พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 361 พระศาสดารบั ส่ังใหเรียกภิกษุน้นั มาแลว ตรสั ถามวา \" ไดย ินวาเธอไดทําอยางน้ัน จรงิ หรือ ?.\" ภิกษุ. จริง พระเจาขา, ขาพระองคอาศยั ภิกษุหนุมรูปหนึง่ อยใู นทน่ี ั้น ๒-๓ วัน; กแ็ ตว า ขาพระองคมิไดชอบใจลทั ธิของพระเทวทัต. ภิกษคุ วรยนิ ดใี นลาภของตนเทาน้นั ครง้ั นัน้ พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั กะเธอวา \" เธอไมช อบใจลทั ธิ(ของพระเทวทัต ) กจ็ รงิ , ถึงอยา งนน้ั เธอเท่ียวไปประหนึ่งวา ชอบใจลัทธิของชนผูทเ่ี ธอพบเหน็ แลว ทเี ดียว; เธอทาํ อยางนนั้ ในบดั นีเ้ ทา นนั้ กห็ ามิได, แมในกาลกอ น เธอกเ็ ปนผูเ ห็นปานน้นั เหมอื นกนั ,\" อนั ภกิ ษุทงั้ หลายทลู วิงวอนวา \" พระเจาขา ในบัดนี้ พวกขาพระองคเ หน็ ภิกษุน้ีดวยตนเองกอน, แตในกาลกอน ภกิ ษุน่ีพอใจลัทธขิ องใครเที่ยวไป ?ขอพระองคโ ปรดตรสั บอกแกพวกขา พระองคเถดิ ,\" จงึ ทรงนําอดีตนิทานมา ทรงยงั มหิลามุขชาดก๑ น้ีใหพสิ ดารวา :- \" ชา งช่อื มหิลามขุ ฟงคําของพวกโจรกอนแลว เท่ียวฟาดบุคคลผไู ปตามอยู, แตพอฟงคําของสมณะ ผสู าํ รวมดีแลว ก็เปน ชางประเสริฐ ต้งั อยแู ลวในคุณ ทั้งปวง.\"แลว ตรสั วา \" ภกิ ษทุ งั้ หลาย ธรรมดาภิกษเุ ปน ผูยนิ ดีดว ยลาภของตนเทา นน้ั , การปรารถนาลาภของผูอนื่ ไมสมควร, เพราะบรรดาฌานวิปส สนา มรรค และผลท้งั หลาย แมธ รรมสกั อยา งหนึ่งยอมไมเ กดิ ขึ้น๑. ข.ุ ชา. ๒๗/๙. อรรถกถา. ๑/ ๒๗๙.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาท่ี 362แกภ กิ ษผุ ปู รารถนาลาภของผูอนื่ , แตค ุณชาติทงั้ หลายมีฌานเปนตน ยอ มเกดิ ข้ึนแกภิกษุผูยนิ ดดี ว ยลาภของตนเทา นนั้ \" ดงั นแี้ ลว เม่ือจะทรงแสดงธรรม ไดทรงภาษติ พระคาถาเหลานว้ี า :- ๕. สลาภ นาติมฺเยยฺ นาเฺ ส ปห ยจฺ เร อฺเส ปห ย ภกิ ขฺ ุ สมาธึ นาธคิ จฺฉติ. อปฺปลาโภป เจ ภิกขฺ ุ สลาภ นาติมฺติ ต เว เทวา ปส สนตฺ ิ สทุ ฺธาชีวึ อตนทฺ ิต . \" ภิกษุไมค วรดูหมน่ิ ลาภของตน, ไมควรเทยี่ ว ปรารถนาลาภของผอู ืน่ , ภิกษเุ ม่อื ปรารถนาลาภของ ผอู ืน่ ยอมไมป ระสบสมาธิ; ถา ภิกษุแมเ ปน ผมู ีลาภ นอ ย ก็ไมดูหมนิ่ ลาภของตน, เทพยดาทัง้ หลาย ยอม สรรเสริญภิกษนุ ั้นแล (วา) ผมู อี าชพี หมดจด ไม เกยี จครา น.\" แกอรรถ บรรดาบทเหลาน้นั บทวา สลาภ ไดแก ลาภท่ีเกดิ ขน้ึ แกต น.จริงอยู ภิกษผุ เู วน การเทย่ี วไปตามตามลําดับตรอก เลี้ยงชีพอยูดวยการแสวงหาอันไมสมควร ชอ่ื วา ดหู มน่ิ คือดแู คลน ไดแ ก รังเกียจลาภของตน; เพราะเหตุน้ัน ภกิ ษไุ มควรดูหมิน่ ลาภของตน ดว ยการไมทําอยา งนน้ั . สองบทวา อฺเส ปหย ความวา ไมควรเที่ยวปรารถนาลาภของคนเหลาอนื่ .
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ที่ 363 บาทพระคาถาวา สมาธึ นาธคิ จฉฺ ติ ความวา กภ็ ิกษเุ มื่อปรารถนาลาภของชนเหลา อ่ืนอยู ถงึ ความขวนขวายในการทาํ บริขารมีจีวรเปนตนแกชนเหลา นน้ั ยอ มไมบ รรลอุ ัปปนาสมาธิ หรืออุปจารสมาธ.ิ บาทพระคาถาวา สลาภ นาตมิ ฺ ติ ความวา ภิกษุแมเ ปน ผมู ีลาภนอย เม่ือเท่ยี วไปตามลําดับตรอกโดยลาํ ดับแหง ตระกลู สงู และตํา่ช่ือวา ไมด ูแคลนลาภของตน. บทวา ต เว เปน ตน ความวา เทพดาทั้งหลายยอมสรรเสรญิ คอืชมเชย ภิกษนุ ัน้ คือผเู หน็ ปานน้นั ผูช ่อื วา มีอาชีวะหมดจด เพราะความเปนผมู ีชีวิตเปน สาระ ช่อื วาผไู มเ กียจคราน เพราะความเปน ผูไมย อ ทอดวยอาศยั กําลังแขง เล้ียงชีพ. ในกาลจบเทศนา ชนเปน อนั มากบรรลุอรยิ ผลทัง้ หลาย มีโสดา-ปต ติผลเปนตน ดงั นี้แล. เร่อื งภกิ ษุคบภิกษุผเู ปน ฝก ฝา ยผิดรูปใดรปู หนงึ่ จบ.
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ที่ 364 ๖. เร่อื งปญ จคั คทายกพราหมณ [๒๕๗] ขอความเบ้ืองตน พระศาสดา เมือ่ ประทับอยใู นพระเชตวัน ทรงปรารภพราหมณช่อืปญจัคคทายก ตรสั พระธรรมเทศนาน้วี า \" สพพฺ โส นามรปู สมฺ ึ\"เปน ตน . เหตทุ ่ีพราหมณไดช ื่อวาปญ จัคคทายก ดงั ไดส ดบั มา พราหมณนั้นยอ มถวายทานช่อื เขตตัคคะ๑ ในเวลาแหง นาขาวกลา อนั ตนเกบ็ เก่ยี วเสร็จแลว นนั่ แล, ในเวลาขนขาวลาน ก็ถวายชอื่ ขลัคคคะ,๒ ในเวลานวด กถ็ วายทานช่ือขลภณั ฑัคคะ,๓ ในเวลาเอาขา วสารลงในหมอ ก็ถวายทานชอ่ื อุกขลิกคั คะ,๔ ในเวลาที่ตนคดขา วใสภาชนะ ก็ถวายทานชอื่ ปาฏิคคะ,๕ พราหมณยอ มถวายทานอนั เลิศท้งั ๕อยา งนี.้ พราหมณน นั้ ช่ือวา ยงั ไมใหแ กปฏิคาหกผทู ีม่ าถึงแลว ยอมไมบรโิ ภค. เพราะเหตุนนั้ เขาจงึ ไดมชี ่ือวา \"ปญจคั คทายก\" น่ันแล. พระศาสดาเสดจ็ ไปโปรดพราหมณแ ละภรรยา พระศาสดาทรงเหน็ อุปนิสัยแหงผลทั้ง ๓ ของพราหมณน น้ั และนางพราหมณีของเขา จงึ ไดเสดจ็ ไปในเวลาบรโิ ภคของพราหมณ แลวประทับยนื อยูทีป่ ระต.ู แมพ ราหมณนั้นบา ยหนา ไปภายในเรือน นง่ับริโภคอยทู ีห่ นา ประต,ู เขาไมเ หน็ พระศาสดาผูประทบั ยืนอยทู ีป่ ระตู.๑. ทานอันเลศิ ในนา ๒. ทานอันเลิศในลาน. ๓. ทานอันเลิศในคราวนวด. ๔. ทานอนั เลิศในคราวเทขาวสารลงหมอขา ว. ๕. ทานอนั เลิศในคราวคดขา วสกุ ใสภาชนะ.
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาที่ 365 สว นนางพราหมณขี องเขา กําลังเลีย้ งดเู ขาอยู เห็นพระศาสดาจงึคิดวา \" พราหมณน้ี ถวายทานอันเลศิ ในฐานะท้งั ๕ ( กอ น ) แลวจึงบริโภค, ก็บัดน้ี พระสมณโคดมเสด็จมาประทับยืนอยทู ่ีประต;ู ถาวาพราหมณเ หน็ พระสมณโคคมน่แี ลว จกั นาํ ภตั ของตนไปถวาย, เราจกัไมอ าจเพือ่ จะหงุ ตมเพอื่ เขาไดอ กี .\" นางคดิ วา \" พราหมณนจ้ี ักไมเ ห็นพระสมณโคดมดวยอาการอยางน้ี\" จึงหนั หลัง๑ใหเ พระศาสดา ไดย ืนกมลงบังพระศาสดานั้นไวข า งหลงั พราหมณน น้ั ประดจุ บังพระจันทรเต็มดวงดว ยฝา มอื ฉะน้ัน. นางพราหมณียืนอยูอยางน้นั นนั่ แหละ แลวก็ชาํ เลือง๒ดูพระศาสดาดว ยหางตา ดว ยคดิ วา \" พระศาสดาเสด็จไปแลว หรอื ยัง.\" พราหมณเห็นพระศาสดา พระศาสดาไดประทบั ยืนอยูในท่ีเดิมนัน่ เอง. สว นนางมไิ ดพ ดู วา\" นิมนตพระองคโ ปรดสตั วข า งหนา เถิด \" กเ็ พราะกลวั พราหมณจะไดย ิน,แตนางถอยไป แลว พูดคอ ย ๆ วา \" นมิ นตโปรดสัตวขา งหนา เถดิ .\" พระศาสดาทรงส่นั พระเศียร๓ดวยอาการอันทรงแสดงวา \" เราจักไมไป \" เมอ่ื พระพทุ ธเจาผเู ปนที่เคารพของชาวโลก ทรงสน่ั พระเศยี รดวยอาการอันแสดงวา \" เราจักไมไป,\" นางไมอาจอดกลน้ั ไวได จึงหวั เราะดังลัน่ ขึน้ . ขณะนนั้ พระศาสดาทรงเปลง พระรัศมีไปตรงเรือน. แมพราหมณน่ังหนั หลังใหแลวนนั่ แล ไดยินเสียงหัวเราะของนางพราหมณี และมองเห็นแสงสวางแหงพระรศั มีอันมีวรรณะ ๖ ประการ จึงไดเห็นพระศาสดา.๑. สตฺถุ ปฏ ึ ทตฺวา ใหซ ึง่ หลังแดพ ระศาสดา. ๒. สตถฺ าร อฑฒฺ กขฺ เิ กน โอโบเกสิ มองดูพระศาสดาดวยตาคร่ึงหนงึ่ . ๓. เพง เพอื่ จะพูดอยางเดียว หาใสใ จถึงเสขิยวตั รไม..
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาท่ี 366 พราหมณถวายภตั แดพระศาสดา ธรรมดาวา พระพทุ ธเจา ทั้งหลายยงั ไมไ ดทรงแสดงพระองคแ กชนทงั้ หลายผถู ึงพรอมแลวดว ยเหตุ ในบานหรือในปาแลว ยอ มไมเสด็จหลกีไป. แมพราหมณเ หน็ พระศาสดาแลว จึงพดู วา \" นางผเู จริญ หลอ นไมบอกพระราชบตุ รผเู สดจ็ มาประทับยนื อยูทป่ี ระตแู กเรา ใหเ ราฉบิ หายเสยี แลว, หลอ นทาํ กรรมหนัก\" ดงั นี้แลว กถ็ ือเอาภาชนะแหงโภชนะที่ตนบริโภคแลวครัง้ หนึ่ง ไปยังสาํ นักพระศาสดา แลว กราบทูลวา \" ขา แตพระโคดมผูเ จริญ ขาพระองคถ วายทานอันเลศิ ในฐานะท้ัง ๔ แลว จงึบรโิ ภค; แตสวนแหงภตั สว นหน่งึ เทา นั้น อันขา พระองคแ บง ครึ่งจากสว นนบี้ รโิ ภค, สว นแหง ภัตสว นหนงึ่ ยังเหลืออย;ู ขอพระองคไ ดโ ปรดรบั ภตั สว นนข้ี องขาพระองคเ ถดิ .\" พราหมณเ ล่ือมใสพระดาํ รัสของพระศาสดา พระศาสดาไมต รสั วา \" เราไมม ีความตองการดว ยภตั อนั เปน เดนของทาน\" ตรสั วา \" พราหมณ สว นอันเลศิ กด็ ี ภัตทที่ านแบงครง่ึ บริโภคแลว กด็ ี เปนของสมควรแกเ ราทง้ั นั้น, แมกอ นภตั ท่ีเปนเดน เปน ของสมควรแกเราเหมอื นกนั , พราหมณ เพราะพวกเราเปน ผอู าศยั อาหารท่ีผอู ่นื ใหเ ลีย้ งชีพ เปนเชนกบั พวกเปรต\" แลว ตรัสพระคาถานวี้ า:- \" ภกิ ษุผูอาศยั อาหารทบี่ คุ คลอื่นใหเ ล้ยี งชพี ได กอ นภัตอันใดจากสว นทีเ่ ลศิ กต็ าม จากสวนปาน กลางก็ตาม จากสว นทเ่ี หลือก็ตาม. ภิกษุน้ันเปน ผู ไมค วรเพ่อื ชมกอ นภัตนน้ั , และไมเ ปนผูติเตียน
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาท่ี 367 แลว ขบฉันกอนภตั นน้ั , ธีรชรทงั้ หลายยอ มสรร- เสริญแมซ ึง่ ภกิ ษนุ ้นั วา เปน มนุ .ี \" พราหมณพอไดฟ ง พระคาถานนั้ กเ็ ปนผมู ีจิตเล่อื มใส แลวคิดวา\" โอ ! นาอัศจรรยจรงิ , พระราชบตุ รผชู ือ่ วา เจาแหงดวงประทีป มิไดตรัสวา ' เราไมม คี วามตองการดว ยภตั อันเปน เดนของทา น' ยงั ตรัสอยางนน้ั \" แลวยนื อยทู ่ปี ระตูนน่ั เอง ทลู ถามปญหากะพระศาสดาวา \" ขา แตพระโคดมผูเจรญิ พระองคตรัสเรยี กพวกสาวกของพระองควา ' ภกิ ษุ 'ดวยเหตเุ พยี งเทา ไร ? บคุ คลชอื่ วา เปน ภกิ ษุ.\" คนผูไมก ําหนดั ไมต ิดในนามรูปชื่อวาภกิ ษุ พระศาสดาทรงใครค รวญวา \" ธรรมเทศนาเชนไรหนอ ? จงึ จะเปนเครื่องสบายแกพราหมณนี\"้ ทรงดาํ ริวา \" ชนท้งั สองน้ี ในกาลของพระพทุ ธเจา ทรงพระนามวากัลสป ไดฟ งคาํ ของภกิ ษทุ ั้งหลายผูกลาวอยูวา ' นามรูป,' การทเี่ ราไมล ะนามรูปแหละ แลวแสดงธรรมแกชนทง้ั สองนั้น ยอ มควร\" แลว จึงตรสั วา \" พราหมณ บุคคลผูไ มกาํ หนัดไมข องอยใู นนามรูป ชือ่ วา เปน ภิกษุ \" ดังนี้แลว ตรัสพระคาถานว้ี า :- ๖. สพพฺ โส นามรปู สฺมึ ยสฺส นตถฺ ิ มมายติ อสตา จ น โสจติ ส เว ภิกฺขตู ิ วจุ จฺ ติ. \" ความยดึ ถือในนามรปู วา เปนของ ๆ เรา ไมม ี แกผ ใู ดโดยประการทัง้ ปวง, อน่ึง ผใู ดไมเศราโศก เพราะนามรูปนั้นไมมอี ยู, ผูน้ันแล เราเรยี กวา ภิกษ.ุ \"
พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาที่ 368 แกอรรถ บรรดาบทเหลา นัน้ บทวา สพฺพโส คอื ในนามรูปทง้ั ปวงท่ีเปนไปแลว ดว ยอาํ นาจขนั ธ ๕ คอื นามขันธ ๔ มีเวทนาเปนตน และรปูขันธ. บทวา มมายิต ความวา ความยดึ ถือวา ' เรา ' หรือวา ' ของเราไมมแี กผใู ด. บาทพระคาถาวา อสตา จ น โสจติ ความวา เมอ่ื นามรปู น้ันถึงความส้นิ และความเสื่อม ผใู ดยอ มไมเศราโศก คือไมเ ดอื ดรอ นวา \" รูปของเราสนิ้ ไปแลว ฯ ล ฯ วิญญาณของเราส้ินไปแลว คอื เห็น (ตามความเปนจรงิ ) วา \" นามรูป ซึ่งมคี วามสนิ้ และความเสื่อมไปเปน ธรรมดาน่แี ลส้นิ ไปแลว .\" บทวา ส เว เปนตน ความวา ผูนั้น คือผูเหน็ ปานนน้ั ไดแ กผเู วนจากความยดึ ถอื ในนามรูปซง่ึ มอี ยวู าเปน ของเราก็ดี ผไู มเศราโศกเพราะนามรปู นัน้ ซงึ่ ไมมีอยูกด็ ี พระศาสดาตรสั เรียกวา ' ภกิ ษุ ' ในกาลจบเทศนา เมียและผวั ท้ังสองต้งั อยใู นพระอนาคามผิ ลแลว,เทศนาไดมปี ระโยชนแมแ กช นผปู ระชุมกันแลว ดงั น้แี ล. เรือ่ งปญจัคคทายกพราหมณ จบ.
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ที่ 369 ๗. เร่อื งสัมพหุลภิกษุ [๒๕๘] ขอ ความเบ้ืองตน พระศาสดา เม่อื ประทับอยูในพระเชตวนั ทรงปรารภภิกษุมากรปูตรสั พระธรรมเทศนานว้ี า \" เมตตฺ าวิหารี \" เปน ตน. ประวัติพระโสณกุฏกิ ัณณะ ความพสิ ดารวา ในสมยั หนึ่ง เม่ือทานพระมหากัจจานะอาศยั กุรรฆร-นคร ในอวนั ตชี นบท อยทู ี่ภูเขาช่ือปวตั ตะ, อุบาสกช่ือโสณกุฏิกณั ณะเลอื่ มใสในธรรมกถาของพระเถระ ใครจะบวชในสํานกั ของพระเถระ แมถูกพระเถระพูดหา มถงึ ๒ ครงั้ วา \" โสณะ พรหมจรรยม ีภตั หนเดียว นอนผเู ดยี ว ตลอดชพี เปนส่ิงทบี่ ุคคลทําไดด ว ยยากแล\" กเ็ ปนผูเกิดอุตสาหะอยา งแรงกลาในการบรรพชา ในวาระท่ี ๓ วิงวอนพระเถระ บรรพชาแลว โดยลวงไป ๓ ปจงึ ไดอปุ สมบท เพราะทกั ษิณาปถชนบทมภี ิกษุนอย เปนผใู ครจ ะเฝา พระศาสดาเฉพาะพระพกั ตร จงึ อําลาพระอปุ ช ฌายะถือเอาขา วที่พระอุปช ฌายะใหแลวไปสพู ระเชตวันโดยลาํ ดบั ถวายบังคมพระศาสดา ไดรบั การปฏิสนั ถารแลว ผอู ันพระศาสดาทรงอนญุ าตเสนา-สนะในพระคนั ธกุฎีเดียวกนั ทีเดยี ว ใหร าตรีสว นมากลวงไปอยขู า งนอก๑แลวเขาไปสูพระคันธกฎุ ีในเวลากลางคืน ใหสวนแหง กลางคืนนั้นลว งไปแลวทีเ่ สนาสนะอนั ถงึ แลวแกตน ในเวลาใกลรุงอนั พระศาสดาทรงเชื้อเชิญแลว ไดส วดพระสตู รหมดดวยกัน ๑๖ สตู ร โดยทํานองสรภญั ญะทจ่ี ดัเปนอัฏฐกวรรค.๒๑. อชโฺ ฌกาเส ในทีก่ ลางแจง . ๒. อฏกวคฺคกิ านีติ: อฏ กวคฺคภตู านิ กามสตุ ตฺ าทนี ิโสฬสสุตตฺ านิ พระสตู ร ๑๖ สูตร มีกามสูตรเปนตน ทีจ่ ดั เปนอฏั ฐกวรรค พระสตู รเหลา นี้มอี ยูใน ข.ุ สุ. ๒๕/๔๘๕-๕๒๓.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ที่ 370 คร้งั นน้ั พระผมู ีพระภาคเจา เมอ่ื จะทรงอนุโมทนาเปนพิเศษ จงึ ไดประทานสาธุการแกทา นในเวลาจบสรภัญญะวา \" ดลี ะ ๆ ภกิ ษ.ุ \" ภุมมัฏฐกเทพดา นาค และสุบรรณ ฟง สาธุการทีพ่ ระศาสดาประทานแลว ไดใหสาธกุ ารแลว ; เสยี งสาธกุ ารเปนอนั เดยี วกนั ไดม แี ลวตลอดพรหมโลกอยางน้นั ดว ยประการดังน้.ี ในขณะน้ัน แมเทพดาผสู งิ อยใู นเรอื นของมหาอบุ าสิกา ผเู ปนมารดาของพระเถระ ในกุรรฆรนคร ในท่สี ดุ (ไกล) ประมาณ ๑๒๐โยชน แตพ ระเชตวนั มหาวหิ าร กไ็ ดใหสาธุการดวยเสยี งอนั ดังแลว. ครั้งน้นั มหาอบุ าสกิ า ถามเทพดานนั้ วา \" นนั่ ใครใหส าธกุ าร ?\" เทพดา. เราเอง นองหญิง. มหาอุบาสิกา. ทา นเปนใคร ? เทพดา. เราเปนเทพดา สิงอยใู นเรือนของทาน. มหาอบุ าสิกา. ในกาลกอนแตน ้ี ทา นมไิ ดใหสาธุการแกเ รา เพราะเหตุไร ? วันนี้จึงให. เทพดา. เรามิไดใหส าธกุ ารแกท า น. มหาอบุ าสิกา. เมื่อเปนเชนนัน้ ทา นใหส าธกุ ารแกใ คร ? เทพดา. เราใหแ กพ ระโสณกฏุ กิ ณั ณเถระ ผูเ ปน บุตรของทาน. มหาอุบาสกิ า บตุ รของเราทําอะไร ? เทพดา. ในวันนี้ บตุ รของทา นอยูในพระคนั ธกฎุ เี ดียวกันกับพระ-ศาสดา แลว แสดงธรรมแกพระศาสดา, พระศาสดาทรงสดับธรรมแหงบุตรของทา น แลวก็ทรงเลื่อมใส จงึ ไดประทานสาธกุ าร, เพราะเหตนุ ัน้แมเราจึงใหสาธกุ ารแกพระเถระน้ัน, กเ็ พราะรบั สาธกุ ารของพระสัมมา-
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาที่ 371สัมพุทธเจา จงึ เกิดสาธุการเปนเสยี งเดยี วกันไปหมด นบั ตัง้ ตน แตภ มุ มัฏ-ฐกเทพดาตลอดถงึ พรหมโลก. มหาอบุ าสกิ า. นาย ก็บุตรของเราแสดงธรรมแกพระศาสดา หรอืพระศาสดาแสดงแกบ ุตรของเรา. เทพดา. บตุ รของทา นแสดงธรรมแกพ ระศาสดา. เมือ่ เทพดากลาวอยูอยา งนน้ั , ปตมิ วี รรณะ ๕ ประการ เกิดขน้ึ แกอุบาสกิ า แผไปท่วั สรีระท้งั สิน้ . คร้งั นัน้ มหาอบุ าสกิ านั้นไดม คี วามคิดอยางนว้ี า \" หากวา บุตรของเราอยูในพระคันธกฎุ เี ดยี วกนั กับพระศาสดาแลวยังสามารถแสดงธรรมแกพระศาสดาได, ก็จกั สามารถใหแสดงธรรมแมแกเราไดเหมือนกัน, ในเวลาบตุ รมาถงึ เราจกั ใหทาํ การฟงธรรมกนัแลวฟง ธรรมกถา.\" พระโสณะทูลขอพร ๕ ประการกะพระศาสดา ฝา ยพระโสณเถระแล เมอ่ื พระศาสดาประทานสาธุการแลว, คิดวา\" เวลานี้ เปน เวลาสมควรทจ่ี ะกราบทูลขา วท่ีพระอปุ ชฌายะใหมา\" ดงั นี้แลว จงึ ทูลขอพร ๕ ประการ๑ กะพระผูมพี ระภาคเจา ต้งั ตนแตการอปุ สมบทดวยคณะสงฆมีภิกษผุ ูท รงวนิ ัยเปนท่ี ๕ ในชนบทท้งั หลายซงึ่ ตัง้อยปู ลายแดนแลว อยูในสาํ นกั ของพระศาสดา ๒-๓ วันเทา นั้น ทลู ลาพระศาสดาวา \" ขาพระองคจักเยยี่ มพระอปุ ชฌายะ\" ไดออกจากพระ-เชตวันวิหาร ไปสูสํานกั พระอปุ ช ฌายะโดยลาํ ดับ.๑. ขอใหอ ุปสมบทดวยคณะเพยี ง ๕ รปู ได ๑ ขอใหใชรองเทา หลายชัน้ ได ๑ ขอใหอาบน้ําไดเนอื งนิตย ๑ ขอใหใชเ ครือ่ งปูลาดท่ีทาํ ดวยหนังได ๑ ( ๔ ขอ นี้เฉพาะในปจ จนั ตชนบท) มีมนษุ ยสง่ั ถวายจีวรแกภ ิกษอุ ยูนอกสีมา ภิกษผุ ูร บั ส่ังจงึ มาบอกใหเ ธอรบั แตเธอรงั เกยี จไมย อมรบั ดวยกลัวเปน นสิ สัคคยี ขออยาใหเปน นิสสัคคีย ๑. มหาวคั ค ๕/๓๔.
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 372 ในวนั รงุ ขึน้ พระเถระพาทา นเที่ยวไปบณิ ฑบาต ไดไ ปถึงประตูเรือนของอบุ าสกิ าผูเปนมารดา. ฝายอบุ าสกิ านั้น เห็นบุตรแลว ก็ดใี จ ไหวแลว อังคาสโดยเคารพแลวถามวา \" พอ ไดยินวา คณุ อยูใ นพระคันธกฎุ เี ดียวกันกับพระศาสดาแลว แสดงธรรมกถาแกพระศาสดา จริงหรือ ? \" พระโสณะ. เร่ืองน้ี ใครบอกแกโ ยม ? อบุ าสกิ า. มหาอบุ าสกิ า. พอ เทวดาผูส ิงอยใู นเรอื นนี้ ใหส าธุการดวยเสียงอันดงั , เมื่อโยมถามวา ' นัน่ ใคร ' ก็กลา ววา ' เราเอง ' แลว บอกอยา งนนั้ นัน่ แหละ, เพราะฟงเรอื่ งนน้ั โยมจงึ ไดม ีความคดิ อยา งนวี้ า ' ถา วาบตุ รของเราเสดงธรรมกถาแกพ ระศาสดาไดไ ซร, ก็จักอาจแสดงธรรมแมแกเ ราได. ' ครงั้ น้นั มหาอบุ าสิกากลา วกะพระโสณะนั้นวา \" พอ เพราะคณุแสดงธรรมเฉพาะพระพกั ตรของพระศาสดาไดแ ลว , คุณก็จักอาจแสดงแมแกโ ยมไดเหมอื นกัน, ในวันชอื่ โนน โยมจกั ใหทาํ การฟงธรรมกันแลวจกั ฟงธรรมของคุณ\" พระโสณะรบั นมิ นตแลว . อุบาสิกาคิดวา \" เราถวายทานแกภ ิกษสุ งฆ ทําการบชู าแลว จกั ฟงธรรมกถาแหง บุตรของเรา\" จงึ ไดต้งั ใหห ญงิ ทาสีคนเดียวเทา นน้ั ใหเ ปนคนเฝาเรอื น แลวไดพ าเอาบรวิ ารชนทงั้ สิน้ ไป เพื่อฟง ธรรมกถาของบตุ รผจู ะกาวขนึ้ สธู รรมาสนท่ปี ระดับประดาไวแ ลว ในมณฑปท่ตี นใหสรางไวภายในพระนคร เพ่อื ประโยชนแ กการฟง ธรรม แสดงธรรมอยู. พวกโจรเขาปลนเรือนมหาอุบาสิกา ก็ในเวลานัน้ พวกโจร ๙๐๐ เท่ยี วมองหาชอ งในเรือนของอุบาสกิ า
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ที่ 373นน้ั อยู. กเ็ รอื นของอบุ าสกิ าน้ัน ลอมดวยกําแพง ๗ ช้ัน ประกอบดว ยซมุ ประตู ๗ ซมุ . เขาลามสนุ ขั ทีด่ ุไวใ นทน่ี นั้ ๆ ทกุ ๆ ซุมประตู; อนึง่เขาขดุ คไู วใ นทน่ี าํ้ ตกแหงชายคาภายในเรอื น แลวกใ็ สด ีบุกจนเตม็ , เวลากลางวนั ดีบุกน้ันปรากฏเปนประดุจวา ละลายเดือดพลานอยูเ พราะแสงแดด (เผา), ในเวลากลางคนื ปรากฏเปน กอ นแขง็ กระดาง, เขาปกขวากเหล็กใหญไวท ่ีพ้ืนในระหวางดนู ั้นติด ๆ กนั ไป. พวกโจรเหลา น้นัไมไ ดโ อกาส เพราะอาศัยการรกั ษาน้ี และเพราะอาศัยความทอี่ บุ าสิกาอยูภายในเรือน วันน้นั ทราบความอบุ าสกิ านั้นไปแลว จึงขดุ อุโมงคเ ขาไปสเู รือน โดยทางเบ้ืองลา งแหงดดู ีบกุ และขวากเหลก็ ทเี ดยี ว แลว สงหัวหนาโจรไปสูส าํ นกั ของอบุ าสิกานัน้ ดวยสั่งวา \" ถา วา อบุ าสิกานนั้ ไดยินวาพวกเราเขา ไปในทนี่ แี้ ลว กลบั มุงหนามายงั เรอื น, ทานจงฟนอุบาสิกานนั้ใหต ายเสียดวยดาบ.\" หัวหนา โจรนั้น ไดไปยืนอยูในสํานักของอุบาสิกานั้น. ฝายพวกโจร จดุ ไฟใหส วา งในภายในเรือน แลวเปด ประตูหอ งเกบ็กหาปณะ. นางทาสนี น้ั เหน็ พวกโจรแลว จึงไปสูสาํ นกั อุบาสิกา บอกวา\" คณุ นาย โจรเปน อันมากเขาไปสูเรือน งดั ประตูหองเก็บกหาปณะแลว.\" มหาอุบาสกิ า. พวกโจรจงขนเอากหาปณะท่ตี นคน พบแลวไปเถิด,เราจะฟง ธรรมกถาแหง บตุ รของเรา, เจาอยา ทาํ อันตรายแกธ รรมของเราเลย, เจาจงไปเรือนเสียเถดิ . ฝายพวกโจร ทาํ หองเกบ็ กหาปณะใหวางเปลาแลว จงึ งัดหอ งเกบ็เงิน. นางทาสีน้นั ก็มาแจง เนือ้ ความแมน ั้นอกี . อุบาสิกาพูดวา \" พวกโจร
พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 374จงขนเอาทรัพยทต่ี นปรารถนาไปเถดิ , เราจะฟง ธรรมกถาแหงบตุ รของเราเจาอยาทําอนั ตรายแกเราเลย\" แลว ก็สง นางทาสีน้นั ออกไปอกี . พวกโจรทาํ แมหองเก็บเงินใหว างเปลา แลว จงึ งดั หองเกบ็ ทอง.นางทาสนี ้นั ก็ไปแจงเนอื้ ความน้ันแกอบุ าสกิ าแมอกี . ครงั้ นน้ั อบุ าสกิ าเรียกนางทาสมี า แลวพดู วา \" ชะนางตวั ดี เจามาสาํ นักเราหลายครง้ั แลว แมเ ราส่ังวา ' พวกโจรจงขนเอาไปตามชอบใจเถดิ , เราจะฟงธรรมกถาแหงบุตรของเรา, เจา อยาทาํ อนั ตรายแกเ ราเลย 'กห็ าเออ้ื เฟอ ถอ ยคําของเราไม ยังขืนมาซ้ํา ๆ ซาก ๆ ราํ่ ไป, ท่ีนี้ ถาเจาจกั มา, เราจักรสู ิง่ ทีค่ วรทาํ แกเ จา, เจา จงกลบั บา นเสียเถดิ \" แลวสงใหกลับ. ธรรมยอ มรักษาผปู ระพฤตธิ รรม นายโจรฟง ถอยคําของอบุ าสิกานนั้ แลว คิดวา \" เมอ่ื พวกเรานาํ สิ่งของ ๆ หญิงเหน็ ปานน้ีไป, สายฟาพึงตกฟาดกระหมอม\" ดงั นีแ้ ลว จึงไปสาํ นกั พวกโจร ส่งั วา \" พวกทานจงขนเอาสง่ิ ของ ๆ อุบาสิกาไปไวต ามเดมิ โดยเร็ว.\" โจรเหลา นัน้ ใหหองเก็บกหาปณะเตม็ ดว ยกหาปณะ ใหหองเกบ็ เงนิ และทองเตม็ ไปดวยเงินและทองแลว. ไดยินวา ความทีธ่ รรมยอมรักษาบคุ คลผปู ระพฤตธิ รรมเปน ธรรมดา, เพราะเหตุน้นั แล พระ-ผูมพี ระภาคเจา จึงตรสั วา :- \" ธรรมแล ยอ มรักษาบุคคลผูป ระพฤติธรรม, ธรรมทบ่ี ุคคลประพฤติดแี ลว ยอมนาํ ความสขุ มาให, นเ้ี ปนอานสิ งสในธรรมท่ีบุคคลประพฤตดิ ีแลว : ผมู ี ปกตปิ ระพฤติธรรม ยอมไมไปสูท ุคติ.\"
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ที่ 375 พวกโจรไดไ ปยนื อยใู นทีเ่ ปนทฟ่ี ง ธรรม. ฝายพระเถระแสดงธรรมแลว เมอื่ ราตรีสวา ง จงึ ลงจากอาสนะ. ในขณะนัน้ หัวหนา โจรหมอบลงแทบเทา ของอุบาสกิ า พดู วา \" คณุ นาย โปรดอดโทษแกผ มเถดิ .\" อบุ าสิกา. น้อี ะไรกนั ? พอ . หัวหนา โจร. ผมผูกอาฆาตในคณุ นาย ประสงคจ ะฆา คุณนาย จึงไดยืน (คุม) อยู. อุบาสิกา. พอ ถา เชนนนั้ ฉันอดโทษให. พวกโจรเลอื่ มใสขอบวชกะพระโสณะ แมพ วกโจรทเี่ หลือ ก็ไดท าํ อยา งนน้ั เหมอื นกัน เมือ่ อุบาสิกาพดู วา\" พอ ทัง้ หลาย ฉันอดโทษให\" จงึ พดู วา \" คณุ นาย ถาวาคุณนายอดโทษแกพ วกผมไซร, ขอคุณนายให ๆ บรรพชาแกพ วกผม ในสาํ นักแหง บุตรของคุณนายเถิด.\" อบุ าสกิ านัน้ ไหวบ ุตรแลว พดู วา \" พอ โจรพวกน้ีเลอื่ มใสในคณุ ของโยม และธรรมกถาของคณุ แลว จึงพากันขอบรรพชา,ขอคุณจงใหโ จรพวกนีบ้ วชเถิด. \" พระเถระพูดวา \" ดีละ \" แลว ใหต ดั ชายผา ที่โจรเหลานน้ั นุง แลวใหยอ มดวยดินแดง ใหพวกเขาบวชแลว ใหต ้งั อยูใ นศีล. แมใ นเวลาท่ีพวกเขาอปุ สมบทแลว พระเถระไดใหพระกมั มัฏฐานตา ง ๆ แกภกิ ษเุ หลานั้นรอ ยละอยา ง. ภกิ ษุ ๙๐๐ รปู นน้ั เรียนพระกัมมฏั ฐาน ๙ อยางตาง ๆ กนัแลวพากนั ข้นึ ไปสภู เู ขาลกู หน่งึ นั่งทาํ สมณธรรมใตร ม ไมน น้ั ๆ แลว . พระศาสดา ประทบั นง่ั อยใู นพระเชตวันมหาวิหารอันไกลกนั ได ๑๒๐โยชนน ั่นแล ทรงเลง็ ดภู ิกษเุ หลาน้นั แลว ทรงกําหนดพระธรรมเทศนาดวยอาํ นาจแพงความประพฤติของเธอเหลาน้นั ทรงเปลงพระรศั มไี ป
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 376ประหนึ่งวา ประทับนง่ั ตรสั อยูในทเ่ี ฉพาะหนา ไดทรงภาษติ พระคาถาเหลานี้วา :-๗. เมตฺตาวิหารี โย ภกิ ฺขุ ปสนโฺ น พทุ ธฺ สาสเนอธคิ จเฺ ฉ ปท สนฺต สงขฺ ารปู สม สขุ .สิฺจ ภกิ ฺขุ อมิ นาว สติ ตฺ า เต ลหุเมสสฺ ติเฉตวฺ า ราคจฺ โทสจฺ ตโต นพิ พฺ านเมหิส.ิปจฺ ฉินฺเท ปจฺ ชเห ปจฺ อุตฺตริ ภาวเยปจฺ สงฺคาตโิ ค ภกิ ขฺ ุ โอฆตณิ โฺ ณติ วุจฺจติ.ฌาย ภิกฺขุ มา จ ปมาโทมา เต กามคุเณ ภมสสฺ ุ จิตฺตมา โลหคฬุ คิลี ปมตโฺ ตมา กนทฺ ิ ทกุ ฺขมทิ นฺติ ฑยฺหมาโน.นตถฺ ิ ณาน อปฺฺ สฺส ปญฺ า นตถฺ ิ อฌายโตยมหิ ฌานจฺ ปฺญา จ ส เว นพิ พฺ านสนตฺ เิ ก.สุ ฺาคาร ปวิฏ สสฺ สนฺตจติ ฺตสฺส ภิกขฺ ุโนอมานุสี รตี โหติ สมฺมา ธมฺม วปิ สฺสโต.ยโต ยโต สมฺมสติ ขนฺธาน อทุ ยพพฺ ยลภตี ปต ปิ าโมชฺช อธิ ปฺ สฺส ภิกฺขุโนตตาฺ ยมาทิ ภวติ อธิ ปฺ สฺส ภิกฺขุโนอินทฺ รฺ ิยคตุ ตฺ ิ สนตฺ ุฏี ปาตโิ มกเฺ ข จ ส วโรมิตเฺ ต ภชสฺสุ กลยฺ าเณ สทุ ธฺ าชีเว อตนฺทิเต.
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 377ปฏิสนฺถารวุตตฺ ฺยสฺส อาจารกุสโล สยิ าตโต ปาโมชชฺ พหุโล ทกุ ขฺ สสฺ นตฺ กริสฺสต.ิ\" ภิกษใุ ด นป้ี กตอิ ยูดว ยเมตตา เลอ่ื มใสในพระ-พุทธศาสนา, ภกิ ษุน้ัน พึงบรรลบุ ทอันสงบ เปน ที่เขาไประงบั สังขาร อนั เปนสุข. ภิกษุ เธอจงวดิ เรือน้,ี เรอื ทเ่ี ธอวดิ แลว จักถึงเรว็ ; เธอตดั ราคะและโทสะไดแ ลว แตน ั้นจักถึงพระนิพพาน. ภกิ ษุพงึ ตัดธรรม ๕ อยาง พึงละธรรม ๕ อยา ง และพงึ ยังคณุธรรม ๕ ใหเ จรญิ ย่ิง ๆ ขึน้ , ภิกษุผลู ว งกิเลสเคร่อื งขอ ง ๕ อยางไดแลว เราเรียกวา ผูขามโอฆะได.ภกิ ษุ เธอจงเพง และอยาประมาท, จติ ของเธออยาหมนุ ไปในกามคุณ, เธออยา เปน ผปู ระมาทกลนื กนิกอนแหง โลหะ, เธออยาเปนผอู นั กรรมแผดเผาอยูคร่ําครวญวา ' นที้ กุ ข. ' ฌานยอมไมมแี กบ ุคคลผูไมม ปี ญ ญา, ปญ ญายอ มไมมีแกผูไมมฌี าน. ฌานและปญญายอ มมีในบคุ คลใด, บคุ คลนน้ั แล ต้ังอยูแลวในท่ีใกลพระนพิ พาน. ความยนิ ดมี ิใชข องมีอยูแหงมนุษย ยอ มมแี กภ ิกษุผเู ขาไปแลว สูเรอื นนางผูมจี ติ สงบแลว ผเู ห็นแจง ธรรมอยโู ดยชอบ. ภกิ ษุพจิ ารณาอยู ซึ่งความเกิดข้นึ และควานเสือ่ มไปแหงขนั ธท ัง้ หลายโดยอาการใด ๆ, เธอยอมไดป ตแิ ละปราโมทยโ ดยอาการนนั้ ๆ, การไดปต ิและปราโมทย
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาที่ 378 น้ัน เปนธรรมอันไมต ายของผูร แู จงทัง้ หลาย, ธรรม น้ี คือความคุม ครองซึ่งอินทรีย ๑ ความสันโดษ ๑ ความสํารวมในพระปาติโมกข ๑ เปน เบอ้ื งตน ใน ธรรมอนั ไมต ายนัน้ มอี ยูแกภ กิ ษผุ ูมีปญ ญาในพระ- ศาสนานี้. เธอจงคบมิตรทีด่ ีงาม มีอาชีวะอันหมด จด มเี กยี จครา น. ภิกษุพงึ เปนผูป ระพฤติในปฏ-ิ สนั ถาร พงึ เปนผฉู ลาดในอาจาระ; เพราะเหตุนน้ั เธอจกั เปนผมู ากดวยปราโมทย กระทาํ ทส่ี ุดแหง ทกุ ขไ ด. \" แกอรรถ บรรดาบทเหลานัน้ บทวา เมตฺตาวิหารี ความวา บคุ คลผูท าํ กรรมในพระกัมมัฏฐานอนั ประกอบดว ยเมตตาอยูกด็ ี ผยู งั ฌานหมวด ๓ และหมวด ๔ ใหเ กดิ ขึ้นดว ยอํานาจแหงเมตตาแลวดํารงอยูก็ดี ช่อื วา ผมู ีปกติอยูดว ยเมตตาโดยแท. คําวา ปสนโฺ น ความวา กภ็ กิ ษุใดเปนผูเลือ่ มใสแลว, อธิบายวายอ มปลูกฝงความเลื่อมใสลงในพระพทุ ธศาสนานน่ั แล. สองบทวา ปท สนฺต น่นั เปน ชอ่ื แหง พระนิพพาน. จรงิ อยู ภกิ ษุผูเห็นปานนั้น ยอ มบรรล,ุ อธบิ ายวา ยอ มประสบโดยแท ซึ่งพระนพิ พานอนั เปนสวนแหง ความสงบ ช่อื วาเปน ทเี่ ขาไประงบั สังขาร เพราะความท่ีสังขารทง้ั ปวงเปน สภาพระงบั แลว ซง่ึ มชี ่ืออนั ไดแ ลว วา ' สขุ ' เพราะความเปนสขุ อยา งยงิ่ .
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ที่ 379 บาทพระคาถาวา สิ จฺ ภกิ ขฺ ุ อมิ นาว ความวา ภิกษเุ ธอจงวิดเรอื กลา วคอื อัตภาพนี้ ซ่งึ มีนํ้าคอื มิจฉาวิตกท้ิงเสยี . บาทพระคาถาวา สิตตฺ า เต ลหเุ มสฺสติ ความวา เหมอื นอยา งวาเรือท่เี พียบแลว ดวยนาํ้ ในมหาสมทุ รน่ันแล ช่อื วาอนั เขาวดิ แลว เพราะความท่ีน้ําอนั เขาปดชองทงั้ หลายวดิ แลว เปน เรอื ทเี่ บา ไมอ ัปปางในมหาสมทุ ร ยอ มแลน ไปถึงทาไดเร็วฉนั ใด; เรือคืออตั ภาพแมของทานนี้ท่ีเตม็ แลวดว ยนํา้ คอื มิจฉาวติ กกฉ็ นั นั้น ชือ่ วา อนั เธอวิดแลว เพราะความท่นี ้าํ คอื มจิ ฉาวิตก ซึ่งเกดิ ขึ้นแลว อนั เธอปด ชอ งทั้งหลายมจี ักษุทวารเปนตน ดวยความสาํ รวม วิดออกแลว จงึ เบา ไมจมลงในสงั สารวฏั จักพลันถงึ พระนิพพาน. บทวา เฉตฺวา เปนตน ความวา เธอจงตัดเคร่อื งผกู คือราคะและโทสะ, คร้ันตดั เครอ่ื งผกู เหลา นน้ั แลว จักบรรลุพระอรหตั , อธิบายวาแตน้ัน คอื ในกาลตอมา จักบรรลุอนปุ าทิเสสนพิ พาน. สองบทวา ปจฺ ฉินเฺ ท คือ พงึ ตดั สังโยชนอนั มีในสว นเบอื้ งตา่ํ๕ อยา ง อนั ยงั สตั วใ หถงึ อบายช้นั ตํ่า ดว ยหมวด ๓ แหงมรรคชน้ั ตา่ํ ดจุบุรุษตดั เชือกอนั ผกู แลว ท่เี ทาดวยศัสตราฉะนน้ั . สองบทวา ปจฺ ชเห ความวา พึงละ คือทง้ิ , อธบิ ายวา พึงตดัสังโยชนอันมใี นสว นเบ้ืองบน ๕ อยา ง อนั ยังสตั วใหถงึ เทวโลกชน้ั สงูดว ยพระอรหัตมรรค ดุจบรุ ุษตัดเชอื กอนั รดั ไวท ี่คอฉะนั้น. บาทพระคาถาวา ปฺจ อตุ ตฺ ริ ภาวเย คอื พงึ ยงั อนิ ทรีย ๕ มีศรทั ธาเปน ตน ใหเจริญยิง่ เพ่ือประโยชนแ กก ารละสงั โยชนอนั มใี นสว นเบ้อื งบน.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 380 บทวา ปจฺ สงคฺ าติโค ความวา เมอื่ เปน เชนน้ัน ภิกษชุ อื่ วา ผูลว งกิเลสเครื่องของ ๕ อยา งได เพราะกาวลว งกเิ ลสเครื่องของ คือราคะโทสะ โมหะ มานะ และทฏิ ฐิ ๕ อยาง พระศาสดาตรสั เรยี กวา \" ผขู า มโอฆะได;\" อธิบายวา ภิกษนุ ัน้ พระศาสดาตรสั เรียกวา \" ผูขา มโอฆะ๔ ไดแ ทจ ริง.\" สองบทวา ฌาย ภิกฺขุ ความวา ภกิ ษุ เธอจงเพงดวยอาํ นาจแหงฌาน๑ ๒ และชื่อวา อยาประมาทแลว เพราะความเปนผูม ปี กตไิ มประมาทในกายกรรมเปน ตน อย.ู บทวา ภมสสฺ ุ คือ จิตของเธอ จงอยาหมนุ ไปในกามคณุ ๕ อยาง. บทวา มา โลหคฬุ ความวา กช็ นทัง้ หลายผูประมาทแลว ดว ยความเลินเลอมปี ลอ ยสติเปนลักษณะ ยอ มกลืนกนิ กอนโลหะทรี่ อ นแลว ในนรก,เพราะฉะนน้ั เราจึงกลา วกะเธอ: เธออยา เปน ผปู ระมาท กลนื กนิ กอนโลหะ, อยาถูกไฟแผดเผาในนรก คร่าํ ครวญวา \" นที้ ุกข นท้ี กุ ข. \" สองบทวา นตฺถิ ฌาน ความวา ชื่อวาฌาน ยอ มไมมแี กผ ูหาปญญามิได ดวยปญญาเปนเหตพุ ยายามอันยงั ฌานใหเ กิดขน้ึ . สองบทวา นตถฺ ิ ปฺ า ความวา ก็ปญญาซ่ึงมีลักษณะทพี่ ระผูมี-พระภาคเจาตรสั ไวว า \" ภกิ ษผุ ูมจี ติ ตั้งมัน่ แลว ยอมรู ยอมเหน็ ตามความเปนจรงิ \" ยอ มไมม ีแกบคุ คลผไู มเ พง . บาทพระคาถาวา ยมฺหิ ฌานฺจ ปฺา จ ความวา ฌานและปญ ญาแมท ัง้ สองน้มี ีอยใู นบคุ คลใด, บคุ คลนน้ั ชื่อวาตง้ั อยแู ลว ในท่ีใกลแหง พระนพิ พานโดยแทท ีเดยี ว.๑. อารัมมณปนชิ ฌาน และลกั ขณปนิชฌาน.
พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 381 บาทพระคาถาวา สฺุ าคาร ปวฏิ สฺส คอื ผูไมล ะพระกัมมัฏฐานนง่ั อยู ดว ยการทําพระกัมมฏั ฐานไวใ นใจในโอกาสทีส่ งดั บางแหง นัน่ แล. บทวา สนตฺ จิตตฺ สสฺ คือ ผูมจี ิตอันสงบแลว. บทวา สมฺมา เปน ตน ความวา ความยินดีมิใชเปน ของมอี ยูแหงมนษุ ย กลา วคอื วิปส สนาก็ดี ความยินดอี ันเปนทิพย กลาวคอื สมาบตั ิ ๘กด็ ี ยอมมี อธบิ ายวา ยอ มเกดิ ข้นึ แกบ ุคคลผูเหน็ แจงซ่งึ ธรรมโดยเหตุโดยการณ. บาทพระคาถาวา ยโต ยโต สมมฺ สติ ความวา ทํากรรมในอารมณ ๓๘ ประการ โดยอาการใด ๆ, คือทาํ กรรมในกาลทง้ั หลายมกี าลกอนภตั เปนตน ในกาลใด ๆ ทตี่ นชอบใจแลว , หรือทาํ กรรมในพระกมั มัฏฐานท่ตี นชอบใจแลว ชอ่ื วา ยอ มพจิ ารณาเหน็ . บทวา อุทยพพฺ ย คอื ซงึ่ ความเกดิ ขน้ึ แหงขนั ธ ๕ โดยลักษณะ๒๕๑ และความเส่อื มแหงขันธ ๕ โดยลักษณะ ๒๕๒ เหมอื นกัน. บทวา ปต ิปาโมชฺช คอื เมือ่ พจิ ารณาความเกิดข้ึนและความเส่อื มไปแหง ขนั ธท้ังหลายอยา งนน้ั อยู ช่อื วา ยอ มไดป ต ิในธรรมและปราโมทยใ นธรรม. บทวา อมต ความวา เม่ือนามรปู พรอมทั้งปจจัย เปนสภาพปรากฏตั้งขนึ้ อยู ปต แิ ละปราโมทยท ี่เกดิ ขนึ้ แลวนัน้ ชอื่ วา เปน อมตะของ๑. รูปเกดิ ข้ึนเพราะอวชิ ชา. ๒. . .เพราะตัณหา. ๓. . .เพราะกรรม. ๔. . .เพราะอาหาร๕. ความเกิดข้นึ ของรปู อยางเดยี ว ไมอ าศัยเหตปุ จจัย. สว นเวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณก็เหมือนกนั ตา งแตข อ ๔ ใหเ ปล่ียนวา เกิดข้นึ เพราะผสั สะ วิญญาณเกดิ ขึน้ เพราะนามรูป ๕x๕จงึ เปน ๒๕. ๒. ในลักษณะความเส่ือม พงึ ทราบโดยนบั ตรงกนั ขาม.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ที่ 382ทานผูรทู ัง้ หลาย คือของผเู ปนบัณฑติ โดยแท เพราะความท่ปี ต ิและปราโมทยเ ปนธรรมทใ่ี หส ัตวถึงอมตมหานพิ พาน. บาทพระคาถาวา ตตฺรายมาทิ ภวติ คอื นีเ้ ปน เบ้อื งตน คือปติและปราโมทยนี้ เปนฐานะมใี นเบอ้ื งตนในอมตธรรมนัน้ . สองบทวา อิธ ปฺสสฺ คอื แกภ กิ ษผุ ูฉลาดในพระศาสนาน้ี. บดั นี้ พระศาสดาเม่อื จะทรงแสดงฐานะอนั มีในเบอ้ื งตน ทพี่ ระองคตรัสวา \" อาทิ \" นัน้ จงึ ตรัสคาํ เปนตนวา \" อินทฺ ฺรยิ คุตฺติ. \" จรงิ อยูปารสิ ทุ ธิศีล ๔ ช่อื วา เปน ฐานะมใี นเบ้ืองตน. ความสํารวมอินทรีย ชอ่ื วา อนิ ทฺ ฺรยิ คุตฺติ ในพระคาถาน้นั . ความสนั โดษดวยปจ จยั ๔ ช่อื วา สนฺตฏุ ิ อาชวี ปารสิ ุทธศิ ลี และปจจยสนั -นสิ ิตศลี พระศาสดาตรัสไวด ว ยบทวา สนฺตฏุ ิ นั้น. ความเปนผทู ําใหบรบิ ูรณในศลี ทีป่ ระเสรฐิ สุด กลาวคือพระปาติ-โมกข พระศาสดาตรัสไวด วยบทวา ปาติโมกเฺ ข. บาทพระคาถาวา มิตฺเต ภชสฺสุ กลยฺ าเณ ความวา ทานละสหายผูไ มสมควร มกี ารงานอนั สละแลว จงคบ คอื จงเสพ มิตรทด่ี งี าม ผูช่ือวา มอี าชีวะอันบริสุทธิ์ เพราะมชี วี ิตประกอบดวยสาระ และชื่อวา ผูไมเกียจคราน เพราะอาศยั กาํ ลังแขงเล้ยี งชีพ. บาทพระคาถาวา ปฏสิ นฺถารวตุ ฺยสสฺ คอื พงึ เปนผชู อ่ื วา ประพฤติในปฏสิ นั ถาร เพราะความเปนผูประพฤตเิ ตม็ ทแี่ ลวดว ยอามิสปฏิสันถารและธรรมปฏสิ นั ถาร, อธบิ ายวา พึงเปน ผทู าํ ปฏิสันถาร. บทวา อาจารกุสโล ความวา แมศีลก็ช่ือวา มรรยาท ถงึ วัตรปฏวิ ตั ร
พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 383ก็ชอื่ วา มรรยาท, พึงเปน ผฉู ลาด, อธบิ ายวา พงึ เปน ผเู ฉยี บแหลม ในมรรยาทนั้น. บาทพระคาถาวา ตโต ปาโมชชฺ พหโุ ล ความวา เธอชอื่ วา เปน ผูมากดว ยปราโมทย เพราะความเปนผบู นั เทิงในธรรม อันเกดิ ข้นึ แลวจากการประพฤติปฏิสันถาร และจากความเปน ผฉู ลาดในมรรยาทนั้น จกั ทาํท่ีสดุ แหง วฏั ทุกขแ มท งั้ สน้ิ ได. บรรดาบทพระคาถาเหลาน้ี ทีพ่ ระศาสดาทรงแสดงดวยอยางนี้ ในกาลจบพระคาถาหน่งึ ๆ ภกิ ษรุ อ ยหนึ่ง ๆ บรรลพุ ระอรหัตพรอมดว ยปฏสิ มั ภทิ าทั้งหลาย ในท่แี หงตนน่ังแลว ๆ นนั่ แล เหาะขึ้นไปสเู วหาสแลว ภิกษุเหลาน้ันแมท ัง้ หมด กาวลวงทางกันดาร ๑๒๐ โยชนทางอากาศนนั่ แล ชมเชยพระสรรี ะซง่ึ มีสดี จุ ทองของพระตถาคตเจา ถวายบงั คมพระบาทแลว ดังน้ีแล. เรอื่ งสัมพหลุ ภกิ ษุ จบ.
พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาท่ี 384 ๘. เร่ืองภิกษุประมาณ ๕๐๐ รูป [๒๕๙] ขอความเบือ้ งตน พระศาสดา เมือ่ ประทบั อยใู นพระเชตวนั ทรงปรารภภิกษปุ ระมาณ๕๐๐ รปู ตรัสพระธรรมเทศนานีว้ า \"วสสฺ กิ า วยิ ปปุ ผฺ าน\"ิ เปน ตน. ดังไดส ดบั มา ภกิ ษุเหลาน้ันเรียนพระกัมมฏั ฐานในสาํ นกั ของพระ-ศาสดา บาํ เพ็ญสมณธรรมอยูใ นปา เห็นดอกมะลทิ ีบ่ านแลว แตเ ชา ตรูหลดุ ออกจากขว้ั ในเวลาเย็น จึงพากันพยายาม ดวยหวงั วา \" พวกเราจกัหลุดพน จากกเิ ลสมรี าคะเปน ตน กอนกวา ดอกไมท ้ังหลายหลุดออกจากข้วั . ภิกษุควรพยายามใหห ลุดพน จากวัฏทกุ ข พระศาสดาทรงตรวจดูภิกษเุ หลานั้น แลว ตรัสวา \" ภกิ ษุทัง้ หลายธรรมดาภิกษพุ ึงพยายามเพ่ือหลุดพนจากวัฏทกุ ขใหได ดจุ ดอกไมท ห่ี ลดุจากข้ัวฉะนน้ั .\" ประทับน่งั ทพี่ ระคนั ธกฎุ ีนั่นเอง ทรงเปลง พระรัศมีไปแลว ตรัสพระคาถาน้วี า:- ๘. วสฺสกิ า วิย ปปุ ผฺ านิ มทฺทวานิ ปมฺุจติ เอว ราคจฺ โทสฺจ วิปปฺ มุ ฺเจถ ภิกฺขโว. \" ภิกษทุ ัง้ หลาย พวกเธอจงปลดเปล้อื งราคะและ โทสะเสยี เหมือนมะลเิ ครือปลอยดอกท้งั หลายที่ เหย่ี วเสยี ฉะน้นั .\" แกอรรถ มะลิ ชือ่ วา วสฺสกิ า ในพระคาถาน้ัน. บทวา มชชฺ วาน๑ิ แปลวา เห่ียวแลว.๑. สี. ย.ุ มททฺ วานิ. ม. มจฺจวานิ. บาลี มทฺทวาน.ิ
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาท่ี 385 ทา นกลา วคําอธบิ ายนีไ้ วว า :- \" มะลิเครือ ยอมปลอยคอื ยอ มสลัดซ่ึงดอกท่บี านแลวในวันวาน ในวันรุง ขึน้ เปน ดอกไมเกา เสียจากข้ัวฉันใด; แมท านท้ังหลายก็จงปลด-เปลอ้ื งโทษทง้ั หลายมีราคะเปนตนฉนั นั้นเถิด.\" ในกาลจบเทศนา ภิกษแุ มท ัง้ หมดตง้ั อยใู นพระอรหตั แลว ดงั นแี้ ล. เรอื่ งภิกษปุ ระมาณ ๕๐๐ รูป จบ.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 386 ๙. เรอื่ งพระสนั ตกายเถระ [๒๖๐] ขอ ความเบอ้ื งตน พระศาสดา เมอ่ื ประทบั อยูใ นพระเชตวัน ทรงปรารภพระสนั ตกาย-เถระ ตรสั พระธรรมเทศนานีว้ า \" สนตฺ กาโย \" เปนตน. พระเถระเคยเกิดเปนราชสหี ดังไดสดับมา ชอื่ วา การคะนองมอื และเทา ของพระเถระนั้น มไิ ดมีแลว . ทา นไดเ ปน ผูเวนจากการบิดกาย เปน ผมู อี ัตภาพสงบ. ไดยนิ วา พระเถระน้นั มาจากกําเนิดแหง ราชสหี . นยั วา ราชสีหทั้งหลาย ถือเอาอาหารในวันหน่ึงแลว เขา ไปสถู าํ้ เงิน ถาํ้ ทอง ถ้าํ แกวมณี และถ้าํ แกว ประพาฬ ถ้าํ ใดถ้าํ หน่ึง นอนทจี่ รุ ณแหงมโนศลิ า และหรดาลตลอด ๗ วนั ในวันท่ี ๗ ลกุ ขึน้ แลว ตรวจดทู แี่ หง ตนนอนแลว ,ถา เห็นวาจุรณแหงมโนศลิ าและหรดาลกระจดั กระจายแลว เพราะความที่หาง หู หรอื เทา อันตัวกระดกิ แลว จึงคดิ วา \" การทําเชนน้ี ไมสมควรแกช าตหิ รอื โคตรของเจา\" แลวก็นอนอดอาหารไปอกี ตลอด ๗ วนั ; แตเมือ่ ไมมคี วามทจี่ ุรณทัง้ หลายยกระจัดกระจายไป จึงคดิ วา \" การทําเชน นี้สมควรแกช าติและโคตรของเจา \" ดังนี้แลว กอ็ อกจากทอ่ี าศัย บิดกายชําเลืองดทู ศิ ทงั้ หลาย บันลอื สหี นาท ๓ ครง้ั แลวก็หลีกไปหากนิ . ภิกษุนีม้ าแลว โดยกําเนิดแหงราชสหี เหน็ ปานนนั้ . ภกิ ษุทั้งหลาย เห็นความประพฤติเรยี บรอยทางกายของทาน จึงกราบทูลแดพ ระศาสดาวา \" พระเจา ขา ภิกษผุ เู ชน กับพระสันตกายเถระพวกขา พระองคไ มเคยเหน็ แลว, ก็การคะนองมือ คะนองเทา หรือการบดิ กายของภิกษุน้ี ในท่แี หง ภกิ ษุนนี้ ่ังแลว มไิ ดมี.\"
พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาที่ 387 ภกิ ษคุ วรเปน ผสู งบ พระศาสดาทรงสดับถอ ยคํานัน้ แลว จงึ ตรัสวา \" ภกิ ษุท้ังหลายธรรมดาภกิ ษุ พึงเปน ผูส งบทางทวารท้งั หลายมีกายทวารเปนตน โดยแทเหมอื นสันตกายเถระฉะน้ัน\" ดังน้ีแลว ตรัสพระคาถานี้วา :- ๙. สนตฺ กาโย สนตฺ วาโจ สนฺตมโน สสุ มาหิโต วนฺตโลกามิโส ภิกฺขุ อปุ สนฺโตติ วุจจฺ ต.ิ \" ภกิ ษผุ ูมกี ายสงบ มีวาจาสงบ มีใจสงบ ผู ตงั้ มนั่ ดแี ลว มอี ามสิ ในโลกอนั คายเสยี แลว เรา เรยี กวา \" ผสู งบระงับ.\" แกอรรถ บรรดาบทเหลานั้น บทวา สนตฺ กาโย เปนตน ความวา ช่ือวาผูมกี ายสงบแลว เพราะความไมม กี ายทจุ ริตท้ังหลายมปี าณาตบิ าตเปน ตน .ชอ่ื วา ผมู วี าจาสงบแลว เพราะความไมมีวจที ุจรติ ทัง้ หลาย มมี ุสาวาทเปนตน , ช่อื วา มีใจสงบแลว เพราะความไมม ีมโนทจุ รติ ทัง้ หลายมีอภิชฌาเปนตน, ช่ือวา ผตู งั้ มนั่ ดีแลว เพราะความทีท่ วารท้ัง ๓ มกี ายเปนตนต้งั ม่นั แลว ดว ยดี, ชอ่ื วา มีอามิสในโลกอันคายแลว เพราะความที่อามสิ ในโลกเปน ของอนั ตนสํารอกเสยี แลว ดว ยมรรค ๔, พระศาสดาตรสั เรยี กวา ' ชอื่ วา ผูส งบ ' เพราะความที่กเิ ลสทั้งหลายมรี าคะเปนตนในภายในสงบระงับแลว . ในกาลจบเทศนา พระเถระต้ังอยูในพระอรหตั แลว , เทศนาไดเปน ประโยชนแ มแ กชนผปู ระชมุ กันแลว ดงั นแ้ี ล. เรอื่ งพระสนั ตกายเถระ จบ.
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาท่ี 388 ๑๐. เรอ่ื งพระนงั คลกูฏเถระ [๒๖๑] ขอความเบ้อื งตน พระศาสดา เมอ่ื ประทบั อยูในพระเชตวัน ทรงปรารภพระนังคลกูฏ-เถระ ตรสั พระธรรมเทศนานีว้ า \" อตฺตนา โจทยตฺตาน \" เปน ตน. คนเข็ญใจบวชในพระพทุ ธศาสนา ดงั ไดส ดับมา มนษุ ยเ ขญ็ ใจผูหนง่ึ ทําการรับจางของชนเหลาอนื่เลี้ยงชพี . ภิกษุรปู หนึง่ เห็นเขานงุ ผาทอนเกา แบกไถ เดินไปอยู จงึพูดอยางนวี้ า \" ก็เธอบวช จะไมประเสรฐิ กวา การเปนอยูอ ยา งน้หี รือ.\" มนุษยเข็ญใจ. ใครจกั ใหก ระผมผูเปนอยอู ยางน้บี วชเลา ขอรบั . ภกิ ษุ. หากเธอจกั บวช, ฉันกจ็ ักใหเธอบวช. มนษุ ยเ ขญ็ ใจ. \" ดลี ะ ขอรบั , ถาทานจกั ใหกระผมบวช กระผมกจ็ ักบวช.\" คร้งั นนั้ พระเถระนาํ เขาไปสูพระเชตวัน แลวใหอ าบน้าํ ดวยมอืของตน พักไวในโรงแลว ใหบวช ใหเ ขาเกบ็ ไถ พรอมกับผา ทอนเกาที่เขานุง ไวท ่กี ่งิ ไมใ กลเขตแดนแหงโรงนัน้ แล. แมใ นเวลาอุปสมบท เธอไดป รากฏช่ือวา \" นังคลกฏู เถระ\" นั่นแล. ภิกษุมีอุบายสอนตนเองยอมระงบั ความกระสัน พระนงั คลกูฏเถระน้ัน อาศัยลาภสกั การะซ่งึ เกดิ ขน้ึ เพอ่ื พระพทุ ธ-เจา ทัง้ หลายเล้ยี งชพี อยู กระสนั ขน้ึ แลว เมอ่ื ไมส ามารถเพ่ือจะบรรเทาไดจึงตกลงใจวา \" บดั นี้ เราจกั ไมน งุ หม ผากาสายะทั้งหลายทเี่ ขาใหดวยศรัทธาไปละ\" ดงั นแี้ ลว ก็ไปยังโคนตน ไม ใหโอวาทตนดว ยตนเองวา
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 389\" เจา ผูไ มม หี ริ ิ หมดยางอาย เจา อยากจะนุงหม ผาขรี้ วิ้ ผืนนี้ สกึ ไปทําการรบั จา งเลีย้ งชีพ (หรือ).\" เมอื่ ทา นโอวาทคนอยอู ยางน้นั แล จติ ถึงความเปนธรรมชาตเิ บา (คลายกระสัน ) แลว. ทา นกลบั มาแลว โดยกาลลวงไป ๒-๓ วัน กก็ ระสันขน้ึ อีก จึงสอนตนเหมือนอยา งนน้ั น่นั แล, ทา นกลบั ใจไดอีก. ในเวลากระสนั ขึ้นมาทา นไปในท่ีน้ันแลว โอวาทตนโดยทํานองนแ้ี ล. คร้งั น้นั ภิกษทุ งั้ หลาย เหน็ ทานไปอยใู นที่น้นั เนือง ๆ จงึ ถามวา\" ทา นนงั คลกูฏเถระ เหตไุ ร ทา นจึงไปในที่นน้ั .\" ทานตอบวา \" ผมไปยังสํานกั อาจารย ขอรบั \" ดังนี้แลวตอ มา๒-๓ วนั เทา นั้น (ก็) บรรลุพระอรหัตผล. ภกิ ษุทั้งหลาย เมื่อจะทําการลอเลน กบั ทาน จงึ กลาววา \" ทานนังคลกูฏะผหู ลกั ผูใ หญ ทางท่ีเทยี่ วไปของทาน เปนประหน่ึงหารอยมิไดแลว , ชะรอยทานจะไมไ ปยังสํานักของอาจารยอ กี กระมัง\" พระเถระ. อยา งน้นั ขอรบั : เมือ่ กิเลสเครื่องเก่ยี วขอ งยังมอี ยูผมไดไ ปแลว, แตบ ดั นี้ กเิ ลสเครื่องเก่ียวของ ผมตัดเสยี ไดแ ลว เพราะ-ฉะนั้น ผมจึงไมไป. ภกิ ษทุ ัง้ หลาย ฟง คําตอบนัน้ แลว เขาใจวา \" ภิกษุน่ี พดู ไมจ ริงพยากรณพ ระอรหตั ผล\" ดงั น้ีแลว จงึ กราบทลู เนือ้ ความนั้นแดพระศาสดา. ภกิ ษคุ วรเปนผเู ตอื นตน พระศาสดาตรสั วา \" เออ ภกิ ษุทงั้ หลาย นงั คลกูฏะบตุ รของเรา
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาที่ 390เตือนตนดวยตนเองแล แลวจงึ ถึงท่สี ดุ แหง กจิ ของบรรพชิต \" ดงั นแ้ี ลวเมื่อจะทรงแสดงธรรม ไดท รงภาษติ พระคาถาเหลา น้ีวา :-๑๐. อตตฺ นา โจทยตตฺ าน ปฏมิ เสตมฺตนา โส อตตฺ คุตฺโต สติมา สุข ภิกขฺ ุ วิหาหิสิ. อตฺตา หิ อตตฺ โน นาโถ อตตฺ า หิ อตตฺ โน คติ ตสฺมา สฺ ม อตตฺ าน อสฺส ภทรฺ ว วาณิโช. \" เธอจงตกั เตือนตนดวยตน, จงพจิ ารณาดตู น น้ันดวยตน, ภกิ ษุ เธอน้ันมีสติ ปกครองตนไดแลว จกั อยูสบาย. ตนแหละ เปน นาถะของตน, ตน แหละ เปน คติของตน; เพราะฉะนนั้ เธอจงสงวน ตนใหเหมอื นอยา งพอ คา มา สงวนมาตวั เจริญฉะนัน้ .\" แกอรรถ บรรดาบทเหลา นั้น บทวา โจทยตฺตาน ความวา จงตกั เตอื นตนดว ยตนเอง คอื จงยังตนใหร สู กึ ดวยตนเอง. บทวา ปฏมิ เส คอื ตรวจตราดตู นดว ยตนเอง. บทวา โส เปนตน ความวา ภิกษุ เธอนัน้ เม่ือตักเตือนพิจารณาดูตนอยา งนนั้ อยู, เปน ผชู ือ่ วา ปกครองตนได เพราะความเปนผมู ีตนปกครองแลวดว ยตนเอง เปนผูชือ่ วา มีสติ เพราะความเปน ผูมีสติตั้งมน่ัแลว จกั อยสู บายทกุ สรรพอริ ยิ าบถ. บทวา นาโถ ความวา เปน ทีอ่ าศยั คอื เปนท่พี าํ นกั (คนอ่ืนใครเลา พงึ เปนทพี่ ึง่ ได) เพราะบุคคลอาศัยในอตั ภาพของผูอ ่ืน ไมอ าจเพ่ือเปน ผูกระทาํ กุศลแลว มีสวรรคเ ปนทไี่ ปในเบือ้ งหนา หรือเปนผูยงั มรรค
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 391ใหเ จรญิ แลว ทาํ ผลใหแจง ได; เพราะเหตนุ ้นั จึงมอี ธบิ ายวา \" คนอน่ืชื่อวา ใครเลา พึงเปนทพ่ี ง่ึ ได.\" บทวา ตสฺมา เปน ตน ความวา เหตุท่ีตนแลเปนคติ คอื เปน ท่ีพาํ นกั ไดแกเปนสรณะของตน. พอ คามา อาศยั มา ตัวเจริญ คือมาอาชาไนยนั้น ปรารถนาลาภอยูจงึ เกียดกนั การเท่ียวไปในวสิ มสถาน (ทไ่ี มสมควร) แหงมานัน้ ใหอ าบน้ําใหบ ริโภคอยู ตง้ั สามคร้ังตอ วัน ชื่อวา ยอ มสงวน คอื ประดับประคองฉันใด, แมต ัวเธอ เมือ่ ปอ งกันความเกิดขน้ึ แหงอกศุ ลซง่ึ ยังไมเกิด ขจดัทเ่ี กดิ ขึ้นแลวเพราะการหลงลมื สตเิ สีย (ก)็ ช่อื วา สงวนคือปกครองตนฉันนั้น; เมื่อเธอสงวนตนไดอยางน้อี ยู เธอจักบรรลุคุณพิเศษทง้ั ท่ีเปนโลกยิ ะท้ังทเี่ ปนโลกตุ ระ เร่ิมแตป ฐมฌานเปนตน ไป. ในกาลจบเทศนา ชนเปน อันมากบรรลอุ ริยผลทง้ั หลาย มโี สดา-ปตตผิ ลเปนตน ดงั นีแ้ ล. เร่ืองพระนงั คลกฏู เถระ จบ.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาท่ี 392 ๑๐. เรื่องพระวักกลิเถระ [๒๖๒] ขอ ความเบอื้ งตน พระศาสดา เม่ือประทบั อยใู นพระเวฬุวัน ทรงปรารภนพระวักกล-ิเถระ ตรสั พระธรรมเทศนานี้วา \" ปาโมชฺชพหุโล ภิกขฺ ุ\" เปนตน . ผูเ ห็นธรรมชือ่ วา เหน็ พระตถาคต ดังไดสดบั มา ทา นวกั กลิเถระน้ัน เกิดในตระกูลพราหมณในกรงุ -สาวัตถี เจรญิ วัยแลว, เห็นพระตถาคตเสด็จเขา ไปเพอ่ื บิณฑบาต แลดูพระสรีระสมบตั ขิ องพระศาสดาแลว ไมอิม่ ดวยการเห็นพระสรีระสมบตั ิ,จงึ บรรพชาในสํานักพระศาสดา ดวยเขาใจวา \" เราจักไดเ ห็นพระตถาคต-เจาเปน นิตยกาล ดว ยอบุ ายนี้ \" ดงั น้แี ลว , ก็ยนื อยใู นทอ่ี นั ตนยนื อยูแลวสามารถเพอ่ื จะแลเหน็ พระทศพลได, ละกจิ วัตรท้ังหลาย มีการสาธยายและมนสิการในพระกมั มัฏฐานเปน ตน เทย่ี วมองดพู ระศาสดาอย.ู พระศาสดาทรงรอความแกกลาแหงญาณของทา นอยู จงึ ไมต รัสอะไร (ตอ) ทรงทราบวา \" บดั นี้ ญาณของเธอถงึ ความแกกลาแลว\" จึงตรสั โอวาทวา \" วักกลิ ประโยชนอ ะไรของเธอ ดว ยการเฝา ดกู ายเนาน้ี,วกั กลิ คนใดแลเหน็ ธรรม, คนน้นั (ชอื่ วา) เหน็ เรา (ผูตถาคต) คนใดเห็นเรา (ผูตถาคต), คนนนั้ (ช่ือวา) เหน็ ธรรม. \" พระวักกลนิ ้ัน แมอ ันพระศาสดาสอนแลว อยา งนัน้ กไ็ มอ าจเพอื่ละการดูพระศาสดาไปในทอ่ี ่ืนไดเ ลย. คร้ังนนั้ พระศาสดาทรงดาํ ริวา \" ภิกษุนี้ ไมไดความสังเวชแลว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 573
Pages: