Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_27

tripitaka_27

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:36

Description: tripitaka_27

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ที่ 401 กุกกุฬวรรคท่ี ๔ ๑. กุกกุฬสูตร วาดวยขนั ธ ๕ เปน ของรอน [๓๓๔] กรุงสาวตั ถี. ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย รูป เปน ของรอ นเวทนาเปน ของรอ น สัญญาเปน ของรอน สังขารเปน ของรอ น วญิ ญาณเปนของรอ น ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย อริยสาวกผไู ดสดบั แลว เห็นอยูอยางนี้ยอมเบ่ือหนายแมใ นรปู ยอ มเบื่อหนายแมในเวทนา ยอมเบ่อื หนา ยแมในสญั ญา ยอมเบอ่ื หนายแมในสังขาร ยอ มเบือ่ หนา ยแมในวิญญาณเมือ่ เบ่อื หนาย ยอ มคลายกาํ หนดั เพราะคลายกําหนัดจงึ หลดุ พนเม่ือหลดุ พน แลว ยอมมญี าณหย่งั รวู า หลุดพน แลว รชู ัดวา ชาติสน้ิ แลวพรหมจรรยอยูจบแลว กจิ ท่ีควรทาํ ทําเสร็จแลว กิจอื่นเพ่ือความเปนอยางนม้ี ไิ ดม ี. จบ กกุ กุฬสูตรที่ ๑ ๒. อนิจจสตู รท่ี ๑ วา ดว ยละฉนั ทะในสงิ่ ทีเ่ ปน อนจิ จัง [๓๓๕] กรงุ สาวัตถ.ี ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย เธอท้งั หลายพงึ ละฉนั ทะในสงิ่ ท่ไี มเที่ยงเสีย. ก็อะไรเปนส่ิงทไ่ี มเ ท่ียง ? รูปเปน สิ่งทไ่ี มเ ทีย่ ง เธอท้ังหลายพึงละฉันทะในรูปนน้ั เสีย เวทนา... สญั ญา...สงั ขาร... วญิ ญาณเปน สงิ่ ท่ไี มเที่ยง เธอท้งั หลายพึงละฉนั ทะในวิญญาณนนั้ เสยี . จบ อนจิ จสูตรท่ี ๑

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนา ที่ 402 ๓. อนิจจสตู รท่ี ๒วา ดว ยการละราคะในส่ิงทีเ่ ปน อนจิ จัง [๓๓๖] กรงุ สาวัตถ.ี ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย เธอท้งั หลายพึงละราคะในสิง่ ท่ไี มเทีย่ งเสยี ก็อะไรเปนส่ิงท่ีไมเทย่ี ง ? รูปเปนสง่ิ ท่ีไมเทีย่ ง เธอทงั้ หลายพึงละราคะในรปู นั้นเสีย เวทนา... สญั ญา...สังขาร... วญิ ญาณ เปนสง่ิ ที่ไมเ ที่ยง เธอทงั้ หลายพึงละราคะในวญิ ญาณนั้นเสีย. จบ อนจิ จสตู รท่ี ๒ ๔. อนจิ จสตู รท่ี ๓วา ดวยการละฉันทราคะในสิ่งที่เปนอนิจจัง [๓๓๗] กรงุ สาวัตถ.ี ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงละฉนั ทราราคะในสิง่ ท่ีไมเท่ยี งเสีย กอ็ ะไรเปน สิ่งทไี่ มเทย่ี ง ? รปู เปนส่งิ ที่ไมเทยี่ ง เธอทั้งหลายพงึ ละฉันทราคะในรปู นั้นเสยี เวทนา...สัญญา... สงั ขาร... วิญญาณ เปนส่ิงที่ไมเ ทยี่ ง เธอทั้งหลายพึงละฉนั ทราคะในวญิ ญาณน้นั เสีย. จบ อนจิ จสตู รที่ ๓ ๕. ทุกขสูตรที่ ๑ วาดวยการละฉันทะในส่ิงที่เปนทุกข [๓๓๘] กรุงสาวตั ถ.ี ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย เธอทงั้ หลายพงึ ละฉันทะในสง่ิ ท่ีเปนทุกขเสยี กอ็ ะไรเปนส่ิงทเ่ี ปนทุกข ? รูปเปนส่งิ ที่

พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 403เปน ทุกข เธอทัง้ หลายพึงละฉนั ทะในรูปน้ันเสีย เวทนา... สญั ญา...สังขาร... วญิ ญาณ เปนสง่ิ ทเี่ ปน ทุกข เธอทั้งหลายพึงละฉนั ทะในวญิ ญาณนน้ั เสยี . จบ ทกุ ขสูตรท่ี ๑ ๖. ทุกขสูตรท่ี ๒ วา ดว ยการละราคะในสิ่งทีเ่ ปนทุกข ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เธอท้ังหลายพงึ ละราคะในสิ่งทเี่ ปน ทุกขเ สียกอ็ ะไรเปน สิ่งท่ีเปนทุกข ? รูปเปน สง่ิ ทเี่ ปน ทกุ ข เธอทงั้ หลายพึงละราคะในรปู นั้นเสยี เวทนา... สญั ญา... สงั ขาร... วิญญาณ เปนสง่ิ ที่เปนทุกข เธอทง้ั หลายพึงละราคะในวิญญาณนัน้ เสยี . จบ ทุกขสตู รท่ี ๒ ๗. ทุกขสูตรท่ี ๓วา ดว ยการละฉนั ทราคะในสง่ิ ที่เปนทกุ ข ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย เธอท้ังหลายพึงละฉนั ทราคะในสิ่งท่ีเปน ทกุ ขเสยี กอ็ ะไรเปนสิ่งทเ่ี ปน ทุกข ๆ. รปู เปนสง่ิ ทเี่ ปน ทุกข เธอทงั้ หลายพึงละฉนั ทราคะในรูปนั้นเสยี เวทนา... สญั ญา... สงั ขาร... วิญญาณเปน สิ่งท่ีเปนทุกข เธอทัง้ หลายพงึ ละฉนั ทราคะในวญิ ญาณน้นั เสยี . จบ ทุกขสูตรที่ ๓

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ที่ 404 ๘. อนัตตสตู รท่ี ๑วา ดว ยการละฉนั ทะในสิ่งทีเ่ ปนอนตั ตา [๓๓๙] กรุงสาวตั ถี. ณ ทีน่ ้นั แล. ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลายเธอท้งั หลายพงึ ละฉันทะในสิ่งที่เปนอนัตตาเสีย ก็อะไรเปนส่งิ ทีเ่ ปนอนัตตา ? รูปเปนสง่ิ ท่ีเปนอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉนั ทะในรูปนน้ั เสยีเวทนา... สญั ญา... สงั ขาร... วิญญาณ เปนอนตั ตา เธอทงั้ หลายพงึ ละฉันทะในวญิ ญาณน้นั เสีย. จบ อนตั ตสูตรที่ ๑ ๙. อนัตตสูตรที่ ๒ วา ดว ยการละราคะในส่ิงทเ่ี ปน อนัตตา [๓๔๐] กรงุ สาวัตถ.ี ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย เธอทัง้ หลายพึงละราคะในสง่ิ ที่เปนอนัตตาเสยี ก็อะไรเปนอนตั ตา ? รปู เปน อนัตตาเธอทัง้ หลายพงึ ละราคะในรูปนัน้ เสีย เวทนา... สัญญา... สังขาร...วิญญาณ เปน อนัตตา เธอทัง้ หลายพงึ ละราคะในวิญญาณนั้นเสีย. จบ อนัตตสตู รท่ี ๒ ๑๐. อนัตตสูตรท่ี ๓วา ดวยการละฉันทราคะในส่ิงทเ่ี ปน อนัตตา [๓๔๑] กรุงสาวัตถี. ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย เธอทง้ั หลายพึงละฉนั ทราคะในสงิ่ ทีเ่ ปน อนตั ตาเสยี ก็อะไรเปน อนตั ตา ? รปู เปนอนตั ตา เธอท้ังหลายพงึ ละฉันทราคะในรปู นัน้ เสีย. เวทนา... สัญญา...

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ที่ 405สังขาร... วิญญาณ เปน อนตั ตา เธอทัง้ หลายพึงละฉันทราคะในวิญญาณนนั้ เสีย. จบ อนตั ตสตู รท่ี ๓ ๑๑. กลุ ปุตตสตู รที่ ๑ วา ดวยธรรมอันสมควรแกก ลุ บุตร [๓๔๒] กรุงสาวัตถี. ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย การอยทู ีม่ ากดวยความเบื่อหนายในรูป ในเวทนา ในสญั ญา ในสังขาร ในวญิ ญาณน้ียอ มเปน ธรรมสมควรแกกุลบตุ รผูบวชดว ยศรทั ธา ผอู ยูมากดว ยความเบ่ือหนายในรปู ในเวทนา ในสญั ญา ในสังขาร ในวิญญาณยอมกาํ หนดรซู ่ึงรปู เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ เม่อื กําหนดรูซึ่งรูป เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณ ยอมหลุดพนไปจากรูป เวทนาสญั ญา สังขาร วิญญาณ จากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปรเิ ทวะ ทุกขโทมนัส อุปายาส เราตถาคตกลาววา ยอมหลุดพน ไปจากทุกข. จบ กลุ ปตุ ตสตู รที่ ๑ ๑๒. กลุ ปุตตสตู รที่ ๒ วาดว ยธรรมอนั สมควรแกก ุลบตุ ร [๓๔๓] กรุงสาวัตถี. ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย การพิจารณาเหน็ ความไมเที่ยงในรปู ในเวทนา ในสญั ญา ในสังขาร ในวญิ ญาณอยูนี้ยอ มเปน ธรรมสมควรแกกลุ บตุ รผบู วชดวยศรัทธา เมือ่ พจิ ารณาเห็นความไมเ ท่ยี งในรปู ในเวทนา ในสัญญา ในสงั ขาร ในวิญญาณอยูยอมกาํ หนดรูซ ึ่งรปู เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ เม่ือกาํ หนดรูซง่ึ รปู

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนาที่ 406เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณอยู ยอ มหลดุ พน ไปจากรปู เวทนา สญั ญาสงั ขาร วิญญาณ จากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข โทมนัสอุปายาส เราตถาคตกลา ววา ยอมหลุดพนไปจากทุกข. จบ กุลปตุ ตสูตรท่ี ๒ ๑๓. กุลปุตตสตู รที่ ๓ วาดว ยธรรมอนั สมควรแกก ุลบตุ ร [๓๔๔] กรุงสาวตั ถี. ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย การพิจารณาเห็นความเปน ทกุ ข ในรปู ในเวทนา ในสญั ญา ในสงั ขาร ในวญิ ญาณอยนู ี้ยอมเปน ธรรมสมควรแกก ุลบุตรผบู วชดวยศรัทธา ฯลฯ เราตถาคตกลาววา ยอมหลุดพนไปจากทุกข. จบ กลุ ปตุ ตสตู รท่ี ๓ ๑๔. กุลปุตตสตู รท่ี ๔ วา ดวยธรรมอนั สมควรแกกุลบุตร [๓๔๕] กรุงสาวัตถ.ี ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย การพจิ ารณาเหน็ ความเปน อนัตตาในรูป ในเวทนา ในสญั ญา ในสังขาร ในวญิ ญาณอยูน้ี ยอมเปน ธรรมสมควรแกกุลบตุ รผบู วชดว ยศรัทธา เม่ือพจิ ารณาเหน็ อนัตตาในรูป ในเวทนา ในสญั ญา ในสงั ขาร ในวิญญาณอยู ยอมกําหนดรูซ งึ่ รูป เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ เมือ่ กําหนดรูซ่งึ รูปเวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ ยอ มหลดุ พน ไปจากรปู เวทนา สัญญา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนาที่ 407สงั ขาร วิญญาณ จากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทกุ ข โทมนสัอุปายาส เราตถาคตกลา ววา ยอมหลุดพน ไปจากทุกข. จบ กลุ ปุตตสตู รท่ี ๔ อรรถกถากกุ กุฬวรรค พึงทราบวินจิ ฉยั ในกกุ กฬุ สูตรที่ ๑ แหงกุกกุฬวรรค ดังตอไปนี้ :- บทวา กุกกฺ ุฬ แปลวา รอน คือ ไฟติดโชน. ในสูตรนี้ พระผูมี-พระภาคเจา ตรัสลกั ษณะของทกุ ข ท่ีมคี วามเรารอนมากไววาเหมือนกองเถา. ในสูตรท่เี หลอื พระผมู พี ระภาคเจา แยกตรัสลักษณะเหลา น้ีทง้ั หมดมอี นจิ จลักษณะเปนตน ไวตามอัธยาศัยของบคุ คลแล. จบ อรรถกถากกุ กฬุ วรรคท่ี ๔ รวมพระสูตรที่มาในวรรคน้คี อื ๑. กกุ กฬุ สตู ร ๒. อนิจจสูตรท่ี ๑ ๓. อนจิ จสตู รท่ี ๒ ๔.อนจิ จสตู รที่ ๓ ๕. ทกุ ขสตู รท่ี ๑ ๖. ทุกขสูตรท่ี ๒ ๗. ทกุ ขสูตรท่ี ๓๘. อนตั ตสูตรท่ี ๑ ๙. อนตั ตสตู รท่ี ๒ ๑๐. อนตั ตสตู รที่ ๓ ๑๑. กุล-ปุตตสุตรที่ ๑ ๑๒. กุลปุตตสูตรที่ ๒ ๑๓. กลุ ปุตตสูตรที่ ๓ ๑๔.กุลปุตตสูตรท่ี ๔.

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 408 ทฏิ ฐิวรรคที่ ๕ ๑. อัชฌตั ตกิ สูตร วาดวยเหตุแหง สขุ และทกุ ขภ ายใน [๓๔๖] กรงุ สาวัตถี. พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ถามวา ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย เมือ่ อะไรมอี ยู เพราะอาศยั อะไร สขุ และทกุ ขภายในจึงเกดิ ขน้ึ ภกิ ษุทงั้ หลายกราบทูลวา ขาแตพ ระองคผูเจริญ ธรรมของขา พระองคท ง้ั หลาย มีพระผมู ีพระภาคเจาเปนรากฐาน ฯลฯ ภ. ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย เมอื่ รูปมอี ยู เพราะอาศยั รปู สขุ และทกุ ขภายในจึงเกดิ ขนึ้ เมือ่ เวทนามีอย.ู .. เมือ่ สัญญามอี ยู... เมื่อสงั ขารมีอย.ู .. เมือ่ วญิ ญาณมอี ยู เพราะอาศัยวิญญาณ สุขและทกุ ขภายในจึงเกิดข้ึน. [๓๔๗] ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย เธอทงั้ หลายจะสาํ คัญความขอน้ันเปนไฉน รูปเท่ียงหรอื ไมเ ทย่ี ง ? ภิ. ไมเที่ยง พระเจาขา. ภ. ก็ส่งิ ใดไมเท่ียง สิ่งนน้ั เปน ทุกขหรอื เปนสุขเลา ? ภ.ิ เปน ทุกข พระเจา ขา . ภ. ก็สง่ิ ใดไมเท่ียง เปนทกุ ข มคี วามแปรปรวนเปน ธรรมดาสขุ และทกุ ขภ ายในพงึ บังเกิดข้ึน เพราะไมอ าศัยส่ิงนัน้ บา งหรือ ? ภิ. ไมใ ชเ ชนนนั้ พระเจาขา. ภ. เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณ เทีย่ งหรือไมเท่ยี ง ? ภิ. ไมเทีย่ ง พระเจา ขา .

พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 409 ภ. ก็ส่ิงใดไมเ ทย่ี ง สิ่งนน้ั เปน ทุกขหรือเปนสุขเลา ? ภิ. เปน ทุกข พระเจา ขา ภ. กส็ ิ่งใดไมเ ท่ยี ง เปน ทกุ ข มีความแปรปรวนเปนธรรมดาสขุ และทกุ ขภายในพงึ เกดิ ข้นึ เพราะไมอาศัยส่งิ น้นั บางหรือ ? ภิ. ไมใ ชเ ชน นัน้ พระเจา ขา. ภ. ดกู อนภิกษุทัง้ หลาย อรยิ สาวกผูไดส ดับแลว เหน็ อยอู ยางน้ีฯลฯ กิจอืน่ เพอื่ ความเปน อยา งนมี้ ไิ ดม ี . จบ อัชฌตั ตกิ สตู รที่ ๑ อรรถกถาทฏิ ฐวิ รรคท่ี ๕ อรรถกถาอชั ฌัตตกิ สตู รท่ี ๑ ทิฏฐิวรรคท่ี ๕ สตู รท่ี ๑ คําวา กึ อปุ าทาย ไดแก เพราะอาศัยอะไร. จบ อรรถกถาอชั ฌตั ตกิ สูตรที่ ๑ ๒. เอตงั มมสตู รวาดวยเหตุแหง การยึดมนั่ วา เปนของเรา [๓๔๘] กรงุ สาวัตถ.ี พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ถามวาดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย เม่อื อะไรมอี ยู เพราะอาศยั อะไร เพราะยดึ ม่ันอะไรบุคคลจงึ ตามเหน็ วา นัน่ ของเรา เราเปน นัน่ นั่นเปน ตัวตนของเรา

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 410ภกิ ษุทัง้ หลายกราบทลู วา ขา แตพ ระองคผูเจรญิ ธรรมของขา พระองคทงั้ หลาย มพี ระผมู พี ระภาคเจาเปน รากฐาน ฯลฯ ภ. ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย เมื่อมรี ปู อยู เพราะอาศัยรูป เพราะยดึ มั่นรปู บุคคลจงึ ตามเหน็ วา นนั่ ของเรา เราเปน น่นั นั่นเปนตัวตนของเรา เมือ่ เวทนามีอย.ู .. เมือ่ สญั ญามีอยู... เมอ่ื สงั ขารมีอยู...เมอื่ วญิ ญาณมีอยู เพราะอาศยั วิญญาณ เพราะยึดม่นั วญิ ญาณ บุคคลจงึ ตามเหน็ วา นั่นของเรา เรา เปนน่ัน น่นั เปนตวั ตนของเรา. [๓๔๙] ภ. ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสําคญั ความขอ น้นั เปน ไฉน รูปเทีย่ งหรอื ไมเ ท่ียง ? ภ.ิ ไมเ ทย่ี ง พระเจา ขา . ภ. ก็ส่ิงใดไมเ ที่ยง ส่งิ นั้นเปน ทุกขห รอื เปนสุขเลา ? ภิ. เปน ทกุ ข พระเจา ขา . ภ. กส็ ่ิงใดไมเ ที่ยง เปน ทุกข มคี วามแปรปรวนเปน ธรรมดาบุคคลพึงตามเหน็ วา นน่ั ของเรา เราเปน นั่น น่ันเปนตัวตนของเราเพราะไมอ าศยั ส่งิ นนั้ บางหรือ. ภิ. ไมใ ชเ ชน นน้ั พระเจาขา. ภ. เวทนา สัญญา สงั ขาร วิญญาณ เที่ยงหรอื ไมเ ท่ียง ? ภิ. ไมเท่ียง พระเจาขา. ภ. กส็ งิ่ ใดไมเท่ียง สงิ่ น้ันเปน ทุกขห รือเปนสุขเลา ? ภิ. เปน ทุกข พระเจาขา. ภ. ก็สิง่ ใดไมเท่ียง เปน ทุกข มคี วามแปรปรวนเปน ธรรมดา

พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 411บุคคลพงึ ตามเห็นวา นั่นของเรา เราเปน นั่น นั่นเปนตวั ตนของเราเพราะไมอ าศัยสิง่ นัน้ บางหรอื ? ภิ. ไมใ ชเ ชน น้ัน พระเจาขา . ภ. ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย อริยสาวกผูไดส ดับแลว เหน็ อยูอยา งน้ีฯลฯ กจิ อ่นื เพอ่ื ความเปน อยางนี้มิไดมี. จบ เอตังมมสูตรท่ี ๒ อรรถกถาเอตังมมสตู รที่ ๒ ในสตู รท่ี ๒ คําวา กึ อภนิ ิวสิ ฺส ไดแ ก เพราะยดึ ม่นั อะไรอธิบายวา กระทําใหเปนปจ จยั . จบ อรรถกถาเอตงั มมสตู รที่ ๒ ๓. เอโสอตั ตสูตร วาดวยเหตแุ หง สัสสตทฏิ ฐิ [๓๕๐] กรุงสาวัตถี. พระผูม พี ระภาคเจา ตรัสถามภกิ ษุท้งั หลายวา ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย เมอ่ื อะไรมีอยู เพราะอาศยั อะไรเพราะยึดมน่ั อะไร จงึ เกิดมีทฏิ ฐิอยา งนว้ี า . ตนกอ็ ันนน้ั โลกกอ็ นั นน้ัเรานน้ั ละโลกนีไ้ ปแลว จกั เปนผูเทีย่ ง ย่ังยืน ม่ันคง มคี วามไมเ ปล่ียนแปลงเปน ธรรมดา ภิกษุทั้งหลายกราบทลู วา ขาแตพ ระองคผูเ จรญิธรรมของขา พระองคท ง้ั หลาย มีพระผมู พี ระภาคเจาเปนรากฐาน ฯลฯ

พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 412 ภ. ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย เม่ือรูปมอี ยู เพราะอาศยั รปู เพราะยึดมั่นรูป จึงเกิดมที ฏิ ฐอิ ยางนี้วา ตนก็อันนนั้ โลกกอ็ ันนัน้ เราน้ันละโลกนไ้ี ปแลว จักเปนผเู ที่ยง ยั่งยืน ม่ันคง มคี วามไมเ ปลีย่ นแปลงเปนธรรมดา เมือ่ เวทนามอี ยู. .. เมื่อสัญญามีอยู. .. เมอ่ื สงั ขารมีอย.ู ..เมอื่ วิญญาณมอี ยู เพราะอาศยั วิญญาณ เพราะยดึ มนั่ วิญญาณ จึงเกิดมีทฏิ ฐิอยางนวี้ า ตนก็อันนั้น โลกกอ็ นั นั้น เราน้นั ละโลกนไี้ ปแลว จักเปนผเู ที่ยง ยงั่ ยนื ม่นั คง มีความไมเ ปลี่ยนแปลงเปนธรรมดา. [๓๕๑] ภ. ดูกอนภิกษทุ ัง้ หลาย เธอทง้ั หลายจะสําคญั ความขอน้ันเปน ไฉน รูปเทย่ี งหรือไมเ ทยี่ ง ? ภ.ิ ไมเทย่ี ง พระเจา ขา . ภ. ก็สงิ่ ใดไมเทย่ี ง สิ่งนัน้ เปนทกุ ขห รือเปนสขุ เลา ? ภิ. เปน ทุกข พระเจาขา. ภ. กส็ ่ิงใดไมเทยี่ ง เปน ทุกข มีความแปรปรวนเปน ธรรมดาพงึ เกิดมีทฏิ ฐอิ ยา งน้ีวา ตนก็อนั นั้น โลกกอ็ ันน้นั เราน้นั ละโลกนไี้ ปแลวจักเปนผเู ท่ยี ง ยั่งยนื ม่ันคง มีความแปรปรวนเปนธรรมดา เพราะไมอาศัยส่ิงนน้ั บางหรือ ? ภิ. ไมใชเชน นนั้ พระเจา ขา . ภ. เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ เที่ยงหรือไมเท่ยี ง ? ภิ. ไมเ ท่ยี ง พระเจา ขา . ภ. ก็ส่ิงใดไมเ ที่ยง สงิ่ น้นั เปนทกุ ขหรือเปนสุขเลา ? ภิ. เปน ทุกข พระเจา ขา . ภ. กส็ ่ิงใดไมเ ท่ียง เปนทกุ ข มีความแปรปรวนเปนธรรมดา

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 413พึงเกิดมที ิฏฐอิ ยางน้วี า ตนกอ็ นั น้นั โลกกอ็ นั น้ัน เรานัน้ ละโลกนีไ้ ปแลวจักเปน ผูเทย่ี ง ยง่ั ยนื มั่นคง มคี วามไมเ ปลีย่ นแปลงเปนธรรมดาเพราะไมอาศยั ส่ิงนน้ั บา งหรือ ? ภิ. ไมใชเ ชน นน้ั พระเจาขา . ภ. ดกู อนภิกษุทั้งหลาย อรยิ สาวกผูไดส ดับแลว เห็นอยูอ ยา งน้ีฯลฯ กจิ อื่นเพอื่ ความเปน อยา งนม้ี ไิ ดม.ี จบ เอโสอตั ตสูตรที่ ๓ อรรถกถาเอโสอัตตสูตรที่ ๓ ในสตู รท่ี ๓ เปนตน คาํ วา ทิฏฐ ิ เปนตน พระผูมีพระภาคเจาตรสั ดวยอัธยาศยั ของบคุ คล. จบ อรรถกถาเอโสอตั ตสูตรที่ ๓ ๔. โนจเมสยิ าสูตร๑ วาดว ยเหตุแหงนตั ถกิ ทฏิ ฐิ [๓๕๒] กรุงสาวัตถ.ี พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ถามวา ดกู อ น-ภกิ ษุทัง้ หลาย เมอื่ อะไรมีอยู เพราะอาศัยอะไร เพราะยดึ ม่ันอะไรจึงเกดิ มีทฏิ ฐอิ ยา งน้ีวา เราไมพึงมี และบริขารของเราไมพึงมีเราจกั ไมม ี บรขิ ารของเราจกั ไมม ี ภิกษุทั้งหลายกราบทลู วา๑. สูตรที่ ๔-๙ ไมมีอรรถกถาแก

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 414ขา แตพ ระองคผเู จริญ ธรรมของขา พระองคท ัง้ หลาย มพี ระผูมี-พระภาคเจาเปนรากฐาน ฯลฯ ภ. ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย เมือ่ รปู มีอยู เพราะอาศยั รูป เพราะยดึ มน่ั รปู จึงเกดิ มที ฏิ ฐอิ ยา งนีว้ า เราไมพ งึ มี บริขารของเราไมพงึ มีเราจกั ไมมี บรขิ ารของเราจักไมม ี เมอื่ เวทนามอี ยู. .. เมอื่ สญั ญามีอย.ู ..เมอื่ สังขารมอี ย.ู .. เมือ่ วิญญาณมีอยู เพราะอาศัยวญิ ญาณ เพราะยดึ มัน่ วิญญาณ จึงเกดิ มที ฏิ ฐิอยา งน้วี า เราไมพงึ มแี ละบรขิ ารของเราไมพึงมี เราจกั ไมม ี บรขิ ารของเราจกั ไมม ี [๓๕๓] ภ. ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย เธอทง้ั หลายจะสําคัญความขอน้นั เปน ไฉน รูปเทย่ี งหรือไมเ ท่ยี ง ? ภิ. ไมเ ที่ยง พระเจา ขา. ภ. ก็สิ่งใดไมเ ท่ยี ง ส่งิ นัน้ เปนทุกขห รอื เปน สุขเลา ? ภิ. เปน ทุกข พระเจา ขา. ภ. ก็สิ่งใดไมเท่ียง เปน ทุกข มคี วามแปรปรวนเปนธรรมดาพึงเกิดมีทฏิ ฐิอยางนีว้ า เราไมพ ึงมี และบริขารของเราไมพ ึงมีเราจักไมมี บริขารของเราจกั ไมมี เพราะไมอ าศยั สง่ิ นั้นบา งหรือ ? ภิ. ไมใชเ ชนนน้ั พระเจาขา . ภ. เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ เที่ยงหรอื ไมเทีย่ ง ? ภ.ิ ไมเ ทีย่ ง พระเจาขา . ภ. กส็ ิง่ ใดไมเท่ียง สิ่งนน้ั เปน ทกุ ขห รอื เปน สขุ เลา ? ภิ. เปนทุกข พระเจาขา.

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนา ท่ี 415 ภ. กส็ ง่ิ ใดไมเ ท่ียง เปนทกุ ข มีความแปรปรวนเปน ธรรมดาพงึ เกิดมที ฏิ ฐิอยางน้ีวา เราไมพ งึ มี และบริขารของเราไมพ งึ มีเราจักไมม ี บรขิ ารของเราจกั ไมมี เพราะไมอ าศัยสงิ่ นัน้ บา งหรือ ? ภ.ิ ไมใ ชเชน นนั้ พระเจาขา . ภ. ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย อริยสาวกผไู ดสดบั แลว เหน็ อยูอยางนี้ฯลฯ กจิ อน่ื เพื่อความเปนอยางนมี้ ไิ ดมี. จบ โนจเมสยิ าสูตรท่ี ๔ ๕. มิจฉาทิฏฐิสตู ร วาดวยเหตุแหงมจิ ฉาทิฏฐิ [๓๕๔] กรงุ สาวัตถ.ี พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสถามวา ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย เม่อื อะไรมีอยู เพราะอาศัยอะไร เพราะยึดมัน่ อะไรจงึ เกิดมีมจิ ฉาทฏิ ฐิ ภกิ ษทุ ง้ั หลายกราบทลู วา ธรรมของขา พระองค ภ. ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย เมอ่ื รูปแลมีอยู เพราะอาศยั รูปเพราะยดึ มั่นรปู จึงเกิดมีมิจฉาทิฏฐิ เม่ือเวทนามีอยู... เม่ือสญั ญามอี ย.ู ..เมื่อสงั ขารมอี ยู... เมื่อวิญญาณมอี ยู เพราะอาศยั วญิ ญาณ เพราะยดึ มั่นวิญญาณ จงึ เกิดมีมจิ ฉาทฏิ ฐิ. [๓๕๕] ภ. ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย เธอทั้งหลายจะสาํ คัญความขอ นน้ั เปน ไฉน รูปเท่ียงหรอื ไมเ ที่ยง ? ภิ. ไมเทยี่ ง พระเจา ขา . ภ. กส็ งิ่ ใดไมเทย่ี ง สง่ิ น้นั เปน ทกุ ขหรือเปนสุขเลา ?

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 416 ภ.ิ เปน ทกุ ข พระเจาขา . ภ. ก็สง่ิ ใดไมเที่ยง เปนทกุ ข มคี วามแปรปรวนเปน ธรรมดาพึงเกดิ มมี ิจฉาทฏิ ฐิ เพราะไมอาศัยสิ่งนน้ั บางหรือ ? ภ.ิ ไมใ ชเชนน้ัน พระเจาขา. ภ. เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ เที่ยงหรอื ไมเที่ยง ? ภ.ิ ไมเ ทยี่ ง พระเจาขา . ภ กส็ ่งิ ใดไมเ ทย่ี ง สิง่ นน้ั เปน ทุกขห รอื เปน สุขเลา ? ภ.ิ เปนทุกข พระเจา ขา. ภ. ก็สิ่งใดไมเ ทย่ี ง เปน ทุกข มคี วามแปรปรวนเปน ธรรมดาพงึ เกิดมมี จิ ฉาทิฏฐิ เพราะไมอ าศยั สิ่งน้ันบางหรือ ? ภ.ิ ไมใชเ ชนนน้ั พระเจา ขา . ภ. ดูกอนภิกษุท้ังหลาย อรยิ สาวกผูไดส ดบั แลว เห็นอยอู ยางน้ีฯลฯ กิจอื่นเพ่อื ความเปนอยา งนม้ี ิไดมี. จบ มจิ ฉาทฏิ ฐิสตู รที่ ๕ ๖. สกั กายทิฏฐสิ ูตร วา ดวยเหตุแหงสกั กายทฏิ ฐิ [๓๕๖] กรงุ สาวตั ถ.ี พระผูม ีพระภาคเจา ตรสั ถามวา ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย เม่อื อะไรมีอยู เพราะอาศยั อะไร เพราะยึดมั่นอะไรจึงเกดิ มีสักกายทฏิ ฐิ ภิกษุท้ังหลายกราบทลู วา ขาแตพ ระองคผ ูเจริญธรรมของขา พระองคท้ังหลาย มพี ระผมู ีพระภาคเจาเปนรากฐาน ฯลฯ

พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 417 ภ. ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย เม่อื รปู มอี ยู เพราะอาศยั รปู เพราะยดึ มัน่ รปู จึงเกดิ มสี กั กายทฏิ ฐิ เมอ่ื เวทนามีอย.ู .. เมื่อสัญญามีอย.ู ..เม่อื สังขารมีอยู... เมือ่ วิญญาณมอี ยู เพราะอาศยั วญิ ญาณ เพราะยดึ มัน่วิญญาณ จึงเกดิ มีสักกายทิฏฐ.ิ [๓๕๗] ภ. ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย เธอทัง้ หลายจะสาํ คญั ความขอนัน้ เปน ไฉน รูปเทย่ี งหรอื ไมเ ทย่ี ง ? ภิ. ไมเทีย่ ง พระเจาขา. ภ. กส็ ่ิงใดไมเที่ยง สิง่ น้ันเปน ทกุ ขหรอื เปน สขุ เลา ? ภ.ิ เปน ทุกข พระเจา ขา . ภ. ก็ส่ิงใดไมเทย่ี ง เปน ทกุ ข มีความแปรปรวนเปน ธรรมดาพงึ เกิดมีสักกายทิฏฐิ เพราะไมอ าศยั สิ่งน้นั บางหรือ ? ภ.ิ ไมใชเชน นั้น พระเจา ขา. ภ. เวทนา สัญญา สงั ขาร วิญญาณ เท่ยี งหรอื ไมเ ที่ยง ? ภิ. ไมเที่ยง พระเจาขา . ภ. กส็ ่ิงใดไมเที่ยง สิ่งน้นั เปนทกุ ขหรือเปน สขุ เลา ? ภิ. เปนทกุ ข พระเจาขา . ภ. ก็สิง่ ใดไมเ ทยี่ ง เปนทุกข มคี วามแปรปรวนเปนธรรมดาพึงเกิดมีสักกายทฏิ ฐิ เพราะไมอาศยั สิ่งน้นั บา งหรือ ? ภิ. ไมใชเชน นัน้ พระเจาขา. ภ. ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย อรยิ สาวกผไู ดส ดบั แลว เหน็ อยอู ยา งน.้ีฯลฯ กิจอื่นเพอ่ื ความเปนอยางน้ีมิไดม ี. จบ สักกายทฏิ ฐสิ ูตรที่ ๖

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 418 ๗. อตั ตานุทิฏฐสิ ูตร วาดว ยเหตุแหงอตั ตานุทฏิ ฐิ [๓๕๘] กรุงสาวตั ถ.ี พระผมู ีพระภาคเจาตรัสถามวาดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย เม่ืออะไรมอี ยู เพราะอาศยั อะไร เพราะยึดม่ันอะไร จงึ เกิดอตั ตานทุ ิฏฐิ ภกิ ษทุ ัง้ หลายกราบทลู วา ขา แตพระองคผูเ จรญิ ธรรมของขา พระองคท ั้งหลาย มพี ระผมู พี ระภาคเจาเปน รากฐาน ฯลฯ ภ. ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย เมอื่ รูปมอี ยู เพราะอาศัยรูป เพราะยึดมนั่ รปู จงึ เกิดมีอัตตานทุ ฏิ ฐิ เมื่อเวทนามอี ย.ู .. เมอ่ื สัญญามอี ย.ู ..เมื่อสังขารมีอย.ู .. เมือ่ วิญญาณมอี ยู เพราะอาศัยวิญญาณ เพราะยึดมั่นวิญญาณ จงึ เกิดมีอตั ตานุทฏิ ฐิ . [๓๕๙] ภ. ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย เธอทั้งหลายจะสําคญั ความขอ นน้ั เปนไฉน รปู เท่ยี งหรอื ไมเทย่ี ง ? ภ.ิ ไมเ ทีย่ ง พระเจาขา . ภ. กส็ ิง่ ใดไมเทยี่ ง สงิ่ น้นั เปนทุกขหรอื เปน สขุ เลา ? ภ.ิ เปน ทกุ ข พระเจา ขา . ภ. กส็ ิง่ ใดไมเที่ยง เปน ทุกข มีความแปรปรวนเปนธรรมดาพงึ เกิดมีอตั ตานุทิฏฐิ เพราะไมอ าศยั สิง่ นนั้ บา งหรือ ? ภ.ิ ไมใชเชนน้นั พระเจาขา . ภ. เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณ เทีย่ งหรือไมเที่ยง ? ภิ. ไมเ ทีย่ ง พระเจา ขา . ภ. ก็สงิ่ ใดไมเ ท่ียง สิ่งนนั้ เปน ทกุ ขห รอื เปน สุขเลา ?

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนาที่ 419 ภ.ิ เปน ทุกข พระเจาขา. ภ. กส็ ิ่งใดไมเ ทีย่ ง เปนทกุ ข มีความแปรปรวนเปนธรรมดาพงึ เกิดมอี ตั ตานทุ ฏิ ฐิ เพราะไมอ าศัยส่งิ น้นั บา งหรอื ? ภิ. ไมใชเชนนน้ั พระเจา ขา . ภ. ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย อริยสาวกผูไดสดบั แลว เหน็ อยูอ ยางน้ีฯลฯ กจิ อ่นื เพ่ือความเปน อยางน้ีมิไดม ี . จบ อัตตานุทิฏฐสิ ูตรท่ี ๗ ๘. อภนิ เิ วสสูตรที่ ๑ วา ดวยเหตุแหงความยึดมนั่ [๓๖๐] กรุงสาวัตถ.ี พระผมู ีพระภาคเจาตรัสถามวา ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย เม่ืออะไรมีอยู เพราะอาศยั อะไร เพราะยดึ มน่ั อะไรจึงเกิดความพวั พันดว ยสังโยชนและความยดึ มนั่ ภิกษทุ ้ังหลายกราบทูลวา ขา แตพ ระองคผเู จริญ ธรรมของขาพระองคท ัง้ หลายมีพระผมู ีพระภาคเจาเปนรากฐาน ฯลฯ ภ. ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย เม่อื รูปมอี ยู เพราะอาศัยรูป เพราะยดึ ม่ันรปู จงึ เกิดความพัวพันดวยสงั โยชนแ ละความยดึ ม่ัน เมื่อเวทนามอี ยู. .. เม่อื สญั ญามอี ย.ู .. เม่ือสงั ขารมีอย.ู .. เมื่อวิญญาณมีอยู เพราะอาศัยวิญญาณ เพราะยดึ มนั่ วญิ ญาณ จงึ เกิดความพัวพนั ดว ยสังโยชนและความยึดมั่น [๓๖๑] ภ. ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย เธอทงั้ หลายจะสาํ คัญความขอ นัน้ เปน ไฉน รูปเทีย่ งหรอื ไมเ ท่ยี ง ?

พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย ขนั ธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 420 ภ.ิ ไมเ ทย่ี ง พระเจา ขา . ภ. กส็ ่ิงใดไมเ ทย่ี ง สง่ิ นัน้ เปนทุกขหรอื เปนสุขเลา ? ภ.ิ เปน ทกุ ข พระเจาขา. ภ. กส็ ิง่ ใดไมเท่ียง เปน ทกุ ข มีความแปรปรวนเปนธรรมดาพงึ เกดิ ความพวั พันดวยสังโยชนแ ละความยดึ ม่นั เพราะไมอาศยั สงิ่ นั้นบางหรอื ? ภ.ิ ไมใ ชเชน น้ัน พระเจาขา . ภ. เวทนา สญั ญา สังขาร วญิ ญาณ เท่ียงหรือไมเท่ียง ? ภ.ิ ไมเทย่ี ง พระเจาขา. ภ. กส็ ิ่งใดไมเทีย่ ง ส่ิงนัน้ เปน ทกุ ขหรือเปนสุขเลา ? ภ.ิ เปน ทกุ ข พระเจาขา . ภ. ก็สงิ่ ไดไมเทย่ี ง เปน ทกุ ข มีความแปรปรวนเปน ธรรมดาพึงเกิดความพวั พนั ดว ยสังโยชนแ ละความยึดม่ัน เพราะไมอ าศยั สิ่งน้ันบา งหรอื ? ภ.ิ ไมใชเ ชน น้ัน พระเจา ขา . ภ. ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย อรยิ สาวกผูไดส ดบั แลว เห็นอยูอยางน้ีฯลฯ กจิ อ่ืนเพอ่ื ความเปนอยา งน้ีมิไดม ี . จบ อภนิ ิเวสสตู รท่ี ๑ ๙. อภินเิ วสสูตรที่ ๒ วาดวยเหตแุ หง ความยดึ มั่น [๓๖๒] กรงุ สาวัตถี. พระผมู ีพระภาคเจาตรสั ถามวา

พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย ขันธวารวรรค เลม ๓ - หนาท่ี 421ดูกอนภิกษุท้ังหลาย เม่อื อะไรมอี ยู เพราะอาศัยอะไร เพราะยดึ ม่นั อะไรจึงเกดิ ความพัวพนั และความหมกมุน ดว ยสังโยชน และความยึดมั่นภิกษุทั้งหลายกราบทลู วา ขาแตพ ระองคผ ูเ จริญ ธรรมของขาพระองคทั้งหลาย มพี ระผูม พี ระภาคเจาเปน รากฐาน ฯลฯ ภ. ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย เม่อื รูปมอี ยู เพราะอาศัยรูป เพราะยดื ม่นั รปู จึงเกิดความพวั พันและความหมกมนุ ดว ยสังโยชนแ ละความยึดมั่น เมื่อเวทนามอี ย.ู .. เมือ่ สัญญามอี ยู. .. เมอื่ สังขารมอี ยู...เมอื่ วญิ ญาณมีอยู เพราะอาศยั วญิ ญาณ เพราะยึดมน่ั วญิ ญาณ จงึ เกดิความพวั พันและความหมกมนุ ดว ยสงั โยชนและความยึดมัน่ . [๓๖๓] ภ. ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย เธอทงั้ หลายจะสําคัญความขอ นน้ั เปน ไฉน รูปเทยี่ งหรือไมเ ที่ยง ? ภ.ิ ไมเทีย่ ง พระเจาขา . ภ. กส็ งิ่ ใดไมเ ที่ยง สงิ่ น้นั เปน ทุกขห รอื เปนสขุ เลา ? ภ.ิ เปนทุกข พระเจา ขา . ภ. ก็สงิ่ ใดไมเ ทยี่ ง เปนทุกข มคี วามแปรปรวนเปนธรรมดาพงึ เกดิ ความพัวพนั และความหมกมุนดว ยสงั โยชนแ ละความยดึ มัน่เพราะไมอาศยั สง่ิ นนั้ บา งหรอื ? ภ.ิ มใิ ชเชน นั้น พระเจา ขา . ภ. เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณ เทีย่ งหรอื ไมเ ทีย่ ง ? ภ.ิ ไมเ ที่ยง พระเจาขา . ภ. ก็ส่งิ ใดไมเที่ยง สิง่ น้ันเปนทกุ ขหรอื เปนสุขเลา ? ภ.ิ เปนทุกข พระเจา ขา.


























































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook