Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นักวิชาการจัดเก็บรายได้ปฏิบัติการ 62 อปท.

นักวิชาการจัดเก็บรายได้ปฏิบัติการ 62 อปท.

Published by มนฤดี เหลืองประมวล, 2020-10-05 00:41:30

Description: นักวิชาการจัดเก็บรายได้ปฏิบัติการ 62 อปท.

Search

Read the Text Version

พระราชบัญญตั ภิ าษบี ารุงทอ้ งท่ี พ.ศ. 2508 และแก้ไขเพมิ่ เติม 397 มาตรา 6 ในพระราชบญั ญัตนิ ้ี “ทีด่ ิน” หมายความวา่ พนื้ ทดี่ ิน และให้หมายความรวมถึงพ้ืนทที่ ่ีเป็นภูเขาหรอื ที่มนี า้ ดว้ ย “เจ้าของท่ดี ิน” หมายความว่า บุคคลหรือคณะบุคคลไม่ว่าจะเปน็ บุคคลธรรมดาหรือนติ บิ ุคคล ซ่ึงมกี รรมสทิ ธ์ใิ นทดี่ นิ หรอื ครอบครองอยู่ในทด่ี นิ ทีไ่ ม่เปน็ กรรมสิทธ์ิของเอกชน “ปี” หมายความวา่ ปปี ฏทิ ิน “รฐั มนตรี” หมายความวา่ รฐั มนตรีผูร้ ักษาการตามพระราชบญั ญตั ินี้ มาตรา 7 ให้ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินในวันท่ี 1 มกราคม ของปีใด มีหน้าที่เสียภาษีบารุงท้องท่ี สาหรบั ปีนั้นจากราคาปานกลางของทด่ี นิ ตามบัญชอี ัตราภาษบี ารุงท้องทีท่ ้ายพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา 8 เจา้ ของที่ดินไม่ตอ้ งเสยี ภาษีบารงุ ท้องทส่ี าหรบั ท่ดี ิน ดงั ตอ่ ไปน้ี (1) ท่ดี นิ ที่เปน็ ทีต่ ้งั พระราชวงั อันเป็นสว่ นสาธารณสมบัติของแผ่นดนิ (2) ท่ีดินที่เป็นสาธารณสมบตั ิของแผน่ ดินหรอื ท่ีดนิ ของรัฐทใ่ี ช้ในกิจการของรัฐหรือสาธารณะ โดยมิได้หาผลประโยชน์ (3) ทีด่ นิ ของราชการส่วนท้องถ่ินทใ่ี ช้ในกิจการของราชการส่วนท้องถ่นิ หรอื สาธารณะ โดยมไิ ด้ หาผลประโยชน์ (4) ที่ดินที่ใช้เฉพาะการพยาบาลสาธารณะ การศึกษา หรือการกุศลสาธารณะ (5) ที่ดินที่ใช้เฉพาะศาสนกิจศาสนาใดศาสนาหน่ึงท่ีดินที่เป็นกรรมสิทธ์ิของวัดไม่ว่าจะใช้ ประกอบศาสนกจิ ศาสนาใดศาสนาหนึง่ หรือไม่ หรือท่ศี าลเจา้ โดยมไิ ด้หาผลประโยชน์ (6)[3] ท่ดี นิ ที่ใช้เป็นสสุ านและฌาปนสถานสาธารณะโดยมไิ ดร้ บั ประโยชนต์ อบแทน (7)[4] ทีด่ นิ ทีใ่ ช้ในการรถไฟ การประปา การไฟฟา้ หรือการทา่ เรอื ของรัฐหรอื ท่ใี ช้เป็นสนามบิน ของรัฐ (8) ทดี่ ินที่ใช้ต่อเนือ่ งกับโรงเรือนทต่ี ้องเสียภาษโี รงเรอื นและทีด่ นิ อยแู่ ล้ว (9) ทด่ี ินของเอกชนเฉพาะส่วนทเ่ี จา้ ของท่ีดินยนิ ยอมใหท้ างราชการจัดใช้เพอื่ สาธารณประโยชน์ โดยเจ้าของที่ดินมไิ ดใ้ ชห้ รอื หาผลประโยชนใ์ นท่ีดินเฉพาะสว่ นนน้ั (10) ท่ีดินที่เป็นท่ีต้ังท่ีทาการขององค์การสหประชาชาติ ท บวงการชานัญพิเศษของ สหประชาชาติ หรือองค์การระหว่างประเทศอื่น ในเม่ือประเทศไทยมีข้อผูกพันให้ยกเว้นตามอนสุ ญั ญา หรอื ความตกลง

398 (11) ที่ดินท่ีเป็นที่ตัง้ ที่ทาการของสถานทูต หรือสถานกงสุล ทั้งนี้ให้เปน็ ไปตามหลักถอ้ ยทีถอ้ ย ปฏิบัติตอ่ กนั (12) ทดี่ นิ ตามทีก่ าหนดในกฎกระทรวง มาตรา 8 ทวิ[5] เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติน้ีในเขตกรุงเทพมหานครให้รัฐมนตรีมี อานาจออกกฎกระทรวง ดังต่อไปน้ี (1) กาหนดผู้มีอานาจแตง่ ตั้งเจ้าพนักงานประเมนิ และเจ้าพนกั งานสารวจ (2) กาหนดหลกั เกณฑ์การแต่งต้ังคณะกรรมการเพ่อื พิจารณาการตีราคาปานกลางตามมาตรา 14 (3) กาหนดสถานที่เพื่อปฏบิ ัตกิ ารตามมาตรา 18 มาตรา 28 มาตรา 29 และมาตรา 34 (4)[6] กาหนดเขตทอ้ งท่ีตามมาตรา 22 (4 (5) กาหนดวิธีการและสถานท่แี จ้งการประเมินตามมาตรา 33 (6) กาหนดผู้ปฏิบตั หิ นา้ ที่แทนนายอาเภอหรือนายกเทศมนตรี มาตรา 8 ตรี[7] ให้ผวู้ ่าราชการกรุงเทพมหานครมอี านาจหนา้ ทเ่ี ชน่ เดยี วกบั ผ้วู า่ ราชการจงั หวดั ตามทีบ่ ัญญัตไิ ว้ในพระราชบญั ญัตนิ ท้ี ว่ั เขตกรงุ เทพมหานคร มาตรา 9 เพอื่ ปฏิบตั ิการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี (1) ในเขตเทศบาล ให้นายกเทศมนตรีมีอานาจแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินและเจ้าพนักงาน สารวจ (2) นอกเขตเทศบาล ใหน้ ายอาเภอทอ้ งทีม่ ีอานาจแตง่ ต้งั เจ้าพนกั งานประเมินและเจ้าพนักงาน สารวจ มาตรา 10[8] ภาษีบารุงท้องท่ีท่ีเก็บจากทด่ี ินในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใด นอกจาก องคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั ให้เปน็ รายไดข้ ององค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ นัน้ ภาษบี ารงุ ทอ้ งทีท่ ่ีเก็บจากท่ดี ินในเขตจงั หวดั ซ่ึงอยนู่ อกเขตองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ตามวรรค หน่ึง ให้เป็นรายได้ขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั นนั้ มาตรา 10 ทว[ิ 9] (ยกเลกิ ) มาตรา 11 ส่วนลดและค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บภาษีบารุงท้องท่ี ให้เป็นไปตามท่ีกาหนดใน กฎกระทรวง

พระราชบญั ญัติภาษีบารงุ ทอ้ งท่ี พ.ศ. 2508 และแก้ไขเพ่มิ เตมิ 399 มาตรา 12 การสง่ คาสั่งเป็นหนงั สือ หนงั สือแจ้งการประเมนิ หรอื หนังสอื อื่นใหแ้ ก่บคุ คลใด ให้ ปฏิบัติดังตอ่ ไปนี้ (1) ใหส้ ง่ ในเวลากลางวันระหว่างพระอาทิตย์ขน้ึ ถงึ พระอาทิตย์ตก หรอื ในเวลาทาการ (2) ให้สง่ ณ ภูมลิ าเนาหรอื สถานทีท่ าการของผรู้ ับ หรือให้ส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ถ้าไมพ่ บผรู้ ับ ณ ภมู ิลาเนาหรือสถานท่ีทาการของผรู้ บั ใหส้ ง่ แก่ผ้ซู ึ่งบรรลนุ ติ ิภาวะแล้วซ่ึงอยู่ ณ ภมู ิลาเนา หรืออยใู่ นบา้ นหรือสถานท่ีทาการของผนู้ ้ัน ถ้าไม่สามารถจะส่งตามวิธีดังกลา่ วได้ ให้ปิดหนังสือน้ันไว้ในท่ีแลเหน็ ได้ง่าย ณ ภูมิลาเนาหรือ สถานท่ีทาการของผู้นั้น หรือลงประกาศแจ้งความในหนังสอื พิมพ์รายวันอยา่ งน้อยสองฉบบั หรือโฆษณา ด้วยวิธีอื่น เมื่อได้ปฏบิ ตั กิ ารตามวิธีดังกลา่ ว และเวลาไดล้ ่วงพน้ ไปไม่นอ้ ยกว่าเจ็ดวันนับแต่วันที่ปฏิบัติการ ให้ถอื ว่าบุคคลนั้นได้รบั หนงั สือนั้นแลว้ หมวด 2 การตีราคาปานกลางของท่ีดิน มาตรา 13 การตรี าคาปานกลางของทดี่ นิ นัน้ ใหน้ าเอาราคาทีด่ นิ ในหนว่ ยที่จะทาการตรี าคา ซ่ึง ซ้อื ขายกนั โดยสุจรติ ครงั้ สดุ ทา้ ยไม่น้อยกว่าสามรายในระยะเวลาไมเ่ กนิ หน่งึ ปกี ่อนวนั ตรี าคา มาคานวณถัว เฉลย่ี เปน็ ราคาปานกลาง โดยมิให้คานวณราคาโรงเรือนส่งิ ปลูกสร้าง หรือสง่ิ เพาะปลูกเขา้ ดว้ ย ในกรณีทีไ่ มม่ กี ารซื้อขายที่ดินตามวรรคหน่ึงในหน่วยใด ให้นาเอาราคาปานกลางทีค่ านวณตาม วธิ ีการในวรรคหนึ่งของท่ดี นิ ในหน่วยใกลเ้ คียงทม่ี ีสภาพและทาเลท่ดี ินคล้ายคลึงกนั มาเปน็ ราคาปานกลาง ของท่ีดินในหน่วยนั้นได้ ถ้าไมอ่ าจตรี าคาปานกลางตามสองวรรคกอ่ นได้ ให้กาหนดราคาปานกลางของทด่ี ินโดยถือเกณฑ์ อย่างอน่ื อันอาจแสดงราคาตลาดของท่ีดินโดยเฉลีย่ ได้ การตรี าคาปานกลางของทด่ี ินใหต้ รี าคาเปน็ หนว่ ยตาบล แตถ่ ้าราคาของที่ดินในตาบลใดแตกตา่ ง กันมาก ให้พิจารณาตีราคาโดยกาหนดเขตในตาบลนั้นแยกออกเป็นหนว่ ยๆ เพื่อให้การตีราคาปานกลาง เป็นไปโดยเทีย่ งธรรม

400 มาตรา 14[10] ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหน่ึงให้มีหน้าทีพ่ ิจารณา การตีราคาปานกลางตามมาตรา 13 คณะกรรมการนน้ั ให้ประกอบดว้ ยบุคคลในท้องทดี่ งั ตอ่ ไปน้ี (1) ในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัด ประกอบด้วย ปลัดจังหวัด เจ้าพนักงานท่ีดินจังหวัด นายอาเภอท้องที่ ผู้ซึ่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมอบหมายหน่ึงคน และผู้ทรงคุณวุฒิสองคนซ่ึง ได้รับเลือกจากสภาองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั (2) ในเขตองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินอ่ืน ประกอบด้วย ปลัดจังหวัด เจ้าพนักงานที่ดินจงั หวดั นายอาเภอทอ้ งท่ี ผซู้ ่งึ ผบู้ ริหารทอ้ งถ่นิ หรือคณะผ้บู รหิ ารทอ้ งถิ่นมอบหมายหน่งึ คน และผ้ทู รงคุณวฒุ สิ อง คนซ่ึงไดร้ ับเลือกจากสภาทอ้ งถนิ่ มาตรา 15 การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่ต่ากว่ากึ่งจานวนของ กรรมการทง้ั หมดจึงเปน็ องค์ประชมุ และใหค้ ณะกรรมการเลอื กกรรมการคนหนง่ึ เปน็ ประธานทีป่ ระชมุ การวนิ จิ ฉัยชีข้ าดของท่ปี ระชมุ ใหถ้ ือเสียงข้างมาก กรรมการคนหน่งึ ให้มีเสียงหน่ึงในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเทา่ กนั ให้ประธานที่ประชุม ออกเสยี งเพ่มิ ขนึ้ อกี เสียงหนึ่งเปน็ เสยี งช้ีขาด มาตรา 16 ใหค้ ณะกรรมการพจิ ารณาตรี าคาปานกลางของทด่ี ินทุกรอบระยะเวลาส่ปี ี มาตรา 17 ภายหลังการตีราคาปานกลางของทีด่ ินตามมาตรา 16 แล้วถ้ามีเหตุแสดงว่าราคา ทด่ี ินในหนว่ ยใดไดเ้ ปลยี่ นแปลงไปมาก และผวู้ า่ ราชการจงั หวัดพจิ ารณาเหน็ สมควร หรอื เจ้าของทีด่ นิ รอ้ ง ขอ ผู้ว่าราชการจังหวัดจะสัง่ ใหค้ ณะกรรมการทาการพิจารณาตีราคาปานกลางของทด่ี ินในหน่วยน้นั เสยี ใหม่กไ็ ด้ มาตรา 18 ภายในเดือนตุลาคมของปีท่ีจะครบรอบระยะเวลาสี่ปี ตามมาตรา 16 ให้ คณะกรรมการยนื่ รายงานการตีราคาปานกลางของทด่ี ินต่อผวู้ ่าราชการจังหวัดแสดงราคาปานกลางของ ท่ีดินทุกๆ หน่วย และให้ผวู้ ่าราชการจงั หวัดประกาศราคาปานกลางของทดี่ ินนั้นไว้ ณ ศาลากลางจังหวัด ท่ีว่าการอาเภอ สานักงานเทศบาล สานักงานสุขาภิบาล และที่ตาบลแหง่ ท้องท่ีนั้น ภายในสามสบิ วันนบั แต่วันทไ่ี ด้รบั รายงานจากคณะกรรมการ มาตรา 19 ถา้ มีการตีราคาปานกลางของท่ีดนิ ใหม่ตามมาตรา 17 ให้คณะกรรมการย่ืนรายงาน การตีราคาใหม่ต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศราคาปานกลางของที่ดินใหม่ ภายในระยะเวลาและสถานทีต่ ามท่ีกาหนดไวใ้ นมาตรา 18 มาตรา 20 ถ้าเจ้าของท่ีดินไม่เห็นพ้องด้วยกับราคาปานกลางของท่ีดินเจ้าของท่ีดินมีสิทธิ อทุ ธรณ์การตีราคาปานกลางของที่ดนิ ต่อผู้ว่าราชการจงั หวัดได้ภายในสามสบิ วันนับแต่วันทีป่ ระกาศราคา ปานกลางทีด่ ิน และให้นาความในหมวด 8 อันว่าด้วยการอุทธรณ์มาใชบ้ ังคับ.โดยอนโุ ลม

พระราชบญั ญตั ิภาษีบารงุ ทอ้ งที่ พ.ศ. 2508 และแก้ไขเพ่มิ เติม 401 มาตรา 21 การตีราคาปานกลางของท่ดี ินทุกรอบระยะเวลาสี่ปตี ามมาตรา 16 ให้ใช้เป็นราคา ปานกลางไดท้ กุ ปสี าหรบั รอบระยะเวลาส่ปี นี น้ั ในกรณีทม่ี กี ารตรี าคาปานกลางของทีด่ ินใหมต่ ามมาตรา 17 ราคาปานกลางของทด่ี นิ ใหม่นั้น ให้ ใชไ้ ดส้ าหรบั ปีทถ่ี ดั จากปีทม่ี ีประกาศการตรี าคาปานกลางของทดี่ ินใหม่ จนถึงปีสดุ ท้ายของรอบระยะเวลา สปี่ ีตามวรรคหน่งึ ในกรณีท่ีมีการอุทธรณ์ตามมาตรา 20 ราคาปานกลางของท่ีดินตามคาวินิจฉัยอุทธรณ์ให้ใช้ สาหรับปีท่ีเป็นประเด็นแห่งการอุทธรณ์เป็นต้นไป จนถึงปีสุดท้ายของรอบระยะเวลาสี่ปีตามวรรคหนง่ึ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศราคาปานกลางของที่ดินใหม่ ภายในระยะเวลาและสถานที่ตามที่ กาหนดไวใ้ นมาตรา 18 หมวด 3 การลดหย่อนและการยกเวน้ หรอื ลดภาษีบารงุ ทอ้ งที่ มาตรา 22[11] บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินแปลงเดียวหรือหลายแปลงท่ีอยู่ในจังหวดั เดียวกัน และใช้ท่ีดินน้ันเปน็ ทีอ่ ยอู่ าศัยของตน เป็นที่เลยี้ งสัตว์ของตน หรือประกอบกสกิ รรมของตน ให้ ลดหยอ่ นไมต่ ้องเสยี ภาษบี ารุงท้องท่ีตามเกณฑอ์ ย่างใดอย่างหนึง่ ดงั ต่อไปน้ี (1)[12] ถ้าเป็นท่ีดินนอกเขตเทศบาล ให้ลดหย่อนได้ไม่เกินห้าไร่ แต่จะน้อยกว่าสามไร่ไม่ได้ ท้ังนี้ ตามท่ีกาหนดในข้อบัญญัติจงั หวดั หรอื ขอ้ บังคบั ตาบล แลว้ แตก่ รณี (2) ถ้าเป็นที่ดินในเขตเทศบาลตาบลหรือในเขตสขุ าภิบาล ให้ลดหย่อนได้ไมเ่ กนิ หนึ่งไร่ แต่จะ นอ้ ยกว่าสองร้อยตารางวาไม่ได้ ท้งั นี้ ตามทก่ี าหนดในเทศบญั ญตั ิหรือข้อบงั คับ (3) ถา้ เปน็ ทีด่ ินในเขตเมืองพัทยาและเขตเทศบาลอื่นนอกจากเขตเทศบาลตาบล ให้ลดหยอ่ นได้ ไม่เกินหน่ึงร้อยตารางวา แต่จะน้อยกว่าห้าสิบตารางวาไม่ได้ ท้ังน้ี ตามที่กาหนดในข้อบัญญัติหรือเทศ บญั ญัติ (4) ถา้ เปน็ ทด่ี ินในเขตกรงุ เทพมหานคร ใหล้ ดหย่อนได้ ดงั ตอ่ ไปนี้ (ก) ในท้องทท่ี ี่มชี ุมชนหนาแนน่ มาก ใหล้ ดหย่อนได้ไม่เกนิ หน่งึ ร้อยตารางวา แตจ่ ะน้อย กว่าห้าสิบตารางวาไม่ได้ (ข) ในท้องทท่ี มี่ ชี ุมชนหนาแนน่ ปานกลาง ให้ลดหย่อนได้ไม่เกนิ หนงึ่ ไร่ แต่จะน้อยกว่า หนึ่งรอ้ ยตารางวาไมไ่ ด้

402 (ค) ในทอ้ งทีช่ นบท ใหล้ ดหย่อนได้ไม่เกินหา้ ไร่ แต่จะนอ้ ยกว่าสามไร่ไม่ได้ ทง้ั น้ี ตามทก่ี าหนดในขอ้ บญั ญตั กิ รงุ เทพมหานคร ทอ้ งที่ใดจะเปน็ ท้องที่ตาม (ก) (ข) หรือ (ค) ให้เปน็ ไปตามท่กี าหนดในกฎกระทรวง ที่ดินท่ีมีสิ่งปลูกสร้างและใช้สงิ่ ปลูกสร้างน้ันเป็นสถานการค้าหรอื ให้เช่า ไม่ได้รับการลดหย่อน สาหรับส่วนของทด่ี ินทม่ี สี งิ่ ปลูกสร้างทีใ่ ช้เปน็ สถานการค้าหรือใหเ้ ช่าน้นั ในกรณีท่ีบุคคลธรรมดาหลายคนเป็นเจ้าของท่ีดินร่วมกัน ให้ได้รับการลดหย่อนรวมกันตาม เกณฑท์ ีก่ าหนดไว้ในวรรคหนง่ึ การลดหยอ่ นตามเกณฑ์ในมาตราน้ี ให้ได้รับการลดหย่อนสาหรบั ท่ีดินทอี่ ยู่ในจังหวัดใดจังหวัด หนึ่งแตจ่ ังหวดั เดียว มาตรา 23 ที่ดินท่ีใช้ในการเพาะปลูก ถ้าในปีล่วงมาแล้วการเพาะปลูกในบรเิ วณน้ันเสียหาย มากผิดปกติ หรอื ทาการเพาะปลูกไม่ไดด้ ว้ ยเหตอุ นั พ้นวิสัยทีจ่ ะปอ้ งกันไดโ้ ดยทั่วไป ให้ผ้วู ่าราชการจังหวัด มีอานาจพิจารณายกเวน้ หรือลดภาษบี ารงุ ท้องทีใ่ หไ้ ดต้ ามระเบยี บท่กี ระทรวงมหาดไทยกาหนด มาตรา 23 ทวิ[13] ท่ีดินที่ใช้เป็นสุสานและฌาปนสถานสาธารณะโดยรบั ประโยชน์ตอบแทน อาจได้รบั ยกเว้นไมต่ ้องเสียภาษบี ารงุ ทอ้ งทไี่ ดเ้ ฉพาะท่กี าหนดไวใ้ นกฎกระทรวง หมวด 4 การยื่นแบบแสดงรายการทด่ี ินและการสารวจ มาตรา 24 ให้เจ้าของที่ดินซึ่งมหี น้าท่เี สียภาษีบารุงท้องท่ีย่ืนแบบแสดงรายการท่ีดินเป็นราย แปลงตามแบบทกี่ ระทรวงมหาดไทยกาหนด ในกรณที ่ที ีด่ ินอยูน่ อกเขตเทศบาล เม่อื ผวู้ ่าราชการจังหวัดพจิ ารณาเห็นสมควรจะกาหนดใหเ้ จ้า พนักงานสารวจทาการสารวจแล้วยื่นแบบแสดงรายการที่ดินแทนเจ้าของท่ีดินเป็นรายแปลงที่ทาการ สารวจก็ได้ มาตรา 25 ถา้ บุคคลธรรมดาซงึ่ เปน็ เจา้ ของทด่ี ินตาย เป็นผไู้ มอ่ ยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ว่าด้วยเรื่องสาบสูญ หรือเป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ ให้ผู้จัดการมรดก หรือทายาท ผรู้ ับมอบอานาจผคู้ รอบครองทรพั ย์สนิ ผู้อนบุ าล ผพู้ ิทักษ์ หรอื ผ้จู ัดการทรพั ย์สิน แล้วแตก่ รณี มหี น้าทีป่ ฏิบัตกิ ารตามมาตรา 24

พระราชบญั ญตั ภิ าษีบารงุ ทอ้ งที่ พ.ศ. 2508 และแก้ไขเพ่มิ เตมิ 403 มาตรา 26 ถ้าเจ้าของที่ดินเป็นนิติบคุ คล ให้ผู้จัดการหรือผู้แทนอื่นของนิติบุคคลน้ัน มีหน้าท่ี ปฏิบัตกิ ารตามมาตรา 24 มาตรา 27 ถ้าบุคคลหลายคนเป็นเจ้าของท่ีดินร่วมกัน ให้บุคคลเหล่าน้ันมีหน้าท่ีรับผิดชอบ ร่วมกันในการปฏิบัตกิ ารตามมาตรา 24 มาตรา 28 เพอ่ื ประโยชน์ในการสารวจและย่ืนแบบแสดงรายการทดี่ นิ ตามมาตรา 24 วรรคสอง ให้เจ้าพนักงานสารวจกาหนดวันเวลาท่ีจะทาการสารวจและปิดประกาศไว้ ณ ที่ทาการผู้ใหญ่บ้านแหง่ ท้องท่ีน้ัน และให้เจ้าของที่ดินหรือผู้แทนมีหน้าที่ชี้เขตและแจ้งจานวนเนื้อท่ีดินตามกาหนดวันเวลานั้น และใหค้ วามสะดวกแกเ่ จา้ พนกั งานสารวจเพื่อการนัน้ ตามสมควร ถา้ เจา้ ของท่ดี ินหรือผแู้ ทนไมม่ าชเี้ ขตหรือไมย่ อมแจง้ จานวนเนอื้ ทีด่ นิ หรือชเ้ี ขตหรือแจง้ จานวน เนื้อท่ีดินขาดจากจานวนที่เป็นจริง หรือไม่ให้ความสะดวกแก่เจ้าพนักงานสารวจเจ้าพนักงานสารวจมี อานาจเข้าไปในที่ดินหรือสถานที่ที่เกยี่ วข้องในระหว่างพระอาทิตยข์ ึ้นถึงพระอาทติ ยต์ กหรอื ในเวลาทาการ เพอ่ื ทาการสารวจตามทีเ่ ห็นวา่ ถูกตอ้ งได้ มาตรา 29[14] แบบแสดงรายการทดี่ นิ สาหรับทีด่ ินในเขตองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินใดให้ย่ืน ต่อเจ้าพนักงานประเมิน ณ สานักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ท่ีดินของผู้เสียภาษีบารุงท้องท่ี ตั้งอยู่ หรือสถานที่อืน่ ท่ีผบู้ ริหารท้องถ่ินกาหนดโดยประกาศล่วงหน้าไว้ ณ สานักงานขององคก์ รปกครอง ส่วนทอ้ งถ่นิ น้นั ไม่น้อยกว่าสามสบิ วัน มาตรา 30 แบบแสดงรายการท่ีดินตามมาตรา 24 และมาตรา 29 ให้ยน่ื ภายในเดือนมกราคม ของปแี รกทม่ี กี ารตีราคาปานกลางของที่ดนิ ตามมาตรา 16 แบบแสดงรายการที่ดินทย่ี ่นื ตามวรรคหนง่ึ ใหใ้ ชไ้ ด้ทกุ ปีในรอบระยะเวลาส่ีปีนนั้ มาตรา 31 บุคคลใดเป็นเจ้าของท่ีดินขึ้นใหม่ หรือจานวนเน้ือท่ีดินเดิมของเจ้าของทด่ี ินผใู้ ดได้ เปล่ียนแปลงไป ให้เจ้าของท่ีดินน้ันยื่นแบบแสดงรายการที่ดินต่อเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 29 ภายในสามสบิ วันนบั แตว่ ันท่ีเปน็ เจ้าของท่ดี ินขึ้นใหม่ หรอื นบั แตว่ ันท่จี านวนเนอ้ื ทีด่ นิ ได้มกี ารเปลีย่ นแปลง เวน้ แตใ่ นกรณีทผ่ี วู้ ่าราชการจังหวดั กาหนดให้เจ้าพนกั งานสารวจทาการสารวจตามมาตรา 24 วรรคสอง ก็ ให้เจ้าของท่ดี ินแจ้งต่อเจ้าพนกั งานสารวจภายในกาหนดเวลาเช่นเดียวกัน และให้เจ้าพนกั งานสารวจย่ืน แบบแสดงรายการทีด่ ินต่อเจา้ พนักงานประเมินตามมาตรา 29 ภายในสามสบิ วนั นับแต่วนั ที่ไดร้ ับแจง้ จาก เจ้าของทีด่ นิ มาตรา 32 เจ้าของทีด่ นิ ผูใ้ ดไดเ้ ปลยี่ นแปลงการใช้ท่ีดินอนั เปน็ เหตใุ หก้ ารลดหย่อนตามมาตรา 22 เปล่ียนแปลงไป หรอื มเี หตอุ ย่างอน่ื ทาใหอ้ ตั ราภาษีบารุงทอ้ งทส่ี าหรบั ทีด่ ินเปลีย่ นแปลงไป ให้เจา้ ของ ทด่ี นิ ผนู้ ั้นแจง้ การเปล่ียนแปลงต่อเจ้าพนักงานประเมนิ ตามมาตรา 29 ภายในสามสิบวันนับแต่วันทีม่ ีการ เปล่ยี นแปลง หรอื นบั แต่วันทมี่ ีเหตอุ ย่างอ่ืนทาให้อัตราภาษีบารงุ ทอ้ งท่เี ปลย่ี นแปลง เว้นแต่ในกรณีท่ีผู้ว่า

404 ราชการจังหวดั กาหนดให้เจ้าพนักงานสารวจทาการสารวจตามมาตรา 24 วรรคสอง ก็ให้เจา้ ของทดี่ ินแจ้ง ต่อเจ้าพนักงานสารวจภายในกาหนดเวลาเช่นเดียวกัน และให้เจ้าพนักงานสารวจแจ้งการเปลี่ยนแปลง ดงั กลา่ วต่อเจา้ พนกั งานประเมินตามมาตรา 29 ภายในสามสบิ วันนับแต่วนั ท่ีไดร้ ับแจ้งจากเจ้าของที่ดิน หมวด 5 การชาระภาษบี ารงุ ท้องท่ี มาตรา 33 ในการประเมนิ ภาษีบารุงท้องทสี่ าหรับปีแรกของการตีราคาปานกลางของทดี่ ินตาม มาตรา 16 หรอื ของปที ม่ี ีการตรี าคาปานกลางของท่ดี ินใหมต่ ามมาตรา 17 ใหเ้ จา้ พนกั งานประเมนิ คานวณ ภาษีบารุงทอ้ งทแี่ ละแจ้งการประเมนิ ภายในเดือนมีนาคมแรกหลงั จากการตรี าคาปานกลางของท่ีดินตาม วิธีการดงั ต่อไปน้ี (1) ในกรณีท่ีที่ดินอยู่ในเขตเทศบาลหรือนอกเขตเทศบาลที่ไม่มีกานัน ให้เจ้าพนักงานประเมิน แจง้ การประเมินเปน็ หนงั สือไปยังผู้ซ่ึงมหี นา้ ที่เสยี ภาษีบารงุ ทอ้ งที่ (2) ในกรณีท่ีท่ีดินอยู่นอกเขตเทศบาลที่มีกานัน ให้เจ้าพนักงานประเมินปิดประกาศแจ้งการ ประเมินไว้ ณ ทวี่ ่าการอาเภอ ทีท่ าการกานัน และทีท่ าการผูใ้ หญ่บา้ น การประเมินภาษีบารุงท้องท่ีที่เจ้าพนักงานประเมินคานวณไว้ตามวรรคหน่ึง ให้ใช้เป็นการ ประเมนิ ภาษบี ารงุ ท้องท่สี าหรบั ในปตี ่อไปจนครบรอบระยะเวลาสปี่ ีตามมาตรา 21 ในกรณีที่เจ้าพนักงานประเมินไมอ่ าจคานวณภาษีบารุงท้องที่และแจง้ การประเมินภายในเดือน มนี าคม กใ็ ห้แจง้ การประเมนิ ภายหลังกาหนดเวลาดงั กล่าวได้ มาตรา 34[15] ให้ผู้มีหน้าท่ีเสียภาษีบารุงท้องท่ีนาเงินไปชาระต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สานักงานขององคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ ท่ที ด่ี ินของผเู้ สยี ภาษบี ารุงทอ้ งทต่ี ง้ั อยู่ หรอื สถานที่อ่ืนทผี่ ้บู รหิ าร ทอ้ งถิ่นกาหนดโดยประกาศล่วงหนา้ ไว้ ณ สานกั งานขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินน้ันไม่น้อยกว่าสามสบิ วัน มาตรา 34 ทวิ[16] การชาระภาษีบารุงท้องที่นั้น ให้ถือว่าเป็นการสมบูรณ์เม่ือได้รับ ใบเสรจ็ รบั เงินท่ีพนักงานเจา้ หน้าทีผ่ ู้มหี น้าทใ่ี นการนี้ได้ลงลายมอื ช่อื รบั เงินแล้ว เวน้ แตก่ ารชาระภาษีตาม วรรคสอง การชาระภาษีบารุงท้องทจี่ ะชาระโดยการส่งธนาณัติ ต๋ัวแลกเงินของธนาคารหรอื เช็คท่ีธนาคาร รับรอง ทางไปรษณีย์ลงทะเบยี นไปยังสถานท่ตี ามมาตรา 34 ก็ได้ โดยส่ังจ่ายให้แก่องค์กรปกครองส่วน

พระราชบัญญัติภาษีบารุงทอ้ งที่ พ.ศ. 2508 และแก้ไขเพิม่ เตมิ 405 ท้องถ่ินนั้นๆ หรือชาระโดยผา่ นธนาคาร หรือโดยวิธีอื่นตามระเบียบท่ีรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย กาหนด และให้ถือว่าวันส่งทางไปรษณีย์ วันชาระผ่านธนาคาร หรือวันชาระโดยวิธีอ่ืนตามที่กาหนด เป็น วันชาระภาษี มาตรา 35 ใหผ้ ู้มหี นา้ ที่เสียภาษบี ารงุ ทอ้ งท่ชี าระภาษีบารุงท้องทภี่ ายในเดอื นเมษายนของทุกปี ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีบารุงท้องที่ได้รับแจ้งการประเมินตามมาตรา 31 หรือมาตรา 32 หรือภายหลงั เดอื นมีนาคมตามมาตรา 33 วรรคสาม ให้ชาระภาษีบารงุ ท้องทีภ่ ายในสามสบิ วนั นบั แต่วันที่ ไดร้ ับแจ้งการประเมิน มาตรา 36 ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอานาจประกาศขยายหรือเล่ือนกาหนดเวลาชาระภาษีบารงุ ทอ้ งทต่ี ามมาตรา 35 ออกไปอกี ไดต้ ามความจาเป็นแก่กรณี มาตรา 36 ทวิ[17] ถา้ เงินภาษบี ารุงท้องทีท่ ีต่ ้องชาระภายในกาหนดเวลา ตามมาตรา 35 หรอื มาตรา 36 แล้วแต่กรณี มจี านวนตั้งแต่สามพนั บาทขึ้นไป ผมู้ หี น้าทเี่ สียภาษจี ะขอผอ่ นชาระเป็นสามงวดๆ ละเทา่ ๆ กันกไ็ ด้ โดยแจง้ เปน็ หนงั สือให้บุคคลตามมาตรา 35 ทราบกอ่ นการชาระภาษีงวดทหี่ น่งึ การผ่อนชาระภาษีตามวรรคหน่ึง ต้องชาระงวดที่หนึ่งตามกาหนดเวลาตามมาตรา 35 หรือ มาตรา 36 แลว้ แตก่ รณี งวดท่ีสองตอ้ งชาระภายในหนึง่ เดือนนับแต่วันสุดท้ายทีต่ ้องชาระงวดท่ีหนง่ึ และ งวดทส่ี ามตอ้ งชาระภายในหน่ึงเดอื นนับแต่วันสดุ ท้ายที่ต้องชาระงวดท่สี อง ถา้ ผู้ขอผอ่ นชาระภาษผี ู้ใดไม่ชาระภาษีบารงุ ท้องทีง่ วดใดงวดหน่ึงภายในกาหนดเวลาตามวรรค สอง ให้เจ้าของท่ีดนิ หมดสทิ ธิทจ่ี ะชาระภาษีเป็นงวดและให้นาความในมาตรา 45 (4) มาใช้บงั คบั สาหรับ งวดทีย่ งั ไมช่ าระ มาตรา 37 ถ้าภาษบี ารงุ ทอ้ งทสี่ าหรับทด่ี นิ ของเจ้าของเดยี วกันในตาบลเดียวกันมจี านวนไม่ถึง หนงึ่ บาท เป็นอนั ไม่ตอ้ งเสยี ภาษีบารุงทอ้ งท่สี าหรับท่ดี ินแปลงนั้น มาตรา 38 ภาษีบารุงท้องที่จานวนใดท่ีเจ้าพนักงานประเมนิ ได้แจง้ หรือประกาศการประเมิน แล้ว ถา้ มิไดช้ าระภายในเวลาท่กี าหนด ให้ถือเปน็ ภาษีบารุงท้องทีค่ ้างชาระ มาตรา 39 เม่อื กรรมสทิ ธิห์ รอื การครอบครองของเจา้ ของทดี่ ินได้โอนตกไปยังบุคคลอ่นื ให้ผรู้ ับ โอนมีหน้าที่ร่วมกับเจ้าของที่ดินเดิมเสียภาษีบารุงท้องท่ีค้างชาระไม่เกินห้าปี รวมท้ังปีสุดท้ายที่มีการ เปลยี่ นแปลงเจา้ ของทีด่ ินด้วย ส่วนภาษบี ารงุ ทอ้ งท่คี ้างชาระเกินหา้ ปคี งอยูใ่ นความรบั ผดิ ของเจ้าของที่ดิน เดิม ความในวรรคกอ่ นมิใหใ้ ชบ้ งั คบั แกผ่ ู้รับโอนซึง่ ได้กรรมสทิ ธ์ิมาในการขายทอดตลาดโดยคาส่ังศาล หรือคาสัง่ ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลาย หรือคาสงั่ ขายทอดตลาดตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี

406 มาตรา 40 ในการปฏิบัติหน้าที่เพ่ือการเร่งรัดภาษีบารุงท้องที่ค้างชาระให้นายอาเภอ หรือ นายกเทศมนตรี มอี านาจดังตอ่ ไปนี้ (1) มหี นงั สือเรยี กเจ้าของทีด่ นิ หรือบคุ คลซึ่งเกย่ี วขอ้ งมาให้ถอ้ ยคา หรอื สง่ บัญชหี รอื เอกสารมา ตรวจสอบ (2) ส่งั ใหเ้ จา้ ของท่ดี ินหรือบุคคลซ่ึงเกยี่ วขอ้ ง ปฏิบัติการเทา่ ที่จาเปน็ เพือ่ ประโยชนใ์ นการเร่งรัด ภาษบี ารงุ ทอ้ งทค่ี ้างชาระ ถ้าเจ้าของที่ดินหรือบุคคลที่เก่ียวข้องไม่ยอมปฏิบัติการตาม (1) หรือ (2) ให้นายอาเภอหรือ นายกเทศมนตรีมีอานาจเขา้ ไปในทด่ี ินหรอื สถานทีท่ ่ีเกี่ยวขอ้ งแก่การจดั เกบ็ ภาษบี ารงุ ทอ้ งท่ีคา้ งชาระของผู้ มีหน้าที่เสียภาษีบารงุ ทอ้ งที่ในระหว่างพระอาทิตย์ข้ึนถึงพระอาทติ ย์ตกหรอื ในเวลาทาการเพื่อสอบถาม บคุ คลใดๆ หรอื ตรวจสอบ ตรวจคน้ บญั ชี หรือเอกสาร หรือยดึ อายดั บญั ชี หรือเอกสาร มาตรา 41 ทรพั ย์สินของผูต้ ้องรับผิดชาระภาษีบารงุ ท้องทีค่ ้างชาระ อาจถูกยึดอายัด หรอื ขาย ทอดตลาดเพ่ือนาเงินมาชาระภาษีบารงุ ท้องที่ค้างชาระ โดยให้นายอาเภอหรือนายกเทศมนตรีมีอานาจ ออกคาสงั่ เปน็ หนงั สือยดึ อายดั หรือขายทอดตลาดได้ แต่คาสั่งเชน่ ว่านั้นจะออกได้ก็แต่โดยไดร้ บั อนุญาต เป็นหนังสือจากผู้วา่ ราชการจงั หวัด การขายทอดตลาดอสงั หารมิ ทรพั ย์จะกระทามิไดใ้ นระหว่างระยะเวลาทใี่ ห้อุทธรณ์ได้ตามมาตรา 49 หรอื มาตรา 52 และตลอดเวลาทท่ี าการพิจารณาและวินจิ ฉยั อุทธรณ์ดงั กลา่ วยงั ไม่ถงึ ท่ีสดุ คาสั่งยดึ จะกระทาได้เม่ือได้ส่งคาเตือนเปน็ หนงั สือใหเ้ จา้ ของท่ดี นิ ชาระภาษีบารุงทอ้ งทคี่ ้างชาระ ทราบล่วงหน้าไม่นอ้ ยกว่าเจด็ วนั นบั แต่วันท่รี ับหนงั สอื นั้นโดยวิธกี ารสง่ หนังสอื ตามมาตรา 12 วธิ ีการยึด อายดั และขายทอดตลาดทรพั ยส์ ินเพือ่ ให้ได้รับชาระภาษีบารุงทอ้ งท่คี า้ งชาระนั้น ให้ นาวิธีการในประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความแพง่ มาใชบ้ งั คับโดยอนุโลม มาตรา 42 เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดนนั้ ให้หักไว้เป็นคา่ ใช้จา่ ยในการยึดอายัด หรือขาย ทอดตลาด เหลือเทา่ ใดให้ชาระเป็นค่าภาษีบารุงทอ้ งท่ี ถ้ายังมีเงนิ เหลอื อยอู่ ีกใหค้ ืนแก่เจ้าของที่ดนิ มาตรา 43 เม่ือได้มีการยึดหรืออายัดทรัพย์สนิ ไว้แล้ว ถ้าได้มีการชาระเงินค่าใช้จ่ายในการยดึ หรืออายัด และค่าภาษีบารุงท้องท่ีค้างชาระโดยครบถ้วนก่อนการขายทอดตลาด ก็ให้นายอาเภอ หรือ นายกเทศมนตรสี ง่ั ถอนคาส่ังยึดหรืออายัดนั้น มาตรา 44 ผูใ้ ดเสียภาษบี ารุงทอ้ งท่ีโดยไมม่ ีหนา้ ทต่ี ้องเสีย หรือเสยี เกนิ กว่าท่ีควรต้องเสีย ผู้นั้น มสี ทิ ธไิ ดร้ ับเงินคนื

พระราชบัญญตั ิภาษีบารงุ ทอ้ งท่ี พ.ศ. 2508 และแก้ไขเพม่ิ เติม 407 การขอรับเงินคืนให้ยื่นคาร้องต่อนายอาเภอสาหรับนอกเขตเทศบาล หรือนายกเทศมนตรี สาหรับในเขตเทศบาลภายในหนึ่งปีนับแต่วันท่ีเสียภาษีบารุงท้องท่ีหรือนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคาวินิจฉัย อุทธรณ์ แล้วแต่กรณี ในการนใ้ี ห้ผู้ยื่นคารอ้ งส่งเอกสาร หลักฐาน หรอื คาช้ีแจงใดๆ ประกอบคาร้องดว้ ย การสั่งคนื ภาษีบารุงท้องทใ่ี หเ้ ป็นอานาจของนายอาเภอ หรือนายกเทศมนตรีแล้วแตก่ รณี หมวด 6 เงินเพมิ่ มาตรา 45 ใหเ้ จ้าของทด่ี นิ เสียเงินเพิม่ นอกจากเงนิ ทีต่ อ้ งเสยี ภาษบี ารงุ ท้องท่ี ในกรณีและอตั รา ดงั ตอ่ ไปน้ี (1) ไม่ยน่ื แบบแสดงรายการท่ีดินภายในเวลาที่กาหนด ให้เสียเงนิ เพม่ิ รอ้ ยละสบิ ของจานวนเงิน ที่ต้องเสียภาษีบารุงท้องท่ี เว้นแต่กรณีที่เจ้าของที่ดินได้ย่ืนแบบแสดงรายการท่ีดินก่อนท่ีเจ้าพนักงาน ประเมินจะได้แจ้งให้ทราบถึงการละเว้นน้ันให้เสียเงินเพิ่มร้อยละห้าของจานวนเงินท่ีต้องเสียภาษีบารงุ ท้องท่ี (2) ยื่นแบบแสดงรายการท่ีดินโดยไม่ถูกต้องทาใหจ้ านวนเงินที่จะต้องเสียภาษีบารุงทอ้ งทล่ี ด นอ้ ยลง ให้เสียเงนิ เพ่ิมร้อยละสบิ ของภาษีบารงุ ทอ้ งทที่ ปี่ ระเมนิ เพิ่มเติม เว้นแต่กรณีท่ีเจา้ ของที่ดินได้มาขอ แก้ไขแบบแสดงรายการทด่ี นิ ให้ถูกต้องกอ่ นทเ่ี จา้ พนักงานประเมนิ แจ้งการประเมนิ (3) ชีเ้ ขตแจ้งจานวนเนื้อท่ีดินไม่ถูกต้องต่อเจา้ พนักงานสารวจ โดยทาให้จานวนเงนิ ทีจ่ ะตอ้ งเสีย ภาษีบารงุ ท้องทล่ี ดนอ้ ยลง ใหเ้ สียเงนิ เพมิ่ อกี หนง่ึ เท่าของภาษบี ารงุ ท้องท่ที ี่ประเมินเพม่ิ เตมิ (4)[18] ไม่ชาระภาษีบารุงท้องที่ภายในเวลาท่ีกาหนด ให้เสียเงินเพ่ิมร้อยละย่ีสิบสี่ต่อปีของ จานวนเงินทต่ี อ้ งเสียภาษีบารุงท้องที่ เศษของเดือนใหน้ ับเปน็ หน่งึ เดือน ท้ังนี้ ไมใ่ ห้นาเงินเพ่มิ เติมตาม (1) (2) หรือ (3) มาคานวณเพอ่ื เสียเงนิ เพ่ิมตาม (4) ดว้ ย มาตรา 46 เงินเพิ่มใหถ้ อื ว่าเป็นภาษบี ารงุ ทอ้ งที่ หมวด 7 เจา้ พนักงานประเมิน

408 มาตรา 47 ในการปฏิบัติหนา้ ท่ี ใหเ้ จ้าพนกั งานประเมินมอี านาจดังต่อไปนี้ (1) เข้าไปในท่ีดินหรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องแก่การจัดเกบ็ ภาษีบารุงทอ้ งท่ีของผมู้ ีหน้าที่เสียภาษี บารุงท้องท่ีในระหว่างพระอาทติ ย์ข้นึ ถึงพระอาทติ ย์ตก หรือในเวลาทาการ เพ่ือสอบถามบุคคลใดๆ หรือ ตรวจสอบ ตรวจคน้ บัญชหี รอื เอกสารหรือยึด อายดั บญั ชี หรอื เอกสารเพอ่ื ทราบว่าผมู้ หี นา้ ท่เี สยี ภาษีบารงุ ทอ้ งทไ่ี ดป้ ฏิบตั ิการถูกต้องตามพระราชบัญญตั ิน้หี รอื ไม่ (2) มหี นงั สือเรียกผูม้ หี นา้ ทีเ่ สยี ภาษีบารงุ ท้องทหี่ รอื บคุ คลซงึ่ เก่ยี วข้องมาให้ถอ้ ยคาหรือสง่ บัญชี หรอื เอกสารมาตรวจสอบ มาตรา 48 เม่ือปรากฏว่าเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นผู้มีหน้าทีเ่ สียภาษีบารุงท้องท่ีมิได้ย่ืนแบบแสดง รายการท่ีดนิ ตามมาตรา 24 ใหเ้ จา้ พนกั งานประเมนิ มอี านาจแจง้ การประเมนิ ย้อนหลงั ได้ไม่เกนิ สบิ ปนี บั แต่ วนั ทีเ่ จ้าพนักงานประเมนิ ไดท้ ราบวา่ เจา้ ของทดี่ ินยงั มิได้ยนื่ แบบแสดงรายการทด่ี นิ หมวด 8 อุทธรณ์ มาตรา 49 เจา้ ของทีด่ นิ ผใู้ ดไดร้ ับแจง้ การประเมนิ ภาษีบารงุ ทอ้ งทแี่ ลว้ เหน็ วา่ การประเมนิ นนั้ ไม่ ถูกต้อง มีสิทธิอุทธรณ์ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้ โดยยื่นอุทธรณ์แก่เจ้าพนักงานประเมินตามแบบท่ี กระทรวงมหาดไทยกาหนด ภายในสามสิบวนั นับแต่วนั ท่ไี ดร้ บั แจง้ การประเมิน เม่ือเจ้าพนักงานประเมินได้รับอุทธรณ์แล้ว ให้เสนออุทธรณ์น้ันตามลาดับจนถึงผู้ว่าราชการ จังหวดั การอุทธรณ์ไม่เป็นการทุเลาการเสียภาษีบารุงท้องที่ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากผู้ว่าราชการ จงั หวดั ให้รอคาวนิ จิ ฉยั อทุ ธรณ์ หรือคาพิพากษาของศาล มาตรา 50 เพือ่ การพจิ ารณาอทุ ธรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมอี านาจมหี นังสอื เรยี กผูอ้ ุทธรณ์หรือ บคุ คลใดๆ มาใหถ้ ้อยคาหรอื ใหส้ ง่ เอกสารอันควรแก่เรอ่ื งมาแสดง ผู้อุทธรณ์คนใดไม่ปฏิบัติตามหนังสือเรียกที่ออกตามมาตราน้ี หรือไม่ยอมให้ถ้อยคาโดยไม่มี เหตผุ ลอันสมควร ให้ผูว้ ่าราชการจงั หวัดยกอุทธรณน์ นั้ เสยี มาตรา 51 เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์เป็นประการใดแล้ว ให้แจ้งคา วนิ ิจฉัยอุทธรณ์เป็นหนังสือไปยงั ผูอ้ ุทธรณ์และเจา้ พนักงานประเมิน

พระราชบัญญัตภิ าษีบารงุ ทอ้ งท่ี พ.ศ. 2508 และแก้ไขเพิ่มเติม 409 มาตรา 52 ผู้อุทธรณ์มสี ทิ ธิอทุ ธรณ์คาวินิจฉัยของผ้วู ่าราชการจังหวัดต่อศาลภายในสามสิบวนั นับแต่วันได้รับแจง้ คาวินิจฉัยอุทธรณ์ เว้นแต่ในกรณที ี่ผู้ว่าราชการจังหวัดยกอุทธรณ์ตามความในมาตรา 50 วรรคทา้ ย หมวด 9 บทกาหนดโทษ มาตรา 53 ผู้ใดโดยรู้อย่แู ล้วหรอื โดยจงใจแจ้งข้อความอนั เปน็ เท็จ ให้ถ้อยคาเทจ็ ตอบคาถาม ด้วยถ้อยคาอันเป็นเท็จ หรือนาพยานหลกั ฐานเท็จมาแสดงเพอ่ื หลกี เลี่ยงหรือพยายามหลีกเล่ียงการเสีย ภาษบี ารุงท้องที่ ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินหกเดอื น หรอื ปรับไม่เกินสองพันบาท หรือท้งั จาทัง้ ปรับ มาตรา 54 ผู้ใดจงใจไม่มาหรือไม่ยอมช้ีเขตหรือไม่ยอมแจ้งจานวนเนื้อท่ีดิน ต้องระวางโทษ จาคกุ ไมเ่ กนิ หนงึ่ เดือนหรอื ปรบั ไมเ่ กินหนง่ึ พนั บาท หรอื ทงั้ จาท้ังปรับ มาตรา 55 ผู้ใดขัดขวางเจ้าพนักงานซ่ึงปฏิบัติการตามมาตรา 28 มาตรา 40 หรือมาตรา 47 ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินหน่ึงเดือน หรอื ปรับไมเ่ กนิ หนึง่ พนั บาท หรอื ทง้ั จาทัง้ ปรบั มาตรา 56 ผู้ใดฝ่าฝืนคาสั่งของเจ้าพนักงานซ่ึงสั่งตามมาตรา 40 มาตรา 47 หรือมาตรา 50 ต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกินหนึง่ เดอื น หรอื ปรบั ไม่เกนิ หนง่ึ พันบาท หรือท้งั จาทัง้ ปรับ ความในวรรคก่อนมใิ หใ้ ชบ้ งั คบั แกผ่ ู้อทุ ธรณ์ตามมาตรา 50 มาตรา 57 ความผิดตามพระราชบญั ญัตินี้ ถา้ นายอาเภอหรือนายกเทศมนตรีแลว้ แต่กรณี เหน็ ว่าผู้ต้องหาไม่ควรได้รับโทษถึงจาคุก ให้มีอานาจเปรียบเทียบกาหนดค่าปรับได้เมื่อผู้ต้องหาได้ชาระเงนิ ค่าปรบั ตามจานวนที่นายอาเภอหรือนายกเทศมนตรีกาหนดภายในสามสบิ วัน คดนี ัน้ เป็นอันเสร็จเด็ดขาด ถ้าผู้ต้องหาไม่ยินยอมตามท่ีเปรียบเทียบ หรือเมื่อยินยอมแล้ว ไม่ชาระเงินค่าปรับภายใน กาหนดเวลาดงั กลา่ ว ให้ดาเนินคดีต่อไป มาตรา 58[19] เงินค่าปรับตามพระราชบัญญัตินี้ให้ตกเป็นรายได้ขององค์กรปกครองส่วน ท้องถ่ินนน้ั ๆ แล้วแตค่ วามผิดนน้ั จะเกิดขน้ึ ในท้องท่ีใด

410 บทเฉพาะกาล มาตรา 59 บทบัญญตั ิแหง่ ประมวลรัษฎากรท่ียกเลกิ ตามมาตรา 3 ให้คงใชบ้ งั คบั ได้ในการเก็บ ภาษบี ารุงทอ้ งที่ จานวนพทุ ธศกั ราชตา่ ง ๆ ก่อนวนั ทพ่ี ระราชบญั ญัตนิ ใี้ ช้บังคบั ผ้รู บั สนองพระบรมราชโองการ จอมพล ถนอม กิตตขิ จร นายกรฐั มนตรี

พระราชบัญญัติภาษบี ารงุ ทอ้ งท่ี พ.ศ. 2508 และแก้ไขเพิ่มเตมิ 411 บัญชีอตั ราภาษีบารงุ ท้องที่ ตามมาตรา 7[20] ช้ัน ราคาปานกลางของท่ีดิน ภาษีไร่ละ หมายเหตุ 1 ไม่เกนิ ไรล่ ะ 200 บาท บาท สต. (1) ที่ดินท่ีใช้ประกอบ 2 เกนิ ไรล่ ะ 200 บาท ถึงไร่ละ 400 บาท - 50 ก า ร ก สิ ก ร ร ม เ ฉ พ า ะ 3 เกินไรล่ ะ 500 บาท ถึงไร่ละ 600 บาท 1- ประเภทไม้ล้มลุกให้ 4 เกนิ ไรล่ ะ 600 บาท ถงึ ไร่ละ 800 บาท 2- เสียก่ึงอัตรา แต่ถ้า 5 เกินไรล่ ะ 800 บาท ถึงไรล่ ะ 1,000 บาท 3- เจ้าของที่ดินประกอบ 6 เกินไรล่ ะ 1,000 บาท ถงึ ไร่ละ 1,200 บาท 4- การกสิกรรมประเภท 7 เกินไรล่ ะ 1,200 บาท ถึงไรล่ ะ 1,400 บาท 5 50 ไม้ล้มลุกนั้นดว้ ยตนเอง 8 เกนิ ไรล่ ะ 1,400 บาท ถงึ ไรล่ ะ 1,600 บาท 7- ให้เสียอย่างสูงไม่เกิน 9 เกนิ ไรล่ ะ 1,600 บาท ถงึ ไร่ละ 1,800 บาท 8- ไรล่ ะ 5 บาท 10 เกนิ ไรล่ ะ 1,800 บาท ถึงไรล่ ะ 2,000 บาท 9- 11 เกินไรล่ ะ 2,000 บาท ถงึ ไรล่ ะ 2,200 บาท 10 - (2) ที่ดินที่ทิ้งไว้ว่าง 12 เกนิ ไรล่ ะ 2,200 บาท ถึงไรล่ ะ 2,400 บาท 11 - เ ป ล่ า ห รื อ ไ ม่ ได้ ท า 13 เกนิ ไรล่ ะ 2,400 บาท ถงึ ไร่ละ 2,600 บาท 12 - ประโยชน์ตามควรแก่ 14 เกินไรล่ ะ 2,600 บาท ถงึ ไร่ละ 2,800 บาท 13 - สภาพของท่ีดินให้เสีย 15 เกินไรล่ ะ 2,800 บาท ถงึ ไรล่ ะ 3,000 บาท 14 - เพ่ิมขึน้ อีกหน่ึงเทา่ 16 เกนิ ไรล่ ะ 3,000 บาท ถงึ ไร่ละ 3,500 บาท 15 - 17 เกินไรล่ ะ 3,500 บาท ถงึ ไรล่ ะ 4,000 บาท 17 50 18 เกินไรล่ ะ 4,000 บาท ถงึ ไร่ละ 4,500 บาท 20 - 22 50

412 19 เกินไรล่ ะ 4,500 บาท ถงึ ไร่ละ 5,000 บาท 25 - 20 เกินไรล่ ะ 5,000 บาท ถงึ ไร่ละ 5,500 บาท 27 50 21 เกินไรล่ ะ 5,500 บาท ถงึ ไรล่ ะ 6,000 บาท 30 - 22 เกินไรล่ ะ 6,000 บาท ถงึ ไรล่ ะ 6,500 บาท 32 50 23 เกินไรล่ ะ 6,500 บาท ถึงไรล่ ะ 7,000 บาท 35 - 24 เกินไรล่ ะ 7,000 บาท ถงึ ไร่ละ 7,500 บาท 37 50 25 เกนิ ไรล่ ะ 7,500 บาท ถงึ ไร่ละ 8,000 บาท 40 - 26 เกนิ ไรล่ ะ 8,000 บาท ถึงไรล่ ะ 8,500 บาท 42 50 27 เกินไรล่ ะ 8,500 บาท ถึงไร่ละ 9,000 บาท 45 - 28 เกนิ ไรล่ ะ 9,000 บาท ถึงไรล่ ะ 9,500 บาท 47 50 29 เกินไรล่ ะ 9,500 บาท ถงึ ไร่ละ 10,000 บาท 50 - 30 เกินไรล่ ะ 10,000 บาท ถงึ ไรล่ ะ 15,000 บาท 55 - 31 เกนิ ไรล่ ะ 15,000 บาท ถงึ ไรล่ ะ 20,000 บาท 60 - 32 เกินไรล่ ะ 20,000 บาท ถึงไรล่ ะ 25,000 บาท 65 - 33 เกนิ ไรล่ ะ 20,000 บาท ถงึ ไรล่ ะ 25,000 บาท 70 - 34 เกนิ ไรล่ ะ 30,000 บาท ให้เสียภาษไี รล่ ะ ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) สาหรับราคาปานกลางของท่ดี ิน 30,000 บาทแรก ใหเ้ สยี ภาษี 70 บาท (2) สาหรับราคาปานกลางของท่ีดินสว่ นทเี่ กิน 30,000 บาท ใหเ้ สยี ทกุ ๆ 10,000 บาท ต่อ 25 บาท เศษของ 10,000 บาท ถ้าถึง 5,000 บาท ให้ถือเปน็ 10,000 บาท ถ้าไมถ่ ึง 5,000 บาท ให้ปัดท้ิง

พระราชบัญญัตภิ าษบี ารงุ ทอ้ งที่ พ.ศ. 2508 และแก้ไขเพ่มิ เติม 413 หมายเหตุ (1) ทดี่ ินที่ตอ้ งเสยี ภาษบี ารุงท้องท่ี (ก) เศษของไร่ใหค้ ิดในอตั ราลดลงตามส่วน (ข) เศษของหนึ่งตารางวา ให้ปัดทิง้ (2) เมอื่ คานวณภาษแี ล้ว เศษของ 10 สตางค์ ให้ปัดท้งิ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบบั น้ี คือ เนื่องจากประมวลรษั ฎากรได้บญั ญตั ิให้ กรมสรรพากรเป็นผคู้ วบคมุ จัดเกบ็ ภาษีบารงุ ทอ้ งท่ี แตใ่ หก้ นั ไวต้ า่ งหากเพ่อื ใชจ้ ่ายในการบารุงท้องที่ในเขต ท้องถิ่นนั้นๆ จึงสมควรมอบให้ราชการส่วนท้องถนิ่ เปน็ ผ้จู ดั เก็บภาษบี ารุงทอ้ งท่ีเสยี เอง ประกาศของคณะปฏวิ ัติ ฉบับท่ี 156 ลงวันท่ี 4 มิถนุ ายน พทุ ธศักราช 2515[21] พระราชบัญญัตภิ าษบี ารุงท้องที่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516[22] มาตรา 6 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีอานาจประกาศขยายกาหนดเวลาการยื่น รายงานการตีราคาปานกลางของท่ดี ิน ตามมาตรา 18 แห่งพระราชบญั ญตั ิภาษีบารุงท้องท่ี พ.ศ. 2508 สาหรับการตีราคาปานกลางของท่ีดินรอบระยะเวลาสี่ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2517 ถึง พ.ศ. 2520 ในเขต กรุงเทพมหานครออกไปอีกได้ตามความจาเปน็ แก่กรณี มาตรา 7 ให้รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญตั ิน้ี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบญั ญตั ฉิ บับนี้ คอื เนื่องจากประกาศของคณะปฏวิ ตั ิ ฉบับที่ 335 ลงวนั ท่ี 13 ธนั วาคม พ.ศ. 2515 ไดจ้ ดั ตั้งกรงุ เทพมหานครขึ้นโดยมีการบรหิ ารราชการแตกต่างจาก จังหวัดอื่นๆ ทาให้การปฏิบตั ิงานเกี่ยวกับการเกบ็ ภาษบี ารุงท้องท่ตี ามกฎหมายว่าด้วยภาษีบารุงทอ้ งทม่ี ี ข้อขัดขอ้ ง จึงจาเป็นตอ้ งแก้ไขเพ่มิ เตมิ กฎหมายวา่ ด้วยภาษบี ารงุ ท้องที่เกย่ี วกบั การเกบ็ ภาษีบารุงทอ้ งท่ีใน เขตกรงุ เทพมหานคร พระราชกาหนดแก้ไขเพม่ิ เติมพระราชบัญญัตภิ าษีบารงุ ทอ้ งท่ี พ.ศ. 2508 พ.ศ. 2524[23] มาตรา 2 พระราชกาหนดน้ใี หใ้ ช้บงั คบั ตัง้ แต่วันถดั จากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้น ไป เว้นแตบ่ ทบัญญตั มิ าตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 9 และมาตรา 10 แห่งพระราชกาหนด นี้ ใหใ้ ช้บังคับสาหรบั ภาษบี ารุงทอ้ งท่ีประจาปี พ.ศ. 2525 เป็นตน้ ไป มาตรา 11 ให้บรรดากฎกระทรวงที่ใช้บังคับอยใู่ นวันท่พี ระราชกาหนดนป้ี ระกาศในราชกิจจา นเุ บกษายงั คงใชบ้ งั คับไดต้ อ่ ไปเทา่ ท่ไี ม่ขัดหรอื แยง้ กับบทบญั ญตั ขิ องพระราชบญั ญตั ภิ าษบี ารุงท้องท่ี พ.ศ. 2508 ซึ่งแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชกาหนดนี้

414 มาตรา 12 บรรดาบทบญั ญัติแห่งพระราชบญั ญตั ภิ าษีบารงุ ท้องที่ พ.ศ. 2508 ท่ถี กู ยกเลกิ หรอื แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกาหนดน้ี นอกจากมาตรา 45 (4) ให้คงใช้บังคับได้ในการปฏิบัติจัดเกบ็ ภาษีที่ ค้างอยหู่ รือพึงชาระกอ่ นวนั ทบี่ ทบัญญตั ิแห่งพระราชกาหนดนี้ใชบ้ ังคบั มาตรา 13 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการตามพระราชกาหนดนี้ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกาหนดฉบับนี้ คือ โดยที่มีความจาเป็นต้องปรับปรุงอัตรา ภาษีบารุงท้องที่ และหลักเกณฑ์การลดหย่อนภาษีบารุงทอ้ งท่ีให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน และ เนื่องจากเป็นกรณฉี ุกเฉินที่มคี วามจาเปน็ รีบดว่ นในอันท่ีจะรกั ษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชกาหนดนี้ พระราชกาหนดเปล่ียนแปลงราคาปานกลางของที่ดินที่กาหนดไว้สาหรั บการประเมินภาษีบารุงท้องที่ ประจาปี พ.ศ. 2525 ถงึ พ.ศ. 2528 พ.ศ. 2525[24] มาตรา 3 ให้ยกเลิกราคาปานกลางของท่ีดินท่ีคณะกรรมการตีราคาปานกลางของท่ีดินตาม พระราชบัญญัติภาษีบารุงท้องที่ พ.ศ. 2508 ได้กาหนดไว้สาหรับการประเมินภาษีบารุงท้องที่ประจาปี พ.ศ. 2525 ถึง พ.ศ. 2528 มาตรา 4 ให้นาราคาปานกลางของทีด่ ินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบารุงท้องที่ประจาปี พ.ศ. 2521 ถงึ พ.ศ. 2524 มาใชใ้ นการประเมนิ ภาษีบารุงท้องท่สี าหรับปี พ.ศ. 2525 ถงึ พ.ศ. 2528 โดยให้ถอื ราคาท่ีกาหนดตามมาตรานี้เป็นการตีราคาปานกลางของที่ดินตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติภาษี บารุงทอ้ งท่ี พ.ศ. 2508 มาตรา 5 ให้ขยายกาหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการที่ดินเพ่ือชาระภาษีบารุงท้องท่สี าหรบั ปี พ.ศ. 2525 ออกไปจนถงึ วนั ท่ี 15 มีนาคม พ.ศ. 2525 มาตรา 6 ในกรณีที่ปรากฏว่าผู้มหี น้าท่เี สียภาษีบารุงทอ้ งที่ผใู้ ดชาระภาษีบารุงท้องท่สี าหรับปี พ.ศ. 2525 ไปแล้วก่อนวันที่พระราชกาหนดน้ีใช้บงั คับ เกินจานวนท่ตี นต้องเสีย ให้ผู้นั้นย่ืนหลกั ฐานการ ชาระภาษดี งั กลา่ วเพ่อื ขอรบั ภาษสี ่วนท่เี กนิ คืน ตอ่ เจ้าพนกั งานประเมนิ เมอ่ื หัวหนา้ เขต นายอาเภอ หรอื นายกเทศมนตรี แล้วแตก่ รณีได้ตรวจสอบหลักฐานว่าผมู้ หี น้าท่ี เสียภาษบี ารงุ ท้องท่ีชาระภาษีเกนิ จานวนทีต่ นตอ้ งเสยี จรงิ ใหค้ ืนภาษีสว่ นทเ่ี กนิ ภายในหนงึ่ รอ้ ยย่ีสิบวันนบั แต่วันทผี่ มู้ หี น้าทเี่ สียภาษีบารงุ ทอ้ งทย่ี ่ืนคาขอรับภาษีส่วนท่เี กินตามวรรคหนึง่

พระราชบญั ญัติภาษีบารุงทอ้ งที่ พ.ศ. 2508 และแกไ้ ขเพ่มิ เติม 415 มาตรา 7 ใหร้ ัฐมนตรวี ่าการกระทรวงการคลงั และรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยรกั ษาการ ตามพระราชกาหนดน้ี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพ้ ระราชกาหนดฉบับนี้ คอื ตามท่ไี ด้มีการกาหนดราคาปานกลางของ ที่ดินขน้ึ ใหม่เพอ่ื ประโยชนใ์ นการประเมนิ ภาษบี ารงุ ทอ้ งทปี่ ระจาปี พ.ศ. 2525 ถงึ พ.ศ. 2528 น้นั ปรากฏ วา่ ประชาชนจะต้องเสยี ภาษบี ารงุ ทอ้ งท่เี พ่มิ ข้นึ จากจานวนที่เคยเสยี เดิมมาก อนั เปน็ ผลจากวิธีการตีราคา ปานกลางของท่ีดินตามทก่ี ฎหมายกาหนดไว้ยงั ไม่เหมาะสมและเป็นธรรมตามสภาพและทาเลของท่ีดินใน แต่ละแห่ง เมื่อได้คานึงถึงภาระภาษีทป่ี ระชาชนจะต้องได้รบั เพ่มิ ขึ้นประกอบกับภาวะทางเศรษฐกิจของ ประเทศโดยทั่วไปในปัจจุบันยังไม่คลี่คลายจึงเห็นสมควรท่ีจะผ่อนคลายความเดือดร้อนท่ีประชาชนจะ ได้รบั จากการจดั เก็บภาษบี ารุงท้องที่ในช่วงระยะเวลานี้เป็นการชั่วคราว โดยกาหนดใหใ้ ช้ราคาปานกลาง ของท่ีดินตามทีค่ ณะกรรมการตีราคาปานกลางของท่ดี ินได้กาหนดไว้สาหรับการประเมินภาษีบารุงท้องที่ สาหรับภาษีปี พ.ศ. 2525 และในปีต่อไป ท้ังนี้ จนกว่าจะมีการแก้ไขบทบัญญตั ิของกฎหมายว่าด้วยภาษี บารุงท้องที่ท่ีเกี่ยวกับวิธีการตีราคาปานกลางของที่ดินใหม่ให้เหมาะสมและเป็นธรรม ซึ่งต้องใช้เวลา ตระเตรียมการพอสมควร นอกจากน้ี โดยทีม่ กี ารเปลี่ยนแปลงการคานวณภาษีบารงุ ท้องทต่ี ามหลกั เกณฑ์ ดังกล่าว จึงจาเป็นต้องขยายระยะเวลาสาหรับผู้มหี นา้ ทเ่ี สยี ภาษบี ารงุ ทอ้ งทย่ี ื่นแบบแสดงรายการทด่ี ินตาม มาตรา 30 แห่งพระราชบัญญตั ิภาษีบารงุ ท้องที่ พ.ศ. 2508 สาหรับการเสียภาษปี ี พ.ศ. 2525 ซ่ึงไดผ้ า่ น พ้นไปแลว้ ดว้ ย และโดยทีเ่ ป็นกรณฉี ุกเฉินทม่ี ีความจาเปน็ เร่งด่วนอันเก่ียวกบั ความม่นั คงในทางเศรษฐกิจ ของประเทศ จงึ จาเป็นตอ้ งตราพระราชกาหนดนี้ พระราชกาหนดแก้ไขเพม่ิ เตมิ พระราชบัญญัตภิ าษีบารงุ ทอ้ งท่ี พ.ศ. 2508 (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2529[25] มาตรา 6 ให้ยกเลิกราคาปานกลางของท่ีดินที่คณะกรรมการตีราคาปานกลางของที่ดินตาม พระราชบัญญัติภาษีบารุงท้องที่ พ.ศ. 2508 ได้กาหนดไว้สาหรับการประเมินภาษีบารุงท้องที่ประจาปี พ.ศ. 2529 ถงึ พ.ศ. 2532 มาตรา 7 ให้นาราคาปานกลางของท่ดี ินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบารงุ ทอ้ งที่ประจาปี พ.ศ. 2521 ถงึ พ.ศ. 2524 ซ่งึ ใชใ้ นการประเมนิ ภาษีบารุงทอ้ งที่สาหรับปี พ.ศ. 2525 ถึง พ.ศ. 2528 มาใชเ้ ปน็ ราคาปานกลางในการประเมินภาษีบารุงทอ้ งที่สาหรบั ปี พ.ศ. 2529 และใหค้ ณะกรรมการพจิ ารณาตรี าคา ปานกลางของทีด่ ินขนึ้ ใหม่สาหรับรอบระยะเวลาส่ีปตี ่อไป ตัง้ แต่ พ.ศ. 2530 มาตรา 8 แบบแสดงรายการท่ีดินท่ีได้ยื่นไว้แล้วและใช้ได้สาหรับการเสียภาษีบารุงท้องท่ี ประจาปี พ.ศ. 2525 ถึง พ.ศ. 2528 ให้ถือว่าเป็นแบบแสดงรายการที่ดนิ ท่ไี ด้ย่ืนไว้แล้วและใช้ไดส้ าหรบั การเสยี ภาษีบารุงท้องที่ประจาปี พ.ศ. 2529 ด้วย

416 มาตรา 9 ผู้ท่ีเสียภาษีบารุงท้องที่สาหรับปี พ.ศ. 2529 ไปแล้วก่อนวันท่ีพระราชกาหนดน้ีใช้ บังคบั เกินจานวนทีต่ นตอ้ งเสีย ใหม้ สี ิทธไิ ด้รบั เงนิ ส่วนท่ีเกนิ คืน การคนื เงินสว่ นทเ่ี กนิ ใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรา 44 แหง่ พระราชบัญญัตภิ าษีบารุงท้องท่ี พ.ศ. 2508 และให้คืนเงินดงั กลา่ วภายในหนึง่ รอ้ ยย่สี ิบวนั นบั แตว่ ันท่ีผู้มีหนา้ ที่เสยี ภาษบี ารุงท้องทยี่ ่นื คาขอรบั เงินส่วน ท่ีเกินคืน มาตรา 10 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการตามพระราชกาหนดนี้ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกาหนดฉบับน้ี คือ โดยที่สภาพการณ์ทางเศรษฐกิจและ สงั คม ไม่เอ้อื อานวยที่จะใหม้ ีการเปลยี่ นแปลงภาษบี ารุงท้องทใ่ี นลักษณะทีจ่ ะทาใหป้ ระชาชนผู้มีหนา้ ทเ่ี สยี ภาษีต้องรับภาระภาษีเพิ่มขึ้น จึงสมควรให้นาเอาราคาปานกลางของที่ดินทใ่ี ช้ในการประเมินภาษีบารุง ทอ้ งทีช่ ว่ งปี พ.ศ. 2521 ถงึ พ.ศ. 2528 มาใชใ้ นการประเมินภาษีบารงุ ทอ้ งที่สาหรบั ปี พ.ศ. 2529 ไปก่อน และให้ผู้ที่ต้องเสียภาษีบารุงท้องท่ีที่ชาระภาษีดังกล่าวภายในเวลาที่กาหนดสามารถขอผ่อนชาระเป็น งวดๆ ได้ เพ่ือเป็นการบรรเทาความเดือดรอ้ นของประชาชนในการเสียภาษบี ารุงทอ้ งท่ี ประกอบกับวธิ ีการ ชาระภาษีบารุงท้องท่ียังไม่สะดวกเท่าท่ีควรและอัตราเงินเพิ่มภาษีบารุงท้องที่ยังไม่เหมาะสม สมควร ปรับปรุงให้เหมาะสมย่งิ ข้นึ และโดยท่ีเป็นกรณีฉกุ เฉนิ ที่มีความจาเป็นเร่งด่วนในอนั ทจี่ ะรักษาความม่ันคง ในทางเศรษฐกจิ ของประเทศ จงึ จาเปน็ ตอ้ งตราพระราชกาหนดน้ี พระราชบญั ญัติภาษบี ารงุ ท้องท่ี (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2543[26] หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใช้พระราชบัญญตั ิฉบบั น้ี คอื เนอื่ งจากพระราชบญั ญตั ิสภาตาบลและ องค์การบรหิ ารส่วนตาบล พ.ศ. 2537 กาหนดให้มีองคก์ ารบริหารส่วนตาบลและเปน็ ราชการสว่ นท้องถิ่น เพมิ่ ข้ึนอกี ประเภทหน่ึง สมควรแกไ้ ขเพม่ิ เติมกฎหมายว่าดว้ ยภาษบี ารงุ ทอ้ งทใี่ ห้ครอบคลุมถึงการเกบ็ ภาษี บารุงท้องท่ีในเขตองค์การบริหารส่วนตาบล นอกจากน้ีโดยที่ถ้อยคาเกี่ยวกับราชการส่วนท้องถ่ิน ใน กฎหมายว่าด้วยภาษีบารงุ ท้องท่ีมใี ช้อยู่หลายคาตามรูปแบบของราชการส่วนท้องถิ่นซึ่งมีอยู่หลากหลาย สมควรปรับปรุงถ้อยคาดังกล่าวเพื่อให้ครอบคลุมถึงราชการส่วนท้องถิ่นทุกประเภท จึงจาเป็นต้องตรา พระราชบญั ญตั ินี้

แนวข้อสอบพระราชบญั ญตั ภิ าษีบารุงท้องท่ี พ.ศ. 2508 และทแ่ี กไ้ ขเพมิ่ เตมิ 417 แนวขอ้ สอบพระราชบัญญตั ภิ าษีบารุงท้องท่ี พ.ศ. 2508 และทแ่ี ก้ไขเพ่ิมเติม 1. พระราชบญั ญตั ิภาษบี ารุงทอ้ งที่ พ.ศ. 2543 เปน็ ฉบับทเี่ ทา่ ใด ก. ฉบับท่ี 1 ข. ฉบับที่ 2 ค. ฉบบั ที่ 3 ง. ฉบบั ที่ 4 2. พระราชบญั ญัติภาษบี ารงุ ท้องท่ี พ.ศ. 2543 ให้ไว้ ณ วนั ทเี่ ท่าใด ก. 9 มกราคม 2543 ข. 29 มนี าคม 2543 ค. 25 กมุ ภาพนั ธ์ 2543 ง. 19 ธนั วาคม 2543 3. พระราชบญั ญัตภิ าษบี ารงุ ท้องท่ี พ.ศ. 2508 มีกีห่ มวด ก. 9 หมวด ข. 10 หมวด ค. 11 หมวด ง. 12 หมวด 4. พระราชบญั ญัตภิ าษบี ารงุ ทอ้ งที่ พ.ศ. 2508 มีกม่ี าตรา ก. 59 มาตรา ข. 78 มาตรา ค. 77 มาตรา ง. 92 มาตรา 5. ขอ้ ใดไม่ใช่หมวดในพระราชบญั ญตั ิภาษบี ารงุ ทอ้ งที่ พ.ศ. 2508 ก. เจา้ พนักงานประเมิน ข. เงนิ ลด ค. การตีราคาปานกลางของท่ดี นิ ง. อทุ ธรณ์

418 6. ข้อใดไม่ใช่หมวดในพระราชบญั ญัตภิ าษีบารุงท้องที่ พ.ศ. 2508 ก. การชาระภาษีบารงุ ทอ้ งท่ี ข. ขอ้ กาหนดในการรบั เงนิ ค. การย่ืนแบบแสดงรายการท่ดี ินและการสารวจ ง. บทกาหนดโทษ 7. พระราชบญั ญัตภิ าษบี ารงุ ท้องที่ พ.ศ. 2508 ให้ไว้ ณ วนั ทเ่ี ท่าใด ก. 19 ตลุ าคม 2508 ข. 22 ตุลาคม 2508 ค. 25 กุมภาพนั ธ์ 2507 ง. 19 ธนั วาคม 2507 8. เจ้าของทดี่ ินในข้อใดท่ีไมต่ อ้ งเสยี ภาษีบารงุ ท้องทสี่ าหรบั ทด่ี นิ ก. ท่ีดินที่เป็นที่ตง้ั พระราชวังอันเป็นสาธารณสมบตั ิของแผ่นดนิ ข. ที่ดินท่ีของราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ ค. ทด่ี ินท่ใี ช้เฉพาะการพยาบาลสาธารณะ การศกึ ษา ง. ถกู ทกุ ข้อ 9. เจ้าของทีด่ นิ ในข้อใดที่ไมต่ อ้ งเสยี ภาษีบารงุ ทอ้ งที่สาหรบั ทด่ี ิน ก. ทด่ี นิ ท่ใี ช้เป็นสสุ านและฌาปนสถานสาธารณะ ข. ทดี่ ินทีใ่ ช้ในการรถไฟ การประปา การไฟฟา้ ค. ทดี่ ินของเอกชนในส่วนทเ่ี จา้ ของทีด่ ินยนิ ยอมให้ทางราชการจดั ใช้เพือ่ สาธารณประโยชน์ ง. ถูกทุกขอ้ 10. ขอ้ ใดคอื วิธกี ารตรี าคาปานกลางของทด่ี นิ ก. นาเอาราคาทด่ี นิ ในหน่วยท่ีจะทาการตรี าคา ซ่ึงซอ้ื ขายกนั โดยสุจรติ ครง้ั สุดท้ายไม่นอ้ ยกวา่ 3 รายในระยะเวลาไมเ่ กนิ 1 ปีก่อนวันตรี าคา มาคานวณถวั เฉลี่ยเปน็ ราคาปานกลาง ข. กรณที ีไ่ ม่มกี ารซ้ือขายทด่ี นิ ใหน้ าเอาราคาปานกลางท่คี านวณของทด่ี นิ ในหน่วยใกลเ้ คียงท่มี ี สภาพและทาเลทีด่ ินคล้ายคลงึ กนั มาเป็นราคาปานกลางของทดี่ นิ นัน้ ค. ข้อ ก และ ค ถกู ง. ไม่มีขอ้ ใดถูก

แนวขอ้ สอบพระราชบญั ญัตภิ าษบี ารุงท้องท่ี พ.ศ. 2508 และทีแ่ กไ้ ขเพิ่มเติม 419 11. ข้อใดคือคณะกรรมการพจิ ารณาการตรี าคาปานกลางในเขตเทศบาล ก. ปลัดจังหวัด ข. เจ้าพนักงานท่ดี ินจงั หวดั ค. นายอาเภอท้องที่ ง. ถูกทุกข้อ 12. ใครเปน็ ผู้มอี านาจแต่งตัง้ คณะกรรมการพจิ ารณาการตรี าคาปานกลาง ก. ปลดั จงั หวัด ข. เจา้ พนักงานท่ดี ินจงั หวดั ค. นายอาเภอท้องท่ี ง. ผวู้ ่าราชการจงั หวดั 13. กรณใี ดทผ่ี ูม้ หี น้าทเ่ี สยี ภาษีจะขอผอ่ นชาระเปน็ งวดได้ ก. มีจานวนเงินท่ีต้องชาระตง้ั แต่ 2,000 บาท ข. มีจานวนเงินท่ตี ้องชาระตงั้ แต่ 3,000 บาท ค. ไมม่ ีเงินจ่าย ง. ถูกทกุ ขอ้ 14. กรณีท่ีผูม้ หี นา้ ทเ่ี สียภาษีจะขอผ่อนชาระเป็นงวดได้ สามารถผอ่ นชาระไดส้ งู สดุ กงี่ วด ก. 2 งวด ข. 3 งวด ค. 4 งวด ง. 5 งวด 15. ข้อใดถกู ตอ้ งเกี่ยวการเสยี ภาษีบารงุ ทอ้ งท่ี ก. ถา้ ภาษมี จี านวนไมถ่ งึ 1 บาท ไมต่ ้องเสียภาษีบารงุ ทอ้ งที่ ข. ถ้าผขู้ อผ่อนชาระไมส่ ามารถชาระงวดแรกตามกาหนดใหย้ กยอดการชาระไปในงวดทสี่ อง ค. ข้อ ก และ ข ถกู ง. ไมม่ ขี ้อถูก

420 16. ในการเรง่ รัดภาษบี ารงุ ทอ้ งที่ ผ้มู ีอานาจสามารถปฏบิ ัตติ ามข้อใด ก. ออกหนงั สอื เรียกเจ้าของที่ดนิ มาให้ถอ้ ยคา ข. ใหเ้ จ้าของท่ดี ินสง่ บญั ชีหรอื เอกสารมาตรวจสอบ ค. ข้อ ก และ ข ถูก ง. ไมม่ ขี อ้ ถูก 17. ผใู้ ดจงใจไม่มาหรอื ไม่ยอมช้ีเขตหรอื ไม่ยอมแจง้ จานวนเนอ้ื ท่ีดนิ ต้องระวางโทษในขอ้ ใด ก. จาคุกไม่เกนิ 1 เดอื นหรือปรบั ไมเ่ กิน 1,000 บาท หรอื ทัง้ จาท้งั ปรบั ข. จาคุกไมเ่ กิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทง้ั จาทง้ั ปรบั ค. จาคกุ ไมเ่ กนิ 6 เดือนหรือปรับไมเ่ กิน 1,000 บาท หรือทง้ั จาทั้งปรบั ง. จาคุกไม่เกนิ 6 เดอื นหรอื ปรับไมเ่ กนิ 2,000 บาท หรือทัง้ จาทัง้ ปรบั 18. ผใู้ ดจงใจแจง้ ขอ้ ความอนั เปน็ เทจ็ หรอื นาพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลกี เลี้ยงการเสยี ภาษีบารงุ ท้องที่ ต้องระวางโทษในข้อใด ก. จาคกุ ไม่เกิน 1 เดือนหรอื ปรบั ไม่เกนิ 1,000 บาท หรอื ทงั้ จาท้งั ปรบั ข. จาคกุ ไมเ่ กนิ 1 เดือนหรือปรับไม่เกนิ 2,000 บาท หรือทงั้ จาทั้งปรบั ค. จาคุกไม่เกนิ 6 เดือนหรอื ปรับไมเ่ กิน 1,000 บาท หรอื ทงั้ จาทัง้ ปรบั ง. จาคุกไม่เกิน 6 เดือนหรอื ปรบั ไมเ่ กนิ 2,000 บาท หรอื ท้ังจาทง้ั ปรบั 19. ใครคอื ผู้สนองพระราชองคก์ ารในพระราชบญั ญัติภาษีบารงุ ทอ้ งท่ี พ.ศ. 2508 ก. จอมพล ถนอม กิตตขิ จร ข. พลเอก ชวลติ ยงใจยทุ ธ ค. พลเอก สุรยทุ ธ์ จลุ านนท์ ง. นายชวน หลกี ภยั 20. ใครคือผ้สู นองพระราชองค์การในพระราชบญั ญตั ิภาษีบารงุ ท้องท่ี พ.ศ. 2543 ก. จอมพล ถนอม กติ ตขิ จร ข. พลเอก ชวลติ ยงใจยทุ ธ ค. พลเอก สรุ ยุทธ์ จลุ านนท์ ง. นายชวน หลีกภัย

เฉลยแนวขอ้ สอบพระราชบญั ญัตภิ าษบี ารงุ ท้องท่ี พ.ศ. 2508 และท่ีแก้ไขเพมิ่ เติม 421 เฉลยแนวข้อสอบพระราชบัญญัตภิ าษีบารงุ ท้องท่ี พ.ศ. 2508 และท่ีแก้ไขเพม่ิ เตมิ 1. ค 5. ข 9. ง 13. ข 17. ก 2. ค 6. ข 10. ค 14. ข 18. ง 3. ก 7. ข 11. ง 15. ก 19. ก 4. ก 8. ง 12. ง 16. ค 20. ง

422 พระราชบัญญัติภาษีป้ายพ.ศ. 2510 และแก้ไขเพ่มิ เติม ภูมิพลอดลุ ยเดช ป.ร. ใหไ้ ว้ ณ วันท่ี 15 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2510 เป็นปที ี่ 22 ในรชั กาลปจั จบุ ัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ ประกาศวา่ โดยทเ่ี ป็นการสมควรแยกกฎหมายเกย่ี วกับภาษีป้ายออกจากประมวลรษั ฎากร จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของสภา รา่ งรัฐธรรมนญู ในฐานะรฐั สภา ดงั ต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชบญั ญัตนิ ้ีเรียกว่า “พระราชบญั ญตั ภิ าษีป้าย พ.ศ. 2510” มาตรา 2[1] พระราชบัญญตั นิ ใ้ี ห้ใชบ้ งั คบั ตัง้ แต่วนั ท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2511 เปน็ ต้นไป มาตรา 3 ใหย้ กเลกิ หมวด 5 ภาษีป้ายในลกั ษณะ 2 แหง่ ประมวลรัษฎากร บรรดาบทกฎหมาย กฎ และขอ้ บงั คับอ่ืนในส่วนท่มี ีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบญั ญัตินหี้ รอื ซึ่งขัด หรือแยง้ กบั บทแห่งพระราชบัญญัติน้ี ให้ใช้พระราชบัญญัติน้ีแทน มาตรา 4 เมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกาให้เทศบาลใดอยู่ในความควบคุมดูแลของ กระทรวงมหาดไทยตามกฎหมายว่าด้วยเทศบาล บรรดาอานาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดตาม พระราชบัญญตั นิ ้ี ให้เป็นอานาจหนา้ ท่ีของรฐั มนตรหี รือผู้ซ่ึงรัฐมนตรมี อบหมาย มาตรา 5[2] ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ กับให้มี อานาจออกกฎกระทรวงกาหนดอัตราภาษีป้ายไม่เกินอัตราท่ีกาหนดไว้ในบัญชีอัตราภาษีป้ายท้าย พระราชบญั ญัตนิ ี้ และกาหนดกิจการอ่ืนเพอ่ื ปฏบิ ัตกิ ารตามพระราชบญั ญตั ิน้ี กฎกระทรวงนั้น เมอื่ ไดป้ ระกาศในราชกิจจานเุ บกษาแลว้ ใหใ้ ช้บังคับได้ หมวด 1 บททวั่ ไป

พระราชบัญญัติภาษปี า้ ยพ.ศ. 2510 และแก้ไขเพ่มิ เติม 423 มาตรา 6 ในพระราชบญั ญัตนิ ี้ “ป้าย” หมายความว่า ป้ายแสดงชื่อ ยี่ห้อหรือเคร่ืองหมายท่ีใช้ในการประกอบการค้าหรือ ประกอบกิจการอ่ืนเพื่อหารายได้หรือโฆษณาการค้าหรือกิจการอื่นเพ่ือหารายได้ ไม่ว่าจะได้แสดงหรือ โฆษณาไว้ท่ีวตั ถุใดๆ ดว้ ยอักษร ภาพ หรือเครอ่ื งหมายท่ีเขียน แกะสลกั จารึกหรอื ทาให้ปรากฏด้วยวธิ ีอื่น “ราชการส่วนท้องถิ่น”[3] หมายความว่า เทศบาล สุขาภิบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และองค์การปกครองท้องถิ่นอ่ืนท่ีรัฐมนตรีประกาศกาหนดให้เปน็ ราชการ สว่ นทอ้ งถิน่ ตามพระราชบญั ญตั ิน้ี “เขตราชการส่วนท้องถนิ่ ”[4] หมายความว่า (1) เขตเทศบาล (2) เขตสขุ าภบิ าล (3) เขตองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั (4) เขตกรุงเทพมหานคร (5) เขตเมืองพทั ยา (6) เขตองคก์ ารปกครองทอ้ งถนิ่ อื่นทร่ี ัฐมนตรปี ระกาศกาหนดใหเ้ ปน็ ราชการสว่ นท้องถนิ่ “ผู้บรหิ ารท้องถ่ิน”[5] หมายความว่า (1) นายกเทศมนตรี สาหรับในเขตเทศบาล (2) ประธานกรรมการสขุ าภบิ าล สาหรบั ในเขตสุขาภิบาล (3) ผวู้ ่าราชการจงั หวดั สาหรับในเขตองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั (4) ผ้วู ่าราชการกรงุ เทพมหานคร สาหรับในเขตกรุงเทพมหานคร (5) ปลดั เมอื งพัทยา สาหรับในเขตเมืองพทั ยา (6) หัวหนา้ ผู้บริหารท้องถ่นิ ขององคก์ ารปกครองทอ้ งถ่ินอ่ืนทร่ี ฐั มนตรีประกาศกาหนดให้ เป็นราชการสว่ นท้องถน่ิ สาหรับในเขตราชการส่วนทอ้ งถิ่นนั้น “ปี” หมายความว่า ปปี ฏทิ ิน “รัฐมนตรี” หมายความว่า รฐั มนตรผี ้รู กั ษาการตามพระราชบัญญตั ิน้ี มาตรา 7[6] ให้เจ้าของป้ายมหี นา้ ทีเ่ สยี ภาษีปา้ ยโดยเสียเป็นรายปียกเว้นป้ายที่เริม่ ติดต้งั หรือ แสดงในปีแรกให้เสยี ภาษีป้ายต้ังแต่วันเริม่ ติดต้ังหรือแสดงจนถึงวันสิ้นปีและให้คิดภาษีป้ายเป็นรายงวด

424 งวดละสามเดือนของปี โดยเริม่ เสยี ภาษีปา้ ยต้ังแต่งวดที่ติดตงั้ ป้ายจนถึงงวดสดุ ท้ายของปี ทงั้ นี้ ตามอัตราที่ กาหนดในกฎกระทรวงซง่ึ ตอ้ งไม่เกินอัตราทก่ี าหนดในบญั ชีอตั ราภาษีป้ายทา้ ยพระราชบัญญัตนิ ้ี การคานวณพน้ื ที่ภาษีป้าย ให้คานวณตามบญั ชีอตั ราภาษปี ้าย (6) และ (7) ท้ายพระราชบัญญตั ิ นี้ ป้ายท่ีติดต้ังบนอสังหารมิ ทรพั ย์ของบุคคลอน่ื และมีพืน้ ท่เี กินสองตารางเมตรต้องมีชื่อและทีอ่ ยู่ ของเจ้าของป้ายเปน็ ตวั อักษรไทยทช่ี ัดเจนที่มุมขวาด้านลา่ งของป้ายและให้ข้อความดังกลา่ วได้รบั ยกเวน้ ภาษปี า้ ยตามหลกั เกณฑ์ท่ีกาหนดในกฎกระทรวง มาตรา 8 เจ้าของปา้ ยไม่ต้องเสียภาษีปา้ ยสาหรับปา้ ยดังตอ่ ไปน้ี (1) ป้ายทีแ่ สดงไว้ ณ โรงมหรสพและบริเวณของโรงมหรสพนน้ั เพ่ือโฆษณามหรสพ (2) ป้ายทีแ่ สดงไว้ทสี่ นิ คา้ หรอื ท่สี งิ่ ห่อหมุ้ หรือบรรจุสินค้า (3) ป้ายที่แสดงไว้ในบริเวณงานทีจ่ ัดข้นึ เป็นคร้งั คราว (4)[7] ปา้ ยทแี่ สดงไว้ท่ีคน หรือสัตว์ (5)[8] ป้ายที่แสดงไว้ภายในอาคารที่ใช้ประกอบการค้าหรือประกอบกิจการอื่นหรือภายใน อาคารซ่ึงเปน็ ทร่ี โหฐาน ทั้งนี้ เพื่อหารายได้ และแต่ละป้ายมพี ้ืนที่ไม่เกินที่กาหนดในกฎกระทรวง แต่ไม่ รวมถึงปา้ ยตามกฎหมายว่าดว้ ยทะเบียนพาณิชย์ (6) ป้ายของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาคหรือราชการส่วนท้องถ่ินตามกฎหมายว่า ดว้ ยระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ (7) ป้ายขององค์การท่ีจัดตั้งข้ึนตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาลหรือตาม กฎหมายวา่ ด้วยการนัน้ ๆ และหนว่ ยงานท่ีนารายได้สง่ รฐั (8) ปา้ ยของธนาคารแหง่ ประเทศไทย ธนาคารออมสนิ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อ การสหกรณ์ และบรรษัทเงินทนุ อุตสาหกรรมแหง่ ประเทศไทย (9)[9] ป้ายของโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน หรือสถาบันอุดมศึกษา เอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชน ทแี่ สดงไว้ ณ อาคารหรือบริเวณของโรงเรยี นเอกชน หรอื สถาบันอุดมศึกษาเอกชนนัน้ (10) ปา้ ยของผู้ประกอบการเกษตรซึง่ คา้ ผลผลติ อันเกดิ จากการเกษตรของตน (11) ป้ายของวัด หรือผู้ดาเนินกิจการเพ่ือประโยชน์แก่การศาสนาหรือการกุศลสาธารณะ โดยเฉพาะ

พระราชบัญญตั ภิ าษปี ้ายพ.ศ. 2510 และแก้ไขเพมิ่ เติม 425 (12) ป้ายของสมาคมหรือมลู นิธิ (13) ป้ายตามทีก่ าหนดในกฎกระทรวง มาตรา 9[10] ภาษีป้ายท่ีเก็บในเขตราชการส่วนท้องถ่ินใด ให้เป็นรายได้ของราชการส่วน ท้องถิน่ นั้น มาตรา 10[11] ให้ผู้บริหารท้องถิ่นมีอานาจแต่งต้ังพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตาม พระราชบัญญตั ินี้ มาตรา 11 การส่งคาส่ังเป็นหนงั สอื หนงั สอื แจ้งการประเมิน หรอื หนังสอื อน่ื ให้แกบ่ ุคคลใด ให้ ปฏิบัติดงั ตอ่ ไปน้ี (1) ให้สง่ ในเวลากลางวันระหว่างพระอาทติ ยข์ นึ้ และพระอาทติ ยต์ ก หรือในเวลาทาการของผู้รบั (2) ให้ส่ง ณ สถานการค้า สถานประกอบกจิ การหรอื ท่ีอยู่อาศยั ของผรู้ บั โดยจะส่งทางไปรษณยี ์ ลงทะเบยี นก็ได้ ถ้าไม่พบผู้รบั ณ สถานการค้า สถานประกอบกิจการ หรือที่อยูอ่ าศัยของผรู้ ับ ให้ส่งแก่ผู้บรรลุ นิตภิ าวะแลว้ ซงึ่ อยหู่ รอื ทางาน ณ สถานการคา้ สถานประกอบกจิ การ หรอื ทอี่ ย่อู าศยั ของผูน้ ั้น ถา้ ไมส่ ามารถจะสง่ ตามวธิ ดี งั กล่าวได้ ให้ปิดหนงั สือน้นั ไว้ในทีเ่ ห็นไดง้ า่ ย ณ สถานการคา้ สถาน ประกอบกจิ การ หรือท่ีอยอู่ าศัยของผู้น้ัน หรือลงประกาศแจง้ ความในหนังสอื พิมพ์รายวันอยา่ งนอ้ ยสอง ฉบับ เมื่อได้ปฏิบัติตามวิธีน้ีแล้ว และเวลาได้ลว่ งพ้นไปไม่น้อยกว่าเจ็ดวันนบั แต่วันท่ปี ฏิบตั ิการ ให้ถือว่า บคุ คลนน้ั ไดร้ ับหนังสือน้ันแล้ว หมวด 2 การยน่ื แบบแสดงรายการภาษปี ้าย มาตรา 12 ให้เจา้ ของปา้ ยซงึ่ จะต้องเสยี ภาษีปา้ ย ยืน่ แบบแสดงรายการภาษีปา้ ยตามแบบและ วิธีการท่กี ระทรวงมหาดไทยกาหนด ภายในเดือนมนี าคมของปี ในกรณที ่ีเจ้าของปา้ ยอยู่นอกประเทศไทย ให้ตวั แทนหรอื ผูแ้ ทนในประเทศไทยมีหน้าท่ียน่ื แบบ แสดงรายการภาษปี า้ ยแทนเจา้ ของป้าย

426 มาตรา 13 ถา้ เจ้าของปา้ ยตาย เปน็ ผู้ไม่อยู่ เป็นคนสาบสญู เป็นคนไรค้ วามสามารถหรือเปน็ คน เสมอื นไรค้ วามสามารถ ให้ผู้จดั การมรดก ผคู้ รอบครองทรัพย์มรดกไมว่ า่ จะเปน็ ทายาทหรอื ผู้อื่น ผจู้ ดั การ ทรัพยส์ ิน ผู้อนุบาลหรอื ผู้พทิ ักษ์ แล้วแต่กรณี มีหนา้ ทป่ี ฏบิ ตั ิการตามมาตรา 12 แทนเจ้าของปา้ ย มาตรา 14[12] เจา้ ของปา้ ยผใู้ ด (1) ติดตัง้ หรอื แสดงป้ายอันต้องเสยี ภาษภี ายหลงั เดอื นมีนาคม (2) ติดตั้งหรือแสดงป้ายใหม่แทนป้ายเดิมและมีพ้ืนที่ ข้อความ ภาพ และเคร่ืองหมายอย่าง เดียวกับปา้ ยเดมิ ทไี่ ด้เสยี ภาษีปา้ ยแล้ (3) เปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้าย ข้อความ ภาพ หรือเคร่ืองหมายบางส่วนในป้ายท่ีได้เสียภาษี ปา้ ยแล้ว อันเปน็ เหตใุ ห้ต้องเสียภาษีปา้ ยเพม่ิ ขน้ึ ให้เจ้าของป้าย ตาม (1) (2) หรือ (3) ย่ืนแบบแสดงรายการภาษีป้ายต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ี ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ติดตั้งหรือแสดงป้าย หรือนับแต่วันเปล่ียนแปลง แก้ไขข้อความ ภาพ หรือ เครอ่ื งหมายในปา้ ยเดิม แล้วแต่กรณี มาตรา 14 ทวิ[13] ปา้ ยตามมาตรา 14 (1) ให้เสยี ภาษปี า้ ยตามมาตรา 7 ป้ายตามมาตรา 14 (2) ให้ไดร้ บั ยกเว้นภาษีเฉพาะปที ี่ติดตง้ั หรอื แสดงป้าย ป้ายตามมาตรา 14 (3) ให้เสียภาษีตาม (5) ของบัญชีอัตราภาษีปา้ ยทา้ ยพระราชบัญญัตนิ ้ี ถ้า เปน็ ปา้ ยทเี่ ปลย่ี นแปลงแก้ไขข้อความภาพ และเครอ่ื งหมายทัง้ หมดใหเ้ สยี ภาษีปา้ ยตามมาตรา 7 มาตรา 15[14] ให้เจ้าของปา้ ยหรือผ้ซู ่งึ เจา้ ของปา้ ยมอบหมายยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ต่อพนกั งานเจา้ หน้าท่ี ณ สถานที่ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) สานักงานหรือทว่ี ่าการของราชการสว่ นทอ้ งถ่ินท่ีปา้ ยนั้นติดตั้งหรือแสดงอยใู่ นเขตราชการ ส่วนทอ้ งถิ่นนน้ั (2) สานักงานหรือที่ว่าการของราชการส่วนท้องถิ่นซง่ึ การจดทะเบยี นยานพาหนะได้กระทาใน เขตราชการส่วนทอ้ งถิน่ น้นั (3) สถานทอี่ ่ืนท่ีผู้บรหิ ารทอ้ งถิน่ กาหนด โดยประกาศหรอื โฆษณาใหท้ ราบเปน็ เวลาไมน่ ้อยกว่า สามสิบวนั นับแตว่ ันประกาศหรอื โฆษณา มาตรา 16 ในกรณีท่ีมีการโอนป้าย ให้ผู้รับโอนแจ้งการรบั โอนเปน็ หนังสอื ต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ที่ ภายในสามสบิ วันนบั แตว่ ันรบั โอน

พระราชบญั ญตั ิภาษปี า้ ยพ.ศ. 2510 และแกไ้ ขเพิม่ เติม 427 หมวด 3 การประเมินภาษปี ้ายและการชาระภาษปี า้ ย มาตรา 17[15] ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ปี ระเมินภาษีปา้ ยตามหลักเกณฑก์ ารคานวณภาษีปา้ ยท่ี กาหนดไว้ในบัญชีอัตราภาษีปา้ ย (6) และ (7) ท้ายพระราชบัญญตั ินี้และตามอตั ราภาษีป้ายทีก่ าหนดใน กฎกระทรวง แล้วแจ้งการประเมนิ เปน็ หนังสอื ไปยงั เจา้ ของป้าย มาตรา 18[16] ในกรณีท่ีปรากฏแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีผู้ยื่นแบบแสดงรายการสาหรับ ภาษีป้ายใด เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่อาจหาตัวเจ้าของป้ายนั้นได้ ให้ถือว่าผู้ครอบครองปา้ ยน้ันเป็นผูม้ ี หน้าที่เสียภาษีป้ายถ้าไม่อาจหาตัวผู้ครองครองป้ายนั้นได้ ให้ถือว่าเจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารหรอื ทดี่ ินท่ปี ้ายนั้นตดิ ต้งั หรือแสดงอยู่ เป็นผูม้ หี น้าที่เสียภาษปี ้ายตามลาดบั และให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีแจ้งการ ประเมนิ ภาษปี ้ายเป็นหนงั สือไปยงั บุคคลดังกลา่ ว มาตรา 19[17] ให้ผู้มีหน้าท่ีเสยี ภาษีปา้ ยชาระภาษีปา้ ยต่อพนักงานเจ้าหนา้ ท่ี ณ สถานท่ีท่ีได้ ย่ืนแบบแสดงรายการภาษปี ้ายไว้ หรือ ณ สถานทอ่ี น่ื ใดทพี่ นกั งานเจา้ หนา้ ทก่ี าหนด ทั้งนี้ ภายในสบิ หา้ วัน นบั แต่วนั ทไี่ ดร้ ับแจ้งการประเมนิ และให้ถอื วา่ วนั ท่ชี าระภาษีตอ่ พนกั งานเจ้าหน้าท่เี ปน็ วันชาระภาษีปา้ ย การชาระภาษีปา้ ยจะกระทาโดยวิธีการสง่ ธนาณัตหิ รอื ตั๋วเงินแลกเงินของธนาคารทสี่ งั่ จ่ายเงิน ให้แก่ราชการส่วนท้องถ่ินท่เี ก่ียวข้อง ไปยังสถานทตี่ ามวรรคหน่ึง โดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบยี นหรอื ส่ง โดยวิธีอ่ืนตามทร่ี ัฐมนตรีประกาศกาหนดแทนการชาระตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทกี่ ไ็ ด้ และให้ถือว่าวันท่ไี ดท้ า การส่งดงั กลา่ วเปน็ วันชาระภาษปี า้ ย มาตรา 19 ทวิ[18] ถ้าภาษีป้ายทีต่ ้องชาระมจี านวนตั้งแตส่ ามพนั บาทข้นึ ไปผมู้ หี นา้ ทเ่ี สยี ภาษี ป้ายจะขอผ่อนชาระเป็นสามงวด งวดละเท่าๆ กันก็ได้ โดยแจ้งความจานงเป็นหนังสือให้พนักงาน เจา้ หน้าท่ที ราบก่อนครบกาหนดเวลาชาระภาษีตามมาตรา 19 วรรคหนึง่ การผ่อนชาระภาษตี ามวรรคหนึ่ง ให้ชาระงวดท่ีหนง่ึ กอ่ นครบกาหนดเวลาชาระภาษีตามมาตรา 19 วรรคหน่งึ งวดท่สี องภายในหน่ึงเดอื นนบั แต่วนั สุดทา้ ยทีต่ อ้ งชาระงวดทีห่ นงึ่ และงวดทสี่ ามภายในหนง่ึ เดือนนบั แต่วนั สุดทา้ ยทต่ี ้องชาระงวดท่สี อง ถา้ ผูข้ อผ่อนชาระภาษีไม่ชาระภาษปี า้ ยงวดหนงึ่ งวดใดภายในกาหนดเวลาตามวรรคสอง ให้หมด สทิ ธิท่ีจะขอผ่อนชาระภาษี และใหน้ ามาตรา 25 (3) มาใชบ้ ังคับสาหรบั งวดท่ยี ังมไิ ด้ชาระ มาตรา 19 ตร[ี 19] ใหผ้ ู้มีหน้าทีเ่ สยี ภาษีป้ายแสดงหลกั ฐานการเสยี ภาษปี า้ ยไว้ ณ ที่เปดิ เผยใน สถานทีป่ ระกอบการค้าหรือประกอบกิจการ

428 มาตรา 20 ภาษีป้ายจานวนใดทพ่ี นักงานเจา้ หน้าที่ได้แจ้งการประเมินแล้วถ้ามิได้ชาระภายใน เวลาท่กี าหนด ใหถ้ อื เป็นภาษีป้ายคา้ งชาร มาตรา 21[20] ให้ผู้บริหารท้องถิ่นมีอานาจออกคาสั่งเป็นหนังสือให้ยึดหรืออายัดและขาย ทอดตลาดทรัพย์สินของผู้มีหน้าท่ีเสียภาษีป้ายท่ีค้างชาระ เพื่อนาเงินมาชาระค่าภาษีป้ายค่าธรรมเนียม และค่าใช้จา่ ยโดยมิต้องขอใหศ้ าลสั่งหรอื ออกหมายยดึ ท้ังนี้ ตามระเบียบท่ีรัฐมนตรีกาหนด การยดึ ทรพั ยส์ ินจะกระทาไดต้ อ่ เมื่อไดส้ ่งคาเตือนเป็นหนงั สือใหผ้ ู้มีหนา้ ที่เสียภาษีปา้ ยชาระปา้ ย ทคี่ ้างชาระภายในกาหนดไม่น้อยกว่าเจ็ดวนั นบั แต่วนั ท่ีรบั หนงั สือน้นั การขายทอดตลาดทรัพย์สนิ จะกระทามิได้ในระหว่างระยะเวลาอทุ ธรณต์ ามมาตรา 30 มาตรา 31 มาตรา 32 หรอื มาตรา 33 เวน้ แตท่ รพั ยส์ ินนนั้ จะเปน็ ของเสยี ง่าย วธิ กี ารยึด อายัด และขายทอดตลาดทรพั ยส์ นิ เพือ่ ใหไ้ ด้รบั ภาษีป้ายทค่ี ้างชาระ ใหน้ าวธิ กี ารใน การประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความแพง่ มาใชบ้ งั คับโดยอนโุ ลม มาตรา 22 เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ให้หักไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการยึด อายัด หรือขายทอดตลาด เหลอื เท่าใดใหช้ าระเป็นคา่ ภาษีปา้ ย ถา้ ยังมีเงนิ เหลืออยูอ่ กี ให้คืนแก่เจ้าของทรัพย์สิน นั้น มาตรา 23[21] เมอ่ื ได้มีการยดึ หรอื อายดั ทรพั ย์สนิ ไว้ตามมาตรา 21 วรรคหน่งึ แล้ว ถา้ ได้มีการ ชาระภาษีป้ายท่ีคา้ งชาระ คา่ ธรรมเนยี มและคา่ ใชจ้ ่ายในการยึดหรืออายัดทรัพย์สนิ โดยครบถ้วนก่อนการ ขายทอดตลาด ให้ผูบ้ รหิ ารทอ้ งถนิ่ หรอื ผู้ซงึ่ ผ้บู ริหารท้องถน่ิ มอบหมายส่ังถอนการยึดหรอื อายัดนัน้ มาตรา 24[22] ผู้ใดเสียภาษีป้ายโดยไม่มหี น้าที่ต้องเสยี หรือเสียเกนิ กว่าท่ีควรต้องเสยี ผู้น้ันมี สทิ ธไิ ดร้ ับเงินคืน การขอรับเงินคืน ให้ย่ืนคาร้องต่อผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้ซึ่งผูบ้ ริหารท้องถิ่นมอบหมายภายใน หนึ่งปีนับแต่วันท่เี สียภาษีป้าย ในการน้ีให้ผู้ย่ืนคาร้องส่งเอกสาร หลักฐานหรือคาช้ีแจงใดๆ ประกอบคา ร้องด้วย เม่อื ผู้บรหิ ารท้องถิน่ หรือผซู้ ง่ึ ผู้บรหิ ารท้องถิน่ มอบหมายเห็นวา่ ผูย้ ืน่ คาร้องมสี ิทธไิ ดร้ ับเงินคนื ให้ สงั่ คนื เงนิ ใหโ้ ดยเรว็ และแจ้งให้ผยู้ น่ื คาร้องทราบเพือ่ มาขอรับเงินคืนภายในหนึง่ ปีนบั แตว่ ันที่ไดร้ ับแจง้ การกระทาใดๆ เพื่อใหเ้ สยี ภาษปี า้ ยน้อยลงกวา่ ที่ไดเ้ สียไปแล้ว ใหม้ ผี ลเมอ่ื เรมิ่ ตน้ ปีภาษปี า้ ย

พระราชบัญญัตภิ าษปี า้ ยพ.ศ. 2510 และแกไ้ ขเพม่ิ เติม 429 หมวด 4 เงินเพ่ิม มาตรา 25 ให้ผู้มีหน้าท่ีเสียภาษีป้ายเสียเงินเพ่ิมนอกจากเงินที่ต้องเสียภาษีป้ายในกรณีและ อัตรา ดงั ต่อไปนี้ (1) ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษปี ้ายภายในเวลาท่กี าหนด ให้เสียเงนิ เพิ่มร้อยละสบิ ของจานวน เงินท่ีต้องเสียภาษีป้าย เว้นแต่กรณีที่เจ้าของป้ายได้ย่ืนแบบแสดงรายการภาษีป้ายก่อนท่ีพนักงาน เจ้าหน้าท่ีจะได้แจ้งใหท้ ราบถึงการละเว้นน้นั ใหเ้ สียเงนิ เพม่ิ ร้อยละห้าของจานวนเงินที่ตอ้ งเสียภาษปี ้าย (2) ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้อง ทาให้จานวนเงินที่จะต้องเสียภาษีป้ายลด น้อยลง ให้เสียเงนิ เพิ่มร้อยละสิบของภาษีป้ายท่ปี ระเมนิ เพ่มิ เติม เว้นแต่กรณีทเี่ จา้ ของปา้ ยไดม้ าขอแก้ไข แบบแสดงรายการภาษีป้ายให้ถูกต้องกอ่ นทีพ่ นักงานเจ้าหน้าทแ่ี จง้ การประเมิน (3)[23] ไม่ชาระภาษีป้ายภายในเวลาท่ีกาหนด ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละสองต่อเดือนของจานวน เงินที่ต้องเสียภาษีป้าย เศษของเดือนให้นับเป็นหน่ึงเดือน ท้ังน้ี ไม่ให้นาเงินเพ่ิมตาม (1) และ (2) มา คานวณเปน็ เงนิ เพ่ิมตามอนมุ าตรานี้ดว้ ย มาตรา 26 เงนิ เพมิ่ ตามมาตรา 25 ให้ถอื วา่ เปน็ ภาษีป้าย หมวด 5 พนักงานเจา้ หน้าที่ มาตรา 27 ในการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี ใหพ้ นักงานเจ้าหนา้ ท่ีมีอานาจดังต่อไปนี้ (1) เขา้ ไปในสถานทีป่ ระกอบการคา้ หรอื ประกอบกิจการอ่นื เพือ่ หารายไดข้ องผ้มู ีหน้าที่เสยี ภาษี ป้าย หรือบริเวณท่ีต่อเน่อื งกับสถานทดี่ ังกล่าว หรือสถานที่ท่ีเกี่ยวข้องกบั การจดั เก็บภาษีปา้ ยในระหวา่ ง พระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทาการ เพ่ือตรวจสอบว่าผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายได้ ปฏิบตั ิการถกู ตอ้ งตามพระราชบญั ญตั ินหี้ รอื ไม่ (2) ออกคาสั่งเป็นหนังสือเรยี กผมู้ ีหน้าที่เสยี ภาษีป้ายมาให้ถ้อยคาหรือให้ส่งบัญชีหรอื เอกสาร เกี่ยวกบั ภาษปี ้ายมาตรวจสอบภายในกาหนดเวลาอันสมควร

430 มาตรา 28 ในการปฏบิ ัตกิ ารตามหน้าท่ี ใหพ้ นักงานเจา้ หนา้ ทแ่ี สดงบตั รประจาตวั เมอื่ บคุ คลซ่งึ เกี่ยวข้องรอ้ งขอ บัตรประจาตวั พนักงานเจ้าหน้าที่ ใหเ้ ป็นไปตามแบบทก่ี าหนดในกฎกระทรวง มาตรา 29 เมื่อปรากฏว่าเจ้าของป้ายมิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายหรือยื่นแบบแสดง รายการภาษีปา้ ยโดยไมถ่ ูกตอ้ ง ให้พนักงานเจา้ หนา้ ทมี่ ีอานาจแจง้ การประเมินย้อนหลังไดไ้ มเ่ กินห้าปนี ับ แต่วนั ท่ีพนกั งานเจ้าหน้าทีแ่ จ้งการประเมิน หมวด 6 การอทุ ธรณ์ มาตรา 30[24] ผูม้ หี นา้ ทเ่ี สยี ภาษีปา้ ยทไี่ ดร้ ับแจ้งการประเมินภาษปี ้ายแล้วเห็นวา่ การประเมิน นน้ั ไมถ่ ูกต้อง มสี ทิ ธอิ ทุ ธรณก์ ารประเมนิ ต่อผ้บู รหิ ารท้องถนิ่ หรอื ผู้ซง่ึ ผู้บรหิ ารท้องถน่ิ มอบหมายได้ภายใน สามสิบวันนับแต่วนั ที่ได้รบั แจง้ การประเมนิ การอทุ ธรณต์ ามวรรคหน่งึ ใหย้ นื่ ตอ่ พนกั งานเจา้ หน้าทตี่ ามแบบท่ีกระทรวงมหาดไทยกาหนด การอุทธรณไ์ มเ่ ป็นเหตใุ ห้ทุเลาการชาระภาษีป้าย เว้นแต่จะได้รบั อนุมัติจากผบู้ ริหารทอ้ งถ่ิน มาตรา 31[25] เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาอทุ ธรณ์ ผู้บรหิ ารทอ้ งถิ่นหรอื ผซู้ งึ่ ผบู้ รหิ ารทอ้ งถนิ่ มอบหมายอาจมีหนังสือเรียกผู้อทุ ธรณ์มาใหถ้ ้อยคาเพม่ิ เติมหรือให้ส่งเอกสารหรอื หลักฐานทีเ่ ก่ียวข้องมา เพือ่ ประกอบการพิจารณาได้ ถา้ ผู้อทุ ธรณไ์ มย่ ืนอุทธรณภ์ ายในสามสบิ วนั ตามมาตรา 30 วรรคหนง่ึ ไม่ปฏบิ ัตติ ามหนงั สือเรยี ก ไม่ยอมให้ถอ้ ยคา หรอื ไม่ยอมส่งเอกสารหรือหลกั ฐานท่เี ก่ียวขอ้ งโดยไม่มีเหตุอนั สมควร ให้ผบู้ รหิ ารท้องถนิ่ หรอื ผู้ซ่ึงผ้บู ริหารทอ้ งถิน่ มอบหมายมีอานาจยกอทุ ธรณ์นั้นเสียได้ มาตรา 32[26] ให้ผู้บรหิ ารท้องถิ่นหรอื ผู้ซง่ึ ผ้บู ริหารทอ้ งถ่ินมอบหมายวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จ ภายในหกสบิ วันนบั แต่วันท่ีได้รบั อุทธรณ์ และแจ้งคาวินิจฉัยพรอ้ มด้วยเหตุผลเปน็ หนงั สอื ไปยงั ผ้อู ทุ ธรณ์ และพนกั งานเจา้ หนา้ ท่ซี งึ่ ไดท้ าการประเมนิ โดยเร็ว มาตรา 33[27] ผอู้ ุทธรณม์ ีสิทธิอุทธรณค์ าวนิ ิจฉัยของผูบ้ ริหารท้องถน่ิ หรือผ้ซู ึ่งผ้บู ริหารทอ้ งถน่ิ มอบหมายโดยฟ้องเป็นคดตี อ่ ศาลภายในสามสิบวนั นับแต่วนั ท่ีได้รบั แจง้ คาวินจิ ฉยั อุทธรณเ์ วน้ แต่ในกรณีที่ เปน็ การยกอุทธรณ์ตามมาตรา 31 วรรคสอง

พระราชบญั ญัติภาษีป้ายพ.ศ. 2510 และแก้ไขเพ่มิ เตมิ 431 การฟ้องคดีตามวรรคหนง่ึ จะกระทาได้ต่อเม่อื ได้ปฏิบตั ติ ามขั้นตอนดงั ทบ่ี ัญญัติไว้ในมาตรา 30 แล้ว มาตรา 33 ทวิ[28] ในกรณีท่ีมีคาวินิจฉัยอุทธรณ์ถึงท่สี ุดใหค้ ืนเงินค่าภาษีป้ายให้แกผ่ ู้อทุ ธรณ์ ให้ผู้บริหารทอ้ งถ่ินหรือผซู้ ่ึงผบู้ ริหารทอ้ งถิ่นมอบหมายแจ้งให้ผ้อู ุทธรณ์ทราบโดยเร็วเพ่ือมาขอรับเงินคนื ภายในหนง่ึ ปีนบั แตว่ นั ที่ได้รับแจง้ หมวด 7 บทกาหนดโทษ มาตรา 34[29] ผู้ใดโดยรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ให้ถ้อยคาเท็จ ตอบ คาถามด้วยถอ้ ยคาอันเป็นเท็จ หรอื นาพยานหลักฐานเทจ็ มาแสดงเพอื่ หลีกเลย่ี งหรือพยายามหลกี เลย่ี งการ เสียภาษีป้าย ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหน่ึงปี หรอื ปรบั ต้ังแต่ห้าพันบาทถึงห้าหมืน่ บาท หรือทั้งจาทั้ง ปรบั มาตรา 35[30] ผใู้ ดจงใจไม่ย่นื แบบแสดงรายการภาษปี ้าย ต้องระวางโทษปรับตง้ั แต่ห้าพนั บาท ถงึ หา้ หมนื่ บาท มาตรา 35 ทวิ[31] ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 7 วรรคสาม ต้องระวางโทษปรับวันละหน่งึ รอ้ ย บาทเรยี งรายวนั ตลอดระยะเวลาท่ีกระทาความผิด มาตรา 36[32] ผู้ใดไม่แจ้งการรับโอนป้ายตามมาตรา 16 หรือไม่แสดงการเสียภาษีป้ายตาม มาตรา 19 ตรี ต้องระวางโทษปรบั ต้งั แตห่ นึง่ พนั บาทถงึ หนึ่งหมน่ื บาท มาตรา 37[33] ผู้ใดขัดขวางการปฏิบตั ิการของพนักงานเจา้ หน้าทต่ี ามมาตรา 27 (1) หรือไม่ ปฏบิ ัตติ ามคาสั่งของพนกั งานเจา้ หนา้ ท่ซี ง่ึ สั่งตามมาตรา 27 (2) ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดอื น หรอื ปรบั ตง้ั แต่หนึง่ พนั บาทถึงสองหม่ืนบาท หรือทั้งจาท้ังปรบั มาตรา 38[34] ในกรณีมีผู้กระทาความผดิ ตามพระราชบัญญัตนิ ้ี ถ้าผู้บริหารทอ้ งถิ่นหรอื ผู้ซึง่ ผู้บริหารทอ้ งถ่ินมอบหมายเห็นว่าเป็นความผดิ ทม่ี ีโทษปรบั สถานเดียวหรือมีโทษจาคุกหรือปรบั และโทษ จาคุกไมเ่ กินหกเดอื น ให้ผ้บู ริหารท้องถิน่ มอี านาจเปรยี บเทยี บสถานเดียวไดใ้ นกรณดี งั ต่อไปนี้ (1) ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือผู้ซ่ึงผู้ว่าราชการ กรงุ เทพมหานครมอบหมาย เป็นผู้มอี านาจเปรยี บเทยี บ

432 (2) ในเขตราชการส่วนท้องถิ่นอื่นยกเว้นเขตกรุงเทพมหานคร ให้ผู้บริหารท้องถ่ินหรือผู้ซึ่ง ผู้บรหิ ารทอ้ งถิ่นมอบหมายของแตล่ ะเขต เปน็ ผ้มู อี านาจเปรียบเทียบ เ ม่ื อ ผู้ ต้ อ ง ห า ไ ด้ ชา ร ะ เ งิ น ค่ า ป รั บ ต า ม ท่ี เ ป รี ย บ เ ที ย บ ภา ย ใ น ส า ม สิ บ วั น นั บ แ ต่ วั น ท่ี มี ก า ร เปรียบเทียบ ใหถ้ อื วา่ คดเี ลกิ กันตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา ถ้าผู้ต้องหาไม่ยินยอมตามท่ีเปรียบเทียบ หรือเมื่อยินยอมแล้วไม่ชาระเงินค่าปรับภายใน กาหนดเวลาดงั กลา่ ว ให้ดาเนินคดตี ่อไป มาตรา 39[35] เงินค่าปรับตามพระราชบัญญัตินใ้ี หเ้ ปน็ รายได้ของราชการส่วนท้องถ่นิ นั้น มาตรา 39 ทวิ[36] ในกรณีที่ผู้กระทาความผิดซ่ึงต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติน้ีเป็นนิติ บุคคล กรรมการผจู้ ดั การ ผ้จู ัดการ หรือผูแ้ ทนของนติ ิบุคคลนั้นตอ้ งรบั โทษตามที่บญั ญตั ิไว้สาหรบั ความผดิ นนั้ ๆ ดว้ ย เวน้ แต่จะพสิ ูจน์ไดว้ า่ ตนมไิ ดร้ ูเ้ หน็ หรอื ยินยอมในการกระทาความผิดของนิติบคุ คลนั้น บทเฉพาะกาล มาตรา 40 บทบัญญัติแห่งประมวลรษั ฎากรทย่ี กเลิกตามมาตรา 3 ให้คงใช้บังคบั ไดใ้ นการเก็บ ภาษปี า้ ยจานวนปตี ่างๆ กอ่ นวันทีพ่ ระราชบัญญตั นิ ีใ้ ช้บังคบั ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ จอมพล ถนอม กติ ติขจร นายกรฐั มนตรี

พระราชบัญญตั ิภาษปี า้ ยพ.ศ. 2510 และแก้ไขเพ่ิมเติม 433 บญั ชอี ัตราภาษีปา้ ย[37] (1) ป้ายที่มอี กั ษรไทยล้วน ใหค้ ิดอตั รา 10 บาท ตอ่ ห้ารอ้ ยตารางเซนตเิ มตร (2) ปา้ ยทม่ี อี กั ษรไทยปนกับอกั ษร ตา่ งประเทศและหรือปนกับภาพ และหรือเครื่องหมายอ่นื ใหค้ ดิ อัตรา 100 บาท ตอ่ หา้ ร้อยตารางเซนตเิ มตร (3) ป้ายดงั ต่อไปน้ี ให้คิดอตั รา 200 บาท ตอ่ ห้ารอ้ ยตารางเซนตเิ มตร (ก) ปา้ ยทไ่ี มม่ ีอักษรไทย ไม่วา่ จะมีภาพหรือ เครื่องหมายใดๆ หรอื ไม่ (ข) ป้ายทมี่ ีอักษรไทยบางส่วน หรือทงั้ หมดอย่ใู ต้หรอื ต่ากวา่ อักษรต่างประเทศ (4) ป้ายตาม (1) (2) หรือ (3) ซึ่งมีข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพที่เคล่อื นที่ หรือเปลย่ี นเป็น ข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพอื่นได้ โดยเคร่ืองจักรกลหรือโดยวิธีใดๆ ให้คิดอัตราภาษีตาม จานวน ข้อความ เคร่ืองหมาย หรือภาพ หรือตามระยะเวลาที่ข้อความเคร่ืองหมาย หรือภาพปรากฏอยู่ในป้าย ทั้งน้ี ตามหลกั เกณฑ์ และวิธีการทกี่ าหนดในกฎกระทรวง ถา้ ยังไม่ไดอ้ อกกฎกระทรวงให้คิดอัตราภาษตี าม บญั ชอี ตั ราภาษปี า้ ยน้ี (5) ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขตามมาตรา 14 (3) ให้คิดอัตราตาม (1) (2) หรือ (3) แล้วแต่กรณี และใหเ้ สยี เฉพาะจานวนเงนิ ภาษีทีเ่ พ่มิ ข้ึน (6) พืน้ ทข่ี องป้ายไมว่ ่าจะมรี ปู รา่ งหรอื ลกั ษณะอย่างไร ให้คานวณดังน้ี (ก) ถ้าเป็นป้ายท่ีมีขอบเขตกาหนดได้ให้เอาส่วนกว้างที่สุดคูณด้วยส่วนยาวที่สุดของ ขอบเขตป้ายเปน็ ตารางเซนติเมตร (ข) ถ้าเป็นปา้ ยที่ไม่มีขอบเขตกาหนดได้ ให้ถือว่าตัวอักษร ภาพ หรือเคร่ืองหมายทอ่ี ยู่ ริมสดุ เปน็ ขอบเขตสาหรบั กาหนดส่วนกว้างทส่ี ดุ และยาวท่สี ดุ แลว้ คานวณตาม (ก) (7) ป้ายตาม (1) (2) (3) หรอื (4) เมื่อคานวณพน้ื ท่ีของป้ายแล้ว

434 (ก) ถ้ามเี ศษเกินก่ึงหนงึ่ ของหา้ รอ้ ยตารางเซนตเิ มตร ใหน้ ับเป็นห้าร้อยตารางเซนตเิ มตร ถ้าไม่เกินกงึ่ หน่ึง ให้ปดั ทิ้ง (ข) ถา้ มีอัตราท่ตี อ้ งเสียภาษีตา่ กว่าป้ายละ 200 บาท ใหเ้ สียภาษีป้ายละ 200 บาท หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบญั ญัตฉิ บับน้ี คือ เน่ืองจากภาษีป้ายเปน็ ภาษีของราชการ บริหารส่วนท้องถิ่น ควรแยกออกจากประมวลรัษฎากร และมอบให้ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น โดย กาหนดให้องค์การบริหารสว่ นจังหวัด เทศบาลและสุขาภิบาล เป็นผู้จัดเก็บ จึงตรากฎหมายว่าด้วยภาษี ป้ายข้ึนโดยเฉพาะ พระราชบัญญัตภิ าษีปา้ ย (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2534[38] มาตรา 20 บทบัญญตั แิ ห่งพระราชบญั ญัตภิ าษีป้าย พ.ศ. 2510 ทถ่ี ูกยกเลกิ หรือแก้ไขเพ่ิมเติม โดยพระราชบญั ญัตนิ ้ี ให้ยังคงใช้บงั คับต่อไปเฉพาะในการปฏิบัติจัดเกบ็ ภาษีทีค่ ้างอย่หู รือทพี่ ึงชาระก่อน วนั ท่พี ระราชบัญญตั นิ ้ีใช้บงั คบั มาตรา 21 ความในมาตรา 7 วรรคสาม ซง่ึ แก้ไขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบัญญตั ิน้ี ให้ใช้บังคับเม่ือ พ้นหน่ึงรอ้ ยแปดสบิ วันนบั แต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา 22 ใหร้ ฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยท่ีพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 ไดใ้ ชบ้ ังคบั มาเป็นเวลานานแลว้ สมควรปรบั ปรงุ บทบญั ญัตวิ า่ ด้วยการยกเว้นภาษี การกาหนดอตั รา ภาษี การยื่นแบบแสดงรายการภาษี การประเมินภาษี การชาระภาษี การบงั คบั ชาระภาษีค้าง การคืนเงิน ค่าภาษอี ัตราเงินเพมิ่ และการอุทธรณ์ ตลอดจนปรับปรงุ บทกาหนดโทษให้สอดคลอ้ งกับสภาพการณ์และ สภาวะเศรษฐกจิ ปจั จุบันหรอื ใหเ้ หมาะสมย่ิงขึน้ จงึ จาเปน็ ตอ้ งตราพระราชบญั ญัตินี้

พระราชบัญญัติภาษีปา้ ยพ.ศ. 2510 และแก้ไขเพ่ิมเติม 435 ************************************** [1] ราชกจิ จานเุ บกษา เล่ม 84/ตอนที่ 114/ฉบับพเิ ศษ หนา้ 6/23 พฤศจกิ ายน 251 [2] มาตรา 5 แกไ้ ขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษปี า้ ย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2534 [3] มาตรา 6 นิยามคาว่า “ราชการสว่ นท้องถิ่น” เพ่ิมโดยพระราชบญั ญัติภาษีป้าย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2534 [4] มาตรา 6 นิยามคาวา่ “เขตราชการสว่ นท้องถิ่น” เพ่ิมโดยพระราชบญั ญัติภาษปี ้าย (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2534 [5] มาตรา 6 นิยามคาว่า “ผบู้ ริหารท้องถนิ่ ” เพม่ิ โดยพระราชบญั ญัติภาษีป้าย (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2534 [6] มาตรา 7 แกไ้ ขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบัญญัตภิ าษีป้าย (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2534 [7] มาตรา 8 (4) แก้ไขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบัญญตั ิภาษปี ้าย (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2534 [8] มาตรา 8 (5) แก้ไขเพมิ่ เติมโดยพระราชบัญญตั ิภาษีปา้ ย (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2534 [9] มาตรา 8 (9) แกไ้ ขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบญั ญัติภาษปี ้าย (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2534 [10] มาตรา 9 แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบัญญัติภาษีปา้ ย (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 253 [11] มาตรา 10 แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชบญั ญตั ิภาษีปา้ ย (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2534 [12] มาตรา 14 แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญัติภาษปี ้าย (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2534 [13] มาตรา 14 ทวิ เพม่ิ โดยพระราชบัญญตั ิภาษปี ้าย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2534 [14] มาตรา 15 แกไ้ ขเพมิ่ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิภาษปี า้ ย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2534 [15] มาตรา 17 แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชบญั ญัตภิ าษปี ้าย (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 253 [16] มาตรา 18 แก้ไขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบัญญัติภาษีป้าย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2534 [17] มาตรา 19 แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิภาษปี ้าย (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2534 [18] มาตรา 19 ทวิ เพม่ิ โดยพระราชบัญญตั ภิ าษีปา้ ย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 253 [19] มาตรา 19 ตรี เพ่มิ โดยพระราชบัญญตั ิภาษปี า้ ย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2534 [20] มาตรา 21 วรรคหนึง่ แกไ้ ขเพิ่มเติมโดยพระราชบญั ญตั ภิ าษีป้าย (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2534

436 [21] มาตรา 23 แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญัตภิ าษปี ้าย (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2534 [22] มาตรา 24 แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบัญญัติภาษปี า้ ย (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2534 [23] มาตรา 25 (3) แก้ไขเพม่ิ เติมโดยพระราชบัญญตั ภิ าษปี า้ ย (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2534 [24] มาตรา 30 แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบัญญัติภาษปี ้าย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2534 [25] มาตรา 31 แก้ไขเพม่ิ เติมโดยพระราชบัญญตั ิภาษปี า้ ย (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2534 [26] มาตรา 32 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบญั ญัตภิ าษปี า้ ย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2534 [27] มาตรา 33 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตภิ าษีป้าย (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2534 [28] มาตรา 33 ทวิ เพิม่ โดยพระราชบัญญตั ิภาษีปา้ ย (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2534 [29] มาตรา 34 แก้ไขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญัตภิ าษีปา้ ย (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2534 [30] มาตรา 35 แก้ไขเพ่มิ เติมโดยพระราชบัญญตั ิภาษีป้าย (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2534 [31] มาตรา 35 ทวิ เพมิ่ โดยพระราชบัญญัตภิ าษีปา้ ย (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2534 [32] มาตรา 36 แกไ้ ขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบัญญัติภาษีป้าย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2534 [33] มาตรา 37 แก้ไขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบัญญัติภาษปี ้าย (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2534 [34] มาตรา 38 แกไ้ ขเพิม่ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิภาษีป้าย (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2534 [35] มาตรา 39 แก้ไขเพ่มิ เติมโดยพระราชบญั ญัติภาษีปา้ ย (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2534 [36] มาตรา 39 ทวิ เพ่ิมโดยพระราชบญั ญัติภาษปี ้าย (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2534 [37] บัญชอี ตั ราภาษปี า้ ย แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัตภิ าษีป้าย (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2534 [38] ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ 108/ตอนที่ 240/ฉบับพเิ ศษ หน้า 26/29 ธนั วาคม 2534

แนวขอ้ สอบพระราชบญั ญตั ภิ าษปี า้ ย พ.ศ.2510และแก้ไขเพม่ิ เตมิ 437 แนวข้อสอบพระราชบัญญัตภิ าษีป้าย พ.ศ.2510และแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ 1. พระราชบญั ญตั ิภาษีปา้ ย พ.ศ.2510 ให้ใช้บงั คับต้ังแต่เมือ่ ใด ก. 1 มกราคม พ.ศ.2510 ข. 1 มกราคม พ.ศ.2511 ค. 2 มกราคม พ.ศ.2510 ง. 2 มกราคม พ.ศ.2511 2. บุคคลใดเป็นผรู้ กั ษาการตามพระราชบญั ญัติน้ี ข. รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย ก. นายกรฐั มนตรี ง. อธบิ ดีกรมสรรพากร ค. รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงการคลัง 3. “ราชการสว่ นท้องถิ่น” ตามพระราชบญั ญัติน้ีหมายความว่าอยา่ งไร ก. เทศบาล สุขาภบิ าล ข. องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัด ค. กรงุ เทพมหานคร เมอื งพทั ยา ง. ถูกทุกข้อ 4. ป้ายทต่ี ดิ ตงั้ บนอสงั หาริมทรพั ยข์ องบุคคลอ่ืนและมพี ้นื ทเี่ กนิ ก่ีตารางเมตรตอ้ งมีชื่อและท่ีอยู่ของ เจ้าของป้ายเปน็ ตัวอักษรไทยทช่ี ดั เจนท่มี ุมขวาด้านล่างของปา้ ยและให้ขอ้ ความดังกลา่ วได้รบั ยกเวน้ ภาษีป้าย ก. เกิน 1 ตารางเมตร ข. เกนิ 2 ตารางเมตร ค. เกนิ 3 ตารางเมตร ง. เกิน 4 ตารางเมตร 5. เจา้ ของป้ายไม่ต้องเสียภาษปี ้ายสาหรับปา้ ยตามขอ้ ใด ก. ปา้ ยทแี่ สดงไวท้ ส่ี ินคา้ หรอื ทสี่ ง่ิ หุม้ หอ่ หรอื บรรจสุ ินค้า ข. ปา้ ยของธนาคารแหง่ ประเทศไทย ค. ป้ายท่ีแสดงไว้ท่ีคน หรอื สตั ว์ ง. ถกู ทุกขอ้ 6. ใครมอี านาจแตง่ ต้ังพนกั งานเจา้ หนา้ ทเ่ี พ่ือปฏบิ ตั ิการตามพระราชบัญญัตินี้ ก. ผู้วา่ ราชการจังหวัด ข. ผู้บรหิ ารทอ้ งถนิ่ ค. นายอาเภอ ง. หัวหนา้ สว่ นราชการ

438 7. การส่งคาส่ังเปน็ หนังสือ หนังสอื แจ้งการประเมนิ หรอื หนงั สอื อื่นให้แก่บุคคลใดใหป้ ฏิบตั ติ ามขอ้ ใด ถูกต้อง ก. ให้ส่งในเวลากลางวนั ระหว่างพระอาทิตยข์ ึ้นและพระอาทติ ยต์ ก ข. ใหส้ ง่ ณ สถานการค้า สถานประกอบกจิ การ ค. ถ้าไม่พบผูร้ บั ณ สถานการคา้ สถานประกอบกิจการใหส้ ง่ แก่ผบู้ รรลุนิตภิ าวะแล้วซงึ่ อยู่ ณ สถานที่นั้น ง. ถูกทุกข้อ 8. ใหเ้ จ้าของปา้ ยซงึ่ จะต้องเสยี ภาษปี ้าย ย่ืนแบบแสดงรายการภาษีป้ายภายในเดอื นใดของปี ก. มกราคม ข. มีนาคม ค. เมษายน ง. ธนั วาคม 9. ถา้ เจา้ ของปา้ ยตาย เป็นผู้ไมอ่ ยู่ เป็นคนสาบสญู เป็นคนไรค้ วามสามารถ ให้ใครมีหน้าทต่ี อ้ งเสยี ภาษแี ทนเจ้าของป้าย ก. ผู้จดั การมรดก ข. ผู้ครอบครองทรัพยม์ รดก ค. ผ้จู ดั การทรพั ย์สิน ง. ถกู ทกุ ขอ้ 10. เจ้าของปา้ ยผใู้ ดตดิ ตั้งหรอื แสดงปา้ ยใหมแ่ ทนปา้ ยเดิมและมพี ื้นที่ ขอ้ ความ ภาพและเคร่ืองหมาย อย่างเดยี วกบั ปา้ ยเดิมที่ไดเ้ สยี ภาษีป้ายแลว้ ให้เจา้ ของปา้ ยยน่ื แบบแสดงรายการภาษีปา้ ยตอ่ พนกั งาน เจา้ หน้าท่ีภายในกว่ี นั ก. 5 วนั นับแตว่ นั ท่ีตดิ ตงั้ หรือแสดงปา้ ยแล้วแตก่ รณี ข. 10 วันนับแตว่ นั ท่ีติดตัง้ หรือแสดงป้ายแล้วแตก่ รณี ค. 15 วันนบั แตว่ นั ทต่ี ิดตง้ั หรอื แสดงป้ายแลว้ แต่กรณี ง. 20 วนั นบั แตว่ นั ทีต่ ดิ ตงั้ หรือแสดงป้ายแลว้ แตก่ รณี 11. สถานท่ีอื่นที่ผู้บรหิ ารกาหนดให้เจา้ ของปา้ ยยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายตอ่ พนกั งานเจ้าหน้าที่ ตอ้ งประกาศหรอื โฆษณาให้ทราบเป็นเวลาไม่น้อยกว่ากว่ี ัน ก. 15 วันนบั แตว่ นั ประกาศหรอื โฆษณา ข. 20 วนั นับแตว่ นั ประกาศหรอื โฆษณา ค. 30 วนั นบั แต่วันประกาศหรือโฆษณา ง. 45 วันนับแต่วันประกาศหรอื โฆษณา

แนวข้อสอบพระราชบญั ญตั ภิ าษปี า้ ย พ.ศ.2510และแก้ไขเพ่ิมเตมิ 439 12. ในกรณีท่ีมกี ารโอนปา้ ย ใหผ้ รู้ ับโอนแจ้งการรับโอนเป็นหนังสอื ตอ่ พนักงานเจ้าหน้าท่ีภายในก่วี ัน ก. 10 วันนบั แต่วนั รับโอน ข. 15 วนั นบั แตว่ ันรับโอน ค. 20 วนั นับแต่วนั รับโอน ง. 30 วนั นับแต่วนั รบั โอน 13. ใหผ้ ู้มหี น้าท่เี สยี ภาษปี ้ายชาระภาษปี ้ายต่อพนักงานเจ้าหนา้ ท่ี ณ สถานทีท่ ไ่ี ดย้ น่ื แบบแสดง รายการภาษีป้ายไว้ภายในก่วี นั นับแต่วันทีไ่ ด้รับแจ้งการประเมนิ ก. 5 วนั ข. 10 วนั ค. 15 วนั ง. 30 วนั 14. ภาษีป้ายท่ีต้องชาระต้งั แตก่ บ่ี าทข้ึนไป ผู้มีหนา้ ทเี่ สยี ภาษปี ้ายขอผอ่ นชาระเป็นสามงวด งวดละ เท่ากนั ๆได้ ก. 3,000 บาทขึ้นไป ข. ไมเ่ กิน 3,000 บาท ค. 6,000 บาทขึน้ ไป ง. ไมเ่ กนิ 6,000 บาท 15. การยดึ ทรพั ยข์ องผู้มีหนา้ ทีเ่ สยี ภาษปี า้ ยท่คี ้างชาระ กระทาไดต้ ่อเมอ่ื ได้ส่งคาเตอื นเปน็ หนังสือใหผ้ ู้ มหี นา้ ท่เี สียภาษีปา้ ยชาระภาษีป้ายที่ค้างชาระภายในกาหนดไม่น้อยกวา่ ก่ีวัน ก. 3 วันนับแต่วันทร่ี บั หนังสอื ข. 5 วนั นับแตว่ ันทรี่ บั หนังสอื ค. 7 วันนบั แต่วนั ท่ีรบั หนังสือ ง. 9 วันนับแต่วันท่รี ับหนงั สอื 16. ใหผ้ มู้ ีหนา้ ทีเ่ สียภาษปี ้ายเสยี เงนิ เพมิ่ นอกจากเงินทต่ี ้องเสยี ภาษีป้ายกรณีไมย่ ื่นแบบแสดงรายการ ภาษปี า้ ยภายในเวลาทก่ี าหนด ให้เสียเงนิ เพม่ิ รอ้ ยละเทา่ ใด ก. รอ้ ยละ 3 ของจานวนเงนิ ทีต่ อ้ งเสยี ภาษปี ้าย ข. รอ้ ยละ5 ของจานวนเงินทต่ี อ้ งเสยี ภาษปี า้ ย ค. รอ้ ยละ 7 ของจานวนเงินทีต่ อ้ งเสียภาษปี า้ ย ง. ร้อยละ 10 ของจานวนเงนิ ท่ตี อ้ งเสียภาษีป้าย 17. เมือ่ ปรากฏวา่ เจ้าของป้ายมไิ ดย้ ่ืนแบบแสดงรายการภาษีป้าย หรอื ย่ืนแบบแสดงรายการภาษปี า้ ย โดยไม่ถกู ต้อง ให้พนักงานเจา้ หน้าท่ีมอี านาจแจง้ การประเมนิ ยอ้ นหลังได้ไม่เกนิ กีป่ ี ก. 2 ปีนับแตว่ นั ทพี่ นกั งานเจ้าหนา้ ท่แี จง้ การประเมิน ข. 3 ปีนับแต่วนั ทีพ่ นกั งานเจ้าหนา้ ท่ีแจง้ การประเมนิ ค. 4 ปนี บั แตว่ นั ทพ่ี นกั งานเจา้ หน้าท่แี จ้งการประเมนิ ง. 5 ปนี บั แตว่ ันท่พี นกั งานเจา้ หนา้ ทีแ่ จ้งการประเมิน

440 18. ผูม้ ีหน้าท่ีเสียภาษีปา้ ยทไ่ี ดร้ บั แจง้ การประเมินภาษีปา้ ยแลว้ เหน็ ว่าการประเมนิ น้นั ไมถ่ ูกตอ้ งมสี ทิ ธิ อุทธรณก์ ารประเมินตอ่ ผบู้ ริหารทอ้ งถ่ินหรอื ผู้ซง่ึ ผู้บรหิ ารทอ้ งถิ่นมอบหมายได้ภายในกวี่ ัน ก. 10 วนั นบั แตว่ นั ที่ไดร้ บั แจ้งการประเมิน ข. 15 วันนับแต่วันทไ่ี ดร้ ับแจง้ การประเมนิ ค. 20 วันนับแตว่ ันทไ่ี ด้รับแจ้งการประเมิน ง. 30 วนั นบั แต่วันทไี่ ดร้ ับแจง้ การประเมนิ 19. ให้ผู้บรหิ ารท้องถ่ินวนิ จิ ฉัยอุทธรณใ์ ห้เสร็จภายในก่วี ันนับแต่วันท่ไี ด้รับอุทธรณ์ ก. 15 วัน ข. 30 วนั ค. 60 วนั ง. 90 วนั 20. ผ้ใู ดจงใจไม่ย่ืนแบบแสดงรายการภาษปี ้ายต้องระวางโทษอยา่ งไร ก. ปรบั ตัง้ แต่ 3,000 บาท ข. ปรับต้งั แต่ 5,000 – 50,000 บาท ค. ปรบั ไมเ่ กนิ 30,000 บาท ง. ปรบั ไมเ่ กนิ 50,000 บาท

เฉลยแนวข้อสอบพระราชบญั ญตั ิภาษีปา้ ย พ.ศ.2510 และแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ 441 เฉลยแนวข้อสอบพระราชบญั ญตั ภิ าษีปา้ ย พ.ศ.2510 และแกไ้ ขเพม่ิ เติม 1. ตอบ ข. 1 มกราคม พ.ศ.2511 (มาตรา 2) 2. ตอบ ข. รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย (มาตรา 5) 3. ตอบ ง. ถูกทกุ ข้อ (มาตรา 6) 4. ตอบ ข. เกนิ 2 ตารางเมตร (มาตรา 7) 5. ตอบ ง. ถูกทกุ ขอ้ (มาตรา 8) 6. ตอบ ข. ผบู้ รหิ ารท้องถิน่ (มาตรา 10) 7. ตอบ ง. ถูกทุกขอ้ (มาตรา 11) 8. ตอบ ข. มนี าคม (มาตรา 12) 9. ตอบ ง. ถูกทกุ ขอ้ (มาตรา 13) 10. ตอบ ค. 15 วนั นับแตว่ นั ทตี่ ดิ ต้ังหรือแสดงปา้ ยแลว้ แตก่ รณี (มาตรา 14) 11. ตอบ ค. 30 วนั นับแต่วันประกาศหรือโฆษณา (มาตรา 15) 12. ตอบ ง. 30 วนั นบั แตว่ นั รบั โอน (มาตรา 16) 13. ตอบ ค. 15 วัน (มาตรา 19) 14. ตอบ ก. 3,000 บาทข้นึ ไป (มาตรา 19 ทวิ) 15. ตอบ ค. 7 วันนับแต่วนั ที่รบั หนงั สอื (มาตรา 21) 16. ตอบ ง. ร้อยละ 10 ของจานวนเงนิ ทีต่ อ้ ง (มาตรา 25) 17. ตอบ ง. 5 ปีนบั แตว่ ันทีพ่ นกั งานเจ้าหน้าท่ีแจ้งการประเมนิ (มาตรา 29) 18. ตอบ ง. 30 วนั นับแตว่ นั ท่ีไดร้ บั แจง้ การประเมนิ (มาตรา 30) 19. ตอบ ค. 60 วนั (มาตรา 32) 20. ตอบ ข. ปรบั ตง้ั แต่ 5,000 – 50,000 บาท (มาตรา 35)

442 พระราชบญั ญัติจัดสรรรายไดป้ ระเภทภาษมี ลู คา่ เพิ่มและภาษธี รุ กิจเฉพาะให้แก่ราชการส่วนทอ้ งถิ่น พ.ศ. 2534 และท่แี กไ้ ขเพิ่มเติม ภมู พิ ลอดลุ ยเดช ป.ร. ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ 20 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2534 เป็นปที ี่ 46 ในรชั กาลปจั จบุ ัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ ประกาศว่า โดยท่ีเป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรรายได้ประเภทภาษีการค้าให้แก่ เทศบาล สุขาภบิ าล และองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัด จึงทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ราพระราชบัญญตั ขิ ึ้นไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของสภานติ ิ บัญญตั ิแห่งชาติ ดงั ตอ่ ไปนี้ มาตรา 1 พระราชบญั ญัตินี้เรยี กวา่ “พระราชบัญญตั ิจดั สรรรายไดป้ ระเภทภาษมี ลู ค่าเพ่ิมและ ภาษีธรุ กิจเฉพาะใหแ้ ก่ราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ พ.ศ. 2534” มาตรา 2[1] พระราชบญั ญตั นิ ้ีใหใ้ ช้บังคับตงั้ แต่วนั ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535 เปน็ ต้นไป มาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชบัญญตั จิ ัดสรรรายได้ประเภทภาษีการค้า ให้แก่เทศบาล สขุ าภิบาล และองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั พ.ศ. 2505 มาตรา 4 ให้ราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ ทกุ แหง่ ซง่ึ ได้รับภาษมี ูลค่าเพ่มิ และ ภาษีธุรกิจเฉพาะอันเป็นรายได้ตามกฎหมายว่าด้วยรายได้เทศบาล กฎหมายว่าด้วยรายได้ สุขาภิบาล กฎหมายว่าด้วยระเบยี บบริหารราชการสว่ นจังหวัด กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการ กรุงเทพมหานคร กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา และกฎหมายว่าด้วยราชการส่วน ท้องถิ่นอ่ืน ส่งมอบภาษีมูลค่าเพ่ิมและภาษีธุรกิจเฉพาะท่ีได้รับท้ังจานวนแก่กระทรวงมหาดไทย เพอื่ ให้ กระทรวงมหาดไทยจัดสรรแก่ราชการส่วนทอ้ งถ่นิ ทุกแหง่ ท่วั ราชอาณาจักร ในกรณที ี่ราชการส่วนทอ้ งถน่ิ มอบให้กรมสรรพากรเรยี กเกบ็ ภาษีมูลคา่ เพม่ิ และภาษีธุรกิจเฉพาะ เพื่อราชการส่วนท้องถิ่น เมื่อกรมสรรพากรได้หักค่าใช้จ่ายตามกฎหมายว่าด้วยการน้ันๆ แล้ว ให้ กรมสรรพากรส่งมอบภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะท้ังจานวนแก่กระทรวงมหาดไทยเพ่ือให้ กระทรวงมหาดไทยจดั สรรตามมาตรานี้ และใหก้ รมสรรพากรแจง้ จานวน ภาษีดงั กล่าวที่เรยี กเก็บได้พรอ้ ม ทง้ั ค่าใชจ้ า่ ยทีไ่ ดห้ ักไวใ้ หร้ าชการส่วนทอ้ งถิ่นนนั้ ทราบ

พระราชบญั ญัตจิ ดั สรรรายได้ประเภทภาษีมลู ค่าเพิ่มและภาษธี ุรกจิ เฉพาะใหแ้ กร่ าชการส่วน 443 ทอ้ งถนิ่ พ.ศ. 2534 และท่ีแก้ไขเพม่ิ เติม การจัดสรรเงินรายได้ตามวรรคหน่ึง ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผกู้ าหนดวงเงนิ ทง้ั นี้ ตามหลักเกณฑ์และวธิ กี ารทกี่ าหนดในกฎกระทรวง มาตรา 5 บรรดากฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติจัดสรรรายได้ประเภทภาษี การค้าให้แก่เทศบาล สุขาภิบาล และองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2505 ให้คงใช้บังคับได้ต่อไปโดย อนุโลม ทั้งนี้ จนกว่าจะไดม้ กี ฎกระทรวงท่อี อกตามพระราชบัญญตั นิ ใ้ี ชบ้ ังคับ มาตรา 6 ให้รฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรวี า่ การกระทรวงการคลังรกั ษาการ ตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ และให้รฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมอี านาจออกกฎกระทรวงเพ่ือปฏบิ ัติการ ตามพระราชบัญญัติน้ี กฎกระทรวงนน้ั เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาแล้ว ใหใ้ ชบ้ ังคบั ได้ ผ้รู บั สนองพระบรมราชโองการ อานนั ท์ ปันยารชุน นายกรฐั มนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ เนื่องจาก พระราชบัญญัติ แก้ไขเพ่ิมเติมประมวลรษั ฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 ได้ยกเลิกภาษีการค้าและนาภาษีมูลค่าเพ่มิ และ ภาษีธุรกิจเฉพาะมาใช้แทน และได้มีกฎหมายกาหนดให้ราชการส่วนท้องถ่ินมีอานาจออกข้อบัญญัติ ท้องถิ่น เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะเพื่อเป็นรายได้แก่ท้องถ่ินทานองเดียวกับภาษีการค้า สมควรกาหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรรายได้ประเภทภาษีมูลค่าเพิม่ และภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่ ราชการสว่ นทอ้ งถิ่น ทานองเดียวกับพระราชบญั ญัติจัดสรรเงนิ รายได้ประเภทภาษีการค้าให้แก่ เทศบาล สุขาภบิ าล และองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด พ.ศ. 2505 พร้อมกับยกเลิกพระราชบัญญัตจิ ดั สรรเงินรายได้ ประเภทภาษกี ารค้า ฯลฯ ดงั กลา่ ว จงึ จาเปน็ ต้องตราพระราชบัญญัตนิ ้ี

444 ระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการรบั เงนิ การเบกิ จ่ายเงนิ การฝากเงนิ การเก็บรักษาเงินและการ ตรวจเงนิ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 แกไขเพ่มิ เตมิ ฉบบั ท่ี 3 พ.ศ. 2558 โดยท่ีเปน็ การสมควรปรับปรุงระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการรับเงิน การเบิก จ่ายเงนิ การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงิน เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบริหารงานด้าน การเงินเปน็ แนวทางเดียวกนั อาศัยอานาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วน จังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 69 และมาตรา 77 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 5 และ มาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติสภาตาบลและองค์การบริหารส่วนตาบล พ.ศ.2537 รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทยจงึ ออกระเบยี บไว้ดงั ต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบน้ีเรียกวา่ “ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการรบั เงนิ การเบกิ จ่ายเงนิ การ ฝากเงนิ การเก็บรกั ษาเงนิ และการตรวจเงนิ ขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ พ.ศ. 2547” ขอ้ 2[1] ระเบยี บน้ใี หใ้ ชบ้ ังคับต้งั แต่วันถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเปน็ ตน้ ไป ขอ้ 3 ใหย้ กเลกิ (1) ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการรบั เงิน การเบิกจ่ายเงนิ การฝากเงินการเก็บรักษา เงนิ และการตรวจเงินขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ พ.ศ. 2541 (2) ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงนิ การเก็บรักษา เงนิ และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2543 ข้อ 4 ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้และให้มีอานาจตีความ วนิ ิจฉัยปญั หา กาหนดหลกั เกณฑ์และวิธปี ฏบิ ตั เิ พื่อดาเนินการให้เป็นไปตามระเบยี บน้ี ในกรณที ่ีองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นไมส่ ามารถปฏิบัตติ ามระเบียบน้ีได้ให้ขอทาความตกลงกับ ปลัดกระทรวงมหาดไทยก่อนการปฏิบัติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย อาจมอบอานาจตามวรรคสองให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครอง ทอ้ งถน่ิ หรอื ผู้วา่ ราชการจงั หวัดกไ็ ด้ หมวด 1 ขอ้ ความท่วั ไป

ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยการรบั เงนิ การเบิกจา่ ยเงนิ การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน 445 และการตรวจเงนิ ขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ พ.ศ. 2547 แกไขเพมิ่ เติม ฉบบั ที่ 3 พ.ศ. 2558 ข้อ 5 ในระเบยี บน้ี (1)[2] “องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น” หมายความว่า องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัดเทศบาล และ องค์การบรหิ ารส่วนตาบล รวมทั้งกิจการพาณิชยข์ ององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นด้วย (2)[3] “สภาท้องถิ่น” หมายความว่า สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด สภาเทศบาลและสภา องค์การบรหิ ารส่วนตาบล (3)[4] “ผู้บรหิ ารทอ้ งถนิ่ ” หมายความวา่ นายกองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดนายกเทศมนตรีและ นายกองคก์ ารบริหารสว่ นตาบล (4)[5] “ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น” หมายความว่า รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดรอง นายกเทศมนตรีและรองนายกองค์การบรหิ ารส่วนตาบล (5)[6] “ปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน” หมายความว่า ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปลดั เทศบาล และปลดั องค์การบริหารส่วนตาบล (6)[7] “พนักงานส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดพนักงาน เทศบาล และพนกั งานสว่ นตาบล (7) “หน่วยงาน” หมายความว่า สานักกอง ส่วน ฝ่าย ตามโครงสรา้ งขององค์กรปกครองสว่ น ท้องถิ่น แต่ละรปู แบบ หรือหน่วยงานที่มงี บเฉพาะการ หรือหน่วยงานทีไ่ ด้แยกออกไปทาการรบั จา่ ยและ เกบ็ รกั ษาเงนิ (8) “ผู้เบิก” หมายความว่า หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณทั่วไปและงบประมาณเฉพาะการ รวมท้ังเงนิ นอกงบประมาณด้วย (9) “หน่วยงานคลัง” หมายความว่า หน่วยงานที่มีหน้าท่ีเก่ียวกับการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงนิ การเก็บรกั ษาเงิน ตามระเบยี บน้ี (10) “หัวหน้าหน่วยงานคลงั ” หมายความว่า หัวหน้าหนว่ ยงาน ซ่ึงมีหน้าท่ีเกีย่ วกับการรับเงนิ การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน หรืองานเกี่ยวกับการเงินการบัญชีตามท่ีกาหนดไว้ใน ระเบียบน้ีและให้หมายความรวมถงึ หวั หนา้ หน่วยงานทีม่ งี บเฉพาะการหรอื หนว่ ยงานที่ไดแ้ ยกไปทาการรบั จา่ ยและเก็บรกั ษาเงินต่างหากจากหน่วยงานคลงั (11) “เจ้าหน้าที่” หมายความวา่ ผู้ท่ีมีหน้าทรี่ ับจา่ ยเงินและใหร้ วมถึงผซู้ ่ึงได้รบั มอบหมายให้มี หน้าท่ีรับจ่ายเงนิ ด้วย (12) “ตู้นิรภัย” หมายความรวมถึง กาปั่นหรือตู้เหล็กหรือหีบเหลก็ อันมนั่ คง ซ่ึงใช้สาหรับเก็บ รักษาเงินขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่น

446 (13) “หีบห่อ” หมายความวา่ หบี หรือถงุ หรอื ภาชนะอน่ื ใด ซึ่งใช้สาหรบั บรรจเุ งนิ เพอ่ื ฝาก เกบ็ รักษาไว้ในตู้นิรภัยในลักษณะหีบห่อ หรือสาหรบั บรรจเุ งินเพื่อนาส่ง หรือนาฝากส่วนราชการ หรือบรรจุ เงินทข่ี อเบิกคืนจากตนู้ ิรภัยของส่วนราชการหรอื องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ (14) “อนุมตั ิฎกี า” หมายความว่า อนญุ าตใหจ้ ่ายเงินจากองคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ (15) “หลกั ฐานการจา่ ย” หมายความว่า หลักฐานแสดงวา่ ไดม้ กี ารจ่ายเงินให้แกผ่ รู้ บั หรือเจา้ หนี้ ตามขอ้ ผูกพนั แล้ว (16) “ใบสาคัญคู่จ่าย” หมายความว่า หลักฐานการจ่ายเงินที่เปน็ ใบเสร็จรับเงินหลักฐานของ ธนาคารแสดงการจ่ายเงินแกเ่ จา้ หน้ีหรือหลักฐานการนาเงินเข้าบัญชีเงินฝากของผรู้ ับท่ีธนาคาร และให้ รวมถงึ ใบนาสง่ เงนิ ตอ่ หนว่ ยงานคลังด้วย (17) “เงินรายรบั ” หมายความว่า เงินทั้งปวงทีอ่ งค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินจัดเก็บหรือได้รับไว้ เปน็ กรรมสิทธติ์ ามกฎหมาย ระเบยี บ ขอ้ บงั คับ หรอื จากนติ กิ รรม (18) “เงินนอกงบประมาณ” หมายความว่า เงินท้ังปวงที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ิน เว้นแต่เงินท่ีปรากฏตามงบประมาณรายจ่าย และเงินท่ีรัฐบาลอุดหนุนให้องค์กร ปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ โดยระบุวัตถุประสงค์ (19) “รายงานสถานะการเงินประจาวัน” หมายความรวมถึง ยอดเงินรับและจ่ายในแต่ละวนั รวมถงึ ยอดเงนิ ท่ีฝากธนาคารและคลังจังหวดั ด้วย (20) “เงินยืม” หมายความว่า เงินงบประมาณหรอื เงินนอกงบประมาณท่ีองค์กรปกครองส่วน ท้องถ่นิ จ่ายให้แกบ่ คุ คลใดยืมเพื่อเปน็ ค่าใชจ้ ่ายในการเดนิ ทางไปราชการหรอื ปฏบิ ัติราชการอนื่ ใด (21) “แผนพัฒนา” หมายความรวมถึง แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาและแผนพัฒนาสามปขี อง องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่น หรือตามทก่ี ฎหมายกาหนด (22) “แผนการใชจ้ ่ายเงนิ ” หมายความวา่ แผนแสดงรายละเอียดการใช้จ่ายเงินของหนว่ ยงานผู้ เบกิ ในชว่ งระยะเวลาใดเวลาหน่ึง ซ่งึ หนว่ ยงานผู้เบิกไดย้ น่ื ต่อหน่วยงานคลงั ทกุ ระยะสามเดอื น (23) “ทุนสารองเงินสะสม” หมายความว่า ยอดเงินสะสมจานวนร้อยละยี่สบิ ห้าของยอดเงนิ สะสมประจาปีทุกส้ินปีงบประมาณ เพ่อื รักษาเสถียรภาพการเงนิ การคลังขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่นิ (24) “เงินสะสม” หมายความว่า เงินท่ีเหลือจ่ายจากเงินรายรับตามงบประมาณรายจ่าย ประจาปีและหรอื งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และให้หมายความรวมถึงเงนิ รายรบั อื่นที่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถ่ินได้รบั ไว้ภายในวันสิ้นปงี บประมาณหลงั จากทไ่ี ด้หกั ทุนสารองเงนิ สะสมไว้แล้วและรวมทัง้ เงนิ สะสมปกี ่อน ๆ ด้วย