Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมข้อสอบ

รวมข้อสอบ

Published by audamnat.rd, 2020-08-22 08:32:46

Description: รวมข้อสอบที่ผ่านการสอบทานเบื้องต้นแล้ว

Keywords: c8

Search

Read the Text Version

หน้า 151 ก. 30 ธนั วาคม 2549 ข. 4 มกราคม 2550 ค. 6 มกราคม 2550 ง. 6 กมุ ภาพนั ธ 2550 83. บริษัทขยายสาขาไปตางจังหวัด โดยสาขาอยูระหวางกอสราง บริษัทไดรับใบกํากับภาษี บริษัทจะตองนําใบกํากับภาษี ไปใชเปน ภาษซี ือ้ ของ ก. สํานักงานใหญ ข. สาขา ค. เก็บรวบรวมไวใชเมื่อกอสรางสาขาเสร็จ ง. ไมม สี ทิ ธใิ ชภ าษซี อ้ื 84. บริษัทประกอบกิจการขายสินคาไมไดประกอบกิจการขนสงเปนปกติธุระ ไดขายสินคาไหกับลูกคา เปนเงิน 500,000.- บาท โดยสง สนิ คา ใหล กู คา และเรยี กเกบ็ คา ขนสง เพม่ิ จากคา สนิ คาอกี 5,000.- บาท ผจู า ยเงนิ คา ซอ้ื สนิ คา ตอ งหกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย ดงั น้ี ก. 50.- บาท ข. 150.- บาท ค. 5,050.- บาท ง. ไมม ีขอ ใดถกู 85. บริษัท ก จาํ กัด จายคาเบี้ยประกันชีวิตใหกรรมการผูจัดการ ตามมติที่ประชุมของบริษัทฯ เพื่อเปนสวัสดิการและตอบแทนคุณ ความดีที่บริหารธุรกิจจนประสบความสําเร็จดวยดีตลอดมา เบี้ยประกันชีวิตที่บริษัทฯ ที่ออกใหกรรมการผูจัดการตามมติที่ประชุมนี้ บริษัทฯ สามารถนํามาหักเปนคาใชจายของบริษัทไดหรือไม ก. ได หากเปน กรณที บ่ี รษิ ทั ฯ ตอ งจา ยใหก รรมการทกุ คนเปน การทว่ั ไปตามระเบยี บของบรษิ ทั ข. ได บริษัทฯ มีสิทธิท่จี ะกําหนดใหกรรมการคนใดก็ไดตามแตมติที่ประชุม ค. ไมได แมจะเปนระเบียบทั่วไปท่กี ําหนดใหบริษัทฯ ตองจายคาเบี้ยประกันชีวติ ใหกรรมการทุกคน ง. ไมได เพราะวาเบี้ยประกันชีวิตเปนคาใชจายสวนตัวของกรรมการ 86. บรษิ ทั เมตตา จาํ กดั บรจิ าคหนุ สามญั ทบ่ี รษิ ทั ซอ้ื ไวใ นราคาตามมลู คา ใหแ กม ูลนธิ ิการกศุ ลสาธารณะ บริษทั เมตตา จาํ กดั สามารถ นาํ คา หนุ สามญั มาคาํ นวณเปน รายจา ยเพอ่ื การกศุ ลไดห รอื ไม ขอ ใดถกู ทส่ี ดุ ก. บริษัทฯ ตองคํานวณมูลคาหุนตามราคาตลาด ณ วันโอนหนุ ไดทั้งจํานวน ข. บรษิ ทั ฯ ตอ งคาํ นวณมลู คา หนุ ตามราคาตามมลู คา ณ วนั โอนหนุ และถือเปน รายจา ยไดท ง้ั จาํ นวน ค. บรษิ ทั ฯ ตอ งคาํ นวณมลู คา หนุ ตามราคาตลาด ณ วนั โอนหนุ และถอื เปน รายจา ยไมเ กนิ รอ ยละ 2 ของกาํ ไรสทุ ธิ ง. บริษัทฯ ตองคํานวณมูลคาหุนตามราคาตามมูลคา ณ วันโอนหนุ และถือเปนรายจายไมเกนิ รอยละ 2 ของกําไรสุทธิ 87.บรษิ ทั ประกนั ชวี ติ จาํ กดั ไดบ นั ทกึ บญั ชคี า ใชจ า ยซง่ึ เปน วนั ครบกาํ หนดตามสญั ญาประกนั ชีวติ ใหนาย ก ซง่ึ คาใชจา ยดังกลาวไดถึง กําหนดจายในรอบระยะเวลาบัญชี บริษัทจึงต้ังบัญชีคางจายไว และคางจายอยูในบัญชีเปนเวลาหลายรอบระยะเวลาบัญชีแลว ทานใน ฐานะเจา หนา ทต่ี รวจสอบจะแนะนาํ บรษิ ทั เชนไร ก. ไมตองแนะนาํ เนื่องจากบริษทั ฯ ตองจายตามสัญญาประกันภัย ข. การท่บี ริษทั ฯ ยังไมไดจายคาใชจายคางจายเปนเวลาหลายรอบระยะเวลาบัญชี อาจแสดงไดวาบริษัทฯ ไดหลุดพน จากภาระผูกพันท่ตี อ งจา ย บริษัทฯ จะตองนํารายจายคางจายน้ันมาบวกกลับเปนรายไดในการคํานวณภาษี ณ ปท่ี ตรวจพบ ค. บริษัทฯ ตองยื่นแบบภาษีเงินไดเพื่อปรับปรุงรายจายตองหาม ณ ปที่บริษัทลงบัญชีเปนคาใชจาย ง. บริษัทฯ ควรบันทึกบัญชีถือเปนรายจาย ณ ปที่ นาย ก ครบกําหนด จะไดไมมีปญหาเรื่องคาใชจายคางจาย

หนา้ 152 88.บรษิ ทั ประกนั ชวี ติ จาํ กดั สามารถนาํ สาํ รองจากเบย้ี ประกนั ภยั เพอ่ื สมทบทุนประกนั ชีวติ จากการประกอบกจิ การ มาถือเปนรายจา ย ไดรอยละเทาใดของเบี้ยประกันภัยสุทธิ ขอใดถูกที่สุด ก. ไมเกินรอยละ 65 ของเบี้ยประกันสุทธิเพียงอัตราเดียวเทานั้น ข. ไมเกินรอยละ 40 ของเบี้ยประกันสุทธิเพียงอัตราเดียวเทานั้น ค. ไมเ กนิ รอ ยละ 40 และรอ ยละ 65 ของเบย้ี ประกนั สทุ ธิ แลว แตก รณี ง. รายจายประเภทสํารองไมสามารถถือเปนรายจายไดตามประมวลรัษฎากร 89. นายมาโนช ประกอบกิจการขายวัสดุกอสราง มีสถานประกอบกิจการชื่อ “ มาโนชการคา ” มีรายรับถึงเกณฑที่จะจดทะบีย นภาษมี ลู คา เพม่ิ ในป2546 จาํ นวน 2,705,167.42 บาท แตม ไิ ดจ ดทะเบยี นภาษมี ลู คาเพม่ิ ตอ มาเมอ่ื วนั ท่ี 25 มถิ นุ ายน 2547 ไดย น่ื แบบ ภ.พ.30 สําหรบั เดอื นมกราคม-กนั ยายน 2546 พรอ มชาํ ระภาษบี างสว น เจา พนกั งานจะทาํ การประเมนิ ภาษมี ูลคาเพิ่มใหถูกตองโดยใชอํานาจการประเมินตามมาตราใดแหงประมวลรัษฎากร ก. มาตรา 88(1) ข. มาตรา 88(6) ค. มาตรา 88/6(1)(ก)(ข)(ค) ง. ขอ ก.และขอ ข. 90. บรษิ ทั กขค จาํ กดั เปน ผปู ระกอบการสง ออกสนิ คากง่ึ สาํ เรจ็ รปู แชแ ขง็ บรษิ ทั ฯไดย น่ื คาํ ขอรบั เงนิ ชดเชยภาษี จากการสง ออก ในรูปบัตรภาษีตามพ.ร.บ. ชดเชยคาภาษีอากรสินคาสงออกที่ผลิตในราชอาณาจักรพ.ศ.2524 บริษัทจะตองรับรู มูลคาของบัตร ภาษีเปนรายไดเมื่อใด ก. เมอ่ื ไดร บั หนงั สอื แจง อนมุ ตั ใิ หไ ดร บั บตั รภาษจี ากกรมศลุ กากร ข. ไมมีขอ ใดถูก ค. เมื่อไดรับบัตรจากกรมศุลกากรหลังจากบริษัทไดมีการสงออก ง. เมอ่ื บรษิ ทั ไดป ด รอบระยะเวลาบญั ชี 91. บรษิ ทั ไดจ า ยคา ใชจ า ยในการอบรมสาํ หรบั พนกั งานใหแ กส ถาบันการศกึ ษาทจ่ี ดั อบรม บรษิ ทั จะไดร บั สทิ ธปิ ระโยชนย กเวน ภาษเี งิน ไดนิติบุคคลสําหรับเงินไดของบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลเปนจํานวนรอยละ50 ของรายจายที่ไดจายเปนคาใชจายในการสง ลูกจางของบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลเขารับการศึกษาหรือ ฝกอบรมไดตอเมื่อ ก. ตอ งจา ยคาใชจา ยดงั กลาวใหแกสถาบนั การศึกษาของทางราชการเทานน้ั ข. ตอ งจา ยคาใชจ ายดงั กลาวใหแ กส ถาบันการศกึ ษาของทางราชการหรือสถาบันการศกึ ษาของเอกชน ค. ถอื เปน ประโยชนเ พม่ิ ของพนกั งานลูกจา งของบริษทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล ง. ไมมีขอใดถูก จ. 92. บริษัท เรณู จํากัด เปนผูสงออกสินคาตามมาตรา77/1(4) แหงประมวลรัษฎากรไดรับสิทธิเสียภาษีมูลคาเพมิ่ ในอัตรารอยละ 0 กรณีบริษัทไมตองเสียอากรขาออกตามกฎหมายวาดวยกรมศุลกากร จะใชวันที่ใดของใบขนสินคาขาออกในการลงรายการในรายงาน ภาษีขาย ก. วนั ทป่ี ระทบั ตราใบขนสนิ คา ขาออก ข. วันทบี่ ันทึกการปลอย ค. วันที่บันทึกการรับบรรทุก ง. ไมมีขอใดถูก 93. 93.1 ทีมกํากับไดรับอนุมัติใหตรวจสภาพกิจการ และไดบันทึกตรวจสภาพกิจการบนระบบฯ ในวันที่ 2 มกราคม 2550 ทีมฯจะตองออก ตรวจสภาพกจิ การภายในวนั ใด 93.2 หากทมี กาํ กบั ออกตรวจสภาพกจิ ในการวนั ท่ี 15 มกราคม 2550 ทมี ฯตอ งดาํ เนนิ การตรวจใหแ ลว เสรจ็ ภายในเมอ่ื ใด ทั้งนเี้ พื่อใหเปนไปตามแนวทางปฏิบัติ กรมสรรพากร ที่ มก 3/2549

หนา้ 153 ก. - ตอ งออกตรวจสภาพกจิ การภายใน 3 เดอื น ถดั จากวนั ท่ี ทมี ยอ ย บนั ทกึ “ตรวจสภาพกจิ การบนระบบฯ” - ตองตรวจใหแลวเสร็จภายใน 3 เดือน นับแตวันที่ออกตรวจสภาพกิจการ ข. - ตอ งออกตรวจสภาพกจิ การ ภายในวนั ท่ี 3 เมษายน 2550 - ตอ งตรวจใหแ ลว เสรจ็ ภายใน 15 วนั ค. - ตอ งออกตรวจสภาพกจิ การ ภายในวนั ท่ี 1 เมษายน 2550 - ตอ งตรวจใหแ ลว เสรจ็ ภายในวนั ท่ี 14 เมษายน 2550 ง. - ตอ งออกตรวจสภาพกจิ การ ภายในวนั ท่ี 2 เมษายน 2550 - ตอ งตรวจใหแ ลว เสรจ็ ภายในวนั ท่ี 15 เมษายน 2550

หน้า 154 จติ อาสาปนโตภาษี กลมุ 2 ขอ สอบชดุ ท่ี 4 (หนา 15 – 29) 8 วิสยั ทัศนของกรมสรรพากร คือ ก. จัดเกบ็ ภาษอี ากรใหไดตามประมาณการ ใหบริการและสรางความสมัครใจในการเสียภาษี เสนอแนะการใชนโยบายทางภาษีอากร อยางทั่วถึงเปนธรรม สามารถใชเปนกลไกในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการแขงขันของประเทศตอกระทรวงการคลัง ข. สรางฐานภาษีที่ยั่งยืนและทันตอการเปลี่ยนแปลง สรางนวตั กรรมทางเทคโนโลยีเพื่อการบริหารและบริการเชิงรุก เปนองคกรเชิง วิทยากรภายใตหลักธรรมภิบาล ค. ระบบงานมาตรฐานสากล เพื่อบริการประชาชน และเก็บภาษีทั่วถึงเปนธรรม ง. มงุ มน่ั ซอ่ื สตั ย มงุ เนน จรยิ ธรรม มงุ หมายความรบั ผดิ ชอบ มงุ เสรมิ ความสามคั คี มงุ สรางผลงานอยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ เฉลย ไมมีขอใดถูก วิสัยทัศนของกรมสรรพากร คือ จดั เก็บภาษีทนั สมัย ใสใจบริการ ยึดม่นั ธรรมาภิบาล เพื่อพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมไทย [อางอิง : อินทราเน็ต > เก่ียวกับกรมสรรพากร > วิสัยทัศน พันธกิจ และคานิยม] 9 คําขวัญของกรมสรรพากร คือ ก. กรมสรรพากร เต็มใจ ใหประชาชน ข. กรมสรรพากร เต็มใจ ใหบ ริการ ค. กรมสรรพากร เตม็ ท่ี เตม็ ใจ ใหป ระชาชน ง. กรมสรรพากร เต็มที่ เต็มใจ ใหบริการ เฉลย ค 10 ตามที่ คณะรัฐมนตรีไดมีมติ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2555 เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อชวยเหลือและฟนฟูผไู ดรับผลกระทบ จาก อุทกภัย กรณีการหักลดหยอนคาซอมบานและคาซอมรถ เพื่อเปนการบรรเทาความเดือดรอนแกผูเสียภาษี โดยยกเวนเงินไดเทาที่ไดจาย เปนคาซอมแซมหรือคาวัสดุอุปกรณในการซอมแซมอสังหาริมทรัพยที่ไดรับความ เสียหายจากเหตุอุทกภัยที่เปนอาคาร หรือที่อยูในเขต อาคาร หรือหองชุดในอาคารชุด หรือทรัพยสินทมี่ ีการประกอบ ติดตั้งติดกับตัวอาคารหรือในเขตอาคารหรือหองชุดในอาคารชุด แตรวมกัน ทั้งหมดแลวไมเกินเทาใด และยกเวนเงินไดเทาที่ไดจายเปนคาซอมแซมหรือคาวัสดุอุปกรณในการซอมแซมรถที่ไดรับความเสียหายจาก น้ํา ทว ม แตร วมกนั ทง้ั หมดแลว ไมเ กนิ เทา ใด ก. คา ซอ มบา นไมเ กนิ 50,000 บาท และคา ซอ มรถ ไมเ กนิ 10,000 บาท ข. คา ซอ มบา นไมเ กนิ 100,000 บาท และคา ซอ มรถ ไมเ กนิ 30,000 บาท ค. คา ซอ มบา นไมเ กิน 50,000 บาท และคา ซอ มรถ ไมเ กิน 30,000 บาท ง. คา ซอ มบา นไมเ กนิ 100,000 บาท และคา ซอ มรถ ไมเ กนิ 60,000 บาท เฉลย ข. กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 288 (พ.ศ. 2555) แบบทดสอบ ภาษอี ากรชดุ ใหม ชดุ ท่ี 11 (เตรยี มสอบ 05/05/55) 1 กรมสรรพากรไดมกี ารขยายเวลาการย่ืนแบบแสดงรายการภาษผี านอินเทอรเนต็ ออกไปอกี กว่ี ัน นบั แตว ันพน กาํ หนดเวลาการย่ืนแบบฯ ก. 6 วัน ข. 8 วนั ค. 5 วัน ง. 7 วัน เฉลย ข. คาํ ชแ้ี จงกรมสรรพากร เรอ่ื ง การขยายกาํ หนดเวลาการยน่ื แบบแสดงรายการภาษผี านระบบเครอื ขา ยอนิ เทอรเ นต็ (ฉบับที่ 4) ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2559

หน้า 155 2 ปงบประมาณ 2560 กรมสรรพากร จัดเก็บภาษีประเภทใด ไดมากที่สุด ก. ภาษมี ลู คา เพม่ิ ข. ภาษีธุรกิจเฉพาะ ค. ภาษีเงินไดนิติบุคคล ง. ภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา เฉลย ก. อางอิง : อนิ ทราเนต็ > บรกิ ารขอ มูล > รายงาน > รายงานผลการจดั เกบ็ ภาษอี ากร > ผลการจดั เกบ็ ภาษอี ากรรายป (ปงบประมาณ 2550-2560) 3 กรมสรรพากรเพิ่มประสิทธิภาพใหบริการคืนภาษีมลู คาเพิ่มใหนักทองเที่ยว โดยลาสุดกรมสรรพากรไดนํานวัตกรรม Cloud Computing (Cloud-VRT) ซึ่งเปนการนําเทคโนโลยีสารสนเทศมาใชในการพัฒนางาน ยกระดับการใหบริการคืนภาษีมูลคาเพิ่มให นกั ทอ งเทย่ี วดว ยการใชอ ะไร แทนคาํ รองขอคนื ภาษฯี ทเ่ี ปน กระดาษ (แบบ ภ.พ.10) ก. Credit Card ข. A.T.M. Card ค. Smart Card ง. Cloud Card เฉลย ค. อางอิง : กลุมบริหารการคืนภาษีมูลคาเพิ่มใหแกนักทองเที่ยว 4 ประมาณการรายไดรัฐบาลสุทธิปงบประมาณ 2555 ตั้งไวจ ํานวนเทาใด ก. 1.79 ลา นลานบาท ข. 1.98 ลา นลา นบาท ค. 1.89 ลา นลา นบาท ง. 1.97 ลา นลา นบาท เฉลย ข. อา งองิ : สาํ นกั งานเศรษฐกจิ การคลงั 5 เพอ่ื สนบั สนนุ ใหป ระชาชนมีการออมเงนิ ในระยะยาว และความม่ันคงในการดาํ รงชพี ภายหลงั เกษยี ณอายจุ ากการทาํ งาน กรมสรรพากร จึงไดปรับเพิ่มคาลดหยอน(รวมยกเวน)เบี้ยประกันชีวิตจากเดิมที่สามารถหักลดหยอนไดจํานวน 1 แสนบาท โดยเพิ่มขึ้นอีกอัตรารอยละ 15 ของเงินไดพึงประเมิน แตไมเกิน 2 แสนบาท สําหรับการประกันชีวิตแบบบํานาญ และเมื่อรวมกับเงินสะสมเขากองทุนสํารองเลี้ยงชีพ กองทนุ บาํ เหน็จบาํ นาญขาราชการ กองทนุ สงเคราะหต ามกฎหมายวา ดว ยโรงเรยี นเอกชน คา ซอ้ื หนวยลงทนุ รวมเพ่ือการเลย้ี งชพี (RMF) แลว ตอ งไมเ กนิ เทา ใด ในปภ าษเี ดยี วกนั ก. 3 แสนบาท ข. 4 แสนบาท ค. 6 แสนบาท ง. 5 แสนบาท เฉลย ง. ตามขอ 2(61) วรรคสอง และวรรคสาม ของกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 186 (พ.ศ.2509) แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดย กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 279 (พ.ศ.2554) โดยใหเ ปน ไปตามหลกั เกณฑแ ละวธิ กี าร ตามประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษเี งนิ ได (ฉบบั ท่ี 194) แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดย ประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษเิ งนิ ได (ฉบบั ท่ี 236) มวี ธิ กี ารคํานวณเพอ่ื นาํ เบย้ี ประกนั ชวี ติ แบบบาํ นาญไปใช หกั ลดหยอ นภาษี 6 มาตรการของกรมสรรพากรที่สนับสนุนการใชพลังงานอยางประหยัด โดยการยกเวนภาษีเงินไดสําหรับคาใชจาย สําหรับเงินไดเทาที่จาย เปนคาใชจายเพื่อการไดมาซึ่งทรัพยสินประเภทวัสดุอุปกรณ หรือเครื่องจักรที่มผี ลตอการประหยัดพลังงาน แตไมรวมถึงยานพาหนะ เปน จาํ นวนไมเ กินรอ ยละเทา ใดของคา ใชจ ายนน้ั

หนา้ 156 ก. 15 ข. 20 ค. 25 ง. 10 เฉลย ค. ตามพระราชกฤษฎกี าฯ (ฉบบั ท่ี 436) พ.ศ.2548 มผี ลใชบ งั คบั ตง้ั แตว นั ท่ี 6 ตลุ าคม 2548 เปน ตน ไป 7 กรมสรรพากรไดยกเวนภาษีเงินไดจํานวนเทาใด โดยไมตองนํามาคํานวณเพื่อเสียภาษเี งินไดบุคคลธรรมดา สําหรับคนพิการที่มบี ัตร ประจําตัวคนพิการ ซึ่งเปนผูอยูในประเทศไทย และมีอายุไมเกิน 65 ปบริบูรณในปภาษี เพื่อชวยพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการทั่วประเทศ ซง่ึ มจี าํ นวนกวา 1.2 ลา นคน ก. 100,000 บาท ข. 150,000 บาท ค. 190,000 บาท ง. 180,000 บาท เฉลย ค. ตามกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 186 (พ.ศ.2509) ขอ 2(81) แกไ ขเพ่ิมเตมิ โดย กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 281 (พ.ศ.2554) ใชบ งั คบั วนั ท่ี 9 พฤษภาคม 2554 เปน ตน ไป 8 ปจจัยเสี่ยงใดตอไปนี้ ที่จะสงผลลบตอภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย ก. เหตุการณอทุ กภยั ในประเทศ ข. ปญหาเศรษฐกจิ ในสหรฐั อเมรกิ า ค. ปญหาหนสี้ าธารณะของประเทศในกลุมยูโรโซน ง. ถกู ทกุ ขอ เฉลย ง. 9 ศูนยบริการขอมูลขาวสาร RD Call Center ของกรมสรรพากร หมายเลขใด ก. 1611 ข. 1116 ค. 1616 ง. 1161 เฉลย ง. 10 ปงบประมาณ 2555 กรมสรรพากรไดรับมอบหมายใหจัดเก็บภาษี จํานวนเทาใด ก. 1.246 ลา นลา นบาท ข. 1.426 ลา นลา นบาท ค. 1.624 ลานลานบาท ง. 1.264 ลา นลา นบาท เฉลย ค. หากเปนปง บประมาณ 2562 กรมสรรพากรไดร บั มอบหมายใหจ ดั เกบ็ ภาษี จาํ นวน 2 ลา นลา นบาท แบบทดสอบ ภาษอี ากรชดุ ใหม ชดุ ท่ี 10 (เตรยี มสอบ 05/05/55) 1 ขอ ใดตอ ไปน้ี เปน ผมู สี ทิ ธอิ อกใบกํากบั ภาษอี ยางยอ ก. หา งสรรพสนิ คา ข. รา นขายของเบด็ เตลด็ ค. รานขายอาหารและเครื่องดื่ม

หน้า 157 ง. ถกู ทกุ ขอ เฉลย ง. ตามมาตรา 86/6 ประกอบกบั ประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษมี ลู คา เพม่ิ (ฉบบั ท่ี 32) ขอ 2 2 ขอ ใดถกู ตอ ง ก. ภาษเี งนิ ไดน ติ บิ คุ คลเปน ภาษที างออม ข. ภาษมี ลู คา เพม่ิ เปน ภาษที างออ ม ค. ภาษธี รุ กจิ เฉพาะเปน ภาษที างตรง ง. ผดิ ทกุ ขอ เฉลย ข. 3 หางสรรพสินคา กําหนดวา หากลูกคาซื้อสินคาครบ 10,000 บาท ในแตละวันจะไดรับกระเปาฟรี 1 คัน มูลคา 500 บาท ขอใด ถกู ตอ ง ก. หางฯ ตองนํามูลคากระเปา มารวมเพื่อคิดภาษีมูลคาเพิ่มดวย ข. หางฯ จะนําเอามูลคากระเปา มารวมเพื่อคิดภาษีมูลคาเพิ่มหรือไมก็ได ค. หา งฯ ไมต อ งนาํ มลู คา กระเปา มารวมเพอ่ื คดิ ภาษมี ลู คา เพม่ิ แตอ ยา งใด ง. ผดิ ทกุ ขอ เฉลย ค. ตามประกาศอธบิ ดฯี เก่ียวกบั ภาษมี ลู คา เพม่ิ (ฉบบั ท่ี 40) ขอ 2 (2) ขอ 2 คา ตอบแทนทไ่ี ดร บั หรอื พงึ ไดร บั จากการขายสนิ คา หรอื การใหบ รกิ ารดงั ตอ ไปน้ี ไมต อ งนาํ มารวมคาํ นวณ เปน มลู คา ของฐานภาษี (2) มลู คา ของสนิ คา ทแ่ี จกหรอื ใหเ ปน รางวลั กบั ผซู ้ือสนิ คา หรอื ผรู บั บรกิ ารทซ่ี อ้ื สนิ คา หรอื รบั บรกิ ารในแตล ะวนั โดยมมี ลู คา รวมกนั ตามทผ่ี ปู ระกอบการจดทะเบยี นกาํ หนดแตม ลู คา ของสนิ คา ทแ่ี จกหรอื ใหเ ปน รางวลั ตอ งมมี ลู คา ไมเ กนิ มลู คา ของ สินคา ท่ขี ายหรือมลู คา ของการใหบรกิ าร 4 ในระบบภาษีมูลคาเพิ่ม ใครคือผูรับภาระภาษีทแี่ ทจริง ก. ผบู รโิ ภคสนิ คา หรอื บรกิ ารขน้ั สดุ ทา ย ข. ผขู ายสนิ คา หรอื บรกิ าร ค. ผมู เี งินไดจ ากการขายสินคา และบรกิ าร ง. ผูมกี ําไรจากการประกอบการ เฉลย ก. 5 บริษัท โคราชยานยนต จํากัด ขายรถยนตใหนายแดง ทําสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2555 โดยสงมอบรถยนตใหเมื่อวันที่ 15 มนี าคม 2555 แตช าํ ระเงนิ ในวันท่ี 1 เมษายน 2555 ความรบั ผดิ ในการเสยี ภาษมี ลู คาเพม่ิ เกดิ ข้ึนเมอ่ื ใด ก. 1 มนี าคม 2555 ข. 15 มนี าคม 2555 ค. 1 เมษายน 2555 ง. ผดิ ทกุ ขอ เฉลย ข. ตามมาตรา 78 ภายใตบ งั คบั มาตรา 78/3 ความรบั ผิดในการเสยี ภาษมี ลู คา เพม่ิ ทเ่ี กดิ จากการขายสนิ คา ใหเ ปน ไป

หน้า 158 ตามหลกั เกณฑดงั ตอ ไปนี้ (1) การขายสนิ คา นอกจากทอ่ี ยใู นบงั คบั ตาม (2) (3) (4) หรอื (5) ใหค วามรบั ผดิ ทง้ั หมดเกดิ ขน้ึ เมอ่ื สง มอบสนิ คา เวนแตกรณที ไี่ ดมีการกระทาํ ดังตอไปนเ้ี กิดขน้ึ กอ นสง มอบสินคา ก็ใหถอื วาความรบั ผิดเกิดขน้ึ เมือ่ ไดม ีการกระทาํ นน้ั ๆ ดว ย (ก)โอนกรรมสทิ ธส์ิ นิ คา (ข) ไดร บั ชาํ ระราคาสนิ คา หรอื (ค) ไดอ อกใบกาํ กบั ภาษี ทง้ั น้ี โดยใหค วามรบั ผดิ เกดิ ขน้ึ ตามสว นของการกระทาํ นน้ั ๆ แลว แตก รณี 6 ปจจุบันผูประกอบการที่ขายสินคาหรือใหบริการมีรายรับเทาใด ที่มีหนาที่ตองจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม ก. เกิน 2 ลา นบาทตอป ข. เกิน 1.2 ลา นบาทตอป ค. เกนิ 1.8 ลา นบาทตอ ป ง. เกิน 1 ลา นบาทตอ ป เฉลย ค. ตามมาตรา 81/1 และมาตรา 85/1(1) แหง ประมวลรัษฎากร ประกอบกบั พระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ท่ี 432) พ.ศ. 2548 7 จากขอ 6 กาํ หนดเวลาการจดทะเบยี นภาษมี ูลคา เพม่ิ ก. ภายใน 30 วนั นบั แตว นั ทร่ี ายรบั เกนิ ข. ภายใน 15 วนั นบั แตว นั ทร่ี ายรบั เกนิ ค. ภายใน 10 วนั นบั แตว นั ทร่ี ายรบั เกนิ ง. ภายใน 7 วนั นบั แตว นั ทร่ี ายรบั เกนิ เฉลย ก. ตามมาตรา 85/1 (1) แหง ประมวลรษั ฎากร 8 ผูประกอบการที่มีหนาที่เสยี ภาษีธุรกิจเฉพาะ จะตองจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะภายในกําหนดเวลาใด ก. ภายใน 1 เดอื น นบั แตว นั เรม่ิ ประกอบกจิ การ ข. ภายใน 15 วนั นบั แตว นั เรม่ิ ประกอบกจิ การ ค. ภายใน 30 วนั นับแตว นั เรม่ิ ประกอบกจิ การ ง. ภายใน 7 วนั นบั แตว นั เรม่ิ ประกอบกจิ การ เฉลย ค. ตามมาตรา 91/12 แหงประมวลรัษฎากร 9 บริษัท ราชสมี าแลนด จํากัด ประกอบกิจการบานจัดสรร ในเดือนมีนาคม 2555 มีรายรับจากการโอนขายบานพรอมที่ดิน 2,000,000 บาท ซึ่งในเดือนดังกลาวไดจับรางวัลชิงโชค โดยไดโอนมอบที่ดิน 1 แปลง ราคาประเมิน 200,000 บาท ใหแกลูกคาผูโชค ดีรายหนึ่ง บริษัทฯ จะตองเสียภาษีธุรกจิ เฉพาะ (รวมภาษีทองถิ่นดวย) รวมทั้งสิ้นเปนเงินเทาใด ก. 60,000 บาท ข. 66,000 บาท ค. 50,000 บาท ง. 72,600 บาท

หน้า 159 10 แบบแสดงรายการที่ใชยื่นเพื่อชําระภาษีธุรกิจเฉพาะ คือแบบใด ก. ภ.พ.40 ข. ภ.ธ.30 ค. ภ.ธ.40 ง. ภ.พ.30 เฉลย ค. 11 ขอใดตอไปนี้ ไมใชอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ ก. รอยละ 0.1 ข. รอ ยละ 7 ค. รอยละ 3 ง. รอยละ 2.5 เฉลย ข. ตามมาตรา 91/6 อตั ราภาษีธุรกิจเฉพาะมดี ังตอ ไปนี้ (1) รอ ยละ 0.1 สําหรับรายรับตามมาตรา 91/5(7) (2) รอ ยละ 2.5 สาํ หรบั รายรบั ตามมาตรา 91/5(3) (ก) และมาตรา 91/5 (4) (3) รอ ยละ 3.0 สาํ หรบั รายรบั ตามมาตรา 91/5 นอกจากกรณตี าม (1) และ (2) 12 ขอใดถูกตอง ก. กจิ การรบั ประกนั ชวี ติ เสยี ภาษมี ลู คา เพม่ิ ข. กจิ การรับประกนั วินาศภยั เสยี ภาษีธรุ กจิ เฉพาะ ค. กจิ การรบั ประกนั ชวี ติ เสยี ภาษธี รุ กจิ เฉพาะ ง. กิจการรับประกันชีวิตและประกันวินาศภัย เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เฉลย ค. ตามมาตรา 91/2 (3) แหง ประมวลรษั ฎากร 13 สัญญาเชารถยนตบรรทุก 100,000 บาท จะตองเสียอากรแสตมปเทาใด ก. 1,000 บาท ข. 1,500 บาท ค. 2,000 บาท ง. ไมเ สยี อากรแสตมปแ ตอ ยา งใด เฉลย ง. เนอ่ื งจากสญั ญาเชา ทรพั ยส นิ มไิ ดถ กู กาํ หนดไวใ นบญั ชอี ตั ราอากรแสตมป ซง่ึ ตอ งเสยี อากรทง้ั 28 ลกั ษณะ แตอ ยา งใด 14 สญั ญาใหก ยู มื เงนิ 2,000,000 บาท จะตอ งเสยี อากรแสตมปเ ทา ใด

หน้า 160 ก. 1,000 บาท คาอากร ผทู ต่ี อ งเสยี อากร ผทู ต่ี อ งขดี ฆา แสตมป แสตมป ข. 1,500 บาท 1 บาท ผใู หก ู ผกู ู ค. 2,000 บาท ง. ไมเ สยี อากรแสตมปแ ตอ ยางใด เฉลย ก. ตามบญั ชอี ตั ราอากรแสตมป ขอ 5 ลักษณะแหงตราสาร 5. กูยืมเงิน หรือการตกลงใหเบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร ทุกจํานวนเงิน 2,000 บาท หรือเศษของเงิน 2,000 บาท แหง ยอดเงินที่กูยืมหรือตกลงใหเบิกเกินบัญชี คาอากรตามลกั ษณะแหงตราสารนี้ เมื่อคํานวณแลวถาเกิน 10,000 บาท ใหเสีย 10,000 บาท ยกเวนไมตองเสียอากร การกูยมื เงินซึ่งสมาชิกกูยืมจากสหกรณหรือสหกรณกูยืมจาก สหกรณ หรือจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณการเกษตร” 15 สัญญาซื้อขายคอมพิวเตอร 100,000 บาท จะตองเสียอากรแสตมปเทาใด ก. 100 บาท ข. 200 บาท ค. 300 บาท ง. ไมเ สียอากรแสตมปแ ตอ ยา งใด เฉลย ง. เนอ่ื งจากสญั ญาซอ้ื ขาย มไิ ดถ กู กาํ หนดไวใ นบญั ชอี ตั ราอากรแสตมป ซง่ึ ตอ งเสียอากรทง้ั 28 ลกั ษณะ แตอ ยา งใด 16 สญั ญาใหเ ชาโรงงาน 2,000,000 บาท จะตอ งเสยี อากรแสตมปเ ทาใด ก. 1,000 บาท ข. 1,500 บาท ค. 2,000 บาท ง. ไมเ สยี อากรแสตมปแ ตอ ยางใด เฉลย ค. ตามบญั ชอี ตั ราอากรแสตมป ขอ 1 ลักษณะแหงตราสาร คาอากร ผทู ต่ี อ งเสยี อากร ผทู ต่ี อ งขดี ฆา แสตมป แสตมป 1. เชา ทด่ี นิ โรงเรอื น สง่ิ ปลกู สรา งอยา งอน่ื หรอื แพ ผใู หเ ชา ผเู ชา ทุกจาํ นวนเงิน 1,000 บาท หรือเศษของเงิน 1,000 บาท แหง 1 บาท คาเชาหรือเงินกินเปลา หรือทั้งสองอยางรวมกันตลอดอายุการเชา หมายเหตุ (1) ถาสัญญาเชามไิ ดกาํ หนดอายุการเชา ใหถือวา มีกาํ หนด 3 ป (2) ถาสัญญาเชาฉบับใดครบกาํ หนดอายุการเชา หรือครบ กาํ หนด 3 ป ตาม (1) แลว ผเู ชา ยงั คงครองทรัพยส ินอยูแ ละใหผ ูเ ชา รู ความนน้ั แลว ไมท ักทวง ทง้ั มไิ ดท ําสญั ญาใหม ใหถ อื วา สญั ญาเชา เดมิ น้นั ไดเริ่มทํากันใหม โดยไมมีกําหนดอายุการเชา และตองเสียอากรภายใน สามสบิ วัน นบั แตวนั ที่ถือวาเร่ิมทาํ สัญญาใหมน ั้น ยกเวนไมตองเสียอากร เชาทรัพยส ินใชใ นการทํานา ไร สวน แบบทดสอบ ภาษอี ากรชดุ ใหม ชดุ ท่ี 9 (เตรยี มสอบ 05/05/55) 1 ภาษซี อ้ื ในขอ ใดทเ่ี ปน ภาษซี ้ือตอ งหา มไมใ หน าํ ไปหกั ออกจากภาษขี าย ก. ภาษซี อ้ื ตามใบกาํ กบั ภาษอี ยา งยอ ข. ภาษซี ้ืออันเกดิ จากคา รับรอง ค. ภาษซี อ้ื ทร่ี ายการของใบกาํ กบั ภาษมี กี ารแกไ ขเปลย่ี นแปลง ง. ถกู ทกุ ขอ เฉลย ง. เนอ่ื งจาก ขอ ก. ตาม มาตรา 82/5(6) ประกอบกบั ประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษมี ลู คา เพม่ิ (ฉบบั ท่ี 42) ขอ ข. ตามมาตรา 82/5(4) ประกอบกบั ประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษมี ลู คา เพม่ิ (ฉบบั ท่ี 17)

หน้า 161 ขอ ค. ตามมาตรา 82/5(6) ประกอบกบั ประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษมี ลู คา เพม่ิ (ฉบบั ท่ี 42) 2 รายการใดตอไปนี้ ไมใชรายการตามที่ประมวลรัษฎากรกําหนด สําหรับใบกํากับภาษีแบบเต็มรูป ก. \"วนั เดอื น ป\" ท่ีออกใบกํากบั ภาษี ข. ชอ่ื ทอ่ี ยขู องผซู อ้ื สนิ คา ค. คาํ วา \"ใบกาํ กบั ภาษ\"ี ง. ลงลายมือชื่อผูออกใบกํากับภาษี เฉลย ง. ตามมาตรา 86/4 86/5 และตามคาํ สัง่ กรมสรรพากรท่ี ป.86/2542 3 บริษัท ราชสีมา จํากัด เปนผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม ซึ่งประกอบกิจการรับเหมากอสราง ตองจัดทํารายงานเกี่ยวกับ ภาษีมูลคาเพิ่มตามประมวลรัษฎากร อยางใดบาง ก. รายงานภาษขี าย ข. รายงานภาษขี าย , รายงานภาษซี ้ือ , รายงานสนิ คาและวตั ถดุ บิ ค. ไมตองจัดทํารายงานใดๆ ง. รายงานภาษีขาย , รายงานภาษีซื้อ เฉลย ง. ตามประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษมี ลู คา เพ่ิม (ฉบบั ท่ี 89) 4 การขายสินคาหรือการใหบริการ ดังตอไปนี้ท่ไี มไดรับยกเวนภาษีมูลคาเพิ่ม ก. การใหบรกิ ารของสถานศึกษา ข. การขายขา วสาร ค. การใหเ ชา อาคารสํานกั งาน ง. การขายไมซ ุง เฉลย ง. ตามมาตรา 81(1)(ก) และคําสง่ั กรมสรรพากรท่ี ป.28/2535 ลว.29 ก.ค..2535 ขอ 1(5) 5 ขอใดตอไปนี้ ไมใชหนาที่ของผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม ก. จดั ทาํ ใบกาํ กบั ภาษเี มอ่ื ขายสนิ คา หรือใหบ รกิ าร ข. ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลคาเพิ่ม ค. จดั ทํารายงานตางๆ ตามทก่ี ฎหมายกาํ หนด ง. จดั ทาํ ใบทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ เฉลย ง. หนา ทข่ี องผปู ระกอบการจดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ :- 1. เรยี กเกบ็ ภาษมี ลู คา เพม่ิ จากผซู อ้ื สนิ คา หรอื ผรู บั บรกิ าร 2. ออกใบกํากับภาษี 3. จัดทาํ รายงานตามท่กี ฎหมายกาํ หนด 4. ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลคาเพิ่ม 6 บริษัท นครราชสีมา จํากัด จดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม ประกอบกิจการผลิตเฟอรนิเจอร ในเดือนภาษี มีนาคม 2555 ไดซื้อไมแปรรูป เปน เงนิ 200,000 บาท และซอ้ื วสั ดุอน่ื ๆ 100,000 บาท นอกจากนย้ี งั ไดซ ้ือรถยนตนง่ั ราคา 500,000 บาท จากผปู ระกอบการจด ทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม และในเดือนภาษีดังกลาวบริษัทฯ ขายเฟอรนิเจอรไปรวมทงั้ สิ้น 400,000 บาท (ราคาซื้อและราคาขายเปนราคา ทย่ี งั ไมร วมภาษมี ูลคา เพม่ิ ) ดงั น้ี ในเดอื นภาษี มนี าคม 2555 บรษิ ทั ฯ มภี าษขี ายเทา ไร ก. 30,000 บาท ข. 20,000 บาท ค. 28,000 บาท

หนา้ 162 ง. 40,000 บาท เฉลย ค. (รายรบั จากการขายเฟอรน เิ จอร 400,000 x 7% = 28,000 บาท) 7 จากขอ 6 บรษิ ทั ฯ มภี าษซี อ้ื ทม่ี ีสทิ ธินาํ มาหกั ออกจากภาษขี ายเทา ไร ก. 21,000 บาท ข. 56,000 บาท ค. 7,000 บาท ง. 14,000 บาท [รถยนตนง่ั เปนภาษซี อื้ ตองหา มตามมาตรา 82/5 (6)] 8 จากขอ 6 บริษัทฯ จะตองเสียภาษีมูลคาเพิ่มหรือไมเพียงใด ก. เสยี 7,000 บาท ข. เสยี 14,000 บาท ค. ไดค นื ภาษี 28,000 บาท ง. ผดิ ทกุ ขอ 9 จากขอ 6 บริษัทฯ จะตองยื่นแบบแสดงรายการใด ก. แบบ ภ.พ.20 ข. แบบ ภ.พ.30 ค. แบบ ภ.พ.40 ง. แบบ ภ.พ.50 เฉลย ข. ตามมาตรา 83 วรรคแรก และประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษมี ลู คา เพม่ิ (ฉบบั ท่ี 65) ขอ 2 ตอ งเปน แบบท่ี กรมสรรพากรจดั พมิ พข ้ึน หรอื จะ download จาก www.rd.go.th (ประกาศกรมสรรพากร ลงวนั ท่ี 13 ส.ค. 2545) 10 จากขอ 6 บริษัทฯ จะตองยื่นแบบแสดงรายการเมื่อใด ก. ภายใน 7 วนั นบั แตว ันส้ินเดือนของเดอื นภาษี ข. ภายในวนั ท่ี 15 ของเดอื นถดั ไป

หน้า 163 ค. ภายในวนั ท่ี 7 ของเดอื นถดั ไป ง. ภายในวนั ท่ี 30 ของเดอื นถดั ไป เฉลย ข. ตามมาตรา 83 วรรคสอง แบบทดสอบ ภาษอี ากรชดุ ใหม ชดุ ท่ี 8 (เตรยี มสอบ 05/05/55) 1 การเสียภาษีเงินไดนิติบุคลจากฐานกําไรสุทธิ กรณีใดไดรับยกเวนไมตองยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินไดนิติบุคคลครึ่งรอบระยะเวลา บญั ชี ก. มีรอบระยะเวลาบัญชีแรกนอยกวา 12 เดือน ข. มีรอบระยะเวลาบัญชีสุดทายนอยกวา 12 เดือน ค. ไดรับอนุมัติใหเปลี่ยนรอบระยะเวลาบัญชี ทําใหรอบระยะเวลาบัญชีนอยกวา 12 เดือน ง. ถกู ทง้ั ก. และ ข. เฉลย ง. ตามมาตรา 67 ทวิ วรรคทา ย “ความในวรรคหนง่ึ มใิ หใ ชบ งั คบั แกบ รษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลซง่ึ มรี อบระยะเวลา บญั ชแี รก หรอื รอบระยะเวลาบญั ชสี ดุ ทา ยนอ ยกวาสบิ สองเดอื น” 2 สาขาของบริษัทตางประเทศ มีกําไรสุทธิ และมีการสงกําไรออกไปตางประเทศดวย มีหนาที่ตองเสียภาษีตามขอใด ก. ฐานการจําหนายกําไรออกนอกประเทศ ข. ฐานกาํ ไรสทุ ธแิ ละฐานการจาํ หนา ยกาํ ไรออกนอกประเทศ ค. ฐานกําไรสุทธิ ง. ฐานรายไดก อ นหกั รายจา ย เฉลย ข. ตามมาตรา 66 และมาตรา 70 ทวิ 3 การคํานวณราคาสินคาคงเหลือในวนั สุดทายของรอบระยะเวลาบัญชี ประมวลรัษฎากรกําหนดใหคํานวณตามวิธใี ด ก. ราคาทนุ หรือราคาตลาดแลวแตอยางใดจะมากกวา ข. ราคาทนุ ค. ราคาทนุ หรอื ราคาตลาดแลว แตอ ยา งใดจะนอ ยกวา ง. ราคาตลาด เฉลย ค. ตามมาตรา 65 ทวิ (6) ราคาสนิ คา คงเหลอื ในวนั สดุ ทา ยของรอบระยะเวลาบญั ชี ใหค าํ นวณตามราคาทุนหรอื ราคาตลาด แลวแตอยางใดจะนอยกวา และใหถ อื ราคานเ้ี ปน ราคาสนิ คา คงเหลอื ยกมาสาํ หรบั รอบระยะเวลาบญั ชใี หมด ว ย การคาํ นวณราคาทนุ ตามวรรคกอน เมอ่ื ไดค าํ นวณตามหลกั เกณฑใ ด ตามวชิ าการบญั ชี ใหใ ช หลกั เกณฑน นั้ ตลอดไป เวน แตจ ะไดรับอนุมตั ิจากอธบิ ดีจงึ จะเปลีย่ นหลักเกณฑได 4 บริษัท เอ บี ซี จํากัด เปนสาขาของบริษัทตางประเทศที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศบราซิล และประกอบกิจการในประเทศไทย บรษิ ทั ฯ ตอ งการจาํ หนายเงนิ กาํ ไรไปใหแ กส าํ นกั งานใหญ 1,000,000 บาท จะตองเสยี ภาษเี ทาไร ก. 100,000 บาท ข. 150,000 บาท ค. 200,000 บาท ง. 50,000 บาท

หนา้ 164 เฉลย ก. ตามมาตรา 70 ทวิ บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลใดจาํ หนา ยเงนิ กาํ ไร หรอื เงนิ ประเภทอน่ื ใดทก่ี นั ไวจ ากกาํ ไรหรอื ทถ่ี อื ได วา เปน เงนิ กาํ ไรออกไปจากประเทศไทย ใหเ สยี ภาษเี งนิ โดยหกั ภาษจี ากจาํ นวนเงนิ ทจ่ี าํ หนา ยนน้ั ตามอตั ราภาษเี งนิ ไดส าํ หรบั บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล (บญั ชอี ตั ราภาษเี งนิ ได : (2) (ง) ภาษตี ามมาตรา 70 ทวิ รอ ยละ 10) 5 จากขอ 4 ยื่นแบบแสดงรายการอะไร ก. ภ.ง.ด.52 ข. ภ.ง.ด.55 ค. ภ.ง.ด.53 ง. ภ.ง.ด.54 เฉลย ง. 7. ภาษีเงินไดนิติบุคคลสําหรับการจําหนายกําไรไปนอกประเทศ 7.1 ผูมีหนา ทเ่ี สยี ภาษฐี านนี้ ไดแก บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลซึ่งจําหนายเงินกาํ ไรหรือเงิน ประเภทอื่นใดที่กันไวจากกําไรหรือที่ถือไดวา เปนเงินกําไรออกไปจาก ประเทศไทยใหเสียภาษีเงินไดโดยหักภาษีจากจาํ นวนเงินที่จําหนา ย การจาํ หนา ยเงินกําไรนั้นใหห มายความรวมถึง (1) การจําหนายเงินกาํ ไร หรือเงินประเภทอื่นใดที่กันไวจากกําไรหรือที่ถือไดว าเปนเงินกําไร จากบญั ชีกําไรขาดทุนหรือบัญชีอื่นใดไปชําระหนี้ หรอื หักกลบลบหน้ี หรือไปตงั้ เปนยอดเจาหนี้ในบัญชี ของบุคคลใด ๆ ในตางประเทศ หรือ (2) ในกรณีที่มิไดปรากฎขอเท็จจรงิ ดังกลา วใน (1) แตไดมกี ารขออนุญาตซอื้ และโอนเงินตรา ตา งประเทศ ซึ่งเปนกําไรหรือเงินประเภทอื่นใดทกี่ ันไวจากกําไร หรือที่ ถือไดวา เปนเงินกําไรออกไป ตางประเทศ หรือ (3) การปฏิบัติอยา งอื่นอันกอ ใหเกิดผลตาม (1) หรือ (2) 7.2 อัตราภาษีและการคาํ นวณภาษี วิธีการเสียภาษีการจาํ หนายเงินกาํ ไรไปตางประเทศนี้ ใหเสียภาษีโดยหักจากจํานวนเงินที่จําหนา ยในอัตรารอ ยละ 10 7.3 การยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษี บริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่จาํ หนายเงินกําไรไปตา งประเทศ จะตองยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษี ภายในเจ็ดวัน นบั แตว ันสน้ิ เดอื นของเดอื นทีจ่ ําหนา ยเงินกําไร แบบแสดงรายการท่ีใชยืน่ ไดแ ก ภ.ง.ด. 54 (ยนื่ ทกุ คร้งั ทม่ี กี ารจาํ หนา ยเงนิ กาํ ไรออกไปจากประเทศไทย ถาเก็บกําไรไวใ น ประเทศไทยไมตองเสียภาษีฐานนี้) 6 จากขอ 4 กําหนดเวลายื่นแบบฯ เมื่อใด ก. ภายใน 7 วนั นบั แตว นั จาํ หนา ยเงนิ กาํ ไร ข. ภายใน 15 วนั นบั แตว นั สน้ิ เดอื นของเดอื นทจ่ี ายเงนิ ค. ภายใน 15 วนั นบั แตว นั จายเงนิ ง. ภายใน 7 วนั นับแตว นั สน้ิ เดอื นของเดอื นทจ่ี าํ หนา ยเงนิ กาํ ไร เฉลย ง. ตามประกาศกระทรวงการคลงั เรอ่ื ง ขยายกาํ หนดเวลาการนําสง ภาษเี งนิ ไดห กั ณ ทจ่ี า ย การนาํ สงภาษเี งนิ ไดก ารนําสง ภาษมี ลู คา เพ่ิม และการยน่ื รายการ ลงวนั ท่ี 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 ขอ 3 ใหข ยายกําหนดเวลาการนําสง ภาษเี งนิ ไดแ ละการยน่ื รายการตามมาตรา 70 ทวิ แหง ประมวลรษั ฎากร โดยใหน าํ สง และยื่นรายการภายในเจ็ดวัน นับแตวันสิ้นเดือนของเดือนที่จําหนา ยเงินกําไร 7 กจิ การใดมหี นาทเ่ี สยี ภาษมี ลู คาเพม่ิ ก. กจิ การโรงรบั จาํ นาํ ตามกฎหมายวาดว ยโรงรบั จาํ นาํ ข. กจิ การขายยารกั ษาคน ค. กจิ การขายอาหารสตั ว ง. กิจการขายตําราเรียน เฉลย ข เนอ่ื งจาก ก. เสยี SBT ตามมาตรา 91/2(4) ค. ไดร บั ยกเวน VAT ตามมาตรา 81(ง) ง. ไดร บั ยกเวน VAT ตามมาตรา 81(ฉ) 8 กิจการใดไดรับยกเวนภาษมี ูลคาเพิ่ม ก. กจิ การขายหนงั สือพมิ พ ข. กจิ การขายปลาปน อาหารสตั ว

หนา้ 165 ค. กจิ การใหเ ชา บา นพกั ง. ถกู ทกุ ขอ เฉลย ง. เนอ่ื งจาก ก. ไดร บั ยกเวน VAT ตามมาตรา 81(ฉ) ข. ไดร บั ยกเวน VAT ตามมาตรา 81(ฉ) ค. ไดร บั ยกเวน VAT ตามมาตรา 81(ต) 9 ผูประกอบการที่ตองจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม ซึ่งมีสถานประกอบการหลายแหงจะตองยื่นคําขอจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม ณ ที่ใด ก. สาํ นกั งานสรรพากรพน้ื ทท่ี องทท่ี ส่ี าํ นักงานตง้ั อยู ข. สํานกั งานสรรพากรพน้ื ทส่ี าขาทอ งทท่ี ส่ี าํ นกั งานใหญต ง้ั อยเู พยี งแหง เดยี ว ค. สาํ นกั งานสรรพากรทใ่ี ดกไ็ ด ง. สาํ นกั งานสรรพากรพ้ืนทส่ี าขาทองทท่ี ส่ี าํ นักงานแหง ใดแหง หนง่ึ ตง้ั อยู เฉลย ข. ตามมาตรา 85 ซ่ึงเขยี นไวว า ตามสาํ นกั งานใหญต ง้ั อยู ไมม คี าํ วา “เพียงแหง เดยี ว” (ถา ผปู ระกอบการมีสถานประกอบการหลายแหง ใหย น่ื คาํ ขอจดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ ณ ทวี่ าการอําเภอทอ งทท่ี ี่สถานประกอบการ ที่เปนสาํ นกั งานใหญต้ังอยู) 10 ภาษีมูลคาเพิ่มที่กรมสรรพากรจัดเก็บอยูในปจจุบัน จัดเก็บในอัตรารอยละเทาไร ก. รอ ยละ 7 ข. รอยละ 10 ค. รอยละ 2.5 ง. รอยละ 3 เฉลย ก. ตามพระราชกฤษฎกี า ฉบบั ท่ี 646 ลดอตั ราตง้ั แตว นั ท่ี 1 ต.ค.2560 ถงึ 30 ก.ย.2561 และมมี ตทิ ป่ี ระชมุ คณะรฐั มนตรี เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2561 ใหคงจัดเก็บรอยละ 7 ตั้งแตวันที่ 1 ต.ค.2561 ถึง 30 ก.ย. 2562 แบบทดสอบ ภาษอี ากรชดุ ใหม ชดุ ท่ี 7 (เตรยี มสอบ 05/05/55) 1 ขอใดตอไปนี้ ถือเปนคาใชจายในการคํานวณกําไรสุทธิเพื่อเสียภาษเี งินไดนิติบุคคลได ก. คา ปรบั อาญาภาษธี รุ กิจเฉพาะ ข. เบี้ยปรับภาษีมลู คา เพม่ิ ค. ภาษธี รุ กิจเฉพาะ ง. ภาษมี ลู คา เพม่ิ เฉลย ค. 2 สมาคมชาวไรออย มีรายไดในรอบระยะเวลาบัญชี 2554 จากคาลงทะเบียนสมาชิก 150,000 บาท , ดอกเบี้ยออมทรัพย 20,000 บาท และขายหนังสือคูมือการปลูกออย 10,000 บาท รวมรายได 180,000 บาท โดยในรอบระยะเวลาบัญชีดังกลาว มีรายจายคา พนกั งานประจํา 60,000 บาท คา เชา สาํ นักงานสมาคม 80,000 บาท และคา หนงั สือทซ่ี ้ือมาเพอ่ื ขาย 40,000 บาท รวมรายจาย 180,000 บาท ดังนี้ สมาคมดังกลาวตองเสียภาษีเงินไดนิติบุคคลหรือไม เพียงใด ก. ไมเสีย เพราะไมม กี ําไรสทุ ธิ ข. เสยี 2,200 บาท ค. เสยี 3,000 บาท

หนา้ 166 ง. เสยี 3,600 บาท เฉลย ข. [ดอกเบีย้ ออมทรพั ย (20,000 x 10%) + คา จาํ หนา ยหนงั สอื (20,000 x 2%) = 2,200 ตามมาตรา 65 ทวิ (13) มลู นธิ หิ รอื สมาคมทป่ี ระกอบกจิ การซง่ึ มรี ายได ไมต อ งนาํ เงนิ คา ลงทะเบยี น หรอื คา บาํ รงุ ทไ่ี ดร บั จาก สมาชกิ หรอื เงนิ หรอื ทรพั ยส นิ ทไ่ี ดร บั จากการรบั บรจิ าค หรือจากการใหโ ดยเสนห า แลว แตก รณี มารวมคาํ นวณเปนรายได คาํ นวณตามอตั รา ภาษีเงินไดดังนี้ \"(จ) ภาษจี ากรายไดก อ นหกั รายจา ยใด ๆ ของมลู นธิ หิ รอื สมาคมทป่ี ระกอบกจิ การซ่ึงมรี ายไดอ นั มใิ ชร ายไดต าม มาตรา 65 ทวิ (13) รอยละ 10\" (พระราชบญั ญตั แิ กไ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี 16) พ.ศ.2534 ใชบ งั คบั สาํ หรบั รอบระยะเวลาบญั ชเี รม่ิ ในหรอื หลงั วนั ท่ี 1 ม.ค.2535 เปน ตน ไป) (ดพู ระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ท่ี 250) พ.ศ.2535) ประกอบกบั พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรษั ฎากรวา ดวยการลดอตั รารษั ฎากร (ฉบบั ที่ 250) พ.ศ. 2535 มาตรา 4 ใหล ดอตั ราภาษเี งนิ ไดต าม (จ) ของ(2) สาํ หรบั บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล แหง บญั ชอี ตั ราภาษีเงนิ ได ทายหมวด 3 ในลกั ษณะ 2 แหงประมวลรษั ฎากร และคงจัดเกบ็ ในอตั รารอ ยละ 2 ของรายไดก อนหกั รายจายใด ๆ ของมูลนิธิหรอื สมาคมที่ ประกอบกจิ การซง่ึ มรี ายได อนั มใิ ชร ายไดต ามมาตรา 65 ทวิ (13) แหง ประมวลรษั ฎากร ทง้ั น้ี เฉพาะรายไดส ว นทเ่ี ปน เงินไดพ งึ ประเมนิ ตาม มาตรา 40 (8)แหง ประมวลรษั ฎากร 3 จากขอ 2 ยื่นแบบแสดงรายการอะไร ก. ภ.ง.ด.52 ข. ภ.ง.ด.54 ค. ภ.ง.ด.55 ง. ภ.ง.ด.53 เฉลย ค. ตามประกาศอธบิ ดกี รมสรรพากรเก่ียวกบั ภาษเี งนิ ได (ฉบบั ท่ี 16) เรอ่ื ง กําหนดแบบแสดงรายการเกย่ี วกบั ภาษเี งนิ ไดข อง บรษิ ทั หรือหา งหุนสว นนติ ิบคุ คล ขอ 2 ใหก าํ หนดแบบดงั ตอ ไปน้ีเปน แบบแสดงรายการเก่ียวกบั ภาษเี งนิ ไดข องบรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล “(6) แบบ ภ.ง.ด.55 ใชส าํ หรบั มลู นธิ หิ รอื สมาคมทป่ี ระกอบกจิ การซง่ึ รายไดต าม (3) ของคาํ นยิ าม “บรษิ ทั หรอื หา ง หนุ สว นนติ บิ คุ คล” ตามมาตรา 39 แหง ประมวลรษั ฎากร” (แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดยประกาศอธบิ ดกี รมสรรพากร (ฉบบั ท่ี 21) ใชบ งั คบั สาํ หรบั รอบระยะเวลาบญั ชเี รม่ิ ในหรอื หลงั 1 มกราคม 2526 เปน ตน ไป) 4 จากขอ 2 กําหนดเวลายื่นแบบฯ เมื่อใด ก. ภายใน 180 วนั นบั แตวนั สดุ ทา ยของรอบระยะเวลาบญั ชี ข. ภายใน 2 เดือนนับแตวันสุดทายของรอบระยะเวลาบัญชี ค. ภายใน 150 วนั นบั แตว นั สดุ ทา ยของรอบระยะเวลาบญั ชี ง. ภายใน 5 เดือนนับแตวันสุดทายของรอบระยะเวลาบัญชี เฉลย ค. ตามมาตรา 68 ภายในหนง่ึ รอ ยหา สบิ วนั นบั แตว นั สดุ ทา ยของรอบระยะเวลาบญั ชี ใหบ รษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล ยน่ื รายการ ซ่ึงจาํ เปน ตอ งใชใ นการคาํ นวณภาษใี นรอบระยะเวลาบญั ชตี ามแบบทอ่ี ธบิ ดกี าํ หนด พรอ มกบั ชาํ ระภาษตี อ อาํ เภอ 5 บริษัท บิลลี่ จาํ กัด ตั้งขึ้นตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกา และมิไดประกอบกิจการในประเทศไทย ไดรับเงินปนผล 100,000 บาท และ ยังไดรับดอกเบี้ยเงินกูอีก 100,000 บาท จากบริษัท พิมาย จํากัด ดังนี้ บริษัท บิลลี่ จํากัด ตองเสียภาษีเงินไดนิติบุคคลหรือไม เพียงใด ก. เสยี 20,000 บาท ข. เสยี 15,000 บาท ค. เสยี 30,000 บาท ง. เสยี 25,000 บาท

หน้า 167 เฉลย ง มาตรา 70 บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล ทต่ี ง้ั ขน้ึ ตามกฎหมายของตางประเทศ มไิ ดป ระกอบกจิ การในประเทศไทย แต ไดร บั เงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 (2)(3) (4) (5) หรอื (6) ทจ่ี า ยจากหรอื ในประเทศไทย ใหบ รษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนิตบิ คุ คล นน้ั เสยี ภาษี โดยใหผ จู า ยหกั ภาษจี ากเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ทจ่ี า ยตามอตั ราภาษเี งนิ ได สาํ หรบั บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลแลว นาํ สง อําเภอทองที่พรอมกับยื่นรายการตามแบบที่อธิบดกี ําหนดภายในเจ็ดวันนับแตวันสิ้นเดือนของเดือนที่จายเงินไดพึงประเมินนั้น ทั้งนี้ ใหน ํามาตรา 54 มาใชบ งั คับโดยอนุโลม มาตรา 70 ทวิ บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลใดจาํ หนา ยเงนิ กาํ ไร หรอื เงนิ ประเภทอน่ื ใดทก่ี นั ไวจ ากกาํ ไรหรอื ทถ่ี อื ไดว า เปน เงนิ กําไรออกไปจากประเทศไทย ใหเ สยี ภาษเี งนิ ไดโ ดยหกั ภาษจี ากจาํ นวนเงนิ ทจ่ี าํ หนา ยนน้ั ตามอตั ราภาษเี งนิ ไดส าํ หรบั บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล แลว นาํ สง อาํ เภอทอ งท่ี พรอ มกบั ยน่ื รายการตามแบบทอ่ี ธบิ ดกี าํ หนดภายในเจด็ วนั นบั แตว นั จาํ หนา ย \"(ข) ภาษตี ามมาตรา 70 นอกจากทีร่ ะบุใน (ค) รอ ยละ 15 (ดพู ระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ท่ี 377) พ.ศ.2544 ) (ค) ภาษตี ามมาตรา 70 เฉพาะกรณีการจายเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(4)(ข) รอ ยละ 10 (ง) ภาษตี ามมาตรา 70 ทวิ รอยละ 10\" (พระราชกําหนดแกไ ขเพม่ิ เตมิ ประมวลรษั ฎากร (ฉบบั ท่ี 16) พ.ศ.2534 ใชบ งั คบั 1 เม.ย. 2535 เปน ตน ไป) (ดพู ระราชกฤษฏกี า (ฉบบั ท่ี 270) พ.ศ.2537) 6 จากขอ 5 ยื่นแบบแสดงรายการอะไร ก. ภ.ง.ด.55 ข. ไมต อ งยน่ื แบบฯ แตอ ยา งใด ค. ภ.ง.ด.52 ง. ภ.ง.ด.54 เฉลย ง. อา งองิ : อนิ เทอรเ นต็ > ความรเู รอ่ื งภาษี > ภาษเิ งนิ ไดน ติ บิ คุ คล > ภาษเี งนิ ไดน ติ บิ คุ คลสาํ หรบั เงนิ ไดท จ่ี า ยจาก หรอื ในประเทศไทย 7 จากขอ 5 กําหนดเวลายื่นแบบฯ เมื่อใด ก. ภายใน 15 วนั นบั แตว นั สน้ิ เดอื นของเดือนทจ่ี า ยเงิน ข. ภายใน 7 วนั นับแตว นั สน้ิ เดอื นของเดอื นทจ่ี า ยเงนิ ค. ภายใน 7 วนั นบั แตว นั จายเงนิ ง. ภายใน 15 วนั นบั แตว นั จา ยเงนิ เฉลย ข. อางองิ : อนิ เทอรเ นต็ > ความรเู รอ่ื งภาษี > ภาษเิ งนิ ไดน ติ บิ คุ คล > ภาษเี งนิ ไดน ติ บิ คุ คลสาํ หรบั เงนิ ไดท จ่ี า ยจาก หรอื ในประเทศไทย 8 บริษัท บานโคราชนาอยู จํากัด (มหาชน) จดทะเบียนเปนบริษัทในตลาดหลักทรัพย ปรากฏวาในรอบระยะเวลานี้ ในงบกําไรขาดทุน บริษัทฯ มีกําไรสุทธิ 2,800,000 บาท และผูสอบบัญชีตรวจพบวา รายไดจากการขายบานพรอมที่ดินราคาประเมินที่ใชเปนทุนทรัพยใน การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ราคารวมทั้งหมด 3,000,000 บาท แตสมุหบัญชีบันทึกบัญชตี ามราคาขายจริงคือ 2,000,000 บาท นอกจากนบ้ี ริษทั ฯ ไดร บั เงนิ ปน ผลจาก ธนาคาร ไทย จาํ กดั ซง่ึ เปน บรษิ ทั มหาชน เปน เงนิ 400,000 บาท และไดร บั สว นแบง กาํ ไรจาก หางหุนสวนจํากัดโคราชา 100,000 บาท ดังนี้ในการคํานวณภาษเี งินไดนิติบุคคล ขอใดถูกตอง ก. รายไดจ ากการขายทด่ี นิ ตอ งปรบั ปรงุ โดยบวกกลบั 1 ลา นบาท ข. รายไดจากการขายที่ดินตองปรับปรุงโดยหักออก 1 ลานบาท

หน้า 168 ค. ไมตองปรับปรุงกําไรสุทธิ ง. ผดิ ทกุ ขอ เฉลย ก. ตามคําสั่งกรมสรรพากรที่ ป.119/2545 9 จากขอ 8 บรษิ ทั ฯ ไดร บั เงนิ ปน ผลจาก ธนาคาร ไทย จาํ กดั (มหาชน) ซง่ึ จดทะเบยี นเปน บริษทั ในตลาดหลกั ทรพั ย เปน เงิน 400,000 บาท ขอใดถูกตอง ก. ตองปรับปรุงโดยบวกกลับ 4 แสนบาท ข. ตอ งปรบั ปรงุ โดยหกั ออก 4 แสนบาท ค. ไมต อ งปรบั ปรงุ กําไรสทุ ธิ ง. ผดิ ทกุ ขอ เฉลย ค. มาตรา 65 ทวิ (10) สาํ หรบั บรษิ ทั จาํ กดั ทต่ี ง้ั ขน้ึ ตามกฎหมายไทย ใหน าํ เงนิ ปน ผลทไ่ี ดจ ากบรษิ ทั จาํ กดั ทต่ี ง้ั ขน้ึ ตามกฎหมายไทย กองทนุ รวม หรอื สถาบนั การเงินทม่ี กี ฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทยจดั ตง้ั ขน้ึ สาํ หรบั ใหก ยู มื เงนิ เพอ่ื สง เสรมิ เกษตรกรรม พาณชิ ยกรรม หรอื อตุ สาหกรรม และเงนิ สว นแบง กาํ ไรทไ่ี ดจ ากกจิ การรวมคา มารวมคาํ นวณเปน รายไดเ พยี งกง่ึ หนง่ึ ของจาํ นวนทไ่ี ด เวน แตบ รษิ ัทจาํ กดั ทต่ี ง้ั ขน้ึ ตามกฎหมายไทยดังตอ ไปน้ี ไมต อ งนาํ เงนิ ปน ผลทไ่ี ดจ ากบรษิ ทั จาํ กดั ทต่ี ้ังขน้ึ ตามกฎหมายไทย กองทนุ รวม หรอื สถาบนั การเงินทม่ี กี ฎหมาย โดยเฉพาะของประเทศไทยจัดตั้งข้นึ สําหรับใหกูยืมเงินเพอื่ สงเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม และเงินสวนแบงกําไรที่ไดจาก กจิ การรว มคามารวมคาํ นวณเปน รายได ( ดพู ระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ที่ 263 ) พ.ศ. 2536 สาํ หรบั เงินสว นแบง ของกาํ ไรทีไ่ ดจ ากกองทนุ รวมตามพระราชบญั ญตั หิ ลกั ทรพั ยแ ละ ตลาดหลกั ทรพั ย พ.ศ.2535 ) (ก) บรษิ ทั จดทะเบยี น (ข) บรษิ ทั จาํ กดั นอกจาก (ก) ซง่ึ ถอื หุนในบรษิ ทั จาํ กดั ผจู า ยเงินปน ผลไมนอ ยกวา รอ ยละ 25 ของหุน ทง้ั หมดทม่ี สี ทิ ธอิ อกเสยี งใน บรษิ ทั จาํ กดั ผจู า ยเงนิ ปน ผล และบรษิ ทั จาํ กดั ผจู ายเงนิ ปน ผลไมไ ดถ อื หุนในบรษิ ทั จาํ กดั ผรู บั เงินปน ผลไมว า โดยทางตรงหรอื โดยทางออ ม ความในวรรคหนง่ึ มใิ หใ ชบ งั คบั ในกรณที บ่ี รษิ ทั จาํ กดั หรอื บรษิ ทั จดทะเบยี น มเี งนิ ไดท เ่ี ปนเงนิ ปน ผลและเงนิ สวนแบงกาํ ไรดงั กลา ว โดย ถอื หนุ หรอื หนว ยลงทนุ ทก่ี อ ใหเ กดิ เงนิ ปน ผลและเงนิ สว นแบง กําไรนน้ั ไวไ มถ งึ สามเดอื นนบั แตว นั ทไ่ี ดห นุ หรอื หนว ยลงทนุ น้ันมาถงึ วนั มเี งนิ ได ดงั กลา ว หรอื ไดโ อนหนุ หรอื หนวยลงทนุ นน้ั ไปกอ นสามเดอื นนบั แตว นั ทม่ี เี งนิ ได เงินปน ผลทไ่ี ดจ ากการลงทนุ ของกองทุนสาํ รองเลย้ี งชพี ตามมาตรา 65 ตรี (2) ไมใ หถ อื เปน เงนิ ปนผลหรือเงนิ สว นแบง กาํ ไร ตาม ความในวรรคสอง 10 จากขอ 8 บรษิ ทั ฯ ไดร บั สว นแบง กาํ ไรจากหา งหนุ สว นจาํ กดั โคราชา 100,000 บาท ขอ ใดถกู ตอ ง ก. ตองปรับปรุงโดยบวกกลับ 1 แสนบาท ข. ตอ งปรบั ปรงุ โดยหกั ออก 1 แสนบาท ค. ไมตองปรับปรุงกําไรสุทธิ ง. ผดิ ทกุ ขอ เฉลย ค ตามพระราชกฤษฎกี าออกตามความในประมวลรษั ฎากร วา ดวยการยกเวน รษั ฎากร (ฉบับท่ี 263) พ.ศ. 2536 ซ่ึงระบไุ ววา มาตรา 3 ใหย กเวน ภาษเี งินไดต ามสว น 3 หมวด 3 ในลกั ษณะ 2 แหงประมวลรัษฎากร สําหรบั เงนิ สว นแบง ของกําไรทไ่ี ดจ ากกองทนุ รวมท่ี จัดตั้งตามพระราชบัญญตั ิหลักทรัพยและตลาดหลักทรัพย พ.ศ. 2535 ใหแก (1) บริษทั ท่ีตง้ั ขึน้ ตามกฎหมายไทย สําหรับเงินสวนแบงของกําไรท่ไี ดจาํ นวนกึ่งหน่ึง (2) บรษิ ทั จดทะเบยี น สาํ หรบั เงนิ สวนแบง ของกาํ ไรทไ่ี ดท ง้ั จาํ นวน ทง้ั น้ี ความในวรรคหนง่ึ มิใหใ ชบ งั คบั ในกรณที บ่ี ริษทั หรอื บรษิ ทั จดทะเบยี น ตาม (1) หรอื (2) มเี งินไดท ีเ่ ปน เงนิ สว นแบง ของกาํ ไรดงั กลา วโดย ถือหนวยลงทนุ ทกี่ อใหเ กิดเงนิ สว นแบง ของกําไรนน้ั ไมถ ึงสามเดอื นนับแตว ันท่ีไดหนวยลงทนุ น้ันมาถึงวันมเี งินไดด ังกลา ว หรอื ไดโ อนหนวย ลงทนุ นน้ั ไปกอ นสามเดอื นนับแตว นั ทม่ี เี งนิ ได ประกอบกบั (ดคู าํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ป.119/2545) 11 จากขอ 8 กําไรสุทธิตามหลักบัญชี เมื่อปรับปรุงแลว บริษัทฯ มีกําไรสุทธิตามประมวลรัษฎากรจํานวนเทาไร ก. 3,300,000 บาท

หน้า 169 ข. 3,400,000 บาท ค. 3,800,000 บาท ง. 4,000,000 บาท เฉลย ค. บรษิ ทั มกี าํ ไรสุทธิทางบัญชี 2,800,000 บาท บวกกลบั 1,000,000 บาท = 3,800,000 บาท 12 จากขอ 8 ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินไดนติ ิบุคคลสิ้นปอะไร ก. ภ.ง.ด.50 ข. ภ.ง.ด.52 ค. ภ.ง.ด.51 ง. ภ.ง.ด.54 เฉลย ก. ตามประกาศอธบิ ดกี รมสรรพากรเกย่ี วกบั ภาษเี งนิ ได (ฉบบั ท่ี 16) เรอ่ื ง กําหนดแบบแสดงรายการเกย่ี วกบั ภาษเี งนิ ไดข อง บรษิ ัทหรือหา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล ขอ 2 ใหก าํ หนดแบบดงั ตอ ไปนเ้ี ปน แบบแสดงรายการเกย่ี วกบั ภาษีเงนิ ไดข องบรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล (1) แบบ ภ.ง.ด.50 ใชสําหรับบริษัทหรือหางหุนสวนนิตบิ ุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือตั้งขึ้นตามกฎหมาย ของตา งประเทศ และกระทาํ กจิ การในประเทศไทย ตามมาตรา 66 วรรคหนง่ึ แหง ประมวลรษั ฎากร 13 จากขอ 8 กําหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินไดนิติบุคคลสิ้นป เมื่อใด ก. ภายใน 180 วนั นบั แตว นั สดุ ทา ยของรอบระยะเวลาบญั ชี ข. ภายใน 5 เดือนนับแตวันสุดทายของรอบระยะเวลาบัญชี ค. ภายใน 150 วนั นบั แตว นั สดุ ทา ยของรอบระยะเวลาบญั ชี ง. ภายใน 2 เดือนนับแตวันสุดทายของรอบระยะเวลาบัญชี เฉลย ค. ตามมาตรา 68 ภายในหนง่ึ รอ ยหา สบิ วนั นบั แตว นั สดุ ทา ยของรอบระยะเวลาบญั ชี ใหบ รษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลยน่ื รายการ ซ่ึงจาํ เปน ตอ งใชใ นการคาํ นวณภาษใี นรอบระยะเวลาบญั ชตี ามแบบทอ่ี ธบิ ดกี าํ หนด พรอ มกบั ชาํ ระภาษตี อ อาํ เภอ

หนา้ 170 จิตอาสาปนโตภาษี กลุม 2 ขอ สอบชดุ ท่ี 6 (ขอ 18 – 35) ขอ 18. นายมารวย เปนสัตวแพทย (ภริยาไมมีเงินได) ไดเปดสถานประกอบการรักษาสัตว ไดรับเงินได ตั้งแตเดือนมกราคม ถงึ มถิ นุ ายน 2550 จาํ นวน 60,000 บาท และเดอื นกรกฎาคม ถงึ ธนั วาคม 2550 จาํ นวน 150,000 บาท เงนิ ได ดังกลาวเปนเงินไดพึงประเมินประเภทใด และในปภาษี 2550 ตองยื่นแบบ ภ.ง.ด. 94 หรือไม ก. ประเภทท่ี 6 และตอ งยน่ื แบบ ภ.ง.ด.94 ข. ประเภทที่ 6 และไมตองยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 ค. ประเภทท่ี 8 และตอ งยน่ื แบบ ภ.ง.ด.94 ง. ประเภทท่ี 8 และไมต อ งยน่ื แบบ ภ.ง.ด.94 เฉลย ง. ถกู ตอ งแลว ขอ 19. การทาเรือฯ จายบําเหน็จตกทอดใหแกทายาทของพนักงานการทาเรือฯ ผูตาย ขอใดถูกตอง ก. เขา ลักษณะเปน บาํ เหนจ็ ตกทอด จงึ ไดร บั ยกเวนภาษเี งนิ ไดต ามมาตรา 42(12) ข. เขา ลกั ษณะเปน บําเหนจ็ ตกทอด จงึ ไดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดแ ตไ มเ กนิ 200,000 บาท ตามมาตรา 42(12) ค. ไมเ ขา ลกั ษณะเปน บาํ เหนจ็ ตกทอด จงึ ไมไดร บั ยกเวน ภาษเี งินไดต ามมาตรา 42(12) โดยเสยี ภาษใี นนามของ ทายาทที่ไดรับบําเหน็จตกทอด ง. ไมเ ขาลกั ษณะเปน บาํ เหนจ็ ตกทอด จงึ ไมไ ดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดต ามมาตรา 42(12) โดยเสยี ภาษใี นนาม ของผตู าย เฉลย ง. ถกู ตอ งแลว ขอ 20. นาย ก. ซึ่งมิไดเปนผูอยูในประเทศไทย ไดปฏิบัติหนาท่เี ปนผูจัดการสาขาของธนาคาร ข. จํากัด ซึ่งตั้งอยูในประเทศ ฮองกง ธนาคารฯ โดยนายจางในประเทศไทยเปนผูจายเงินได ตามมาตรา 40 (1) ใหแกพนักงานหรือลูกจางที่ปฏิบัติงานใน ตางประเทศโดยตรง ซึ่งจา ยเงินไดสวนหนึ่งเขาบัญชีเงินฝากธนาคารของ นาย ก. ในประเทศไทย และเงินไดอีกสวนหนึ่งจะ โอนเขาบัญชีเงินฝากธนาคารที่ประเทศฮองกง ขอใดถูกตอง ก. เขา ลกั ษณะเปน เงนิ ไดเ นอ่ื งจากกจิ การของนายจา งในประเทศไทย นาย ก. ผมู เี งนิ ไดต อ งเสยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คล ธรรมดาใหกับประเทศไทย ข. เขาลักษณะเปนเงินไดเนื่องจากหนาที่งานในตางประเทศ นาย ก. ผูมีเงินไดไมตองเสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา ใหกับประเทศไทย ค. เขา ลกั ษณะเปน เงินไดเ นอ่ื งจากกจิ การนอกประเทศของนายจา งในประเทศไทย นาย ก. ผมู เี งินไดไ มต องเสยี ภาษี เงินไดบคุ คลธรรมดาใหกับประเทศไทย ง. ผิดทุกขอ เฉลย ก. ถกู ตอ งแลว อา งองิ : มาตรา 41 ผมู เี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 ในปภาษีที่ลวงมาแลว เน่ืองจากหนาท่ี งาน หรือกิจการท่ีทําในประเทศไทย หรือเนื่องจากกิจการของนายจางในประเทศไทย หรือเน่ืองจากทรัพยสินท่ีอยูใน ประเทศไทย ตอ งเสยี ภาษีตามบทบัญญัติในสวนนี้ไมว า เงนิ ไดน ้ันจะจา ยในหรอื นอกประเทศ (คาํ สง่ั กรมสรรพากร ท่ี ป.120/2545 ) ผอู ยใู นประเทศไทยมเี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 ในปภ าษีที่ลวงมาแลว เนื่องจากหนาที่งานหรือกิจการที่ทํา ในตา งประเทศ หรอื เนอ่ื งจากทรพั ยส นิ ทอ่ี ยใู นตา งประเทศ ตองเสียภาษีเงินไดตามบทบัญญัติในสวนนี้เมื่อนําเงินไดพึง ประเมนิ นน้ั เขา มาในประเทศไทย ผใู ดอยใู นประเทศไทยชว่ั ระยะเวลาหนง่ึ หรอื หลายระยะ รวมเวลาทั้งหมดถึงหนึ่งรอยแปดสิบวันในปภาษีปใด ให ถอื วาผูน น้ั เปน ผูอยใู นประเทศไทย

หนา้ 171 ขอ 21. ขอใดตอไปนี้ ไมถือเปนประโยชนเพิ่มของพนักงาน ตามมาตรา 40(1) แหงประมวลรัษฎากร ก. บรษิ ทั ฯ ซอ้ื อาหารชดุ ชดุ ละ 20 บาท ใหแ กพ นกั งานทกุ คน เพอ่ื เปน อาหารกลางวนั และอาหารในเวลา ทาํ งานลว งเวลา ข. บริษัทฯ ไดออกคาใชจายเพื่อจัดใหมีรถยนตสองแถวรับสงพนักงาน ค. บรษิ ทั ฯ ไดอ อกคาใชจ า ยในการจดั นาํ เทย่ี วเพอ่ื สรา งขวญั และกาํ ลังใจใหแ กพ นกั งาน ง. ผดิ ทกุ ขอ เฉลย ง. ถกู ตอ งแลว อางอิง : 1. คําพิพากษาฎีกาที่ 123/2540 2. หนงั สือท่ี กค.0811(กม02)/916 ลงวันท่ี 7 สิงหาคม 2544 ทง้ั ก. ข. และ ค. กรมสรรพากรไดม แี นววนิ จิ ฉยั ใหถ อื เปน ประโยชนเ พม่ิ ขอ 22. กรณีบุคคลธรรมดาบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการกีฬาตามโครงการตามยุทธศาสตร 4 ปสรางกีฬาชาติ (พ.ศ. 2548 - 2551) ขอ ใดตอ ไปน้ี ถกู ตอ ง ก. ใหย กเวน ภาษเี งนิ ไดเ ปนจาํ นวน 2 เทา ของรายจา ยทจ่ี ายไป แตต อ งไมเ กนิ รอ ยละ 10 สาํ หรบั เงนิ ไดห ลงั จากหกั คา ใชจ า ยและหกั ลดหยอ นตาม ม. 47(1) (2) (3) (4) (5) หรอื (6) ใหส ทิ ธปิ ระโยชนต ง้ั แตป  พ.ศ. 2548 ถงึ พ.ศ. 2551 ข. ใหย กเวน ภาษเี งนิ ไดเ ปน จาํ นวน 1.5 เทา ของรายจายทจ่ี า ยไป แตต อ งไมเ กนิ รอ ยละ 20 สาํ หรบั เงนิ ได หลงั จากหกั คา ใชจ า ยและหกั ลดหยอ นตาม ม. 47(1) (2) (3) (4) (5) หรอื (6) ใหส ทิ ธปิ ระโยชนต ง้ั แตป  พ.ศ. 2549 ถึง พ.ศ. 2551 ค. ใหย กเวน ภาษเี งนิ ไดเ ปนจาํ นวน 1.5 เทา ของรายจา ยทจ่ี ายไป แตต อ งไมเ กนิ รอ ยละ 20 สาํ หรบั เงนิ ไดห ลงั จาก หกั คา ใชจ า ยและหกั ลดหยอนตาม ม. 47(1) (2) (3) (4) (5) หรอื (6) ใหส ทิ ธปิ ระโยชนต ง้ั แตป  พ.ศ. 2548 ถงึ พ.ศ. 2551 ง. ใหย กเวน ภาษเี งนิ ไดเ ปน จาํ นวน 1.5 เทา ของรายจา ยทจ่ี ายไป แตต อ งไมเ กนิ รอ ยละ 10 สาํ หรบั เงนิ ไดห ลงั จาก หกั คา ใชจ า ยและหกั ลดหยอนตาม ม. 47(1) (2) (3) (4) (5) หรอื (6) ใหส ทิ ธปิ ระโยชนต ง้ั แตป  พ.ศ. 2549 ถงึ พ.ศ. 2551 ขอ สอบขอ น้ี ลา สมยั แลว ขอ 23. ขอ ใดตอ ไปน้ี มใิ ชห ลักเกณฑ เกย่ี วกบั การยกเวน เงินไดเ ทา ทผ่ี มู เี งนิ ไดจ า ยเปน เบย้ี ประกนั ภยั สาํ หรบั การประกนั สุขภาพบิดามารดาของผูมีเงินได รวมทั้งบิดามารดาของสามีหรือภริยาของผูมี เงินได ตามจํานวนเบี้ยประกันภัยที่จา ยจริงแตไม เกิน 15,000 บาท ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับที่ 162) ก. บดิ าหรอื มารดาดงั กลาวแตล ะคนมเี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ในปภ าษที ข่ี อยกเวน ภาษเี งินไดไ มเ กนิ 30,000 บาท ข. ผูมีเงินไดหรือสามีหรือภริยาของผูมีเงินไดจะตองเปนบุตรชอบดวยกฎหมายของบิดามารดาที่ผูมเี งินไดใชสิทธิขอ ยกเวนภาษีเงินไดจากการทําประกันสุขภาพสําหรับบิดามารดา ค. บิดามารดาที่ผูมีเงินไดใชสิทธขิ อยกเวนภาษีเงินไดตองมีเลขประจําตัวประชาชน ง. บดิ าหรอื มารดาดงั กลาวตอ งมอี ายุ 60 ปข น้ึ ไป และอยใู นความอปุ การะเล้ียงดขู องผมู เี งนิ ได เฉลย ง. ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษเี งนิ ได (ฉบบั ท่ี ๑๖๒) ขอ 1 การยกเวน ภาษเี งนิ ไดส าํ หรบั เงนิ ไดเ ทา ทผ่ี มู เี งนิ ไดจ า ยเปน เบย้ี ประกนั ภยั สาํ หรบั การประกนั สขุ ภาพ ใหแ กบ รษิ ัทประกนั ชวี ติ หรอื บรษิ ัทประกนั วนิ าศภัยทป่ี ระกอบกจิ การในราชอาณาจกั ร เพอ่ื เอาประกนั ภยั สําหรบั บดิ า มารดาของผูมเี งนิ ได รวมทง้ั บดิ ามารดาของสามหี รอื ภรยิ าของผมู ีเงนิ ได ตามจาํ นวนเบย้ี ประกนั ภยั ทจ่ี า ยจรงิ แตไ มเ กนิ หนึ่งหมนื่ หาพันบาท ในปภาษีนั้น ตองเปนไปตามหลักเกณฑด ังตอไปนี้ (1) ตอ งเปน การทาํ ประกนั สขุ ภาพใหก บั บดิ ามารดาของผมู เี งนิ ได รวมทง้ั บดิ ามารดาของสามี หรอื ภรยิ าของผมู เี งนิ ได ซง่ึ บดิ าหรอื มารดาดงั กลา วแตล ะคนมเี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ในปภ าษที ข่ี อยกเวน ภาษเี งนิ ไดไ มเ กนิ สาม หมนื่ บาท (2) ผมู เี งนิ ไดห รอื สามหี รอื ภรยิ าของผูมเี งนิ ไดจ ะตอ งเปน บตุ รชอบดว ยกฎหมายของบดิ ามารดา ที่ผูมีเงินไดใชสิทธิขอยกเวนภาษีเงินไดจากการทําประกันสุขภาพสําหรับบิดามารดาดังกลาว (3) ใหไ ดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดก รณกี ารทาํ ประกนั สขุ ภาพสาํ หรบั บิดามารดาดงั กลา วตลอดปภ าษี ไมวา กรณที จ่ี ะไดรบั ยกเวน ภาษนี นั้ จะมีอยูตลอดปภาษหี รือไม

หน้า 172 (4) กรณผี มู เี งนิ ไดห ลายคนรว มกนั ทาํ ประกนั สขุ ภาพสาํ หรบั บดิ ามารดาดงั กลาว ใหผ ูมเี งนิ ไดท กุ คนไดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดโ ดยเฉลย่ี เบ้ียประกนั ภยั ทผ่ี มู เี งนิ ไดร ว มกนั จา ยจรงิ แตไ มเ กนิ หนง่ึ หมน่ื หา พนั บาท ตามสว น จํานวนผูม เี งนิ ได (5) กรณสี ามหี รอื ภรยิ ามเี งนิ ไดฝ า ยเดยี ว ใหส ามหี รอื ภรยิ าซง่ึ เปน ผมู เี งนิ ไดไ ดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดตามจํานวนเบี้ยประกันภัยที่จายจริงแตไมเกนิ หนึ่งหมื่นหาพันบาท (6) กรณสี ามภี ริยาตา งฝายตา งมเี งนิ ได ใหไ ดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดด งั น้ี (ก) ถา ความเปน สามภี ริยามไิ ดม อี ยตู ลอดปภ าษที ไ่ี ดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดใ หส ามแี ละภรยิ า ซึง่ เปน ผูม เี งนิ ไดตา งฝา ยตา งไดร ับยกเวนภาษเี งินไดตามจาํ นวนเบยี้ ประกนั ภยั ทจ่ี ายจรงิ แตไมเ กนิ หน่ึงหม่ืนหาพันบาท (ข) ถา ความเปน สามภี รยิ าไดม อี ยูตลอดปภ าษที ไ่ี ดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดแ ละภรยิ าไมใ ช สทิ ธแิ ยกยน่ื รายการและเสยี ภาษตี า งหากจากสามตี ามมาตรา 57 เบญจ แหง ประมวลรษั ฎากร ใหสามแี ละภรยิ าซง่ึ เปน ผู มเี งนิ ไดต า งฝา ยตา งไดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดต ามจาํ นวนเบย้ี ประกนั ภยั ทจ่ี า ยจรงิ แตไ มเ กนิ หนง่ึ หมน่ื หา พนั บาท (ค) ถา ความเปน สามภี ริยาไดม อี ยูตลอดปภ าษที ไ่ี ดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดแ ละภรยิ าใชส ทิ ธิ แยกยน่ื รายการและเสยี ภาษตี างหากจากสามตี ามมาตรา 57 เบญจ แหง ประมวลรษั ฎากร ใหสามแี ละภรยิ าซง่ึ เปน ผมู เี งนิ ไดตางฝายตางไดรับยกเวนภาษีเงินไดตามจํานวนเบี้ยประกันภัยที่จายจริงแตไมเกินหนึ่งหมื่นหาพันบาท (7) กรณผี มู เี งนิ ไดม ไิ ดเ ปน ผอู ยใู นประเทศไทยใหไ ดร บั ยกเวน ภาษเี งนิ ไดเ ฉพาะการทาํ ประกนั ภยั สาํ หรับบิดามารดาที่อยใู นประเทศไทย ขอ 24. ขอ ใดตอ ไปน้ี มใิ ชห ลักเกณฑห รอื เงอ่ื นไข เกย่ี วกบั การยกเวน เงนิ ไดเ ทา ท่ีนายจา งจา ยเปน เบย้ี ประกนั ภยั ใหแ กบ รษิ ทั ประกันชีวิตหรือบริษัทประกันวินาศภัย ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 263 (พ.ศ. 2549) ก. เปน กรมธรรมป ระกนั ภยั กลุม ข. กรมธรรมท ม่ี กี ําหนดเวลาตง้ั แตห นง่ึ ปข น้ึ ไป ค. เบี้ยประกันภัยเฉพาะในสวนที่คุมครองคารักษาพยาบาล ง. จา ยเปน เบย้ี ประกนั ภยั ใหแ กบ รษิ ทั ประกันชวี ติ หรอื บริษทั ประกนั วนิ าศภยั ทป่ี ระกอบกจิ การในราชอาณาจกั ร เฉลย ข. ถกู ตอ งแลว อา งองิ : กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 263 (พ.ศ. 2549 ใหเ พม่ิ ความตอ ไปน้ีเปน (76) และ (77) ของ ขอ 2 แหง กฎกระทรวงฉบบั ท่ี 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรษั ฎากร วา ดว ยการยกเวน รษั ฎากร (76)..... (77) เงนิ ไดเ ทา ทน่ี ายจา งจา ยเปน เบย้ี ประกนั ภยั ใหแ กบ รษิ ทั ประกนั ชวี ติ หรอื บริษัทประกันวินาศ ภัยท่ีประกอบกิจการในราชอาณาจักร สําหรับกรมธรรมประกันภัยกลุมท่ีมีกําหนดเวลาไมเกินหน่ึงป เฉพาะในสวนท่ี คุมครองคารักษาพยาบาลสําหรับ (ก) ลกู จา ง สามี ภรยิ า บุพการีหรือผูสืบสันดานซ่ึงอยูในความอุปการะเล้ียงดูของลูกจาง ทง้ั น้ี เฉพาะการรกั ษาพยาบาลในประเทศไทย (ข) ลูกจาง ในกรณีท่ีจําเปนตองไดรับการรักษาพยาบาลในตางประเทศ ในขณะท่ี ปฏบิ ัตกิ ารตามหนา ทใ่ี นตา งประเทศเปน ครง้ั คราว ทง้ั น้ี สาํ หรบั เงนิ ไดท ไ่ี ดร บั ตง้ั แตว นั ท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2549 เปน ตน ไป ” ขอ 25. กฎหมายกําหนดใหผูมีหนาที่เสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา จัดทําบัญชีหรือรายงานแสดงรายไดและรายจาย ขอใด ตอ ไปน้ี ถูกตอง ก. ใหผูมีหนาที่เสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา และเปนผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม เฉพาะ ผูมีเงินได ตามมาตรา 40(5) (6) (7) และ (8) ข. ใหผ มู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา และมไิ ดเ ปน ผปู ระกอบการจดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ เฉพาะผูมี เงนิ ไดต ามมาตรา 40(5) (6) (7) และ (8) ค. ใหผูมีหนาที่เสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา และเปนผูประกอบการจดทะเบียนภาษมี ูลคาเพิ่ม เฉพาะผูมีเงินได ตามมาตรา 40(2) (5) (6) (7) และ (8)

หนา้ 173 ง. ใหผูมีหนาที่เสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา และมิไดเปนผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมลู คาเพิ่ม เฉพาะผูมีเงินได พงึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(2) (5) (6) (7) และ (8) เฉลย ข. ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ประกาศอธบิ ดีฯ เกี่ยวกับภาษีเงินได (ฉบับท่ี 161) เรื่อง กําหนดใหผูมีหนาท่ีเสียภาษี เงินไดบ คุ คลธรรมดา และมไิ ดเปน ผปู ระกอบการจดทะเบียนภาษีมลู คาเพม่ิ จัดทาํ บัญชหี รือรายงานแสดงรายไดและรายจาย ขอ 2 ใหผ มู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา และมไิ ดเ ปน ผปู ระกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพ่ิม เฉพาะ ผมู เี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(5) (6) (7) และ (8) แหง ประมวลรษั ฎากร จดั ทาํ บญั ชหี รอื รายงานแสดงรายไดและ รายจายเปนประจําวัน โดยตองมีรายการและขอความอยางนอยตามแบบที่แนบทายประกาศน ขอ 26. การโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย ดังตอไปนี้ ไมอยูในบังคับตองเสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา ก. การโอนโดยทางมรดกซึ่งกรรมสิทธิ์หรือสิทธิ ครอบครองในอสังหาริมทรัพยใหแกทายาท ไมวาจะเปนทายาทโดย ธรรมหรือทายาทโดยพินัยกรรม ข. การโอนกรรมสิทธิ์หรือสทิ ธิครอบครองในอสังหาริมทรัพยใหแกบุตรโดยชอบดวยกฎหมายของตนเองโดยไมมี คาตอบแทน บุตรชอบดวยกฎหมายดังกลา วไมรวมถึงบุตรบุญธรรม ค. การเวนคืนอสังหาริมทรัพยตามกฎหมายวาดวย การเวนคืนอสังหาริมทรัพย ทั้งน้ี เฉพาะที่ดินที่ตองเวนคืนและ อสงั หารมิ ทรพั ยอน่ื บนทด่ี นิ ทต่ี องเวนคนื ง. ถูกทุกขอ เฉลย ง. ถกู ตอ งแลว อางอิง : คําสั่งกรมสรรพากรที่ ป.100/2543 ขอ 10 การโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองใน อสงั หารมิ ทรพั ย ดงั ตอ ไปน้ี ไมอ ยใู นบงั คบั ตอ งเสยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา (1) การโอนโดยทางมรดกซึ่งกรรมสิทธิ์หรือสิทธิ ครอบครองในอสังหาริมทรัพย ใหแกทายาท ไม วา จะเปน ทายาทโดยธรรมหรอื ทายาท โดยพนิ ยั กรรม (2) การโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองใน อสังหาริมทรัพยใหแกบุตรโดยชอบ ดวยกฎหมาย ของตนเองโดยไมม คี า ตอบแทน บตุ รชอบดว ยกฎหมายดงั กลา วไมร วมถงึ บตุ ร บญุ ธรรม (3) การโอนกรรมสทิ ธห์ิ รอื สทิ ธิครอบครองใน อสงั หารมิ ทรพั ยอ นั เปน มรดกหรอื ทไ่ี ดร บั จากการให โดยเสนหาที่ต้ังอยูนอกเขตกรุงเทพมหานคร เทศบาล สุขาภิบาล หรือเมืองพัทยา หรือการปกครองทองถิ่นอ่ืนท่ีมี กฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ ทั้งนี้ เฉพาะการโอนในสวนที่ไมเกิน 200,000 บาท ตลอดปภาษีนั้น (4) การโอนกรรมสทิ ธใ์ิ นทรพั ยส นิ ใหแ ก สว นราชการหรอื รฐั วสิ าหกจิ ทม่ี ใิ ชบ รษิ ทั หรอื หา งหนุ สว น นติ บิ คุ คล เฉพาะกรณที ผ่ี โู อนไดร บั คา ตอบแทนเปน สทิ ธใิ นการใชท รพั ยส นิ ทโ่ี อนนน้ั เพอ่ื กจิ การผลติ สนิ คา ของตนเอง (5) การเวนคนื อสงั หารมิ ทรพั ยต ามกฎหมายวา ดว ย การเวนคนื อสงั หาริมทรัพย ท้ังน้ี เฉพาะท่ีดิน ที่ตองเวนคืนและ อสังหาริมทรัพยอื่นบนที่ดินที่ตองเวนคืน (6) กรณสี ิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพยตองตกไปเปนของบุคคลอ่ืนตามมาตรา 1367 แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย หรือโดยการถูกแยงการครอบครองและมิไดฟองคดีเพื่อเอาคืน ซึ่งการครอบครองนั้น ภายในหนง่ึ ปน บั แตเ วลาถกู แยง การครอบครองตามมาตรา 1375 แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยหรือโดยการ สละเจตนาครอบครองหรอื ไมยึดถืออสังหาริมทรัพยน้ันตอไปซ่ึง เปนเหตุใหการครอบครองส้ินสุดลงตามมาตรา 1377 แหง ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย เจา ของสทิ ธคิ รอบครองเดมิ ไมอ ยู ในขา ยตอ งเสยี ภาษเี งนิ ได อสังหาริมทรัพยท่ีบุคคลอ่ืนไดสิทธิครอบ ครองไปตามวรรคหน่ึงเปนเงินไดพึงประเมินตาม มาตรา 39 แหง ประมวลรษั ฎากร ผไู ดส ทิ ธคิ รอบครองจะตอ งนาํ มา คาํ นวณภาษเี งนิ ไดต ามปกติ (7) กรณีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพยตองตกไปเปน กรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่นโดย การครอบครอง ปรปก ษต ามมาตรา 1382 แหง ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย เจา ของ กรรมสทิ ธเ์ิ ดมิ ไมอ ยใู นขา ยตอ งเสยี ภาษเี งนิ ได อสังหาริมทรัพยที่ไดเปนกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปกษตามวรรค หนึ่งเปนเงินไดพึง ประเมนิ ตามมาตรา 39 แหง ประมวลรษั ฎากรของผไู ดก รรมสทิ ธ์ิ ซง่ึ จะตอ งนาํ มาคาํ นวณภาษเี งนิ ไดต ามปกติ (8) การแบง สนิ สมรสทีเ่ ปน อสงั หารมิ ทรพั ยซ ง่ึ มรี าคาของแตละฝายเทากัน ไมถือเปนการ \"ขาย\" ตามมาตรา 39 แหง ประมวลรษั ฎากร ไมต อ งเสยี ภาษเี งนิ ได (9) การแกไขหรือการเพิ่มเติมชื่อคูสมรสในเอกสารสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย ซึ่งเปนสินสมรส ไมถ อื เปน การ \"ขาย\" ตามมาตรา 39 แหง ประมวลรษั ฎากร ไมต อ งเสยี ภาษเี งนิ ได

หนา้ 174 (10) กรณีครอบครองอสังหาริมทรัพยที่อยูใกลเคียงกันเนื้อที่เทากันแตถือโฉนดที่ดินไวผิด สับเปลี่ยนกัน เมื่อไดขอใหเจาพนักงานที่ดินแกไขชื่อในโฉนดใหเปนการถูกตองแลวโดยมิไดมีเจตนาแลกเปลี่ยนที่ดินกัน ไมถ อื เปน การ \"ขาย\" ตามมาตรา 39 แหง ประมวลรษั ฎากร ไมต อ งเสยี ภาษเี งนิ ได ขอ 27. การจา ยเงนิ คา จางทําของใหแ กผ รู บั จางทผ่ี ูวา จา งจะตองคาํ นวณหกั ภาษเี งนิ ได ณ ทจ่ี า ย และนําสง ในอตั รารอยละ 3.0 ของยอดเงนิ คา จา งท่ีจา ย ขอ ใดตอ ไปนไ้ี มถ กู ตอ ง ก. ผูวาจางเปนบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น และผูรับจางเปนบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่ ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ข. ผูวาจางเปนบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น และผูรับจางเปนผูมีหนาที่เสียภาษีเงินไดบุคคล ธรรมดา ค. ผูว า จา งเปน บรษิ ทั หรือหา งหุน สว นนิติบุคคลหรอื นติ บิ คุ คลอน่ื และผรู ับจางเปนมูลนิธิ หรือสมาคม ง. ผูวาจางเปนบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น และผูรับจางเปนบริษทั หรือหางหุนสวนนิติบุคคลที่ ตั้งขึ้นตามกฎหมายของตางประเทศประกอบกิจการในประเทศไทย โดยมีสํานักงานสาขาตั้งอยูเปนการถาวรในประเทศไทย เฉลย ค. ถกู ตอ งแลว อา งองิ : คาํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ท.ป.4/2528 ขอ 8(2) ขอ 8 ใหบริษทั หรอื หางหนุ สวนนติ บิ คุ คล หรอื นติ บิ คุ คลอน่ื ซง่ึ เปน ผจู า ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ เฉพาะทเ่ี ปน คา จา งทาํ ของ ใหแ กผูรับซึ่งเปน (1) ผมู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา เฉพาะคา จา งทําของทเ่ี ขา ลกั ษณะเปน เงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตาม มาตรา 40 (7) หรอื (8) แหง ประมวลรษั ฎากร หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคํานวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 3.0 (2) บรษิ ัทหรอื หางหนุ สวนนติ บิ ุคคลทตี่ ้ังขึน้ ตามกฎหมายไทย แตไ มร วมถงึ มลู นธิ หิ รอื สมาคมหกั ภาษี ณ ที่จาย โดยคํานวณหักไวในอัตรารอยละ 3.0 (ดคู าํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ป.73/2541) (3) บรษิ ัทหรอื หางหุนสวนนติ บิ คุ คลท่ตี ้งั ขึ้นตามกฎหมายของตา งประเทศ ประกอบกิจการในประเทศ ไทย โดยมีสํานกั งานสาขาตง้ั อยูเปน การถาวรในประเทศไทย หกั ภาษี ณ ที่จายโดยคํานวณหักไวในอัตรารอยละ 3.0 (ดูคาํ สั่งกรมสรรพากรที่ ป.8/2528) (ดูคาํ สั่งกรมสรรพากรที่ ป.20/2531) “เฉพาะคาจางทําของที่เปนเงินไดจากการรับเหมากอสรางที่ผูรับเหมาตองลงทนุ ดวยการจัดหาสัมภาระ ในสวนสําคัญนอกจากเครื่องมือ ใหใชบังคบั สําหรบั สัญญาจา งท่ีทาํ ขน้ึ ตง้ั แตวนั ที่ 1 พฤศจิกายน 2530 เปน ตน ไป ” (แกไ ขเพ่ิมเตมิ โดยคาํ สง่ั กรมสรรพากร ที่ ท.ป.21/2530 ใชบ ังคับ 1 พฤศจิกายน 2530 เปนตนไป) (ดคู าํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ป.125/2546) ขอ 28. บริษัท ปราจีนบุรี จํากัด ประกอบกิจการผลิตชิ้นสวนยานยนต จายคาลิขสิทธิ์ใหนายแดง ซึ่งเปนผูอยูในประเทศไทย 200,000 บาท บรษิ ทั ฯ ตอ งหกั ภาษี ณ ทจ่ี า ยเทา ใด ก. 15,000 บาท ข. 20,000 บาท ค. 25,000 บาท ง. 30,000 บาท เฉลย อางอิง : มาตรา 50 (2) มาตรา 50 ใหบุคคล หา งหนุ สว น บรษิ ทั สมาคม หรอื คณะบคุ คลผจู า ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 หกั ภาษีเงินไดไวทุกคราวที่จายเงินไดพึงประเมินตามวิธีดังตอไปนี้ (2) ในกรณเี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(3) และ (4) ใหค าํ นวณหักตามอัตราภาษีเงินได เวน แต (ก) ในกรณเี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(3) และ (4) นอกจากทีร่ ะบไุ วใน (ข)(ค)(ง) และ (จ) ทจี่ า ยใหแ กผูร ับซงึ่ มิไดเปนผูอ ยใู นประเทศไทย ใหค ํานวณหักในอตั รารอยละ 15.0 ของเงนิ ได

หนา้ 175 ขอ 29. จากโจทย ขอ 28 หากบริษัทฯ จายคาลิขสิทธิ์ใหนายจอหน ซึ่งมิไดเปนผูอยูในประเทศไทย 200,000 บาท บริษัทฯ ตองหักภาษี ณ ที่จายเทาใด ก. 15,000 บาท ข. 20,000 บาท ค. 25,000 บาท ง. 30,000 บาท เฉลย ง. ถกู ตอ งแลว อางอิง : มาตรา 50 (2)(ก) มาตรา 50 ใหบุคคล หา งหนุ สว น บรษิ ทั สมาคม หรอื คณะบคุ คลผจู า ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 หกั ภาษีเงินไดไวทุกคราวที่จายเงินไดพึงประเมินตามวิธีดังตอไปนี้ (2) ในกรณเี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(3) และ (4) ใหค าํ นวณหกั ตามอตั ราภาษีเงนิ ได เวน แต (ก) ในกรณเี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(3) และ (4) นอกจากทีร่ ะบไุ วใน (ข)(ค)(ง) และ (จ) ทีจ่ า ยใหแ กผ ูรับซ่ึงมไิ ดเ ปนผอู ยใู นประเทศไทย ใหคํานวณหักในอตั รารอ ยละ 15.0 ของเงนิ ได ขอ 30. จากโจทย ขอ 28 บริษัทฯ จะตองนําสงภาษีเงินไดหัก ณ ที่จาย ดวยแบบอะไร ก. แบบ ภ.ง.ด. 1 ข. แบบ ภ.ง.ด. 2 ค. แบบ ภ.ง.ด. 3 ง. แบบ ภ.ง.ด. 53 เฉลย ข. ถกู ตอ งแลว อางองิ : ตามแบบ ภ.ง.ด.๒ ระบใุ หม หี นา ทห่ี กั ภาษเี งนิ ได ณ ทจ่ี า ย ไดแ ก บคุ คล หา งหนุ สว น บรษิ ทั สมาคมหรอื คณะบคุ คลผจู า ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา ๔๐(๓) (๔) รวมตลอดถงึ เงนิ คา ภาษอี ากรของเงนิ ได ดังกลาวท่ีผูจ า ยเงนิ หรอื ผูอืน่ ออกแทนใหไ มว า ในทอดใด ขอ 31 การหักภาษี ณ ที่จาย ตามขอใดถูกตอง ก. บริษัทจายคาบริการของภัตตาคาร หัก รอยละ 3 ข. บริษัทจา ยคาหองพักของโรงแรม หัก รอยละ 5 ค. บริษัทจายคาเบี้ยประกันชีวิตใหแกผจู ัดการหัก รอยละ 1 ง. ผดิ ทกุ ขอ เฉลย ง. ถกู ตอ งแลว อา งองิ : คาํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ท.ป.๔/๒๕๒๘ ขอ ๑๒/๑ “ขอ ๑๒/๑ ใหบรษิ ทั หรือหา งหุนสวนนติ บิ ุคคลหรอื นิตบิ คุ คลอนื่ ซ่ึงเปน ผูจา ยเงินไดพึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๘) เฉพาะทเ่ี ปน การจา ยเงนิ ไดจ ากการใหบ รกิ ารอน่ื ๆ นอกเนอ่ื งจากกรณที ก่ี าํ หนดไวใ นขอ ๘ ขอ ๙ (๒) ขอ ๑๐ ขอ ๑๒ ขอ ๑๒/๒ และขอ ๑๒/๔ แตไมรวมถีงการจายคาบริการของโรงแรม คาบริการของภัตตาคาร และคาเบ้ียประกันชีวิต ใหแกผูรับซึ่งเปน (๑) ผูมหี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคํานวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ ๓.0 (๒) บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลทป่ี ระกอบกจิ การในประเทศไทย แตไ มร วมถงึ มลู นธิ หิ รอื สมาคม หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคํานวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ ๓.0 คาํ วา “การใหบ รกิ าร” หมายความวา การกระทําใด ๆ อนั อาจหาประโยชนอ นั มมี ลู คา ซง่ึ มใิ ชก ารขายสนิ คา คาํ วา “ภตั ตาคาร” หมายความวา กจิ การขายอาหารหรอื เครอ่ื งดม่ื ไมว าชนดิ ใด ๆ รวมทง้ั กจิ การ รบั จา งปรุงอาหารหรอื เครอ่ื งดม่ื ทง้ั น้ี ไมว า ในหรอื จากสถานทซ่ี ง่ึ จดั ใหป ระชาชนเขา ไปบรโิ ภคได ” (แกไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.104/2544 ใชบังคับ 15 กันยายน 2544 เปนตนไป) (ดูคําสั่งกรมสรรพากรที่ ป.112/2545) (ดูคําสั่งกรมสรรพากรที่ ป.115/2545)

หนา้ 176 ขอ 32 นายชัดเจน จายดอกเบี้ยเงินกูยืมใหนางสาวแปง ซึ่งเปนผูอยูในประเทศไทย 10,000 บาท จะตองหักภาษี ณ ที่จาย เทา ใด ก. 1,000 บาท ข. 1,500 บาท ค. 2,000 บาท ง. ไมตองหักภาษีแตอยางใด เฉลย ง. ถกู ตอ งแลว อา งองิ : คาํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ท.ป.๔/๒๕๒๘ ขอ ๔ มไิ ดก าํ หนดใหห กั ภาษี ณ ทจ่ี า ยแตอยา งโด “ขอ 4 ใหผ จู า ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(4)(ก) แหง ประมวลรษั ฎากร ดงั ตอ ไปน้ี หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย (1) ธนาคารตามกฎหมายวาดว ยการธนาคารพาณชิ ย บรษิ ทั ตามกฎหมายวา ดว ยการประกอบ ธรุ กจิ เงนิ ทนุ ธรุ กจิ หลกั ทรพั ย และธรุ กจิ เครดติ ฟองซเิ อร และบรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยต ามกฎหมายวา ดว ยบรษิ ทั บรหิ าร สนิ ทรพั ยซ ง่ึ เปน ผจู ายเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(4)(ก) แหง ประมวลรษั ฎากร ใหแ กผ รู บั ซง่ึ เปน (ก) บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลทป่ี ระกอบกจิ การในประเทศไทยนอกจากทร่ี ะบใุ น (ข) แตไ ม รวมถงึ ธนาคารตามกฎหมายวาดว ยการธนาคารพาณชิ ยบ รษิ ทั ตามกฎหมายวา ดว ยการประกอบธรุ กจิ เงนิ ทนุ ธรุ กจิ หลกั ทรพั ย และธรุ กจิ เครดติ ฟองซเิ อร และบรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยต ามกฎหมายวา ดว ยบรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ย หกั ภาษี ณ ที่จาย โดยคํานวณหักไวในอัตรารอยละ 1.0 (ข) มลู นธิ หิ รอื สมาคมทป่ี ระกอบกจิ การซง่ึ มรี ายไดแ ตไ มร วมถงึ มลู นธิ หิ รอื สมาคมทร่ี ฐั มนตรี ประกาศกาํ หนด ตามมาตรา 47(7)(ข) แหง ประมวลรษั ฎากร หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 10.0 (2) บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ ุคคล หรอื นติ บิ ุคคลอน่ื ซง่ึ มใิ ช ผจู า ยเงนิ ไดท ม่ี หี นา ทีห่ กั ภาษี ณ ท่ี จา ยตาม (1) เปน ผจู า ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(4)(ก) แหง ประมวลรษั ฎากร เฉพาะทเ่ี ปน ดอกเบย้ี พนั ธบตั ร ดอกเบี้ยหุนกู ใหแกผูรับซึ่งเปนธนาคารตามกฎหมายวาดวยการธนาคารพาณิชย บริษัทตามกฎหมายวาดวยการประกอบ ธรุ กจิ เงนิ ทนุ ธรุ กจิ หลกั ทรพั ย และธรุ กจิ เครดติ ฟองซเิ อร หรอื บรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยต ามกฎหมายวาดว ยบรษิ ทั บรหิ าร สนิ ทรพั ย หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 1.0 “(๓) บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล หรอื นติ บิ คุ คลอน่ื ซึง่ มใิ ชผ จู า ยเงนิ ไดท ม่ี หี นา ทีห่ กั ภาษี ณ ท่ี จา ยตาม (๑) เปน ผจู า ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตามมาตรา ๔๐(๔)(ก) แหง ประมวลรษั ฎากร เฉพาะทเ่ี ปน ดอกเบย้ี พนั ธบตั ร ดอกเบี้ยหุนกู ดอกเบี้ยตั๋วเงิน ดอกเบี้ยเงินกูยืม ดอกเบี้ยเงินกูยืมที่อยูในบังคับตองถูกหักภาษีไว ณ ที่จายตามกฎหมายวา ดวยภาษีเงินไดปโตรเลียมเฉพาะสวนที่เหลือจากถูกหักภาษีไว ณ ที่จายตามกฎหมายดังกลาว ผลตางระหวางราคาไถถอน กบั ราคาจาํ หนายตว๋ั เงนิ หรือตราสารแสดงสทิ ธิในหนท้ี บ่ี รษิ ทั หรอื หางหุนสวนนิตบิ คุ คลหรือนิติบคุ คลอน่ื เปน ผูออกและ จาํ หนา ยครง้ั แรกในราคา ตาํ่ กวา ราคาไถถ อน เงนิ ไดท ไ่ี ดร บั จากการถอื ศกุ กู ใหแ กผ รู บั ซง่ึ เปน (ก) บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลทป่ี ระกอบกจิ การในประเทศไทยนอกจากทร่ี ะบใุ น (ข) แตไ ม รวมถงึ ธนาคารตามกฎหมายวาดว ยการธนาคารพาณชิ ย บรษิ ทั ตามกฎหมายวา ดว ยการประกอบธรุ กจิ เงนิ ทนุ ธรุ กจิ หลกั ทรพั ย และธรุ กจิ เครดติ ฟองซเิ อรแ ละบรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยต ามกฎหมายวา ดว ยบรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ย หักภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ ๑.๐ (ข) มลู นิธหิ รอื สมาคมทีป่ ระกอบกิจการซง่ึ มรี ายได แตไ มร วมถงึ มลู นิธหิ รอื สมาคมทีร่ ัฐมนตรี ประกาศกาํ หนด ตามมาตรา ๔๗(๗)(ข) แหง ประมวลรษั ฎากร หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ยโดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ ๑๐.๐” (แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดยคาํ สง่ั กรมสรรพากร ท่ี ท.ป. ๒๐๕/๒๕๕๖ ใชบ ังคบั สาํ หรบั การจา ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ตง้ั แต ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เปน ตน ไป) ขอ 33 บริษัท ราชสีมา จํากัด จายคาบริการใดตอไปนี้ ไมตองหัก ณ ที่จาย ก. คานักแสดงสาธารณะ ข. คาเบี้ยประกันวินาศภัย ค. คา เบย้ี ประกนั ชวี ติ ง. คา ขนสง สนิ คา เฉลย ค. ถกู ตอ งแลว อางอิง : คําสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.๔/๒๕๒๘ มิไดกําหนดใหหักภาษี ณ ที่จายไว

หนา้ 177 ขอ 34 บริษัท สีคิ้ว จํากัด จายคาวาความใหนายเขียว ซึ่งเปนผูอยูในประเทศไทย จํานวน 600,000 บาท และยังจายคาวา ความใหนายเอ ซึ่งมิไดเปนผูอยูในประเทศไทย จํานวน 200,000 บาท ดังนี้ บริษัทฯ จะตองหักภาษี ณ ที่จาย ของนายเขียว เปนเงินเทาใด ก. 18,000 บาท ข. 30,000 บาท ค. 50,000 บาท ง. 65,000 บาท เฉลย ก. ถกู ตอ งแลว อา งอิง : คาํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ท.ป.4/2528 ขอ 7 ใหบ ริษทั หรือหา งหนุ สวนนิติบุคคล หรอื นิตบิ ุคคลอนื่ ซง่ึ เปน ผจู า ยเงนิ ไดจ ากวชิ าชพี อิสระ ตามมาตรา 40 (6) แหง ประมวลรษั ฎากรใหแกผ รู บั ซง่ึ เปน (1) ผมู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดาหรอื ภาษเี งนิ ไดน ติ บิ คุ คลนอกจากทร่ี ะบใุ น (2) เฉพาะทเ่ี ปน ผู มภี มู ลิ าํ เนาในประเทศไทย หรอื อยใู นประเทศไทย หรอื ประกอบกจิ การในประเทศไทย แลว แตก รณี หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดย คํานวณหกั ไวในอัตรารอยละ3.0 (2) มลู นธิ หิ รอื สมาคมทป่ี ระกอบกจิ การซง่ึ มรี ายได แตไ มร วมถงึ มลู นธิ หิ รอื สมาคมทร่ี ัฐมนตรปี ระกาศ กําหนดตามมาตรา 47 (7)(ข) แหง ประมวลรษั ฎากร หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ยโดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 10.0 ขอ 7 ให บรษิ ัทหรือหางหนุ สว นนติ บิ ุคคล หรอื นติ บิ คุ คลอนื่ ซง่ึ เปน ผจู า ยเงนิ ไดจ ากวชิ าชพี อสิ ระ ตามมาตรา 40 (6) แหง ประมวล รษั ฎากรใหแ กผ รู บั ซง่ึ เปน ขอ 35 จากขอ 34 บรษิ ทั ฯ จะตอ งหกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย ของนายเอ เปน เงนิ เทา ใด ก. 18,000 บาท ข. 30,000 บาท ค. 50,000 บาท ง. 65,000 บาท เฉลย ข. ถกู ตอ งแลว อางอิง : มาตรา 50 (3) มาตรา 50 ใหบุคคล หางหุนสวน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลผูจายเงินไดพึงประเมินตามมาตรา 40 หัก ภาษีเงินไดไวทุกคราวที่จายเงินไดพึงประเมินตามวิธีดังตอไปนี้ (3) ในกรณีเงินไดพึงประเมินตามมาตรา 40(5) และ (6) ท่ีจายใหแกผูรับซ่ึงมิไดเปนผูอยูในประเทศไทย ให คํานวณหกั ในอตั รารอยละ 15.0 ของเงินได3) ในกรณีเงินไดพึงประเมินตามมาตรา 40(5) และ (6) ท่ีจายใหแกผูรับซ่ึง มไิ ดเ ปนผูอ ยูในประเทศไทย ใหคํานวณหกั ในอตั รารอยละ 15.0 ของเงนิ ได

หนา้ 178 จิตอาสาปน โตภาษี กลุม 2 ขอ สอบชดุ ท่ี 7 (ขอ 17 – 33) 17. อาํ นาจของอธบิ ดกี รมสรรพากรในการจาํ หนา ยหนภ้ี าษอี ากรคา งในปจ จบุ นั คือจาํ นวนเงินเทา ใด (1) ไมเ กนิ 1 ลา นบาท (2) ไมเ กนิ 5 ลา นบาท (3) ไมเ กนิ 50 ลา นบาท (4) ไมเ กนิ 100 ลา นบาท เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ระเบยี บการะทรวงการคลังวา ดว ยการจาํ หนา ยหนภ้ี าษอี ากร พ.ศ. 2545 แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดย ระเบยี บการะทรวงการคลงั วา ดว ยการจาํ หนา ยหนภ้ี าษอี ากร (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2547 ขอ 6 อํานาจการอนญุ าตจําหนา ยหน้ภี าษอี ากร 6.1 หนี้ภาษีอากรที่มีจํานวนไมเกิน 5,000,000 บาท ใหสรรพากรภาค หรือผูอํานวยการสํานัก บรหิ ารภาษธี รุ กจิ ขนาดใหญ แลว แตก รณี เปน ผอู นญุ าตจาํ หนาย 6.2 หนภ้ี าษอี ากรทม่ี จี าํ นวนไมเ กนิ 50,000,000 บาท ใหอ ธบิ ดเี ปน ผอู นญุ าตจาํ หนา ย 6.3 หนภ้ี าษอี ากรทม่ี จี าํ นวนเกนิ กวา 50,000,000 บาท ใหร องปลดั กระทรวง หรอื คณะกรรมการ เพื่อพิจารณาและอนุญาตจําหนายหนภี้ าษีอากรที่รองปลัดกระทรวงแตงตั้งเปนผูอนุญาตจําหนาย” 18. คําสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.140/2547 เรื่องมอบหมายใหสั่งและดําเนินการเก่ยี วกับการพิจารณางดเบี้ยปรับสําหรับ ภาษใี ดบา ง (1) ภาษีเงนิ ไดบุคคลธรรมดา (2) ภาษีเงินไดนิติบุคคล (3) ภาษธี รุ กจิ เฉพาะ (4) ภาษีมูลคาเพิ่ม เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว 19. จํานวนเบี้ยปรับเต็มอัตราตามกฎหมายไมเกินจํานวนเทาใดที่อยูในอํานาจของสรรพากรภาค เปนผูพิจารณาสั่งงดเบี้ย ปรับภาษไี ด (1) ไมเ กนิ 1 ลา นบาท (2) ไมเ กนิ 2 ลา นบาท (3) ไมเ กนิ 5 ลา นบาท (4) ไมเ กนิ 10 ลา นบาท เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อางอิง : คําสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.140/2547 ขอ 2 มอบหมายใหผ อู าํ นวยการสาํ นกั ตรวจสอบภาษกี ลาง สําหรบั เขตทอ งท่ี ทั่วราชอาณาจักร ผูอ ํานวยการสํานกั บริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ สาํ หรบั ผปู ระกอบธรุ กจิ ขนาดใหญต ามทก่ี รมสรรพากรกําหนด และ สรรพากรภาค สาํ หรบั เขตทอ งทส่ี าํ นักงานสรรพากรภาคนน้ั สง่ั งดเบย้ี ปรบั ภาษมี ลู คา เพม่ิ ตามมาตรา 89 แหง ประมวล รษั ฎากร สําหรบั คาํ รอ งทม่ี จี าํ นวนเบย้ี ปรบั เต็มอตั ราตามกฎหมายไมเ กนิ 5,000,000 บาท

หนา้ 179 2 20. ตามมาตรา 37 แหงพระราชบัญญัติวธิ ีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ตองทําเปนหนังสือและการยืนยันคําสั่ง ทางปกครองเปนหนังสือตองจัดใหมี (1) ขอเท็จจริง และขอกฎหมาย (2) ขอกฎหมาย ขอพิจารณา และ ขอสนับสนุน (3) ขอเท็จจริง ขอกฎหมาย ขอพิจารณา และขอสนับสนุน (4) ขอ เทจ็ จรงิ เทา นน้ั สว นขอกฎหมายศาลรไู ดเ อง เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : พรบ.วธิ ปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาตรา 37 คาํ ส่ังทางปกครองทีท่ าํ เปนหนงั สอื และการยนื ยนั คําสง่ั ทางปกครองเปนหนงั สือตอ งจัดใหม ีเหตผุ ล ไวดวย และเหตุผลนั้นอยางนอยตองประกอบดวย (1) ขอ เทจ็ จรงิ อนั เปน สาระสาํ คญั (2) ขอ กฎหมายทอ่ี างองิ (3) ขอ พจิ ารณาและขอ สนบั สนนุ ในการใชด ลุ พนิ จิ 21. ในการยื่นคําขออุทธรณ หนังสือแจงการประเมินภาษีอากรใดบางที่สามารถยื่นคัดคานการประเมินภาษีได (1) หนงั สอื แจง การเปลย่ี นแปลงผลขาดทุนสทุ ธิ (2) หนังสือแจงคืนเงินภาษีเงินไดบุคคลธรรมดาตามแบบ ค.21 (3) ถกู ทง้ั ขอ (1) และ (2) (4) ไมมีขอใดถูก เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว 22. บรษิ ทั ก. จาํ กดั สาํ นักงานใหญต ง้ั อยใู นเขตทองทอ่ี าํ เภอเมืองจงั หวดั ชมุ พร นาํ เขา อปุ กรณค อมพวิ เตอรท ท่ี าอากาศยาน ดอนเมอื ง ไดย น่ื ใบขนสนิ คา ขาเขา โดยสาํ แดงปรมิ าณสนิ คา ไวต าํ่ กวา สนิ คา ทน่ี าํ เขา จรงิ เจา พนกั งานประเมนิ สํานกั งาน ศุลกากรทาอากาศยานกรุงเทพ ไดทําการประเมินอากรขาเขาและภาษีมูลคาเพิ่ม พรอมเบี้ยปรับ และเงินเพิ่ม หาก บริษัท ก. จํากัด ประสงคที่จะอุทธรณการประเมินภาษีมูลคาเพิ่ม จะตองยื่นคําอุทธรณที่ใดใหเปนผูพิจารณา (1) สาํ นกั งานสรรพากรภาค 3 (2) สาํ นักงานศุลกากรทาอากาศยานกรงุ เทพ (3) สาํ นกั งานสรรพากรพน้ื ทช่ี มุ พร (4) สาํ นกั งานสรรพากรภาค 11 เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ระเบยี บกรมสรรพากร วาดว ยการอทุ ธรณและการพจิ ารณาอทุ ธรณ ตามประมวล รษั ฎากร พ.ศ.2546 ขอ 7.1.1 ประกอบ ขอ 5.2.1 และขอ 5.3.1 (3) (ค) 23. กรณีไดรับชําระหนตี้ ามแผนฟนฟูกิจการ ตองแจงลดยอดหนี้คาภาษีอากรดวยแบบใด (1) ท.ป.3ข./1 (2) ท.ป.35 (3) ท.ป.3ง./1 (4) ท.ป.3จ./1 เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว 24. ภาษีเงินไดนิติบุคคลขอใดเก็บจาก GROSS INCOME (1) มาตรา 65 (2) มาตรา 67 (3) มาตรา 70 (4) ไมมีขอใดถูก เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : มาตรา 67 การเสยี ภาษตี ามความในสว นน้ี ใหเ สยี ตามอตั ราทก่ี าํ หนดไวใ นบญั ชอี ตั รา

หนา้ 180 3 ภาษเี งนิ ไดท า ยหมวดน้ี เวน แตใ นกรณที บ่ี รษิ ทั หรอื หา ง หนุ สว นนติ บิ คุ คลตามมาตรา 66 วรรคสอง กระทาํ กจิ การ ขนสง ผา นประเทศตา งๆ ใหเ สยี ภาษเี ฉพาะกจิ การขนสง ตามเกณฑ ดงั ตอ ไปน้ี (1) ในกรณรี บั ขนคนโดยสาร ใหเ สยี ภาษใี นอตั รารอ ยละ 3 ของคาโดยสารคาธรรมเนยี ม และประโยชนอ ืน่ ใดท่ี เรยี กเกบ็ ในประเทศไทยกอ นหกั รายจา ยใดๆ เนอ่ื งในการรบั ขนคนโดยสารนน้ั (2) ในกรณรี บั ขนของ ใหเ สยี ภาษใี นอตั รารอ ยละ 3 ของคา ระวาง คา ธรรมเนยี ม และประโยชนอ น่ื ใดทเ่ี รยี ก เกบ็ ไมว า ในหรอื นอกประเทศไทยกอ นหกั รายจา ยใดๆ เนอ่ื งในการรบั ขนของออกจากประเทศไทยนน้ั (พระราชกาํ หนดแกไ ขเพม่ิ เติม (ฉบบั ท่ี 6) พ.ศ. 2523 ใชบ งั คบั 22 พ.ค. 2523 เปน ตน ไป) 25. ขอใดไมถือเปนเงินไดพึงประเมิน (1) คา แหง กดู วลิ ล (2) เงนิ ไดจ ากการเลน การพนัน (3) เงินไดที่ไดรับจากการอุปการะโดยหนาท่ธี รรมจรรยา (4) ไมมีขอใดถูก เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว (1) คาแหงกูดวิลล เปนเงินได ม.40(3) (2) เงนิ ไดจ ากการเลน การพนนั ม.40(8) (3) เงนิ ไดท ไ่ี ดร บั จากการอปุ การะฯ เปน เงนิ ไดแ ตไ ดร บั ยกเวน ตาม ม. 42(27) 26. จาํ นวนเงนิ ขน้ั ตํ่าทไ่ี มต อ งเสยี ภาษธี รุ กิจเฉพาะภายในเดอื นภาษีนน้ั คือจาํ นวนเทา ใด (1) ไมถ งึ 50 บาท (2) ไมถ งึ 100 บาท (3) ไมถ งึ 500 บาท (4) ไมถ งึ 1,000 บาท เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว อางอิง : มาตรา 91/17 ภาษีตามหมวดนี้ ถาในเดือนภาษีใดมีจํานวนไมถึงหนี่งรอยบาทเปนอัน ไมต องเสีย สําหรับเดอื นภาษนี นั้ 27. คนตางดาวประเภทใดที่ไมตองมีใบผานภาษีอากร (1) คนตางดาวที่เดินทางผานประเทศไทยหรือเขามาและอยูในประเทศไทย ชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะรวมกัน ไมเ กนิ เกา สบิ วนั ในปภ าษใี ด (2) คนตา งดา วทกุ คนทไ่ี มม หี นภ้ี าษอี ากรคา งอยทู ป่ี ระเทศไทย (3) ถกู ทง้ั ขอ (1) และ (2) (4) ไมมีขอใดถูก เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : มาตรา 4 จตั วา ประกอบกบั ข อ 2 ของประกาศอธบิ ดฯี เรอ่ื งกาํ หนดใหค นตางดา ว ผเู ดนิ ทางออกจากประเทศไมต อ งขอใบผา นภาษอี ากร มาตรา 4 จัตวา บทบญั ญตั ิมาตรา 4 ทวิ และมาตรา 4 ตรี ไม่ใชบ้ งั คบั แกค่ นต่างดา้ วผเู้ ดินทางผา่ นประเทศไทย หรือเขา้ มาและ อย่ใู นประเทศไทยชวั ระยะเวลาหนึง หรือหลายระยะรวมกนั ไม่เกนิ เกา้ สิบวนั ในปี ภาษใี ด โดยไม่มีเงินไดพ้ งึ ประเมิน หรือคนต่างดา้ วทีอธิบดี ประกาศกาํ หนดโดยอนมุ ตั ิรัฐมนตรี ( พระราชกาํ หนดแกไ้ ขเพิมเติม (ฉบบั ที 13) พ.ศ. 2527 ใชบ้ งั คบั 1 ม.ค. 2528 เป็นตน้ ไป ) ( ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรือง กาํ หนดใหค้ นตา่ งดา้ วผเู้ ดินทางออกจากประเทศไทยไม่ตอ้ งขอรบั ใบผา่ นภาษอี ากร ) ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรอ่ื ง กาํ หนดใหคนตา งดาวผเู ดินทางออกจากประเทศไทยไมตอ งขอรับใบผา นภาษีอากร ขอ 2 ใหคนตางดาวผูเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไมตองขอรับใบผานภาษีอากร เวนแต “(1) คนตางดาวผูตองรับผดิ เสียภาษีอากรหรือนําสงภาษีอากรที่คางชําระหรือทจี่ ะตองชําระตาม การประเมินของเจา พนกั งานประเมนิ อยูกอ นหรอื ในขณะเดนิ ทางออกนอกราชอาณาจกั ร ” (แกไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร ใชบังคับ 1 พฤศจิกายน 2534 เปนตนไป)

หนา้ 181 4 (2) คนตา งดา วผมู หี นาทแ่ี ละความรบั ผดิ ในการย่ืนรายการและเสยี ภาษเี งินไดแ ทนบรษิ ทั หรือหา ง หุนสวนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของตางประเทศ ประกอบกิจการในประเทศไทย “(3) คนตา งดา วทม่ี เี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ จากการเปน นกั แสดงสาธารณะในประเทศไทยไมว า เงนิ ไดนน้ั จะจายในหรือนอกประเทศ “(๔) คนตางดา วทีม่ เี งินไดพ ึงประเมินจากการขายเพชร พลอย ทบั ทมิ มรกต บษุ ราคัม โกเมน โอ ปอล นิล เพทาย ไพฑูรย หยก ไขมุก และอัญมณีที่มีลักษณะทํานองเดียวกัน เฉพาะที่ยังมิไดเจียระไน แตไมรวมถึงสิ่งทําเทียม วัตถุดังกลาวหรือที่ทําขึ้นใหม” (แกไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กําหนดใหคนตางดาวผูเดินทางออกจากประเทศไทยไมตองขอรับใบผาน ภาษีอากร (ฉบับที่ ๔) ใชบังคับ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เปนตนไป) คําวา “นกั แสดงสาธารณะ” หมายความวา นักแสดงละคร ภาพยนตร วิทยุ และโทรทัศน นักรอง นกั ดนตรี นกั กฬี าอาชพี หรอื นกั แสดงเพ่ือความบนั เทงิ ใด ๆ” (แกไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 2) ใชบังคับ 1 พฤษภาคม 2541 เปนตนไป)ขอ 2 ใหค นตา งดาวผู เดินทางออกนอกราชอาณาจกั รไมตองขอรับใบผานภาษีอากร เวนแต “(1) คนตางดาวผูตองรับผดิ เสียภาษีอากรหรือนําสงภาษีอากรที่คางชําระหรือทจี่ ะตองชําระตาม การประเมินของเจา พนกั งานประเมนิ อยูกอ นหรอื ในขณะเดนิ ทางออกนอกราชอาณาจกั ร ” (แกไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร ใชบังคับ 1 พฤศจิกายน 2534 เปนตนไป) (2) คนตา งดา วผมู หี นาทแ่ี ละความรบั ผดิ ในการย่ืนรายการและเสยี ภาษเี งินไดแ ทนบรษิ ทั หรือหา ง หุนสวนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของตางประเทศ ประกอบกิจการในประเทศไทย “(3) คนตา งดา วทม่ี เี งนิ ไดพ งึ ประเมนิ จากการเปน นกั แสดงสาธารณะในประเทศไทยไมว า เงนิ ไดนน้ั จะจายในหรือนอกประเทศ “(๔) คนตางดา วทีม่ เี งินไดพ ึงประเมินจากการขายเพชร พลอย ทบั ทมิ มรกต บษุ ราคัม โกเมน โอ ปอล นิล เพทาย ไพฑูรย หยก ไขมุก และอัญมณีที่มีลักษณะทํานองเดียวกัน เฉพาะที่ยังมิไดเจียระไน แตไมรวมถึงสิ่งทําเทียม วัตถุดังกลาวหรือที่ทําขึ้นใหม” (แกไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กําหนดใหคนตางดาวผูเดินทางออกจากประเทศไทยไมตองขอรับใบผาน ภาษีอากร (ฉบับที่ ๔) ใชบังคับ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เปนตนไป) คําวา “นกั แสดงสาธารณะ” หมายความวา นักแสดงละคร ภาพยนตร วิทยุ และโทรทัศน นักรอง นกั ดนตรี นกั กฬี าอาชพี หรอื นกั แสดงเพ่ือความบนั เทงิ ใด ๆ” (แกไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 2) ใชบังคับ 1 พฤษภาคม 2541 เปนตนไป) 28. ขอ ใดไมถ ือเปน การขาย ในความหมายของภาษมี ลู คา เพ่ิมตามประมวลรษั ฎากร (1) ใหเชาซื้อสินคา (2) การนาํ สนิ คา ไปใชเ พ่ือประกอบกจิ การของตนเองโดยตรงตามหลกั เกณฑ วธิ กี าร และเงอ่ื นไขท่ีอธบิ ดกี าํ หนด (3) การสง สนิ คา ออกนอกราชอาณาจักร (4) สญั ญาซอ้ื ขายผอ นชาํ ระท่ีกรรมสทิ ธใ์ิ นสนิ คา ยงั ไมโ อนไปยงั ผซู ้ือเมอ่ื ไดส ง มอบสินคา ใหกบั ผซู อ้ื แลว เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว 29. TAX RETURN หมายความวา อยา งไร (1) การขอคนื ภาษเี งนิ ได (2) การยน่ื แบบแสดงรายการเพอ่ื เสยี ภาษี (3) การยกเวน ภาษเี งนิ ได (4) การนริ โทษกรรมทางภาษี เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว

หนา้ 182 5 30. ตามทกี่ ระทรวงการคลงั ไดมอบหมายใหกรมสรรพากรหามาตรการเพิ่มเติมเพื่อจูงใจใหผูประกอบการเขามาสรู ะบบการ เสียภาษที ถ่ี ูกตองใหมากขึ้น โดยนายกรฐั มนตรเี สนอแนวคิดการเกบ็ ภาษีแบบ Negative Tax ขอ ใดตอ ไปน้เี ปนการเก็บภาษี แบบ Negative Tax (1) การจัดทําคูมือเอกสารที่ผูเสยี ภาษีสามารถ download ไดจากเวบ็ ไซดของกรมสรรพากร (2) การจัดทําโปรแกรมการจัดทํารายงานภาษีมูลคาเพิ่มและแจก Software โปรแกรมดังกลาวใหกับผูประกอบการ (3) การจัดอบรมผูประกอบการรายใหมทุกราย (4) ถูกทุกขอ เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว 31. ขอ ใดตอ ไปนม้ี ใิ ช Road Map ป 2548 ของกรมสรรพากร (1) ระบบบริการขอมูลภาษีกรมสรรพากรอิเล็กทรอนิกส (2) ใชร ะบบบรหิ ารสาํ นกั งาน (Office Automation) ทกุ หนว ยงาน (3) เชอ่ื มโยงขอ มลู แบบ Online กบั หนว ยงานอน่ื (4) เรงพัฒนาระบบบัญชีรายตัวผูเสียภาษี ขอ น้ี Road Map ป 2548 ไมใ ชแ ลว Road Map ในปจจบุ นั มีดงั น้ี พ.ศ. 2561-2562 1. การใชบ รกิ าร e-Filing เปน 70% ของทกุ ประเภทภาษี 2. การขออนมุ ตั อิ นญุ าตเปลย่ี นเปน ระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส 50% ของทง้ั หมด 3. นํารองสานักงาน Paperless 4. มีสถาบันพัฒนาความรูทางภาษีอยางมืออาชีพ 5. ไดรับรางวัลความโปรงใสจากหนวยงานภายนอก พ.ศ. 2563 1. มฐี านขอ มลู ผเู สียภาษคี รอบคลมุ ดา นรายได/ รายจา ย 2. การใชบ รกิ าร e-Filing เปน 100 % ของทกุ ประเภทภาษี /ใหบ รกิ ารแบบ One Click Service 3. เปน หนว ยงานบรกิ ารอจั ฉรยิ ะ (Intelligent Service Unit) /RD Platform 4. RD Virtual Office (Office Mobility) 5. มวี ฒั นธรรมองคก รเขม แขง็

หนา้ 183 6 32. ยุทธศาสตรกรมสรรพากรใดที่เก่ยี วของกับกิจกรรม การกํากับดูแลผูเสียภาษี (1) การใช It ผลกั ดนั องคกร (2) การบริการผูเสียภาษีแบบมีเจาภาพ (3) การสํารวจและติดตามธุรกิจนอกระบบ (4) ถกู ทง้ั ขอ (1) และ (2) ขอ นเ้ี กา ลา สมยั แลว ซง่ึ ปจ จบุ นั ยทุ ธศาสตรก รม มี 3 ยทุ ธศาสตร (ตามแผนปฏบิ ตั ริ าชการกรมสรรพากรปงบประมาณ พ.ศ 2559-2563) ดงั น้ี ยุทธศาสตรที่ 1 รักษาเสถียรภาพทางรายไดอยางยั้งยืน ยทุ ธศาสตรท ่ี 2 พฒั นาระบบการบรหิ ารและบรกิ ารเพอ่ื เสริมสรา งการแขง ขนั ทางเศรษฐกจิ และสงั คม ยุทธศาสตรที่ 3 เสริมสรางธรรมมาภิบาลและสภาพแวดลอมการทํางานในองคกร 33. กิจกรรมขอใดตอไปนี้ ใชเปนตัวชี้วัดหาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของการกํากับดูแล (1) การบันทึกความเห็นบนระบบเครือขา ยรัษฎากร การตรวจสภาพกิจการ การปรับปรุงฐานขอมูล (2) การบันทึกความเห็นบนระบบเครือขายรัษฎากร การตรวจสภาพกิจการ นิติบุคคลใหมเลือกเขาทีม (3) การบันทึกความเห็นบนระบบเครือขายรัษฎากร การตรวจสภาพกิจการ ความสมบูรณของขอมลู (4) การบันทึกความเห็นบนระบบเครือขายรัษฎากร การตรวจสภาพกิจการ คาํ ถามขอน้ีเกาลา สมัยแลว

หน้า 184 จิตอาสาปน โตภาษี กลมุ 2 ขอ สอบชดุ ท่ี 8 (ขอ 17 – 33) 17. ทรัพยสินที่อายัดได (1) เงนิ เดอื นของพนกั งานบรษิ ทั เอกชน (2) บญั ชเี งนิ ฝากธนาคาร กรณขี าราชการรบั เงนิ เดอื นผา นธนาคาร และมเี งนิ ยอดเงินคงเหลอื มากกวา จํานวนเงินเดือนที่ไดรับ (3) เงนิ ประจาํ ตาํ แหนงของสมาชกิ สภาจงั หวดั (4) ถูกทุกขอ เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว อางอิง : ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง มาตรา 302 ทแ่ี กไ ขใหมป  พ.ศ.2560 ซง่ึ กรมสรรพากรกําลงั แกไ ขระเบยี บอายดั ฯ พศ.2556 มาตรา 302 ภายใตบ งั คบั บทบญั ญตั แิ หง กฎหมายอน่ื เงนิ หรอื สทิ ธเิ รยี กรอ งเปน เงนิ ของลกู หนต้ี ามคาํ พพิ ากษา ตอ ไปนี้ ไมอ ยูในความรับผิดแหง การบังคบั คดี (1) เบย้ี เลย้ี งชีพซง่ึ กฎหมายกาํ หนดไว สว นเงนิ รายไดเ ปน คราว ๆ ซง่ึ บคุ คลภายนอกไดย กให เพอ่ื เลย้ี งชพี นน้ั ใหมีจํานวนไมเกินเดือนละสองหมื่นบาทหรือตามจํานวนที่เจาพนักงานบังคับคดีเหน็ สมควร (2) เงนิ เดอื น คา จา ง บาํ นาญ บําเหนจ็ เบย้ี หวดั หรอื รายไดอ น่ื ในลกั ษณะเดยี วกนั ของขา ราชการ เจาหนา ท่ี หรอื ลกู จา งในหนว ยราชการ และเงนิ สงเคราะห บาํ นาญ หรอื บาํ เหนจ็ ทห่ี นว ยราชการไดจ า ยใหแ กค สู มรสหรอื ญาตทิ ย่ี งั มี ชีวิตของบุคคลเหลานั้น (3) เงนิ เดอื น คา จา ง บาํ นาญ คาชดใช เงนิ สงเคราะห หรอื รายไดอ ืน่ ในลกั ษณะเดยี วกนั ของพนกั งาน ลกู จา ง หรือคนงาน นอกจากทก่ี ลา วไวใ น (2) ท่นี ายจา งหรอื บุคคลอื่นใดไดจ า ยใหแ กบุคคลเหลานั้น หรอื คสู มรส หรอื ญาตทิ ่ียงั มชี วี ติ ของบคุ คลเหลา นน้ั เปน จาํ นวนรวมกนั ไมเ กนิ เดอื นละ สองหมน่ื บาทหรอื ตามจํานวนทเ่ี จา พนกั งานบงั คบั คดเี หน็ สมควร (4) บาํ เหนจ็ หรอื คา ชดเชยหรอื รายไดอ น่ื ในลกั ษณะเดยี วกนั ของบคุ คลตาม (3) เปน จาํ นวนไมเ กนิ สามแสน บาทหรือตามจํานวนที่เจาพนักงานบังคับคดีเหน็ สมควร (5) เงินฌาปนกิจสงเคราะหที่ลูกหนตี้ ามคําพิพากษาไดรับอันเนื่องมาแตความตายของบุคคลอื่น เปนจํานวน ตามที่จําเปนในการดําเนินการฌาปนกิจศพตามฐานะของผูตายที่เจาพนักงานบังคับคดีเหน็ สมควร 18. ขอใดไมถูกตอง กรณีผูคางภาษีอากรถูกยึดทรัพยหรือถูกอายัดทรัพยแลว จะถอนการยึดอายัด ไดเมื่อดําเนินการ (1) ยื่นคํารองขอผอนชําระ โดยใชนําทดี่ ินมาจดจํานองเปนประกัน (2) ยน่ื คาํ รอ งขอผอนชาํ ระ โดยวางเชค็ ลว งหนา เปน หลกั ประกัน (3) ยื่นคํารองขอผอนชําระ โดยใหบุคคลผูที่มีชื่อเสียงเชื่อถือไดมาทําสัญญาค้ําประกันกับกรมสรรพากร (4) ชําระภาษีอากรคางครบถวนแลว เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ระเบยี บกรมสรรพากร วาดว ยการผอ นชาํ ระภาษอี ากร ขอ 14 ประกอบกบั ขอ 13 ขอ ๑๓ กรณีผขู อผอ นชาํ ระภาษอี ากรไมส ามารถจดั หาหลกั ประกนั ตามขอ ๘ แตส รรพากรพน้ื ทเ่ี หน็ วา ผขู อ ผอ นชาํ ระภาษอี ากรมีฐานะเชอ่ื ถือได อาจใหผ อ นชาํ ระภาษอี ากรไดไ มเ กนิ ๑๒ งวด โดยงวดแรกใหช าํ ระทนั ที และใหม ี การออกเชค็ ของผคู า งภาษอี ากร (เชค็ ประเภท ง.) ลงวนั ทล่ี ว งหนา ถดั ไปอกี ๑๑ ฉบบั ตอ ผมู อี าํ นาจอนมุ ตั ใิ หผ อ นชาํ ระ ภาษอี ากรไวใ นคราวเดยี วกนั การขอผอ นชาํ ระภาษอี ากรตามวรรคหนง่ึ ใหส รรพากรพน้ื ทส่ี าขาเปน ผอู นมุ ตั กิ ไ็ ด เวน แตผ ขู อผอ นชาํ ระภาษี อากรในรายทอ่ี ยภู ายใตก ารบรหิ ารการจดั เก็บภาษอี ากรของกองบรหิ ารภาษธี รุ กจิ ขนาดใหญ ใหผ อู าํ นวยการกองบรหิ าร ภาษีธุรกิจขนาดใหญเปน ผูพิจารณาอนุมัติ กรณเี ชค็ ลงวนั ทล่ี ว งหนา ตามวรรคหนง่ึ ขดั ขอ งเรยี กเก็บเงนิ ไมไ ด ถือวาไมชําระภาษีอากรภายในกําหนดเวลา ผู ขอผอ นชาํ ระภาษอี ากรหมดสทิ ธกิ ารผอ นชาํ ระ แตส าํ นกั งานสรรพากรพน้ื ทส่ี าขายงั คงมหี นา ทน่ี าํ เชค็ ทเ่ี หลอื สง เปน รายได แผน ดนิ เทากับจาํ นวนภาษอี ากรทคี่ า งอยูต ามกําหนดเวลาแตล ะงวด และใหด ําเนนิ คดีอาญากบั ผขู อผอ นชําระภาษีอากร ตามกฎหมายวาดวยความผิดอันเกิดจากการใชเช็คทุกกระทงความผิด ขอ ๑๔ การผอ นชาํ ระภาษอี ากรตามขอ ๑๓ วรรคหนง่ึ ไมเ ปน เหตทุ จ่ี ะใหเ จา พนกั งานผมู อี าํ นาจตามมาตรา ๑๒ แหง ประมวลรษั ฎากร ถอนการยดึ หรอื อายดั ทรพั ยสนิ ทไ่ี ดด าํ เนนิ การไปกอนแลว ได

หน้า 185 19. การสง หนงั สอื เตือน ขอ ใดไมถ กู ตอ ง (1) สงทางไปรษณียตอบรับ โดยผูลงชื่อรับเปนบุคคลอายุ 15 ป (2) สงโดยเจาพนักงาน ผูรับเปนเพื่อนบานอายุ 22 ป (3) สงโดยเจาพนักงาน ผูรับเปนผูมีชื่ออยูในทะเบียนบาน แตมิไดเปนญาติของผูคางฯ อายุ 21 ป (4) ผูคางฯ มารับดวยตนเอง ณ สํานักงานสรรพากรพื้นที่ เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : บนั ทกึ ขอ ความท่ี กค 0732/ว.5334 ลงวนั ท่ี 4 มถิ นุ ายน 2547 เรอ่ื ง แนว ปฏบิ ัตกิ ารสง หมายเรยี ก หนงั สอื แจง ภาษอี ากร หรอื หนงั สอื อน่ื ซง่ึ มถี งึ บคุ คลใด ตามมาตรา 8 แหง ประมวลรษั ฎากร 20. การลาปวยซึ่งจําเปนตองรักษาตัวเปนเวลานานไมวาคราวเดียวหรือหลายคราว เปนระยะเวลาเทาไรของครึ่งปที่แลวมา (ระยะเวลาครึ่งปแรกหรือครึ่งปหลัง ที่ผานมา) ถึงจะมีสิทธิไดรับการพิจารณาเลื่อนขนึ้ เงินเดือน หรือคาจางครึ่งขั้น ? (1) ไมเ กนิ 90 วนั ทาํ การ (2) ไมเ กนิ 60 วนั ทาํ การ (3) ไมเ กนิ 120 วนั ทาํ การ (4) ไมมีขอที่ถูกตอง เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : กฎ ก.พ. วา ดว ยการเลอ่ื นเงนิ เดอื น พ.ศ.2552 ขอ 9 ในครง่ึ ปท แ่ี ลว มาตอ งมเี วลา ปฏบิ ตั ริ าชการ โดยมวี นั ลาไมเกนิ ยส่ี บิ สามวนั แตไมร วมถงึ วนั ลาตาม (6) หรอื (7) และวนั ลาดงั ตอ ไปน้ี (ค) ลาปวยซึ่งจําเปนตองรักษาตัวเปนเวลานานไมวาคราวเดียวหรือหลายคราวรวมกันไมเกินหกสิบวนั ทําการ 21. การลาหยุดราชการกี่วันในครึ่งปที่แลวมาถึงจะไดรับการพิจารณาเลื่อนขึ้นเงินเดือนหรือคาจางครึ่งขั้น (1) ในครง่ึ ปท แ่ี ลว มาตอ งไมล าหยดุ ราชการเกนิ 10 ครง้ั หรอื 23 วนั ทาํ การ (2) ในครง่ึ ปท แ่ี ลว มาตอ งไมล าหยดุ ราชการเกนิ 10 ครง้ั หรอื 12 วนั ทาํ การ (3) ในครง่ึ ปท แ่ี ลว มาตอ งไมล าหยดุ ราชการเกนิ 12 ครง้ั หรอื 23 วนั ทาํ การ (4) ในครง่ึ ปท แ่ี ลว มาตอ งไมล าหยดุ ราชการเกนิ 12 ครง้ั หรอื 12 วนั ทาํ การ เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : 1. ประกาศกรมสรรพากร เรอ่ื ง หลกั เกณฑก ารพจิ ารณาเลอ่ื นเงนิ เดอื นขา ราชการพล เรอื นสามญั และเลอ่ื นขน้ั คา จา งลกู จา งประจาํ ตามพระราชบญั ญัตริ ะเบยี บขา ราชการพลเรอื น พ.ศ.2551 2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ดวนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 28 ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2552 3. กฎ ก.พ. วาดว ยการเลอ่ื นเงนิ เดอื น พ.ศ.2552 4. ระเบียบกระทรวงการคลัง วาดวยการเล่อื นขนั้ คา จางลูกจา งประจาํ ของสว นขา ราชการ พ.ศ. 2544 ขอ 2 (2.1.1)-(2.1.3) 22. ตามแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรที่ มจ.13/2547 เรื่อง การลาของขาราชการกรมสรรพากรผานเครือขายรัษฎากร กําหนดใหขาราชการทุกคนที่ปฏิบัติราชการอยูในหนวยงานท่ตี ั้งอยูในทองที่กรุงเทพมหานคร ถือปฏิบัติเมื่อใด ? (1) 3 มถิ นุ ายน 2547 เปน ตน ไป (2) 20 มถิ นุ ายน 2547 เปน ตน ไป (3) 1 กรกฎาคม 2547 เปน ตน ไป (4) 3 กรกฎาคม 2547 เปน ตน ไป เฉลย (3) ถูกตอ งแลว อา งองิ : แนวทางปฏิบตั กิ รมสรรพากร ท่ี บท. 1/2560 เรอ่ื ง การลาหยดุ ราชการผา นเครอื ขา ยรษั ฎากร

หนา้ 186 23. ผปู ระกอบการแจง คดั คา นคาํ สง่ั เพกิ ถอนการจดทะเบยี นภาษมี ูลคา เพม่ิ ภายในกว่ี นั (1) ภายใน 7 วนั (2) ภายใน 15 วนั (3) ภายใน 30 วนั (4) ภายใน 60 วนั เดมิ เฉลย (1) ทถ่ี กู ตอบ (3) อา งองิ : มาตรา 85/17 ประกอบกบั ระเบยี บกรมสรรพากร วาดว ยการปฏบิ ตั งิ าน กรรมวธิ ภี าษมี ลู คา เพม่ิ พ.ศ. 2551 ขอ 21.1 มาตรา 85/17 ผปู ระกอบการจดทะเบยี นใดกระทาํ ผดิ บทบญั ญตั ใิ นหมวดน้ี อธบิ ดมี อี าํ นาจสง่ั เพกิ ถอนการจด ทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ ของผปู ระกอบการจดทะเบยี นนน้ั ไดแ ละใหแ จง การเพกิ ถอนดงั กลา วใหผ ปู ระกอบการทราบเปน หนงั สอื และใหผ ปู ระกอบการทไ่ี ดร บั แจง คนื ใบทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ ณ สถานทท่ี ไ่ี ดจ ดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ ไว ภายในเจด็ วนั นบั แตว นั ทไ่ี ดร บั แจง การเพกิ ถอน ระเบยี บกรมสรรพากรวา ดว ยการปฏบิ ตั งิ านกรรมวธิ ภี าษมี ลู คา เพม่ิ พ.ศ. 2551 “ขอ ๒๑ การคดั คา นคาํ สง่ั เพกิ ถอนการจดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ ๒๑.๑ สถานทแ่ี ละกาํ หนดเวลายน่ื คดั คา นคาํ สง่ั เพกิ ถอนการจดทะเบยี นภาษมี ลู คาเพม่ิ ๒๑.๑.๑ในกรณที ่ีผปู ระกอบการจดทะเบยี นรายใดไมเ หน็ ดว ยกับคาํ สง่ั เพกิ ถอน การจด ทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ จะตอ งยน่ื หนงั สอื คดั คา นคาํ สง่ั เพกิ ถอนการจดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ ตอ อธบิ ดกี รมสรรพากร ณ สว นบรหิ ารงานทว่ั ไป สาํ นกั งานสรรพากรพน้ื ท่ี หรอื ฝา ยบรหิ ารงานทว่ั ไป สาํ นกั บรหิ ารภาษธี รุ กจิ ขนาดใหญ แลว แตก รณี ภายใน ๓๐ วนั นบั แตว นั ทไ่ี ดร บั หรอื ทราบคําสง่ั เพกิ ถอนการจดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ 24. การจาํ หนา ยเครอ่ื งบนั ทึกการเกบ็ เงนิ การทาํ ลาย การเคลอ่ื นยา ย จากสถานประกอบการโดยมใิ ชเ พ่ือการซอ มแซมหรือ บํารุงรักษา หรือกรณีมิไดใชเครื่องบันทึกการเกบ็ เงินใหเปนไปตามทไี่ ดรับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร จะตองแจงให สรรพากรพื้นที่ในเขตทองที่ที่สถานประกอบการตั้งอยูภายในกี่วัน (1) ภายใน 7 วนั (2) ภายใน 15 วนั (3) ภายใน 30 วนั (4) ภายใน 60 วนั เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ประกาศอธบิ ดฯี เกย่ี วกบั ภาษมี ลู คา เพม่ิ (ฉบบั ท่ี 46) ขอ 13 “(13) การจาํ หนา ยเครอ่ื งบนั ทกึ การเกบ็ เงนิ การทาํ ลาย การเคลอ่ื นยา ยออกจากสถานประกอบการโดยมใิ ช เพอ่ื การซอ มแซมหรอื บาํ รุงรกั ษา หรอื กรณที ม่ี ไิ ดใ ชเ ครอ่ื งบนั ทกึ การเกบ็ เงนิ ใหเ ปน ไปตามทไ่ี ดร บั อนมุ ตั จิ ากอธบิ ดี กรมสรรพากร ผูประกอบการจดทะเบยี นตอ งแจง ใหส รรพากรพน้ื ทใ่ี นเขตทอ งทท่ี ส่ี ถานประกอบการตง้ั อยทู ราบตามแบบ แจง การเปลย่ี นแปลงการใชเ ครอ่ื งบนั ทกึ การเกบ็ เงนิ ทเ่ี คยไดร บั อนมุ ตั ิ (แบบ ภ.พ.06.1) ภายใน 7 วนั กอ นวนั จาํ หนา ย ทาํ ลาย หรอื เคลอ่ื นยา ย เวน แตก รณที ม่ี เี หตสุ ดุ วสิ ยั กใ็ หแ จง ภายใน 7 วนั นบั แตว นั ทม่ี เี หตกุ ารณด งั กลา วเกดิ ขน้ึ กรณตี ามวรรคหนง่ึ ผปู ระกอบการจดทะเบยี นทม่ี สี ถานประกอบการหลายแหง ใหแ จง สรรพากรพน้ื ทใ่ี นเขตทอ งท่ี ทส่ี ถานประกอบการทเ่ี ปน สาํ นกั งานใหญต ง้ั อยทู ราบเปน รายสถานประกอบการ และกรณผี ปู ระกอบการจดทะเบยี นทอ่ี ยู ในความรบั ผดิ ชอบของกองบรหิ ารภาษธี รุ กจิ ขนาดใหญ ใหแ จง ผอู าํ นวยการกองบรหิ ารภาษธี รุ กจิ ขนาดใหญท ราบ” (แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดย ประกาศอธบิ ดกี รมสรรพากร เกย่ี วกบั ภาษีมลู คา เพม่ิ (ฉบบั ท่ี 218) ใชบ งั คบั 18 ธนั วาคม พ.ศ. 2560 เปนตนไป ) 25. การรับจดทะเบียนภาษีมลู คาเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะผานเครือขายอินเทอรเน็ตยื่นไดตั้งแตวันที่ 1 สิงหาคม 2547 ตั้งแตเวลา………..ถึง………. (1) ตลอด 24 ชว่ั โมง (2) เวลา 8.30 น. – 16.30 น. (3) เวลา 8.30 น. – 24.00 น. (4) เวลา 6.00 น. – 22.00 น. เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว อางอิง : แนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรที่ มจ.6/2560 เรื่อง การรับคําขอจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม และภาษธี รุ กจิ เฉพาะผา นเครอื ขา ยอนิ เทอรเ นต็

หน้า 187 ขอ 6 เจาพนกั งานสรรพากรใหค าํ แนะนาํ แกผ ปู ระกอบการ/ผปู ระกอบกจิ การทป่ี ระสงคจ ะยน่ื คาํ ขอ จดทะเบยี นผา นเครอื ขา ยอนิ เทอรเ นต็ 6.1 การยื่นคาํ ขอจดทะเบียนผา นเครือขายอินเทอรเ นต็ ตองดําเนนิ การที่เวบ็ ไซตข องกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ภายในเวลาทก่ี ฎหมายกําหนด ไดท กุ วนั ตลอด 24 ชว่ั โมง 26. การตรวจรายการคาขอจดทะเบียน ทีมบริหารการสํารวจจะตองตรวจความถูกตองจากแหลงใดบาง (1) MOL (2) BOL (3) WWW.dbd.go.th. (4) ถูกทุกขอ เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว 1. MOL ยอ มาจาก Ministry of Labour mol คอื กระทรวงแรงงานคะ 2. BOL ยอ มาจาก Business Online คอื บรกิ ารขอ มลู นติ บิ คุ คลออนไลน 3. www.dbd.go.th เปน เวบ็ ไซตข องกระทรวงพาณชิ ย 27. เงินที่เบิกจากคลัง ถาไมไดจายหรือจายไมหมด ใหสวนราชการสงคืนคลัง (1) ภายใน 7 วนั นบั จากวนั รบั เงนิ จากคลงั (2) ภายใน 7 วนั ทาํ การนบั จากวนั รบั เงนิ จากคลงั (3) ภายใน 15 วันนับจากวันรับเงินจากคลัง (4) ภายใน 15 วนั ทาํ การนบั จากวนั รบั เงินจากคลงั เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว อางองิ : ระเบยี บการเบกิ จา ยเงนิ จากคลงั พ.ศ. 2520 หมวด 7 การนาํ เงนิ ทเ่ี บกิ สง คนื คลงั ขอ ๖๖ เงนิ ทเ่ี บกิ จากคลงั ถา ไมไ ดจ า ยหรอื จา ยไมห มด ใหสว นราชการผเู บกิ นาํ สง คนื คลงั ภายในสบิ หา วนั ทาํ การนบั จาก วนั รบั เงนิ จากคลงั การนาํ เงนิ ทเ่ี บกิ สง คนื คลงั ขอ ๖๖ เงนิ ทเ่ี บกิ จากคลงั ถา ไมไ ดจ า ยหรอื จา ยไมห มด ใหสว นราชการผเู บกิ นําสงคืนคลงัภายในสิบหาวันทําการนับจากวันรับเงินจากคลัง 28. การขอรบั เงินสวสั ดกิ ารเกย่ี วกบั การรกั ษาพยาบาลในสถานพยาบาลของทางราชการประเภทผปู ว ยนอก หรอื ผปู ว ยใน (เขา รบั การรกั ษาพยาบาลในสถานพยาบาลของเอกชน) กาํ หนดใหผ ูมสี ทิ ธยิ น่ื ใบเบกิ เงนิ สวสั ดิการเกย่ี วกบั การรกั ษาพยาบาล พรอมดวยหลักฐานการรับเงินของสถานพยาบาล ซ่ึงหลักฐานการรับเงินดังกลาวมีกําหนดระยะเวลาเทาใด จึงจะหมดสิทธิใน การขอรับเงินสวัสดกิ าร (1) ภายในระยะเวลาหนง่ึ ปน บั จากวนั ทป่ี รากฏในหลกั ฐานการรบั เงนิ (2) ภายในระยะเวลาหนง่ึ ปน บั ถดั จากวนั ทป่ี รากฏในหลกั ฐานการรบั เงนิ (3) ภายในระยะเวลาสองปน บั จากวนั ทป่ี รากฏในหลักฐานการรบั เงนิ (4) ภายในระยะเวลาสองปน บั ถดั จากวนั ทป่ี รากฏในหลกั ฐานการรบั เงนิ เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ระเบยี บการะทรวงการคลัง วา ดว ยการเบกิ จา ยเงนิ สวสั ดกิ ารเกย่ี วกบั การรกั ษาพยาบาล พ.ศ. 2545 ขอ 9 . ขอรบั เงนิ สวสั ดกิ ารเกย่ี วกบั การรกั ษาพยาบาลกรณเี ขา รกั ษาพยาบาลในสถานพยาบาลของ ทางราชการประเภทผปู ว ยนอก หรอื กรณเี ขา รบั การรกั ษาพยาบาลในสถานพยาบาลของเอกชน หรอื กรณกี ารใชส ทิ ธเิ บกิ เพิ่มเฉพาะสวนที่ยังขาดอยู หรือกรณีที่กําหนดในขอ 8 ใหปฏิบัติดังนี้ (1) ใหผ มู สี ทิ ธเิ บกิ เงนิ สวสั ดกิ ารเกย่ี วกบั การรกั ษาพยาบาลตามแบบทก่ี รมบญั ชกี ลางกาํ หนดพรอ ม ดว ยหลกั ฐานการรบั เงนิ ของสถานพยาบาลตอ ผบู งั คบั บญั ชาทก่ี าํ หนดใหเ ปน ผรู บั รองการใชส ทิ ธติ ามขอ 11 ภายใน ระยะเวลาหนง่ึ ปน บั ถดั จากวนั ทีป่ รากฏในหลกั ฐานการรบั เงนิ หากพน กาํ หนดเวลาดงั กลา วใหถ อื วา ผมู ีสทิ ธใิ นการขอรบั เงนิ สวสั ดกิ ารเกย่ี วกบั การรกั ษาพยาบาลในการรกั ษาพยาบาลครง้ั นน้ั เวน แตจ ะเปน กรณตี ามขอ 8 (3) และ (4) ให นํามาเบกิ ไดต ามสิทธภิ ายในหนง่ึ ป นบั แตวนั ทรี่ บั ทราบคดี หรอื กรณีถงึ ทีส่ ดุ

หนา้ 188 29. ประกาศอธิบดีกําหนดใหผูมีเงินไดประเภทใดไมตองขอมีเลขภาษีเงินได (1) ชาวตางชาติเขามารับจางสอนหนังสือในประเทศไทย (2) ผูประกอบกิจการประเภทบุคคลธรรมดาที่ตองจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม (3) ผูมีเงินไดประเภทเงินเดือน (4) ขอ (1) และ (3) ถกู ตอ ง เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ประกาศอธบิ ดฯี เรอ่ื ง กาํ หนดใหผ มู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา บรษิ ทั หรอื หา ง หนุ สว นนติ บิ คุ คล และผจู า ยเงนิ ไดซ ง่ึ มหี นา ทห่ี กั ภาษี ณ ทจ่ี า ย มแี ละใชเ ลขประจาํ ตวั ในการปฏบิ ตั กิ ารตามประมวล รษั ฎากร ขอ 2 (1) วรรคทา ย 30. ผูจดทะเบียนเปนผปู ระกอบการและไดจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่มจะตองขอมีเลขประจําตัวผูเสียภาษีอากรหรือไม (1) ตอ งขอ (2) ไมต อ งขอ (3) ยน่ื ขอจดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ แลว ใชท ะเบยี นนน้ั อา งองิ ได (4) ขอ (2) และ (3) ถกู ตอ ง เดมิ เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว แตป จ จุบนั ไมต อ งขอมเี ลขประจาํ ตวั ผเู สยี ภาษอี ากร เนอ่ื งจากไดย กเลกิ การขอมเี ลขประจาํ ตวั ภาษีอากรแบบเดิม 10 หลัก และใหใชเลขประจําตัวผูเสียภาษีอากรแบบ 13 หลัก แทนโดยเริ่มใชตั้งแตวันที่ 1 กุมภาพันธ 2555 31. ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร กําหนดใหผูขอมีเลขประจําตัวผูเสียภาษีประเภทใดยื่นคํารองผานระบบเครือขาย อนิ เทอรเ นต็ ของกรมฯ (1) เงินไดบุคคลธรรมดา (2) เงินไดคณะบุคคล (3) เงินไดของบุคคลตางประเทศ (4) เงินไดนิติบุคคล เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว 32. กรณีที่ยื่นคํารองขอมีเลขประตัวผูเสียภาษีอากรเกินกาํ หนดเวลาตองดําเนินการเปรียบเทียบกําหนดคาปรับกรมฯ กําหนดเวลาไวก ่ีวัน (1) 150 วนั (2) 90 วนั (3) 60 วนั (4) 30 วนั เดมิ เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว แตป จ จุบนั ไมต อ งขอมเี ลขประจาํ ตวั ผเู สยี ภาษอี ากร เนอ่ื งจากไดย กเลกิ การขอมเี ลขประจาํ ตวั ภาษีอากรแบบเดิม 10 หลัก และใหใชเลขประจําตัวผูเสียภาษีอากรแบบ 13 หลัก แทนโดยเริ่มใชตั้งแตวันที่ 1 กุมภาพันธ 2555 33. ใครมอี าํ นาจจดั ซอ้ื จดั จางโดยวธิ พี เิ ศษครง้ั หนง่ึ ไมเ กนิ 10,000,000.- บาท (1) หวั หนา สวนราชการ (2) ปลัดกระทรวง (3) รัฐมนตรีเจาสังกัด (4) ผอู าํ นวยการกองคลงั เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว

หนา้ 189 จิตอาสาปน โตภาษี กลุม 2 ขอ สอบชดุ ท่ี 9 (ขอ 17 – 33) 17. การขอขอมลู บญั ชเี งนิ ฝากจากธนาคารผา นทาง email จะตอ งจดั ทาํ รายชอ่ื ผคู า งภาษแี นบ ทา ยหมายเรยี กอยา งไร (1) 250 ราย/1หมายเรียกแตไมเ กิน 1000 ราย/เดือน (2) 200 ราย/1หมายเรียกแตไมเกิน 1000 ราย/เดือน (3) 250 ราย/1หมายเรียกแตไมเกิน 2000 ราย/เดือน (4) 200 ราย/1หมายเรียกแตไมกิน 2000 ราย/เดือน เดมิ เฉลย (1) ทถ่ี กู ตอบ ไมม ขี อ ใดถกู อา งองิ : แนวทางปฏบิ ติ กรมสรรพากร ท่ี มจ.4/2554 เรอ่ื ง การควบคมุ ลกู หน้ี ภาษอี ากรดว ยระบบคอมพวิ เตอร (๗.๒.๓) เจาหนาที่ออกหมายเรียกธนาคาร (มจ.) (๗.๒.๓.๑) จดั ชดุ ขอ มลู รายช่ือผคู า งภาษอี ากรและผมู สี ว นไดเ สยี ทร่ี อการจดั ชดุ ดว ยกลมุ เมนู “การจดั การขอ มลู ทรพั ยส นิ ” เลอื ก “การจดั การชดุ ขอ มลู รายชอ่ื บคุ คลเพอ่ื ตรวจสอบบญั ชเี งนิ ฝากธนาคาร” ระบบให เลขทช่ี ดุ ขอ มลู และเลขทห่ี นงั สอื ใหร ะบรุ ายละเอยี ดลงในระบบเพอ่ื จดั ชดุ ภายในวนั ศกุ รห รอื วนั ทาํ การสดุ ทา ยของสปั ดาห และจดั พมิ พห มายเรยี กฯ เสนอผมู อี าํ นาจลงนามพรอ มบญั ชรี ายชอ่ื ผคู า งภาษอี ากรแนบทา ยหมายเรยี กไมเ กนิ ๑,๐๐๐ ราย ตอ ๑ หมายเรียก 18. การซื้อหรือการจางกระทําได 6 วิธี และการซื้อหรือการจางโดยวิธีประกวดราคาตองมีจํานวนครั้งหนึ่งเทาไร (1) ราคาไมเ กนิ 2,000,000.-บาท (2) ราคาเกนิ 100,000.-บาท (3) ราคาไมเ กนิ 100,000.-บาท (4) ราคาเกนิ 2,000,000.-บาท ขอ นล้ี า สมยั แลว อา งองิ : พ.ร.บ. การจดั ซอ้ื จดั จา งและการบรหิ ารพสั ดภุ าครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 55 การจัดซื้อจัดจางพัสดุอาจกระทําไดโดยวิธี ดังตอไปนี้ (1) วธิ กี ารประกาศเชญิ ชวนทว่ั ไป ไดแ ก การทห่ี นว ยงานของรฐั เชญิ ชวนผปู ระกอบการทัว่ ไปทม่ี ี คณุ สมบตั ิ ตรงตามเงอ่ื นไขทห่ี นว ยงานของรฐั กาํ หนดใหเ ขา ยน่ื ขอ เสนอ (๒) วธิ คี ดั เลอื ก ไดแ ก การทห่ี นว ยงานของรฐั เชญิ ชวนเฉพาะผปู ระกอบการทม่ี คี ณุ สมบตั ิ ตรงตามเงอ่ื นไขท่ี หนว ยงานของรฐั กาํ หนดซง่ึ ตอ งไมน อ ยกวา สามรายใหเ ขา ยน่ื ขอ เสนอ เวน แตใ นงานนน้ั มผี ปู ระกอบการทม่ี คี ณุ สมบตั ติ รง ตามที่กําหนดนอยกวาสามราย (๓) วธิ เี ฉพาะเจาะจง ไดแ ก การทห่ี นว ยงานของรฐั เชญิ ชวนผปู ระกอบการทีม่ คี ณุ สมบตั ิ ตรงตามเงอ่ื นไขท่ี หนว ยงานของรฐั กาํ หนดรายใดรายหนง่ึ ใหเ ขา ยน่ื ขอ เสนอ หรอื ใหเ ขา มาเจรจาตอ รองราคา รวมทง้ั การจดั ซอ้ื จดั จา งพสั ดุ กบั ผปู ระกอบการโดยตรงในวงเงนิ เลก็ นอ ยตามทก่ี าํ หนดในกฎกระทรวง ทอ่ี อกตามความในมาตรา ๙๖ วรรคสอง 19. รองอธิบดีและสรรพากรภาคมีอํานาจในการสั่งจําหนายพัสดุอยางไร (1) พสั ดทุ ม่ี รี าคาซ้ือหรอื ไดม าครง้ั หนง่ึ รวมกนั ไมเ กิน 500,000.-บาท (2) พสั ดทุ ม่ี รี าคาซ้ือหรอื ไดม าครง้ั หนง่ึ รวมกนั เกนิ 500,000.-บาท (3) พสั ดทุ ม่ี รี าคาซ้ือหรอื ไดม าครง้ั หนง่ึ รวมกนั ไมเ กิน 200,000.-บาท (4) พสั ดทุ ม่ี รี าคาซ้ือหรอื ไดม าครง้ั หนง่ึ รวมกนั เกนิ 200,000.-บาท เดมิ เฉลย (1) ทถ่ี กู ตอบ ไมม ขี อ ใดถกู อา งองิ : คาํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ท.379/2560 เรอ่ื ง มอบอํานาจหนา ทใ่ี นการ ปฏบิ ตั ริ าชการแทนอธบิ ดกี รมสรรพากร ขอ 3.2 สรรพากรภาค (6) การดาํ เนนิ การจาํ หนา พสั ดทุ ม่ี รี าคาซอ้ื หรอื ไดม าครง้ั หนง่ึ รวมกนั ไมเ กนิ 100,000,000 บาท

หน้า 190 20. บริษัท ข จํากัดเปนบริษัท ไมจดทะเบียนหลักทรัพย ไดรับเงินปนผลจากธนาคารกรุงเทพจํากัด(มหาชน) เมื่อวันที่ 15 มถิ นุ ายน 2547 จาํ นวน 500,000.-บาท ซง่ึ หนุ ดงั กลา วไดซ ้ือมาเมอ่ื วนั ท่ี 3 มกราคม 2547 บรษิ ทั ตอ งนาํ เงนิ ปน ผล มารวมเปนรายไดอยางไร (1) ไดรับยกเวนไมตองนํามารวม (2) ตอ งนาํ มารวม 500,000.-บาท (3) ตอ งนาํ มารวม 250,000.-บาท (4) ไมมีขอใดถูก เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : มาตรา 65 ทวิ (10) สําหรบั บริษทั จาํ กดั ทต่ี ง้ั ขน้ึ ตามกฎหมายไทย ใหน าํ เงนิ ปน ผลทไ่ี ด จากบรษิ ทั จาํ กดั ทต่ี ง้ั ขน้ึ ตามกฎหมายไทย กองทนุ รวม หรอื สถาบนั การเงนิ ทม่ี กี ฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทยจดั ตง้ั ขน้ึ สาํ หรบั ใหก ยู มื เงนิ เพอ่ื สง เสริมเกษตรกรรม พาณชิ ยกรรม หรอื อตุ สาหกรรม และเงนิ สว นแบง กาํ ไรทไ่ี ดจ ากกจิ การรว ม คา มารวมคาํ นวณเปน รายไดเ พยี งกง่ึ หนง่ึ ของจาํ นวนทไ่ี ด เวนแตบ ริษัทจํากดั ท่ีตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยดังตอ ไปน้ี ไมตอง นาํ เงนิ ปน ผลทไ่ี ดจ ากบรษิ ทั จาํ กดั ทต่ี ง้ั ขน้ึ ตามกฎหมายไทย กองทนุ รวม หรอื สถาบนั การเงนิ ทม่ี กี ฎหมายโดยเฉพาะของ ประเทศไทยจดั ตง้ั ขน้ึ สาํ หรบั ใหก ยู มื เงนิ เพอ่ื สง เสรมิ เกษตรกรรม พาณชิ ยกรรม หรอื อตุ สาหกรรม และเงนิ สว นแบง กาํ ไรท่ี ไดจากกิจการรวมคามารวมคํานวณเปนรายได ( ดพู ระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ท่ี 263 ) พ.ศ. 2536 สาํ หรบั เงนิ สว นแบง ของกาํ ไรทไ่ี ดจ ากกองทนุ รวมตาม พระราชบญั ญตั หิ ลกั ทรพั ยแ ละตลาดหลกั ทรพั ย พ.ศ.2535 (ก) บรษิ ทั จดทะเบยี น (ข) บรษิ ทั จาํ กดั นอกจาก (ก) ซง่ึ ถอื หนุ ในบรษิ ทั จาํ กดั ผจู า ยเงนิ ปน ผลไมน อ ยกวา รอ ยละ 25 ของหนุ ทง้ั หมดท่ี มีสิทธิออกเสยี งในบรษิ ัทจํากดั ผจู ายเงินปน ผล และบรษิ ัทจาํ กัดผูจา ยเงินปน ผลไมไ ดถ อื หุน ในบรษิ ัทจาํ กัดผรู บั เงนิ ปนผลไม วาโดยทางตรงหรือโดยทางออม 21. กรณีใดดังตอไปนี้ ไมตองปดอากรแสตมป คาอากร ผูที่ตองเสียอากร ผูท ่ตี อ งขดี ฆา (1) ทาํ สญั ญาเชา ทรัพยส ินใชใ นการทํานา 10,000 บาท แสตมป แสตมป (2) ทาํ สญั ญาซอมรถมอเตอรไ ซค 2,000 บาท (3) ทาํ สญั ญากยู มื เงิน 3,000 บาท (4) เช็คหรือหนังสือคําสั่งใด ๆ ซึ่งใชแทนเช็ค เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : บญั ชอี ตั ราอากรแสตมป ลักษณะแหงตราสาร 1. เชาที่ดิน โรงเรือน สิ่งปลูกสรางอยางอื่นหรือแพ 1 บาท ผูใหเชา ผูเชา ทกุ จํานวนเงนิ 1,000 บาท หรอื เศษของเงนิ 1,000 บาท แหงคาเชาหรือเงินกินเปลา หรือทั้งสองอยางรวมกัน ตลอดอายกุ ารเชา หมายเหตุ (1) ถาสัญญาเชามไิ ดก ําหนดอายุการเชาใหถือวามี กําหนด 3 ป (2) ถาสัญญาเชาฉบับใดครบกําหนดอายุการเชา หรือ ครบกําหนด 3 ป ตาม (1) แลวผูเชายังคงครองทรัพยสนิ อยู และใหผูเชารคู วามนั้นแลวไมทักทวง ทั้งมิไดทําสญั ญาใหม ให ถือวาสัญญาเชาเดิมนั้นไดเริ่มทํากนั ใหม โดยไมมีกําหนดอายุ การเชา และตองเสียอากรภายในสามสิบวัน นับแตวันที่ถือวา เริ่มทําสัญญาใหมน ั้น ยกเวน ไมต อ งเสียอากร เชา ทรัพยส นิ ใชในการทาํ นา ไร สวน

หนา้ 191 22. กองมรดกของผูตายใชเลขประจําตัวของผูใด (1) ทายาท (2) ผูครอบครองทรัพยมรดก (3) เลขประจําตัวผูเสียภาษีอากรของผูตายระหวางป (4) ผูจดั การมรดก เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : มาตรา 57 ทวิ ประกอบกบั ขอ 2 (1) ของประกาศอธบิ ดฯี เรอ่ื ง กาํ หนดใหผ มู หี นา ท่ี เสยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล และผจู า ยเงนิ ไดซ ง่ึ มหี นา ทห่ี กั ภาษี ณ ทจ่ี า ย มแี ละใชเ ลข ประจําตวั ในการปฏบิ ตั ติ ามประมวลรษั ฎากร แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดยประกาศอธบิ ดฯี เรอ่ื ง กาํ หนดใหผ มู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ได บคุ คลธรรมดา ฯ(ฉบบั ท่ี3) ลงวนั ท่ี 11 มกราคม 2555 23. ผูประกอบกิจการประเภทใดที่มีสิทธิแจงตออธิบดีกรมสรรพากรเพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่มได (1) การใหบ รกิ ารขนสง ในราชอาณาจกั รโดยอากาศยาน (2) การใหบ รกิ ารขนสง นาํ้ มนั เชอ้ื เพลงิ ทางทอ ในราชอาณาจกั ร (3) การขายปยุ (4) ถูกทุกขอ เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : พระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ท่ี 241) พ.ศ. 2534 “มาตรา 3 ใหกิจการที่ไดรับยกเวนภาษีมูลคาเพิ่มดังตอไปนี้ เปน กจิ การทผ่ี ปู ระกอบการมสี ทิ ธิแจง ตอ อธบิ ดี กรมสรรพากรเพอ่ื ขอจดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ และเสยี ภาษมี ลู คาเพม่ิ ได (1) การใหบ ริการขนสง ในราชอาณาจักรโดยอากาศยาน (2) การสง ออกของผปู ระกอบการในเขตอตุ สาหกรรมสง ออกตามกฎหมายวา ดว ยการนคิ มอตุ สาหกรรมแหง ประเทศไทย” (แกไ ขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชกฤษฎกี าฯ (ฉบบั ท่ี 252) พ.ศ. 2535 ใชบ งั คบั 1 มกราคม 2535 เปน ตน ไป) “(3) การใหบ รกิ ารขนสง นาํ้ มนั เชอ้ื เพลงิ ทางทอ ในราชอาณาจกั ร” (แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชกฤษฎกี าฯ (ฉบบั ท่ี 268) พ.ศ. 2536 ใชบ งั คบั 9 ธนั วาคม 2536 เปน ตน ไป) “(4) การใหบ รกิ ารขนสง ในราชอาณาจกั ร สาํ หรบั การใหบ รกิ ารขนสง ทางทะเลโดยเรอื เดนิ ทะเล ทง้ั น้ี ใหร วมถงึ การใหบ รกิ ารขนสง ระหวา งทะเลกบั แมน ํ้าในราชอาณาจกั รโดยเรอื เดนิ ทะเลดว ย” (แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชกฤษฎกี าฯ (ฉบบั ท่ี 521) พ.ศ. 2554 ใชบ งั คบั 27 พฤษภาคม 2554 เปน ตน ไป) 24. แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 9 ใชในชวงระยะเวลาใด (1) พ.ศ. 2542 – 2546 (2) พ.ศ. 2543 – 2547 (3) พ.ศ. 2547 – 2548 (4) พ.ศ. 2545 – 2549 เดมิ เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว แตป จ จุบนั เปน แผนพตั นาเศรษฐกจิ ฉบบั ท่ี 12 พ.ศ. 2560-2564 25. หนภ้ี าษอี ากรคา งจาํ นวนเทา ใดทส่ี รรพากรภาคมอี าํ นาจอนมุ ตั ิใหจ าํ หนา ยหนภ้ี าษอี ากรได (1) หนภ้ี าษอี ากรไมเ กนิ 1,000,000 บาท (2) หนภ้ี าษอี ากรไมเ กนิ 2,000,000 บาท (3) หนภ้ี าษอี ากรไมเ กนิ 3,000,000 บาท (4) หนภ้ี าษอี ากรไมเ กนิ 5,000,000 บาท เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ระเบยี บการะทรวงการคลงั วา ดว ยการจาํ หนา ยหนภ้ี าษอี ากร พ.ศ. 2545 แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดย ระเบยี บการะทรวงการคลงั วา ดว ยการจาํ หนา ยหนภ้ี าษอี ากร (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2547 ขอ 6 อํานาจการอนญุ าตจําหนา ยหน้ภี าษอี ากร 6.1 หนี้ภาษีอากรที่มีจํานวนไมเกิน 5,000,000 บาท ใหสรรพากรภาค หรือผูอํานวยการสํานัก บรหิ ารภาษธี รุ กจิ ขนาดใหญ แลว แตก รณี เปน ผอู นุญาตจาํ หนาย 6.2 หนภ้ี าษอี ากรทม่ี จี าํ นวนไมเ กนิ 50,000,000 บาท ใหอ ธบิ ดเี ปน ผอู นญุ าตจาํ หนา ย 6.3 หนภ้ี าษอี ากรทม่ี จี าํ นวนเกนิ กวา 50,000,000 บาท ใหร องปลดั กระทรวง หรอื คณะกรรมการ เพื่อพิจารณาและอนุญาตจําหนายหนภี้ าษีอากรที่รองปลัดกระทรวงแตงตั้งเปนผูอนุญาตจําหนาย”

หนา้ 192 26. การจดั ทาํ บญั ชรี ายชอ่ื ผคู างภาษอี ากรแนบทา ยหมายเรยี ก มาตรา 12 ตรี แหง ประมวลรัษฎากร เพอ่ื ขอขอ มลู บญั ชเี งนิ ฝาก ธนาคารของผคู างภาษีอากรทาง e-mail จะตอ งมจี าํ นวนก่รี ายตอ 1 หมายเรียก (1) ไมเกิน 50 ราย ตอ 1 หมายเรียก (2) ไมเกิน 100 ราย ตอ 1 หมายเรียก (3) ไมเกิน 250 ราย ตอ 1 หมายเรียก (4) ไมจ าํ กดั จาํ นวน เดมิ เฉลย (3) ทถ่ี กู ตอบ ไมม ขี อ ใดถกู อา งองิ : แนวทางปฏบิ ติ กรมสรรพากร ท่ี มจ.4/2554 เรอ่ื ง การควบคมุ ลกู หน้ี ภาษอี ากรดว ยระบบคอมพวิ เตอร (๗.๒.๓) เจาหนาที่ออกหมายเรียกธนาคาร (มจ.) (๗.๒.๓.๑) จดั ชดุ ขอ มลู รายช่ือผคู า งภาษอี ากรและผมู สี ว นไดเ สยี ทร่ี อการจดั ชดุ ดว ยกลมุ เมนู “การจดั การขอ มลู ทรพั ยส นิ ” เลอื ก “การจดั การชดุ ขอ มลู รายชอ่ื บคุ คลเพอ่ื ตรวจสอบบญั ชเี งนิ ฝากธนาคาร” ระบบให เลขทช่ี ดุ ขอ มลู และเลขทห่ี นงั สอื ใหร ะบรุ ายละเอยี ดลงในระบบเพอ่ื จดั ชดุ ภายในวนั ศกุ รห รอื วนั ทาํ การสดุ ทา ยของสปั ดาห และจดั พมิ พห มายเรยี กฯ เสนอผมู อี าํ นาจลงนามพรอ มบญั ชรี ายชอ่ื ผคู า งภาษอี ากรแนบทา ยหมายเรยี กไมเ กนิ ๑,๐๐๐ ราย ตอ ๑ หมายเรียก 27. ระบบกํากับดูแลสามารถเขาไปคนหาขอมูลในการตรวจสอบภาษีอากรอะไรไดบาง (1) ขอมูลเกี่ยวกับภาษีเงินไดนิติบุคคล (2) ขอมูลเกี่ยวกับภาษีมูลคาเพิ่ม (3) ขอมลู การจดทะเบียนนิติบุคคล (4) ขอ (1) และ (2) ถกู ขอ นล้ี า สมยั เน่ืองจาก ปจ จบุ นั ใชร ะบบแนะนาํ ควบคมุ และตดิ ตามผปู ระกอบการ ตามแนวปฏบิ ตั กิ รมสรรพากร ที่ มก.85/2561 28. ในระบบกาํ กบั ดแู ล ทมี กาํ กบั ดแู ลไมส ามารถเขา ไปดาํ เนนิ การในระบบกาํ กบั ดแู ลได ? (1) ใหความเห็น (2) การเขาปรับปรุงขอมูลที่อยูของผูประกอบการ (3) การลบรายผูประกอบการที่ไมจด VAT จากระบบกํากบั ดูแล (4) คัดคนขอมูลภาษีจากระบบขอมูลคัดคนรายตัว ขอ นล้ี า สมยั เนอ่ื งจาก ปจ จบุ นั ใชร ะบบแนะนาํ ควบคมุ และตดิ ตามผปู ระกอบการ ตามแนวปฏบิ ตั กิ รมสรรพากร ที่ มก.85/2561 29 ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวาดวยงานสารบรรณหนังสือมีกี่ชนิด อะไรบาง? (1) 3 ชนดิ ไดแ กห นงั สอื ภายใน, หนงั สอื ภายนอก,หนงั สอื สง่ั การ (2) 4 ชนดิ ไดแ กห นงั สอื ภายใน, หนงั สอื ภายนอก,หนงั สอื สง่ั การ,หนงั สือประทบั ตรา (3) 5 ชนดิ ไดแ กห นงั สือภายใน, หนงั สอื ภายนอก,หนงั สอื สง่ั การ,หนงั สอื ประทบั ตรา,หนงั สอื ประชาสัมพนั ธ (4) 6 ชนดิ ไดแ กห นงั สือภายใน, หนงั สือภายนอก,หนงั สือสง่ั การ,หนงั สือประทบั ตรา,หนงั สอื ประชาสัมพันธ, หนงั สือท่ี เจา หนา ทท่ี ําข้ึนหรอื รบั ไวเ ปน หลกั ฐานในราชการ เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว อางองิ : ระเบยี บสํานกั นายกรฐั มนตรี วาดว ยงานสรรบรรณ ขอ 10 หนงั สอื มี 6 ชนิด คือ 10.1 หนงั สอื ภายนอก 10.2 หนงั สือภายใน 10.3 หนังสอื ประทบั ตรา 10.4 หนงั สอื ส่ังการ 10.5 หนังสือประชาสัมพันธ 10.6 หนงั สอื ทเ่ี จา หนา ทท่ี าํ ขน้ึ หรอื รบั ไวเ ปน หลกั ฐานในราชการ

หนา้ 193 30. กรมสรรพากรเปดโอกาสใหบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลยื่นแบบคําขอมีเลขประจําตัวผูเสียภาษีเงินไดนิติบุคคล on line ผานเครือขาย อินเตอรเน็ตไดตั้งแตวันที่เทาไหร ? (1) วนั ท่ี 1 พฤษภาคม 2547 (2) วนั ท่ี 1 มถิ นุ ายน 2547 (3) วนั ท่ี 1 กรกฎาคม 2547 (4) วนั ท่ี 1 สงิ หาคม 2547 เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ขา วประชาสมั พนั ธ เรอ่ื ง การขอมเี ลขประจาํ ตวั ผเู สยี ภาษเี งนิ ไดน ติ บิ คุ คล on line 31. ตามคําสั่งกรมสรรพากรที่ ทป. 140/2547 มอบหมายใหสรรพากรพื้นที่สั่งงดเบี้ยปรับภาษีมูลคาเพิ่มตามมาตรา 89 แหงประมวลรัษฎากรโดยไมจํากัดจํานวนเบี้ยปรับ เฉพาะกรณีบุคคลที่จะตองเสียเบี้ยปรับ ไดกระทําความผิดดังนี้ (1) ไมจ ดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ เนอ่ื งจากเขา ใจวา เปนกจิ การทไ่ี ดร บั ยกเวนภาษมี ลู คา เพม่ิ และผปู ระกอบการเปนบคุ คล ธรรมดา (2) ไมจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม เนื่องจากไมทราบวาเมื่อรายรับเกิน 1,200,000 บาท ตอป ตองจดทะเบียน ภาษีมูลคาเพิ่ม และผูประกอบการเปนบุคคลธรรมดา (3) นาํ ภาษซี อ้ื ทเ่ี กดิ จากการกอสรา งอาคารหรอื อสงั หารมิ ทรพั ยอ น่ื เพอ่ื ใชห รอื จะใชใ นกจิ การ หลกั ประเภททต่ี อ งเสยี ภาษมี ลู คา เพม่ิ มาหกั ในการคาํ นวณภาษมี ลู คา เพม่ิ ตอ มาไดข ายหรอื ใหเ ชา หรอื นาํ ไปใชใ นกจิ การ ประเภททไ่ี มต อ งเสยี ภาษมี ลู คา เพม่ิ ภายใน 3 ป นับแตเดือนที่ กอสรา งเสร็จสมบูรณ (4) ถูกทุกขอ เดมิ เฉลย (4) ทถ่ี กู ตอบ ไมม ขี อ ใดถกู อา งองิ : คาํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ทป.140/2547 เรอ่ื ง มอบหมายใหส ง่ั และ ดาํ เนนิ การเกย่ี วกบั การพจิ ารณางดเบย้ี ปรบั ภาษีมลู คา เพ่ิมบางกรณี ขอ 1 มอบหมายใหสรรพากรพน้ื ท่ี สาํ หรบั เขตทอ งทส่ี าํ นักงานสรรพากรพน้ื ทน่ี น้ั สง่ั งด เบย้ี ปรบั ภาษมี ลู คา เพ่ิม ตามมาตรา 89 แหง ประมวลรษั ฎากร โดยไมจ าํ กัดจาํ นวนเบย้ี ปรบั ทง้ั น้ี เฉพาะในกรณบี คุ คลทจ่ี ะตอ งเสยี เบย้ี ปรบั ไดก ระทาํ ความผดิ ดงั น้ี (1) ไมไดจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม แตยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลคาเพิ่ม (ภ.พ.30) โดยเขาใจวาไดจด ทะเบยี นแลว (2) ไมจ ดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ แตเ ขา ใจวา ตอ งจดทะเบยี นภาษธี รุ กจิ เฉพาะและไดย น่ื แบบแสดงรายการภาษี ธุรกิจเฉพาะ (ภ.ธ.40) ไปแลว (3) กรอกแบบแสดงรายการภาษีมูลคาเพิ่ม โดยนํายอดขายหรือยอดซื้อของสถานประกอบการสาขามารวม คํานวณกับสถานประกอบการที่เปนสํานักงานใหญ โดยยงั ไมไ ดร บั อนมุ ตั ใิ หย น่ื แบบแสดงรายการและชาํ ระภาษรี วมกนั (4) ไดร บั อนมุ ตั ใิ หย น่ื แบบแสดงรายการภาษมี ลู คา เพม่ิ รวมทส่ี ํานกั งานใหญแ ลว แตย งั กรอกแบบแสดงรายการ ภาษีมูลคาเพิ่ม แยกยื่นเปนรายสถานประกอบการ (5) นําภาษีซื้อมาใชหักในการคํานวณภาษีมูลคาเพิ่มกอนเดือนที่ระบุใน ใบกํากับภาษีในกรณี (ก) นาํ ภาษซี อ้ื ตามใบเสรจ็ รบั เงนิ ของกรมศลุ กากรสว นทเ่ี ปน ภาษี มูลคาเพิ่มมาใชหักจากภาษีขายใน เดอื นทม่ี กี ารนาํ เขา ไมต รงตามเดอื นภาษที ีค่ วามรบั ผดิ เกดิ ขน้ึ (ข) นาํ ภาษซี อ้ื ตามใบเสรจ็ รบั เงนิ ของกรมสรรพากรสว นทเ่ี ปน ภาษี มลู คา เพม่ิ ในการชาํ ระภาษตี าม แบบนาํ สง ภาษมี ลู คาเพม่ิ (ภ.พ.36) มาใชห กั จากภาษขี ายในเดอื นทม่ี กี ารสง เงนิ ไป ตา งประเทศ

หน้า 194 32. ขอใดไมตองเสียภาษีมูลคาเพิ่ม (1) การโอนสทิ ธบิ ตั รภาษตี ามกฎหมายวา ดว ยการชดเชยคา ภาษอี ากรของสนิ คา สงออก (2) รายรับจากการขายปลากระปอง (3) รายรบั จากการขายแร (4) รายไดคาธรรมเนียมเรือจอดเทียบทา คาสินคาผานทา คาชั่งน้ําหนักสินคาของทาเทียบเรือ เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : คาํ วนิ จิ ฉยั ของคณะกรรมการวนิ จิ ฉยั ภาษอี ากร ท่ี 36/2540 เรอ่ื ง ภาษมี ลู คา เพม่ิ กรณี การเสยี ภาษมี ลู คา เพม่ิ สําหรบั การโอนสทิ ธใิ นบตั รภาษี 33. ตอ ไปนข้ี อ ใดไมถ ูกตอ ง (1) นาย ก. ถกู หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ยตามมาตรา 50 และนาํ สง แลว เปน จาํ นวนเงนิ เกนิ กวา ทต่ี อ งเสยี นาย ก. ตอ งยน่ื คาํ รอง ขอคนื ภาษภี ายใน 3 ป นบั แตว นั สดุ ทา ยแหง ปซง่ึ ไดถ กู หกั ภาษเี กนิ ไป (2) การขอคนื ภาษอี ากรและภาษเี งนิ ไดท ถ่ี กู หกั ไว ณ ทจ่ี ายและนําสง แลว เปน จํานวนเกนิ กวา ทต่ี อ งเสยี หรอื ไมม หี นา ท่ี ตอ งเสยี ใหผ มู สี ทิ ธขิ อคนื ยน่ื คํารอ งขอคนื ภายใน 3 ปน บั แตว นั สดุ ทา ยแหง กาํ หนดเวลายน่ื รายการภาษตี ามทก่ี ฎหมายกาํ หนด (3) การขอคืนภาษมี ลู คา เพ่ิมสาํ หรบั การนําเขา เม่ือผนู าํ เขา ไดโ ตแ ยง ตามกฏหมายวาดว ยศลุ กากร ใหก ระทาํ ภายใน 6 เดอื นนบั แตว นั ทไ่ี ดร บั แจง คาํ วนิ จิ ฉยั ขอ โตแ ยง อากรขาเขา เปน หนงั สอื (4) กรณผี ูนําเขาที่มิไดเปนผูประกอบการจดทะเบียนไดชําระภาษีมูลคาเพิ่มแลวและตอมาไดสงสินคากลับออกไปใหผู นําเขายน่ื คาํ รองขอคนื ภาษีไดท ่ีสํานักงานสรรพากรพน้ื ทีส่ าขา เดมิ เฉลย (4) ท่ีถกู ตอบ (1) (2) และ (4) อา งอิง : มาตรา 63 และมาตรา 84/2 “มาตรา 63 บุคคลใดถูกหักภาษีไว ณ ที่จายและนําสงแลวเปนจํานวนเงินเกินกวาทคี่ วรตองเสียภาษีตามสวนนี้ บุคคลน้นั มสี ิทธไิ ดร ับเงนิ จํานวนทีเ่ กนิ นน้ั คนื แตตอ งยน่ื คาํ รอ งขอคนื ตอ เจา พนกั งานประเมินภายในสามปนบั แตว ันสดุ ทา ย แหงกําหนดเวลายื่นรายการภาษีตามที่กฎหมายกําหนด บคุ คลใดทไ่ี มม หี นา ทต่ี อ งยน่ื รายการเกย่ี วกบั เงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ในปภ าษี แตถ กู หกั ภาษไี ว ณ ทจ่ี า ยและนาํ สง แลว บคุ คลนนั้ มสี ิทธิไดรับเงนิ จํานวนที่ถูกหักและนําสงไวแลวนนั้ คืน แตตองยื่นคํารองขอคืน ตอเจาพนักงานประเมินภายใน สามปน บั แตว นั ท่ี ๓๑ มนี าคม ของปถ ดั จากปท ถ่ี กู หกั ภาษไี ว ” ( พระราชบญั ญตั แิ กไ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี ๓๘) พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ วนั ท่ี ๑๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ) “มาตรา 84/2 การขอคนื ภาษมี ลู คา เพม่ิ สําหรบั การนาํ เขา ในกรณดี งั ตอ ไปน้ี ใหก ระทาํ ไดต ามเงอ่ื นไขดงั น้ี (1) ในกรณผี นู าํ เขา มขี อ โตแ ยง ตามกฎหมายวา ดว ยศลุ กากรหรอื เปน คดใี นศาลการขอคนื ภาษใี หก ระทาํ ภายใน หกเดอื น นบั แตว นั ทไ่ี ดร บั แจง คาํ วนิ จิ ฉยั ขอ โตแ ยง อากรขาเขา เปน หนงั สอื หรอื นบั แตว นั ทม่ี คี าํ พพิ ากษาถงึ ทส่ี ดุ แลว แตก รณี (2) ในกรณผี นู าํ เขา ทม่ี ไิ ดเ ปน ผปู ระกอบการจดทะเบยี นไดช าํ ระภาษมี ลู คา เพม่ิ แลว และตอ มาไดส ง สนิ คา กลบั ออกไป การขอคนื ภาษใี หเ ปน ไปตาม หลกั เกณฑ วธิ กี าร เงอ่ื นไข และอตั ราสว นเชน เดยี วกบั การคนื อากรขาเขา ตาม กฎหมายวา ดว ยศลุ กากรทก่ี าํ หนดไวส าํ หรบั ขอคนื อากรขาเขา คาํ รอ งขอคืนภาษตี ามมาตราน้ี ใหเ ปน ไปตามแบบทีอ่ ธบิ ดกี าํ หนด ในกรณผี ขู อคนื ภาษเี ปน ผปู ระกอบการจดทะเบยี น ใหย น่ื คาํ รอ งขอคนื ณ ทว่ี า การอาํ เภอทอ งทต่ี ามทก่ี าํ หนดใน มาตรา 84/1 วรรคสาม และในกรณีผูข อคืนภาษีมิไดเปน ผปู ระกอบการจดทะเบยี น ใหย่นื คํารอ งขอคนื ณ ดานศุลกากรขาเขา

หนา้ 195 จิตอาสาปน โตภาษี กลมุ 2 ขอ สอบชุดท่ี 10 (ขอ 17 – 33) 17. จาํ นวนรายเปา หมายของการสํารวจและติดตามผูอยนู อกระบบภาษี คอื (1) 40,000 ราย (2) 45,000 ราย (3) 55,000 ราย (4) 60,000 ราย ขอ นเ้ี กา ลาสมัยแลว ปงบประมาณ พ.ศ. 2561 กรมสรรพากรไดก าํ หนดเปา หมายจํานวนรายใหมจ ากสาํ รวจ จํานวนทง้ั สิน้ 174,000 ราย 18. ยุทธศาสตรกรมสรรพากร ในการใช IT เปนแกนนําผลักดันองคกรนั้น กรมสรรพากรมีตัวชี้วัดในกรณีขางตน คือ (1) ผลการจดั เกบ็ ตามประมาณการ (2) จาํ นวนระบบ IT และบรกิ าร E-SERVICE ทพ่ี ฒั นาเพม่ิ ขน้ึ (3) การกํากับดูแลผเู สียภาษีและใหบริการเปนรายผปู ระกอบการผานระบบฯ (4) ถูกทุกขอ ขอ นเ้ี กา ลา สมยั แลว อา งองิ : แผนปฏบิ ตั ริ าชการกรมสรรพากรปง บประมาณ พ.ศ 2561-2562

หนา้ 196 19. วัดใหบริการที่จอดรถมีรายไดเกินกวา 1.2 ลานบาท นํารายไดเขาบัญชีเงินฝากของวดั นําไปใชดูแลรักษาศาสนสมบัติ ภายในวดั ตอ งเสยี ภาษมี ลู คา เพ่ิม หรอื ไม (1) ตอ งเสยี ภาษมี ลู คา เพม่ิ ในอตั รารอยละ 7 เน่ืองจากเปน การใหบ รกิ ารในราชอาณาจกั รและมรี ายไดเ กนิ 1.2 ลานบาท (2) ไมตองเสียภาษีมูลคาเพิ่มเนื่องจาก เปนการใหเชาอสังหาริมทรัพย ยกเวนภาษีมูลคาเพิ่มตาม มาตรา 81 (1) (ต) แหงประมวลรัษฎากร (3) ไมตองเสียภาษีมลู คาเพิ่ม เนื่องจากเปนการใหบริการเพื่อประโยชนแกศาสนา หรือสาธารณะกุศลภายในประเทศ ไดรับยกเวน ตาม มาตรา 81(1)(ธ) แหงประมวลรัษฎากร (4) ไมต อ งเสยี ภาษมี ลู คา เพม่ิ เน่ืองจากเปน การใหบ รกิ ารตามท่ีกาํ หนด โดยพระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ท่ี 239) พ.ศ. 2534 เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อางอิง : ขอ หารอื ที่ กค 0811/พ.09286 ลงวันท่ี 7 กันยายน 2542 เลขตู 62/28290 “การใหบ รกิ ารจอดรถยนตข องวดั โดยนาํ รายไดเ ขาบญั ชเี งนิ ฝากของวดั และนาํ ไปใชเ ปน คา ใชจ า ยดแู ล รกั ษาศาสนสมบตั ติ า งๆ ภายในบรเิ วณวดั โดยมไิ ดน าํ ผลกําไรไปจายในทางอน่ื เขา ลกั ษณะเปน การใหบ รกิ ารเพอ่ื ประโยชนแ ก การสาธารณกศุ ลภายในประเทศ ไดร บั ยกเวน ภาษีมลู คา เพม่ิ ตามมาตรา 81(1)(ธ) แหง ประมวลรษั ฎากร” 20. บรษิ ทั A เชา สาํ นกั งานจากบริษทั เรยี ลเอสเตท จาํ กดั โดยจา ยเงนิ ชวยคา กอ สรา ง จํานวน 5 ลา นบาท และตอ งจา ยคา เชา รายเดอื นอกี เดอื นละ 50,000 บาท บรษิ ทั A ตอ งหกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย ดงั น้ี (1) 5% ของเงนิ ชว ยคา กอ สรา งในวนั ท่ีจา ยเงิน (2) 3% ของเงนิ ชว ยคา กอ สรา งในวนั ท่ีจา ยเงิน (3) 5% ของเงินชวยคากอสรางในวันที่จายเงิน และ 5% ของคาเชาในเดือนที่จายคาเชา (4) 3% ของเงินชวยคากอสราง และ 5% ของคาเชารายเดือนในเดือนที่จายคาเชา เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อางอิง : คําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ขอ 6(2) ขอ 6 ใหบ รษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลหรอื นติ บิ คุ คลอน่ื ซง่ึ เปน ผจู า ยคา เชา หรอื ประโยชนอ ยา งอน่ื ทไ่ี ด เนอ่ื งจากการใหเ ชา ทรพั ยส นิ ตามมาตรา 40(5)(ก) แหง ประมวลรษั ฎากร แตไ มร วมถงึ คา แหง อาคารหรอื โรงเรอื นทไ่ี ดร บั กรรมสทิ ธ์ิใหแ กผ รู บั ซง่ึ เปน (1) ผมู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 5.0 (2) บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลทป่ี ระกอบกจิ การในประเทศไทย นอกจากทร่ี ะบใุ น (3) หกั ภาษี ณ ที่จายโดยคํานวณหกั ไวในอัตรารอยละ 5.0 (3) มลู นธิ หิ รอื สมาคมทป่ี ระกอบกจิ การซง่ึ มรี ายได แตไ มร วมถงึ มลู นธิ หิ รอื สมาคมทร่ี ัฐมนตรี ประกาศกาํ หนดตามมาตรา 47(7)(ข) แหง ประมวลรษั ฎากร หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ยโดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 10.0 (4) ผมู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา หรอื บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลทป่ี ระกอบกจิ การใน ประเทศไทย นอกจากทร่ี ะบใุ น (3) เฉพาะทเ่ี ปน คา เชา เรอื ตามกฎหมายวา ดวยการสง เสรมิ พาณชิ ยน าวที ีใ่ ชใ นการขนสง ระหวา งประเทศ หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ยโดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 1.0 21. การใหบริการขนสงในประเทศไดรับการยกเวนภาษีมูลคาเพิ่ม ตามมาตรา 81(1)(ณ) แหงประมวลรัษฎากร เมื่อ ผูรับบริการขนสงท่เี ปนนติ ิบุคคล ชําระเงินคาบริการขนสงใหกับนิติบุคคลที่เปนผูใหบริการ จะตองหักภาษี ณ ที่จาย ตาม มาตรา 3 เตรส แหงประมวลรัษฎากร ในอัตรารอยละเทาใด (1) รอยละ 3 (2) รอยละ 5 (3) รอยละ 1 (4) ตามอัตราภาษีเงินได เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อางอิง : คําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ขอ 12/4(2) \"ขอ 12/4 ใหบ รษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คล หรอื นติ บิ คุ คลอน่ื ซึง่ เปน ผจู า ยเงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ทเ่ี ปน คา ขนสง แตไ มร วมถงึ การจายคา โดยสารสาํ หรบั การขนสง สาธารณะใหแ กผ รู บั ซง่ึ เปน (1) ผมู หี นา ทเ่ี สยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 1.0 (2) บรษิ ทั หรอื หา งหนุ สว นนติ บิ คุ คลทป่ี ระกอบกจิ การในประเทศไทย แตไ มร วมถงึ มลู นิธหิ รอื สมาคม หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย โดยคาํ นวณหกั ไวใ นอตั รารอ ยละ 1.0 คาํ วา “การขนสง สาธารณะ ” หมายความวา การรบั สง ผโู ดยสารเปน การทว่ั ไปเปน ปกตธิ รุ ะ ”

หน้า 197 22. นาย ก. เปน ผใู หบ รกิ ารทป่ี รกึ ษาทางดา นบญั ชแี ละภาษีอากรใหก บั บรษิ ทั ลกู คา โดยไมเ ปน พนกั งานของบริษทั แตอ ยา ง ใด จะเขาไปปฏิบัติงานสัปดาหละครั้ง เพื่อตรวจสอบเอกสารและการปฏิบัติดานภาษีอากร และไดรับคาบริการเปนจํานวนเงิน ทแ่ี นน อนทกุ เดอื น เงนิ ไดด งั กลา วเปน เงินไดต ามมาตราใด (1) 40 (1) แหงประมวลรัษฎากร (2) 40 (2) แหงประมวลรัษฎากร (3) 40 (6) แหงประมวลรัษฎากร (4) 40 (8) แหงประมวลรัษฎากร เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว อางอิง : เงินไดจากการใหบรกิ ารท่ปี รึกษาทางดา นบัญชีและภาษีอากร หากเปน การ ใหบ รกิ ารทป่ี รกึ ษาทางดา นภาษอี ากรและการบญั ชภี าษอี ากร โดยรบั คาบรกิ ารเดอื นละคร้ังเปน จาํ นวนทแ่ี นน อน เขา ลกั ษณะเปน เงนิ ไดพ งึ ประเมนิ เนอ่ื งจากการรบั ทาํ งานใหต ามมาตรา 40(2) แหง ประมวลรษั ฎากร 23. บริษัท ก. นําเขาวัตถุดิบโดยชําระอากรขาเขาขาดไป และกรมศุลกากรประเมินอากรเพิ่มพรอมคาปรับ บริษัทฯ มีสิทธิ นําอากรที่ชําระเพิ่มและคาปรับตามกฎหมายศุลกากร มาถอื เปนรายจายในการคํานวณกําไรสทุ ธิไดหรือไม (1) ไมได เนื่องจาก เปนคาปรับทางอาญาตองหาม ตามมาตรา 65 ตรี (6) แหงประมวลรัษฎากร (2) ได เนื่องจาก มิใชเบี้ยปรับและหรือเงินเพิ่มภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร (3) ไมได เนื่องจาก เปนรายจายสวนที่เกินปกติโดยไมมีเหตุผลสมควร (4) ได เนอ่ื งจาก เปน คา ใชจ า ยทเ่ี กย่ี วเนอ่ื งจากการประกอบกจิ การของบรษิ ทั ฯ เดมิ เฉลย (2) ทถ่ี กู ตอบ (1) อา งองิ : คาํ วนิ จิ ฉยั ของคณะกรรมการวนิ จิ ฉยั ภาษอี ากร ท่ี 40/2560 เรอ่ื ง เบย้ี ปรบั และ เงนิ เพม่ิ ภาษอี ากร และคา ปรบั อาญา ตามมาตรา 65 ตรี (6) แหง ประมวลรษั ฎากร “เบย้ี ปรบั และหรอื เงนิ เพม่ิ ภาษอี ากร และคาปรบั ทางอาญา เปน การลงโทษผกู ระทาํ ความผดิ จงึ ไมค วรใหน าํ มา ลงเปน รายจายทางภาษอี กี เพราะจะเปน การสนบั สนนุ บคุ คลผกู ระทาํ ความผดิ ดงั นน้ั คาํ วา เบย้ี ปรบั และหรอื เงนิ เพม่ิ ภาษี อากร และคา ปรบั ทางอาญา ตามมาตรา 65 ตรี (6) แหง ประมวลรษั ฎากร ใหห มายความรวมถึง เบย้ี ปรบั และหรอื เงนิ เพ่มิ ภาษีอากร และคา ปรับทางอาญา ตามกฎหมายภาษีอากรทกุ ประเภท” 24. บรษิ ทั ประกอบกิจการขายสินคา โดยไมม ีวตั ถปุ ระสงคใ หก ยู มื เงิน เวน แตก รณพี นกั งานหรือกรรมการของบรษิ ทั เดือดรอน จะทดรองจา ยเงินให ไมมีระเบียบในการใหกูยืม ไมคิดดอกเบี้ยจากการใหยืม การใหกูยืมดังกลาว เปนการ ประกอบการเยี่ยงธนาคารพาณิชยหรือไม ตองเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2 (5) หรือไม (1) ไมเปนการประกอบการเยี่ยงธนาคารฯ และไมตองเสยี ภาษีธุรกิจเฉพาะ (2) ไมเปนการประกอบการเยี่ยงธนาคารฯ แตตองเสยี ภาษีธุรกิจเฉพาะ (3) เปนการประกอบการเยี่ยงธนาคารฯ และตองเสียภาษธี ุรกิจเฉพาะ (4) เปนการประกอบการเยี่ยงธนาคารฯ แตไมตองเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เพราะไมคดิ ดอกเบี้ย เฉลย (3) ถกู ตอ งแลว อางอิง : เทยี บเคยี งแนววนิ จิ ฉยั กรมสรรพากร ท่ี กค 0802(กม)/20217 ลงวนั ท่ี 6 กนั ยายน 2538

หน้า 198 25. บริษัทผลิตวงกบประตู, หนาตาง ขายเปนปกติธุระ ตอมามีบริษัท ท. ผูวาจางใหผลิตตามแบบและขนาด ที่กําหนด การผลิตตามที่ผูวาจางกําหนด เปนการรับจางทําของหรือผลิต และตองหักภาษี ณ ที่จาย อยางไร (1) เปน การรบั จาง หกั ภาษี ณ ทจ่ี าย 3% (2) เปน การผลติ จาํ หนา ย ไมต อ งหกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย (3) เปน การรบั จาง หกั ภาษี ณ ทจ่ี า ย 1% (4) ไมมีขอใดถูก เดมิ เฉลย (1) ทถ่ี กู ตอบ (2) อา งอิง : เทียบเคียงแนววินิจฉัยกรมสรรพากร ที่ กค 0802/พ.03377 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ 2538 26. คุณสมบัติของผูประกอบการสงออก ที่ขอรับการจัดระดับใหเปนผูประกอบการสงออกที่ดี กรณที ี่เปนผสู งออกทั่วไป ตองเปนบริษัทจํากัด หรือบริษัทมหาชนจํากัด ที่เปนผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม โดยมีอัตราสวนในการสงออก ไปตางประเทศตั้งแต รอยละ 70 ของยอดขายรวม จะตองมีทุนจดทะเบียนที่ชําระแลวดังนี้ (1) ตง้ั แต 5 ลา นบาท ขน้ึ ไป (2) ตง้ั แต 10 ลา นบาทขน้ึ ไป (3) ตง้ั แต 5 ลา นบาท แตไ มเ กนิ 10 ลา นบาท (4) ไมจ าํ กดั จาํ นวนทนุ เฉลย (2) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : คาํ สง่ั กรมสรรพากรท่ี ท.128/2560 เรอ่ื ง หลกั เกณฑก ารจดั ระดบั เปน ผปู ระกอบการ สง ออกทีด่ แี ละผปู ระกอบการสง ออกขน้ึ ทะเบยี น ลงวนั ท่ี 30 มนี าคม 2560 ขอ 2(1)(1.2)

หนา้ 199 27. ตามระเบยี บการเกบ็ รกั ษาเงนิ และการนาํ เงนิ สง คลงั ของสว นราชการ พ.ศ. 2520 มกี าํ หนดเวลาในการนาํ เงนิ สงคลงั กรณี เงินรายไดแผนดิน ตามขอใด (1) ใหน าํ สง อยา งนอ ยเดอื นละ 1 ครง้ั แตห ากเกบ็ รกั ษาในวนั ใดเกนิ 1 หมน่ื บาท ใหน ําสง โดยดว นอยา งชา ไมเ กนิ 3 วันทําการถดั ไป (2) ใหน าํ สง อยา งนอ ยเดอื นละ 1 ครง้ั แตห ากเกบ็ รกั ษาในวนั ใดเกนิ 5 หมน่ื บาท ใหน าํ สง โดยดว นอยา งชา ไมเ กนิ 3 วันทําการถดั ไป (3) ใหน าํ สง อยา งนอ ยสปั ดาหล ะ 1 ครง้ั แตห ากเกบ็ รกั ษาในวนั ใดเกนิ 1 หมน่ื บาท ใหน ําสง โดยดว นอยา งชา ไมเ กิน 3 วันทําการถัดไป (4) ใหน าํ สง อยา งนอ ยสปั ดาหล ะ 1 ครง้ั แตห ากเกบ็ รกั ษาในวนั ใดเกนิ 5 หมน่ื บาทใหน าํ สง โดยดว นอยา งชา ไมเ กนิ 3 วันทําการถดั ไป เฉลย (1) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ระเบยี บการเกบ็ รกั ษาเงนิ และการนาํ เงนิ สง คลงั ของสว นราชการ พ.ศ. 2520 ยกเลกิ โดย ระเบยี บการเบกิ จา ยเงนิ จากคลงั การเกบ็ รกั ษาเงนิ และการนาํ เงนิ สง คลัง พ.ศ. 2551 (2) เงนิ รายไดแ ผน ดนิ ใหน าํ สง อยา งนอ ยเดอื นละหนง่ึ ครง้ั แตถ า สว นราชการใดมเี งนิ รายไดแ ผน ดนิ เกบ็ รกั ษา ในวนั ใดเกนิ หนง่ึ หมน่ื บาท กใ็ หน าํ เงนิ สง โดยดว นแตอ ยา งชา ตอ งไมเ กนิ สามวนั ทาํ การถดั ไป 28. หัวหนาสวนราชการตองพิจารณาแตงตั้งกรรมการเก็บรักษาเงิน (1) อยางนอย 3 คน ซึ่งตองเปนขาราชการระดับ 2 หรือเทียบเทาขึ้นไป (2) อยางนอย 3 คน ซึ่งตองเปนขาราชการระดับ 3 หรือเทียบเทาขึ้นไป (3) อยางนอย 2 คน ซึ่งตองเปนขาราชการระดับ 3 หรือเทียบเทาขึ้นไป (4) อยางนอย 2 คน ซึ่งตองเปนขาราชการระดับ 2 หรือเทียบเทาขึ้นไป เดมิ เฉลย (1) ทถ่ี กู ตอบ (3) อางอิง : ระเบยี บการเกบ็ รกั ษาเงนิ และการนาํ เงนิ สง คลงั ของสว นราชการ พ.ศ. 2520 ยกเลกิ โดย ระเบยี บการเบกิ จา ยเงนิ จากคลงั การเกบ็ รกั ษาเงนิ และการนาํ เงนิ สง คลัง พ.ศ. 2551 สว น 2 กรรมการเกบ็ รกั ษาเงนิ “ขอ 82 ใหห วั หนา สว นราชการซง่ึ ดํารงตาํ แหนง ระดบั สามหรอื เทยี บเทา ขน้ี ไป ในสว นราชการนน้ั อยางนอย สองคนเปน กรรมการเกบ็ รกั ษาเงนิ ของสว นราชการนน้ั ” 29. ตามระเบียบกระทรวงการคลัง วาดวยการหักรายรับจายขาดและการถอนคืนเงินรายรับ พ.ศ.2545 “คลัง” หมายความวา (1) บัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ 1 และบัญชีเงินฝากของสํานักงานคลังจังหวัด, สํานักงานคลังจังหวัด ณ อําเภอ (2) บญั ชเี งนิ รายไดแ ผนดนิ และบญั ชเี งินฝากของสาํ นกั งานคลงั จงั หวดั , สาํ นกั งานคลงั จังหวดั ณ อําเภอ (3) บญั ชเี งนิ นอกงบประมาณ และบญั ชเี งนิ ฝากของสํานกั งานคลงั จังหวดั , สาํ นกั งานคลงั จงั หวดั ณ อาํ เภอ (4) บญั ชเี งนิ ถอนคนื รายรบั และบญั ชเี งนิ ฝากของสํานกั งานคลงั จังหวดั , สาํ นกั งานคลงั จังหวดั ณ อําเภอ เดมิ เฉลย (1) ทถ่ี กู ตอบ ไมม ขี อ ใดถกู อา งองิ : ระเบยี บกระทรวงการคลงั วา ดว ยการหกั รายรบั จา ยขาดและการถอนคนื เงินรายรบั พ.ศ. 2545 ยกเลกิ โดย ขอ บังคับกระทรวงการคลัง วาดวยการหกั รายรับจายขาดและถอนคนื เงินรายรับ พ.ศ. 2550 “คลงั ” หมายความวา บญั ชเี งนิ คงคลงั บญั ชที ่ี 1 30. การหกั รายจา ยขาดหมายความวา (1) การหักรายจายจากเงินรายรับที่ตองนําสงเขาบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ 1 และบัญชีเงินฝาก (2) การหักรายจายจากเงินรายรับที่ตองนําสง เขาบัญชีเงินรายไดแผนดิน และบัญชีเงินฝาก (3) การหักรายจายจากเงินรายรับที่ตองนําสงเขาบัญชีเงินนอกงบประมาณ และบัญชีเงินฝาก (4) การหกั รายจา ยจากเงินรายรบั ทต่ี องนาํ สง เขาบญั ชเี งินถอนคนื รายรบั และบญั ชเี งนิ ฝาก เดมิ เฉลย (1) ทถ่ี กู ตอบ ไมม ขี อ ใดถกู อา งองิ : ระเบยี บกระทรวงการคลงั วา ดว ยการหกั รายรบั จา ยขาดและการถอนคนื เงินรายรบั พ.ศ. 2545 ยกเลกิ โดย ขอ บังคบั กระทรวงการคลงั วาดวยการหักรายรบั จายขาดและถอนคนื เงนิ รายรับ พ.ศ. 2550 “การหกั รายรบั จา ยขาด” หมายความวา การหกั รายจา ยจากเงินรายรบั ทต่ี อ งสง เขา บญั ชเี งนิ คงคลงั บญั ชที ่ี 1

หนา้ 200 31. ระเบียบกรมสรรพากรวาดวยการตรวจราชการ พ.ศ.2547 ใชบังคับตั้งแตวันที่ (1) 1 ตลุ าคม 2546 (2) 1 มกราคม 2547 (3) 1 เมษายน 2547 (4) 1 พฤษภาคม 2547 ขอ นเ้ี กา ลา สมยั เนอ่ื งจาก ระเบยี บกรมสรรพากร วาดว ยการตรวจราชการ พ.ศ. 2547 ถกู ยกเลกิ โดย ระเบียบ กรมสรรพากร วา ดว ยการตรวจราชการ พ.ศ. 2552 ซ่ึงใชบ งั คบั ตง้ั แตว นั ท่ี 25 มนี าคม 2552 32. “แบบพิมพที่เปนตัวเงิน” หมายถึง (1) ใบเสร็จรับเงินภาษีอากรประเภทตาง ๆ (2) แบบพิมพที่ผูเสียภาษีตองซื้อเพื่อประกอบการเสียภาษี (3) อากรแสตมป (4) ถกู ตอ งทง้ั (1) และ (2) เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ระเบยี บกรมสรรพากร วาดว ยการตรวจราชการ พ.ศ. 2552 ขอ 5 “แบบพมิ พท เ่ี ปน ตวั เงนิ ” หมายถงึ ใบเสรจ็ รบั เงนิ ภาษอี ากรประเภทตา งๆ รวมทง้ั แบบพมิ พท ผ่ี เู สียตอ งซอ้ื เพอ่ื ประกอบการเสยี ภาษดี ว ย 33. “สง่ิ สาํ คญั แทนตัวเงนิ ” หมายถงึ (1) เช็ค ธนาณัติ บัตรภาษี สมุดคูฝาก (2) ใบสําคัญรองจาย สัญญารับรองการยืมเงินใบเบิกเงินเพื่อจายในราชการ (3) ใบเสร็จรับเงิน อากรแสตมป (4) ถกู ตอ งทง้ั (1) และ (2) เฉลย (4) ถกู ตอ งแลว อา งองิ : ระเบยี บกรมสรรพากร วาดว ยการตรวจราชการ พ.ศ. 2552 ขอ 5 “สง่ิ สาํ คญั แทนตวั เงนิ ” หมายถงึ เชค็ ธนาณตั ิ ใบสาํ คญั รองจา ย สญั ญารบั รองการยมื เงนิ ใบเบกิ เงนิ เพอ่ื จา ยในราชการ สมดุ คฝู าก บตั รภาษี เปน ตน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook