ความสมั พนั ธ์ของทัง้ สองคามีฐานะเท่าเทียมกนั ตัวอย่างโจทย์ งู : จระเข้ :: ? : ? คาตอบในส่วนน้ี ก็จะเปน็ คาทม่ี ลี ักษณะเป็นคาทม่ี ีฐานะเทา่ เทยี มกัน เชน่ วัว : ควาย กบ : คางคก ความสมั พันธ์แบบลาดบั เหตกุ ารณ์ต่อเนอื่ ง หมายถึง ความสมั พันธ์ทจ่ี ัดลาดบั ก่อนหลงั ของเหตกุ ารณต์ า่ งๆ ทีเ่ กิดข้ึน ตัวอยา่ งโจทย์ หมนั้ : แตง่ งาน:: ? : ? คาตอบในส่วนน้ี ก็จะเป็นคาทีม่ ลี ักษณะลาดับเหตุการณก์ อ่ น-หลัง เชน่ สะดุด: ล้ม ตมู : บาน

วชิ าภาษาไทย 57 วยั เด็ก : วยั รนุ่ ความสัมพนั ธ์แบบเปรียบเทียบระดบั หมายถงึ ความสมั พนั ธ์ของคาสองคาทีม่ ีความหมายคลา้ ยกนั แตจ่ ะมีคาใดคาหนง่ึ มคี วามหมาย ท่ีเม่ือเปรียบเทียบกันแลว้ จะอยู่ในข้ันกว่า เช่น มากกว่า น้อยกว่า ใหญ่กว่า เล็กกว่า หนักกว่า เบากว่า หนากวา่ บางกว่า เป็นตน้ ตวั อยา่ งโจทย์ ร้าว : แตก :: ? : ? คาตอบในสว่ นนี้ กจ็ ะเปน็ คาทมี่ ลี ักษณะเปรยี บเทยี บระดบั มา- ใหญ่กว่า – หนกั กว่า เช่น ฉลาด : อัจฉริยะ รวย : อภมิ หาเศรษฐี ความสัมพันธ์ตามตาแหน่งบทบาท อานาจ และหนา้ ที่ หมายถึง ความสัมพันธ์ที่คาทั้งสองบ่งบอกถึงตาแหน่ง บทบาท อานาจ และหน้าท่ีซึ่งมี ความหมายสัมพันธ์ต่อกนั และกัน ตวั อยา่ งโจทย์ ครู : สอน :: ? : ? คาตอบในสว่ นนี้ ก็จะเป็นคาที่มลี ักษณะตามบทบาทหนา้ ที่ เช่น แพทย์ : รกั ษาผปู้ ว่ ย ตารวจ : จับกมุ ผรู้ ้าย ชาวนา : เก่ยี วขา้ ว ความสมั พันธ์ตามคุณลักษณะ หมายถงึ ความสมั พนั ธท์ คี่ วามหมายของคาใดคาหนึง่ บ่งบอกหรอื แสดงถึงคุณลักษณะของอีกคา หนงึ่ ตัวอย่างโจทย์ เพชร : แวววาว :: ? : ? คาตอบในสว่ นนีก้ ็จะเปน็ คาท่ปี ลี กั ษณะตามคุณลกั ษณะ เชน่ ขา้ ง : แข็งแรง มนั่ คง : ถาวร รกุ ราน : คกุ คาม ความสัมพันธ์ทางทตี่ ้ัง หมายถึง ความสัมพันธ์ของคาท้ังสองที่เน้นเก่ียวกับสถานท่ีเป็นสาคัญ อาจจะเป็นทีตังแล ลักษณะทางภมู ศิ าสตร์ ตัวอยา่ งโจทย์ ภาคใต้ : สงขลา :: ? : ? คาตอบในส่วนนก้ี จ็ ะเป็นคาที่มีลกั ษณะตามท่ีต้ังและลักษณะทางภมู ิศาสตร์ เชน่ อุตรดติ ถ์ : ภาคเหนอื

58 เอเชีย : จีน ยโุ รป : อังกฤษ ความสมั พันธ์ทางตวั เลข หมายถึง ความสัมพันธ์เชิงคณิตศาสตรใ์ นรูปของอัตราส่วนหรอื สัดส่วน ตัวอยา่ งโจทย์ 500 : 25 :: ? : ? คาตอบในสว่ นนี้กจ็ ะเป็นคาทมี่ ีลกั ษณะในรูปของอตั ราส่วนหรือสัดส่วน เชน่ 20 : 1 , 10 : 1 บทความยาว ลักษณะข้อสอบจะเป็นบทความมีความยาว ประมาณ 1-2 หน้า แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ภายใน 1 หนา้ บทความยาวมกั จะออกขอ้ สอบถามเก่ียวกบั เน้ือเรื่อง ดังน้ี 1. จุดประสงคใ์ จความสาคัญบทความ ผู้ทาข้อสอบจะต้องทราบว่าผ้เู ขียนมีจดุ ประสงค์จะบอก อะไรกับเราใน บทความ ใจความสาคัญมกั จะอยทู่ ตี่ ้นหรือทา้ ยบทความ 2. รายละเอียดท่ีอยู่ในบทความ ผู้ทาข้อสอบควรพิจารณาว่าคาถามที่โจทย์ถามอยู่ย่อหน้าท่ี เทา่ ไหรเ่ พอื่ ประหยัดเวลาในการทาข้อสอบ 3. การต้งั ชือ่ เรื่องบทความ ผูท้ าขอ้ สอบจะต้องทราบใจความสาคญั ของบทความเสยี กอ่ น จงึ จะ สามารถตั้งชือ่ เร่ืองใหส้ อดคล้องกับใจความสาคัญของบทความ เปน็ คาถามทีต่ อบยากทส่ี ุด 4. คาศัพท์ที่อยู่ในบทความ ผู้ทาข้อสอบจะต้องพิจารณาข้อความท่ีอยู่หน้าและหลังคาศัพทน์ ้นั เพอ่ื จะได้ทราบ บริบทว่า คาศัพท์ทโี่ จทย์จะถามหมายถึงอะไร ตวั อยา่ งขอ้ สอบบทความยาว การกฬี าในยุคปจั จุบันกลายเป็นเครอื่ งมือเพอ่ื การพนันกลายเป็นธุรกจิ เปน็ เครอ่ื งมอื เพือ่ สอนคน ให้รูจ้ กั กลโกง การทจุ ริต หกั หลัง เปน็ การทรยศต่ออานาจหน้าที่การงาน ขาดอดุ มการณท์ างดา้ นการกีฬา หวงั แต่ประโยชนส์ ่วนตน มากกว่าประโยชน์ส่วนรวม นกั กีฬามกั จะมกี ารทะเลาะวิวาท ชกตอ่ ยกันอยเู่ สมอ มีการเตะถีบใช้อาวธุ เข้าหา้ ห่ันฟันแทง กันเหมือนกับมาทาสงคราม หรอื โกรธแค้นทะเลาะวิวาทกันมากกวา่ แข่งขนั เป็นนักกฬี ายอดเยยี่ มที่มีความเหยี้ นเยย่ี งโจร มากกว่าการเป็นสุภาพบุรษุ นกั กีฬา 1. บทความน้ผี เู้ ขยี นต้องการสะท้อนใหเ้ ห็นถึงสิง่ ใด ก. กลโกงของนกั กีฬา ข. ผลของธรุ กจิ การกีฬา ค. การขาดอดุ มการณ์ทางกีฬา

วิชาภาษาไทย 59 ง. ความมนี ้าใจเปน็ นกั กีฬา แนวคดิ จากบทความพเิ คราะหไ์ ดว้ ่า เหตุเกดิ จากปจั จุบนั การกฬี าเปน็ เคร่ืองมอื ทางธรุ กจิ โดยเปน็ เคร่อื งมอื สอนให้ คนทจุ รติ ผลกค็ อื ทาให้นกั กีฬามกี ารทะเลาะววิ าทมากกวา่ การแขง่ ขันอย่างเป็นนกั กีฬา ตอบ ข. 2. คาว่า “สภุ าพบรุ ุษนกั กีฬา” ในที่นี้ควรหมายถงึ ใคร ก. นักกีฬาดเี ด่น ข. นักกีฬาตัวอย่าง ค. ลูกผู้ชาย ง. นกั กฬี ายอดเยีย่ ม แนวคดิ จากบทความพเิ คราะหไ์ ด้ว่าสภุ าพบุรุษนักกฬี า น้ันหมายถงึ ลูกผ้ชู ายทมี่ ีลกั ษณะเป็น นักกีฬา น่นั คือ มีนา้ ใจ เป็นนักกีฬา “รแู้ พ้ ร้ชู นะ รูอ้ ภยั ” ไม่มงุ่ เน้นเพยี งแค่ผลแห่งการชนะคตู่ ่อส้เู พยี ง อยา่ งเดียว ดังน้ัน สภุ าพ บรุ ษุ นกั กฬี า ควรหมายถงึ ลกู ผชู้ ายมีน้าใจนักกีฬาซงึ่ ตรงกับ “ลูกผชู้ าย” มาก ที่สุด ตอบ ค. บทความส้นั บทความส้ัน ขอ้ สอบภาคความความสามารถทว่ั ไป (ภาค ก.) จะมลี กั ษณะเขียนประโยคใหค้ วาม ยาว 2 – 5 บรรทัด โดยให้ผทู้ าขอ้ สอบสรปุ สาระสาคญั ของประโยคแล้วตอบคาถามโจทก์ คาถามโจทกม์ กั ถามวา่ “ขอ้ ความขา้ งตน้ สรปุ ได้อยา่ งไร” หรอื “ข้อความขา้ งตน้ ตีความได้อย่างไร” หรอื “ขอ้ ความใดไม่ สอดคล้องกบั ขอ้ ความข้างต้น” ตวั อยา่ งขอ้ สอบบทความสน้ั 1. การทางานใหส้ าเร็จขน้ึ อยกู่ บั ความสามารถ 2 อย่างเป็นสาคญั คือ สามารถในการใช้วชิ าความรู้ อย่างหนง่ึ และสามารถ ในการประสานสัมพันธก์ ับผอู้ ่ืนอีกอย่างหนง่ึ ท้ัง 2 ประการนตี้ ้องทาควบคู่ กนั ไป สาระสาคญั ของขอ้ ความนี้คอื อะไร ก. หลักในการทางาน ข. ความรู้และความสามารถในการทางาน ค. ส่งิ ที่ทาใหก้ ารทางานประสบความสาเร็จ ง. คณุ สมบัตทิ จี่ าเปน็ สาหรบั ผู้ทสี่ ามารถทางานได้ แนวคดิ เนอ่ื งจากบทความกลา่ ววา่ การทางานให้ประสบความสาเร็จขึ้นอยกู่ ับ 1. ใชว้ ิชาความรู้ 2. ใชก้ ารประสานความสมั พนั ธก์ ับผู้อน่ื

60 จงึ สามารถสรปุ บทความว่า องค์ประกอบท่ีทาให้การทางานประสบความสาเรจ็ ตอบ ค. 2. คาวา่ ดุรยิ างค์สมยั โบราณ หมายถงึ เฉพาะเครอ่ื งบรรเลงจาพวกตี เปา่ เท่านั้นแตค่ วามหมายน้ไี ด้ ขยายตวั แผก่ วา้ ง ออกไปเช่นเดยี วกับคาว่าดนตรี ขอ้ ความดังกล่าวสามารถสรุปไดว้ ่า ก. ดนตรแี ละดรุ ิยางคม์ คี วามหมายต่างกนั ข. ปัจจบุ นั ดรุ ิยางคแ์ ละดนตรีใชใ้ นความหมายใกลเ้ คียงกัน ค. ปัจจบุ ันทั้งดนตรแี ละดรุ ยิ างค์ต่างก็มีความหมายกวา้ งขึ้นกวา่ เดิม ง. เดมิ ดรุ ิยางคแ์ ละดนตรี มีความหมายคนละอยา่ ง ปจั จุบนั มคี วามหมายเหมือนกัน แนวคิด เนอ่ื งจากบทความกลา่ ววา่ ดรุ ิยางคก์ ็เชน่ เดยี วกบั ดนตรี โดยมีความหมายขยายตวั แผ่ กว้างออกไป ตอบ ค. เตมิ คา เติมคา ข้อสอบความรู้ความสามารถท่ัวไป (ภาค ก.) ลักษณะข้อสอบจะเปน็ ประโยคความยาว ประมาณ 2 – 3 บรรทัด แล้วให้ผู้ทาข้อสอบได้เติมช่องว่างที่เว้นไว้ ข้อสอบส่วนใหญ่จะเว้นไว้ให้เติม 2 ช่องว่าง เม่ือผู้ทาขอ้ สอบเติมคาใน ช่องว่างแลว้ จะทาให้ประโยคมีใจความที่ถูกต้องครบสมบรู ณต์ ามหลกั ภาษาไทย ผ้ทู าขอ้ สอบควรพจิ ารณาทาข้อสอบจาก ชอ่ งว่างที่ 1 แต่ถา้ เตมิ คาลงในชอ่ งว่างที่ 1 ยงั ทาไมไ่ ด้ ให้ผู้ทาข้อสอบข้ามไปเติมช่องว่างท่ี 2 โดยไม่จาเป็นต้องเติมคาลง ในช่องว่างท่ี 1 ก่อนเสมอไป ข้ึนอยกู่ บั องคค์ วามรู้ทางด้านภาษาไทยของแตล่ ะบุคคล ตวั อย่างขอ้ สอบเติมคา 1. เธออยา่ มวั ...............อยเู่ ลย รีบช่วยกนั ทางานนีใ้ ห้เสร็จเร็วๆ จะได้พกั ผอ่ น เพราะพรุ่งนต้ี อ้ ง............ เบาะแส คนร้าย ในคดีนี้กนั ตอ่ ก. โยกโย้, คน้ หา ข. ยดื ยาด, เสาะหา ค. ยดื เย้อื , สืบค้น ง. ยืดยาด, สืบหา แนวคิด ยืดยาด หมายถงึ เสียเวลานาน ชักชา้ เช่น เขาทางานยดื ยาด เขาแตง่ ตวั ยดื ยาด เปน็ ต้น ยดื เยื้อ หมายถึง ยาวนาน เช่น คดฆี ่าคนตายคดีนี้ยืดเยื้อ โยกโย้ หมายถึง อาการท่ีพูดหรอื ทาพโิ ยกพิเกน เชน่ กวา่ จะตกลงกนั ได้พดู โยกโย้อยูน่ าน เป็น ต้นเสาะหา หมายถงึ การค้น, สืบ, แสวง ตอบ ข.

วชิ าภาษาไทย 61 2. สมชายเปน็ คนท่ี.................ในวิชาวิทยาศาสตร์ แต่สมศร.ี ............ในเร่ืองผู้ชายชอบเทย่ี วกลางคนื ทั้งสองคนน้ีช่างตรง ขา้ มกนั เสยี จริงๆ ก. เชย่ี วชาญ, เจนจดั ข. เจนจดั , เจน ค. สนั ทัด, จดั เจน ง. ถนัด, จดั เจน แนวคดิ เช่ียวชาญ หมายถึง สันทัดจัดเจน, ชา่ ชอ่ ง, มีความชานิชานาญมาก สนั ทัด หมายถงึ ถนัด, จดั เจน เชน่ รปู ร่างสันทดั เขาไมส่ ันทดั ในเร่ืองคานวณ เปน็ ตน้ จดั เจน, เจนจัด หมายถงึ สนั ทดั , ชานาญ มีประสบการณม์ าก ตอบ ก เรียงประโยค เรียงประโยค ข้อสอบภาคความรคู้ วามสามารถทว่ั ไป (ภาค ก.) จะมีลกั ษณะเป็นตวั เลือก ก ข ค และ ง มาให้ แล้วโจทย์จะถามว่าข้อใดที่อยู่ลาดับท่ี 3 ข้อใดอยู่ลาดับที่ 2 เป็นต้น โดยปกติข้อความทอ่ี ยู่ ลาดับที่ 1 มักข้ึนต้นประโยค ด้วยประธาน ข้อความลาดับท่ี 2 และ 3 มักเป็นคากริยา คาขยาย ส่วน ขอ้ ความลาดบั ที่ 4 มักจะสรุปข้อความนนั้ ขอ้ ความทอ่ี ยู่ลาดับ 3 หรอื 4 ควรพิจารณาจากคา ดงั น้ี 1. โดยเฉพาะ 2. ไดแ้ ก่ เป็นการยกตัวอย่าง 3. เพอ่ื , สว่ น, แต่ 4. สาหรบั 5. ดงั นั้น, จงึ , เพราะฉะนนั้ 6. รวมทั้ง, ตลอดจน ตัวอย่างขอ้ สอบเรียงประโยค 1. ข้อความใดอยลู่ าดบั ท่ี 2 ก. มนุษยโ์ ลกยงั ต้องอาศัยพลงั งานของสายน้า สายลม แสงแดด ไฟ สัตว์เลี้ยง และแรงงานคน ข. เพื่อให้งานต่างๆ สาเรจ็ ลลุ ว่ ง ค. สมยั กอ่ นการปฏิบตั อิ ตุ สาหกรรมในยุโรป ง. และมนษุ ย์กอ็ ยกู่ ับธรรมชาตดิ ้วยความสนั ติสขุ โดยตลอด แนวคิด ลาดบั ที่ 1 - 2 - 3 - 4 คือ ค – ก – ข – ง พิเคราะห์ไดว้ า่

62 ลาดบั ท่ี 1 ค. เน่อื งจากวา่ ข้ึนตน้ ด้วยนามโดยเฉพาะเปน็ นามทขี่ ึ้นต้นดว้ ยชว่ งเวลา + นาม ลาดับที่ 2 ก. เนอื่ งจาก ค. เป็นลาดบั ที่ 1 ลงทา้ ยดว้ ยคาวา่ “ยุโรป” เพาะฉะนนั้ คาต่อไปจะตอ้ ง เป็น คานาม จงึ ตอ้ งเลอื กตัวเลือก ก. เป็นลาดบั ที่ 2 ลาดับที่ 4 ง. เนอ่ื งจากพิจารณามีคาว่า “และ...โดยตลอด” จะเปน็ คาที่อยทู่ ้ายประโยค ลาดับที่ 3 ข. เมอ่ื ได้ลาดบั ที่ 1, 2 และ 4 แล้ว จึงเหลือตวั เลอื กเดยี วทอ่ี ยลู่ าดับท่ี 3 แล้วนา ประโยค ทงั้ หมดนามาพเิ คราะหอ์ กี ครงั้ ว่าได้ใจความถูกต้องสมบรู ณห์ รอื ไม่ ตอบ ก. 2. ขอ้ ความใดอยลู่ าดบั ท่ี 3 ก. บัณฑติ กับพาลกเ็ ชน่ เดียวกนั ที่ตัวเราเองเป็นไดด้ ้วยกนั ข. ทุกคนใกล้กเิ ลสมากเพยี งใดกเ็ ปน็ พาลมากเพยี งนัน้ ค. เป็นพาลมคี วามดีน้อยเป็นบณั ฑิตมคี วามดีมาก ง. ไกลกเิ ลสมากเพียงใดกเ็ ปน็ บณั ฑติ มากเพียงน้นั แนวคิด ลาดับที่ 1 – 2 – 3 – 4 คือ ก – ค – ข – ง พิเคราะหไ์ ดว้ ่า ลาดบั ที่ 1 ก. เนอ่ื งจากขึน้ ต้นดว้ ยนามส่วนตวั เลอื ก ข. และ ง. กข็ นึ้ ตน้ ดว้ ยนามแตล่ งทา้ ยดว้ ย เพยี งนั้น จงึ ขึ้นต้นประโยคไม่ได้ ลาดบั ที่ 2 ค. เนื่องจากเป็นการขยายนามบัณฑติ กบั พาลตอ่ จากขอ้ ก ลาดับท่ี 3 ข. เน่อื งจากประโยคจะต้องกล่าวถงึ การใกลก้ ิเลสก่อนทจ่ี ะกลา่ วถงึ การไกลกิเลส ลาดบั ที่ 4 ง. กล่าวถงึ การไกลกเิ ลสต่อจากตัวเลอื ก ข. ตอบ ข. ขอ้ บกพร่องภาษา ข้อบกพร่องภาษา ข้อสอบภาคความรู้ความสามารถท่ัวไป (ภาค ก.) ลักษณะข้อสอบเก่ียวกับ การใชภ้ าได้ รดั กุม ขอ้ บกพรอ่ งภาษามักออกสอบ ดงั น้ี 1. พิจารณาข้อใดใช้ภาษาไดถ้ ูกต้องรัดกมุ ตามหลกั ภาษา 2. พิจารณาข้อใดทีใ่ ช้ภาษาได้ไมถ่ กู ต้องรัดกมุ ตามหลกั ภาษา 3. พิจารณาจากกลมุ่ คาทีข่ ดี เส้นใตแ้ ละมตี ัวเลข 1, 2 หรือ 3 กากับอยูแ่ ล้วเลอื กคาตอบ ตามท่ีโจทยก์ าหนด มาให้ ตัวอย่างขอ้ สอบข้อบกพรอ่ งทางภาษา 1. พจิ ารณาขอ้ ใดท่ใี ชภ้ าษาไดถ้ ูกตอ้ งรัดกมุ ตามหลกั ภาษาขอ้ ใดใชภ้ าษาไดถ้ กู ตอ้ งรัดกมุ ตามหลกั ภาษา ก. แมค้ ้าขายส้มตาไก่ย่างเป็นอาชีพทมี่ รี ายได้ดไี มต่ กงาน

วิชาภาษาไทย 63 ข. อาหารประเภทตม้ ยามรี สชาตเิ ผด็ รอ้ นกลมกล่อมถูกปากคนไทย ค. แม้ฐานะของเราไมค่ อ่ ยดี พอ่ แมก่ ส็ ง่ เสียใหล้ กู ทกุ คนได้เรยี นจนจบมหาวิทยาลยั ง. แมว้ า่ ชือ่ เสยี งของพอ่ จะไมเ่ ปน็ ทป่ี ระจักษ์แกส่ ายตายผอู้ ่นื แตฉ่ ันกภ็ ูมใิ จในตวั ทา่ น แนวคดิ พเิ คราะห์ไดว้ า่ ตวั เลือก ก. ควรจะมีอะไรเช่อื มดงั น้ี แมค่ ้าขายส้มตาไก่ย่างเปน็ อาชีพทมี่ รี ายไดด้ ี จงึ ทาให้ไม่ตก งาน ตัวเลอื ก ข. “ตัดคาวา่ กลมกล่อม” ควรเปน็ อาหารประเภทตม้ ยามีรสชาติเผ็ดร้อนถูกปากคนไทย ตัวเลือก ง. ตดั คาว่า “ช่ือเสยี ง” ควรเปน็ คาว่า “ผลงาน” แมว้ า่ ผลงานของพ่อจะไมเ่ ปน็ ที่ ประจักษแ์ กส่ ายตา ผอู้ ืน่ แตฉ่ ันก็ภูมใิ จในตัวทา่ น เพราะวา่ ช่อื เสยี งไมส่ ามารถประจักษแ์ กส่ ายตาได้ ตอบ ค. 2. พจิ ารณาข้อใดที่ใชภ้ าษาได้ไม่ถูกต้องรัดกมุ ตามหลักภาษา ข้อใดใช้ภาษาได้ไมถ่ ูกตอ้ งรัดกมุ ตาม หลักภาษา ก. ชีวติ ประจาวันของชาวพทุ ธจะตอ้ งเก่ียวขอ้ งกบั พระรัตนตรัยตลอดเวลา ข. เช่น ไหว้พระเม่อื ออกจากบา้ น นาพระมารอ้ ยคอ ค. พบพระสงฆใ์ นสถานที่ต่างๆ ผา่ นสถานทส่ี าคญั ทางพระพทุ ธศาสนา ง. ฟังปาฐกถา สนทนาธรรมกับผู้ใดผหู้ นึ่ง เปน็ ตน้ แนวคิด ตวั เลือก ข. ตัดคาวา่ “ร้อย” ควรเปน็ “หอ้ ย” เช่น ไหวพ้ ระเมอื่ ออกจากบา้ น นาพระ มาหอ้ ยคอ ตอบ ข. การใช้คาราชาศัพท์ เทคนิคการทาข้อสอบ \"การใช้คาราซาศัพท์\" ใช้ ทรง นาหน้ากรยิ าธรรมดา เพ่ือทาให้คากริยาธรรมดากลายมาเน้นคากริยาราชาศัพท์ สาหรับ พระราชา และ เจา้ นาย เชน่ ทรงยินดี ทรงขว้าง, ทรงวาง, ทรงว่ิง , ทรงยิง , ทรงกรุณา , ทรงสามารถ , ทรงกลา่ ว , ทรง อธบิ าย , ทรงรบั , ทรงกระแอม , ทรงชบุ เล้ยี ง , ทรงฟัง ใช้ ทรง เน้นสกรรมกริยานาหน้านามธรรมดา คือ นาหน้าคานามท่ีไม่เน้นคาราชาศัพท์สาหรับพระราชาและเจ้านายมีความหมายได้ หลายประการตามแต่นามอันเน้นกรรมจะบง่ ถึง เช่น ทรงศีล (รับศีล) , ทรงบาตร (ตักบาดร) , ทรงธรรม (ฟ้งเทศน์) , ทรงม้า (ขี่มา้ ) , ทรงรถ , ทรงปืน , ทรงสกี , ทรงดนตรี , ทรงเบ็ด , ทรงกีฬา , ทรงตะกรอ้ , ทรงศร ห้ามใช้ ทรง นาหน้าคากรยิ าราชาศพั ท์

64 เมื่อกริยาเน้นราชาศัพท์อยู่แลว้ ไม่นิยมคาว่าทรง นาหน้าซ้อนลงไปอีก ได้แก่คาต่อไปน้ี ตรัส , ดารัส ประทับ (อยู่ , ยืน , นั่ง) เสด็จ (ไป) สรง , สรงน้า กร้ิว เสวย ไปรด (รัก , ชอบ) ประชวร บรรทม รับสงั่ สุบนิ ทอดพระเนตร (ยกเวน้ คาเดียวคอื ทรงผนวช เพราะนิยมใช้กนั มาอย่างน)้ี คาราชาศัพทห์ มวดต่างๆ ความหมายของคาราชาศัพท์ มักจะถูกนามาออกเป็นข้อสอบในภาคความรู้ความสามารถ ทัว่ ไป (ภาค ก) ดงั น้ัน ผู้อา่ นจงึ จาเป็นตอ้ งศึกษาเนอ้ื หาในสว่ นน้ีดว้ ย 1. หมวดร่างกาย แก้ม = พระปราง หนา้ ผาก = พระนลาฎ น้ิวหวั แมม่ ือ = พระองั คุฐ ตา = พระเนตร นิ้วช้ี = พระดชั นี จมูก = พระนาสกิ นวิ้ กลาง = พระมัชฌิมา ปาก = พระโอษฐ์ น้ิวนาง = พระอนามกิ า ฟัน = พระทนต์ นวิ้ กอย = พระกนิษฐา เขยี้ ว = พระทาฐะ เลบ็ = พระนขา ลิน้ = พระชวิ หา รกั แร้ = พระกจั ฉะ หู = พระกรรณ ทอ้ ง = พระอทุ ร ไหปลาร้า = พระรากขวญั สะดอื = พระนาภี บา่ = พระองั สะ สีข้าง = พระปรศั ว์ มอื = พระหัตถ์ ตะโพก = พระโสณี หลงั = พระปฤษฎางค์ เขา่ = พระชานุ ตัก = พระเพลา ไต = พระวักกะ เทา้ ท้ังคู่ = พระยุคลบาท ปอด = พระปบั ผาสะ ตับ = พระยกนะ กระโถนใหญ่ = พระลพุ รรณราช 2. หมวดเครือ่ งอุปโภค บรโิ ภค กระโถนเล็ก = พระสพุ รรณศรี ตรา = พระราชลัญจกร แว่นตา = ฉลองพระเนตร พานหมาก = พานพระศรี มีดโกน = พระแสงกรรนิด หมวก = พระมาลา นา้ หอม = พระสคุ นธ์ รม่ = พระกลด ยาถา่ ย = พระโอสถประจุ ซอ้ น = ฉลองพระหัตถซ์ ้อน หม้อน้า = พระเตา้ ข้าว = พระกระยาเสวย เหล้า = นา้ จณั ฑ์

วิชาภาษาไทย 65 ม่าน = พระวสิ ตุ ร ประตู = พระทวาร ป่ิน = พระจุฑามณี ปนื = พระแสงปืน 3. หมวดขัตติยตระกูล ยา่ ยาย = พระอัยกี ปู่ ตา = พระอยั กา ป้า (พขี่ องพ่อ) = พระปิตุจฉา ลงุ (พี่ของพ่อ) = พระปิตุลา ปา้ (พีข่ องแม)่ = พระมาตุจฉา ลุง (พ่ีของแม)่ = พระมาตลุ า อาหญิง = พระปิตุจฉา อาชาย = พระปิตลุ า แม่ = พระชนน พอ่ = พระชนก บุตรสาว = พระธิดา บุตรชาย = พระโอรส เหลน = พระนดั ดา หลาน = พระนัดดา ภรรยา = พระมเหสี สามี = พระสวามี แมย่ าย = พระสสั สุ พอ่ ตา = พระสสั สุระ ลกู สะใภ้ = พระสุณิสา ลกู เขย = พระชามาดา สบาย = ทรงพระสาราญ 4. หมวดกรยิ า ตดั ผม = ทรงเครอื่ งใหญ่ ไป = เสดจ็ พระราชดาเนนิ ดู = ทอดพระเนตร นอน = บรรทม หัวเราะ = ทรงพระสรวล ปว่ ย = ทรงพระประชวร ให้ = พระราชทาน อ่านหนงั สอื = ทรงพระอักษร รัก = โปรด ไหว้ = นมสั การ กั้นร่มให้ = อยูง่ านพระกลด นอน = จาวัด โกนผม = ปลงผม 5. หมวดคาทใ่ี ชก้ บั พระสงฆ์ ขอโทษ = ขออภัย เชิญ = นมิ นต์ ผูห้ ญงิ = สมี า กิน = ฉัน ตาย = ถงึ แก่มรณภาพ สวดมนต์ = ทาวัตร เรอื น, ทพี่ กั = กุฏิ อาบน้า = สรงนา้ บิดา , มารดา = โยม นักบวช = บรรพชิต ปว่ ย = อาพาธ ยา = โอสถ บวช = บรรพชา

66 แนวขอ้ สอบวิชาภาษาไทย 1. เชยี งใหม่ : เหนือ มหาสารคาม : ? ก. ใต้ ค. ร้อยเอ็ด ข. อีสาน ง. เชยี งราย 2. แมว : หนู ? : กวาง ก. แมว ข. ชา้ ง ค. เสือ ง. ควาย 3. สีดา : ? งานศพ : งานแตง่ งาน ข. ยนิ ดี ง. สชี มพู ก. สีนา้ เงนิ ข. ขา ค. โศกเศรา้ ง. น้ิวเท้า 4. ตา : ลูกตา เท้า : ? ข. มะเขือ : พวง ก. น้วิ มอื ง. องนุ่ : ลูก ค. เข่า ข. ครู 5. กลว้ ย : เครอื ?:? ง. ตารวจ ก. มะพรา้ ว : ลกู ข. ชาวนา ง. ทหาร ค. หมาก : ทะลาย 6. หมอ : ยา : ความรู้ ? ก. วทิ ยากร ค. ศกึ ษานิเทศน์ 7. ทนายความ : นกั บัญชี ? : ครู ก. นักดนตรี ค. หมอ

แนวข้อสอบวิชาภาษาไทย 67 8. หม่บู ้าน : ตาบล ?:? ข. หนังสือ : สมุด ก. เค็ม : หวาน เครือ่ งบิน : ? ง. สปั ดาห์ : เดอื น ค. สงู : ตา่ ข. วงิ่ 9. รถยนต์ : สามลอ้ ง. เรอื ก. จกั รยาน ค. เดนิ 10. คน : วิตามนิ ต้นไม้ : ? ก. นา้ ค. ดนิ ข. ปยุ๋ ง. แกลบ 11. ประเทศไทย : กรงุ เทพ ?:? ก. ประเทศญีป่ ุ่น : นาริตะ ข. ประเทศเกาหลใี ต้ : เซจง ง. ประเทศพม่า : ย่างกงุ้ ค. ประเทศเวยี ดนาม : ฮานอย 12. เมิน : หลกี เล่ียง ?:? ก. ปิด : เปดิ ค. สนใจ : ทุม่ เท ข. ประตู : หนา้ ตา่ ง ง. สง่ เสยี ง : ตะโกน 13. ลอนดอน : ปารสี โตเกียว : ? ก. โซล ข. แมนซิต้ี ค. เชยี งใหม่ ง. โอลีเบนซ่า 14. พอ่ เป็นหมอ แม่เป็นหมอ ฉะนั้น.......................ขอ้ ใดถูกตอ้ ง ก. ครู ข. ตารวจ ค. แพทย์ ง. สรปุ ไม่ได้

68 15. ชาวนา : ขา้ ว ชาวประมง : ? ข. ตกปลา ก. นา้ แม่ชี : ? ง. ปลา ค. เรอื หวิ : ? บอระเพด็ : ? ข. องค์ 16. พระ : องค์ ง. ตน ก. คน ค. รูป ข. อาหาร ง. ท้อง 17. ปว่ ย : ยา ก. น้า ข. ทะเลทราย ค. โคก้ ง. พชื 18. ขม : หวาน ก. นา้ ตาล ค. น้าสม้ 19. ครู : ตารา ?:? ก. ชาวนา : ทีน่ า ข. ทนาย : ศาล ค. พระ : เทศนา ง. หมอ : ยา 20. ไม่ว่าจะดใู นด้านการเมือง เศรษฐกจิ หรือดา้ นสังคมและวฒั นธรรม กจ็ ะพบว่าปัจจุบันน้ีมีความขัดแยง้ มากข้ึน คนส่วนใหญ่ยังยากจน การชิงดีชิงเด่น และการเอารัดเอาเปรียบระหว่างบุคคลและกลุ่ม บุคคลกลุม่ บุคคลมมี ากขน้ึ แตท่ ่ีนา่ สงั เกตวา่ ทกุ วนั นีป้ ระเทศไทยมีความเจรญิ ก้าวหนา้ ในด้านวัตถุและ ในด้านวิทยาการต่างๆ ไม่แพ้ประเทศอื่นๆ แม้แต่ชนบทก็ยังไฟฟ้า วิทยุ โทรทัศน์ และโทรศัพท์ สามารถรับรขู้ ่าวสารและความเคลอ่ื นไหวตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และกว้างขวาง ความก้าวหนา้ ในทาง วัตถุและทางวิทยาศาสตร์ดงั กลา่ ว น่าจะช่วยให้คนไทยโดยสว่ นรว่ มมีชวี ิตทดี่ ีข้นึ ตรงกันขา้ ม กลา่ วคือ ทุกวันนี้คนไทยโดยสว่ นรวมมสี ภาพชีวิตที่เลวลง ทางที่จะลดสภาพทีเ่ ลวลงต้องทาให้มนษุ ยม์ องเห็น

แนวข้อสอบวิชาภาษาไทย 69 ภยั ของการยดึ ตดิ ในวัตถุและขณะเดียวกันก็ใหต้ ระหนักในคุณค่าของการอย่รู ่วมกนั ฉนั เพือ่ นร่วมโลก นน่ั คอื ตอ้ งให้การศกึ ษาท่ชี ่วยให้มนุษยร์ ้เู ทา่ ทันธรรมชาติทแี่ ท้จริงของโลกและชวี ติ ควรตง้ั ชื่อบทความนว้ี ่ายา่ งไร ก. ความเจรญิ ทางวัตถุ ข. ความขัดแยง้ ทางสงั คม ค. คณุ คา่ ชีวติ กับวทิ ยาศาสตร์ ง. สภาพชวี ิตของคนไทย 21. ในโลกของดนตรแี หง่ โลก ยงั ไมม่ ใี ครลบสถติ คิ วามเป็นนกั ดนตรขี องดกุ๊ เอลลงิ ตนั ไปได้เลย เพราะไม่ เพยี งแตไ่ ดช้ อ่ื วา่ เป็นนักดนตรีผิวดาที่คนขาวให้เกียรตอิ ย่างสงู แล้ว เขายงั ได้ช่ือวา่ เปน็ ทูตในเรอ่ื งการ ดนตรที ปี่ ระสานความเขา้ ใจระหวา่ งชาตอิ ีกดว้ ย ผเู้ ขียนขอ้ ความนีก้ ลา่ วเป็นนัย เพ่อื ใหผ้ ูอ้ ่านตีความว่าอย่างไร ก. เกียรติของดนตรี ข. การเปรียบเทียบสผี วิ ของนกั ดนตรี ค. พรสวรรคข์ องนักดนตรี ง. ดนตรีเปน็ ทตู แหง่ สันตภิ าพ 22. ขอ้ ความนก้ี ลา่ วถึงเร่อื งใด ข. การเปรียบเทียบสผี ิวของนกั ดนตรี ก. เกยี รตขิ องดนตรี ง. ดนตรีเป็นทตู แหง่ สันตภิ าพ ค. พรสวรรคข์ องนักดนตรี 23. มีความรบั ผิดชอบ ทาหน้าทีเ่ พอ่ื หน้าท่ี ทางาน ให้เสร็จทนั การ ยดึ ม่นั ในผลประโยชนข์ อง ประเทศชาติ และความถูกต้องเป็นธรรม มีความหมายเกยี่ วข้องกบั ข้อใด ก. คุณค่า ข. คา่ นยิ ม ค. คณุ ธรรม ง. ความรับผิดชอบ 24. เม่ือเดือนมกราคม หนูนาได้ไปทัศนาจรทจี่ งั หวัดกาญจนบรุ โี ดยทางรถไฟ พอลงจากรถหนนู ารสู้ กึ อัศจรรย์ใจทไี่ ดเ้ หน็ ผคู้ นดาษดน่ื ไปท่วั บรเิ วณสถานี ต่อจากนน้ั หนูนาก็ได้เดินทางไปท่ีวัดถ้าเสอื พระพทุ ธรปู ปางประทานพรท่ีใหญท่ ี่สุดของจงั หวัดกาญจนบรุ ี องคพ์ ระดาษดาไปดว้ ยเครื่องสกั การบูชา บริเวณรอบๆสะอาดสะอา้ นปราศจากเศษวสั ดสุ ิ่งสกปกใดๆ มีผู้คนทกุ ชน้ั นบั ตงั้ แตเ่ ศรษฐจี นถึงคน เข็ญใจ พากนั ไปนมสั การวัดถ้าเสอื เพื่อความสวสั ดมิ งคล

70 ขอ้ ความขา้ งตน้ จดั อย่ปู ระเภทใด ข. คาอธบิ าย ก. ความเรยี ง ง. ขา่ วสาร ค. คาชแ้ี จง 25. “แต่พอ่ แมส่ อนวา่ ความจนไมใ่ ชข่ องเลว ความจนเปน็ เพียงโรคร้ายชนดิ หน่งึ ทีร่ กั ษาใหห้ ายขาดได้ยา รกั ษา คือ ความขยันหมัน่ เพียร ความรจู้ กั ราคาของคา่ ของเราเองไม่ตรี าคาต่าไป ไมข่ ายตวั ใหแ้ ก่เงิน ใคร เอาเงนิ มาฟาดหัวเรา เรากฟ็ าดหนา้ มนั ใหห้ งายกลบั ไป ไดเ้ งนิ มาต้องรจู้ กั ค่าของมันวา่ ถา้ รวมป้ันเปน็ ก้อน โตๆละกซ็ ือ้ อะไรไดห้ ลายอยา่ ง ซอ้ื ไหวก้ ราบของคนกไ็ ด้” ขอ้ ความขา้ งตน้ นแ้ี สดงว่าผูส้ อนยกยอ่ งผู้มลี ักษณะนิสัยอยา่ งไร ก. เข้มแขง็ อดทนรูจ้ กั สอู้ ปุ สรรค ข. ซื่อสัตย์ ขยนั รูค้ า่ ของเงนิ และไม่กลัวจน ค. ขยัน เข้มแขง็ หยง่ิ ในคุณคา่ ของงานแมย้ ากจน ง. มานะพากเพียนรจู้ ักสรา้ งฐานะของตนให้ม่นั คง 26. ขอ้ ความท่วี า่ “ซ้ือไหวก้ ราบของคนกไ็ ด้” สะทอ้ นคา่ นิยมของคนในสังคมปจั จุบันอย่างไร ก. คนในปจั จบุ นั มไี มน่ อ้ ยทอ่ี ยูภ่ ายใต้ ข. คนในปจั จุบนั ยอ่ มกราบคนชวั่ ทรี่ วย อทิ ธิพลของเงิน และมมี าก ค. คนในปัจจุบนั บางคนยกยอ่ งผู้คนท่ี ง. คนท่เี ห็นแก่เงินสามารถกราบไหว้คน รา่ รวย ชั่วท่ีมีอิทธิพล 27. ก่อนทรี่ ัฐบาลจะเข้าบรหิ ารราชการแผน่ ดิน ไม่ว่าประเทศใด ผู้นานนั้ จะตอ้ งปฏิญาณตนก่อนเข้าปฏบิ ัติ ภารกิจวา่ เขาจะทาหน้าทเ่ี พอ่ื ประโยชนส์ ว่ นรวมและจะทาหน้าท่ีอยา่ งซือ่ สัตยส์ จุ รติ ประเทศไทยเรา มีกฎหมายและจารตี ประเพณี ก่อนนายกรัฐมนตรีและคณะรฐั บาลจะเข้าบริหารราชการแผน่ ดิน ท่าน เหลา่ นั้นจะต้องเขา้ ถวายสตั ยป์ ฏญิ าณต่อพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวว่าจะทาหน้าท่ีเพ่อื สว่ นรวม และจะปฏบิ ัตหิ น้าทอ่ี ยา่ งซื่อสตั ยส์ จุ ริต ความซ่ือสัตยก์ าลงั กลายเป็นปญั หาสงั คม เนอื่ งจากเราพบวา่ องคก์ ร หน่วยงาน ทง้ั ภาครฐั และเอกชนกาลังถูกเช้อื ไวรสั แหง่ การคดโกง ความไม่ซือ่ สตั ย์ต่อหน้าท่ี และการเงินทาให้องคก์ รน้นั มีความเสอ่ื มและจะลม่ สลายในท่ีสดุ จากขอ้ ความขา้ งต้นเป็นบทความแสดงความรู้สกึ อยา่ งไร ก. พอใจ ข. สอนใจ ค. โล่งใจ ง. สขุ ใจ

แนวขอ้ สอบวชิ าภาษาไทย 71 28. ข้อความใดอยู่ในลาดบั ท่ี 4 ก. มสี ว่ นรว่ มในการพิจารณาและตรวจสอบการทางานของภาครฐั ข. คนตอ้ งดารงชีวติ อยู่ในสงั คม ค. โดยรัฐจะต้องสนับสนุนใหก้ ารมสี ิทธิและเสรีภาพในการดารงชีวติ ง. ซึ่งอยภู่ ายใตก้ ารบริการจัดการของภาครฐั 29. ข้อความใดอยู่ในลาดบั ท่ี 3 ก. ทยอยขนึ้ สงู ข้นึ เป็นเงาตามตวั ข. ไมว่ า่ จะเปน็ เรือ่ งของราคาน้ามันและทอง ทเี่ พม่ิ สูงข้นึ ค. สง่ ผลใหร้ าคาสนิ คา้ อุปโภคบริโภคตา่ งๆ ง. ในปจั จุบนั สภาพเศรษฐกจิ มีความผันผวนและซบั ซอ้ น 30. ข้อความใดอยูใ่ นลาดับท่ี 4 ก. การบอกเลกิ สญั ญาจ้างตามหลักกฎหมาย ข. และใหล้ กู จ้างออกจากงานทนั ที ค. จนถงึ เวลาเลิกสญั ญาตามกาหนดท่บี อกดังกลา่ ว ง. นายจา้ งอาจจา่ ยคา่ จ้างให้ตามจานวนท่ตี ้องจา่ ย 31. ขอ้ ความใดอยใู่ นลาดับท่ี 2 ก. เดิมเรยี กกา๊ ซธรรมชาติอัด ข. ในตา่ งประเทศ โดยเฉพาะประเทศทม่ี ีแหล่งกา๊ ซของตนเอง ค. เมอ่ื แยกก๊าซอนื่ ๆ ออกไปจะนาส่วนที่มปี ริมาณก๊าซมเี ทน ส่วนนี้มาใชเ้ ปน็ เช้อื เพลงิ สาหรบั รถยนต์ ง. ตอ่ มาเปลยี่ นชอ่ื เรียกใหมเ่ ป็นกา๊ ซธรรมชาติสาหรับยานพาหนะ หรอื NGV 32. ขอ้ ความใดอยู่ในลาดบั ที่ 1 ก. สว่ นประเมนิ เปน็ การกะเพียงเพอ่ื ประโยชน์อย่างอื่น ข. ทงั้ ประมาณและประเมนิ หมายถึง การกะใหใ้ กลเ้ คยี งจานวนทคี่ วรจะเป็น ค. เชน่ ประโยชน์ในการซื้อขายหรือประโยชนใ์ นการจัดงานครั้งต่อไป ง. แตป่ ระมาณเป็นการกะเพียงเพ่ือตอ้ งการรคู้ า่ 33. ข้อความใดเปน็ ลาดบั ที่ 3 ก. โดยยึดขา่ วสาร ขอ้ มลู ทีไ่ ดร้ บั จากสง่ิ แวดลอ้ มประกอบการนน้ั ๆ ข. ทฤษฎสี มองกลถือวา่ คนเปน็ สิง่ มีชวี ติ ซ่งึ มกั ทาอะไรอย่างมีจุดหมาย ค. ถ้าหากไม่กระทาสิ่งเหลา่ นน้ั กเ็ พราะไม่ทราบวัตถปุ ระสงค์ ง. หรือไมท่ ราบผลร้ายท่จี ะเกดิ ขึน้ ตามมากายหลงั

72 34. ขอ้ ความใดเปน็ ลาดบั ท่ี 2 ก. เพือ่ ส่งออกไปยงั ญีป่ ุ่น จงึ มผี ลทาใหส้ าหรา่ ยธรรมชาติเหลือน้อยลงทกุ ที ข. ตื่นตวั ในการเก็บสาหร่ายทะเล \"โนร\"ิ ไปจาหน่ายแกพ่ ่อคา้ คนกลาง ค. ปุระชาชนท่ีอาศัยอยบู่ ริเวณชายฝ่ังทะเลตะวนั ออก ง. เช่น จังหวัดชลบรุ ี ระยอง จนั ทบรุ ี เป็นตน้ 35. ขอ้ ความใดเป็นลาดบั ที่ 3 ก. แลว้ แตบ่ างคนคดิ ว่าตัวเองไมไ่ ด้เกิดมาเพื่อทางานนอกจากจะกินและนอนอย่างเดียว ข. ถ้าคิดอยา่ งน้นั กเ็ หมือนกับวา่ ต้นไมต้ ายไป ค. เพราะคนตายไม่ต้องทางานจะนอนทง้ั วันท้งั คนื ก็ได้ ง. เม่ือเราเกดิ มาเปน็ คนแลว้ จาเปน็ จะต้องทางาน 36. ขอ้ ความใดอยใู่ นลาดบั ท่ี 4 ก. ดงั นนั้ การศึกษาประวตั กิ ารดนตรจี งึ เปน็ สงิ่ สาคญั ประการหนง่ึ ข. ดนตรีเปน็ วฒั นธรรมอันสงู สง่ อยา่ งหนงึ่ ของชาติ ค. เพราะช่วยใหไ้ ดร้ ู้ใจในศลิ ปวฒั นธรรมของตนได้ดยี ่งิ ข้ึน ง. ทแ่ี สดงให้เห็นถงึ ความรงุ่ เรอื งในอารยธรรมของชาตเิ จา้ ของดนตรไี ดเ้ ป็นอยา่ งดี 37. ขอ้ ความใดอยใู่ นลาดับท่ี 3 ก. บคุ คลหนงึ่ จะมโี ครโมโซมอยูใ่ นตวั เอง 46 โครโมโซม หรอื 23 คู่ ข. ยนี ส์ อนั เปน็ ลักษณะของบรรพบรุ ษุ จะถกู ถ่ายทอดไปสลู่ กู หลานโดยผ่านโครโมโซม ค. โดยโครโมโซมเหล่านจ้ี ะไดร้ บั จากพอ่ 23 โครโมโซม และจากแม่ 23 โครโมโซม ง. ทงั้ ในโครโมโซมของพอ่ และแม่จะมโี ครโมโซมหนง่ึ ตวั ใน 23 ตัว เป็นโครโมโซมเพศ 38. ขอ้ ความใดอยู่ในลาดับท่ี 4 ก. และอุปสมบทวธิ นี ้เี อง ท่ีมีเรอ่ื งเกย่ี วกบั การบอกชื่อผอู้ ปุ สมบทและอปุ ชฌายะ ข. ตอ่ มาเมอื พระพทุ ธศาสนาแผม่ าถงึ นานาประเทศจงึ มกั มกี ารตัง้ ฉายาข้ึน ค. แตย่ ังไมม่ ีการตงั้ ฉายา เพราะผูอ้ ุปสมบทสว่ นใหญม่ ขี อ่ื เปน็ ภาษามคธ หรือภาษาบาลอี ย่แู ล้ว ง. อปุ สมบทวธิ แี บบจัตตุกรรมวาจาไดป้ ฏบิ ตั สิ ืบเนอื่ งมาถงึ ทกุ วนั น้ี

แนวข้อสอบวิชาภาษาไทย 73 39. ข้อความใดเปน็ ลาดับท่ี 3 ก. การปอ้ งกันและปราบปรามการฉ้อราษฎร์บงั หลวง ข. กด็ ้วยความร่วมมอื จากทกุ ๆ ฝา่ ยทเ่ี กี่ยวขอ้ ง ค. จะสาเร็จลลุ ่วงหรือประสบผลสาเรจ็ อย่างดงี ามน้ัน ง. ในการสอดสอ่ งดูแลผทู้ จุ ริตและประพฤติมิชอมในวงราชการ 40. ข้อความใดเปน็ ลาดับที่ 3 ก. ซงึ่ ตอ้ งพ่ึงพารายได้หลกั จากการประกอบอาชพี ทางการเกษตร ข. เกษตรกรจะประสบปญั หาท่ีคล้ายคลึงกนั คือ การตกตา่ ของราคาผลผลติ ค. ปรากฏวา่ ตลอดระยะเวลาทผี่ ่านมา ง. ปจั จุบันประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยงั เปน็ เกษตรกร 41. ข้อความใดเป็นลาดับท่ี 3 ก. เนือ่ งจากมนุษยม์ มี ันสมองทฉ่ี ลาดกว่าสตั ว์ทกุ ประเภท ข. สงสยั โลกเราประกอบด้วยอะไร ค. พรอ้ ม ๆ กบั มนุษยเ์ รม่ิ รจู้ กั คดิ นานนบั พนั ปมี าแล้ว ง. มนุษย์จงึ คิดสงสยั กบั ธรรมชาตริ อบๆ ตัวเรา จ. นักปรชั ญากรกี กล่าวว่าทกุ ส่งิ ทกุ อย่างประกอบด้วยอะตอม 42. ข้อความใดเป็นลาดบั ท่ี 2 ก. พ.ร.บ.การพนนั พ.ศ.2428 ข. กระทรวงมหาดไทย ค. รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทยแถลงว่า ง. ไดย้ กรา่ งแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ จ. ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพปจั จุบนั 43. ข้อความใดเปน็ ลาดับท่ี 4 ก. และตอ้ งวิ่งไดเ้ รว็ กว่า 45 กม./ชม. ข. กรมการขนส่งทางบกกาหนดใหร้ ถยนตไ์ ฟฟา้ ส่ีลอ้ ค. ต้องใช้มอเตอรท์ ี่มีกาลงั มากกวา่ 15 กโิ ลวัตต์ ง. ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าคนั เลก็ ๆพวกนท้ี ีม่ ใี ช้งานในสหรฐั ยุโรปและญป่ี นุ่ จ. เกอื บทงั้ หมดใชม้ อเตอร์ท่ใี หก้ าลงั นอ้ ยกวา่ นน้ั มาก

74 44. ข้อความใดเปน็ ลาดับที่ 2 ก. หรอื ส่งด้วยการบรรทกุ ไปกบั กระสวยอวกาศ (Space shuttle) ข. ดาวเทยี มทโ่ี คจรอยู่รอบโลกเราน้นั ค. เรามีการสง่ ออกสู่วงโคจรโดยการใชจ้ รวด (Rocket) ง. ยกตวั อยา่ งเชน่ สหรัฐอเมริกา, รสั เซีย, จีน ฯลฯ จ. ในโลกนมี้ ีอยูห่ ลายประเทศท่มี ีศกั ยภาพในการส่งดาวเทยี มออกสู่อวกาศ 45. ขอ้ ความใดเปน็ ลาดับที่ 2 ก. โดยใหน้ ักเรียนใชแ้ ทนหนงั สือในรูปแบบเดิมมากข้นึ ข. เครอื่ งคอมพิวเตอรล์ าหรบั พกพา หรอื Tablet PC ค. ปัจจบุ ันเริ่มมหี ลายประเทศไดน้ า่ มาใช้ในแวดวงการศึกษา ง. เพราะเหน็ ว่า Tablet PC สามารถช่วยประหยดั งบประมาณในการจดั พมิ พต์ าราเรยี นได้ 46. ขอ้ ความใดเปน็ ลาดบั ท่ี 3 ก. โดยเฉพาะพลงั งานจากนา้ มันเชื้อเพลงิ ข. พลังงานปีโตรเลยี ม ค. ซ่งึ ในปจั จบุ ันมีความต้องการใชน้ า้ มนั เปน็ จานวนมาก ง. พลังงานหลักทีม่ นษุ ย์ใช้เป็นสิง่ อานวยความสะดวกในชีวิตประจาวันคือ 47. ขอ้ ความใดเป็นลาดับท่ี 3 ก. โรคไขเ้ ลือดออก ข. เกดิ จากการติดเชอื้ ไวรสั ค. และสามารถแพรใต้โดยมียงุ ลายเปน็ พาหะ ง. ไข้เลอื ดออกเดงกี 48. ขอ้ ความใดเปน็ ลาดับที่ 3 ก. คาดอาจจะเขามาอยูใ่ นประเทศไทยในสมัยสงครามโลกครัง้ ท่ี 2 ข. เมดเิ ตอรเ์ รเน่ยี น ค. แมงมมุ สันโดษ ง. นับเป็นแมงมมุ มพี ิษชนดิ ท่ี 3 ทีค่ ้นพบ จ. ในประเทศไทย

แนวขอ้ สอบวิชาภาษาไทย 75 49. ขอ้ ความใดเป็นลาดับท่ี2 ก. ปกคลมุ ประเทศไทยตอนบน ข. ความกดอากาศตา่ ค. เนือ่ งจากความรอ้ น ง. ลักษณะเซน่ นี้ทาใหบ้ รเิ วณประเทศไทย จ. มอี ากาศรอ้ นโดยทั่วไป 50. ขอ้ ความใดเป็นลาดบั ที่ 2 ก. โดยแผ่นดนิ ไหวเกดิ จากการทเี่ ปลือกโลกเกดิ การคดโคง้ โกง่ ตวั อยา่ งฉบั พลนั ข. และเมอื่ วตั ถุขาดออกจากกนั ค. จึงปลดปล่อยพลังงานออกมาในรปู คลืน่ แผน่ ดินไหว ง ทฤษฎวี า่ ด้วยการขยายตวั ของเปลอื กโลก 51. ขอ้ ความใดเป็นลาดับที่ 2 ก. ในปัจจบุ นั สาหรับพื้นทีก่ รงุ เทพมหานครและปริมณฑล ข. มพี น้ื ท่ีให้บรกิ ารคดิ เป็นร้อยละ 99 ด. การประปานครหลวงไดใ้ ห้บริการน้าประปาแกผ่ ูใ้ ช้นา้ ประมาณ 2.2 ล้านครัวเรอื น ง. ของพื้นทรี่ บั ผดิ ชอบทงั้ หมด 52. ขอ้ ความใดเป็นลาดับที่ 2 ก. ระบบ 4G ข. คือระบบสอื่ สารไรส้ ายความเรว็ สงู ยุคท่ี 4 ค. เป็นระบบทส่ี ามารถรบั สง่ ขอ้ มลู ไดเ้ ร็วมาก ง. สูงสดุ ถึง100 Mbps 53. ในชว่ งที่มีนา้ ตาลขาดแคลน คนส่วนใหญ่จาเป็นตอ้ ง…….. รสหวานจากน้าตาล ก. ใช้ ข. บรโิ ภค ค. กกั ตุน ง. พึง่ 54. การคิดที่เรียกว่า เขาคิดวา่ เขาคนน้นั ต้องคดิ ถงึ ส่ิงที่อยูใ่ นข้อจากดั และคิดถงึ …… ท่สี าคัญเพยี งจดุ เดยี ว ก. ผลลัพธ์ ข. หลักการ ค. สถานการณ์ ง. จุดประสงค์

76 55. คูก่ รณีพรอ้ มใจกันต้งั อนุญาโตตุลาการ……. ชาระตดั สนิ ในขอ้ พิพาท ก. เพ่ือ ข. จะได้ ค. ซึง่ ง. สาหรบั 56. ข้าวโพดหวานท่ีสุกแลว้ จะมีสารออกฤทธ์ิ พิษในร่างกายมีปรมิ าณทม่ี ากขึน้ ……. ก. อยา่ งเดน่ ชดั ข. อยา่ งชดั เจน ค. อยา่ งครอบคลุม ง. อย่างแนน่ อน 57. ในรายท่ีเกดิ ภาวะโลหิตจาง หรอื เกิดข้ึนกม็ กั จะมอี าการออ่ นเพลยี หน้ามืด วงิ เวยี นศีรษะ………. ก. ทันใด ข. ทันที ค. ฉบั พลนั ง. อย่างรวดเร็ว 58. “ขา้ วเป็นแหลง่ อาหารท่สี าคัญใหพ้ ลงั งาน ควรเลอื กกินขา้ วท่ีขัดสแี ตน่ อ้ ย เชน่ ข้าวกล้อง หรือ ข้าวซอ้ มมือ เพราะให้ คณุ ค่าทางใยอาหารมากกว่า” ขอ้ ใดสอดคลอ้ งกบั ข้อความข้างต้น ก. ข้าวทไ่ี มไ่ ด้ขดั สีเรยี กวา่ ข้าวกลอ้ ง ข. การขัดสขี ้าวทาใหค้ ุณค่าทางอาหารลดลง ค. ใยอาหารพบในขา้ วซอ้ มมือหรอื ขา้ วกล้องเทา่ นนั้ ง.ผทู้ ่ีกินข้าวขดั สจี ะไม่ไดส้ ารอาหารครบ 59. “ผมู้ ีสทิ ธคิ รอบครองท่ดี ินที่ไดม้ าโดยชอบดว้ ยกฎหมายใหอ้ ยอู่ าศัยไดต้ ามสิทธทิ กุ ประการ สว่ นผู้ที่ ไดเ้ อกสารสทิ ธิ ทีด่ ินมาโดยมิชอบด้วยกฎหมายจะต้องถกู เพิกถอน” สาระสาคญั ของขอ้ ความ ขา้ งตน้ จัดอยู่ในเรอื่ งใด ก. การเพกิ ถอนทีด่ ินตามกฎหมาย ข. สิทธิในการครอบครองทดี่ ิน ค. ความสมบูรณ์ของสทิ ธิในการครอบครองท่ีดนิ ง. ความสาคญั ของเอกสารท่ดี นิ 60. “รงั สีอลั ตราไวโอเลต เป็นอันตรายตอ่ สง่ิ มีชีวิตบนพื้นโลกโดยเฉพาะคน เพราะจะทาให้ตาม ร่างกายคนเกดิ การ เปลยี่ นแปลง เช่น ดวงตา เพราะจะทาให้ตาฝา้ จนกลายเป็นตอ้ ผวิ หนงั เหย่ี ว ยน่ แกไ่ ว และทาให้เกดิ มะเร็ง ผวิ หนงั ” ขอ้ ความน้ไี มไ่ ด้กล่าวถงึ เรอ่ื งใด ก. ระดับความรุนแรงของโรคท่เี กิดจากรงั สอี ลั ตราไวโอเลต ข. ข้อเสยี ของรงั สีอลั ตราไวโอเลตต่อสง่ิ มชี ีวติ ค. สาเหตุการเกิดตอ้ และโรคมะเรง็ ผิวหนงั ง. ผลกระทบจากรงั สีอัลตราไวโอเลต

แนวขอ้ สอบวิชาภาษาไทย 77 61. “ภูมิปัญญาชาวบ้านเป็นพ้ืนความรูค้ วามสามารถของชาวบ้านซึ่งเป็นคนธรรมดาสามัญในทอ้ งถิ่น ท่คี ดิ ประดษิ ฐ์หรือ สรา้ งสรรคส์ ิง่ ใดสง่ิ หนง่ึ แล้วมกี ารส่งั สมแลว้ พฒั นาให้ดีข้ึนตกทอดสืบตอ่ กันมา ตามลาดบั ” ภูมิปัญญาชาวบา้ น หมายถึงข้อใด ก. การพฒั นาองคก์ รความรู้ ข. การคดิ ค้นส่ิงประดษิ ฐ์ ค. การถ่ายทอดประสบการณ์ ง. องค์ความรูใ้ นท้องถ่ิน 62. “คอเลสเตอรอลมีในอาหารทม่ี าจากสตั ว์เทา่ น้นั สว่ นพืชไม่มีคอเลสเตอรอลและรา่ งกายสามารถ สงั เคราะห์ คอเลสเตอรอลจากไขมนั ทมี่ าจากพืชได”้ ข้อความใดสอดคล้องกับขอ้ ความข้างต้น ก. คอเลสเตอรอลมีทง้ั ในสัตว์และพืช ข. ไขมันจากพชื กอ่ ใหเ้ กดิ คอเลสเตอรอลในร่างกาย ค. คอเลสเตอรอลมีเฉพาะในอาหารท่ีบรโิ ภค ง. คนทก่ี ินแต่พชื ไมม่ ีคอเลสเตอรอลในรา่ งกาย 63. “มงกุฎในภาษาบาลมี คี วามหมายอยา่ งกว้างขวาง ไมว่ า่ อาจจะเปน็ สิ่งใด หากได้เปน็ เคร่ืองศิรา ภรณแ์ ลว้ เรยี กวา่ มงกุฎทง้ั สิน้ ” ขอ้ ใดสรปุ ถูกต้อง ก. เคร่ืองประดบั ศรี ษะทกุ ประเภทเรยี กว่ามงกุฎ ข. คาวา่ มงกุฎกาหนดข้ึนใชเ้ รียกเครอ่ื งประดบั อย่างหนึ่ง ค. เครือ่ งประดบั ศีรษะมมี ากมายหลายชนดิ ง. คาเรียกเครอื่ งประดบั ท่ไี ทยรบั มาส่วนใหญม่ ีความหมายกวา้ งๆ 64. “โดยปกตโิ ลกจะรบั ความรอ้ นจากดวงอาทิตย์ และความรอ้ นนจ้ี ะสะท้อนกลบั ออกไปกา๊ ซ คารบ์ อนไดออกไซดเ์ ป็น ตัวกักคลืน่ ความร้อน หรอื รงั สอี ินฟราเรดจากดวงอาทติ ย์ท่สี ะท้อนกลับ ขน้ึ ไป ทาให้เกดิ การสะสมความร้อนท่ผี ิว โลก อณุ หภมู ิของผวิ โลกจึงสูงข้ึนเรอ่ื ยๆ” ขอ้ ใดสรุป ถูกต้อง ก. คล่ืนความรอ้ นจากดวงอาทิตยไ์ มส่ ามารถผา่ นกา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ ข. รงั สอี ินฟราเรดไมส่ ามารถสะทอ้ นกลับในทีท่ มี่ อี ุณหภมู สิ ูง ค. ผิวโลกสามารถสะสมความร้อนจากดวงอาทิตย์ไดด้ ี ง. อุณหภูมขิ องผิวโลกสงู ขึ้นเนือ่ งจากก๊าซคารบ์ อนไดออกไซดท์ าปฏกิ ริ ยิ ากบั ความรอ้ น

78 65. “หลักการสาคญั ก็คือการแก้ไขเปลีย่ นแปลงสงั คมเพอ่ื ลดการเอารดั เอาเปรียบในรูปแบบต่างๆ ทัง้ ทางที่กระทาต่อ มนษุ ยแ์ ละกระทาต่อธรรมชาติ เพ่ือโลกจะได้เปน็ ท่ีนา่ อยู่อาศัยมากข้ึน” ข้อความ น้ีกล่าวถงึ เรือ่ งใด ก. แนวทางแก้ไขปัญหาสงั คม ข. ความเหน็ แก่ตัวของมนุษย์ ค. การปรบั สภาพสงั คมให้ดขี ึ้น ง. ปัญหาสงั คมทเี่ กดิ ขน้ึ 66. “ในปจั จุบันทุนการศึกษามิได้มใี หเ้ ฉพาะนกั เรียนไทยไปศกึ ษาในต่างประเทศ เพราะไม่มีความ จาเปน็ ทจี่ ะตอ้ งเรยี นรู้ แถบตะวันตกเทา่ น้ัน และเรื่องการศกึ ษาวชิ าการในสถาบนั การศกึ ษาของ ไทยแพรห่ ลายและมปี ระโยชนเ์ ป็นทยี่ อม กันทั่วไปทกุ คน ควรใหเ้ รียนศึกษาภายในประเทศกจ็ ะ ปรากฏตามมาและมากขึน้ เพอื่ ผขู้ ัดสนแตม่ ีสตปิ ัญญาและ ความมานะพยายามจะไดม้ โี อกาสเขา้ รับการศึกษาอยา่ งสมา่ เสมอท่วั กนั ตามท่คี วรจะได้” ข้อความที่กล่าวถงึ ทุนการศึกษาในแงใ่ ดเปน็ สาคัญ ก. คุณสมบัติของผูไ้ ดร้ บั ทุนการศกึ ษา ข. ประโยชนข์ องทนุ การศกึ ษา ค. ประเภทของทนุ การศึกษา ง. จุดมงุ่ หมายของการใหท้ นุ การศึกษา อากาศที่ปลอ่ ยออกมาจะมผี ลกระทบตอ่ ร่างกายแทบทกุ สว่ น เชน่ มีผลตอ่ สมอง ทาใหค้ วามจา เสอ่ื ม ทาให้ เยือ่ หลอดลมอักเสบ หายใจไม่ออก ไฮโดรคารบ์ อนดบ์ างชนิด เชน่ เบนโซไพรนิ เม่อื เข้าสู่ ร่างกายแล้วจะละลายสะสม อยใู่ นไขมนั และเป็นตวั กอ่ ใหเ้ กดิ โรคมะเรง็ แกส๊ คารบ์ อนมอนอกไซดเ์ ป็นสาร มลพษิ ทม่ี ปี ริมาณสงู ในท้องถนนกรงุ เทพฯ แกส๊ ทเี่ กิดจาการเผาไหม้ไมส่ มบูรณ์ของเคร่อื งยนตท์ ใ่ี ชน้ า้ มนั เบนซนิ เมอื่ รา่ งกายหายใจเอาอากาศทม่ี ีแกส๊ คารบ์ อนมอนอกไซด์เจอื ปนเข้าสปู่ อด ทาให้ส่วนตา่ งๆ ของ รา่ งกายไดร้ บั แกส๊ ออกซเิ จนนอ้ ยลง เกิดอาการปวดศรี ษะ คล่ืนไส้ อ่อนเพลยี ถ้าได้รบั แกส๊ น้ใี นปรมิ าณสงู มากๆ จะมอี าการรนุ แรง หมดสติ และถงึ ตายทันที นอกจากนี้สาร ตะก่ัวทเี่ ติมเข้าไปในน้ามนั เพ่ือปอ้ งกัน การนอ็ คของเคร่ืองยนตน์ น้ั ไอตะก่วั ทอ่ี อกจากท่อไอเสยี จะไปสะสมตกค้างใน สงิ่ แวดล้อม แล้วนาเขา้ สู่ ร่างกายมนษุ ย์ เปน็ อันตรายตอ่ สุขภาพในระยะยาวทาใหเ้ กิดโรคโลหติ จาง โรคทางเดินอาหาร ตบั ไต หวั ใจ และระบบสบื พนั ธ์ุอกี ด้วย

แนวข้อสอบวชิ าภาษาไทย 79 67. บทความนี้ควรตง้ั ช่อื เรอ่ื งว่าอย่างไรจึงจะเหมาะสม ก. ผลกระทบจากอากาศเสีย ข. สารมลพษิ จากเครื่องยนต์ ค. มลพิษจากทอ้ งถนน ง. อนั ตรายจากสารมลพิษ 68. บุคคลในข้อใดตอ่ ไปน้ี น่าจะไดร้ บั แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดใ์ นปรมิ าณสูงกว่าบุคคลอ่ืน ก. กรรมกร ข. นักธุรกจิ ค. พอ่ คา้ ง. จราจร 69. อนุชาเป็นพนักงานขนส่งสินคา้ ผลจากการตรวจสุขภาพของอนุชาปรากฏวา่ อนุชาเป็นโรคโลหิต จาง ก. สารตะกั่ว ข. สารคารบ์ อน ค. ไอระเหยของนา้ มันเบนซนิ ง. เบนโซไพริน 70. บคุ คลในข้อใดมสี ่วนชว่ ยแก้ปญั หานีไ้ ด้ดีทส่ี ุด ก. เจ้าหน้าที่จราจร ข. ประชาชนทกุ คน ค. ผูใ้ ชย้ านพาหนะ ง. นกั วทิ ยาศาสตร์ 71. ขอ้ ความนีส้ รปุ ใจความวา่ อยา่ งไร ก. มนุษย์ทกุ คนล้วนต้องใชพ้ ลาสตกิ ข. พลาสติกทาใหเ้ กดิ ปัญหาตอ่ สง่ิ แวดล้อม ค. พลาสตกิ มปี ระโยชน์และโทษสาหรับมนุษย์ ง. มนุษยม์ ปี ญั หาในการใช้พลาสติก 72. ปัญหาสาคัญของมนุษย์เกย่ี วกับพลาสติกคอื อะไร ก. การพฒั นาคุณสมบัติของพลาสตกิ ข. พลาสตกิ เปน็ องคป์ ระกอบสาคญั ในชีวิตมนุษยม์ ากเกินไป ค. การพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตพลาสตกิ ง. การกาจัดขยะพลาสติก

80 เฉลย แนวขอ้ สอบวิชาภาษาไทย ขอ้ คาตอบ ข้อ คาตอบ ข้อ คาตอบ 1 2 ข 29 ค 56 ข 3 4 ค 30 ข 57 ค 5 6 ง 31 ค 58 ข 7 8 ง 32 ข 59 ค 9 10 ค 33 ค 60 ก 11 12 ข 34 ง 61 ข 13 14 ค 35 ข 62 ข 15 16 ง 36 ค 63 ก 17 18 ง 37 ค 64 ก 19 20 ข 38 ข 65 ค 21 22 ค 39 ข 66 ง 23 24 ค 40 ค 67 ค 25 26 ก 41 ค 68 ง 27 28 ง 42 ข 69 ก ง 43 ง 70 ค ก 44 ค 71 ข ข 45 ค 72 ง ก 46 ก ง 47 ง ง 48 ง ง 49 ค ก 50 ก ก 51 ค ก 52 ข ข 53 ข ก 54 ง ข 55 ก ก

ความรู้ท่วั ไปวิชาภาษาองั กฤษ 81 ความรู้ทั่วไปวชิ าภาษาอังกฤษ Tenses 1 Present Simple Tense การใช้ ใชเ้ มือ่ เปน็ ประโยคที่กล่าวถงึ 1. เหตุการณท์ ัว่ ไปทเี่ กดิ ขึน้ ในชว่ งเวลาปจั จบุ นั 2. เหตุการณท์ ่ีเกดิ ขน้ึ เปน็ ประจาหรือกิจวตั ร 3. ขอ้ เท็จจริงทางวทิ ยาศาสตร์ โครงสร้างประโยค Subject + V.1(s/es) ประธานพหพู จน์ +กรยิ าชอ่ งที่1 ประธานเอกพจน์ + กรยิ าช่องท่ี1 ข้อสังเกต ** Present Simple Te(nเตseิม มs/ักeมsีค)าวิเศษณ์แสดงความถี่ (adverb of frequency) อยู่ในประโยคเพื่อบอกว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน เช่น always (ประจา สม่าเสมอ), usually (ปกต)ิ , often (บ่อยๆ), sometimes (บางครงั้ ), seldom (นานๆ คร้งั ), barely hardly (แทบจะไม่) ตวั อย่าง Johns always goes to school by bus. จอห์นไปโรงเรียนด้วยรถประจาทางเสมอ (กจิ วัตร) They visit their grandmother today. พวกเขาไปเย่ยี มคุณยายของพวกเขาวนั น้ี (เหตุการณ์ทเี่ กิดในปัจจุบัน) Water boils at 100 degree Celsius. น้าเดอื ดท่ี 100 องศาเซลเซยี ส (ขอ้ เทจ็ จรงิ ทางวิทยาศาสตร)์ 2 Present Continuous Tense การใช้ ใช้เมื่อเปน็ ประโยคทีก่ ล่าวถงึ 1. เหตกุ ารณท์ กี่ าลังเกิดขึน้ ในขณะพดู 2. เหตุการณ์ท่จี ะเกดิ ข้ึนเร็วๆ นี้แน่นอน (วางแผนหรอื กาหนดไวแ้ ลว้ ) โครงสร้างประโยค

82 Subject + is/am/are + V.ing ขอ้ สงั เกต** Present Continuous Tense อาจปรากฏคาวเิ ศษณแ์ สดงเวลา (adverb of time) เช่น now, at this moment (ขณะนี้) หรอื คาอทุ าน เช่น Look! (ดสู ิ!) Listen! (ฟังสิ!) ทบ่ี ง่ บอก ว่าเหตกุ ารณ์ทก่ี ล่าวถึงกาลังเกดิ ขน้ึ อยู่ขณะนัน้ ตวั อย่าง Mom is driving to Bangkok now. ตอนนีแ้ ม่กาลังขับรถไปกรุงเทพ Look! Your boyfriend is having lunch with his ex. ดูส!ิ แฟนของเธอกาลังทานม้ือเท่ยี งกับแฟนเก่า คากรยิ าทไี่ มใ่ ช้ในรปู V.ing believe -> เช่อื belong -> เปน็ ของ cost -> ราคา dislike -> ไม่ชอบ envy อิจฉา -> fear กลัว forget ลมื -> hate เกลียด have -> ม,ี กนิ hear -> ไดย้ นิ know -> รูจ้ ัก like -> ชอบ love -> รัก need -> ตอ้ งการ prefer -> ชอบ see -> เหน็ , พบ

ความร้ทู ั่วไปวชิ าภาษาอังกฤษ 83 seem -> ดูเหมอื น smell -> มกี ลนิ่ , ดม sound -> ดูเหมือน taste -> มีรสชาติ, ชิม think -> คิด, คร่นุ คิด understand -> เขา้ ใจ want -> ตอ้ งการ weigh -> หนกั คาท่ีสามารถเปน็ V.ingได้ แตค่ วามหมายจะแตกต่างไป have เมอ่ื แปลวา่ มี เตมิ ing ไมไ่ ด้ แต่เมื่อแปลวา่ กนิ เติม ing ได้ I’m having lunch. (ฉนั กาลังกินมอ้ื เท่ยี ง) see เม่ือแปลว่า เห็น เติม ing ไม่ได้ แต่เมื่อแปลว่า ไปพบ เติม ing ได้ I’m seeing the doctor. (ฉนั จะไปพบหมอ) smell เม่ือแปลว่า ส่งกลน่ิ เหม็น เตมิ ing ไม่ได้ แต่เมอ่ื แปลว่า ดม เตมิ ing ได้ She is smelling the fish. (หล่อนกาลงั ดมปลา) taste เมอื่ แปลว่า มรี สชาตดิ ี เติม ing ไม่ได้ แตเ่ มอ่ื แปลว่า ชิม เตมิ ing ได้ She is tasting the curry. (หลอ่ นกาลงั ชิมแกง) 3 Present Perfect Tense การใช้ ใช้เม่ือเปน็ ประโยคท่กี ลา่ วถึง 1. เหตุการณ์ท่ีได้ทาในอดีตและปจั จบุ ันยังทาอยู่ 2. เหตุการณท์ ี่เกิดขนึ้ ในอดตี และส่งผลมาถงึ ปัจจบุ นั

84 โครงสรา้ งประโยค Subject + have/has + V.3 ข้อสงั เกต** Present Perfect Tense มักมคี าวเิ ศษณแ์ สดงเวลา (adverb of time) อยูใ่ น ประโยคเพ่อื บอกระยะเวลาวา่ เหตกุ ารณน์ ้ันเกิดมาต้งั แตเ่ ม่ือไหร่ หรอื เกดิ มานเทา่ ไหรแ่ ลว้ คือ since (ตั้งแต่) ตามด้วยตาแหนง่ เวลาท่เี หตกุ ารณ์เรมิ่ เกิดขนึ้ , for ตามดว้ ยชว่ งเวลาทเี่ หตุการณไ์ ดเ้ กิดขึน้ และ คาวิเศษณแ์ สดงวามถ่ี (adverb of frequency) ทบี่ ่งถงึ สิ่งทีเ่ ปน็ มาตัง้ แต่อดีตจนปจั จุบนั คือ never (ไม่ เคย) และ ever (เคย), ตวั อยา่ ง Kate has lived in Japan since 2001. เคทอาศยั อยูท่ ญี่ ป่ี ุ่นมาต้งั แตป่ ีค.ศ.2001 (ทาในอดีต และปจั จบุ ันยังทาอยู่) I have ever met you before so I remember you. ฉนั เคยพบคุณมากอ่ นฉันจึงจาคุณได้ (เหตกุ ารณท์ เ่ี กิดในอดีตและส่งผลมาถงึ ปจั จุบัน) 4 Present Perfect Continuous Tense มีหลักการใช้และข้อสังเกตเหมือนกับ Present Perfect Tense แต่จะใช้ประโยคในรูป Present Perfect Continuous Tense เม่ือต้องการเน้นย้าว่าเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนมาตั้งแต่ในอดีตจนถึง ปจั จบุ ันไดเ้ กดิ ขน้ึ อย่างตอ่ เนือ่ ง โครงสรา้ งประโยค Subject + have/has + been + V.ing ตัวอย่าง It has been raining heavily for 2 hours. ฝนตกหนกั อย่างต่อเนอื่ งมาสองชัว่ โมงแล้ว 5 Past Simple Ten การใช้ ใชเ้ มือ่ เป็นประโยคที่กลา่ วถึง 1 เหตกุ ารณท์ ั่วไปทเี่ กดิ ขนึ้ และจบลงในอดตี

ความรูท้ ว่ั ไปวชิ าภาษาองั กฤษ 85 2 ใช้เลา่ กิจวตั รหรือนิสยั ท่เี คยทาในอดีต แต่ปัจจุบนั นไ้ี ม่ใช่แลว้ (โดยมคี าบ่งบอก ความถ่ีกากบั ดว้ ย คลา้ ยกบั present sim) 3 ใช้เลา่ เร่ืองในอดตี หรือนิทาน ส่วนใหญ่จะมีคาว่า Long time ago, Once upon a time (นานมาแล้ว) โครงสรา้ งประโยค Subject + V.2 ข้อสังเกต** Past Simple Tense มักมีคาวิเศษณ์แสดงเวลา (adverb of time) บ่งชี้ว่า เหตกุ ารณไ์ ดเ้ กดิ ขึ้นในชว่ งเวลาในอดตี เช่น Yesterday (เม่อื วาน), last ...... , ...... ago (ท่ีผ่านมา) ตัวอย่าง Johns went to school by train yesterday. จอหน์ ไปโรงเรยี นด้วยรถไฟเมอื่ วานน้ี They visited their grandmother 2 week ago. พวกเขาไปเยย่ี มคณุ ยายของพวกเขาเม่ือสองสัปดาห์ทแี่ ลว้ My teacher was born in 1993. คณุ ครขู องฉันเกิดเมอ่ื ปี ค.ศ. 1993 We sometimes watched movies at home last year. เราดูหนังท่บี ้านเป็นบางครงั้ เมอ่ื ปีทีแ่ ล้ว (ปีนี้ไปดูท่โี รงหนังอย่างเดียว) 6 Past Continuous Tense การใช้ ใช้เมือ่ เปน็ ประโยคทกี่ ล่าวถึง 1. เหตุการณท์ ี่กาลงั เกิดขน้ึ ในเวลาทีเ่ จาะจงในอดตี 2. เหตุการณท์ ่กี าลังเกิดขึน้ ในอดตี แลว้ มเี หตกุ ารณ์บางอยา่ งเกดิ แทรก โครงสร้างประโยค Subject + was/were + V.ing ข้อสังเกต** กรณีท่ี 2 (เหตุการณ์ที่กาลังเกิดข้ึนในอดีตแล้วมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดแทรก) โดยท่ัวไปมักใช้ควบคู่กับ Past Simple Tense [past con กาลังเกิด past sim เข้ามาแทรก] โดยใช้ คาเช่อื มประโยค (conjunction) คือ when/before + Past Sim หรือ while + Past Con

86 ** สามารถใช้ Past Con คูก่ นั โดยใช้ while เป็นตัวเชอื่ ม ตวั อยา่ ง When I called mom, she was driving to Bangkok. เม่ือตอนท่ีฉันโทรหาแม่ หลอ่ นกาลังขบั รถไปกรงุ เทพ My telephone rang while I was swimming. โทรศัพท์ดงั ข้นึ ขณะท่ฉี นั กาลงั วา่ ยนา้ Your boyfriend was having lunch with his ex while you were cooking at home. แฟนของเธอทานมอื้ เทย่ี งกบั แฟนเก่า ขณะทเ่ี ธอทาอาหารอย่ทู ่บี ้าน คากรยิ าสาหรับ Past Con คากรยิ าที่นามาใชก้ บั Past Continuous ตอ้ งเปน็ กริยาทีส่ ามารถแสดงการกระทาไดน้ าน เหน็ มาออกขอ้ สอบบ่อยๆ เช่น do, drive, eat, have, read, sing, sit, sleep, swim, teach, write, clean, cook, cry, dance, play, rain, walk, wash, watch คากรยิ าทนี่ ามาใชก้ ับ Past Simple ส่วนใหญเ่ ปน็ กริยาทเี่ กดิ ข้ึนแปบ๊ เดยี ว ไมส่ ามารถทาไดน้ าน เช่น take, start, arrive, see, hear, smell, hit, come, ring, cut 7 Past Perfect Tense การใช้ ใช้เม่อื เป็นประโยคทีก่ ล่าวถงึ เหตกุ ารณ์ทไ่ี ด้ทาในอดตี และจบลงในอดตี อย่างสมบรู ณ์ (จนมเี หตกุ ารณบ์ างอยา่ งเกิดตามมา) โครงสรา้ งประโยค Subject + had + V.3 ขอ้ สังเกต** Past Perfect Tense โดยทั่วไปมักใช้ควบค่กู บั Past Simple Tense [past per เกดิ จบก่อน past sim เกิดตามมา] โดยใช้คาเช่อื มประโยค (conjunction) คอื before + Past Sim หรอื after + Past Per ตวั อย่าง Kate had lived in Japan for years before she moved to Thailand. เคทอาศยั อยูท่ ญ่ี ี่ปุ่นมาตงั้ แต่ปคี .ศ.2001

ความรู้ทั่วไปวิชาภาษาองั กฤษ 87 After I had met you, I dreamt about you. หลงั จากฉนั ได้พบคณุ ฉันกฝ็ นั ถึงคณุ They had had dinner before they did homework. พวกเขาไดเ้ ขากินขา้ ว ก่อนพวกเขาทาการบ้าน 8 Past Perfect Continuous Tense การใช้ ใช้เมอ่ื เป็นประโยคทก่ี ล่าวถงึ เหตุการณ์ทก่ี าลงั เกิดขน้ึ แล้วเปน็ ระยะเวลาหน่งึ ในอดีต แลว้ มเี หตกุ ารณ์บางอยา่ งเกดิ แทรก โครงสรา้ งประโยค Subject + had + been + V.ing ข้อสังเกตหลักการใชล้ า้ ยกบั Past Continuous Tense ตัวอยา่ ง I had been waiting for the train for three hours before it arrived at the station. ฉนั ได้รอคอยรถไฟเปน็ เวลา 3 ช่ัวโมง ก่อนทม่ี ันจะมาถงึ สถานี (รอมานานสกั ระยะกว่ารถไฟจะ มา) 9 Future Simple Tense • การใช้ ใชเ้ มอ่ื เปน็ ประโยคทกี่ ลา่ วถงึ เหตกุ ารณท์ ั่วไปท่ีคาดว่าจะเกดิ ขึ้นในอนาคต • โครงสรา้ งประโยค Subject + will + V. infinitive ข้อสังเกต** Future Simple Tense มักมีคาวิเศษณ์แสดงเวลา (adverb of time) บ่งช้ีว่า เหตุการณไ์ ดเ้ กดิ ขน้ึ ในชว่ งเวลาในอนาคต เช่น tomorrow (พร่งุ น้ี), next ...... (ถัดไป) ** เนอ่ื งจากการใช้ Future Simple Tense มักเปน็ การคดิ คาดการณ์จงึ อาจเจอคา เหลา่ นี้ probably อาจจะ, think คิดว่า, sure มัน่ ใจ, expect คาดวา่ , know รู้ว่า ตัวอยา่ ง John will probably go to school by bike tomorrow. จอห์นอาจจะไปโรงเรยี นดว้ ยรถจักรยานวนั พรุง่ นี้

88 They will visit their grandmother next month. ฉันคิดวา่ พวกเขาจะไปเยี่ยมคุณยายของพวกเขาเดือนหน้า I’m sure you will come to see me at the party tonight. ฉนั แนใ่ จว่าเธอจะมาเจอฉันทีง่ านปาร์ตีค้ ืนน้ี 10 Future Continuous Tense การใช้ ใช้เมอื่ เปน็ ประโยคที่กล่าวถงึ เหตุการณ์ที่กาลังเกดิ ขน้ึ ในเวลาทเ่ี จาะจงในอนาคต คือ ในช่วงเวลาหนึ่งของอนาคต จะมเี หตกุ ารณ์หนง่ึ กาลงั เกดิ ข้ึนอยู่ โครงสร้างประโยค Subject + will be + V.ing ตวั อยา่ ง I will be reading books at 8 o’clock tomorrow. ฉนั จะกาลงั อ่านหนังสอื เวลา 8 นาฬกิ า วันพรุ่งน้ี ความแตกตา่ งระหวา่ ง Future Simple กับ Future Continuous I will watch TV tomorow morning. ฉนั จะดูทีวีพรงุ่ น้เี ชา้ I will be watching TV tomorrow morning. ฉนั จะกาลงั ดูทวี ีพรุ่งน้เี ช้า ความแตกตา่ งคอื การกระทาท่จี ะเกิดข้นึ ประโยคแรกเป็นแคค่ วามคิดว่าจะทา แต่ประโยคหลัง แน่ใจมาก จะดทู วี แี นๆ่ พรุ่งนี้ คลา้ ยกบั Present Con ซึ่งกลา่ วถึงเหตกุ ารณ์ท่ีกาลงั เกดิ ข้ึนในปัจจบุ นั ส่วน Future continuous กล่าวถึงเหตุการณ์ทีกาลังเกิดในอนาคต ซึ่งเหมือนกับว่าเราทานายล่วงหน้าว่าใน อนาคต จะมีเหตุการณห์ นง่ึ ๆ กาลังเกิดขึ้นอยู่ 11 Future Perfect Tense การใช้ ใชเ้ มอื่ เป็นประโยคทีก่ ล่าวถงึ เหตกุ ารณ์ท่ไี ด้ทาในอนาคตท่ีจะจบอย่างสมบรู ณ์ คอื ในช่วงเวลาหน่ึงของอนาคต จะมเี หตุการณ์หนงึ่ ไดท้ าเสรจ็ สนิ้ ลงไปแลว้ โครงสร้างประโยค ตัวอยา่ ง Subject + will have + V.3 Tomorrow morning, we will have finished our project. พรงุ่ นีเ้ ช้า พวกเราจะดาเนิน โครงการของพวกเราเสรจ็ แล้ว **สามารถใช้ร่วมกับ Present Sim ได้

ความรูท้ ่วั ไปวชิ าภาษาอังกฤษ 89 She will have gone when you arrive. หล่อน(คง)จะไปแล้ว เมอ่ื คณุ มาถงึ I will have cleaned the floor when my mom gets home. ฉัน(คง)จะทาความสะอาดพ้ืนเรยี บร้อยแล้ว ตอนทแี่ มม่ าถึง 12 Future Perfect Continuous Tense การใช้ ใช้เมอื่ เปน็ ประโยคทกี่ ล่าวถงึ เหตุการณใ์ นอนาคต ทีจ่ ะไดท้ าไปแลว้ เปน็ ระยะเวลาหนง่ึ และกาลงั ทาอยู่ โครงสรา้ งประโยค ตวั อยา่ ง Subject + will have been + V.ing I will have been eating breakfast for 30 minutes at 8 o’ clock tomorrow. ฉนั จะได้กาลงั กนิ ขา้ วเช้าเปน็ เวลา 30 นาทีแล้ว ณ เวลา 8 นาฬิกา วันพร่งุ นี้ (หมายความวา่ พรงุ่ น้ฉี นั จะ เรม่ิ กินข้าวเชา้ เวลา 7.30 นาฬกิ า พอถงึ เวลา 8 นาฬกิ า ฉันกก็ ินขา้ วมาแลว้ 30 นาที) At 10 o’ clock tomorrow, we will have been working on farm for two hours. เวลา 10 นาฬิกาพรุ่งนี้ พวกเราจะได้กาลงั ทางานในฟารม์ เป็นเวลา 2 ช่ัวโมงแลว้ (หมายความว่า พรงุ่ นี้ ตอนเชา้ เวลา 10 นาฬิกา พวกเรากจ็ ะไดท้ างานมาแล้ว 2 ชวั่ โมง ถา้ คุณอยากมา 10 โมงก็คงไม่มีอะไรให้ ทาแลว้ ) **สามารถใช้รว่ มกับ Present Sim ได้เช่นกัน You will have been waiting for two hours when the plane arrives. คณุ จะไดก้ าลังรอ เปน็ เวลาสองชั่วโมง เมือ่ เคร่อื งบนิ มาถงึ They will have been sleeping for three hours by the time their parents get home. พวกเขาจะไดก้ าลังนอนหลบั เป็นเวลา 3 ช่ัวโมง ตอนท่ีพ่อแม่ของพวกเขามาถงึ (หมายความวา่ เมือ่ พอ่ แม่ของพวกเขามาถึงบ้าน พวกเขากไ็ ดเ้ ข้านอน และหลบั ไปแลว้ 3 ช่วั โมง)

90 กลยทุ ธ์พิชิต Reading Part 1) Read the questions first (quickly). คือ อ่านคาถามเป็นลาดับแรก หมายความว่า เม่ือ ไดp้ assage (บทความ) มาแลว้ อย่าเพงิ่ เสียเวลาอ่านเน้อื เร่อื ง ให้ลงมาอา่ นคาถามกอ่ น อา่ นใหไ้ ว และจับ ให้ได้ว่าเราควรจะหาอะไร โจทย์ต้องการคาตอบประเภทไหน เช่น title(ชื่อเร่ือง), topic(หัวข้อเรื่อง), main idea(บทความกลา่ วถึงเรอ่ื งอะไร) หรือ ถามเก่ยี วกับรายละเอียดสาคัญต่างๆ เชน่ บทความกล่าวถงึ ใคร(Who) ทาอะไร(Do, Did) สิ่งไหน(Which) อะไร(What) เม่ือไหร่(When) ซ่ึงจะทาให้เวลาอ่านเราจะ อ่านง่ายขึ้นและไมจ่ าเปน็ ต้องรู้หรือแปลได้ทกุ สว่ น เพราะขอบเขตของคาตอบแคบลงแล้ว 2) Look for clues. Are there pictures, headlines, etc.คือ การดูบริบทรอบๆ ในเน้ือหา น้ัน ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพประกอบ หัวเร่ือง หรือแม้แต่สัญลักษณ์อ่ืนๆ ที่ปรากฏ โดยเฉพาะถ้าเคยเรียน เก่ียวกับ context clue(การเดาความหมายจากรากศัพท์ หรือบรบิ ท) น่าจะชว่ ยได้เยอะทีเดยี ว ประโยชน์ ของการหาส่ิงเหลา่ น้ี ก็เพ่อื ใบใ้ ห้เราเข้าใจในเร่ืองนนั้ ๆ มากยิง่ ขนึ้ น่ันเอง 3) Skim. การอ่านแบบสกิมม่ิง คือ การอ่านแบบเรว็ เน้นการเก็บคีย์เวิรด์ สาคัญ เช่น การอ่าน ประโยคแรกของทุกย่อหน้า ก็จะช่วยใหเ้ ราเรียงลาดับความคิดของเรื่องได้ดีขึ้น เพราะตามหลกั การการ เขียนแล้ว 1 ยอ่ หนา้ ก็ควรจะมี 1 ใจความ และใจความของเรอ่ื งกม็ กั จะอยู่ต้นยอ่ หนา้ น่นั เอง ดังนั้น การ อ่านแบบสกมิ มิ่งในทุกๆ ย่อหนา้ เราก็จะรู้เนื้อหาครา่ วๆ ไดแ้ ล้ว 4) 4. While reading, pay attention to transitions. Signal words like \" moreover,\" \"therefore,\" \"however,\" etc. ในขณะท่ีอ่านก็ไม่ควรอา่ นแบบเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ แต่ควรมีสติและ หดั สงั เกตการเขยี นของบทความ ดูวา่ มีตวั เชือ่ มอะไรบ้าง เชน่ moreover, however เพราะคาเชือ่ มแต่ ละตวั มหี น้าทแ่ี ตกต่างกนั บางตวั ใช้กับประโยคขัดแยง้ บางตวั ใชก้ ับข้อความท่ีคล้อยตามเป็นเหตุเป็น ผลกัน ดังน้ันถ้าเราเข้าใจการเช่ือมประโยคในแต่ละข้ัน ก็จะเข้าใจเนื้อเรื่องได้ดีข้ึน รวมถึงเข้าใจ วตั ถปุ ระสงค์ของผู้เขียนมากข้ึนดว้ ย 5) Read with a pencil.นอกจากจะอา่ นด้วยตาแล้ว จะตอ้ งอ่านด้วยดินสอดว้ ย เพราะเมื่อถึง จดุ ที่เราเกิดงงเป็นไก่ตาแตกหรอื ไม่เขา้ ใจ ก็จะไดท้ าเคร่ืองหมายคาถาม(?) หรือขดี เสน้ ใตจ้ ุดสาคัญไว้ ได้ กลับมาอ่านอีกทีจะได้เห็น แต่ก็อย่านึกสนุกขีดเยอะเกินไปจนรกจนงงไปหมดว่าส่วนไหนสาคัญไม่ สาคัญ หรือจนลมื วา่ ต้องทบทวนหรือเดาตรงไหน 6) Always pay attention to the time you've left. เวลาทาขอ้ สอบ อย่าลมื ดเู วลาทีเ่ ราใช้ และเวลาทเ่ี ราเหลือด้วย เพราะถ้าบริหารเวลาไมด่ ี ต่อให้ทาได้แต่ทาไม่ทันกไ็ ร้ค่า เพราะผทู้ ่ไี มค่ ุ้นชินกบั การทาขอ้ สอบreading(ฝกึ ทาน้อย อา่ นยังไมเ่ กง่ ) มกั จะน้ังอ่านหรอื หยดุ ในจดุ ทไ่ี มเ่ ขา้ ใจนานเกินไป ฉะน้ัน หากไม่สามารถแปลความไดห้ รือไม่เข้าใจจริงๆควรจะขา้ มขอ้ ๆน้ันไปกอ่ นและต้องตัดสินใจใหเ้ ร็วท่ีสุดเพ่ือ ประหยดั เวลา

ความรทู้ ั่วไปวิชาภาษาอังกฤษ 91 7) Practice! ต้องฝึกทาข้อสอบประเภทนี้ให้มากๆ เพราะจะสามารถเรียนรู้ได้ทั้งคาศัพท์ (Vocab) และรูปของประโยค(Sentence) ซ่ึงจะทาให้สามารถเข้าใจไวยกรณ์ของภาษาอังกฤษมากขึ้น เป็นการช่วยให้ทาข้อสอบภาษาอังกฤษในพาร์ทอื่นๆได้ดีข้ึนด้วย และการอ่านบ่ อยๆก็จะทาให้ ประหยัดเวลาในการอา่ นลง เพราะจรงิ ๆแล้วส่ิงที่ทาให้ผู้เข้าสอบทาคะแนนในพาร์ทนีไ้ ด้น้อยกเ็ พราะว่า “ทาไมท่ นั ” อกี ทั้งผู้เขา้ สอบจะได้เห็นรปู แบบและคาถามท่ีหลากหลายในแนวข้อสอบ Reading ดว้ ย

92 ประโยคเง่ือนไข (Conditional Sentences/ If-clause) ประโยคเง่ือนไข คอื รปู ประโยทแี่ สดงถงึ เงอ่ื นไขว่าถา้ ทาอยา่ งน้ัน ผลจะเกดิ ตามมาจะเปน็ อย่างน้ี ประโยคเงอื่ นไขประกอบด้วยสองส่วน คือ 1. Main clause คือ สว่ นของประโยคหลกั เปน็ ประโยคทแ่ี สดงผลของเงอื่ นไขนนั้ ๆ 2. If clause คือ สว่ นของเงอ่ื นไข หรือสว่ นท่เี ป็นเหตุการณส์ มมติ เปน็ ประโยคส่วนทีม่ ี If น่นั เอง ตวั อย่างประโยค เชน่ If my son passes his exam, I will buy him a guitar. คือเงอื่ นไขทผ่ี พู้ ูดไดส้ รา้ งไว้ ว่า If my son passes his exam “ถ้าลกู ชายสอบผา่ น” (If clause) ผลท่ตี ามมาคือ I will buy him a guitar. “ฉนั จะซอื้ กตี าร์ให้ลกู ” (Main clause) ข้อสงั เกต** สองสว่ นน้ีสามารถสลบั ตาแหนง่ กนั ได้ แตถ่ ้า If อยดู่ ้านหนา้ จะตอ้ งมีเครื่องหมายคอมมา (,) ค่ันตรงกลาง คั่นระหวา่ งสองสว่ น แต่ถา้ เอาส่วนท่ีเป็นผลขึ้นก่อน (คือสว่ นท่ไี ม่มี if) กไ็ มต่ ้องใสค่ อมมา เชน่ I will buy my son a guitar if he passes his exam. ประโยคเง่ือนไข (Conditional Sentences/ If-clause) มอี ยู่ 4 รปู แบบ แบ่งตามเงอ่ื นไขและ เวลา ดังนี้ 1. Present Possible แบบที่ 1 Zero Conditional Sentences If + Present Simple, Present Simple วิธใี ช้ ใชก้ ับเหตุการณท์ ่เี ป็นความจรงิ ตามธรรมชาติ ตามหลกั วิทยาศาสตร์ (ถา้ เกิดสงิ่ หนง่ึ ต้อง เกิดอีกสิ่งหนึ่งเสมอ) ดังน้ันจึงเก่ียวข้องกับ Present Simple Tense ซึ่งใช้บอกข้อเท็จจริง หรือส่ิงท่ีมี ความเป็นไปไดใ้ นปัจจบุ นั โอกาสจะเป็นไปได้สงู เช่น If water reaches 100 degrees, it boils. เม่อื อุณหภมู นิ า้ สูงเท่ากับ 100 องศา เซลเซยี ส น้าจะเดือด If I eat peanuts, I am sick. ถา้ ฉนั กนิ ถวั่ ลสิ งฉนั จะแพ้ I can’t drink alcohol if I have to drive. ฉันไม่สามารถดมื่ แอลกอฮอลถ์ า้ ฉนั ตอ้ งขบั รถ แบบที่ 2 Real Conditional Sentences/ First Conditional Sentences

ความรู้ทั่วไปวิชาภาษาอังกฤษ 93 If + Present Simple, Future Simple หรอื If + Subject + v.1 (s/es), Subject + will + v. infinitive วิธีใช้ ใช้กับเหตุการณท์ ี่เป็นเหตเุ ปน็ ผลซง่ึ กันและกนั เงือ่ นไขท่ีสามารถเป็นความจริง เป็นไปไดใ้ น ปจั จบุ นั เช่น If you eat too much, you will get fat ถา้ คณุ กนิ มากเกนิ ไป คุณกจ็ ะอว้ น I will go to Japan if I have enough money. ถา้ ฉันมเี งนิ ฉันจะไปญ่ปี ่นุ If I study hard, I will pass the test. ถา้ ฉันเรียนหนกั ฉันกจ็ ะสอบผ่าน I won’t go outside if the weather is cold. ฉันจะไมอ่ อกไปข้างนอกถ้าอากาศมนั เย็น ขอ้ สงั เกต** Present Possible แบบที่ 1 Zero conditional กบั แบบที่ 2 Real Conditional ต่างกนั ตรงทีใ่ ช้กบั สถานการณค์ นละประเภท Zero conditional คือเรือ่ งท่ีเกดิ ขน้ึ แนน่ อนหรือโอกาสสูงมาก สว่ น Real Conditional คือมีความเปน็ ไปได้ อาจจะเกดิ หรอื ไม่เกิดข้นึ ก็ได้ Zero conditional: If you sit in the sun, you get burned. (ใครก็ตามท)ี่ น่ังตากแดดจะ ผวิ ไหม้ First conditional: If you sit in the sun, you’ll get burned. ถ้าเธอนง่ั ตากแดดผิวเธอจะ ไหมน้ ะ 2. Present Unreal Unreal Conditional Sentences/ Second Conditional Sentences If + Past Simple, Future Simple in past หรอื If + Subject + v.2, Subject + would + v. infinitive วธิ ใี ช้ ใช้กับเหตุการณท์ ่ีตรงข้ามความจรงิ ในปจั จบุ นั หรอื อนาคต คอื การกลา่ วถึงสง่ิ ทผ่ี ู้พดู เสนอ เง่ือนไขในเรอื่ งทไ่ี ม่นา่ จะเกิดข้นึ หรอื เปน็ ไปได้ยากมากๆ ในปจั จุบนั และอนาคต หรอื เงอื่ นไขทไ่ี ม่สามารถ เป็นไปได้ เปน็ แคส่ งิ่ ทเ่ี ราสมมตขิ ึ้นมา เนอื่ งจากเป็นการกลา่ วถงึ ความจรงิ ทเี่ ป็นไปไมไ่ ด้ ความจรงิ ท่ี

94 ผดิ เพย้ี นไป ประโยคเง่อื นไขจงึ ใช้ Past Simple Tense เพ่ือแสดงใหเ้ หน็ วา่ มนั คอื สิ่งท่เี พย้ี นไปจากความ เปน็ จรงิ ในปจั จุบนั เชน่ - ใชพ้ ูดถึงความใฝ่ฝันวา่ อยากให้เกดิ ข้ึนในอนาคตแต่อาจไมเ่ กิดขน้ึ (ซงึ่ ผพู้ ูดคิดว่าคงไม่ไดต้ ามท่ี หวัง) If I won the lottery, I would buy a big house. ถ้าถูกลอตเตอรี่ฉนั จะซ้ือบ้านหลงั ใหญ่ She would travel over the world if she were rich. หลอ่ นจะเทยี่ วรอบโลก ถ้าเธอรวยมี เงนิ มากๆ - ใช้พดู ถึงเหตกุ ารณใ์ นปจั จบุ ันทเี่ ป็นไปไม่ได้เลย ไม่จรงิ เลย If I had his number, I would call him. ถ้ามีเบอรเ์ ขาฉนั จะโทรหาเขา (แต่จรงิ ๆ แล้วฉนั ไม่มีเบอร์เขา) It would be nice if you helped me do the housework. มนั น่าจะดถี ้าคุณได้ชว่ ยฉนั ทางานบา้ นบา้ ง (แตจ่ รงิ ๆ แลว้ เธอไม่ช่วยเลย) If I were you, I would not say that. ถ้าฉนั เปน็ คณุ ฉันก็ไม่น่าจะพดู เชน่ นัน้ (แตจ่ รงิ ๆ แล้ว ฉนั ไม่ได้เป็นคณุ เราเป็นคนอื่นไม่ได้) ข้อสงั เกต** 1. เฉพาะในประโยคเงอื่ นไข ถ้าหากว่าประธานเปน็ I, she, he กริยาช่วย (was, were) จากที่ เคยใช้ I was, she was, he was จะเปล่ียนเป็น I were, she were, he were นะคะ เพ่ือแสดงว่าส่ิงท่ี เราพูดมนั ตรงข้ามกับความเปน็ จรงิ 2. ประโยค Second Conditional ต่างกับ First Conditional ตรงท่ีแบบนี้มีความเป็นไปได้ นอ้ ยมาก First conditional ใช้พูดถึงส่งิ ทผ่ี ูพ้ ดู คาดคะเนวา่ จะเกดิ ขน้ึ แต่ Second conditional จะใช้พดู ถึงสง่ิ ทผ่ี ู้พูดคิดวา่ ไมน่ า่ จะเกิดข้ึน เช่น First conditional: If she studies harder, she’ll pass the exam. ถ้าเธอตงั้ ใจเรยี นมากข้นึ เธอจะสอบผ่าน (ผู้พดู คดิ ว่าเป็นไปได)้ Second conditional: If she studied harder, she would pass the exam. ถา้ เธอตั้งใจเรยี นมากขน้ึ เธอคงสอบผา่ น (ผู้พดู ไม่คดิ วา่ จะเปน็ ไปได้ คดิ วา่ เธอคงไม่ตงั้ ใจมากขึ้น และเธอคงสอบไมผ่ ่าน) 3. Past Unreal Unreal Conditional Sentences/ Third Conditional Sentences

ความร้ทู ว่ั ไปวิชาภาษาอังกฤษ 95 If + Past Perfect, Future Perfect in past หรอื If + Subject + had + v.3, Subject + would + have/has + v.3 วธิ ใี ช้ ใช้กับเหตุการณท์ ีต่ รงข้ามความจรงิ ในอดตี เง่อื นไขนน้ั ตรงขา้ มกันกับความจรงิ ท่เี กิดขน้ึ ใน อดีตด้วย ไมส่ ามารถเปน็ จริงไดเ้ ลยในปจั จบุ นั เปน็ การกลา่ วถงึ อดีตทไี่ มไ่ ด้เกิดข้ึนจรงิ ว่าถา้ เกิดข้ึนแลว้ จะ เปน็ อยา่ งไร เช่น If you had worked harder, you would have passed your exam. ถ้าคณุ ขยันให้มากกว่าน้ี คุณก็น่าจะสอบผา่ น (แต่จริงๆ แลว้ สอบตกไปแลว้ ) If you had asked me, I would have told you. ถา้ คณุ ถามฉนั ฉันก็น่าจะบอกคณุ ไปแลว้ (แต่จรงิ ๆ แลว้ เมือ่ ตอนน้นั ในอดตี คุณไมไ่ ด้ถาม) I would have been in big trouble if you had not helped me. ฉันนา่ จะมีปญั หาไปแลว้ ถา้ คณุ ไมไ่ ด้ช่วยฉันไว้ (แต่จรงิ ๆ แลว้ คณุ ชว่ ยฉันไว้) If it had been a home game, our team would have won the match. ถา้ เราไดแ้ ข่งในบ้านของเรา ทมี ของพวกเราต้องชนะแนๆ่ (แต่ความเป็นจริงทมี ของพวกเราแพ้ ไปแล้ว) ➢ การใช้ Unless Unless มีความหมายวา่ if…not (ถา้ ไม)่ ตวั อย่าง - If I don’t study hard I won’t pass the exam. ถ้าฉนั ไมเ่ รยี นใหห้ นกั ฉันคงสอบไมผ่ า่ น สามารถเขยี นไดอ้ กี แบบ คือ Unless I study hard, I wouldn’t pass the exam. (เวน้ แต่ว่า ฉันตอ้ งเรียนใหห้ นกั ไมเ่ ชน่ น้นั แล้ว ฉนั คงสอบไม่ผา่ น) - If I hadn’t forgotten a purse, I wouldn’t have borrowed you some money. ถา้ ฉันไม่ลมื กระเปา๋ ฉนั คงจะไม่ต้องขอยมื เงินคณุ หรอก สามารถเขยี นได้อีกแบบ คือ Unless I had forgotten a purse, I wouldn’t have borrowed you some money. (เวน้ แตว่ ่าฉนั ลมื กระเปา๋ ไมเ่ ชน่ นนั้ แล้ว ฉันคงไมต่ ้องขอยมื เงนิ คณุ )

96 Conversation การทาข้อสอบ Conversation/Dialogue บทสนทนา พจิ ารณาวา่ ใครคุยกบั ใครคยุ ผ่านสือ่ ไหน และสถานการณ์คอื อะไร 1. Situation ตอ้ งดสู ถานการณ์ โดยตอ้ งมีลกั ษณะเฉพาะทสี่ ามารถคาดเดาได้ เช่น การกล่าวคา ทกั ทาย ขอโทษ ขอบคณุ การเขา้ ร้านอาหาร การถามเส้นทาง การเดินทาง การจองหอ้ งพกั การซอ้ื ขาย สนิ ค้า การโทรศัพท์ : เพ่ือจะเลือกคาตอบทเ่ี หมาะสมใหก้ ารถามและตอบเปน็ เรอ่ื งเดยี วกนั เนอื้ เรือ่ งทก่ี าลังอา่ นอยู่ นั้นต้องเชือ่ มโยงเปน็ เร่อื งเดียวกัน คาตอบและคาถามต้องมคี วามสอดคล้องกนั 2. Status สถานภาพ ตอ้ งรู้สถานภาพของผพู้ ดู เพอ่ื ทจ่ี ะใชภ้ าษาไดอ้ ย่างเหมาะสมในบทสนทนา นัน้ ๆ ใช้ เชน่ เพื่อนคยุ กบั เพื่อน เดก็ คยุ กับผ้ใู หญ่ นิสติ หรอื นกั ศึกษาคุยกบั อาจารย์ เจา้ นายคุยกบั ลูกน้อง เปน็ ตน้ : เพอื่ เลือกใชร้ ะดบั ของภาษาหรือความสุภาพในการใช้ภาษาที่เหมาะสม ระดับของภาษาแบ่ง ออกเปน็ 2 ระดับ คือ ภาษาที่เป็นทางการ (Formal) และ ภาษาทีไ่ ม่เปน็ ทางการ (Informal/ Colloquial) 3. Speaker ผูพ้ ูด คอื ในบทสนทนาน้นั มคี นพดู อยกู่ ี่คน และใครกาลงั เป็นคนพูดอยู่ ตวั อย่างประโยคในบทสนทนา แบ่งตามสถานการณ์ 1. ทาความรูจ้ กั 1.1 แนะนาตวั เอง Can/ May I introduce myself? My name’s Peter. Let me introduce myself. My name’s... I’d like to introduce myself. I’m … . I don’t think we’ve met. I’m … . 1.2 ตอบรบั คาแนะนา Hi, my name is…….. I’m……. Nice to meet you. Nice to meet you. Please to meet you. It is very nice to meet you. 2. ถามทกุ ขส์ ขุ 2.1 การทกั ทาย (ถาม)