หน้า 151 ก. 30 ธนั วาคม 2549 ข. 4 มกราคม 2550 ค. 6 มกราคม 2550 ง. 6 กมุ ภาพนั ธ 2550 83. บริษัทขยายสาขาไปตางจังหวัด โดยสาขาอยูระหวางกอสราง บริษัทไดรับใบกํากับภาษี บริษัทจะตองนําใบกํากับภาษี ไปใชเปน ภาษซี ือ้ ของ ก. สํานักงานใหญ ข. สาขา ค. เก็บรวบรวมไวใชเมื่อกอสรางสาขาเสร็จ ง. ไมม สี ทิ ธใิ ชภ าษซี อ้ื 84. บริษัทประกอบกิจการขายสินคาไมไดประกอบกิจการขนสงเปนปกติธุระ ไดขายสินคาไหกับลูกคา เปนเงิน 500,000.- บาท โดยสง สนิ คา ใหล กู คา และเรยี กเกบ็ คา ขนสง เพม่ิ จากคา สนิ คาอกี 5,000.- บาท ผจู า ยเงนิ คา ซอ้ื สนิ คา ตอ งหกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย ดงั น้ี ก. 50.- บาท ข. 150.- บาท ค. 5,050.- บาท ง. ไมม ีขอ ใดถกู 85. บริษัท ก จาํ กัด จายคาเบี้ยประกันชีวิตใหกรรมการผูจัดการ ตามมติที่ประชุมของบริษัทฯ เพื่อเปนสวัสดิการและตอบแทนคุณ ความดีที่บริหารธุรกิจจนประสบความสําเร็จดวยดีตลอดมา เบี้ยประกันชีวิตที่บริษัทฯ ที่ออกใหกรรมการผูจัดการตามมติที่ประชุมนี้ บริษัทฯ สามารถนํามาหักเปนคาใชจายของบริษัทไดหรือไม ก. ได หากเปน กรณที บ่ี รษิ ทั ฯ ตอ งจา ยใหก รรมการทกุ คนเปน การทว่ั ไปตามระเบยี บของบรษิ ทั ข. ได บริษัทฯ มีสิทธิท่จี ะกําหนดใหกรรมการคนใดก็ไดตามแตมติที่ประชุม ค. ไมได แมจะเปนระเบียบทั่วไปท่กี ําหนดใหบริษัทฯ ตองจายคาเบี้ยประกันชีวติ ใหกรรมการทุกคน ง. ไมได เพราะวาเบี้ยประกันชีวิตเปนคาใชจายสวนตัวของกรรมการ 86. บรษิ ทั เมตตา จาํ กดั บรจิ าคหนุ สามญั ทบ่ี รษิ ทั ซอ้ื ไวใ นราคาตามมลู คา ใหแ กม ูลนธิ ิการกศุ ลสาธารณะ บริษทั เมตตา จาํ กดั สามารถ นาํ คา หนุ สามญั มาคาํ นวณเปน รายจา ยเพอ่ื การกศุ ลไดห รอื ไม ขอ ใดถกู ทส่ี ดุ ก. บริษัทฯ ตองคํานวณมูลคาหุนตามราคาตลาด ณ วันโอนหนุ ไดทั้งจํานวน ข. บรษิ ทั ฯ ตอ งคาํ นวณมลู คา หนุ ตามราคาตามมลู คา ณ วนั โอนหนุ และถือเปน รายจา ยไดท ง้ั จาํ นวน ค. บรษิ ทั ฯ ตอ งคาํ นวณมลู คา หนุ ตามราคาตลาด ณ วนั โอนหนุ และถอื เปน รายจา ยไมเ กนิ รอ ยละ 2 ของกาํ ไรสทุ ธิ ง. บริษัทฯ ตองคํานวณมูลคาหุนตามราคาตามมูลคา ณ วันโอนหนุ และถือเปนรายจายไมเกนิ รอยละ 2 ของกําไรสุทธิ 87.บรษิ ทั ประกนั ชวี ติ จาํ กดั ไดบ นั ทกึ บญั ชคี า ใชจ า ยซง่ึ เปน วนั ครบกาํ หนดตามสญั ญาประกนั ชีวติ ใหนาย ก ซง่ึ คาใชจา ยดังกลาวไดถึง กําหนดจายในรอบระยะเวลาบัญชี บริษัทจึงต้ังบัญชีคางจายไว และคางจายอยูในบัญชีเปนเวลาหลายรอบระยะเวลาบัญชีแลว ทานใน ฐานะเจา หนา ทต่ี รวจสอบจะแนะนาํ บรษิ ทั เชนไร ก. ไมตองแนะนาํ เนื่องจากบริษทั ฯ ตองจายตามสัญญาประกันภัย ข. การท่บี ริษทั ฯ ยังไมไดจายคาใชจายคางจายเปนเวลาหลายรอบระยะเวลาบัญชี อาจแสดงไดวาบริษัทฯ ไดหลุดพน จากภาระผูกพันท่ตี อ งจา ย บริษัทฯ จะตองนํารายจายคางจายน้ันมาบวกกลับเปนรายไดในการคํานวณภาษี ณ ปท่ี ตรวจพบ ค. บริษัทฯ ตองยื่นแบบภาษีเงินไดเพื่อปรับปรุงรายจายตองหาม ณ ปที่บริษัทลงบัญชีเปนคาใชจาย ง. บริษัทฯ ควรบันทึกบัญชีถือเปนรายจาย ณ ปที่ นาย ก ครบกําหนด จะไดไมมีปญหาเรื่องคาใชจายคางจาย
หนา้ 152 88.บรษิ ทั ประกนั ชวี ติ จาํ กดั สามารถนาํ สาํ รองจากเบย้ี ประกนั ภยั เพอ่ื สมทบทุนประกนั ชีวติ จากการประกอบกจิ การ มาถือเปนรายจา ย ไดรอยละเทาใดของเบี้ยประกันภัยสุทธิ ขอใดถูกที่สุด ก. ไมเกินรอยละ 65 ของเบี้ยประกันสุทธิเพียงอัตราเดียวเทานั้น ข. ไมเกินรอยละ 40 ของเบี้ยประกันสุทธิเพียงอัตราเดียวเทานั้น ค. ไมเ กนิ รอ ยละ 40 และรอ ยละ 65 ของเบย้ี ประกนั สทุ ธิ แลว แตก รณี ง. รายจายประเภทสํารองไมสามารถถือเปนรายจายไดตามประมวลรัษฎากร 89. นายมาโนช ประกอบกิจการขายวัสดุกอสราง มีสถานประกอบกิจการชื่อ “ มาโนชการคา ” มีรายรับถึงเกณฑที่จะจดทะบีย นภาษมี ลู คา เพม่ิ ในป2546 จาํ นวน 2,705,167.42 บาท แตม ไิ ดจ ดทะเบยี นภาษมี ลู คาเพม่ิ ตอ มาเมอ่ื วนั ท่ี 25 มถิ นุ ายน 2547 ไดย น่ื แบบ ภ.พ.30 สําหรบั เดอื นมกราคม-กนั ยายน 2546 พรอ มชาํ ระภาษบี างสว น เจา พนกั งานจะทาํ การประเมนิ ภาษมี ูลคาเพิ่มใหถูกตองโดยใชอํานาจการประเมินตามมาตราใดแหงประมวลรัษฎากร ก. มาตรา 88(1) ข. มาตรา 88(6) ค. มาตรา 88/6(1)(ก)(ข)(ค) ง. ขอ ก.และขอ ข. 90. บรษิ ทั กขค จาํ กดั เปน ผปู ระกอบการสง ออกสนิ คากง่ึ สาํ เรจ็ รปู แชแ ขง็ บรษิ ทั ฯไดย น่ื คาํ ขอรบั เงนิ ชดเชยภาษี จากการสง ออก ในรูปบัตรภาษีตามพ.ร.บ. ชดเชยคาภาษีอากรสินคาสงออกที่ผลิตในราชอาณาจักรพ.ศ.2524 บริษัทจะตองรับรู มูลคาของบัตร ภาษีเปนรายไดเมื่อใด ก. เมอ่ื ไดร บั หนงั สอื แจง อนมุ ตั ใิ หไ ดร บั บตั รภาษจี ากกรมศลุ กากร ข. ไมมีขอ ใดถูก ค. เมื่อไดรับบัตรจากกรมศุลกากรหลังจากบริษัทไดมีการสงออก ง. เมอ่ื บรษิ ทั ไดป ด รอบระยะเวลาบญั ชี 91. บรษิ ทั ไดจ า ยคา ใชจ า ยในการอบรมสาํ หรบั พนกั งานใหแ กส ถาบันการศกึ ษาทจ่ี ดั อบรม บรษิ ทั จะไดร บั สทิ ธปิ ระโยชนย กเวน ภาษเี งิน ไดนิติบุคคลสําหรับเงินไดของบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลเปนจํานวนรอยละ50 ของรายจายที่ไดจายเปนคาใชจายในการสง ลูกจางของบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลเขารับการศึกษาหรือ ฝกอบรมไดตอเมื่อ ก. ตอ งจา ยคาใชจา ยดงั กลาวใหแกสถาบนั การศึกษาของทางราชการเทานน้ั ข. ตอ งจา ยคาใชจ ายดงั กลาวใหแ กส ถาบันการศกึ ษาของทางราชการหรือสถาบันการศกึ ษาของเอกชน ค. ถอื เปน ประโยชนเ พม่ิ ของพนกั งานลูกจา งของบริษทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล ง. ไมมีขอใดถูก จ. 92. บริษัท เรณู จํากัด เปนผูสงออกสินคาตามมาตรา77/1(4) แหงประมวลรัษฎากรไดรับสิทธิเสียภาษีมูลคาเพมิ่ ในอัตรารอยละ 0 กรณีบริษัทไมตองเสียอากรขาออกตามกฎหมายวาดวยกรมศุลกากร จะใชวันที่ใดของใบขนสินคาขาออกในการลงรายการในรายงาน ภาษีขาย ก. วนั ทป่ี ระทบั ตราใบขนสนิ คา ขาออก ข. วันทบี่ ันทึกการปลอย ค. วันที่บันทึกการรับบรรทุก ง. ไมมีขอใดถูก 93. 93.1 ทีมกํากับไดรับอนุมัติใหตรวจสภาพกิจการ และไดบันทึกตรวจสภาพกิจการบนระบบฯ ในวันที่ 2 มกราคม 2550 ทีมฯจะตองออก ตรวจสภาพกจิ การภายในวนั ใด 93.2 หากทมี กาํ กบั ออกตรวจสภาพกจิ ในการวนั ท่ี 15 มกราคม 2550 ทมี ฯตอ งดาํ เนนิ การตรวจใหแ ลว เสรจ็ ภายในเมอ่ื ใด ทั้งนเี้ พื่อใหเปนไปตามแนวทางปฏิบัติ กรมสรรพากร ที่ มก 3/2549
หนา้ 153 ก. - ตอ งออกตรวจสภาพกจิ การภายใน 3 เดอื น ถดั จากวนั ท่ี ทมี ยอ ย บนั ทกึ “ตรวจสภาพกจิ การบนระบบฯ” - ตองตรวจใหแลวเสร็จภายใน 3 เดือน นับแตวันที่ออกตรวจสภาพกิจการ ข. - ตอ งออกตรวจสภาพกจิ การ ภายในวนั ท่ี 3 เมษายน 2550 - ตอ งตรวจใหแ ลว เสรจ็ ภายใน 15 วนั ค. - ตอ งออกตรวจสภาพกจิ การ ภายในวนั ท่ี 1 เมษายน 2550 - ตอ งตรวจใหแ ลว เสรจ็ ภายในวนั ท่ี 14 เมษายน 2550 ง. - ตอ งออกตรวจสภาพกจิ การ ภายในวนั ท่ี 2 เมษายน 2550 - ตอ งตรวจใหแ ลว เสรจ็ ภายในวนั ท่ี 15 เมษายน 2550
หน้า 154 จติ อาสาปนโตภาษี กลมุ 2 ขอ สอบชดุ ท่ี 4 (หนา 15 – 29) 8 วิสยั ทัศนของกรมสรรพากร คือ ก. จัดเกบ็ ภาษอี ากรใหไดตามประมาณการ ใหบริการและสรางความสมัครใจในการเสียภาษี เสนอแนะการใชนโยบายทางภาษีอากร อยางทั่วถึงเปนธรรม สามารถใชเปนกลไกในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการแขงขันของประเทศตอกระทรวงการคลัง ข. สรางฐานภาษีที่ยั่งยืนและทันตอการเปลี่ยนแปลง สรางนวตั กรรมทางเทคโนโลยีเพื่อการบริหารและบริการเชิงรุก เปนองคกรเชิง วิทยากรภายใตหลักธรรมภิบาล ค. ระบบงานมาตรฐานสากล เพื่อบริการประชาชน และเก็บภาษีทั่วถึงเปนธรรม ง. มงุ มน่ั ซอ่ื สตั ย มงุ เนน จรยิ ธรรม มงุ หมายความรบั ผดิ ชอบ มงุ เสรมิ ความสามคั คี มงุ สรางผลงานอยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ เฉลย ไมมีขอใดถูก วิสัยทัศนของกรมสรรพากร คือ จดั เก็บภาษีทนั สมัย ใสใจบริการ ยึดม่นั ธรรมาภิบาล เพื่อพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมไทย [อางอิง : อินทราเน็ต > เก่ียวกับกรมสรรพากร > วิสัยทัศน พันธกิจ และคานิยม] 9 คําขวัญของกรมสรรพากร คือ ก. กรมสรรพากร เต็มใจ ใหประชาชน ข. กรมสรรพากร เต็มใจ ใหบ ริการ ค. กรมสรรพากร เตม็ ท่ี เตม็ ใจ ใหป ระชาชน ง. กรมสรรพากร เต็มที่ เต็มใจ ใหบริการ เฉลย ค 10 ตามที่ คณะรัฐมนตรีไดมีมติ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2555 เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อชวยเหลือและฟนฟูผไู ดรับผลกระทบ จาก อุทกภัย กรณีการหักลดหยอนคาซอมบานและคาซอมรถ เพื่อเปนการบรรเทาความเดือดรอนแกผูเสียภาษี โดยยกเวนเงินไดเทาที่ไดจาย เปนคาซอมแซมหรือคาวัสดุอุปกรณในการซอมแซมอสังหาริมทรัพยที่ไดรับความ เสียหายจากเหตุอุทกภัยที่เปนอาคาร หรือที่อยูในเขต อาคาร หรือหองชุดในอาคารชุด หรือทรัพยสินทมี่ ีการประกอบ ติดตั้งติดกับตัวอาคารหรือในเขตอาคารหรือหองชุดในอาคารชุด แตรวมกัน ทั้งหมดแลวไมเกินเทาใด และยกเวนเงินไดเทาที่ไดจายเปนคาซอมแซมหรือคาวัสดุอุปกรณในการซอมแซมรถที่ไดรับความเสียหายจาก น้ํา ทว ม แตร วมกนั ทง้ั หมดแลว ไมเ กนิ เทา ใด ก. คา ซอ มบา นไมเ กนิ 50,000 บาท และคา ซอ มรถ ไมเ กนิ 10,000 บาท ข. คา ซอ มบา นไมเ กนิ 100,000 บาท และคา ซอ มรถ ไมเ กนิ 30,000 บาท ค. คา ซอ มบา นไมเ กิน 50,000 บาท และคา ซอ มรถ ไมเ กิน 30,000 บาท ง. คา ซอ มบา นไมเ กนิ 100,000 บาท และคา ซอ มรถ ไมเ กนิ 60,000 บาท เฉลย ข. กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 288 (พ.ศ. 2555) แบบทดสอบ ภาษอี ากรชดุ ใหม ชดุ ท่ี 11 (เตรยี มสอบ 05/05/55) 1 กรมสรรพากรไดมกี ารขยายเวลาการย่ืนแบบแสดงรายการภาษผี านอินเทอรเนต็ ออกไปอกี กว่ี ัน นบั แตว ันพน กาํ หนดเวลาการย่ืนแบบฯ ก. 6 วัน ข. 8 วนั ค. 5 วัน ง. 7 วัน เฉลย ข. คาํ ชแ้ี จงกรมสรรพากร เรอ่ื ง การขยายกาํ หนดเวลาการยน่ื แบบแสดงรายการภาษผี านระบบเครอื ขา ยอนิ เทอรเ นต็ (ฉบับที่ 4) ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2559
หน้า 155 2 ปงบประมาณ 2560 กรมสรรพากร จัดเก็บภาษีประเภทใด ไดมากที่สุด ก. ภาษมี ลู คา เพม่ิ ข. ภาษีธุรกิจเฉพาะ ค. ภาษีเงินไดนิติบุคคล ง. ภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา เฉลย ก. อางอิง : อนิ ทราเนต็ > บรกิ ารขอ มูล > รายงาน > รายงานผลการจดั เกบ็ ภาษอี ากร > ผลการจดั เกบ็ ภาษอี ากรรายป (ปงบประมาณ 2550-2560) 3 กรมสรรพากรเพิ่มประสิทธิภาพใหบริการคืนภาษีมลู คาเพิ่มใหนักทองเที่ยว โดยลาสุดกรมสรรพากรไดนํานวัตกรรม Cloud Computing (Cloud-VRT) ซึ่งเปนการนําเทคโนโลยีสารสนเทศมาใชในการพัฒนางาน ยกระดับการใหบริการคืนภาษีมูลคาเพิ่มให นกั ทอ งเทย่ี วดว ยการใชอ ะไร แทนคาํ รองขอคนื ภาษฯี ทเ่ี ปน กระดาษ (แบบ ภ.พ.10) ก. Credit Card ข. A.T.M. Card ค. Smart Card ง. Cloud Card เฉลย ค. อางอิง : กลุมบริหารการคืนภาษีมูลคาเพิ่มใหแกนักทองเที่ยว 4 ประมาณการรายไดรัฐบาลสุทธิปงบประมาณ 2555 ตั้งไวจ ํานวนเทาใด ก. 1.79 ลา นลานบาท ข. 1.98 ลา นลา นบาท ค. 1.89 ลา นลา นบาท ง. 1.97 ลา นลา นบาท เฉลย ข. อา งองิ : สาํ นกั งานเศรษฐกจิ การคลงั 5 เพอ่ื สนบั สนนุ ใหป ระชาชนมีการออมเงนิ ในระยะยาว และความม่ันคงในการดาํ รงชพี ภายหลงั เกษยี ณอายจุ ากการทาํ งาน กรมสรรพากร จึงไดปรับเพิ่มคาลดหยอน(รวมยกเวน)เบี้ยประกันชีวิตจากเดิมที่สามารถหักลดหยอนไดจํานวน 1 แสนบาท โดยเพิ่มขึ้นอีกอัตรารอยละ 15 ของเงินไดพึงประเมิน แตไมเกิน 2 แสนบาท สําหรับการประกันชีวิตแบบบํานาญ และเมื่อรวมกับเงินสะสมเขากองทุนสํารองเลี้ยงชีพ กองทนุ บาํ เหน็จบาํ นาญขาราชการ กองทนุ สงเคราะหต ามกฎหมายวา ดว ยโรงเรยี นเอกชน คา ซอ้ื หนวยลงทนุ รวมเพ่ือการเลย้ี งชพี (RMF) แลว ตอ งไมเ กนิ เทา ใด ในปภ าษเี ดยี วกนั ก. 3 แสนบาท ข. 4 แสนบาท ค. 6 แสนบาท ง. 5 แสนบาท เฉลย ง. ตามขอ 2(61) วรรคสอง และวรรคสาม ของกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 186 (พ.ศ.2509) แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดย กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 279 (พ.ศ.2554) โดยใหเ ปน ไปตามหลกั เกณฑแ ละวธิ กี าร ตามประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษเี งนิ ได (ฉบบั ท่ี 194) แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดย ประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษเิ งนิ ได (ฉบบั ท่ี 236) มวี ธิ กี ารคํานวณเพอ่ื นาํ เบย้ี ประกนั ชวี ติ แบบบาํ นาญไปใช หกั ลดหยอ นภาษี 6 มาตรการของกรมสรรพากรที่สนับสนุนการใชพลังงานอยางประหยัด โดยการยกเวนภาษีเงินไดสําหรับคาใชจาย สําหรับเงินไดเทาที่จาย เปนคาใชจายเพื่อการไดมาซึ่งทรัพยสินประเภทวัสดุอุปกรณ หรือเครื่องจักรที่มผี ลตอการประหยัดพลังงาน แตไมรวมถึงยานพาหนะ เปน จาํ นวนไมเ กินรอ ยละเทา ใดของคา ใชจ ายนน้ั
หนา้ 156 ก. 15 ข. 20 ค. 25 ง. 10 เฉลย ค. ตามพระราชกฤษฎกี าฯ (ฉบบั ท่ี 436) พ.ศ.2548 มผี ลใชบ งั คบั ตง้ั แตว นั ท่ี 6 ตลุ าคม 2548 เปน ตน ไป 7 กรมสรรพากรไดยกเวนภาษีเงินไดจํานวนเทาใด โดยไมตองนํามาคํานวณเพื่อเสียภาษเี งินไดบุคคลธรรมดา สําหรับคนพิการที่มบี ัตร ประจําตัวคนพิการ ซึ่งเปนผูอยูในประเทศไทย และมีอายุไมเกิน 65 ปบริบูรณในปภาษี เพื่อชวยพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการทั่วประเทศ ซง่ึ มจี าํ นวนกวา 1.2 ลา นคน ก. 100,000 บาท ข. 150,000 บาท ค. 190,000 บาท ง. 180,000 บาท เฉลย ค. ตามกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 186 (พ.ศ.2509) ขอ 2(81) แกไ ขเพ่ิมเตมิ โดย กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 281 (พ.ศ.2554) ใชบ งั คบั วนั ท่ี 9 พฤษภาคม 2554 เปน ตน ไป 8 ปจจัยเสี่ยงใดตอไปนี้ ที่จะสงผลลบตอภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย ก. เหตุการณอทุ กภยั ในประเทศ ข. ปญหาเศรษฐกจิ ในสหรฐั อเมรกิ า ค. ปญหาหนสี้ าธารณะของประเทศในกลุมยูโรโซน ง. ถกู ทกุ ขอ เฉลย ง. 9 ศูนยบริการขอมูลขาวสาร RD Call Center ของกรมสรรพากร หมายเลขใด ก. 1611 ข. 1116 ค. 1616 ง. 1161 เฉลย ง. 10 ปงบประมาณ 2555 กรมสรรพากรไดรับมอบหมายใหจัดเก็บภาษี จํานวนเทาใด ก. 1.246 ลา นลา นบาท ข. 1.426 ลา นลา นบาท ค. 1.624 ลานลานบาท ง. 1.264 ลา นลา นบาท เฉลย ค. หากเปนปง บประมาณ 2562 กรมสรรพากรไดร บั มอบหมายใหจ ดั เกบ็ ภาษี จาํ นวน 2 ลา นลา นบาท แบบทดสอบ ภาษอี ากรชดุ ใหม ชดุ ท่ี 10 (เตรยี มสอบ 05/05/55) 1 ขอ ใดตอ ไปน้ี เปน ผมู สี ทิ ธอิ อกใบกํากบั ภาษอี ยางยอ ก. หา งสรรพสนิ คา ข. รา นขายของเบด็ เตลด็ ค. รานขายอาหารและเครื่องดื่ม
หน้า 157 ง. ถกู ทกุ ขอ เฉลย ง. ตามมาตรา 86/6 ประกอบกบั ประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษมี ลู คา เพม่ิ (ฉบบั ท่ี 32) ขอ 2 2 ขอ ใดถกู ตอ ง ก. ภาษเี งนิ ไดน ติ บิ คุ คลเปน ภาษที างออม ข. ภาษมี ลู คา เพม่ิ เปน ภาษที างออ ม ค. ภาษธี รุ กจิ เฉพาะเปน ภาษที างตรง ง. ผดิ ทกุ ขอ เฉลย ข. 3 หางสรรพสินคา กําหนดวา หากลูกคาซื้อสินคาครบ 10,000 บาท ในแตละวันจะไดรับกระเปาฟรี 1 คัน มูลคา 500 บาท ขอใด ถกู ตอ ง ก. หางฯ ตองนํามูลคากระเปา มารวมเพื่อคิดภาษีมูลคาเพิ่มดวย ข. หางฯ จะนําเอามูลคากระเปา มารวมเพื่อคิดภาษีมูลคาเพิ่มหรือไมก็ได ค. หา งฯ ไมต อ งนาํ มลู คา กระเปา มารวมเพอ่ื คดิ ภาษมี ลู คา เพม่ิ แตอ ยา งใด ง. ผดิ ทกุ ขอ เฉลย ค. ตามประกาศอธบิ ดฯี เก่ียวกบั ภาษมี ลู คา เพม่ิ (ฉบบั ท่ี 40) ขอ 2 (2) ขอ 2 คา ตอบแทนทไ่ี ดร บั หรอื พงึ ไดร บั จากการขายสนิ คา หรอื การใหบ รกิ ารดงั ตอ ไปน้ี ไมต อ งนาํ มารวมคาํ นวณ เปน มลู คา ของฐานภาษี (2) มลู คา ของสนิ คา ทแ่ี จกหรอื ใหเ ปน รางวลั กบั ผซู ้ือสนิ คา หรอื ผรู บั บรกิ ารทซ่ี อ้ื สนิ คา หรอื รบั บรกิ ารในแตล ะวนั โดยมมี ลู คา รวมกนั ตามทผ่ี ปู ระกอบการจดทะเบยี นกาํ หนดแตม ลู คา ของสนิ คา ทแ่ี จกหรอื ใหเ ปน รางวลั ตอ งมมี ลู คา ไมเ กนิ มลู คา ของ สินคา ท่ขี ายหรือมลู คา ของการใหบรกิ าร 4 ในระบบภาษีมูลคาเพิ่ม ใครคือผูรับภาระภาษีทแี่ ทจริง ก. ผบู รโิ ภคสนิ คา หรอื บรกิ ารขน้ั สดุ ทา ย ข. ผขู ายสนิ คา หรอื บรกิ าร ค. ผมู เี งินไดจ ากการขายสินคา และบรกิ าร ง. ผูมกี ําไรจากการประกอบการ เฉลย ก. 5 บริษัท โคราชยานยนต จํากัด ขายรถยนตใหนายแดง ทําสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2555 โดยสงมอบรถยนตใหเมื่อวันที่ 15 มนี าคม 2555 แตช าํ ระเงนิ ในวันท่ี 1 เมษายน 2555 ความรบั ผดิ ในการเสยี ภาษมี ลู คาเพม่ิ เกดิ ข้ึนเมอ่ื ใด ก. 1 มนี าคม 2555 ข. 15 มนี าคม 2555 ค. 1 เมษายน 2555 ง. ผดิ ทกุ ขอ เฉลย ข. ตามมาตรา 78 ภายใตบ งั คบั มาตรา 78/3 ความรบั ผิดในการเสยี ภาษมี ลู คา เพม่ิ ทเ่ี กดิ จากการขายสนิ คา ใหเ ปน ไป
หน้า 158 ตามหลกั เกณฑดงั ตอ ไปนี้ (1) การขายสนิ คา นอกจากทอ่ี ยใู นบงั คบั ตาม (2) (3) (4) หรอื (5) ใหค วามรบั ผดิ ทง้ั หมดเกดิ ขน้ึ เมอ่ื สง มอบสนิ คา เวนแตกรณที ไี่ ดมีการกระทาํ ดังตอไปนเ้ี กิดขน้ึ กอ นสง มอบสินคา ก็ใหถอื วาความรบั ผิดเกิดขน้ึ เมือ่ ไดม ีการกระทาํ นน้ั ๆ ดว ย (ก)โอนกรรมสทิ ธส์ิ นิ คา (ข) ไดร บั ชาํ ระราคาสนิ คา หรอื (ค) ไดอ อกใบกาํ กบั ภาษี ทง้ั น้ี โดยใหค วามรบั ผดิ เกดิ ขน้ึ ตามสว นของการกระทาํ นน้ั ๆ แลว แตก รณี 6 ปจจุบันผูประกอบการที่ขายสินคาหรือใหบริการมีรายรับเทาใด ที่มีหนาที่ตองจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม ก. เกิน 2 ลา นบาทตอป ข. เกิน 1.2 ลา นบาทตอป ค. เกนิ 1.8 ลา นบาทตอ ป ง. เกิน 1 ลา นบาทตอ ป เฉลย ค. ตามมาตรา 81/1 และมาตรา 85/1(1) แหง ประมวลรัษฎากร ประกอบกบั พระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ท่ี 432) พ.ศ. 2548 7 จากขอ 6 กาํ หนดเวลาการจดทะเบยี นภาษมี ูลคา เพม่ิ ก. ภายใน 30 วนั นบั แตว นั ทร่ี ายรบั เกนิ ข. ภายใน 15 วนั นบั แตว นั ทร่ี ายรบั เกนิ ค. ภายใน 10 วนั นบั แตว นั ทร่ี ายรบั เกนิ ง. ภายใน 7 วนั นบั แตว นั ทร่ี ายรบั เกนิ เฉลย ก. ตามมาตรา 85/1 (1) แหง ประมวลรษั ฎากร 8 ผูประกอบการที่มีหนาที่เสยี ภาษีธุรกิจเฉพาะ จะตองจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะภายในกําหนดเวลาใด ก. ภายใน 1 เดอื น นบั แตว นั เรม่ิ ประกอบกจิ การ ข. ภายใน 15 วนั นบั แตว นั เรม่ิ ประกอบกจิ การ ค. ภายใน 30 วนั นับแตว นั เรม่ิ ประกอบกจิ การ ง. ภายใน 7 วนั นบั แตว นั เรม่ิ ประกอบกจิ การ เฉลย ค. ตามมาตรา 91/12 แหงประมวลรัษฎากร 9 บริษัท ราชสมี าแลนด จํากัด ประกอบกิจการบานจัดสรร ในเดือนมีนาคม 2555 มีรายรับจากการโอนขายบานพรอมที่ดิน 2,000,000 บาท ซึ่งในเดือนดังกลาวไดจับรางวัลชิงโชค โดยไดโอนมอบที่ดิน 1 แปลง ราคาประเมิน 200,000 บาท ใหแกลูกคาผูโชค ดีรายหนึ่ง บริษัทฯ จะตองเสียภาษีธุรกจิ เฉพาะ (รวมภาษีทองถิ่นดวย) รวมทั้งสิ้นเปนเงินเทาใด ก. 60,000 บาท ข. 66,000 บาท ค. 50,000 บาท ง. 72,600 บาท
หน้า 159 10 แบบแสดงรายการที่ใชยื่นเพื่อชําระภาษีธุรกิจเฉพาะ คือแบบใด ก. ภ.พ.40 ข. ภ.ธ.30 ค. ภ.ธ.40 ง. ภ.พ.30 เฉลย ค. 11 ขอใดตอไปนี้ ไมใชอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ ก. รอยละ 0.1 ข. รอ ยละ 7 ค. รอยละ 3 ง. รอยละ 2.5 เฉลย ข. ตามมาตรา 91/6 อตั ราภาษีธุรกิจเฉพาะมดี ังตอ ไปนี้ (1) รอ ยละ 0.1 สําหรับรายรับตามมาตรา 91/5(7) (2) รอ ยละ 2.5 สาํ หรบั รายรบั ตามมาตรา 91/5(3) (ก) และมาตรา 91/5 (4) (3) รอ ยละ 3.0 สาํ หรบั รายรบั ตามมาตรา 91/5 นอกจากกรณตี าม (1) และ (2) 12 ขอใดถูกตอง ก. กจิ การรบั ประกนั ชวี ติ เสยี ภาษมี ลู คา เพม่ิ ข. กจิ การรับประกนั วินาศภยั เสยี ภาษีธรุ กจิ เฉพาะ ค. กจิ การรบั ประกนั ชวี ติ เสยี ภาษธี รุ กจิ เฉพาะ ง. กิจการรับประกันชีวิตและประกันวินาศภัย เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เฉลย ค. ตามมาตรา 91/2 (3) แหง ประมวลรษั ฎากร 13 สัญญาเชารถยนตบรรทุก 100,000 บาท จะตองเสียอากรแสตมปเทาใด ก. 1,000 บาท ข. 1,500 บาท ค. 2,000 บาท ง. ไมเ สยี อากรแสตมปแ ตอ ยา งใด เฉลย ง. เนอ่ื งจากสญั ญาเชา ทรพั ยส นิ มไิ ดถ กู กาํ หนดไวใ นบญั ชอี ตั ราอากรแสตมป ซง่ึ ตอ งเสยี อากรทง้ั 28 ลกั ษณะ แตอ ยา งใด 14 สญั ญาใหก ยู มื เงนิ 2,000,000 บาท จะตอ งเสยี อากรแสตมปเ ทา ใด
หน้า 160 ก. 1,000 บาท คาอากร ผทู ต่ี อ งเสยี อากร ผทู ต่ี อ งขดี ฆา แสตมป แสตมป ข. 1,500 บาท 1 บาท ผใู หก ู ผกู ู ค. 2,000 บาท ง. ไมเ สยี อากรแสตมปแ ตอ ยางใด เฉลย ก. ตามบญั ชอี ตั ราอากรแสตมป ขอ 5 ลักษณะแหงตราสาร 5. กูยืมเงิน หรือการตกลงใหเบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร ทุกจํานวนเงิน 2,000 บาท หรือเศษของเงิน 2,000 บาท แหง ยอดเงินที่กูยืมหรือตกลงใหเบิกเกินบัญชี คาอากรตามลกั ษณะแหงตราสารนี้ เมื่อคํานวณแลวถาเกิน 10,000 บาท ใหเสีย 10,000 บาท ยกเวนไมตองเสียอากร การกูยมื เงินซึ่งสมาชิกกูยืมจากสหกรณหรือสหกรณกูยืมจาก สหกรณ หรือจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณการเกษตร” 15 สัญญาซื้อขายคอมพิวเตอร 100,000 บาท จะตองเสียอากรแสตมปเทาใด ก. 100 บาท ข. 200 บาท ค. 300 บาท ง. ไมเ สียอากรแสตมปแ ตอ ยา งใด เฉลย ง. เนอ่ื งจากสญั ญาซอ้ื ขาย มไิ ดถ กู กาํ หนดไวใ นบญั ชอี ตั ราอากรแสตมป ซง่ึ ตอ งเสียอากรทง้ั 28 ลกั ษณะ แตอ ยา งใด 16 สญั ญาใหเ ชาโรงงาน 2,000,000 บาท จะตอ งเสยี อากรแสตมปเ ทาใด ก. 1,000 บาท ข. 1,500 บาท ค. 2,000 บาท ง. ไมเ สยี อากรแสตมปแ ตอ ยางใด เฉลย ค. ตามบญั ชอี ตั ราอากรแสตมป ขอ 1 ลักษณะแหงตราสาร คาอากร ผทู ต่ี อ งเสยี อากร ผทู ต่ี อ งขดี ฆา แสตมป แสตมป 1. เชา ทด่ี นิ โรงเรอื น สง่ิ ปลกู สรา งอยา งอน่ื หรอื แพ ผใู หเ ชา ผเู ชา ทุกจาํ นวนเงิน 1,000 บาท หรือเศษของเงิน 1,000 บาท แหง 1 บาท คาเชาหรือเงินกินเปลา หรือทั้งสองอยางรวมกันตลอดอายุการเชา หมายเหตุ (1) ถาสัญญาเชามไิ ดกาํ หนดอายุการเชา ใหถือวา มีกาํ หนด 3 ป (2) ถาสัญญาเชาฉบับใดครบกาํ หนดอายุการเชา หรือครบ กาํ หนด 3 ป ตาม (1) แลว ผเู ชา ยงั คงครองทรัพยส ินอยูแ ละใหผ ูเ ชา รู ความนน้ั แลว ไมท ักทวง ทง้ั มไิ ดท ําสญั ญาใหม ใหถ อื วา สญั ญาเชา เดมิ น้นั ไดเริ่มทํากันใหม โดยไมมีกําหนดอายุการเชา และตองเสียอากรภายใน สามสบิ วัน นบั แตวนั ที่ถือวาเร่ิมทาํ สัญญาใหมน ั้น ยกเวนไมตองเสียอากร เชาทรัพยส ินใชใ นการทํานา ไร สวน แบบทดสอบ ภาษอี ากรชดุ ใหม ชดุ ท่ี 9 (เตรยี มสอบ 05/05/55) 1 ภาษซี อ้ื ในขอ ใดทเ่ี ปน ภาษซี ้ือตอ งหา มไมใ หน าํ ไปหกั ออกจากภาษขี าย ก. ภาษซี อ้ื ตามใบกาํ กบั ภาษอี ยา งยอ ข. ภาษซี ้ืออันเกดิ จากคา รับรอง ค. ภาษซี อ้ื ทร่ี ายการของใบกาํ กบั ภาษมี กี ารแกไ ขเปลย่ี นแปลง ง. ถกู ทกุ ขอ เฉลย ง. เนอ่ื งจาก ขอ ก. ตาม มาตรา 82/5(6) ประกอบกบั ประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษมี ลู คา เพม่ิ (ฉบบั ท่ี 42) ขอ ข. ตามมาตรา 82/5(4) ประกอบกบั ประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษมี ลู คา เพม่ิ (ฉบบั ท่ี 17)
หน้า 161 ขอ ค. ตามมาตรา 82/5(6) ประกอบกบั ประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษมี ลู คา เพม่ิ (ฉบบั ท่ี 42) 2 รายการใดตอไปนี้ ไมใชรายการตามที่ประมวลรัษฎากรกําหนด สําหรับใบกํากับภาษีแบบเต็มรูป ก. \"วนั เดอื น ป\" ท่ีออกใบกํากบั ภาษี ข. ชอ่ื ทอ่ี ยขู องผซู อ้ื สนิ คา ค. คาํ วา \"ใบกาํ กบั ภาษ\"ี ง. ลงลายมือชื่อผูออกใบกํากับภาษี เฉลย ง. ตามมาตรา 86/4 86/5 และตามคาํ สัง่ กรมสรรพากรท่ี ป.86/2542 3 บริษัท ราชสีมา จํากัด เปนผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม ซึ่งประกอบกิจการรับเหมากอสราง ตองจัดทํารายงานเกี่ยวกับ ภาษีมูลคาเพิ่มตามประมวลรัษฎากร อยางใดบาง ก. รายงานภาษขี าย ข. รายงานภาษขี าย , รายงานภาษซี ้ือ , รายงานสนิ คาและวตั ถดุ บิ ค. ไมตองจัดทํารายงานใดๆ ง. รายงานภาษีขาย , รายงานภาษีซื้อ เฉลย ง. ตามประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษมี ลู คา เพ่ิม (ฉบบั ท่ี 89) 4 การขายสินคาหรือการใหบริการ ดังตอไปนี้ท่ไี มไดรับยกเวนภาษีมูลคาเพิ่ม ก. การใหบรกิ ารของสถานศึกษา ข. การขายขา วสาร ค. การใหเ ชา อาคารสํานกั งาน ง. การขายไมซ ุง เฉลย ง. ตามมาตรา 81(1)(ก) และคําสง่ั กรมสรรพากรท่ี ป.28/2535 ลว.29 ก.ค..2535 ขอ 1(5) 5 ขอใดตอไปนี้ ไมใชหนาที่ของผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม ก. จดั ทาํ ใบกาํ กบั ภาษเี มอ่ื ขายสนิ คา หรือใหบ รกิ าร ข. ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลคาเพิ่ม ค. จดั ทํารายงานตางๆ ตามทก่ี ฎหมายกาํ หนด ง. จดั ทาํ ใบทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ เฉลย ง. หนา ทข่ี องผปู ระกอบการจดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ :- 1. เรยี กเกบ็ ภาษมี ลู คา เพม่ิ จากผซู อ้ื สนิ คา หรอื ผรู บั บรกิ าร 2. ออกใบกํากับภาษี 3. จัดทาํ รายงานตามท่กี ฎหมายกาํ หนด 4. ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลคาเพิ่ม 6 บริษัท นครราชสีมา จํากัด จดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม ประกอบกิจการผลิตเฟอรนิเจอร ในเดือนภาษี มีนาคม 2555 ไดซื้อไมแปรรูป เปน เงนิ 200,000 บาท และซอ้ื วสั ดุอน่ื ๆ 100,000 บาท นอกจากนย้ี งั ไดซ ้ือรถยนตนง่ั ราคา 500,000 บาท จากผปู ระกอบการจด ทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม และในเดือนภาษีดังกลาวบริษัทฯ ขายเฟอรนิเจอรไปรวมทงั้ สิ้น 400,000 บาท (ราคาซื้อและราคาขายเปนราคา ทย่ี งั ไมร วมภาษมี ูลคา เพม่ิ ) ดงั น้ี ในเดอื นภาษี มนี าคม 2555 บรษิ ทั ฯ มภี าษขี ายเทา ไร ก. 30,000 บาท ข. 20,000 บาท ค. 28,000 บาท
หนา้ 162 ง. 40,000 บาท เฉลย ค. (รายรบั จากการขายเฟอรน เิ จอร 400,000 x 7% = 28,000 บาท) 7 จากขอ 6 บรษิ ทั ฯ มภี าษซี อ้ื ทม่ี ีสทิ ธินาํ มาหกั ออกจากภาษขี ายเทา ไร ก. 21,000 บาท ข. 56,000 บาท ค. 7,000 บาท ง. 14,000 บาท [รถยนตนง่ั เปนภาษซี อื้ ตองหา มตามมาตรา 82/5 (6)] 8 จากขอ 6 บริษัทฯ จะตองเสียภาษีมูลคาเพิ่มหรือไมเพียงใด ก. เสยี 7,000 บาท ข. เสยี 14,000 บาท ค. ไดค นื ภาษี 28,000 บาท ง. ผดิ ทกุ ขอ 9 จากขอ 6 บริษัทฯ จะตองยื่นแบบแสดงรายการใด ก. แบบ ภ.พ.20 ข. แบบ ภ.พ.30 ค. แบบ ภ.พ.40 ง. แบบ ภ.พ.50 เฉลย ข. ตามมาตรา 83 วรรคแรก และประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษมี ลู คา เพม่ิ (ฉบบั ท่ี 65) ขอ 2 ตอ งเปน แบบท่ี กรมสรรพากรจดั พมิ พข ้ึน หรอื จะ download จาก www.rd.go.th (ประกาศกรมสรรพากร ลงวนั ท่ี 13 ส.ค. 2545) 10 จากขอ 6 บริษัทฯ จะตองยื่นแบบแสดงรายการเมื่อใด ก. ภายใน 7 วนั นบั แตว ันส้ินเดือนของเดอื นภาษี ข. ภายในวนั ท่ี 15 ของเดอื นถดั ไป
หน้า 163 ค. ภายในวนั ท่ี 7 ของเดอื นถดั ไป ง. ภายในวนั ท่ี 30 ของเดอื นถดั ไป เฉลย ข. ตามมาตรา 83 วรรคสอง แบบทดสอบ ภาษอี ากรชดุ ใหม ชดุ ท่ี 8 (เตรยี มสอบ 05/05/55) 1 การเสียภาษีเงินไดนิติบุคลจากฐานกําไรสุทธิ กรณีใดไดรับยกเวนไมตองยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินไดนิติบุคคลครึ่งรอบระยะเวลา บญั ชี ก. มีรอบระยะเวลาบัญชีแรกนอยกวา 12 เดือน ข. มีรอบระยะเวลาบัญชีสุดทายนอยกวา 12 เดือน ค. ไดรับอนุมัติใหเปลี่ยนรอบระยะเวลาบัญชี ทําใหรอบระยะเวลาบัญชีนอยกวา 12 เดือน ง. ถกู ทง้ั ก. และ ข. เฉลย ง. ตามมาตรา 67 ทวิ วรรคทา ย “ความในวรรคหนง่ึ มใิ หใ ชบ งั คบั แกบ รษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลซง่ึ มรี อบระยะเวลา บญั ชแี รก หรอื รอบระยะเวลาบญั ชสี ดุ ทา ยนอ ยกวาสบิ สองเดอื น” 2 สาขาของบริษัทตางประเทศ มีกําไรสุทธิ และมีการสงกําไรออกไปตางประเทศดวย มีหนาที่ตองเสียภาษีตามขอใด ก. ฐานการจําหนายกําไรออกนอกประเทศ ข. ฐานกาํ ไรสทุ ธแิ ละฐานการจาํ หนา ยกาํ ไรออกนอกประเทศ ค. ฐานกําไรสุทธิ ง. ฐานรายไดก อ นหกั รายจา ย เฉลย ข. ตามมาตรา 66 และมาตรา 70 ทวิ 3 การคํานวณราคาสินคาคงเหลือในวนั สุดทายของรอบระยะเวลาบัญชี ประมวลรัษฎากรกําหนดใหคํานวณตามวิธใี ด ก. ราคาทนุ หรือราคาตลาดแลวแตอยางใดจะมากกวา ข. ราคาทนุ ค. ราคาทนุ หรอื ราคาตลาดแลว แตอ ยา งใดจะนอ ยกวา ง. ราคาตลาด เฉลย ค. ตามมาตรา 65 ทวิ (6) ราคาสนิ คา คงเหลอื ในวนั สดุ ทา ยของรอบระยะเวลาบญั ชี ใหค าํ นวณตามราคาทุนหรอื ราคาตลาด แลวแตอยางใดจะนอยกวา และใหถ อื ราคานเ้ี ปน ราคาสนิ คา คงเหลอื ยกมาสาํ หรบั รอบระยะเวลาบญั ชใี หมด ว ย การคาํ นวณราคาทนุ ตามวรรคกอน เมอ่ื ไดค าํ นวณตามหลกั เกณฑใ ด ตามวชิ าการบญั ชี ใหใ ช หลกั เกณฑน นั้ ตลอดไป เวน แตจ ะไดรับอนุมตั ิจากอธบิ ดีจงึ จะเปลีย่ นหลักเกณฑได 4 บริษัท เอ บี ซี จํากัด เปนสาขาของบริษัทตางประเทศที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศบราซิล และประกอบกิจการในประเทศไทย บรษิ ทั ฯ ตอ งการจาํ หนายเงนิ กาํ ไรไปใหแ กส าํ นกั งานใหญ 1,000,000 บาท จะตองเสยี ภาษเี ทาไร ก. 100,000 บาท ข. 150,000 บาท ค. 200,000 บาท ง. 50,000 บาท
หนา้ 164 เฉลย ก. ตามมาตรา 70 ทวิ บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลใดจาํ หนา ยเงนิ กาํ ไร หรอื เงนิ ประเภทอน่ื ใดทก่ี นั ไวจ ากกาํ ไรหรอื ทถ่ี อื ได วา เปน เงนิ กาํ ไรออกไปจากประเทศไทย ใหเ สยี ภาษเี งนิ โดยหกั ภาษจี ากจาํ นวนเงนิ ทจ่ี าํ หนา ยนน้ั ตามอตั ราภาษเี งนิ ไดส าํ หรบั บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล (บญั ชอี ตั ราภาษเี งนิ ได : (2) (ง) ภาษตี ามมาตรา 70 ทวิ รอ ยละ 10) 5 จากขอ 4 ยื่นแบบแสดงรายการอะไร ก. ภ.ง.ด.52 ข. ภ.ง.ด.55 ค. ภ.ง.ด.53 ง. ภ.ง.ด.54 เฉลย ง. 7. ภาษีเงินไดนิติบุคคลสําหรับการจําหนายกําไรไปนอกประเทศ 7.1 ผูมีหนา ทเ่ี สยี ภาษฐี านนี้ ไดแก บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลซึ่งจําหนายเงินกาํ ไรหรือเงิน ประเภทอื่นใดที่กันไวจากกําไรหรือที่ถือไดวา เปนเงินกําไรออกไปจาก ประเทศไทยใหเสียภาษีเงินไดโดยหักภาษีจากจาํ นวนเงินที่จําหนา ย การจาํ หนา ยเงินกําไรนั้นใหห มายความรวมถึง (1) การจําหนายเงินกาํ ไร หรือเงินประเภทอื่นใดที่กันไวจากกําไรหรือที่ถือไดว าเปนเงินกําไร จากบญั ชีกําไรขาดทุนหรือบัญชีอื่นใดไปชําระหนี้ หรอื หักกลบลบหน้ี หรือไปตงั้ เปนยอดเจาหนี้ในบัญชี ของบุคคลใด ๆ ในตางประเทศ หรือ (2) ในกรณีที่มิไดปรากฎขอเท็จจรงิ ดังกลา วใน (1) แตไดมกี ารขออนุญาตซอื้ และโอนเงินตรา ตา งประเทศ ซึ่งเปนกําไรหรือเงินประเภทอื่นใดทกี่ ันไวจากกําไร หรือที่ ถือไดวา เปนเงินกําไรออกไป ตางประเทศ หรือ (3) การปฏิบัติอยา งอื่นอันกอ ใหเกิดผลตาม (1) หรือ (2) 7.2 อัตราภาษีและการคาํ นวณภาษี วิธีการเสียภาษีการจาํ หนายเงินกาํ ไรไปตางประเทศนี้ ใหเสียภาษีโดยหักจากจํานวนเงินที่จําหนา ยในอัตรารอ ยละ 10 7.3 การยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษี บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่จาํ หนายเงินกําไรไปตา งประเทศ จะตองยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษี ภายในเจ็ดวัน นบั แตว ันสน้ิ เดอื นของเดอื นทีจ่ ําหนา ยเงินกําไร แบบแสดงรายการท่ีใชยืน่ ไดแ ก ภ.ง.ด. 54 (ยนื่ ทกุ คร้งั ทม่ี กี ารจาํ หนา ยเงนิ กาํ ไรออกไปจากประเทศไทย ถาเก็บกําไรไวใ น ประเทศไทยไมตองเสียภาษีฐานนี้) 6 จากขอ 4 กําหนดเวลายื่นแบบฯ เมื่อใด ก. ภายใน 7 วนั นบั แตว นั จาํ หนา ยเงนิ กาํ ไร ข. ภายใน 15 วนั นบั แตว นั สน้ิ เดอื นของเดอื นทจ่ี ายเงนิ ค. ภายใน 15 วนั นบั แตว นั จายเงนิ ง. ภายใน 7 วนั นับแตว นั สน้ิ เดอื นของเดอื นทจ่ี าํ หนา ยเงนิ กาํ ไร เฉลย ง. ตามประกาศกระทรวงการคลงั เรอ่ื ง ขยายกาํ หนดเวลาการนําสง ภาษเี งนิ ไดห กั ณ ทจ่ี า ย การนาํ สงภาษเี งนิ ไดก ารนําสง ภาษมี ลู คา เพ่ิม และการยน่ื รายการ ลงวนั ท่ี 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 ขอ 3 ใหข ยายกําหนดเวลาการนําสง ภาษเี งนิ ไดแ ละการยน่ื รายการตามมาตรา 70 ทวิ แหง ประมวลรษั ฎากร โดยใหน าํ สง และยื่นรายการภายในเจ็ดวัน นับแตวันสิ้นเดือนของเดือนที่จําหนา ยเงินกําไร 7 กจิ การใดมหี นาทเ่ี สยี ภาษมี ลู คาเพม่ิ ก. กจิ การโรงรบั จาํ นาํ ตามกฎหมายวาดว ยโรงรบั จาํ นาํ ข. กจิ การขายยารกั ษาคน ค. กจิ การขายอาหารสตั ว ง. กิจการขายตําราเรียน เฉลย ข เนอ่ื งจาก ก. เสยี SBT ตามมาตรา 91/2(4) ค. ไดร บั ยกเวน VAT ตามมาตรา 81(ง) ง. ไดร บั ยกเวน VAT ตามมาตรา 81(ฉ) 8 กิจการใดไดรับยกเวนภาษมี ูลคาเพิ่ม ก. กจิ การขายหนงั สือพมิ พ ข. กจิ การขายปลาปน อาหารสตั ว
หนา้ 165 ค. กจิ การใหเ ชา บา นพกั ง. ถกู ทกุ ขอ เฉลย ง. เนอ่ื งจาก ก. ไดร บั ยกเวน VAT ตามมาตรา 81(ฉ) ข. ไดร บั ยกเวน VAT ตามมาตรา 81(ฉ) ค. ไดร บั ยกเวน VAT ตามมาตรา 81(ต) 9 ผูประกอบการที่ตองจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม ซึ่งมีสถานประกอบการหลายแหงจะตองยื่นคําขอจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม ณ ที่ใด ก. สาํ นกั งานสรรพากรพน้ื ทท่ี องทท่ี ส่ี าํ นักงานตง้ั อยู ข. สํานกั งานสรรพากรพน้ื ทส่ี าขาทอ งทท่ี ส่ี าํ นกั งานใหญต ง้ั อยเู พยี งแหง เดยี ว ค. สาํ นกั งานสรรพากรทใ่ี ดกไ็ ด ง. สาํ นกั งานสรรพากรพ้ืนทส่ี าขาทองทท่ี ส่ี าํ นักงานแหง ใดแหง หนง่ึ ตง้ั อยู เฉลย ข. ตามมาตรา 85 ซ่ึงเขยี นไวว า ตามสาํ นกั งานใหญต ง้ั อยู ไมม คี าํ วา “เพียงแหง เดยี ว” (ถา ผปู ระกอบการมีสถานประกอบการหลายแหง ใหย น่ื คาํ ขอจดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ ณ ทวี่ าการอําเภอทอ งทท่ี ี่สถานประกอบการ ที่เปนสาํ นกั งานใหญต้ังอยู) 10 ภาษีมูลคาเพิ่มที่กรมสรรพากรจัดเก็บอยูในปจจุบัน จัดเก็บในอัตรารอยละเทาไร ก. รอ ยละ 7 ข. รอยละ 10 ค. รอยละ 2.5 ง. รอยละ 3 เฉลย ก. ตามพระราชกฤษฎกี า ฉบบั ท่ี 646 ลดอตั ราตง้ั แตว นั ท่ี 1 ต.ค.2560 ถงึ 30 ก.ย.2561 และมมี ตทิ ป่ี ระชมุ คณะรฐั มนตรี เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2561 ใหคงจัดเก็บรอยละ 7 ตั้งแตวันที่ 1 ต.ค.2561 ถึง 30 ก.ย. 2562 แบบทดสอบ ภาษอี ากรชดุ ใหม ชดุ ท่ี 7 (เตรยี มสอบ 05/05/55) 1 ขอใดตอไปนี้ ถือเปนคาใชจายในการคํานวณกําไรสุทธิเพื่อเสียภาษเี งินไดนิติบุคคลได ก. คา ปรบั อาญาภาษธี รุ กิจเฉพาะ ข. เบี้ยปรับภาษีมลู คา เพม่ิ ค. ภาษธี รุ กิจเฉพาะ ง. ภาษมี ลู คา เพม่ิ เฉลย ค. 2 สมาคมชาวไรออย มีรายไดในรอบระยะเวลาบัญชี 2554 จากคาลงทะเบียนสมาชิก 150,000 บาท , ดอกเบี้ยออมทรัพย 20,000 บาท และขายหนังสือคูมือการปลูกออย 10,000 บาท รวมรายได 180,000 บาท โดยในรอบระยะเวลาบัญชีดังกลาว มีรายจายคา พนกั งานประจํา 60,000 บาท คา เชา สาํ นักงานสมาคม 80,000 บาท และคา หนงั สือทซ่ี ้ือมาเพอ่ื ขาย 40,000 บาท รวมรายจาย 180,000 บาท ดังนี้ สมาคมดังกลาวตองเสียภาษีเงินไดนิติบุคคลหรือไม เพียงใด ก. ไมเสีย เพราะไมม กี ําไรสทุ ธิ ข. เสยี 2,200 บาท ค. เสยี 3,000 บาท
หนา้ 166 ง. เสยี 3,600 บาท เฉลย ข. [ดอกเบีย้ ออมทรพั ย (20,000 x 10%) + คา จาํ หนา ยหนงั สอื (20,000 x 2%) = 2,200 ตามมาตรา 65 ทวิ (13) มลู นธิ หิ รอื สมาคมทป่ี ระกอบกจิ การซง่ึ มรี ายได ไมต อ งนาํ เงนิ คา ลงทะเบยี น หรอื คา บาํ รงุ ทไ่ี ดร บั จาก สมาชกิ หรอื เงนิ หรอื ทรพั ยส นิ ทไ่ี ดร บั จากการรบั บรจิ าค หรือจากการใหโ ดยเสนห า แลว แตก รณี มารวมคาํ นวณเปนรายได คาํ นวณตามอตั รา ภาษีเงินไดดังนี้ \"(จ) ภาษจี ากรายไดก อ นหกั รายจา ยใด ๆ ของมลู นธิ หิ รอื สมาคมทป่ี ระกอบกจิ การซ่ึงมรี ายไดอ นั มใิ ชร ายไดต าม มาตรา 65 ทวิ (13) รอยละ 10\" (พระราชบญั ญตั แิ กไ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี 16) พ.ศ.2534 ใชบ งั คบั สาํ หรบั รอบระยะเวลาบญั ชเี รม่ิ ในหรอื หลงั วนั ท่ี 1 ม.ค.2535 เปน ตน ไป) (ดพู ระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ท่ี 250) พ.ศ.2535) ประกอบกบั พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรษั ฎากรวา ดวยการลดอตั รารษั ฎากร (ฉบบั ที่ 250) พ.ศ. 2535 มาตรา 4 ใหล ดอตั ราภาษเี งนิ ไดต าม (จ) ของ(2) สาํ หรบั บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล แหง บญั ชอี ตั ราภาษีเงนิ ได ทายหมวด 3 ในลกั ษณะ 2 แหงประมวลรษั ฎากร และคงจัดเกบ็ ในอตั รารอ ยละ 2 ของรายไดก อนหกั รายจายใด ๆ ของมูลนิธิหรอื สมาคมที่ ประกอบกจิ การซง่ึ มรี ายได อนั มใิ ชร ายไดต ามมาตรา 65 ทวิ (13) แหง ประมวลรษั ฎากร ทง้ั น้ี เฉพาะรายไดส ว นทเ่ี ปน เงินไดพ งึ ประเมนิ ตาม มาตรา 40 (8)แหง ประมวลรษั ฎากร 3 จากขอ 2 ยื่นแบบแสดงรายการอะไร ก. ภ.ง.ด.52 ข. ภ.ง.ด.54 ค. ภ.ง.ด.55 ง. ภ.ง.ด.53 เฉลย ค. ตามประกาศอธบิ ดกี รมสรรพากรเก่ียวกบั ภาษเี งนิ ได (ฉบบั ท่ี 16) เรอ่ื ง กําหนดแบบแสดงรายการเกย่ี วกบั ภาษเี งนิ ไดข อง บรษิ ทั หรือหา งหุนสว นนติ ิบคุ คล ขอ 2 ใหก าํ หนดแบบดงั ตอ ไปน้ีเปน แบบแสดงรายการเก่ียวกบั ภาษเี งนิ ไดข องบรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล “(6) แบบ ภ.ง.ด.55 ใชส าํ หรบั มลู นธิ หิ รอื สมาคมทป่ี ระกอบกจิ การซง่ึ รายไดต าม (3) ของคาํ นยิ าม “บรษิ ทั หรอื หา ง หนุ สว นนติ บิ คุ คล” ตามมาตรา 39 แหง ประมวลรษั ฎากร” (แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดยประกาศอธบิ ดกี รมสรรพากร (ฉบบั ท่ี 21) ใชบ งั คบั สาํ หรบั รอบระยะเวลาบญั ชเี รม่ิ ในหรอื หลงั 1 มกราคม 2526 เปน ตน ไป) 4 จากขอ 2 กําหนดเวลายื่นแบบฯ เมื่อใด ก. ภายใน 180 วนั นบั แตวนั สดุ ทา ยของรอบระยะเวลาบญั ชี ข. ภายใน 2 เดือนนับแตวันสุดทายของรอบระยะเวลาบัญชี ค. ภายใน 150 วนั นบั แตว นั สดุ ทา ยของรอบระยะเวลาบญั ชี ง. ภายใน 5 เดือนนับแตวันสุดทายของรอบระยะเวลาบัญชี เฉลย ค. ตามมาตรา 68 ภายในหนง่ึ รอ ยหา สบิ วนั นบั แตว นั สดุ ทา ยของรอบระยะเวลาบญั ชี ใหบ รษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล ยน่ื รายการ ซ่ึงจาํ เปน ตอ งใชใ นการคาํ นวณภาษใี นรอบระยะเวลาบญั ชตี ามแบบทอ่ี ธบิ ดกี าํ หนด พรอ มกบั ชาํ ระภาษตี อ อาํ เภอ 5 บริษัท บิลลี่ จาํ กัด ตั้งขึ้นตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกา และมิไดประกอบกิจการในประเทศไทย ไดรับเงินปนผล 100,000 บาท และ ยังไดรับดอกเบี้ยเงินกูอีก 100,000 บาท จากบริษัท พิมาย จํากัด ดังนี้ บริษัท บิลลี่ จํากัด ตองเสียภาษีเงินไดนิติบุคคลหรือไม เพียงใด ก. เสยี 20,000 บาท ข. เสยี 15,000 บาท ค. เสยี 30,000 บาท ง. เสยี 25,000 บาท
หน้า 167 เฉลย ง มาตรา 70 บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล ทต่ี ง้ั ขน้ึ ตามกฎหมายของตางประเทศ มไิ ดป ระกอบกจิ การในประเทศไทย แต ไดร บั เงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 (2)(3) (4) (5) หรอื (6) ทจ่ี า ยจากหรอื ในประเทศไทย ใหบ รษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนิตบิ คุ คล นน้ั เสยี ภาษี โดยใหผ จู า ยหกั ภาษจี ากเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ทจ่ี า ยตามอตั ราภาษเี งนิ ได สาํ หรบั บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลแลว นาํ สง อําเภอทองที่พรอมกับยื่นรายการตามแบบที่อธิบดกี ําหนดภายในเจ็ดวันนับแตวันสิ้นเดือนของเดือนที่จายเงินไดพึงประเมินนั้น ทั้งนี้ ใหน ํามาตรา 54 มาใชบ งั คับโดยอนุโลม มาตรา 70 ทวิ บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลใดจาํ หนา ยเงนิ กาํ ไร หรอื เงนิ ประเภทอน่ื ใดทก่ี นั ไวจ ากกาํ ไรหรอื ทถ่ี อื ไดว า เปน เงนิ กําไรออกไปจากประเทศไทย ใหเ สยี ภาษเี งนิ ไดโ ดยหกั ภาษจี ากจาํ นวนเงนิ ทจ่ี าํ หนา ยนน้ั ตามอตั ราภาษเี งนิ ไดส าํ หรบั บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล แลว นาํ สง อาํ เภอทอ งท่ี พรอ มกบั ยน่ื รายการตามแบบทอ่ี ธบิ ดกี าํ หนดภายในเจด็ วนั นบั แตว นั จาํ หนา ย \"(ข) ภาษตี ามมาตรา 70 นอกจากทีร่ ะบุใน (ค) รอ ยละ 15 (ดพู ระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ท่ี 377) พ.ศ.2544 ) (ค) ภาษตี ามมาตรา 70 เฉพาะกรณีการจายเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(4)(ข) รอ ยละ 10 (ง) ภาษตี ามมาตรา 70 ทวิ รอยละ 10\" (พระราชกําหนดแกไ ขเพม่ิ เตมิ ประมวลรษั ฎากร (ฉบบั ท่ี 16) พ.ศ.2534 ใชบ งั คบั 1 เม.ย. 2535 เปน ตน ไป) (ดพู ระราชกฤษฏกี า (ฉบบั ท่ี 270) พ.ศ.2537) 6 จากขอ 5 ยื่นแบบแสดงรายการอะไร ก. ภ.ง.ด.55 ข. ไมต อ งยน่ื แบบฯ แตอ ยา งใด ค. ภ.ง.ด.52 ง. ภ.ง.ด.54 เฉลย ง. อา งองิ : อนิ เทอรเ นต็ > ความรเู รอ่ื งภาษี > ภาษเิ งนิ ไดน ติ บิ คุ คล > ภาษเี งนิ ไดน ติ บิ คุ คลสาํ หรบั เงนิ ไดท จ่ี า ยจาก หรอื ในประเทศไทย 7 จากขอ 5 กําหนดเวลายื่นแบบฯ เมื่อใด ก. ภายใน 15 วนั นบั แตว นั สน้ิ เดอื นของเดือนทจ่ี า ยเงิน ข. ภายใน 7 วนั นับแตว นั สน้ิ เดอื นของเดอื นทจ่ี า ยเงนิ ค. ภายใน 7 วนั นบั แตว นั จายเงนิ ง. ภายใน 15 วนั นบั แตว นั จา ยเงนิ เฉลย ข. อางองิ : อนิ เทอรเ นต็ > ความรเู รอ่ื งภาษี > ภาษเิ งนิ ไดน ติ บิ คุ คล > ภาษเี งนิ ไดน ติ บิ คุ คลสาํ หรบั เงนิ ไดท จ่ี า ยจาก หรอื ในประเทศไทย 8 บริษัท บานโคราชนาอยู จํากัด (มหาชน) จดทะเบียนเปนบริษัทในตลาดหลักทรัพย ปรากฏวาในรอบระยะเวลานี้ ในงบกําไรขาดทุน บริษัทฯ มีกําไรสุทธิ 2,800,000 บาท และผูสอบบัญชีตรวจพบวา รายไดจากการขายบานพรอมที่ดินราคาประเมินที่ใชเปนทุนทรัพยใน การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ราคารวมทั้งหมด 3,000,000 บาท แตสมุหบัญชีบันทึกบัญชตี ามราคาขายจริงคือ 2,000,000 บาท นอกจากนบ้ี ริษทั ฯ ไดร บั เงนิ ปน ผลจาก ธนาคาร ไทย จาํ กดั ซง่ึ เปน บรษิ ทั มหาชน เปน เงนิ 400,000 บาท และไดร บั สว นแบง กาํ ไรจาก หางหุนสวนจํากัดโคราชา 100,000 บาท ดังนี้ในการคํานวณภาษเี งินไดนิติบุคคล ขอใดถูกตอง ก. รายไดจ ากการขายทด่ี นิ ตอ งปรบั ปรงุ โดยบวกกลบั 1 ลา นบาท ข. รายไดจากการขายที่ดินตองปรับปรุงโดยหักออก 1 ลานบาท
หน้า 168 ค. ไมตองปรับปรุงกําไรสุทธิ ง. ผดิ ทกุ ขอ เฉลย ก. ตามคําสั่งกรมสรรพากรที่ ป.119/2545 9 จากขอ 8 บรษิ ทั ฯ ไดร บั เงนิ ปน ผลจาก ธนาคาร ไทย จาํ กดั (มหาชน) ซง่ึ จดทะเบยี นเปน บริษทั ในตลาดหลกั ทรพั ย เปน เงิน 400,000 บาท ขอใดถูกตอง ก. ตองปรับปรุงโดยบวกกลับ 4 แสนบาท ข. ตอ งปรบั ปรงุ โดยหกั ออก 4 แสนบาท ค. ไมต อ งปรบั ปรงุ กําไรสทุ ธิ ง. ผดิ ทกุ ขอ เฉลย ค. มาตรา 65 ทวิ (10) สาํ หรบั บรษิ ทั จาํ กดั ทต่ี ง้ั ขน้ึ ตามกฎหมายไทย ใหน าํ เงนิ ปน ผลทไ่ี ดจ ากบรษิ ทั จาํ กดั ทต่ี ง้ั ขน้ึ ตามกฎหมายไทย กองทนุ รวม หรอื สถาบนั การเงินทม่ี กี ฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทยจดั ตง้ั ขน้ึ สาํ หรบั ใหก ยู มื เงนิ เพอ่ื สง เสรมิ เกษตรกรรม พาณชิ ยกรรม หรอื อตุ สาหกรรม และเงนิ สว นแบง กาํ ไรทไ่ี ดจ ากกจิ การรวมคา มารวมคาํ นวณเปน รายไดเ พยี งกง่ึ หนง่ึ ของจาํ นวนทไ่ี ด เวน แตบ รษิ ัทจาํ กดั ทต่ี ง้ั ขน้ึ ตามกฎหมายไทยดังตอ ไปน้ี ไมต อ งนาํ เงนิ ปน ผลทไ่ี ดจ ากบรษิ ทั จาํ กดั ทต่ี ้ังขน้ึ ตามกฎหมายไทย กองทนุ รวม หรอื สถาบนั การเงินทม่ี กี ฎหมาย โดยเฉพาะของประเทศไทยจัดตั้งข้นึ สําหรับใหกูยืมเงินเพอื่ สงเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม และเงินสวนแบงกําไรที่ไดจาก กจิ การรว มคามารวมคาํ นวณเปน รายได ( ดพู ระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ที่ 263 ) พ.ศ. 2536 สาํ หรบั เงินสว นแบง ของกาํ ไรทีไ่ ดจ ากกองทนุ รวมตามพระราชบญั ญตั หิ ลกั ทรพั ยแ ละ ตลาดหลกั ทรพั ย พ.ศ.2535 ) (ก) บรษิ ทั จดทะเบยี น (ข) บรษิ ทั จาํ กดั นอกจาก (ก) ซง่ึ ถอื หุนในบรษิ ทั จาํ กดั ผจู า ยเงินปน ผลไมนอ ยกวา รอ ยละ 25 ของหุน ทง้ั หมดทม่ี สี ทิ ธอิ อกเสยี งใน บรษิ ทั จาํ กดั ผจู า ยเงนิ ปน ผล และบรษิ ทั จาํ กดั ผจู ายเงนิ ปน ผลไมไ ดถ อื หุนในบรษิ ทั จาํ กดั ผรู บั เงินปน ผลไมว า โดยทางตรงหรอื โดยทางออ ม ความในวรรคหนง่ึ มใิ หใ ชบ งั คบั ในกรณที บ่ี รษิ ทั จาํ กดั หรอื บรษิ ทั จดทะเบยี น มเี งนิ ไดท เ่ี ปนเงนิ ปน ผลและเงนิ สวนแบงกาํ ไรดงั กลา ว โดย ถอื หนุ หรอื หนว ยลงทนุ ทก่ี อ ใหเ กดิ เงนิ ปน ผลและเงนิ สว นแบง กําไรนน้ั ไวไ มถ งึ สามเดอื นนบั แตว นั ทไ่ี ดห นุ หรอื หนว ยลงทนุ น้ันมาถงึ วนั มเี งนิ ได ดงั กลา ว หรอื ไดโ อนหนุ หรอื หนวยลงทนุ นน้ั ไปกอ นสามเดอื นนบั แตว นั ทม่ี เี งนิ ได เงินปน ผลทไ่ี ดจ ากการลงทนุ ของกองทุนสาํ รองเลย้ี งชพี ตามมาตรา 65 ตรี (2) ไมใ หถ อื เปน เงนิ ปนผลหรือเงนิ สว นแบง กาํ ไร ตาม ความในวรรคสอง 10 จากขอ 8 บรษิ ทั ฯ ไดร บั สว นแบง กาํ ไรจากหา งหนุ สว นจาํ กดั โคราชา 100,000 บาท ขอ ใดถกู ตอ ง ก. ตองปรับปรุงโดยบวกกลับ 1 แสนบาท ข. ตอ งปรบั ปรงุ โดยหกั ออก 1 แสนบาท ค. ไมตองปรับปรุงกําไรสุทธิ ง. ผดิ ทกุ ขอ เฉลย ค ตามพระราชกฤษฎกี าออกตามความในประมวลรษั ฎากร วา ดวยการยกเวน รษั ฎากร (ฉบับท่ี 263) พ.ศ. 2536 ซ่ึงระบไุ ววา มาตรา 3 ใหย กเวน ภาษเี งินไดต ามสว น 3 หมวด 3 ในลกั ษณะ 2 แหงประมวลรัษฎากร สําหรบั เงนิ สว นแบง ของกําไรทไ่ี ดจ ากกองทนุ รวมท่ี จัดตั้งตามพระราชบัญญตั ิหลักทรัพยและตลาดหลักทรัพย พ.ศ. 2535 ใหแก (1) บริษทั ท่ีตง้ั ขึน้ ตามกฎหมายไทย สําหรับเงินสวนแบงของกําไรท่ไี ดจาํ นวนกึ่งหน่ึง (2) บรษิ ทั จดทะเบยี น สาํ หรบั เงนิ สวนแบง ของกาํ ไรทไ่ี ดท ง้ั จาํ นวน ทง้ั น้ี ความในวรรคหนง่ึ มิใหใ ชบ งั คบั ในกรณที บ่ี ริษทั หรอื บรษิ ทั จดทะเบยี น ตาม (1) หรอื (2) มเี งินไดท ีเ่ ปน เงนิ สว นแบง ของกาํ ไรดงั กลา วโดย ถือหนวยลงทนุ ทกี่ อใหเ กิดเงนิ สว นแบง ของกําไรนน้ั ไมถ ึงสามเดอื นนับแตว ันท่ีไดหนวยลงทนุ น้ันมาถึงวันมเี งินไดด ังกลา ว หรอื ไดโ อนหนวย ลงทนุ นน้ั ไปกอ นสามเดอื นนับแตว นั ทม่ี เี งนิ ได ประกอบกบั (ดคู าํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ป.119/2545) 11 จากขอ 8 กําไรสุทธิตามหลักบัญชี เมื่อปรับปรุงแลว บริษัทฯ มีกําไรสุทธิตามประมวลรัษฎากรจํานวนเทาไร ก. 3,300,000 บาท
หน้า 169 ข. 3,400,000 บาท ค. 3,800,000 บาท ง. 4,000,000 บาท เฉลย ค. บรษิ ทั มกี าํ ไรสุทธิทางบัญชี 2,800,000 บาท บวกกลบั 1,000,000 บาท = 3,800,000 บาท 12 จากขอ 8 ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินไดนติ ิบุคคลสิ้นปอะไร ก. ภ.ง.ด.50 ข. ภ.ง.ด.52 ค. ภ.ง.ด.51 ง. ภ.ง.ด.54 เฉลย ก. ตามประกาศอธบิ ดกี รมสรรพากรเกย่ี วกบั ภาษเี งนิ ได (ฉบบั ท่ี 16) เรอ่ื ง กําหนดแบบแสดงรายการเกย่ี วกบั ภาษเี งนิ ไดข อง บรษิ ัทหรือหา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล ขอ 2 ใหก าํ หนดแบบดงั ตอ ไปนเ้ี ปน แบบแสดงรายการเกย่ี วกบั ภาษีเงนิ ไดข องบรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล (1) แบบ ภ.ง.ด.50 ใชสําหรับบริษัทหรือหางหุนสวนนิตบิ ุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือตั้งขึ้นตามกฎหมาย ของตา งประเทศ และกระทาํ กจิ การในประเทศไทย ตามมาตรา 66 วรรคหนง่ึ แหง ประมวลรษั ฎากร 13 จากขอ 8 กําหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินไดนิติบุคคลสิ้นป เมื่อใด ก. ภายใน 180 วนั นบั แตว นั สดุ ทา ยของรอบระยะเวลาบญั ชี ข. ภายใน 5 เดือนนับแตวันสุดทายของรอบระยะเวลาบัญชี ค. ภายใน 150 วนั นบั แตว นั สดุ ทา ยของรอบระยะเวลาบญั ชี ง. ภายใน 2 เดือนนับแตวันสุดทายของรอบระยะเวลาบัญชี เฉลย ค. ตามมาตรา 68 ภายในหนง่ึ รอ ยหา สบิ วนั นบั แตว นั สดุ ทา ยของรอบระยะเวลาบญั ชี ใหบ รษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลยน่ื รายการ ซ่ึงจาํ เปน ตอ งใชใ นการคาํ นวณภาษใี นรอบระยะเวลาบญั ชตี ามแบบทอ่ี ธบิ ดกี าํ หนด พรอ มกบั ชาํ ระภาษตี อ อาํ เภอ
หนา้ 170 จิตอาสาปนโตภาษี กลุม 2 ขอ สอบชดุ ท่ี 6 (ขอ 18 – 35) ขอ 18. นายมารวย เปนสัตวแพทย (ภริยาไมมีเงินได) ไดเปดสถานประกอบการรักษาสัตว ไดรับเงินได ตั้งแตเดือนมกราคม ถงึ มถิ นุ ายน 2550 จาํ นวน 60,000 บาท และเดอื นกรกฎาคม ถงึ ธนั วาคม 2550 จาํ นวน 150,000 บาท เงนิ ได ดังกลาวเปนเงินไดพึงประเมินประเภทใด และในปภาษี 2550 ตองยื่นแบบ ภ.ง.ด. 94 หรือไม ก. ประเภทท่ี 6 และตอ งยน่ื แบบ ภ.ง.ด.94 ข. ประเภทที่ 6 และไมตองยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 ค. ประเภทท่ี 8 และตอ งยน่ื แบบ ภ.ง.ด.94 ง. ประเภทท่ี 8 และไมต อ งยน่ื แบบ ภ.ง.ด.94 เฉลย ง. ถกู ตอ งแลว ขอ 19. การทาเรือฯ จายบําเหน็จตกทอดใหแกทายาทของพนักงานการทาเรือฯ ผูตาย ขอใดถูกตอง ก. เขา ลักษณะเปน บาํ เหนจ็ ตกทอด จงึ ไดร บั ยกเวนภาษเี งนิ ไดต ามมาตรา 42(12) ข. เขา ลกั ษณะเปน บําเหนจ็ ตกทอด จงึ ไดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดแ ตไ มเ กนิ 200,000 บาท ตามมาตรา 42(12) ค. ไมเ ขา ลกั ษณะเปน บาํ เหนจ็ ตกทอด จงึ ไมไดร บั ยกเวน ภาษเี งินไดต ามมาตรา 42(12) โดยเสยี ภาษใี นนามของ ทายาทที่ไดรับบําเหน็จตกทอด ง. ไมเ ขาลกั ษณะเปน บาํ เหนจ็ ตกทอด จงึ ไมไ ดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดต ามมาตรา 42(12) โดยเสยี ภาษใี นนาม ของผตู าย เฉลย ง. ถกู ตอ งแลว ขอ 20. นาย ก. ซึ่งมิไดเปนผูอยูในประเทศไทย ไดปฏิบัติหนาท่เี ปนผูจัดการสาขาของธนาคาร ข. จํากัด ซึ่งตั้งอยูในประเทศ ฮองกง ธนาคารฯ โดยนายจางในประเทศไทยเปนผูจายเงินได ตามมาตรา 40 (1) ใหแกพนักงานหรือลูกจางที่ปฏิบัติงานใน ตางประเทศโดยตรง ซึ่งจา ยเงินไดสวนหนึ่งเขาบัญชีเงินฝากธนาคารของ นาย ก. ในประเทศไทย และเงินไดอีกสวนหนึ่งจะ โอนเขาบัญชีเงินฝากธนาคารที่ประเทศฮองกง ขอใดถูกตอง ก. เขา ลกั ษณะเปน เงนิ ไดเ นอ่ื งจากกจิ การของนายจา งในประเทศไทย นาย ก. ผมู เี งนิ ไดต อ งเสยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คล ธรรมดาใหกับประเทศไทย ข. เขาลักษณะเปนเงินไดเนื่องจากหนาที่งานในตางประเทศ นาย ก. ผูมีเงินไดไมตองเสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา ใหกับประเทศไทย ค. เขา ลกั ษณะเปน เงินไดเ นอ่ื งจากกจิ การนอกประเทศของนายจา งในประเทศไทย นาย ก. ผมู เี งินไดไ มต องเสยี ภาษี เงินไดบคุ คลธรรมดาใหกับประเทศไทย ง. ผิดทุกขอ เฉลย ก. ถกู ตอ งแลว อา งองิ : มาตรา 41 ผมู เี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 ในปภาษีที่ลวงมาแลว เน่ืองจากหนาท่ี งาน หรือกิจการท่ีทําในประเทศไทย หรือเนื่องจากกิจการของนายจางในประเทศไทย หรือเน่ืองจากทรัพยสินท่ีอยูใน ประเทศไทย ตอ งเสยี ภาษีตามบทบัญญัติในสวนนี้ไมว า เงนิ ไดน ้ันจะจา ยในหรอื นอกประเทศ (คาํ สง่ั กรมสรรพากร ท่ี ป.120/2545 ) ผอู ยใู นประเทศไทยมเี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 ในปภ าษีที่ลวงมาแลว เนื่องจากหนาที่งานหรือกิจการที่ทํา ในตา งประเทศ หรอื เนอ่ื งจากทรพั ยส นิ ทอ่ี ยใู นตา งประเทศ ตองเสียภาษีเงินไดตามบทบัญญัติในสวนนี้เมื่อนําเงินไดพึง ประเมนิ นน้ั เขา มาในประเทศไทย ผใู ดอยใู นประเทศไทยชว่ั ระยะเวลาหนง่ึ หรอื หลายระยะ รวมเวลาทั้งหมดถึงหนึ่งรอยแปดสิบวันในปภาษีปใด ให ถอื วาผูน น้ั เปน ผูอยใู นประเทศไทย
หนา้ 171 ขอ 21. ขอใดตอไปนี้ ไมถือเปนประโยชนเพิ่มของพนักงาน ตามมาตรา 40(1) แหงประมวลรัษฎากร ก. บรษิ ทั ฯ ซอ้ื อาหารชดุ ชดุ ละ 20 บาท ใหแ กพ นกั งานทกุ คน เพอ่ื เปน อาหารกลางวนั และอาหารในเวลา ทาํ งานลว งเวลา ข. บริษัทฯ ไดออกคาใชจายเพื่อจัดใหมีรถยนตสองแถวรับสงพนักงาน ค. บรษิ ทั ฯ ไดอ อกคาใชจ า ยในการจดั นาํ เทย่ี วเพอ่ื สรา งขวญั และกาํ ลังใจใหแ กพ นกั งาน ง. ผดิ ทกุ ขอ เฉลย ง. ถกู ตอ งแลว อางอิง : 1. คําพิพากษาฎีกาที่ 123/2540 2. หนงั สือท่ี กค.0811(กม02)/916 ลงวันท่ี 7 สิงหาคม 2544 ทง้ั ก. ข. และ ค. กรมสรรพากรไดม แี นววนิ จิ ฉยั ใหถ อื เปน ประโยชนเ พม่ิ ขอ 22. กรณีบุคคลธรรมดาบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการกีฬาตามโครงการตามยุทธศาสตร 4 ปสรางกีฬาชาติ (พ.ศ. 2548 - 2551) ขอ ใดตอ ไปน้ี ถกู ตอ ง ก. ใหย กเวน ภาษเี งนิ ไดเ ปนจาํ นวน 2 เทา ของรายจา ยทจ่ี ายไป แตต อ งไมเ กนิ รอ ยละ 10 สาํ หรบั เงนิ ไดห ลงั จากหกั คา ใชจ า ยและหกั ลดหยอ นตาม ม. 47(1) (2) (3) (4) (5) หรอื (6) ใหส ทิ ธปิ ระโยชนต ง้ั แตป พ.ศ. 2548 ถงึ พ.ศ. 2551 ข. ใหย กเวน ภาษเี งนิ ไดเ ปน จาํ นวน 1.5 เทา ของรายจายทจ่ี า ยไป แตต อ งไมเ กนิ รอ ยละ 20 สาํ หรบั เงนิ ได หลงั จากหกั คา ใชจ า ยและหกั ลดหยอ นตาม ม. 47(1) (2) (3) (4) (5) หรอื (6) ใหส ทิ ธปิ ระโยชนต ง้ั แตป พ.ศ. 2549 ถึง พ.ศ. 2551 ค. ใหย กเวน ภาษเี งนิ ไดเ ปนจาํ นวน 1.5 เทา ของรายจา ยทจ่ี ายไป แตต อ งไมเ กนิ รอ ยละ 20 สาํ หรบั เงนิ ไดห ลงั จาก หกั คา ใชจ า ยและหกั ลดหยอนตาม ม. 47(1) (2) (3) (4) (5) หรอื (6) ใหส ทิ ธปิ ระโยชนต ง้ั แตป พ.ศ. 2548 ถงึ พ.ศ. 2551 ง. ใหย กเวน ภาษเี งนิ ไดเ ปน จาํ นวน 1.5 เทา ของรายจา ยทจ่ี ายไป แตต อ งไมเ กนิ รอ ยละ 10 สาํ หรบั เงนิ ไดห ลงั จาก หกั คา ใชจ า ยและหกั ลดหยอนตาม ม. 47(1) (2) (3) (4) (5) หรอื (6) ใหส ทิ ธปิ ระโยชนต ง้ั แตป พ.ศ. 2549 ถงึ พ.ศ. 2551 ขอ สอบขอ น้ี ลา สมยั แลว ขอ 23. ขอ ใดตอ ไปน้ี มใิ ชห ลักเกณฑ เกย่ี วกบั การยกเวน เงินไดเ ทา ทผ่ี มู เี งนิ ไดจ า ยเปน เบย้ี ประกนั ภยั สาํ หรบั การประกนั สุขภาพบิดามารดาของผูมีเงินได รวมทั้งบิดามารดาของสามีหรือภริยาของผูมี เงินได ตามจํานวนเบี้ยประกันภัยที่จา ยจริงแตไม เกิน 15,000 บาท ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ 162) ก. บดิ าหรอื มารดาดงั กลาวแตล ะคนมเี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ในปภ าษที ข่ี อยกเวน ภาษเี งินไดไ มเ กนิ 30,000 บาท ข. ผูมีเงินไดหรือสามีหรือภริยาของผูมีเงินไดจะตองเปนบุตรชอบดวยกฎหมายของบิดามารดาที่ผูมเี งินไดใชสิทธิขอ ยกเวนภาษีเงินไดจากการทําประกันสุขภาพสําหรับบิดามารดา ค. บิดามารดาที่ผูมีเงินไดใชสิทธขิ อยกเวนภาษีเงินไดตองมีเลขประจําตัวประชาชน ง. บดิ าหรอื มารดาดงั กลาวตอ งมอี ายุ 60 ปข น้ึ ไป และอยใู นความอปุ การะเล้ียงดขู องผมู เี งนิ ได เฉลย ง. ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษเี งนิ ได (ฉบบั ท่ี ๑๖๒) ขอ 1 การยกเวน ภาษเี งนิ ไดส าํ หรบั เงนิ ไดเ ทา ทผ่ี มู เี งนิ ไดจ า ยเปน เบย้ี ประกนั ภยั สาํ หรบั การประกนั สขุ ภาพ ใหแ กบ รษิ ัทประกนั ชวี ติ หรอื บรษิ ัทประกนั วนิ าศภัยทป่ี ระกอบกจิ การในราชอาณาจกั ร เพอ่ื เอาประกนั ภยั สําหรบั บดิ า มารดาของผูมเี งนิ ได รวมทง้ั บดิ ามารดาของสามหี รอื ภรยิ าของผมู ีเงนิ ได ตามจาํ นวนเบย้ี ประกนั ภยั ทจ่ี า ยจรงิ แตไ มเ กนิ หนึ่งหมนื่ หาพันบาท ในปภาษีนั้น ตองเปนไปตามหลักเกณฑด ังตอไปนี้ (1) ตอ งเปน การทาํ ประกนั สขุ ภาพใหก บั บดิ ามารดาของผมู เี งนิ ได รวมทง้ั บดิ ามารดาของสามี หรอื ภรยิ าของผมู เี งนิ ได ซง่ึ บดิ าหรอื มารดาดงั กลา วแตล ะคนมเี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ในปภ าษที ข่ี อยกเวน ภาษเี งนิ ไดไ มเ กนิ สาม หมนื่ บาท (2) ผมู เี งนิ ไดห รอื สามหี รอื ภรยิ าของผูมเี งนิ ไดจ ะตอ งเปน บตุ รชอบดว ยกฎหมายของบดิ ามารดา ที่ผูมีเงินไดใชสิทธิขอยกเวนภาษีเงินไดจากการทําประกันสุขภาพสําหรับบิดามารดาดังกลาว (3) ใหไ ดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดก รณกี ารทาํ ประกนั สขุ ภาพสาํ หรบั บิดามารดาดงั กลา วตลอดปภ าษี ไมวา กรณที จ่ี ะไดรบั ยกเวน ภาษนี นั้ จะมีอยูตลอดปภาษหี รือไม
หน้า 172 (4) กรณผี มู เี งนิ ไดห ลายคนรว มกนั ทาํ ประกนั สขุ ภาพสาํ หรบั บดิ ามารดาดงั กลาว ใหผ ูมเี งนิ ไดท กุ คนไดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดโ ดยเฉลย่ี เบ้ียประกนั ภยั ทผ่ี มู เี งนิ ไดร ว มกนั จา ยจรงิ แตไ มเ กนิ หนง่ึ หมน่ื หา พนั บาท ตามสว น จํานวนผูม เี งนิ ได (5) กรณสี ามหี รอื ภรยิ ามเี งนิ ไดฝ า ยเดยี ว ใหส ามหี รอื ภรยิ าซง่ึ เปน ผมู เี งนิ ไดไ ดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดตามจํานวนเบี้ยประกันภัยที่จายจริงแตไมเกนิ หนึ่งหมื่นหาพันบาท (6) กรณสี ามภี ริยาตา งฝายตา งมเี งนิ ได ใหไ ดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดด งั น้ี (ก) ถา ความเปน สามภี ริยามไิ ดม อี ยตู ลอดปภ าษที ไ่ี ดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดใ หส ามแี ละภรยิ า ซึง่ เปน ผูม เี งนิ ไดตา งฝา ยตา งไดร ับยกเวนภาษเี งินไดตามจาํ นวนเบยี้ ประกนั ภยั ทจ่ี ายจรงิ แตไมเ กนิ หน่ึงหม่ืนหาพันบาท (ข) ถา ความเปน สามภี รยิ าไดม อี ยูตลอดปภ าษที ไ่ี ดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดแ ละภรยิ าไมใ ช สทิ ธแิ ยกยน่ื รายการและเสยี ภาษตี า งหากจากสามตี ามมาตรา 57 เบญจ แหง ประมวลรษั ฎากร ใหสามแี ละภรยิ าซง่ึ เปน ผู มเี งนิ ไดต า งฝา ยตา งไดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดต ามจาํ นวนเบย้ี ประกนั ภยั ทจ่ี า ยจรงิ แตไ มเ กนิ หนง่ึ หมน่ื หา พนั บาท (ค) ถา ความเปน สามภี ริยาไดม อี ยูตลอดปภ าษที ไ่ี ดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดแ ละภรยิ าใชส ทิ ธิ แยกยน่ื รายการและเสยี ภาษตี างหากจากสามตี ามมาตรา 57 เบญจ แหง ประมวลรษั ฎากร ใหสามแี ละภรยิ าซง่ึ เปน ผมู เี งนิ ไดตางฝายตางไดรับยกเวนภาษีเงินไดตามจํานวนเบี้ยประกันภัยที่จายจริงแตไมเกินหนึ่งหมื่นหาพันบาท (7) กรณผี มู เี งนิ ไดม ไิ ดเ ปน ผอู ยใู นประเทศไทยใหไ ดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดเ ฉพาะการทาํ ประกนั ภยั สาํ หรับบิดามารดาที่อยใู นประเทศไทย ขอ 24. ขอ ใดตอ ไปน้ี มใิ ชห ลักเกณฑห รอื เงอ่ื นไข เกย่ี วกบั การยกเวน เงนิ ไดเ ทา ท่ีนายจา งจา ยเปน เบย้ี ประกนั ภยั ใหแ กบ รษิ ทั ประกันชีวิตหรือบริษัทประกันวินาศภัย ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 263 (พ.ศ. 2549) ก. เปน กรมธรรมป ระกนั ภยั กลุม ข. กรมธรรมท ม่ี กี ําหนดเวลาตง้ั แตห นง่ึ ปข น้ึ ไป ค. เบี้ยประกันภัยเฉพาะในสวนที่คุมครองคารักษาพยาบาล ง. จา ยเปน เบย้ี ประกนั ภยั ใหแ กบ รษิ ทั ประกันชวี ติ หรอื บริษทั ประกนั วนิ าศภยั ทป่ี ระกอบกจิ การในราชอาณาจกั ร เฉลย ข. ถกู ตอ งแลว อา งองิ : กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 263 (พ.ศ. 2549 ใหเ พม่ิ ความตอ ไปน้ีเปน (76) และ (77) ของ ขอ 2 แหง กฎกระทรวงฉบบั ท่ี 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรษั ฎากร วา ดว ยการยกเวน รษั ฎากร (76)..... (77) เงนิ ไดเ ทา ทน่ี ายจา งจา ยเปน เบย้ี ประกนั ภยั ใหแ กบ รษิ ทั ประกนั ชวี ติ หรอื บริษัทประกันวินาศ ภัยท่ีประกอบกิจการในราชอาณาจักร สําหรับกรมธรรมประกันภัยกลุมท่ีมีกําหนดเวลาไมเกินหน่ึงป เฉพาะในสวนท่ี คุมครองคารักษาพยาบาลสําหรับ (ก) ลกู จา ง สามี ภรยิ า บุพการีหรือผูสืบสันดานซ่ึงอยูในความอุปการะเล้ียงดูของลูกจาง ทง้ั น้ี เฉพาะการรกั ษาพยาบาลในประเทศไทย (ข) ลูกจาง ในกรณีท่ีจําเปนตองไดรับการรักษาพยาบาลในตางประเทศ ในขณะท่ี ปฏบิ ัตกิ ารตามหนา ทใ่ี นตา งประเทศเปน ครง้ั คราว ทง้ั น้ี สาํ หรบั เงนิ ไดท ไ่ี ดร บั ตง้ั แตว นั ท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2549 เปน ตน ไป ” ขอ 25. กฎหมายกําหนดใหผูมีหนาที่เสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา จัดทําบัญชีหรือรายงานแสดงรายไดและรายจาย ขอใด ตอ ไปน้ี ถูกตอง ก. ใหผูมีหนาที่เสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา และเปนผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม เฉพาะ ผูมีเงินได ตามมาตรา 40(5) (6) (7) และ (8) ข. ใหผ มู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา และมไิ ดเ ปน ผปู ระกอบการจดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ เฉพาะผูมี เงนิ ไดต ามมาตรา 40(5) (6) (7) และ (8) ค. ใหผูมีหนาที่เสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา และเปนผูประกอบการจดทะเบียนภาษมี ูลคาเพิ่ม เฉพาะผูมีเงินได ตามมาตรา 40(2) (5) (6) (7) และ (8)
หนา้ 173 ง. ใหผูมีหนาที่เสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา และมิไดเปนผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมลู คาเพิ่ม เฉพาะผูมีเงินได พงึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(2) (5) (6) (7) และ (8) เฉลย ข. ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ประกาศอธบิ ดีฯ เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับท่ี 161) เรื่อง กําหนดใหผูมีหนาท่ีเสียภาษี เงินไดบ คุ คลธรรมดา และมไิ ดเปน ผปู ระกอบการจดทะเบียนภาษีมลู คาเพม่ิ จัดทาํ บัญชหี รือรายงานแสดงรายไดและรายจาย ขอ 2 ใหผ มู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา และมไิ ดเ ปน ผปู ระกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพ่ิม เฉพาะ ผมู เี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(5) (6) (7) และ (8) แหง ประมวลรษั ฎากร จดั ทาํ บญั ชหี รอื รายงานแสดงรายไดและ รายจายเปนประจําวัน โดยตองมีรายการและขอความอยางนอยตามแบบที่แนบทายประกาศน ขอ 26. การโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย ดังตอไปนี้ ไมอยูในบังคับตองเสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา ก. การโอนโดยทางมรดกซึ่งกรรมสิทธิ์หรือสิทธิ ครอบครองในอสังหาริมทรัพยใหแกทายาท ไมวาจะเปนทายาทโดย ธรรมหรือทายาทโดยพินัยกรรม ข. การโอนกรรมสิทธิ์หรือสทิ ธิครอบครองในอสังหาริมทรัพยใหแกบุตรโดยชอบดวยกฎหมายของตนเองโดยไมมี คาตอบแทน บุตรชอบดวยกฎหมายดังกลา วไมรวมถึงบุตรบุญธรรม ค. การเวนคืนอสังหาริมทรัพยตามกฎหมายวาดวย การเวนคืนอสังหาริมทรัพย ทั้งน้ี เฉพาะที่ดินที่ตองเวนคืนและ อสงั หารมิ ทรพั ยอน่ื บนทด่ี นิ ทต่ี องเวนคนื ง. ถูกทุกขอ เฉลย ง. ถกู ตอ งแลว อางอิง : คําสั่งกรมสรรพากรที่ ป.100/2543 ขอ 10 การโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองใน อสงั หารมิ ทรพั ย ดงั ตอ ไปน้ี ไมอ ยใู นบงั คบั ตอ งเสยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา (1) การโอนโดยทางมรดกซึ่งกรรมสิทธิ์หรือสิทธิ ครอบครองในอสังหาริมทรัพย ใหแกทายาท ไม วา จะเปน ทายาทโดยธรรมหรอื ทายาท โดยพนิ ยั กรรม (2) การโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองใน อสังหาริมทรัพยใหแกบุตรโดยชอบ ดวยกฎหมาย ของตนเองโดยไมม คี า ตอบแทน บตุ รชอบดว ยกฎหมายดงั กลา วไมร วมถงึ บตุ ร บญุ ธรรม (3) การโอนกรรมสทิ ธห์ิ รอื สทิ ธิครอบครองใน อสงั หารมิ ทรพั ยอ นั เปน มรดกหรอื ทไ่ี ดร บั จากการให โดยเสนหาที่ต้ังอยูนอกเขตกรุงเทพมหานคร เทศบาล สุขาภิบาล หรือเมืองพัทยา หรือการปกครองทองถิ่นอ่ืนท่ีมี กฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ ทั้งนี้ เฉพาะการโอนในสวนที่ไมเกิน 200,000 บาท ตลอดปภาษีนั้น (4) การโอนกรรมสทิ ธใ์ิ นทรพั ยส นิ ใหแ ก สว นราชการหรอื รฐั วสิ าหกจิ ทม่ี ใิ ชบ รษิ ทั หรอื หา งหนุ สว น นติ บิ คุ คล เฉพาะกรณที ผ่ี โู อนไดร บั คา ตอบแทนเปน สทิ ธใิ นการใชท รพั ยส นิ ทโ่ี อนนน้ั เพอ่ื กจิ การผลติ สนิ คา ของตนเอง (5) การเวนคนื อสงั หารมิ ทรพั ยต ามกฎหมายวา ดว ย การเวนคนื อสงั หาริมทรัพย ท้ังน้ี เฉพาะท่ีดิน ที่ตองเวนคืนและ อสังหาริมทรัพยอื่นบนที่ดินที่ตองเวนคืน (6) กรณสี ิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพยตองตกไปเปนของบุคคลอ่ืนตามมาตรา 1367 แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย หรือโดยการถูกแยงการครอบครองและมิไดฟองคดีเพื่อเอาคืน ซึ่งการครอบครองนั้น ภายในหนง่ึ ปน บั แตเ วลาถกู แยง การครอบครองตามมาตรา 1375 แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยหรือโดยการ สละเจตนาครอบครองหรอื ไมยึดถืออสังหาริมทรัพยน้ันตอไปซ่ึง เปนเหตุใหการครอบครองส้ินสุดลงตามมาตรา 1377 แหง ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย เจา ของสทิ ธคิ รอบครองเดมิ ไมอ ยู ในขา ยตอ งเสยี ภาษเี งนิ ได อสังหาริมทรัพยท่ีบุคคลอ่ืนไดสิทธิครอบ ครองไปตามวรรคหน่ึงเปนเงินไดพึงประเมินตาม มาตรา 39 แหง ประมวลรษั ฎากร ผไู ดส ทิ ธคิ รอบครองจะตอ งนาํ มา คาํ นวณภาษเี งนิ ไดต ามปกติ (7) กรณีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพยตองตกไปเปน กรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่นโดย การครอบครอง ปรปก ษต ามมาตรา 1382 แหง ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย เจา ของ กรรมสทิ ธเ์ิ ดมิ ไมอ ยใู นขา ยตอ งเสยี ภาษเี งนิ ได อสังหาริมทรัพยที่ไดเปนกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปกษตามวรรค หนึ่งเปนเงินไดพึง ประเมนิ ตามมาตรา 39 แหง ประมวลรษั ฎากรของผไู ดก รรมสทิ ธ์ิ ซง่ึ จะตอ งนาํ มาคาํ นวณภาษเี งนิ ไดต ามปกติ (8) การแบง สนิ สมรสทีเ่ ปน อสงั หารมิ ทรพั ยซ ง่ึ มรี าคาของแตละฝายเทากัน ไมถือเปนการ \"ขาย\" ตามมาตรา 39 แหง ประมวลรษั ฎากร ไมต อ งเสยี ภาษเี งนิ ได (9) การแกไขหรือการเพิ่มเติมชื่อคูสมรสในเอกสารสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย ซึ่งเปนสินสมรส ไมถ อื เปน การ \"ขาย\" ตามมาตรา 39 แหง ประมวลรษั ฎากร ไมต อ งเสยี ภาษเี งนิ ได
หนา้ 174 (10) กรณีครอบครองอสังหาริมทรัพยที่อยูใกลเคียงกันเนื้อที่เทากันแตถือโฉนดที่ดินไวผิด สับเปลี่ยนกัน เมื่อไดขอใหเจาพนักงานที่ดินแกไขชื่อในโฉนดใหเปนการถูกตองแลวโดยมิไดมีเจตนาแลกเปลี่ยนที่ดินกัน ไมถ อื เปน การ \"ขาย\" ตามมาตรา 39 แหง ประมวลรษั ฎากร ไมต อ งเสยี ภาษเี งนิ ได ขอ 27. การจา ยเงนิ คา จางทําของใหแ กผ รู บั จางทผ่ี ูวา จา งจะตองคาํ นวณหกั ภาษเี งนิ ได ณ ทจ่ี า ย และนําสง ในอตั รารอยละ 3.0 ของยอดเงนิ คา จา งท่ีจา ย ขอ ใดตอ ไปนไ้ี มถ กู ตอ ง ก. ผูวาจางเปนบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น และผูรับจางเปนบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่ ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ข. ผูวาจางเปนบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น และผูรับจางเปนผูมีหนาที่เสียภาษีเงินไดบุคคล ธรรมดา ค. ผูว า จา งเปน บรษิ ทั หรือหา งหุน สว นนิติบุคคลหรอื นติ บิ คุ คลอน่ื และผรู ับจางเปนมูลนิธิ หรือสมาคม ง. ผูวาจางเปนบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น และผูรับจางเปนบริษทั หรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่ ตั้งขึ้นตามกฎหมายของตางประเทศประกอบกิจการในประเทศไทย โดยมีสํานักงานสาขาตั้งอยูเปนการถาวรในประเทศไทย เฉลย ค. ถกู ตอ งแลว อา งองิ : คาํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ท.ป.4/2528 ขอ 8(2) ขอ 8 ใหบริษทั หรอื หางหนุ สวนนติ บิ คุ คล หรอื นติ บิ คุ คลอน่ื ซง่ึ เปน ผจู า ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ เฉพาะทเ่ี ปน คา จา งทาํ ของ ใหแ กผูรับซึ่งเปน (1) ผมู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา เฉพาะคา จา งทําของทเ่ี ขา ลกั ษณะเปน เงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตาม มาตรา 40 (7) หรอื (8) แหง ประมวลรษั ฎากร หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคํานวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 3.0 (2) บรษิ ัทหรอื หางหนุ สวนนติ บิ ุคคลทตี่ ้ังขึน้ ตามกฎหมายไทย แตไ มร วมถงึ มลู นธิ หิ รอื สมาคมหกั ภาษี ณ ที่จาย โดยคํานวณหักไวในอัตรารอยละ 3.0 (ดคู าํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ป.73/2541) (3) บรษิ ัทหรอื หางหุนสวนนติ บิ คุ คลท่ตี ้งั ขึ้นตามกฎหมายของตา งประเทศ ประกอบกิจการในประเทศ ไทย โดยมีสํานกั งานสาขาตง้ั อยูเปน การถาวรในประเทศไทย หกั ภาษี ณ ที่จายโดยคํานวณหักไวในอัตรารอยละ 3.0 (ดูคาํ สั่งกรมสรรพากรที่ ป.8/2528) (ดูคาํ สั่งกรมสรรพากรที่ ป.20/2531) “เฉพาะคาจางทําของที่เปนเงินไดจากการรับเหมากอสรางที่ผูรับเหมาตองลงทนุ ดวยการจัดหาสัมภาระ ในสวนสําคัญนอกจากเครื่องมือ ใหใชบังคบั สําหรบั สัญญาจา งท่ีทาํ ขน้ึ ตง้ั แตวนั ที่ 1 พฤศจิกายน 2530 เปน ตน ไป ” (แกไ ขเพ่ิมเตมิ โดยคาํ สง่ั กรมสรรพากร ที่ ท.ป.21/2530 ใชบ ังคับ 1 พฤศจิกายน 2530 เปนตนไป) (ดคู าํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ป.125/2546) ขอ 28. บริษัท ปราจีนบุรี จํากัด ประกอบกิจการผลิตชิ้นสวนยานยนต จายคาลิขสิทธิ์ใหนายแดง ซึ่งเปนผูอยูในประเทศไทย 200,000 บาท บรษิ ทั ฯ ตอ งหกั ภาษี ณ ทจ่ี า ยเทา ใด ก. 15,000 บาท ข. 20,000 บาท ค. 25,000 บาท ง. 30,000 บาท เฉลย อางอิง : มาตรา 50 (2) มาตรา 50 ใหบุคคล หา งหนุ สว น บรษิ ทั สมาคม หรอื คณะบคุ คลผจู า ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 หกั ภาษีเงินไดไวทุกคราวที่จายเงินไดพึงประเมินตามวิธีดังตอไปนี้ (2) ในกรณเี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(3) และ (4) ใหค าํ นวณหักตามอัตราภาษีเงินได เวน แต (ก) ในกรณเี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(3) และ (4) นอกจากทีร่ ะบไุ วใน (ข)(ค)(ง) และ (จ) ทจี่ า ยใหแ กผูร ับซงึ่ มิไดเปนผูอ ยใู นประเทศไทย ใหค ํานวณหักในอตั รารอยละ 15.0 ของเงนิ ได
หนา้ 175 ขอ 29. จากโจทย ขอ 28 หากบริษัทฯ จายคาลิขสิทธิ์ใหนายจอหน ซึ่งมิไดเปนผูอยูในประเทศไทย 200,000 บาท บริษัทฯ ตองหักภาษี ณ ที่จายเทาใด ก. 15,000 บาท ข. 20,000 บาท ค. 25,000 บาท ง. 30,000 บาท เฉลย ง. ถกู ตอ งแลว อางอิง : มาตรา 50 (2)(ก) มาตรา 50 ใหบุคคล หา งหนุ สว น บรษิ ทั สมาคม หรอื คณะบคุ คลผจู า ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 หกั ภาษีเงินไดไวทุกคราวที่จายเงินไดพึงประเมินตามวิธีดังตอไปนี้ (2) ในกรณเี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(3) และ (4) ใหค าํ นวณหกั ตามอตั ราภาษีเงนิ ได เวน แต (ก) ในกรณเี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(3) และ (4) นอกจากทีร่ ะบไุ วใน (ข)(ค)(ง) และ (จ) ทีจ่ า ยใหแ กผ ูรับซ่ึงมไิ ดเ ปนผอู ยใู นประเทศไทย ใหคํานวณหักในอตั รารอ ยละ 15.0 ของเงนิ ได ขอ 30. จากโจทย ขอ 28 บริษัทฯ จะตองนําสงภาษีเงินไดหัก ณ ที่จาย ดวยแบบอะไร ก. แบบ ภ.ง.ด. 1 ข. แบบ ภ.ง.ด. 2 ค. แบบ ภ.ง.ด. 3 ง. แบบ ภ.ง.ด. 53 เฉลย ข. ถกู ตอ งแลว อางองิ : ตามแบบ ภ.ง.ด.๒ ระบใุ หม หี นา ทห่ี กั ภาษเี งนิ ได ณ ทจ่ี า ย ไดแ ก บคุ คล หา งหนุ สว น บรษิ ทั สมาคมหรอื คณะบคุ คลผจู า ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา ๔๐(๓) (๔) รวมตลอดถงึ เงนิ คา ภาษอี ากรของเงนิ ได ดังกลาวท่ีผูจ า ยเงนิ หรอื ผูอืน่ ออกแทนใหไ มว า ในทอดใด ขอ 31 การหักภาษี ณ ที่จาย ตามขอใดถูกตอง ก. บริษัทจายคาบริการของภัตตาคาร หัก รอยละ 3 ข. บริษัทจา ยคาหองพักของโรงแรม หัก รอยละ 5 ค. บริษัทจายคาเบี้ยประกันชีวิตใหแกผจู ัดการหัก รอยละ 1 ง. ผดิ ทกุ ขอ เฉลย ง. ถกู ตอ งแลว อา งองิ : คาํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ท.ป.๔/๒๕๒๘ ขอ ๑๒/๑ “ขอ ๑๒/๑ ใหบรษิ ทั หรือหา งหุนสวนนติ บิ ุคคลหรอื นิตบิ คุ คลอนื่ ซ่ึงเปน ผูจา ยเงินไดพึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๘) เฉพาะทเ่ี ปน การจา ยเงนิ ไดจ ากการใหบ รกิ ารอน่ื ๆ นอกเนอ่ื งจากกรณที ก่ี าํ หนดไวใ นขอ ๘ ขอ ๙ (๒) ขอ ๑๐ ขอ ๑๒ ขอ ๑๒/๒ และขอ ๑๒/๔ แตไมรวมถีงการจายคาบริการของโรงแรม คาบริการของภัตตาคาร และคาเบ้ียประกันชีวิต ใหแกผูรับซึ่งเปน (๑) ผูมหี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคํานวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ ๓.0 (๒) บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลทป่ี ระกอบกจิ การในประเทศไทย แตไ มร วมถงึ มลู นธิ หิ รอื สมาคม หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคํานวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ ๓.0 คาํ วา “การใหบ รกิ าร” หมายความวา การกระทําใด ๆ อนั อาจหาประโยชนอ นั มมี ลู คา ซง่ึ มใิ ชก ารขายสนิ คา คาํ วา “ภตั ตาคาร” หมายความวา กจิ การขายอาหารหรอื เครอ่ื งดม่ื ไมว าชนดิ ใด ๆ รวมทง้ั กจิ การ รบั จา งปรุงอาหารหรอื เครอ่ื งดม่ื ทง้ั น้ี ไมว า ในหรอื จากสถานทซ่ี ง่ึ จดั ใหป ระชาชนเขา ไปบรโิ ภคได ” (แกไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.104/2544 ใชบังคับ 15 กันยายน 2544 เปนตนไป) (ดูคําสั่งกรมสรรพากรที่ ป.112/2545) (ดูคําสั่งกรมสรรพากรที่ ป.115/2545)
หนา้ 176 ขอ 32 นายชัดเจน จายดอกเบี้ยเงินกูยืมใหนางสาวแปง ซึ่งเปนผูอยูในประเทศไทย 10,000 บาท จะตองหักภาษี ณ ที่จาย เทา ใด ก. 1,000 บาท ข. 1,500 บาท ค. 2,000 บาท ง. ไมตองหักภาษีแตอยางใด เฉลย ง. ถกู ตอ งแลว อา งองิ : คาํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ท.ป.๔/๒๕๒๘ ขอ ๔ มไิ ดก าํ หนดใหห กั ภาษี ณ ทจ่ี า ยแตอยา งโด “ขอ 4 ใหผ จู า ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(4)(ก) แหง ประมวลรษั ฎากร ดงั ตอ ไปน้ี หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย (1) ธนาคารตามกฎหมายวาดว ยการธนาคารพาณชิ ย บรษิ ทั ตามกฎหมายวา ดว ยการประกอบ ธรุ กจิ เงนิ ทนุ ธรุ กจิ หลกั ทรพั ย และธรุ กจิ เครดติ ฟองซเิ อร และบรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยต ามกฎหมายวา ดว ยบรษิ ทั บรหิ าร สนิ ทรพั ยซ ง่ึ เปน ผจู ายเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(4)(ก) แหง ประมวลรษั ฎากร ใหแ กผ รู บั ซง่ึ เปน (ก) บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลทป่ี ระกอบกจิ การในประเทศไทยนอกจากทร่ี ะบใุ น (ข) แตไ ม รวมถงึ ธนาคารตามกฎหมายวาดว ยการธนาคารพาณชิ ยบ รษิ ทั ตามกฎหมายวา ดว ยการประกอบธรุ กจิ เงนิ ทนุ ธรุ กจิ หลกั ทรพั ย และธรุ กจิ เครดติ ฟองซเิ อร และบรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยต ามกฎหมายวา ดว ยบรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ย หกั ภาษี ณ ที่จาย โดยคํานวณหักไวในอัตรารอยละ 1.0 (ข) มลู นธิ หิ รอื สมาคมทป่ี ระกอบกจิ การซง่ึ มรี ายไดแ ตไ มร วมถงึ มลู นธิ หิ รอื สมาคมทร่ี ฐั มนตรี ประกาศกาํ หนด ตามมาตรา 47(7)(ข) แหง ประมวลรษั ฎากร หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 10.0 (2) บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ ุคคล หรอื นติ บิ ุคคลอน่ื ซง่ึ มใิ ช ผจู า ยเงนิ ไดท ม่ี หี นา ทีห่ กั ภาษี ณ ท่ี จา ยตาม (1) เปน ผจู า ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(4)(ก) แหง ประมวลรษั ฎากร เฉพาะทเ่ี ปน ดอกเบย้ี พนั ธบตั ร ดอกเบี้ยหุนกู ใหแกผูรับซึ่งเปนธนาคารตามกฎหมายวาดวยการธนาคารพาณิชย บริษัทตามกฎหมายวาดวยการประกอบ ธรุ กจิ เงนิ ทนุ ธรุ กจิ หลกั ทรพั ย และธรุ กจิ เครดติ ฟองซเิ อร หรอื บรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยต ามกฎหมายวาดว ยบรษิ ทั บรหิ าร สนิ ทรพั ย หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 1.0 “(๓) บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล หรอื นติ บิ คุ คลอน่ื ซึง่ มใิ ชผ จู า ยเงนิ ไดท ม่ี หี นา ทีห่ กั ภาษี ณ ท่ี จา ยตาม (๑) เปน ผจู า ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา ๔๐(๔)(ก) แหง ประมวลรษั ฎากร เฉพาะทเ่ี ปน ดอกเบย้ี พนั ธบตั ร ดอกเบี้ยหุนกู ดอกเบี้ยตั๋วเงิน ดอกเบี้ยเงินกูยืม ดอกเบี้ยเงินกูยืมที่อยูในบังคับตองถูกหักภาษีไว ณ ที่จายตามกฎหมายวา ดวยภาษีเงินไดปโตรเลียมเฉพาะสวนที่เหลือจากถูกหักภาษีไว ณ ที่จายตามกฎหมายดังกลาว ผลตางระหวางราคาไถถอน กบั ราคาจาํ หนายตว๋ั เงนิ หรือตราสารแสดงสทิ ธิในหนท้ี บ่ี รษิ ทั หรอื หางหุนสวนนิตบิ คุ คลหรือนิติบคุ คลอน่ื เปน ผูออกและ จาํ หนา ยครง้ั แรกในราคา ตาํ่ กวา ราคาไถถ อน เงนิ ไดท ไ่ี ดร บั จากการถอื ศกุ กู ใหแ กผ รู บั ซง่ึ เปน (ก) บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลทป่ี ระกอบกจิ การในประเทศไทยนอกจากทร่ี ะบใุ น (ข) แตไ ม รวมถงึ ธนาคารตามกฎหมายวาดว ยการธนาคารพาณชิ ย บรษิ ทั ตามกฎหมายวา ดว ยการประกอบธรุ กจิ เงนิ ทนุ ธรุ กจิ หลกั ทรพั ย และธรุ กจิ เครดติ ฟองซเิ อรแ ละบรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยต ามกฎหมายวา ดว ยบรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ย หักภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ ๑.๐ (ข) มลู นิธหิ รอื สมาคมทีป่ ระกอบกิจการซง่ึ มรี ายได แตไ มร วมถงึ มลู นิธหิ รอื สมาคมทีร่ ัฐมนตรี ประกาศกาํ หนด ตามมาตรา ๔๗(๗)(ข) แหง ประมวลรษั ฎากร หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ยโดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ ๑๐.๐” (แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดยคาํ สง่ั กรมสรรพากร ท่ี ท.ป. ๒๐๕/๒๕๕๖ ใชบ ังคบั สาํ หรบั การจา ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตง้ั แต ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เปน ตน ไป) ขอ 33 บริษัท ราชสีมา จํากัด จายคาบริการใดตอไปนี้ ไมตองหัก ณ ที่จาย ก. คานักแสดงสาธารณะ ข. คาเบี้ยประกันวินาศภัย ค. คา เบย้ี ประกนั ชวี ติ ง. คา ขนสง สนิ คา เฉลย ค. ถกู ตอ งแลว อางอิง : คําสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.๔/๒๕๒๘ มิไดกําหนดใหหักภาษี ณ ที่จายไว
หนา้ 177 ขอ 34 บริษัท สีคิ้ว จํากัด จายคาวาความใหนายเขียว ซึ่งเปนผูอยูในประเทศไทย จํานวน 600,000 บาท และยังจายคาวา ความใหนายเอ ซึ่งมิไดเปนผูอยูในประเทศไทย จํานวน 200,000 บาท ดังนี้ บริษัทฯ จะตองหักภาษี ณ ที่จาย ของนายเขียว เปนเงินเทาใด ก. 18,000 บาท ข. 30,000 บาท ค. 50,000 บาท ง. 65,000 บาท เฉลย ก. ถกู ตอ งแลว อา งอิง : คาํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ท.ป.4/2528 ขอ 7 ใหบ ริษทั หรือหา งหนุ สวนนิติบุคคล หรอื นิตบิ ุคคลอนื่ ซง่ึ เปน ผจู า ยเงนิ ไดจ ากวชิ าชพี อิสระ ตามมาตรา 40 (6) แหง ประมวลรษั ฎากรใหแกผ รู บั ซง่ึ เปน (1) ผมู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดาหรอื ภาษเี งนิ ไดน ติ บิ คุ คลนอกจากทร่ี ะบใุ น (2) เฉพาะทเ่ี ปน ผู มภี มู ลิ าํ เนาในประเทศไทย หรอื อยใู นประเทศไทย หรอื ประกอบกจิ การในประเทศไทย แลว แตก รณี หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดย คํานวณหกั ไวในอัตรารอยละ3.0 (2) มลู นธิ หิ รอื สมาคมทป่ี ระกอบกจิ การซง่ึ มรี ายได แตไ มร วมถงึ มลู นธิ หิ รอื สมาคมทร่ี ัฐมนตรปี ระกาศ กําหนดตามมาตรา 47 (7)(ข) แหง ประมวลรษั ฎากร หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ยโดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 10.0 ขอ 7 ให บรษิ ัทหรือหางหนุ สว นนติ บิ ุคคล หรอื นติ บิ คุ คลอนื่ ซง่ึ เปน ผจู า ยเงนิ ไดจ ากวชิ าชพี อสิ ระ ตามมาตรา 40 (6) แหง ประมวล รษั ฎากรใหแ กผ รู บั ซง่ึ เปน ขอ 35 จากขอ 34 บรษิ ทั ฯ จะตอ งหกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย ของนายเอ เปน เงนิ เทา ใด ก. 18,000 บาท ข. 30,000 บาท ค. 50,000 บาท ง. 65,000 บาท เฉลย ข. ถกู ตอ งแลว อางอิง : มาตรา 50 (3) มาตรา 50 ใหบุคคล หางหุนสวน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลผูจายเงินไดพึงประเมินตามมาตรา 40 หัก ภาษีเงินไดไวทุกคราวที่จายเงินไดพึงประเมินตามวิธีดังตอไปนี้ (3) ในกรณีเงินไดพึงประเมินตามมาตรา 40(5) และ (6) ท่ีจายใหแกผูรับซ่ึงมิไดเปนผูอยูในประเทศไทย ให คํานวณหกั ในอตั รารอยละ 15.0 ของเงินได3) ในกรณีเงินไดพึงประเมินตามมาตรา 40(5) และ (6) ท่ีจายใหแกผูรับซ่ึง มไิ ดเ ปนผูอ ยูในประเทศไทย ใหคํานวณหกั ในอตั รารอยละ 15.0 ของเงนิ ได
หนา้ 178 จิตอาสาปน โตภาษี กลุม 2 ขอ สอบชดุ ท่ี 7 (ขอ 17 – 33) 17. อาํ นาจของอธบิ ดกี รมสรรพากรในการจาํ หนา ยหนภ้ี าษอี ากรคา งในปจ จบุ นั คือจาํ นวนเงินเทา ใด (1) ไมเ กนิ 1 ลา นบาท (2) ไมเ กนิ 5 ลา นบาท (3) ไมเ กนิ 50 ลา นบาท (4) ไมเ กนิ 100 ลา นบาท เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ระเบยี บการะทรวงการคลังวา ดว ยการจาํ หนา ยหนภ้ี าษอี ากร พ.ศ. 2545 แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดย ระเบยี บการะทรวงการคลงั วา ดว ยการจาํ หนา ยหนภ้ี าษอี ากร (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2547 ขอ 6 อํานาจการอนญุ าตจําหนา ยหน้ภี าษอี ากร 6.1 หนี้ภาษีอากรที่มีจํานวนไมเกิน 5,000,000 บาท ใหสรรพากรภาค หรือผูอํานวยการสํานัก บรหิ ารภาษธี รุ กจิ ขนาดใหญ แลว แตก รณี เปน ผอู นญุ าตจาํ หนาย 6.2 หนภ้ี าษอี ากรทม่ี จี าํ นวนไมเ กนิ 50,000,000 บาท ใหอ ธบิ ดเี ปน ผอู นญุ าตจาํ หนา ย 6.3 หนภ้ี าษอี ากรทม่ี จี าํ นวนเกนิ กวา 50,000,000 บาท ใหร องปลดั กระทรวง หรอื คณะกรรมการ เพื่อพิจารณาและอนุญาตจําหนายหนภี้ าษีอากรที่รองปลัดกระทรวงแตงตั้งเปนผูอนุญาตจําหนาย” 18. คําสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.140/2547 เรื่องมอบหมายใหสั่งและดําเนินการเก่ยี วกับการพิจารณางดเบี้ยปรับสําหรับ ภาษใี ดบา ง (1) ภาษีเงนิ ไดบุคคลธรรมดา (2) ภาษีเงินไดนิติบุคคล (3) ภาษธี รุ กจิ เฉพาะ (4) ภาษีมูลคาเพิ่ม เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว 19. จํานวนเบี้ยปรับเต็มอัตราตามกฎหมายไมเกินจํานวนเทาใดที่อยูในอํานาจของสรรพากรภาค เปนผูพิจารณาสั่งงดเบี้ย ปรับภาษไี ด (1) ไมเ กนิ 1 ลา นบาท (2) ไมเ กนิ 2 ลา นบาท (3) ไมเ กนิ 5 ลา นบาท (4) ไมเ กนิ 10 ลา นบาท เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อางอิง : คําสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.140/2547 ขอ 2 มอบหมายใหผ อู าํ นวยการสาํ นกั ตรวจสอบภาษกี ลาง สําหรบั เขตทอ งท่ี ทั่วราชอาณาจักร ผูอ ํานวยการสํานกั บริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ สาํ หรบั ผปู ระกอบธรุ กจิ ขนาดใหญต ามทก่ี รมสรรพากรกําหนด และ สรรพากรภาค สาํ หรบั เขตทอ งทส่ี าํ นักงานสรรพากรภาคนน้ั สง่ั งดเบย้ี ปรบั ภาษมี ลู คา เพม่ิ ตามมาตรา 89 แหง ประมวล รษั ฎากร สําหรบั คาํ รอ งทม่ี จี าํ นวนเบย้ี ปรบั เต็มอตั ราตามกฎหมายไมเ กนิ 5,000,000 บาท
หนา้ 179 2 20. ตามมาตรา 37 แหงพระราชบัญญัติวธิ ีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ตองทําเปนหนังสือและการยืนยันคําสั่ง ทางปกครองเปนหนังสือตองจัดใหมี (1) ขอเท็จจริง และขอกฎหมาย (2) ขอกฎหมาย ขอพิจารณา และ ขอสนับสนุน (3) ขอเท็จจริง ขอกฎหมาย ขอพิจารณา และขอสนับสนุน (4) ขอ เทจ็ จรงิ เทา นน้ั สว นขอกฎหมายศาลรไู ดเ อง เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : พรบ.วธิ ปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาตรา 37 คาํ ส่ังทางปกครองทีท่ าํ เปนหนงั สอื และการยนื ยนั คําสง่ั ทางปกครองเปนหนงั สือตอ งจัดใหม ีเหตผุ ล ไวดวย และเหตุผลนั้นอยางนอยตองประกอบดวย (1) ขอ เทจ็ จรงิ อนั เปน สาระสาํ คญั (2) ขอ กฎหมายทอ่ี างองิ (3) ขอ พจิ ารณาและขอ สนบั สนนุ ในการใชด ลุ พนิ จิ 21. ในการยื่นคําขออุทธรณ หนังสือแจงการประเมินภาษีอากรใดบางที่สามารถยื่นคัดคานการประเมินภาษีได (1) หนงั สอื แจง การเปลย่ี นแปลงผลขาดทุนสทุ ธิ (2) หนังสือแจงคืนเงินภาษีเงินไดบุคคลธรรมดาตามแบบ ค.21 (3) ถกู ทง้ั ขอ (1) และ (2) (4) ไมมีขอใดถูก เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว 22. บรษิ ทั ก. จาํ กดั สาํ นักงานใหญต ง้ั อยใู นเขตทองทอ่ี าํ เภอเมืองจงั หวดั ชมุ พร นาํ เขา อปุ กรณค อมพวิ เตอรท ท่ี าอากาศยาน ดอนเมอื ง ไดย น่ื ใบขนสนิ คา ขาเขา โดยสาํ แดงปรมิ าณสนิ คา ไวต าํ่ กวา สนิ คา ทน่ี าํ เขา จรงิ เจา พนกั งานประเมนิ สํานกั งาน ศุลกากรทาอากาศยานกรุงเทพ ไดทําการประเมินอากรขาเขาและภาษีมูลคาเพิ่ม พรอมเบี้ยปรับ และเงินเพิ่ม หาก บริษัท ก. จํากัด ประสงคที่จะอุทธรณการประเมินภาษีมูลคาเพิ่ม จะตองยื่นคําอุทธรณที่ใดใหเปนผูพิจารณา (1) สาํ นกั งานสรรพากรภาค 3 (2) สาํ นักงานศุลกากรทาอากาศยานกรงุ เทพ (3) สาํ นกั งานสรรพากรพน้ื ทช่ี มุ พร (4) สาํ นกั งานสรรพากรภาค 11 เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ระเบยี บกรมสรรพากร วาดว ยการอทุ ธรณและการพจิ ารณาอทุ ธรณ ตามประมวล รษั ฎากร พ.ศ.2546 ขอ 7.1.1 ประกอบ ขอ 5.2.1 และขอ 5.3.1 (3) (ค) 23. กรณีไดรับชําระหนตี้ ามแผนฟนฟูกิจการ ตองแจงลดยอดหนี้คาภาษีอากรดวยแบบใด (1) ท.ป.3ข./1 (2) ท.ป.35 (3) ท.ป.3ง./1 (4) ท.ป.3จ./1 เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว 24. ภาษีเงินไดนิติบุคคลขอใดเก็บจาก GROSS INCOME (1) มาตรา 65 (2) มาตรา 67 (3) มาตรา 70 (4) ไมมีขอใดถูก เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : มาตรา 67 การเสยี ภาษตี ามความในสว นน้ี ใหเ สยี ตามอตั ราทก่ี าํ หนดไวใ นบญั ชอี ตั รา
หนา้ 180 3 ภาษเี งนิ ไดท า ยหมวดน้ี เวน แตใ นกรณที บ่ี รษิ ทั หรอื หา ง หนุ สว นนติ บิ คุ คลตามมาตรา 66 วรรคสอง กระทาํ กจิ การ ขนสง ผา นประเทศตา งๆ ใหเ สยี ภาษเี ฉพาะกจิ การขนสง ตามเกณฑ ดงั ตอ ไปน้ี (1) ในกรณรี บั ขนคนโดยสาร ใหเ สยี ภาษใี นอตั รารอ ยละ 3 ของคาโดยสารคาธรรมเนยี ม และประโยชนอ ืน่ ใดท่ี เรยี กเกบ็ ในประเทศไทยกอ นหกั รายจา ยใดๆ เนอ่ื งในการรบั ขนคนโดยสารนน้ั (2) ในกรณรี บั ขนของ ใหเ สยี ภาษใี นอตั รารอ ยละ 3 ของคา ระวาง คา ธรรมเนยี ม และประโยชนอ น่ื ใดทเ่ี รยี ก เกบ็ ไมว า ในหรอื นอกประเทศไทยกอ นหกั รายจา ยใดๆ เนอ่ื งในการรบั ขนของออกจากประเทศไทยนน้ั (พระราชกาํ หนดแกไ ขเพม่ิ เติม (ฉบบั ท่ี 6) พ.ศ. 2523 ใชบ งั คบั 22 พ.ค. 2523 เปน ตน ไป) 25. ขอใดไมถือเปนเงินไดพึงประเมิน (1) คา แหง กดู วลิ ล (2) เงนิ ไดจ ากการเลน การพนัน (3) เงินไดที่ไดรับจากการอุปการะโดยหนาท่ธี รรมจรรยา (4) ไมมีขอใดถูก เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว (1) คาแหงกูดวิลล เปนเงินได ม.40(3) (2) เงนิ ไดจ ากการเลน การพนนั ม.40(8) (3) เงนิ ไดท ไ่ี ดร บั จากการอปุ การะฯ เปน เงนิ ไดแ ตไ ดร บั ยกเวน ตาม ม. 42(27) 26. จาํ นวนเงนิ ขน้ั ตํ่าทไ่ี มต อ งเสยี ภาษธี รุ กิจเฉพาะภายในเดอื นภาษีนน้ั คือจาํ นวนเทา ใด (1) ไมถ งึ 50 บาท (2) ไมถ งึ 100 บาท (3) ไมถ งึ 500 บาท (4) ไมถ งึ 1,000 บาท เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว อางอิง : มาตรา 91/17 ภาษีตามหมวดนี้ ถาในเดือนภาษีใดมีจํานวนไมถึงหนี่งรอยบาทเปนอัน ไมต องเสีย สําหรับเดอื นภาษนี นั้ 27. คนตางดาวประเภทใดที่ไมตองมีใบผานภาษีอากร (1) คนตางดาวที่เดินทางผานประเทศไทยหรือเขามาและอยูในประเทศไทย ชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะรวมกัน ไมเ กนิ เกา สบิ วนั ในปภ าษใี ด (2) คนตา งดา วทกุ คนทไ่ี มม หี นภ้ี าษอี ากรคา งอยทู ป่ี ระเทศไทย (3) ถกู ทง้ั ขอ (1) และ (2) (4) ไมมีขอใดถูก เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : มาตรา 4 จตั วา ประกอบกบั ข อ 2 ของประกาศอธบิ ดฯี เรอ่ื งกาํ หนดใหค นตางดา ว ผเู ดนิ ทางออกจากประเทศไมต อ งขอใบผา นภาษอี ากร มาตรา 4 จัตวา บทบญั ญตั ิมาตรา 4 ทวิ และมาตรา 4 ตรี ไม่ใชบ้ งั คบั แกค่ นต่างดา้ วผเู้ ดินทางผา่ นประเทศไทย หรือเขา้ มาและ อย่ใู นประเทศไทยชวั ระยะเวลาหนึง หรือหลายระยะรวมกนั ไม่เกนิ เกา้ สิบวนั ในปี ภาษใี ด โดยไม่มีเงินไดพ้ งึ ประเมิน หรือคนต่างดา้ วทีอธิบดี ประกาศกาํ หนดโดยอนมุ ตั ิรัฐมนตรี ( พระราชกาํ หนดแกไ้ ขเพิมเติม (ฉบบั ที 13) พ.ศ. 2527 ใชบ้ งั คบั 1 ม.ค. 2528 เป็นตน้ ไป ) ( ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรือง กาํ หนดใหค้ นตา่ งดา้ วผเู้ ดินทางออกจากประเทศไทยไม่ตอ้ งขอรบั ใบผา่ นภาษอี ากร ) ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรอ่ื ง กาํ หนดใหคนตา งดาวผเู ดินทางออกจากประเทศไทยไมตอ งขอรับใบผา นภาษีอากร ขอ 2 ใหคนตางดาวผูเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไมตองขอรับใบผานภาษีอากร เวนแต “(1) คนตางดาวผูตองรับผดิ เสียภาษีอากรหรือนําสงภาษีอากรที่คางชําระหรือทจี่ ะตองชําระตาม การประเมินของเจา พนกั งานประเมนิ อยูกอ นหรอื ในขณะเดนิ ทางออกนอกราชอาณาจกั ร ” (แกไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร ใชบังคับ 1 พฤศจิกายน 2534 เปนตนไป)
หนา้ 181 4 (2) คนตา งดา วผมู หี นาทแ่ี ละความรบั ผดิ ในการย่ืนรายการและเสยี ภาษเี งินไดแ ทนบรษิ ทั หรือหา ง หุนสวนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของตางประเทศ ประกอบกิจการในประเทศไทย “(3) คนตา งดา วทม่ี เี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ จากการเปน นกั แสดงสาธารณะในประเทศไทยไมว า เงนิ ไดนน้ั จะจายในหรือนอกประเทศ “(๔) คนตางดา วทีม่ เี งินไดพ ึงประเมินจากการขายเพชร พลอย ทบั ทมิ มรกต บษุ ราคัม โกเมน โอ ปอล นิล เพทาย ไพฑูรย หยก ไขมุก และอัญมณีที่มีลักษณะทํานองเดียวกัน เฉพาะที่ยังมิไดเจียระไน แตไมรวมถึงสิ่งทําเทียม วัตถุดังกลาวหรือที่ทําขึ้นใหม” (แกไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กําหนดใหคนตางดาวผูเดินทางออกจากประเทศไทยไมตองขอรับใบผาน ภาษีอากร (ฉบับที่ ๔) ใชบังคับ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เปนตนไป) คําวา “นกั แสดงสาธารณะ” หมายความวา นักแสดงละคร ภาพยนตร วิทยุ และโทรทัศน นักรอง นกั ดนตรี นกั กฬี าอาชพี หรอื นกั แสดงเพ่ือความบนั เทงิ ใด ๆ” (แกไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 2) ใชบังคับ 1 พฤษภาคม 2541 เปนตนไป)ขอ 2 ใหค นตา งดาวผู เดินทางออกนอกราชอาณาจกั รไมตองขอรับใบผานภาษีอากร เวนแต “(1) คนตางดาวผูตองรับผดิ เสียภาษีอากรหรือนําสงภาษีอากรที่คางชําระหรือทจี่ ะตองชําระตาม การประเมินของเจา พนกั งานประเมนิ อยูกอ นหรอื ในขณะเดนิ ทางออกนอกราชอาณาจกั ร ” (แกไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร ใชบังคับ 1 พฤศจิกายน 2534 เปนตนไป) (2) คนตา งดา วผมู หี นาทแ่ี ละความรบั ผดิ ในการย่ืนรายการและเสยี ภาษเี งินไดแ ทนบรษิ ทั หรือหา ง หุนสวนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของตางประเทศ ประกอบกิจการในประเทศไทย “(3) คนตา งดา วทม่ี เี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ จากการเปน นกั แสดงสาธารณะในประเทศไทยไมว า เงนิ ไดนน้ั จะจายในหรือนอกประเทศ “(๔) คนตางดา วทีม่ เี งินไดพ ึงประเมินจากการขายเพชร พลอย ทบั ทมิ มรกต บษุ ราคัม โกเมน โอ ปอล นิล เพทาย ไพฑูรย หยก ไขมุก และอัญมณีที่มีลักษณะทํานองเดียวกัน เฉพาะที่ยังมิไดเจียระไน แตไมรวมถึงสิ่งทําเทียม วัตถุดังกลาวหรือที่ทําขึ้นใหม” (แกไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กําหนดใหคนตางดาวผูเดินทางออกจากประเทศไทยไมตองขอรับใบผาน ภาษีอากร (ฉบับที่ ๔) ใชบังคับ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เปนตนไป) คําวา “นกั แสดงสาธารณะ” หมายความวา นักแสดงละคร ภาพยนตร วิทยุ และโทรทัศน นักรอง นกั ดนตรี นกั กฬี าอาชพี หรอื นกั แสดงเพ่ือความบนั เทงิ ใด ๆ” (แกไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 2) ใชบังคับ 1 พฤษภาคม 2541 เปนตนไป) 28. ขอ ใดไมถ ือเปน การขาย ในความหมายของภาษมี ลู คา เพ่ิมตามประมวลรษั ฎากร (1) ใหเชาซื้อสินคา (2) การนาํ สนิ คา ไปใชเ พ่ือประกอบกจิ การของตนเองโดยตรงตามหลกั เกณฑ วธิ กี าร และเงอ่ื นไขท่ีอธบิ ดกี าํ หนด (3) การสง สนิ คา ออกนอกราชอาณาจักร (4) สญั ญาซอ้ื ขายผอ นชาํ ระท่ีกรรมสทิ ธใ์ิ นสนิ คา ยงั ไมโ อนไปยงั ผซู ้ือเมอ่ื ไดส ง มอบสินคา ใหกบั ผซู อ้ื แลว เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว 29. TAX RETURN หมายความวา อยา งไร (1) การขอคนื ภาษเี งนิ ได (2) การยน่ื แบบแสดงรายการเพอ่ื เสยี ภาษี (3) การยกเวน ภาษเี งนิ ได (4) การนริ โทษกรรมทางภาษี เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว
หนา้ 182 5 30. ตามทกี่ ระทรวงการคลงั ไดมอบหมายใหกรมสรรพากรหามาตรการเพิ่มเติมเพื่อจูงใจใหผูประกอบการเขามาสรู ะบบการ เสียภาษที ถ่ี ูกตองใหมากขึ้น โดยนายกรฐั มนตรเี สนอแนวคิดการเกบ็ ภาษีแบบ Negative Tax ขอ ใดตอ ไปน้เี ปนการเก็บภาษี แบบ Negative Tax (1) การจัดทําคูมือเอกสารที่ผูเสยี ภาษีสามารถ download ไดจากเวบ็ ไซดของกรมสรรพากร (2) การจัดทําโปรแกรมการจัดทํารายงานภาษีมูลคาเพิ่มและแจก Software โปรแกรมดังกลาวใหกับผูประกอบการ (3) การจัดอบรมผูประกอบการรายใหมทุกราย (4) ถูกทุกขอ เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว 31. ขอ ใดตอ ไปนม้ี ใิ ช Road Map ป 2548 ของกรมสรรพากร (1) ระบบบริการขอมูลภาษีกรมสรรพากรอิเล็กทรอนิกส (2) ใชร ะบบบรหิ ารสาํ นกั งาน (Office Automation) ทกุ หนว ยงาน (3) เชอ่ื มโยงขอ มลู แบบ Online กบั หนว ยงานอน่ื (4) เรงพัฒนาระบบบัญชีรายตัวผูเสียภาษี ขอ น้ี Road Map ป 2548 ไมใ ชแ ลว Road Map ในปจจบุ นั มีดงั น้ี พ.ศ. 2561-2562 1. การใชบ รกิ าร e-Filing เปน 70% ของทกุ ประเภทภาษี 2. การขออนมุ ตั อิ นญุ าตเปลย่ี นเปน ระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส 50% ของทง้ั หมด 3. นํารองสานักงาน Paperless 4. มีสถาบันพัฒนาความรูทางภาษีอยางมืออาชีพ 5. ไดรับรางวัลความโปรงใสจากหนวยงานภายนอก พ.ศ. 2563 1. มฐี านขอ มลู ผเู สียภาษคี รอบคลมุ ดา นรายได/ รายจา ย 2. การใชบ รกิ าร e-Filing เปน 100 % ของทกุ ประเภทภาษี /ใหบ รกิ ารแบบ One Click Service 3. เปน หนว ยงานบรกิ ารอจั ฉรยิ ะ (Intelligent Service Unit) /RD Platform 4. RD Virtual Office (Office Mobility) 5. มวี ฒั นธรรมองคก รเขม แขง็
หนา้ 183 6 32. ยุทธศาสตรกรมสรรพากรใดที่เก่ยี วของกับกิจกรรม การกํากับดูแลผูเสียภาษี (1) การใช It ผลกั ดนั องคกร (2) การบริการผูเสียภาษีแบบมีเจาภาพ (3) การสํารวจและติดตามธุรกิจนอกระบบ (4) ถกู ทง้ั ขอ (1) และ (2) ขอ นเ้ี กา ลา สมยั แลว ซง่ึ ปจ จบุ นั ยทุ ธศาสตรก รม มี 3 ยทุ ธศาสตร (ตามแผนปฏบิ ตั ริ าชการกรมสรรพากรปงบประมาณ พ.ศ 2559-2563) ดงั น้ี ยุทธศาสตรที่ 1 รักษาเสถียรภาพทางรายไดอยางยั้งยืน ยทุ ธศาสตรท ่ี 2 พฒั นาระบบการบรหิ ารและบรกิ ารเพอ่ื เสริมสรา งการแขง ขนั ทางเศรษฐกจิ และสงั คม ยุทธศาสตรที่ 3 เสริมสรางธรรมมาภิบาลและสภาพแวดลอมการทํางานในองคกร 33. กิจกรรมขอใดตอไปนี้ ใชเปนตัวชี้วัดหาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของการกํากับดูแล (1) การบันทึกความเห็นบนระบบเครือขา ยรัษฎากร การตรวจสภาพกิจการ การปรับปรุงฐานขอมูล (2) การบันทึกความเห็นบนระบบเครือขายรัษฎากร การตรวจสภาพกิจการ นิติบุคคลใหมเลือกเขาทีม (3) การบันทึกความเห็นบนระบบเครือขายรัษฎากร การตรวจสภาพกิจการ ความสมบูรณของขอมลู (4) การบันทึกความเห็นบนระบบเครือขายรัษฎากร การตรวจสภาพกิจการ คาํ ถามขอน้ีเกาลา สมัยแลว
หน้า 184 จิตอาสาปน โตภาษี กลมุ 2 ขอ สอบชดุ ท่ี 8 (ขอ 17 – 33) 17. ทรัพยสินที่อายัดได (1) เงนิ เดอื นของพนกั งานบรษิ ทั เอกชน (2) บญั ชเี งนิ ฝากธนาคาร กรณขี าราชการรบั เงนิ เดอื นผา นธนาคาร และมเี งนิ ยอดเงินคงเหลอื มากกวา จํานวนเงินเดือนที่ไดรับ (3) เงนิ ประจาํ ตาํ แหนงของสมาชกิ สภาจงั หวดั (4) ถูกทุกขอ เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว อางอิง : ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง มาตรา 302 ทแ่ี กไ ขใหมป พ.ศ.2560 ซง่ึ กรมสรรพากรกําลงั แกไ ขระเบยี บอายดั ฯ พศ.2556 มาตรา 302 ภายใตบ งั คบั บทบญั ญตั แิ หง กฎหมายอน่ื เงนิ หรอื สทิ ธเิ รยี กรอ งเปน เงนิ ของลกู หนต้ี ามคาํ พพิ ากษา ตอ ไปนี้ ไมอ ยูในความรับผิดแหง การบังคบั คดี (1) เบย้ี เลย้ี งชีพซง่ึ กฎหมายกาํ หนดไว สว นเงนิ รายไดเ ปน คราว ๆ ซง่ึ บคุ คลภายนอกไดย กให เพอ่ื เลย้ี งชพี นน้ั ใหมีจํานวนไมเกินเดือนละสองหมื่นบาทหรือตามจํานวนที่เจาพนักงานบังคับคดีเหน็ สมควร (2) เงนิ เดอื น คา จา ง บาํ นาญ บําเหนจ็ เบย้ี หวดั หรอื รายไดอ น่ื ในลกั ษณะเดยี วกนั ของขา ราชการ เจาหนา ท่ี หรอื ลกู จา งในหนว ยราชการ และเงนิ สงเคราะห บาํ นาญ หรอื บาํ เหนจ็ ทห่ี นว ยราชการไดจ า ยใหแ กค สู มรสหรอื ญาตทิ ย่ี งั มี ชีวิตของบุคคลเหลานั้น (3) เงนิ เดอื น คา จา ง บาํ นาญ คาชดใช เงนิ สงเคราะห หรอื รายไดอ ืน่ ในลกั ษณะเดยี วกนั ของพนกั งาน ลกู จา ง หรือคนงาน นอกจากทก่ี ลา วไวใ น (2) ท่นี ายจา งหรอื บุคคลอื่นใดไดจ า ยใหแ กบุคคลเหลานั้น หรอื คสู มรส หรอื ญาตทิ ่ียงั มชี วี ติ ของบคุ คลเหลา นน้ั เปน จาํ นวนรวมกนั ไมเ กนิ เดอื นละ สองหมน่ื บาทหรอื ตามจํานวนทเ่ี จา พนกั งานบงั คบั คดเี หน็ สมควร (4) บาํ เหนจ็ หรอื คา ชดเชยหรอื รายไดอ น่ื ในลกั ษณะเดยี วกนั ของบคุ คลตาม (3) เปน จาํ นวนไมเ กนิ สามแสน บาทหรือตามจํานวนที่เจาพนักงานบังคับคดีเหน็ สมควร (5) เงินฌาปนกิจสงเคราะหที่ลูกหนตี้ ามคําพิพากษาไดรับอันเนื่องมาแตความตายของบุคคลอื่น เปนจํานวน ตามที่จําเปนในการดําเนินการฌาปนกิจศพตามฐานะของผูตายที่เจาพนักงานบังคับคดีเหน็ สมควร 18. ขอใดไมถูกตอง กรณีผูคางภาษีอากรถูกยึดทรัพยหรือถูกอายัดทรัพยแลว จะถอนการยึดอายัด ไดเมื่อดําเนินการ (1) ยื่นคํารองขอผอนชําระ โดยใชนําทดี่ ินมาจดจํานองเปนประกัน (2) ยน่ื คาํ รอ งขอผอนชาํ ระ โดยวางเชค็ ลว งหนา เปน หลกั ประกัน (3) ยื่นคํารองขอผอนชําระ โดยใหบุคคลผูที่มีชื่อเสียงเชื่อถือไดมาทําสัญญาค้ําประกันกับกรมสรรพากร (4) ชําระภาษีอากรคางครบถวนแลว เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ระเบยี บกรมสรรพากร วาดว ยการผอ นชาํ ระภาษอี ากร ขอ 14 ประกอบกบั ขอ 13 ขอ ๑๓ กรณีผขู อผอ นชาํ ระภาษอี ากรไมส ามารถจดั หาหลกั ประกนั ตามขอ ๘ แตส รรพากรพน้ื ทเ่ี หน็ วา ผขู อ ผอ นชาํ ระภาษอี ากรมีฐานะเชอ่ื ถือได อาจใหผ อ นชาํ ระภาษอี ากรไดไ มเ กนิ ๑๒ งวด โดยงวดแรกใหช าํ ระทนั ที และใหม ี การออกเชค็ ของผคู า งภาษอี ากร (เชค็ ประเภท ง.) ลงวนั ทล่ี ว งหนา ถดั ไปอกี ๑๑ ฉบบั ตอ ผมู อี าํ นาจอนมุ ตั ใิ หผ อ นชาํ ระ ภาษอี ากรไวใ นคราวเดยี วกนั การขอผอ นชาํ ระภาษอี ากรตามวรรคหนง่ึ ใหส รรพากรพน้ื ทส่ี าขาเปน ผอู นมุ ตั กิ ไ็ ด เวน แตผ ขู อผอ นชาํ ระภาษี อากรในรายทอ่ี ยภู ายใตก ารบรหิ ารการจดั เก็บภาษอี ากรของกองบรหิ ารภาษธี รุ กจิ ขนาดใหญ ใหผ อู าํ นวยการกองบรหิ าร ภาษีธุรกิจขนาดใหญเปน ผูพิจารณาอนุมัติ กรณเี ชค็ ลงวนั ทล่ี ว งหนา ตามวรรคหนง่ึ ขดั ขอ งเรยี กเก็บเงนิ ไมไ ด ถือวาไมชําระภาษีอากรภายในกําหนดเวลา ผู ขอผอ นชาํ ระภาษอี ากรหมดสทิ ธกิ ารผอ นชาํ ระ แตส าํ นกั งานสรรพากรพน้ื ทส่ี าขายงั คงมหี นา ทน่ี าํ เชค็ ทเ่ี หลอื สง เปน รายได แผน ดนิ เทากับจาํ นวนภาษอี ากรทคี่ า งอยูต ามกําหนดเวลาแตล ะงวด และใหด ําเนนิ คดีอาญากบั ผขู อผอ นชําระภาษีอากร ตามกฎหมายวาดวยความผิดอันเกิดจากการใชเช็คทุกกระทงความผิด ขอ ๑๔ การผอ นชาํ ระภาษอี ากรตามขอ ๑๓ วรรคหนง่ึ ไมเ ปน เหตทุ จ่ี ะใหเ จา พนกั งานผมู อี าํ นาจตามมาตรา ๑๒ แหง ประมวลรษั ฎากร ถอนการยดึ หรอื อายดั ทรพั ยสนิ ทไ่ี ดด าํ เนนิ การไปกอนแลว ได
หน้า 185 19. การสง หนงั สอื เตือน ขอ ใดไมถ กู ตอ ง (1) สงทางไปรษณียตอบรับ โดยผูลงชื่อรับเปนบุคคลอายุ 15 ป (2) สงโดยเจาพนักงาน ผูรับเปนเพื่อนบานอายุ 22 ป (3) สงโดยเจาพนักงาน ผูรับเปนผูมีชื่ออยูในทะเบียนบาน แตมิไดเปนญาติของผูคางฯ อายุ 21 ป (4) ผูคางฯ มารับดวยตนเอง ณ สํานักงานสรรพากรพื้นที่ เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : บนั ทกึ ขอ ความท่ี กค 0732/ว.5334 ลงวนั ท่ี 4 มถิ นุ ายน 2547 เรอ่ื ง แนว ปฏบิ ัตกิ ารสง หมายเรยี ก หนงั สอื แจง ภาษอี ากร หรอื หนงั สอื อน่ื ซง่ึ มถี งึ บคุ คลใด ตามมาตรา 8 แหง ประมวลรษั ฎากร 20. การลาปวยซึ่งจําเปนตองรักษาตัวเปนเวลานานไมวาคราวเดียวหรือหลายคราว เปนระยะเวลาเทาไรของครึ่งปที่แลวมา (ระยะเวลาครึ่งปแรกหรือครึ่งปหลัง ที่ผานมา) ถึงจะมีสิทธิไดรับการพิจารณาเลื่อนขนึ้ เงินเดือน หรือคาจางครึ่งขั้น ? (1) ไมเ กนิ 90 วนั ทาํ การ (2) ไมเ กนิ 60 วนั ทาํ การ (3) ไมเ กนิ 120 วนั ทาํ การ (4) ไมมีขอที่ถูกตอง เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : กฎ ก.พ. วา ดว ยการเลอ่ื นเงนิ เดอื น พ.ศ.2552 ขอ 9 ในครง่ึ ปท แ่ี ลว มาตอ งมเี วลา ปฏบิ ตั ริ าชการ โดยมวี นั ลาไมเกนิ ยส่ี บิ สามวนั แตไมร วมถงึ วนั ลาตาม (6) หรอื (7) และวนั ลาดงั ตอ ไปน้ี (ค) ลาปวยซึ่งจําเปนตองรักษาตัวเปนเวลานานไมวาคราวเดียวหรือหลายคราวรวมกันไมเกินหกสิบวนั ทําการ 21. การลาหยุดราชการกี่วันในครึ่งปที่แลวมาถึงจะไดรับการพิจารณาเลื่อนขึ้นเงินเดือนหรือคาจางครึ่งขั้น (1) ในครง่ึ ปท แ่ี ลว มาตอ งไมล าหยดุ ราชการเกนิ 10 ครง้ั หรอื 23 วนั ทาํ การ (2) ในครง่ึ ปท แ่ี ลว มาตอ งไมล าหยดุ ราชการเกนิ 10 ครง้ั หรอื 12 วนั ทาํ การ (3) ในครง่ึ ปท แ่ี ลว มาตอ งไมล าหยดุ ราชการเกนิ 12 ครง้ั หรอื 23 วนั ทาํ การ (4) ในครง่ึ ปท แ่ี ลว มาตอ งไมล าหยดุ ราชการเกนิ 12 ครง้ั หรอื 12 วนั ทาํ การ เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : 1. ประกาศกรมสรรพากร เรอ่ื ง หลกั เกณฑก ารพจิ ารณาเลอ่ื นเงนิ เดอื นขา ราชการพล เรอื นสามญั และเลอ่ื นขน้ั คา จา งลกู จา งประจาํ ตามพระราชบญั ญัตริ ะเบยี บขา ราชการพลเรอื น พ.ศ.2551 2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ดวนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 28 ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2552 3. กฎ ก.พ. วาดว ยการเลอ่ื นเงนิ เดอื น พ.ศ.2552 4. ระเบียบกระทรวงการคลัง วาดวยการเล่อื นขนั้ คา จางลูกจา งประจาํ ของสว นขา ราชการ พ.ศ. 2544 ขอ 2 (2.1.1)-(2.1.3) 22. ตามแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรที่ มจ.13/2547 เรื่อง การลาของขาราชการกรมสรรพากรผานเครือขายรัษฎากร กําหนดใหขาราชการทุกคนที่ปฏิบัติราชการอยูในหนวยงานท่ตี ั้งอยูในทองที่กรุงเทพมหานคร ถือปฏิบัติเมื่อใด ? (1) 3 มถิ นุ ายน 2547 เปน ตน ไป (2) 20 มถิ นุ ายน 2547 เปน ตน ไป (3) 1 กรกฎาคม 2547 เปน ตน ไป (4) 3 กรกฎาคม 2547 เปน ตน ไป เฉลย (3) ถูกตอ งแลว อา งองิ : แนวทางปฏิบตั กิ รมสรรพากร ท่ี บท. 1/2560 เรอ่ื ง การลาหยดุ ราชการผา นเครอื ขา ยรษั ฎากร
หนา้ 186 23. ผปู ระกอบการแจง คดั คา นคาํ สง่ั เพกิ ถอนการจดทะเบยี นภาษมี ูลคา เพม่ิ ภายในกว่ี นั (1) ภายใน 7 วนั (2) ภายใน 15 วนั (3) ภายใน 30 วนั (4) ภายใน 60 วนั เดมิ เฉลย (1) ทถ่ี กู ตอบ (3) อา งองิ : มาตรา 85/17 ประกอบกบั ระเบยี บกรมสรรพากร วาดว ยการปฏบิ ตั งิ าน กรรมวธิ ภี าษมี ลู คา เพม่ิ พ.ศ. 2551 ขอ 21.1 มาตรา 85/17 ผปู ระกอบการจดทะเบยี นใดกระทาํ ผดิ บทบญั ญตั ใิ นหมวดน้ี อธบิ ดมี อี าํ นาจสง่ั เพกิ ถอนการจด ทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ ของผปู ระกอบการจดทะเบยี นนน้ั ไดแ ละใหแ จง การเพกิ ถอนดงั กลา วใหผ ปู ระกอบการทราบเปน หนงั สอื และใหผ ปู ระกอบการทไ่ี ดร บั แจง คนื ใบทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ ณ สถานทท่ี ไ่ี ดจ ดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ ไว ภายในเจด็ วนั นบั แตว นั ทไ่ี ดร บั แจง การเพกิ ถอน ระเบยี บกรมสรรพากรวา ดว ยการปฏบิ ตั งิ านกรรมวธิ ภี าษมี ลู คา เพม่ิ พ.ศ. 2551 “ขอ ๒๑ การคดั คา นคาํ สง่ั เพกิ ถอนการจดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ ๒๑.๑ สถานทแ่ี ละกาํ หนดเวลายน่ื คดั คา นคาํ สง่ั เพกิ ถอนการจดทะเบยี นภาษมี ลู คาเพม่ิ ๒๑.๑.๑ในกรณที ่ีผปู ระกอบการจดทะเบยี นรายใดไมเ หน็ ดว ยกับคาํ สง่ั เพกิ ถอน การจด ทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ จะตอ งยน่ื หนงั สอื คดั คา นคาํ สง่ั เพกิ ถอนการจดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ ตอ อธบิ ดกี รมสรรพากร ณ สว นบรหิ ารงานทว่ั ไป สาํ นกั งานสรรพากรพน้ื ท่ี หรอื ฝา ยบรหิ ารงานทว่ั ไป สาํ นกั บรหิ ารภาษธี รุ กจิ ขนาดใหญ แลว แตก รณี ภายใน ๓๐ วนั นบั แตว นั ทไ่ี ดร บั หรอื ทราบคําสง่ั เพกิ ถอนการจดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ 24. การจาํ หนา ยเครอ่ื งบนั ทึกการเกบ็ เงนิ การทาํ ลาย การเคลอ่ื นยา ย จากสถานประกอบการโดยมใิ ชเ พ่ือการซอ มแซมหรือ บํารุงรักษา หรือกรณีมิไดใชเครื่องบันทึกการเกบ็ เงินใหเปนไปตามทไี่ ดรับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร จะตองแจงให สรรพากรพื้นที่ในเขตทองที่ที่สถานประกอบการตั้งอยูภายในกี่วัน (1) ภายใน 7 วนั (2) ภายใน 15 วนั (3) ภายใน 30 วนั (4) ภายใน 60 วนั เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษมี ลู คา เพม่ิ (ฉบบั ท่ี 46) ขอ 13 “(13) การจาํ หนา ยเครอ่ื งบนั ทกึ การเกบ็ เงนิ การทาํ ลาย การเคลอ่ื นยา ยออกจากสถานประกอบการโดยมใิ ช เพอ่ื การซอ มแซมหรอื บาํ รุงรกั ษา หรอื กรณที ม่ี ไิ ดใ ชเ ครอ่ื งบนั ทกึ การเกบ็ เงนิ ใหเ ปน ไปตามทไ่ี ดร บั อนมุ ตั จิ ากอธบิ ดี กรมสรรพากร ผูประกอบการจดทะเบยี นตอ งแจง ใหส รรพากรพน้ื ทใ่ี นเขตทอ งทท่ี ส่ี ถานประกอบการตง้ั อยทู ราบตามแบบ แจง การเปลย่ี นแปลงการใชเ ครอ่ื งบนั ทกึ การเกบ็ เงนิ ทเ่ี คยไดร บั อนมุ ตั ิ (แบบ ภ.พ.06.1) ภายใน 7 วนั กอ นวนั จาํ หนา ย ทาํ ลาย หรอื เคลอ่ื นยา ย เวน แตก รณที ม่ี เี หตสุ ดุ วสิ ยั กใ็ หแ จง ภายใน 7 วนั นบั แตว นั ทม่ี เี หตกุ ารณด งั กลา วเกดิ ขน้ึ กรณตี ามวรรคหนง่ึ ผปู ระกอบการจดทะเบยี นทม่ี สี ถานประกอบการหลายแหง ใหแ จง สรรพากรพน้ื ทใ่ี นเขตทอ งท่ี ทส่ี ถานประกอบการทเ่ี ปน สาํ นกั งานใหญต ง้ั อยทู ราบเปน รายสถานประกอบการ และกรณผี ปู ระกอบการจดทะเบยี นทอ่ี ยู ในความรบั ผดิ ชอบของกองบรหิ ารภาษธี รุ กจิ ขนาดใหญ ใหแ จง ผอู าํ นวยการกองบรหิ ารภาษธี รุ กจิ ขนาดใหญท ราบ” (แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดย ประกาศอธบิ ดกี รมสรรพากร เกย่ี วกบั ภาษีมลู คา เพม่ิ (ฉบบั ท่ี 218) ใชบ งั คบั 18 ธนั วาคม พ.ศ. 2560 เปนตนไป ) 25. การรับจดทะเบียนภาษีมลู คาเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะผานเครือขายอินเทอรเน็ตยื่นไดตั้งแตวันที่ 1 สิงหาคม 2547 ตั้งแตเวลา………..ถึง………. (1) ตลอด 24 ชว่ั โมง (2) เวลา 8.30 น. – 16.30 น. (3) เวลา 8.30 น. – 24.00 น. (4) เวลา 6.00 น. – 22.00 น. เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว อางอิง : แนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรที่ มจ.6/2560 เรื่อง การรับคําขอจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม และภาษธี รุ กจิ เฉพาะผา นเครอื ขา ยอนิ เทอรเ นต็
หน้า 187 ขอ 6 เจาพนกั งานสรรพากรใหค าํ แนะนาํ แกผ ปู ระกอบการ/ผปู ระกอบกจิ การทป่ี ระสงคจ ะยน่ื คาํ ขอ จดทะเบยี นผา นเครอื ขา ยอนิ เทอรเ นต็ 6.1 การยื่นคาํ ขอจดทะเบียนผา นเครือขายอินเทอรเ นต็ ตองดําเนนิ การที่เวบ็ ไซตข องกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ภายในเวลาทก่ี ฎหมายกําหนด ไดท กุ วนั ตลอด 24 ชว่ั โมง 26. การตรวจรายการคาขอจดทะเบียน ทีมบริหารการสํารวจจะตองตรวจความถูกตองจากแหลงใดบาง (1) MOL (2) BOL (3) WWW.dbd.go.th. (4) ถูกทุกขอ เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว 1. MOL ยอ มาจาก Ministry of Labour mol คอื กระทรวงแรงงานคะ 2. BOL ยอ มาจาก Business Online คอื บรกิ ารขอ มลู นติ บิ คุ คลออนไลน 3. www.dbd.go.th เปน เวบ็ ไซตข องกระทรวงพาณชิ ย 27. เงินที่เบิกจากคลัง ถาไมไดจายหรือจายไมหมด ใหสวนราชการสงคืนคลัง (1) ภายใน 7 วนั นบั จากวนั รบั เงนิ จากคลงั (2) ภายใน 7 วนั ทาํ การนบั จากวนั รบั เงนิ จากคลงั (3) ภายใน 15 วันนับจากวันรับเงินจากคลัง (4) ภายใน 15 วนั ทาํ การนบั จากวนั รบั เงินจากคลงั เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว อางองิ : ระเบยี บการเบกิ จา ยเงนิ จากคลงั พ.ศ. 2520 หมวด 7 การนาํ เงนิ ทเ่ี บกิ สง คนื คลงั ขอ ๖๖ เงนิ ทเ่ี บกิ จากคลงั ถา ไมไ ดจ า ยหรอื จา ยไมห มด ใหสว นราชการผเู บกิ นาํ สง คนื คลงั ภายในสบิ หา วนั ทาํ การนบั จาก วนั รบั เงนิ จากคลงั การนาํ เงนิ ทเ่ี บกิ สง คนื คลงั ขอ ๖๖ เงนิ ทเ่ี บกิ จากคลงั ถา ไมไ ดจ า ยหรอื จา ยไมห มด ใหสว นราชการผเู บกิ นําสงคืนคลงัภายในสิบหาวันทําการนับจากวันรับเงินจากคลัง 28. การขอรบั เงินสวสั ดกิ ารเกย่ี วกบั การรกั ษาพยาบาลในสถานพยาบาลของทางราชการประเภทผปู ว ยนอก หรอื ผปู ว ยใน (เขา รบั การรกั ษาพยาบาลในสถานพยาบาลของเอกชน) กาํ หนดใหผ ูมสี ทิ ธยิ น่ื ใบเบกิ เงนิ สวสั ดิการเกย่ี วกบั การรกั ษาพยาบาล พรอมดวยหลักฐานการรับเงินของสถานพยาบาล ซ่ึงหลักฐานการรับเงินดังกลาวมีกําหนดระยะเวลาเทาใด จึงจะหมดสิทธิใน การขอรับเงินสวัสดกิ าร (1) ภายในระยะเวลาหนง่ึ ปน บั จากวนั ทป่ี รากฏในหลกั ฐานการรบั เงนิ (2) ภายในระยะเวลาหนง่ึ ปน บั ถดั จากวนั ทป่ี รากฏในหลกั ฐานการรบั เงนิ (3) ภายในระยะเวลาสองปน บั จากวนั ทป่ี รากฏในหลักฐานการรบั เงนิ (4) ภายในระยะเวลาสองปน บั ถดั จากวนั ทป่ี รากฏในหลกั ฐานการรบั เงนิ เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ระเบยี บการะทรวงการคลัง วา ดว ยการเบกิ จา ยเงนิ สวสั ดกิ ารเกย่ี วกบั การรกั ษาพยาบาล พ.ศ. 2545 ขอ 9 . ขอรบั เงนิ สวสั ดกิ ารเกย่ี วกบั การรกั ษาพยาบาลกรณเี ขา รกั ษาพยาบาลในสถานพยาบาลของ ทางราชการประเภทผปู ว ยนอก หรอื กรณเี ขา รบั การรกั ษาพยาบาลในสถานพยาบาลของเอกชน หรอื กรณกี ารใชส ทิ ธเิ บกิ เพิ่มเฉพาะสวนที่ยังขาดอยู หรือกรณีที่กําหนดในขอ 8 ใหปฏิบัติดังนี้ (1) ใหผ มู สี ทิ ธเิ บกิ เงนิ สวสั ดกิ ารเกย่ี วกบั การรกั ษาพยาบาลตามแบบทก่ี รมบญั ชกี ลางกาํ หนดพรอ ม ดว ยหลกั ฐานการรบั เงนิ ของสถานพยาบาลตอ ผบู งั คบั บญั ชาทก่ี าํ หนดใหเ ปน ผรู บั รองการใชส ทิ ธติ ามขอ 11 ภายใน ระยะเวลาหนง่ึ ปน บั ถดั จากวนั ทีป่ รากฏในหลกั ฐานการรบั เงนิ หากพน กาํ หนดเวลาดงั กลา วใหถ อื วา ผมู ีสทิ ธใิ นการขอรบั เงนิ สวสั ดกิ ารเกย่ี วกบั การรกั ษาพยาบาลในการรกั ษาพยาบาลครง้ั นน้ั เวน แตจ ะเปน กรณตี ามขอ 8 (3) และ (4) ให นํามาเบกิ ไดต ามสิทธภิ ายในหนง่ึ ป นบั แตวนั ทรี่ บั ทราบคดี หรอื กรณีถงึ ทีส่ ดุ
หนา้ 188 29. ประกาศอธิบดีกําหนดใหผูมีเงินไดประเภทใดไมตองขอมีเลขภาษีเงินได (1) ชาวตางชาติเขามารับจางสอนหนังสือในประเทศไทย (2) ผูประกอบกิจการประเภทบุคคลธรรมดาที่ตองจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม (3) ผูมีเงินไดประเภทเงินเดือน (4) ขอ (1) และ (3) ถกู ตอ ง เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ประกาศอธบิ ดฯี เรอ่ื ง กาํ หนดใหผ มู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา บรษิ ทั หรอื หา ง หนุ สว นนติ บิ คุ คล และผจู า ยเงนิ ไดซ ง่ึ มหี นา ทห่ี กั ภาษี ณ ทจ่ี า ย มแี ละใชเ ลขประจาํ ตวั ในการปฏบิ ตั กิ ารตามประมวล รษั ฎากร ขอ 2 (1) วรรคทา ย 30. ผูจดทะเบียนเปนผปู ระกอบการและไดจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่มจะตองขอมีเลขประจําตัวผูเสียภาษีอากรหรือไม (1) ตอ งขอ (2) ไมต อ งขอ (3) ยน่ื ขอจดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ แลว ใชท ะเบยี นนน้ั อา งองิ ได (4) ขอ (2) และ (3) ถกู ตอ ง เดมิ เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว แตป จ จุบนั ไมต อ งขอมเี ลขประจาํ ตวั ผเู สยี ภาษอี ากร เนอ่ื งจากไดย กเลกิ การขอมเี ลขประจาํ ตวั ภาษีอากรแบบเดิม 10 หลัก และใหใชเลขประจําตัวผูเสียภาษีอากรแบบ 13 หลัก แทนโดยเริ่มใชตั้งแตวันที่ 1 กุมภาพันธ 2555 31. ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร กําหนดใหผูขอมีเลขประจําตัวผูเสียภาษีประเภทใดยื่นคํารองผานระบบเครือขาย อนิ เทอรเ นต็ ของกรมฯ (1) เงินไดบุคคลธรรมดา (2) เงินไดคณะบุคคล (3) เงินไดของบุคคลตางประเทศ (4) เงินไดนิติบุคคล เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว 32. กรณีที่ยื่นคํารองขอมีเลขประตัวผูเสียภาษีอากรเกินกาํ หนดเวลาตองดําเนินการเปรียบเทียบกําหนดคาปรับกรมฯ กําหนดเวลาไวก ่ีวัน (1) 150 วนั (2) 90 วนั (3) 60 วนั (4) 30 วนั เดมิ เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว แตป จ จุบนั ไมต อ งขอมเี ลขประจาํ ตวั ผเู สยี ภาษอี ากร เนอ่ื งจากไดย กเลกิ การขอมเี ลขประจาํ ตวั ภาษีอากรแบบเดิม 10 หลัก และใหใชเลขประจําตัวผูเสียภาษีอากรแบบ 13 หลัก แทนโดยเริ่มใชตั้งแตวันที่ 1 กุมภาพันธ 2555 33. ใครมอี าํ นาจจดั ซอ้ื จดั จางโดยวธิ พี เิ ศษครง้ั หนง่ึ ไมเ กนิ 10,000,000.- บาท (1) หวั หนา สวนราชการ (2) ปลัดกระทรวง (3) รัฐมนตรีเจาสังกัด (4) ผอู าํ นวยการกองคลงั เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว
หนา้ 189 จิตอาสาปน โตภาษี กลุม 2 ขอ สอบชดุ ท่ี 9 (ขอ 17 – 33) 17. การขอขอมลู บญั ชเี งนิ ฝากจากธนาคารผา นทาง email จะตอ งจดั ทาํ รายชอ่ื ผคู า งภาษแี นบ ทา ยหมายเรยี กอยา งไร (1) 250 ราย/1หมายเรียกแตไมเ กิน 1000 ราย/เดือน (2) 200 ราย/1หมายเรียกแตไมเกิน 1000 ราย/เดือน (3) 250 ราย/1หมายเรียกแตไมเกิน 2000 ราย/เดือน (4) 200 ราย/1หมายเรียกแตไมกิน 2000 ราย/เดือน เดมิ เฉลย (1) ทถ่ี กู ตอบ ไมม ขี อ ใดถกู อา งองิ : แนวทางปฏบิ ติ กรมสรรพากร ท่ี มจ.4/2554 เรอ่ื ง การควบคมุ ลกู หน้ี ภาษอี ากรดว ยระบบคอมพวิ เตอร (๗.๒.๓) เจาหนาที่ออกหมายเรียกธนาคาร (มจ.) (๗.๒.๓.๑) จดั ชดุ ขอ มลู รายช่ือผคู า งภาษอี ากรและผมู สี ว นไดเ สยี ทร่ี อการจดั ชดุ ดว ยกลมุ เมนู “การจดั การขอ มลู ทรพั ยส นิ ” เลอื ก “การจดั การชดุ ขอ มลู รายชอ่ื บคุ คลเพอ่ื ตรวจสอบบญั ชเี งนิ ฝากธนาคาร” ระบบให เลขทช่ี ดุ ขอ มลู และเลขทห่ี นงั สอื ใหร ะบรุ ายละเอยี ดลงในระบบเพอ่ื จดั ชดุ ภายในวนั ศกุ รห รอื วนั ทาํ การสดุ ทา ยของสปั ดาห และจดั พมิ พห มายเรยี กฯ เสนอผมู อี าํ นาจลงนามพรอ มบญั ชรี ายชอ่ื ผคู า งภาษอี ากรแนบทา ยหมายเรยี กไมเ กนิ ๑,๐๐๐ ราย ตอ ๑ หมายเรียก 18. การซื้อหรือการจางกระทําได 6 วิธี และการซื้อหรือการจางโดยวิธีประกวดราคาตองมีจํานวนครั้งหนึ่งเทาไร (1) ราคาไมเ กนิ 2,000,000.-บาท (2) ราคาเกนิ 100,000.-บาท (3) ราคาไมเ กนิ 100,000.-บาท (4) ราคาเกนิ 2,000,000.-บาท ขอ นล้ี า สมยั แลว อา งองิ : พ.ร.บ. การจดั ซอ้ื จดั จา งและการบรหิ ารพสั ดภุ าครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 55 การจัดซื้อจัดจางพัสดุอาจกระทําไดโดยวิธี ดังตอไปนี้ (1) วธิ กี ารประกาศเชญิ ชวนทว่ั ไป ไดแ ก การทห่ี นว ยงานของรฐั เชญิ ชวนผปู ระกอบการทัว่ ไปทม่ี ี คณุ สมบตั ิ ตรงตามเงอ่ื นไขทห่ี นว ยงานของรฐั กาํ หนดใหเ ขา ยน่ื ขอ เสนอ (๒) วธิ คี ดั เลอื ก ไดแ ก การทห่ี นว ยงานของรฐั เชญิ ชวนเฉพาะผปู ระกอบการทม่ี คี ณุ สมบตั ิ ตรงตามเงอ่ื นไขท่ี หนว ยงานของรฐั กาํ หนดซง่ึ ตอ งไมน อ ยกวา สามรายใหเ ขา ยน่ื ขอ เสนอ เวน แตใ นงานนน้ั มผี ปู ระกอบการทม่ี คี ณุ สมบตั ติ รง ตามที่กําหนดนอยกวาสามราย (๓) วธิ เี ฉพาะเจาะจง ไดแ ก การทห่ี นว ยงานของรฐั เชญิ ชวนผปู ระกอบการทีม่ คี ณุ สมบตั ิ ตรงตามเงอ่ื นไขท่ี หนว ยงานของรฐั กาํ หนดรายใดรายหนง่ึ ใหเ ขา ยน่ื ขอ เสนอ หรอื ใหเ ขา มาเจรจาตอ รองราคา รวมทง้ั การจดั ซอ้ื จดั จา งพสั ดุ กบั ผปู ระกอบการโดยตรงในวงเงนิ เลก็ นอ ยตามทก่ี าํ หนดในกฎกระทรวง ทอ่ี อกตามความในมาตรา ๙๖ วรรคสอง 19. รองอธิบดีและสรรพากรภาคมีอํานาจในการสั่งจําหนายพัสดุอยางไร (1) พสั ดทุ ม่ี รี าคาซ้ือหรอื ไดม าครง้ั หนง่ึ รวมกนั ไมเ กิน 500,000.-บาท (2) พสั ดทุ ม่ี รี าคาซ้ือหรอื ไดม าครง้ั หนง่ึ รวมกนั เกนิ 500,000.-บาท (3) พสั ดทุ ม่ี รี าคาซ้ือหรอื ไดม าครง้ั หนง่ึ รวมกนั ไมเ กิน 200,000.-บาท (4) พสั ดทุ ม่ี รี าคาซ้ือหรอื ไดม าครง้ั หนง่ึ รวมกนั เกนิ 200,000.-บาท เดมิ เฉลย (1) ทถ่ี กู ตอบ ไมม ขี อ ใดถกู อา งองิ : คาํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ท.379/2560 เรอ่ื ง มอบอํานาจหนา ทใ่ี นการ ปฏบิ ตั ริ าชการแทนอธบิ ดกี รมสรรพากร ขอ 3.2 สรรพากรภาค (6) การดาํ เนนิ การจาํ หนา พสั ดทุ ม่ี รี าคาซอ้ื หรอื ไดม าครง้ั หนง่ึ รวมกนั ไมเ กนิ 100,000,000 บาท
หน้า 190 20. บริษัท ข จํากัดเปนบริษัท ไมจดทะเบียนหลักทรัพย ไดรับเงินปนผลจากธนาคารกรุงเทพจํากัด(มหาชน) เมื่อวันที่ 15 มถิ นุ ายน 2547 จาํ นวน 500,000.-บาท ซง่ึ หนุ ดงั กลา วไดซ ้ือมาเมอ่ื วนั ท่ี 3 มกราคม 2547 บรษิ ทั ตอ งนาํ เงนิ ปน ผล มารวมเปนรายไดอยางไร (1) ไดรับยกเวนไมตองนํามารวม (2) ตอ งนาํ มารวม 500,000.-บาท (3) ตอ งนาํ มารวม 250,000.-บาท (4) ไมมีขอใดถูก เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : มาตรา 65 ทวิ (10) สําหรบั บริษทั จาํ กดั ทต่ี ง้ั ขน้ึ ตามกฎหมายไทย ใหน าํ เงนิ ปน ผลทไ่ี ด จากบรษิ ทั จาํ กดั ทต่ี ง้ั ขน้ึ ตามกฎหมายไทย กองทนุ รวม หรอื สถาบนั การเงนิ ทม่ี กี ฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทยจดั ตง้ั ขน้ึ สาํ หรบั ใหก ยู มื เงนิ เพอ่ื สง เสริมเกษตรกรรม พาณชิ ยกรรม หรอื อตุ สาหกรรม และเงนิ สว นแบง กาํ ไรทไ่ี ดจ ากกจิ การรว ม คา มารวมคาํ นวณเปน รายไดเ พยี งกง่ึ หนง่ึ ของจาํ นวนทไ่ี ด เวนแตบ ริษัทจํากดั ท่ีตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยดังตอ ไปน้ี ไมตอง นาํ เงนิ ปน ผลทไ่ี ดจ ากบรษิ ทั จาํ กดั ทต่ี ง้ั ขน้ึ ตามกฎหมายไทย กองทนุ รวม หรอื สถาบนั การเงนิ ทม่ี กี ฎหมายโดยเฉพาะของ ประเทศไทยจดั ตง้ั ขน้ึ สาํ หรบั ใหก ยู มื เงนิ เพอ่ื สง เสรมิ เกษตรกรรม พาณชิ ยกรรม หรอื อตุ สาหกรรม และเงนิ สว นแบง กาํ ไรท่ี ไดจากกิจการรวมคามารวมคํานวณเปนรายได ( ดพู ระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ท่ี 263 ) พ.ศ. 2536 สาํ หรบั เงนิ สว นแบง ของกาํ ไรทไ่ี ดจ ากกองทนุ รวมตาม พระราชบญั ญตั หิ ลกั ทรพั ยแ ละตลาดหลกั ทรพั ย พ.ศ.2535 (ก) บรษิ ทั จดทะเบยี น (ข) บรษิ ทั จาํ กดั นอกจาก (ก) ซง่ึ ถอื หนุ ในบรษิ ทั จาํ กดั ผจู า ยเงนิ ปน ผลไมน อ ยกวา รอ ยละ 25 ของหนุ ทง้ั หมดท่ี มีสิทธิออกเสยี งในบรษิ ัทจํากดั ผจู ายเงินปน ผล และบรษิ ัทจาํ กัดผูจา ยเงินปน ผลไมไ ดถ อื หุน ในบรษิ ัทจาํ กัดผรู บั เงนิ ปนผลไม วาโดยทางตรงหรือโดยทางออม 21. กรณีใดดังตอไปนี้ ไมตองปดอากรแสตมป คาอากร ผูที่ตองเสียอากร ผูท ่ตี อ งขดี ฆา (1) ทาํ สญั ญาเชา ทรัพยส ินใชใ นการทํานา 10,000 บาท แสตมป แสตมป (2) ทาํ สญั ญาซอมรถมอเตอรไ ซค 2,000 บาท (3) ทาํ สญั ญากยู มื เงิน 3,000 บาท (4) เช็คหรือหนังสือคําสั่งใด ๆ ซึ่งใชแทนเช็ค เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : บญั ชอี ตั ราอากรแสตมป ลักษณะแหงตราสาร 1. เชาที่ดิน โรงเรือน สิ่งปลูกสรางอยางอื่นหรือแพ 1 บาท ผูใหเชา ผูเชา ทกุ จํานวนเงนิ 1,000 บาท หรอื เศษของเงนิ 1,000 บาท แหงคาเชาหรือเงินกินเปลา หรือทั้งสองอยางรวมกัน ตลอดอายกุ ารเชา หมายเหตุ (1) ถาสัญญาเชามไิ ดก ําหนดอายุการเชาใหถือวามี กําหนด 3 ป (2) ถาสัญญาเชาฉบับใดครบกําหนดอายุการเชา หรือ ครบกําหนด 3 ป ตาม (1) แลวผูเชายังคงครองทรัพยสนิ อยู และใหผูเชารคู วามนั้นแลวไมทักทวง ทั้งมิไดทําสญั ญาใหม ให ถือวาสัญญาเชาเดิมนั้นไดเริ่มทํากนั ใหม โดยไมมีกําหนดอายุ การเชา และตองเสียอากรภายในสามสิบวัน นับแตวันที่ถือวา เริ่มทําสัญญาใหมน ั้น ยกเวน ไมต อ งเสียอากร เชา ทรัพยส นิ ใชในการทาํ นา ไร สวน
หนา้ 191 22. กองมรดกของผูตายใชเลขประจําตัวของผูใด (1) ทายาท (2) ผูครอบครองทรัพยมรดก (3) เลขประจําตัวผูเสียภาษีอากรของผูตายระหวางป (4) ผูจดั การมรดก เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : มาตรา 57 ทวิ ประกอบกบั ขอ 2 (1) ของประกาศอธบิ ดฯี เรอ่ื ง กาํ หนดใหผ มู หี นา ท่ี เสยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล และผจู า ยเงนิ ไดซ ง่ึ มหี นา ทห่ี กั ภาษี ณ ทจ่ี า ย มแี ละใชเ ลข ประจําตวั ในการปฏบิ ตั ติ ามประมวลรษั ฎากร แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดยประกาศอธบิ ดฯี เรอ่ื ง กาํ หนดใหผ มู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ได บคุ คลธรรมดา ฯ(ฉบบั ท่ี3) ลงวนั ท่ี 11 มกราคม 2555 23. ผูประกอบกิจการประเภทใดที่มีสิทธิแจงตออธิบดีกรมสรรพากรเพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่มได (1) การใหบ รกิ ารขนสง ในราชอาณาจกั รโดยอากาศยาน (2) การใหบ รกิ ารขนสง นาํ้ มนั เชอ้ื เพลงิ ทางทอ ในราชอาณาจกั ร (3) การขายปยุ (4) ถูกทุกขอ เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : พระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ท่ี 241) พ.ศ. 2534 “มาตรา 3 ใหกิจการที่ไดรับยกเวนภาษีมูลคาเพิ่มดังตอไปนี้ เปน กจิ การทผ่ี ปู ระกอบการมสี ทิ ธิแจง ตอ อธบิ ดี กรมสรรพากรเพอ่ื ขอจดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ และเสยี ภาษมี ลู คาเพม่ิ ได (1) การใหบ ริการขนสง ในราชอาณาจักรโดยอากาศยาน (2) การสง ออกของผปู ระกอบการในเขตอตุ สาหกรรมสง ออกตามกฎหมายวา ดว ยการนคิ มอตุ สาหกรรมแหง ประเทศไทย” (แกไ ขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชกฤษฎกี าฯ (ฉบบั ท่ี 252) พ.ศ. 2535 ใชบ งั คบั 1 มกราคม 2535 เปน ตน ไป) “(3) การใหบ รกิ ารขนสง นาํ้ มนั เชอ้ื เพลงิ ทางทอ ในราชอาณาจกั ร” (แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชกฤษฎกี าฯ (ฉบบั ท่ี 268) พ.ศ. 2536 ใชบ งั คบั 9 ธนั วาคม 2536 เปน ตน ไป) “(4) การใหบ รกิ ารขนสง ในราชอาณาจกั ร สาํ หรบั การใหบ รกิ ารขนสง ทางทะเลโดยเรอื เดนิ ทะเล ทง้ั น้ี ใหร วมถงึ การใหบ รกิ ารขนสง ระหวา งทะเลกบั แมน ํ้าในราชอาณาจกั รโดยเรอื เดนิ ทะเลดว ย” (แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชกฤษฎกี าฯ (ฉบบั ท่ี 521) พ.ศ. 2554 ใชบ งั คบั 27 พฤษภาคม 2554 เปน ตน ไป) 24. แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 9 ใชในชวงระยะเวลาใด (1) พ.ศ. 2542 – 2546 (2) พ.ศ. 2543 – 2547 (3) พ.ศ. 2547 – 2548 (4) พ.ศ. 2545 – 2549 เดมิ เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว แตป จ จุบนั เปน แผนพตั นาเศรษฐกจิ ฉบบั ท่ี 12 พ.ศ. 2560-2564 25. หนภ้ี าษอี ากรคา งจาํ นวนเทา ใดทส่ี รรพากรภาคมอี าํ นาจอนมุ ตั ิใหจ าํ หนา ยหนภ้ี าษอี ากรได (1) หนภ้ี าษอี ากรไมเ กนิ 1,000,000 บาท (2) หนภ้ี าษอี ากรไมเ กนิ 2,000,000 บาท (3) หนภ้ี าษอี ากรไมเ กนิ 3,000,000 บาท (4) หนภ้ี าษอี ากรไมเ กนิ 5,000,000 บาท เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ระเบยี บการะทรวงการคลงั วา ดว ยการจาํ หนา ยหนภ้ี าษอี ากร พ.ศ. 2545 แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดย ระเบยี บการะทรวงการคลงั วา ดว ยการจาํ หนา ยหนภ้ี าษอี ากร (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2547 ขอ 6 อํานาจการอนญุ าตจําหนา ยหน้ภี าษอี ากร 6.1 หนี้ภาษีอากรที่มีจํานวนไมเกิน 5,000,000 บาท ใหสรรพากรภาค หรือผูอํานวยการสํานัก บรหิ ารภาษธี รุ กจิ ขนาดใหญ แลว แตก รณี เปน ผอู นุญาตจาํ หนาย 6.2 หนภ้ี าษอี ากรทม่ี จี าํ นวนไมเ กนิ 50,000,000 บาท ใหอ ธบิ ดเี ปน ผอู นญุ าตจาํ หนา ย 6.3 หนภ้ี าษอี ากรทม่ี จี าํ นวนเกนิ กวา 50,000,000 บาท ใหร องปลดั กระทรวง หรอื คณะกรรมการ เพื่อพิจารณาและอนุญาตจําหนายหนภี้ าษีอากรที่รองปลัดกระทรวงแตงตั้งเปนผูอนุญาตจําหนาย”
หนา้ 192 26. การจดั ทาํ บญั ชรี ายชอ่ื ผคู างภาษอี ากรแนบทา ยหมายเรยี ก มาตรา 12 ตรี แหง ประมวลรัษฎากร เพอ่ื ขอขอ มลู บญั ชเี งนิ ฝาก ธนาคารของผคู างภาษีอากรทาง e-mail จะตอ งมจี าํ นวนก่รี ายตอ 1 หมายเรียก (1) ไมเกิน 50 ราย ตอ 1 หมายเรียก (2) ไมเกิน 100 ราย ตอ 1 หมายเรียก (3) ไมเกิน 250 ราย ตอ 1 หมายเรียก (4) ไมจ าํ กดั จาํ นวน เดมิ เฉลย (3) ทถ่ี กู ตอบ ไมม ขี อ ใดถกู อา งองิ : แนวทางปฏบิ ติ กรมสรรพากร ท่ี มจ.4/2554 เรอ่ื ง การควบคมุ ลกู หน้ี ภาษอี ากรดว ยระบบคอมพวิ เตอร (๗.๒.๓) เจาหนาที่ออกหมายเรียกธนาคาร (มจ.) (๗.๒.๓.๑) จดั ชดุ ขอ มลู รายช่ือผคู า งภาษอี ากรและผมู สี ว นไดเ สยี ทร่ี อการจดั ชดุ ดว ยกลมุ เมนู “การจดั การขอ มลู ทรพั ยส นิ ” เลอื ก “การจดั การชดุ ขอ มลู รายชอ่ื บคุ คลเพอ่ื ตรวจสอบบญั ชเี งนิ ฝากธนาคาร” ระบบให เลขทช่ี ดุ ขอ มลู และเลขทห่ี นงั สอื ใหร ะบรุ ายละเอยี ดลงในระบบเพอ่ื จดั ชดุ ภายในวนั ศกุ รห รอื วนั ทาํ การสดุ ทา ยของสปั ดาห และจดั พมิ พห มายเรยี กฯ เสนอผมู อี าํ นาจลงนามพรอ มบญั ชรี ายชอ่ื ผคู า งภาษอี ากรแนบทา ยหมายเรยี กไมเ กนิ ๑,๐๐๐ ราย ตอ ๑ หมายเรียก 27. ระบบกํากับดูแลสามารถเขาไปคนหาขอมูลในการตรวจสอบภาษีอากรอะไรไดบาง (1) ขอมูลเกี่ยวกับภาษีเงินไดนิติบุคคล (2) ขอมูลเกี่ยวกับภาษีมูลคาเพิ่ม (3) ขอมลู การจดทะเบียนนิติบุคคล (4) ขอ (1) และ (2) ถกู ขอ นล้ี า สมยั เน่ืองจาก ปจ จบุ นั ใชร ะบบแนะนาํ ควบคมุ และตดิ ตามผปู ระกอบการ ตามแนวปฏบิ ตั กิ รมสรรพากร ที่ มก.85/2561 28. ในระบบกาํ กบั ดแู ล ทมี กาํ กบั ดแู ลไมส ามารถเขา ไปดาํ เนนิ การในระบบกาํ กบั ดแู ลได ? (1) ใหความเห็น (2) การเขาปรับปรุงขอมูลที่อยูของผูประกอบการ (3) การลบรายผูประกอบการที่ไมจด VAT จากระบบกํากบั ดูแล (4) คัดคนขอมูลภาษีจากระบบขอมูลคัดคนรายตัว ขอ นล้ี า สมยั เนอ่ื งจาก ปจ จบุ นั ใชร ะบบแนะนาํ ควบคมุ และตดิ ตามผปู ระกอบการ ตามแนวปฏบิ ตั กิ รมสรรพากร ที่ มก.85/2561 29 ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวาดวยงานสารบรรณหนังสือมีกี่ชนิด อะไรบาง? (1) 3 ชนดิ ไดแ กห นงั สอื ภายใน, หนงั สอื ภายนอก,หนงั สอื สง่ั การ (2) 4 ชนดิ ไดแ กห นงั สอื ภายใน, หนงั สอื ภายนอก,หนงั สอื สง่ั การ,หนงั สือประทบั ตรา (3) 5 ชนดิ ไดแ กห นงั สือภายใน, หนงั สอื ภายนอก,หนงั สอื สง่ั การ,หนงั สอื ประทบั ตรา,หนงั สอื ประชาสัมพนั ธ (4) 6 ชนดิ ไดแ กห นงั สือภายใน, หนงั สือภายนอก,หนงั สือสง่ั การ,หนงั สือประทบั ตรา,หนงั สอื ประชาสัมพันธ, หนงั สือท่ี เจา หนา ทท่ี ําข้ึนหรอื รบั ไวเ ปน หลกั ฐานในราชการ เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว อางองิ : ระเบยี บสํานกั นายกรฐั มนตรี วาดว ยงานสรรบรรณ ขอ 10 หนงั สอื มี 6 ชนิด คือ 10.1 หนงั สอื ภายนอก 10.2 หนงั สือภายใน 10.3 หนังสอื ประทบั ตรา 10.4 หนงั สอื ส่ังการ 10.5 หนังสือประชาสัมพันธ 10.6 หนงั สอื ทเ่ี จา หนา ทท่ี าํ ขน้ึ หรอื รบั ไวเ ปน หลกั ฐานในราชการ
หนา้ 193 30. กรมสรรพากรเปดโอกาสใหบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลยื่นแบบคําขอมีเลขประจําตัวผูเสียภาษีเงินไดนิติบุคคล on line ผานเครือขาย อินเตอรเน็ตไดตั้งแตวันที่เทาไหร ? (1) วนั ท่ี 1 พฤษภาคม 2547 (2) วนั ท่ี 1 มถิ นุ ายน 2547 (3) วนั ท่ี 1 กรกฎาคม 2547 (4) วนั ท่ี 1 สงิ หาคม 2547 เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ขา วประชาสมั พนั ธ เรอ่ื ง การขอมเี ลขประจาํ ตวั ผเู สยี ภาษเี งนิ ไดน ติ บิ คุ คล on line 31. ตามคําสั่งกรมสรรพากรที่ ทป. 140/2547 มอบหมายใหสรรพากรพื้นที่สั่งงดเบี้ยปรับภาษีมูลคาเพิ่มตามมาตรา 89 แหงประมวลรัษฎากรโดยไมจํากัดจํานวนเบี้ยปรับ เฉพาะกรณีบุคคลที่จะตองเสียเบี้ยปรับ ไดกระทําความผิดดังนี้ (1) ไมจ ดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ เนอ่ื งจากเขา ใจวา เปนกจิ การทไ่ี ดร บั ยกเวนภาษมี ลู คา เพม่ิ และผปู ระกอบการเปนบคุ คล ธรรมดา (2) ไมจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม เนื่องจากไมทราบวาเมื่อรายรับเกิน 1,200,000 บาท ตอป ตองจดทะเบียน ภาษีมูลคาเพิ่ม และผูประกอบการเปนบุคคลธรรมดา (3) นาํ ภาษซี อ้ื ทเ่ี กดิ จากการกอสรา งอาคารหรอื อสงั หารมิ ทรพั ยอ น่ื เพอ่ื ใชห รอื จะใชใ นกจิ การ หลกั ประเภททต่ี อ งเสยี ภาษมี ลู คา เพม่ิ มาหกั ในการคาํ นวณภาษมี ลู คา เพม่ิ ตอ มาไดข ายหรอื ใหเ ชา หรอื นาํ ไปใชใ นกจิ การ ประเภททไ่ี มต อ งเสยี ภาษมี ลู คา เพม่ิ ภายใน 3 ป นับแตเดือนที่ กอสรา งเสร็จสมบูรณ (4) ถูกทุกขอ เดมิ เฉลย (4) ทถ่ี กู ตอบ ไมม ขี อ ใดถกู อา งองิ : คาํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ทป.140/2547 เรอ่ื ง มอบหมายใหส ง่ั และ ดาํ เนนิ การเกย่ี วกบั การพจิ ารณางดเบย้ี ปรบั ภาษีมลู คา เพ่ิมบางกรณี ขอ 1 มอบหมายใหสรรพากรพน้ื ท่ี สาํ หรบั เขตทอ งทส่ี าํ นักงานสรรพากรพน้ื ทน่ี น้ั สง่ั งด เบย้ี ปรบั ภาษมี ลู คา เพ่ิม ตามมาตรา 89 แหง ประมวลรษั ฎากร โดยไมจ าํ กัดจาํ นวนเบย้ี ปรบั ทง้ั น้ี เฉพาะในกรณบี คุ คลทจ่ี ะตอ งเสยี เบย้ี ปรบั ไดก ระทาํ ความผดิ ดงั น้ี (1) ไมไดจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม แตยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลคาเพิ่ม (ภ.พ.30) โดยเขาใจวาไดจด ทะเบยี นแลว (2) ไมจ ดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ แตเ ขา ใจวา ตอ งจดทะเบยี นภาษธี รุ กจิ เฉพาะและไดย น่ื แบบแสดงรายการภาษี ธุรกิจเฉพาะ (ภ.ธ.40) ไปแลว (3) กรอกแบบแสดงรายการภาษีมูลคาเพิ่ม โดยนํายอดขายหรือยอดซื้อของสถานประกอบการสาขามารวม คํานวณกับสถานประกอบการที่เปนสํานักงานใหญ โดยยงั ไมไ ดร บั อนมุ ตั ใิ หย น่ื แบบแสดงรายการและชาํ ระภาษรี วมกนั (4) ไดร บั อนมุ ตั ใิ หย น่ื แบบแสดงรายการภาษมี ลู คา เพม่ิ รวมทส่ี ํานกั งานใหญแ ลว แตย งั กรอกแบบแสดงรายการ ภาษีมูลคาเพิ่ม แยกยื่นเปนรายสถานประกอบการ (5) นําภาษีซื้อมาใชหักในการคํานวณภาษีมูลคาเพิ่มกอนเดือนที่ระบุใน ใบกํากับภาษีในกรณี (ก) นาํ ภาษซี อ้ื ตามใบเสรจ็ รบั เงนิ ของกรมศลุ กากรสว นทเ่ี ปน ภาษี มูลคาเพิ่มมาใชหักจากภาษีขายใน เดอื นทม่ี กี ารนาํ เขา ไมต รงตามเดอื นภาษที ีค่ วามรบั ผดิ เกดิ ขน้ึ (ข) นาํ ภาษซี อ้ื ตามใบเสรจ็ รบั เงนิ ของกรมสรรพากรสว นทเ่ี ปน ภาษี มลู คา เพม่ิ ในการชาํ ระภาษตี าม แบบนาํ สง ภาษมี ลู คาเพม่ิ (ภ.พ.36) มาใชห กั จากภาษขี ายในเดอื นทม่ี กี ารสง เงนิ ไป ตา งประเทศ
หน้า 194 32. ขอใดไมตองเสียภาษีมูลคาเพิ่ม (1) การโอนสทิ ธบิ ตั รภาษตี ามกฎหมายวา ดว ยการชดเชยคา ภาษอี ากรของสนิ คา สงออก (2) รายรับจากการขายปลากระปอง (3) รายรบั จากการขายแร (4) รายไดคาธรรมเนียมเรือจอดเทียบทา คาสินคาผานทา คาชั่งน้ําหนักสินคาของทาเทียบเรือ เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : คาํ วนิ จิ ฉยั ของคณะกรรมการวนิ จิ ฉยั ภาษอี ากร ท่ี 36/2540 เรอ่ื ง ภาษมี ลู คา เพม่ิ กรณี การเสยี ภาษมี ลู คา เพม่ิ สําหรบั การโอนสทิ ธใิ นบตั รภาษี 33. ตอ ไปนข้ี อ ใดไมถ ูกตอ ง (1) นาย ก. ถกู หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ยตามมาตรา 50 และนาํ สง แลว เปน จาํ นวนเงนิ เกนิ กวา ทต่ี อ งเสยี นาย ก. ตอ งยน่ื คาํ รอง ขอคนื ภาษภี ายใน 3 ป นบั แตว นั สดุ ทา ยแหง ปซง่ึ ไดถ กู หกั ภาษเี กนิ ไป (2) การขอคนื ภาษอี ากรและภาษเี งนิ ไดท ถ่ี กู หกั ไว ณ ทจ่ี ายและนําสง แลว เปน จํานวนเกนิ กวา ทต่ี อ งเสยี หรอื ไมม หี นา ท่ี ตอ งเสยี ใหผ มู สี ทิ ธขิ อคนื ยน่ื คํารอ งขอคนื ภายใน 3 ปน บั แตว นั สดุ ทา ยแหง กาํ หนดเวลายน่ื รายการภาษตี ามทก่ี ฎหมายกาํ หนด (3) การขอคืนภาษมี ลู คา เพ่ิมสาํ หรบั การนําเขา เม่ือผนู าํ เขา ไดโ ตแ ยง ตามกฏหมายวาดว ยศลุ กากร ใหก ระทาํ ภายใน 6 เดอื นนบั แตว นั ทไ่ี ดร บั แจง คาํ วนิ จิ ฉยั ขอ โตแ ยง อากรขาเขา เปน หนงั สอื (4) กรณผี ูนําเขาที่มิไดเปนผูประกอบการจดทะเบียนไดชําระภาษีมูลคาเพิ่มแลวและตอมาไดสงสินคากลับออกไปใหผู นําเขายน่ื คาํ รองขอคนื ภาษีไดท ่ีสํานักงานสรรพากรพน้ื ทีส่ าขา เดมิ เฉลย (4) ท่ีถกู ตอบ (1) (2) และ (4) อา งอิง : มาตรา 63 และมาตรา 84/2 “มาตรา 63 บุคคลใดถูกหักภาษีไว ณ ที่จายและนําสงแลวเปนจํานวนเงินเกินกวาทคี่ วรตองเสียภาษีตามสวนนี้ บุคคลน้นั มสี ิทธไิ ดร ับเงนิ จํานวนทีเ่ กนิ นน้ั คนื แตตอ งยน่ื คาํ รอ งขอคนื ตอ เจา พนกั งานประเมินภายในสามปนบั แตว ันสดุ ทา ย แหงกําหนดเวลายื่นรายการภาษีตามที่กฎหมายกําหนด บคุ คลใดทไ่ี มม หี นา ทต่ี อ งยน่ื รายการเกย่ี วกบั เงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ในปภ าษี แตถ กู หกั ภาษไี ว ณ ทจ่ี า ยและนาํ สง แลว บคุ คลนนั้ มสี ิทธิไดรับเงนิ จํานวนที่ถูกหักและนําสงไวแลวนนั้ คืน แตตองยื่นคํารองขอคืน ตอเจาพนักงานประเมินภายใน สามปน บั แตว นั ท่ี ๓๑ มนี าคม ของปถ ดั จากปท ถ่ี กู หกั ภาษไี ว ” ( พระราชบญั ญตั แิ กไ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี ๓๘) พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ วนั ท่ี ๑๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ) “มาตรา 84/2 การขอคนื ภาษมี ลู คา เพม่ิ สําหรบั การนาํ เขา ในกรณดี งั ตอ ไปน้ี ใหก ระทาํ ไดต ามเงอ่ื นไขดงั น้ี (1) ในกรณผี นู าํ เขา มขี อ โตแ ยง ตามกฎหมายวา ดว ยศลุ กากรหรอื เปน คดใี นศาลการขอคนื ภาษใี หก ระทาํ ภายใน หกเดอื น นบั แตว นั ทไ่ี ดร บั แจง คาํ วนิ จิ ฉยั ขอ โตแ ยง อากรขาเขา เปน หนงั สอื หรอื นบั แตว นั ทม่ี คี าํ พพิ ากษาถงึ ทส่ี ดุ แลว แตก รณี (2) ในกรณผี นู าํ เขา ทม่ี ไิ ดเ ปน ผปู ระกอบการจดทะเบยี นไดช าํ ระภาษมี ลู คา เพม่ิ แลว และตอ มาไดส ง สนิ คา กลบั ออกไป การขอคนื ภาษใี หเ ปน ไปตาม หลกั เกณฑ วธิ กี าร เงอ่ื นไข และอตั ราสว นเชน เดยี วกบั การคนื อากรขาเขา ตาม กฎหมายวา ดว ยศลุ กากรทก่ี าํ หนดไวส าํ หรบั ขอคนื อากรขาเขา คาํ รอ งขอคืนภาษตี ามมาตราน้ี ใหเ ปน ไปตามแบบทีอ่ ธบิ ดกี าํ หนด ในกรณผี ขู อคนื ภาษเี ปน ผปู ระกอบการจดทะเบยี น ใหย น่ื คาํ รอ งขอคนื ณ ทว่ี า การอาํ เภอทอ งทต่ี ามทก่ี าํ หนดใน มาตรา 84/1 วรรคสาม และในกรณีผูข อคืนภาษีมิไดเปน ผปู ระกอบการจดทะเบยี น ใหย่นื คํารอ งขอคนื ณ ดานศุลกากรขาเขา
หนา้ 195 จิตอาสาปน โตภาษี กลมุ 2 ขอ สอบชุดท่ี 10 (ขอ 17 – 33) 17. จาํ นวนรายเปา หมายของการสํารวจและติดตามผูอยนู อกระบบภาษี คอื (1) 40,000 ราย (2) 45,000 ราย (3) 55,000 ราย (4) 60,000 ราย ขอ นเ้ี กา ลาสมัยแลว ปงบประมาณ พ.ศ. 2561 กรมสรรพากรไดก าํ หนดเปา หมายจํานวนรายใหมจ ากสาํ รวจ จํานวนทง้ั สิน้ 174,000 ราย 18. ยุทธศาสตรกรมสรรพากร ในการใช IT เปนแกนนําผลักดันองคกรนั้น กรมสรรพากรมีตัวชี้วัดในกรณีขางตน คือ (1) ผลการจดั เกบ็ ตามประมาณการ (2) จาํ นวนระบบ IT และบรกิ าร E-SERVICE ทพ่ี ฒั นาเพม่ิ ขน้ึ (3) การกํากับดูแลผเู สียภาษีและใหบริการเปนรายผปู ระกอบการผานระบบฯ (4) ถูกทุกขอ ขอ นเ้ี กา ลา สมยั แลว อา งองิ : แผนปฏบิ ตั ริ าชการกรมสรรพากรปง บประมาณ พ.ศ 2561-2562
หนา้ 196 19. วัดใหบริการที่จอดรถมีรายไดเกินกวา 1.2 ลานบาท นํารายไดเขาบัญชีเงินฝากของวดั นําไปใชดูแลรักษาศาสนสมบัติ ภายในวดั ตอ งเสยี ภาษมี ลู คา เพ่ิม หรอื ไม (1) ตอ งเสยี ภาษมี ลู คา เพม่ิ ในอตั รารอยละ 7 เน่ืองจากเปน การใหบ รกิ ารในราชอาณาจกั รและมรี ายไดเ กนิ 1.2 ลานบาท (2) ไมตองเสียภาษีมูลคาเพิ่มเนื่องจาก เปนการใหเชาอสังหาริมทรัพย ยกเวนภาษีมูลคาเพิ่มตาม มาตรา 81 (1) (ต) แหงประมวลรัษฎากร (3) ไมตองเสียภาษีมลู คาเพิ่ม เนื่องจากเปนการใหบริการเพื่อประโยชนแกศาสนา หรือสาธารณะกุศลภายในประเทศ ไดรับยกเวน ตาม มาตรา 81(1)(ธ) แหงประมวลรัษฎากร (4) ไมต อ งเสยี ภาษมี ลู คา เพม่ิ เน่ืองจากเปน การใหบ รกิ ารตามท่ีกาํ หนด โดยพระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ท่ี 239) พ.ศ. 2534 เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อางอิง : ขอ หารอื ที่ กค 0811/พ.09286 ลงวันท่ี 7 กันยายน 2542 เลขตู 62/28290 “การใหบ รกิ ารจอดรถยนตข องวดั โดยนาํ รายไดเ ขาบญั ชเี งนิ ฝากของวดั และนาํ ไปใชเ ปน คา ใชจ า ยดแู ล รกั ษาศาสนสมบตั ติ า งๆ ภายในบรเิ วณวดั โดยมไิ ดน าํ ผลกําไรไปจายในทางอน่ื เขา ลกั ษณะเปน การใหบ รกิ ารเพอ่ื ประโยชนแ ก การสาธารณกศุ ลภายในประเทศ ไดร บั ยกเวน ภาษีมลู คา เพม่ิ ตามมาตรา 81(1)(ธ) แหง ประมวลรษั ฎากร” 20. บรษิ ทั A เชา สาํ นกั งานจากบริษทั เรยี ลเอสเตท จาํ กดั โดยจา ยเงนิ ชวยคา กอ สรา ง จํานวน 5 ลา นบาท และตอ งจา ยคา เชา รายเดอื นอกี เดอื นละ 50,000 บาท บรษิ ทั A ตอ งหกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย ดงั น้ี (1) 5% ของเงนิ ชว ยคา กอ สรา งในวนั ท่ีจา ยเงิน (2) 3% ของเงนิ ชว ยคา กอ สรา งในวนั ท่ีจา ยเงิน (3) 5% ของเงินชวยคากอสรางในวันที่จายเงิน และ 5% ของคาเชาในเดือนที่จายคาเชา (4) 3% ของเงินชวยคากอสราง และ 5% ของคาเชารายเดือนในเดือนที่จายคาเชา เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อางอิง : คําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ขอ 6(2) ขอ 6 ใหบ รษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลหรอื นติ บิ คุ คลอน่ื ซง่ึ เปน ผจู า ยคา เชา หรอื ประโยชนอ ยา งอน่ื ทไ่ี ด เนอ่ื งจากการใหเ ชา ทรพั ยส นิ ตามมาตรา 40(5)(ก) แหง ประมวลรษั ฎากร แตไ มร วมถงึ คา แหง อาคารหรอื โรงเรอื นทไ่ี ดร บั กรรมสทิ ธ์ิใหแ กผ รู บั ซง่ึ เปน (1) ผมู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 5.0 (2) บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลทป่ี ระกอบกจิ การในประเทศไทย นอกจากทร่ี ะบใุ น (3) หกั ภาษี ณ ที่จายโดยคํานวณหกั ไวในอัตรารอยละ 5.0 (3) มลู นธิ หิ รอื สมาคมทป่ี ระกอบกจิ การซง่ึ มรี ายได แตไ มร วมถงึ มลู นธิ หิ รอื สมาคมทร่ี ัฐมนตรี ประกาศกาํ หนดตามมาตรา 47(7)(ข) แหง ประมวลรษั ฎากร หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ยโดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 10.0 (4) ผมู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา หรอื บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลทป่ี ระกอบกจิ การใน ประเทศไทย นอกจากทร่ี ะบใุ น (3) เฉพาะทเ่ี ปน คา เชา เรอื ตามกฎหมายวา ดวยการสง เสรมิ พาณชิ ยน าวที ีใ่ ชใ นการขนสง ระหวา งประเทศ หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ยโดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 1.0 21. การใหบริการขนสงในประเทศไดรับการยกเวนภาษีมูลคาเพิ่ม ตามมาตรา 81(1)(ณ) แหงประมวลรัษฎากร เมื่อ ผูรับบริการขนสงท่เี ปนนติ ิบุคคล ชําระเงินคาบริการขนสงใหกับนิติบุคคลที่เปนผูใหบริการ จะตองหักภาษี ณ ที่จาย ตาม มาตรา 3 เตรส แหงประมวลรัษฎากร ในอัตรารอยละเทาใด (1) รอยละ 3 (2) รอยละ 5 (3) รอยละ 1 (4) ตามอัตราภาษีเงินได เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อางอิง : คําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ขอ 12/4(2) \"ขอ 12/4 ใหบ รษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล หรอื นติ บิ คุ คลอน่ื ซึง่ เปน ผจู า ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ทเ่ี ปน คา ขนสง แตไ มร วมถงึ การจายคา โดยสารสาํ หรบั การขนสง สาธารณะใหแ กผ รู บั ซง่ึ เปน (1) ผมู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 1.0 (2) บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลทป่ี ระกอบกจิ การในประเทศไทย แตไ มร วมถงึ มลู นิธหิ รอื สมาคม หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 1.0 คาํ วา “การขนสง สาธารณะ ” หมายความวา การรบั สง ผโู ดยสารเปน การทว่ั ไปเปน ปกตธิ รุ ะ ”
หน้า 197 22. นาย ก. เปน ผใู หบ รกิ ารทป่ี รกึ ษาทางดา นบญั ชแี ละภาษีอากรใหก บั บรษิ ทั ลกู คา โดยไมเ ปน พนกั งานของบริษทั แตอ ยา ง ใด จะเขาไปปฏิบัติงานสัปดาหละครั้ง เพื่อตรวจสอบเอกสารและการปฏิบัติดานภาษีอากร และไดรับคาบริการเปนจํานวนเงิน ทแ่ี นน อนทกุ เดอื น เงนิ ไดด งั กลา วเปน เงินไดต ามมาตราใด (1) 40 (1) แหงประมวลรัษฎากร (2) 40 (2) แหงประมวลรัษฎากร (3) 40 (6) แหงประมวลรัษฎากร (4) 40 (8) แหงประมวลรัษฎากร เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว อางอิง : เงินไดจากการใหบรกิ ารท่ปี รึกษาทางดา นบัญชีและภาษีอากร หากเปน การ ใหบ รกิ ารทป่ี รกึ ษาทางดา นภาษอี ากรและการบญั ชภี าษอี ากร โดยรบั คาบรกิ ารเดอื นละคร้ังเปน จาํ นวนทแ่ี นน อน เขา ลกั ษณะเปน เงนิ ไดพ งึ ประเมนิ เนอ่ื งจากการรบั ทาํ งานใหต ามมาตรา 40(2) แหง ประมวลรษั ฎากร 23. บริษัท ก. นําเขาวัตถุดิบโดยชําระอากรขาเขาขาดไป และกรมศุลกากรประเมินอากรเพิ่มพรอมคาปรับ บริษัทฯ มีสิทธิ นําอากรที่ชําระเพิ่มและคาปรับตามกฎหมายศุลกากร มาถอื เปนรายจายในการคํานวณกําไรสทุ ธิไดหรือไม (1) ไมได เนื่องจาก เปนคาปรับทางอาญาตองหาม ตามมาตรา 65 ตรี (6) แหงประมวลรัษฎากร (2) ได เนื่องจาก มิใชเบี้ยปรับและหรือเงินเพิ่มภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร (3) ไมได เนื่องจาก เปนรายจายสวนที่เกินปกติโดยไมมีเหตุผลสมควร (4) ได เนอ่ื งจาก เปน คา ใชจ า ยทเ่ี กย่ี วเนอ่ื งจากการประกอบกจิ การของบรษิ ทั ฯ เดมิ เฉลย (2) ทถ่ี กู ตอบ (1) อา งองิ : คาํ วนิ จิ ฉยั ของคณะกรรมการวนิ จิ ฉยั ภาษอี ากร ท่ี 40/2560 เรอ่ื ง เบย้ี ปรบั และ เงนิ เพม่ิ ภาษอี ากร และคา ปรบั อาญา ตามมาตรา 65 ตรี (6) แหง ประมวลรษั ฎากร “เบย้ี ปรบั และหรอื เงนิ เพม่ิ ภาษอี ากร และคาปรบั ทางอาญา เปน การลงโทษผกู ระทาํ ความผดิ จงึ ไมค วรใหน าํ มา ลงเปน รายจายทางภาษอี กี เพราะจะเปน การสนบั สนนุ บคุ คลผกู ระทาํ ความผดิ ดงั นน้ั คาํ วา เบย้ี ปรบั และหรอื เงนิ เพม่ิ ภาษี อากร และคา ปรบั ทางอาญา ตามมาตรา 65 ตรี (6) แหง ประมวลรษั ฎากร ใหห มายความรวมถึง เบย้ี ปรบั และหรอื เงนิ เพ่มิ ภาษีอากร และคา ปรับทางอาญา ตามกฎหมายภาษีอากรทกุ ประเภท” 24. บรษิ ทั ประกอบกิจการขายสินคา โดยไมม ีวตั ถปุ ระสงคใ หก ยู มื เงิน เวน แตก รณพี นกั งานหรือกรรมการของบรษิ ทั เดือดรอน จะทดรองจา ยเงินให ไมมีระเบียบในการใหกูยืม ไมคิดดอกเบี้ยจากการใหยืม การใหกูยืมดังกลาว เปนการ ประกอบการเยี่ยงธนาคารพาณิชยหรือไม ตองเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2 (5) หรือไม (1) ไมเปนการประกอบการเยี่ยงธนาคารฯ และไมตองเสยี ภาษีธุรกิจเฉพาะ (2) ไมเปนการประกอบการเยี่ยงธนาคารฯ แตตองเสยี ภาษีธุรกิจเฉพาะ (3) เปนการประกอบการเยี่ยงธนาคารฯ และตองเสียภาษธี ุรกิจเฉพาะ (4) เปนการประกอบการเยี่ยงธนาคารฯ แตไมตองเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เพราะไมคดิ ดอกเบี้ย เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อางอิง : เทยี บเคยี งแนววนิ จิ ฉยั กรมสรรพากร ท่ี กค 0802(กม)/20217 ลงวนั ท่ี 6 กนั ยายน 2538
หน้า 198 25. บริษัทผลิตวงกบประตู, หนาตาง ขายเปนปกติธุระ ตอมามีบริษัท ท. ผูวาจางใหผลิตตามแบบและขนาด ที่กําหนด การผลิตตามที่ผูวาจางกําหนด เปนการรับจางทําของหรือผลิต และตองหักภาษี ณ ที่จาย อยางไร (1) เปน การรบั จาง หกั ภาษี ณ ทจ่ี าย 3% (2) เปน การผลติ จาํ หนา ย ไมต อ งหกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย (3) เปน การรบั จาง หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย 1% (4) ไมมีขอใดถูก เดมิ เฉลย (1) ทถ่ี กู ตอบ (2) อา งอิง : เทียบเคียงแนววินิจฉัยกรมสรรพากร ที่ กค 0802/พ.03377 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ 2538 26. คุณสมบัติของผูประกอบการสงออก ที่ขอรับการจัดระดับใหเปนผูประกอบการสงออกที่ดี กรณที ี่เปนผสู งออกทั่วไป ตองเปนบริษัทจํากัด หรือบริษัทมหาชนจํากัด ที่เปนผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม โดยมีอัตราสวนในการสงออก ไปตางประเทศตั้งแต รอยละ 70 ของยอดขายรวม จะตองมีทุนจดทะเบียนที่ชําระแลวดังนี้ (1) ตง้ั แต 5 ลา นบาท ขน้ึ ไป (2) ตง้ั แต 10 ลา นบาทขน้ึ ไป (3) ตง้ั แต 5 ลา นบาท แตไ มเ กนิ 10 ลา นบาท (4) ไมจ าํ กดั จาํ นวนทนุ เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : คาํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ท.128/2560 เรอ่ื ง หลกั เกณฑก ารจดั ระดบั เปน ผปู ระกอบการ สง ออกทีด่ แี ละผปู ระกอบการสง ออกขน้ึ ทะเบยี น ลงวนั ท่ี 30 มนี าคม 2560 ขอ 2(1)(1.2)
หนา้ 199 27. ตามระเบยี บการเกบ็ รกั ษาเงนิ และการนาํ เงนิ สง คลงั ของสว นราชการ พ.ศ. 2520 มกี าํ หนดเวลาในการนาํ เงนิ สงคลงั กรณี เงินรายไดแผนดิน ตามขอใด (1) ใหน าํ สง อยา งนอ ยเดอื นละ 1 ครง้ั แตห ากเกบ็ รกั ษาในวนั ใดเกนิ 1 หมน่ื บาท ใหน ําสง โดยดว นอยา งชา ไมเ กนิ 3 วันทําการถดั ไป (2) ใหน าํ สง อยา งนอ ยเดอื นละ 1 ครง้ั แตห ากเกบ็ รกั ษาในวนั ใดเกนิ 5 หมน่ื บาท ใหน าํ สง โดยดว นอยา งชา ไมเ กนิ 3 วันทําการถดั ไป (3) ใหน าํ สง อยา งนอ ยสปั ดาหล ะ 1 ครง้ั แตห ากเกบ็ รกั ษาในวนั ใดเกนิ 1 หมน่ื บาท ใหน ําสง โดยดว นอยา งชา ไมเ กิน 3 วันทําการถัดไป (4) ใหน าํ สง อยา งนอ ยสปั ดาหล ะ 1 ครง้ั แตห ากเกบ็ รกั ษาในวนั ใดเกนิ 5 หมน่ื บาทใหน าํ สง โดยดว นอยา งชา ไมเ กนิ 3 วันทําการถดั ไป เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ระเบยี บการเกบ็ รกั ษาเงนิ และการนาํ เงนิ สง คลงั ของสว นราชการ พ.ศ. 2520 ยกเลกิ โดย ระเบยี บการเบกิ จา ยเงนิ จากคลงั การเกบ็ รกั ษาเงนิ และการนาํ เงนิ สง คลัง พ.ศ. 2551 (2) เงนิ รายไดแ ผน ดนิ ใหน าํ สง อยา งนอ ยเดอื นละหนง่ึ ครง้ั แตถ า สว นราชการใดมเี งนิ รายไดแ ผน ดนิ เกบ็ รกั ษา ในวนั ใดเกนิ หนง่ึ หมน่ื บาท กใ็ หน าํ เงนิ สง โดยดว นแตอ ยา งชา ตอ งไมเ กนิ สามวนั ทาํ การถดั ไป 28. หัวหนาสวนราชการตองพิจารณาแตงตั้งกรรมการเก็บรักษาเงิน (1) อยางนอย 3 คน ซึ่งตองเปนขาราชการระดับ 2 หรือเทียบเทาขึ้นไป (2) อยางนอย 3 คน ซึ่งตองเปนขาราชการระดับ 3 หรือเทียบเทาขึ้นไป (3) อยางนอย 2 คน ซึ่งตองเปนขาราชการระดับ 3 หรือเทียบเทาขึ้นไป (4) อยางนอย 2 คน ซึ่งตองเปนขาราชการระดับ 2 หรือเทียบเทาขึ้นไป เดมิ เฉลย (1) ทถ่ี กู ตอบ (3) อางอิง : ระเบยี บการเกบ็ รกั ษาเงนิ และการนาํ เงนิ สง คลงั ของสว นราชการ พ.ศ. 2520 ยกเลกิ โดย ระเบยี บการเบกิ จา ยเงนิ จากคลงั การเกบ็ รกั ษาเงนิ และการนาํ เงนิ สง คลัง พ.ศ. 2551 สว น 2 กรรมการเกบ็ รกั ษาเงนิ “ขอ 82 ใหห วั หนา สว นราชการซง่ึ ดํารงตาํ แหนง ระดบั สามหรอื เทยี บเทา ขน้ี ไป ในสว นราชการนน้ั อยางนอย สองคนเปน กรรมการเกบ็ รกั ษาเงนิ ของสว นราชการนน้ั ” 29. ตามระเบียบกระทรวงการคลัง วาดวยการหักรายรับจายขาดและการถอนคืนเงินรายรับ พ.ศ.2545 “คลัง” หมายความวา (1) บัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ 1 และบัญชีเงินฝากของสํานักงานคลังจังหวัด, สํานักงานคลังจังหวัด ณ อําเภอ (2) บญั ชเี งนิ รายไดแ ผนดนิ และบญั ชเี งินฝากของสาํ นกั งานคลงั จงั หวดั , สาํ นกั งานคลงั จังหวดั ณ อําเภอ (3) บญั ชเี งนิ นอกงบประมาณ และบญั ชเี งนิ ฝากของสํานกั งานคลงั จังหวดั , สาํ นกั งานคลงั จงั หวดั ณ อาํ เภอ (4) บญั ชเี งนิ ถอนคนื รายรบั และบญั ชเี งนิ ฝากของสํานกั งานคลงั จังหวดั , สาํ นกั งานคลงั จังหวดั ณ อําเภอ เดมิ เฉลย (1) ทถ่ี กู ตอบ ไมม ขี อ ใดถกู อา งองิ : ระเบยี บกระทรวงการคลงั วา ดว ยการหกั รายรบั จา ยขาดและการถอนคนื เงินรายรบั พ.ศ. 2545 ยกเลกิ โดย ขอ บังคับกระทรวงการคลัง วาดวยการหกั รายรับจายขาดและถอนคนื เงินรายรับ พ.ศ. 2550 “คลงั ” หมายความวา บญั ชเี งนิ คงคลงั บญั ชที ่ี 1 30. การหกั รายจา ยขาดหมายความวา (1) การหักรายจายจากเงินรายรับที่ตองนําสงเขาบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ 1 และบัญชีเงินฝาก (2) การหักรายจายจากเงินรายรับที่ตองนําสง เขาบัญชีเงินรายไดแผนดิน และบัญชีเงินฝาก (3) การหักรายจายจากเงินรายรับที่ตองนําสงเขาบัญชีเงินนอกงบประมาณ และบัญชีเงินฝาก (4) การหกั รายจา ยจากเงินรายรบั ทต่ี องนาํ สง เขาบญั ชเี งินถอนคนื รายรบั และบญั ชเี งนิ ฝาก เดมิ เฉลย (1) ทถ่ี กู ตอบ ไมม ขี อ ใดถกู อา งองิ : ระเบยี บกระทรวงการคลงั วา ดว ยการหกั รายรบั จา ยขาดและการถอนคนื เงินรายรบั พ.ศ. 2545 ยกเลกิ โดย ขอ บังคบั กระทรวงการคลงั วาดวยการหักรายรบั จายขาดและถอนคนื เงนิ รายรับ พ.ศ. 2550 “การหกั รายรบั จา ยขาด” หมายความวา การหกั รายจา ยจากเงินรายรบั ทต่ี อ งสง เขา บญั ชเี งนิ คงคลงั บญั ชที ่ี 1
หนา้ 200 31. ระเบียบกรมสรรพากรวาดวยการตรวจราชการ พ.ศ.2547 ใชบังคับตั้งแตวันที่ (1) 1 ตลุ าคม 2546 (2) 1 มกราคม 2547 (3) 1 เมษายน 2547 (4) 1 พฤษภาคม 2547 ขอ นเ้ี กา ลา สมยั เนอ่ื งจาก ระเบยี บกรมสรรพากร วาดว ยการตรวจราชการ พ.ศ. 2547 ถกู ยกเลกิ โดย ระเบียบ กรมสรรพากร วา ดว ยการตรวจราชการ พ.ศ. 2552 ซ่ึงใชบ งั คบั ตง้ั แตว นั ท่ี 25 มนี าคม 2552 32. “แบบพิมพที่เปนตัวเงิน” หมายถึง (1) ใบเสร็จรับเงินภาษีอากรประเภทตาง ๆ (2) แบบพิมพที่ผูเสียภาษีตองซื้อเพื่อประกอบการเสียภาษี (3) อากรแสตมป (4) ถกู ตอ งทง้ั (1) และ (2) เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ระเบยี บกรมสรรพากร วาดว ยการตรวจราชการ พ.ศ. 2552 ขอ 5 “แบบพมิ พท เ่ี ปน ตวั เงนิ ” หมายถงึ ใบเสรจ็ รบั เงนิ ภาษอี ากรประเภทตา งๆ รวมทง้ั แบบพมิ พท ผ่ี เู สียตอ งซอ้ื เพอ่ื ประกอบการเสยี ภาษดี ว ย 33. “สง่ิ สาํ คญั แทนตัวเงนิ ” หมายถงึ (1) เช็ค ธนาณัติ บัตรภาษี สมุดคูฝาก (2) ใบสําคัญรองจาย สัญญารับรองการยืมเงินใบเบิกเงินเพื่อจายในราชการ (3) ใบเสร็จรับเงิน อากรแสตมป (4) ถกู ตอ งทง้ั (1) และ (2) เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ระเบยี บกรมสรรพากร วาดว ยการตรวจราชการ พ.ศ. 2552 ขอ 5 “สง่ิ สาํ คญั แทนตวั เงนิ ” หมายถงึ เชค็ ธนาณตั ิ ใบสาํ คญั รองจา ย สญั ญารบั รองการยมื เงนิ ใบเบกิ เงนิ เพอ่ื จา ยในราชการ สมดุ คฝู าก บตั รภาษี เปน ตน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 641
Pages: