พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 232(ทนั ทที ่ีเห็น) ใจก็สงบเยอื กเยน็ ประหนึง่ ความรอ นท่ี ถูกดบั ดว ยน้าํ พันหมอ.ไดย ืนอยใู กลพระคาสดา. นับแตน้นั มา ชา งนัน้ กท็ ําวตั รปฏบิ ตั ิถวายพระศาสดา ถวายน้ําบว นพระโอษฐ นาํ นา้ํ สรงมาถวาย ถวายไมส ีฟน กวาดบริเวณนําผลไมมรี สอรอ ยจากปา มาถวายพระคาสดา. พระศาสดาก็ทรงเสวย.คืนวนั หนง่ึ พระศาสดาเสด็จจงกรมแลวประทบั นั่งบนแผนหิน.ฝา ยชา งพลายกย็ นื อยใู นทใี่ กลๆ . พระคาสดาทรงเหลยี วมองดานพระปฤษฎางคแ ลว มองไมเห็นใคร ๆ เลย เหลยี วมองดา นหนาและดา นพระปรศั วท งั้ สอง ก็มองไมเ ห็นใคร ๆ เลยอยา งน้ัน (เหมอื นกัน). ขณะนัน้ พระองคเกดิ พระดํารขิ ึ้นวา สุขแทหนอ ท่เี ราตถาคตอยแู ยกจากภิกษุผูกอความบาดหมางกันเหลาน้นั . ฝายชางพลายก็คิดถึงเหตเุ ปน ตน วา ไมม ชี างเหลา อ่นื คอยเคี้ยวกินก่ิงไมทีเ่ ราโนม ลง แลวเกิดความคิดข้นึ วา สขุ แทหนอทีเ่ ราอยูชา งเดยี ว เราไดทําวัตรถวายพระศาสดา. พระศาสดาตรวจดูพระดาํ รขิ องพระองคแลวทรงดําริวา จติของเราตถาคตเปน เชน นก้ี อน จิตของชา งเปนเชน ไรหนอแล ทรงเห็นจติ ของชา งน้นั เปน เชน นัน้ เหมือนกัน จงึ ทรงดําริวา จิตของเราทง้ั สองเหมือนกัน ดังน้ีแลว ทรงเปลง อุทานน้ีวา จติ ของชางตัวประเสรฐิ ผูมีงางอน กับจติ อันประเสรฐิ (ของเราตถาคต) นี้ ยอ มเขากันได (และ) ไมว าจะเปน ใคร ถา ยินดอี ยูในปา (จติ ของเขากบั จิตของเราตถาคตยอ มเขา กันไดท้งั นั้น)
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 233 บทวา อถโข สมพุ หุลา ภกิ ขฺ ู ความวา ครั้งนัน้ เมอ่ื พระตถาคตประทับอยูในปา ปาลิเลยยกะน้นั ดังพรรณนามานี้ ภกิ ษุ ๕๐๐ รูปที่จําพรรษาอยูใ นทศิ ท้งั หลาย. บทวา เยนายสมฺ า อานนฺโท ความวา (ภิกษเุ หลาน้ัน)ไมสามารถจะไปสาํ นักพระศาสดาตามธรรมดาของตนได จงึ เขา ไปหาพระอานนทจนถึงที่อยู. ศาสนาธรรม บทวา อนนฺตรา อาสวาน ขโย ความวา อรหัตตผลตอ จากมรรค. บทวา วจิ ยโส แปลวา ดว ยการวิจัย อธบิ ายวา กําหนดดว ยญาณซงึ่ สามารถวจิ ยั ถงึ สภาวะของธรรมเหลา น้ัน ๆ. บทวา ธมฺโม หมายถึง ศาสนธรรม. พระผมู ีพระภาคเจาทรงแสดงธรรมกําหนดสว นเหลาใดมอี าทิวา สตปิ ฏ ฐาน ๔ ไว เพือ่ตองการประกาศสวนเหลา น้ัน พระองคจึงตรสั (พระพทุ ธพจนนีไ้ ว) . ปฏจิ จสมุปบาทยอ ย บทวา สมนปุ สสฺ นา ไดแก การพิจารณาเหน็ ดวยทฏิ ฐิ. บทวา ส ขาโร โส ไดแก สงั ขารคือทิฏฐินั้น. บทวา ตโตโช โส สงฺขาโร ความวา สงั ขารน้นั เกดิ จากตัณหานน้ั อธิบายวา ในบรรดาจติ ทสี่ มั ปยุตดวยตณั หา สังขารนนั้ยอ มเกิดในจิต ๔ ดวง.
พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ที่ 234 บทวา สาป ตณฺหา ไดแ ก ตณั หาซงึ่ เปนปจ จัยของสงั ขารคือทิฏฐินนั้ . บทวา สาป เวทนา ไตแก เวทนาซง่ึ เปน ปจ จัยของตัณหานั้น. บทวา โสป ผสโฺ ส ไดแ ก สมั ผัสอนั เกิดจากอวชิ ชาซึง่ เปนปจจัยของเวทนานัน้ . บทวา สาป อวชิ ชฺ า ไดแ ก อวิชชาอนั สัมปยตุ ดวยผัสสะนน้ั . ถา มเี รา บรขิ ารของเรากม็ ี บทวา โน จสุส โน จ เม สิยา ความวา ถาเราไมพึงมีไซรแมบ รขิ ารของเรากไ็ มพ ึงมดี ว ย. บทวา น ภวสิ สฺ ามิ น เม ภวสิ สฺ ติ ความวา ก็ถาแมใ นอนาคตเราจักไมม ีไซร เม่ือเปน เชน น้ี แมบ รขิ ารของเรากจ็ ักไมม ดี ว ย. พระผูม ีพระภาคเจา เสด็จมาใหภ ิกษุนัน้ สลัดทิ้งทฏิ ฐิท่ียึดถอื ไวแลว ๆ ตามอัธยาศยั บคุ คลบาง ตามการยักยา ยเทศนาบาง. ในบทวา ตโตโช โส สงขฺ าโร พึงทราบอธบิ ายวา :- ถามวา ในจิตท่สี มั ปยุตดวยตัณหาไมมวี จิ กิ จิ ฉาเลย (แลว )สังขารคือวจิ กิ ิจฉาจะเกดิ จากตัณหาไดอ ยางไร ? ตอบวา สังขารคือวิจิกจิ ฉาเกิดจากตัณหากเ็ พราะยังละตณั หาไมได. อธิบายวา เมอื่ ตณั หาใดยังละไมไ ด สงั ขารคือวิจกิ ิจฉาน้นั ก็เกดิ ข้นึ พระผูมพี ระภาคเจาทรงหมายเอาตัณหานัน้ จงึ ตรสั คํานี้วาตโตโช โส สงขฺ าโร.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 235 แมใ นทฏิ ฐกิ ็ไดน ยั (ความหมาย) อยางเดียวกนั น้.ี เพราะธรรมดาวา สัมปยุตตทิฏฐิ ยอมไมม ีในจติ ตปุ บาท ๔ ดวง. อนง่ึ สมั ปยตุ ตทิฏฐนิ ้นั เกดิ ขึน้ เพราะละตณั หาใดไมไดหมายเอาตณั หาน้ัน ความหมายนี้จึงใชไดแมใ นทฏิ ฐนิ ้นั รวมความวาพระผูมพี ระภาคเจา ตรสั วปิ สสนาจนถึงอรหัตตผลไวใ นฐานะ ๒๓ ในสูตรน.ี้ จบ อรรถกถาปาลิเลยยสูตรที่ ๙ ๑๐. ปณุ ณมสูตร วาดวยอุปาทานขันธ ๕ [๑๘๒] สมยั หน่ึง พระผมู ีพระภาคเจาประทับอยู ณ มิคารมาตุ-ปราสาท ในพระวหิ ารบพุ พาราม ใกลพ ระนครสาวตั ถี พรอมดว ยภกิ ษสุ งฆเปนอันมาก กใ็ นสมยั นัน้ แล ในคืนวนั อุโบสถขึ้น ๑๕ คาํ่ เปนวันเพญ็ มีพระจนั ทรเต็มดวง พระผมู ีพระภาคเจาอันภิกษุสงฆห อ มลอ มแลว ประทบั นงั่ อยใู นท่แี จง . [๑๘๓] คร้งั นนั้ ภกิ ษรุ ปู หนึ่งลุกจากอาสนะ หมจีวรเฉวยี งบาขา งหนงึ่ แลว ประนมมอื ไปทางทพ่ี ระผมู พี ระภาคเจา ไดกราบทูลพระผมู พี ระภาคเจา วา ขา แตพ ระองคผ เู จรญิ ขา พระองคจ ะพงึ ทูลถามเหตปุ ระการหนึ่งกะพระผูมีพระภาคเจา ถาพระผูมพี ระภาคเจาทรงประทานโอกาสท่จี ะพยากรณป ญ หาแกข า พระองค พระผูมี-พระภาคเจาตรสั ตอบวา ดูกอ นภิกษุ ถาเชนนน้ั เธอจงน่ัง ณ อาสนะของตน แลว ถามปญ หาท่ีเธอมงุ จาํ นงเถิด ภกิ ษุนน้ั รับพระดาํ รัสของพระผมู ีพระภาคเจาแลวนง่ั ณ อาสนะของตน ทลู ถามปญ หาพระผมู ี-พระภาคเจาวา ขาแตพระองคผเู จรญิ อุปาทานขนั ธ ๕ ไดแ กอ ปุ าทาน-
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ที่ 236ขันธคือรปู ๑ อปุ าทานขนั ธคอื เวทนา ๑ อปุ าทานขนั ธค อื สญั ญา ๑อุปาทานขนั ธค อื สังขาร ๑ อปุ าทานขนั ธคอื วญิ ญาณ ๑ เหลานใ้ี ชไ หมพระเจาขา ? พ. ดกู อนภกิ ษุ อุปาทานขนั ธ ๕ ไดแก อปุ าทานขนั ธ คือ รปู ,เวทนา สญั ญา, สงั ขาร, วิญญาณ เหลานแี้ หละภกิ ษ.ุ วาดวยมูลแหงอปุ าทานขันธ ๕ [๑๘๔] ภิกษุน้ัน ชืน่ ชมอนุโมทนาภาษติ ของพระผมู พี ระภาคเจาวา ดแี ลวพระเจา ขา แลว ไดทลู ถามปญหาที่ยง่ิ ขนึ้ ไปวา อปุ าทานขันธ ๕เหลานแ้ี ล มอี ะไรเปน มลู เหตุ พระเจาขา ? ภ. ดูกอ นภกิ ษุ อุปาทานขนั ธ ๕ เหลา นแ้ี ล มฉี ันทะเปนมลู เหตุ ฯลฯ ภ.ิ อุปาทานก็อันนั้น และอุปาทานขนั ธ ๕ กอ็ นั นน้ั หรือวาอปุ าทานอื่นจากอุปาทานขนั ธ ๕ พระเจา ขา ? ภ. ดกู อ นภกิ ษุ อุปาทานก็อันนนั้ และอปุ าทานขนั ธ ๕ กอ็ นั น้นัหามไิ ด และอปุ าทานขันธอ ืน่ จากอปุ าทานขนั ธ ๕ กห็ ามิได แตฉันทราคะในอปุ าทานขันธ ๕ เหลานัน้ เปนตัวอปุ าทาน. วา ดวยฉันทราคะในอุปาทานขนั ธ ๕ [๑๘๕] ภกิ ษนุ ัน้ ชื่นชมอนุโมทนาภาษิตของพระผูมพี ระภาคเจาวา ดีแลว พระเจา ขา แลว ไดทลู ถามปญหาที่ย่งิ ข้ึนไปวา ขา แตพระองคผูเจริญ กฉ็ นั ทราคะในอปุ าทานขันธ ๕ แตกตางกนั หรือ พระผูม-ีพระภาคเจาตรัสตอบวา ตา งกนั ภกิ ษุ ดังน้ีแลวไดต รสั ตอไปวา ดูกอ น
พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ที่ 237ภกิ ษุ บุคคลบางคนในโลกน้ี มคี วามปรารถนาอยา งนวี้ าในอนาคตกาลขอเราพงึ มีรปู เชนนี้ พึงมีเวทนาเชน นี้ พงึ มสี ญั ญาเชนน้ี พงึ มสี งั ขารเชนนี้ พึงมีวญิ ญาณเชน น.้ี ดกู อนภิกษุ ฉันทราคะในอุปาทานขันธ ๕ตา งกนั ดว ยประการฉะน้แี ล. วา ดวยเหตุทเี่ รียกวา ขนั ธ ๕ [๑๘๖] ภกิ ษุนัน้ ชืน่ ชมอนโุ มทนาภาษติ ของพระผมู พี ระภาคเจาวา ดแี ลว พระเจา ขา แลว ไดทูลถามปญหาทยี่ ิ่งขนึ้ ไปวา ขา แตพ ระองคผูเ จริญ ดว ยเหตเุ พยี งเทา ไรหนอ ขันธจ งึ ช่อื วาขนั ธ? ภ. ดูกอนภกิ ษรุ ปู อยางใดอยางหนงึ่ ท้ังท่เี ปน อดีต อนาคต และปจจุบัน เปน ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี หยาบกด็ ี ละเอยี ดก็ดี เลวก็ดีประณตี กด็ ี มใี นทไ่ี กลกด็ ี ในทีใ่ กลก ็ดี น้ีเรียกวา รูปขันธ เวทนาอยางใดอยางหนงึ่ ฯลฯ นี้เรียกวาเวทนาขันธ สญั ญาอยางใดอยา งหนึ่ง ฯลฯนเ้ี รียกวา สญั ญาขันธ สังขารอยา งใดอยางหนง่ึ ฯลฯ น้ีเรียกวาสงั ขารขนั ธ วิญญาณอยางใดอยางหนึ่ง ทงั้ ท่ีเปน อดตี อนาคต และปจจบุ ัน เปนภายในก็ดี ภายนอกก็ดี หยาบกด็ ี ละเอยี ดก็ดี เลวก็ดีประณีตก็ดี มใี นที่ไกลกด็ ี ในทใ่ี กลก็ดี น้เี รยี กวาวิญญาณขันธดกู อนภกิ ษุ ดว ยเหตมุ ปี ระมาณเทา นีแ้ ล ขันธจ งึ ชอื่ วาขันธ. วาดว ยเหตุปจ จัยแหง ขนั ธ ๕ [๑๘๗] ภิกษุน้ัน ช่นื ชมอนโุ มทนาภาษิตของพระผูมพี ระภาคเจาวา ดีแลวพระเจา ขา แลวไดท ูลถามปญหาท่ยี ่งิ ขนึ้ ไปวา ขา แตพ ระองคผเู จริญ อะไรหนอเปนเหตเุ ปนปจจัยทําใหรปู ขันธ, เวทนาขันธ,สญั ญาขันธ, สงั ขารขนั ธ, วญิ ญาณขันธ, ปรากฏ ?
พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 238 ภ. ดกู อ นภกิ ษุ มหาภูตรูป ๔ แล เปน เหตเุ ปนปจ จัยทาํ ใหรปู ขนั ธป รากฏ ผสั สะเปน เหตุเปน ปจจยั ทาํ ใหเ วทนาขันธป รากฏ ผัสสะเปน เหตเุ ปนปจจยั ทาํ ใหส ญั ญาขนั ธปรากฏ ผสั สะ เปน เหตเุ ปนปจจยัทําใหส ังขารขนั ธป รากฏ นามรปู เปนเหตุเปน ปจ จยั ทาํ ใหว ิญญาณขนั ธปรากฏ. วาดว ยเหตเุ กดิ สักกายทิฏฐิ [๑๘๘] ภกิ ษุนั้น ชนื่ ชมอนโุ มทนาภาษติ ของพระผมู ีพระภาคเจาวา ดีแลวพระเจาขา แลวไดทูลถามปญหาท่ยี ่ิงขึน้ ไปวา ขาแตพ ระองคผูเจริญ สักกายทฏิ ฐมิ ไี ดอ ยา งใดหนอ? ภ. ดูกอ นภิกษุ ปถุ ุชนในโลกนี้ ผูยังมไิ ดสดบั เปนผไู มไ ดเหน็พระอรยิ เจา ไมฉ ลาดในอริยธรรม ไมไ ดรับแนะนําในอริยธรรมเปน ผูไมไ ดเ หน็ สตั บรุ ุษ ไมฉ ลาดในสปั ปรุ สิ ธรรม ไมไ ดรบั แนะนําในสปั ปรุ ิสธรรม ยอมเหน็ รปู โดยความเปน อตั ตา ยอ มเห็นอัตตามรี ูป ยอ มเห็นรูปในอตั ตา ยอมเหน็ อตั ตาในรูป ยอมเหน็ เวทนาโดยความเปน อตั ตายอมเหน็ อตั ตามเี วทนา ยอ มเห็นเวทนาในอัตตา ยอ มเห็นอตั ตาในเวทนายอ มเหน็ สัญญาโดยความเปนอตั ตา ยอมเหน็ อัตตามีสญั ญา ยอ มเหน็สัญญาในอตั ตา ยอมเหน็ อตั ตาในสญั ญา ยอมเหน็ สงั ขารโดยความเปนอัตตา ยอ มเห็นอตั ตามสี ังขาร ยอมเหน็ สังขารในอัตตา ยอมเหน็ อตั ตาในสังขาร ยอ มเห็นวญิ ญาณโดยความเปน อตั ตา ยอมเหน็ อัตตามวี ญิ ญาณยอ มเหน็ วญิ ญาณในอตั ตา ยอมเห็นอตั ตาในวิญญาณ ดูกอ นภิกษุสกั กายทิฏฐิมีไดด ว ยอาการเชน นีแ้ ล.
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ที่ 239 วาดวยเหตุจะไมม ีสกั กายทฏิ ฐิ [๑๘๙] ภกิ ษนุ ้นั ชน่ื ชมอนุโมทนาภาษติ ของพระผูม พี ระภาคเจาวา ดีแลวพระเจาขา แลว ไดทูลถามปญ หาทยี่ ิง่ ขึ้นไปวา ขา แตพ ระองคผูเจรญิ สักกายทฏิ ฐยิ อมไมม ไี ดอ ยา งไร? ภ. ดูกอนภกิ ษุ อริยสาวกในธรรมวนิ ัยนี้ ผูไดสดบั แลว เปน ผูไดเหน็ พระอริยเจา ฉลาดในอรยิ ธรรม ไดรับแนะนําแลวเปน อยางดีในอรยิ ธรรม เปน ผไู ดเหน็ สัตบรุ ษุ ฉลาดในสปั ปรุ ิสธรรม ไดรบั แนะนําแลวเปน อยางดใี นสัปปุรสิ ธรรม ยอมไมเ หน็ รูปโดยความเปนอตั ตาไมเ หน็ อัตตามรี ูป ไมเ หน็ รูปในอตั ตา หรือไมเ ห็นอัตตาในรปู ยอมไมเหน็ เวทนาโดยความเปนอัตตา ไมเ หน็ อัตตามีเวทนา ไมเห็นเวทนาในอตั ตา หรอื ไมเห็นอัตตาในเวทนา ยอมไมเ หน็ สัญญาโดยความเปนอตั ตา ไมเ ห็นอัตตามีสัญญา ไมเหน็ สญั ญาในอตั ตา หรือไมเ หน็อัตตาในสญั ญา ยอมไมเ หน็ สังขารโดยความเปน อตั ตา ไมเห็นอัตตามีสังขาร ไมเ ห็นสังขารมใี นอัตตา หรอื ไมเ หน็ อัตตาในสงั ขาร ยอ มไมเ ห็นวญิ ญาณโดยความเปนอตั ตา ไมเ ห็นอตั ตามวี ิญญาณ ไมเห็นวิญญาณในอตั ตา หรือไมเห็นอตั ตาในวิญญาณ ดูกอนภิกษุ สักกายทฏิ ฐิยอมไมม ดี ว ยอาการเชนนแ้ี ล.วา ดวยคณุ โทษและอบุ ายสลดั ออกซ่งึ อุปาทานขนั ธ [๑๙๐] ภิกษุนน้ั ช่ืนชมอนโุ มทนาภาษติ ของพระผมู ีพระภาคเจาวา ดีแลว พระเจาขา แลว ไดท ูลถามปญหาทย่ี งิ่ ข้ึนไปวา ขาแตพ ระองคผเู จริญ อะไรหนอเปนคุณ เปน โทษของรูป, เวทนา, สญั ญา, สงั ขาร,วิญญาณ เปนการสลัดออกซึ่งรูป ซ่ึงเวทนา ซง่ึ สญั ญา ซ่งึ สังขารซ่ึงวญิ ญาณ?
พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 240 ภ. ดูกอ นภกิ ษุ สขุ โสมนัส อาศัยรูปเกิดข้ึน นี้เปน คณุ ของรูปรูปไมเที่ยง เปนทกุ ข มคี วามแปรปรวนเปนธรรมดา นเี้ ปน โทษของรูปการกําจดั ฉันทราคะ การละฉันทราคะในรูปเสียได นีเ้ ปน การสลดั ออกซ่ึงรูป สุขโสมนสั อาศัยเวทนาเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยสัญญาเกิดขน้ึ ฯลฯอาศัยสังขารเกดิ ขึ้น อาศยั วญิ ญาณเกดิ ขึน้ นีเ้ ปนคณุ ของวิญญาณวญิ ญาณไมเท่ียง เปนทกุ ข มคี วามแปรปรวนเปนธรรมดา นีเ้ ปนโทษของวิญญาณ การกาํ จัดฉนั ทราคะ การละฉันทราคะในวญิ ญาณเสยี ไดนเี้ ปนการสลดั ออกซงึ่ วญิ ญาณ. วา ดวยการไมม ีอหงั การ มมงั การ และมานานุสัย [๑๙๑] ภิกษุนัน้ ชื่นชมอนโุ มทนาภาษติ ของพระผมู พี ระภาคเจาวา ดแี ลว พระเจา ขา แลว ไดทูลถามปญ หาท่ียิง่ ขนึ้ ไปอีกวา ขาแตพระองคผ ูเจรญิ เม่อื บคุ คลรูอยอู ยา งไร เห็นอยูอยางไร จงึ จะไมม ีอหงั การ มมงั การ และมานานสุ ัย ในกายทีม่ ีวญิ ญาณน้ี และในสรรพนิมติ ภายนอก? ภ. ดูกอ นภกิ ษุ รูปอยางใดอยา งหนงึ่ ท้ังที่เปน อดตี อนาคตและปจจบุ นั เปนภายในกด็ ี ภายนอกก็ดี หยาบก็ดี ละเอยี ดก็ดี เลวก็ดีประณีตกด็ ี มีในท่ีไกลกด็ ี ในทีใ่ กลก็ดี อรยิ สาวกยอมพจิ ารณาเห็นรปู ทงั้ หมดนนั้ ดวยปญ ญาอันชอบ ตามความเปนจรงิ อยา งน้วี านัน่ ไมใชของเรา เราไมเ ปน นนั่ นัน่ ไมใ ชอ ัตตาของเรา เวทนาอยางใดอยางหน่ึง สัญญาอยางใดอยางหนง่ึ สังขารอยา งใดอยางหนงึ่ วิญญาณอยา งใดอยา งหนึง่ ทงั้ ท่ีเปนอดตี อนาคต และปจจุบนั เปนภายในกด็ ีภายนอกก็ดี หยาบกด็ ี ละเอียดกด็ ี เลวก็ดี ประณตี กด็ ี มีในที่ไกลกด็ ีในทใี่ กลก ็ดี อริยสาวกยอมพจิ ารณาเห็นวญิ ญาณทง้ั หมดนั้น ดว ยปญ ญาอันชอบตามความเปนจรงิ อยา งน้ีวา นน่ั ไมใชข องเรา เราไมเปน
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 241น่ัน นน่ั ไมใชอัตตาของเรา ดกู อนภิกษุ เมื่อบุคคลรอู ยอู ยางน้ี เห็นอยูอยางนแี้ ล จึงจะไมม ีอหังการ มมงั การ และมานานสุ ยั ในกายทีม่ ีวิญญาณนีแ้ ละสรรพนมิ ติ ภายนอก. วา ดวยกรรมท่ีอนัตตากระทาํ จะถูกตอ งอตั ตา [๑๙๒] กโ็ ดยสมยั นน้ั แล ภกิ ษุรูปหนง่ึ ไดเกิดความปรวิ ติ กแหง ใจขน้ึ วา ทา นผูเ จรญิ ท้ังหลาย ไดยนิ วา ดว ยประการดงั น้ีแลรปู เปน อนตั ตา เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณ เปน อนัตตา กรรมที่อนตั ตากระทําแลว จักใหผลแกอตั ตาไดอ ยางไร. ครั้งนน้ั แล พระผูม-ีพระภาคเจา ทรงทราบความปรวิ ติ กแหง ใจของภกิ ษนุ ัน้ ดวยพระทัยแลวไดตรสั เรียกภกิ ษทุ งั้ หลายมาตรสั วา ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย ขอท่ีโมฆบุรษุ บางคนในธรรมวนิ ัยนี้ เปนผตู กอยใู นอาํ นาจอวิชชา มีใจถกูตณั หาครอบงํา จะพึงสาํ คัญสตั ถุศาสน วาเปน คําสอนท่คี วรคดิ ใหตระหนักวา ทานผูเจรญิ ท้ังหลาย ไดย ินวา ดวยประการดงั นแี้ ลรูปเปน อนัตตา เวทนา สัญญา สงั ขาร วิญญาณ เปน อนตั ตา กรรมที่อนตั ตากระทําแลว จักใหผ ลแกอ ัตตาไดอยา งไร? นเี้ ปน เหตุ (ฐานะ)ทจ่ี ะมีได ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายอันเราไดแ นะนาํ ไวแ ลวดว ยการทวนถามในธรรมนน้ั ๆ ในบาลปี ระเทศนนั้ ๆ จะสาํ คญั ความขอ นนั้ เปนไฉน รูปเทีย่ งหรือไมเ ที่ยง? ภิกษุเหลา น้นั กราบทูลวาไมเทีย่ ง พระเจาขา. ภ. เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณ เท่ยี งหรอื ไมเท่ียง ภิ. ไมเทยี่ ง พระเจาขา. ภ ก็สิง่ ใดไมเ ท่ียง สงิ่ น้นั เปน ทกุ ขหรือเปนสุขเลา .
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 242 ภ.ิ เปนทุกข พระเจา ขา . ภ. ก็ส่งิ ใดไมเท่ยี ง เปนทกุ ข มคี วามแปรปรวนเปนธรรมดาควรหรอื ทจี่ ะตามเห็นส่ิงนั้นวา น่นั ของเรา เรานนั่ เปน นนั่ เปน ตวั ตนของเรา. ภิ. ไมควรเห็นอยา งน้ัน พระเจาขา . ภ. เพราะเหตนุ ั้นแล ฯลฯ อรยิ สาวกผไู ดส ดับแลว เห็นอยูอยางนี้ฯลฯ ยอมทราบชัดวา ฯลฯ กิจอน่ื เพือ่ ความเปน อยา งนมี้ ิไดม ี ฉะนแ้ี ล. จบ ปุณณมสูตรท่ี ๑๐ จบ ขชี ชนยี วรรคที่ ๓ อรรถกถาปุณณมสูตรท่ี ๑๐ พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ในปุณณมสตู รที่ ๑๐ ดังตอ ไปนี้ :- บทวา ตทหโุ ปสเถ เปนตน ไดอธบิ ายไวแ ลว อยางพสิ ดารในปวารณาสตู ร. พระถามปญ ญาเรื่องเบญจขันธ บทวา กิ จฺ ิ เทส ไดแ ก เหตบุ างอยา ง. ถามวา เพราะเหตุไร พระผมู พี ระภาคเจาจงึ ตรสั อยางนว้ี าเธอจงนง่ั บนอาสนะของตนแลวถามปญ หาท่เี ธอจํานงหมายเถิด. ตอบวา พระผมู ีพระภาคเจาตรสั อยา งน้เี พราะทรงทราบวาไดย ินวา ภิกษนุ ้ันมภี ิกษเุ ปน บรวิ าร ๕๐๐ รปู ก็เมื่อภกิ ษุรปู ท่ีเปน
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 243อาจารยยนื ๑ ทูลถามปญหาอยู ถาภกิ ษุ (๕๐๐ รูป) นัน้ นัง่ กเ็ ปน การทาํความเคารพในพระศาสดา (แต) ไมเปนการทําความเคารพในอาจารยถายืน กเ็ ปน การทําความเคารพในอาจารย (แต) ไมเปนการทําความเคารพในพระศาสดา เมอ่ื เปน เชน น้ี จติ ของภกิ ษุเหลา นนั้ กจ็ กั ฟงุ ซานพวกเธอจักไมส ามารถรองรับพระธรรมเทศนาได แตเ ม่ือภิกษรุ ูปท่ีเปนอาจารยนน้ั นั่งถาม จติ ของภิกษุเหลาน้นั จักแนวแน (ในอารมณเดียว)พวกเธอกจ็ กั สามารถรองรบั พระธรรมเทศนาได. บทวา อิเม นุ โข ภนเฺ ต ความวา พระเถระน้อี ันใคร ๆไมค วรพดู (ตาํ หน)ิ วา ผทู ่ีเปนอาจารยข องภิกษตุ ้ัง ๕๐๐ รูป ไมรแู มเพียงเบญจขันธ เนื่องจากวา การท่ีเธอเมื่อถามปญหาจะถามเหมอื นคนรูอ ยางน้ีวา อปุ าทานขนั ธ ๕ เหลา นี้ ไมใชอ ปุ าทานขันธเ หลาอื่นไมเ หมาะเลย เพราะฉะนนั้ ทา นจงึ ถามเหมอื นคนไมรู. อนึง่ แมอ นั เตวาสิกท้ังหลายของทา นนั้น จักพากันคิดวาอาจารยข องพวกเราไมพ ดู วา เรารู แตเ ทยี บเคียงกับพระสพั พัญตุ ญาณกอ นแลว จงึ พดู ดงั นีแ้ ลว สําคัญคําสอนของทา นวา ควรฟง ควรเช่ือถือแมเพราะเหตุนัน้ ทานจึงถามเหมอื นคนไมร .ู เบญจขนั ธม ฉี นั ทะเปน มลู เหตุ บทวา ฉนฺทมลู กา คอื (เบญจขนั ธ) มฉี ันทะ คอื ตณั หาเปน มูล. บทวา น โข ภกิ ฺขุ ตฺเว อุปาทาน เต จ ปจฺ ปุ าทานกขฺ นธฺ าความวา เพราะเหตุทเี่ บญจขันธทพี่ นไปจากฉันทราคะไมมี ฉะนั้น๑. ปาฐะวา วติ กฺเก ปจุ ฉฺ นเฺ ต ฉบับพมา เปน ฐติ เก ปุจฺฉนฺเต แปลตามฉบับพมา
พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนา ที่ 244พระผูมพี ระภาคเจา จงึ ตรสั พระพุทธพจนบทน้ีไว. แตเพราะเหตุทไ่ี มม ีอปุ าทานท่ีพน ไปจากขนั ธท้งั โดยสหชาตปจจัยหรอื โดยอารัมมณปจจยัฉะนัน้ พระผมู ีพระภาคเจาจึงไมตรสั วา ปาทานมนี อกจากปาทานขนั ธ ๕.เพราะวา เมือ่ จิตท่สี มั ปยุตดวยตณั หาเปน ไปอยู รปู ทม่ี ีจติ นน้ั เปนสมุฏฐานช่ือวา รูปขนั ธ. เวนตณั หาเสยี อรูปธรรมทเ่ี หลือจดั เปน ขันธ ๔รวมความวา ไมมีอปุ าทานท่พี นไปจากขนั ธท ั้งโดยสหชาตปจ จัยอนง่ึ ไมมอี ุปาทานท่ีพนไปจากเบญจขนั ธทงั้ โดยอารมั มณปจ จยัเพราะอปุ าทานทําขนั ธใดขันธห น่ึงในบรรดาเบญจขนั ธมรี ูปเปนตนใหเ ปน อารมณเกดิ ข้ึน. ฉนั ทราคะมตี าง ๆ กนั บทวา ฉนฺทราคเวมตตฺ ตา แปลวา ความทีฉ่ ันทราคะมตี า ง ๆ กนั . บทวา เอว โข ภิกฺขุ ความวา ความทฉ่ี นั ทราคะมตี า ง ๆ กันพงึ มไี ด เพราะฉันทราคะทม่ี ีรูปเปนอารมณอ ยางนี้ กจ็ ะไมท าํ ขันธใดขันธหน่งึ ในบรรดาขันธม เี วทนาขันธเ ปน ตน ใหเปนอารมณ. บญั ญตั ิ บทวา ขนฺธาธวิ จน คือ น้ีเปนบัญญตั ิของขนั ธทง้ั หลาย๑.กบ็ ัญญตั นิ ้ีไมสบื ตออนุสนธกิ ันเลย ไมสบื ตออนุสนธกิ นั ก็จริง ถึงกระน้ันคําถามกม็ ีอนสุ นธิ (ตอเน่ืองกัน) คําวสิ ชั นากม็ อี นุสนธิ (ตอเนอื่ งกัน). ถงึ พระเถระน้ี ทลู ถาม (ปญ หากะพระผูมพี ระภาคเจา)ตามอัธยาศยั ของภิกษเุ หลา นน้ั ๆ ฝา ยพระศาสดาก็ทรงแก (ปญหา)ตามอธั ยาศัยของภิกษุเหลาน้นั เหมอื นกัน.๑. ปาฐะวา ขนฺธาติ อย ปฺตฺติ ฉบับสีหลเปน ขนธฺ าน อย ปฺ ตตฺ ิ แปลตามฉบับสหี ล
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนา ที่ 245 บทที่เหลือในทท่ี กุ แหง มีความหมายงา ยทงั้ น้ัน. จบอรรถกถาปณุ ณมสตู รท่ี ๑๐ กแ็ ล ในสูตรแตละสูตรของวรรคนี้ (มี) ภิกษุ ๕๐๐ รูป ไดส ําเรจ็เปนพระอรหนั ตแล. จบอรรถกถาขัชชนียวรรคที่ ๓ รวมพระสตู รท่มี ใี นวรรคนี้ คือ ๑. อสั สาทสูตร ๒. สมุทยสูตรท่ี ๑ ๓. สมุทยสูตรที่ ๒๔. อรหนั ตสตู รท่ี ๑ ๕. อรหนั ตสตู รท่ี ๒ ๖. สหี สตู ร ๗. ขัชชนยิ สตู ร๘. ปณ โฑลยสูตร ๙. ปาลิเลยยกสูตร ๑๐. ปุณณมสตู ร.
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 246 เถรวรรคที่ ๔ ๑. อานันทสตู รวา ดวยปจจัยใหมแี ละไมใหมตี ัณหามานะทิฏฐิ [๑๙๓] ขา พเจา ไดสดับมาแลว อยางนี้ :- สมัยหนึง่ พระผมู ีพระภาคเจาประทบั อยู ณ พระวหิ ารเชตวนัอารามของทานอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวตั ถี. ณ ทีน่ ้นั แล ทา นพระอานนทเถระเรยี กภกิ ษุทงั้ หลายมาแลว กลา ววา ดูกอ นอาวโุ สท้งั หลาย. ภกิ ษุเหลานนั้ รบั คาํ ทานพระอานนทแลว. ทานพระอานนทจงึ ไดก ลาววา ดกู อ นอาวโุ สท้งั หลาย ทา นพระปณุ ณมนั ตานีบตุ รมีอุปการะมากแกพวกเราเหลาภิกษใุ หม ทานกลา วสอนพวกเราดวยโอวาทอยางน้ีวา ดูกอ นทา นอานนท เพราะถอื ม่นั จงึ มตี ณั หา มานะทิฏฐวิ า เปนเรา เพราะไมถ ือมน่ั จึงไมม ีตณั หา มานะ ทิฏฐิวา เปน เราเพราะถือมน่ั อะไร จงึ มีตณั หา มานะ ทฏิ ฐวิ า เปน เรา เพราะไมถอื ม่ันอะไร จึงไมมีตณั หา มานะ ทฏิ ฐวิ า เปน เรา เพราะถอื มนั่ รูป เวทนาสญั ญา สังขาร วิญญาณ จึงมีตณั หา มานะ ทิฏฐวิ า เปน เรา เพราะไมถอื มั่นรูป เวทนา สัญญา สงั ขาร วิญญาณ จงึ ไมมีตัณหา มานะทฏิ ฐิวา เปนเรา ดูกอนทา นอานนท เปรยี บเหมอื นสตรีหรือบุรษุ รุนหนมุ รุน สาว มนี สิ ยั ชอบแตง ตัว สองดเู งาหนาของตนทก่ี ระจก หรือท่ีภาชนะนา้ํ อันใสบรสิ ุทธ์ิผุดผอง เพราะยึดถือจึงเห็น เพราะไมยึดถือจึงไมเหน็ ฉันใด ดูกอนทา นอานนท เพราะถือมัน่ รปู เวทนา สัญญาสงั ขาร วญิ ญาณ จงึ มตี ัณหา มานะ ทฏิ ฐวิ า เปนเรา เพราะไมถอื มั่นรปู เวทนา สัญญา สงั ขาร วิญญาณ จึงไมม ีตัณหา มานะ ทิฏฐิวาเปน เรา ฉันน้นั เหมือนกนั แล ดูกอ นทานอานนท ทานจะสาํ คญั ความ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 247ขอนัน้ เปน ไฉน รูปเท่ียงหรอื ไมเ ท่ียง. อ. ไมเที่ยง อาวโุ ส. ป. เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณ เทยี่ งหรือไมเทีย่ ง. อ. ไมเท่ียง อาวุโส ฯลฯ. ป. เพราะเหตนุ แ้ี ล อริยสาวกผสู ดับแลว เหน็ อยูอ ยา งนี้ ฯลฯรูชัดวา ฯลฯ กจิ อื่นเพ่อื ความเปนอยางนี้มิไดม ี (โดยเหตุน้แี ล ขาพเจาจงึ กลาววา ) ดกู อนอาวุโส ทา นพระปณุ ณมนั ตานีบตุ ร เปนผมู ีอุปการะมากแกพ วกเราเหลาภิกษุใหม ทา นสอนพวกเราดวยโอวาทนี้ กเ็ ราไดตรสั รธู รรม เพราะฟงธรรมเทศนานีข้ องทา นพระปุณณมนั ตานบี ตุ ร. จบอานนั ทสตู รท่ี ๑ เถรวรรคที่ ๔ อรรถกถาอานันทสตู รท่ี ๑ พึงทราบวินจิ ฉัย ในอานนั ทสูตรท่ี ๑ แหงเถรวรรค ดังตอไปน้ี :- พระปณุ ณมนั ตานบี ตุ ร บตุ รของนางพราหมณี ชอ่ื มันตานี ชอ่ื มันตานีบุตร. บทวา อปุ าทาย แปลวา อาศัย คือ ปรารภ ไดแก มงุ หมายคอื อิงแอบ. บทวา อสฺมตี ิ โหติ ความวา มธี รรมเครื่องเนิ่นชา ๓ อยางคือ ตณั หา มานะ และทิฏฐิ ท่ีเปนไปอยา งนี้วา อสั มิ (เรามี เราเปน ).
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 248 บทวา ทหโร แปลวา คนหนมุ . บทวา ยวุ า ไดแก ถงึ พรอ มดวยความเปนหนุม . บทวา มณฺฑกชาตโิ ย แปลวา มีการแตงตัวเปน สภาพ คอืมีปกติชอบแตงตัว. บทวา มุขนิมิตตฺ แปลวา เงาหนา. ก็เงาหนานนั้ อาศยั กระจกเงาทใี่ สสะอาดจงึ ปรากฏ. ถามวา ก็เมอื่ บุคคลมองดกู ระจกเงาใสสะอาดน้ัน เงาหนา ของตนปรากฏ หรือเงาหนาของคนอื่นปรากฏเลา ? อาจารยท ง้ั หลายกลา ววา ถาเงาหนาจะพึงเปน ของตนไซร(ไฉน) จะตอ งปรากฏเปน หนา อนื่ (อีกหนา หนง่ึ ) และถา เงาหนา เปนของผอู ื่น (อีกหนาหนึ่ง) ไซร ก็จะตอ งปรากฏไมเ หมือนกันโดยสเี ปนตนเพราะฉะน้ัน เงาหนาน้นั จงึ ไมเ ปนท้ังของตน ท้ังของคนอน่ื แตว ารูปทเี่ ห็นในกระจกนนั้ อาศัยกระจก จึงปรากฏ. ถามวา ถาจะมเี งาหนาใดปรากฏในนาํ้ เงาหนา นนั้ ปรากฏไดเพราะเหตุไร ? ตอบวา ปรากฏได เพราะมหาภูตรูป (น้าํ ) เปน ของใสสะอาด. บทวา ธมโฺ ม จ เม อภิสเมโก ความวา พระอานนทเถระกลาววา ผมไดบ รรลธุ รรมคอื สัจจะ ๔ ดว ยญาณ ผมจึงสาํ เร็จเปนพระโสดาบนั . จบ อรรถกถาอานนั ทสตู รที่ ๑
พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ที่ 249 ๒. ติสสสตู รวาดวยปจจัยใหเกิดและไมใ หเกดิ โสกะ [๑๙๔] กรุงสาวตั ถี ฯลฯ กส็ มัยน้นั ทานพระติสสะซ่ึงเปนโอรสของพระปตจุ ฉาของพระผูม ีพระภาคเจาบอกแกภ กิ ษหุ ลายรปูอยา งนีว้ า ดูกอนอาวุโสทั้งหลาย กายของขา พเจาเปนดจุ ภาระอันหนกั โดยแท แมท ิศทั้งหลายไมปรากฏแกข า พเจา แมธ รรมท้ังหลายไมแจมแจงแกขาพเจา ถนี มทิ ธะยอมครอบงําจติ ของขา พเจาอยูขาพเจาไมยินดีประพฤตพิ รหมจรรย และความสงสยั ในธรรมทั้งหลายยอ มเกดิ มีแกขาพเจา . [๑๙๕] ครั้งนั้นแล ภิกษุหลายรปู พากันเขาไปเฝา พระผูม -ีพระภาคเจาถึงทีป่ ระทับ ถวายบังคมแลวน่งั ณ ท่ีควรสวนขางหนึง่ครน้ั แลว จงึ กราบทลู วา ขาแตพระองคผ เู จริญ ทานตสิ สะผเู ปน โอรสของปตุจฉาของพระผมู พี ระภาคเจา บอกแกภ กิ ษหุ ลายรูปวา อาวุโสทัง้ หลายกายของขาพเจา เปน ดจุ ภาระอันหนกั โดยแท แมท ศิ ทง้ั หลายยอมไมปรากฏแกข าพเจา แมธ รรมท้งั หลายกไ็ มแ จมแจง แกขา พเจา ถีนมิทธะยอ มครอบงําจติ ของขา พเจาอยู ขา พเจาไมย นิ ดปี ระพฤตพิ รหมจรรยและความสงสยั ในธรรมทัง้ หลาย ยอมเกดิ มีแกข าพเจา ครั้งนน้ั แลพระผมู ีพระภาคเจา ตรัสเรยี กภกิ ษรุ ปู หนึง่ มาแลว รบั สงั่ วา ดกู อ นภกิ ษุเธอจงไปเรียกตสิ สภิกษตุ ามคาํ ของเราวา ทานติสสะ พระศาสดารับสงั่ ใหหาทา น ภิกษุนัน้ รับพระดํารัสแลวเขาไปหาทา นตสิ สะถึงท่ีอยูแลวบอกแกทานตสิ สะอยา งน้วี า ทา นตสิ สะ พระศาสดารับส่งั ใหหาทา นทา นพระติสสะรบั คําภกิ ษนุ ้นั แลว เขาไปเฝา พระผูมีพระภาคเจา ถึงทป่ี ระทับ ถวายบังคมแลวน่ัง ณ ทค่ี วรสว นขางหนึง่ ครน้ั แลวพระผมู ี-
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 250พระภาคเจาไดต รัสถามทานพระตสิ สะวา ดกู อ นติสสะ ทราบวาเธอไดบ อกแกภกิ ษุหลายรปู วา ดูกอนอาวโุ สทัง้ หลาย กายของขาพเจาเปน ดุจภาระอนั หนกั โดยแท ฯลฯ และความสงสยั ในธรรมท้ังหลายยอมเกดิ มแี กขาพเจา จริงหรือ ทานพระติสสะกราบทูลวา จรงิ อยา งนน้ัพระเจา ขา. ภ. ดกู อนตสิ สะ เธอจะสําคญั ความขอ น้นั เปนไฉน โสกะปรเิ ทวะ ทุกข โทมนสั และอปุ ายาส ยอมบงั เกิดแกบ คุ คลผูไมปราศจากความกําหนัด ความพอใจ ความรกั ใคร ความกระหาย ความเรา รอ นความทะเยอทะยานในรปู เพราะความท่รี ูปน้นั แปรปรวนเปน อยางอนื่ ไปใชไหม ? ต. ใช พระเจาขา. ภ. ดลี ะ. ๆ ตสิ สะ ก็ขอ นย้ี อ มเปน อยา งนี้ สาํ หรบั บุคคลผูไมป ราศจากความกําหนัดในรปู ดูกอนตสิ สะ เธอจะสาํ คัญความขอ นั้นเปน ไฉน โสกะ ปรเิ ทวะ ทกุ ข โทมนัสและอปุ ายาส ยอมเกดิ ข้ึนแกบ ุคคลผไู มปราศจากความกาํ หนดั ความพอใจ ความรักใครความกระหาย ความเรารอ น ความทะเยอทะยาน ในเวทนา ในสัญญาในสังขาร ในวิญญาณ เพราะวญิ ญาณนั้นแปรปรวนเปนอยางอน่ื ไปใชไ หม? ต. ใช พระเจา ขา . ภ. ดลี ะ ๆ ติสสะ ก็ขอ นย้ี อ มเปนอยา งน้ี สาํ หรับบุคคลผยู ังไมป ราศจากความกาํ หนดั ในวิญญาณ.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 616
Pages: