หนา้ 601 2. ผปู้ ระกอบการในไทยจา้ งบริษทั ตา่ งประเทศตดั เยบ็ เสือผา้ สาํ เร็จรูปตามแบบทบี ริษทั ไทยกาํ หนด โดย บริษทั ไทยเป็นผจู้ ดั ส่งวตั ถดุ บิ ในการตดั เยบ็ ไปใหท้ ังหมดและใหบ้ ริษทั ตา่ งประเทศส่งสินคา้ ไปให้ ประเทศที 3 เมือบริษัทไทยจ่ายค่าจ้างให้บริษัทต่างประเทศ จะต้องนําส่งภาษีมลู ค่าเพิมหรือไม่อย่างไร ก. ไมต่ อ้ งนาํ ส่งภาษมี ลู คา่ เพิมเพราะมใิ ช่เป็นการใหบ้ ริการในประเทศ ข. ไมต่ อ้ งนาํ ส่งภาษมี ลู คา่ เพิมเพราะถือเป็นการส่งออกไดร้ บั อตั รา 0 ค. ตอ้ งนาํ ส่งภาษมี ลู คา่ เพิมเพราะถอื วา่ เป็นการใหบ้ ริการในตา่ งประเทศและไดม้ กี ารใชบ้ ริการนันใน ประเทศ ง. ขอ้ ก. และ ขอ้ ข. ถกู เดมิ เฉลย ค ทีถกู ตอบ ก ไม่เข้าองค์ประกอบ ตามคาํ สังกรมสรรพากร ที ป.104/2544 เมอื บริษทั ไทยจา่ ยค่าจา้ งใหบ้ ริษทั ตา่ งประเทศ จงึ ไม่ ต้องนําส่งภาษีมลู ค่าเพิมเพราะมิใช่เป็ นการให้บริการในประเทศ 3. บริษทั ไทยขายสินคา้ ในต่างประเทศ โดยไดว้ า่ จา้ งบริษทั ในตา่ งประเทศนันเป็นผมู้ หี นา้ ทีดแู ลดา้ นการ บริการใหแ้ ก่ผซู้ ือ เมอื บริษทั ไทยจา่ ยคา่ บริการใหแ้ กบ่ ริษทั ตา่ งประเทศจะตอ้ งนาํ ส่งภาษมี ลู คา่ เพิม หรือไมอ่ ยา่ ไร ก. ไมต่ อ้ งนาํ ส่งภาษมี ลู คา่ เพิมเพราะไมม่ กี ารนาํ บริการนันมาใชใ้ นประเทศ ข. ไมต่ อ้ งนาํ ส่งภาษมี ลู คา่ เพิมเพราะถือเป็นการบริการในอตั รา 0 ค. ตอ้ งนาํ ส่งภาษมี ลู คา่ เพิมเพราะถอื วา่ เป็นการใหบ้ ริการในตา่ งประเทศและไดม้ กี ารใชบ้ ริการนันใน ประเทศ ง. ตอ้ งนาํ ส่งภาษมี ลู คา่ เพิมและใบรับเงินคา่ ภาษีทกี รมสรรพากรออกให้ ถอื เป็นใบกาํ กบั ภาษซี ือของบริษทั ไทย เฉลย ก ถกู ตอ้ งแลว้ ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกยี วกบั ภาษีมลู ค่าเพิม ฉบับที 40 ข้อ 2 คา่ ตอบแทนทีไดร้ บั หรือพงึ ไดร้ บั จาก การขายสินคา้ หรือการใหบ้ ริการดงั ตอ่ ไปนี ไมต่ อ้ งนาํ มารวมคาํ นวณเป็นมลู คา่ ของฐานภาษี (3) มลู คา่ ของการใหบ้ ริการเนืองจากการเป็นนายหนา้ ตวั แทนใหแ้ กผ่ ปู้ ระกอบการในตา่ งประเทศ ทงั นี เฉพาะในกรณีทีผปู้ ระกอบการในต่างประเทศดงั กลา่ วขายสินคา้ หรือใหบ้ ริการกบั ผซู้ ือสินคา้ หรือ ผรู้ บั บริการในต่างประเทศดว้ ยกนั 4. ในระบบภาษีมลู คา่ เพิมคาํ ว่า “นิติบุคคล” หมายถึง ข. สหกรณ์ ก. บริษทั หรือหา้ งหุน้ ส่วนนิติบุคคล ง. ถกู ทกุ ขอ้ ค. องคก์ ารของรฐั บาล
หนา้ 602 เฉลย ง ถกู ตอ้ งแลว้ มาตรา 77/1 ในหมวดนี เวน้ แตข่ อ้ ความจะแสดงใหเ้ ห็นเป็นอยา่ งอนื (4) \" นิตบิ คุ คล \" หมายความวา่ บริษทั หรือหา้ งหุน้ ส่วนนิตบิ คุ คลตามมาตรา 39 องคก์ ารของรัฐบาลตามมาตรา 2 สหกรณ์ และองคก์ รอนื ที กฎหมายกาํ หนดใหเ้ ป็นนิติบุคคล 5. เกียวกบั ภาษีมลู ค่าเพิมขอ้ ใดถกู ตอ้ ง ก. บริษทั ก. มรี ายรบั 500,000 บาท/ปี มสี ิทธิขอเขา้ เป็นผปู้ ระกอบการจดทะเบยี นภาษีมลู คา่ เพิม ข. บริษทั ข. มรี ายรบั 800,000 บาท/ปี ไมม่ สี ิทธิขอเขา้ เป็นผปู้ ระกอบการจดทะเบียนภาษีมลู คา่ เพิม ค. บริษทั ค. มรี ายรบั 1,000,000 บาท/ปี ตอ้ งจดทะเบียนเป็นผปู้ ระกอบการจดทะเบียนภาษมี ลู คา่ เพิม ง. บริษทั ก. มรี ายรบั 1,300,000 บาท/ปี ไม่ตอ้ งจดทะเบียนเป็นผปู้ ระกอบการจดทะเบียนภาษีมลู ค่าเพิม เฉลย ก ถกู ตอ้ งแลว้ มาตรา 81/1 ผปู้ ระกอบการซึงประกอบกจิ การขายสินคา้ หรือใหบ้ ริการทีอยใู่ นบงั คบั ตอ้ งเสียภาษีมลู คา่ เพิม และ กจิ การดงั กลา่ วมมี ลู คา่ ของฐานภาษไี มเ่ กินมลู คา่ ของฐานภาษขี องกจิ การขนาดยอ่ มตามทกี าํ หนดโดยพระราช กฤษฎีกา ใหไ้ ดร้ บั ยกเวน้ ไมต่ อ้ งเสียภาษีมลู ค่าเพิม พระราชกฤษฎกี าตามวรรคหนึงจะกาํ หนดจาํ นวนมลู ค่าของฐานภาษขี องกจิ การขนาดยอ่ มใหแ้ ตกตา่ งกนั ใน กจิ การแตล่ ะประเภทไมไ่ ด้ แต่จาํ นวนมลู คา่ ของฐานภาษที กี าํ หนดจะตอ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ 600,000 บาทตอ่ ปี (ปัจจุบนั มูลค่าฐานภาษีทีกาํ หนดจะตอ้ งไม่เกินหนึงลา้ นแปดแสนบาท ดพู ระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ที 432) พ.ศ. 2548 ) ( ดูคาํ สงั กรมสรรพากรที ป.115/2545 ) มาตรา 81/3 ผปู้ ระกอบการซึงประกอบกจิ การทไี ดร้ บั ยกเวน้ ภาษีมลู คา่ เพิม ดงั ต่อไปนี มีสิทธิแจง้ ต่ออธิบดีตาม แบบทีอธิบดี กาํ หนดเพือขอจดทะเบียนภาษีมลู ค่าเพิมและเสียภาษีมลู คา่ เพิมตามหมวดนีได้ โดยตอ้ งคาํ นวณ ภาษมี ลู คา่ เพิมตามมาตรา 82/3 (1) กจิ การขายสินคา้ ตามทีระบไุ วใ้ นมาตรา 81 (1) (ก) ถงึ (ฉ) ( ดูคาํ สงั กรมสรรพากรที ป.115/2545 ) (2) กจิ การขนาดยอ่ มตามมาตรา 81/1 (3) กจิ การอนื ตามทกี าํ หนดโดยพระราชกฤษฎกี า ( ดพู ระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ที 241) พ.ศ. 2534 ) เมอื ผปู้ ระกอบการตามวรรคหนึงไดจ้ ดทะเบยี นภาษมี ลู คา่ เพิมตามมาตรา 85/1 (2) แลว้ ผปู้ ระกอบการดงั กลา่ ว จะเลกิ เสียภาษีมลู คา่ เพิมไดต้ อ่ เมอื ไดใ้ ชส้ ิทธขิ อถอนทะเบยี นภาษมี ลู คา่ เพิมตามมาตรา 85/10 (3) และอธิบดไี ด้ สงั ถอนทะเบียนภาษีมลู คา่ เพิมแลว้
หนา้ 603 6. หากทา่ นไปซือหนงั สือ 1 เลม่ จะเสียภาษมี ลู คา่ เพิมเมอื ใด ก. เมอื ไดร้ บั หนงั สือ ข. เมอื จ่ายเงินค่าซือหนงั สือ ค. เมอื เปิ ดอา่ นหนงั สือ ง. ไมต่ อ้ งเสียภาษมี ลู คา่ เพิม จงึ ไมม่ คี วามรบั ผดิ ในการเสียภาษี เฉลย ง ถกู ตอ้ งแลว้ มาตรา 81 ใหย้ กเวน้ ภาษมี ลู คา่ เพิมสาํ หรับการประกอบกจิ การประเภทต่าง ๆ ดงั ตอ่ ไปนี (1) การขายสินคา้ ทีมใิ ช่การส่งออก หรือการใหบ้ ริการ ดงั ตอ่ ไปนี (ฉ) การขายหนงั สือพมิ พ์ นิตยสาร หรือ ตาํ ราเรียน 7. คาํ วา่ “สินคา้ ” ในระบบภาษีมลู คา่ เพิมหมายถงึ ข. ทรพั ยส์ ินทมี รี ูปร่าง ก. ทรพั ยส์ ินทไี มม่ รี ูปร่าง ค. ทรพั ยส์ ินทมี หี รือไมม่ รี ูปร่าง ง. ไมม่ ขี อ้ ถกู เฉลย ค ถกู ตอ้ งแลว้ อา้ งองิ มาตรา 77/1 ในหมวดนี เวน้ แตข่ อ้ ความจะแสดงใหเ้ ห็นเป็นอยา่ งอนื (9) \" สินคา้ \" หมายความวา่ ทรัพยส์ ินทมี รี ูปร่างและไมม่ รี ูปร่าง ทีอาจมรี าคาและถอื เอาไดไ้ มว่ า่ จะมี ไวเ้ พอื ขาย เพอื ใช้ หรือเพอื การใด ๆ และใหห้ มายความรวมถงึ สิงของทกุ ชนิดทนี าํ เขา้ 8. คาํ ว่า “ขาย” ในระบบภาษีมลู คา่ เพิมหมายถงึ ก. การแจกสินคา้ ข. การแถมสินคา้ ค. การส่งสินคา้ ให้ตวั แทนเพือขาย ง. ถกู ทกุ ขอ้ เฉลย ง ถกู ตอ้ งแลว้ การขายสินค้าในราชอาณาจกั รโดยผปู้ ระกอบการ หมายถงึ ขาย หมายถงึ จาํ หน่าย จา่ ย โอนสินคา้ ไมว่ า่ จะมปี ระโยชนห์ รือคา่ ตอบแทนหรือไม่ เช่น การแจก การ ใหส้ ินคา้ การใหส้ ินคา้ ทดลองใช้ ตามมาตรา 77/1(8) แห่งประมวลรษั ฎากร และใหร้ วมถงึ ดู ตามคาํ สงั กรมสรรพากรที ป.48/2537ฯ , คาํ สงั กรมสรรพากรที ป.57/2538ฯ , คาํ สงั กรมสรรพากรที ป.90/2542ฯ , คาํ สงั กรมสรรพากรที ป.107/2544ฯ และ คาํ สงั กรมสรรพากรที ป.118/2545ฯ 1. สญั ญาใหเ้ ช่าซือสินคา้ สัญญาซือขายเงินผอ่ นชาํ ระทีกรรมสิทธิในสินคา้ ยงั ไมไ่ ดโ้ อนไปยงั ผซู้ ือเมอื ไดส้ ่งมอบใหผ้ ซู้ ือแลว้ หรือสญั ญาจะขายสินค้า ตามมาตรา 77/1(8)(ก) แห่งประมวลรษั ฎากร ประกอบกบั คาํ สงั กรมสรรพากรที ป.36/2536ฯ
หน้า 604 2. การส่งมอบสินคา้ ใหต้ วั แทนเพอื ขาย ตามมาตรา 77/1(8)(ข) แห่งประมวลรษั ฎากร 3. การส่งออกสินคา้ ออกนอกราชอาณาจกั ร ตามมาตรา 77/1(8)(ค) แห่งประมวลรษั ฎากร และรวมถงึ (1) การนาํ สินคา้ ในราชอาณาจกั รเขา้ ไปในเขตปลอดอากรโดยไดก้ ระทาํ พธิ กี ารทางศลุ กากร (เขต ปลอดอากร ไดแ้ ก่ เขตปลอดอากร รวมทังเขตอุตสาหกรรมส่งออก ตามมาตรา 77/1(21) แห่งประมวล รัษฎากร (2) การขายสินค้าของคลงั สินคา้ ทณั ฑบ์ น ประเภทร้านคา้ ปลอดอากรตามกฎหมายวา่ ดว้ ยศลุ กากร ทีขายใหแ้ กผ่ เู้ ดนิ ทางออกนอกราชอาณาจกั ร ซึงเป็นไปตามแบบ หลกั เกณฑ์ วธิ ีการและเงือนไขตาม กฎหมายว่าดว้ ยศุลกากร 4. การนาํ สินคา้ ไปใชไ้ มว่ า่ ประการใดๆ เวน้ แตก่ ารนาํ สินคา้ ไปใชใ้ นการประกอบกจิ การของตนเอง โดยตรง ตามมาตรา 77/1(8)(ง) แห่งประมวลรัษฎากร และ ประกาศอธบิ ดฯี ภาษีมลู คา่ เพิม (ฉบบั ที 1) ประกอบกบั คาํ สงั กรมสรรพากรที ป.47/2537ฯ ไมถ่ อื เป็นการขายทีอยใู่ นบงั คบั ตอ้ งเสียภาษมี ลู คา่ เพิม 5. การมสี ินคา้ ขาดจากรายงานสินคา้ และวตั ถดุ บิ ตามมาตรา 77/1(8)(จ) แห่งประมวลรษั ฎากร 6. การมสี ินคา้ คงเหลอื และหรือทรัพยส์ ินทผี ปู้ ระกอบการมไี วใ้ นการประกอบกจิ การ ณ วนั เลกิ ประกอบกจิ การ แตไ่ มร่ วมถงึ สินคา้ คงเหลอื ทรัพยส์ ิน ของผปู้ ระกอบการทคี วบเขา้ กนั หรือไดโ้ อนกิจการ ทงั หมดใหแ้ ก่กนั (เฉพาะผปู้ ระกอบการใหมไ่ ดค้ วบเขา้ กนั หรือ ผรู้ บั โอนกิจการ ตอ้ งอยใู่ นบงั คบั ตอ้ งเสีย ภาษมี ลู คา่ เพิม ตามมาตรา 82/3 และ มาตรา 77/1(8)(ฉ) แห่งประมวลรษั ฎากร 7. กรณีอืนตามกาํ หนดในกฎกระทรวง เช่น กรณีมสี ินคา้ คงเหลอื และหรือทรัพยส์ ินทผี ปู้ ระกอบการมี ไวใ้ นการประกอบกจิ การ ณ วนั ทไี ดร้ บั แจง้ คาํ สังถอนทะเบียนภาษมี ลู คา่ เพิม ตามมาตรา 85/10 แห่ง ประมวลรษั ฎากร หรือ ณ วนั ทไี ดร้ บั การเพกิ ถอนทะเบียนภาษมี ลู คา่ เพิม ตามมาตรา 85/17 แห่งประมวล รัษฎากร และ กฎกระทรวง ฉบบั ที 188 (พ.ศ.2534) สินคา้ หมายถงึ ทรพั ยส์ ินทมี รี ูปร่างและไมม่ รี ูปร่าง ซึงอาจมรี าคาถอื เอาไดไ้ มว่ า่ จะมไี วเ้ พอื ขาย เพอื ใช้ หรือเพอื การใดๆ และใหร้ วมถงึ สิงของทุกชนิดทนี าํ เขา้ ตามมาตรา 77/1(9) แห่งประมวลรษั ฎากร (ความหมายของสินคา้ ในระบบภาษมี ลู คา่ เพิมจะต่างกบั หลกั การบญั ชี ทีไมไ่ ดร้ วมถงึ ทรัพยส์ ินทมี ไี วเ้ พอื ใช้ หรือเพอื การใดๆ ดว้ ย) เช่น สิทธิการเชา่ ใบสมคั รงาน แบบประกวดราคา แบบสอบราคา และเครืองใช้ สาํ นกั งาน ดู ตามคาํ สงั กรมสรรพากรที ป.90/2542ฯ 9. สหกรณ์ทีจดั ตงั ขึนตามกฎหมายไทยประกอบกิจการขายสินคา้ อปุ โภคบริโภคมรี ายรบั 1,300,000.-บาท ตอ่ ปี สหกรณจ์ ะตอ้ งมหี นา้ ทีเสียภาษปี ระเภทใดบา้ ง
หนา้ 605 ก. ภาษมี ลู คา่ เพิมและภาษีเงินไดน้ ิติบุคคล ข. ภาษมี ลู คา่ เพิม ค. ภาษธี รุ กจิ เฉพาะ ง. ขอ้ ก,ข,ค เฉลย ข ถกู ตอ้ งแลว้ แตเ่ ขา้ ใจวา่ เป็นขอ้ สอบเก่าทีกาํ หนดรายรับตามโจทยไ์ วแ้ ค่ . ลา้ นบาทตอ่ ปี เพราะเดิม พรฎ. ฉบบั ที 354 พ.ศ. 2542 กําหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาด ย่อม ซึงได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพมิ ตามมาตรา 81/1 แห่งประมวลรัษฎากร จะตอ้ ง ไม่เกินหนึงลา้ นสองแสนบาทต่อปี ปัจจุบนั พรฎ.ฉบบั ที (ใชบ้ งั คบั ตงั แต่ เมษายน ) มาตรา 4 มูลคา่ ของฐานภาษีของกิจการขนาดยอ่ มตามมาตรา 81/1 แห่งประมวลรัษฎากร จะตอ้ งไม่เกินหนึงลา้ นแปดแสนบาทต่อปี การเสียภาษีของสหกรณ์ . สหกรณ์มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามพระราชบญั ญตั ิสหกรณ์ พ.ศ. 2511 ไม่เขา้ ลกั ษณะ เป็นบริษทั หรือห้างหุ้นส่วนนิตบิ คุ คลตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร จึงไมม่ หี นา้ ที ตอ้ งเสียภาษีเงินไดน้ ิติบคุ คล 2. กรณีสหกรณ์ฯ ซึงประกอบกิจการขายสินคา้ และมีรายรับถึงเกณฑฯ์ ตอ้ งจดทะเบียนฯ เป็นผปู้ ระกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคา่ เพิม เขา้ ลกั ษณะเป็นการขายสินคา้ ซึงอยูใ่ น บงั คบั ตอ้ งเสียภาษีมูลค่าเพิม ตามมาตรา 77/1 (8) และมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร สหกรณ์ฯ มหี นา้ ทีตอ้ งจดั ทาํ ใบกาํ กบั ภาษีและตอ้ งจดั ทาํ ในทนั ทีทีความรับผิดในการเสีย ภาษีมูลค่าเพิมเกิดขึนตามมาตรา 78 และมาตรา 86 แห่งประมวลรัษฎากร หากมิไดจ้ ดั ทาํ ใบกาํ กบั ภาษใี นทนั ทที ีความรับผิดในการเสียภาษมี ูลคา่ เพิมเกิดขึน ต้องรบั ผดิ เสียเบยี ปรับตามมาตรา 89 (5) แห่งประมวลรษั ฎากร และ 90/2 (3) แห่งประมวลรัษฎากร ตอ้ งระวางโทษตามมาตรา 10. ผปู้ ระกอบการจดทะเบียนขายสินคา้ จะตอ้ งเรียกเกบ็ ภาษมี ลู ค่าเพิมในอตั ราร้อยละเท่าใดจาก ผซู้ ือ
หนา้ 606 ก. รอ้ ยละ 10.0 หรือ ร้อยละ 0 กไ็ ด้ ข. ขายสินคา้ ทีตอ้ งเสียภาษมี ลู คา่ เพิมในอตั ราเทา่ ใด เรียกเกบ็ ภาษขี ายในอตั รานัน ค. รอ้ ยละ 10.0 หรือ ร้อยละ 7.0 เสมอ ง. ถกู ทงั ก. และ ข. เฉลย ข ถกู ตอ้ งแลว้ มาตรา 80 ใหใ้ ชอ้ ตั ราภาษีรอ้ ยละ 10.0 ในการคาํ นวณภาษมี ลู คา่ เพิม สาํ หรบั การประกอบกจิ การดงั ต่อไปนี ทงั นี เวน้ แต่กรณีทีกาํ หนดไวใ้ นมาตรา 80/2 (1) การขายสินคา้ (2) การใหบ้ ริการ (3) การนาํ เขา้ อตั ราภาษีตามวรรคหนึง ใหล้ ดลงไดโ้ ดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา แต่ตอ้ งกาํ หนดอตั ราภาษีใหเ้ ป็นอตั รา ภาษเี ดียวกนั สาํ หรับการขายสินคา้ การใหบ้ ริการและการนาํ เขา้ ทุกกรณี ( ดพู ระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ที 416) พ.ศ. 2546 ) ( ดูพระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ที 465) พ.ศ. 2550 ) ( ดพู ระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ที 549) พ.ศ. 2555 ) มาตรา 80/1 ใหใ้ ชอ้ ตั ราภาษรี อ้ ยละ 0 ในการคาํ นวณภาษีมลู คา่ เพิม สาํ หรับการประกอบกิจการประเภท ตา่ ง ๆ ดงั ต่อไปนี (1) การส่งออกสินคา้ ทีมใิ ช่การส่งออกสินคา้ ซึงไดร้ บั ยกเวน้ ภาษมี ลู คา่ เพิมตามมาตรา 81(3) ( ดูคาํ สงั กรมสรรพากร ที ป.97/2543 ) (2) การใหบ้ ริการทกี ระทาํ ในราชอาณาจกั ร และไดม้ กี ารใชบ้ ริการนันในต่างประเทศตามประเภท หลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงือนไขทอี ธิบดกี าํ หนด ( ดปู ระกาศอธิบดกี รมสรรพากร เกยี วกบั ภาษีมลู คา่ เพิม (ฉบบั ที 105) ) การใหบ้ ริการทกี ระทาํ ในราชอาณาจกั ร และไดม้ ีการใชบ้ ริการนนั ในตา่ งประเทศใหร้ วมถงึ การ ใหบ้ ริการทกี ระทาํ ในราชอาณาจกั ร เพอื ใชผ้ ลติ สินคา้ ในเขตปลอดอตุ สาหกรรมส่งออกเพอื ส่งออก และการ ใหบ้ ริการทกี ระทาํ ในเขตอตุ สาหกรรมส่งออก เพอื ใชผ้ ลติ สินคา้ เพอื ส่งออกดว้ ย ( พระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพิมเตมิ ประมวลรษั ฎากร (ฉบบั ที 35) พ.ศ. 2544 ) ( ดูคาํ สงั กรมสรรพากร ที ป.104/2544 ) (3) การใหบ้ ริการขนส่งระหวา่ งประเทศโดยอากาศยาน หรือเรือเดินทะเลทีกระทาํ โดยผปู้ ระกอบการที เป็ นนิติบุคคล (แกไ้ ขเพิมเติมโดยพระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพิมเตมิ (ฉบบั ที 33) พ.ศ.2541 ใชบ้ งั คบั 1 ม.ค. 2542 เป็นตน้ ไป )
หนา้ 607 (4) การขายสินคา้ หรือการใหบ้ ริการกบั กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนทอ้ งถิน หรือรฐั วสิ าหกจิ ตาม โครงการเงินกหู้ รือเงินชว่ ยเหลอื จากต่างประเทศ ทังนี เฉพาะกรณีทีเป็นไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และ เงือนไขทีอธิบดีกาํ หนดโดยอนุมตั ิรัฐมนตรี ( ดปู ระกาศอธิบดกี รมสรรพากร เกยี วกบั ภาษีมลู คา่ เพิม (ฉบบั ที 28) ) (5) การขายสินคา้ หรือ การใหบ้ ริการกบั องคก์ ารสหประชาชาติ ทบวงการชาํ นญั พเิ ศษของสหประชาชาติ สถานเอกอคั รราชทตู สถานทตู สถานกงสุลใหญ่ สถานกงสุล ทังนี เฉพาะการขายสินคา้ หรือการใหบ้ ริการที เป็นไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเงือนไขทอี ธิบดกี าํ หนด ( ดปู ระกาศอธิบดกี รมสรรพากร เกยี วกบั ภาษีมลู คา่ เพิม (ฉบบั ที 27) ) \" (6) การขายสินคา้ หรือการใหบ้ ริการระหว่างคลงั สินคา้ ทณั ฑบ์ นกบั คลงั สินคา้ ทณั ฑบ์ นหรือระหวา่ ง ผปู้ ระกอบการกบั ผปู้ ระกอบการทีประกอบกิจการทีอยใู่ นเขตปลอดอากรไมว่ า่ จะอยใู่ นเขตเดยี วกนั หรือไม่ หรือระหวา่ งคลงั สินคา้ ทณั ฑบ์ นกบั ผปู้ ระกอบการทปี ระกอบกจิ การอยใู่ นเขตปลอดอากร ทังนี เฉพาะการ ขายสินคา้ หรือการใหบ้ ริการทเี ป็นไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเงือนไขทอี ธิบดกี าํ หนด\" ( พระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพิมเตมิ ประมวลรษั ฎากร (ฉบบั ที 35) พ.ศ. 2544 ) ( ดปู ระกาศอธิบดกี รมสรรพากร เกยี วกบั ภาษีมลู คา่ เพิม (ฉบบั ที 123) ) คลงั สินคา้ ทณั ฑบ์ นตามวรรคหนึง ใหห้ มายความถงึ คลงั สินคา้ ทณั ฑบ์ นตามกฎหมายวา่ ดว้ ยศลุ กากร มาตรา 80/2 ใหใ้ ชอ้ ตั ราภาษีรอ้ ยละ 2.5 ในการคาํ นวณภาษีมลู คา่ เพิมสาํ หรับการขายสินคา้ หรือการ ใหบ้ ริการในราชอาณาจกั ร ซึงกจิ การดงั กลา่ วตอ้ งคาํ นวณเสียภาษมี ลู คา่ เพิมตามมาตรา 82/16 อตั ราภาษีตามวรรคหนึง ให้ลดลงไดโ้ ดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา แต่ตอ้ งกาํ หนดอตั ราภาษีให้เป็นอัตรา ภาษเี ดียวกนั สาํ หรับการขายสินคา้ และการใหบ้ ริการทกุ กรณี ( ดพู ระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ที 354) พ.ศ. 2542 ) ข้อสอบ วิชา ภาษีมลู ค่าเพมิ ชุดที 1. หา้ งบิกซี ซือรถยนตเ์ พอื เป็นรางวลั ใหก้ บั ลกู คา้ ในการชงิ โชค ในการมอบรถยนตใ์ หล้ กู คา้ ผู้ โชคดี หา้ งฯ จะตอ้ งเรียกเกบ็ ภาษีมลู ค่าเพิมหรือไม่
หนา้ 608 ก. ไม่เรียกเก็บ เพราะมิใช่การขายรถยนต์ ข. เรียกเกบ็ เพราะถอื เป็นการขายรถยนต์ ค. ไมเ่ รียกเกบ็ เพราะรางวลั จากการชิงโชคยกเวน้ ภาษมี ลู คา่ เพิม ง. เรียกเกบ็ เพราะถอื วา่ ผโู้ ชคดีมเี งินไดพ้ งึ ประเมนิ เฉลย ข เหตผุ ล ภาษีซอื ทีเกิดจากการซอื ของรางวลั ทแี จกรางวลั ชิงโชคใหแ้ ก่ลูกค้าถือเป็นภาษีซือ ตามมาตรา 77/1(18) แห่งประมวลรัษฎากร เขา้ ลกั ษณะเป็นภาษีทีเกียวขอ้ งโดยตรงกบั การประกอบกิจการบริษทั มีสิทธินาํ ภาษีซือดงั กล่าวมาหกั ออกจากภาษีขายในการ คาํ นวณภาษมี ลู ค่าเพิมได้ ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร เมือบริษทั แจกรางวลั ใหแ้ ก่ลูกค้าเขา้ ลกั ษณะเป็นการขายสินคา้ บริษทั มีหนา้ ทีตอ้ ง เสียภาษีมูลค่าเพิม โดยมูลค่าของฐานภาษที ีนาํ มาคาํ นวณภาษีมูลคา่ เพิมไดแ้ ก่ของรางวลั ทีบริษทั จดั หามาเพือแจกรางวลั ใหแ้ ก่ลูกค้า ทงั นี ตามมาตรา 77/1(8)(9)มาตรา 77/2 มาตรา 78(1) และ มาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร 2. ประกอบกจิ การรับเหมาก่อสร้างจะตอ้ งออกใบกาํ กบั ภาษเี มอื ใด ก. วนั ทีประกอบกิจการเสร็จ ข. วนั ทสี ่งมอบงานทีกอ่ สรา้ ง ค. วนั ทถี งึ กาํ หนดชาํ ระเงนิ ค่ากอ่ สรา้ ง ง. วนั ทีรับชาํ ระเงินค่าก่อสร้าง เฉลย ง การรับจา้ งก่อสร้างตามสญั ญาจา้ งก่อสร้างฯ เขา้ ลกั ษณะเป็นการจา้ งทาํ ของตามมาตรา 587 แห่งประมวล กฎหมายแพง่ และพาณิชย์ และถอื เป็น \"บริการ\" ตามมาตรา 77/1(10) แห่งประมวลรษั ฎากร บริษทั ฯ ใน ฐานะผใู้ หบ้ ริการมหี นา้ ทีเสียภาษี มลู คา่ เพิมตามมาตรา 77/2(1) แห่งประมวลรษั ฎากร โดยเมอื ความรับผดิ ใน การเสียภาษีมลู คา่ เพิม เมอื รับชาํ ระราคา สาํ หรับการใหบ้ ริการเกดิ ขึนตามมาตรา 78/1(1) แห่งประมวล รัษฎากร 3. บริษทั กา้ วหนา้ จาํ กดั ไดซ้ ือรถแทก๊ ซมี าเพอื ใชใ้ นการประกอบกิจการให้เช่ารถแทก๊ ซี
หนา้ 609 บริษทั ฯนาํ ภาษีซือรถแทก๊ ซีมาหกั จากภาษขี ายของบริษทั ไดห้ รือไม่ ก. ไมไ่ ด้ เพราะการใหเ้ ช่ารถแทก๊ ซียกเวน้ ภาษมี ลู ค่าเพิม ข. ไมไ่ ด้ เพราะภาษซี ือในรถยนตน์ ังนาํ มาหกั จากภาษขี ายไมไ่ ด้ ค. ได้ เพราะภาษีซือทีนาํ มาใชใ้ นกจิ การใหเ้ ช่ารถยนตน์ ัง ง. ถกู ทงั ขอ้ ก. และ ข. เฉลย ค เป็นภาษีซือทีไมต่ อ้ งหา้ มใหน้ าํ มาหกั ในการคาํ นวณภาษมี ลู คา่ เพิม ตามมาตรา 82/5(6) แห่งประมวล รษั ฎากร ประกอบกบั ขอ้ 2(1) ของประกาศอธบิ ดฯี ภาษีมลู คา่ เพิม (ฉบบั ที 42) “(1) ภาษีซือทีเกิด จากการซือ เช่าซือ เช่า หรือรับโอนรถยนต์นังและรถยนต์โดยสารทีมีทีนังไมเ่ กนิ 10 คน ตาม กฎหมายวา่ ดว้ ยพกิ ดั อตั ราภาษสี รรพสามติ และภาษีซือทีเกดิ จากการซือสินคา้ หรือการรบั บริการที เกียวขอ้ งกบั รถยนตน์ ังและรถยนตโ์ ดยสารทีมีทีนังไมเ่ กนิ 10 คน ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยพกิ ดั อตั รา ภาษสี รรพสามติ ” (แกไ้ ขเพิมเตมิ โดยประกาศอธิบดกี รมสรรพากร เกยี วกบั ภาษีมลู คา่ เพิม (ฉบบั ที 71) ใชบ้ งั คบั 4 กรกฎาคม 2539 เป็นตน้ ไป) “ความในวรรคหนึงมิให้ใชบ้ งั คบั สาํ หรับการขายรถยนต์นังและรถยนตโ์ ดยสารทีมีทีนัง ไมเ่ กนิ 10 คน ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยพกิ ดั อตั ราภาษสี รรพสามติ และการใหบ้ ริการเชา่ รถยนตด์ งั กลา่ ว ของตนเองโดยตรง และการใหบ้ ริการรบั ประกนั วนิ าศภยั สาํ หรับรถยนตด์ งั กลา่ ว” (แกไ้ ขเพิมเตมิ โดยประกาศอธิบดกี รมสรรพากร เกยี วกบั ภาษีมลู คา่ เพิม (ฉบบั ที 88) ใชบ้ งั คบั 1 มกราคม 2542 เป็นตน้ ไป) บริษทั มสี ิทธินาํ ภาษซี ือมาหกั ออกจากภาษีขายในการคาํ นวณภาษีมูลค่าเพิม ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวล รษั ฎากร (กค 0706/3103 ลงวนั ที 29 มนี าคม 2547) 4. บริษทั รกั ไทย จาํ กดั ใหบ้ ริษทั เพอื คณุ จาํ กดั เชา่ พืนทเี พอื ขายสินคา้ ค่าเช่าเดอื นละ
หนา้ 610 50,000 บาท บริษทั รกั ไทย จาํ กดั จะตอ้ งเรียกเกบ็ ภาษีมลู คา่ เพิมหรือไม่ ก. เรียกเกบ็ เพราะเป็นการขายสินคา้ ข. เรียกเก็บ เพราะเป็นการใหบ้ ริการ มรี ายไดเ้ กนิ 1,200,000 บาท/ปี ค. ไมต่ อ้ งเรียกเก็บ เพราะรายไดไ้ มเ่ กนิ 1,200,000 บาท/ปี ง. ไมต่ อ้ งเรียกเกบ็ เพราะยกเวน้ ภาษมี ลู ค่าเพิม เฉลย ค เทียบเคียงขอ้ หารือที กค 0706/866 กรณีบริษทั ฯ นาํ พืนทีในชนั หนึงของศนู ยก์ ารคา้ ออกใหเ้ ช่า โดยแบง่ พืนทีเป็นส่วนๆ (Zone) แต่ละส่วน (Zone) ไดม้ กี ารจดั แบง่ พืนทียอ่ ยโดยมีผนงั กนั หอ้ ง สาํ เร็จรูป (Partition) กนั เป็นสัดส่วน ไมม่ ปี ระตเู ปิ ด-ปิ ดและไมม่ กี ารส่งมอบการครอบครองพืนที ให้แก่ผเู้ ช่าโดยเด็ดขาดผเู้ ช่าจะตอ้ งประกอบกิจการตามกาํ หนดวนั และเวลาเปิ ด-ปิ ดทาํ การของ บริษทั ฯ โดยบริษทั ฯ ยงั คงเป็นผคู้ วบคุมดูแล อาคารตลอดจนอาํ นวยความสะดวกให้กบั ผเู้ ช่า กรณี ดงั กลา่ ว ถอื เป็นการใหบ้ ุคคลอนื ใชพ้ ืนที อสงั หาริมทรพั ยภ์ ายในหา้ งสรรพสินคา้ ชัวระยะเวลาอนั จาํ กดั โดยบริษทั ฯ ไมไ่ ดส้ ่งมอบการครอบครอง พืนทอี สงั หาริมทรพั ยใ์ หแ้ ก่ผใู้ ชพ้ ืนที เขา้ ลกั ษณะ เป็นการใหบ้ ริการตามมาตรา 77/1(10) แห่งประมวลรษั ฎากร บริษทั ฯ ตอ้ งนาํ คา่ บริการทไี ดร้ บั ไป รวมคาํ นวณเพอื เสียภาษีมลู คา่ เพิม ตามมาตรา77/2(1) และมาตรา 82/3 แห่งประมวลรษั ฎากร โดย ความรับผดิ ในการเสียภาษีมลู คา่ เพิมเกดิ ขึนตาม มาตรา 78/1 แห่งประมวลรษั ฎากร ทงั นี ไมว่ ่าจะ เรียกเกบ็ ค่าบริการโดยคิดเป็นอตั ราร้อยละของ รายได้ หรือ เรียกเกบ็ ในลกั ษณะเป็นคา่ เช่าพนื ที หรือในลกั ษณะอืนทาํ นองเดียวกนั ตามขอ้ 12 วรรคสอง ของคาํ สังกรมสรรพากร ที ป.90/2542 เรือง การเสียภาษีมลู คา่ เพิม และการหกั ภาษเี งนิ ได้ ณ ทจี ่าย สาํ หรับการใหบ้ ริการเชา่ อสงั หาริมทรัพยต์ ามมาตรา 81(1)(ต) การโอนสิทธิ การเชา่ อสงั หาริมทรัพยต์ ามมาตรา 77/1(8) และ (9) และการใหบ้ ริการตามมาตรา 77/1(10)แห่งประมวลรษั ฎากร ลงวนั ที 29 ตลุ าคม พ.ศ. 2542
หน้า 611 ข้อสอบ วชิ า อากรแสตมป์ ชุดที 1. พนกั งานเจา้ หนา้ ทีและนายตรวจอากรแสตมป์ ไดแ้ ก่ ก. ขา้ ราชการพลเรือนสามญั ตงั แต่ระดบั 1 ขึนไป ข. ขา้ ราชการพลเรือนสามญั ตงั แต่ระดบั 2 ขึนไป ค. ขา้ ราชการพลเรือนสามญั ตงั แต่ระดบั 3 ขึนไป ง. ขา้ ราชการพลเรือนสามญั ตงั แต่ระดบั 5 ขึนไป เฉลย ก ถกู ตอ้ ง ตามมาตรา 103 แห่งประมวลรษั ฎากร \"พนกั งานเจา้ หนา้ ที\" หมายความวา่ เจา้ พนกั งานซึงรฐั มนตรีแต่งตงั (( ดดููปปรระะกกาาศศกกรระะททรรววงงกกาารรคคลลงงัั 11) ) วา่ ดว้ ยการแต่งตงั เจา้ พนกั งาน (ฉบบั ที 39) ) วา่ ดว้ ยการแต่งตงั เจา้ พนกั งาน (ฉบบั ที \"นายตรวจ\" หมายความวา่ เจา้ พนกั งานซึงรฐั มนตรีแต่งตงั (( ดพูประรระากชาบศกญั รญะตทั ิแรกวไง้ กขาเพรคิมลเตงั ิมวพา่ ด.ศว้ .ย2กา4รแ8ต2่งต ใงั ชเจบ้ า้ งัพคนบั กั 6งา นพ.(ยฉ.บ2บั 4ท8ี 329 เ)ป ็น) ตน้ ไป ) ( ดูประกาศกระทรวงการคลงั ว่าดว้ ยการแตง่ ตงั เจา้ พนกั งาน (ฉบบั ที 39) ) ข้อ 3 ให้ขา้ ราชการพลเรือนสามญั ดงั ต่อไปนีเป็นพนกั งานเจา้ หนา้ ทีอากรแสตมป์ นายตรวจอากรแสตมป์ ตามความในมาตรา 103 แห่งประมวล รัษฎากร (1) สงั กดั กรมสรรพากร นอกจากทรี ะบุใน (2) (3) และ (4) ในเขตทอ้ งทีทวั ราชอาณาจกั ร (2) สงั กดั สาํ นกั งานสรรพากรภาค ในเขตทอ้ งทีสาํ นกั งานสรรพากรภาคนนั (3) สงั กดั สาํ นกั งานสรรพากรพืนที ในเขตทอ้ งทีสาํ นกั งานสรรพากรพืนทีนนั (4) สงั กดั สาํ นกั งานสรรพากรพืนทีสาขา ในเขตทอ้ งทีสาํ นกั งานสรรพากรพนื ทีสาขานนั ข้อ 5 เจา้ พนกั งานประเมนิ ตามขอ้ 2 พนกั งานเจา้ หนา้ ทีอากรแสตมป์ นายตรวจอากรแสตมป์ ตามขอ้ 3 และเจา้ พนกั งานรบั แบบแสดงรายการ ตาม ขอ้ 4 ให้หมายความรวมถึง ขา้ ราชการพลเรือนสามญั ทีดาํ รงตาํ แหน่งตาํ กวา่ ทีกาํ หนดในขอ้ 2 และลูกจา้ งประจาํ หรือลูกจา้ งชวั คราวสงั กดั กรมสรรพากร ซึงหวั หนา้ ส่วนราชการสงั กดั กรมสรรพากรมอบหมายให้ปฏิบตั ิงานในหนา้ ทีหรือตาํ แหน่งดงั กล่าวดว้ ย เพอื ประโยชนใ์ นการตรวจสอบภาษอี ากร ในกรณีทีอธิบดีกรมสรรพากรสงั ให้เจา้ พนกั งานประเมิน พนกั งานเจา้ หนา้ ทีอากรแสตมป์ นายตรวจอากรแสตมป์ และเจา้ พนกั งานรบั แบบแสดงรายการตามขอ้ 2 ขอ้ 3 และขอ้ 4 ไปช่วยราชการหรือไปปฏิบตั ิราชการในทอ้ งทีใด ทอ้ งทหี นึง ให้เจา้ พนกั งานดงั กล่าวมีอาํ นาจตามทีกาํ หนดไวใ้ นขอ้ 2 ขอ้ 3 และขอ้ 4 ในทอ้ งทีทีไปช่วยราชการหรือไปปฏิบตั ิราชการนนั ดว้ ย ( ดูประกาศกระทรวงการคลงั วา่ ดว้ ยการแต่งตงั เจา้ พนกั งาน (ฉบบั ที 62) ) ขอ้ ๑ ใหน้ ายทะเบียนผรู้ ับจดทะเบียนหา้ งหุน้ ส่วน บริษทั จาํ กดั บริษทั มหาชนจาํ กดั สมาคมการคา้ และหอการคา้ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ กฎหมายว่าดว้ ยบริษทั มหาชนจาํ กดั กฎหมายว่าดว้ ยสมาคมการคา้ และ กฎหมายว่าดว้ ยหอการคา้ เป็นพนกั งานเจา้ หนา้ ทอี ากรแสตมป์ ตามมาตรา ๑๐๓ แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะ กรณีการจดทะเบยี นหา้ งหุน้ ส่วน บริษทั จาํ กดั บริษทั มหาชนจาํ กดั สมาคมการคา้ และหอการคา้ และการรับคาํ ขอรับหรือแกไ้ ขขอ้ มูลชือผูใ้ ช้ (Username) และรหสั ผ่าน (Password) และยืนยนั ตวั ตนของผใู้ ชบ้ ริการสาํ หรับการ ใชง้ านระบบ จดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ขอ้ ๒ ประกาศนีใหใ้ ชบ้ งั คบั ตงั แตว่ นั ที ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นตน้ ไป
หน้า 612 2. ใบรับทีตอ้ งปิ ดแสตมป์ บริบรู ณม์ ี 3 ประเภท คอื ก. ใบรับเงินรางวลั สลากกินแบ่งรัฐบาล,ใบรับเงินค่า ภาษมี ลู คา่ เพิม,ใบรับเงินค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ ข. ใบรับการโอนอสงั หาริมทรพั ย,์ ใบรับเงินค่าภาษี มลู คา่ เพิม, ใบรับเงินค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ ค. ใบรับเงินรางวลั สลากกนิ แบง่ รฐั บาล,ใบรบั การโอน อสงั หาริมทรพั ย,์ ใบรับการโอนกรรมสิทธิยานพาหนะ ทีตอ้ งจดทะเบียน ง. ใบรับการโอนกรรมสิทธิยานพาหนะทีตอ้ งจดทะเบียน, ใบรับการโอนอสงั หาริมทรพั ย,์ ใบรับ-เงินค่าภาษี ธุรกจิ เฉพาะ เฉลย ค บัญชีอากรแสตมป์ ลกั ษณะตราสารที “ 28. ใบรบั เฉพาะตามทีระบตุ ่อไปนี (ก) ใบรับรางวลั สลากกินแบ่งของรฐั บาล (ข) ใบรับสาํ หรับการโอนหรือก่อตงั สิทธิใด ๆ เกียวกบั อสงั หาริมทรพั ย์ ในเมอื นิตกิ รรมทีเป็น เหตใุ หอ้ อกใบรับนนั มีการจดทะเบียนตามกฎหมาย (ดปู ระกาศอธิบดี เกยี วกบั อากรแสตมป์ (ฉบบั ที 21)) (ดูคาํ วินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉยั ภาษีอากรที 27/2537) (ค) ใบรับสาํ หรบั การขาย ขายฝาก ใหเ้ ช่าซือ หรือโอนกรรมสิทธิยานพาหนะ ทงั นีเฉพาะ ยานพาหนะซึงมกี ารจดทะเบียนตามกฎหมายวา่ ดว้ ยยานพาหนะนัน ๆ ถา้ ใบรับตาม (ก)(ข) หรือ (ค) มจี าํ นวนเงินตงั แต่ 200 บาท ขึนไปทกุ 200 บาทหรือเศษของ 200 บาท (พระราชกาํ หนดแกไ้ ขเพิมเตมิ ประมวลรัษฎากร (ฉบบั ที 10) พ.ศ.2525 ใชบ้ งั คบั 27 ก.พ. 2525 เป็นตน้ ไป) 3. การขอคนื เงินอากรตอ้ งยนื คาํ รอ้ งตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ที ภายในเวลาเท่าใด ก. 3 เดอื น ข. 6 เดอื น ค. 1 ปี ง. 3 ปี เฉลย ข ตามมาตรา 122 แห่งประมวลรษั ฎากร
หนา้ 613 4. “ใบรับ” กรณีใดทีตอ้ งเสียอากรแสตมป์ ก. ใบรับสาํ หรบั การจดทะเบยี นสิทธิและนิติกรรมเกียวกบั ทีดิน ข. ใบรับกรณีชาํ ระเงนิ ค่าอาหาร ค. ใบรับกรณีการรับเงินค่าจา้ ง ง. ใบรับกรณีการซือขายสินคา้ เฉลย ก บัญชีอากรแสตมป์ ลกั ษณะตราสารที 28. ใบรับ เฉพาะตามทีระบตุ ่อไปนี (ก) ใบรับรางวลั สลากกินแบ่งของรฐั บาล (ข) ใบรับสาํ หรับการโอนหรือก่อตงั สิทธิใด ๆ เกยี วกบั อสงั หาริมทรพั ย์ ในเมือนิติกรรม ทีเป็นเหตุใหอ้ อกใบรับนันมกี ารจดทะเบียนตามกฎหมาย (ดปู ระกาศอธิบดี เกยี วกบั อากรแสตมป์ (ฉบบั ที 21)) (ดูคาํ วินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉยั ภาษีอากรที 27/2537) (ค) ใบรับสาํ หรับการขาย ขายฝาก ใหเ้ ช่าซือ หรือโอนกรรมสิทธิยานพาหนะ ทงั นี เฉพาะยางพาหนะซึงมกี ารจดทะเบียนตามกฎหมายวา่ ดว้ ยยานพาหนะนัน ๆ ถา้ ใบรับตาม (ก)(ข) หรือ (ค) มจี าํ นวนเงินตงั แต่ 200 บาท ขึนไปทกุ 200 บาทหรือเศษ ของ 200 บาท (พระราชกาํ หนดแกไ้ ขเพิมเติมประมวลรษั ฎากร (ฉบบั ที 10) พ.ศ.2525 ใชบ้ งั คบั 27 ก.พ.2525 เป็นตน้ ไป) 5. ตราสารเงินกยู้ ืม ตอ้ งเสียอากรแสตมป์ หรือไม่ ก. ไมต่ อ้ งเสีย ข. ตอ้ งเสีย ค. ตอ้ งเสีย แตเ่ มอื คาํ นวณคา่ อากรแลว้ ถา้ เกนิ 10,000 บาทใหเ้ สีย 10,000 บาท ง. ตอ้ งเสีย แตเ่ มอื คาํ นวณคา่ อากรแลว้ ถา้ เกนิ 20,000 บาทใหเ้ สีย 20,000 บาท เดมิ เฉลย ง ทถี กู ตอบ ค บัญชีอัตราอากรแสตมป์ ลกั ษณะแห่งตราสาร 5. ก้ยู มื เงนิ หรือการตกลงให้เบิกเงินเกนิ บญั ชีจาก ธนาคาร ทุกจาํ นวนเงิน 2,000 บาท หรือเศษของเงิน 2,000 บาท ละ 1 บาท แห่งยอดเงินทีกยู้ มื หรือ ตกลงใหเ้ บิกเกินบญั ชี คา่ อากรตามลกั ษณะแห่งตราสารนี เมอื คาํ นวณแลว้ ถา้ เกนิ 10,000 บาท ให้ เสีย 10,000 บาท ------------------------------------------------------
หนา้ 614 ข้อสอบ วชิ า อากรแสตมป์ ชุดที 1. ตราสารใดทีไม่ตอ้ งเสียอากรแสตมป์ ก. สัญญาจะซือจะขาย ข. สญั ญาใหเ้ ช่าซือ ค. สญั ญาใหเ้ ช่าบา้ น ง. สญั ญาใหก้ ยู้ มื เงิน เฉลย ก ตามบญั ชีอากรแสตมป์ ลกั ษณะตราสารที 1 เช่าทีดนิ โรงเรือน สิงปลกู สรา้ ง, 3 เช่าซือทรัพยส์ ิน และ 5 กยู้ มื เงิน 2. ตราสารใดทีตอ้ งเสียอากร ก. เชค็ ข. สญั ญาจาํ นาํ ค. สัญญาคาํ ประกนั ง. ถกู ทงั ก. ข. และ ค. เดมิ เฉลย ค ทถี ูกตอบ ง บัญชีอากรแสตมป์ ลกั ษณะตราสารที 12 เชค็ , 17 คาํ ประกนั และ 18 จํานํา 3. กรณีใดไม่ถือว่ามกี ารเสียอากรแสตมป์ โดยการปิดแสตมป์ สมบูรณ์ ก. ใชแ้ สตมป์ ปิ ดทบั ตราสาร ข. ใชแ้ สตมป์ ดนุ ค. นาํ แสตมป์ ทีใชแ้ ลว้ มาปิ ดทบั เอกสาร ง. ถกู ทงั ก. และ ข. เฉลย ค ตามมาตรา 103 แห่งประมวลรษั ฎากร 4. คาํ วา่ “ปิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์” จะตอ้ งดาํ เนินการอยา่ งไร ก. ใชก้ ารปิ ดแสตมป์ ทบั กระดาษ ก่อนกระทาํ หรือในทนั ทที ที าํ ตราสารเป็นราคาไมน่ อ้ ยกวา่ อากรทตี อ้ งเสีย และไดข้ ดี ฆา่ แสตมป์ นันแลว้ ข. นาํ ตราสารไปยนื ต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ทีประทบั แสตมป์ ดนุ และชาํ ระเงินเป็นจาํ นวนไมน่ อ้ ย กวา่ อากรทีตอ้ งเสียและไดข้ ดี ฆา่ แลว้ ค. นาํ ตราสารไปยนื ตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทีพรอ้ มกบั คาํ รอ้ งขอชาํ ระอากรแสตมป์ เป็นตวั เงนิ พนกั งานเจา้ หนา้ ทีจะสลกั หลงั ตราสารตามแบบ อ.ส.5 และชาํ ระเงินเป็นจาํ นวนไมน่ อ้ ย กวา่ อากรทตี อ้ งเสีย ง. ถกู ทุกขอ้ มาตรา 103 แห่งประมวลรัษฎากร \"ปิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์\" หมายความวา่ (1) ในกรณีแสตมป์ ปิ ดทบั คือการไดเ้ สียอากรโดยปิ ดแสตมป์ ทบั กระดาษ ก่อน
หน้า 615 กระทาํ หรือในทนั ทีทีทาํ ตราสารเป็นราคาไม่นอ้ ยกวา่ อากรทีตอ้ งเสีย และไดข้ ีดฆา่ แสตมป์ นนั แลว้ หรือ (2) ในกรณีแสตมป์ ดุน คือการไดเ้ สียอากรโดยใชก้ ระดาษมีแสตมป์ ดนุ เป็นราคาไม่ น้อยกว่าอากรทตี อ้ งเสียและขีดฆ่าแลว้ หรือโดยยืนตราสารให้พนกั งานเจ้าหนา้ ที ประทบั แสตมป์ ดนุ และชาํ ระเงินเป็นจาํ นวนไมน่ อ้ ยกวา่ อากรทีตอ้ งเสียและขดี ฆา่ แลว้ หรือ (3) ในกรณีชาํ ระเป็นตวั เงิน คือการไดเ้ สียอากรเป็นตวั เงิน เป็นราคาไมน่ อ้ ยกว่าอากรที ตอ้ งเสียตามบทบญั ญตั ิในหมวดนี หรือตามระเบียบซึงอธิบดีจะไดก้ าํ หนด โดยอนุมตั ิ รัฐมนตรี การปิ ดแสตมป์ บริบูรณ์ตามทีกาํ หนด ใน (1) และ (2) ดงั กล่าวขา้ งตน้ นนั ให้อธิบดีมี อาํ นาจสงั ให้ปฏิบตั ิตามทีกาํ หนดใน (3) แทนได้ 5. ตราสารจะตอ้ งปิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์เมอื ใด ก. ตราสารทีตอ้ งเสียอากรไดท้ าํ ขึนนอกเขตสยามใหผ้ ทู้ รงตราสารคนแรกในสยามเสีย อากรโดยปิดแสตมป์ ครบจาํ นวนและขีดฆ่าภายใน 30 วนั ข. ตราสารทีตอ้ งเสียอากรไดท้ าํ ขึนในสยามตอ้ งขอเสียอากรภายใน 15 วนั ค. พนกั งานเจา้ หนา้ ทีอากรแสตมป์ ตรวจพบจะตอ้ งเรียกเกบ็ เงนิ อากรจนครบ และเรียก เกบ็ เงินเพิมอากรอกี เป็นจาํ นวน 6 เท่าของเงินอากร หรือเป็นเงนิ 25 บาท แลว้ แต่ อยา่ งใดจะมากกวา่ ง. ขอ้ ก. และขอ้ ข. ถกู เฉลย ง มาตรา 111 ถา้ ตราสารทีตอ้ งเสียอากรไดท้ าํ ขึนนอกสยามใหเ้ ป็นหนา้ ที ของผทู้ รงตราสารคนแรก ในสยามตอ้ งเสียอากร โดยปิ ดแสตมป์ ครบจาํ นวนอากรและขีดฆา่ ภายใน 30 วนั นบั แตว่ นั ทไี ดร้ บั ตราสารนัน ถา้ ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามนีให้ถือว่าเป็นตราสารทีมิไดป้ ิดแสตมป์ บริบูรณ์ มาตรา 113 ตราสารใดมไิ ดป้ ิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์ ผมู้ หี นา้ ทีเสียอากรหรือผทู้ รงตราสารหรือผถู้ อื เอา ประโยชน์ชอบทีจะยนื ตราสารนันตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทีเพอื ขอเสียอากรได้ เมอื พนกั งานเจา้ หนา้ ที ไดร้ บั ตราสารแลว้ ใหอ้ นุมตั ใิ หเ้ สียอากรภายในบงั คบั แห่งบทบญั ญตั ติ อ่ ไปนี 1. ถา้ ตราสารทมี ไิ ดป้ ิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์นันเป็นตราสารทีกระทาํ ขึนในประเทศไทย เมอื ผขู้ อเสีย อากรไดย้ ืนตราสารนนั ต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ทีเพอื เสียอากรภายใน 15 วนั นบั แต่วนั ตอ้ งปิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์ กใ็ หอ้ นุมตั ใิ หเ้ สียเพยี งอากรตามอตั ราในบญั ชีทา้ ยหมวดนี
หนา้ 616 ข้อสอบ วชิ า อากรแสตมป์ ชุดที 1. ถา้ ปรากฎตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทวี า่ ตราสารมไิ ดป้ ิดแสตมป์ บริบรู ณเ์ ป็นเวลาพน้ กาํ หนด 90 วนั นบั แต่วนั ตอ้ งปิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์แลว้ ใหเ้ รียกเกบ็ เงินเพิมอากรเป็น 5 เท่าของจาํ นวนอากร ทา่ น เขา้ ใจวา่ จะตอ้ งดาํ เนินการอยา่ งไร จงึ จะถกู ตอ้ ง ก. ปิ ดแสตมป์ เท่ากบั ตราสารทีตอ้ งเสีย และปิ ดแสตมป์ เพิมขึนอกี 5 เท่าของจาํ นวน ที ตอ้ งเสียนนั ข. ประทบั แสตมป์ ดนุ เทา่ กบั ตราสารทีตอ้ งเสีย และประทบั แสตมป์ ดนุ เพิมขึนอกี 5 เท่าของ จาํ นวนทตี อ้ งเสียนัน ค. นาํ ตราสารบางส่วนเขา้ เครืองออกใบเสร็จรบั เงนิ เทา่ กบั ตราสารทีตอ้ งเสีย รวมทังเงนิ เพิม อากรอกี 5 เท่า ง. ใหเ้ สียอากรโดยชาํ ระเป็นตวั เงนิ ต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ทีเป็นจาํ นองเทา่ กบั อากรทตี อ้ งเสีย และเงนิ เพิมอากรอกี 5 เท่า เมอื ไดร้ บั ชาํ ระเงนิ แลว้ ใหอ้ อกใบรับเงินและสลกั หลงั ตราสาร ตามแบบ อ.ส.5 เฉลย ง มาตรา 113 ตราสารใดมไิ ดป้ ิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์ ผมู้ หี นา้ ทีเสียอากรหรือผทู้ รงตราสารหรือผถู้ อื เอา ประโยชน์ชอบทีจะยนื ตราสารนันตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทีเพอื ขอเสียอากรได้ เมอื พนกั งานเจา้ หนา้ ที ไดร้ บั ตราสารแลว้ ใหอ้ นุมตั ใิ หเ้ สียอากรภายในบงั คบั แห่งบทบญั ญตั ติ อ่ ไปนี 1. ถา้ ตราสารทมี ไิ ดป้ ิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์นันเป็นตราสารทีกระทาํ ขึนในประเทศไทย เมอื ผขู้ อเสีย อากรไดย้ ืนตราสารนนั ต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ทีเพอื เสียอากรภายใน 15 วนั นบั แต่วนั ตอ้ งปิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์ กใ็ หอ้ นุมตั ใิ หเ้ สียเพยี งอากรตามอตั ราในบญั ชีทา้ ยหมวดนี ( พระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพิมเตมิ (ฉบบั ที 5) พ.ศ. 2489 ใชบ้ งั คบั 31 ธ.ค. 2489 เป็นตน้ ไป ) 2. ถา้ กรณีเป็นอยา่ งอนื กใ็ หอ้ นุมตั ใิ หเ้ สียอากรและใหเ้ รียกเกบ็ เงินเพิมอากร ดงั ตอ่ ไปนีอีกดว้ ย (ก) ถา้ ปรากฏตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทวี า่ ตราสารมไิ ดป้ ิดแสตมป์ บริบรู ณเ์ ป็นเวลาไมพ่ น้ กาํ หนด 90 วนั นบั แต่วนั ตอ้ งปิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์ใหเ้ รียกเกบ็ เงินเพิมอากรเป็น 2 เท่าจาํ นวนอากร หรือเป็น เงิน 4 บาท แลว้ แตอ่ ยา่ งใดจะมากกว่า (ข) ถา้ ปรากฏตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทวี า่ ตราสารมไิ ดป้ ิดแสตมป์ บริบรู ณ์ เป็นเวลาพน้ กาํ หนด 90 วนั นบั แตว่ นั ตอ้ งปิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์แลว้ ใหเ้ รียกเกบ็ เงินเพิมอากรเป็น 5 เทา่ จาํ นวนอากร หรือ เป็นเงนิ 10 บาท แลว้ แตอ่ ยา่ งใดจะมากกว่า มาตรา 116 วธิ เี สียเงนิ อากรและเงนิ เพิมอากรดงั บญั ญตั ิไวใ้ นมาตรา 113 หรือมาตรา 114 ใหเ้ สียโดย วธิ ชี าํ ระเป็นตวั เงนิ ตอ่ พนกั งานเจา้ หน้าที เมอื ไดร้ บั ชาํ ระเงนิ แลว้ ใหพ้ นกั งานเจา้ หนา้ ทีออกใบรับ
หนา้ 617 เงินและสลกั หลงั ตราสาร หรือทาํ หลกั ฐานขึนในกรณีไม่มตี ราสาร ทงั นี เพอื แสดงการรบั เงนิ อากร และเงนิ เพิมอากรถา้ มี ตลอดทงั ชือและตาํ บลทีอยขู่ องผเู้ สียเงิน แลว้ ลงชือพนกั งานเจา้ หนา้ ทีและวนั เดือนปี ไวเ้ ป็นสาํ คญั 2. การปิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์ ตอ่ ไปนีขอ้ ใดถกู ก. บริษทั เอ จา้ ง บริษทั บี กอ่ สรา้ งอาคาร 20 ชนั สัญญาใชป้ ิ ดแสตมป์ ทบั กระดาษ ข. สาํ นกั งานเขตพญาไท จา้ งบริษทั ก. ทาํ ถนนคอนกรีตมลู คา่ 50 ลา้ นบาท ค. สาํ นกั งานสรรพากรพืนทสี าขาแห่งหนึง เช่าอาคารสาํ นกั งาน สญั ญาใชป้ ิ ดแสตมป์ ทบั กระดาษ ง. ธนาคารกรุงเทพ จาํ กดั (มหาชน) เช่าซือรถเก๋งประจาํ ตาํ แหน่ง สญั ญาใชป้ ิ ดแสตมป์ ทบั กระดาษ ไมส่ ามารถเฉลยได้ ขอ้ สอบไมช่ ดั เจน ถา้ ตอ้ งตอบ น่าจะตอบ ง ก) สญั ญาจา้ งทาํ ของปิ ดแสตมป์ ทบั กระดาษ กาํ หนดวธิ กี ารชาํ ระอากรเป็นตวั เงนิ “(๓) จา้ งทาํ ของ ตามลกั ษณะแห่งตราสาร ๔. แห่งบญั ชีอตั ราอากรแสตมป์ ดงั ต่อไปนี (ก) มสี ินจา้ งตงั แต่ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาทขนึ ไป ข) หน่วยงานรัฐจา้ งทาํ ของ มลู คา่ 50 ลา้ นบาท (ไมบ่ อกวธิ ีชาํ ระอากรแสตมป์ ) กาํ หนดวธิ กี ารชาํ ระ อากรเป็นตวั เงนิ “(๓) จา้ งทาํ ของ ตามลกั ษณะแห่งตราสาร ๔. แห่งบญั ชอี ตั ราอากรแสตมป์ ดงั ต่อไปนี (ก) มสี ินจา้ งตงั แต่ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาทขนึ ไป หรือ (ข) รฐั บาล องคก์ ารของรฐั บาล เทศบาล สุขาภบิ าล หรือองคก์ ารบริหาร ราชการส่วนทอ้ งถินเป็นผวู้ า่ จา้ งและมสี ินจา้ งตงั แต่ ๒๐๐,๐๐๐ บาทขึนไป” ค) หน่วยงานของรฐั เช่าโรงเรือนสิงปลกู สรา้ งปิดแสตมป์ ทบั กระดาษ “(ก) กรณีเช่าทีดิน โรงเรือน สิงปลกู สร้างอยา่ งอนื หรือแพ ตามลกั ษณะแห่งตราสาร ๑. แห่งบญั ชอี ตั ราอากรแสตมป์ มคี า่ เชา่ ตงั แต่ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาทขนึ ไป หรือรัฐบาล องคก์ ารของรฐั บาล เทศบาล สุขาภบิ าล หรือองคก์ าร บริหารราชการส่วนทอ้ งถินเป็นผเู้ ช่า ใหผ้ ใู้ หเ้ ช่าชาํ ระอากรเป็นตวั เงนิ ง) ธนาคารเชา่ ซือรถเก๋ง ปิ ดแสตมป์ ทบั กระดาษ กาํ หนดวธิ กี ารชาํ ระอากรเป็นตวั เงิน“(๒) เช่าซือ ทรพั ยส์ ิน ตามลกั ษณะแห่งตราสาร ๓ แห่งบญั ชีอตั ราอากรแสตมป์ เฉพาะทนี ิตบิ คุ คลหรือสถาบนั การเงนิ หรือผปู้ ระกอบธุรกจิ สินเชอื ส่วนบคุ คลภายใตก้ ารกาํ กบั เป็นผใู้ หเ้ ช่าซือทรัพยส์ ินนนั 3. อากรแสตมป์ ปัจจบุ นั มขี นาดกวา้ ง ยาว เทา่ ใด ก. กวา้ ง 1.5 ซ.ม. ยาว 2.1 ซ.ม. ข. กวา้ ง 2 ซ.ม. ยาว 2 ซ.ม.
หนา้ 618 ค. กวา้ ง 2 ซ.ม. ยาว 3 ซ.ม. ง. กวา้ ง 3 ซ.ม. ยาว 3 ซ.ม. เฉลย ค ตามกฎกระทรวงฉบบั ที 79 4. อากรแสตมป์ จดั เกบ็ จากการใด ก. การทาํ ตราสาร ข. การมเี งนิ ได้ ค. การโอนทรัพยส์ ิน ง. การใหบ้ ริการ เฉลย ก 5. ตราสารทีตอ้ งเสียอากรแสตมป์ คือ ก. เชค็ ข. สญั ญาเช่าซือทรัพยส์ ิน ค. สญั ญากยู้ มื ตงั แต่ 50 บาทขึนไป ง. ถกู ทกุ ขอ้ เฉลย ง ตามบญั ชีอากรแสตมป์ ลกั ษณะแห่งตราสารที 3 เช่าซือทรัพยส์ ิน, 5 กยู้ มื เงนิ และ 12 เชค็ -----------------------------------
หนา้ 619 ข้อสอบ วชิ า อากรแสตมป์ ชุดที 1. วธิ กี ารเสียอากรในขอ้ ใดไมถ่ กู ตอ้ ง ก. ใชแ้ สตมป์ ปิ ดทบั โดยปิ ดแสตมป์ ไมน่ อ้ ยกวา่ อากรทีตอ้ งเสียแลว้ ขดี ฆา่ อากรหรือไมก่ ไ็ ด้ ข. วิธีแสตมป์ ดุนโดยใชก้ ระดาษมีแสตมป์ ดุนเป็นราคาไมน่ อ้ ยกว่าอากรทีตอ้ งเสีย ค. ชาํ ระเป็นตวั เงนิ เป็นจาํ นวนไมน่ อ้ ยกวา่ อากรทีตอ้ งเสีย ง. ใชแ้ สตมป์ ปิ ดทบั โดยปิ ดแสตมป์ ไมน่ อ้ ยกวา่ อากรทตี อ้ งเสียแลว้ ขดี ฆา่ อากร เฉลย ก มาตรา 103 แห่งประมวลรษั ฎากร \"ปิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์\" หมายความวา่ (1) ในกรณีแสตมป์ ปิ ดทบั คือการไดเ้ สียอากรโดยปิดแสตมป์ ทบั กระดาษ ก่อนกระทาํ หรือ ในทนั ทที ที าํ ตราสารเป็นราคาไมน่ อ้ ยกวา่ อากรทตี อ้ งเสีย และไดข้ ดี ฆา่ แสตมป์ นันแลว้ หรือ (2) ในกรณีแสตมป์ ดนุ คือการไดเ้ สียอากรโดยใชก้ ระดาษมแี สตมป์ ดนุ เป็นราคาไมน่ อ้ ยกวา่ อากร ทีตอ้ งเสียและขีดฆา่ แลว้ หรือโดยยนื ตราสารใหพ้ นกั งานเจา้ หนา้ ทีประทบั แสตมป์ ดนุ และชาํ ระเงิน เป็นจาํ นวนไมน่ อ้ ยกวา่ อากรทตี อ้ งเสียและขีดฆา่ แลว้ หรือ (3) ในกรณีชาํ ระเป็นตวั เงนิ คือการไดเ้ สียอากรเป็นตวั เงนิ เป็นราคาไมน่ อ้ ยกวา่ อากรทตี อ้ งเสียตาม บทบญั ญตั ใิ นหมวดนี หรือตามระเบียบซึงอธิบดจี ะไดก้ าํ หนด โดยอนุมตั ริ ฐั มนตรี การปิ ดแสตมป์ บริบูรณ์ตามทีกาํ หนด ใน (1) และ (2) ดงั กลา่ วขา้ งตน้ นัน ให้อธิบดีมีอาํ นาจสังให้ ปฏบิ ตั ิตามทีกาํ หนดใน (3) แทนได้ ( พระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพิมเตมิ (ฉบบั ที 10) พ.ศ. 2496 ใชบ้ งั คบั 27 ม.ี ค. 2496 เป็นตน้ ไป ) ( ดปู ระกาศอธิบดกี รมสรรพากร เกยี วกบั อากรแสตมป์ (ฉบบั ที 21) ) ( ดปู ระกาศอธิบดกี รมสรรพากร เกยี วกบั อากรแสตมป์ (ฉบบั ที 22) ) ( ดปู ระกาศอธิบดกี รมสรรพากร เกยี วกบั อากรแสตมป์ (ฉบบั ที 29) ) ( ดปู ระกาศอธิบดกี รมสรรพากร เกยี วกบั อากรแสตมป์ (ฉบบั ที 33) ) ( ดปู ระกาศอธิบดกี รมสรรพากร เกยี วกบั อากรแสตมป์ (ฉบบั ที 37) ) ( คาํ สงั ที 489/2503 (ผรู้ บั เงนิ รางวลั สลากกนิ แบง่ รัฐบาลเสียอากรแสตมป์ เป็นตวั เงนิ ) )
หน้า 620 2. ใบรับในขอ้ ใดทียกเวน้ ไมต่ อ้ งเสียอากร ก. ใบรับสลากกนิ แบง่ ของรัฐบาล ข. ใบรับสาํ หรับการโอนหรือก่อตงั สิทธิใดๆ เกียวกบั อสงั หาริมทรัพยน์ ิตกิ รรมเป็นเหตุให้ ออกใบรับนบั มกี ารจดทะเบียนตามกฎหมาย ค. ใบรับสาํ หรบั การขาย ขายฝากใหเ้ ช่าซือ หรือโอนกรรมสิทธิยานพาหนะ ซึงมกี ารจด ทะเบียนตามกฎหมายยานพาหนะ ง. ใบรับสาํ หรับจาํ นวนเงินทีผรู้ ับตอ้ งเสียภาษีมลู ค่าเพิม หรือภาษธี รุ กจิ เฉพาะ เฉลย ง บัญชีอากรแสตมป์ ลกั ษณะตราสารที 28. ใบรับ เฉพาะตามทีระบตุ ่อไปนี (ก) ใบรับรางวลั สลากกินแบ่งของรฐั บาล (ข) ใบรับสาํ หรับการโอนหรือก่อตงั สิทธิใด ๆ เกียวกบั อสงั หาริมทรพั ย์ ในเมอื นิตกิ รรมที เป็นเหตใุ หอ้ อกใบรบั นันมกี ารจดทะเบียนตามกฎหมาย (ดปู ระกาศอธิบดี เกยี วกบั อากรแสตมป์ (ฉบบั ที 21)) (ดูคาํ วินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉยั ภาษีอากรที 27/2537) (ค) ใบรับสาํ หรับการขาย ขายฝาก ใหเ้ ช่าซือ หรือโอนกรรมสิทธิยานพาหนะ ทงั นีเฉพาะยาง พาหนะซึงมกี ารจดทะเบียนตามกฎหมายวา่ ดว้ ยยานพาหนะนัน ๆ ถา้ ใบรับตาม (ก)(ข) หรือ (ค) มจี าํ นวนเงินตงั แต่ 200 บาท ขึนไปทกุ 200 บาทหรือเศษของ 200 บาท (พระราชกาํ หนดแกไ้ ขเพิมเตมิ ประมวลรัษฎากร (ฉบบั ที 10) พ.ศ.2525 ใชบ้ งั คบั 27 ก.พ. 2525 เป็นตน้ ไป) ยกเว้นไม่ต้องเสียอากร ใบรับ สาํ หรับจาํ นวนเงนิ ทีผรู้ บั ตอ้ งเสียภาษีมลู คา่ เพิมหรือภาษีธุรกิจเฉพาะ (พระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพิมเตมิ ประมวลรษั ฎากร (ฉบบั ที 30) พ.ศ.2534 ใชบ้ งั คบั 1 ม.ค.2535 เป็น ตน้ ไป) 3. อากรแสตมป์ ทีกาํ หนดออกตามกฎกระทรวงฉบบั ที 79 ตอ้ งมขี นาดไมน่ อ้ ยกวา่ ก. 1.5 x 2.5 ซ.ม. ข. 1.5 x 3 ซ.ม. ค. 2 x 2 ซ.ม. ง. 2 x 3 ซ.ม. เฉลย ง กฎกระทรวงฉบบั ที 79 ขอ้ 2 (ข)
หนา้ 621 4. การใหใ้ ชห้ รือยกเลกิ อากรแสตมป์ ตอ้ งใหเ้ วลาลว่ งหนา้ ไมน่ อ้ ยกวา่ กวี นั ก. 30 วนั ข. 45 วนั ค. 50 วนั ง. 60 วนั เฉลย ง มาตรา 4 ใหร้ ัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลงั รักษาการตามประมวลรัษฎากรนี และใหม้ อี าํ นาจ แต่งตงั เจา้ พนกั งานประเมนิ และเจา้ พนกั งานอนื โดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษากบั ออก กฎกระทรวง (1) ใหใ้ ชห้ รือยกเลกิ แสตมป์ โดยกาํ หนดใหน้ าํ มาแลกเปลยี นกบั แสตมป์ ทใี ชไ้ ด้ ภายในเวลาและ เงือนไขทีกาํ หนด แตต่ อ้ งใหเ้ วลาไมน่ อ้ ยกวา่ หกสิบวนั (2) กาํ หนดกิจการอืนเพือปฏิบตั ิการตามประมวลรัษฎากรนี กฎกระทรวงนัน เมอื ไดป้ ระกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว้ ใหใ้ ชบ้ งั คบั ได้ 5. ถา้ ปรากฏตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทีวา่ ตราสารมไิ ดป้ ิ ดแสตมป์ สมบรู ณ์ ภายในกวี นั ใหเ้ รียกเกบ็ เงนิ เพิมอากรเป็นจาํ นวน 2 เท่า จาํ นวนอากรหรือเป็นเงนิ 4 บาท แลว้ แตอ่ ยา่ งใดจะมากกว่า ก. 90 วนั ข. 60 วนั ค. 45 วนั ง. 30 วนั เฉลย ก มาตรา 113 ตราสารใดมิไดป้ ิ ดแสตมป์ บริบูรณ์ ผมู้ ีหน้าทีเสียอากรหรือผทู้ รงตราสารหรือผถู้ ือเอา ประโยชน์ชอบทีจะยนื ตราสารนันตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทีเพอื ขอเสียอากรได้ เมอื พนกั งานเจา้ หนา้ ที ไดร้ บั ตราสารแลว้ ใหอ้ นุมตั ใิ หเ้ สียอากรภายในบงั คบั แห่งบทบญั ญตั ติ อ่ ไปนี 1. ถา้ ตราสารทีมไิ ดป้ ิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์นันเป็นตราสารทีกระทาํ ขึนในประเทศไทย เมอื ผขู้ อเสีย อากรไดย้ ืนตราสารนนั ต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ทีเพอื เสียอากรภายใน 15 วนั นบั แต่วนั ตอ้ งปิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์ กใ็ หอ้ นุมตั ใิ หเ้ สียเพยี งอากรตามอตั ราในบญั ชีทา้ ยหมวดนี ( พระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพิมเตมิ (ฉบบั ที 5) พ.ศ. 2489 ใชบ้ งั คบั 31 ธ.ค. 2489 เป็นตน้ ไป ) 2. ถา้ กรณีเป็นอยา่ งอนื กใ็ หอ้ นุมตั ใิ หเ้ สียอากรและใหเ้ รียกเกบ็ เงินเพิมอากร ดงั ตอ่ ไปนีอีกดว้ ย (ก) ถา้ ปรากฏตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทวี า่ ตราสารมไิ ดป้ ิดแสตมป์ บริบรู ณ์เป็นเวลาไม่พน้ กาํ หนด 90 วนั นบั แตว่ นั ตอ้ งปิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์ใหเ้ รียกเกบ็ เงินเพิมอากรเป็น 2 เท่าจาํ นวนอากร หรือเป็น เงิน 4 บาท แลว้ แตอ่ ยา่ งใดจะมากกว่า (ข) ถา้ ปรากฏต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ทวี า่ ตราสารมไิ ดป้ ิดแสตมป์ บริบรู ณ์ เป็นเวลาพน้ กาํ หนด 90 วนั นับแต่วนั ตอ้ งปิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์แลว้ ใหเ้ รียกเกบ็ เงินเพิมอากรเป็น 5 เท่าจาํ นวนอากร หรือ เป็นเงนิ 10 บาท แลว้ แตอ่ ยา่ งใดจะมากกว่า
หนา้ 622 ข้อสอบ วชิ า อากรแสตมป์ ชุดที 1. การจา้ งทาํ ของเฉพาะทีรฐั บาล องคก์ ารของรฐั บาล เทศบาล สุขาภบิ าล หรือองคก์ ารบริหาร ราชการส่วนทอ้ งถิน เป็นผวู้ า่ จา้ งและมสี ินคา้ เป็นจาํ นวนเทา่ ใด ทีตอ้ งชาํ ระอากรเป็นตวั เงนิ แทนการปิ ดแสตมป์ อากร สาํ หรับตราสารบางลกั ษณะ ก. 100,000 บาท ขึนไป ข. 150,000 บาท ขึนไป ค. 200,000 บาท ขึนไป ง. 250,000 บาท ขึนไป เฉลย ค ตามคาํ สังกรมสรรพากร ที ป.153/2559 ขอ้ 2(ข) ตราสารทรี ฐั บาล องคก์ ารของรัฐบาล เทศบาล สุขาภบิ าล หรือองคก์ าร บริหารราชการส่วน ทอ้ งถินเป็นผวู้ ่าจา้ งและมีสินจา้ งตงั แต่ ๒๐๐,๐๐๐ บาทขึนไป 2. อากรแสตมป์ มลู คา่ 20 บาท มสี ีอะไร ก. สีสม้ – แดง ข. สีสม้ – สีเหลอื ง ค. สีเหลอื ง – แดง ง. สีเขยี ว – ขาว เฉลย ข 3. คณะกรรมการวินิจฉยั ภาษีอากร มีวาระอยใู่ นตาํ แหน่งคราวละกีปี ก. 1 ปี ข. 3 ปี ค. 2 ปี ง. 4 ปี เฉลย ข ตามมาตรา 13 ตรี แห่งประมวลรษั ฎากร 4. ใบผา่ นภาษีอากรใหม้ อี ายใุ ชไ้ ดก้ วี นั ข. 30 วนั นบั แต่วนั ออก ก. 7 วนั นบั แต่วนั ออก ค. 15 วนั นบั แต่วนั ออก ง. 60 วนั นบั แตว่ นั ออก เฉลย ค มาตรา 4 สัตต ภายใตบ้ งั คบั มาตรา 4 อฏั ฐ ใบผา่ นภาษีอากรใหม้ ีอายใุ ชไ้ ดส้ ิบหา้ วนั นบั แต่วนั ออก ถา้ มกี ารขอตอ่ อายใุ บผา่ นภาษอี ากรกอ่ นสินอายุ อธิบดหี รือผวู้ า่ ราชการจงั หวดั หรือผทู้ ีไดร้ ับ มอบหมายจะต่ออายใุ หอ้ กี สิบหา้ วนั กไ็ ด้
หน้า 623 5. ขอ้ ความใดเป็นเงนิ ไดพ้ งึ ประเมนิ ทเี กบ็ ตามหลกั “แหล่งเงินได”้ ก. เงินไดเ้ นืองจากหนา้ ทีงานหรือกจิ การทีทาํ ในประเทศไทย ข. เงินไดเ้ นืองจากกิจการของนายจา้ งในประเทศไทย ค. เงินไดเ้ นืองจากทรัพยส์ ินทอี ยใู่ นประเทศไทย ง. ถกู ทุกขอ้ เฉลย ง มาตรา 41 ผมู้ เี งินไดพ้ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 ในปี ภาษที ลี ว่ งมาแลว้ เนืองจากหนา้ ทีงาน หรือ กจิ การทที าํ ในประเทศไทย หรือเนืองจากกจิ การของนายจา้ งในประเทศไทย หรือเนืองจาก ทรพั ยส์ ินทอี ยใู่ นประเทศไทย ตอ้ งเสียภาษตี ามบทบญั ญตั ิในส่วนนีไมว่ า่ เงินไดน้ นั จะจ่ายในหรือ นอกประเทศ -------------------------------------
หนา้ 624 ชุดที ข้อสอบ วชิ า อากรแสตมป์ 1. ขอ้ ความต่อไปนี ขอ้ ใดเป็นขอ้ ยกเวน้ ของคาํ ว่า “เงินไดข้ องบุคคลใดใหถ้ ือเป็นเงินไดข้ อ บุคคลนัน ก. เงินไดข้ องบุคคลทียงั ไมบ่ รรลนุ ิตภิ าวะ ใหถ้ อื เป็นเงินไดข้ องบิดาหรือของมารดาผใู้ ช้ อาํ นาจปกครอง ข. บุคคลใดมชี ือในหนงั สือสาํ คญั ใด ถา้ พสิ ูจนไ์ ดว้ า่ มเี จา้ ของเงินไดท้ ีแทจ้ ริงกใ็ หถ้ อื เป็นเงิน ไดข้ องเจา้ ของทีแทจ้ ริง ค. ถกู ทงั ก และ ข ง. ผดิ ทุกขอ้ เฉลย ข (หมายเหตุ ก เฉพาะเงินปันผล วิเคราะห์ว่าโจทยไ์ มช่ ดั เจนจึงไม่เลือก ก) มาตรา 61 บุคคลใดมชี ือในหนงั สือสาํ คญั ใด ๆ แสดงวา่ (1) เป็นเจา้ ของทรัพยส์ ินอนั ระบุไวใ้ นหนังสือสาํ คญั และทรัพยส์ ินนันก่อใหเ้ กิดเงินไดพ้ ึง ประเมนิ หรือ (2) เป็นผไู้ ดร้ บั เงินไดพ้ งึ ประเมนิ โดยหนงั สือสาํ คญั เช่นวา่ นัน เจา้ พนกั งานประเมนิ มอี าํ นาจประเมนิ เรียกเกบ็ ภาษที ังหมดจากผมู้ ชี ือใน หนงั สือสาํ คญั นนั กไ็ ด้ แต่ถา้ บุคคลนันตอ้ งโอนเงินไดพ้ ึงประเมนิ ให้แก่บุคคลอืน บุคคลนันมีสิทธิหกั เงินภาษีจากจาํ นวน เงินซึงตอ้ งโอนให้แก่บุคคลอืนตามส่วน ( พระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพิมเตมิ (ฉบบั ที 10) พ.ศ. 2496 ใชบ้ งั คบั สาํ หรับเงินไดป้ ี ภาษี 2496 เป็นตน้ ไป ) มาตรา 40(4)(ข) เงินปันผลฯ เพอื ประโยชนใ์ นการคาํ นวณเงินไดต้ ามวรรคหนึง ในกรณีที บุตรชอบดว้ ยกฎหมายทียงั ไมบ่ รรลนุ ิตภิ าวะเป็นผมู้ เี งินได้ และความเป็นสามภี ริยาของบิดา และมารดาไดม้ อี ยตู่ ลอดปี ภาษี ใหถ้ อื วา่ เงินไดข้ องบุตรดงั กลา่ วเป็นเงินไดข้ องบิดา แต่ถา้ ความเป็นสามภี ริยาของบิดาและมารดามไิ ดม้ อี ยตู่ ลอดปี ภาษี ใหถ้ อื วา่ เงินไดข้ องบุตรดงั กลา่ ว เป็นเงินไดข้ องบิดาหรือของมารดาผใู้ ชอ้ าํ นาจปกครอง หรือของบิดาในกรณีบิดามารดาใช้ อาํ นาจปกครองร่วมกนั
หนา้ 625 2. การยนื คาํ รอ้ งขอคนื คา่ อากรหรือคา่ เพิมอากรตอ้ งยนื ภายในระยะเวลาเท่าใด ก. 6 เดอื นนบั แต่วนั เสียอากรหรือคา่ เพิมอากร ข. 12 เดอื นนบั แตว่ นั เสียอากรหรือคา่ เพิมอากร ค. 3 ปี นบั แต่วนั เสียอากรหรือคา่ เพิมอากร ง. 10 ปี นบั แต่วนั เสียอากรหรือคา่ เพิมอากร เฉลย ก มาตรา 122 ผใู้ ดไดเ้ สียคา่ อากรหรือคา่ เพิมอากรเกนิ ไปไมน่ อ้ ยกวา่ 2 บาท สาํ หรับตราสารลกั ษณะ เดยี วหรือเรืองเดียวผนู้ นั ชอบทีจะทาํ คาํ รอ้ งเป็นหนงั สือยนื ตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ที เมอื อธบิ ดีเห็นว่า เกนิ ไปจริงกใ็ หค้ ืนค่าอากรหรือคา่ เพิมอากรทเี กนิ ไปนนั แกผ่ เู้ สียอากรได้ แต่คาํ รอ้ งทกี ลา่ วนันตอ้ ง ยืนภายในเวลา 6 เดอื น นบั แตว่ นั เสียอากรหรือคา่ เพิมอากร และตอ้ งประกอบดว้ ยคาํ ชีแจงหรือ เอกสาร ซึงพนกั งานเจา้ หนา้ ทีหรืออธิบดเี ห็นสมควรใหย้ นื สนบั สนุนคาํ ร้อง 3. ตราสารทีมิไดป้ ิ ดแสตมป์ บริบูรณ์ตามอตั ราทีกาํ หนด ผทู้ รงตราสารชอบทีจะยืนตราสาร ตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทีเพอื ขอเสียอากรไดภ้ ายในกวี นั ก. 7 วนั ข. 30 วนั ค. 15 วนั ง. 60 วนั เฉลย ค มาตรา 113 ตราสารใดมิไดป้ ิ ดแสตมป์ บริบูรณ์ ผมู้ ีหน้าทีเสียอากรหรือผทู้ รงตราสารหรือผถู้ ือเอา ประโยชน์ชอบทีจะยนื ตราสารนันตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทีเพอื ขอเสียอากรได้ เมอื พนกั งานเจา้ หนา้ ที ไดร้ บั ตราสารแลว้ ใหอ้ นุมตั ใิ หเ้ สียอากรภายในบงั คบั แห่งบทบญั ญตั ติ อ่ ไปนี 1 ถา้ ตราสารทีมไิ ดป้ ิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์นันเป็นตราสารทีกระทาํ ขึนในประเทศไทย เมอื ผขู้ อเสีย อากรไดย้ ืนตราสารนนั ต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ทีเพอื เสียอากรภายใน 15 วนั นบั แต่วนั ตอ้ งปิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์ กใ็ หอ้ นุมตั ใิ หเ้ สียเพยี งอากรตามอตั ราในบญั ชีทา้ ยหมวดนี ( พระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพิมเตมิ (ฉบบั ที 5) พ.ศ. 2489 ใชบ้ งั คบั 31 ธ.ค. 2489 เป็นตน้ ไป )
หนา้ 626 4. กรณีตราสารทาํ ขึนนอกประเทศไทย ต่อมาไดน้ าํ เขา้ มาในประเทศไทย ผทู้ รงตราสารคน แรกในไทยตอ้ งเสียอากรโดยปิ ดแสตมป์ ให้ครบถว้ นและขีดฆ่าภายในกีวนั ก. 7 วนั ข. 30 วนั ค. 15 วนั ง. 60 วนั เฉลย ข มาตรา 111 ถา้ ตราสารทีตอ้ งเสียอากรไดท้ าํ ขึนนอกสยามใหเ้ ป็นหนา้ ที ของผทู้ รงตราสารคนแรก ในสยามตอ้ งเสียอากร โดยปิ ดแสตมป์ ครบจาํ นวนอากรและขีดฆา่ ภายใน 30 วนั นบั แตว่ นั ทไี ดร้ บั ตราสารนัน ถา้ ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามนีให้ถือว่าเป็นตราสารทีมิไดป้ ิดแสตมป์ บริบูรณ์ 5. การยนื คาํ รอ้ งขอคนื คา่ อากรหรือคา่ เพิมอากรตอ้ งยนื ภายในระยะเวลาเท่าใด ก. 6 เดอื นนบั แต่วนั เสียอากรหรือคา่ เพิมอากร ข. 12 เดอื นนบั แตว่ นั เสียอากรหรือคา่ เพิมอากร ค. 3 ปี นบั แต่วนั เสียอากรหรือคา่ เพิมอากร ง. 10 ปี นบั แต่วนั เสียอากรหรือคา่ เพิมอากร เฉลย ก มาตรา 122 ผใู้ ดไดเ้ สียคา่ อากรหรือคา่ เพิมอากรเกนิ ไปไมน่ อ้ ยกวา่ 2 บาท สาํ หรับตราสารลกั ษณะ เดยี วหรือเรืองเดียวผนู้ นั ชอบทีจะทาํ คาํ รอ้ งเป็นหนงั สือยนื ตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ที เมืออธบิ ดีเหน็ วา่ เกนิ ไปจริงกใ็ หค้ ืนค่าอากรหรือคา่ เพิมอากรทเี กนิ ไปนนั แกผ่ เู้ สียอากรได้ แต่คาํ รอ้ งทกี ลา่ วนันตอ้ ง ยืนภายในเวลา 6 เดอื น นบั แตว่ นั เสียอากรหรือคา่ เพิมอากร และตอ้ งประกอบดว้ ยคาํ ชีแจงหรือ เอกสาร ซึงพนกั งานเจา้ หนา้ ทีหรืออธิบดเี ห็นสมควรใหย้ นื สนบั สนุนคาํ ร้อง
หนา้ 627 ข้อสอบ วชิ า อากรแสตมป์ ข้อ 1 ซํากบั ข้อ 3 ชุด 17 ข้อ 2 ซํากบั ข้อ 4 ชุด 17 ชุดที 1. ตราสารทีมิไดป้ ิ ดแสตมป์ บริบูรณ์ตามอตั ราทีกาํ หนด ผทู้ รงตราสารชอบทีจะยืนตราสาร ตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทีเพอื ขอเสียอากรไดภ้ ายในกวี นั ก. 7 วนั ข. 30 วนั ค. 15 วนั ง. 60 วนั เฉลย ค มาตรา 113 ตราสารใดมิไดป้ ิ ดแสตมป์ บริบูรณ์ ผมู้ ีหน้าทีเสียอากรหรือผทู้ รงตราสารหรือผถู้ ือเอา ประโยชน์ชอบทีจะยนื ตราสารนันตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทีเพอื ขอเสียอากรได้ เมอื พนกั งานเจา้ หนา้ ที ไดร้ บั ตราสารแลว้ ใหอ้ นุมตั ใิ หเ้ สียอากรภายในบงั คบั แห่งบทบญั ญตั ติ อ่ ไปนี 1 ถา้ ตราสารทมี ไิ ดป้ ิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์นันเป็นตราสารทีกระทาํ ขึนในประเทศไทย เมอื ผขู้ อเสีย อากรไดย้ ืนตราสารนนั ต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ทีเพอื เสียอากรภายใน 15 วนั นบั แต่วนั ตอ้ งปิ ดแสตมป์ บริบรู ณ์ กใ็ หอ้ นุมตั ใิ หเ้ สียเพยี งอากรตามอตั ราในบญั ชีทา้ ยหมวดนี ( พระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพิมเตมิ (ฉบบั ที 5) พ.ศ. 2489 ใชบ้ งั คบั 31 ธ.ค. 2489 เป็นตน้ ไป ) 2. กรณีตราสารทาํ ขึนนอกประเทศไทย ต่อมาไดน้ าํ เขา้ มาในประเทศไทย ผทู้ รงตราสารคน แรกในไทยตอ้ งเสียอากรโดยปิ ดแสตมป์ ให้ครบถว้ นและขีดฆ่าภายในกีวนั ก. 7 วนั ข. 30 วนั ค. 15 วนั ง. 60 วนั เฉลย ข มาตรา 111 ถา้ ตราสารทีตอ้ งเสียอากรไดท้ าํ ขึนนอกสยามใหเ้ ป็นหนา้ ที ของผทู้ รงตราสารคนแรก ในสยามตอ้ งเสียอากร โดยปิ ดแสตมป์ ครบจาํ นวนอากรและขีดฆา่ ภายใน 30 วนั นบั แตว่ นั ทไี ดร้ บั ตราสารนัน ถา้ ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามนีให้ถือว่าเป็นตราสารทีมิไดป้ ิดแสตมป์ บริบูรณ์
หน้า 628 3. ความรับผดิ ในการเสียภาษมี ลู คา่ เพิมกรณีขายสินคา้ ทีเกิดขึน เมอื ไดร้ บั ชาํ ระราคาสินคา้ คอื ก. การขายกระแสไฟฟ้ า นาํ ประปา ข. การขายสิทธิในสิทธิบตั ร ก๊ดู วิลล์ ค. การขายสินคา้ ดว้ ยวิธีการหยอดเหรียญของเครืองขายอตั โนมตั ิ ง. ถกู ทงั ขอ้ ก และ ข เฉลย ง มาตรา 78/3 ใหค้ วามรบั ผดิ ในการเสียภาษมี ลู คา่ เพิมสาํ หรับการขายสินคา้ หรือการใหบ้ ริการใน กรณีดงั ต่อไปนี เป็นไปตามทีกาํ หนดในกฎกระทรวง (1) การขายสินคา้ ทีไมม่ รี ูปร่าง เช่น สิทธิในสิทธิบตั ร กดู๊ วิลล์ การขายกระแสไฟฟ้ าการขาย สินคา้ ทีมลี กั ษณะทาํ นองเดียวกนั หรือการขายสินคา้ บางชนิดทตี ามลกั ษณะของสินคา้ ไมอ่ าจ กาํ หนดไดแ้ น่นอนวา่ มกี ารส่งมอบเมอื ใด และกฎกระทรวง ฉบบั ที 189 (พ.ศ. 2534) ออกตามความในประมวลรษั ฎากร วา่ ดว้ ยความรบั ผดิ ในการเสียภาษีมลู คา่ เพิมบางกรณี ขอ้ 1 การขายกระแสไฟฟ้ า นาํ ประปา หรือสินคา้ ทีมลี กั ษณะทาํ นองเดียวกนั ใหค้ วามรบั ผดิ ในการ เสียภาษีมลู คา่ เพิมเกิดขึนเมอื ไดร้ บั ชาํ ระราคาสินคา้ หรือไดม้ กี ารออกใบกาํ กบั ภาษกี อ่ นไดร้ บั ชาํ ระ ราคาสินคา้ แลว้ แตก่ รณี ทงั นี โดยใหค้ วามรับผดิ เกิดขึนตามส่วนของการกระทาํ นัน ๆ ขอ้ 2 การขายสินคา้ ทีไมม่ รี ูปร่าง เช่น สิทธิในสิทธิบตั ร กดู๊ วิลล์ เครืองหมายการคา้ ลขิ สิทธิ สมั ปทาน คา่ สิทธิ หรือสินคา้ ทีมลี กั ษณะทาํ นองเดยี วกนั ใหค้ วามรบั ผดิ ในการเสียภาษมี ลู คา่ เพิม เกิดขึนเมอื ไดร้ บั ชาํ ระราคาสินคา้ เวน้ แตก่ รณีไดม้ กี ารกระทาํ ดงั ตอ่ ไปนีเกิดขึนก่อนไดร้ ับชาํ ระ ราคาสินคา้ ก็ให้ความรับผดิ เกิดขึนเมอื ไดม้ กี ารกระทาํ นนั ๆ ดว้ ย (1) โอนกรรมสิทธิสินคา้ หรือ (2) ไดอ้ อกใบกาํ กบั ภาษี ทงั นี โดยใหค้ วามรับผดิ เกิดขึนตามส่วนของการกระทาํ นัน ๆ แลว้ แต่กรณี
หนา้ 629 ตวั อยา่ งขอ้ ทดสอบระดบั 8 กลมุ่ 6 ขอ้ 235-281 .การยนื ขอรับชาํ ระหนีต่อเจา้ พนกั งานพิทกั ษท์ รัพย์ (1) ใหย้ นื คาํ ขอรับชาํ ระหนีต่อพนกั งานพิทกั ษท์ รัพยภ์ ายใน 60 วนั นับแต่ศาลมคี าํ สังพิทกั ษท์ รัพยล์ ูกหนีภาษีอากร เดด็ ขาด (2) ให้คาํ นวณเงินเพมิ ใหม่ต่อจากวนั ทีไดค้ าํ นวณไวเ้ ดิม ในหนงั สือแจง้ การประเมิน จนถึงวนั ทีศาลมีคาํ สังพิทกั ษ์ ทรพั ยล์ กู หนีภาษีอากร รวมกบั เงินเพิมทคี าํ นวณไว้ ในหนงั สือแจง้ การประเมิน เป็นจาํ นวนเงินเพิมทีตอ้ งชาํ ระทงั สิน (3) ใหย้ นื คาํ ขอรับชาํ ระหนีต่อเจา้ พนกั งานพิทกั ษท์ รัพยภ์ ายใน 2 เดือน นบั แต่วนั ทีโฆษณาคาํ สังพิทกั ษท์ รัพย์ เดด็ ขาด *** (4) ถูกทงั ขอ้ ( ) และ ( ) เฉลย (3) ถูกตอ้ งแลว้ การขอรับชาํ ระหนีในคดีลม้ ละลาย พระราชบญั ญตั ิลม้ ละลายฯ มาตรา 91 \"เจา้ หนีซึงจะขอรับชาํ ระหนีในคดีลม้ ละลายจะเป็นเจา้ หนีผเู้ ป็นโจทกห์ รือไม่กต็ าม ตอ้ งยนื คาํ ขอต่อเจา้ พนกั งานพทิ กั ษท์ รัพยภ์ ายในกาํ หนดเวลาสองเดือนนับแต่วนั โฆษณาคาํ สังพทิ กั ษท์ รพั ยเ์ ดด็ ขาด แตถ่ า้ เจา้ หนีอยู่นอก ราชอาณาจกั ร เจา้ พนกั งานพทิ กั ษท์ รัพยจ์ ะขยายกาํ หนดเวลาให้อีกไดไ้ ม่เกินสองเดือน .หากไดเ้ ร่งรัดหนีภาษีอากรคา้ งถึงทีสุดแลว้ ไม่มีทรัพยส์ ินใด ๆ และไม่ถึงเกณฑ์ทีจะฟ้ องดาํ เนินคดีลม้ ละลาย การ จาํ หน่ายหนีภาษีอากรคา้ งจะกระทาํ ไดต้ ่อเมือ (1) หนีภาษีอากรคา้ งไม่ถึง 5,000 บาท ออกหนงั สือเตอื น 2 ครัง หากไม่ชาํ ระใหจ้ าํ หน่ายทนั ที (2) หนีภาษีอากรคา้ งไม่ถึง 2,000 บาท ออกหนงั สือเตอื น 2 ครัง หากไมช่ าํ ระใหจ้ าํ หน่ายทนั ที (3) หนีภาษีอากรคา้ งไม่ถึง 1,000 บาท ออกหนงั สือเตอื น 2 ครัง หากไมช่ าํ ระใหจ้ าํ หน่ายทนั ที (4) หนีภาษีอากรคา้ งไม่ถึง 500 บาท ออกหนงั สือเตอื น 2 ครัง หากไมช่ าํ ระใหจ้ าํ หน่ายทนั ที *** เฉลย (4) ถกู ต้องแล้ว .ขอ้ ใดหมายถึงงานธุรกิจทีรัฐบาลเป็นเจา้ ของ ซึงไมม่ ฐี านะเป็นนิติบุคคลตามคาํ จาํ กดั ความ “องคก์ ารของรัฐบาล” ตาม มาตรา แห่งประมวลรัษฎากร (1) โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลงั *** (2) องคก์ ารคลงั สินคา้ (3) กองทุนรวมวายภุ กั ษ์ (4) สหกรณ์ออมทรัพย์ กรมสรรพากร เฉลยถูกตอ้ ง กฎกระทรวง ฉบับที 134 (พ.ศ. 2517) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษเี งนิ ได้ ข้อ 1 ใหส้ ินคา้ ยาสูบตามกฎหมายว่าดว้ ยยาสูบเป็นสินคา้ ทโี รงงานยาสูบกระทรวงการคลงั ตอ้ งเสียภาษีเงินไดแ้ ทน ผูข้ ายสินคา้ ดงั กลา่ วทกุ ทอดทซี ือสินคา้ ของโรงงานยาสูบกระทรวงการคลงั
หนา้ 630 “ข้อ 2 ภาษีเงินไดท้ ีตอ้ งเสียแทนใหเ้ สียในอตั ราร้อยละ 12.5 ของกาํ ไรของผูข้ ายส่งไม่ว่าทอดใด และใน อตั ราร้อยละ 10 ของกาํ ไรของผขู้ ายปลีก “กาํ ไร” หมายความวา่ ผลต่างระหว่างราคาขายกบั ราคาซือสินคา้ ทีโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลงั กาํ หนดไวส้ าํ หรบั ผขู้ ายส่งแตล่ ะทอดหรือผูข้ ายปลกี แลว้ แตก่ รณี คณู ดว้ ยปริมาณสินคา้ ทโี รงงานยาสูบ กระทรวงการคลงั ขายใหผ้ ูข้ ายส่งทอดแรก” (แกไ้ ขเพมิ เตมิ กฎกระทรวง ฉบบั ที 157 (พ.ศ. 2526) ใชบ้ งั คบั 28 สิงหาคม 2525 เป็นตน้ ไป) ข้อ 3 ใหโ้ รงงานยาสูบ กระทรวงการคลงั เสียภาษีเงินไดแ้ ทนตามอตั ราในขอ้ 2 สาํ หรับสินคา้ ทขี ายใน แต่ละเดือนปฏิทินโดยยนื รายการตามแบบทีอธิบดีกาํ หนดพร้อมกบั ชาํ ระภาษีเงินไดท้ ีกองคลงั กรมสรรพากรภายใน วนั ที 15 ของเดอื นถดั ไป .นาย ก. ไดท้ าํ สัญญาเช่าอาคารพาณิชย์ โดยจ่ายเงนิ คา่ แปะเจีย (คา่ เช่าลว่ งหน้า) ใหแ้ กผ่ ใู้ หเ้ ช่า ตอ่ มานาย ก. ไดโ้ อน ขายสิทธิการเช่าใหแ้ ก่นาย ข. เงินไดจ้ ากการโอนขายสิทธิการเช่าดงั กล่าว เป็นเงินไดพ้ ึงประเมินประเภทใด (1) ถือเป็นคา่ นายหน้า ตามมาตรา ( ) แห่งประมวลรัษฎากร (2) ถือเป็นคา่ สิทธิอย่างอนื ตามมาตรา ( ) แห่งประมวลรัษฎากร (3) ถือเป็นเงินหรือประโยชน์อย่างอืนทไี ดเ้ นืองจากการให้เช่าทรัพยส์ ิน ตามมาตรา ( )(ก) แห่งประมวล รัษฎากร (4) ถือเป็นเงินไดจ้ ากการอืน ตามมาตรา ( ) แห่งประมวลรัษฎากร *** เฉลย ( ) ถูกตอ้ งแลว้ .กรณีทมี ฟุตบอลสโมสรเรียลมาดริดของประเทศสเปน ทมี าแขง่ ขนั ฟตุ บอลนดั พเิ ศษกบั ทีมชาตไิ ทย เมอื วนั ที สิงหาคม คา่ ตอบแทนทนี กั ฟุตบอลไดร้ บั ตอ้ งเสียภาษเี งนิ ไดบ้ คุ คลธรรมดาในประเทศไทยหรือไม่ อยา่ งไร (1) ตอ้ งเสียเพราะเป็นเงินไดจ้ ากงานทีทาํ ใหป้ ระเทศไทย (2) ตอ้ งเสียเพราะเป็นเงินไดจ้ ากกิจการทีทาํ ในประเทศไทย *** (3) ตอ้ งเสียเพราะเป็นเงินไดจ้ ากกิจการของนายจ้างในประเทศไทย (4) ไม่ตอ้ งเสียเพราะอยใู่ นประเทศไทยไม่ถึง วนั เฉลย ข ถูกตอ้ งแลว้ .กรณีกรมสรรพากรจ่ายเงินใหแ้ ก่ผูโ้ ชคดีทีส่งใบกาํ กบั ภาษีมาชิงโชค กรมสรรพากรตอ้ งหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่ายอยา่ งไร (1) ตอ้ งหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่าย ในอตั ราร้อยละ เพราะเป็นเงินรางวลั ในการประกวด การแข่งขนั การชิงโชค ตาม ขอ้ ( ) ของคาํ สังกรมสรรพากรที ท.ป. / (2) ตอ้ งหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่าย ตามอตั ราภาษีเงินได้ เพราะเป็นเงินไดใ้ นการประกวด หรือแข่งขนั ตามมาตรา ( ) แห่งประมวลรัษฎากร *** (3) ตอ้ งหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่าย ในอตั ราร้อยละ ของยอดเงินไดพ้ ึงประเมินทีจ่าย รายหนึง ๆ ตังแต่ , บาท ขึนไป ตามมาตรา ( ) แห่งประมวลรัษฎากร (4) ไม่ตอ้ งหกั ภาษีเงินได้ ณ ทีจ่าย เพราะเป็นเงินไดท้ ีเป็นเงินรางวลั ทีทางราชการจ่ายใหเ้ พือประโยชน์ในการ ป้ องกนั มิใหก้ ระทาํ ผิดเกียวกบั ภาษีอากร ซึงไดร้ ับยกเวน้ ตาม ขอ้ ( ) ของกฎกระทรวง ฉบบั ที (พ.ศ. )
หนา้ 631 .ในการดาํ เนนิ พธิ กี ารศลุ กากร บริษทั ก (ผูน้ าํ เขา้ ) ซึงเป็นเจา้ ของสินคา้ บริษทั ข ซึงเป็นตวั แทนออกของ (ชปิ ปิ ง) ได้ จ่ายเงินของตนไปก่อน เพือเป็นค่าใชจ้ ่ายในการดาํ เนินการพิธีศุลกากร โดยมีค่าใชจ้ ่ายทีมีใบเสร็จรับเงินในนามบริษทั ก. และคา่ ใชจ้ ่ายตามประเพณีซึงเป็นคา่ ใชจ้ ่ายทีบริษทั ก. ยอมรับว่า มกี ารจ่ายจริงอีกจาํ นวน , บาท เมือดาํ เนินงานแลว้ เสร็จ บริษทั ข. ไดอ้ อกใบแจง้ หนีเรียกเกบ็ เงิน ระบุรายการค่าใชจ้ ่ายแยกเป็น ค่าใชจ้ ่ายทีมีใบเสร็จรับเงินในนามบริษทั ก. จาํ นวน , บาท คา่ ใชจ้ า่ ยทไี มม่ ใี บเสร็จในนามบริษทั ก. จาํ นวน , บาท และค่าบริการจาํ นวน , บาท ให้ตอบคาํ ถามสองขอ้ ต่อไปนี บริษทั ก. ตอ้ งหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่าย จากบริษทั ข. หรือไม่ ถา้ ตอ้ งหักภาษี ณ ทีจ่าย เป็นจาํ นวนเงินเท่าใด (1) ไม่ตอ้ งหกั (2) ตอ้ งหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่ายเฉพาะค่าบริการ , บาท (3) ตอ้ งหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่ายเฉพาะการจ่ายค่าบริการและค่าใชจ้ ่ายทีมีใบเสร็จรับเงิน รวม , บาท *** (4) ตอ้ งหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่าย จากเงินทีจ่ายทงั สิน , บาท เฉลยถูกตอ้ งแลว้ .บริษทั ข. มหี นา้ ทตี อ้ งเสียภาษมี ลู คา่ เพิม จากมูลค่าฐานภาษีใด (1) คา่ บริการ , บาท (2) คา่ บริการ , บาท และคา่ ใชจ้ า่ ยทไี มม่ ใี บเสร็จ , บาท *** (3) คา่ บริการ , บาท ค่าใชจ้ ่ายทไี ม่มีใบเสร็จ , บาท และ คา่ ใชจ้ ่ายทมี ใี บเสร็จ , บาท (4) คา่ บริการ , บาท และ คา่ ใชจ้ ่ายทมี ใี บเสร็จ , บาท เฉลย ( ) ถูกตอ้ งแลว้ ทงั นี ตาม คาํ สังกรมสรรพากร ที ป. / .การกาํ กบั ดูแลผเู้ สียภาษีโดยใกลช้ ิดเป็นรายผปู้ ระกอบการ และให้เป็นปัจจุบนั ขอ้ ใดต่อไปนี มิใช่แนวทางปฏิบตั ิใน การกาํ กบั ดูแล (1) ตอ้ งออกตรวจสภาพกิจการของผปู้ ระกอบการแต่ละราย อยา่ งนอ้ ยปี ละครัง (2) การกาํ กบั ดูแล สามารถสลบั ทีมกาํ กบั ดูแลได้ ตลอดระยะเวลาทีอธิบดกี าํ หนด (3) มอบหมายรายผปู้ ระกอบการใหท้ มี กาํ กบั ดูแล ตอ้ งมอบหมายรายกล่มุ ประเภทกิจการตามความเหมาะสม หาก กลุ่มประเภทกิจการใดมีปริมาณรายมาก ใหเ้ ฉลียและมอบหมายทีมกาํ กบั ดูแลอืนได้ *** (4) การกาํ กบั ดแู ลบนระบบเครือขา่ ยรษั ฎากร ตอ้ งติดตามขอ้ มูลการยืนชาํ ระภาษีของผปู้ ระกอบการบนระบบ เครือขา่ ยฯ และบนั ทกึ ความเหน็ บนระบบเครือขา่ ยฯ วา่ จะดาํ เนนิ การกบั ผูป้ ระกอบการแตล่ ะรายอยา่ งไร เดิมเฉลย (3) ถูกตอ้ งแลว้ .ผูป้ ระกอบการทตี อ้ งกาํ กบั ดแู ล ไดแ้ กผ่ ูท้ มี หี นา้ ทเี สียภาษอี ากรทเี ป็น (1) บคุ คลธรรมดาทกุ ระบบ (2) บคุ คลธรรมดาเฉพาะทมี หี นา้ ทตี อ้ งเสียภาษมี ลู คา่ เพิมและนติ บิ คุ คลทกุ ราย (3) บคุ คลธรรมดาทมี เี งนิ ไดพ้ ึงประเมนิ ตามมาตรา ( )-( ) และมีเงินไดต้ ามมาตราอืนแห่งประมวลรัษฎากร ตามทอี ธบิ ดีกาํ หนด รวมถงึ นติ บิ คุ คลเฉพาะรายทีมหี นา้ ทตี อ้ งเสียภาษมี ลู คา่ เพิม
หนา้ 632 (4) บคุ คลธรรมดาทมี เี งนิ ไดพ้ ึงประเมนิ ตามมาตรา ( )-( ) และมีเงินไดต้ ามมาตราอืนแห่งประมวลรัษฎากร ตามทอี ธบิ ดีกาํ หนด รวมถงึ นติ บิ คุ คลทุกราย *** เดิมเฉลย (4) ขอผ่านขอ้ สอบลา้ สมยั เกินไป .ขอ้ ใด มใิ ช่ หลกั การของสาํ นกั บญั ชตี วั แทน (1) สาํ นกั งานบญั ชีตวั แทน ทีทาํ หนา้ ทียนื แบบแสดงรายการและชาํ ระภาษีในนามผูม้ ีหน้าทีเสียภาษีผ่านระบบ เครือขา่ ยอนิ เทอร์เนต็ ทาง Website ของกรมสรรพากร จะเป็นคณะบคุ คลหรือสหกรณ์กไ็ ด้ (2) ผูม้ หี นา้ ทเี สียภาษที แี ตง่ ตงั สาํ นกั งานบญั ชตี วั แทน ยนื แบบจะตอ้ งยนื แบบในนามผูม้ หี นา้ ทีเสียภาษีและให้ชาํ ระ ภาษดี ว้ ยเท่านนั **** (3) สาํ นกั งานบญั ชีตวั แทน จะตอ้ งประกอบกิจการรับจา้ งทาํ บญั ชีให้ผูม้ ีหน้าทีเสียภาษี ไม่นอ้ ยกว่า ปี และเป็น ตวั แทนของผมู้ ีหน้าทีเสียภาษี ไม่นอ้ ยกว่า ราย ณ วนั ทีขออนุญาตเป็นสาํ นกั งานบญั ชีตวั แทน (4) สาํ นกั งานบญั ชีตวั แทน ยืนไดเ้ ฉพาะแบบแสดงรายการทีทาํ การตกลงกบั ผูม้ ีหน้าทีเสียภาษีเท่านัน เดิมเฉลย (2) ทีถูกตอบ (3) .การบริหารมงุ่ ผลสมั ฤทธิ (Results Based Management) ไดม้ ีการนาํ เครืองมือทางการบริหาร ทีเรียกว่า Balance Scorecard (BSC) ใชก้ าํ หนดตวั ชีวดั ผลการปฏิบตั ิงานในมุมมองดา้ นใดเป็นอย่างนอ้ ย (1) มุมมองดา้ นการเงิน และมุมมองดา้ นลูกคา้ (2) มมุ มองดา้ นการเงิน และดา้ นกระบวนการภายใน (3) มุมมองดา้ นการเงิน และดา้ นการเรียนรู้และการพฒั นา (4) มมุ มองดา้ นการเงนิ มุมมองดา้ นลกู คา้ มมุ มองดา้ นกระบวนการภายใน และมุมมองด้านการเรียนรู้และการ พฒั นา *** เฉลย (4) ถูกตอ้ งแลว้ .บริษทั กขค จาํ กดั เป็นนติ บิ คุ คลทตี งั ขึนตามกฎหมายไทย ในรอบระยะเวลาบญั ชี มกราคม – ธนั วาคม บริษทั มรี ายไดจ้ ากการขาย ลา้ นบาท มกี าํ ไรสุทธิเพอื เสียภาษี , บาท และบริษทั มที นุ จดทะเบยี นทชี าํ ระ แลว้ ณ วนั ที ธนั วาคม เป็นเงิน ลา้ นบาท ขอ้ ใดตอ่ ไปนีถูกตอ้ ง (1) ผูส้ อบบญั ชีภาษีอากร ตรวจสอบและรับรองงบการเงิน และมีภาษที ีตอ้ งชาํ ระตามการคาํ นวณเป็นเงิน 0, บาท (2) ผูส้ อบบญั ชีรับอนุญาต ตรวจสอบและรับรองงบการเงิน และมีภาษีทีตอ้ งชาํ ระตามการคาํ นวณเป็นเงิน 0, บาท *** (3) ผูส้ อบบญั ชีรับอนุญาต ตรวจสอบและรับรองงบการเงิน และมีภาษีทีตอ้ งชาํ ระตามการคาํ นวณเป็นเงิน 0, บาท (4) ผูส้ อบบญั ชีภาษีอากร ตรวจสอบและรับรองงบการเงิน และมีภาษที ีตอ้ งชาํ ระตามการคาํ นวณเป็นเงิน 0, บาท
หนา้ 633 .ตามทีกรมสรรพากรจะเป็นหน่วยงานนาํ ร่องในดา้ นงบประมาณประจาํ ปี แบบระบบผลงาน (Output Budgeting) งบประมาณประจาํ ปี แบบระบบผลงานทกี รมฯ เสนอขอมลี กั ษณะอยา่ งไร (1) ขอใหไ้ ดร้ ับงบประมาณตามผลงานการจดั เกบ็ (2) ขอให้กรมสรรพากรมีอาํ นาจจดั การงบประมาณทีไดร้ ับแบบอิสระ (3) ขอให้กรมสรรพากรสามารถนาํ งบประมาณทีเหลือจ่ายแต่ละปี สามารถเกบ็ สะสมไวจ้ ่ายปี ตอ่ ๆ ไปได้ (4) ถกู ทกุ ขอ้ *** เดิมเฉลย (4) ขอผ่านเพราะขอ้ สอบลา้ สมยั เกินไป .ขอใดตอ่ ไปนี มิได้ อยใู่ นแผนปรับปรุงระบบงานจดั เก็บภาษีของกรมสรรพากร (1) การกาํ กบั ดูแลผเู้ สียภาษีโดยใกลช้ ิดเป็นรายผปู้ ระกอบการและใหเ้ ป็นปัจจุบนั (2) การคืนภาษีใหก้ บั ผูส้ ่งออกทีดี ผูส้ ่งออกขึนทะเบียน และผสู้ ่งออกทวั ไป (3) การปรับปรุงระบบโครางสร้างองค์กรให้สอดคลอ้ งกบั ภารกิจ *** (4) ใหม้ ีการแจง้ แหล่งภาษี แจง้ เบาะแสการหลีกเลียงภาษีอากร และแจง้ พฤติกรรมเจา้ หนา้ ทีทีประพฤติปฏิบตั ิโดย มิชอบ เดิมเฉลย (3) ขอผ่านขอ้ สอบลา้ สมยั เกินไป .หา้ งหุน้ ส่วนจาํ กดั ก. จ่ายค่าทีจอดรถใหแ้ กบ่ ริษทั ข. เป็นเงิน , บาท โดยในการจอดรถบริษทั ข. มไิ ดก้ าํ หนด สถานทีจอดไวใ้ ห้ หา้ งหุน้ ส่วนจาํ กดั ก. ตอ้ งหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่ายหรือไม่ และถา้ หากตอ้ งหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่าย หกั ไว้ ในอตั ราใด (1) ไม่ตอ้ งหกั ภาษีเงินได้ ณ ทีจ่าย (2) ตอ้ งหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่าย ในอตั ราร้อยละ (3) ตอ้ งหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่าย ในอตั ราร้อยละ *** (4) ตอ้ งหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่าย ในอตั ราร้อยละ เฉลย (3) ถูกตอ้ งแลว้ ทงั นี ตาม คาํ สังกรมสรรพากรที ป.90/2542 .การหกั ลดหยอ่ นและยกเวน้ ภาษเี งนิ ได้ สาํ หรบั ดอกเบียเงินกูย้ มื เพือซือ เชา่ ซืออาคาร อาคารพร้อมทดี ิน หรือห้องชุดใน อาคาร หรือสร้างใหอ้ ยอู่ าศยั บนทดี นิ ของตนเองหรือบนทดี นิ ทตี นเองมสี ิทธิครอบครอง กรณีทหี กั ลดหยอ่ นไมถ่ กู ตอ้ ง (1) กรณีทีผมู้ ีเงนิ ไดห้ ลายคนร่วมกยู้ ืม ให้หักลดหย่อนและไดร้ ับยกเวน้ ภาษีทุกคนโดยเฉลียตามส่วนจาํ นวนผูม้ ีเงนิ ได้ แต่รวมกนั ตอ้ งไม่เกินจาํ นวนทีจ่ายจริง แต่ไม่เกิน , บาท (2) กรณีสามีภริยาต่างฝ่ ายต่างมีเงินได้ และความเป็นสามีภริยาไดม้ ีอยตู่ ลอดปี ภาษี โดยภริยาใชส้ ิทธิแยกยนื รายการและเสียภาษีต่างหากจากสามี ตามมาตรา เบญจ แห่งประมวลรัษฎากร ใหห้ กั ลดหย่อนและยกเวน้ ภาษีไดก้ งึ หนึง ของจาํ นวนทีจ่ายจริง แต่รวมกนั ไม่เกิน , บาท (3) กรณีสามีภริยาต่างฝ่ ายต่างมีเงินได้ ถา้ ความเป็นสามีภริยามิไดอ้ ยตู่ ลอดปี ภาษี ใหต้ ่างฝ่ ายต่างหกั ลดหยอ่ นและ ไดร้ ับยกเวน้ ภาษีตามจาํ นวนทีจ่ายจริง แต่ไม่เกิน , บาท
หนา้ 634 (4) กรณีสามีภริยาต่างฝ่ ายต่างมีเงินได้ และความเป็นสามีภริยาไดม้ ีอยู่ตลอดปี ภาษี โดยภริยาไม่ใชส้ ิทธิแยกยนื รายการและเสียภาษีต่างหากจากสามี ตามมาตรา เบญจ แห่งประมวลรัษฎากร ใหห้ กั ลดหยอ่ นและยกเวน้ ภาษไี ดต้ าม จาํ นวนทจี า่ ยจริง แตไ่ มเ่ กนิ คนละ , บาท *** เฉลย ( ) ถูกตอ้ งแลว้ เดิมเฉลย ( ) ทีถูกคือ ไมม่ ีขอ้ ใดถูก ขอ้ สอบลา้ สมยั เกินไป .นาย ก. ไดถ้ ูกประเมินภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดาพร้อมเงินเพิม ตามมาตรา แห่งประมวลรัษฎากร เป็นจาํ นวนเงิน มากกว่า , บาท ไดร้ ับหนงั สือแจง้ การประเมิน เมือวนั ที มนี าคม นาย ก. ไดใ้ ชส้ ิทธิตามมาตรา ( ) แห่ง ประมวลรัษฎากร ดงั นีการผ่อนชาํ ระของนาย ก. ขอ้ ใดไม่ถูกตอ้ ง (1) งวดที จะตอ้ งชาํ ระภายในเดือนมีนาคม นาย ก. ไดช้ าํ ระงวดที เมือวนั ที มีนาคม (2) งวดที จะตอ้ งชาํ ระภายในเดือนเมษายน แต่ปรากฏวา่ วนั ที เมษายน ตรงกบั วนั อาทิตย์ ซึงเป็น วนั หยดุ ทาํ การ นาย ก. มสี ิทธินาํ เงนิ งวดที ไปชาํ ระในวนั ที พฤษภาคม (3) การชาํ ระตาม ( ) นาย ก. หมดสิทธิทีจะชาํ ระเป็นรายงวดต่อไป *** (4) การชาํ ระตาม ( ) นาย ก. ไม่ตอ้ งเสียเงินเพิม ตามมาตรา แห่งประมวลรัษฎากร เพิมเตมิ แตอ่ ยา่ งใด เฉลย ( ) ถูกตอ้ งแลว้ ทงั นี ตามคาํ สังกรมสรรพากรที ป. / ขอ้ ( ) .กรณีใดดงั ตอ่ ไปนี ไม่อยใู่ นบงั คบั ตอ้ งหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่าย ตามมาตรา เตรส แห่งประมวลรัษฎากร (1) คา่ ตอบแทนทผี จู้ าํ หน่ายในระดบั ตา่ ง ๆ ไดร้ บั จากบริษทั ขายตรง ตามอตั ราและขอ้ กาํ หนดของบริษทั ขายตรงที จ่ายตอบแทนใหเ้ ป็นรายเดือน *** (2) บริษทั ผสู้ ่งออกขา้ ว จ่ายค่าตอบแทนใหแ้ กต่ วั กลางคา้ ขา้ ว (หยง) ทเี ป็นหา้ งหุน้ ส่วนสามญั นิติบุคคลในประเทศ ไทย (3) บริษทั จา่ ยคา่ เชา่ ทรัพยส์ ิน ใหแ้ กผ่ เู้ ชา่ ทเี ป็นบคุ คลธรรมดาในประเทศไทย (4) บริษทั จ่ายรางวลั ส่วนลด เนืองจากการส่งเสริมการขาย ใหแ้ ก่ตวั แทนขายทีมีหนา้ ทีเสียภาษีเงินไดบ้ ุคคล ธรรมดา เฉลย ขอ้ (1) ถกู ตอ้ งแลว้ .กรณีผูม้ ีเงินไดไ้ ม่มีสิทธิทีจะเลือกเสียภาษี โดยไม่ตอ้ งนาํ ไปรวมคาํ นวณภาษีตามมาตรา ( ) และ ( ) แห่งประมวล รัษฎากร (1) เงินไดจ้ ากการขายอสังหาริมทรัพยท์ ีไดม้ าโดยมิไดม้ ุ่งในทางการคา้ หรือหากาํ ไร (2) รางวนั ในการประกวด การแข่งขนั การชิงโชค ทีมิใช่รางวลั ทีทางราชการจ่ายใหใ้ นการประกวดหรือแข่งขนั ซึงผรู้ ับมิไดม้ ีอาชีพในการประกวดหรือแข่งขนั ซึงไดร้ ับยกเวน้ ภาษีเงินได้ *** (3) ดอกเบยี เงนิ ฝากธนาคารพาณิชย์ ประเภทประจาํ (ทไี ดร้ บั ทงั จาํ นวน) (4) เงนิ ปนั ผล ซึงผูม้ เี งนิ ไดท้ อี ยใู่ นประเทศไทย ไดร้ บั จากบริษทั ทตี อ้ งเสียภาษเี งนิ ไดน้ ติ บิ คุ คลในประเทศไทย เฉลย (2) ถูกตอ้ งแลว้ .นาย ฉ. และนาง ส. เป็นนักแสดงภาพยนตร์และละครโทรทศั น์ชาวไทย และเป็นสามภี ริยาชอบดว้ ยกฎหมาย อยู่ รวมกนั ตลอดปี ภาษี ในปี ภาษีดงั กล่าว ต่างฝ่ ายต่างมีเงินไดจ้ ากการแสดงภาพยนตร์และละครโทรทศั น์ โดยเฉพาะ
หนา้ 635 นาย ฉ. มเี งินไดพ้ ึงประเมิน , , บาท และนาง ส. มเี งินไดพ้ ึงประเมิน , บาท การยนื แบบ ภ.ง.ด. เสียภาษี เงินไดบ้ ุคคลธรรมดาภายในเดือนมีนาคม นาย ฉ. มีหน้าทเี ป็นผยู้ นื และชาํ ระภาษีในนามของนาย ฉ. โดยไดน้ าํ เงินได้ ของนาง ส. มารวมคาํ นวณภาษีดว้ ย และหากเลอื กค่าใชจ้ ่ายเป็นการเหมา จะหกั ค่าใชจ้ ่ายรวมเป็นเงินเท่าใด (1) , บาท (2) , บาท (3) , บาท (4) , บาท *** เฉลย ( ) ถกู ตอ้ งแลว้ นาย ก , บาท นาง ข , บาท รวม , บาท ตามคาํ สังกรมสรรพากร ป. / .ดอกเบียเงินฝากธนาคารในราชอาณาจกั ร ซึงถือเป็นเงินไดพ้ ึงประเมิน ของผมู้ ีเงินไดท้ ีมีหนา้ ทเี สียภาษเี งนิ ไดบ้ คุ คล ธรรมดา ในกรณีใดไม่ถูกตอ้ ง (1) ในกรณีสามีภริยาเป็นผูฝ้ ากเงินร่วมกนั หรือแยกกนั ถา้ ความเป็นสามีภริยาไดม้ ีอยู่ตลอดปี ภาษี ใหถ้ ือว่าดอกเบีย เงินฝากดงั กล่าวเป็นเงินไดพ้ ึงประเมินของสามี (2) ในกรณีทีความเป็นสามีภริยามิไดม้ ีอยู่ตลอดปี ภาษี ใหถ้ ือว่าเงินไดด้ งั กล่าวเป็นเงินไดข้ องคณะบุคคลทีมิใช่นิติ บคุ คล (3) กรณีบิดาและหรือมารดา เป็นผูฝ้ ากเงินเพือบุตรผูเ้ ยาว์ ใหถ้ ือว่าเงินไดด้ งั กล่าวเป็นเงินไดข้ องบุตรผูเ้ ยาว์ (4) กรณีสามีและภริยามิไดจ้ ดทะเบียนสมรสตลอดปี ภาษี เงินไดด้ งั กล่าวใหถ้ ือเป็นเงินไดข้ องสามีและภริยาตาม ส่วนของเงนิ ฝากของแตล่ ะคน *** เดิมเฉลย (4) ทีถูกตอ้ ง (1) ขอผ่าน ขอ้ สอบลา้ สมยั เกินไป .บริษทั ก. ใหบ้ ริษทั ข. เช่าอาคาร กาํ หนดระยะเวลาเช่า ปี ตอ่ มาบริษทั ข. นาํ อาคารดงั กล่าวไปใหบ้ ริษทั ค. เช่าช่วง โดยไดร้ ับความยินยอมจากบริษทั ก. บริษทั ข. ยงั ตอ้ งชาํ ระค่าเช่าใหแ้ กบ่ ริษทั ก. ผใู้ หเ้ ช่าตามสญั ญาเดมิ และเรียกเก็บคา่ เช่าจากบริษทั ค. ผเู้ ช่าช่วง ดงั นีขอ้ ใดต่อไปนีถูกตอ้ ง (1) บริษทั ก. ไมไ่ ดใ้ หบ้ ริการเชา่ อสงั หาริมทรัพยแ์ ก่ บริษทั ข. จงึ ไมไ่ ดร้ บั ยกเวน้ ภาษมี ลู คา่ เพิมตามมาตรา ( )(ต) แห่งประมวลรัษฎากร (2) บริษทั ข. ไดใ้ หบ้ ริการเชา่ อสงั หาริมทรัพยแ์ กบ่ ริษทั ค. จงึ ไดร้ บั ยกเวน้ ภาษมี ลู คา่ เพิมตามมาตรา ( )(ต) แห่ง ประมวลรัษฎากร *** (3) บริษทั ก. ใหบ้ ริการเชา่ อสงั หาริมทรัพยแ์ กบ่ ริษทั ข. แตไ่ มไ่ ดร้ บั ยกเวน้ ภาษมี ลู คา่ เพิมตามมาตรา ( )(ต) แห่ง ประมวลรัษฎากร (4) บริษทั ข. ไมไ่ ดใ้ หบ้ ริการเชา่ อสงั หาริมทรัพยแ์ กบ่ ริษทั ค. จงึ ไมไ่ ดร้ บั ยกเวน้ ภาษมี ลู คา่ เพิมตามมาตรา ( )(ต) แห่งประมวลรัษฎากร เฉลย (2) ถูกตอ้ งแลว้ ทงั นี ตาม คาํ สังกรมสรรพากรที ป.90/2542 .ขอ้ ใดตอ่ ไปนีไม่ถือว่าเป็นกรณีผูป้ ระกอบการซึงไดใ้ หบ้ ริการทีกระทาํ ในต่างประเทศ และไดม้ ีการใชบ้ ริการใน ต่างประเทศ ถือว่าเป็นการใหบ้ ริการนอกราชอาณาจกั ร จึงไม่อยใู่ นบงั คบั ตอ้ งเสียภาษีมูลค่าเพิม
หนา้ 636 (1) บริษทั ก. ทาํ สัญญาวา่ จา้ งบริษทั ในตา่ งประเทศใหเ้ ป็นนายหนา้ ตดิ ต่อหาลูกคา้ ในต่างประเทศ (2) บริษทั ข. ไดว้ า่ จา้ งบริษทั ตา่ งประเทศเป็นตวั แทนในการจดั หาแหลง่ เงนิ กู้ และจ่ายค่าธรรมเนยี มใหแ้ กต่ วั แทน (3) บริษทั ค. ไดว้ า่ จา้ งบริษทั ตา่ งประเทศใหส้ ่งเสริมการขาย การตลาด โฆษณาและรับจองหอ้ งพกั (4) บริษทั ง. ไดซ้ ือลิขสิทธิกรรมวิธีการผลิตจากบริษทั ในต่างประเทศ โดยบริษทั ในต่างประเทศยงั คงเป็นเจา้ ของ กรรมสิทธิในลิขสิทธิกรรมวิธีการผลิต *** เฉลย (4) ถูกตอ้ งแลว้ ทงั นี ตาม คาํ สังกรมสรรพากรที ป.104/2544 .ขอ้ ใดตอ่ ไปนีอยใู่ นหลกั เกณฑ์ กรณีของการโอนทรัพยส์ ินทีเขา้ ลกั ษณะเป็นการโอนทรัพยส์ ินโดยมีเหตอุ นั สมควรตาม มาตรา ทวิ ( ) แห่งประมวลรัษฎากร (1) ผูร้ บั โอนตอ้ งเป็นบริษทั ทจี ดทะเบยี นจดั ตังขึนใหม่ (2) ผูโ้ อนตอ้ งถอื หุน้ ในบริษทั ผรู้ ับโอนไม่น้อยกว่าร้อยละ ของหุน้ ทังหมดทีมีสิทธิออกเสียงในบริษทั ผูร้ ับโอน (3) ตอ้ งดาํ เนินการโอนและรับโอนในราคาไม่ตาํ กว่าราคาตามมลู ค่าทีปรากฏในบญั ชี (Book Value) ณ วนั ทีโอน *** (4) ผูโ้ อนจะตอ้ งไม่เป็นลูกหนีค่าภาษีอากรคา้ งของกรมสรรพากร เฉลย (3) ถูกตอ้ งแลว้ .กรณีใดตอ่ ไปนี ถือว่าเป็นการขดี ฆ่าอากรแสตมป์ ตามมาตรา แห่งประมวลรัษฎากร (1) ลงวนั เดือน ปี บนอากรแสตมป์ (2) ขีดเส้นคร่อมบนอากรแสตมป์ (3) ขีดเส้นคร่อมบนอากรแสตมป์ และลงวนั เดือน ปี กาํ กบั ไว้ (4) ถกู ทกุ ขอ้ *** เฉลย (4) ถูกตอ้ งแลว้ .กรณีใดตอ่ ไปนี ไม่ตอ้ งปิ ดอากรแสตมป์ (1) ทาํ สัญญาซ่อมรถยนต์ จาํ นวนเงิน , บาท (2) ทาํ สญั ญากูย้ มื เงนิ จาํ นวน บาท (3) ทาํ สัญญาเช่ารถยนตแ์ บบลิสซิง จาํ นวนเงนิ , บาท *** (4) ทาํ สัญญาจาํ นาํ รถยนตโ์ ดยไม่จาํ กดั จาํ นวนหนีไว้ เฉลย (3) ถูกตอ้ งแลว้ .บริษทั ก. จา่ ยเงนิ เป็นคา่ ตอบแทนทีบริษทั ข. ตงั อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ไดจ้ ดทะเบียนในประเทศไทย กรณี ขายสินคา้ ใหน้ ัน บริษทั ก. จะตอ้ งหักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่ายไว้ เป็นจาํ นวนเท่าใด (1) ร้อยละ (2) ร้อยละ (3) ร้อยละ
หนา้ 637 (4) ไมต่ อ้ งหกั *** เฉลย (4) ถูกตอ้ งแลว้ .บริษทั ก. ผูป้ ระกอบกจิ การจาํ หนา่ ยรถยนต์ ไดใ้ หค้ ณะกรรมการจดั ตงั ขึนตามโครงการเตรียมจัดประชุมระหว่าง ประเทศของรัฐบาลยมื ใชร้ ถยนตโ์ ดยไม่มีค่าตอบแทน จาํ นวน คนั เพือใชเ้ ป็นพาหนะของผนู้ าํ ต่างประเทศทีเดินทางเขา้ มาประชุมในการจดั ประชุมระหว่างประเทศ ซึงประเทศไทยรับเป็นเจา้ ภาพในการจดั ประชมุ การใหย้ มื ใชร้ ถยนตด์ งั กล่าว บริษทั ก. ตอ้ งมีภาระเกียวกบั ภาษีเงินไดอ้ ยา่ งไร (1) ถือเป็นการใหบ้ ริการโดยไม่มีค่าบริการ โดยมีเหตุอนั สมควรตามมาตรา ทวิ ( ) แห่งประมวลรัษฎากร *** (2) ถือเป็นการใหบ้ ริการโดยไม่มีค่าบริการ โดยไม่มีเหตุอนั สมควร ตามมาตรา ทวิ ( ) แห่งประมวลรัษฎากร (3) ถือเป็นการใหเ้ ช่า ตอ้ งคิดค่าเช่าตามราคาตลาด แลว้ นาํ มาเป็นรายได้ เพือคาํ นวณภาษีเงินไดน้ ิติบุคคล (4) ถือเป็นการยมื ใชค้ งรูปตอ้ งคาํ นวณค่าตอบแทนการยมื เพือนาํ มารวมคาํ นวณภาษีเงินไดน้ ิติบุคคล เฉลย (1) ถกู ตอ้ งแลว้ ทงั นี ตามคาํ สังกรมสรรพากรที ป.127/2546 .การขอขอ้ มูลบญั ชีเงินฝากธนาคารของผูค้ า้ งภาษีอากรทาง e-mail เริมใชเ้ มือใด (1) วนั ที มถิ นุ ายน (2) วนั ที กรกฎาคม (3) วนั ที เมษายน (4) วนั ที พฤษภาคม *** เฉลย (4) ถกู ต้องแล้ว .การขอขอ้ มูลบญั ชีเงินฝากธนาคารของผูค้ า้ งภาษีอากรทาง e-mail ตามมาตรา ตรี แห่งประมวลรัษฎากร จะตอ้ งใช้ แบบใด (1) แบบ ภ.ส. (2) แบบ ภ.ส. (3) แบบ ภ.ส. (4) แบบ ภ.ส. *** เฉลย (4) ถูกต้องแล้ว .หน่วยงานใดทีมีหนา้ ทีในการดาํ เนินการออกหมายเรียกตามมาตรา ตรีแห่งประมวลรัษฎากร เพือขอขอ้ มูลบญั ชีเงิน ฝากธนาคารของผูค้ า้ งภาษีอากรทาง e-mail
หนา้ 638 (1) สาํ นักงานสรรพากรภาค - (2) สาํ นักมาตรฐานการจดั เกบ็ ภาษี *** (3) สาํ นกั เทคโนโลยสี ารสนเทศ (4) สาํ นกั บริหารการเสียภาษีทางอิเลก็ ทรอนิกส์ เฉลย (2) ถกู ต้องแล้ว .การจดั ทาํ บญั ชีรายชือผคู้ า้ งภาษีอากรแนบทา้ ยหมายเรียกตามมาตรา ตรี แห่งประมวลรัษฎากร เพือขอขอ้ มูลบญั ชี เงินฝากธนาคารของผูค้ า้ งภาษีอากรทาง e-mail จะตอ้ งมีจาํ นวนกีรายต่อ หมายเรียก (1) ไม่เกิน รายต่อ หมายเรียก (2) ไม่เกิน รายต่อ หมายเรียก (3) ไมเ่ กนิ รายตอ่ หมายเรียก แตไ่ มเ่ กนิ จาํ นวน , รายตอ่ เดอื น *** (4) ไม่จาํ กดั จาํ นวนราย เฉลย (3) ถกู ตอ้ งแลว้ ตาม มจ.5/2552 และ มจ.4/2554 .กรณีธนาคารไม่ปฏิบตั ิตามหมายเรียกการขอขอ้ มูลบญั ชีเงินฝากธนาคารของผูค้ า้ งภาษีอากรทาง e-mail ตามมาตรา ตรี แห่งประมวลรัษฎากร จะตอ้ งดาํ เนินการอยา่ งไร (1) ออกหมายเรียกไปยงั ธนาคารใหม่ (2) จดั ทาํ หนงั สือเตือนแจง้ ไปยงั ธนาคารอีกครังหนึง (3) จดั ทาํ หนงั สือเตือนแจง้ ไปยงั ธนาคารอีกครังหนึง หากธนาคารไมป่ ฏบิ ตั ติ ามหนงั สือเตอื น ใหเ้ สนอ กรมสรรพากรเพอื ดาํ เนินคดอี าญา ตามมาตรา แห่งประมวลรัษฎากร *** (4) จดั ทาํ หนงั สือเตือนแจง้ ไปยงั ธนาคารอีกครังหนึง หากธนาคารไมป่ ฏบิ ตั ติ ามหนงั สือเตอื น ใหเ้ สนอ กรมสรรพากรเพอื ดาํ เนินคดอี าญา ตามมาตรา แห่งประมวลรัษฎากร เฉลย (3) ถกู ต้องแล้ว .ผูม้ ีอาํ นาจลงนามในการออกหมายเรียกเพือขอขอ้ มูลบญั ชีเงินฝากธนาคารของผูค้ า้ งภาษีอากรทาง e-mail ตามมาตรา ตรี แห่งประมวลรัษฎากร (1) ผอู้ าํ นวยการสาํ นักมาตรฐานการจัดเกบ็ ภาษี (2) ผอู้ าํ นวยการสาํ นักมาตรฐานการกาํ กบั และตรวจสอบภาษี (3) ผูอ้ าํ นวยการสาํ นกั บริหารการเสียภาษีทางอิเลก็ ทรอนิกส์ (4) รองอธิบดีกรมสรรพากร *** เฉลย (4) ถูกตอ้ งแลว้ ตามคาํ สังกรมสรรพากรที ท.ป.126/2546 .ขอ้ มูลใดทสี ามารถออกหมายเรียกธนาคาร ตามมาตรา ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ทาง e-mail (1) ขอ้ มูลเลขทีบญั ชีเงินฝากของผูค้ า้ งภาษีอากร (2) ยอดเงนิ คงเหลอื ในบญั ชเี งนิ ฝากของผูค้ า้ งภาษอี ากร (3) ขอ้ มูลทุกประเภทของผูค้ า้ งภาษีอากร
หน้า 639 (4) เฉพาะ ขอ้ ( ) และ ( ) *** ตรี แห่งประมวลรัษฎากรทาง e-mail เพือขอขอ้ มูล เฉลย ขอ้ ( ) ถกู ตอ้ งแลว้ .ธนาคารใดทกี รมสรรพากรไมส่ ามารถออกหมายเรียกตามมาตรา บญั ชเี งินฝากธนาคารของผูค้ า้ งภาษีอากร (1) ธนาคารซิตแี บงค์ *** (2) ธนาคารเพือการส่งออกและนาํ เขา้ แห่งประเทศไทย (3) ธนาคารเพือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (4) ธนาคารสแตนดาร์ต ชาร์เตอร์ด นครธน จาํ กดั (มหาชน) เดิมเฉลย (1) ขอผ่านขอ้ สอบลา้ สมยั เกินไป .ในปี พ.ศ. นาย ก. ขายบา้ นและทดี ิน ราคาตามสญั ญาขายจาํ นวน , บาท ราคาประเมินเจา้ พนกั งานทดี ิน , , บาท เพอื นาํ เงนิ ไปชาํ ระหนีธนาคาร นาย ก. มิไดน้ าํ รายไดด้ งั กล่าวมายนื แบบแสดงรายการเพือเสียภาษีธุรกิจ เฉพาะไว้ เจา้ พนกั งานฯ ไดเ้ ชิญพบนาย ก. รวมสองครัง นาย ก. กม็ ิไดม้ าพบ เจา้ พนกั งานจึงไดท้ าํ การประเมินเรียกเกบ็ ภาษีธุรกิจเฉพาะสาํ หรับการขายบา้ นและทีดินของนาย ก. ในปี กรณีดงั กล่าว นาย ก. จะตอ้ งรบั ผดิ ชาํ ระภาษพี รอ้ มเบีย ปรับ เงินเพิม รวมเป็นเงนิ ภาษที งั สิน ดงั นี (1) , บาท (2) , บาท *** (3) , บาท (4) , บาท ขอผ่านโจทยไ์ ม่ชดั เจน .บริษทั เดวสิ จาํ กดั ขอคนื ภาษเี งนิ ไดน้ ติ บิ คุ คล เนอื งจากถกู หกั ภาษี ณ ทจี า่ ย ไวเ้ กนิ ทตี อ้ งเสียตามแบบแสดงรายการเพอื เสียภาษีเงินไดน้ ิติบุคคล (ภ.ง.ด. ) แต่จากการตรวจสอบพบว่า บริษทั ฯ ถูกหกั ภาษี ณ ทีจ่ายไวจ้ ริง แต่ผูม้ ีหน้าทีหกั ภาษี ณ ทีจ่าย ไม่ไดน้ าํ ภาษีหกั ณ ทีจ่ายส่งกรมสรรพากรใหค้ รบถว้ น บริษทั ฯ จะไดร้ บั คนื ภาษหี รือไม่ (1) ไดร้ ับคืนเตม็ จาํ นวน *** (2) ไดร้ ับเท่าทีนาํ ส่งกรมสรรพากรไว้ (3) ไมไ่ ดร้ บั คนื ทงั หมด (4) ไม่ไดร้ ับคืนและตอ้ งถูกตรวจสอบ เฉลย (1) ถูกตอ้ งแลว้ .นายเดวสิ เป็นพนกั งานของธนาคารแห่งหนึง โดยภรรยาและบุตรมาอยใู่ นประเทศไทยดว้ ย นายเดวิส มีเงินไดเ้ ป็น เงินเดือนตงั แต่เดอื นมกราคม – มนี าคม เดอื นละ , บาท ตอ่ มาไดร้ ับคาํ สังยา้ ยไปประจาํ การทสี าขาในประเทศ สิงคโปร์ โดยไม่ไดเ้ ดินทางกลบั มายงั ประเทศไทย แต่ภรรยาและบุตรยงั คงพกั อาศยั อยใู่ นประเทศไทย อยากทราบวา่ นาย เดวิส สามารถนาํ ภรรยาและบตุ ร มาหกั ค่าลดหยอ่ นไดห้ รือไม่ (1) ไม่ได้ เนืองจากอยไู่ ม่ตลอดปี ภาษี (2) ไม่ได้ เนืองจากนายเดวิส ไม่ไดอ้ ยใู่ นประเทศไทย (3) ได้ เนืองจากภรรยาและบุตร อยใู่ นประเทศไทย ***
หนา้ 640 (4) ได้ เนืองจากมีเงินไดใ้ นประเทศไทย เฉลย (3) ถูกตอ้ งแลว้ .นาย ก. ขายทีดินไดม้ าโดยมิไดม้ ุ่งในทางการคา้ หรือหากาํ ไร โดยซือมาเมือวนั ที มกราคม ขายไปเมือวนั ที สิงหาคม นาย ก. ถือครองทดี นิ ตามประมวลรัษฎากรมานานเทา่ ใด (1) ถือครอบครบ ปี (2) ถือครอบครบ ปี เดอื น (3) ถือครอบครบ ปี *** (4) ถือครอบครบ ปี เฉลย ( ) ถูกตอ้ งแลว้ .อาํ นาจเปรียบเทยี บปรบั ตามมาตรา ทวิ ( ) ความผดิ ทมี โี ทษปรบั หรือจาํ คกุ เกนิ หกเดอื นแตไ่ มเ่ กนิ หนึงปี หรือทงั ปรับ ทงั จาํ ใครเป็นผูม้ อี าํ นาจเปรียบเทยี บโดยกาํ หนดคา่ ปรับแตส่ ถานเดยี ว (1) ผวู้ ่าราชการจงั หวดั (2) อธิบดีกรมสรรพากร (3) คณะกรรมการฯ *** (4) ศาล เฉลย (3) ถูกตอ้ งแลว้ .นายเฉินหลง มาแสดงเป็นพระเอกในภาพยนตร์เรืองใหม่ ทีถา่ ยทาํ ในประเทศไทย โดยบริษทั ฯ จากฮอลลีวูด้ เป็น ผดู้ าํ เนินการถา่ นทาํ และขออนุญาตถ่ายทาํ อยา่ งถูกตอ้ งตามกฎหมายไทย ขอ้ ความใดต่อไปนีถกู ตอ้ งสาํ หรบั นายเฉินหลง ถา้ ไมข่ อคนื ภาษหี รือขอเครดติ ภาษี (1) ถูกหกั ภาษี ณ ทีจ่ายร้อยละ ไม่ตอ้ งยนื แบบฯ *** (2) ถูกหกั ภาษี ณ ทีจ่ายร้อยละ ตอ้ งยนื แบบฯ (3) ถกู หกั ภาษี ณ ทจี า่ ย ตามอตั ราภาษเี งนิ ไดบ้ คุ คลธรรมดา ไมต่ อ้ งยนื แบบฯ (4) ถูกหกั ภาษี ณ ทีจ่าย ตามอตั ราภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดา ตอ้ งยนื แบบฯ เฉลย (1) ถูกตอ้ งแลว้ ทงั นี ตาม คาํ สังกรมสรรพากร ที ป.120/2545 .หนีภาษอี ากรทมี จี าํ นวนเกนิ , , บาท ตงั อยใู่ นเขตกรุงเทพมหานคร ขอผ่อนชาํ ระ งวด โดยใชเ้ ช็คคาํ ประกนั ใครเป็นผูส้ ามารอนุมตั ิ (1) สรรพากรพืนทีสาขา หรือสรรพากรพืนที *** (2) สรรพากรพืนทสี าขา เทา่ นนั (3) ผอู้ าํ นวยการสาํ นักมาตรฐานการจัดเกบ็ ภาษี (4) อธิบดีกรมสรรพากร เฉลยถูกตอ้ งแลว้ .บริษทั รวยจริงแท้ จาํ กดั มรี อบระยะเวลาบญั ชตี ังแตว่ นั ที มกราคม ถงึ ธนั วาคมของทกุ ปี และบริษทั ฯ ไดย้ นื แบบ แสดงรายการเพือเสียภาษีเงินไดน้ ิติบุคคล (ภ.ง.ด. ) เมือวนั ที สิงหาคม ต่อมาบริษทั ฯ ตรวจพบว่ายนื ภ.ง.ด.
หนา้ 641 แสดงประมาณการกาํ ไรสุทธิและชาํ ระภาษีไวข้ าดไป จึงจะทาํ การยืนเพิมเตมิ ในวนั ที สิงหาคม และมาขอ คาํ แนะนาํ จากทา่ นวา่ จะตอ้ งเสียเพิมอยา่ งไร (1) ไม่ตอ้ งเสียเงินเพิม *** (2) เสียรอ้ ยละ . (ทป. / ) (3) เสียร้อยละ . ต่อเดือน (4) เสียร้อยละ เฉลยถูกตอ้ ง .บมจ. อุดมทรัพย์ ประกอบกิจการผลิตเครืองจกั รและไดร้ ับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) โดยไดร้ ับสิทธิประโยชน์ ยกเวน้ ภาษีเงินไดน้ ิติบุคคลเป็นเวลา ปี ตงั แตป่ ี - ในรอบระยะเวลาบญั ชี บริษทั ฯ จะถูกหกั ภาษี ณ ทีจ่าย และนาํ ส่งไว้ บริษทั ฯ มีสิทธิยนื คาํ ร้องเพือขอคืนภาษีหัก ณ ทีจ่าย ต่อกรมสรรพากรหรือไม่ ถา้ มีสิทธิจะดาํ เนินการภายใน เมือใด (1) ไม่มีสิทธิ (2) มสี ิทธิยนื คาํ รอ้ งขอคนื ภายใน ปี นบั แตว่ ันสุดทา้ ยแห่งกาํ หนดเวลายนื รายการภาษี *** (3) มสี ิทธิยนื คาํ รอ้ งขอคนื ภายใน ปี นบั แตว่ นั ทถี กู หกั ภาษี ณ ทจี า่ ย (4) มีสิทธิยนื คาํ ร้องขอคืนภายใน ปี นบั แต่วนั ทีกรมสรรพากรไดร้ ับภาษี เฉลย (2) ถูกตอ้ งแลว้ .บริษทั มดี ี จาํ กดั ไดร้ บั ดอกเบียจากการขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิมจากกรมสรรพากร บริษทั ฯ ตอ้ งนาํ ดอกเบียดงั กล่าวมา รวมคาํ นวณเป็นรายไดข้ องบริษทั ฯ หรือไม่ และบริษทั ฯ จะถกู หกั ภาษี ณ ทจี า่ ยหรือไม่ (1) ไดร้ บั ยกเวน้ ทกุ กรณี (2) เป็นรายได้ แต่ไม่ตอ้ งถูกหักภาษี ณ ทีจ่าย (3) เป็นรายได้ ตอ้ งถูกหักภาษี ณ ทีจ่าย ร้อยละ *** (4) เป็นรายได้ ตอ้ งถูกหักภาษี ณ ทีจ่าย ร้อยละ เฉลย (3) ถูกตอ้ งแลว้ ทงั นี ตามมาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 641
Pages: