พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ที่ 401 กุกกุฬวรรคท่ี ๔ ๑. กุกกุฬสูตร วาดวยขนั ธ ๕ เปน ของรอน [๓๓๔] กรุงสาวตั ถี. ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย รูป เปน ของรอ นเวทนาเปน ของรอ น สัญญาเปน ของรอน สังขารเปน ของรอ น วญิ ญาณเปนของรอ น ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย อริยสาวกผไู ดสดบั แลว เห็นอยูอยางนี้ยอมเบ่ือหนายแมใ นรปู ยอ มเบื่อหนายแมในเวทนา ยอมเบ่อื หนา ยแมในสญั ญา ยอมเบอ่ื หนายแมในสังขาร ยอ มเบือ่ หนา ยแมในวิญญาณเมือ่ เบ่อื หนาย ยอ มคลายกาํ หนดั เพราะคลายกําหนัดจงึ หลดุ พนเม่ือหลดุ พน แลว ยอมมญี าณหย่งั รวู า หลุดพน แลว รชู ัดวา ชาติสน้ิ แลวพรหมจรรยอยูจบแลว กจิ ท่ีควรทาํ ทําเสร็จแลว กิจอื่นเพ่ือความเปนอยางนม้ี ไิ ดม ี. จบ กกุ กุฬสูตรที่ ๑ ๒. อนิจจสตู รท่ี ๑ วา ดว ยละฉนั ทะในสงิ่ ทีเ่ ปน อนจิ จัง [๓๓๕] กรงุ สาวัตถ.ี ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย เธอท้งั หลายพงึ ละฉนั ทะในสงิ่ ท่ไี มเที่ยงเสีย. ก็อะไรเปนส่ิงทไ่ี มเ ท่ียง ? รูปเปน สิ่งทไ่ี มเ ทีย่ ง เธอท้ังหลายพึงละฉันทะในรูปนน้ั เสีย เวทนา... สญั ญา...สงั ขาร... วญิ ญาณเปน สงิ่ ท่ไี มเที่ยง เธอท้งั หลายพึงละฉนั ทะในวิญญาณนนั้ เสยี . จบ อนจิ จสูตรท่ี ๑
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนา ที่ 402 ๓. อนิจจสตู รท่ี ๒วา ดว ยการละราคะในส่ิงทีเ่ ปน อนจิ จัง [๓๓๖] กรงุ สาวัตถ.ี ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย เธอท้งั หลายพึงละราคะในสิง่ ท่ไี มเทีย่ งเสยี ก็อะไรเปนส่ิงท่ีไมเทย่ี ง ? รูปเปนสง่ิ ท่ีไมเทีย่ ง เธอทงั้ หลายพึงละราคะในรปู นั้นเสีย เวทนา... สญั ญา...สังขาร... วญิ ญาณ เปนสง่ิ ที่ไมเ ที่ยง เธอทงั้ หลายพึงละราคะในวญิ ญาณนั้นเสีย. จบ อนจิ จสตู รท่ี ๒ ๔. อนจิ จสตู รท่ี ๓วา ดวยการละฉันทราคะในสิ่งที่เปนอนิจจัง [๓๓๗] กรงุ สาวัตถ.ี ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงละฉนั ทราราคะในสิง่ ท่ีไมเท่ยี งเสีย กอ็ ะไรเปน สิ่งทไี่ มเทย่ี ง ? รปู เปนส่งิ ที่ไมเทยี่ ง เธอทั้งหลายพงึ ละฉันทราคะในรปู นั้นเสยี เวทนา...สัญญา... สงั ขาร... วิญญาณ เปนส่ิงที่ไมเ ทยี่ ง เธอทั้งหลายพึงละฉนั ทราคะในวญิ ญาณน้นั เสีย. จบ อนจิ จสตู รที่ ๓ ๕. ทุกขสูตรที่ ๑ วาดวยการละฉันทะในส่ิงที่เปนทุกข [๓๓๘] กรุงสาวตั ถ.ี ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย เธอทงั้ หลายพงึ ละฉันทะในสง่ิ ท่ีเปนทุกขเสยี กอ็ ะไรเปนส่ิงทเ่ี ปนทุกข ? รูปเปนส่งิ ที่
พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 403เปน ทุกข เธอทัง้ หลายพึงละฉนั ทะในรูปน้ันเสีย เวทนา... สญั ญา...สังขาร... วญิ ญาณ เปนสง่ิ ทเี่ ปน ทุกข เธอทั้งหลายพึงละฉนั ทะในวญิ ญาณนน้ั เสยี . จบ ทกุ ขสูตรท่ี ๑ ๖. ทุกขสูตรท่ี ๒ วา ดว ยการละราคะในสิ่งทีเ่ ปนทุกข ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เธอท้ังหลายพงึ ละราคะในสิ่งทเี่ ปน ทุกขเ สียกอ็ ะไรเปน สิ่งท่ีเปนทุกข ? รูปเปน สง่ิ ทเี่ ปน ทกุ ข เธอทงั้ หลายพึงละราคะในรปู นั้นเสยี เวทนา... สญั ญา... สงั ขาร... วิญญาณ เปนสง่ิ ที่เปนทุกข เธอทง้ั หลายพึงละราคะในวิญญาณนัน้ เสยี . จบ ทุกขสตู รท่ี ๒ ๗. ทุกขสูตรท่ี ๓วา ดว ยการละฉนั ทราคะในสง่ิ ที่เปนทกุ ข ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย เธอท้ังหลายพึงละฉนั ทราคะในสิ่งท่ีเปน ทกุ ขเสยี กอ็ ะไรเปนสิ่งทเ่ี ปน ทุกข ๆ. รปู เปนสง่ิ ทเี่ ปน ทุกข เธอทงั้ หลายพึงละฉนั ทราคะในรูปนั้นเสยี เวทนา... สญั ญา... สงั ขาร... วิญญาณเปน สิ่งท่ีเปนทุกข เธอทัง้ หลายพงึ ละฉนั ทราคะในวญิ ญาณน้นั เสยี . จบ ทุกขสูตรที่ ๓
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ที่ 404 ๘. อนัตตสตู รท่ี ๑วา ดว ยการละฉนั ทะในสิ่งทีเ่ ปนอนตั ตา [๓๓๙] กรุงสาวตั ถี. ณ ทีน่ ้นั แล. ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลายเธอท้งั หลายพงึ ละฉันทะในสิ่งที่เปนอนัตตาเสีย ก็อะไรเปนส่งิ ทีเ่ ปนอนัตตา ? รูปเปนสง่ิ ท่ีเปนอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉนั ทะในรูปนน้ั เสยีเวทนา... สญั ญา... สงั ขาร... วิญญาณ เปนอนตั ตา เธอทงั้ หลายพงึ ละฉันทะในวญิ ญาณน้นั เสีย. จบ อนตั ตสูตรที่ ๑ ๙. อนัตตสูตรที่ ๒ วา ดว ยการละราคะในส่ิงทเ่ี ปน อนัตตา [๓๔๐] กรงุ สาวัตถ.ี ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย เธอทัง้ หลายพึงละราคะในสง่ิ ที่เปนอนัตตาเสยี ก็อะไรเปนอนตั ตา ? รปู เปน อนัตตาเธอทัง้ หลายพงึ ละราคะในรูปนัน้ เสีย เวทนา... สัญญา... สังขาร...วิญญาณ เปน อนัตตา เธอทัง้ หลายพงึ ละราคะในวิญญาณนั้นเสีย. จบ อนัตตสตู รท่ี ๒ ๑๐. อนัตตสูตรท่ี ๓วา ดวยการละฉันทราคะในส่ิงทเ่ี ปน อนัตตา [๓๔๑] กรุงสาวัตถี. ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย เธอทง้ั หลายพึงละฉนั ทราคะในสงิ่ ทีเ่ ปน อนตั ตาเสยี ก็อะไรเปน อนตั ตา ? รปู เปนอนตั ตา เธอท้ังหลายพงึ ละฉันทราคะในรปู นัน้ เสีย. เวทนา... สัญญา...
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ที่ 405สังขาร... วิญญาณ เปน อนตั ตา เธอทัง้ หลายพึงละฉันทราคะในวิญญาณนนั้ เสีย. จบ อนตั ตสตู รท่ี ๓ ๑๑. กลุ ปุตตสตู รที่ ๑ วา ดวยธรรมอันสมควรแกก ลุ บุตร [๓๔๒] กรุงสาวัตถี. ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย การอยทู ีม่ ากดวยความเบื่อหนายในรูป ในเวทนา ในสญั ญา ในสังขาร ในวญิ ญาณน้ียอ มเปน ธรรมสมควรแกกุลบตุ รผูบวชดว ยศรทั ธา ผอู ยูมากดว ยความเบ่ือหนายในรปู ในเวทนา ในสญั ญา ในสังขาร ในวิญญาณยอมกาํ หนดรซู ่ึงรปู เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ เม่อื กําหนดรูซึ่งรูป เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณ ยอมหลุดพนไปจากรูป เวทนาสญั ญา สังขาร วิญญาณ จากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปรเิ ทวะ ทุกขโทมนัส อุปายาส เราตถาคตกลาววา ยอมหลุดพน ไปจากทุกข. จบ กลุ ปตุ ตสตู รที่ ๑ ๑๒. กลุ ปุตตสตู รที่ ๒ วาดว ยธรรมอนั สมควรแกก ุลบตุ ร [๓๔๓] กรุงสาวัตถี. ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย การพิจารณาเหน็ ความไมเที่ยงในรปู ในเวทนา ในสญั ญา ในสังขาร ในวญิ ญาณอยูนี้ยอ มเปน ธรรมสมควรแกกลุ บตุ รผบู วชดวยศรัทธา เมือ่ พจิ ารณาเห็นความไมเ ท่ยี งในรปู ในเวทนา ในสัญญา ในสงั ขาร ในวิญญาณอยูยอมกาํ หนดรูซ ึ่งรปู เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ เม่ือกาํ หนดรูซง่ึ รปู
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนาที่ 406เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณอยู ยอ มหลดุ พน ไปจากรปู เวทนา สญั ญาสงั ขาร วิญญาณ จากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข โทมนัสอุปายาส เราตถาคตกลา ววา ยอมหลุดพนไปจากทุกข. จบ กุลปตุ ตสูตรท่ี ๒ ๑๓. กุลปุตตสตู รที่ ๓ วาดว ยธรรมอนั สมควรแกก ุลบตุ ร [๓๔๔] กรุงสาวตั ถี. ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย การพิจารณาเห็นความเปน ทกุ ข ในรปู ในเวทนา ในสญั ญา ในสงั ขาร ในวญิ ญาณอยนู ี้ยอมเปน ธรรมสมควรแกก ุลบุตรผบู วชดวยศรัทธา ฯลฯ เราตถาคตกลาววา ยอมหลุดพนไปจากทุกข. จบ กลุ ปตุ ตสตู รท่ี ๓ ๑๔. กุลปุตตสตู รท่ี ๔ วา ดวยธรรมอนั สมควรแกกุลบุตร [๓๔๕] กรุงสาวัตถ.ี ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย การพจิ ารณาเหน็ ความเปน อนัตตาในรูป ในเวทนา ในสญั ญา ในสังขาร ในวญิ ญาณอยูน้ี ยอมเปน ธรรมสมควรแกกุลบตุ รผบู วชดว ยศรัทธา เม่ือพจิ ารณาเหน็ อนัตตาในรูป ในเวทนา ในสญั ญา ในสงั ขาร ในวิญญาณอยู ยอมกําหนดรูซ งึ่ รูป เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ เมือ่ กําหนดรูซ่งึ รูปเวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ ยอ มหลดุ พน ไปจากรปู เวทนา สัญญา
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนาที่ 407สงั ขาร วิญญาณ จากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทกุ ข โทมนสัอุปายาส เราตถาคตกลา ววา ยอมหลุดพน ไปจากทุกข. จบ กลุ ปุตตสตู รท่ี ๔ อรรถกถากกุ กุฬวรรค พึงทราบวินจิ ฉยั ในกกุ กฬุ สูตรที่ ๑ แหงกุกกุฬวรรค ดังตอไปนี้ :- บทวา กุกกฺ ุฬ แปลวา รอน คือ ไฟติดโชน. ในสูตรนี้ พระผูมี-พระภาคเจา ตรัสลกั ษณะของทกุ ข ท่ีมคี วามเรารอนมากไววาเหมือนกองเถา. ในสูตรท่เี หลอื พระผมู พี ระภาคเจา แยกตรัสลักษณะเหลา น้ีทง้ั หมดมอี นจิ จลักษณะเปนตน ไวตามอัธยาศัยของบคุ คลแล. จบ อรรถกถากกุ กฬุ วรรคท่ี ๔ รวมพระสูตรที่มาในวรรคน้คี อื ๑. กกุ กฬุ สตู ร ๒. อนิจจสูตรท่ี ๑ ๓. อนจิ จสตู รท่ี ๒ ๔.อนจิ จสตู รที่ ๓ ๕. ทกุ ขสตู รท่ี ๑ ๖. ทุกขสูตรท่ี ๒ ๗. ทกุ ขสูตรท่ี ๓๘. อนตั ตสูตรท่ี ๑ ๙. อนตั ตสตู รท่ี ๒ ๑๐. อนตั ตสตู รที่ ๓ ๑๑. กุล-ปุตตสุตรที่ ๑ ๑๒. กุลปุตตสูตรที่ ๒ ๑๓. กลุ ปุตตสูตรที่ ๓ ๑๔.กุลปุตตสูตรท่ี ๔.
พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 408 ทฏิ ฐิวรรคที่ ๕ ๑. อัชฌตั ตกิ สูตร วาดวยเหตุแหง สขุ และทกุ ขภ ายใน [๓๔๖] กรงุ สาวัตถี. พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ถามวา ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย เมือ่ อะไรมอี ยู เพราะอาศยั อะไร สขุ และทกุ ขภายในจึงเกดิ ขน้ึ ภกิ ษุทงั้ หลายกราบทูลวา ขาแตพ ระองคผูเจริญ ธรรมของขา พระองคท ง้ั หลาย มีพระผมู ีพระภาคเจาเปนรากฐาน ฯลฯ ภ. ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย เมอื่ รูปมอี ยู เพราะอาศยั รปู สขุ และทกุ ขภายในจึงเกดิ ขนึ้ เมือ่ เวทนามีอย.ู .. เมือ่ สัญญามอี ยู... เมื่อสงั ขารมีอย.ู .. เมือ่ วญิ ญาณมอี ยู เพราะอาศัยวิญญาณ สุขและทกุ ขภายในจึงเกิดข้ึน. [๓๔๗] ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย เธอทงั้ หลายจะสาํ คัญความขอน้ันเปนไฉน รูปเท่ียงหรอื ไมเ ทย่ี ง ? ภิ. ไมเที่ยง พระเจาขา. ภ. ก็ส่งิ ใดไมเท่ียง สิ่งนน้ั เปน ทุกขหรอื เปนสุขเลา ? ภ.ิ เปน ทุกข พระเจา ขา . ภ. ก็สง่ิ ใดไมเท่ียง เปนทกุ ข มคี วามแปรปรวนเปน ธรรมดาสขุ และทกุ ขภ ายในพงึ บังเกิดข้ึน เพราะไมอ าศัยส่ิงนัน้ บา งหรือ ? ภิ. ไมใ ชเ ชนนนั้ พระเจาขา. ภ. เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณ เทีย่ งหรือไมเท่ยี ง ? ภิ. ไมเทีย่ ง พระเจา ขา .
พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 409 ภ. ก็ส่ิงใดไมเ ทย่ี ง สิ่งนน้ั เปน ทุกขหรือเปนสุขเลา ? ภิ. เปน ทุกข พระเจา ขา ภ. กส็ ิ่งใดไมเ ท่ยี ง เปน ทกุ ข มีความแปรปรวนเปนธรรมดาสขุ และทกุ ขภายในพงึ เกดิ ข้นึ เพราะไมอาศัยส่งิ น้นั บางหรือ ? ภิ. ไมใ ชเ ชน นัน้ พระเจา ขา. ภ. ดกู อนภิกษุทัง้ หลาย อรยิ สาวกผูไดส ดับแลว เหน็ อยอู ยางน้ีฯลฯ กิจอืน่ เพอื่ ความเปน อยา งนมี้ ไิ ดม ี . จบ อัชฌตั ตกิ สตู รที่ ๑ อรรถกถาทฏิ ฐวิ รรคท่ี ๕ อรรถกถาอชั ฌัตตกิ สตู รท่ี ๑ ทิฏฐิวรรคท่ี ๕ สตู รท่ี ๑ คําวา กึ อปุ าทาย ไดแก เพราะอาศัยอะไร. จบ อรรถกถาอชั ฌตั ตกิ สูตรที่ ๑ ๒. เอตงั มมสตู รวาดวยเหตุแหง การยึดมนั่ วา เปนของเรา [๓๔๘] กรงุ สาวัตถ.ี พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ถามวาดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย เม่อื อะไรมอี ยู เพราะอาศยั อะไร เพราะยดึ ม่ันอะไรบุคคลจงึ ตามเหน็ วา นัน่ ของเรา เราเปน นัน่ นั่นเปน ตัวตนของเรา
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 410ภกิ ษุทัง้ หลายกราบทลู วา ขา แตพ ระองคผูเจรญิ ธรรมของขา พระองคทงั้ หลาย มพี ระผมู พี ระภาคเจาเปน รากฐาน ฯลฯ ภ. ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย เมื่อมรี ปู อยู เพราะอาศัยรูป เพราะยดึ มั่นรปู บุคคลจงึ ตามเหน็ วา นนั่ ของเรา เราเปน น่นั นั่นเปนตัวตนของเรา เมือ่ เวทนามีอย.ู .. เมือ่ สญั ญามีอยู... เมอ่ื สงั ขารมีอยู...เมอื่ วญิ ญาณมีอยู เพราะอาศยั วิญญาณ เพราะยึดม่นั วญิ ญาณ บุคคลจงึ ตามเหน็ วา นั่นของเรา เรา เปนน่ัน น่นั เปนตวั ตนของเรา. [๓๔๙] ภ. ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสําคญั ความขอ น้นั เปน ไฉน รูปเทีย่ งหรอื ไมเ ท่ียง ? ภ.ิ ไมเ ทย่ี ง พระเจา ขา . ภ. ก็ส่ิงใดไมเ ที่ยง ส่งิ นั้นเปน ทุกขห รอื เปนสุขเลา ? ภิ. เปน ทกุ ข พระเจา ขา . ภ. กส็ ่ิงใดไมเ ที่ยง เปน ทุกข มคี วามแปรปรวนเปน ธรรมดาบุคคลพึงตามเหน็ วา นน่ั ของเรา เราเปน นั่น น่ันเปนตัวตนของเราเพราะไมอ าศยั ส่งิ นนั้ บางหรือ. ภิ. ไมใ ชเ ชน นน้ั พระเจาขา. ภ. เวทนา สัญญา สงั ขาร วิญญาณ เที่ยงหรอื ไมเ ท่ียง ? ภิ. ไมเท่ียง พระเจาขา. ภ. กส็ งิ่ ใดไมเท่ียง สงิ่ น้ันเปน ทุกขห รือเปนสุขเลา ? ภิ. เปน ทุกข พระเจาขา. ภ. ก็สิง่ ใดไมเท่ียง เปน ทุกข มคี วามแปรปรวนเปน ธรรมดา
พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 411บุคคลพงึ ตามเห็นวา นั่นของเรา เราเปน นั่น นั่นเปนตวั ตนของเราเพราะไมอ าศัยสิง่ นัน้ บางหรอื ? ภิ. ไมใ ชเ ชน น้ัน พระเจาขา . ภ. ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย อริยสาวกผูไดส ดับแลว เหน็ อยูอยา งน้ีฯลฯ กจิ อ่นื เพอ่ื ความเปน อยางนี้มิไดมี. จบ เอตังมมสูตรท่ี ๒ อรรถกถาเอตังมมสตู รที่ ๒ ในสตู รท่ี ๒ คําวา กึ อภนิ ิวสิ ฺส ไดแ ก เพราะยดึ ม่นั อะไรอธิบายวา กระทําใหเปนปจ จยั . จบ อรรถกถาเอตงั มมสตู รที่ ๒ ๓. เอโสอตั ตสูตร วาดวยเหตแุ หง สัสสตทฏิ ฐิ [๓๕๐] กรุงสาวัตถี. พระผูม พี ระภาคเจา ตรัสถามภกิ ษุท้งั หลายวา ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย เมอ่ื อะไรมีอยู เพราะอาศยั อะไรเพราะยึดมน่ั อะไร จงึ เกิดมีทฏิ ฐิอยา งนว้ี า . ตนกอ็ ันนน้ั โลกกอ็ นั นน้ัเรานน้ั ละโลกนีไ้ ปแลว จกั เปนผูเทีย่ ง ย่ังยืน ม่ันคง มคี วามไมเ ปล่ียนแปลงเปน ธรรมดา ภิกษุทั้งหลายกราบทลู วา ขาแตพ ระองคผูเ จรญิธรรมของขา พระองคท ง้ั หลาย มีพระผมู พี ระภาคเจาเปนรากฐาน ฯลฯ
พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 412 ภ. ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย เม่ือรูปมอี ยู เพราะอาศยั รปู เพราะยึดมั่นรูป จึงเกิดมที ฏิ ฐอิ ยางนี้วา ตนก็อันนนั้ โลกกอ็ ันนัน้ เราน้ันละโลกนไ้ี ปแลว จักเปนผเู ที่ยง ยั่งยืน ม่ันคง มคี วามไมเ ปลีย่ นแปลงเปนธรรมดา เมือ่ เวทนามอี ยู. .. เมื่อสัญญามีอยู. .. เมอ่ื สงั ขารมีอย.ู ..เมอื่ วิญญาณมอี ยู เพราะอาศยั วิญญาณ เพราะยดึ มนั่ วิญญาณ จึงเกิดมีทฏิ ฐิอยางนวี้ า ตนก็อันนั้น โลกกอ็ นั นั้น เราน้นั ละโลกนไี้ ปแลว จักเปนผเู ที่ยง ยงั่ ยนื ม่นั คง มีความไมเ ปลี่ยนแปลงเปนธรรมดา. [๓๕๑] ภ. ดูกอนภิกษทุ ัง้ หลาย เธอทง้ั หลายจะสําคญั ความขอน้ันเปน ไฉน รูปเทย่ี งหรือไมเ ทยี่ ง ? ภ.ิ ไมเทย่ี ง พระเจา ขา . ภ. ก็สงิ่ ใดไมเทย่ี ง สิ่งนัน้ เปนทกุ ขห รือเปนสขุ เลา ? ภิ. เปน ทุกข พระเจาขา. ภ. กส็ ่ิงใดไมเทยี่ ง เปน ทุกข มีความแปรปรวนเปน ธรรมดาพงึ เกิดมีทฏิ ฐอิ ยา งน้ีวา ตนก็อนั นั้น โลกกอ็ ันน้นั เราน้นั ละโลกนไี้ ปแลวจักเปนผเู ท่ยี ง ยั่งยนื ม่ันคง มีความแปรปรวนเปนธรรมดา เพราะไมอาศัยส่ิงนน้ั บางหรือ ? ภิ. ไมใชเชน นนั้ พระเจา ขา . ภ. เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ เที่ยงหรือไมเท่ยี ง ? ภิ. ไมเ ท่ยี ง พระเจา ขา . ภ. ก็ส่ิงใดไมเ ที่ยง สงิ่ น้นั เปนทกุ ขหรือเปนสุขเลา ? ภิ. เปน ทุกข พระเจา ขา . ภ. กส็ ่ิงใดไมเ ท่ียง เปนทกุ ข มีความแปรปรวนเปนธรรมดา
พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 413พึงเกิดมที ิฏฐอิ ยางน้วี า ตนกอ็ นั น้นั โลกกอ็ นั น้ัน เรานัน้ ละโลกนีไ้ ปแลวจักเปน ผูเทย่ี ง ยง่ั ยนื มั่นคง มคี วามไมเ ปลีย่ นแปลงเปนธรรมดาเพราะไมอาศยั ส่ิงนน้ั บา งหรือ ? ภิ. ไมใชเ ชน นน้ั พระเจาขา . ภ. ดกู อนภิกษุทั้งหลาย อรยิ สาวกผูไดส ดับแลว เห็นอยูอ ยา งน้ีฯลฯ กจิ อื่นเพอื่ ความเปน อยา งนม้ี ไิ ดม.ี จบ เอโสอตั ตสูตรที่ ๓ อรรถกถาเอโสอัตตสูตรที่ ๓ ในสตู รท่ี ๓ เปนตน คาํ วา ทิฏฐ ิ เปนตน พระผูมีพระภาคเจาตรสั ดวยอัธยาศยั ของบคุ คล. จบ อรรถกถาเอโสอตั ตสูตรที่ ๓ ๔. โนจเมสยิ าสูตร๑ วาดว ยเหตุแหงนตั ถกิ ทฏิ ฐิ [๓๕๒] กรุงสาวัตถ.ี พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ถามวา ดกู อ น-ภกิ ษุทัง้ หลาย เมอื่ อะไรมีอยู เพราะอาศัยอะไร เพราะยดึ ม่ันอะไรจึงเกดิ มีทฏิ ฐอิ ยา งน้ีวา เราไมพึงมี และบริขารของเราไมพึงมีเราจกั ไมม ี บรขิ ารของเราจกั ไมม ี ภิกษุทั้งหลายกราบทลู วา๑. สูตรที่ ๔-๙ ไมมีอรรถกถาแก
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 414ขา แตพ ระองคผเู จริญ ธรรมของขา พระองคท ัง้ หลาย มพี ระผูมี-พระภาคเจาเปนรากฐาน ฯลฯ ภ. ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย เมือ่ รปู มีอยู เพราะอาศยั รูป เพราะยดึ มน่ั รปู จึงเกดิ มที ฏิ ฐอิ ยา งนีว้ า เราไมพ งึ มี บริขารของเราไมพงึ มีเราจกั ไมมี บรขิ ารของเราจักไมม ี เมอื่ เวทนามอี ยู. .. เมอื่ สญั ญามีอย.ู ..เมอื่ สังขารมอี ย.ู .. เมือ่ วิญญาณมีอยู เพราะอาศัยวญิ ญาณ เพราะยดึ มัน่ วิญญาณ จึงเกดิ มที ฏิ ฐิอยา งน้วี า เราไมพงึ มแี ละบรขิ ารของเราไมพึงมี เราจกั ไมม ี บรขิ ารของเราจกั ไมม ี [๓๕๓] ภ. ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย เธอทง้ั หลายจะสําคัญความขอน้นั เปน ไฉน รูปเทย่ี งหรือไมเ ท่ยี ง ? ภิ. ไมเ ที่ยง พระเจา ขา. ภ. ก็สิ่งใดไมเ ท่ยี ง ส่งิ นัน้ เปนทุกขห รอื เปน สุขเลา ? ภิ. เปน ทุกข พระเจา ขา. ภ. ก็สิ่งใดไมเท่ียง เปน ทุกข มคี วามแปรปรวนเปนธรรมดาพึงเกิดมีทฏิ ฐิอยางนีว้ า เราไมพ ึงมี และบริขารของเราไมพ ึงมีเราจักไมมี บริขารของเราจกั ไมมี เพราะไมอ าศยั สง่ิ นั้นบา งหรือ ? ภิ. ไมใชเ ชนนน้ั พระเจาขา . ภ. เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ เที่ยงหรอื ไมเทีย่ ง ? ภ.ิ ไมเ ทีย่ ง พระเจาขา . ภ. กส็ ิง่ ใดไมเท่ียง สิ่งนน้ั เปน ทกุ ขห รอื เปน สขุ เลา ? ภิ. เปนทุกข พระเจาขา.
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 415 ภ. กส็ ง่ิ ใดไมเ ท่ียง เปนทกุ ข มีความแปรปรวนเปน ธรรมดาพงึ เกิดมที ฏิ ฐิอยางน้ีวา เราไมพ งึ มี และบริขารของเราไมพ งึ มีเราจักไมม ี บรขิ ารของเราจกั ไมมี เพราะไมอ าศัยสงิ่ นัน้ บา งหรือ ? ภ.ิ ไมใ ชเชน นนั้ พระเจาขา . ภ. ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย อริยสาวกผไู ดสดบั แลว เหน็ อยูอยางนี้ฯลฯ กจิ อน่ื เพื่อความเปนอยางนมี้ ไิ ดมี. จบ โนจเมสยิ าสูตรท่ี ๔ ๕. มิจฉาทิฏฐิสตู ร วาดวยเหตุแหงมจิ ฉาทิฏฐิ [๓๕๔] กรงุ สาวัตถ.ี พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสถามวา ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย เม่อื อะไรมีอยู เพราะอาศัยอะไร เพราะยึดมัน่ อะไรจงึ เกิดมีมจิ ฉาทฏิ ฐิ ภกิ ษทุ ง้ั หลายกราบทลู วา ธรรมของขา พระองค ภ. ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย เมอ่ื รูปแลมีอยู เพราะอาศยั รูปเพราะยดึ มั่นรปู จึงเกิดมีมิจฉาทิฏฐิ เม่ือเวทนามีอยู... เม่ือสญั ญามอี ย.ู ..เมื่อสงั ขารมอี ยู... เมื่อวิญญาณมอี ยู เพราะอาศยั วญิ ญาณ เพราะยดึ มั่นวิญญาณ จงึ เกิดมีมจิ ฉาทฏิ ฐิ. [๓๕๕] ภ. ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย เธอทั้งหลายจะสาํ คัญความขอ นน้ั เปน ไฉน รูปเท่ียงหรอื ไมเ ที่ยง ? ภิ. ไมเทยี่ ง พระเจา ขา . ภ. กส็ งิ่ ใดไมเทย่ี ง สง่ิ น้นั เปน ทกุ ขหรือเปนสุขเลา ?
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 416 ภ.ิ เปน ทกุ ข พระเจาขา . ภ. ก็สง่ิ ใดไมเที่ยง เปนทกุ ข มคี วามแปรปรวนเปน ธรรมดาพึงเกดิ มมี ิจฉาทฏิ ฐิ เพราะไมอาศัยสิ่งนน้ั บางหรือ ? ภ.ิ ไมใ ชเชนน้ัน พระเจาขา. ภ. เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ เที่ยงหรอื ไมเที่ยง ? ภ.ิ ไมเ ทยี่ ง พระเจาขา . ภ กส็ ่งิ ใดไมเ ทย่ี ง สิง่ นน้ั เปน ทุกขห รอื เปน สุขเลา ? ภ.ิ เปนทุกข พระเจา ขา. ภ. ก็สิ่งใดไมเ ทย่ี ง เปน ทุกข มคี วามแปรปรวนเปน ธรรมดาพงึ เกิดมมี จิ ฉาทิฏฐิ เพราะไมอ าศยั สิ่งน้ันบางหรือ ? ภ.ิ ไมใชเ ชนนน้ั พระเจา ขา . ภ. ดูกอนภิกษุท้ังหลาย อรยิ สาวกผูไดส ดบั แลว เห็นอยอู ยางน้ีฯลฯ กิจอื่นเพ่อื ความเปนอยา งนม้ี ิไดมี. จบ มจิ ฉาทฏิ ฐิสตู รที่ ๕ ๖. สกั กายทิฏฐสิ ูตร วา ดวยเหตุแหงสกั กายทฏิ ฐิ [๓๕๖] กรงุ สาวตั ถ.ี พระผูม ีพระภาคเจา ตรสั ถามวา ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย เม่อื อะไรมีอยู เพราะอาศยั อะไร เพราะยึดมั่นอะไรจึงเกดิ มีสักกายทฏิ ฐิ ภิกษุท้ังหลายกราบทลู วา ขาแตพ ระองคผ ูเจริญธรรมของขา พระองคท้ังหลาย มพี ระผมู ีพระภาคเจาเปนรากฐาน ฯลฯ
พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 417 ภ. ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย เม่อื รปู มอี ยู เพราะอาศยั รปู เพราะยดึ มัน่ รปู จึงเกดิ มสี กั กายทฏิ ฐิ เมอ่ื เวทนามีอย.ู .. เมื่อสัญญามีอย.ู ..เม่อื สังขารมีอยู... เมือ่ วิญญาณมอี ยู เพราะอาศยั วญิ ญาณ เพราะยดึ มัน่วิญญาณ จึงเกดิ มีสักกายทิฏฐ.ิ [๓๕๗] ภ. ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย เธอทัง้ หลายจะสาํ คญั ความขอนัน้ เปน ไฉน รูปเทย่ี งหรอื ไมเ ทย่ี ง ? ภิ. ไมเทีย่ ง พระเจาขา. ภ. กส็ ่ิงใดไมเที่ยง สิง่ น้ันเปน ทกุ ขหรอื เปน สขุ เลา ? ภ.ิ เปน ทุกข พระเจา ขา . ภ. ก็ส่ิงใดไมเทย่ี ง เปน ทกุ ข มีความแปรปรวนเปน ธรรมดาพงึ เกิดมีสักกายทิฏฐิ เพราะไมอ าศยั สิ่งน้นั บางหรือ ? ภ.ิ ไมใชเชน นั้น พระเจา ขา. ภ. เวทนา สัญญา สงั ขาร วิญญาณ เท่ยี งหรอื ไมเ ที่ยง ? ภิ. ไมเที่ยง พระเจาขา . ภ. กส็ ่ิงใดไมเที่ยง สิ่งน้นั เปนทกุ ขหรือเปน สขุ เลา ? ภิ. เปนทกุ ข พระเจาขา . ภ. ก็สิง่ ใดไมเ ทยี่ ง เปนทุกข มคี วามแปรปรวนเปนธรรมดาพึงเกิดมีสักกายทฏิ ฐิ เพราะไมอาศยั สิ่งน้นั บา งหรือ ? ภิ. ไมใชเชน นัน้ พระเจาขา. ภ. ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย อรยิ สาวกผไู ดส ดบั แลว เหน็ อยอู ยา งน.้ีฯลฯ กิจอื่นเพอ่ื ความเปนอยางน้ีมิไดม ี. จบ สักกายทฏิ ฐสิ ูตรที่ ๖
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 418 ๗. อตั ตานุทิฏฐสิ ูตร วาดว ยเหตุแหงอตั ตานุทฏิ ฐิ [๓๕๘] กรุงสาวตั ถ.ี พระผมู ีพระภาคเจาตรัสถามวาดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย เม่ืออะไรมอี ยู เพราะอาศยั อะไร เพราะยึดม่ันอะไร จงึ เกิดอตั ตานทุ ิฏฐิ ภกิ ษทุ ัง้ หลายกราบทลู วา ขา แตพระองคผูเ จรญิ ธรรมของขา พระองคท ั้งหลาย มพี ระผมู พี ระภาคเจาเปน รากฐาน ฯลฯ ภ. ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย เมอื่ รูปมอี ยู เพราะอาศัยรูป เพราะยึดมนั่ รปู จงึ เกิดมีอัตตานทุ ฏิ ฐิ เมื่อเวทนามอี ย.ู .. เมอ่ื สัญญามอี ย.ู ..เมื่อสังขารมีอย.ู .. เมือ่ วิญญาณมอี ยู เพราะอาศัยวิญญาณ เพราะยึดมั่นวิญญาณ จงึ เกิดมีอตั ตานุทฏิ ฐิ . [๓๕๙] ภ. ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย เธอทั้งหลายจะสําคญั ความขอ นน้ั เปนไฉน รปู เท่ยี งหรอื ไมเทย่ี ง ? ภ.ิ ไมเ ทีย่ ง พระเจาขา . ภ. กส็ ิง่ ใดไมเทยี่ ง สงิ่ น้นั เปนทุกขหรอื เปน สขุ เลา ? ภ.ิ เปน ทกุ ข พระเจา ขา . ภ. กส็ ิง่ ใดไมเที่ยง เปน ทุกข มีความแปรปรวนเปนธรรมดาพงึ เกิดมีอตั ตานุทิฏฐิ เพราะไมอ าศยั สิง่ นนั้ บา งหรือ ? ภ.ิ ไมใชเชนน้นั พระเจาขา . ภ. เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณ เทีย่ งหรือไมเที่ยง ? ภิ. ไมเ ทีย่ ง พระเจา ขา . ภ. ก็สงิ่ ใดไมเ ท่ียง สิ่งนนั้ เปน ทกุ ขห รอื เปน สุขเลา ?
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนาที่ 419 ภ.ิ เปน ทุกข พระเจาขา. ภ. กส็ ิ่งใดไมเ ทีย่ ง เปนทกุ ข มีความแปรปรวนเปนธรรมดาพงึ เกิดมอี ตั ตานทุ ฏิ ฐิ เพราะไมอ าศัยส่งิ น้นั บา งหรอื ? ภิ. ไมใชเชนนน้ั พระเจา ขา . ภ. ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย อริยสาวกผูไดสดบั แลว เหน็ อยูอ ยางน้ีฯลฯ กจิ อ่นื เพ่ือความเปน อยางน้ีมิไดม ี . จบ อัตตานุทิฏฐสิ ูตรท่ี ๗ ๘. อภนิ เิ วสสูตรที่ ๑ วา ดวยเหตุแหงความยึดมนั่ [๓๖๐] กรุงสาวัตถ.ี พระผมู ีพระภาคเจาตรัสถามวา ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย เม่ืออะไรมีอยู เพราะอาศยั อะไร เพราะยดึ มน่ั อะไรจึงเกิดความพวั พันดว ยสังโยชนและความยดึ มนั่ ภิกษทุ ้ังหลายกราบทูลวา ขา แตพ ระองคผเู จริญ ธรรมของขาพระองคท ัง้ หลายมีพระผมู ีพระภาคเจาเปนรากฐาน ฯลฯ ภ. ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย เม่อื รูปมอี ยู เพราะอาศัยรูป เพราะยดึ ม่ันรปู จงึ เกิดความพัวพันดวยสงั โยชนแ ละความยดึ ม่ัน เมื่อเวทนามอี ยู. .. เม่อื สญั ญามอี ย.ู .. เม่ือสงั ขารมีอย.ู .. เมื่อวิญญาณมีอยู เพราะอาศัยวิญญาณ เพราะยดึ มนั่ วญิ ญาณ จงึ เกิดความพัวพนั ดว ยสังโยชนและความยึดมั่น [๓๖๑] ภ. ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย เธอทงั้ หลายจะสาํ คัญความขอ นัน้ เปน ไฉน รูปเทีย่ งหรอื ไมเ ท่ยี ง ?
พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 420 ภ.ิ ไมเ ทย่ี ง พระเจา ขา . ภ. กส็ ่ิงใดไมเ ทย่ี ง สง่ิ นัน้ เปนทุกขหรอื เปนสุขเลา ? ภ.ิ เปน ทกุ ข พระเจาขา. ภ. กส็ ิง่ ใดไมเท่ียง เปน ทกุ ข มีความแปรปรวนเปนธรรมดาพงึ เกดิ ความพวั พันดวยสังโยชนแ ละความยดึ ม่นั เพราะไมอาศยั สงิ่ นั้นบางหรอื ? ภ.ิ ไมใ ชเชน น้ัน พระเจาขา . ภ. เวทนา สญั ญา สังขาร วญิ ญาณ เท่ียงหรือไมเท่ียง ? ภ.ิ ไมเทย่ี ง พระเจาขา. ภ. กส็ ิ่งใดไมเทีย่ ง ส่ิงนัน้ เปน ทกุ ขหรือเปนสุขเลา ? ภ.ิ เปน ทกุ ข พระเจาขา . ภ. ก็สงิ่ ไดไมเทย่ี ง เปน ทกุ ข มีความแปรปรวนเปน ธรรมดาพึงเกิดความพวั พนั ดว ยสังโยชนแ ละความยึดม่ัน เพราะไมอ าศยั สิ่งน้ันบา งหรอื ? ภ.ิ ไมใชเ ชน น้ัน พระเจา ขา . ภ. ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย อรยิ สาวกผูไดส ดบั แลว เห็นอยูอยางน้ีฯลฯ กจิ อ่ืนเพอ่ื ความเปนอยา งน้ีมิไดม ี . จบ อภนิ ิเวสสตู รท่ี ๑ ๙. อภินเิ วสสูตรที่ ๒ วาดวยเหตแุ หง ความยดึ มั่น [๓๖๒] กรงุ สาวัตถี. พระผมู ีพระภาคเจาตรสั ถามวา
พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 421ดูกอนภิกษุท้ังหลาย เม่อื อะไรมอี ยู เพราะอาศัยอะไร เพราะยดึ ม่นั อะไรจึงเกดิ ความพัวพนั และความหมกมุน ดว ยสังโยชน และความยึดมั่นภิกษุทั้งหลายกราบทลู วา ขาแตพ ระองคผ ูเ จริญ ธรรมของขาพระองคทั้งหลาย มพี ระผูม พี ระภาคเจาเปน รากฐาน ฯลฯ ภ. ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย เม่อื รูปมอี ยู เพราะอาศัยรูป เพราะยดื ม่นั รปู จึงเกิดความพวั พันและความหมกมนุ ดว ยสังโยชนแ ละความยึดมั่น เมื่อเวทนามอี ย.ู .. เมือ่ สัญญามอี ยู. .. เมอื่ สังขารมอี ยู...เมอื่ วญิ ญาณมีอยู เพราะอาศยั วญิ ญาณ เพราะยึดมน่ั วญิ ญาณ จงึ เกดิความพวั พันและความหมกมนุ ดว ยสงั โยชนและความยึดมัน่ . [๓๖๓] ภ. ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย เธอทงั้ หลายจะสําคัญความขอ นน้ั เปน ไฉน รูปเทยี่ งหรือไมเ ที่ยง ? ภ.ิ ไมเทีย่ ง พระเจาขา . ภ. กส็ งิ่ ใดไมเ ที่ยง สงิ่ น้นั เปน ทุกขห รอื เปนสขุ เลา ? ภ.ิ เปนทุกข พระเจา ขา . ภ. ก็สงิ่ ใดไมเ ทยี่ ง เปนทุกข มคี วามแปรปรวนเปนธรรมดาพงึ เกดิ ความพัวพนั และความหมกมุนดว ยสงั โยชนแ ละความยดึ มัน่เพราะไมอาศยั สง่ิ นนั้ บา งหรอื ? ภ.ิ มใิ ชเชน นั้น พระเจา ขา . ภ. เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณ เทีย่ งหรอื ไมเ ทีย่ ง ? ภ.ิ ไมเ ที่ยง พระเจาขา . ภ. ก็ส่งิ ใดไมเที่ยง สิง่ น้ันเปนทกุ ขหรอื เปนสุขเลา ? ภ.ิ เปนทุกข พระเจา ขา.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 616
Pages: