สรปุ สาระสาคญั ระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 347 การสง่ ขอ้ ความทางเครอ่ื งมอื สือ่ สารซงึ่ ไม่มหี ลกั ฐานปรากฏชดั แจ้ง เชน่ ทางโทรศัพท์ วิทยุสอื่ สาร วิทยุกระจายเสียง หรอื วทิ ยโุ ทรทศั น์ เปน็ ต้น ให้ผสู้ ่งและผรู้ บั บนั ทกึ ขอ้ ความไวเ้ ป็นหลักฐาน (ความในข้อ 29 แก้ไขโดย ระเบยี บสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบบั ท่ี 2 ) พ.ศ.2548 ลงวันที่ 21 มถิ ุนายน พ.ศ.2548) ข้อ 30 หนังสือที่จัดทาขึ้นโดยปกติให้มีสาเนาคู่ฉบับเก็บไว้ท่ีต้นเรื่อง 1 ฉบับ และให้มีสาเนา เกบ็ ไวท้ ่ีหน่วยงานสารบรรณกลาง 1 ฉบบั สาเนาค่ฉู บบั ใหผ้ ลู้ งชอื่ ลงลายมอื ชอ่ื หรอื ลายมือชอ่ื ย่อ และให้ผรู้ า่ ง ผพู้ ิมพ์ และผตู้ รวจลงลายมอื ชือ่ หรอื ลายมอื ชอ่ื ย่อไว้ที่ขา้ งทา้ ยขอบลา่ งด้านขวาของหนงั สอื ข้อ 31 หนังสือทเี่ จ้าของหนังสอื เหน็ วา่ มสี ่วนราชการอ่นื ทเี่ กยี่ วขอ้ งควรไดร้ ับทราบดว้ ย โดยปกติ ให้ส่งสาเนาไปใหท้ ราบโดยทาเปน็ หนงั สือประทบั ตรา สาเนาหนังสอื นี้ใหม้ ีคารบั รองว่า สาเนาถกู ตอ้ ง โดยใหเ้ จ้าหนา้ ที่ตงั้ แตร่ ะดบั 2 หรอื เทยี บเทา่ ขน้ึ ไป ซึง่ เปน็ เจา้ ของเรื่องลงลายมือชือ่ รบั รอง พร้อมท้งั ลงชอื่ ตัวบรรจง และตาแหนง่ ทขี่ อบล่างของหนงั สือ ขอ้ 32 หนงั สอื เวยี น คอื หนังสือทม่ี ีถงึ ผู้รบั เปน็ จานวนมาก มใี จความอย่างเดยี วกนั ให้เพมิ่ รหสั ตัวพยัญชนะ ว หน้าเลขทะเบยี นหนังสือส่ง ซงึ่ กาหนดเป็นเลขท่หี นังสือเวียนโดยเฉพาะ เร่มิ ต้งั แตเ่ ลข 1 เรียงเป็นลาดับไปจนถึงส้ินปีปฏิทิน หรือใช้เลขที่ของหนังสือทั่วไปตามแบบหนังสือภายนอกอย่าง หนึ่ง อยา่ งใด เมื่อผู้รับได้รับหนังสือเวียนแล้วเห็นว่าเรื่องน้ันจะต้องให้หน่วยงาน หรือบุคคลในบังคับ บัญชาในระดับตา่ ง ๆ ได้รบั ทราบดว้ ย กใ็ หม้ หี น้าที่จัดทาสาเนา หรือจัดส่งใหห้ นว่ ยงาน หรอื บุคคลเหลา่ นนั้ โดยเร็ว ขอ้ 33 สรรพนามที่ใช้ในหนงั สือ ใหใ้ ช้ตามฐานะแห่งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเจา้ ของหนงั สอื และ ผู้รบั หนงั สอื ตามภาคผนวก 2 ข้อ 34 หนงั สือภาษาต่างประเทศ ใหใ้ ช้กระดาษตราครฑุ หนงั สอื ที่เปน็ ภาษาอังกฤษ ใหท้ าตาม แบบท่ีกาหนดไวใ้ นภาคผนวก 4 สาหรับหนงั สอื ทเ่ี ป็นภาษาอื่น ๆ ซ่ึงมิใชภ่ าษาอังกฤษ ใหเ้ ป็นไปตาม ประเพณนี ิยม หมวด 2 การรบั และสง่ หนังสอื ส่วนที่ 1 การรับหนงั สือ ขอ้ 35 หนงั สอื รบั คือ หนังสอื ทไี่ ด้รับเขา้ มาจากภายนอก ใหเ้ จา้ หนา้ ท่ขี องหน่วยงานสารบรรณกลาง ปฏิบัตติ ามที่กาหนดไว้ในส่วนนี้
348 การรบั หนังสือทม่ี ีช้นั ความลบั ในช้นั ลบั หรือลบั มาก ด้วยระบบสารบรรณอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ให้ ผใู้ ช้งานหรอื ผปู้ ฏิบตั งิ านที่ไดร้ ับการแตง่ ตง้ั ใหเ้ ข้าถงึ เอกสารลบั แต่ละระดบั เปน็ ผรู้ บั ผา่ นระบบการรกั ษาความ ปลอดภยั โดยใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บวา่ ดว้ ยการรกั ษาความลบั ของทางราชการ (ความในข้อ 35 แก้ไขโดย ระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบบั ที่ 2 ) พ.ศ.2548 ลงวนั ท่ี 21 มิถนุ ายน พ.ศ.2548) ข้อ 36 จดั ลาดบั ความสาคญั และความเรง่ ดว่ นของหนงั สอื เพอื่ ดาเนนิ การกอ่ นหลงั และให้ผเู้ ปิดซอง ตรวจเอกสาร หากไม่ถกู ต้องให้ตดิ ตอ่ ส่วนราชการเจ้าของเรอื่ ง หรอื หน่วยงานทอี่ อกหนังสอื เพ่อื ดาเนินการใหถ้ ูกตอ้ ง หรือบันทกึ ขอ้ บกพรอ่ งไวเ้ ปน็ หลกั ฐาน แล้วจงึ ดาเนนิ การเรอ่ื งน้นั ตอ่ ไป ข้อ 37 ประทับตรารบั หนงั สือตามแบบที่ 12 ท้ายระเบียบ ทมี่ ุมบนด้านขวาของหนังสอื โดยกรอก รายละเอียดดงั นี้ 37.1 เลขรับ ใหล้ งเลขทีร่ บั ตามเลขทร่ี ับในทะเบยี น 37.2 วันท่ี ใหล้ งวนั เดือน ปีท่รี ับหนงั สอื 37.3 เวลา ให้ลงเวลาทร่ี ับหนงั สือ ข้อ 38 ลงทะเบียนรบั หนังสือในทะเบียนหนังสอื รบั ตามแบบที่ 13 ท้ายระเบียบ โดยกรอก รายละเอียดดงั น้ี 38.1 ทะเบียนหนงั สือรบั วันท่ี เดือน พ.ศ. ให้ลงวัน เดอื น ปที ่ีลงทะเบยี น 38.2 เลขทะเบียนรับ ใหล้ งเลขลาดับของทะเบียนหนงั สอื รบั เรยี งลาดบั ติดตอ่ กนั ไป ตลอดปปี ฏิทนิ เลขทะเบียนของหนังสือรบั จะตอ้ งตรงกบั เลขทีใ่ นตรารับหนงั สือ 38.3 ที่ ใหล้ งเลขท่ขี องหนังสือทร่ี ับเข้ามา 38.4 ลงวันที่ ให้ลงวนั เดอื น ปขี องหนังสอื ท่รี บั เขา้ มา 38.5 จาก ให้ลงตาแหนง่ เจา้ ของหนงั สือ หรอื ชื่อสว่ นราชการ หรือชื่อบคุ คลในกรณี ทไี่ มม่ ตี าแหนง่ 38.6 ถึง ให้ลงตาแหน่งของผู้ท่ีหนังสือนั้นมีถึง หรือช่ือส่วนราชการ หรือช่ือบุคคล ในกรณีที่ไมม่ ีตาแหนง่ 38.7 เรือ่ ง ให้ลงชอ่ื เรือ่ งของหนงั สอื ฉบบั นั้น ในกรณีที่ไมม่ ชี อ่ื เร่อื งใหล้ งสรปุ เรือ่ งยอ่ 38.8 การปฏิบตั ิ ใหบ้ ันทกึ การปฏบิ ัติเกยี่ วกบั หนงั สอื ฉบับนั้น 38.9 หมายเหตุ ให้บนั ทึกขอ้ ความอ่นื ใด (ถ้าม)ี ขอ้ 39 จดั แยกหนังสือทลี่ งทะเบยี นรบั แลว้ สง่ ใหส้ ่วนราชการท่เี กยี่ วข้องดาเนนิ การ โดยให้ลงชอ่ื หน่วยงานทรี่ บั หนงั สอื น้นั ในชอ่ ง การปฏิบัติ ถ้ามชี ื่อบคุ คล หรอื ตาแหน่งทเ่ี ก่ียวข้องกบั การรบั หนงั สือ ให้ ลงชอ่ื หรือตาแหนง่ ไวด้ ้วย
สรปุ สาระสาคญั ระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรี ว่าดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 349 การส่งหนังสือท่ีลงทะเบียนรับแล้วไปให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดาเนินการตามวรรคหน่ึง จะ ส่งโดยใช้สมุดสง่ หนงั สอื ตามข้อ 48 หรอื ให้ผรู้ ับหนังสอื ลงชอื่ และวนั เดอื น ปีทรี่ บั หนังสอื ไวเ้ ปน็ หลกั ฐาน ในทะเบียนรับหนงั สือกไ็ ด้ การดาเนนิ การตามขน้ั ตอนน้ี จะเสนอผา่ นผบู้ งั คบั บญั ชาผ้ใู ดหรอื ไม่ ใหเ้ ป็นไปตามท่ี หวั หน้าส่วนราชการกาหนด ถา้ หนงั สอื รบั น้ันจะตอ้ งดาเนนิ เรือ่ งในหน่วยงานนั้นเองจนถงึ ขนั้ ไดต้ อบหนงั สอื ไป แล้ว ใหล้ งทะเบยี นว่าไดส้ ง่ ออกไปโดยหนงั สือทเ่ี ทา่ ใด วัน เดือน ปีใด ขอ้ 40 การรบั หนังสือภายในสว่ นราชการเดยี วกนั เมอื่ ผรู้ บั ได้รบั หนงั สอื จากหนว่ ยงานสารบรรณกลางแลว้ ให้ปฏบิ ัตติ ามวิธกี ารทก่ี ลา่ วขา้ งต้นโดยอนุโลม สว่ นที่ 2 การส่งหนังสอื ขอ้ 41 หนงั สอื สง่ คอื หนังสอื ที่สง่ ออกไปภายนอก ให้ปฏิบตั ติ ามที่กาหนดไวใ้ นส่วนน้ี การส่ง หนงั สอื ท่มี ชี ั้นความลบั ในชน้ั ลบั หรือลบั มาก ด้วยระบบสารบรรณอิเล็กทรอนกิ ส์ใหผ้ ใู้ ชง้ านหรอื ผ้ปู ฏบิ ตั งิ านทไ่ี ดร้ บั การแตง่ ตง้ั ใหเ้ ข้าถงึ เอกสารลบั แต่ละระดบั เป็นผสู้ ง่ ผ่านระบบการรักษาความปลอดภยั โดยให้เปน็ ไปตามระเบยี บวา่ ดว้ ยการรกั ษาความลบั ของทางราชการ (ความในข้อ 41 แกไ้ ขโดย ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับท่ี 2 ) พ.ศ.2548 ลงวนั ท่ี 21 มิถนุ ายน พ.ศ.2548) ข้อ 42 ให้เจ้าของเรื่องตรวจความเรียบร้อยของหนังสือ รวมท้ังส่ิงท่ีจะส่งไปด้วยให้ครบถ้วน แลว้ ส่งเรอ่ื งใหเ้ จ้าหน้าทข่ี องหน่วยงานสารบรรณกลางเพื่อสง่ ออก ข้อ 43 เม่ือเจ้าหนา้ ทข่ี องหนว่ ยงานสารบรรณกลางไดร้ บั เรอ่ื งแลว้ ให้ปฏบิ ัตดิ งั นี้ 43.1 ลงทะเบยี นหนงั สอื ในทะเบียนหนังสอื สง่ ตามแบบที่ 14 ท้ายระเบียบ โดยกรอก รายละเอียดดังนี้ 43.1.1 ทะเบยี นหนงั สือส่ง วันที่ เดือน พ.ศ. ใหล้ งวัน เดอื น ปที ลี่ งทะเบียน 43.1.2 เลขทะเบยี นส่ง ให้ลงเลขลาดบั ของทะเบียนหนงั สือส่งเรยี งลาดับตดิ ต่อ กันไปตลอดปีปฏทิ ิน 43.1.3 ท่ี ให้ลงรหสั ตัวพยัญชนะ และเลขประจาของส่วนราชการเจ้าของเรือ่ ง ในหนงั สอื ทจี่ ะสง่ ออก ถา้ ไมม่ ีที่ดงั กลา่ ว ชอ่ งน้ีจะว่าง 43.1.4 ลงวันที่ ใหล้ งวนั เดือน ปที จี่ ะสง่ หนงั สอื น้ันออก 43.1.5 จาก ใหล้ งตาแหน่งเจ้าของหนงั สือ หรอื ชือ่ สว่ นราชการ หรือช่ือบุคคล ในกรณที ่ีไม่มตี าแหน่ง 43.1.6 ถงึ ให้ลงตาแหนง่ ของผทู้ ีห่ นงั สอื น้ันมถี งึ หรือชอื่ สว่ นราชการ หรอื ชอ่ื
350 บุคคลในกรณที ี่ไมม่ ตี าแหนง่ 43.1.7 เรอื่ ง ใหล้ งชือ่ เรอื่ งของหนงั สอื ฉบบั นัน้ ในกรณที ่ีไมม่ ีชือ่ เรอ่ื งให้ลงสรปุ เร่ืองย่อ 43.1.8 การปฏิบตั ิ ให้บนั ทกึ การปฏิบตั เิ กยี่ วกบั หนงั สือฉบับน้ัน 43.1.9 หมายเหตุ ใหบ้ นั ทกึ ข้อความอน่ื ใด (ถา้ มี) 43.2 ลงเลขที่ และวนั เดือน ปีในหนังสอื ที่จะส่งออกทัง้ ในตน้ ฉบับ และสาเนาคฉู่ บับ ให้ตรงกับเลขทะเบียนส่ง และวัน เดอื น ปีในทะเบยี นหนงั สอื สง่ ตามขอ้ 43.1.2 และขอ้ 43.1.4 ข้อ 44 ก่อนบรรจุซอง ให้เจ้าหน้าทขี่ องหนว่ ยงานสารบรรณกลางตรวจความเรียบรอ้ ยของหนงั สือ ตลอดจนสิ่งทสี่ ง่ ไปด้วยอกี ครงั้ หนงึ่ แลว้ ปดิ ผนกึ หนังสอื ที่ไมม่ คี วามสาคัญมากนัก อาจสง่ ไปโดยวิธีพับ ยดึ ตดิ ด้วยแถบกาว กาว เยบ็ ดว้ ยลวด หรอื วิธอี ื่นแทนการบรรจซุ อง ขอ้ 45 การจ่าหน้าซอง ใหป้ ฏิบัตติ ามแบบท่ี 15 ท้ายระเบยี บ สาหรบั หนังสอื ที่ต้องปฏิบตั ิให้เรว็ กว่าปกติ ให้ปฏบิ ัติตามขอ้ 28 ในกรณีที่ไม่ใช้สมดุ สง่ หนงั สือ ใหม้ ีใบรบั หนงั สอื ตามขอ้ 49 แนบติดซองไป ด้วย ขอ้ 46 การสง่ หนงั สือโดยทางไปรษณีย์ ให้ถือปฏิบัตติ ามระเบียบ หรอื วธิ ีการทกี่ ารส่ือสารแหง่ ประเทศไทย กาหนด การสง่ หนงั สอื ซงึ่ มใิ ช่เป็นการส่งโดยทางไปรษณีย์ เมอ่ื สง่ หนงั สอื ให้ผรู้ บั แล้ว ผูส้ ง่ ตอ้ งใหผ้ ู้รบั ลงชอื่ รับในสมุดสง่ หนงั สอื หรอื ใบรบั แลว้ แตก่ รณี ถ้าเป็นใบรบั ใหน้ าใบรับน้นั มาผนกึ ตดิ ไวท้ ส่ี าเนาคู่ฉบบั ขอ้ 47 หนงั สือท่ไี ด้ลงทะเบยี นสง่ ในกรณที เี่ ปน็ การตอบหนงั สอื ซงึ่ รับเข้ามาใหล้ งทะเบียนว่า หนงั สอื นั้นได้ตอบตามหนงั สอื รบั ทเ่ี ท่าใด วนั เดอื น ปใี ด ข้อ 48 สมดุ ส่งหนังสือ ใหจ้ ดั ทาตามแบบท่ี 16 ทา้ ยระเบยี บ โดยกรอกรายละเอียดดงั น้ี 48.1 เลขทะเบยี น ใหล้ งเลขทะเบียนหนงั สือสง่ 48.2 จาก ใหล้ งตาแหน่ง หรือช่ือส่วนราชการ หรอื ช่ือบุคคลท่ีเป็นเจ้าของหนังสือ 48.3 ถึง ให้ลงตาแหนง่ ของผ้ทู หี่ นังสือน้ันมีถึง หรอื ช่ือส่วนราชการ หรือชื่อบุคคล ในกรณที ีไ่ มม่ ีตาแหน่ง 48.4 หน่วยรับ ให้ลงชอ่ื สว่ นราชการทร่ี ับหนังสอื 48.5 ผูร้ ับ ให้ผรู้ บั หนังสอื ลงชือ่ ทส่ี ามารถอา่ นออกได้ 48.6 วนั และเวลา ให้ผรู้ บั หนังสือลงวนั เดอื น ปีและเวลาทร่ี ับหนังสอื 48.7 หมายเหตุ ใหบ้ ันทกึ ข้อความอืน่ ใด (ถา้ มี) ข้อ 49 ใบรบั หนงั สอื ให้จดั ทาตามแบบท่ี 17 ทา้ ยระเบียบ โดยกรอกรายละเอยี ดดงั นี้ 49.1 ที่ ใหล้ งเลขทีข่ องหนังสือฉบบั นน้ั 49.2 ถึง ให้ลงตาแหน่งของผู้ที่หนังสือน้ันมีถึง หรือชื่อส่วนราชการ หรือช่ือบุคคล
สรปุ สาระสาคญั ระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 351 ในกรณีทไ่ี มม่ ีตาแหนง่ 49.3 เร่ือง ใหล้ งชอ่ื เรอ่ื งของหนงั สอื ฉบบั นั้น ในกรณที ่ีไมม่ ีชอื่ เร่ืองใหล้ งสรปุ เรื่องยอ่ 49.4 รบั วนั ท่ี ให้ผู้รบั หนงั สอื ลงวนั เดือน ปที ร่ี บั หนงั สอื 49.5 เวลา ใหผ้ ู้รบั หนังสอื ลงเวลาทร่ี บั หนังสือ 49.6 ผ้รู ับ ให้ผรู้ บั หนังสือลงชอื่ ทส่ี ามารถอา่ นออกได้ ส่วนท่ี 3 บทเบ็ดเตล็ด ข้อ 50 เพ่ือให้การรบั และส่งหนังสือดาเนนิ ไปโดยสะดวกเรยี บรอ้ ยและรวดเรว็ ส่วนราชการจะ กาหนดหนา้ ท่ขี องผู้ปฏบิ ัตติ ลอดจนแนวทางปฏบิ ตั นิ น้ั ไว้ดว้ ยกไ็ ด้ ทั้งน้ี ใหม้ กี ารสารวจทะเบียนหนงั สอื รบั เปน็ ประจาวา่ หนงั สือตามทะเบียนรบั นน้ั ได้มีการปฏิบตั ไิ ปแลว้ เพียงใด และใหม้ กี ารติดตามเรอ่ื งดว้ ย ในการ น้ี ส่วนราชการใดเห็นสมควรจะจดั ใหม้ บี ัตรตรวจค้นสาหรับหนังสือรบั และหนังสอื ส่งเพื่อความสะดวกใน การคน้ หาก็ได้ตามความเหมาะสม ขอ้ 51 บตั รตรวจคน้ ใหจ้ ดั ทาตามแบบที่ 18 ทา้ ยระเบยี บ โดยกรอกรายละเอียดดงั น้ี 51.1 เรอ่ื ง รหสั ใหล้ งเรือ่ งและรหสั ตามหมวดหมูข่ องหนังสอื 51.2 เลขทะเบียนรับ ใหล้ งเลขทะเบยี นตามทีป่ รากฏในทะเบยี นหนงั สอื รบั 51.3 ท่ี ให้ลงเลขที่ของหนงั สอื 51.4 ลงวนั ที่ ให้ลงวัน เดือน ปขี องหนงั สือ 51.5 รายการ ใหล้ งเร่อื งย่อของหนงั สือเพ่ือใหท้ ราบวา่ หนังสือน้นั มาจากทีใ่ ด เรอ่ื งอะไร 51.6 การปฏบิ ตั ิ ใหบ้ ันทึกการปฏบิ ัติเกีย่ วกบั หนงั สอื นน้ั เพ่อื ใหท้ ราบวา่ สง่ ไปทใี่ ด เมอื่ ใด หมวด 3 การเก็บรักษา ยมื และทาลายหนังสือ ส่วนท่ี 1 การเก็บรกั ษา ข้อ 52 การเก็บหนงั สือแบ่งออกเปน็ การเก็บระหวา่ งปฏบิ ตั ิ การเกบ็ เมอ่ื ปฏบิ ตั เิ สร็จแลว้ และ การเกบ็ ไว้เพื่อใช้ในการตรวจสอบ ขอ้ 53 การเกบ็ ระหว่างปฏิบตั ิ คือ การเกบ็ หนงั สือท่ีปฏิบตั ิยังไม่เสรจ็ ให้อยูใ่ นความรบั ผดิ ชอบ ของเจา้ ของเรอ่ื งโดยใหก้ าหนดวธิ กี ารเกบ็ ใหเ้ หมาะสมตามขนั้ ตอนของการปฏิบัตงิ าน ข้อ 54 การเกบ็ เมอื่ ปฏิบตั เิ สร็จแล้ว คือ การเกบ็ หนังสอื ทปี่ ฏบิ ัติเสร็จเรียบร้อยแลว้ และไม่มี อะไรทจี่ ะต้องปฏบิ ตั ติ อ่ ไปอกี ให้เจ้าหนา้ ท่ีของเจา้ ของเร่อื งปฏิบตั ดิ งั น้ี
352 54.1 จดั ทาบญั ชหี นงั สอื ส่งเกบ็ ตามแบบท่ี 19 ท้ายระเบยี บ อย่างนอ้ ยใหม้ ตี น้ ฉบบั และ สาเนาค่ฉู บบั สาหรบั เจ้าของเรื่องและหนว่ ยเกบ็ เกบ็ ไว้อย่างละฉบับ โดยกรอกรายละเอยี ดดังน้ี 54.1.1 ลาดับท่ี ให้ลงเลขลาดบั เร่อื งของหนงั สอื ทเ่ี ก็บ 54.1.2 ท่ี ใหล้ งเลขทข่ี องหนงั สือแตล่ ะฉบบั 54.1.3 ลงวันที่ ให้ลงวัน เดอื น ปีของหนังสอื แตล่ ะฉบบั 54.1.4 เร่ือง ใหล้ งชอ่ื เรอื่ งของหนงั สอื แตล่ ะฉบบั ในกรณที ไี่ ม่มีชื่อเรอื่ งใหล้ งสรุป เรอ่ื งยอ่ 54.1.5 อายุการเก็บหนงั สอื ให้ลงวนั เดือน ปีทจ่ี ะเก็บถึง ในกรณใี หเ้ กบ็ ไว้ ตลอดไป ใหล้ งคาว่า ห้ามทาลาย 54.1.6 หมายเหตุ ใหบ้ นั ทกึ ข้อความอน่ื ใด (ถา้ ม)ี 54.2 สง่ หนงั สอื และเรือ่ งปฏิบัติทง้ั ปวงท่ีเกยี่ วข้องกับหนังสือนั้น พร้อมทง้ั บญั ชี หนงั สอื ส่งเก็บไปใหห้ นว่ ยเกบ็ ทสี่ ว่ นราชการนัน้ ๆ กาหนด ขอ้ 55 เมือ่ ได้รับเรือ่ งจากเจ้าของเรื่องตามขอ้ 54 แลว้ ให้เจา้ หน้าทผ่ี ู้รบั ผดิ ชอบในการเกบ็ หนงั สือปฏบิ ตั ิดงั น้ี 55.1 ประทบั ตรากาหนดเกบ็ หนงั สอื ตามขอ้ 73 ไวท้ ่ีมมุ ลา่ งด้านขวาของกระดาษ แผ่นแรกของหนงั สอื ฉบบั นั้น และลงลายมอื ชื่อย่อกากบั ตรา 55.1.1 หนังสือทตี่ ้องเก็บไว้ตลอดไป ใหป้ ระทับตราคาวา่ หา้ มทาลาย ด้วยหมึกสแี ดง 55.1.2 หนังสือทีเ่ กบ็ โดยมกี าหนดเวลา ใหป้ ระทบั ตราคาว่า เก็บถงึ พ.ศ. …. ด้วยหมกึ สีนา้ เงนิ และลงเลขของปพี ุทธศกั ราชทีใ่ หเ้ กบ็ ถึง 55.2 ลงทะเบียนหนงั สอื เก็บไวเ้ ป็นหลกั ฐานตามแบบที่ 20 ท้ายระเบยี บ โดย กรอกรายละเอยี ดดงั นี้ 55.2.1 ลาดับที่ ให้ลงเลขลาดับเรอ่ื งของหนงั สอื ท่ีเกบ็ 55.2.2 วนั เกบ็ ให้ลงวัน เดือน ปที ่ีนาหนังสือน้นั เข้าทะเบยี นเกบ็ 55.2.3 เลขทะเบียนรบั ให้ลงเลขทะเบยี นรบั ของหนงั สือแตล่ ะ ฉบบั 55.2.4 ท่ี ให้ลงเลขทีข่ องหนงั สือแต่ละฉบับ
สรปุ สาระสาคญั ระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 353 55.2.5 เรอ่ื ง ให้ลงชอ่ื เรอื่ งของหนงั สอื แตล่ ะฉบบั ในกรณีที่ไม่มีชือ่ เรอ่ื งให้ ลงสรปุ เร่อื งยอ่ 55.2.6 รหสั แฟ้ม ใหล้ งหมายเลขลาดับหมู่ของการจัดแฟม้ เกบ็ หนงั สอื 55.2.7 กาหนดเวลาเกบ็ ใหล้ งระยะเวลาการเกบ็ ตามทกี่ าหนดในตรา กาหนดเกบ็ หนงั สอื ตามข้อ 55.1 55.2.8 หมายเหตุ ให้บันทึกข้อความอ่นื ใด (ถา้ ม)ี ขอ้ 56 การเก็บไว้เพอื่ ใชใ้ นการตรวจสอบ คือ การเกบ็ หนังสือท่ีปฏบิ ัตเิ สรจ็ เรยี บรอ้ ยแล้ว แตจ่ าเป็น จะตอ้ งใชใ้ นการตรวจสอบเปน็ ประจา ไม่สะดวกในการสง่ ไปเก็บยังหนว่ ยเก็บของส่วนราชการตามขอ้ 54 ใหเ้ จา้ ของเรื่องเกบ็ เป็นเอกเทศ โดยแตง่ ต้ังเจา้ หนา้ ทข่ี ึ้นรบั ผิดชอบก็ได้ เม่ือหมดความจาเป็นที่ จะต้องใชใ้ นการตรวจสอบแลว้ ให้จดั สง่ หนังสอื นนั้ ไปยงั หน่วยเก็บของส่วนราชการโดยใหถ้ ือปฏิบตั ติ ามขอ้ 54 และข้อ 55 โดยอนุโลม ข้อ 57 อายุการเกบ็ หนงั สอื โดยปกติใหเ้ กบ็ ไว้ไมน่ ้อยกวา่ 10 ปี เว้นแต่หนงั สือดังต่อไปนี้ 57.1 หนงั สอื ที่ตอ้ งสงวนเปน็ ความลบั ใหป้ ฏิบตั ติ ามกฎหมาย ระเบียบวา่ ดว้ ยการ รกั ษา ความปลอดภัยแหง่ ชาติ หรือระเบยี บว่าดว้ ยการรกั ษาความลับของทางราชการ 57.2 หนงั สือทเ่ี ป็นหลักฐานทางอรรถคดี สานวนของศาลหรอื ของพนกั งานสอบสวน หรือหนังสืออื่นใดที่ได้มีกฎหมายหรือระเบียบแบบแผนกาหนดไว้เป็นพิเศษแล้ว การเก็บให้ เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนว่าดว้ ยการน้นั 57.3 หนงั สือทมี่ คี ณุ ค่าทางประวตั ิศาสตรท์ กุ สาขาวิชา และมคี ุณค่าตอ่ การศึกษา ค้นควา้ วจิ ยั ให้เกบ็ ไวเ้ ป็นหลกั ฐานสาคัญทางประวัตศิ าสตร์ของชาติตลอดไป หรอื ตามท่ีสานกั หอจดหมาย เหตุแหง่ ชาติ กรมศิลปากร กาหนด 57.4 หนังสอื ทไี่ ด้ปฏบิ ัตงิ านเสรจ็ สิน้ แลว้ และเปน็ คู่สาเนาท่มี ีตน้ เร่ืองจะคน้ ได้จากทอี่ น่ื ให้เกบ็ ไวไ้ มน่ ้อยกวา่ 5 ปี 57.5 หนังสือที่เป็นเรือ่ งธรรมดาสามญั ซงึ่ ไม่มคี วามสาคญั และเปน็ เร่อื งทเี่ กดิ ขนึ้ เปน็ ประจา เมื่อดาเนนิ การแล้วเสร็จใหเ้ กบ็ ไว้ไม่น้อยกว่า 1 ปี
354 57.6 หนงั สือหรอื เอกสารทเี่ กี่ยวกบั การรับเงนิ การจา่ ยเงิน หรือการก่อหน้ีผกู พันทาง การเงนิ ที่ไม่เปน็ หลกั ฐานแหง่ การกอ่ เปลย่ี นแปลง โอน สงวน หรอื ระงบั ซึ่งสทิ ธใิ นทางการเงนิ รวมถงึ หนงั สอื หรอื เอกสารเก่ียวกับการรับเงนิ การจ่ายเงนิ หรือการกอ่ หนผ้ี ูกพันทางการเงินทห่ี มดความจาเป็นในการใช้ เปน็ หลักฐานแห่งการก่อ เปลย่ี นแปลง โอน สงวน หรอื ระงับซึง่ สทิ ธิในทางการเงิน เพราะได้มหี นงั สอื หรือ เอกสารอืน่ ท่ีสามารถนามาใชอ้ ้างอิงหรือทดแทนหนงั สือหรือเอกสารดังกล่าวแล้ว เม่ือสานักงานการ ตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบแลว้ ไมม่ ปี ัญหา และไมม่ ีความจาเป็นต้องใช้ประกอบการตรวจสอบหรือเพือ่ การใด ๆ อีก ใหเ้ กบ็ ไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี หนังสือเกี่ยวกับการเงนิ ซ่ึงเห็นว่าไมจ่ าเป็นตอ้ งเก็บไว้ถึง 10 ปี หรือ 5 ปี แลว้ แต่กรณี ให้ทาความ ตกลงกบั กระทรวงการคลัง (ความในข้อ 57 แก้ไขโดย ระเบยี บสานักนายกรฐั มนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบบั ท่ี 2 ) พ.ศ.2548 ลงวันที่ 21 มถิ นุ ายน พ.ศ.2548) ขอ้ 58 ทุกปีปฏิทินให้ส่วนราชการจัดส่งหนังสอื ที่มีอายุครบ 20 ปี นับจากวันท่ีได้จดั ทาขึ้น ท่เี กบ็ ไว้ ณ ส่วนราชการใด พร้อมท้ังบญั ชีสง่ มอบหนงั สอื ครบ 20 ปี ใหส้ านักหอจดหมายเหตุ แหง่ ชาติ กรมศลิ ปากร ภายในวนั ที่ 31 มกราคม ของปถี ัดไป เว้นแตห่ นงั สอื ดงั ต่อไปนี้ 58.1 หนังสอื ทต่ี อ้ งสงวนเปน็ ความลบั ให้ปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย ระเบียบวา่ ดว้ ยการ รกั ษาความปลอดภยั แหง่ ชาติ หรอื ระเบยี บวา่ ด้วยการรักษาความลบั ของทางราชการ 58.2 หนงั สอื ทีม่ กี ฎหมาย ขอ้ บงั คับ หรอื ระเบยี บทอี่ อกใชเ้ ปน็ การทวั่ ไปกาหนดไวเ้ ป็นอยา่ งอนื่ 58.3 หนังสอื ทส่ี ่วนราชการมีความจาเป็นต้องเก็บไว้ท่ีส่วนราชการนั้น ให้จัดทาบัญชี หนังสือครบ 20 ปีท่ีขอเกบ็ เอง สง่ มอบให้สานกั หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ กรมศลิ ปากร (ความในข้อ 58 แกไ้ ขโดย ระเบยี บสานักนายกรัฐมนตรี วา่ ด้วยงานสารบรรณ (ฉบบั ที่ 2 ) พ.ศ. 2548 ลงวันท่ี 21 มถิ ุนายน พ.ศ.2548) ข้อ 59 บัญชีส่งมอบหนงั สือครบ 20 ปี และบญั ชหี นงั สือครบ 20 ปที ีข่ อเก็บเอง อย่างน้อย ใหม้ ีตน้ ฉบบั และสาเนาคฉู่ บบั เพ่ือใหส้ ว่ นราชการผู้มอบและสานกั หอจดหมายเหตุแหง่ ชาติ กรม ศลิ ปากร ผูร้ บั มอบยดึ ถือไวเ้ ป็นหลักฐานฝา่ ยละฉบบั 59.1 บัญชีส่งมอบหนงั สอื ครบ 20 ปี ใหจ้ ดั ทาตามแบบท่ี 21 ทา้ ยระเบยี บ โดยกรอก
สรปุ สาระสาคญั ระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรี วา่ ดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 355 รายละเอยี ดดังน้ี 59.1.1 ช่ือบัญชีสง่ มอบหนงั สือครบ 20 ปี ประจาปี ใหล้ งตัวเลขของปพี ทุ ธศักราช ทีจ่ ัดทาบัญชี 59.1.2 กระทรวง ทบวง กรม กอง ให้ลงชอ่ื ส่วนราชการทจ่ี ัดทาบญั ชี 59.1.3 วันท่ี ใหล้ งวัน เดอื น ปีทจี่ ัดทาบญั ชี 59.1.4 แผ่นท่ี ให้ลงเลขลาดับของแผน่ บญั ชี 59.1.5 ลาดับที่ ใหล้ งเลขลาดบั เร่อื งของหนงั สอื ทส่ี ง่ มอบ 59.1.6 รหสั แฟม้ ใหล้ งหมายเลขลาดับหมู่ของการจัดแฟม้ เกบ็ หนงั สือ 59.1.7 ที่ ใหล้ งเลขท่ีของหนงั สือแตล่ ะฉบบั 59.1.8 ลงวนั ที่ ใหล้ งวัน เดือน ปขี องหนังสอื แต่ละฉบบั 59.1.9 เลขทะเบียนรับ ใหล้ งเลขทะเบียนรบั ของหนงั สอื แต่ละฉบบั 59.1.10 เรือ่ ง ใหล้ งชื่อเรอ่ื งของหนังสอื แตล่ ะฉบบั ในกรณที ไี่ มม่ ีชอ่ื เรื่องใหล้ ง สรปุ เรื่องยอ่ 59.1.11 หมายเหตุ ใหบ้ ันทกึ ขอ้ ความอื่นใด (ถ้าม)ี 59.1.12 ลงช่อื ผู้มอบ ให้ผูม้ อบลงลายมือช่ือและวงเล็บชื่อและนามสกุลด้วย ตัวบรรจงพรอ้ มทง้ั ลงตาแหนง่ ของผ้มู อบ 59.1.13 ลงชอ่ื ผรู้ บั มอบ ใหผ้ รู้ บั มอบลงลายมอื ช่ือและวงเลบ็ ชอื่ และนามสกลุ ด้วยตัวบรรจงพรอ้ มทง้ั ลงตาแหนง่ ของผรู้ บั มอบ 59.2 บญั ชหี นงั สอื ครบ 20 ปที ่ขี อเกบ็ เอง ใหจ้ ัดทาตามแบบท่ี 22 ทา้ ยระเบยี บ โดยกรอก รายละเอยี ดดงั น้ี 59.2.1 ชอ่ื บัญชีหนงั สอื ครบ 20 ปีที่ขอเก็บเองประจาปี ให้ลงตัวเลขของปี พทุ ธศกั ราชทจี่ ัดทาบัญชี 59.2.2 กระทรวง ทบวง กรม กอง ให้ลงช่อื ส่วนราชการทจ่ี ัดทาบญั ชี 59.2.3 วนั ที่ ใหล้ งวัน เดือน ปที ี่จดั ทาบญั ชี
356 59.2.4 แผ่นที่ ใหล้ งเลขลาดบั ของแผ่นบัญชี 59.2.5 ลาดบั ท่ี ใหล้ งเลขลาดบั เร่อื งของหนงั สอื ท่ีขอเกบ็ เอง 59.2.6 รหัสแฟ้ม ให้ลงหมายเลขลาดับหม่ขู องการจัดแฟ้มเกบ็ หนงั สอื 59.2.7 ท่ี ใหล้ งเลขที่ของหนงั สือแตล่ ะฉบบั 59.2.8 ลงวนั ที่ ให้ลงวนั เดอื น ปีของหนังสอื แต่ละฉบบั 59.2.9 เรือ่ ง ให้ลงชอื่ เรือ่ งของหนงั สือแต่ละฉบับ ในกรณที ไี่ ม่มีชื่อเร่อื งใหล้ ง สรปุ เรือ่ งยอ่ 59.2.10 หมายเหตุ ใหบ้ นั ทึกขอ้ ความอน่ื ใด (ถา้ ม)ี (ความในข้อ 59 แกไ้ ขโดย ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าดว้ ยงานสารบรรณ (ฉบบั ท่ี 2 ) พ.ศ.2548 ลงวันที่ 21 มถิ นุ ายน พ.ศ.2548) ข้อ 60 หนังสือท่ียังไม่ถึงกาหนดทาลาย ซึ่งส่วนราชการเห็นว่าเป็นหนังสือที่มีความสาคัญ และประสงคจ์ ะฝากใหส้ านักจดหมายเหตุแหง่ ชาติ กรมศลิ ปากร เกบ็ ไว้ ใหป้ ฏิบตั ดิ ังน้ี 60.1 จัดทาบัญชีฝากหนังสือตามแบบที่ 23 ท้ายระเบียบ อย่างนอ้ ยใหม้ ีต้นฉบบั และ สาเนาคู่ฉบบั โดยกรอกรายละเอยี ดดังนี้ 60.1.1 ชือ่ บญั ชฝี ากหนงั สอื ประจาปี ให้ลงตัวเลขของปีพทุ ธศกั ราชทจ่ี ัดทาบัญชี 60.1.2 กระทรวง ทบวง กรม กอง ให้ลงชอ่ื ส่วนราชการทจ่ี ัดทาบญั ชี 60.1.3 วันที่ ให้ลงวนั เดอื น ปที จี่ ดั ทาบญั ชี 60.1.4 แผน่ ท่ี ให้ลงเลขลาดบั ของแผน่ บญั ชี 60.1.5 ลาดับที่ ใหล้ งเลขลาดบั เร่ืองของหนงั สอื 60.1.6 รหสั แฟม้ ใหล้ งหมายเลขลาดบั หมู่ของการจัดแฟ้มเก็บหนังสอื 60.1.7 ท่ี ให้ลงเลขทขี่ องหนงั สือแตล่ ะฉบบั 60.1.8 ลงวนั ที่ ใหล้ งวัน เดอื น ปขี องหนงั สอื แต่ละฉบับ 60.1.9 เลขทะเบยี นรับ ใหล้ งเลขทะเบียนรบั ของหนงั สอื แต่ละฉบบั 60.1.10 เรอ่ื ง ใหล้ งชื่อเรอ่ื งของหนงั สือแตล่ ะฉบบั ในกรณที ไ่ี ม่มีชอ่ื เรอ่ื งให้ลง
สรปุ สาระสาคญั ระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรี วา่ ด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 357 สรปุ เร่ืองย่อ 60.1.11 หมายเหตุ ให้บันทึกขอ้ ความอน่ื ใด (ถ้าม)ี 60.1.12 ลงชื่อผู้ฝาก ให้ผฝู้ ากลงลายมือชอื่ และวงเลบ็ ช่ือและนามสกุลด้วยตัวบรรจง พร้อมท้ังลงตาแหนง่ ของผฝู้ าก 60.1.13 ลงช่ือผรู้ ับฝาก ใหผ้ รู้ ับฝากลงลายมือช่ือและวงเล็บชือ่ แลนามสกลุ ด้วยตัวบรรจงพรอ้ มทง้ั ลงตาแหนง่ ของผรู้ ับฝาก 60.2 ส่งต้นฉบับและสาเนาคู่ฉบับบัญชีฝากหนังสือพร้อมกับหนังสือท่ีจะฝากให้ กองจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศลิ ปากร 60.3 เมอ่ื กองจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ กรมศลิ ปากร ตรวจหนังสือและรบั ฝากหนงั สอื แล้ว ให้ลงนามในบัญชฝี ากหนงั สอื แลว้ คนื ตน้ ฉบับใหส้ ว่ นราชการผฝู้ ากเกบ็ ไวเ้ ปน็ หลกั ฐาน หนงั สอื ท่ีฝากเก็บไว้ทก่ี องจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศลิ ปากร ให้ถอื วา่ เป็นหนงั สอื ของสว่ น ราชการผฝู้ าก หากสว่ นราชการผฝู้ ากตอ้ งการใช้หนงั สือหรอื ขอคนื ใหท้ าไดโ้ ดยจดั ทาหลักฐานตอ่ กันไว้ให้ ชดั แจง้ เมื่อถงึ กาหนดการทาลายแลว้ ใหส้ ่วนราชการผฝู้ ากดาเนนิ การตามข้อ 66 ขอ้ 61 การรักษาหนงั สอื ใหเ้ จา้ หนา้ ทร่ี ะมดั ระวงั รกั ษาหนงั สือให้อยู่ในสภาพใช้ราชการได้ทุก โอกาส หากชารดุ เสยี หาย ตอ้ งรบี ซอ่ มให้ใชร้ าชการไดเ้ หมอื นเดมิ หากสูญหายตอ้ งหาสาเนามาแทน ถ้า ชารดุ เสยี หายจนไมส่ ามารถซ่อมแซมให้คงสภาพเดมิ ได้ ให้รายงานผู้บงั คับบญั ชาทราบและใหห้ มายเหตไุ ว้ ในทะเบียนเกบ็ ถ้าหนงั สอื ที่สูญหายเป็นเอกสารสทิ ธิตามกฎหมายหรอื หนังสอื สาคัญท่เี ป็นการแสดง เอกสารสิทธิกใ็ ห้ดาเนนิ การแจ้งความตอ่ พนกั งานสอบสวน สว่ นท่ี 2 การยืม ขอ้ 62 การยมื หนงั สอื ที่สง่ เกบ็ แลว้ ใหป้ ฏบิ ัตดิ ังนี้ 62.1 ผยู้ ืมจะตอ้ งแจ้งใหท้ ราบวา่ เรอื่ งที่ยมื นน้ั จะนาไปใช้ในราชการใด 62.2 ผู้ยมื จะตอ้ งมอบหลกั ฐานการยืมใหเ้ จา้ หนา้ ทเ่ี กบ็ แลว้ ลงชือ่ รบั เรือ่ งท่ียืมไว้ใน บตั รยมื หนังสือและใหเ้ จา้ หนา้ ท่ีเก็บรวบรวมหลกั ฐานการยมื เรียงลาดบั วนั เดอื น ปีไวเ้ พ่อื ติดตามทวง ถาม ส่วนบตั รยมื หนงั สือนน้ั ให้เกบ็ ไว้แทนท่ีหนงั สอื ทถี่ ูกยืมไป 62.3 การยืมหนงั สอื ระหว่างส่วนราชการ ผู้ยมื และผอู้ นญุ าตใหย้ มื ต้องเป็นหวั หนา้ ส่วนราชการ ระดบั กองข้นึ ไป หรือผทู้ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย 62.4 การยืมหนงั สอื ภายในส่วนราชการเดยี วกัน ผยู้ มื และผู้อนุญาตใหย้ มื ตอ้ งเป็นหัวหนา้
358 ส่วนราชการระดับแผนกขึน้ ไป หรือผทู้ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย ข้อ 63 บตั รยมื หนังสอื ให้จัดทาตามแบบที่ 24 ท้ายระเบียบ โดยกรอกรายละเอยี ดดังนี้ 63.1 รายการ ให้ลงชอื่ เรอื่ งหนงั สอื ทขี่ อยืมไปพรอ้ มดว้ ยรหสั ของหนงั สอื นัน้ 63.2 ผู้ยืม ใหล้ งชื่อบุคคล ตาแหน่ง หรือส่วนราชการท่ียมื หนงั สอื นัน้ 63.3 ผูร้ บั ให้ผ้รู ับหนงั สอื นัน้ ลงลายมือชือ่ และวงเลบ็ ชือ่ กากบั พรอ้ มดว้ ยตาแหนง่ ใน บรรทดั ถัดไป 63.4 วันยืม ใหล้ งวัน เดอื น ปีทีย่ มื หนังสือนน้ั 63.5 กาหนดสง่ คืน ให้ลงวนั เดอื น ปีทจ่ี ะสง่ หนงั สอื นัน้ คืน 63.6 ผสู้ ่งคนื ให้ผสู้ ง่ คนื ลงลายมือชอ่ื 63.7 วนั สง่ คืน ให้ลงวนั เดอื น ปที ส่ี ่งหนังสอื คืน ข้อ 64 การยืมหนังสอื ที่ปฏบิ ตั ยิ งั ไมเ่ สร็จหรอื หนงั สือที่เกบ็ ไว้เพอ่ื ใช้ในการตรวจสอบ ใหถ้ ือปฏิบตั ิ ตามข้อ 62 โดยอนุโลม ข้อ 65 การใหบ้ คุ คลภายนอกยมื หนงั สอื จะกระทามิได้ เวน้ แต่จะใหด้ หู รือคัดลอกหนงั สือ ท้ังน้ี จะต้องไดร้ ับอนญุ าตจากหวั หน้าส่วนราชการระดบั กองขึน้ ไป หรอื ผู้ท่ีไดร้ ับมอบหมายกอ่ น ส่วนท่ี 3 การทาลาย ขอ้ 66 ภายใน 60 วันหลงั จากวนั สน้ิ ปปี ฏิทิน ใหเ้ จ้าหนา้ ทีผ่ ู้รับผิดชอบในการเกบ็ หนังสือสารวจหนงั สอื ที่ครบกาหนดอายกุ ารเกบ็ ในปนี ั้น ไม่วา่ จะเปน็ หนงั สอื ที่เกบ็ ไว้เองหรอื ที่ฝากเก็บไว้ทีก่ องจดหมายเหตแุ ห่งชาติ กรมศิลปากร แล้วจัดทาบัญชีหนังสือขอทาลายเสนอหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมเพื่อพิจารณา แต่งต้ังคณะกรรมการทาลายหนงั สือ บัญชีหนังสือขอทาลาย ให้จัดทาตามแบบที่ 25 ท้ายระเบียบ อย่างน้อยให้มีต้นฉบับและสาเนาคู่ ฉบบั โดยกรอกรายละเอียดดังน้ี 66.1 ช่อื บัญชหี นงั สือขอทาลาย ประจาปี ให้ลงตัวเลขของปพี ุทธศกั ราชทจ่ี ัดทาบญั ชี 66.2 กระทรวง ทบวง กรม กอง ใหล้ งชอื่ สว่ นราชการทีจ่ ัดทาบญั ชี 66.3 วนั ท่ี ให้ลงวนั เดือน ปที จ่ี ัดทาบญั ชี 66.4 แผ่นท่ี ให้ลงเลขลาดับของแผน่ บัญชี 66.5 ลาดับที่ ใหล้ งเลขลาดบั เรอ่ื งของหนงั สอื 66.6 รหสั แฟ้ม ให้ลงหมายเลขลาดบั หม่ขู องการจดั แฟ้มเก็บหนงั สอื 66.7 ท่ี ใหล้ งเลขทขี่ องหนังสือแต่ละฉบับ
สรปุ สาระสาคญั ระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรี วา่ ด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 359 66.8 ลงวนั ที่ ใหล้ งวนั เดอื น ปีของหนงั สอื แตล่ ะฉบบั 66.9 เลขทะเบยี นรบั ใหล้ งเลขทะเบียนรับของหนังสือแตล่ ะฉบบั 66.10 เร่ือง ใหล้ งชอ่ื เร่อื งของหนงั สือแต่ละฉบบั ในกรณที ่ีไม่มีช่ือเรอื่ งให้ลงสรปุ เร่ืองยอ่ 66.11 การพิจารณา ใหค้ ณะกรรมการทาลายหนงั สอื เป็นผกู้ รอก 66.12 หมายเหตุ ให้บนั ทกึ ขอ้ ความอ่นื ใด (ถา้ มี) ข้อ 67 ให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมแต่งตั้งคณะกรรมการทาลายหนังสือประกอบด้วย ประธานกรรมการและกรรมการอีกอยา่ งนอ้ ยสองคน โดยปกตใิ หแ้ ต่งตงั้ จากข้าราชการต้งั แตร่ ะดบั 3 หรอื เทียบเท่าขนึ้ ไป ถ้าประธานกรรมการไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ให้กรรมการท่ีมาประชุมเลือกกรรมการ คนหนึ่ง ทาหน้าที่ประธานมติของคณะกรรมการให้ถือเสียงข้างมาก ถ้ากรรมการผู้ใดไม่เห็นด้วยให้ทา บันทกึ ความเหน็ แย้งไว้ ข้อ 68 คณะกรรมการทาลายหนงั สอื มหี นา้ ท่ีดงั น้ี 68.1 พิจารณาหนังสอื ทีจ่ ะขอทาลายตามบัญชหี นังสือขอทาลาย 68.2 ในกรณีทีค่ ณะกรรมการมีความเห็นว่าหนงั สือฉบบั ใดไมค่ วรทาลาย และควรจะขยาย เวลาการเก็บไว้ ให้ลงความเห็นว่าจะขยายเวลาการเก็บไว้ถึงเม่ือใด ในช่อง การพิจารณา ตามข้อ 66.11 ของบัญชีหนังสอื ขอทาลาย แล้วให้แก้ไขอายุการเกบ็ หนังสือในตรากาหนดเก็บหนังสอื โดยให้ประธาน กรรมการทาลายหนังสอื ลงลายมอื ชอื่ กากับการแกไ้ ข 68.3 ในกรณีทีค่ ณะกรรมการมีความเห็นว่าหนงั สือเรื่องใดควรใหท้ าลาย ให้กรอกเครอื่ งหมาย กากบาท (×) ลงในชอ่ ง การพจิ ารณา ตามข้อ 66.11 ของบญั ชีหนังสอื ขอทาลาย 68.4 เสนอรายงานผลการพจิ ารณาพรอ้ มทัง้ บันทึกความเหน็ แย้งของคณะกรรมการ (ถา้ มี) ตอ่ หัวหน้าสว่ นราชการระดับกรมเพอื่ พจิ ารณาสง่ั การตามขอ้ 69 68.5 ควบคมุ การทาลายหนงั สือซ่ึงผู้มอี านาจอนมุ ตั ิให้ทาลายได้แล้ว โดยการเผาหรอื วิธี อื่นใดทจ่ี ะไมใ่ ห้หนงั สอื น้ันอ่านเปน็ เรอื่ งได้ และเม่อื ทาลายเรยี บร้อยแล้วใหท้ าบนั ทึกลงนามร่วมกนั เสนอ ผมู้ อี านาจอนมุ ตั ิทราบ ข้อ 69 เมอ่ื หวั หนา้ สว่ นราชการระดบั กรมได้รบั รายงานตามขอ้ 68.4 แล้ว ให้พจิ ารณาส่งั การ ดังนี้ 69.1 ถ้าเหน็ ว่าหนังสอื เรอื่ งใดยงั ไม่ควรทาลาย ใหส้ งั่ การใหเ้ กบ็ หนงั สอื น้ันไวจ้ นถงึ เวลา การทาลายงวดตอ่ ไป 69.2 ถ้าเห็นวา่ หนงั สอื เรอื่ งใดควรทาลาย ให้สง่ บญั ชีหนงั สือขอทาลายให้กองจดหมายเหตุ
360 แห่งชาติ กรมศิลปากร พิจารณาก่อน เว้นแต่หนังสือประเภทท่ีส่วนราชการน้ันได้ขอทาความตกลง กับกรมศลิ ปากรแลว้ ไมต่ ้องสง่ ไปให้พจิ ารณา ข้อ 70 ให้กองจดหมายเหตุแหง่ ชาติ กรมศิลปากร พิจารณารายการในบญั ชีหนงั สือขอทาลาย แล้วแจ้งใหส้ ว่ นราชการทส่ี ง่ บญั ชีหนงั สอื ขอทาลายทราบดงั น้ี 70.1 ถ้ากองจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ กรมศลิ ปากร เหน็ ชอบด้วย ให้แจ้งให้ส่วนราชการน้ัน ดาเนนิ การทาลายหนงั สอื ต่อไปได้ หากกองจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศลิ ปากร ไมแ่ จง้ ใหท้ ราบอยา่ งใด ภายในกาหนดเวลา 60 วัน นบั แต่วันที่ส่วนราชการนน้ั ได้สง่ เรอื่ งใหก้ องจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ กรมศลิ ปากรให้ ถือวา่ กองจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ กรมศลิ ปากร ไดใ้ ห้ความเห็นชอบแล้ว และให้ส่วนราชการทาลายหนังสอื ได้ 70.2 ถ้ากองจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศลิ ปากร เหน็ ว่าหนังสือฉบับใดควรจะขยายเวลา การเก็บไว้อย่างใดหรอื ใหเ้ กบ็ ไว้ตลอดไป ให้แจ้งให้ส่วนราชการนั้นทราบ และให้ส่วนราชการน้ัน ๆ ทาการ แก้ไขตามท่ีกองจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร แจ้งมา หากหนังสือใดกองจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร เห็นควรใหส้ ่งไปเกบ็ ไว้ที่กองจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร ก็ให้ส่วนราชการนั้น ๆ ปฏิบัติตาม เพ่ือประโยชน์ในการน้ี กองจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร จะส่งเจ้าหน้าที่มาร่วม ตรวจสอบหนงั สือของสว่ นราชการนั้นก็ได้ หมวด 4 มาตรฐานตรา แบบพมิ พ์ และซอง ขอ้ 71 ตราครุฑสาหรับแบบพมิ พ์ ใหใ้ ชต้ ามแบบท่ี 26 ท้ายระเบยี บ มี 2 ขนาด คอื 71.1 ขนาดตัวครุฑสงู 3 เซนติเมตร 71.2 ขนาดตัวครุฑสูง 1.5 เซนตเิ มตร ข้อ 72 ตราชือ่ ส่วนราชการให้ใช้ตามแบบท่ี 27 ท้ายระเบียบ มีลกั ษณะเป็นรูปวงกลมสองวง ซอ้ นกนั เส้นผ่าศูนย์กลางวงนอก 4.5 เซนตเิ มตร วงใน 3.5 เซนตเิ มตร ลอ้ มครฑุ ตามข้อ 71.1 ระหวา่ งวง นอกและวงในมอี ักษรไทยชือ่ กระทรวง ทบวง กรม หรอื ส่วนราชการทเ่ี รียกช่ืออย่างอืน่ ทมี่ ฐี านะเป็นกรม หรือจังหวัดอยู่ขอบล่างของตรา ส่วนราชการใดที่มกี ารติดตอ่ กับตา่ งประเทศ จะให้มชี ื่อภาษาต่างประเทศเพ่ิมข้ึนด้วยกไ็ ด้ โดย ให้อักษรไทยอยขู่ อบบนและอกั ษรโรมันอยู่ขอบลา่ งของตรา ขอ้ 73 ตรากาหนดเกบ็ หนังสอื คอื ตราท่ใี ช้ประทับบนหนงั สือเกบ็ เพอ่ื ใหท้ ราบกาหนดระยะเวลา การเกบ็ หนังสอื นน้ั มคี าวา่ เกบ็ ถงึ พ.ศ. …. หรอื คาวา่ หา้ มทาลาย ขนาดไม่เล็กกวา่ ตัวพมิ พ์ 24 พอยท์ ขอ้ 74 มาตรฐานกระดาษและซอง
สรปุ สาระสาคญั ระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรี วา่ ดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 361 74.1 มาตรฐานกระดาษ โดยปกติให้ใช้กระดาษปอนดข์ าว น้าหนกั 60 กรัมต่อตารางเมตร มี 3 ขนาด คอื 74.1.1 ขนาดเอ 4 หมายความวา่ ขนาด 210 มิลลิเมตร × 297 มลิ ลิเมตร 74.1.2 ขนาดเอ 5 หมายความว่า ขนาด 148 มลิ ลิเมตร × 210 มิลลิเมตร 74.1.3 ขนาดเอ 8 หมายความว่า ขนาด 52 มลิ ลิเมตร × 74 มลิ ลิเมตร 74.2 มาตรฐานซอง โดยปกติให้ใช้กระดาษสีขาวหรือสีน้าตาล น้าหนัก 80 กรัม ต่อตารางเมตร เว้นแตซ่ องขนาด ซี 4 ใหใ้ ชก้ ระดาษน้าหนกั 120 กรมั ตอ่ ตารางเมตร มี 4 ขนาด คอื 74.2.1 ขนาดซี 4 หมายความวา่ ขนาด 229 มิลลิเมตร × 324 มลิ ลิเมตร 74.2.2 ขนาดซี 5 หมายความว่า ขนาด 162 มลิ ลเิ มตร × 229 มิลลเิ มตร 74.2.3 ขนาดซี 6 หมายความวา่ ขนาด 114 มิลลเิ มตร × 162 มิลลิเมตร 74.2.4 ขนาดดแี อล หมายความว่า ขนาด 110 มิลลเิ มตร × 220 มิลลิเมตร ขอ้ 75 กระดาษตราครฑุ ใหใ้ ช้กระดาษขนาดเอ 4 พิมพค์ รุฑตามขอ้ 71.1 ดว้ ยหมึกสีดา หรือ ทาเปน็ ครุฑดุน ทีก่ ึ่งกลางส่วนบนของกระดาษ ตามแบบท่ี 28 ท้ายระเบียบ ขอ้ 76 กระดาษบนั ทึกข้อความ ให้ใช้กระดาษขนาด เอ 4 หรอื ขนาด เอ 5 พมิ พ์ครฑุ ตามขอ้ 71.2 ด้วยหมกึ สีดาที่มมุ บนด้านซา้ ย ตามแบบท่ี 29 ทา้ ยระเบยี บ ขอ้ 77 ซองหนังสอื ใหพ้ มิ พค์ รุฑตามข้อ 71.2 ดว้ ยหมึกสีดาท่มี ุมบนด้านซ้ายของซอง 77.1 ขนาดซี 4 ใชส้ าหรับบรรจหุ นังสอื กระดาษตราครฑุ โดยไม่ต้องพบั มีชนิดธรรมดา และขยายข้าง 77.2 ขนาดซี 5 ใช้สาหรับบรรจหุ นงั สอื กระดาษตราครุฑพบั 2 77.3 ขนาดซี 6 ใชส้ าหรบั บรรจุหนงั สือกระดาษตราครุฑพบั 4 77.4 ขนาดดแี อล ใชส้ าหรบั บรรจุหนงั สือกระดาษตราครุฑพบั 3 สว่ นราชการใดมคี วามจาเป็นตอ้ งใช้ซองสาหรบั สง่ ทางไปรษณยี อ์ ากาศโดยเฉพาะ อาจใชซ้ องพเิ ศษสาหรบั สง่ ทางไปรษณยี อ์ ากาศและพิมพต์ ราครฑุ ตามที่กลา่ วข้างต้นไดโ้ ดยอนุโลม ข้อ 78 ตรารบั หนังสือ คือ ตราทีใ่ ช้ประทบั บนหนงั สอื เพอ่ื ลงเลขทะเบียนรับหนงั สือตามแบบที่ 12 ทา้ ยระเบยี บ มลี ักษณะเป็นรูปส่ีเหล่ียมผนื ผา้ ขนาด 2.5 เซนติเมตร × 5 เซนตเิ มตร มีชอื่ สว่ นราชการ อยตู่ อนบน ขอ้ 79 ทะเบียนหนงั สอื รบั ใช้สาหรบั ลงรายการหนงั สอื ทีไ่ ด้รับเข้าเปน็ ประจาวนั โดยเรยี งลาดับ ลงมาตามเวลาทไ่ี ด้รับหนังสอื มีขนาดเอ 4 พมิ พส์ องหน้า มสี องชนดิ คอื ชนิดเปน็ เลม่ และชนิดเป็นแผ่น ตามแบบที่ 13 ทา้ ยระเบียบ
362 ขอ้ 80 ทะเบียนหนงั สอื สง่ ใช้สาหรับลงรายการหนงั สือท่ีไดส้ ่งออกเป็นประจาวนั โดยเรยี งลาดบั ลงมาตามเวลาที่ได้ส่งหนงั สือ มีขนาดเอ 4 พิมพส์ องหนา้ มีสองชนดิ คือ ชนิดเป็นเล่มและชนิดเป็นแผ่น ตามแบบที่ 14 ทา้ ยระเบยี บ ข้อ 81 สมุดส่งหนังสือและใบรับหนังสือ ใช้สาหรับลงรายการละเอียดเก่ียวกับการส่งหนังสือ โดยใหผ้ ู้นาสง่ ถอื กากบั ไปกับหนงั สอื เพอื่ ใหผ้ ู้รบั เซ็นรบั แลว้ รบั กลบั คืนมา 81.1 สมุดสง่ หนังสอื เปน็ สมุดสาหรบั ใชล้ งรายการส่งหนังสอื มีขนาดเอ 5 พมิ พ์สองหนา้ ตามแบบที่ 16 ท้ายระเบียบ 81.2 ใบรบั หนังสอื ใช้สาหรบั กากับไปกบั หนังสอื ทน่ี าส่งโดยใหผ้ รู้ บั เซ็นช่อื รบั แล้วรบั กลบั คืนมา มขี นาดเอ 8 พิมพ์หน้าเดียว ตามแบบท่ี 17 ท้ายระเบียบ ข้อ 82 บตั รตรวจคน้ เปน็ บตั รกากบั หนงั สือแต่ละรายการเพอื่ ใหท้ ราบวา่ หนงั สอื นน้ั ๆ ไดม้ ีการ ดาเนินการตามลาดับขัน้ ตอนอย่างใด จนกระทั่งเสร็จส้ิน บัตรนี้เกบ็ เรียงลาดับกันเป็นชุดในทเี่ กบ็ โดย มีกระดาษตดิ เปน็ บัตรดรรชนี ซ่งึ แบง่ ออกเปน็ ตอน ๆ เพ่อื สะดวกแกก่ ารตรวจคน้ มีขนาดเอ 5 พมิ พส์ อง หน้า ตามแบบที่ 18 ท้ายระเบียบ ขอ้ 83 บญั ชหี นังสือสง่ เกบ็ ใช้สาหรบั ลงรายการหนงั สือที่จะสง่ เกบ็ มีขนาดเอ 4 พิมพห์ นา้ เดียว ตามแบบที่ 19 ทา้ ยระเบยี บ ข้อ 84 ทะเบียนหนังสอื เกบ็ เป็นทะเบยี นทีใ่ ชล้ งรายการหนงั สอื เกบ็ มีขนาดเอ 4 พิมพ์สองหนา้ มีสองชนิด คือ ชนดิ เปน็ เล่ม และชนดิ เปน็ แผน่ ตามแบบที่ 20 ทา้ ยระเบยี บ ข้อ 85 บัญชีส่งมอบหนังสือครบ 25 ปี เป็นบญั ชีที่ใชล้ งรายการหนังสือท่ีมีอายุครบ 25 ปี ส่งมอบเกบ็ ไวท้ ีก่ องจดหมายเหตุแหง่ ชาติ กรมศิลปากร มีลกั ษณะเปน็ แผน่ ขนาดเอ 4 พมิ พส์ องหนา้ ตามแบบ ที่ 21 ทา้ ยระเบียบ ขอ้ 86 บญั ชีหนังสือครบ 25 ปี ที่ขอเกบ็ เอง เป็นบญั ชีทใ่ี ช้ลงรายการหนังสอื ท่มี ีอายคุ รบ 25 ปี ซึ่งส่วนราชการน้ันมคี วามประสงคจ์ ะเกบ็ ไว้เอง มลี กั ษณะเปน็ แผ่นขนาดเอ 4 พิมพส์ องหนา้ ตามแบบท่ี 22 ท้ายระเบียบ ขอ้ 87 บัญชฝี ากหนงั สือ เป็นบัญชที ่ใี ชล้ งรายการหนงั สือทสี่ ่วนราชการนาฝากไว้กับกองจดหมายเหตุ แหง่ ชาติ กรมศลิ ปากร มลี ักษณะเปน็ แผ่นขนาดเอ 4 พิมพ์สองหน้า ตามแบบท่ี 23 ท้ายระเบยี บ ข้อ 88 บัตรยืมหนังสือ ใช้สาหรับเป็นหลกั ฐานแทนหนงั สือทใ่ี ห้ยืมไป มีขนาดเอ 4 พมิ พห์ น้าเดียว ตามแบบท่ี 24 ทา้ ยระเบียบ ข้อ 89 บัญชีหนงั สือขอทาลาย เปน็ บัญชที ล่ี งรายการหนงั สอื ทค่ี รบกาหนดเวลาการเกบ็ มี ลักษณะเปน็ แผน่ ขนาดเอ 4 พมิ พส์ องหนา้ ตามแบบท่ี 25 ท้ายระเบียบ
สรปุ สาระสาคญั ระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรี วา่ ดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 363 บทเฉพาะกาล ข้อ 90 แบบพิมพ์ และซอง ซงึ่ มอี ยกู่ ่อนวันทีร่ ะเบียบนใ้ี ชบ้ งั คบั ใหใ้ ช้ได้ตอ่ ไปจนกว่าจะหมด
364 ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพ่ิมเติมระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 เพ่ือให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบันท่ีมีการปฏิบัติงานสารบรรณด้วยระบบสารบรรณ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ และเปน็ การสอดคลอ้ งกบั การบรหิ ารราชการแนวทางใหมท่ ีม่ ุ่งเน้นผลสัมฤทธ์ิ ความคุ้มค่า และการลด ขน้ั ตอนการปฏิบตั ิงาน สมควรวางระบบงานสารบรรณให้เปน็ การดาเนินงานท่มี ีระบบ มคี วาม รวดเร็ว มปี ระสทิ ธภิ าพ และลดความซ้าซ้อนในการปฏบิ ตั ิราชการ อาศัยอานาจตามความในมาตรา 11 (8) แห่งพระราชบัญญัติระเบยี บบริหารราชการแผ่นดนิ พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรโี ดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจงึ วางระเบียบไว้ ดงั ต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนเี้ รียกว่า “ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548” ข้อ 2 ระเบียบน้ใี ห้ใชบ้ ังคับตงั้ แตว่ ันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเป็นดน้ ไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในข้อ 5 แห่งระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และใหใ้ ช้ข้อความตอ่ ไปนี้แทน “ข้อ 5 ในกรณที ่กี ฎหมาย ระเบียบว่าดว้ ยการรกั ษาความปลอดภัยแห่งชาติ หรือระเบยี บว่าดว้ ย การรักษาความลับของทางราชการ กาหนดวิธีปฏิบัติเกยี่ วกับงานสารบรรณไว้เป็นอย่างอ่ืน ให้ถอื ปฏิบตั ิ ตามกฎหมาย หรือระเบยี บวา่ ดว้ ยการน้นั ” ข้อ 4 ให้เพิ่มนิยามคาว่า “อิเล็กทรอนิกส์” และคาว่า “ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์” ระหว่างนิยามคาว่า “หนังสือ” และ “ส่วนราชการ” ในข้อ 6 แห่งระเบียบสานักนายกรฐั มนตรี ว่าด้วย งานสารบรรณ พ.ศ. 2526 “อิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า การประยุกต์ใช้วิธีการทางอิเล็กตรอน ไฟฟ้า คล่ืน แม่เหล็กไฟฟ้า หรือวิธีอ่นื ใดในลักษณะคลา้ ยกัน และให้หมายความรวมถึงการประยกุ ตใ์ ช้วิธีการทางแสง วิธกี าร ทางแมเ่ หล็ก หรอื อุปกรณท์ ีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับการประยกุ ตใ์ ชว้ ิธีตา่ ง ๆ เช่นว่านัน้ “ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า การรับส่งข้อมูลข่าวสารหรือหนังสือผ่าน ระบบสอ่ื สาร ดว้ ยวิธีการทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์”” ข้อ 5 ให้ยกเลิกความในข้อ 9 แห่งระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และให้ใช้ความตอ่ ไปนีแ้ ทน “ข้อ 9 หนังสือราชการ คือ เอกสารที่เป็นหลักฐานโนราชการ ได้แก่ 9.1 หนังสือที่มีไปมา ระหว่างสว่ นราชการ
ระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรี วา่ ดว้ ยงานสารบรรณ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2548 365 9.2 หนงั สือท่สี ่วนราชการมไี ปถึงหนว่ ยงานอนื่ ใดซงึ่ มใิ ชส่ ่วนราชการหรือทมี่ ีไปถงึ บุคคลภายนอก 9.3 หนังสือที่หน่วยงานอืน่ ใดซ่ึงมิใช่สว่ นราชการ หรือบุคคลภายนอกมมี าถึงส่วนราชการ 9.4 เอกสารท่ีทางราชการจัดทาขึ้นเพ่ือเป็นหลักฐานโนราชการ 9.5 เอกสารที่ทางราชการจัดทาข้ึนตาม กฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับ 9.6 ข้อมูลข่าวสารหรือหนังสือท่ีได้รับจากระบบสารบรรณ อเิ ลก็ ทรอนิกส์” ข้อ 6 ให้ยกเลิกความในข้อ 27 แห่งระเบียบสานักนายกรฐั มนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และใหใ้ ช้ความต่อไปนแี้ ทน “ข้อ 27 หนังสืออ่ืน คือ หนังสือหรือเอกสารอ่ืนใดที่เกิดข้ึนเนื่องจากก ารปฏิบัติงานของ เจ้าหน้าที่เพื่อเป็นหลักฐานโนราชการ ซึ่งรวมถึงภาพถ่าย ฟิล์ม แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพ และ สื่อกลางบันทึกข้อมูลด้วย หรือหนังสือของบุคคลภายนอก ที่ยื่นต่อเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ได้รับเข้า ทะเบียน รบั หนังสือของทางราชการแล้ว มรี ูปแบบตามทกี่ ระทรวง ทบวง กรม จะกาหนดข้ึนใชต้ ามความ เหมาะสม เว้นแต่มีแบบตามกฎหมายเฉพาะเรื่องให้ทาตามแบบ เช่น โฉนด แผนท่ี แบบ แผนผัง สญั ญา หลักฐาน การสบื สวนและสอบสวน และคารอ้ ง เปน็ ดน้ ส่ือกลางบันทึกข้อมูลตามวรรคหน่ึง หมายความถึง สื่อใด ๆ ท่ีอาจใช้บันทึกข้อมูลได้ด้วย อุปกรณ์ทางอเิ ล็กทรอนิกส์ เช่น แผ่นบันทึกขอ้ มลู เทปแม่เหลก็ จานแมเ่ หลก็ แผ่นซีดี-อา่ นอยา่ งเดียว หรอื แผน่ ดจิ ทิ ัลอเนกประสงค์ เป็นด้น ข้อ 7 ให้ยกเลิกความในข้อ 29 แห่งระเบียบสานักนายกรฐั มนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนี้แทน “ข้อ 29 การติดต่อราชการนอกจากการจะดาเนินการโดยหนังสือท่ีเป็นเอกสารสามารถ ดาเนนิ การดว้ ยระบบสารบรรณอเิ ล็กทรอนิกสไ์ ด้ ในกรณีที่ติดต่อราชการดว้ ยระบบสารบรรณอเิ ล็กทรอนิกส์ ให้ผู้ส่งตรวจสอบผลการส่งทกุ คร้งั และให้ผูร้ บั แจง้ ตอบรับ เพอื่ ยนื ยนั ว่าหนังสือไดจ้ ดั สง่ ไปยังผรู้ บั เรียบร้อยแล้ว และสว่ นราชการผสู้ ง่ ไมต่ ้อง จัดส่งหนังสอื เป็นเอกสาร เว้นแต่กรณีเป็นเรื่องสาคัญจาเป็นตอ้ งยืนยันเปน็ เอกสาร ให้ทาเอกสาร ยืนยัน ตามไปทนั ที การส่งขอ้ ความทางเครือ่ งมอื ส่อื สาร เช่น โทรเลข วทิ ยุโทรเลข โทรพมิ พ์ โทรศัพท์ วทิ ยสุ อื่ สาร วทิ ยกุ ระจายเสียง หรือวิทยุโทรทัศน์ เปน็ ดน้ ให้ผู้รบั ปฏิบัตเิ ชน่ เดียวกบั ได้รบั หนังสอื ในกรณที จี่ าเป็น ตอ้ ง ยนื ยนั เป็นหนงั สือให้ทาหนงั สอื ยืนยันตามไปทันที
366 การส่งข้อความทางเครื่องมือส่ือสารซึ่งไม่มีหลักฐานปรากฎชัดแจ้ง เช่น ทางโทรศัพท์ วิทยุ สื่อสาร วทิ ยุกระจายเสยี ง หรอื วิทยุโทรทัศน์ เป็นดน้ ให้ผู้สง่ และผู้รบั บันทึกข้อความไว้เปน็ หลกั ฐาน” ข้อ 8 ให้ยกเลิกความในข้อ 35 แห่งระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และให้ใช้ความตอ่ ไปนี้แทน “ข้อ 35 หนังสือรับ คือ หนังสือที่ได้รับเข้ามาจากภายนอก ให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน สาร บรรณกลางปฏิบัตติ ามท่ีกาหนดไว้ในส่วนน้ี การรับหนังสือท่ีมีช้ันความลับ ในชั้นลับหรือลับมาก ด้วยระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ ให้ ผู้ใช้งานหรือผู้ปฏิบตั ิงานท่ไี ด้รบั การแตง่ ตง้ั ให้เข้าถึงเอกสารลับแต่ละระดับ เป็นผู้รับผา่ นระบบการรักษา ความปลอดภัย โดยใหเ้ ป็นไปตามระเบยี บว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ” ข้อ 9 ให้ยกเลิกความในข้อ 41 แห่งระเบียบสานักนายกรฐั มนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนแ้ี ทน “ขอ้ 41 หนงั สอื สง่ คือ หนงั สอื ทส่ี ่งออกไปภายนอก ให้ปฏิบตั ติ ามที่กาหนดไว้ในส่วนน้ี การส่ง หนังสือที่มีชั้นความลับ ในช้ันลับหรือลับมาก ด้วยระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ ให้ผู้ใช้งานหรือ ผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับการแต่งต้ังให้เข้าถึงเอกสารลับแต่ละระดับ เป็นผู้ส่งผ่านระบบการรักษา ความ ปลอดภัย โดยใหเ้ ปน็ ไปตามระเบียบวา่ ด้วยการรักษาความลบั ของทางราชการ” ข้อ 10 ให้ยกเลิกความในข้อ 57 ข้อ 58 และข้อ 59 แห่งระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วย งานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และให้ใช้ความต่อไปน้แี ทน “ขอ้ 57 อายกุ ารเก็บหนังสือ โดยปกติให้เก็บไว้ไม่นอ้ ยกวา่ 10 ปี เวน้ แต่หนังสือดังต่อไปน้ี 57.1 หนงั สอื ท่ตี ้องสงวนเป็นความลบั ใหป้ ฏิบตั ิตามกฎหมาย ระเบยี บวา่ ด้วย การรักษาความปลอดภัยแหง่ ชาติ หรือระเบียบวา่ ดว้ ยการรกั ษาความลบั ของทางราชการ 57.2 หนังสือท่ีเป็นหลักฐานทางอรรถคดี สานวนของศาลหรือของพนักงาน สอบสวนหรือ หนังสืออ่ืนใดที่ได้มีกฎหมายหรือระเบียบแบบแผนกาหนดไว้เป็นพิเศษแล้ว การเก็บ ให้เป็นไปตาม กฎหมายและระเบียบแบบแผนว่าด้วยการนั้น 57.3 หนังสือทีม่ ีคุณค่าทางประวัติศาสตรท์ กุ สาขาวชิ า และมีคุณค่าต่อการศึกษา ค้นคว้า วิจัย ให้เก็บไว้เป็นหลักฐานสาคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติตลอดไป หรือตามที่สานักหอจดหมายเหตุ แห่งชาติ กรมศลิ ปากร กาหนด 57.4 หนังสอื ที่ไดป้ ฏบิ ัตงิ านเสรจ็ สนิ แล้ว และเปน็ ค่สู าเนาท่ีมีดน้ เรือ่ งจะคน้ ได้ จากทอ่ี น่ื ให้เก็บ ไวไ้ มน่ อ้ ยกว่า 5 ปี
ระเบยี บสานักนายกรฐั มนตรี ว่าดว้ ยงานสารบรรณ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2548 367 57.5 หนงั สอื ทเ่ี ปน็ เรอื่ งธรรมดาสามัญซงึ่ ไมม่ คี วามสาคัญ และเป็นเรื่องทเ่ี กดิ ข้นึ เปน็ ประจาเมอ่ื ดาเนินการแล้วเสร็จให้เก็บไว้ไมน่ อ้ ยกว่า 1 ปี 57.6 หนังสอื หรอื เอกสารเกย่ี วกับการรบั เงิน การจา่ ยเงนิ หรอื การก่อหน้ผี กู พนั ทางการเงินทไี่ ม่ เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปล่ียนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิในทางการเงิน รวมถึงหนังสือหรอื เอกสารเก่ยี วกับการรบั เงนิ การจ่ายเงิน หรือการก่อหน้ผี ูกพันทางการเงนิ ทหี่ มด ความจาเปน็ ในการใช้เปน็ หลักฐานแห่งการก่อ เปล่ียนแปลง โอน สงวน หรือระงับซ่ึงสิทธิในทางการเงิน เพราะได้มีหนังสือหรือ เอกสารอื่นทสี่ ามารถนามาใชอ้ ้างอิงหรอื ทดแทนหนงั สอื หรือเอกสารดงั กลา่ วแล้ว เมอ่ื สานักงานการตรวจ เงนิ แผน่ ดนิ ตรวจสอบแล้วไม่มปี ีญหา และไมม่ คี วามจาเป็นต้องใชป้ ระกอบ การตรวจสอบหรอื เพอ่ื การใด ๆ อกี ใหเ้ กบ็ ไว้ไม่นอ้ ยกว่า 5 ปี หนังสือเกยี่ วกบั การเงนิ ซ่ึงเห็นว่าไม่มีความจาเป็นต้องเก็บไว้ถึง 10 ปี หรือ 5 ปี แล้วแต่กรณี ให้ทาความตกลงกบั กระทรวงการคลงั ข้อ 58 ทุกปีปฏิทินให้ส่วนราชการจัดส่งหนังสือที่มีอายุครบ 20 ปี นับจากวันท่ีได้จัดทาขึ้น ท่ี เก็บไว้ ณ ส่วนราชการใด พร้อมทงั้ บัญชีส่งมอบหนงั สือครบ 20 ปี ให้สานักหอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ กรม ศิลปากร ภายในวันที่ 31 มกราคม ของปีลัดไป เวน้ แตห่ นังสอื ดังต่อไปนี้ 58.1 หนังสือท่ีต้องสงวนเปน็ ความลับใหป้ ฏิบตั ิตามกฎหมาย ระเบียบว่าด้วย การรักษาความ ปลอดภัยแหง่ ชาติ หรือระเบยี บวา่ ดว้ ยการรกั ษาความลับของทางราชการ 58.2 หนงั สือท่มี กี ฎหมาย ขอ้ บงั คบั หรือระเบยี บที่ออกใชเ้ ป็นการทั่วไปกาหนดไว้ เปน็ อย่างอน่ื 58.3 หนังสือที่ส่วนราชการมีความจาเป็นต้องเก็บไว้ที่ส่วนราชการนั้นให้จัดทาบัญชี หนังสือ ครบ 20 ปีท'ี่ ขอเกบ็ เอง สง่ มอบให้สานกั หอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศลิ ปากร ขอ้ 59 บญั ชีส่งมอบหนงั สอื ครบ 20 ปี และบัญชหี นังสอื ครบ 20 ปีท่'ี ขอเกบ็ เอง อยา่ งนอ้ ย ให้มี ดน้ ฉบบั และสาเนาคู่ฉบับ เพื่อใหส้ ว่ นราชการผ้มู อบและสานกั หอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศลิ ปากร ผูร้ บั มอบยึดถอื ไว้เป็นหลกั ฐานฝ่ายละฉบับ 59.1 บัญชีส่งมอบหนังสือครบ 20 ปี ให้จัดทาตามแบบที่ 21 ท้ายระเบียบ โดยกรอก รายละเอยี ดดังน้ี 59.1.1 ชือ่ บัญชสี ่งมอบหนังสอื ครบ 20 ปี ประจาปี ใหล้ งตวั เลขของ ปีพทุ ธศักราชทีจ่ ัดทาบญั ชี
368 59.1.2 กระทรวง ทบวง กรม กอง ให้ลงชื่อส่วนราชการท่ีจัดทาบัญชี 59.1.3 วันท่ี ให้ลงวัน เดือน ปีท่ีจัดทาบัญชี 59.1.4 แผ่นท่ี ให้ลงเลขลาดับของแผน่ บญั ชี 59.1.5 ลาดับท่ี ให้ลงเลขลาดบั เรื่อง ของหนังสือที่สง่ มอบ 59.1.6 รหัสแฟม้ ให้ลงหมายเลขลาดับหมู่ของการจัดแฟ้มเก็บหนังสอื 59.1.7 ที่ ให้ ลงเลขท่ีของหนังสือแต่ละฉบับ 59.1.8 ลงวันที่ ให้ลงวัน เดือน ปีของหนังสือแต่ละฉบับ 59.1.9 เ ลข ทะเบียนรับ ให้ลงเลขทะเบียนรับของหนังสอื แต่ละฉบบั 59.1.10 เร่ือง ให้ลงชื่อเร่ืองของหนังสือแตล่ ะ ฉบับ ในกรณีทีไ่ ม่มชี อ่ื เรอ่ื ง ให้ลงสรุปเร่ืองยอ่ 59.1.11 หมายเหตุ ให้บันทึกข้อความอืน่ ใด (ถา้ มี) 59.1.12 ลงช่ือผมู้ อบ ใหผ้ มู้ อบลงลายมือชอ่ื และวงเล็บชอื่ และนามสกุล ด้วยตัวบรรจงพรอ้ มทั้ง ลงตาแหน่งของผมู้ อบ 59.1.13 ลงช่ือผู้รับมอบ ให้ผู้รับมอบลงลายมือชื่อและวงเลบ็ ชื่อและนามสกุล ด้วยตัวบรรจง พร้อมทั้งลงตาแหนง่ ของผรู้ บั มอบ 59.2 บัญชีหนังสือครบ 20 ปี ท่ีขอเก็บเอง ให้จัดทาตามแบบที่ 22 ท้ายระเบียบ โดยกรอก รายละเอยี ดตังน้ี 59.2.1 ช่อื บญั ชหี นงั สือครบ 20 ปที ี่'ขอเกบ็ เองประจาปี ให้ลงตวั เลขของ ปพี ทุ ธศักราชท่จี ดั ทาบญั ชี 59.2.2 กระทรวง ทบวง กรม กอง ใหล้ งชอ่ื ส่วนราชการท่จี ัดทาบัญชี 59.2.3 วันที่ ให้ลงวนั เดอื น ปีทีจ่ ัดทาบญั ชี 59.2.4 แผน่ ท่ี ให้ลงเลขลาดับของแผน่ บญั ชี 59.2.5 ลาดบั ท่ี ใหล้ งเลขลาดบั เรื่องของหนังสอื ท่ีขอเก็บเอง 59.2.6 รหสั แฟ้ม ให้ลงหมายเลขลาดบั หมู่ของการจดั แฟ้มเก็บหนงั สือ 59.2.7 ที่ ใหล้ งเลขทข่ี องหนังสอื แต่ละฉบับ 59.2.8 ลงวันท่ี ให้ลงวัน เดอื น ปีของหนงั สือแตล่ ะฉบับ 59.2.9 เร่อื ง ให้ลงชือ่ เร่ืองของหนงั สอื แตล่ ะฉบับ ในกรณีท่ีไม่มีช่ือเรอ่ื ง ใหล้ งสรุปเรอื่ งยอ่ 59.2.10 หมายเหตุ ให้บันทกึ ขอ้ ความอื่นใด (ถา้ มี)”
ระเบียบสานักนายกรฐั มนตรีวา่ ดว้ ยงานสารบรรณ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 369 ระเบียบสานกั นายกรัฐมนตรีวา่ ดว้ ยงานสารบรรณ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 โดยทีเ่ ปน็ การสมควรแก้ไขเพม่ิ เตมิ ระเบยี บสานกั นายกรัฐมนตรวี า่ ด้วยงานสารบรรณ พ.ศ.2526 เพือ่ ระบตุ าแหนง่ ประเภทตาแหนง่ และระดบั ตาแหนง่ ของขา้ ราชการพลเรอื น และพนกั งานส่วนทอ้ งถ่ิน เพ่ือระบตุ าแหนง่ และระดบั ตาแหนง่ ของข้าราชการพลเรอื นหรอื พนกั งานส่วนทอ้ งถ่ินนน้ั รวมทง้ั กาหนดให้ พนกั งานราชการและเจ้าหน้าทข่ี องรัฐอน่ื มหี นา้ ทท่ี าสาเนาหนังสือและรบั รองสาเนาหนงั สอื นัน้ ได้ด้วย อาศยั อานาจตามความในมาตรา 11 (8) แหง่ พระชาชบญั ญตั ิระเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรโี ดยความเหน็ ชอบของคณะรัฐมนตรจี ึงออกระเบยี บไว้ ดังต่อไปน้ี ข้อ 1 ระเบยี บนเ้ี รยี กว่า “ระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรวี า่ ดว้ ยงานสารบรรณ (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2560” ข้อ 2 ระเบยี บนี้ใหใ้ ช้บงั คับตงั้ แตว่ ันถดั จากวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นตอ้ ไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในวรรคสองของขอ้ 31 แห่งระเบียบสานักนายกรฐั มนตรีว่าด้วยงานสาร บรรณ พ.ศ. 2526 และใหใ้ ชค้ วามดังต่อไปน้แี ทน “สาเนาหนังสือตามวรรคหนง่ึ ใหม้ คี ารับรองวา่ สาเนาถกู ตอ้ ง โดยให้ข้าราชการพลเรอื นหรือ พนักงานสว่ นทอ้ งถน่ิ ประเภทวชิ าการ ระดบั ปฏิบัติการ หรอื ประเภททัว่ ไป ระดบั ชานาญงาน ขึน้ ไปหรือ เจา้ หนา้ ทข่ี องรัฐอนื่ ทเ่ี ทียบเทา่ หรือพนักงานราชการ ซึ่งเปน็ เจ้าของเรอ่ื งทท่ี าสาเนาหนังสือน้ัน” ข้อ 4 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึง่ ของข้อ 67 แห่งระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรวี ่าดว้ ยงานสาร บรรณ พ.ศ. 2526 และให้ใช้ความดังตอ่ ไปนี้แทน “ให้หวั หน้าสว่ นราชการระดบั กรมแตง่ ตง้ั คณะกรรมการทาลายหนงั สอื ประกอบดว้ ยประธาน กรรมการและกรรมการอกี อยา่ งนอ้ ยสองคน โดยปกติใหแ้ ต่งตงั้ จากข้าราชการพลเรือนหรือพนักงานส่วน ทอ้ งถิ่นประเภทวชิ าการ ระดับปฏบิ ตั กิ าร หรอื ประเภทท่ัวไป ระดบั ชานาญงาน ขนึ้ ไป หรือเจ้าหนา้ ทข่ี อง รฐั อน่ื ทเี่ ทยี บเทา่ ” ประกาศ ณ วันที่ 15 ธนั วาคม พ.ศ. 2560 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
370 แนวข้อสอบระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรวี า่ ดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และทีแ่ กไ้ ขเพ่ิมเตมิ 1. ระเบยี บงานสารบรรณของสานกั นายกรฐั มนตรี พ.ศ. 2526 (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2548 บงั คบั ใช้ เม่อื ใด ก. 1 กรกฎาคม 2526 ข. 24 กนั ยายน 2548 ค. 1 มิถนุ ายน 2526 ง. 1 กันยายน 2548 2. การเซ็นช่อื รับรองสาเนาหนงั สอื ผู้มีหนา้ ทเี่ กย่ี วขอ้ งตั้งแต่ระดบั ใดขนึ้ ไปเป็นผูล้ งนามรับรอง ท่ี ชอบด้วยระเบยี บงานสารบรรณ ก. ระดับ 4 ข. ระดบั 5 ค. ระดบั 2 ง. ระดับ 3 3. การเกบ็ หนังสือมีประโยชน์ตอ่ ขอ้ ใดมากทสี่ ดุ ก. การทาความสะอาดทีเ่ กบ็ ข.การค้นหา ค. การตรวจสอบ ง.ความเป็นระเบียบเรยี บรอ้ ย 4. ผูใ้ ดรกั ษาการระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรีวา่ ด้วยงานสารบรรณ ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ข. ปลดั กระทรวงมหาดไทย ค. นายกรฐั มนตรี ง. ปลดั สานกั นายกรฐั มนตรี 5. “ส่วนราชการ” ตามระเบียบงานสารบรรณหมายความวา่ อยา่ งไร ก. ทบวง ข. กระทรวง ค. คณะกรรมการ ง. ถูกทุกขอ้ 6. หนังสือราชการมีก่ีชนิด ก. 6 ชนิด ข. 7 ชนดิ ค. 4 ชนดิ ง. 5 ชนิด 7. หนังสือราชการคอื ก. หนงั สอื ทปี่ ระทับตราแทนชอ่ื ข. เอกสารทเ่ี ปน็ หลกั ฐานในราชการ ค. หนังสอื สั่งราชการ ง. หนงั สือท่ลี ง วนั เวลา ตามแบบสากล 8. หนังสอื ราชการภายในหมายถงึ ขอ้ ใด ก. หนงั สือราชการหรอื เอกสารทางราชการ ข. หนังสือทีม่ ไี ปมาระหวา่ งส่วนราชการกระทรวงเดียวกนั ค. หนังสือทีเ่ ป็นหลักฐานทางราชการ ง. หนังสอื ทีม่ ไี ปมาระหว่างกระทรวงหรอื ส่วนราชการ 9. ขอ้ ใดต่อไปน้อี าจไมม่ ีในหนังสอื ราชการ ก. คาข้ึนต้นและคาลงทา้ ย ข. เรอื่ ง ค. อา้ งถึงและส่งิ ทสี่ ่งมาดว้ ย ง. วนั เดือน ปี ที่ออกหนงั สือ
แนวข้อสอบระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรีวา่ ด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และที่แกไ้ ข 371 เพ่ิมเตมิ 10. ลักษณะในข้อใดท่ีเหมาะสมสาหรบั ผู้ปฏิบตั งิ านสารบรรณ ก. มคี วามสขุ มุ ละเอียด และรอบคอ ข. ปฏบิ ตั ิงานด้วยความรวดเร็วถกู ต้อง ค. มีความรู้ภาษาไทย ง. ถูกท้ัง ก. ข. และ ค. 11. การเขยี นวนั ท่ใี นหนังสอื ภายในข้อใดถูกต้อง ก. 10 ก.ค. 2541 ข. 14 กมุ ภาพันธ์ 2545 ค. วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 ง. 11 ก.ค. 41 12. หนังสือราชการถึงประธานสภาผูแ้ ทนราษฎรใชค้ าขน้ึ ต้นว่าอย่างไร ก. กราบเรยี น ข. ถึง ค. ขึ้นต้นตามขอ้ ใดก็ได้ ง. เรียน 13. พระเจ้าแผน่ ดินแต่งตวั ใชร้ าชาศพั ทว์ ่าอย่างไร ก. ทรงพระสุคนธ์ ข. ทรงเคร่ือง ค. แตง่ พระองค์ ง. ทรงเคร่อื งใหญ่ 14. ทรงบาเพ็ญพระราชกุศล ตรงกับคาสามัญวา่ อย่างไร ก. ทาบุญ ข. เดินทาง ค. ไปวัด ง. ฟังเทศน์ 15. นายกรัฐมนตรี ตาย คาทข่ี ีดเส้นใตค้ าใดจงึ จะถกู ตอ้ งตามราชาศพั ท์ ก. พริ าลัย ข. อสัญกรรม ค. ถงึ แก่กรรม ง. มรณกรรม 16. ข้อใดอธิบายเก่ยี วกับการใช้กระดาษของหนังสอื แต่ละประเภทได้ไม่ถกู ตอ้ ง ก. หนังสอื รับรองใช้กระดาษตราครฑุ ข. หนงั สือภายนอกใชก้ ระดาษตราครุฑ ค. หนงั สือภายในใช้กระดาษใชก้ ระดาษตราครฑุ ง. หนังสือประทบั ตราใชก้ ระดาษตราครฑุ 17. บรรดาข้อความทงั้ หลายทีผ่ ู้มีอานาจหน้าท่ไี ดว้ างไว้เพอ่ื ถอื เป็นหลักปฏิบตั ิงานเป็นการประจา เรยี กว่าอะไร ก. คาสงั่ ข. ขอ้ บงั คับ ค. กฎกระทรวง ง. ระเบียบ 18. บรรดาข้อความท้ังหลายทท่ี างราชการเหน็ สมควรเผยแพร่ให้ประชาชนได้ทราบทวั่ ไปเรียกว่า อะไร ก. ประกาศ ข. แถลงการณ์ ค. ข่าว ง. คาสั่ง
372 19. กรณีตัวบุคคลผดู้ ารงตาแหน่งจรงิ ไดม้ ีการแตง่ ต้ังมอบหมายงานใหบ้ ุคคลอ่นื ต้องใช้คาลงท้ายใน หนังสือราชการวา่ อย่างไร ก. สั่งราชการแทน ข. รักษาราชการแทน ค. รักษาการในตาแหนง่ ง. ทาการแทน 20. หนงั สือรับรองเป็นเรอื่ งสาคัญท่ีออกให้แกบ่ ุคคลใหต้ ิดรปู ถา่ ยของผูท้ ่ีได้รบั การรบั รองมขี นาดเท่าไร ก. 5 x 9 ซ.ม. ข. 6 x 9 ซ.ม. ค. 4 x 6 ซ.ม. ง. 2 x 3 ซ.ม. 21. หนังสอื ที่ใชส้ าหรับยนื ยันข้อความในเรอ่ื งที่ไดส้ นทนาคือหนังสือชนิดใด ก. หนงั สือกลาง (Note Verbal) ข. บันทึก (Memorandum) ค. บนั ทกึ ชว่ ยจา (Aide Memories) ง. ไมม่ ีข้อใดถกู 22. เม่ือได้สง่ ข้อความทางโทรศัพท์ โทรเลข หรอื วิทยแุ ลว้ ควรทาอย่างไร ก. ตอ้ งสง่ หนงั สือนัน้ ตามไปเพือ่ เป็นหลักฐานยืนยัน ข. ถือว่าโทรศพั ท์ โทรเลข หรอื วทิ ยุนน้ั เป็นหลกั ฐานยืนยัน ค. ไมต่ ้องสง่ หนงั สอื นนั้ ตามไป ง. ไม่มขี อ้ ใดถูก 23. หนงั สือราชการทีจ่ าเปน็ จะตอ้ งแจ้งใหผ้ ู้รับทราบด่วนข้อใดไม่ถูกตอ้ ง ก. วทิ ยสุ ่ือสาร ข. โทรศัพท์ ค. วทิ ยโุ ทรทัศน์ ง. โทรเลข 24. การจดบันทึกหรือรายงานการประชมุ จะกระทาไดก้ ่ีวธิ ี ก. 5 ชนิด ข. 4 ชนิด ค. 8 ชนิด ง. 6 ชนดิ 25. อายกุ ารเกบ็ หนงั สือราชการโดยปกติใหเ้ กบ็ ไวไ้ ม่น้อยกว่ากปี่ ี ก. 10 ปี ข. 12 ปี ค. 5 ปี ง. ไมม่ ีระเบยี บปฏบิ ตั เิ ก่ียวกบั เร่ืองน้ี 26. การต้ังคณะกรรมการทาลายหนังสอื ให้ตง้ั อย่างน้อยก่ีคน ก. 2 คน ข. 4 คน ค. 5 คน ง. 3 คน 27. ระเบียบงานสารบรรณของสานกั นายกรฐั มนตรี พ.ศ. 2526 เริม่ บงั คับใช้เมื่อใด ก. 1 มิถุนายน 2526 ข. 1 กรกฎาคม 2526 ค. 1 เมษายน 2526 ง. 1 มีนาคม 2526
แนวขอ้ สอบระเบยี บสานักนายกรฐั มนตรวี า่ ด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และทแี่ กไ้ ข 373 เพิม่ เตมิ 28. ตราครฑุ ที่ใช้สาหรบั เปน็ แบบพมิ พใ์ นระเบยี บงานสารบรรณขนาดใหญม่ คี วามสูงเทา่ ไร ก. 2.0 ซม. ข. 3.5 ซม. ค. 3.0 ซม. ง. 4.5 ซม. 29. การเก็บหนังสอื แบง่ ออกเป็น 3 อย่าง ข้อใดไม่ใชว่ ิธีการเกบ็ หนงั สอื 1 ใน 3 อยา่ งดงั กล่าว ก. การเก็บเม่ือปฏิบัตเิ สรจ็ แล้ว ข. การเกบ็ ก่อนปฏบิ ตั ิ ค. ปฏิบตั กิ ารเกบ็ ไว้เพ่ือใชใ้ นการตรวจสอบ ง. การเก็บระหวา่ ง 30. ตามระเบียบงานสารบรรณ หนงั สอื ราชการทีจ่ ดั ทาขน้ึ จะตอ้ งทา……..อยา่ งน้อย 1 ฉบับ ก. สาเนาซา้ ฉบับ ข. สาเนาต้นฉบบั ค. สาเนาคู่ฉบบั ง. ไมใ่ ช่ท้ัง ก. ข. และ ค 31. ในสาเนาคูฉ่ บับควรมีลายมอื ชื่อบุคคลตอ่ ไปน้ี ยกเว้นผู้ใดทไ่ี มจ่ าเปน็ ต้องมี ก. ผูต้ รวจ-ทาน ข. ผู้สั่งพมิ พ์ ค. ผพู้ ิมพ์ ง. ผูร้ ่าง 32. ข้อใดตอ่ ไปนี้ท่ไี มอ่ ยู่ในแบบหนังสอื ภายใน ก. สงิ่ ที่ส่งมาด้วย ข. คาลงท้าย ค. อา้ งถงึ ง. ทกุ ข้อไมอ่ ยู่ในแบบ 33. หนงั สือเวียนคือหนงั สอื ที่มาถงึ ผูร้ ับจานวนมากมีขอ้ ความอย่างเดยี วกนั ใหเ้ พ่มิ เติมรหสั พยญั ชนะ ตัว ว ไว้ท่ีใด ก. หน้าเลขทะเบยี นหนังสอื สง่ ข. หลงั เลขทะเบียนหนงั สอื สง่ ค. มุมของด้านขวา ง. บรเิ วณใดกไ็ ด้ ขอให้ผู้รับเหน็ ชดั เจน 34. กห.เป็นรหัสตัวพยัญชนะประจากระทรวงทีม่ ีหนา้ ท่ีหลักในเรื่องใด ก. ให้การศกึ ษาแก่ประชาชนในชาติระดบั อุดมศึกษา ข. การแพทย์-พยาบาล และสุขภาพอนามัยของประชาชน ค. ป้องกันการรกุ รานจากต่างประเทศ ง. ให้ความเป็นธรรมและยุตธิ รรม 35. หนังสอื ราชการถงึ ประธานสภาผแู้ ทนราษฎรใช้คาขนึ้ ต้นวา่ อยา่ งไร ก. กราบเรียน ข. ถึง ค. ข้นึ ต้นตามข้อใดก็ได้ ง. เรียน 36. งานสารบรรณคือขอ้ ใดต่อไปนี้ ก. งานท่หี นว่ ยงานราชการจาเปน็ ต้องมีขน้ึ ข. งานท่วี ่าด้วยการรับสง่ หนงั สอื ค. งานทว่ี ่าดว้ ยหนังสือ ง. งานทว่ี า่ ด้วยการเก็บหลกั ฐาน
374 37. เมื่อได้สง่ ข้อความทางโทรศัพท์โทรเลข หรือวทิ ยุแลว้ ก. ถือวา่ โทรศัพท์ โทรเลข หรอื วิทยุน้นั เป็นหลกั ฐานยืนยัน ข. ไม่ตอ้ งสง่ หนงั สอื นนั้ ตามไป ค. ต้องส่งหนังสือนน้ั ตามไปเพ่ือเป็นหลกั ฐานยนื ยนั ง. ไมม่ ีขอ้ ใดถูก 38. หนงั สือที่ติดต่อระหวา่ งกระทรวงหรอื ส่วนราชการตา่ งกระทรวง หรอื ส่วนราชการถึง บุคคลภายนอก เรยี กวา่ หนังสอื ประเภทใด ก. หนังสือภายนอก ข. หนงั สอื ภายใน ค. หนังสอื ประชาสัมพนั ธ์ ง. หนงั สือประทับตรา 39. ข้อใดต่อไปน้ีอาจไม่มใี นหนังสือราชการ ก. อา้ งถึงและสงิ่ ทสี่ ง่ มาดว้ ย ข. คาข้นึ ตน้ และคาลงทา้ ย ค. เร่อื ง ง. วนั เดือน ปี ที่ออกหนงั สอื 40. “หนังสอื ประทับตรา” ใชก้ ระดาษอะไร ก. กระดาษบนั ทกึ ขอ้ ความ ข. กระดาษอดั สาเนา ค. กระดาษตราครฑุ ง. ถกู ทกุ ขอ้
เฉลยขอ้ สอบ ระเบยี บสานกั นายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และทแ่ี กไ้ ข 375 เพ่ิมเตมิ เฉลยขอ้ สอบ ระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และที่แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ขอ้ คาตอบ ข้อ คาตอบ ขอ้ คาตอบ 1 ข 26 ง 2 ค 27 ก 3 ข 28 ค 4 ง 29 ข 5 ง 30 ค 6 ก 31 ข 7 ข 32 ง 8 ข 33 ก 9 ค 34 ค 10 ง 35 ก 11 ข 36 ค 12 ก 37 ค 13 ข 38 ก 14 ก 39 ก 15 ข 40 ค 16 ค 17 ง 18 ค 19 ข 20 ค 21 ค 22 ก 23 ค 24 ก 25 ก
376 พระราชบญั ญัตภิ าษโี รงเรอื นและท่ีดิน พ.ศ. 2475 และแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบบั ท่ี 5) พ.ศ.2543 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการ ดารสั เหนือเกล้าฯ ใหป้ ระกาศจงทราบทั่วกนั ว่า โดยท่ที รงพระราชดาริเหน็ สมควรแกไ้ ขเพมิ่ เติมภาษโี รงเรอื นและขยายออกไปถึงที่ดินด้วย จึงทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้ตราพระราชบัญญตั ิขึ้นไว้โดยบทมาตราตอ่ ไปนี้ มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า “พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475” มาตรา 2[1] ใหใ้ ชพ้ ระราชบญั ญตั ินี้ต้งั แต่วนั ท่ี 1 เมษายน พุทธศักราช 2475 มาตรา 3 พระราชบัญญัตนิ ใี้ หใ้ ชเ้ ฉพาะแต่ในท้องทซี่ งึ่ ได้ระบุไว้ในบญั ชีตอ่ ทา้ ยพระราชบัญญัติ น้ี ต่อไปเม่ือทรงพระราชดาริเห็นสมควรจะใช้พระราชบัญญัติน้ีขยายออกไปในท้องท่ีใด จะได้มี ประกาศพระบรมราชโองการให้ขยายออกไปเป็นคราวๆ มาตรา 4 นับตง้ั แตว่ ันท่ีใชพ้ ระราชบัญญัตนิ เ้ี ปน็ ตน้ ไป และภายในทอ้ งทีซ่ ่งึ ไดร้ ะบไุ ว้ตามมาตรา ก่อน ใหย้ กเลิกกฎหมายดังต่อไปน้ี 1. ประกาศภาษเี รอื โรงร้านตึกแพ ปีมะเมียโทศก จลุ ศักราช 1232 2. ประกาศแก้ขอ้ ความในประกาศเก็บภาษีเรอื โรงรา้ นตึกแพ ปีมะเมียโทศก จลุ ศักราช 1232 3. ประกาศแก้ไขเพิม่ เตมิ ภาษีเรือโรงรา้ น พทุ ธศักราช 2474 4. ประกาศว่าด้วยการใช้ประกาศแก้ไขเพม่ิ เตมิ ภาษเี รือโรงรา้ น พุทธศักราช 2474 มาตรา 5 ในพระราชบัญญัตินี้ ถา้ ขอ้ ความมิไดแ้ สดงใหเ้ ห็นเปน็ อย่างอ่ืน “ท่ีดิน” ให้กนิ ความถงึ ทางน้า บ่อน้า สระนา้ ฯลฯ “โรงเรอื นหรือสง่ิ ปลูกสรา้ งอยา่ งอนื่ ๆ” ใหก้ ินความถึงแพดว้ ย “ราคาตลาด” หมายความวา่ จานวนเงนิ ซ่งึ ทรพั ย์สินพร้อมทง้ั ส่งิ ท่ีทาเพิ่มเติมให้ดขี น้ึ ทัง้ สน้ิ (ถา้ ม)ี ซึ่งจะจาหนา่ ยไดใ้ นขณะเวลาทีก่ าหนดราคาตามพระราชบัญญัตินี้ “ผ้รู บั ประเมนิ ” หมายความว่า บคุ คลผ้พู งึ ชาระคา่ ภาษี “ป”ี หมายความวา่ ปีตามปฏิทินหลวง
พระราชบญั ญตั ภิ าษีโรงเรือนและท่ดี นิ พ.ศ. 2475 และแก้ไขเพิ่มเตมิ (ฉบับท่ี 5) พ.ศ.2543 377 “พนักงานเจ้าหน้าท่ี”[2] หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับการแต่งต้ังใหม้ ีหน้าท่ีรบั แบบแสดงรายการ ทรัพยส์ นิ ประเมนิ ภาษี และปฏิบัติหน้าที่อ่ืนตามที่กฎหมายกาหนด “พนักงานเกบ็ ภาษี”[3] หมายความว่า ผ้ซู งึ่ ได้รบั การแตง่ ตัง้ ให้มหี นา้ ท่ีจัดเก็บ รับชาระ รวมทง้ั เร่งรัดใหช้ าระภาษี และปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีอืน่ ตามท่ีกฎหมายกาหนด “รฐั มนตรี”[4] หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รกั ษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี “กาหนด”[5] (ยกเลกิ ) “รฐั วิสาหกิจ”[6] หมายความว่า รฐั วสิ าหกิจตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวิธกี ารงบประมาณ มาตรา 6 เพื่อประโยชนแ์ หง่ พระราชบญั ญตั ินี้ ทา่ นใหแ้ บง่ ทรพั ยส์ ินออกเป็น 2 ประเภท คือ (1) โรงเรือนหรอื สิง่ ปลกู สรา้ งอย่างอื่นๆ กบั ทีด่ ินซงึ่ ใช้ต่อเน่ืองกับโรงเรือนหรอื สง่ิ ปลูกสร้างน้ันๆ (2) ทีด่ นิ ซ่งึ มิไดใ้ ช้ต่อเนือ่ งกบั โรงเรอื นหรอื ส่ิงปลกู สร้างอยา่ งอ่นื ๆ “ท่ีดินซ่ึงใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างอย่างอ่ืนๆ” ตามความหมายแห่งมาตราน้ี หมายความว่า ท่ีดินซึ่งปลกู โรงเรือนหรือส่ิงปลกู สรา้ งอย่างอ่ืนๆ และบริเวณต่อเน่ืองกนั ซง่ึ ตามปกติใชไ้ ป ดว้ ยกนั กบั โรงเรอื นหรอื ส่ิงปลูกสรา้ งนัน้ ๆ มาตรา 6 ทวิ[7] ให้รัฐมนตรีมีอานาจยกเว้นภาษีโรงเรือนและท่ีดินให้แก่รัฐวิสาหกิจสาหรับ พ้ืนทที่ ่ีเปน็ บรเิ วณต่อเน่ืองกับโรงเรือนหรอื ส่ิงปลกู สร้างอย่างอ่ืนที่ใช้ประโยชนโ์ ดยตรงของรัฐวิสาหกิจน้ัน ตามท่รี ัฐมนตรีประกาศกาหนดได้ มาตรา 7[8] ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี และให้มีอานาจออกกฎกระทรวงกาหนดอตั ราคา่ ธรรมเนยี มและกาหนด กิจการอืน่ รวมท้ังออกระเบยี บและประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งน้ี ในส่วนท่ีเกีย่ วกับ อานาจหนา้ ที่ของแตล่ ะกระทรวง กฎกระทรวงน้นั เมือ่ ไดป้ ระกาศในราชกิจจานเุ บกษาแลว้ ใหใ้ ช้บังคบั ได้ มาตรา 7 ทวิ[9] เพ่ือปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ผู้บริหารท้องถ่ินมีอานาจแต่งต้ัง พนกั งานเจ้าหนา้ ที่และพนกั งานเกบ็ ภาษี ภาค 1 ภาษีโรงเรือน และสิ่งปลูกสรา้ งอย่างอ่ืนๆ กบั ทีด่ นิ ซง่ึ ใช้ ตอ่ เน่ืองกบั โรงเรือนและสงิ่ ปลกู สร้างนัน้ ๆ
378 มาตรา 8[10] ใหผ้ ู้รับประเมินชาระภาษปี ีละครงั้ ตามคา่ รายปีของทรัพยส์ นิ คอื โรงเรือนหรอื สงิ่ ปลูกสรา้ งอยา่ งอนื่ กับท่ดี ินซง่ึ ใช้ต่อเนือ่ งกบั โรงเรือนหรอื ส่ิงปลูกสร้างอย่างอ่ืน นัน้ ในอตั รารอ้ ยละสบิ สอง ครง่ึ ของคา่ รายปี เพ่อื ประโยชน์แห่งมาตรานี้ “คา่ รายปี” หมายความว่า จานวนเงินซึ่งทรัพย์สนิ น้ันสมควรให้เช่า ได้ในปีหนงึ่ ๆ ในกรณีที่ทรัพย์สินนั้นใหเ้ ช่า ให้ถือว่าค่าเช่าน้ันคือค่ารายปี แต่ถ้าเป็นกรณีที่มเี หตอุ ันสมควรท่ี ทาให้พนักงานเจ้าหน้าท่เี ห็นว่าค่าเช่าน้นั มใิ ช่จานวนเงินอันสมควรท่ีจะให้เช่าได้หรือเป็นกรณีที่หาค่าเช่า ไม่ได้เนื่องจากเจ้าของทรัพย์สินดาเนนิ กิจการเองหรือด้วยเหตุประการอ่ืนให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอานาจ ประเมินค่ารายปีได้ โดยคานึงถึงลักษณะของทรัพย์สิน ขนาด พื้นที่ ทาเลที่ตั้ง และบริการสาธารณะที่ ทรพั ยส์ นิ นัน้ ได้รับประโยชน์ ทัง้ นี้ ตามหลกั เกณฑท์ ี่รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยกาหนดโดยประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา มาตรา 9 ทรัพย์สนิ ดังต่อไปนี้ ท่านใหย้ กเวน้ จากบทบัญญัตแิ หง่ ภาคนี้ (1) พระราชวังอันเป็นส่วนของแผ่นดนิ (2)[11] ทรพั ยส์ นิ ของรัฐบาลท่ีใช้ในกิจการของรฐั บาลหรือสาธารณะและทรพั ย์สนิ ของการรถไฟ แหง่ ประเทศไทยทีใ่ ช้ในกิจการการรถไฟโดยตรง (3) ทรพั ยส์ นิ ของโรงพยาบาลสาธารณะและโรงเรือนสาธารณะ ซง่ึ กระทากจิ การอันมิใชเ่ พือ่ เปน็ ผลกาไรสว่ นบุคคล และใชเ้ ฉพาะในการรกั ษาพยาบาลและในการศึกษา (4) ทรพั ย์สนิ ซ่งึ เป็นศาสนสมบัติอนั ใชเ้ ฉพาะในศาสนกิจอยา่ งเดียว หรอื เป็นที่อยู่ของสงฆ์ (5) โรงเรือนหรือสงิ่ ปลูกสรา้ งอย่างอื่นๆ ซึ่งปิดไว้ตลอดปีและเจา้ ของมไิ ด้อยู่เองหรือให้ผูอ้ ืน่ อยู่ นอกจากคนเฝ้า ในโรงเรอื นหรือส่งิ ปลูกสรา้ งอย่างอน่ื ๆ หรือในที่ดนิ ซง่ึ ใช้ตอ่ เน่อื งกัน (6)[12] โรงเรอื นหรอื สิ่งปลูกสร้างของการเคหะแห่งชาตทิ ่ผี ู้เช่าซ้ืออาศยั อยเู่ องโดยมิได้ใช้เป็นที่ เกบ็ สนิ ค้าหรือประกอบการอุตสาหกรรมหรือประกอบกจิ การอ่ืนเพือ่ หารายได้ มาตรา 10[13] โรงเรือนหรือสงิ่ ปลูกสรา้ งอยา่ งอ่นื ๆ ซ่งึ เจา้ ของอยเู่ องหรือให้ผแู้ ทนอยู่เฝา้ รกั ษา และซ่ึงมไิ ด้ใช้เป็นท่ีไว้สินค้าหรอื ประกอบการอุตสาหกรรม ท่านให้งดเว้นจากบทบญั ญัติแห่งภาคน้ตี ้งั แต่ พ.ศ. 2475 เป็นตน้ ไป มาตรา 11 ถ้าโรงเรือนหรอื สง่ิ ปลกู สร้างอยา่ งอื่นๆ ถูกรื้อถอนหรือทาลายโดยประการอน่ื ท่าน ให้ลดยอดคา่ รายปีของทรัพย์สนิ น้นั ตามส่วนทถ่ี ูกทาลายตลอดเวลาทีย่ งั ไมไ่ ดท้ าขนึ้ แตใ่ นเวลานัน้ โรงเรอื น หรือสง่ิ ปลกู สรา้ งอย่างอน่ื ๆ น้ันตอ้ งเป็นทซ่ี ่ึงยงั ใชไ้ ม่ได้
พระราชบัญญตั ภิ าษีโรงเรอื นและที่ดนิ พ.ศ. 2475 และแกไ้ ขเพิม่ เตมิ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2543 379 ในกรณีนี้ถ้าไม่มีโรงเรือนอ่ืนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอ่ืนๆ ในท่ีดินน้ันท่านให้กาหนดค่าภาษีใน เวลาท่กี ลา่ วข้างบนตามบทบัญญตั ิในภาค 2 แหง่ พระราชบญั ญตั ินี้ มาตรา 12 โรงเรอื นหรือสิ่งปลกู สร้างอย่างอ่นื ๆ ซึ่งทาขน้ึ ในระหว่างปีนั้น ท่านวา่ ใหเ้ อาเวลาซึ่ง โรงเรอื นหรอื สง่ิ ปลูกสรา้ งอย่างอน่ื ๆ น้ันได้มีข้ึนและสาเรจ็ จนควรเข้าอยู่ไดแ้ ล้วเท่านน้ั มาเปน็ เกณฑค์ านวณ ค่ารายปี ถ้าในระหว่างปีไม่มีโรงเรือนอื่นหรือส่ิงปลูกสรา้ งอย่างอ่ืนๆ ในท่ีดินน้ันท่านให้กาหนดค่าภาษี เฉพาะเวลานน้ั ตามบทบญั ญัตใิ นภาค 2 แห่งพระราชบัญญัติน้ี มาตรา 13 ถ้าเจ้าของโรงเรอื นใดตดิ ตั้งสว่ นควบทสี่ าคัญมีลักษณะเป็นเครอ่ื งจักรกลไก เครื่อง กระทาหรือเครอื่ งกาเนิดสนิ ค้าเพ่อื ใช้ดาเนินการอุตสาหกรรมบางอย่าง เช่น โรงสี โรงเลื่อย ฯลฯ ข้ึนใน โรงเรือนนั้นๆ ในการประเมิน ท่านใหล้ ดคา่ รายปีลงเหลอื หน่ึงในสามของค่ารายปีของทรพั ยส์ นิ นน้ั รวมทั้ง ส่วนควบดงั กล่าวแล้วดว้ ย มาตรา 14 เวลาซงึ่ ลดคา่ รายปีตามภาคน้ี ทา่ นใหค้ านวณแต่เดือนเต็ม มาตรา 15 ในท้องที่ซ่ึงได้จดั ตั้งสขุ าภิบาลแลว้ หรือจะตั้งขึ้นกด็ ี ท่านให้แบ่งผลประโยชนจ์ าก ภาษีน้นั ระหวา่ งสุขาภิบาล (สองสว่ นในสาม) กบั รัฐบาล (หน่งึ สว่ นในสาม) คา่ ใช้จ่ายในการเก็บภาษีทกุ อย่าง ท่านให้รฐั บาลเป็นผู้เสยี ภาค 2 ภาษีทดี่ ินซ่งึ มไิ ดใ้ ชต้ อ่ เนือ่ งกบั โรงเรอื น หรือส่งิ ปลกู สรา้ งอยา่ งอ่นื ๆ มาตรา 16 ค่าภาษีในภาค 2 น้ี ให้ผู้รับประเมินชาระปลี ะครั้งตามค่ารายปีของทรพั ย์สิน คือ ที่ดิน ซ่ึงมิไดใ้ ชต้ ่อเนือ่ งกบั โรงเรือนหรอื ส่ิงปลกู สร้างอย่างอนื่ ๆ โดยอตั ราร้อยละเจด็ แหง่ ค่ารายปนี ้นั ๆ “คา่ รายปี” ตามภาค 2 นี้ ทา่ นกาหนดวา่ หนงึ่ ในยส่ี บิ แห่งราคาตลาดของทรัพยส์ นิ มาตรา 17 ที่ดินดงั ตอ่ ไปนี้ ทา่ นให้ยกเวน้ จากบทบัญญัติแห่งภาคนี้ (1) ที่ดินของรัฐบาลซึ่งใชใ้ นกจิ การของรฐั บาลหรือสาธารณะ (2) ที่ดินของโรงพยาบาลสาธารณะและโรงเรยี นสาธารณะซ่งึ กระทากิจการอันมิใช่เพอ่ื เป็นผล กาไรส่วนบคุ คล และใช้เฉพาะในการรักษาพยาบาลและในการศกึ ษา
380 (3) ทีด่ ินซึ่งเป็นศาสนสมบัติอันใช้เฉพาะในศาสนกจิ อย่างเดยี ว (4) สสุ านสาธารณะ ภาค 3 วธิ ีดาเนินการประเมนิ และจดั เกบ็ ภาษี ซงึ่ กลา่ วในภาค 1 และภาค 2 หมวด 1 การประเมิน มาตรา 18 ค่ารายปีของปที ี่ลว่ งแลว้ น้ัน ท่านให้เป็นหลักสาหรับการคานวณค่าภาษีซึ่งจะต้อง เสียในปีตอ่ มา มาตรา 19[14] ใหผ้ ู้รับประเมนิ ยนื่ แบบพมิ พเ์ พ่ือแจง้ รายการทรพั ยส์ นิ ตอ่ พนกั งานเจา้ หน้าทใ่ี น ทอ้ งท่ีซึง่ ทรัพย์สินนนั้ ตั้งอยภู่ ายในเดือนกุมภาพันธ์ของทกุ ปีแต่ถ้าในปีท่ีล่วงมาแลว้ มเี หตุจาเปน็ อนั เกดิ จาก สาธารณภัยหรือเหตุพ้นวิสัยท่ีจะป้องกันได้โดยท่ัวไป ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอานาจเลื่อนกาหนดเวลา ดงั กลา่ วออกไปได้ตามที่เห็นสมควร ในกรณีทพ่ี นกั งานเจ้าหน้าทไี่ มไ่ ดร้ ับแบบพิมพต์ ามวรรคหนึ่งหรอื ในกรณจี าเป็นเพื่อประโยชน์ใน การจัดเก็บภาษี พนักงานเจ้าหน้าที่มีอานาจมีหนังสือสอบถามผู้เช่าหรือผู้ครองทรัพย์สินเพื่อให้ตอบ ข้อความตามแบบพิมพ์เช่นเดียวกันได้และผู้เช่าหรือผู้ครองทรัพย์สินต้องตอบข้อสอบถามในแบบพิมพ์ ดังกลา่ ว แล้วส่งคนื ให้พนักงานเจ้าหน้าทภ่ี ายในสามสบิ วันนับแต่วันทไ่ี ด้รบั หนังสอื สอบถาม ในกรณีเชน่ นผ้ี ู้ เชา่ หรอื ผูค้ รองทรพั ย์สินตอ้ งอยู่ในบทบังคบั และมคี วามรบั ผดิ เชน่ เดยี วกับผู้รบั ประเมนิ เพยี งเทา่ ท่เี กีย่ วกับ การสอบถามข้อความ มาตรา 20[15] ให้ผู้รบั ประเมนิ ผเู้ ชา่ หรอื ผู้ครองทรพั ย์สนิ กรอกรายการในแบบพมิ พต์ ามความ เป็นจริงตามความร้เู หน็ ของตนให้ครบถว้ น และรับรองความถูกต้องของขอ้ ความดังกล่าว พร้อมทง้ั ลงวนั ที่ เดอื น ปี และลายมอื ชอื่ ของตนกากับไว้ แล้วส่งคนื ไปยังพนกั งานเจา้ หน้าทแี่ หง่ ทอ้ งทที่ ีท่ รพั ย์สนิ นั้นตงั้ อยู่ การส่งแบบพิมพ์ตามวรรคหนง่ึ จะนาไปส่งดว้ ยตนเอง มอบหมายใหผ้ อู้ ่นื ไปส่งแทน หรือสง่ ทาง ไปรษณยี ล์ งทะเบียนถึงพนกั งานเจา้ หน้าทกี่ ไ็ ด้
พระราชบญั ญัตภิ าษโี รงเรือนและทีด่ นิ พ.ศ. 2475 และแกไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบับท่ี 5) พ.ศ.2543 381 ในกรณที ่ีส่งทางไปรษณยี ล์ งทะเบยี น ให้ถือวา่ วนั ทสี่ ่งทางไปรษณยี เ์ ปน็ วันยนื่ แบบพิมพ์ มาตรา 21 ท่านให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีตรวจพิจารณาแบบใบแจ้งรายการน้แี ละถ้าเหน็ จาเป็นก็ ให้มอี านาจสั่งใหผ้ ูร้ ับประเมนิ แสดงรายการเพิ่มเติมละเอียดย่ิงขึ้น และถา้ จะเรยี กให้นาพยานหลักฐานมา สนับสนนุ ขอ้ ความในรายการนนั้ ก็เรียกได้ มาตรา 22 ถ้าพนกั งานเจ้าหนา้ ทม่ี ิได้รบั คาตอบจากผู้รับประเมินภายในสบิ วนั หรอื ไดร้ ับคาตอบ อันไม่เพียงพอไซร้ ท่านให้มีอานาจออกหมายเรียกผู้รับประเมินมา ณ สถานที่ซึ่งเห็นสมควร และให้นา พยานหลกั ฐานในเรือ่ งอสังหาริมทรัพย์นนั้ ๆ มาแสดงตามซ่งึ เห็นจาเปน็ กับใหม้ ีอานาจซกั ถามผ้รู บั ประเมนิ ในเร่ืองใบแจ้งรายการนน้ั มาตรา 23 เพ่ือประโยชน์ในการประเมนิ ให้พนักงานเจา้ หน้าทมี่ ีอานาจท่ีจะเข้าไปตรวจตรา ทรพั ย์สินได้ดว้ ยตนเองต่อหนา้ ผู้รบั ประเมิน ผ้เู ช่าหรอื ผคู้ รอง หรอื ผ้แู ทน ระหวา่ งเวลาพระอาทติ ยข์ ้ึนและ พระอาทติ ย์ตก และเม่ือผู้รับประเมิน ผู้เช่า หรือผู้ครอง ได้รับคาขอรอ้ งแล้วก็จะต้องใหค้ วามสะดวกตาม สมควรแกพ่ นกั งานเจ้าหน้าท่ีในการตรวจตรานน้ั ในการนีผ้ รู้ บั ประเมินผเู้ ช่า หรอื ผคู้ รอง จะต้องไดร้ บั แจ้ง ความเป็นลายลกั ษณอ์ ักษรใหท้ ราบไม่ตา่ กวา่ สี่สิบแปดชว่ั โมงก่อนตรวจ มาตรา 24 เมื่อได้ไตส่ วนตรวจตราแล้ว ให้เป็นหนา้ ทขี่ องพนกั งานเจ้าหนา้ ท่ีท่จี ะกาหนด (ก) ประเภทแห่งทรพั ย์สนิ ตามมาตรา 6 (ข) คา่ รายปแี หง่ ทรพั ยส์ นิ (ค) คา่ ภาษที จ่ี ะตอ้ งเสยี ให้พนักงานเจา้ หนา้ ทีแ่ จง้ รายการตามที่ได้กาหนดไว้น้ันไปยงั พนักงานเก็บภาษใี ห้พนักงานเกบ็ ภาษีแจง้ รายการประเมินไปให้ผูร้ บั ประเมนิ ทรพั ย์สินในทอ้ งท่ขี องตนทราบโดยมชิ กั ช้า มาตรา 24 ทวิ[16] ผู้รับประเมินผ้ใู ดไม่ยื่นแบบพิมพ์แสดงรายการเพื่อเสยี ภาษีโรงเรือนและ ท่ีดินตามมาตรา 19 หรือย่ืนแบบพิมพ์ไม่ถูกต้องตามความจริงหรือไม่บริบูรณ์ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มี อานาจประเมินและให้มีการแจ้งการประเมินย้อนหลงั ให้ผู้รับประเมินเสียภาษีตามท่ีพนักงานเจา้ หน้าท่ี ประเมนิ ได้ การประเมินตามวรรคหนงึ่ ใหก้ ระทาได้ภายในกาหนดเวลา ดงั ตอ่ ไปน้ี (1) ในกรณไี ม่ย่นื แบบพมิ พ์ ใหพ้ นักงานเจ้าหน้าที่มอี านาจดาเนนิ การตามมาตรา 24 ย้อนหลังได้ ไม่เกินสิบปีนบั แตว่ ันสดุ ทา้ ยแหง่ ระยะเวลาที่กาหนดให้ยนื่ แบบพมิ พต์ ามมาตรา 19
382 (2) ในกรณีย่ืนแบบพิมพไ์ ม่ถูกต้องตามความจริงหรือไม่บรบิ ูรณ์ ให้พนักงานเจ้าหนา้ ทีม่ ีอานาจ ดาเนินการตามมาตรา 24 ยอ้ นหลังไดไ้ มเ่ กินห้าปีนบั แตว่ ันสุดท้ายแห่งระยะเวลาท่ีกาหนดใหย้ ่นื แบบพิมพ์ ตามมาตรา 19 มาตรา 25 ผู้รับประเมินผู้ใดไม่พอใจในการประเมินไซร้ ท่านว่าอาจย่ืนคาร้องต่ออธิบดีกรม สรรพกรหรอื สมหุ เทศาภบิ าล ตามแต่จะไดก้ าหนดไว้ เพอ่ื ขอให้พิจารณาการประเมินนนั้ ใหม่ โดยวิธีการดงั จะได้กล่าวตอ่ ไป มาตรา 26 คาร้องทุกๆ ฉบับ ให้เขียนในแบบพมิ พ์ซ่ึงกรมการอาเภอจา่ ย เม่ือผู้รับประเมนิ ลง นามแลว้ ให้ส่งต่อกรมการอาเภอในท้องทีซ่ งึ่ ทรพั ย์สนิ นั้นตั้งอยภู่ ายในเวลาสบิ หา้ วันนับตง้ั แตว่ นั ทไ่ี ดร้ ับแจง้ ความตามมาตรา 24 นนั้ เพื่อใหส้ ง่ ต่อไปยังอธบิ ดกี รมสรรพากร หรอื สมหุ เทศาภิบาล แล้วแต่กรณี มาตรา 27 ถ้าคาร้องยื่นภายหลงั เวลาซ่ึงกาหนดไว้ในมาตราก่อน ท่านให้อธิบดีกรมสรรพากร หรอื สมุหเทศาภบิ าลมหี นังสือแจง้ ความให้ผรู้ บั ประเมนิ ทราบว่าหมดสทิ ธิทจ่ี ะใหพ้ จิ ารณาการประเมินใหม่ และจานวนเงินซ่ึงประเมินไว้นั้นเป็นจานวนเด็ดขาด เม่ือเป็นดังนี้ ห้ามไม่ให้นาคดีขึ้นสู่ศาล เว้นแต่ใน ปัญหาขอ้ กฎหมายซ่ึงอา้ งวา่ เป็นเหตหุ มดสิทธนิ น้ั มาตรา 28 เมื่ออธิบดีกรมสรรพากรหรือผูแ้ ทน หรือสมหุ เทศาภิบาลแลว้ แตก่ รณี ได้รับคาร้อง แลว้ มอี านาจออกหมายเรียกผู้ร้องมาซักถาม แตต่ ้องใหท้ ราบลว่ งหน้าไมน่ ้อยกวา่ สิบวนั มาตรา 29 ผู้ร้องผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกของอธิบดีกรมสรรพากรหรือผู้แทน หรือ สมุหเทศาภิบาล หรือไม่ยอมให้ซักถาม หรือไม่ตอบคาถาม หรือไม่นาพยานหลกั ฐานมาสนับสนนุ คาร้อง ของตนเมื่อเรียกให้นามา ท่านว่าผู้นั้นหมดสิทธิท่ีจะขอให้พิจารณาการประเมินใหม่และจานวนเงินซ่ึง ประเมนิ ไวน้ นั้ เปน็ จานวนเด็ดขาด แต่ทง้ั น้ีไม่ใหเ้ ป็นการปลดเปลือ้ งผรู้ อ้ งให้พน้ จากความรับผดิ ในการแจ้ง ความเทจ็ โดยเจตนาหรือโดยที่รอู้ ยูแ่ ลว้ ว่าเปน็ เท็จ มาตรา 30 คาชขี้ าดของอธบิ ดีกรมสรรพากร หรอื สมุหเทศาภิบาลนน้ั ใหแ้ จ้งไปยังผรู้ ้องเปน็ ลาย ลกั ษณ์อักษร ถ้ามีการลดจานวนเงินท่ีประเมนิ ไวเ้ ปน็ จานวนเทา่ ใด กใ็ ห้แจ้งไปยังพนักงานเจา้ หน้าที่เพอื่ จะ ได้แกไ้ ขบญั ชกี ารประเมินตามคาชข้ี าดนั้นฃ มาตรา 31 ผู้รับประเมนิ ผใู้ ดไม่พอใจในคาช้ีขาดของอธิบดีกรมสรรพากรหรือสมุหเทศาภิบาล จะนาคดีไปส่ศู าลเพ่อื แสดงใหศ้ าลเหน็ ว่าการประเมนิ น้ันไม่ถูกก็ได้ แต่ต้องทาภายในสามสิบวันนับแต่วัน รับแจง้ ความให้ทราบคาช้ขี าด ถ้าอธบิ ดีกรมสรรพากร หรอื สมุหเทศาภบิ าลช้ีขาดว่าผรู้ บั ประเมินหมดสิทธทิ ีจ่ ะให้การประเมิน ของตนได้รับพจิ ารณาใหม่ตามมาตรา 29 หา้ มไม่ให้นาคดีข้นึ สู่ศาล เวน้ แต่ในปญั หาข้อกฎหมายซง่ึ อ้างว่า เปน็ เหตุหมดสทิ ธิน้นั
พระราชบญั ญัตภิ าษีโรงเรอื นและท่ดี นิ พ.ศ. 2475 และแกไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ท่ี 5) พ.ศ.2543 383 ในกรณีที่ผู้รับประเมินซ่ึงเป็นรัฐวิสาหกิจไม่พอใจในคาช้ีขาดตามวรรคหนึ่งเนื่องจากเห็นว่า จานวนเงินซ่ึงประเมินไว้นั้น มีจานวนท่ีสูงเกินสมควรให้รัฐวิสาหกิจน้ันนาเร่ืองเสนอคณะรัฐมนตรีเพ่ือ พจิ ารณาภายในสามสบิ วนั นบั แต่วนั ท่ีไดร้ บั แจง้ คาช้ีขาดตามมาตรา 30 ในการนี้คณะรฐั มนตรีมอี านาจให้ ลดหยอ่ นค่ารายปใี ห้แก่รฐั วสิ าหกิจนน้ั ได้ตามท่เี ห็นสมควร มติของคณะรฐั มนตรีให้เปน็ ทีส่ ุด[17] มาตรา 32 เม่ือคาพิพากษาท่ีสุดของศาลซ่ึงแก้คาช้ีขาดของอธิบดีกรมสรรพากร หรือ สมุหเทศาภิบาลนั้นได้สง่ ไปให้พนักงานเจา้ หน้าท่ีทราบแลว้ ให้พนักงานเจา้ หนา้ ที่แกบ้ ญั ชีการประเมินให้ ถกู ตอ้ งโดยเร็ว มาตรา 33 การขอยกเว้น ขอใหป้ ลดภาษี หรือขอลดคา่ ภาษีตามความในภาค 1 และภาค 2 นั้น ผู้รับประเมินต้องเขียนลงในแบบพิมพ์ท่ีย่ืนต่อกรมการอาเภอทุกๆ ปี พร้อมด้วยพยานหลักฐานที่จะ สนับสนนุ เพ่อื วา่ พนักงานเจ้าหน้าทจี่ ะไดส้ ามารถสอบสวนให้แนน่ อนโดยการไตส่ วน หรือวธิ ีอ่ืนวา่ คาร้อง ขอน้ันมมี ูลดแี ละควรจะให้ยกเวน้ หรือปลดหรือลดภาษีเพยี งใดหรือไม่ มาตรา 34 ถ้าพนักงานเจา้ หน้าที่สง่ั ยกคาขอยกเวน้ หรือคาขอให้ปลดภาษีหรอื ลดค่าภาษี ก็ให้ แจ้งคาชี้ขาดไปยังผู้รบั ประเมนิ และผู้รับประเมินมีสทิ ธิเช่นเดียวกับในเรื่องท่ไี ด้บ่งไว้ในหมวดน้ีท่วี ่าด้วย การประเมนิ มาตรา 35 ในการกาหนดค่าภาษีนั้น เศษที่ต่ากว่าครึ่งสตางค์ให้ปดั ท้ิงถ้าครงึ่ สตางค์ข้ึนไป ให้ นบั เปน็ หนึ่งสตางค์ มาตรา 36 หนงั สอื แจ้งความและหมายเรยี กตามพระราชบัญญตั ิน้ี จะให้คนนาไปส่งหรือจะส่ง โดยทางจดหมายไปรษณีย์ลงทะเบยี นก็ได้ ถา้ ให้คนนาไปสง่ เม่ือผู้สง่ ไม่พบผรู้ บั ไซร้ จะสง่ ใหแ้ ก่บุคคลใด ซงึ่ มอี ายเุ กนิ ย่ีสบิ ปีท่ีอยใู่ นบา้ นเรือนหรอื สานักการคา้ ของผูร้ ับกไ็ ด้ และการสง่ เชน่ นีใ้ หถ้ อื ว่าเป็นการพอเพยี ง ตามกฎหมาย ถา้ หาตัวผูร้ ับมิได้และไมม่ บี ุคคลที่จะรบั ดงั กลา่ วข้างบนไซร้ ทา่ นว่าอาจสง่ โดยวิธปี ดิ หนังสอื แจ้ง ความหรือหมายนัน้ ในท่ที ี่เห็นได้ถนัดท่ปี ระตูบ้านผู้รบั หรอื โฆษณาในหนังสือพิมพ์ท้องที่ก็ได้ มาตรา 37 ถ้าผูร้ ับประเมินจะต้องลงนามในแบบพมิ พ์ใดตามพระราชบญั ญัตินี้ ท่านวา่ จะมอบ ฉนั ทะเป็นลายลักษณอ์ กั ษรให้ตวั แทนลงนามก็ได้ ถา้ ผรู้ ับประเมนิ ได้รบั หมายเรยี กตวั ตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี นอกจากที่กลา่ วในหมายเรียกวา่ ตอ้ งไปเอง ท่านวา่ จะมอบฉันทะเป็นลายลักษณอ์ กั ษรให้ตัวแทนไปแทนตวั กไ็ ด้ แต่พนักงานเจ้าหน้าท่ีต้องพอใจว่าผู้แทนน้ันได้รับมอบอานาจโดยชอบตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์
384 หมวด 2 การเกบ็ ภาษี มาตรา 38[18] ให้ผู้มีหนา้ ท่เี สยี ภาษีนาค่าภาษีไปชาระต่อพนักงานเก็บภาษีภายในสามสิบวัน นบั แต่วนั ถดั จากวันที่ได้รบั แจ้งการประเมนิ ณ สานักงานขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ท่โี รงเรอื นหรอื สงิ่ ปลูกสร้างอย่างอื่นต้ังอยู่ หรือสถานท่ีอื่นท่ีผบู้ ริหารท้องถิ่นกาหนดโดยประกาศล่วงหน้าไว้ ณ สานักงาน ขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ นั้นไมน่ ้อยกวา่ สามสบิ วนั การชาระภาษีจะชาระโดยการส่งธนาณัติ ตั๋วแลกเงินของธนาคารหรอื เช็คที่ธนาคารรับรอง ทาง ไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังสถานท่ีตามวรรคหน่ึงก็ได้ โดยส่ังจ่ายให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นๆ หรือโดยการชาระผา่ นธนาคาร หรอื โดยวิธอี ื่นตามระเบยี บทีร่ ัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยกาหนด การชาระภาษีให้ถือว่าได้มีการชาระแล้วในวันที่พนักงานเก็บภาษีได้ลงลายมือช่ือใน ใบเสร็จรบั เงนิ เว้นแต่การชาระภาษตี ามวรรคสอง ใหถ้ อื วา่ วนั สง่ ทางไปรษณยี ์ วันชาระผ่านธนาคาร หรือ วันชาระโดยวธิ อี น่ื ตามทกี่ าหนด แล้วแตก่ รณี เปน็ วนั ชาระภาษี มาตรา 38 ทว[ิ 19] การชาระค่าภาษตี ามพระราชบญั ญตั ินี้ รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย จะกาหนดให้มีการผอ่ นชาระก็ได้ วงเงินค่าภาษีท่ีจะมีสิทธิผ่อนชาระ รวมท้ังหลักเกณฑ์และวิธีการในการผ่อนชาระ ให้เป็นไป ตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง มาตรา 39 ถ้ามผี ูย้ ่นื ฟอ้ งต่อศาลตามความในมาตรา 31 ทา่ นห้ามมใิ ห้ศาลประทบั เปน็ ฟ้องตาม กฎหมาย เว้นแต่จะเป็นที่พอใจศาลว่าผู้รับประเมินได้ชาระค่าภาษีท้ังส้ินซึ่งถึงกาหนดต้องชาระ เพราะ เวลาซงึ่ ท่านให้ไวต้ ามมาตรา 38 นั้นได้สิน้ ไปแลว้ หรือจะถึงกาหนดชาระระหว่างท่คี ดียังอยูใ่ นศาล ถา้ ศาลตดั สินให้ลดค่าภาษี ทา่ นให้คืนเงินส่วนท่ลี ดนัน้ ภายในสามเดอื นโดยไมค่ ิดค่าอยา่ งใด มาตรา 40 คา่ ภาษีน้นั ทา่ นให้เจ้าของทรพั ย์สนิ เป็นผ้เู สีย แตถ่ า้ ที่ดินและโรงเรอื นหรือสง่ิ ปลกู สรา้ งอย่างอน่ื ๆ เปน็ ของคนละเจา้ ของ เจา้ ของโรงเรอื นหรอื สิง่ ปลูกสรา้ งอยา่ งอน่ื ๆ ตอ้ งเสียค่าภาษที ้ังสิ้นในกรณเี ชน่ น้นั ถ้าเจา้ ของโรงเรือนหรือส่ิงปลกู สรา้ งอย่างอนื่ ๆ ไม่เสียภาษีท่านว่าการขายทรัพย์สินทอดตลาดของผู้น้ันตามมาตรา 44 ให้รวมขายสิทธิใดๆ ในที่ดินอัน เจ้าของโรงเรือนหรอื ส่ิงปลกู สรา้ งอยา่ งอ่นื ๆ ยังคงมีอยู่นัน้ ด้วย
พระราชบญั ญัติภาษีโรงเรือนและที่ดนิ พ.ศ. 2475 และแก้ไขเพมิ่ เตมิ (ฉบบั ที่ 5) พ.ศ.2543 385 มาตรา 41 ถา้ ผรู้ บั ประเมนิ ย่นื คารอ้ งและปรากฏว่าผรู้ บั ประเมนิ ไดเ้ สียหายเพราะทรพั ยส์ ินวา่ ง ลงหรอื ทรัพย์สินชารดุ ถงึ จาเป็นตอ้ งซอ่ มแซมในสว่ นสาคญั ท่านว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะลดคา่ ภาษีลงตาม สว่ นท่ีเสียหาย หรอื ปลดค่าภาษีทั้งหมดก็ได้ ถ้าผู้ร้องไม่พอใจ ท่านว่าจะร้องขอให้อธิบดีกรมสรรพากรหรือสมุหเทศาภิบาลพิจารณาอีก ช้นั หนึง่ ก็ได้ คาตดั สินของอธบิ ดกี รมสรรพากรหรอื สมุหเทศาภิบาลน้ันทา่ นวา่ เป็นคาตัดสินเด็ดขาด หมวด 3 คา่ ภาษีคา้ ง มาตรา 42 ถ้าค่าภาษีมิได้ชาระภายในเวลาท่ีได้กาหนดในหมวด 2 ไซร้ท่านว่าเงินค่าภาษนี นั้ คา้ งชาระ มาตรา 43 ถ้าเงนิ ค่าภาษีค้างชาระ ทา่ นให้เพิม่ จานวนขึ้นดงั อัตราต่อไปนี้ (1) ถ้าชาระไม่เกินหนึ่งเดือนนับแต่วันพ้นกาหนดเวลาท่ีบัญญัติไว้ในมาตรา 38 ให้เพ่ิมร้อยละ สองครงึ่ แห่งคา่ ภาษที ีค่ ้าง (2) ถา้ เกินหนงึ่ เดอื นแต่ไม่เกินสองเดอื น ใหเ้ พิ่มร้อยละห้าแห่งคา่ ภาษีท่คี ้าง (3) ถา้ เกนิ สองเดอื นแต่ไม่เกนิ สามเดือน ใหเ้ พ่ิมร้อยละเจ็ดคร่งึ แหง่ คา่ ภาษที ่ีคา้ ง (4) ถ้าเกินสามเดอื นแต่ไมเ่ กินสีเ่ ดอื น ใหเ้ พมิ่ ร้อยละสิบแห่งค่าภาษที คี่ ้าง มาตรา 44[20] ถ้ามไิ ด้มีการชาระคา่ ภาษแี ละเงินเพ่ิมภายในสเ่ี ดือนตามมาตรา 43 ให้ผูบ้ ริหาร ท้องถิ่นมอี านาจออกคาส่ังเปน็ หนังสือให้ยดึ อายดั หรอื ขายทอดตลาดทรพั ย์สนิ ของผูซ้ ึง่ ค้างชาระค่าภาษี เพ่อื นาเงนิ มาชาระเป็นคา่ ภาษี เงนิ เพมิ่ ค่าธรรมเนยี ม และค่าใช้จา่ ยโดยมติ ้องขอให้ศาลสั่งหรอื ออกหมาย ยดึ การยึด อายัด หรือขายทอดตลาดทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง ให้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธี พจิ ารณาความแพ่งโดยอนโุ ลม มาตรา 45 ถ้าค่าภาษีค้างอยู่และยังมิได้ชาระขณะเมื่อทรัพย์สินได้โอนกรรมสิทธ์ิไปเป็นของ เจา้ ของใหมโ่ ดยเหตุใดๆ กต็ าม ทา่ นว่าเจ้าของคนเกา่ และคนใหม่เปน็ ลูกหนค้ี า่ ภาษีน้ันร่วมกนั
386 ภาค 4 บทกาหนดโทษ มาตรา 46 ผู้ใดละเลยไม่แสดงข้อความตามที่กล่าวไว้ในมาตรา 20 เว้นแต่จะเป็นด้วยเหตุ สุดวสิ ยั ทา่ นวา่ ผู้น้นั มีความผดิ ต้องระหว่างโทษปรับไม่เกินสองรอ้ ยบาท มาตรา 47 ผู้ใดโดยรู้อยแู่ ลว้ หรอื จงใจละเลยไมป่ ฏบิ ตั ิตามหมายเรียกของพนักงานเจ้าหน้าท่ีไม่ แจ้งรายการเพิ่มเติมละเอียดย่ิงขึ้นเมื่อเรียกร้องไม่นาพยานหลักฐานมาแสดง หรือไม่ตอบคาถามเม่ือ พนักงานเจา้ หน้าทซ่ี กั ถามตามความในมาตรา 21 และ 22 ท่านวา่ ผนู้ ั้นมีความผดิ ต้องระหวา่ งโทษปรับไม่ เกินห้ารอ้ ยบาท มาตรา 48 ผูใ้ ด (ก) โดยรู้อยู่แล้วหรือจงใจยื่นข้อความเท็จ หรือให้ถ้อยคาเท็จ หรือตอบคาถามด้วยคาอันเป็น เทจ็ หรือนาพยานหลกั ฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลย่ี งหรือจดั หาทางให้ผอู้ ืน่ หลีกเลี่ยงการคานวณค่ารายปี แห่งทรัพย์สินตามท่ีควรกด็ ี (ข) โดยความเท็จ โดยเจตนาละเลย โดยฉ้อโกง โดยอุบาย หรือโดยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใด ทง้ั สิ้นท่ีจะหลกี เล่ยี งหรือพยายามหลีกเลีย่ งการคานวณคา่ รายปีแห่งทรัพยส์ นิ ของตนตามท่คี วรก็ดี ท่านว่าผู้น้ันมคี วามผิดต้องระหว่างโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรบั ไมเ่ กินหา้ รอ้ ยบาท หรือ ทั้งจาทัง้ ปรบั ประกาศมา ณ วนั ที่ 19 เมษายน พทุ ธศักราช 2475 เป็นปีท่ี 8 ในรัชกาลปัจจบุ ัน
พระราชบัญญตั ภิ าษโี รงเรอื นและท่ีดิน พ.ศ. 2475 และแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ที่ 5) พ.ศ.2543 387 บญั ชแี สดงทอ้ งทีใ่ ชพ้ ระราชบัญญัติภาษี โรงเรือนและท่ีดนิ พทุ ธศักราช 2475 พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้ในจังหวัดพระนคร ภายในเขตจัดการสขุ าภิบาลดังได้ประกาศเมอ่ื วันที่ 11 กันยายน พุทธศกั ราช 2466 คือ ตามแนวฝัง่ ตะวันออกแม่นา้ เจา้ พระยา ตงั้ แตป่ ากคลองสามเสนลงไปถึงถนนสาทรฝัง่ ใต้ เลยี บไป ตามถนนสาทร ถนนวิทยุ ตัดเส้นตรงไปคลองสามเสนเลียบไปตามคลองสามเสนฝั่งใต้ จนออกปากคลอง บรรจบแนวฝง่ั แม่น้าเจา้ พระยาโดยรอบกบั ใหม้ ีอาณาเขตหา่ งจากถนนสาทรฝง่ั ใต้ ถนนวิทยุ และเสน้ ตรง ไปคลองสามเสนออกไปทางทศิ ตะวนั ออกไปทางทิศใตอ้ ีก 15 เสน้ พระราชบญั ญัตภิ าษโี รงเรือนและที่ดนิ แก้ไขเพ่มิ เตมิ พุทธศกั ราช 2475[21] มาตรา 4 ตง้ั แต่ พ.ศ. 2475 เปน็ ต้นไปให้ยกเลกิ ภาษีทดี่ นิ ซ่ึงมิได้ใชต้ ่อเน่ืองกับโรงเรือนหรือสิ่ง ปลูกสร้างอย่างอื่นๆ ตามภาค 2 มาตรา 16,17 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรอื นและที่ดิน พุทธศักราช 2475 มาตรา 5 ต้ังแต่ พ.ศ. 2475 เป็นต้นไปให้ลดค่าภาษีตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติภาษี โรงเรือนและท่ีดิน พุทธศักราช 2475 ซ่ึงกาหนดเก็บโดยอัตราร้อยละสิบห้าแหง่ ค่ารายปีลงเป็นเก็บโดย อตั รารอ้ ยละสิบสองกึ่งแหง่ คา่ รายปี พระราชบัญญตั ภิ าษโี รงเรอื นและท่ดี ิน (ฉบบั ที่ 3) พุทธศกั ราช 2485[22] มาตรา 4 ใหร้ ัฐมนตรวี ่าการกระทรวงการคลงั รกั ษาการตามพระราชบญั ญัตินี้ พระราชบญั ญัติภาษีโรงเรือนและทีด่ นิ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2534[23] มาตรา 19 บรรดาค่าภาษีโรงเรือนและท่ีดินท่ีรัฐวิสาหกิจใดยังมิได้ดาเนินการชาระหรือค้าง ชาระอยู่ก่อนวันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ ให้รัฐวิสาหกิจน้ันชาระให้เสรจ็ สนิ้ ภายในหน่ึงปีนับแต่วันที่ พระราชบญั ญตั นิ ี้ใชบ้ งั คับ แตใ่ นกรณที รี่ ัฐวสิ าหกิจใดทคี่ ้างชาระค่าภาษโี รงเรือนและที่ดนิ เปน็ รฐั วสิ าหกจิ ที่ ประกอบกจิ การสาธารณปู โภค หรือสาธารณปู การตามท่คี ณะรัฐมนตรีกาหนด ก็ให้ค่าภาษที ่คี า้ งชาระนั้น เป็นอนั พับไป
388 บทบัญญัติตามวรรคหนึ่ง ไม่ก่อให้เกิดสิทธิเรียกคืนค่าภาษีหากได้มีการชาระไปแลว้ ก่อนวันที่ พระราชบัญญัตินใ้ี ชบ้ ังคบั มาตรา 20 ผู้ใดมีหน้าท่ีเสียภาษีให้แก่กรุงเทพมหานคร เทศบาลเมอื งพทั ยา สุขาภิบาล หรือ องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั แลว้ แต่กรณี แต่ยังมิไดย้ นื่ แบบพิมพ์แสดงรายการทรพั ยส์ ินเพ่ือเสียภาษี หรือ ยังมิได้ชาระภาษี หรือชาระภาษยี งั ไมค่ รบถว้ น หากผู้น้นั ไดต้ ิดตอ่ ขอชาระภาษตี ามมาตรา 19 และมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและท่ีดิน พุทธศักราช 2475 และได้นาเงินค่าภาษีไปชาระต่อ พนักงานเก็บภาษีภายในกาหนดหน่ึงปีนับแต่วันที่พระราชบัญญตั ินี้ใช้บังคับใหผ้ ูน้ ้ันได้รับยกเว้นโทษทาง อาญาและไม่ต้องเสียค่าปรับหรือเงินเพิ่มสาหรับเงินค่าภาษีในส่วนที่มีอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้ บังคบั มาตรา 21 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการตามพระราชบัญญัตนิ ้ี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยเหตุที่การจัดเก็บภาษีในปัจจบุ นั มี ข้ันตอนมาก และยังมีวิธีการท่ีจากัด อีกท้ังการจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินจากรัฐวิสาหกิจยังไม่มี บทบัญญัติทชี่ ัดเจนและเปน็ ธรรมพอ ดังน้ัน เพ่ืออานวยความสะดวกในการชาระภาษีและเพ่อื ให้การคิด คานวณภาษีเกิดความเป็นธรรมยิ่งข้ึน สมควรปรับปรุงวิธีการในการจัดเก็บและการชาระภาษีท้ังของ รัฐวิสาหกจิ และของประชาชนเสยี ใหม่ใหเ้ หมาะสมย่ิงขึน้ นอกจากนน้ั เพ่ือเร่งรดั ให้มกี ารชาระภาษที ค่ี า้ ง ชาระเพ่ือนาไปใช้ประโยชนใ์ นการพัฒนาทอ้ งถ่ินต่อไป สมควรกาหนดเวลาใหม้ ีการนาภาษีทีค่ ้างมาชาระ ภายในกาหนด โดยยกเว้นโทษทางอาญา รวมทั้งเงินเพิ่มและค่าปรับต่างๆ ให้ จึงจาเป็นต้องตรา พระราชบญั ญตั นิ ี้ พระราชบัญญัตภิ าษโี รงเรือนและทด่ี ิน (ฉบบั ท่ี 5) พ.ศ. 2543[24] มาตรา 6 ในกรณีทีม่ กี ฎหมายบญั ญตั ใิ ห้ผรู้ บั ประเมนิ ยื่นคาร้องขอใหพ้ จิ ารณาประเมนิ ใหม่ไดใ้ ห้ ผู้บริหารท้องถ่ินเป็นผชู้ ้ีขาด เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอน่ื ทั้งน้ี ผู้บริหารท้องถ่ินอาจมอบ อานาจและหนา้ ท่ดี งั กล่าวให้หน่วยงานอืน่ ของรัฐดาเนินการแทนกไ็ ด้ มาตรา 7 ให้รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ี้
พระราชบัญญัติภาษโี รงเรอื นและทดี่ ิน พ.ศ. 2475 และแก้ไขเพ่มิ เตมิ (ฉบบั ที่ 5) พ.ศ.2543 389 หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชพ้ ระราชบัญญตั ิฉบบั นี้ คือ เนื่องจากพระราชบญั ญตั สิ ภาตาบลและ องค์การบรหิ ารสว่ นตาบล พ.ศ. 2537 กาหนดให้มอี งค์การบรหิ ารสว่ นตาบลและเปน็ ราชการส่วนท้องถิ่น เพ่ิมข้ึนอีกประเภทหนึ่ง สมควรแกไ้ ขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดนิ เพ่ือใหค้ รอบคลมุ ถึง การเก็บภาษีโรงเรือนและท่ีดินในเขตองค์การบริหารส่วนตาบลนอกจากน้ีโดยทถ่ี ้อยคาเก่ียวกับราชการ ส่วนทอ้ งถิน่ ในกฎหมายว่าด้วยภาษโี รงเรือนและทีด่ ินมีใช้อยหู่ ลายคาตามรูปแบบของราชการส่วนท้องถ่ิน ซึ่งมีอยู่หลากหลาย สมควรปรับปรุงถ้อยคาดังกล่าวเพ่ือให้ครอบคลุมถึงราชการส่วนทอ้ งถิ่นทกุ ประเภท จงึ จาเปน็ ต้องตราพระราชบญั ญตั ินี้ ***************************************** [1] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 49/-/หนา้ 51/20 เมษายน 2475 [2] มาตรา 5 นิยามคาวา่ “พนกั งานเจ้าหน้าท่ี” แกไ้ ขเพิม่ เติมโดยพระราชบญั ญัตภิ าษโี รงเรือน และท่ดี นิ (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2534 [3] มาตรา 5 นิยามคาว่า “พนักงานเกบ็ ภาษี” แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญตั ิภาษีโรงเรือน และท่ีดนิ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2534 [4] มาตรา 5 นิยามคาว่า “รัฐมนตรี” แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัตภิ าษีโรงเรือนและท่ดี ิน (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2534 [5] มาตรา 5 นิยามคาว่า “กาหนด” ยกเลกิ โดยพระราชบัญญัตภิ าษีโรงเรือนและทีด่ ิน (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2534 [6] มาตรา 5 นิยามคาว่า “รัฐวสิ าหกจิ ” เพมิ่ โดยพระราชบญั ญตั ภิ าษีโรงเรือนและทดี่ ิน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2534 [7] มาตรา 6 ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและทดี่ นิ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2534
390 [8] มาตรา 7 แกไ้ ขเพ่ิมเติมโดยพระราชบญั ญัติภาษีโรงเรือนและทด่ี นิ (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2534 [9] มาตรา 7 ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2543 [10] มาตรา 8 แก้ไขเพม่ิ เติมโดยพระราชบัญญัตภิ าษีโรงเรอื นและท่ดี นิ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2534 [11] มาตรา 9 (2) แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและท่ีดิน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2534 [12] มาตรา 9 (6) เพม่ิ โดยพระราชบญั ญตั ิภาษีโรงเรอื นและทีด่ นิ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2534 [13] มาตรา 10 แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พทุ ธศกั ราช 2475 [14] มาตรา 19 แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบัญญัติภาษโี รงเรือนและทดี่ นิ (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2534 [15] มาตรา 20 แก้ไขเพ่มิ เติมโดยพระราชบัญญตั ภิ าษีโรงเรือนและทีด่ นิ (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2534 [16] มาตรา 24 ทวิ เพิม่ โดยพระราชบัญญตั ภิ าษีโรงเรอื นและที่ดนิ (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2534 [17] มาตรา 31 วรรคสาม เพิ่มโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2534 [18] มาตรา 38 แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบัญญตั ิภาษโี รงเรือนและที่ดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2543 [19] มาตรา 38 ทวิ เพิ่มโดยพระราชบญั ญัตภิ าษโี รงเรอื นและที่ดนิ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2534 [20] มาตรา 44 แก้ไขเพม่ิ เติมโดยพระราชบัญญตั ภิ าษีโรงเรือนและที่ดนิ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2543 [21] ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ 49/-/หน้า 259/14 สงิ หาคม 2475 [22] ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ 59/ตอนที่ 29/หนา้ 901/28 เมษายน 2485 [23] ราชกิจจานเุ บกษา เล่ม 108/ตอนที่ 196/ฉบับพเิ ศษ หน้า 1/11 พฤศจิกายน 2534 [24] ราชกิจจานเุ บกษา เลม่ 117/ตอนท่ี 16 ก/หนา้ 38/7 มีนาคม 2543
แนวข้อสอบพระราชบญั ญัตภิ าษีโรงเรือนและที่ดนิ พ.ศ. 2475 และแก้ไขเพ่มิ เติม 391 แนวข้อสอบพระราชบัญญตั ภิ าษโี รงเรอื นและทีด่ นิ พ.ศ. 2475 และแกไ้ ขเพ่มิ เติม 1. พระราชบัญญัติภาษโี รงเรอื นและที่ดนิ พุทธศักราช 2475 ใหใ้ ชต้ ัง้ แต่เมือ่ ใด ก. 1 มกราคม พุทธศักราช 2475 ข. 1 เมษายน พทุ ธศักราช 2475 ค. 1 กันยายน พุทธศักราช 2475 ง. 1 ธันวาคม พุทธศักราช 2475 2. ข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. “ท่ดี ิน” ให้กนิ ความถึง ทางนา้ บ่อนา้ สระน้า ข. “โรงเรอื นหรอื สงิ่ ปลกู สร้างอยา่ งอื่นๆ” ใหก้ ินความถึงแพด้วย ค. “ป”ี หมายความว่า ปตี ามปฏทิ ินหลวง ง. ถูกทุกข้อ 3. ใครเป็นผ้รู กั ษาการตามพระราชบญั ญตั ิภาษโี รงเรอื นและที่ดนิ พุทธศักราช 2475 ก. นายกรฐั มนตรี ข. รัฐมนตรีวา่ การ กระทรวงการคลงั ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ง. ทง้ั ข้อ ข และ ค 4. ใครเป็นผ้รู ักษาการตามพระราชบญั ญัติภาษโี รงเรอื นและทด่ี ิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2543 ก. นายกรฐั มนตรี ข. รฐั มนตรวี ่าการ กระทรวงการคลงั ค. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ง. ทงั้ ข้อ ข และ ค 5. ตามพระราชบัญญตั นิ ี้แบ่งทรพั ยส์ ินออกเป็นกี่ประเภท ข. 3 ประเภท ก. 2 ประเภท ง. 5 ประเภท ค. 4 ประเภท 6. ใครมีอานาจยกเว้นภาษีโรงเรอื นและท่ดี ินใหแ้ ก่นรฐั วิสาหกจิ สาหรบั พน้ื ที่ทเ่ี ป็นบริเวณต่อเนื่องกบั โรงเรอื นหรือสง่ิ ปลูกสร้างอยา่ งอน่ื ท่ใี ช้ประโยชนโ์ ดยตรงของรฐั วิสาหกจิ นัน้ ตามท่รี ัฐมนตรีประกาศ กาหนดได้ ก. นายกรฐั มนตรี ข. รฐั มนตรวี า่ การ กระทรวงการคลงั
392 ค. รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย ง. ทั้งขอ้ ข และ ค 7. ใหผ้ ูร้ บั ประเมนิ ชาระภาษปี ีละคร้งั ตามค่ารายปีของทรพั ย์สิน คือโรงเรือนหรือสงิ่ ปลูกสรา้ งอย่างอนื่ กบั ที่ดินซึง่ ใช้ตอ่ เน่ืองกับโรงเรือนหรือสงิ่ ปลกู สรา้ งอยา่ งอ่นื ในอัตราเทา่ ใด ก. ร้อยละ 10 ของค่ารายปี ข. ร้อยละ 10.5 ของคา่ รายปี ค. ร้อยละ 12 ของคา่ รายปี ง. ร้อยละ 12.50 ของคา่ รายปี 8. ทรพั ยส์ นิ ตามข้อใดให้ยกเวน้ จากบทบัญญัตแิ ห่งภาคนี้ ก. พระราชวงั อันเป็นส่วนของแผ่นดิน ข. ทรพั ย์สนิ ของโรงพยาบาลสาธารณะและโรงเรยี นสาธารณะ ซง่ึ กระทากจิ การอนั มิใช่เพ่อื เปน็ ผลกาไรส่วนบคุ คล ค. ทรพั ย์สนิ ซึง่ เปน็ ศาสนสมบตั อิ นั ใช้เฉพาะในศาสนกจิ อย่างเดยี ว ง. ถกู ทุกขอ้ 9. ถา้ เจา้ ของโรงเรอื นใดตดิ ต้ังสว่ นควบทส่ี าคัญมีลักษณะเปน็ เคร่อื งจักร กลไก เครอ่ื งกระทาหรอื เครือ่ งกาเนิดสินคา้ เพื่อใช้ดาเนินการอตุ สาหกรรมบางอย่างขน้ึ ในโรงเรือนนั้นๆ ในการประเมนิ ให้ลด คา่ รายปลี งเหลือเท่าใด ก. เหลอื 1 ใน 2 ของคา่ รายปีของทรพั ยส์ ินน้นั ข. เหลือ 1 ใน 3 ของคา่ รายปขี องทรพั ยส์ นิ นนั้ ค. เหลือ 2 ใน 3 ของค่ารายปีของทรัพยส์ ินน้ัน ง. เหลอื 1 ใน 4 ของค่ารายปีของทรพั ยส์ นิ นนั้ 10. ใหผ้ ้รู ับประเมินย่ืนแบบพมิ พ์เพ่ือแจง้ รายการทรัพยส์ นิ ตอ่ พนกั งานเจ้าหนา้ ทใ่ี นท้องทซ่ี ึง่ ทรัพย์สิน น้ันตัง้ อยู่ภายในเดือนใด ก. มกราคมของทุกปี ข. กมุ ภาพนั ธ์ ของทุกปี ค. กนั ยายน ของทกุ ปี ง. ธันวาคม ของทุกปี 11. ผู้รับประเมินผู้ใดไม่พอใจในการประเมินอาจย่ืนคาร้องต่อใครเพือ่ ขอให้พจิ ารณาการประเมนิ น้ัน ใหม่ ก. อธบิ ดีกรมสรรพากร ข. นายอาเภอ ค. ผู้วา่ ราชการจงั หวดั ง. รฐั มนตรีว่าการกระทรวงการคลงั
แนวข้อสอบพระราชบญั ญตั ภิ าษโี รงเรอื นและที่ดิน พ.ศ. 2475 และแก้ไขเพิม่ เตมิ 393 12. เมอื่ บุคคลตามขอ้ 11 ไดร้ ับคารอ้ งแลว้ มีอานาจออกหมายเรยี กผู้รอ้ งมาซักถามแตต่ ้องให้ทราบ ลว่ งหนา้ กีว่ ัน ก. ไม่นอ้ ยกวา่ 5 วัน ข. ไม่นอ้ ยกว่า 7 วัน ค. ไม่นอ้ ยกวา่ 10 วัน ง. ไม่น้อยกว่า 15 วัน 13. คาร้องทุกๆฉบับ ให้เขียนในแบบพมิ พซ์ ึง่ กรมการอาเภอจา่ ย เมอ่ื ผูร้ บั ประเมนิ ลงนามแล้วใหส้ ่งต่อ กรมการอาเภอในทอ้ งที่ซง่ึ ทรพั ย์สนิ นั้นตั้งอยู่ภายในเวลากี่วัน ก. 5 วันนบั ตั้งแต่วนั ทีไ่ ดร้ บั แจ้งความ ข. 10 วนั นับตง้ั แตว่ นั ท่ีไดร้ ับแจง้ ความ ค. 15 วันนบั ตั้งแต่วันทีไ่ ดร้ ับแจ้งความ ง. 20 วนั นบั ตงั้ แต่วนั ทไ่ี ด้รบั แจง้ ความ 14. หนงั สอื แจง้ ความและหมายเรยี กตามพระราชบญั ญัติน้ถี า้ ให้คนนาไปสง่ เม่อื ผ้สู ง่ ไม่พอผรู้ บั จะส่ง ให้แกผ่ บุคคลซ่ึงมีอายกุ ่ปี ที อ่ี ยู่ในบา้ นเรอื นของผู้รับกไ็ ด้ ก. อายุเกิน 18 ปี ข. อายุเกิน 20 ปี ค. อายุเกนิ 21 ปี ข. กป่ี กี ็ได้ 15. ใหผ้ ู้มหี น้าทเี่ สยี ภาษีนาคา่ ภาษไี ปชาระตอ่ พนักงานเก็บภาษภี ายในกี่วันนับแตว่ ันถัดจากวนั ทไี่ ดร้ ับ แจ้งการประเมนิ ก. 5 วนั ข. 10 วัน ค. 15 วนั ง. 30 วัน 16. การชาระค่าภาษีตามพระราชบญั ญัติน้ีบุคคลใดกาหนดใหม้ ีการผ่อนชาระก็ได้ ก. นายกรัฐมนตรี ข. อธิบดกี รมสรรพากร ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ง. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงการคลงั 17. ถ้ามิได้มกี ารชาระค่าภาษีและเงินเพม่ิ ภายใน 4 เดอื นให้ใครมอี านาจออกคาส่งั เป็นหนังสอื ใหย้ ดึ อายัด หรือขายทอดตลาดทรพั ย์สินของผู้ซงึ่ ค้างชาระค่าภาษี ก. อธิบดกี รมสรรพากร ข. รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย ค. ผ้วู า่ ราชการจงั หวดั ง. ผบู้ ริหารทอ้ งถน่ิ 18. ผู้ใดรอู้ ยู่แล้วหรือจงใจละเลยไม่ปฏิบตั ติ ามหมายเรยี กของพนกั งานเจา้ หนา้ ท่ีผู้น้ันมีความผดิ ต้อง ระวางโทษอย่างไร
394 ก. จาคุกไม่เกนิ 3 เดอื น ข. ปรบั ไมเ่ กิน 200 บาท ค. จาคกุ ไม่เกนิ 3 เดือนหรอื ปรับไม่เกิน 200 บาทหรือทงั้ จาทั้งปรับ ง. ปรบั ไมเ่ กนิ 500 บาท 19. ผู้ใดจงใจยืน่ ข้อความเทจ็ หรอื ให้ถอ้ ยคาเท็จเพือ่ หลกี เล่ียงการคานวณคา่ รายปีแหง่ ทรพั ยส์ นิ ตามที่ ควร ผู้น้ันมีความผดิ ตอ้ งระวางโทษอย่างไร ก. จาคุกไม่เกนิ 6 เดอื น ข. ปรับไมเ่ กิน 1,000 บาท ค. จาคกุ ไม่เกนิ 6 เดือนหรอื ปรับไมเ่ กนิ 500 บาทหรือทง้ั จาทง้ั ปรบั ง. จาคุกไมเ่ กิน 1 ปหี รือปรบั ไม่เกิน 500 บาทหรอื ทัง้ จาทง้ั ปรบั 20. ผู้ใดโดยความเทจ็ โดยเจตนา โดยฉอ้ โกง โดยอุบาย หรอื โดยวธิ กี ารอยา่ งหน่ึงอย่างใดท้งั สนิ้ ทจี่ ะ หลีกเล่ยี งหรอื พยายามหลกี เลี่ยงการคานวณค่ารายปีแห่งทรัพยส์ นิ ของตนตามที่ควร ผู้นั้นมีความผิด ตอ้ งระวางโทษอยา่ งไร ก. จาคกุ ไม่เกนิ 6 เดอื น ข. ปรบั ไมเ่ กนิ 1,000 บาท ค. จาคุกไม่เกิน 6 เดือนหรอื ปรับไมเ่ กิน 500 บาทหรอื ทงั้ จาท้งั ปรบั ง. จาคุกไม่เกนิ 1 ปหี รอื ปรบั ไมเ่ กิน 500 บาทหรอื ทั้งจาทงั้ ปรับ
เฉลยแนวข้อสอบพระราชบญั ญตั ิภาษโี รงเรือนและทดี่ นิ พ.ศ.2475 และแกไ้ ขเพิ่มเตมิ 395 เฉลยแนวข้อสอบพระราชบัญญัติภาษโี รงเรือนและทด่ี นิ พ.ศ.2475 และแกไ้ ขเพม่ิ เติม 1 ตอบ ข. 1 เมษายน พุทธศกั ราช 2475 (มาตรา 1) 2. ตอบ ง. ถูกทกุ ขอ้ (มาตรา 5) 3. ตอบ ง. ทั้งขอ้ ข และ ค (มาตรา 7) 4. ตอบ ค. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย (มาตรา 7 แก้ไขฉบบั ที่ 5) 5. ตอบ ก. 2 ประเภท (มาตรา 6) 6. ตอบ ง. ท้ังข้อ ข และ ค (มาตรา 6 ทว)ิ 7. ตอบ ง. รอ้ ยละ 12.50 ของค่ารายปี (มาตรา 6 ทว)ิ 8. ตอบ ง. ถกู ทุกขอ้ (มาตรา 9) 9. ตอบ ข. เหลอื 1 ใน 3 ของค่ารายปีของทรพั ยส์ นิ นนั้ (มาตรา 13) 10. ตอบ ข. กุมภาพันธ์ ของทกุ ปี (มาตรา 19) 11. ตอบ ก. อธิบดีกรมสรรพากร (มาตรา 25) 12. ตอบ ค. ไม่น้อยกว่า 10 วนั (มาตรา 28) 13. ตอบ ค. 15 วนั นับตงั้ แต่วนั ทไี่ ด้รับแจง้ ความ (มาตรา 26) 14. ตอบ ข. อายุเกนิ 20 ปี (มาตรา 36) 15. ตอบ ง. 30 วนั (มาตรา 38) 16. ตอบ ค. รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย (มาตรา 38 ทวิ) 17. ตอบ ง. ผู้บรหิ ารทอ้ งถ่นิ (มาตรา 44) 18. ตอบ ง. ปรบั ไมเ่ กนิ 500 บาท (มาตรา 47) 19. ตอบ ค. จาคกุ ไม่เกนิ 6 เดอื นหรือปรบั ไมเ่ กนิ 500 บาทหรอื ทั้งจาทงั้ ปรับ (มาตรา 48) 20. ตอบ ค. จาคุกไมเ่ กิน 6 เดอื นหรือปรับไมเ่ กนิ 500 บาทหรอื ทง้ั จาทงั้ ปรบั (มาตรา 48)
396 พระราชบญั ญตั ิภาษีบารงุ ทอ้ งท่ี พ.ศ. 2508 และแก้ไขเพมิ่ เติม ภูมิพลอดลุ ยเดช ป.ร. ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ 22 ตลุ าคม พ.ศ. 2508 เป็นปที ่ี 20 ในรัชกาลปจั จบุ ัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เปน็ การสมควรแยกกฎหมายเก่ียวกบั ภาษบี ารุงท้องทีอ่ อกจากประมวลรษั ฎากร จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญตั ิขึ้นไว้ โดยคาแนะนาและยินยอมของสภา ร่างรัฐธรรมนูญในฐานะรฐั สภา ดังตอ่ ไปนี้ มาตรา 1 พระราชบัญญตั ินเี้ รยี กวา่ “พระราชบญั ญัติภาษบี ารงุ ท้องท่ี พ.ศ. 2508” มาตรา 2[1] พระราชบัญญตั ิน้ใี ห้ใช้บังคับตง้ั แตว่ นั ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็น ต้นไป มาตรา 3 ใหย้ กเลกิ ลักษณะ 3 ภาษบี ารุงทอ้ งทแี่ ห่งประมวลรัษฎากร บรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอืน่ ในส่วนท่ีมีบัญญัติไว้แลว้ ในพระราชบัญญัตินี้ หรือซง่ึ ขดั หรือแยง้ กับบทแห่งพระราชบญั ญัตินี้ ให้ใชพ้ ระราชบัญญัตนิ ้ีแทน มาตรา 4[2] ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี และให้มี อานาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏบิ ตั ิการตามพระราชบัญญัติน้ี กฎกระทรวงน้นั เม่ือไดป้ ระกาศในราชกจิ จานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคบั ได้ มาตรา 5 เม่ือได้มีพระราชกฤษฎีกาให้เทศบาลใดอยู่ในความควบคุมดูแลของ กระทรวงมหาดไทยตามกฎหมายว่าด้วยเทศบาล บรรดาอานาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดตาม พระราชบญั ญัตนิ ี้ ใหเ้ ปน็ อานาจหน้าทีข่ องรัฐมนตรหี รอื ผ้ซู ่ึงรัฐมนตรมี อบหมาย หมวด 1 ข้อความทั่วไป
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 555
Pages: