Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_43

tripitaka_43

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:40

Description: tripitaka_43

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาที่ 289ไดถ งึ อัตภาพ ๑๓ อนั สงู ๆ ต่ํา ๆ อยางนน้ั ดวยประการฉะนี้ บดั น้ี เกดิในอตั ภาพอันอุกฤษฏแ ลว ขอใหท า นทง้ั หลายแมท ้งั หมด จงยงั ธรรมเปน กศุ ลท้ังหลายใหถ งึ พรอ มดว ยความไมป ระมาทเถดิ .\" ดังนีแ้ ลว ยงับรษิ ทั ๔ ใหส งั เวชแลวปรินพิ พาน ดังนแ้ี ล. เรื่องนางลกู สุกร จบ.

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ที่ 290 ๓. เรอื่ งวพิ ภนั ตกภิกษุ [๒๔๒] ขอ ความเบือ้ งตน พระศาสดา เม่อื ประทับอยใู นพระเวฬวุ ัน ทรงปรารภวิพภันตก-ภกิ ษ๑ุ รปู หนึง่ ตรสั พระธรรมเทศนาน้ีวา \" โย นิพฺพนฏโ  \" เปนตน. เธอสกึ ออกไปทําโจรกรรมเล้ยี งชีพ ไดยนิ วา ภิกษุรปู หน่งึ เปน สัทธวิ หิ ารกิ ของพระมหากสั สปเถระ แมยังฌาน ๔ ใหเกิดข้นึ แลว เหน็ รูปารมณอ ันเปน วสิ ภาค (ขา ศกึ ) ในเรอื นของนายชา งทองผเู ปนลงุ ของตน มีจิตปฏิพทั ธใ นรูปารมณน น้ั สกึ แลว . ตอ มา เพราะความเปน ผเู กียจครา น พวกมนุษยจงึ ไลเ ขาผไู มปรารถนาจะทําการงาน ออกเสยี จากเรือน. เขาเทยี่ วเลยี้ งชีพอยูดว ยโจร-กรรม เพราะการคลุกคลดี วยมติ รชว่ั . ตอมาในวนั หนง่ึ พวกราชบรุ ุษจับเขาไดแ ลว มดั แขนไพลหลงัผกู อยางม่ันคง เฆีย่ นดวยหวายทุก ๆ ทาง ๔ แพรง แลว นาํ ไปสตู ะแลง-แกง. พระเถระ เขาไปเพอ่ื เท่ยี วบณิ ฑบาต เห็นเขาถูกพวกราชบรุ ุษนาํไปโดยประตูดา นทกั ษณิ จึงขอใหพ วกราชบุรษุ ผอนเครอื่ งจองจําใหห ยอ นแลว พดู วา \" เธอจงระลกึ ถึงกัมมัฏฐานทเี่ ธอเคยสั่งสมแลวในกอ นอกี .\"เขาไดความเกิดขน้ึ แหงสตเิ พราะโอวาทน้นั แลว ไดย งั จตตุ ถฌานใหเ กิดข้ึนอีก. ลําดบั น้นั พวกราชบุรษุ นําเขาไปสตู ะแลงแกง ใหเขานอนหงายบนหลาว ดวยคิดวา \" พวกเราจกั ฆา เสยี .\" เขาไมกลัว ไมสะดุง.๑. ภิกษผุ ูหมนุ ไปผดิ (สึก).

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาท่ี 291 พวกมนุษยป ระหลาดใจเพราะเหน็ เขาไมกลวั ลําดบั นน้ั มนษุ ยทั้งหลายผยู นื อยใู นทศิ าภาคน้ัน ๆ แมเ งือดเงือ้เครือ่ งประหารทั้งหลายมีดาบ หอก และโตมร๑เปน ตน แกเขา เห็นเขามิไดส ะดุง เลย ตา งพูดวา \" ผเู จรญิ ท้งั หลาย พวกทา นจงดบู ุรษุ คนนีเ้ ถดิ ,เขาไมหว่นั ไหว ไมส ะทกสะทานในทา มกลางแหง บรุ ุษผูมีอาวุธในมอื แมหลายรอ ยคน, โอ ! นา อัศจรรยจริง\" ดังนี้แลว เกิดมคี วามอัศจรรยแ ละประหลาดใจ บนั ลอื ลั่นสน่ัน (ไป) กราบทลู เร่ืองนนั้ แดพระราชา. พระราชาทรงสดบั เหตนุ น้ั แลว ตรสั วา \" พวกทานจงปลอยเขาเสยี เถิด\" ดงั นี้แลว เสด็จไปแมย งั สํานักพระศาสดา กราบทลู เนือ้ ความนน้ั แลว . พระศาสดา ทรงเปลงพระโอภาสไปแลว เมื่อจะทรงแสดงธรรมแกเ ขา จึงตรสั พระคาถานว้ี า:- ๓. โย นพิ พฺ นฏโ วนาธิมุตโฺ ต วนมุตฺโต วนเมว ธาวติ ต ปคุ คฺ ลเมว ปสสฺ ถ มุตโฺ ต พนธฺ นเมว ธาวต.ิ \" บุคคลใด มอี าลยั ดุจหมูไมอันตงั้ อยูในปา ออก แลว นอมไปในปา (คอื ตปธรรม) พนจากปา แลว ยังแลน ไปสูปาตามเดมิ , ทา นท้ังหลายจงดูบุคคลนั้น นนั่ แล; เขาพนแลว (จากเคร่อื งผูก) ยงั แลนไปสู เคร่ืองผูกตามเดมิ .\"๑. โตมร หอกซัด.

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 292 แกอรรถ เนื้อความแหงพระคาถาน้ันวา \" บุคคลใด ชอ่ื วามอี าลยั ดจุ หมูไมอนั ตงั้ อยใู นปาออกแลว เพราะความทีต่ นละทง้ิ หมูไ มอนั ตง้ั อยูในปากลา วคอื อาลัยในความเปน คฤหสั ถแ ลวบวช นอมไปในปา คอื ตปะ กลาวคือวิหารธรรม เปนผพู นจากปา คอื ตัณหา ซง่ึ จัดเปน เคร่อื งผกู คอื การครองเรอื นแลว ยังแลนไปหาปา คือตณั หานั่นแหละ อันเปนเครือ่ งผกู คือการครองเรือนน้ันอกี , ทา นทง้ั หลายจงดูบคุ คลน้ันอยา งนน้ั ; บุคคลนน่ัพนจากเครอื่ งผกู คือการครองเรือนแลว ยังแลนไปสูเครือ่ งผกู คอื การครองเรอื นอีกทีเดยี ว. เขานัง่ ฟงธรรมเทศนานี้ อยบู นปลายหลาว ในระหวางพวกราช-บรุ ษุ น่นั แล เริ่มตง้ั ความเกดิ ขึ้นและความเสอื่ มไปแลว ยก (จิต) ข้ึนสูไตรลักษณ พิจารณาอยูซ่งึ สงั ขารท้ังหลายบรรลโุ สดาปตตผิ ลแลวเสวยสุขเกิดแตส มาบัตอิ ยู เหาะขน้ึ สเู วหาสมาสูสํานกั พระศาสดาทางอากาศน่ันเองถวายบงั คมพระศาสดาแลวบวช ไดบรรลุพระอรหตั ณ ทา มกลางบริษทัพรอ มดว ยพระราชานนั่ เอง ดังนแ้ี ล. เรอื่ งวิพภนั ตกภิกษุ จบ.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาที่ 293 ๔. เรือ่ งเรอื นจํา [๒๔๓] ขอความเบือ้ งตน พระศาสดา เมอ่ื ประทบั อยูใ นพระเชตวัน ทรงปรารภเรอื นจาํตรสั พระธรรมเทศนาน้วี า \" น ต ทฬหฺ  \" เปนตน . พวกภิกษุเหน็ โจรถูกจองจํานกึ แปลกใจ ดังไดสดบั มา ในกาลคร้งั หนึง่ พวกราชบรุ ษุ นาํ พวกโจร ผตู ดั ชอ งผูป ลน ในหนทางเปลย่ี ว และผูฆา มนษุ ยเ ปน อนั มาก ทลู เสนอแดพ ระเจาโกศลแลว . พระราชารบั ส่ังใหจ องจําโจรเหลา น้นั ไว ดวยเครื่องจองจําคือข่อื เคร่อื งจองจาํ คอื เชือก และเคร่ืองจองจําคือตรวนท้ังหลาย. พวกภกิ ษุชาวชนบท แมมีประมาณ ๓๐ รูปแล ใครจ ะเฝาพระศาสดา มาเฝาถวายบังคมแลว ในวันรุง ขนึ้ เท่ียวไปในกรงุ สาวตั ถี เพ่อื บิณฑบาตไปถึงเรือนจาํ เห็นโจรเหลาน้ัน กลับจากบิณฑบาตแลว เขาไปเฝาพระ-ตถาคตเจาในเวลาเย็น กราบทูลถามวา \" พระเจา ขา วนั นี้ พวกขาพระองคกาํ ลงั เทีย่ วไปบิณฑบาต เหน็ โจรเปนอนั มากในเรอื นจาํ ถกูจองจาํ ดวยเครอ่ื งจองจาํ คอื ข่ือเปน ตน เสวยทุกขมาก พวกเขายอมไมอาจเพอ่ื จะตดั เครอื่ งจองจําเหลา น้ันหนีไปได; ขาแตพ ระองคผ ูเ จริญ ข้ึนชอ่ื วา เครอื่ งจองจําชนดิ อ่นื ที่มัน่ คงกวา เครอ่ื งจองจาํ เหลาน้นั มอี ยูหรือ เครอื่ งจองจาํ คือกเิ ลสตดั ไดยากยิ่ง พระศาสดาตรัสวา \" ภิกษุทัง้ หลาย เคร่อื งจองจําเหลา นั้นจะชอื่ วาเครอื่ งจองจําอะไร; สว นเครอ่ื งจองจาํ คอื กเิ ลส กลาวคือตณั หา ใน

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาท่ี 294สวญิ ญาณกทรพั ยแ ละอวญิ ญาณกทรพั ยท้ังหลาย มีทรพั ยคอื ขาวเปลือกบุตรและภรรยาเปน ตน เปน เครื่องจองจําทีม่ ั่นคงกวาเครอ่ื งจองจาํ คือขอ่ืเปน ตน เหลานน้ั ดวยอนั คณู ดว ยรอย คณู ดว ยพัน คูณดว ยแสน, แตโบราณกบัณฑิตทง้ั หลาย ตดั เครอ่ื งจองจํานน่ั แมช นิดใหญทต่ี ัดไดยากดวยประการดังนี้แลว เขา สูปา หิมพานตบวช.\" ดังนีแ้ ลว ทรงนําอดตีนทิ านมา (ตรัส) วา \" ในอดีตกาล เมอื่ พระเจาพรหมทัตครองราชสมบตั อิ ยูในกรงุพาราณสี พระโพธสิ ตั วเ กดิ แลวในตระกูลคฤหบดตี กยากตระกลู หน่งึ .เม่ือพระโพธสิ ตั วน ั้นเจรญิ วยั บดิ าไดท าํ กาละแลว . พระโพธสิ ตั วน ้ันทาํการรับจา งเลีย้ งมารดา. ตอ มา มารดากระทาํ นางกุลธิดาคนหนงึ่ ไวใ นเรือนเพอ่ื พระโพธสิ ัตวน ้ัน ผูไมปรารถนาเลย ในกาลตอมาก็ไดก ระทํากาละแลว. ฝา ยภรรยาของพระโพธสิ ตั วนัน้ ตัง้ ครรภแ ลว. พระโพธสิ ัตวนน้ัไมท ราบวา ครรภต ัง้ ข้นึ เลย จงึ กลา ววา \" นางผูเจรญิ หลอนจงทําการรบั จา งเลีย้ งชีพเถดิ , ฉนั จักบวช.\" นางกลาววา \" นาย ครรภต ั้งขนึ้ แลวแกด ิฉันมิใชห รือ ? เม่อื ดฉิ ันคลอดแลว ทา นจักเหน็ ทารกแลว จงึ บวช.\" พระโพธสิ ตั วน ้ัน รบั วา\" ดลี ะ \" ในกาลแหงนางคลอดแลว จึงอาํ ลาวา \" นางผเู จริญ หลอนคลอดโดยสวัสดแี ลว, บัดน้ี ฉันจักบวชละ. \" ทนี ้ันนางกลา วกะพระโพธิสัตวนนั้ วา \" ทา นจงรอ เวลาท่ลี ูกนอยของทา นหยานมกอ น \" แลว กต็ งั้ ครรภอีก. พระโพธสิ ัตวนัน้ ดาํ รวิ า \" เราไมส ามารถจะใหน างคนนีย้ นิ ยอมแลว

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาที่ 295ไปได. เราจักไมบอกแกน างละ จักหนีไปบวช.\" ทา นไมบอกแกน างเลยลุกขนึ้ แลว ในสวนราตรี หนไี ปแลว . ครงั้ นนั้ คนรักษาพระนครไดจ บั ทา นไวแ ลว . ทานกลา ววา \"นายขา พเจา ช่ือวา เปนผูเล้ียงมารดา, ขอทา นทง้ั หลายจงปลอยขา พเจาเสยี เถดิ \"ใหเ ขาปลอ ยตนแลว พักอยูในท่ีแหง หนึ่ง แลวเขาไปสปู า หมิ พานต บวชเปนฤาษี ยังอภิญญาและสมาบตั ิใหเ กิดแลว เลน ฌานอย.ู ทานอยใู นท่ีนน้ั น่ันเอง เปลงอุทานขึ้นวา \" เคร่ืองผกู คือบตุ รและภรรยา เคร่อื งผูกคือกเิ ลส อันบุคคลตัดไดโ ดยยาก ชอ่ื แมเ ห็นปานนัน้ เราตดั ไดแลว.\" พระศาสดาทรงแสดงเครื่องจองจํา ๒ อยาง พระศาสดา ครัน้ ทรงนําอดตี นทิ านนมี้ าแลว เมอ่ื จะทรงประกาศอุทานท่พี ระโพธิสตั วน ้นั เปลง แลว ไดตรสั พระคาถานีว้ า :- ๔. น ต ทฬหฺ  พนฺธนมาหุ ธีรา ยทายส ทารุช ปพพฺ ชจฺ สารตตฺ รตฺตา มณิกุณฑฺ เลสุ ปุตเฺ ตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา. เอต ทฬฺห พนฺธนมาหุ ธรี า โอหารนิ  สถิ ิล ทปุ ปฺ มุ ฺจ เอต ป เฉตฺวาน ปริพพฺ ชนตฺ ิ อนเปกฺขโิ น กามสขุ  ปหาย. \" เครอ่ื งจองจาํ ใด เกดิ แตเ หลก็ เกิดแตไม และ เกิดแตห ญา ปลอ ง ผมู ีปญ ญาท้ังหลาย หากลา วเคร่ือง

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 296 จองจาํ น้นั วา เปนของม่ันคงไม. ความกําหนดั ใด ของชนท้งั หลายผกู ําหนัด ยินดียิ่งนกั ในแกวมณี และตุมหทู ัง้ หลาย และความเยือ่ ใยในบตุ ร๑ แลใน ภรรยาทง้ั หลายใด, นกั ปราชญท ัง้ หลาย กลา วความ กาํ หนัดและความเย่ือใยนนั่ วา เปน เครือ่ งจองจาํ อนั มัน่ คง มีปกตเิ หนีย่ วลง อันหยอ น (แต) เปล้ืองได โดยยาก. นกั ปราชญท ง้ั หลาย ตัดเครื่องผูกแมน น่ั แลว เปนผไู มม ไี ยดี ละกามสขุ แลว บวช.๒\" แกอรรถ บรรดาบทเหลา น้นั บทวา ธรี า เปน ตน ความวา บรุ ุษผเู ปนบัณฑิตทัง้ หลาย มีพระพทุ ธเจาเปน ตน หากลา วเครื่องจองจําที่เกดิ แตเหล็ก กลา วคอื ตรวน ชื่อวา เกิดแตเหลก็ ทีเ่ กิดแตไ ม กลาวคอื ชื่อ คาและเคร่ืองจองจําคอื เชอื ก ท่เี ขาเอาหญา ปลอง หรอื วตั ถุอยา งอืน่ มีปอเปน ตน ฟนทําเปนเชอื ก วา \" เปน ของมน่ั คง\" ไม, เพราะความเปนเคร่ืองจองจํา ทบ่ี ุคคลสามารถตดั ดว ยศัสตราท้งั หลาย มดี าบเปนตนได. บทวา สารตฺตรตฺตา ไดแก เปน ผกู าํ หนดั นักแลว, อธบิ ายวา ผูกาํ หนดั ดว ยราคะจดั . บทวา มณกิ ณุ ฺฑเลสุ คอื ในแกว มณีและตุมหูทัง้ หลาย, อีกอยา งหนึ่ง (คือ) ในตุมหูทัง้ หลายอันวจิ ิตรดว ยแกว มณี. บทวา ทฬฺห ความวา ความกาํ หนัดใด ของชนทง้ั หลาย ผูก ําหนัด๑. แปลเตมิ อยางอรรถกถา. ๒. ขุ. ธ. ๒๕/๖๐, ชา. ทุก. ๒๗/ขอ ๒๕๑. อรรถกถา๓/๑๘๕. พนั ธนาคารชาดก.

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาท่ี 297ยนิ ดีย่งิ นกั ในแกวมณแี ละตุมหทู งั้ หลายนั่นแล และความเยือ่ ใย คือความทะยานอยากไดใ นบุตรและภรรยาใด, บุรุษผูเปนบัณฑติ ทง้ั หลาย ยอ มกลาวความกําหนดั และความเย่อื ใยนัน่ อันเปน เครื่องผูกซงึ่ สาํ เร็จดว ยกเิ ลสวา \" มน่ั . \" บทวา โอหาริน ความวา ชอ่ื วา มีปกติเหน่ียวลง เพราะยอมฉดุ ลงคอื นาํ ไปในเบอ้ื งตํ่า เพราะครามาแลวใหตกไปในอบาย ๔. บทวา สิถิล ความวา ชือ่ วา หยอน เพราะยอ มไมบ าดผวิ หนงัและเนอื้ คือยอมไมนาํ โลหิตออกในทที่ ผี่ ูก ไดแ ก ไมใ หร สู ึกแมค วามเปนเครอื่ งผูก ยอ มใหท ําการงานท้งั หลาย ในทท่ี ั้งหลายมที างบกและทางนํา้เปนตนได. บทวา ทปุ ฺปมุ ฺจ ความวา ช่ือวา เปล้ืองไดโดยยาก ก็เพราะเครือ่ งผกู คือกิเลส อันเกิดขนึ้ ดว ยสามารถแหงความโลภแมค ราวเดยี วยอมเปนกิเลสชาตอันบคุ คลเปลื้องไดโดยยาก เหมอื นเตา เปล้ืองจากที่เปนท่ผี ูกไดยากฉะนัน้ . สองบทวา เอต ป เฉตฺวาน ความวา นกั ปราชญทง้ั หลายตัดเครอื่ งผูกคือกเิ ลสนัน่ แมอ นั ม่นั อยา งนน้ั ดว ยพระขรรคคอื ญาณ เปนผหู มดความเยือ่ ใย ละกามสุขแลว เวน รอบ คอื หลีกออก, อธิบายวา ยอมบวช. ในกาลจบเทศนา ชนเปน อนั มากบรรลอุ ริยผลทงั้ หลาย มโี สดา-ปตติผลเปน ตน ดังนแ้ี ล. เรื่องเรือนจาํ จบ.

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ที่ 298 ๕. เรื่องพระนางเขมา [๒๔๔] ขอความเบ้ืองตน พระศาสดา เมือ่ ประทับอยใู นพระเวฬุวนั ทรงปรารภพระอัครมเหสีของพระเจา พิมพิสาร พระนามวาเขมา ตรัสพระธรรมเทศนานีว้ า \" เยราครตตฺ า\" เปน ตน . หนามบงหนาม ไดส ดับมา พระนางเขมานน้ั ตงั้ ความปรารถนาไวแทบบาทมูลของพระปทุมตุ ตรพทุ ธเจา ไดเ ปน ผมู ีพระรูปงดงามนาเล่อื มใสอยางเหลือเกิน.ก็พระนางไดท รงสดับวา \" ทราบวา พระศาสดาตรสั ตโิ ทษของรปู \" จงึไมป รารถนาจะเสด็จไปยงั สาํ นกั ของพระศาสดา. พระราชาทรงทราบความท่ีพระอคั รมเหสนี นั้ มวั เมาอยใู นรูป จึงตรสั ใหพ วกนกั กวแี ตง เพลงขบั เกยี่ วไปในทางพรรณนาพระเวฬวุ ัน แลว ก็รับส่ังใหพ ระราชทานแกพ วกนกัฟอนเปน ตน . เมือ่ นกั ฟอ นเหลา น้ันขับเพลงเหลา นน้ั อยู พระนางทรงสดบั แลว พระเวฬุวนั ไดเปนประหนึง่ ไมเคยทอดพระเนตรและทรงสดบัแลว . พระนางตรสถามวา \" พวกทา นขับหมายถึงอทุ ยานแหงไหน ?\"เมอ่ื พวกนักขบั ทลู วา \" หมายอทุ ยานเวฬวุ ันของพระองค พระเทเทว\"ี ก็ไดทรงปรารถนาจะเสด็จไปพระอุทยาน. พระศาสดาทรงทราบการเสด็จมาของพระนาง เม่ือประทบั นง่ั แสดงธรรมอยูใ นทา มกลางบริษัทแล จงึ ทรงนิรมิตหญงิ รปู งาม ยนื ถือพดั กานตาลพัดอยูที่ขา งพระองค ฝายพระนางเขมาเทวี เสด็จเขา ไปอยแู ล ทอดพระเนตรเห็นหญงินน้ั จึงทรงดํารวิ า \" ชนทง้ั หลาย ยอมพดู กนั วา ' พระสัมมาสมั พทุ ธเจา

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 299ตรสั โทษของรูป,' กห็ ญงิ นี้ ยืนพดั อยใู นสํานักของพระองค, เราไมเขาถึงแมสวนแหงเสีย้ วของหญงิ น,ี้ รปู หญิงเชน นี้ เราไมเ คยเห็น, ชนท้ังหลายเห็นจะกลาวตพู ระศาสดา ดว ยคาํ ไมจ รงิ \" ดังนแี้ ลว ก็มิใสใ จถงึ เสียงพระ-ดํารัสของพระตถาคต ไดป ระทับยืนทอดพระเนตรดหู ญงิ นัน้ นัน่ แล. ในรา งกายน้ีไมม ีสาระ พระศาสดาทรงทราบเนือ้ ความทพี่ ระนางมีมานะจัดเกิดข้นึ ในรูปนัน้เมอื่ จะทรงแสดงรูปนั้นดว ยอํานาจวัยมีปฐมวัยเปนตน จึงทรงแสดงทําใหเหลอื เพียงกระดกู ในท่ีสุด โดยนัยทีข่ าพเจา กลา วแลว ในหนหลังนั้นแล. พระนางเขมาพอทอดพระเนตรเห็นรปู นนั้ จงึ ทรงดาํ ริวา \" รปู น้นัแมเห็นปานนี้ ก็ถึงความส้นิ ความเส่ือมไปโดยครเู ดยี วเทา นัน้ , สาระในรูปนี้ ไมม ีหนอ ?\" พระศาสดาทรงตรวจดวู าระจติ ของพระนางเขมานน้ั แลว จงึ ตรสั วา\" เขมา เธอคิดวา ' สาระมอี ยใู นรปู นห้ี รือ ?' เธอจงดูความท่ีรูปน้นั หาสาระมิได ในบดั น้ี\" แลว ตรัสพระคาถานี้วา :- \" เขมา เธอจงดูรา งกายอันอาดูร ไมสะอาดเนา เปอ ย ไหลออกทงั้ ขางบน ไหลออกทงั้ ขางลาง อันคน พาลทั้งหลาย ปรารถนาย่ิงนกั .\" ในกาลจบพระคาถา พระนางดาํ รงอยใู นโสดาปต ติผล. ลําดับน้นั พระศาสดาตรสั กะพระนางวา \" เขมา สตั วเหลาน้ี เย้ิมอยูดว ยราคะ รอนอยูด ว ยโทสะ งงงวยอยูด ว ยโมหะ จึงไมอาจเพือ่ กาวลวงกระแสตณั หาของตนไปได ตอ งขอ งอยูในกระแสตัณหาน้นั น่ันเอง \"ดังนี้แลว เมื่อจะทรงแสดงธรรม จึงตรสั พระคาถานี้วา :-

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาท่ี 300 ๕. เย ราครตฺตานุปตนตฺ ิ โสต สย กต มกกฺ ฏโกว ชาล เอตมฺป เฉตฺวาน วชนฺติ ธีรา อนเปกขฺ โิ น สพฺพทกุ ขฺ  ปหาย. \" สัตวผูกําหนดั แลว ดว ยราคะ ยอมตกไปสูกระ- แสตัณหา เหมอื นแมลงมุม ตกไปยงั ใยทตี่ ัวทาํ ไว เองฉะน้นั . ธีรชนท้งั หลาย ตดั กระแสตณั หาแมน ้นั แลว เปนผหู มดหวงใย ละเวน ทกุ ขท ้งั ปวงไป.\" แกอรรถ บรรดาบทเหลา นั้น สองบทวา มกฺกฏโกว ชาล ความวา เหมอื นอยางวา แมลงมุมทาํ ขายคอื ใยแลว ก็นอนอยใู นศูนยใ ยในทที่ า มกลางแลวกร็ บี วง่ิ ไปฆาตก๊ั แตนหรือตวั แมลง ท่ีตกไปในรมิ สายใย สบู กินรสของมนั แลว ก็กลบั มานอนอยใู นท่นี ้ันอยา งเดมิ ฉันใด; สัตวท งั้ หลายเหลา ใด ผกู าํ หนัดแลวดวยราคะ๑ โกรธแลว ดวยโทสะ๒ หลงแลว ดว ยโมหะ,สตั วเหลา น้นั ยอมตกไปสกู ระแสตณั หาที่ตัวทําไวเอง คอื เขาไมอาจเพ่อืกาวลว งกระแสตัณหานัน้ ไปได ฉนั น้ันเหมอื นกนั ; กระแสตณั หา บคุ คลลวงไดย ากอยางน.้ี บาทพระคาถาวา เอตมปฺ  เฉตวฺ าน วชนตฺ ิ ธีรา ความวา บัณฑติทงั้ หลาย ตัดเครอื่ งผูกนั่นแลว เปนผหู มดหว งใย คอื ไมม อี าลัย ละทุกขทง้ั ปวงดว ยอรหัตมรรคแลว กเ็ วน คือไป.๑. ผูอนั ราคะยอมแลว. ๒. อันโทสะประทุษรายแลว.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook