พระวนิ ัยปฎ ก จุลวรรค เลม ๗ ภาค ๒ - หนาท่ี 101 ในการหม ดงั คฤหสั ถและการหม เรียบรอยนั้น การหมอยา งใดอยางหน่ึงทห่ี มแลวโดยประการอนื่ จากลกั ษณะที่เรียบรอ ยมอี าทิอยางนี้ คือ หม ผา ขาวหมอยางปริพาชก หม อยา งคนทใ่ี ชผาผืนเดยี ว หมอยางนกั เลง หม อยางชาววงัหม คลมุ ทงั้ ตวั ดังคฤหบดีผูใ หญ หม ดังชาวนาเขากระทอม หม อยา งพราหมณหมอยางภิกษุผจู ัดแถว การหม นท้ี งั้ หมด ชอ่ื วา หม อยา งคฤหัสถ. เพราะเหตุนั้น นิครนถท ้งั หลาย ผใู ชผาขาว คลุมกายคร่งึ เดียวยอ มหนฉันใด, อนึ่ง ปรพิ าชกบางพวก เปด อกพาดผา หมไวบนจะงอยบา ทงั้๒ ฉนั ใด, อน่ึง คนทง้ั หลายที่ใชผ า ผนื เดียว เอาชายผา นงุ ขาง ๑ คลุมหลงัพาดมมุ ทัง้ ๒ บนจะงอยบาทั้ง ๒ ฉันใด, อนึ่ง พวกนักเลงสรุ าเปนตน เอาผาพันคอ หอ ยชายทงั้ ๒ ลงไปท่ีทองบา ง ตวัดไวบ นหลังบา ง ฉันใด, อน่ึงสตรีชาววงั เปนตน หมคลุมศีรษะเปดแตหนว ยตาไว ฉันใด, อน่งึ คฤหบดีผเู ปนใหญทั้งหลาย นงุ ผา ยาวคลุมตวั ทั้งหมด ดว ยชายขาง ๑ แหง ชายผา นั้นเองฉันใด, อนง่ึ พวกชาวนา เมื่อจะเขา สกู ระทอมนา หมผาตวัดเขาไปในซอกรักแรแ ลว คลมุ ตัวดวยชายขา ง ๑ แหงผา น้ันเอง ฉันใด, อน่งึ พวกพราหมณสอดผา เขาไปทางซอกรกั แรทั้ง ๒ แลวตวัดไวบนจะงอยบา ทง้ั ๒ ฉันใด, อนึ่งภิกษผุ ูจัดแถว เปดแขนซายที่หมดวยผาหมเฉวยี งบา ยกจวี รขึ้นพาดบนจะงอยบา ฉันใด, ภกิ ษุไมพงึ หมฉันน้ันเลยทีเดยี ว พึงเวน โทษแหงการหมเหลา นัน้ทัง้ หมด และโทษแหง การหมเห็นปานนน้ั เหลาอื่นเสีย หม ใหเรยี บรอย ปราศจากวิการ. เมอ่ื ภิกษุผไู มห มอยางนน้ั กระทําวิการอยางใดอยา งหน่ึง ดว ยไมเออื้ เฟอ ในวัดกต็ าม ในละแวกบานก็ตาม ยอมเปน ทุกกฏ.
พระวินัยปฎ ก จลุ วรรค เลม ๗ ภาค ๒ - หนาที่ 102 [วาดวยหาบเปนตน ] บทวา มุณฑฺ วฏฏ ี มีอธบิ ายวา เหมือนคนหาบของสําหรับใช ของพระราชาผเู สด็จไปไหน ๆ. บทวา อนตฺ รากาช ไดแ ก ภาระท่จี ะพงึ คลอ งไวกลางคาน แลวหามไป ๒ คน. บทวา อจกฺขสุ สฺ คือเปน ของไมเ ก้ือกลู แกจักษุ ไดแก ยงั ความเสยีใหเ กดิ แกภ กิ ษุ. บทวา น ฉาเทติ ไดแก ไมชอบใจ. บทวา อฏ งฺคลุ ปรม ไดแก ไมส ฟี นยาว ๘ นวิ้ เปนอยางยิ่งดวยนิ้วขนาดของมนุษยท ้ังหลาย. บทวา อติมนทฺ าหก ไดแก ไมสีฟนทส่ี ัน้ นกั [วาดว ยการจดุ ไฟ] สองบทวา ทาย อาเฬเปนติ มคี วามวา ภกิ ษุฉพั พคั คยี จ ดุ ไฟที่ดงหญา เปน ตน . บทวา ปฏคฺคึ มีความวา เราอนุญาตใหภิกษจุ ดุ ไฟรับ. บทวา ปรติ ฺต มคี วามวา เราอนุญาตการปอ งกนั ดว ยการทาํ ใหปราศจากหญา หรือดวยการขุดคู. แตในการปอ งกนั นี้ เมือ่ มีอนปุ สัมบัน ภกิ ษจุ ะจุดไฟเอง ยอ มไมได,เมือ่ ไมมอี นปุ สัมบัน ภกิ ษุจะจุดไฟเองก็ดี จะถากถางพน้ื ดนิ นําหญาออกเสียกด็ ีจะขดุ คูก็ดี จะหกั กิ่งไมส ดดับไฟก็ดี ยอ มได. ไฟถึงเสนาสนะแลว ก็ตาม ยงั ไมถ งึ กต็ าม ภิกษยุ อมไดเ พื่อยงั ไฟใหด ับดว ยอุบายอยา งนั้นเปน แท.
พระวนิ ัยปฎ ก จุลวรรค เลม ๗ ภาค ๒ - หนา ท่ี 103 แตเมื่อจะใหไ ฟดับดว ยนํา้ ยอ มไดเพื่อใหด ับดวยน้ําท่ีควรเทา น้ันนอกนนั้ ไมไ ด. [วา ดว ยข้ึนตนไม] ขอวา สติ กรณเี ย มีความวา เม่ือมกี ิจทจ่ี ะตอ งถอื เอาฟนแหงเปน ตน. บทวา โปริสิย ความวา อนุญาตใหภ ิกษุขึ้นตน ไมประมาณแคตวับรุ ษุ . ขอวา อาปทาสุ มีความวา ภิกษเุ ห็นอนั ตรายมสี ัตวร า ยเปนตนหรือเปน ผูหลงทาง หรือเปนผูใ ครจะมองดทู ิศ หรือเห็นไฟปา ลามมา หรือเหน็ หวงนา้ํ หลากมา ในอนั ตรายเหน็ ปานนี้ จะขึน้ ตนไมแ มส ูงเกินประมาณกค็ วร. [วาดว ยคัมภรี ทางโลก] บทวา กลฺยาณวากกฺ รณา ไดแก เปนผูมเี สียงไพเราะ. สองบทวา ฉนฺทโส อาโรเปม มีความวา ขาพระพุทธเจา จะยกพระพทุ ธวจนะข้ึนสทู างแหงการกลาวดว ยภาษาสนั สกฤตเหมือนเวท*. โวหารที่เปน ของชาวมคธ มีประการอนั พระสมั มาสัมพทุ ธเจา ตรสั แลวช่อื ภาษาเดิม ในคําวา สกาย นริ ุตตฺ ยิ า นี้. คัมภีรเ ดยี รถยี ซึง่ ประกอบดวยเหตอุ ันไรประโยชน มอี าทอิ ยา งนี้วาสงิ่ ทัง้ ปวงเปนเดน เพราะเหตนุ ี้ และนี้ สิ่งทัง้ ปวงไมเ ปนเดน เพราะเหตุน้ีและน้ี กาเผอื ก เพราะเหตุน้ี และนี้ นกยางดํา เพราะเหตนุ ี้ และน้ี ดงั น้ีช่ือคัมภีรอนั เนื่องดวยโลก.* คอื แตงเปน กาพยก ลอนเปนโศลกเหมือนคัมภรี พ ระเวทของพราหมณ.
พระวินัยปฎก จุลวรรค เลม ๗ ภาค ๒ - หนาที่ 104 สองบทวา อนตฺ รา อโหสิ มคี วามวา ธรรมกถา ไดเปน เรอ่ื งขาดตอน คอื ไดถูกเสยี งน้นั กลบเสยี . บทวา อาพาธปฺปจฺจยา มีความวา กระเทยี มเปนยาเพอื่ อาพาธใดเพราะปจ จัย คอื อาพาธนนั้ . วินิจฉัยในขอ วา ปสฺสาวปาทกุ นี้ พึงทราบดังน:้ี - ภิกษจุ ะทาํ เขยี งรองเหยยี บ ดวยอฐิ กด็ ี ดว ยศลิ ากด็ ี ดวยไมก ็ดี ควรอยู.แมในวัจจปาทกุ า กม็ นี ัยเหมือนกนั . บทวา ปริเวณ ไดแ ก รว มในแหง เครือ่ งลอ มแหง เวจกฎุ ี. ขอวา ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ มีความวา ในวัตถแุ หงทุกกฏพงึ ปรบั ทกุ กฏ ในวัตถแุ หงปาจติ ตยี พงึ ปรบั ปาจติ ตีย. [วาดว ยของโลหะเปนตน] ของโลหะทเ่ี ขาทําไว เพอ่ื ประหาร เรยี กวา เคร่อื งประหาร. ความวา คําวา เครอื่ งประหารน้ัน เปน ชื่อของสงิ่ ของท่ีนับวา อาวธุชนิดใดชนิดหน่ึง, เราอนุญาตของโลหะทง้ั ปวงอื่น นอกจากเครื่องประหารน้ัน. ในคาํ วา กตกฺจ กุมฺภการิกจฺ น้ี มีวินิจฉยั วา เครอ่ื งเชด็ เทานน้ั ไดกลา วไวแลว แล. กุฎีทําดว ยดนิ ลว น ดงั กฎุ ีของพระธนิยะ เรียกวา กุมภการิกา. คําที่เหลอื ในท่ที ้งั ปวง ตืน้ ทงั้ นน้ั ฉะนนั้ แล. ขทุ ทกวตั ถุขนั ธกวรรณนา จบ
พระวนิ ยั ปฎก จลุ วรรค เลม ๗ ภาค ๒ - หนาที่ 105 เสนาสนขันกะ * เรอ่ื งราชคหเศรษฐถี วายวหิ าร [๑๙๘] โดยสมัยนั้น พระผมู พี ระภาคพุทธเจา ประทับอยู ณ พระเวฬวุ นั วหิ าร อนั เปนสถานท่พี ระราชทานเหยอื่ แกก ระแต เขตพระนครราชคฤหคร้ังนนั้ พระผูม ีพระภาคเจา ยงั มิไดท รงบัญญตั ิเสนาสนะแกภิกษุท้ังหลาย และภิกษุเหลาน้นั ก็อยใู นทีน่ น้ั ๆ คอื ปา โคนไม ภูเขา ซอกเขา ถาํ้ เขา ปาชาปาชฏั ท่แี จง ลอมฟาง ภิกษุเหลาน้นั ออกจากท่อี ยนู นั้ ๆ คอื ปา โคนไมภเู ขา ชอกเขา ถํ้าเขา ปาชา ปาชฏั ท่ีแจง ลอมฟาง แตเ ชา ตรู มีอาการเดินไปขางหนา ถอยกลบั แลเหลียว คแู ขน เหยียดแขน หนา เลื่อมใสมีจักษุทอดลง สมบูรณดวยอริ ยิ าบถ. [๑๙๙] สมยั นน้ั ราชคหเศรษฐไี ดไปสวนแตเ ชา ตรู ไดแลเหน็ ภิกษุเหลา นน้ั เดินออกจากทอ่ี ยนู ้นั ๆ คอื ปา โคนไม ภูเขา ซอกเขา ถาํ้ เขาปาชา ปาชัฏ ทแ่ี จง ลอมฟาง แตเ ชาตรู มีอาการเดินไปขา งหนา ถอยกลบัแลเหลยี ว คแู ขน เหยียดแขน หนาเลอ่ื มใส มจี ักษุทอดลง สมบูรณด ว ยอริ ยิ าบถ คร้ันแลวก็มจี ิตเลอ่ื มใส จึงเขา ไปหาภิกษุเหลา นัน้ เรยี นถามวาทานเจาขา หากขาพเจา สรางวิหารถวาย พระคุณเจา จะอยใู นวหิ ารของขา พเจาหรือไม ภกิ ษุเหลา นัน้ ตอบวา ดกู อนคหบดี พระผูมีพระภาคเจายังมิไดทรงอนุญาตวิหาร. * ทา นวา มี ๑๐๐ เรือ่ ง แตน บั ไดถงึ ๑๗๕ เร่อื ง ถารวมเขา คงไดจํานวนนัน้ .
พระวินัยปฎก จุลวรรค เลม ๗ ภาค ๒ - หนาท่ี 106 เศรษฐกี ลาววา ทา นเจาขา ถาเชนนั้น พระคณุ เจา จงทูลถามพระผู-มีพระภาคเจา แลวแจง แกข าพเจา . ภกิ ษุเหลานัน้ รบั คําของราชคหเศรษฐี แลว เขาไปเฝา พระผมู ีพระ-ภาคเจา ถวายบงั คมน่งั ท่ี ณ ควรสว นขางหนึง่ แลว ทลู ถามวา พระพุทธเจาขาราชคหเศรษฐีประสงคจ ะสรางวหิ ารถวาย ขา พระพทุ ธเจาท้งั หลายจะพงึปฏบิ ตั อิ ยางไร พระพทุ ธเจาขา . พุทธานุญาตเสนาสนะ ๕ ชนิด [๒๐๐] ลาํ ดับน้นั พระผมู ีพระภาคเจาทรงทําธรรมกี ถา ในเพราะเหตเุ ปนเคามูลน้นั ในเพราะเหตุแรกเกิดนนั้ แลว รบั ส่ังกะภกิ ษทุ งั้ หลายวาดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย เราอนุญาตเสนาสนะ ๕ ชนดิ คอื วิหาร ๑ เรือนมงุแถบเดียว ๑ เรือนชน้ั ๑ เรือนโลน ๑ ถา ๑. [๒๐๑] ตอ มา ภกิ ษเุ หลา นัน้ เขา ไปหาทานราชคหเศรษฐแี ลว ไดกลา ววา คหบดี พระผมู พี ระภาคเจา ทรงอนญุ าตวิหารแลว บัดนีเ้ ปนการสมควรท่จี ะสรางได ราชคหเศรษฐีใหส รางวหิ าร ๖๐ หลงั โดยวันเดยี วเทาน้นั คร้นั ใหสรางเสร็จแลว จงึ เขาเฝา พระผูมีพระภาคเจา ถวายบงั คมน่ัง ณ ท่คี วรสว นขา งหนึง่แลว กราบทูลอาราธนาวา พระพทุ ธเจาขา ขอพระผมู พี ระภาคเจากบั ภกิ ษสุ งฆจงทรงรบั ภัตตาหารของขา พระพุทธเจา เพื่อเสวยในวนั พรุงนี้ พระผูม ีพระ-ภาคเจา ทรงรบั อาราธนาโดยดุษณภี าพ คร้นั เศรษฐีทราบวา ทรงรบั อาราธนาแลว จึงลกุ จากอาสนะ ถวายบังคมทําประทักษิณกลับไปแลว ใหต กแตงขาทนีย-โภชนียาหาร อันประณตี โดยลว งราตรีน้ัน แลวใหค นไปกราบทูลภตั กาลแดพระผมู ีพระภาคเจาวา ถึงเวลาแลว ภตั ตาหารเสรจ็ แลว พระพุทธเจา ขา .
พระวินัยปฎก จุลวรรค เลม ๗ ภาค ๒ - หนา ที่ 107 ถวายวิหาร [๒๐๒] คร้ันเวลาเชา พระผูม พี ระภาคเจา ทรงอันตรวาสก ถอื บาตรจีวรเสด็จไปยงั นเิ วศนของราชคหเศรษฐี ครัน้ แลว ประทับน่ังเหนอื อาสนะที่เขาปลู าดถวาย พรอมดวยภิกษสุ งฆ จงึ ราชคหเศรษฐี องั คาสภกิ ษุสงฆม พี ระ-พุทธเจา เปน ประมขุ ดวยขาทนียโภชนยี าหารอนั ประณตี ดวยมอื ของตน จนพระผมู ีพระภาคเจา ผเู สวยแลว ลดพระหตั ถจากบาตร หามภัตรแลว นงั่ณ ที่ควรสวนขา งหน่ึงกราบทลู พระผูมีภาคเจาวา พระพทุ ธเจาขา ขา พระ-พทุ ธเจา ตอ งการบญุ ตองการสวรรค ไดสรางวิหาร ๖๐ หลังนี้ไวแลว ขาพระพุทธเจา จะพงึ ปฏบิ ตั ิอยา งไรในวิหารเหลา นั้น พระพุทธเจา ขา. พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั วา ดกู อนคหบดี ถาเชนน้ัน เธอจงถวายวิหารเหลาน้นั แกส งฆจาตรุ ทิศ ท้งั ทมี่ าแลวและยังไมมา ราชคหเศรษฐที ลู รบัพระพุทธดาํ รสั แลว ไดถ วายวหิ ารเหลา นัน้ แกสงฆ จาตรุ ทศิ ท้ังทีม่ าแลวและยังไมมา ลาํ ดับนน้ั พระผมู ีพระภาคเจาทรงอนโุ มทนาแกราชคหเศรษฐดี ว ยคาถาเหลา น้ี วาดังนี้ :- คาถานโุ มทนาวหิ ารทาน [๒๐๓] วิหารยอมปอ งกันหนาว รอน และเนอื้ รา ย นอกจากนนั้ ยังปองกันงแู ละยงุ ฝนในสิสิรฤดู นอกจากนน้ั วหิ าร ยงั ปองกนั ลมและแดดอนั รอนกลา ทเ่ี กดิ ขนึ้ ได การ ถวายวิหารแกสงฆ เพอื่ หลีกเรนอยู เพอ่ื ความสุข เพอ่ื เพงพิจารณา และเพอ่ื เหน็ แจง
พระวินัยปฎ ก จลุ วรรค เลม ๗ ภาค ๒ - หนา ท่ี 143 [๒๗๔] สมยั น้ัน พระฉัพพัคคยี พดู วา พวกผมอาพาธ ลกุ ไมข้ึนแลวยดึ เอาท่ีนอนดี ๆ ไว... ภกิ ษทุ งั้ หลายกราบทูลเรือ่ งน้นั แดพระผมู พี ระ-ภาคเจา . . . ตรัสวา ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย เราอนญุ าตใหท่ีนอนเหมาะสมแกภิกษอุ าพาธ. [๒๗๕] สมัยนั้น พระฉพั พัคคยี อาพาธเล็กนอ ย กห็ วงกันเสนาสนะไว. . . ภิกษุทัง้ หลายกราบทูลเรือ่ งนัน้ แดพระผูม พี ระภาคเจา... ตรัสวาดกู อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุมอี าพาธเลก็ นอ ย ไมพงึ หวงกนั เสนาสนะไว รูปใดหวงกนั ตอ งอาบัตทิ ุกกฏ. เรอื่ งพระสตั ตรสวัคคยี ซอ มวิหาร [๒๗๖] สมัยน้นั พระสตั ตรสวัคคยี ซ อ มวิหารใหญห ลังหนง่ึ ซงึ่ ต้งั อยูสุดเขต ดวยหมายใจวา พวกเราจกั จําพรรษา ณ ทีน่ ้ี พระฉพั พคั คยี ไ ดเ หน็พระสตั ตรสวัคคยี ก าํ ลังซอ มวหิ าร ครน้ั แลว ไดกลา วอยางน้ีวา ทานท้ังหลายพระสัตตรสวัคคยี เหลาน้ี กําลังซอมวหิ าร พวกเราจงชวยกนั ไลพวกเธอไปเสียเถดิ ภกิ ษบุ างพวกกลา วกันอยา งนี้วา ทานทง้ั หลายจงรอไวจนกวา จะซอมเสร็จเมือ่ ซอมเสรจ็ แลว จึงคอยไลไ ป คร้นั ซอ มเสรจ็ พระฉัพพัคคยี ไ ดก ลาวกะพระสตั ตรสวคั คียว า ทา นทง้ั หลาย พวกทา นจงออกไป วิหารถึงแกพ วกผม. ส. ทา นท้งั หลาย ควรจะบอกไวก อนมใิ ชห รือ พวกผมจะไดซอ มที่อื่น. ฉ. ทานท้งั หลาย วหิ ารของสงฆมใิ ชห รือ. ส. ขอรบั วหิ ารของสงฆ. ฉ. ทานทงั้ หลาย พวกทานจงออกไป วิหารถงึ แกพวกผม. ส. ทานทัง้ หลาย วิหารใหญ แมพวกทานก็อยูไ ด แมพ วกผมก็อยไู ด. ฉ. จงออกไป วิหารถึงแกพวกผม แลวทําเปน โกรธ ขัดเคอื ง จบั
พระวินยั ปฎ ก จลุ วรรค เลม ๗ ภาค ๒ - หนา ที่ 144คอลากออกมา พระสัตตรสวัคคยี เ หลาน้ัน ถูกพระฉพั พคั คยี ฉุดคราออกมา ก็รองให ภกิ ษทุ ้ังหลายถามวา พวกทานรอ งใหท าํ ไม พระสตั ตรสวัคคียตอบวาทานท้ังหลาย พระฉพั พัคคียเหลาน้ี โกรธ ขดั เคือง ฉดุ ครา พวกผมออกจากวหิ ารของสงฆ บรรดาภิกษทุ ่ีเปนผมู ักนอย . . .ตา งก็เพง โทษ ติเตยี น โพนทะนาวา ไฉนพระฉพั พัคคีย จึงโกรธ ขดั เคือง ฉดุ คราภกิ ษุทง้ั หลายออกจากวิหารของสงฆ จึงภกิ ษเุ หลานนั้ กราบทูลเรื่องนัน้ แดพระผูม ีพระภาคเจา...พระผมู พี ระภาคเจา ทรงสอบถามวา ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลายขา ววา ภกิ ษฉุ ัพพคั คยี โกรธ ชดั เคอื ง ฉดุ คราภิกษทุ ง้ั หลายออกจากวิหารของสงฆ จริงหรอื . ภกิ ษุท้งั หลายกราบทลู วา จรงิ พระพทุ ธเจา ขา. พระผมู พี ระภาคพทุ ธเจา ทรงติเตยี น . . . ครนั้ แลว ทรงทาํ ธรรมีกถารับส่งั กะภกิ ษทุ ั้งหลายวา ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย ภิกษไุ มพงึ โกรธ ขดั เคืองฉดุ ครา ภิกษทุ ัง้ หลายออกจากวิหารของสงฆ รูปใดฉดุ ครา พงึ ปรบั ตามธรรมเราอนุญาตใหภิกษุถอื เสนาสนะ. ภิกษคุ วรไดร บั สมมติเปน ผใู หเ สนาสนะ [๒๗๗] ครัง้ น้นั ภกิ ษุทัง้ หลายหารือกนั วา ใครพงึ ใหถอื เสนาสนะแลว กราบทูลเรอื่ งนนั้ แดพระผูมพี ระภาคเจา . . . ตรัสวา ดกู อ นภิกษุท้ังหลายเราอนุญาตใหส มมติภิกษุผปู ระกอบดว ยองค ๕ เปนผใู หถอื เสนาสนะ คือ :- ๑. ไมถ ึงความลําเอียงเพราะความชอบพอ ๒. ไมถึงความลาํ เอยี งเพราะความเกลยี ดชงั ๓. ไมถ งึ ความลําเอยี งเพราะความงมงาย ๔. ไมถึงความลําเอยี งเพราะความกลวั และ ๕. รูเ สนาสนะท่ีใหถือแลว และยงั ไมใหถ อื .
พระวินยั ปฎก จุลวรรค เลม ๗ ภาค ๒ - หนาที่ 145 วธิ ีสมมติ [๒๗๘] ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย ก็แลสงฆพ งึ สมมติอยางน้ี พงึ ขอรอ งภิกษุกอน คร้นั แลวภิกษผุ ฉู ลาด ผสู ามารถ พงึ ประกาศใหสงฆท ราบดว ยญัตติทุติยกรรมวาจา วา ดังนี้ :- กรรมวาจาสมมติ ทานเจา ขา ขอสงฆจงฟง ขา พเจา ถาความพรอ มพรั่งของสงฆถึงทแี่ ลว สงฆพึงสมมตภิ กิ ษมุ ชี อื่ นเ้ี ปน ผูใหถอื เสนาสนะ น้ีเปน ญตั ติ. ทานเจาขา ขอสงฆจงฟง ขา พเจา สงฆสมมติภกิ ษมุ ชี ือ่ น้ีเปน ผูใ หถือเสนาสนะ การสมมตภิกษมุ ชี ือ่ นี้เปนผูใหถ อื เสนาสนะชอบแกทานผใู ด ทานผูนน้ั พึงเปนผนู ่งิ ไมช อบแกท านผูใด ทานทา นผนู น้ั พงึ พดู . ภิกษมุ ีชื่อน้ี สงฆสมมตใิ หเ ปนผูถือเสนาสนะ ชอบแกส งฆเหตนุ ั้นจึงนงิ่ ขา พเจาทรงความน้ีไว ดว ยอยางน้.ี [๒๗๙] ตอ มา ภิกษทุ ้งั หลาย ผูใหถ ือเสนาสนะหารือกันวา เราจะพงึใหถ อื เสนาสนะอยางไรหนอ จงึ กราบทลู เรื่องน้ันแดพ ระผูม พี ระภาคเจา พระ-ผมู พี ระภาคเจา ตรัสวา ดูกอนภกิ ษุทัง้ หลาย เราอนญุ าตใหน บั ภกิ ษุกอนครั้นแลว นับทน่ี อน คร้ันแลว จงึ ใหถ ือตามจํานวนท่ีนอน เมื่อใหถอื ตามจาํ นวนท่นี อน ทีน่ อนเหลือมาก . .. ตรสั วา ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย เราอนญุ าตใหถอื ตามจํานวนวหิ ารเม่ือใหถ ือตามจํานวนวหิ าร วิหารกย็ ังเหลือเปน อนั มาก..ตรสั วา ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย เราอนญุ าตใหถอื ตามจาํ นวนบริเวณ เมอ่ื ใหถ ือ
พระวินยั ปฎ ก จุลวรรค เลม ๗ ภาค ๒ - หนาที่ 146ตามจํานวนบริเวณ บรเิ วณก็ยงั เหลืออีกมาก พระผมู ีพระภาคเจาตรัสวา ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย เราอนญุ าตให ใหสว นซาํ้ อกี เม่อื ใหถ อื สวนซาํ้ อีกแลว ภิกษุรูปอ่นื มา ไมป รารถนาก็อยาพึงให. [๒๘๐] สมัยนนั้ ภกิ ษทุ ั้งหลายใหภ กิ ษุผอู ยูนอกสีมาถอื เสนาสนะภิกษทุ งั้ หลายกราบทลู เร่อื งน้ันแดพ ระผมู ีพระภาคเจา.. . ตรสั วา ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย ภิกษุไมพ ึงใหภกิ ษุผูอยนู อกสมี าถอื เสนาสนะ รูปใดใหถอื ตองอาบัติทกุ กฏ. [๒๘๑] สมยั นั้น ภกิ ษุทัง้ หลายถอื เสนาสนะแลว หวงกนั ไวต ลอดเวลาภิกษทุ ั้งหลายกราบทูลเร่ืองนน้ั แดพ ระผมู ีพระภาคเจา ... ตรสั วา ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ภกิ ษุถือเสนาสนะแลว ไมพงึ หวงกันไวตลอดทกุ เวลา รปู ใดหวงกันไว ตอ งอาบตั ิทุกกฎ. ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย เราอนุญาตใหห วงกันไวไ ดตลอดพรรษา ๓ เดอื นหวงกนั ไวตลอดฤดกู าลไมไ ด. การใหถือเสนาสนะ ๓ อยาง [๒๘๒] ตอมา ภิกษทุ ง้ั หลายหารือกนั วา การใหถ อื เสนาสนะมีกีอ่ ยา งหนอ จึงกราบทูลเร่อื งนน้ั แดพระผูม พี ระภาคเจา พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั วาดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย การใหถอื เสนาสนะมี ๓ อยาง คือ ใหถ ือเม่ือวันเขา ปรุ มิพรรษา ๑ ใหถ อื เมือ่ วนั เขาปจ ฉมิ พรรษา ๑ ใหถือในระหวา งพน จากนั้น ๑การใหถ อื เมอื่ วนั เขา ปรุ ิมพรรษา พงึ ใหถอื ในวันแรม ๑ คํา่ เดือนอาสาฬหะการใหถ อื ในวนั เขา ปจฉมิ พรรษา พึงใหถอื เม่ือเดอื นอาสาฬหะลวงแลว ๑ เดือน
พระวนิ ยั ปฎก จุลวรรค เลม ๗ ภาค ๒ - หนาท่ี 147การใหถอื ในระหวา งพนจากนนั้ พงึ ใหถือในวนั ตอ จากวนั ปวารณา คอื แรม๑ ค่ํา เพอ่ื อยจู าํ พรรษาตอไป การใหถอื เสนาสนะมี ๓ อยางนแ้ี ล. ภาณวาร ท่ี ๒ จบ เรือ่ งพระอปุ นนั ทะหวงกนั เสนาสนะไว ๒ แหง [๒๘๓] ก็โดยสมัยนน้ั แล ทานพระอุปนนั ทศากยบุตร ถอื เสนาสนะไวในเขตพระนครสาวตั ถแี ลว ไดไ ปสูอาวาสใกลตาํ บลบา นแหงหนงึ่ และไดถอื เสนาสนะในอาวาสน้ันอกี จึงภกิ ษุเหลา นั้น ปรกึ ษากนั วา ทา นทั้งหลาย ทานพระอปุ นนั ทศากยบตุ รรปู น้ี เปนผกู อความบาดหมาง กอ ความทะเลาะ กอ การววิ าท กอความอื้อฉาว กออธกิ ารณใ นสงฆ ถา เธอจักอยูจาํ พรรษาในอาวาสนี้พวกเราทุกรปู จกั อยูไ มผาสกุ มฉิ ะนนั้ เราจะถามเธอ จงึ ภกิ ษุเหลา นัน้ ไดถ ามทานพระอุปนนั ทศากยบุตรวา ทา นอุปนนั ทะ ทานถอื เสนาสนะในพระนครสาวตั ถแี ลว มใิ ชห รือ. อ. ถูกละ ขอรบั . ภ. ทา นอุปนันทะ กท็ า นรปู เดยี ว เหตุไรจึงหวงกนั เสนาสนะไวถ ึงสองแหงเลา . อ. ผมจะละทน่ี ้ไี ปเดีย๋ วนลี้ ะ ขอรบั จะถือเอาทีพ่ ระนครสาวตั ถีนนั้ บรรดาภิกษทุ าํ เปน ผมู ักนอ ย สันโดษ ... ตา งกเ็ พงโทษ ติเตยี นโพนทะนาวา ไฉนทา นพระอุปนนั ทศากยบุตรรูปเคยี ว จึงไดหวงกนั เสนาสนะไวถงึ สองแหงแลวกราบทูลเรื่องน้ันแดพ ระผูมีพระภาคเจา ... ทรงสอบถามวาดกู อนอปุ นันทะ ขาววา เธอรปู เดยี วหวงกนั เสนาสนะไวถ ึงสองแหง จริงหรือ. ทา นพระอปุ นันทศากยบุตรทูลรับวา จริง พระพุทธเจา ขา.
พระวนิ ัยปฎก จุลวรรค เลม ๗ ภาค ๒ - หนาท่ี 148 พระผูมพี ระภาคพทุ ธเจาทรงตเิ ตยี นวา ดูกอนโมฆบุรุษ ไฉนเธอผูเดียวจงึ หวงกันเสนาสนะไวถ งึ สองแหง เลา เธอถอื ในที่นัน้ แลว ละในท่นี ้ี ถือในทน่ี ้ีแลว ละในที่น้นั เม่ือเปนเชนน้ีเธอกเ็ ปน คนอยูภายนอกทั้งสองแหงการกระทาํ ของเธอนั้น ไมเ ปน ไปเพ่ือความเลือ่ มใสของชมุ ชนทยี่ ังไมเ ลอ่ื มใสครน้ั แลวทรงทําธรรมกี ถา รับสงั่ กะภกิ ษทุ ัง้ หลายวา ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย ภกิ ษุรูปเดียว ไมพ งึ หวงกนั เสนาสนะไวสองแหง รปู ใดหวงกัน ตองอาบัตทิ กุ กฏ วินัยกถา [๒๘๔] สมัยนัน้ พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสวนิ ัยกถาแกภ กิ ษุทัง้ หลายโดยอเนกปริยาย คอื ทรงพรรณนาคุณของวินัย คณุ ของการเรยี นวินัย ทรงสรรเสรญิ คณุ ของทา นพระอบุ าลีโดยเฉพาะเจาะจง ภกิ ษุทงั้ หลายหารือกนั วาพระผูมีพระภาคเจา ตรสั วนิ ัยกถาแกภิกษทุ ้ังหลายโดยอเนกปรยิ าย คือ ทรงพรรณนาคุณของวนิ ัย คณุ ของการเรยี นวินยั ทรงสรรเสรญิ คุณของทานพระ-อุบาลีโดยเฉพาะเจาะจง อยา กระนัน้ เลย พวกเราจงเรยี นพระวนิ ยั ในสาํ นกัทานพระอบุ าลกี นั เถดิ กแ็ ลภิกษเุ หลา นัน้ มากมาย ทงั้ เถระ ท้งั นวกะ ทั้งมัชฌมิ ะ ตางพากันเรยี นพระวนิ ัยในสาํ นกั ทา นอุบาลี ทา นพระอุบาลียืนสอนดว ยความเคารพพระเถระทงั้ หลาย แมพระเถระท้งั หลายก็ยนื เรียนดวยความเคารพธรรม บรรดาภกิ ษุเหลา น้นั พระเถระและทา นพระอุบาลี ยอ มเม่อื ยลาภกิ ษทุ งั้ หลายกราบทูลเรือ่ งนน้ั แดพ ระผูมพี ระภาคเจา พระผมู พี ระภาคเจาตรัสวา ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย เราอนุญาตใหภ ิกษุนวกะผสู อนนง่ั บนอาสนะเสมอกันหรอื สงู กวาได ดวยความเคารพธรรม ใหภ กิ ษุเถระผเู รยี นน่งั บนอาสนะเสมอกันหรอื ตาํ่ กวา ได ดวยความเคารพธรรม.
พระวินยั ปฎ ก จลุ วรรค เลม ๗ ภาค ๒ - หนาที่ 149 [๒๘๕] สมยั น้นั ภิกษทุ ั้งหลายเปนอันมากยนื รบั การสอนในสํานักทานพระอบุ าลี ยอ มเมื่อยลา จงึ กราบทูลเร่อื งน้ันแดพ ระผูมีพระภาคเจาพระผมู ีพระภาคเจาตรสั วา ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย เราอนุญาตใหภ กิ ษมุ ีอาสนะเสมอกัน นั่งรวมกนั ได. [๒๘๖] ตอ มา ภิกษุท้ังหลายมคี วามสงสยั วา ภกิ ษชุ ื่อวามอี าสนะเสมอกนั ดวยคณุ สมบตั ิเพยี งเทา ไร จงึ กราบทูลเร่ืองนนั้ แดพระผมู พี ระภาคเจาพระผูมีพระภาคเจา ตรสั วา ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย เราอนุญาตใหภิกษรุ ะหวาง๒ พรรษา นัง่ รวมกนั ได. [๒๘๗] สมยั นั้น ภิกษุหลายรูปมอี าสนะเสมอกันน่ังรว มเตียงเดียวกันทําเตียงหกั นั่งรว มต่งั เดยี วกัน ทําตง่ั หัก จึงกราบทลู เรื่องนั้นแดพ ระผูม ีพระ-ภาคเจา พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสวา ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย เราอนญุ าตเตยี งละ๓ รปู ตั่งละ ๓ รปู แมภ กิ ษุ ๓ รปู น่งั ลงบนเตยี ง กท็ าํ เตยี งหกั นง่ั ลงบนตงั่ก็ทําตงั่ หัก ภิกษเุ หลาน้นั จึงกราบทลู เรือ่ งนัน้ แดพ ระผมู ีพระภาคเจา พระผูม ีพระภาคเจา ตรสั วา ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย เราอนุญาต เตยี งละ ๒ รปู ต่งั ละ๒ รูป. [๒๘๘] สมยั น้ัน ภิกษทุ ้ังหลายนงั่ ลงบนอาสนะยาวรวมกบั ภิกษุผูม ีอาสนะไมเสมอกนั กร็ ังเกยี จ จึงกราบทูลเร่อื งน้ันแดพระผูม ีพระภาคเจาพระผูมพี ระภาคเจา ตรัสวา ดกู อนภิกษุท้ังหลาย เราอนญุ าตใหน่งั บนอาสนะยาวรวมกับภกิ ษุที่มอี าสนะไมเสมอกันได เวนบณั เฑาะก มาตุคาม อภุ โตพ-ยัญชนก. [๒๘๙] ครง้ั น้ัน ภกิ ษุทัง้ หลายมีความสงสัยวา อาสนะยาวท่ีสดุ มีกาํ หนดเทา ไร.. . ตรสั วา ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย เราอนญุ าตอาสนะยาวที่สุดมีกําหนดนัง่ ได ๓ รูป.
พระวินยั ปฎ ก จุลวรรค เลม ๗ ภาค ๒ - หนา ท่ี 150 [๒๙๐] สมัยน้ัน นางวิสาขา มิคารมารดาใครจะใหส รางปราสาทมีเฉลยี งประดจุ เทรดิ ทต่ี งั้ อยูบนกระพองชางถวายพระสงฆ คร้ังนัน้ ภิกษุท้งั หลายมคี วามสงสัยวา พระผมู ีพระภาคเจา ทรงอนุญาตการใชส อยปราสาทหรอื ไมทรงอนญุ าตหนอ จึงกราบทูลเร่อื งน้ัน แดพระผูม พี ระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจาตรสั วา ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย เราอนุญาตการใชสอยปราสาททกุ อยาง. [๒๙๑] สมยั นน้ั สมเด็จพระอัยยกิ าของพระเจาปเสนทโิ กศลทวิ งคตเพราะพระนางทิวงคต เครือ่ งอกปั ปย ภณั ฑเ ปนอนั มากบังเกิดแกส งฆ คอื เกาอี้นอน เตียงใหญ ผาโกเชาวข นยาว เคร่ืองลาดที่ทาํ ดวยขนแกะวจิ ติ รดว ยลวดลายเครอื่ งลาดที่ทําดวยขนแกะสขี าว เคร่อื งลาดทีม่ ีสัณฐานเปนชอดอกไม เครือ่ งลาดที่ยดั นนุ เครอื่ งลาดขนแกะวิจติ รดวยรูปสัตวร ายมสี ีหะและเสอื เปน ตนเคร่ืองลาดขนแกะมขี นต้งั เครอื่ งลาดขนแกะมีขนขา งเดียว เครื่องลาดทองและเงินแกมไหม เคร่ืองลาดไหมขลิบทองและเงนิ เคร่อื งลาดขนแกะจนุ างฟอ น๑๖ คน เคร่อื งลาดหลังชา ง เครอ่ื งลาดหลังมา เคร่อื งลาดในรถ เครือ่ งลาดทท่ี ําดว ยหนงั สัตวชอื่ ชินะอนั มีขนออ นนุม เครอ่ื งลาดอยางดีที่ทาํ ดวยหนังชะมด เคร่อื งลาดมีเพดาน เคร่อื งลาดมหี มอนขา ง ภิกษุทงั้ หลายกราบทลู เร่ืองน้ันแดพระผูมีพระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสวา ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลายเราอนญุ าตใหตดั เกาอน้ี อนแลว ใชสอยได เตียงใหญทาํ ลายรปู สัตวร า ยเสียแลวใชส อยได ฟูกท่ียดั นนุ รอ้ื แลวทาํ เปน หมอน นอกนั้นทาํ เปน เครอื่ งลาดพื้น. เรอ่ื งภกิ ษุแจกของท่ไี มค วรแจก [๒๙๒] สมยั นน้ั ภกิ ษเุ จาถิ่นในอาวาสใกลบา นแหง หนงึ่ ไมห า งจากพระนครสาวัตถี เปน ผจู ัดเสนาสนะแกภ กิ ษอุ าคันตกุ ะและภิกษุผูเ ตรียมเดนิ ทางยอมลาํ บาก ภกิ ษุเหลา น้นั จึงปรึกษากนั วา ทา นทงั้ หลาย บดั นีพ้ วกเรา จัด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 564
Pages: