2 - 100 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : อานาปานสติลถุ งึ ฌานไดเ ปน อยา งดี และพอทจ่ี ะทำใหเ กดิ ความสนใจในการศกึ ษาถงึ สง่ิ เหลา นี้ แทนทจี่ ะดถู กู ดหู มนิ่ หรอื เขา ใจวา เรอ่ื งเหลา นไ้ี มม คี วามหมายอะไรสำหรบั คนในยคุ ปจ จบุ นั นี้.วสี ๕ ประการ สง่ิ ทเ่ี รยี กวา วสี หมายถงึ ความชำนาญแคลว คลอ งวอ งไวในสง่ิ ทจี่ ะตอ งทำ และทำไดอยา งใจทส่ี ดุ . จนกลา วไดว า เปน ผมู อี ำนาจเหนอื สง่ิ นนั้ โดยเดด็ ขาด. คำวา วสี โดยพยญั ชนะ แปลวา ผมู อี ำนาจ ซง่ึ ในทนี่ ไ้ี ดแ กค วามมอี ำนาจอยเู หนอืการกระทำ สามารถทำอะไรไดอยางผูมีอำนาจ คือแคลวคลองวองไวไมติดขัด ไดอยางใจ.อำนาจในกรณีของการฝกสมาธิน้ี มีทางมาจากความชำนาญในการฝก ฝน ยง่ิ ชำนาญเทาไรกย็ ง่ิ มอี ำนาจมากขน้ึ เทา นนั้ ฉะนน้ั ใจความของคำวา วสี โดยสนั้ ๆ กค็ อื ผมู อี ำนาจแหงความชำนาญ นนั่ เอง เขาเปน ผมู คี วามชำนาญเกยี่ วกบั ฌาน ในกรณดี งั ตอ ไปน้ี คอื ๑) ชำนาญในการกำหนด ๒) ชำนาญในการเขา ฌาน ๓) ชำนาญในการหยดุ อยใู นฌาน ๔) ชำนาญในการออกจากฌาน และ ๕) ชำนาญในการพจิ ารณาฌาน; รวมเปน ๕ ประการดว ยกนั มีอธบิ ายดงั นี้ :- ๑. ชำนาญในการกำหนด เรยี กวา อาวชั ชนวสี ขอ นไ้ี ดแ กค วามเชย่ี วชาญในการกำหนดอารมณ นิมิต และองคฌาน ไดเร็วข้ึนกวาแตกาลกอนและเร็วทันใจยิ่งขึ้นไปทุกที.วธิ ฝี ก คอื เมอ่ื ไดป ฏบิ ตั จิ นทำปฐมฌานใหเ กดิ ขน้ึ ไดโ ดยนยั ดงั ทกี่ ลา วแลว ขา งตน กค็ ำนวณดวู าการกำหนดอารมณและนิมิตตางๆกระทั่งถึงองคฌานท้ัง ๕ ของตนในหนหลังนั้น ไดเปนมาอยา งไร ใชเ วลานานเทา ใดในการกำหนดอยา งหนง่ึ ๆ และในขน้ั หนงึ่ ๆ บดั นเ้ี ราจะทำใหด กี วานน้ั และเรว็ กวา นนั้ เพราะฉะนน้ั จะตอ งยอ นไปหดั กำหนดทกุ สงิ่ ทจ่ี ะตอ งกำหนดในลกั ษณะทร่ี วดเรว็ กวา เดมิ กลา วคอื กำหนดลมหายใจ อยา งยาว-อยา งสนั้ ไดด แี ละเรว็ กวา เดมิ กำหนดผสุ นาและฐปนาทำใหเ กดิ อคุ คหนมิ ติ ไดเ รว็ กวา เดมิ กำหนดอคุ คหนมิ ติ ใหเ ปลย่ี นรปู เปน ปฏภิ าคนมิ ติ ไดเ รว็ กวา เดมิ และในทส่ี ดุ กค็ อื การอาศยั ปฏภิ าคนมิ ติ นนั้ หนว งเอาองคฌ านทง้ั ๕ ใหปรากฏออกมาไดใ นลกั ษณะทร่ี วดเรว็ กวา เดมิ ยง่ิ ขนึ้ ทกุ ท.ี กลา วสรปุ ใหส น้ั ทส่ี ดุ กค็ อื การซอ มความเรว็ ความชำนาญในการกำหนดอารมณ นมิ ติ และองคฌ านนน่ั เอง.
2 - 101 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : อานาปานสติ ในการกำหนดเพอื่ ทำความเรว็ หรอื เรง อตั ราความเรว็ อยา งหนงึ่ ๆ ในทนี่ ้ี เมอื่ เรง เรว็ขน้ึ มาไดอ ยา งใด ในขน้ั แรกๆ ตอ งมกี ารกำหนดในสงิ่ ทป่ี รากฏแลว นน้ั ใหน านพอสมควร คอืนานพอทจี่ ะเหน็ ชดั แลว จงึ คอ ยเลอื่ นไปกำหนดสงิ่ ทถ่ี ดั ไป. ทงั้ นเี้ พอื่ ความมน่ั คงของสง่ิ ที่กำหนดไดในอตั ราความเรว็ ใหม ทำดงั นเี้ ปน ลำดบั ไปและเพมิ่ ความเรว็ ใหม ากขน้ึ ทกุ ที จนมีความชำนาญทก่ี ลา วไดว า รวดเดยี วถงึ นบั ตง้ั แตก ารกำหนดอารมณท กุ ขนั้ กำหนดนมิ ติทกุ ตอน จนกระทงั่ ถงึ องคฌ านทกุ องค มผี ลทำใหก ารเจรญิ สมาธใิ นครง้ั หลงั ๆ มกี ารกำหนดสงิ่ ตา งๆ ลลุ ว งไปเรว็ กวา เดมิ และมน่ั คงกวา เดมิ . อปุ มาทจ่ี ะชว ยใหเ ขา ใจไดง า ย เชน ผฝู ก ในการปรงุ อาหาร เตรยี มหาสว นประกอบตา งๆทจ่ี ะเอามาปรงุ กนั ขนึ้ เปน อาหารอยา งหนงึ่ : ในการทำไดค รงั้ แรกยอ มงมุ งา มและชกั ชา กวาจะไดม าครบทกุ อยา ง กวา จะทำใหม สี ว นสดั ทถ่ี กู ตอ งไดท กุ อยา ง กก็ นิ เวลานาน; แตใ นการปรงุ อาหารอยา งเดยี วกนั นนั้ เปน ครง้ั ที่ ๒ ครงั้ ท่ี ๓ ที่ ๔ เขาอาจจะทำใหเ รว็ ยง่ิ ขน้ึ ทกุ ทีจนกระทง่ั ครง้ั สดุ ทา ยจรงิ ๆ กท็ ำไดเ รว็ เปน วา เลน . ทง้ั น้ี มผี ลเนอื่ งมาจากฝก กำหนดในสงิ่ทไ่ี ดท ำไปแลว วา มอี ะไรกอี่ ยา ง และอยา งละเทา ไร เปน ตน นน่ั เอง จนมคี วามชำนาญถงึ ทส่ี ดุกท็ ำไปไดเ ปน วา เลน โดยปราศจากความยากลำบากหรอื หนกั อกหนกั ใจแตป ระการใด, ขอ น้ีอปุ มาฉนั ใด การฝก กำหนดอารมณแ ตล ะตอนนมิ ติ แตล ะขนั้ และองคฌ านแตล ะองค ของบคุ คลผทู ำปฐมฌานใหเ กดิ ขน้ึ ไดเ ปน ครงั้ แรก เพอ่ื ความเชย่ี วชาญในขนั้ ตอ ไป กม็ อี ปุ มยั ฉนั นน้ั . น้ีเรยี กวา มอี ำนาจในการกำหนด. ๒. ชำนาญในการเขา ฌาน เรยี กวา สมาปช ชวส.ี คำวา “เขา ฌาน” ในทนี่ หี้ มายถงึกริ ยิ าทอี่ าศยั ปฏภิ าคนมิ ติ แลว หนว งเอาองคฌ านทง้ั ๕ ทำใหเ กดิ ขนึ้ โดยครบถว นและสมบรู ณปรากฏอยเู ปน ฌาน โดยนยั ดงั ทก่ี ลา วขา งตน อยา งละเอยี ด. หากแตว า การทำไดใ นครง้ั แรกนน้ั เปน มาอยา งชกั ชา และงมุ งา ม ฉะนนั้ จะตอ งฝก ใหเ รว็ เขา โดยอาการอยา งเดยี วกนั นนั่ เองคอื สามารถทำปฏภิ าคนมิ ติ ใหป รากฏขนึ้ ฉบั พลนั หนว งความรสู กึ ทเี่ ปน องคฌ านใหป รากฏขน้ึ ฉบั พลนั ยง่ิ กวา เดมิ ยง่ิ ขน้ึ ทกุ ที ดว ยการขยนั ฝก จนกระทงั่ วา พอสกั วา คดิ จะเขา สฌู านกเ็ ขาฌานได ดงั นี้. เรอ่ื งทแ่ี ทก ไ็ มม อี ะไรมากไปกวา การทำของอยา งเดยี วกนั และอยา งเดมิ นน่ัเอง แตว า ทำไดเ รว็ ยง่ิ ขน้ึ จนถงึ อตั ราเรว็ สงู สดุ . เมอื่ เรอื่ งนเ้ี ปน เรอื่ งทางฝา ยจติ ความเรว็
2 - 102 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : อานาปานสติกม็ ไี ดถ งึ ขนาดชว่ั เวลาดดี นวิ้ มอื ครงั้ เดยี วหรอื กระพรบิ ตาเดยี ว กเ็ ขา อยใู นฌานแลว ดงั นเ้ี ปน ตน . อปุ มาในชนั้ น้ี เปรยี บเหมอื นผปู รงุ อาหารคนเดยี วกนั ทเ่ี คยใชเ วลาในการปรงุ อาหารอยา งนน้ั นานเปน ชวั่ โมง บดั นอี้ าจจะปรงุ ใหเ สรจ็ ไดภ ายใน ๕๐ นาที หรอื ๔๐ นาที ๓๐ นาทีรน เขา ตามลำดบั จนถงึ อตั ราเรว็ สงู สดุ ของการปรงุ อาหารอยา งนนั้ เชน ภายใน ๑๐ นาทเี ปนตน . เมอ่ื การจดั หาเครอ่ื งปรงุ กเ็ รว็ และการปรงุ กเ็ รว็ ความเรว็ กเ็ พมิ่ ขน้ึ ตามสว นในการที่จะไดอ าหารมารบั ประทาน; ขอ นม้ี อี ปุ มาฉนั ใด อาวชั ชนวสี ซง่ึ เปรยี บเหมอื นการจดั หาเครอื่ งปรงุ และ สมาปช ชวสี ซง่ึ เปรยี บเทยี บการปรงุ กม็ อี ปุ มยั ฉนั นน้ั . ความสามารถเขาฌานไดเ รว็ ทนั ความตอ งการ ในอตั ราทเี่ รยี กวา ชวั่ เวลากระพรบิ ตาเดยี วนนั้ เปน ขดี สงู สดุ ของสมาปช ชสี หรอื ผมู อี ำนาจในการเขา ฌานนน้ั . ๓. ชำนาญในการหยดุ อยใู นฌาน เรยี กวา อธฏิ ฐานวสี. คำวา “อธษิ ฐาน” โดยพยญั ชนะแปลวา การตง้ั ทบั : โดยใจความ กค็ อื การตงั้ ทบั ฌานหรอื หยดุ อยใู นฌานนนั่ เอง.ความชำนาญในการหยดุ อยใู นฌานนนั้ หมายความวา สามารถหยดุ อยใู นฌานไดน านตามที่ตนตองการจริงๆ. ในช้ันแรกๆ ผูเขาฌานไมสามารถจะหยุดอยูในฌานไดนานตามที่ตนตอ งการ หรอื ถงึ กบั ไมส ามารถอยไู ดน านดว ยซำ้ ไป : เขาจะตอ งฝก ใหอ ยใู นฌานไดน านยง่ิขน้ึ นบั ตงั้ แตไ มก น่ี าที จนถงึ เปน ชว่ั โมงๆ กระทงั่ ถงึ เปน วนั ๆ มี ๗ วนั เปน ทส่ี ดุ : และพรอ มกนั นน้ั ตอ งฝก ใหไ ดต ามทต่ี อ งการอยา งเฉยี บขาดจรงิ ๆ ดว ย เชน จะอยใู นฌานเพยี ง ๕ นาทีกใ็ หเ ปน เพยี ง ๕ นาทจี รงิ ๆ ไมข าดไมเ กนิ แมแ ตเ พยี งวนิ าทเี ดยี วเปน ตน จงึ จะเรยี กวา มคี วามชำนาญไดถึงที่สุด ในกรณีแหงอธิฏฐานวสี. ขอสำคัญอยูที่ การกำหนดในการเขาและการออก มคี วามชำนาญในการเขา และการออก. สง่ิ ทเ่ี รยี กวา อธฏิ ฐานหรอื การหยดุ อยูในฌานนนั้ ไดแ ก ระยะทม่ี อี ยใู นระหวา งการเขา และการออก เพราะฉะนนั้ เขาจะตอ งฝก ใหมคี วามชำนาญทงั้ ในการเขา และการออก จงึ จะสามารถควบคมุ การหยดุ ในฌานใหเ ปน ไปไดต ามทตี่ นตอ งการจรงิ ๆ. เมอื่ มคี วามชำนาญในการหยดุ อยใู นฌาน กย็ อ มหมายถงึ เปน ผชู ำนาญในการเขา และการออกจากฌานอยา งยงิ่ อยดู ว ยในตวั เปน ธรรมดา. การฝก ในการนอนหลบัช่ัวเวลาท่กี ำหนดไว แลวตน่ื ขึ้นมาไดต รงตามเวลาจริงๆ ก็นบั วาเปน สิ่งทีน่ าอัศจรรยอยูแลวแตการฝกในอธิฏฐานวสีหรือการหยุดอยูในฌานน้ัน สามารถทำไดเฉียบขาดกวานั้น และ
2 - 103 ธรรมปฏิบตั ิ ๕ สาย : อานาปานสตินา อศั จรรยย งิ่ ไปกวา นนั้ ทง้ั นเี้ ปน เพราะอำนาจของการฝก อยา งเฉยี บขาด จนมคี วามชำนาญขนาดทเ่ี รยี กวา วสี หรอื ผมู อี ำนาจนนั่ เอง. อปุ มาในขอ นี้ เปรยี บเหมอื นการบรโิ ภคอาหาร หรอื การเกบ็ อาหารไวบ รโิ ภคอยา งไรตามทตี่ นตอ งการ ดว ยความชำนาญอกี ชนั้ หนงึ่ หลงั จากทม่ี คี วามชำนาญในการจดั หาเครอ่ื งปรงุ อาหาร และความชำนาญในการปรงุ ดงั ทกี่ ลา วแลว ขา งตน . การหยดุ อยใู นฌานนานเทา ใดนน้ั ยอ มแลว แตค วามมงุ หมายซงึ่ มอี ยมู ากมายหลายอยา งดว ยกนั เชน เขา ฌานเพอ่ืแสวงหาความสขุ อยใู นฌานกใ็ ชเ วลาทหี่ ยดุ อยใู นฌานนาน หรอื นานมาก ตามทตี่ นตอ งการ,แตถาเปนการเขาฌานขั้นตนเพื่อเปล่ียนเปนฌานข้ันสูงข้ึนไป การหยุดอยูในฌานข้ันตนๆขนั้ หนง่ึ ๆ กม็ เี วลานอ ยลงไปเปน ธรรมดา ยงิ่ ถา เปน การเขา ฌานอนั เนอื่ งดว ยการแสดงอทิ ธ-ิปาฏหิ ารยิ อ ยา งใดอยา งหนงึ่ ดว ยแลว การเปลยี่ นฌาน จะตอ งเปน ไปอยา งรวดเรว็ ยงิ่ ขน้ึ ไปกวา นน้ั อกี . ผทู สี่ ามารถเขา ฌาน หยดุ อยใู นฌานและออกจากฌานไดเ รว็ ดงั ประสงค ในกรณอี ยา งนเี้ รยี กวา ผมู อี ำนาจในอธฏิ ฐานวสถี งึ ทสี่ ดุ . ๔. ชำนาญในการออกจากฌาน เรยี กวา วฏุ ฐานวสี. ขอ นมี้ พี ฤตกิ รรมตรงกนั ขา มตอ สมาปช ชวสี กลา วคอื สมาปช ชวสเี ขา ไดเ รว็ สว นวฏุ ฐานวสอี อกมาไดเ รว็ โดยอาการที่กลา วไดว า ถอยหลงั กลบั ออกมาในทำนองทต่ี รงกนั ขา มตอ กนั นนั้ เอง. ผทู ไี่ มม คี วามชำนาญในการออก ยอ มออกไดช า หรอื ออกไมค อ ยจะไดต ามทต่ี นตอ งการ จากความรสู กึ ทเี่ ปน การอยูในฌาน มาสคู วามรสู กึ ปรกตอิ ยา งสามญั ธรรมดา ฉะนน้ั เขาจะตอ งฝก ในการถอยหลงั กลบัออกมาอยา งรวดเดยี วถงึ เชน เดยี วกนั ซง่ึ โดยพฤตนิ ยั กไ็ ดแ กก ารถอยจากความรสู กึ ทเ่ี ปน ฌานมาสคู วามรสู กึ ทเี่ ปน องคฌ าน มาเปน ปฏภิ าคนมิ ติ มาเปน อคุ คหนมิ ติ กระทง่ั มาเปน การบรกิ รรมกลา วคอื การกำหนดลมหายใจในขน้ั ละเอยี ด และขนั้ ปรกตธิ รรมดาเปน ทส่ี ดุ . หากแตว าการกระทำทางจิตน้ี เม่ือฝกถึงท่ีสุดแลวยอมเปนไปไดเร็วอยางสายฟาแลบ จึงเปนส่ิงท่ียากจะสงั เกตวา มลี ำดบั มาอยา งไรโดยแทจ รงิ . ทางทดี่ ที สี่ ดุ นนั้ ควรจะฝก มาอยา งชา ๆ ทลี ะขนั้ ๆ และอยา งเปน ระเบยี บดงั ทกี่ ลา วแลว นนั่ เอง : จากฌานสอู งคฌ าน จากองคฌ านสูปฏิภาคนิมิต จากปฏิภาคนิมิตสูอุคคหนิมิต จากอุคคหนิมิตสูฐปนาและผุสนาช้ันตนๆจากฐปนาและผสุ นาสกู ารกำหนดลมหายใจสนั้ ยาวในขณะแหง การบรกิ รรม. เมอื่ ฝก ไดอ ยา ง
2 - 104 ธรรมปฏิบตั ิ ๕ สาย : อานาปานสติเปน ระเบยี บแลว จงึ เรง ใหเ รว็ เขา ทกุ ทจี นถงึ เรว็ ทส่ี ดุ ทเี่ รยี กวา แวบ็ เดยี วถงึ ดงั ทกี่ ลา วแลว .การทำไดอ ยา งนเี้ รยี กวา ผมู อี ำนาจถงึ ทสี่ ดุ ในการออกจากฌาน. อปุ มาในกรณนี ้ี เหมอื นกับการเลิกกินอาหารอยางมีระเบียบและรวดเร็ว และเปนผลดีถึงท่ีสุด. อีกอยางหน่ึง“การออก ถา จติ รวมสงบอยู กต็ อ งออกในเวลาทจ่ี ติ ถอนขน้ึ มาแลว หรอื เวลาทร่ี สู กึ เหนอื่ ยขณะออก ก็ควรมีสติ ไมควรออกแบบพรวดพราดไรสติสัมปชัญญะซ่ึงเปนธรรมประดบั ตวั ตามกริ ยิ าทเ่ี คลอื่ นไหว กอ นออกควรนกึ ถึงวธิ ที ำทตี่ นเคยไดผ ล ในขณะท่ีทำสมาธกิ อ นวา ไดต ง้ั สตกิ ำหนดจติ อยา งไร นกึ คำบรกิ รรมบทใด ชา หรอื เรว็ ขนาดใดใจจงึ รวมสงบลงได หรอื เราพจิ ารณาอยา งไร ดว ยวธิ ใี ด ใจจงึ มคี วามแยบคายไดอ ยา งน้ี เมอื่ กำหนดจดจำทงั้ เหตแุ ละผล ทตี่ นทำผา นมาไดท กุ ระยะแลว คอ ยออกจากสมาธิภาวนา การทกี่ ำหนดอยา งนเี้ พอ่ื วาระหรอื คราวตอ ไป จะทำใหถ กู ตอ งตามรอยเดมิ และงา ยขนึ้ ”๑๑ ๕. ชำนาญในการพจิ ารณา เรยี กวา ปจ จเวกขณวสี ขอ นหี้ มายถงึ ความชำนาญในการทจ่ี ะพจิ ารณาดสู ง่ิ ตา งๆ เชน ลกั ษณะอาการ พฤตแิ ละความสมั พนั ธเ ปน ตน ทเ่ี กย่ี วกบัฌานนน้ั โดยทวั่ ถงึ อกี ครง้ั หนงึ่ เพอื่ ใหม คี วามแจม แจง แคลว คลอ งวอ งไวในสงิ่ นนั้ โดยตลอดสายอยา งทบทวนไป ทบทวนมา วธิ ปี ฏบิ ตั คิ อื เมอ่ื ออกจากฌานนนั้ แลว อยา เพอ ลกุ จากทนี่ งั่อยา เพอ สง ใจไปเรอื่ งอนื่ หรอื คดิ เรอ่ื งใดๆ แตจ ะกำหนดพจิ ารณาดสู งิ่ ตา งๆ ทเ่ี กย่ี วกบั ฌานนนั้ อยา งทบทวนไปมา คอื ลำดบั ตา งๆ แหง การเขา ฌานและการออกจากฌาน ทงั้ ขน้ึ ทง้ั ลอ งอยา งทวั่ ถงึ อกี ครงั้ หนงึ่ ; ทง้ั น้ี กระทำโดยทำนองของการพจิ ารณาในขนั้ อาวชั ชนวสนี น่ั เองเปน เทย่ี วขน้ึ จนถงึ ทสี่ ดุ คอื ความเปน ฌาน การหยดุ อยใู นฌาน หรอื แมก ารเสวยสขุ เนอ่ื งดว ยฌานนนั้ ในลกั ษณะแหง วกิ ขมั ภนวมิ ตุ ตจิ นเพยี งพอแลว จงึ ยอ นกลบั ลงไปตามลำดบั โดยทำนองของอาวชั ชนวสเี ทย่ี วถอยกลบั จนกระทงั่ ถงึ ขณะแหง บรกิ รรมเปน ทสี่ ดุ . การกระทำทงั้ นี้ยอ มเปน การตรวจดสู มาธขิ องตนเองตงั้ แตต น จนปลาย ทง้ั ขาขน้ึ และขาลง หรอื ทง้ั เทย่ี วเขาเทยี่ วออกอยา งละเอยี ดทกุ ๆ ขนั้ ไป เพอ่ื ความแจม แจง ยง่ิ ๆ ขน้ึ ไป เพอื่ ความชำนาญยง่ิ ๆ ขน้ึไปในโอกาสหนา และมผี ลพเิ ศษ เพอื่ ความพอใจในการทจ่ี ะบม อทิ ธบิ าท และอนิ ทรยี ข องตนให๑๑ วธิ ที ำสมาธแิ บบหลวงปมู นั่ หนา ๖๔ เลา โดย พระธรรมวสิ ทุ ธมิ งคล (ทา นพระอาจารยม หาบวั ญาณสมปฺ นโฺ น)
2 - 105 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : อานาปานสติแกก ลา ยงิ่ ๆ ขน้ึ ไป ในการปฏบิ ตั ธิ รรมขา งหนา ดว ย อกี โสดหนง่ึ . ถา ไมเ ชย่ี วชาญในวสขี อ นี้ยอ มไมเ ปน ผคู ลอ งแคลว ถงึ ทส่ี ดุ ในวสขี อ อน่ื ; ดงั นนั้ วสขี อ นจ้ี งึ เปน เหมอื นการประมวลไวซ งึ่ความรู และความชำนาญแหง วสขี อ อน่ื ไวท ง้ั หมด อยา งเปน ระเบยี บและมนั่ คงนน่ั เอง. อปุ มาในกรณนี ี้ เปรยี บเหมอื นบคุ คลทเ่ี สาะแสวงหาเครอ่ื งปรงุ อาหารอยา งชำนาญแลว มาปรงุ อยา งชำนาญ แลว บรโิ ภคอยา งชำนาญ แลว เลกิ บรโิ ภคหรอื ถา ยออกอยา งชำนาญและสามารถพจิ ารณาเหน็ คณุ และโทษของอาหารนนั้ อยา งชำนาญ ดว ยการพจิ ารณาทบทวนไปมา จากตน ไปยงั ปลาย จากปลายไปยงั ตน กย็ อ มมคี วามรคู วามชำนาญในเรอื่ งของอาหารไดถ งึ ทส่ี ดุ ขอ นม้ี อี ปุ มาฉนั ใด การกระทำในขน้ั แหง ปจ จเวกขณสี ซงึ่ เปน ความชำนาญขนั้สดุ ยอด กม็ อี ปุ มยั ฉนั นนั้ . ทงั้ หมดน้ี เปน การฝก ในวสที ง้ั ๕ สว นทเ่ี กย่ี วกบั ปฐมฌาน เมอ่ื ทำไดถ งึ ทส่ี ดุ แลว กเ็ รยี กวา เปน ผมู คี วามคลอ งแคลว ในปฐมฌาน หรอื มปี ฐมฌานอยใู นอำนาจของตวั โดยแทจ รงิ . หลงั จากนน้ั กม็ ี การปฏบิ ตั ใิ นวสี ทเ่ี ปน การเลอ่ื นขนึ้ ไปสฌู านทส่ี งู ขนึ้ ไปตามลำดบักลา วคอื ทตุ ยิ ฌาน ตตยิ ฌาน และจตตุ ถฌาน โดยวธิ กี ารดงั ทกี่ ลา วแลว ขา งตน ในตอนอนั วาดว ยฌานนน้ั ๆ โดยละเอยี ดแลว . วธิ ฝี ก คอื เมอื่ ไดฌ านใหมม าอกี ขนั้ หนงึ่ กพ็ งึ ฝก ในวสที ง้ั ๕โดยอาการทำนองเดยี วกบั การฝก วสใี นขนั้ ปฐมฌาน ไมม อี ะไรทผี่ ดิ กนั เลย หากแตว า สงู ขน้ึ หรอืไกลออกไปทกุ ทๆี เทา นนั้ เมอ่ื การฝก วสใี นปฐมฌานถงึ ทส่ี ดุ แลว กเ็ รม่ิ การปฏบิ ตั เิ พอ่ื การลุถงึ ทตุ ยิ ฌาน; ครนั้ ทำทตุ ยิ ฌานใหเ กดิ ขนึ้ ไดแ ลว กฝ็ ก วสที ง้ั ๕ ในสว นทตุ ยิ ฌานสบื ไป. แตวา ในการฝก นนั้ ตอ งยอ นไปตง้ั ตน มาตง้ั แตร ะยะตน ของปฐมฌานดว ยทกุ คราวไป กลา วคอืใหม คี วามชำนาญมาตง้ั แตต น จนปลาย เนอ่ื งกนั ไปตลอดสายเสมอ. อยา ไดม คี วามประมาทตดั ลดั ฝก แตต อนปลายเปน ขน้ั ๆ ตอนๆ เลย เพราะเปน เรอ่ื งของจติ เปน ของเบาหววิ อาจสญูหายไปไดง า ย ไมว า ตอนไหน ฉะนนั้ จะตอ งฝก ไวต ลอดสาย ทกุ คราวไป. แมก ารปฏบิ ตั ขิ องผูใดจะไดดำเนินไปโดยทำนองนี้ จนขึ้นถึงข้ันจตุตถฌานแลวก็ตาม การปฏิบัติในวสีในจตตุ ถฌานนนั้ คราวหนง่ึ ๆ กจ็ ะตอ งยอ นไปตงั้ ตน มาตงั้ แตร ะยะตน ของปฐมฌานอยนู น่ั เอง เพอ่ื“ความชำนาญตลอดสาย” และเพอื่ “ความชำนาญในการเปลยี่ นฌานทสี่ มั พนั ธก นั อยเู ปนลำดบั ” การทำอยา งนี้ นอกจากมปี ระโยชนใ นความแตกฉานและมนั่ คงในเรอื่ งของฌานแลว
2 - 106 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : อานาปานสติยงั มปี ระโยชนอ ยา งยงิ่ ในการทจ่ี ะดำเนนิ เขา สลู ำดบั ของสมาบตั ใิ นขนั้ สงู อนั หากจะพงึ มขี า งหนา ในเมอื่ ตอ งประสงค. สรปุ ความแหง วสที งั้ ๕ วา การฝก ในวสที งั้ ๕ ลำดบั น้ี เปน การฝก เพอ่ื ๑) ใหเ กดิความชำนาญ ๒) ใหเ กดิ ความเรว็ ไว และ ๓) ใหเ กดิ ความไดอ ยา งใจ; ซงึ่ เมอื่ รวมกนั แลวกค็ อื ความมอี ำนาจเหนอื สงิ่ นนั้ หรอื ความมสี ง่ิ นน้ั อยใู นอำนาจของตน นน่ั เอง ซง่ึ เปนความหมายโดยตรงของคำวา “วส”ี . การฝก นเี้ ปน สงิ่ ทจ่ี ำเปน อยา งยง่ิ จนถงึ กบั ถา ปราศจากการฝกในระบอบแหงวสีน้ีแลว สิ่งตางๆ จะติดตันอยูพักหนึ่ง แลวกลับลมเหลวในที่สุด.ผปู ฏบิ ตั พิ งึ สงั เกตใหเ หน็ ความจำเปน ของการทต่ี อ งซกั ซอ มใหเ กดิ ความชำนาญ ไมว า ในกจิ การใดๆ. ตวั อยา งเชน ผฝู ก ดนตรี ฝก เพลงไดเ ปน ครง้ั แรก เพลงหนงึ่ หรอื เพยี งตอนหนงึ่ กต็ ามถา ไมข ยนั ซอ มใหช ำนาญจรงิ ๆ แลว ไมก วี่ นั กล็ มื ; ยง่ิ กระโดดขา มไปฝก เพลงใหมอ น่ื อกี กจ็ ะตอ งเลอะดว ยกนั ทง้ั ๒ เพลง; ฉะนนั้ นบั วา เปน การฝก ใหเ กดิ ความชำนาญเสยี ตอนหนง่ึ ๆกอ น ทกุ ตอนๆ นน้ั เปน ความจำเปน สำหรบั กจิ การทง้ั ปวง และโดยเฉพาะอยา งยง่ิ สำหรบัการฝก ทางฝา ยจติ โดยตรง เชน การฝก ฌานนเี้ ปน ตน . แมท สี่ ดุ แตเ ดก็ ๆ ทก่ี ำลงั เรยี นเลขกย็ งั ตอ งซอ มการทอ งสตู รคณู เปน ตน ใหเ ชยี่ วชาญไปทกุ ๆ ชน้ั จงึ จะเรยี นเรอ่ื ยไปได มฉิ ะนน้ักเ็ ลอะเทอะรวนเรกนั ไปหมด. นคี่ อื ความชำนาญ พรอ มกนั นน้ั กม็ ผี ลเกดิ ขน้ึ คอื ความไวกวาเดมิ ยงิ่ ขนึ้ ทกุ ที จนถงึ ขนาดทใ่ี ชป ระโยชนไ ดส ำเรจ็ อยา งนา อศั จรรยเ หมอื นกบั คนงานทช่ี ำนาญซงึ่ ปน อฐิ ปน หมอ ไดไ ว จนคนธรรมดาเหน็ แลวตอ งตกตะลงึ เพราะเขาทำไดเ รว็ กวา เราตงั้๒๐ เทา ดงั นเี้ ปน ตน . ในทสี่ ดุ จากความชำนาญและความไวนนั้ เอง ยอ มกอ ใหเ กดิ ความไดอยา งใจ คอื ตรงตามความประสงคอ ยา งเตม็ ทไี่ ปเสยี ทกุ อยา งทกุ ทางในทส่ี ดุ ; นคี้ อื ประโยชนของสง่ิ ทเ่ี รยี กวา วสี ๕ อยา ง อนั เปน สง่ิ ทผ่ี ฝู ก สมาธทิ กุ คนจะตอ งสนใจทำเปน พเิ ศษ แลวการเจริญอานาปานสติในข้ันแหงการทำกายสังขารใหสงบรำงับ ก็จะอยูในกำมือของบคุ คลนนั้ ไดถ งึ ทส่ี ดุ โดยไมต อ งสงสยั สามารถทำอานาปานสตใิ นขน้ั ที่ ๔ ใหส มบรู ณไ ดจรงิ ๆ ในเวลาอนั รวดเรว็ โดยแท.
2 - 107 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : อานาปานสติสรปุ ใจความของอานาปานสตขิ น้ั ที่ ๔ อานาปานสติข้ันที่ ๔ มีหัวขอวา ทำกายสังขารใหรำงับอยู หายใจเขา-ออก มีรายละเอยี ดดงั กลา วแลว อยา งยดื ยาว แตก อ็ าจจะสรปุ ความเปน ไปทง้ั หมดนน้ั ไดเ ปน ๔ ขน้ั :- (๑) ในระยะลมหายใจเขา-ออก อยางหยาบเปนไปอยูตลอดเวลา เพราะเธอถือเอาลมหายใจหยาบเปน นมิ ิต ถอื เอานมิ ติ เปน อยา งดี ทำไวใ นใจเปน อยา งดี และใครค รวญอยูอยางดี ในการท่จี ะทำใหล มหายใจอยา งหยาบน้ันดับไป. (๒) ระยะตอ มา ครนั้ ลมหายใจหยาบดบั ไป ลมหายใจละเอยี ดตงั้ อยแู ทน เพราะเธอถอื เอาเปน นมิ ติ ถอื เอาอยา งดี ทำไวใ นใจอยา งดี ใครค รวญอยอู ยา งดี เพอื่ ความดบั ไปแหงลมอนั ละเอยี ด. (๓) ระยะตอ มา ครน้ั ลมหายใจละเอยี ดดบั ไป กลา วคอื ไมป รากฏในการกำหนด เพราะเธอถอื เอาเพยี งนมิ ติ อนั เกดิ จากลมอนั ละเอยี ดไวเ ปน อารมณ จติ จงึ ไมถ งึ ความฟงุ ซา น แตถ งึความแนว แนถ งึ ทส่ี ดุ ดว ยเหตนุ น้ั จนกระทงั่ … (๔) เมอ่ื เปน อยอู ยา งนี้ เธอนนั้ ไดช อ่ื วา มภี าวนา (การเจรญิ ) ถงึ ทสี่ ดุ ของสง่ิ ทงั้ ๔ คอื ๑. ของวาตปุ ลทั ธิ, ๒. ของอสั สาสะปส สาสะ, ๓. ของอานาปานสติ, ๔. ของอานาปานสตสิ มาธ;ิ ครบทง้ั ๔ ประการ. เมอื่ เปน เชน นเี้ ปน อนั กลา วไดว า ความรำงบั แหง กายสงั ขารคอืลมหายใจนน้ั ชอ่ื วา ปรากฏถงึ ทส่ี ดุ แลว . รวมความวา เมอ่ื ยงั ไมไ ดส ง่ิ ทงั้ ๔ นี้ กย็ งั ไมช อ่ื วา เขา ถงึ ความรำงบั แหง กายสงั ขารโดยแทจ รงิ ; ตอ เมอ่ื ไดเ ขา ถงึ สงิ่ ทงั้ ๔ นี้ หรอื สง่ิ ทงั้ ๔ นต้ี งั้ อยอู ยา งสมบรู ณแ ลว กจ็ ะไดช อ่ื วาเขา ถงึ ความรำงบั แหง กายสงั ขารถงึ ทส่ี ดุ . สำหรบั สงิ่ ทงั้ ๔ นน้ั วาตปุ ลทั ธิ คอื การไดค วามรเู รอื่ งลม เพอ่ื ทำการปฏบิ ตั กิ มั มฏั ฐานภาวนาขอ นโี้ ดยสมบรู ณ; อสั สาสะ ปส สาสะ คอื การไดลมหายใจเขา -ออกเปน ไปตามทต่ี อ งการทกุ ระยะโดยสมบรู ณ ไมว า จะเปน ชน้ั หยาบ หรอื ชน้ั
2 - 108 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : อานาปานสติละเอยี ดประณตี เพยี งไร; อานาปานสติ คอื สตทิ ไี่ ปในการกำหนดลมหายใจ เขา -ออก อยา งสมบรู ณท กุ ขน้ั ทกุ ตอน; อานาปานสตสิ มาธิ คอื สมาธทิ เ่ี กดิ ขนึ้ จากสตทิ ก่ี ำหนดลมหายใจเขา -ออกอยา งสมบรู ณ (หมายถงึ ตง้ั แตป ฐมฌานขน้ึ ไป จนถงึ จตตุ ถฌาน), ถา จะเรยี กอยา งสน้ั -ตรงๆ กเ็ รยี กไดอ กี อยา งหนง่ึ วา : ไดค วามเตม็ ที่ หรอื เตม็ เปย มของเรอื่ งทจ่ี ะกระทำ ๑. [ความรเู รอื่ งน]้ี ; ไดค วามเตม็ เปย ม ของสงิ่ ทถี่ กู ทำ ๑. [ลมหายใจ]; ไดค วามเตม็ เปย ม ของเครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ นการกระทำ ๑. [สติ]; ไดค วามเตม็ เปย ม ของผลทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการกระทำ ๑. [สมาธ]ิ ; รวมเปน ๔ อยา งดว ยกนั ดงั นี้ ซง่ึ เปน เครอ่ื งแสดงถงึ ลกั ษณะแหง ความสมบรู ณข องการกระทำนน้ั ๆ ซง่ึ ในทน่ี ี้ ไดแ กก ารกระทำความรำงบั แหง กายสงั ขาร.สรปุ ความแหง จตกุ กะท่ี ๑ จตกุ กะที่ ๑ แหง อานาปานสติ ดงั ทกี่ ลา วมาแลว แตต น จนบดั นี้ เมอื่ ประมวลเขาเปน หลกั ใหญๆ โดยใจความแลว กม็ อี ยวู า : อานาปานสติ ขน้ั ท่ี ๑ กำหนดลมหายใจเขา -ออก ทย่ี าว, ขน้ั ท่ี ๒ กำหนดลมหายใจเขา -ออก ทสี่ นั้ , ขน้ั ท่ี ๓ กำหนดลมหายใจโดยประการท้ังปวง, ขน้ั ที่ ๔ กำหนดลมหายใจทสี่ งบรำงบั ยง่ิ ๆ ขนึ้ ไป จนกระทง่ั ถงึ การบรรลฌุ าน. ข้ันแรกที่สุด เปนการกำหนดลมหายใจโดยเฉพาะเจาะจง และตามที่เปนอยูตามธรรมชาติ กระทง่ั ถงึ ไดร บั การปรบั ปรงุ ดแี ลว อยทู กุ ขณะ, ขนั้ ถดั มาไมก ำหนดโดยลกั ษณะเฉพาะ หรอื โดยรายละเอยี ดเชน นนั้ แตไ ดก ำหนดสงิ่ ทเ่ี รยี กวา นมิ ติ กลา วคอื มโนภาพทเี่ กดิจากความรสู กึ อยา งใดอยา งหนงึ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ มาแทน เนอื่ งจากการทไี่ ดก ำหนดลมหายใจอยา งเปนระเบยี บหรอื เคยชนิ จนถงึ ทส่ี ดุ และ ขนั้ ตอ มา ไดผ ละจากการกำหนดนมิ ติ นน้ั ไปกำหนดท่ีความรสู กึ อกี ประเภทหนงึ่ ซงึ่ เปน ผลอนั เกดิ มาจากการกำหนดทลี่ ะเอยี ดยง่ิ ขน้ึ ทกุ ที จนกระทงั่เปน ความรำงบั ชนั้ สงู สดุ แลว เพง เฉยอยู ซงึ่ เรยี กวา ฌาน ในทน่ี .ี้ ลมหายใจมอี ยตู ลอดเวลา
2 - 109 ธรรมปฏิบตั ิ ๕ สาย : อานาปานสติแตว า คอ ยๆ เปลย่ี นจากหยาบทสี่ ดุ ไปจนถงึ ขน้ั ทปี่ ระณตี หรอื ละเอยี ดทสี่ ดุ จนไมป รากฏแกค วามรสู กึ ซงึ่ เรยี กโดยโวหารวา ดบั หมด ในทนี่ ้ี ซง่ึ นบั วา เปน ระยะสดุ ทา ยของจตกุ กะท่ี ๑. ความไดเ ปน อยา งน้ี จดั วา เปน ผลอนั สมบรู ณข องการทำสมาธิ เพยี งพอทจ่ี ะกลา วไดว า ไดล ถุ งึ ทฏิ ฐธรรมสขุ วหิ าร กลา วคอื การเสวยสขุ ทมี่ รี สอยา งเดยี วกนั กบั สขุ อนั เกดิ จากนพิ พานทนั ตาเหน็ หากแตว า ยงั เปน ของชว่ั คราวและกลบั เปลย่ี นแปลงได. ผทู พี่ อใจเพยี งเทา น้ี กร็ กั ษาความเปน อยา งนไ้ี วจ นตลอดชวี ติ กม็ ี. กอ นพทุ ธกาล เคยมผี บู ญั ญตั คิ วามเปนอยา งน้ี ดว ยความสำคญั ผดิ วา เปน นพิ พานไปกม็ ;ี สว นผทู ม่ี คี วามเขา ใจถกู ตอ ง ยอ มทราบไดวา ยงั มสี ง่ิ ทจ่ี ะตอ งทำใหย งิ่ ไปกวา นน้ั เพราะเหตฉุ ะนน้ั พระผมู พี ระภาคเจา จงึ ไดต รสั ขอปฏบิ ตั ทิ สี่ งู ขนึ้ ไปโดยจตกุ กะอนั มอี ยใู นลำดบั ตอ ไป. อยา งไรกด็ ี ไมค วรจะลมื วา การปฏบิ ตั อิ กี สายหนงึ่ (อานาปานสตแิ บบลดั สน้ั ) ซงึ่ ดงิ่ไปยงั การเหน็ แจง แทงตลอดตามแบบของปญ ญาวมิ ตุ ตนิ นั้ ไมจ ำเปน จะตอ งปฏบิ ตั ใิ นทางจติหรอื ทางสมาธอิ ยา งลกึ ซงึ้ จนถงึ ขนั้ นเี้ สยี กอ น กลา วคอื มกี ารปฏบิ ตั เิ พยี งขน้ั ทเ่ี รยี กวา อปุ จาร-สมาธิ แมท เ่ี กดิ อยเู องตามธรรมชาติ แลว กข็ า มไปปฏบิ ตั ใิ นขน้ั ทเ่ี ปน วปิ ส สนาได, เพอื่ เหน็ อนจิ จงัทกุ ขงั อนตั ตา อยา งแจม แจง ได. เพราะฉะนน้ั ผทู ปี่ ฏบิ ตั มิ าจนถงึ ขนั้ ทส่ี ดุ แหง จตกุ กะที่ ๑แลว กย็ งั อาจขา มจตกุ กะท่ี ๒ ที่ ๓ เลยไปปฏบิ ตั ใิ นจตกุ กะที่ ๔ อนั เปน ขนั้ วปิ ส สนาโดยตรงกเ็ ปน สง่ิ ทที่ ำไดด จุ เดยี วกนั แตเ พอื่ ความสมบรู ณข องการปฏบิ ตั อิ านาปานสตติ ามแบบนี้ เราจะไดว นิ จิ ฉยั กนั ตามลำดบั คอื จตกุ กะท่ี ๒ ที่ ๓ สบื ไป. สว นผทู ป่ี ระสงคจ ะลดั ขา มไปนน้ัพงึ ขา มไปศกึ ษาในขอ ปฏบิ ตั อิ นั กลา วไวใ นจตกุ กะท่ี ๔ โดยตรงเถดิ . (อยา งไรกต็ าม “จติ มคี วามสงบ เพราะสมาธมิ ากเพยี งไร กเ็ หน็ โทษแหง ความวนุ วายของอวชิ ชาเปน เหตมุ ากเพยี งนน้ั ”๑๒) (จบอานาปานสตขิ น้ั ท่ี ๔ อนั วา ดว ยการทำกายสงั ขารใหร ำงบั )๑๒ วธิ ที ำสมาธแิ บบหลวงปมู น่ั หนา ๕๖ เลา โดย พระธรรมวสิ ทุ ธมิ งคล (ทา นพระอาจารยม หาบวั ญาณสมปฺ นโฺ น)
2 - 110 ธรรมปฏิบตั ิ ๕ สาย : อานาปานสติ จตกุ กะที่ ๒ เวทนานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐาน (ตง้ั แตก ารกำหนดเวทนา จนถงึ การเวทนา ไมใ หป รงุ แตง จติ ) บดั น้ี มาถงึ การปฏบิ ตั ใิ นอานาปานสติ จตกุ กะท่ี ๒ ซงึ่ กลา วถงึ อานาปานสตอิ กี ๔ ขนั้เปน ลำดบั ไป คอื ; ขนั้ ที่ ๕ การเปน ผรู พู รอ มเฉพาะซง่ึ ปต ิ หายใจเขา -ออก ๑, ขนั้ ท่ี ๖ การเปน ผรู พู รอ มเฉพาะซงึ่ สขุ หายใจเขา -ออก ๑, ขน้ั ที่ ๗ การเปน ผรู พู รอ มเฉพาะซงึ่ จติ ตสงั ขาร หายใจเขา -ออก ๑, ขน้ั ที่ ๘ การเปน ผทู ำจติ ตสงั ขารใหร ำงบั อยู หายใจเขา -ออก ๑, รวมเปน ๔ ขนั้ ดว ยกนั ดงั น.ี้ ทงั้ ๔ ขน้ั น้ี จดั เปน หมวดแหง การเจรญิ ภาวนาทพี่ จิ ารณาเวทนาเปน อารมณส ำหรบั การศกึ ษา แทนทจี่ ะกำหนดพจิ ารณากาย คอื ลมหายใจ ดงั ทกี่ ลา วแลว ในจตกุ กะที่ ๑.ตอน ๕ อานาปานสติ ขนั้ ท่ี ๕ (การกำหนดปต )ิ อุทเทสหรือหัวขอแหงอานาปานสติขอท่ี ๑ แหงจตุกกะท่ี ๒ หรือจัดเปนขั้นท่ี ๕แหง อานาปานสตทิ งั้ ปวงนน้ั มอี ยวู า :- “ภกิ ษนุ น้ั ยอ มทำในบทศกึ ษาวา ‘เราเปน ผรู พู รอ มเฉพาะซงึ่ ปต ิ จกั หายใจเขา ’; ยอ มทำในบทศกึ ษาวา ‘เราเปน ผรู พู รอ มเฉพาะซง่ึ ปต ิ จกั หายใจ ออก’” (ปต ปิ ฏสิ เํ วที อสสฺ สสิ สฺ ามตี ิ สกิ ขฺ ต;ิ ปต ปิ ฏสิ เํ วที ปสสฺ สสิ สฺ ามตี ิ สกิ ขฺ ต)ิ ใจความสำคญั ทจี่ ะตอ งศกึ ษา มหี วั ขอ ใหญๆ คอื ๑. การทำในบทศกึ ษา, ๒. การเปนผรู พู รอ มเฉพาะซง่ึ ปต ิ หายใจเขา -ออกอย,ู และ ๓. ญาณ สติ และธรรมอน่ื ๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ โดยสมควรแกก ารปฏบิ ตั ใิ นขนั้ น.ี้ บดั นี้ จะไดว นิ จิ ฉยั ในหวั ขอ ทวี่ า “ยอ มทำในบทศกึ ษา” เปน ขอ แรกกอ น.
2 - 111 ธรรมปฏบิ ัติ ๕ สาย : อานาปานสติ คำวา “บทศกึ ษา” ในทน่ี ี้ กจ็ ำแนกเปน ศลี สมาธิ ปญ ญา อยา งเดยี วกนั กบั ทกี่ ลา วมาแลว ในอานาปานสตขิ นั้ กอ นๆ. แตส ำหรบั ขอ นมี้ ใี จความแตกตา งออกไปกต็ รงทใ่ี นขนั้ นี้มกี ารกำหนดปต ิ แทนการกำหนดลมหายใจ. เมอื่ ทำปต ใิ หเ กดิ ขนึ้ ไดแ ลว การควบคมุ สตใิ หม คี วามรสู กึ ตอ ปต นิ น้ั อยู โดยประการท่ีกำหนดไว นน่ั แหละคอื สงิ่ ทเ่ี รยี กวา บทศกึ ษา ในทนี่ ี้. เมอื่ มกี ารสำรวมดว ยสติ ใหร สู กึ ในปต อิ ยไู ดต ลอดเวลาเทา ใด กเ็ ปน อนั วา มี สลี สกิ ขาอยา งยงิ่ อยตู ลอดเวลาเทา นน้ั เพราะวา ตลอดเวลานนั้ มคี วามไมเ บยี ดเบยี น และมแี ตค วามเปน ปรกตขิ องกายและวาจาอยเู ตม็ ตามความหมายของคำวา สลี สกิ ขา. และเมอ่ื มกี ารกำหนดปต ใิ นฐานะเปน อารมณข องจติ เพอื่ ความไมฟ งุ ซา นเปน ตน แลว กช็ อ่ื วา มี สมาธสิ กิ ขา อยอู ยา งเตม็ ทใี่ นขณะนนั้ . เพราะจติ นน้ั สงบรำงบั ตง้ั มน่ั มอี ารมณเ ดยี ว และเปน จติ ทค่ี วรแกก ารทำวปิ ส สนาเตม็ ตามความหมายของคำวา สมาธิ. และเมอื่ มกี ารพจิ ารณาซง่ึ ปต นิ นั้ อยู โดยความเปน ของไมเ ทยี่ ง เปน ทกุ ข เปน อนตั ตา หรอื สญุ ญตา. ในขนั้ นเี้ รยี กวา มี ปญ ญาสกิ ขาอยอู ยา งสมบรู ณ; จงึ เปน อนั วา มสี กิ ขาทงั้ ๓ ครบถว นอยใู นการกำหนดพจิ ารณาปต ใิ นขน้ัตา งๆ กนั แลว แตจ ะเลง็ ถงึ ความหมายของคำวา สกิ ขา ขอ ไหน. พึงทราบเสียดวยวา ความหมายของคำวา “ยอมทำในบทศึกษา” ในอานาปานสติขน้ั ตอ ๆ ไป ยอ มมอี ยเู หมอื นกนั ดงั นี้ ทกุ ๆ ขน้ั ไป โดยใจความ ผดิ กนั อยตู รงทสี่ ง่ิ ซงึ่ เปน อารมณสำหรบั การกำหนดนนั้ จะตอ งเปลย่ี นแปลงไปตามกรณี เชน ในขน้ั น้ี กำหนดปต ิ, สว นขนั้ ตอไปกำหนดความสขุ , หรอื ขน้ั ถดั ไปอกี กก็ ำหนดจติ ตสงั ขาร ดงั นเี้ ปน ตน ; นค้ี อื นยั ทผ่ี ปู ฏบิ ตั จิ ะตอ งทำความเขา ใจใหแ จม แจง ตง้ั แตแ รก เพอื่ ความรสู กึ อนั มนั่ คงกวา ตนเปน ผมู สี ลี สกิ ขา สมาธิสกิ ขา และปญ ญาสกิ ขา อยา งเตม็ ทตี่ ลอดเวลาแหง อานาปานสตทิ กุ ขน้ั ในอนั ดบั ตอ ไป. ตอ ไปน้ี จะไดว นิ จิ ฉยั กนั ในขอ ทว่ี า “เปน ผรู พู รอ มเฉพาะซง่ึ ปต ”ิ คำวา ปต ิ แปลวา ความอม่ิ ใจ และหมายรวมถงึ ความรสู กึ อยา งอน่ื ซงึ่ มอี าการคลา ยกนั ดงั ทที่ า นใหต วั อยา งไวเ ชน ปามชุ ชฺ ไดแ กป ราโมทย, อาโมทนาไดแ ก ความเบกิ บาน,ปโมทนา ไดแ ก ความบนั เทงิ ใจ, หาโส ไดแ ก ความรา เรงิ หรรษา, ปหาโส ไดแ ก ความรา เรงิ
2 - 112 ธรรมปฏิบตั ิ ๕ สาย : อานาปานสติเตม็ ท่,ี จติ ตฺ สสฺ โอทคยฺ ํ ไดแ ก ความฟใู จ จติ ตฺ สสฺ อตตฺ มนตา ไดแ ก ความชอบใจ เหลา นี้เปน ตน ; สรปุ รวมกค็ อื ความอมิ่ อกอมิ่ ใจทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการทร่ี สู กึ วา ตนไดท ำหรอื ได รบั สงิ่ทด่ี ที สี่ ดุ ทต่ี นควรจะได. สำหรบั ในทนี่ ้ี ไดแ กป ต ใิ นการเจรญิ อานาปานสตไิ ดร บั ผลสำเรจ็ตามลำดบั ๆ นนั่ เอง นบั ตง้ั แตล มหายใจเขา -ออกทย่ี าวมาทเี ดยี ว และสมบรู ณเ ปน ปต เิ ตม็ ที่ตอ เมอื่ รสู กึ วา จติ ของตนไมฟ งุ ซา น มคี วามสงบรำงบั เปน อารมณเ ดยี วจรงิ ๆ; ฉะนนั้ เปน อนักลา วไดอ กี อยา งหนง่ึ วา สงิ่ ทเี่ รยี กวา ปต นิ ไ้ี ดเ รม่ิ มมี าแลว แมต ง้ั แตอ านาปานสตขิ อ ท่ี ๑ แหงจตกุ กะที่ ๑ และสงู ขนึ้ เปน ลำดบั มา จนกระทง่ั ถงึ ขน้ั ท่ี ๕ (คอื ขอ ท่ี ๑ แหง จตกุ กะท่ี ๒ น้ี) ซึ่งผปู ฏบิ ตั จิ ะไดเ รม่ิ กำหนดปต โิ ดยตรงกนั จรงิ ๆ ในขนั้ น.ี้การเกิดแหงปติ อาการทปี่ ต จิ ะเกดิ ขน้ึ มอี ยอู ยา งสงู ต่ำกวา กนั ตามลำดบั ของการกำหนดหรอื สง่ิ ทถี่ กูกำหนดอนั สงู ตำ่ หรอื หยาบละเอยี ดกวา กนั นน่ั เอง ซงึ่ อาจจะแบง ไดถ งึ ๑๖ ขนั้ คอื :- ๑. เมอื่ รสู กึ อยู (ปชานโต) วา จติ ไมฟ งุ ซา นและเปน เอกคั คตา พรอ มดว ยอำนาจของการกำหนดลมหายใจยาว หรอื ลมหายใจสนั้ หรอื ลมหายใจของผรู พู รอ มเฉพาะซงึ่ กายทงั้ ปวงหรอื ลมหายใจของผยู งั กายสงั ขารใหร ำงบั อยู ดงั น้ี ปต ยิ อ มเกดิ ขน้ึ ; ๒. เมอื่ กำหนดอยู (อาวชชฺ โต) ซงึ่ ความทจี่ ติ ไมฟ งุ ซา นและเปน เอกคั คตา ดว ยอำนาจของการกำหนดลมหายใจยาว หรอื ลมหายใจสน้ั หรอื ลมหายใจของผรู พู รอ มเฉพาะซงึ่ กายทง้ั ปวง หรอื ลมหายใจของผยู งั กายสงั ขารใหร ำงบั อยู ดงั น้ี ปต ยิ อ มเกดิ ขนึ้ ; ๓. เมอ่ื รชู ดั อยู (ชานโต) ซง่ึ ความทจ่ี ติ ไมฟ งุ ซา นและเปน เอกคั คตา ดว ยอำนาจของการกำหนดลมหายใจยาว หรอื ลมหายใจสน้ั หรอื ลมหายใจของผรู พู รอ มเฉพาะซง่ึ กายทงั้ ปวง หรอืลมหายใจของผยู งั กายสงั ขารใหร ำงบั อยดู งั นี้ ปต ยิ อ มเกดิ ขน้ึ ; ๔. เมอ่ื เหน็ ชดั อยู (ปสสฺ โต) ซง่ึ ความทจ่ี ติ ไมฟ งุ ซา นและเปน เอกคั คตา ดว ยอำนาจของการกำหนดลมหายใจยาว หรอื ลมหายใจสนั้ หรอื ลมหายใจของผรู พู รอ มเฉพาะซงึ่ กายทงั้ ปวงหรอื ลมหายใจของผยู งั กายสงั ขารใหร ำงบั อยู ดงั นี้ ปต ยิ อ มเกดิ ขนึ้ ; ๕. เมอื่ พจิ ารณาอยู (ปจจฺ เวกขฺ โต) ซงึ่ ความทจ่ี ติ ไมฟ งุ ซา นและเปน เอกคั คตา ดว ยอำนาจ
2 - 113 ธรรมปฏบิ ัติ ๕ สาย : อานาปานสติของการกำหนดลมหายใจยาว หรอื ลมหายใจสน้ั หรอื ลมหายใจของผรู พู รอ มเฉพาะซง่ึ กายทงั้ ปวง หรอื ลมหายใจของผยู งั กายสงั ขารใหร ำงบั อยดู งั น้ี ปต ยิ อ มเกดิ ขน้ึ ; ๖. เมอื่ อธษิ ฐานจติ อยู (จติ ตฺ ํ อธฏิ ฐ หโต) (ดว ยอำนาจของลมทง้ั ๔ ประเภทและขยายออกไดเ ปน ๘ ชนดิ ดว ยนบั การหายใจเขา และหายใจออกเปน ๒. แลว คณู ๔ เปน ๘ ชนดิ ,ดงั กลา วแลว ในขอ ๑ ถงึ ขอ ๕) ดงั นี้ ปต ยิ อ มเกดิ ขนึ้ ; ๗. เมอ่ื ปลงจติ ลงดว ยความเชอื่ (สทธฺ าย อธมิ จุ จฺ โต) (ดว ยอำนาจลมทงั้ ๔ ประเภทดงั ทกี่ ลา วแลว ขา งตน ) ดงั นี้ ปต ยิ อ มเกดิ ขน้ึ ; ๘. เมอ่ื ประคองความเพยี รอยู (วริ ยิ ํ ปคคฺ ณหฺ โต) (ดว ยอำนาจลมทง้ั ๔ ประเภท ดงั ท่ีกลา วแลว ขา งตน ) ดงั น้ี ปต ยิ อ มเกดิ ขนึ้ ; ๙. เมอ่ื ดำรงสตอิ ยู (สตึ อปุ ฏฐ ายโต) (ดว ยอำนาจลมทงั้ ๔ ประเภท ดงั ทกี่ ลา วแลว ขา งตน ) ดงั น้ี ปต ยิ อ มเกดิ ขน้ึ ; ๑๐. เมอ่ื จติ ตงั้ มนั่ อยู (จติ ตฺ ํ สมาหโต) (ดว ยอำนาจลมทง้ั ๔ ประเภทดงั ทก่ี ลา วแลว ขา งตน ) ดงั น้ี ปต ยิ อ มเกดิ ขน้ึ ; ๑๑. เมอื่ รชู ดั ดว ยปญ ญา (ปญฺ าย ปชานโต) (ดว ยอำนาจลมทง้ั ๔ ประเภท ดงั ทก่ี ลา วแลว ขา งตน ) ดงั นี้ ปต ยิ อ มเกดิ ขน้ึ ; ๑๒. เมอื่ รยู งิ่ ดว ยปญ ญาเปน เครอ่ื งรยู งิ่ อยู (อภิ ญฺ าย อภชิ านโต) (ดว ยอำนาจลมทงั้๔ ประเภท ดงั ทกี่ ลา วแลว ขา งตน ) ดงั น้ี ปต ยิ อ มเกดิ ขนึ้ ; ๑๓. เมอื่ รอบรธู รรมทคี่ วรรอบรอู ยู (ปริ เฺ ญยยฺ ํ ปรชิ านโต) (ดว ยอำนาจลมทงั้ ๔ ประเภทดงั ทกี่ ลา วแลว ขา งตน ) ดงั น้ี ปต ยิ อ มเกดิ ขนึ้ ; ๑๔. เมอื่ ละธรรมทคี่ วรละอยู (ปหาตพพฺ ํ ปชหโต) (ดว ยอำนาจลมทงั้ ๔ ประเภท ดงั ท่ีกลา วแลว ขา งตน ) ดงั นี้ ปต ยิ อ มเกดิ ขนึ้ ; ๑๕. เมอื่ เจรญิ ธรรมทค่ี วรเจรญิ อยู (ภาเวตพพฺ ํ ภาวยโต) (ดว ยอำนาจลมทง้ั ๔ ประเภทดงั ทกี่ ลา วแลว ขา งตน ) ดงั น้ี ปต ยิ อ มเกดิ ขนึ้ ; ๑๖. เมอื่ ทำใหแ จง ซงึ่ ธรรมทค่ี วรทำใหแ จง อยู (สจฉฺ กิ าตพพฺ ํ สจฉฺ กิ โรโต) (ดว ยอำนาจลมทง้ั ๔ ประเภท ดงั ทกี่ ลา วแลว ขา งตน ) ดงั นี้ ปต ยิ อ มเกดิ ขนึ้ ;
2 - 114 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : อานาปานสติ ทง้ั หมดน้ี แตล ะอยา งๆ ยอ มแสดงถงึ ตน เหตทุ ปี่ ต จิ ะเกดิ ขน้ึ ดว ยกนั ทงั้ นน้ั และมอี ธบิ ายโดยสงั เขป ดงั ตอ ไปนี้ :- ขอ ๑ ถงึ ขอ ๕ ปต เิ กดิ ขนึ้ เพราะอาศยั การกำหนดทำความรสู กึ ทคี่ วามไมฟ งุ ซา น หรอืความมอี ารมณอ นั เดยี วของจติ ซง่ึ มขี น้ึ ดว ยอำนาจลม ๔ ประเภท หรอื ๘ ชนดิ คอื ลมหายใจยาว ทั้งเขาและทั้งออก, ลมหายใจส้ันทั้งเขาและทั้งออก, ลมหายใจในขณะที่เปนความรสู กึ ตวั ทว่ั พรอ มซงึ่ กายทงั้ ปวงทง้ั เขา และทง้ั ออก, และลมหายใจในขณะทที่ ำกายสงั ขารใหรำงับอยู ทั้งเขาและท้ังออก. ขอน้ีหมายความวา ในการกำหนดลมทั้ง ๔ ประเภทน้ันปติอาจจะเกิดข้ึนในขณะท่ีกำหนดลมประเภทไหนก็ได. สำหรบั การกำหนดนนั้ เลา ทา นแบง ออกเปน ๕ วธิ ี หรอื ๕ ลำดบั ดว ยกนั ตามทร่ี ะบไุ วในขอ ๑ ถงึ ขอ ๕ มอี าการสงู ตำ่ หรอื หยาบประณตี ตา งกนั เปน ลำดบั ขนึ้ ไปคอื กำหนดรวมๆทวั่ ๆ ไป เรยี กวา ปชานน;ํ ทสี่ งู ไปกวา นน้ั กค็ อื การกำหนดเจาะจงลงไปเรยี กวา อาวชชฺ น;ํทส่ี งู ขนึ้ ไปอกี คอื ทำความรแู จง เรยี กวา ชานน;ํ ทเี่ ปน การเหน็ แจง เรยี กวา ปสสฺ น;ํ และทเ่ี ปนการพจิ ารณาโดยละเอยี ดเฉพาะเรยี กวา ปจจฺ เวกขฺ ณ;ํ ตามลำดบั ๆ รวมเปน ๕ อยา งดว ยกนัดงั น้.ี ทงั้ ๕ อยา งน้ี ตอ งกำหนดเพง เลง็ ไปยงั ความเปน สมาธขิ องจติ กอ น แลว จงึ เกดิ มปี ต ิขนึ้ ไดด ว ยกนั ทง้ั ๕ ลำดบั แตม คี ณุ สมบตั สิ งู ต่ำกวา กนั ตามอาการทก่ี ำหนด หยาบหรอื ละเอยี ดกวากันนั่นเอง. ขอ ๖ อธิษฐานจิตอย.ู ในท่ีน้ีหมายถึงการทำจิตใหมุงเฉพาะตอคุณธรรมเบ้ืองสูงดว ยการปก ใจแนว แนใ นธรรมนน้ั ๆ ขอ ใดขอ หนง่ึ โดยไมเ ปลยี่ นแปลง. ในทน่ี ี้ ไดแ กม งุ ตอความสงบรำงบั ในขนั้ สมาธนิ ้ี. ปต เิ กดิ ขนึ้ เพราะการตงั้ จติ สำเรจ็ ในขณะนนั้ . ขอ ๗ ถงึ ขอ ๑๑ หมายถงึ อาการของอนิ ทรยี ท งั้ ๕ แตล ะอยา งๆ ดำเนนิ ไปไดเ ตม็ตามความหมาย จงึ เกดิ ปต ขิ นึ้ กลา วคอื ขอ ๗ หมายถงึ การปลงความเชอ่ื ลงไปไดใ นการกระทำของตน วา เปน สง่ิ ทเ่ี ปน ทพี่ ง่ึ ไดแ นน อน จงึ เกดิ ปต ขิ น้ึ ; ขอ ๘ หมายถงึ เมอื่ เกดิ ความกลา หาญพากเพยี รยงิ่ ขนึ้ เพราะอำนาจความพอใจในความเชอื่ หรอื พอใจในการปฏบิ ตั ิ หรอืเพราะอำนาจของปต ใิ นกาลกอ นแตน นี้ น่ั เอง, ปต เิ กดิ ขน้ึ ; ขอ ๙ หมายถงึ เมอ่ื ดำรงสตขิ อง
2 - 115 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : อานาปานสติตวั ไดเ ปน ทพี่ อใจ คอื ควบคมุ สตไิ ดต ามทตี่ อ งการ ไมว า จะเปน การปฏบิ ตั ใิ นการกำหนดลมขนั้ ไหน, ปต เิ กดิ ขน้ึ ; ขอ ๑๐ หมายถงึ ความรสู กึ วา ตนสามารถทำจติ ใหเ ปน สมาธไิ ด ทำใหเกดิ ปต ขิ น้ึ ; ขอ ๑๑ หมายถงึ ปต ทิ เี่ กดิ มาจากความรวู า ตนสามารถทำปญ ญาใหเ กดิ ขน้ึ ไดและรชู ดั ดว ยปญ ญานนั้ ถงึ ลกั ษณะทกุ ประการอนั เนอื่ งดว ยลมหายใจ ๘ ชนดิ นนั้ . ทง้ั ๕ ขอนี้ กเ็ ปน ไปโดยอาศยั ลมทง้ั ๘ ชนดิ นนั้ เหมอื นกนั แตว า เปน คณุ ธรรมทส่ี งู หรอื ประณตี ยงิ่ ขน้ึมาตามลำดบั ๆ. ขอ ๑๒ หมายถงึ ความรทู ย่ี งิ่ ขน้ึ ไปกวา ความรทู กี่ ลา วแลว ในขอ ๑๑ คอื รนู อกเหนอืไปจากลกั ษณะทเี่ กยี่ วเนอ่ื งกนั อยกู บั ลมหายใจ กลา วคอื รธู รรมทเี่ ปน ไปเพอื่ ความดบั ทกุ ขโ ดยตรงยง่ิ ขนึ้ หรอื กวา งออกไป, ปต จิ งึ เกดิ ขน้ึ ; ขอ ๑๓ ถงึ ขอ ๑๖ ทงั้ ๔ ขอ นี้ เปน ความรทู แ่ี ลน ไปในทางของอรยิ สจั โดยตรง กลา วคอื ขอ ๑๓ เปน การรแู จง ในเรอื่ งของความทกุ ข ในฐานะทเ่ี ปน เรอื่ งทค่ี วรรอู ยา งชดั แจง วาเปน ทกุ ขอ ยอู ยา งไร และเปน ทกุ ขจ รงิ ๆ ปต เิ กดิ ขน้ึ เพราะพบสง่ิ ทเี่ ปน ตวั การสำคญั และมีหวังท่ีจะละ. ขอ ๑๔ เปน ความรเู รอ่ื งเหตใุ หเ กดิ ทกุ ข โดยเฉพาะคอื กเิ ลสทง้ั ปวงลว นแตเ ปน เหตุใหเ กดิ ทกุ ขแ ละเปน สง่ิ ทคี่ วรละ และตนกำลงั ละอยู หรอื ละไดแ ลว เชน ในขณะทกี่ ำลงั เจรญิอานาปานสตอิ ยนู ี้ กเ็ ปน การรสู ง่ิ ควรละ และเปน การละสง่ิ ทคี่ วรละนนั้ พรอ มกนั อยใู นตวัปต จิ งึ เกดิ ขนึ้ . ขอ ๑๕ เปน การรถู งึ สง่ิ ทคี่ วรทำใหเ กดิ มี ทต่ี นกำลงั ทำใหม ี หรอื ไดท ำใหม ขี นึ้ แลว .สง่ิ ทก่ี ลา วนไ้ี ดแ กท างแหง ความดบั ทกุ ข ซงึ่ สามารถตดั ตน เหตขุ องความทกุ ขน น้ั ๆ ได เชน ในขณะท่ีกำลังเจริญอานาปานสติขั้นนี้อยู กิเลสบางประการระงับไป หรือละไป ความทุกขบางอยา งทม่ี าจากกเิ ลสนน้ั โดยตรงกด็ บั ไป เปน ตน เหตใุ หร วู า การปฏบิ ตั อิ ยา งนเ้ี ปน การดบั ทกุ ขไดจ รงิ . เมอ่ื รถู งึ ความจรงิ ขอ นนั้ ปต ยิ อ มเกดิ ขนึ้ . สว นขอ ๑๖ นน้ั หมายถงึ การรสู ง่ิ ทค่ี วรกระทำใหแ จง กลา วคอื ตวั ความดบั ทกุ ข หรอืภาวะแหง ความดบั ทกุ ขส น้ิ เชงิ ซง่ึ มกั เรยี กกนั วา นโิ รธ หรอื นพิ พาน หรอื อนื่ ๆ อกี เชน วมิ ตุ ติ
2 - 116 ธรรมปฏิบตั ิ ๕ สาย : อานาปานสติเปน ตน . การปฏบิ ตั อิ ยนู ้ี หมายถงึ การทเ่ี มอ่ื ปฏบิ ตั อิ ยอู ยา งนี้ นวิ รณไ มร บกวน โดยประการทง้ั ปวง, กเิ ลสบางอยา งถกู ละไป, ภาวะแหง ความไมม ที กุ ขเ ลยปรากฏขน้ึ โดยสมควรแกก ารละไปของกเิ ลสอยา งชดั แจง . เมอ่ื มคี วามรสู กึ ตอ ภาวะแหง ความไมม ที กุ ขเ ลย แมเ ปน ของชวั่ ขณะ ปต กิ เ็ กดิ ขน้ึ . การกำหนดรแู มท ง้ั ๔ ประการนี้ กย็ งั คงองิ อาศยั ลมหายใจ ๘ ชนดิ ดงัทก่ี ลา วแลว อกี นนั่ เอง. สรปุ ความวา อาการทป่ี ต จิ ะเกดิ ขน้ึ ทงั้ ๑๖ อาการนี้ แมจ ะมคี วามสงู ต่ำกวา กนั อยา งมากเพยี งไร กล็ ว นแตอ งิ อาศยั ลมหายใจเขา -ออกดว ยกนั ทงั้ นนั้ เพราะฉะนนั้ ทา นจงึ กลา วเปน หลกั วา “รพู รอ มเฉพาะซง่ึ ปต ิ หายใจเขา -หายใจออกอย”ู ดงั น.้ี ปต ทิ กุ ชนดิ ในทนี่ ้ีลว นเปน อารมณข องอานาปานสตใิ นขนั้ นี้. ผปู ฏบิ ตั พิ งึ ฝก พงึ ทำใหเ กดิ ขนึ้ ตามลำดบั และสมบรู ณ จกั ไดช อื่ วา เปน ผทู ำเตม็ ทใี่ นบทแหง การศกึ ษา กลา วคอื อานาปานสตขิ นั้ ที่ ๕ น.้ี สว นการดำเนนิ การปฏบิ ตั ติ อ ปต ิ ทา นผสู นใจสามารถอา นไดจ ากหนงั สอื อานาปานสต-ิภาวนาฉบบั สมบรู ณข องพระธรรมโกศาจารย (พทุ ธทาสภกิ ข)ุความเปนภาวนา ความหมายของคำวา ภาวนา โดยตวั หนงั สอื นนั้ แปลวา การทำใหม ขี น้ึ หรอื การทำใหเ จรญิ ขนึ้ ; แตใ นทางปฏบิ ตั ใิ นทนี่ นั้ จะเรยี กวา ภาวนาได กต็ อ เมอื่ ไดท ำใหเ กดิ ขนึ้ แลวจรงิ ๆ หรอื ไดท ำใหเ จรญิ ขน้ึ แลว จรงิ ๆ เทา นน้ั ฉะนน้ั ถอ ยคำเชน คำวา สตปิ ฏ ฐานภาวนาจงึ หมายถงึ การทำการกำหนดดว ยสตทิ ไี่ ดท ำไปแลว จรงิ ๆ เทา นน้ั ดงั เชน การตามเหน็ ปต หิ รอืเวทนาอยู ดวยอาการทั้ง ๗ ดังที่กลาวแลวขางตน จึงจะเรียกวาภาวนาท่ีถูกตองตรงตามความหมาย. ในกรณขี องอานาปานสตนิ ี้ ทา นจำกดั ความของคำวา ภาวนาไว ๔ อยา ง คอื :- ๑. ชอ่ื วา ภาวนา เพราะมคี วามหมายวา ความไมก า วกา ย กำ้ เกนิ ซง่ึ กนั และกนั ของธรรม ทเ่ี กดิ ขนึ้ แลว ในการกำหนดดว ยสตนิ ้ี เปน สง่ิ ทปี่ รากฏชดั แลว จงึ ถอื วา สตปิ ฏ ฐาน นเ้ี กดิ แลว หรอื เจรญิ แลว ; ๒. ชอ่ื วา ภาวนา เพราะธรรมทงั้ หลายมอี นิ ทรยี เ ปน ตน ซงึ่ รว มกนั ทำกจิ อนั เดยี วกนั เพอื่ เกดิ ผลอยา งเดยี วกนั ปรากฏชดั แลว ;
2 - 117 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : อานาปานสติ ๓. ชอ่ื ภาวนา เพราะวา การกระทำนน้ั ทำใหเ กดิ ความเพยี รพอเหมาะสมกบั ธรรมนนั้ ๆ และอนิ ทรยี น น้ั ๆ : และ ๔. ชอ่ื ภาวนา เพราะเปน ทส่ี อ งเสพอยา งมากของจติ . อธิบายโดยโวหารธรรมดา ท่ีสามารถใชไดในกรณีท่ีเปนการทำความดีโดยทั่วๆ ไปมอี ยวู า การประสบความสำเรจ็ ยอ มหมายถงึ การกระทำใหเ กดิ สง่ิ ทค่ี วรทำใหเ กดิ เพราะการกระทำนนั้ พอเหมาะพอสม และมขี อบเขตจำกดั วา เทา ไรและเพยี งไร ไมใ ชเ ปด กวา งจนไมมที สี่ น้ิ สดุ ซงึ่ ไมม ที างทจ่ี ะลถุ งึ ได. สงิ่ ทที่ ำใหเ กดิ ขน้ึ มานน้ั แตล ะสงิ่ ตอ งเขา รปู เขา รอยตอกนั คอื ประสานกนั ได ไมก า วกา ยกำ้ เกนิ กนั เชน การเหน็ อนจิ จงั พอเหมาะกบั การทำใหเ หน็ทกุ ข หรอื เปน ไปในทางทจ่ี ะใหเ หน็ ทกุ ข; การเหน็ ทกุ ข กพ็ อเหมาะหรอื เปน ไปในทางทจี่ ะใหเหน็ อนตั ตา; เหน็ อนตั ตา กพ็ อเหมาะหรอื เปน ไปในทางทใี่ หเ บอ่ื หนา ยหรอื คลายกำหนดั ดงั นี้เปน ตน จงึ จะเรยี กวา “ภาวนา” หรอื ความเจรญิ . ยกตวั อยา งงา ยๆ ดว ยอทุ าหรณใ นปจ จบุ นั : วชิ าความรหู รอื ความเจรญิ กา วหนา ไมเหมาะสว น ในทางทจ่ี ะเปน ไปเพอ่ื สนั ติ จงึ เปน ไปในทางทจี่ ะวนุ วายมากกวา สว นทจี่ ะเปน ไปทางสนั ต.ิ นแ้ี สดงวา บางอยา งนอ ยไป บางอยา งมากไป บางอยา งกา วกา ยกนั บางอยา งบบี บงั คบั กดดนั ไปในทศิ ทางอน่ื ดงั นเ้ี ปน ตน จงึ ไมป ระสบสง่ิ ทเี่ รยี กวา ภาวนาหรอื ความเจรญินอ้ี ยา งหนงึ่ . อยา งทถี่ ดั ไป หมายถงึ ความกลมเกลยี วของสง่ิ ทเ่ี ปน เครอ่ื งมอื : เครอื่ งมอื ทกุชน้ิ ทกุ ชนดิ หรอื มอื ทกุ มอื ตอ งรว มกนั มงุ ทำสงิ่ ๆ เดยี วกนั ถา มฉิ ะนน้ั สง่ิ ทเี่ รยี กวา ภาวนา จกัไมเ กดิ ขนั้ ; ตวั อยา งเชน ในโลกนี้ มวี ชิ าความรมู ากมายหลายสบิ หลายรอ ยแขนง แตไ มถ กู รวมกนั และนำไปใชเ พอื่ สรา งสง่ิ ๆ เดยี วกนั คอื สนั ติ มกี ารแตกแยกกนั ไปตามทางทต่ี วั ตอ งการ. การปฏบิ ตั ธิ รรมในทางจติ ธรรมะประเภททเ่ี ปน เครอ่ื งมอื ทกุ อยา ง ตอ งถกู นำไปใชรวมกันเพ่ือจุดประสงคเพียงอยางเดียว ตามท่ีตนตองการอยูในขณะนั้น : ถาผิดจากนี้ยอ มไมเ กดิ สงิ่ ทเ่ี รยี กวา ภาวนา. พระพทุ ธภาษติ มอี ยวู า ปฏปิ ทาอาศยั ลาภกอ็ ยา งหนง่ึ ,ปฏปิ ทาเปน ไปเพอื่ นพิ พานกอ็ กี อยา งหนงึ่ , (อญฺ า หิ ลาภปู นสิ า อญฺ า นพิ พฺ านคามนิ )ี :หมายความวา การกระทำมรี ปู รา งเหมอื นกนั แตค วามมงุ หมายอาจจะตา งกนั เชน รกั ษาศลีเครง ครดั เพอื่ ไดล าภกไ็ ด รกั ษาศลี เครง ครดั เพอื่ ทำลายความเหน็ แกต วั กไ็ ด; อยา งแรกเปน
2 - 118 ธรรมปฏิบตั ิ ๕ สาย : อานาปานสติไปเพอ่ื ลาภ อยา งหลงั เปน ไปเพอ่ื นพิ พาน ทง้ั ทรี่ ปู แหง การกระทำเหมอื นกนั . ในการทำความเพยี รหรอื การทำสมาธิ หรอื การทำวปิ ส สนาเปน ตน กม็ คี ำอธบิ ายอยา งเดยี วกนั . เมอ่ืธรรมเหลา นไี้ มส จุ รติ ตดิ ตอ กนั ไมเ สมอกนั ไมซ อื่ ตรงตอ กนั เพราะอำนาจตณั หาและทฏิ ฐิเปน ตน ลบู คลำอยา งใดอยา งหนง่ึ แลว ธรรมทเ่ี ปน เหมอื นยานพาหนะ หรอื เครอื่ งมอื ทงั้ ปวงกไ็ มม รี สหรอื กจิ เปน อนั เดยี วกนั สง่ิ ซงึ่ เรยี กวา ภาวนาในขนั้ นกี้ ไ็ มป รากฏ นอ้ี ยา งหนง่ึ . อยา งทถี่ ดั ไปอกี คอื การกระทำนนั้ ๆ ตอ งเปน การนำความเพยี รไปตรงจดุ ของสง่ิ ทตี่ อ งการใหเ กดิ ขน้ึ รวมทง้ั วตั ถปุ ระสงคข องสง่ิ ทจ่ี ะตอ งใชเ ปน เครอื่ งมอื นนั้ ดว ย. การกระทำใดๆ ทไี่ มส ามารถประมวลกำลงั ความเพยี รทงั้ หมดเขา ไปสจู ดุ นแ้ี ลว ไมอ าจจะเรยี กวา เปน ภาวนาหรอื ไมอ าจเปน ภาวนาขน้ึ มาไดน น่ั เอง. ภาวนาในความหมายของการทำใหเ กดิ มกี ด็ ี ภาวนาในความหมายของการทำใหเ จรญิ ยง่ิ ขนึ้ กด็ ี ตอ งเปน ภาวนาทสี่ ามารถควบคมุ ความเพยี รหรอืกำลงั ใหเ ปน ไปในลกั ษณะทกี่ ลา วนเ้ี ทา นนั้ . โดยเฉพาะอยา งยงิ่ ในการปฏบิ ตั ธิ รรมขนั้ ละเอยี ดนี้ ความเพียรเปนสิ่งที่ตองระมัดระวังอยางแยบคายและรัดกุมอยางท่ีสุด มิฉะน้ันแลวการกระทำแตล ะขน้ั ๆ จะเปน ไปไมไ ด ตงั้ แตข น้ั แรกทเี ดยี ว เชน ปญ ญาไมพ อทจี่ ะเหน็ อนจิ จงั ;หรอื ปญ ญามพี อ แตค วามเพยี รไมน ำปญ ญาเขา สจู ดุ ๆ นนั้ หรอื สตไิ มอ าจจะนำความเพยี รใหท ำหนา ทนี่ ำปญ ญาเขา สจู ดุ ๆนนั้ ดงั นเี้ ปน ตน ยอ มเปน การตดิ ตนั หรอื ตายดา นของภาวนา.ความรทู เี่ ปน หลกั เกณฑม เี พยี งพอ แตค วามรทู จ่ี ะนำหลกั เกณฑไ ปใชป ฏบิ ตั มิ ไี มเ พยี งพอ หรอืไมถ กู ไมต รงกนั กต็ าม, นเ้ี ปน คำอธบิ ายความหมายขอ นข้ี องคำวา ภาวนา. สว นขอ สดุ ทา ยทวี่ า เปน ภาวนาเพราะเปน ทส่ี อ งเสพมากจติ นนั้ หมายความวากระทำอยา งมาก ทำจนชนิ ทำจนคนุ เคย และคลอ งแคลว เปน ตน ทง้ั ในการทำ และการเสวยผลการกระทำขน้ั ตน เพอ่ื เปน มลู ฐานสำหรบั การกระทำขน้ั ตอ ไป. สรปุ ความกค็ อื ความหมกมนุ อยแู ตใ นสง่ิ ๆ เดยี วนนั่ เอง การกระทำนนั้ จงึ จะถงึ ขน้ั ทเ่ี รยี กวา ภาวนา. สำหรบัการกระทำในทางจติ น้ี คำวา “การกระทำ” ยอ มกนิ ความกวา งขวาง คอื ทำในระยะเรม่ิ แรก,ทำในทา มกลาง, ทำในทส่ี ดุ , นอ้ี ยา งหนงึ่ : ทำในระยะเรมิ่ แรกเพอื่ ความเกดิ ขน้ึ ทงั้ ในขนั้ตระเตรยี มและขนั้ ทำจรงิ แลว ทำการรกั ษาสงิ่ ซง่ึ ทำขน้ึ ไดไ วไ ดอ ยา งเตม็ ที่ จนกวา จะถงึ การทำขน้ั สดุ ทา ย. การเขา การออก การหยดุ การพจิ ารณา ของจติ ทม่ี ตี อ อารมณน น้ั ๆ ลว นแต
2 - 119 ธรรมปฏบิ ัติ ๕ สาย : อานาปานสติเปนสิ่งที่ยากแกการกระทำ แตเปนส่ิงท่ีงายดายตอการลมเหลว จึงตองอาศัยการทำมากซง่ึ หมายถงึ มากกวา การทำงานทางวตั ถุ หรอื ทางรา งกาย อยา งทเ่ี ปรยี บกนั ไมไ ดท เี ดยี ว. อกี ทางหนงึ่ คำวา เปน ทสี่ อ งเสพมากของจติ นน้ั หมายความวา ถา เปน ตวั ภาวนาขน้ึ มาจรงิ ๆ แลว ยอ มเปน ทพี่ อใจของจติ หรอื จติ พอใจทจ่ี ะสอ งเสพในสงิ่ นน้ั จนเกดิ ความเคยชนิ อนั เปน ปจ จยั ทจ่ี ะทำใหเ กดิ การกระทำอนั ใหมไ ดโ ดยงา ยดาย. สรปุ ความสนั้ ๆ อกี ครงั้ หนงึ่ วา ภาวนาคอื การทำสำเรจ็ ; เพราะสามารถมงุ ไปยงั สง่ิทจี่ ะเกดิ ขน้ึ ไดอ ยา งถกู ตอ งและเหมาะสม; เพราะประมวลเครอื่ งมอื ทง้ั หมดใหร วมกนั ทำหนา ท่ีเพยี งอยา งเดยี ว; เพราะสามารถนำกำลงั ของความเพยี รไปไดใ นทางของสง่ิ ทงั้ ๒ นน้ั (คอืวตั ถปุ ระสงคแ ละการควบคมุ เครอ่ื งมอื ); และเพราะเปน สงิ่ ทก่ี ระทำอยา งมากหรอื อยา งสมบรู ณ. ผูศึกษาหรือผูปฏิบัติก็ตาม จะตองพยายามสังเกตใหเห็นความหมาย ๔ ประการนี้แลว ระมดั ระวงั ใหม นั มอี ยู หรอื ใหม นั เปน ไปไดจ รงิ ๆ ทกุ ขณะของการปฏบิ ตั ิ โดยไมต อ งพดู วาทกุ ขนั้ หรอื ทกุ ลำดบั แตต อ งเปน ทกุ ๆ ขณะของทกุ ขน้ั หรอื ทกุ ลำดบั นน่ั เอง. สว นการสโมธานแหง ธรรมทง้ั หลายในขณะภาวนา ทา นผสู นใจสามารถอา นไดจ ากหนงั สอื อานาปานสตภิ าวนาของพระธรรมโกศาจารย (พทุ ธทาสภกิ ข)ุ ในหวั ขอ “การสโมธานของธรรมในขณะแหง ภาวนา”.ตอน ๖ อานาปานสติ ขนั้ ที่ ๖ (การกำหนดสขุ ) อเุ ทส หรอื หวั ขอ แหง อานาปานสตขิ อ ท่ี ๒ แหง จตกุ กะที่ ๒ หรอื จดั เปน ขน้ั ท่ี ๖ แหงอานาปานสตทิ ง้ั ปวงนนั้ มอี ยวู า : “ภกิ ษนุ นั้ ยอ มทำในบทศกึ ษาวา ‘เราเปน ผรู พู รอ มเฉพาะซง่ึ สขุ จกั หายใจเขา ’; ยอ มทำในบทศกึ ษาวา ‘เราเปน ผรู พู รอ มเฉพาะซง่ึ สขุ จกั หายใจออก’”. (สขุ ปฏสิ เํ วที อสสฺ สสิ สฺ ามตี ิ สกิ ขฺ ต;ิ สขุ ปฏสิ เํ วที ปสสฺ สสิ สฺ ามตี ิ สกิ ขฺ ต.ิ ) คำอธบิ ายของอานาปานสตขิ นั้ ท่ี ๖ นี้ เปน ไปในทำนองเดยี วกนั กบั อานาปานสตขิ นั้ ที่๕ ทกุ ประการ จนแทบจะกลา วไดว า เหมอื นกนั ทกุ ตวั อกั ษรแตต น จนปลาย. ผดิ กนั อยหู นอ ยเดยี วตรงทวี่ า ในขนั้ ที่ ๕ นน้ั เปน การเพง พจิ ารณาทป่ี ต .ิ สว นในขนั้ ที่ ๖ นี้ เพง พจิ ารณาที่
2 - 120 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : อานาปานสติตวั ความสขุ อนั เปน สงิ่ ทคี่ กู นั อยกู บั ปต .ิ แตเ นอื่ งจากสง่ิ ทง้ั ๒ นจ้ี ดั เปน เวทนาดว ยกนั เมอ่ืกลา วโดยหลกั รวมจงึ เปน สงิ่ ๆ เดยี วกนั คอื เปน เพยี งเวทนาดว ยกนั นนั่ เอง. คำอธบิ ายเกย่ี วกบั เรอ่ื งนจี้ งึ เหมอื นกนั โดยประการทงั้ ปวง, มอี ยแู ตว า จะตอ งทำการวนิ จิ ฉยั ในขอ ทวี่ า ปต ิกบั ความสขุ โดยลกั ษณะเฉพาะ มคี วามแตกตา งกนั อยา งไรบา งเทา นนั้ .คำวา สขุ คำวา “สขุ ” โดยทว่ั ไป ทา นจำแนกเปน ๒ คอื สขุ เปน ไปในทางกาย และสขุ เปน ไปในทางจติ . สขุ ทเี่ ปน ไปในทางกาย เปน สงิ่ ทมี่ มี ลู โดยตรงมาจากวตั ถหุ รอื รปู ธรรม และอาการของความสขุ แสดงออกมาทางกาย หรอื เนอื่ งดว ยกายเปน สว นใหญ. สว นความสขุ ทเ่ี ปน ไปในทางจติ เปน สงิ่ ทสี่ งู หรอื ประณตี ขน้ึ ไปกวา นน้ั ฉะนน้ั จงึ มมี ลู มาจากนามธรรมเปน สว นใหญปรารภธรรมะเปน สว นใหญ และเปน ไปในทางจติ คอื แสดงออกในทางจติ โดยเฉพาะ; สว นท่ีเปน ผลเนอื่ งมาถงึ ทางกายดว ยนนั้ ยอ มมเี ปน ธรรมดา แตถ อื วา เปน สว นทพ่ี ลอยได, คงเพงเลง็ เอาสว นทเ่ี นือ่ งอยกู บั จติ เปน สว นใหญ. คำวา ความสขุ ในการเจรญิ อานาปานสติ นนั้หมายถงึ ความสขุ ทเ่ี ปน ความรสู กึ ขององคฌ าน เชน เดยี วกบั ปต ิ ซง่ึ เปน องคฌ านดว ยกนั ฉะนน้ัจงึ หมายถงึ ความสขุ ทเี่ ปน ไปในทางใจโดยสว นเดยี ว และเปน สงิ่ ทจี่ ะตอ งหยบิ ขนึ้ มาเพง พจิ ารณาในฐานะเปน เวทนาอกี อยา งหนงึ่ เพอ่ื การเจรญิ อานาปานสตขิ น้ั ท่ี ๖ น,้ี โดยวธิ อี ยา งเดยี วกนักบั การพจิ ารณาปต ิ.วิธีปฏิบัติ การปฏบิ ตั อิ านาปานสตขิ นั้ ท่ี ๖ นี้ ผปู ฏบิ ตั พิ งึ ยอ นไปทำการกำหนดศกึ ษามาตงั้ แตอานาปานสตขิ นั้ ท่ี ๔ พงึ กำหนดองคฌ านตา งๆ ใหแ จม แจง อกี ครงั้ หนงึ่ . เมอื่ แจม แจง ทว่ั ทกุองคแ ลว เพอื่ กำหนดเจาะจงเอาเฉพาะองคท เี่ รยี กวา “สขุ ” เพอื่ การเพง พจิ ารณาหรอื การตามดู โดยนยั ทกี่ ลา วแลว โดยละเอยี ดในอานาปานสตขิ นั้ ที่ ๕ ทกุ ๆ ประการ โดยหวั ขอ ดงั ตอไปน้ี คอื :- ๑. สง่ิ ทเี่ รยี กวา ความสขุ น้ี คอื อะไร ? มลี กั ษณะอยา งไร ? ๒. สงิ่ ทเ่ี รยี กวา ความสขุ นนั้ เกดิ ขนึ้ ในขณะไหน เวลาใด ?
2 - 121 ธรรมปฏิบตั ิ ๕ สาย : อานาปานสติ ๓. เกดิ ขนึ้ ดว ยอำนาจอะไร ? หรอื ดว ยการทำอยา งไร ? ๔. เกดิ ญาณและสตขิ นึ้ ในลำดบั ตอ ไปดว ยอาการอยา งไร ? ๕. ในขณะนน้ั ชอ่ื วา เธอยอ มตามเหน็ ซงึ่ เวทนา คอื ความสขุ นน้ั โดยลกั ษณะอยา งไร อยู ? แลว ละอะไรเสยี ได ? ๖. การตามเหน็ เวทนานนั้ มอี าการแหง การเจรญิ สตปิ ฏ ฐานภาวนาเกดิ ขนึ้ ดว ยอาการ อยา งไร ? ๗. ในขณะทส่ี โมธานซงึ่ ธรรมยอ มมกี ารสโมธานธรรม, ยอ มรโู คจรและยอ มแทงตลอด สมตั ถะของธรรมนน้ั ๆ อยา งไร ? ๘. ยอ มสโมธานธรรมทเ่ี ปน หมวดหมู โดยรายละเอยี ดอยา งไร ? ๙. ยอ มสโมธานธรรมโดยหลกั ใหญ หรอื โดยกวา งขวางมจี ำนวนเทา ไร ? และ ๑๐. มวี ธิ กี ารพจิ ารณาการเกดิ ขนึ้ ตง้ั อยู ดบั ไป ของสขุ เวทนานนั้ โดยละเอยี ดอยา งไร ? รวมเปน ๑๐ ประการดงั น้ี ซง่ึ ควรจะกลา วแตใ จความ เพอ่ื เปน เครอื่ งทบทวนความจำไดโดยสะดวกอกี ครง้ั หนงึ่ ดงั ตอ ไปน้ี :- ๑. ความสขุ ในทนี่ ี้ คอื สขุ ทเ่ี ปน ไปทางจติ ทเี่ รยี กวา เจตสกิ สขุ มลี กั ษณะเยอื กเยน็ เปน ท่ีตง้ั แหง ปส สทั ธหิ รอื สมาธโิ ดยตรง. ในทน่ี ี้ เลง็ ถงึ สขุ ซง่ึ เปน องคฌ านองคห นง่ึ นน่ั เอง. ๒. สขุ ทเ่ี ปน เวทนา เนอื่ งในการเจรญิ อานาปานสตนิ ี้ อาจจะเกดิ ขนึ้ ไดต งั้ แตข ณะแหงอานาปานสตขิ นั้ ที่ ๑ ขน้ั ที่ ๒ ท่ี ๓ เปน ลำดบั มาและถงึ ทส่ี ดุ เปน สขุ โดยสมบรู ณใ นขนั้ ท่ี ๔ขนั้ ท่ี ๕ ท่ี ๖ (มขี อ ความโดยละเอยี ดดงั ทกี่ ลา วแลว ในคำอธบิ ายอานาปานสตขิ น้ั ที่ ๔ อนัวา ดว ยองคฌ านเปน ลำดบั มา). ๓. ความสขุ ในทน่ี ี้ เกดิ มาจากอบุ ายของการกระทำอนั แยบคาย เนอ่ื งดว ยลมหายใจเขา -ออก ดว ยอาการ ๑๖ อยา ง มกี ารรทู วั่ ถงึ อยซู ง่ึ เอกคั คตาจติ เปน ตน และมกี ารทำใหแ จงซง่ึ ธรรมทคี่ วรทำใหแ จง ไดด ว ยการกำหนดลมหายใจเขา -ออก เปน ทสี่ ดุ (โดยอาการอยา งเดยี วกนั กบั ทก่ี ลา วแลว ในอานาปานสตขิ นั้ ท่ี ๕ ในตอนทก่ี ลา วถงึ การเกดิ แหง ปต ิ ๑๖ ประการ). ๔. เมอ่ื ความสขุ เกดิ ขนึ้ ดว ยอาการ ๑๖ อยา งนนั้ แลว สขุ เปน สงิ่ ทผ่ี ปู ฏบิ ตั ริ พู รอ มเฉพาะ
2 - 122 ธรรมปฏบิ ัติ ๕ สาย : อานาปานสติดว ยอำนาจการหายใจเขา -ออก สตเิ กดิ ขนึ้ เปน อนปุ ส สนาญาณ, สขุ ปรากฏขนึ้ ในฐานะเปนอารมณ, สตปิ รากฏในฐานะเปน ผกู ำหนดอารมณ, ผปู ฏบิ ตั ติ ามเหน็ สขุ ดว ยสตนิ นั้ ดว ยญาณนน้ั (ดงั ทไ่ี ดก ลา วแลว โดยละเอยี ดในอานาปานสตขิ นั้ ที่ ๕). ๕. เธอตามเหน็ ความสขุ นน้ั โดยความเปน ของไมเ ทยี่ ง เปน ทกุ ขเ ปน อนตั ตา. แลว ละสญั ญาวา เทยี่ ง วา สขุ วา อตั ตาเสยี ได, เมอ่ื เบอื่ หนา ยอยลู ะความเพลดิ เพลนิ เสยี ได เมอื่คลายความกำหนดั อยู ละความกำหนดั เสยี ได เมอ่ื ทำความดบั อยู ละการกอ เสยี ได. เมอ่ืทำการสละคนื อยู ละการยดึ มนั่ เสยี ได (ดงั ทไี่ ดก ลา วแลว โดยละเอยี ดในอานาปานสตขิ น้ั ที่ ๕) ๖. เมอื่ ตามเหน็ เวทนาอยู ดงั นนั้ ยอ มเปน การเจรญิ สตปิ ฏ ฐานภาวนาเพราะความหมายทวี่ า ไดท ำไมใ หเ กดิ ความกำ้ เกนิ ของธรรมทเ่ี กดิ ขนึ้ ในขณะทสี่ ตกิ ำหนดเวทนา, ไดท ำใหอ นิ ทรยี เปน ตน รวมกนั ทำกจิ อนั เดยี ว, สามารถทำใหม กี ารนำความเพยี รเขา ไปเหมาะสมแกธ รรมเหลานนั้ และอนิ ทรยี เ หลา นนั้ , และเพราะเปน สงิ่ ทที่ ำมากและสอ งเสพมาก, ดว ยเหตุ ๔ ประการน้ีจงึ ไดช อ่ื วา ภาวนา (ดงั ทไี่ ดก ลา วแลว โดยละเอยี ดในอานาปานสตขิ น้ั ท่ี ๕). ๗. เมอื่ ภาวนาโดยทำนองนนั้ เปน ไปโดยสมบรู ณ ยอ มมกี ารสโมธานธรรม เชน อนิ ทรยี ๕ เปน ตน , ในขณะนน้ั มกี ารรโู คจร กลา วคอื อารมณข องธรรมมอี นิ ทรยี เ ปน ตน เหลา นนั้ และมีการแทงตลอดซึ่งสมัตถะ คือคุณคาอันสม่ำเสมอของธรรมเหลาน้ัน (ดังท่ีไดกลาวแลวโดยละเอยี ดในอานาปานสตขิ น้ั ท่ี ๕). ๘. ยอ มมกี ารสโมธานธรรม อนั เปน หมวดหมโู ดยละเอยี ด คอื มกี ารสโมธานอนิ ทรยี ท ง้ั๕ พละทงั้ ๕ โพชฌงคท ง้ั ๗ มรรคทงั้ ๘ โดยรายละเอยี ดทอ่ี าจชใ้ี หเ หน็ ไดอ ยา งชดั เจนวาเพราะประกอบดว ยความหมายอยา งไรจงึ ไดช อื่ วา สโมธานธรรมอนั มชี อ่ื อยา งนน้ั (ดงั ทไี่ ดก ลา วแลว โดยละเอยี ดในอานาปานสตขิ น้ั ที่ ๕). ๙. ยอ มสโมธานธรรมโดยกวา งขวางถงึ ๒๙ ประการ มกี ารสโมธานอนิ ทรยี ๕ เปน ตนและสโมธานอมโตคธะ กลา วคอื นพิ พานเปน ทสี่ ดุ (ดงั ทไ่ี ดก ลา วแลว โดยละเอยี ดในอานาปาน-สตขิ นั้ ที่ ๕). ๑๐. การพจิ ารณาเวทนาโดยละเอยี ด ไดแ กก ารพจิ ารณาตวั เวทนาและธรรมอนื่ ท่ี
2 - 123 ธรรมปฏิบตั ิ ๕ สาย : อานาปานสติเกดิ สบื ตอ จากเวทนาคอื สญั ญา และวติ ก วา แตล ะอยา งๆ เกดิ ขน้ึ ตงั้ อยู ดบั ไป อยา งไร,เมอื่ เกดิ เกดิ เพราะปจ จยั อะไร, เมอื่ ดบั ดบั เพราะปจ จยั อะไร และเมอ่ื ตง้ั อยู มนั แสดงใหเ หน็อะไร จนเกิดความรูสึกในจิตใจของผูปฏิบัติข้ึนมาอยางไรตามลำดับ (ดังที่ไดกลาวแลวโดยละเอยี ดในอานาปานสตขิ น้ั ท่ี ๕). สรปุ ความวา การเจรญิ อานาปานสตขิ น้ั ที่ ๖ นี้ มกี ารปฏบิ ตั ทิ กุ อยา งทกุ ตอน เปน อยา งเดยี วกนั กบั อานาปานสตขิ น้ั ท่ี ๕ ผดิ กนั แตอ ารมณส ำหรบั เพง พจิ ารณาไดเ ปลยี่ นจากเวทนาคอื ปต ิ มาเปน เวทนา คอื สขุ . ทงั้ นี้ เพอื่ ใหส ง่ิ ทเี่ รยี กวา ความสขุ ไดร บั การพจิ ารณาสบื ตอ ไปจากปต ิ ในฐานะทค่ี วามสขุ เปน ทตี่ งั้ แหง ความยดึ ถอื มากยงิ่ ขนึ้ ไปกวา ปต ,ิ ผลของการพจิ ารณายอ มสงู กวา ปต ติ ามขน้ั ไปเปน ธรรมดา เพอื่ วา ผปู ฏบิ ตั จิ กั เปน ผรู พู รอ มเฉพาะซง่ึ เวทนาทงั้ ปวงอยางแทจริง.ตอน ๗ อานาปานสติ ขน้ั ที่ ๗ (การกำหนดจติ ตสงั ขาร) อทุ เทสแหง อานาปานสตขิ นั้ ที่ ๗ มหี วั ขอ โดยบาลพี ระพทุ ธภาษติ วา “ภกิ ษนุ น้ั ยอ มทำในบทศกึ ษาวา ‘เราเปน ผรู พู รอ มเฉพาะซงึ่ จติ ต- สงั ขาร จกั หายใจเขา ’; ยอ มทำในบทศกึ ษาวา ‘เราเปน ผรู พู รอ มเฉพาะซงึ่ จิตตสังขาร จักหายใจออก’”. (จิตฺตสงฺขารปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติ; จติ ตฺ สงขฺ ารปฏสิ เํ วที ปสสฺ สสิ สฺ ามตี ิ สกิ ขฺ ต)ิ “จติ ตสงั ขาร” ในทน่ี ี้ คอื สญั ญา และเวทนา ซงึ่ เปน พวกเจตสกิ ธรรม. สญั ญาและเวทนาถกู จดั เปน จติ ตสงั ขาร เพราะเปน สง่ิ ทเี่ ปน ไปกบั ดว ยจติ เนอื่ งเฉพาะอยกู บั จติ และเปน สง่ิ ทป่ี รงุ แตง จติ . เหตนุ นั้ สง่ิ ทงั้ ๒ นจี้ งึ ไดช อ่ื วา จติ ตสงั ขาร ซง่ึ แปลวา เครอ่ื งปรงุ แตงจิต. ผมู คี วามสงั เกต จะสงั เกตเหน็ ไดเ องวา ในอานาปานสตขิ นั้ กอ น ไดพ ดู ถงึ สงิ่ ทง้ั ๓ คอืเวทนา สญั ญา และวติ ก ในทนี่ ก้ี ลา วถงึ แตเ พยี ง ๒ คอื สญั ญาและเวทนา สว นวติ กนนั้ ขาดหายไป. ขอ นเ้ี พราะเหตวุ า สงิ่ ทเ่ี รยี กวา วติ กนนั้ ถกู จดั อยใู นฝา ยจติ มไิ ดอ ยใู นฝา ยเครอื่ งปรงุ แตง จติ ฉะนน้ั ทา นจงึ กลา วถงึ แตส ญั ญา กบั เวทนา เพยี ง ๒ อยา งในฐานะทเ่ี ปน จติ ต-สงั ขาร, สว นวติ กนน้ั เปน จติ .
2 - 124 ธรรมปฏิบตั ิ ๕ สาย : อานาปานสติ ทำไมสง่ิ ทงั้ ๒ น้ี จงึ ไดช อื่ วา เครอ่ื งปรงุ แตง จติ ? คำตอบมไี ดอ ยา งงา ยๆ วา เพราะสญั ญาและเวทนาเปน เหตใุ หเ กดิ วติ ก กลา วคอื ความคดิ หรอื ทเ่ี รยี กวา จติ ในทนี่ น้ี นั่ เอง : เวทนาและสญั ญา รว มกนั ทำหนา ทปี่ รงุ แตง จติ โดยไมแ ยกกนั . ดงั ทไ่ี ดก ลา วมาแลว วา เมอ่ื มเี วทนาเกดิ ขน้ึ กเ็ กดิ สญั ญาขน้ึ ๒ ระยะ คอื สญั ญาท่ีเปน ตวั สมปฤดี คอื ความจำไดห มายรวู า เปน เวทนาชนดิ ไหน นอี้ ยา งหนง่ึ , ถดั มา คอื สญั ญาชนดิ ทเี่ ปน การทำความสำคญั มน่ั หมายวา เวทนานนั้ เปน ตวั ตน และเปน ของของตนดว ยความยดึ มนั่ ถอื มนั่ . สญั ญาอยา งในระยะแรกเปน สญั ญาในเบญจขนั ธ เปน อาการทเ่ี ปน ไปโดยอตั โนมตั ิ เปน ไปตามธรรมชาตยิ งั ไมเ ปน ตวั เจตนา ยงั ไมจ ดั เปน กศุ ลหรอื อกศุ ล. สว นสญั ญาในระยะหลงั เปน อาการของกเิ ลสโดยตรง จดั เปน อกศุ ลเพราะมโี มหะเปน มลู และเปน เหตใุ หทำกรรมอยา งใดอยา งหนง่ึ โดยเฉพาะกค็ อื มโนกรรม ไดแ ก ความคดิ ทจี่ ะทำอะไรลงไปดว ยเจตนา และไดช อ่ื วา เปน มโนกรรมเสรจ็ แลว เมอื่ ความคดิ นนั้ ไดเ ปน ไปแลว ; สว นทจี่ ะออกมาเปน กายกรรมหรอื วจกี รรมทหี ลงั นนั้ เปน อกี กรณหี นงึ่ . เพยี งแตท ำใหเ กดิ มโนกรรมอยา งเดยี วเทา นนั้ กไ็ ดช อื่ วา มกี ารปรงุ แตง จติ ถงึ ทส่ี ดุ เสยี แลว . ดว ยอาการอยา งนเี้ อง เวทนากบัสญั ญาจงึ ไดช อื่ วา จติ ตสงั ขาร ซงึ่ แปลวา ธรรมเปน เครอื่ งปรงุ แตง จติ , ถา ปราศจากเวทนาและสญั ญาเสยี แลว ความคดิ ตา งๆ จะไมเ กดิ ขน้ึ . อนงึ่ พงึ ทราบวา สญั ญาเวทนาทเ่ี ปน อดตี กส็ ามารถปรงุ แตง จติ ไดโ ดยทำนองเดยี วกบั สญั ญาและเวทนา ทเ่ี พงิ่ จะเกดิ ขนึ้ ในขณะนนั้ . นเ้ี รยี กวา เปน ตวั เหตโุ ดยตรง สว นทเ่ี ปนตวั เหตโุ ดยออ ม หรอื ทเี่ รยี กวา เปน ปจ จยั หรอื เปน อปุ กรณน น้ั กย็ งั มอี ยู ไดแ กส ญั ญาทผี่ นวกเขา มาทางใดทางหนง่ึ หรอื สว นใดสว นหนงึ่ ซงึ่ ไดแ ก สญั ญาทม่ี อี ยปู ระจำสนั ดาน เชน นจิ จสญั ญาความสำคญั วา เทยี่ ง, สขุ สญั ญา ความสำคญั วา สขุ , และสภุ สญั ญา ความสำคญั วา งาม. เหลานเ้ี ปน ตน . สญั ญาประเภทน้ี ยอ มเขา ผนวกกบั สญั ญาในรปู เสยี ง กลนิ่ รส ทเ่ี ปน ไปในทางสำคญั มน่ั หมายวา ตวั วา ตน วา ตวั เขา ตวั เรา วา ของเขา ของเรา ดงั นเี้ ปน ตน ความคิดตา งๆ จงึ เกดิ ขน้ึ . ทงั้ หมดนี้ ยอ มแสดงใหเ หน็ ไดว า สงิ่ ทเ่ี รยี กวา สญั ญาทกุ ชนดิ ยอ มเปนจติ ตสงั ขาร คอื เปน สงิ่ ทปี่ รงุ แตง จติ . ขอ สงั เกตพเิ ศษอยา งหนง่ึ ซงึ่ ทกุ คนควรจะสงั เกต คอื ขอ ทใี่ นกรณเี ชน น้ี ทา นยกเอา
2 - 125 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : อานาปานสติสญั ญามาไวข า งหนา เวทนา ซงึ่ ในกรณอี นื่ หรอื กรณที ว่ั ไปทา นจะเรยี งลำดบั ไวว า เวทนา สญั ญาวติ ก. การทย่ี กเอาสญั ญามาวางขา งหนา เวทนาเชน นี้ เปน การแสดงอยใู นตวั แลว วา สญั ญานนั่ เองเปน ตวั การปรงุ แตง จติ . ถา เวทนาใดปราศจากการเกยี่ วขอ งกบั สญั ญา คอื ไมท ำหนา ที่กอ ใหเ กดิ สญั ญาไดแ ลว เวทนานน้ั กไ็ มอ าจปรงุ แตง จติ เชน เวทนาของพระอรหนั ต. สรุปความไดวา เวทนาท่ีเนื่องอยูกับสัญญา หรือสัญญาที่เนื่องอยูกับเวทนาเทาน้ันทจ่ี ะทำหนา ทปี่ รงุ แตง จติ ได. ถา ไมม เี วทนา สญั ญากไ็ มอ าจจะเกดิ จงึ ไมม อี ะไรปรงุ แตง จติ .เวทนากเ็ หมอื นกนั เกดิ แลว ถา ไมป รงุ แตง สญั ญาขน้ึ มาได กไ็ มป รงุ แตง จติ , และเมอ่ื มนั ปรงุแตง สญั ญาได กป็ รงุ แตง จติ ตอ ไปโดยแนน อน. นค้ี อื สงิ่ ทเี่ รยี กวา จติ ตสงั ขาร และอาการท่ีมนั ปรงุ แตง จติ . อานาปานสตขิ อ นี้ มกี ารพจิ ารณาเพง ไปยงั เวทนาทปี่ รงุ แตง จติ ผดิ จากอานาปานสติขอ ท่ี ๕ และขอ ท่ี ๖ ซง่ึ เพง ไปยงั เวทนาในฐานะทเี่ ปน เวทนา : ขอ ที่ ๕ เพง ไปยงั ปต ิ เปน การเพง ดเู วทนาโดยเอกเทศ, ขอ ท่ี ๖ เพง ดสู ขุ เปน การเพง เวทนาโดยวงกวา ง หรอื ครอบคลมุเวทนาทงั้ หมด, สว นขอ ท่ี ๗ นเี้ ปน การเพง ดเู วทนาในฐานะเปน สง่ิ ทป่ี รงุ แตง สญั ญา แลวปรงุ แตง จติ ในทสี่ ดุ , ดงั ทกี่ ลา วแลว . ผศู กึ ษาจะตอ งสงั เกตความแตกตา งกนั อยา งนี้ ใหเ ขาใจชดั เจนเสยี กอ น มฉิ ะนนั้ จะตอ งมคี วามฟน เฝอ เพราะชอื่ เหมอื นๆ กนั และอธบิ ายดว ยหลกัเกณฑอ ยา งเดยี วกนั . บดั นี้ จะไดว นิ จิ ฉยั ในขอ ทวี่ า จติ ตสงั ขารทก่ี ลา วน้ี ปรากฏแกใ คร ในขณะไหนตอ ไป. ผศู กึ ษาพงึ สงั เกตดใู หด ี จนกระทง่ั จบั หลกั สำคญั ไดว า สง่ิ ทจี่ ะตอ งเพง พจิ ารณานน้ั ตอ งเปน สงิ่ ทกี่ ำลงั เกดิ แกบ คุ คลนนั้ เอง และตรงตามขณะทท่ี า นระบไุ วเ ปน ระเบยี บตายตวั ในลำดบัของอานาปานสติ คอื ใหส งั เกตใหเ หน็ วา สงิ่ นน้ั ๆ ไดเ กดิ อยตู ลอดทกุ ระยะ นบั ตง้ั แตร ะยะเรมิ่แรก จนกระทง่ั ระยะสดุ ทา ยทตี่ นกำลงั ปฏบิ ตั อิ ย.ู สำหรบั สง่ิ ทเี่ รยี กวา เวทนาทมี่ นั มอี ยอู ยา งทจี่ ะทำใหเ รามองเหน็ ไดม า ตง้ั แตอ านาปานสตขิ น้ั ท่ี ๑ คอื การกำหนดลมหายใจยาว, แตใ นขณะนนั้ เราไปทำในใจอยทู ล่ี มหายใจ จงึ ไมไ ดม องดเู วทนา ซงึ่ ทแี่ ทก เ็ กดิ อยใู นขณะนนั้ กลา วคอื ความสขุ อยา งผวิ เผนิ ทเ่ี รม่ิ เกดิ ขน้ึ จากการกำหนดลมหายใจนน่ั เอง : แมเ ปน เพยี งเวทนา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 642
Pages: