ทุกลมหายใจเขา-ออกจริงๆ. เมอื่ กระทำอยดู งั น้ี จะเปน การกระทำทก่ี ำหนดอารมณอ ะไรกต็ าม ในระดบั ไหนกต็ าม ลว นแตไ ดช อื่ วา เปน ปฏนิ สิ สคั คานปุ ส สดี ว ยกนั ทง้ั นน้ั . เมอ่ื กระทำอยู ดงั นก้ี ช็ อ่ื วา เปน การ เจริญธรรมานุปสสนาสติปฏฐานภาวนาขั้นสุดทาย เปนภาวนาที่แทจริง ประมวลมาไดซึ่ง สโมธานธรรม ๒๙ ประการในระดับสูงสุดของการปฏิบัติบำเพ็ญอานาปานสติ ในขั้นที่เปน วปิ ส สนาภาวนาโดยสมบรู ณ. สำหรบั จตกุ กะท่ี ๔ น้ี จดั เปน ธรรมานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐานภาวนาดว ยกนั ทง้ั นนั้ . ขนั้ แรกพจิ ารณาความเปน อนจิ จงั ทกุ ขงั อนตั ตา ซง่ึ สรปุ รวมลงไดเ ปน สญุ ญตา มคี วามหมาย สำคญั อยตู รงทวี่ า งอยา งไมน า ยดึ ถอื ขนื ยดึ ถอื กเ็ ปน ทกุ ข. ขน้ั ตอ มากำหนดพจิ ารณาในการ ทำความจางคลายจากความยดึ ถอื ตอ สง่ิ เหลา นน้ั เพราะเกลยี ดกลวั โทษ กลา วคอื ความทกุ ข อนั เกดิ มาจากความยดึ ถอื . ขน้ั ตอ มาอกี กำหนดพจิ ารณาไปในทำนองทจ่ี ะใหเ หน็ วา มนั มไิ ด มตี วั ตนอยจู รงิ ไปทง้ั หมดทงั้ สนิ้ หรอื ทกุ สงิ่ ทกุ อยา ง การยดึ ถอื เปน ยดึ ถอื ลมๆ แลง ๆ เพราะ วา ตวั ผยู ดึ ถอื กไ็ มไ ดม ตี วั จรงิ สง่ิ ทถี่ กู ยดึ ถอื กไ็ มไ ดม ตี วั จรงิ แลว การยดึ ถอื มนั จะมตี วั จรงิ ได อยา งไร; พจิ ารณาไปในทางทจี่ ะดบั ตวั ตนของสงิ่ ทง้ั ปวงเสยี โดยสน้ิ เชงิ . สว นขนั้ ที่ ๔ อนั เปน ขนั้ สดุ ทา ยนน้ั กำหนดพจิ ารณาไปในทางทสี่ มมตเิ รยี กไดว า บดั นไ้ี ดส ลดั ทงิ้ สงิ่ เหลา นนั้ ออกไปหมดแลว ดว ยการทำใหม นั วา งลงไปไดจ รงิ ๆ คอื สง่ิ ทง้ั ปวงเปน ของวา งไปแลว และ จิตก็มีอาการท่ีสมมติเรียกวา “เขานิพพานเสียแลว” คือสลายตัวไปในความวางหรือ สญุ ญตานนั้ ไมม อี ะไรเหลอื อยเู ปน ตวั ตน เพอ่ื ยดึ ถอื อะไรๆ วา เปน ของตนอกี ตอ ไปเลย. การปฏบิ ตั หิ มวดนี้ ไดช อ่ื วา พจิ ารณาธรรม กเ็ พราะพจิ ารณาทตี่ วั ธรรม ๔ ประการ โดยตรง คอื พจิ ารณาทอี่ นจิ จตา วริ าคะ นโิ รธะ และปฏนิ สิ สคั คะ โดยนยั ดงั ทกี่ ลา วแลว ตา ง จากจตกุ กะที่ ๑ เพราะในทนี่ นั้ พจิ ารณากายคอื ลมหายใจ; ตา งจากจตกุ กะที่ ๒ เพราะใน ทน่ี นั้ พจิ ารณาเวทนาโดยประการตา งๆ; ตา งจากจตกุ กะที่ ๓ เพราะในทนี่ นั้ พจิ ารณาทจ่ี ติ โดยวธิ ตี า งๆ; สว นในทนี่ เี้ ปน การพจิ ารณาทธ่ี รรม กลา วคอื สภาวธรรมทเี่ ปน ความจรงิ ของ สง่ิ ทง้ั ปวง ทรี่ แู ลว ใหจติ หลดุ พน จากทกุ ขไ ด ตา งกนั เปน ชนั้ ๆ ดงั น้ี. อานาปานสติ จตกุ กะท่ี ๔ จบ.2-188
ประมวลจตกุ กะทงั้ ๔ จตกุ กะที่ ๑ เปน สมถภาวนาลว น สว นจตกุ กะท่ี ๒ และที่ ๓ เปน สมถภาวนาทเี่ จอื กนักบั วปิ ส สนาภาวนา สว นจตกุ กะท่ี ๔ น้ี เปน วปิ ส สนาภาวนาถงึ ทส่ี ดุ . สมถภาวนา คอื การกำหนดโดยอารมณห รอื นมิ ติ เพอ่ื ความตง้ั มน่ั แหง จติ มผี ลถงึ ท่ีสดุ เปน ฌาน; สว นวปิ ส สนาภาวนานนั้ กำหนดโดยลกั ษณะคอื ความไมเ ทยี่ ง เปน ทกุ ข เปนอนตั ตา ทำจติ ใหร แู จง เหน็ แจง ในสงิ่ ทง้ั ปวง มผี ลถงึ ทสี่ ดุ เปน ญาณ : เปน อนั วา อานาปาน-สตทิ ง้ั ๑๖ วตั ถนุ ้ี ตงั้ ตน ขน้ึ มาดว ยการอบรมจติ ใหม กี ำลงั แหง ฌานดว ยจตกุ กะที่ ๑ แลว อบรมกำลงั แหง ญาณใหเ กดิ ขนึ้ ผสมกำลงั แหง ฌานในจตกุ กะท่ี ๒ ที่ ๓ โดยทดั เทยี มกนั และกำลงั แหง ญาณเดนิ ออกหนา กำลงั แหง ฌาน ทวยี ง่ิ ขน้ึ ไปจนถงึ ทส่ี ดุ ในจตกุ กะที่ ๔ จนสามารถทำลายอวิชชาไดจริงในลำดับน้ัน. วนิ จิ ฉยั ในอานาปานสติ อนั มวี ตั ถุ ๑๖ และมจี ตกุ กะ ๔ สน้ิ สดุ ลงเพยี งเทา น.ี้ 2-189
บรรณานุกรม พระไตรปฏ กบาลี ฉบบั สยามรฐั เลม ท่ี ๑๔. พมิ พค รง้ั ที่ ๔. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พม หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๘. พระสตู รและอรรถกถาแปล มชั ฌมิ นกิ าย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ที่ ๓ ภาคท่ี ๑. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๓๔. พระธรรมโกศาจารย (พุทธทาสภิกขุ). อานาปานสติภาวนา. พิมพครั้งท่ี ๑๒. สุราษฎรธานี: โรงพมิ พธ รรมทานมลู นธิ ิ ไชยา, ๒๕๕๐. พระธรรมโกศาจารย (พุทธทาสภิกขุ). วิปสสนาในอิริยาบถนั่ง. กรุงเทพฯ: โรงพิมพธรรมสภา, ๒๕๔๙. พระพุทธโฆสาจารย. วิสุทธิมรรคบาลี ภาค ๑. พิมพครั้งที่ ๗. กรุงเทพฯ: โรงพิมพมหามกุฏ- ราชวิทยาลัย, ๒๕๓๑. พระพุทธโฆสาจารย. วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑-๒ ฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย. พิมพครั้งที่ ๙. กรุงเทพฯ: โรงพิมพมหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๔๒. พระพุทธโฆสาจารย. ปฐมสมันตปาสาทิกแปล ภาค ๑ เลม ๓. พิมพคร้ังท่ี ๗. กรุงเทพฯ: โรงพิมพมหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๔๓. พระธรรมวสิ ทุ ธมิ งคล (บวั ญาณสมปฺ นโฺ น). วธิ ที ำสมาธแิ บบหลวงปมู น่ั . สมทุ รปราการ: โรงพมิ พ กอนเมฆแอนดกันยกรุป, ชมรมกัลยาณธรรม จัดพิมพ, ๒๕๕๐. พระพทุ ธโฆสาจารย แตง , พระเมธวี ราภรณ (ยยุ อปุ สนโฺ ต ป.ธ.๙) รวบรวม. คมั ภรี ว สิ ทุ ธมิ รรค ฉบับแปลรกั ษาแกน ธรรม. โรงพิมพ หจก. สามลดา, ๒๕๔๙. พระมติ ซโู อะ คเวสโก. อานาปานสต:ิ วถิ แี หง ความสขุ ๒, อานาปานสติ ขนั้ ที่ ๑-๘ และขนั้ ท่ี ๙-๑๖. พมิ พค รง้ั ที่ ๕. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พว ริ ยิ ะการพมิ พ, ๒๕๔๘. ป. หลงสมบญุ , พนั ตร.ี พจนานกุ รม มคธ-ไทย. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พอ าทรการพมิ พ, สำนกั เรยี น วดั ปากนำ้ ภาษเี จรญิ กรงุ เทพฯ จดั พมิ พ, ๒๕๔๐. ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรม พ.ศ.๒๕๒๕. พิมพคร้ังที่ ๒. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพอักษร- เจริญทัศน, ๒๕๒๖.2-190
คูมือการปฏิบัติวิปสสนากัมมัฏฐาน(สายอริ ยิ าปถปพ พะ หรอื ยบุ หนอพองหนอ) 3-1
3-2 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : พองยุบ ผูรวบรวม ๑. พระมหาปราโมทย ปโมทโิ ต ป.ธ.๙ ๒. พระมหาพภิ พ ภรู ปิ โฺ ญ ป.ธ.๗3-2
3-3ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : พองยุบ 3-3
3-4
สารบัญหลักการปฏิบัติวิปสสนากัมมัฏฐาน ..............................................................................................๗ ก. หลกั สตปิ ฏ ฐาน ๔ ..................................................................................................................๗ ๑. ความหมายของสติปฏฐาน.......................................................................................๗ ๒. ประเภทของสตปิ ฏ ฐาน ๔ ........................................................................................ ๘ ๓. จดุ ประสงคข องสตปิ ฏ ฐาน ....................................................................................... ๘ ๔. ประเภทบคุ คลเหมาะกบั สตปิ ฏ ฐาน ๔ ..................................................................... ๙ ข. หลกั ธรรมแหง การตรสั รู โพธปิ ก ขยิ ธรรม ๓๗ ประการ . .............................................. ๑๐ ๑. สตปิ ฏ ฐาน ๔ ........................................................................................................... ๑๐ ๒. สมั มปั ปธาน ๔........................................................................................................ ๑๑ ๓. อทิ ธบิ าท ๔ ............................................................................................................. ๑๑ ๔. อนิ ทรยี ๕ ............................................................................................................... ๑๒ ๕. พละ ๕ .................................................................................................................... ๑๒ ๖. โพชฌงค ๗ ............................................................................................................. ๑๔ ๗. มรรคมอี งค ๘........................................................................................................ ๒๓ ค. หลักวิปสสนาภูมิ ๖ ในการปฏิบัติวิปสสนากัมมัฏฐาน ..................................................... ๒๔วิธีการปฏิบัติสมถกัมมัฏฐาน ......................................................................................................๓๑ ก. ความหมาย ..........................................................................................................................๓๑ ข. ประเภทของสมาธิ ...............................................................................................................๓๑ ค. อารมณของสมถกัมมัฏฐาน................................................................................................ ๓๒ ง. ผลของสมถกัมมัฏฐาน .........................................................................................................๓๕วิธีการปฏิบัติวิปสสนากัมมัฏฐาน ..............................................................................................๓๗ ก. ความหมาย .........................................................................................................................๓๗ ข. ประเภทของวิปสสนากัมมัฏฐาน.........................................................................................๓๙ ค. ประโยชนของวิปสสนากัมมัฏฐาน ...................................................................................... ๔๐ 3-5
ง. วธิ ปี ฏบิ ตั ติ ามแนวสตปิ ฏ ฐาน ๒๑ บรรพ ........................................................................... ๔๐ ๑. กายานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐาน ................................................................................. ๔๑ ๒. เวทนานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐาน ............................................................................... ๔๔ ๓. จติ ตานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐาน ................................................................................. ๔๕ ๔. ธมั มานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐาน ................................................................................. ๔๖ จ. หลักฐานและสภาวะของวิปสสนาญาณ ๑๖...................................................................... ๔๗ ฉ. เปรยี บเทยี บวปิ ส สนาญาณ ๑๖ ใน วสิ ทุ ธิ ๗ ................................................................... ๕๘ หลักการและวิธีปฏิบัติวิปสสนากัมมัฏฐาน ตามแนวของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย....................................................... ๖๕ ก. หลกั วปิ ส สนาภมู ิ ๖ ของวปิ ส สนากมั มฏั ฐาน..................................................................... ๖๕ ข. หลักการปฏิบัติตามแนวสติปฏฐาน ๔................................................................................ ๖๕ ค. หลักธรรมเก้ือหนุนในการบรรลุธรรม ................................................................................ ๖๖ วิธีการปฏิบัติวิปสสนากัมมัฏฐาน ................................................................................................. ๖๘ ก. กิจเบ้ืองตนท่ีควรรูและควรทำกอนเขาปฏิบัติ ................................................................... ๖๘ ข. การสมาทานพระกัมมัฏฐาน................................................................................................ ๖๙ ค. ขอท่ีควรเวนในการเจริญกัมมัฏฐาน ..................................................................................๗๓ ง. ขอ ทคี่ วรปฏบิ ตั ิ ในการเจรญิ กมั มฏั ฐาน ............................................................................ ๗๔ จ. การกำหนด ......................................................................................................................... ๗๕ ฉ. การปฏิบัติในอิริยาบถยอยตางๆ ....................................................................................... ๗๙ ช. การปฏิบัติในอิริยาบถยืนและอิริยาบถเดิน (เดินจงกรม) ................................................. ๘๙ ฌ. การปฏิบัติในอิริยาบถน่ัง (นั่งสมาธิ) .............................................................................. ๑๐๓ ญ. หลักธรรมเก้ือหนุนตอวิปสสนากัมมัฏฐาน ..................................................................... ๑๐๘ ฎ. การสงและสอบอารมณ ................................................................................................... ๑๐๙ ฏ. วิเคราะหเปรียบเทียบกับวิธีในมหาสติปฏฐานสูตร ........................................................ ๑๑๑3-6
หลักการและวิธีการปฏิบัติวิปสสนากัมมัฏฐาน๑ สติปฏฐานเปนทางสายเอก และเปนทางสายเดียวที่ทำใหผูดำเนินตามทางน้ี ถึงความบรสิ ทุ ธหิ์ มดจด จนบรรลพุ ระนพิ พาน ดงั นน้ั ผทู ป่ี รารถนาจะบรรลมุ รรค ผล นพิ พานตอ งเรมิ่ ตน ดว ยสตปิ ฏ ฐานน้ี ในมหาสตปิ ฏ ฐานสตู ร พระผมู พี ระภาคเจา ไดต รสั แกพ ระภกิ ษุทง้ั หลายวา “เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมตกิ กฺ มาย ทกุ ขฺ โทมนสสฺ านํ อตถฺ งคฺ มาย ญายสสฺ อธคิ มาย นพิ พฺ านสสฺ สจฉฺ กิ ริ ยิ าย ยททิ ํ จตตฺ าโร สตปิ ฏฐ านา” “หนทางนเี้ ปน หนทางเอก เพอื่ ความบรสิ ทุ ธหิ์ มดจดแหง สตั วท งั้ หลาย เพอ่ื ความกา วลว งเสยี ดว ยดซี ง่ึ ความโศกและความร่ำไร เพอื่ ดบั ไปแหง ทกุ ข และโทมนสั เพอ่ื บรรลญุ ายธรรม เพอ่ื กระทำใหแ จง ซง่ึ พระนพิ พาน สงิ่ นี้ คอื สตปิ ฏ ฐาน ๔”๒ก. หลกั สตปิ ฏ ฐาน ๔๑. ความหมายของสตปิ ฏ ฐาน สติ คอื ความระลกึ รอู ารมณท เี่ ปน ฝา ยดี ยบั ยง้ั มใิ หจ ติ ตกไปในทางชวั่ หรอื ความระลกึไดท รี่ ทู นั อารมณอ นั เปน ฝา ยดี ปฏ ฐาน คอื ความตง้ั มนั่ อยใู นอารมณ ดงั นน้ั สตปิ ฏ ฐานกค็ อื ความตง้ั มน่ั ในการระลกึ รอู ารมณท เี่ ปน ฝา ยดี มคี วามหมายโดยเฉพาะถงึ อารมณอ นั เปนทตี่ ง้ั มน่ั แหง สติ ๔ ประการ ประกอบดว ย กาย เวทนา จติ ธรรม๓๑ วทิ ยานพิ นธป รญิ ญาพทุ ธศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าพทุ ธศาสนา มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั เรอื่ ง การศกึ ษาวเิ คราะหผ ลสมั ฤทธใ์ิ นการปฏบิ ตั วิ ปิ ส สนากมั มฏั ฐานตามแนวของมหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๔๔๒ ท.ี ม. (ไทย) ๑๐/๓๗๓/๓๐๑.๓ ท.ี ม.อ. (ไทย) ๑๔/๒๗๖. 3-7
3-8 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : พองยุบ๒. ประเภทของสตปิ ฏ ฐาน ๔ สตปิ ฏ ฐาน มี ๔ ประเภท คอื ก) พจิ ารณาเหน็ กายในกายภายในเนอื งๆ อยู พจิ ารณาเหน็ กายในกายภายนอกเนอื งๆอยู พจิ ารณาเหน็ กายในกายทง้ั ภายในและภายนอกเนอื งๆ อยู มคี วามเพยี ร มสี มั ปชญั ญะมสี ตกิ ำจดั อภชิ ฌาและโทมนสั เสยี ไดใ นโลก ข) พจิ ารณาเหน็ เวทนาในเวทนาภายในเนอื งๆ อยู พจิ ารณาเหน็ เวทนาในเวทนาภายนอกเนอื งๆ อยู พจิ ารณาเหน็ เวทนาในเวทนาทง้ั ภายในและภายนอกเนอื งๆ อยู มีความเพยี ร มสี มั ปชญั ญะ มสี ติ กำจดั อภชิ ฌาและโทมนสั เสยี ไดใ นโลก ค) พจิ ารณาเหน็ จติ ในจติ ภายในเนอื งๆ อยู พจิ ารณาเหน็ จติ ในจติ ภายนอกเนอื งๆอยู พจิ ารณาเหน็ จติ ในจติ ทง้ั ภายในและภายนอกเนอื งๆ อยู มคี วามเพยี ร มสี มั ปชญั ญะมสี ติ กำจดั อภชิ ฌา และโทมนสั เสยี ไดใ นโลก ง) พจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรมภายในเนอื งๆ อยู พจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรมภายนอกเนอื งๆ อยู พจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรมทง้ั ภายในและภายนอกเนอื งๆ อยู มคี วามเพยี ร มีสมั ปชญั ญะ มสี ติ กำจดั อภชิ ฌาและโทมนสั เสยี ไดใ นโลก๔๓. จดุ ประสงคข องสตปิ ฏ ฐาน สตติ ง้ั มนั่ พจิ ารณากาย เวทนา จติ ธรรมนี้ มจี ดุ ประสงคจ ำแนกไดเ ปน ๒ ทาง คอื ๕ สตติ ง้ั มน่ั ในการพจิ ารณาบญั ญตั ิ เพอ่ื ใหจ ติ สงบ ซง่ึ เรยี กวา สมถกมั มฏั ฐาน มอี านสิ งสใหบ รรลฌุ านสมาบตั ิ สตติ ง้ั มน่ั ในการพจิ ารณารปู นาม เพอ่ื ใหเ กดิ ปญ ญาเหน็ ไตรลกั ษณ คอื อนจิ จงั ทกุ ขงัอนตั ตา ซง่ึ เรียกวา วปิ ส สนากมั มฏั ฐาน มอี านสิ งสใ หบ รรลถุ งึ มรรค ผล นพิ พาน การกำหนดพจิ ารณาไตรลกั ษณเ พอ่ื ใหร เู หน็ สภาพตามความเปน จรงิ วา สงิ่ ทงั้ หลายลว นแตเ ปน รปู นามเทา นน้ั และรปู นามทงั้ หลายเหลา นนั้ กม็ ลี กั ษณะเปน อนจิ จงั ทกุ ขงั อนตั ตา๔ อภ.ิ ว.ิ (ไทย) ๓๕/๔๓๑/๒๑๑๕ ขนุ สรรพกจิ โกศล (โกวทิ ปท มะสนุ ทร), ผรู วบรวม, คมู อื การศกึ ษาพระอภธิ รรม ปรจิ เฉทที่ ๗ สมจุ จยสงั คหวภิ าค, หนา ๔๑.
3-9 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : พองยบุหาไดเ ปน แกน สารยง่ั ยนื ไม จะไดก า วลว งเสยี ซงึ่ ความเหน็ ผดิ ไมใ หต ดิ อยใู นความยนิ ดยี นิ รา ยอนั เปน การเรมิ่ ตน ทจ่ี ะใหถ งึ หนทางดบั ทกุ ขท งั้ ปวง๔. ประเภทบคุ คลเหมาะกบั สตปิ ฏ ฐาน ๔ บคุ คลผเู จรญิ สมถะและวปิ ส สนา ซงึ่ แบง เปน ๒ อยา งคอื มนั ทบคุ คล ไดแ ก บคุ คลผมู ปี ญ ญาออ น และตกิ ขบคุ คล ไดแ กบ คุ คลผมู ปี ญ ญากลา หากจะแบง ใหล ะเอยี ด กม็ ถี งึ ๔จำพวกคอื ๖ ก) ตัณหาจริตบุคคล ท่ีมีปญญาออน บุคคลประเภทน้ีควรเจริญกายานุปสสนาสติ- ปฏ ฐาน จงึ จะไดผ ลดี เพราะเปน ของหยาบ เหน็ ไดง า ย และเหมาะกบั อธั ยาศยั ของบคุ คลพวกน้ี ข) ตณั หาจรติ บคุ คล ทมี่ ปี ญ ญากลา บคุ คลประเภทนค้ี วรเจรญิ เวทนานปุ ส สนาสต-ิ ปฏ ฐาน จงึ จะไดผ ลดี เพราะเปน กมั มฏั ฐานละเอยี ด คนมปี ญ ญากลา สามารถเหน็ ไดง า ย และเหมาะกบั อธั ยาศยั ของบคุ คลพวกนี้ ค) ทฏิ ฐจิ รติ บคุ คล ทม่ี ปี ญ ญาออ น บคุ คลประเภทนคี้ วรเจรญิ จติ ตานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐาน จงึ จะไดผ ลดี เพราะไมห ยาบไมล ะเอยี ดเกนิ ไป และเหมาะกบั อธั ยาศยั ของบคุ คล พวกน้ี ง) ทฏิ ฐจิ รติ บคุ คล ทม่ี ปี ญ ญากลา บคุ คลประเภทนค้ี วรเจรญิ ธมั มานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐาน จงึ จะไดผ ลดี เพราะเปน กมั มฏั ฐานละเอยี ด คนมปี ญ ญากลา สามารถเหน็ ไดง า ย และเหมาะกบั อธั ยาศยั ของบคุ คลพวกนี้ จ) สมถยานิกบุคคล ท่ีมีปญญาออน บุคคลประเภทนี้ควรเจริญกายานุปสสนาสติ- ปฏ ฐาน จงึ จะไดผ ลดี เพราะมนี มิ ติ ทจ่ี ะพงึ ถงึ ไดโ ดยไมย ากนกั ฉ) สมถยานิกบุคคล ที่มีปญญากลา บุคคลประเภทน้ีควรเจริญเวทนานุปสสนาสต-ิ ปฏ ฐาน จงึ จะไดผ ลดี เพราะไมต งั้ อยใู นอารมณห ยาบ และเหมาะกบั อธั ยาศยั กบั บคุ คลพวกน้ี๖ ม.ม.ู อ. (ไทย) ๑๒/๖๕๙.
3 - 10 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : พองยบุ ช) วปิ ส สนายานกิ บคุ คล ทมี่ ปี ญ ญาออ น บคุ คลประเภทนคี้ วรเจรญิ จติ ตานปุ ส สนา- สตปิ ฏ ฐาน จงึ จะไดผ ลดี เพราะไมห ยาบไมล ะเอยี ดเกนิ ไป และเหมาะกบั อธั ยาศยั ของบคุ คลพวกน้ี ซ) วปิ ส สนายานกิ บคุ คล ทมี่ ปี ญ ญากลา บคุ คลประเภทนคี้ วรเจรญิ ธมั มานปุ ส สนา- สตปิ ฏ ฐาน จงึ จะไดผ ลดเี พราะเปน อารมณล ะเอยี ดมาก และเหมาะกบั อธั ยาศยั ของบคุ คลพวกนี้ นอกจากนนั้ พระพทุ ธองคย งั ไดต รสั ถงึ สตปิ ฏ ฐาน ๔ ทส่ี ามารถละวปิ ล ลาส คอื ความเขา ใจผดิ ๔ อยา งไดแ ก๗ - สภุ วปิ ล ลาส (เขา ใจผดิ คดิ วา รา งกายเปน ของงาม) - สขุ วปิ ล ลาส (เขา ใจผดิ คดิ วา รา งกายเปน สขุ ) - นจิ จวปิ ล ลาส (เขา ใจผดิ คดิ วา รา งกายเปน ของเทยี่ ง) - อตั ตวปิ ล ลาส (เขา ใจผดิ คดิ วา รา งกายเปน ตวั ตน)ข. หลกั ธรรมแหง การตรสั ร:ู โพธปิ ก ขยิ ธรรม ๓๗ ประการ โพธิ แปลวา รู มคี วามหมายถงึ รกู ารทำใหส นิ้ อาสวะ คอื รอู รยิ สจั ๔ และรกู ารทำจติใหส งบ คอื ถงึ ฌานดว ย ปก ขยิ ะ แปลวา ทเ่ี ปน ฝา ย ดงั นน้ั โพธปิ ก ขยิ ธรรมจงึ มคี วามหมายวา ธรรมทเ่ี ปน ฝา ยใหร ถู งึ ฌาน มรรคผล และนพิ พาน ดว ยการปฏบิ ตั ติ ามโพธปิ ก ขยิ ธรรม๓๗ ประการ ใหบ รบิ รู ณพ รอ มกนั หมดในขณะจติ เดยี วของการบรรลธุ รรม แปลกนั สน้ั ๆ วาธรรมทเี่ ปน เครอื่ งใหต รสั รู ทงั้ หมด ๗ กอง รวม ๓๗ ประการ ไดแ ก๘ ๑. สตปิ ฏ ฐาน ๔ สตปิ ฏ ฐาน ๔ คอื การพจิ ารณาเหน็ กายในกาย เวทนาในเวทนา จติ ในจติ และธรรมในธรรม ทงั้ ภายในและภายนอก๗ พระธรรมธรี ราชมหามนุ ี (โชดก ญาณสทิ ธฺ )ิ , วปิ ส สนากรรมฐาน ภาค ๒, (กรงุ เทพฯ : บจก. อมั รนิ ทร พรนิ้ ตงิ้ กรปุ , ๒๕๓๒), หนา ๘๓๘ เรอ่ื งเดยี วกนั , หนา ๓๙
3 - 11 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : พองยุบ ๒. สมั มปั ปธาน ๔ สมั มปั ปธาน คอื ความเพยี รพยายามทำชอบ ทป่ี ระกอบดว ยความเพยี รพยายามอนัยง่ิ ยวด แมว า เนอื้ จะเหอื ดเลอื ดจะแหง ไป คงเหลอื แตห นงั เอน็ กระดกู กต็ าม ตราบใดทย่ี งัไมบ รรลถุ งึ ธรรมอนั พงึ ถงึ ได กจ็ ะไมท อ ถอยจากความเพยี รนนั้ เปน อนั ขาด และความเพยี รพยายามอนั ยงิ่ ยวดในธรรม ๔ ประการ จงึ จะไดช อ่ื วา ตง้ั หนา ทำชอบในโพธปิ ก ขยิ ธรรมน้ี ไดแ ก ก) เพยี รพยายามละอกสุ ล ทเี่ กดิ ขนึ้ แลว ใหห มดไป ข) เพยี รพยายามไมใ หอ กสุ ลธรรม ทย่ี งั ไมเ กดิ เกดิ ขนึ้ ค) เพยี รพยายามใหก สุ ลธรรม ทยี่ งั ไมเ กดิ เกดิ ขน้ึ ง) เพยี รพยายามใหก สุ ลธรรม ทเ่ี กดิ ขน้ึ แลว เจรญิ ยงิ่ ๆ ขน้ึ ไป๙ ๓. อทิ ธบิ าท ๔ อทิ ธบิ าท คอื ธรรมทเ่ี ปน เหตใุ หถ งึ ซงึ่ ความสมั ฤทธผิ ล สมั ฤทธผิ ลในทน่ี ห้ี มายถงึ ความสำเรจ็ คอื บรรลถุ งึ กสุ ลญาณจติ และมรรคจติ อทิ ธบิ าท มี ๔ ประการ คอื ก) ฉนั ทะ คอื ความเตม็ ใจ ความปลงใจกระทำ เปน เหตใุ หส มั ฤทธผิ ล องคธ รรมไดแ ก ฉนั ทเจตสกิ ข) วริ ยิ ะ คอื ความเพยี รพยายามอยา งยง่ิ ยวด เปน เหตใุ หส มั ฤทธผิ ล องคธ รรมไดแ ก วริ ยิ เจตสกิ ค) จติ ตะ คอื ความทมี่ จี ติ จดจอ ปก ใจอยา งมนั่ คง เปน เหตใุ หส มั ฤทธผิ ล องคธ รรมไดแ ก จติ ง) วมิ งั สา คอื ปญ ญาเปน เหตใุ หส มั ฤทธผิ ล องคธ รรมไดแ ก ปญ ญาเจตสกิ กจิ การงานอนั เปน กสุ ลทถ่ี งึ ซงึ่ ความสมั ฤทธผิ ลนน้ั ยอ มไมป ราศจากธรรมทงั้ ๔ ทเี่ ปนองคธรรมของอิทธิบาทนี้เลย แตวาความเกิดข้ึนนั้นไมกลาเสมอกัน บางทีฉันทะกลาบางทวี ริ ยิ ะกลา บางทจี ติ กลา บางทกี ป็ ญ ญากลา ถา ธรรมใดกลา แลว เรยี กธรรมทก่ี ลานนั่ แตอ งคเ ดยี ววา เปน อทิ ธบิ าท๑๐๙ ขนุ สรรพกจิ โกศล (โกวทิ ปท มะสนุ ทร), ผรู วบรวม, คมู อื การศกึ ษาพระอภธิ รรม ปรจิ เฉทท่ี ๗ สมจุ จยสงั คหวภิ าค, หนา ๕๗-๕๘.๑๐ เรอื่ งเดยี วกนั , หนา ๖๑-๖๒.
3 - 12 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : พองยบุ ๔. อนิ ทรยี ๕ อนิ ทรยี คอื ความเปน ใหญ หรอื ความเปน ผปู กครองในสภาวธรรมทเ่ี ปน ฝา ยดี และเฉพาะฝา ยดที จี่ ะใหร ใู หถ งึ ซงึ่ ฌานธรรม และอรยิ สจั ซง่ึ มี ๕ ประการ ดงั น้ี สัทธินทรีย คือ ความเปนใหญในการยังความสัทธาปสาทในอารมณที่เปนฝายดีองคธ รรมไดแ ก สทั ธาเจตสกิ มี ๒ อยา ง คอื ปกตสิ ทั ธา และภาวนาสทั ธา ปกตสิ ทั ธาไดแ ก ทาน สลี ภาวนา อยา งสามญั ของชนทง้ั หลายโดยปกติ ซง่ึ สทั ธาชนดิ นย้ี งั ไมแ รงกลาเพราะอกสุ ลธรรมสามารถทำใหส ทั ธาเสอื่ มไปไดโ ดยงา ย สว นภาวนาสทั ธา ไดแ ก สมถะหรอืวิปสสนาท่ีเนื่องมาจากกัมมัฏฐานตางๆ มีอานาปานสติเปนตน สัทธาชนิดน้ีแรงกลาและแนบแนน ในจติ ใจมาก ในสมถกมั มฏั ฐาน อกสุ ลจะทำใหส ทั ธาเสอ่ื มไปไดโ ดยยาก แตถ าเปน วปิ ส สนากมั มฏั ฐาน อกสุ ลไมอ าจจะทำใหส ทั ธานน้ั เสอ่ื มไปไดเ ลย ภาวนาสทั ธานแ่ี หละทไี่ ดช อ่ื วา สทั ธนิ ทรยี วริ ยิ นิ ทรยี คอื ความเปน ใหญใ นการยงั ความเพยี รพยายามอยา งยง่ิ ยวด ซง่ึ ตอ งเปนความเพียรท่ีบริบูรณดวยองคทั้ง ๔ แหงสัมมัปปธาน จึงจะเรียกไดวาเปน วิริยินทรีย ในโพธปิ ก ขยิ ธรรมน้ี องคธ รรมไดแ ก วริ ยิ เจตสกิ สตินทรีย คือ ความเปนใหญในการระลึกรูอารมณอันเกิดมาจากสติปฏฐาน ๔องคธ รรมไดแ ก สตเิ จตสกิ สมาธินทรีย คือ ความเปนใหญในการทำจิตใหเปนสมาธิ ตั้งใจ ม่ันอยูในอารมณกมั มฏั ฐาน องคธ รรมไดแ ก เอกคั คตาเจตสกิ ปญ ญนิ ทรยี คอื ความเปน ใหญใ นการใหร เู หน็ รปู นาม ขนั ธ อายตนะ ธาตุ วา เตม็ ไปดว ยทกุ ขโ ทษภยั เปน วฏั ฏทกุ ข องคธ รรมไดแ ก ปญ ญาเจตสกิ ๑๑ ๕. พละ ๕ พละ หมายเฉพาะ กสุ ลพละ ซง่ึ มลี กั ษณะ ๒ ประการ คอื อดทนไมห วน่ั ไหวประการหนงึ่ และยำ่ ยธี รรมทเี่ ปน ขา ศกึ อกี ประการหนงึ่ พละนม้ี ี ๕ ประการ คอื สทั ธาพละ คอื๑๑ เรอื่ งเดยี วกนั , หนา ๖๒-๖๓.
3 - 13 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : พองยุบความเชอื่ ถอื เลอื่ มใส เปน กำลงั ทำใหอ ดทนไมห วน่ั ไหว และย่ำยตี ณั หาอนั เปน ขา ศกึ องคธ รรมไดแ ก สทั ธาเจตสกิ ปกตสิ ทั ธา คอื ความเปน สทั ธาทยี่ งั ปะปนกบั ตณั หา หรอื เปน สทั ธาทอี่ ยใู ตอ ำนาจของตณั หา จงึ ยากทจี่ ะอดทนได สว นมาก มกั จะออ นไหวไปตามตณั หาไดโ ดยงา ย อยา งทวี่ าสทั ธากลา กต็ ณั หาแก สว นภาวนาสทั ธา ซงึ่ เปน สทั ธาทเ่ี กดิ มาจากอารมณก มั มฏั ฐาน จงึอดทน ไมห วน่ั ไหว และย่ำยหี รอื ตดั ขาดจากตณั หาได วริ ยิ พละ คอื ความเพยี รพยายามอยา งยงิ่ ยวด เปน กำลงั ทำใหอ ดทน ไมห วนั่ ไหว และยำ่ ยโี กสชั ชะคอื ความเกยี จครา นอนั เปน ขา ศกึ องคธ รรมไดแ ก วริ ยิ เจตสกิ ความเพยี รอยา งปกตติ ามธรรมดาของสามญั ชน ยงั ปะปนกบั โกสชั ชะอยู ขยนั บา ง เฉอื่ ยๆ ไปบา ง จนถงึกบั เกยี จครา นไปเลย แตว า ถา ความเพยี รอยา งยิง่ ยวด แมเ นอ้ื จะเหอื ดเลอื ดจะแหง กไ็ มยอมทอถอยแลว ยอมจะอดทนไมหว่ันไหวไป จนกวาจะเปนผลสำเร็จ และย่ำยีความเกยี จครา นไดแ นน อน สตพิ ละ คอื ความระลกึ ไดใ นอารมณส ตปิ ฏ ฐาน เปน กำลงั ทำใหอ ดทน ไมห วนั่ ไหวและย่ำยมี ฏุ ฐสตคิ อื ความพลง้ั เผลอหลงลมื อนั เปน ขา ศกึ องคธ รรม ไดแ ก สตเิ จตสกิ สมาธพิ ละ คอื ความตงั้ ใจมน่ั อยใู นอารมณก มั มฏั ฐาน เปน กำลงั ใหอ ดทน ไมห วน่ัไหว และย่ำยวี กิ เขปะ คอื ความฟงุ ซา นอนั เปน ขา ศกึ องคธ รรมไดแ ก เอกคั คตาเจตสกิ ปญ ญาพละ คอื ความรอบรเู หตผุ ลตามความเปน จรงิ เปน กำลงั ทำใหอ ดทนไมห วน่ัไหว และยำ่ ยสี มั โมหะ คอื ความมดื มน หลงงมงายอนั เปน ขา ศกึ องคธ รรม ไดแ ก ปญ ญา-เจตสิก๑๒ การเจริญสมถกัมมัฏฐานก็ดี วิปสสนากัมมัฏฐานก็ดี จะตองใหพละท้ัง ๕ นี้สมำ่ เสมอกนั จงึ จะสมั ฤทธผิ ล ถา พละใดกำลงั ออ น การเจรญิ สมถะหรอื วปิ ส สนานนั้ กต็ ง้ัมนั่ อยไู มไ ด ถงึ กระนน้ั กย็ งั ไดผ ลตามสมควร ตามสถานการณต อ ไปน้ี คอื ๑) ผมู กี ำลงั สทั ธามาก แตพ ละอกี ๔ คอื วริ ยิ ะ สติ สมาธิ ปญ ญา นน้ั ออ นไป ผนู นั้๑๒ เรอื่ งเดยี วกนั , หนา ๖๓-๖๕.
3 - 14 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : พองยบุยอ มรอดพน จากตณั หาไดบ า ง โดยมคี วามอยากไดโ ภคสมบตั นิ อ ยลง ไมถ งึ กบั แสวงหาในทางทจุ รติ มคี วามสนั โดษ คอื สนตฺ ฏุ ฐ ี พอใจเทา ทมี่ อี ยู พอใจ แสวงหาตามควรแกก ำลงัและพอใจแสวงหาดว ยความสุจริต ๒) ผทู ม่ี กี ำลงั สทั ธาและวริ ยิ ะมาก แตพ ละทเ่ี หลอื อกี ๓ ออ นไป ผนู นั้ ยอ มรอดพนจากตณั หาและโกสชั ชะได แตว า ไมส ามารถทจี่ ะเจรญิ กายคตาสติ และวปิ ส สนากมั มฏั ฐานจนเปน ผลสำเรจ็ ได ๓) ผทู มี่ กี ำลงั สทั ธา วริ ยิ ะและสตมิ าก แตพ ละทเ่ี หลอื อกี ๒ ออ นไป ผนู น้ั ยอ มสามารถเจรญิ กายคตาสตไิ ด แตว า เจรญิ วปิ ส สนากมั มฏั ฐานไมส ำเรจ็ ได ๔) ผทู มี่ กี ำลงั ทงั้ ๔ มาก แตว า ปญ ญาออ นไป ยอ มสามารถเจรญิ ฌานสมาบตั ไิ ด แตไมส ามารถเจรญิ วปิ ส สนากมั มฏั ฐานได ๕) ผทู มี่ ปี ญ ญาพละมาก แตพ ละอนื่ ๆ ออ นไป ยอ มสามารถเรยี นรพู ระปรยิ ตั ิ หรอืพระปรมตั ถไ ดด ี แตว า ตณั หา โกสชั ชะ มฏุ ฐะ และวกิ เขปะ เหลา นม้ี กี ำลงั ทวมี ากขนึ้ ๖) ผทู ม่ี วี ริ ยิ ะพละและปญ ญาพละ เพยี ง ๒ อยา งเทา น้ี แตเ ปน ถงึ ชนดิ อทิ ธบิ าทโดยบรบิ รู ณแ ลว การเจรญิ วปิ ส สนากย็ อ มปรากฏได ๗) ผทู บ่ี รบิ รู ณด ว ยสทั ธา วริ ยิ ะ และสตพิ ละ ทง้ั ๓ นย้ี อ ม สามารถทจี่ ะทำการไดตลอดเพราะสัทธาพละสามารถประหารปจจยามิสสตัณหา (ความติดใจ อยากไดปจจัย ๔มอี าหาร เครอื่ งนงุ หม ทอี่ ยอู าศยั และยารกั ษาโรค) และโลกามสิ สตณั หา (ความตดิ ใจอยากไดโ ลกธรรม ๔ มลี าภ ยศ สรรเสรญิ และสขุ ) ได วริ ยิ พละประหารโกสชั ชะ (ความเกยี จครา น) ได สตพิ ละประหารมฏุ ฐสติ (ความหลงลมื ) ได ตอ จากนนั้ สมาธพิ ละและปญ ญาพละกจ็ ะปรากฏขนึ้ ตามกำลงั ตามสมควร ๖. โพชฌงค ๗ โพชฌงค คอื เครอ่ื งใหต รสั รู (อรยิ สจั ๔) โพธเิ ปน ตวั รู โพชฌงคเ ปน สว นทใี่ หเ กดิตวั รู สง่ิ ทรี่ อู รยิ สจั ๔ นนั้ คอื มรรคจติ สง่ิ ทเี่ ปน ผลแหง การรอู รยิ สจั ๔ นน้ั คอื ผลจิตองคท เ่ี ปน เครอ่ื งใหร อู รยิ สจั ๔ ทมี่ ชี อ่ื วา โพชฌงคน ม้ี ี ๗ ประการ คอื
3 - 15 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : พองยบุ ก) สตสิ มั โพชฌงค คอื สตเิ จตสกิ ทร่ี ะลกึ รอู ยใู นอารมณส ตปิ ฏ ฐานทงั้ ๔ ตอ เนอ่ื งกนัมา จนแกก ลา เปน สตนิ ทรยี เปน สตพิ ละ เปน สมั มาสติ ดว ยอำนาจแหง วปิ ส สนากมั มฏั ฐานยอ มทำลายความประมาทเสยี ได สตอิ ยา งนแ้ี หละทเี่ รยี กวา สตสิ มั โพชฌงค มคี วามสามารถทำใหเ กดิ มรรคญาณได การทสี่ ตจิ ะเปน ถงึ สมั โพชฌงคไ ดด ว ยมปี จ จยั ธรรม คอื สงิ่ ทอ่ี ปุ การะเกอื้ กลู ๔ ประการ คอื ๑) ตอ งประกอบดว ยสตสิ มั ปชญั ญะ ในสมั ปชญั ญบรรพ ๒) ตอ งเวน จากการสมาคมกบั ผทู ไี่ มไ ดเ จรญิ สตปิ ฏ ฐาน ๓) ตอ งสมาคมกบั ผทู เี่ คยเจรญิ สตปิ ฏ ฐาน ๔) ตอ งพยายามเจรญิ สตใิ หร ตู วั อยทู กุ ๆ อารมณ และทกุ ๆ อริ ยิ าบถ เมื่อบริบูรณดวยปจจัยธรรมเหลานี้แลว สติสัมโพชฌงคท่ียังไมเกิด ยอมเกิดขึ้นองคธ รรมของสตสิ มั โพชฌงค ไดแ ก สตเิ จตสกิ ข) ธมั มวจิ ยสมั โพชฌงค คอื ปญ ญาเจตสกิ ทร่ี รู ปู นามวา ไมเ ทยี่ ง เปน ทกุ ข เปน อนตั ตาจนแกก ลา เปน วมิ งั สทิ ธบิ าท เปน ปญ ญนิ ทรยี เปน ปญ ญาพละ เปน สมั มาทฏิ ฐิ ดว ยอำนาจแหง วปิ ส สนากมั มฏั ฐานยอ มทำลายโมหะเสยี ได ปญ ญาอยา งนเี้ รยี กวา ธมั มวจิ ยสมั โพชฌงคทม่ี คี วามสามารถทำใหเ กดิ มรรคญาณได การทปี่ ญ ญาจะเปน ถงึ ธมั มวจิ ยสมั โพชฌงคไ ดน นั้ดว ยมปี จ จยั ธรรม คอื สงิ่ ทอี่ ปุ การะ เกอ้ื กลู ๗ ประการ คอื ๑) การศกึ ษาวปิ ส สนาภมู ิ ๖ มขี นั ธ ๕ เปน ตน หรอื อยา งนอ ยกใ็ หร รู ปู รนู าม ๒) รกั ษาความสะอาดแหง รา งกาย ตลอดจนเครอื่ งอปุ โภคบรโิ ภคและทอี่ ยอู าศยั ๓) กระทำอนิ ทรยี คอื สทั ธากบั ปญ ญา และวริ ยิ ะกบั สมาธิ ใหเ สมอกนั เพราะวา ถา สทั ธากลา กลบั ทำใหเ กดิ ตณั หา หากวา สทั ธาออ น ยอ มทำใหค วามเลอื่ มใส นอยเกินควร ปญญากลา ทำใหเกิดวิจิกิจฉา คือคิดออกนอกลูนอกทางไป ปญญาออนก็ทำใหไมเขาถึงเหตุผลตามความเปนจริง วิริยะกลาทำใหเกิด อทุ ธจั จะคอื ฟงุ ซา นไป วริ ยิ ะออ น กท็ ำใหเ กดิ โกสชั ชะคอื เกยี จครา น สมาธิ กลา ทำใหต ดิ ในความสงบสขุ นนั้ เสยี สมาธอิ อ นกท็ ำใหค วามตง้ั ใจมนั่ ในอารมณ นน้ั หยอ นไป สว นสตนิ นั้ ไมม เี กนิ มแี ตจ ะขาดอยเู สมอ ในการเจรญิ สมถกมั มฏั ฐาน
3 - 16 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : พองยบุ สมาธติ อ งเปน หวั หนา สำหรบั ทางวปิ ส สนากมั มฏั ฐานปญ ญาจะตอ งเปน ตวั นำ ๔) ตอ งเวน จากผไู มม ปี ญ ญา เพราะไมเ คยรจู กั ธมั มวจิ ยสมั โพชฌงค หรอื ไมเ คยเจรญิ วปิ สสนากมั มัฏฐาน ๕) ตอ งสมาคมกบั ผมู ปี ญ ญาทเี่ คยเจรญิ วปิ ส สนา รอบรรู ปู นามดแี ลว ๖) ตอ งหมน่ั เจรญิ กมั มฏั ฐานอยเู นอื งๆ โดยอารมณท เี่ ปน ภมู ขิ องวปิ ส สนา ๗) ตอ งกำหนดพจิ ารณารปู นามอยทู กุ อริ ยิ าบถและทกุ อารมณ เมอ่ื บรบิ รู ณด ว ย ปจ จยั ธรรมครบแลว ธมั มวจิ ยสมั โพชฌงคท ย่ี งั ไมเ กดิ กย็ อ มจะเกดิ ขน้ึ องค ธรรมของธมั มวจิ ยสมั โพชฌงค ไดแ ก ปญ ญาเจตสกิ ค) วริ ยิ สมั โพชฌงค คอื วริ ยิ เจตสกิ ทท่ี ำกจิ สมั มปั ปธานทง้ั ๔ จน แกก ลา เปน วริ ยิ ทิ ธิ-บาท เปน วริ ยิ นิ ทรยี เปน วริ ยิ พละ และเปน สมั มาวายามะ ดว ยอำนาจแหง วปิ ส สนากมั มฏั ฐานยอ มทำลายโกสชั ชะลงได จงึ เรยี กวา วริ ยิ สมั โพชฌงค การทวี่ ริ ยิ ะจะเปน ถงึ สมั โพชฌงค ไดดว ยมสี ง่ิ อปุ การะเกอื้ กลู ๑๑ ประการ คอื ๑) พจิ ารณาใหร ถู งึ โทษภยั ในอบายทงั้ ๔ และถา มคี วามประมาทมวั เมาอยู กจ็ ะไมพ นไปจากอบายได เมอื่ รอู ยา งนี้ กจ็ ะกระทำความเพยี รพยายามเพอื่ ใหพ น อบาย ๒) ใหร ผู ลานสิ งสแ หง ความเพยี รวา ทกุ สง่ิ ทกุ อยา งยอ มสำเรจ็ ไดด ว ยความเพยี ร เมอื่รอู ยา งน้ี กจ็ ะกระทำความเพยี รโดยไมท อ ถอย ๓) รแู ละเขา ใจวา การเจรญิ สตปิ ฏ ฐานนเี้ ปน ทางเดยี วทจ่ี ะใหพ น อบาย และใหบ รรลุมรรคผล เมอื่ รอู ยา งนก้ี จ็ ะกระทำความเพยี รอยา งยง่ิ ยวด ๔) พจิ ารณาใหร วู า การทไี่ ดร บั อามสิ บชู า กเ็ พราะปฏบิ ตั ธิ รรมตามควรแกธ รรม จงึควรทจ่ี ะปฏบิ ตั ดิ ว ยความเพยี รพยายามใหย งิ่ ๆ ขนึ้ ๕) พจิ ารณาวา การทไ่ี ดเ กดิ มาเปน มนษุ ย กเ็ พราะไดก ระทำความดมี าแตป างกอ น เปนโอกาสอนั ประเสรฐิ แลว ทจ่ี ะเพยี รพยายามกระทำความดใี หย งิ่ ๆ ขนึ้ ไปกวา นอ้ี กี ใหส มกบั ที่ไดชื่อวาเปนผูมีใจสูง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 642
Pages: