Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน_๕_สาย

คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน_๕_สาย

Published by sadudees, 2017-01-10 00:53:04

Description: คู่มือปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน_๕_สาย

Search

Read the Text Version

คูมือปฏิบัติสมถวิปสสนากัมมัฏฐาน ๕ สาย พุทโธ อานาปานสติ ยุบหนอ พองหนอ รูปนาม สัมมาอรหัง จัดพิมพโดย วัดหลวงพอสดธรรมกายาราม อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรีDhammaintrend รว่ มเผยแพรแ่ ละแบง่ ปันเป็ นธรรมทาน

คมู อื ปฏบิ ตั ิ สมถวปิ ส สนากมั มฏั ฐาน ๕ สายISBN : 978-974-401-963-9จำนวน ๖๔๘ หนาพมิ พค รงั้ ท่ี ๑ : พฤษภาคม ๒๕๕๓จำนวน ๓,๐๐๐ เลมจดั พมิ พโ ดย : วดั หลวงพอ สดธรรมกายารามอำเภอดำเนนิ สะดวก จงั หวดั ราชบรุ ี ๗๐๑๓๐โทรศพั ท ๐-๓๒๒๕-๓๖๓๒ กดตอ ๒๒๐/๑๙๑,๐๘-๓๐๓๒-๘๙๐๗ โทรสาร ๐-๓๒๒๕-๔๙๕๔www.dhammakaya.orgจดั ทำรปู เลม /เรยี งพมิ พ :กองงานสอื่ สง่ิ พมิ พ วดั หลวงพอ สดฯภคั กร เมอื งนลิ เพชรเกษมการพมิ พพมิ พท ี่ : บรษิ ทั เพชรเกษม พรนิ้ ตง้ิ กรปุ จำกดั๑๘/๔๙ ถ.ทรงพล ต.ลำพยา อ.เมอื ง จ.นครปฐม ๗๓๐๐๐โทร.๐-๓๔๒๕-๙๗๕๘, ๐-๓๔๒๕-๙๗๕๙ โทรสาร ๐-๓๔๒๕-๓๔๖๕โทรสายดว น ๐-๓๔๒๕-๙๑๑๑ สายดว นมอื ถอื ๐-๑๘๕๒-๗๕๕๕www.pkprinting.com









สัมโมทนียกถา ตามทคี่ ณะกรรมการบรหิ าร ศนู ยป ระสานงานสำนกั ปฏบิ ตั ธิ รรมประจำจงั หวดั แหงประเทศไทย (ศปท.) โดย ทา นเจา คณุ พระราชญาณวสิ ฐิ ประธานคณะกรรมการบรหิ าร ไดมมี ตใิ หจ ดั ทำ “หนงั สอื คมู อื การปฏบิ ตั ธิ รรม (สมถวปิ ส สนากมั มฏั ฐานตามแนวสตปิ ฏ ฐาน ๔)”ของสำนกั ปฏบิ ตั ธิ รรมใหญ ๕ สำนกั คอื สำนกั พทุ โธ สำนกั อานาปานสติ สำนกั ยบุ พองสำนกั รปู นาม และสำนกั สมั มาอรหงั โดยใหร วบรวมขอ มลู จากสำนกั ปฏบิ ตั ธิ รรมทง้ั ๕ นน้ัมาเรียบเรียงขึ้น เพื่อเปนแนวทางการศึกษาสัมมาปฏิบัติพระสัทธรรมของพระพุทธเจาตามแบบท่ีสำนักใหญ ๕ สำนัก ตางเลือกถือธรรมเปนอารมณสมถวิปสสนากัมมัฏฐานตามจรติ อธั ยาศยั ของตน เปน แนวทางปฏบิ ตั ภิ าวนาและสอนศษิ ยานศุ ษิ ยส บื ตอ ๆ กนั มานนั้ บดั น้ี ศปท. ไดจ ดั ทำหนงั สอื คมู อื ดงั กลา วเสรจ็ เรยี บรอ ย และไดผ า นการพจิ ารณาของคณะกรรมการทปี่ รกึ ษาและคณะกรรมการบรหิ าร ศปท. เพอ่ื ขอคำแนะนำในการปรบั ปรงุ แกไ ขแลว ศปท. จกั ไดน ำเสนอตอ มหาเถรสมาคม เพอ่ื ขอประทานเมตตาพจิ ารณา “รบั ทราบ” แลว จกัไดจ ดั พมิ พ ออกเผยแพรใ หเ ปน ประโยชนแ กก ารศกึ ษาสมั มาปฏบิ ตั ขิ องพทุ ธบรษิ ทั ผสู นใจในธรรมตอ ไป ขาพเจาเห็นวา หนังสือคูมือการปฏิบัติธรรม (สมถวิปสสนากัมมัฏฐานตามแนวสตปิ ฏ ฐาน ๔) ของสำนกั ปฏบิ ตั ธิ รรมใหญ ๕ สำนกั ท่ี ศปท. ไดร วบรวมขอ มลู จาก ๕ สำนกัใหญมาเรยี บเรยี งขนึ้ เพอ่ื จดั พมิ พเ ปน เลม เพอื่ นำออกเผยแพรน น้ั มคี ณุ ประโยชนแ กก ารศกึ ษา-สัมมาปฏิบัติพระสัทธรรมของพระพุทธเจาเปนอยางย่ิง และประการสำคัญท่ีสุด คือใหผ สู นใจศกึ ษาสมั มาปฏบิ ตั ไิ ดม โี อกาสเลอื กวธิ ปี ฏบิ ตั ิ (สมถวปิ ส สนากมั มฏั ฐาน) ตามจรติ อธั ยาศยัของตน ประการ ๑ และยงั มหี นงั สอื “คมู อื การศกึ ษาสมั มาปฏบิ ตั ไิ ตรสกิ ขาตามแนวสตปิ ฏ ฐาน ๔”ท่ี ศปท. ไดต งั้ คณะอนกุ รรมการรวบรวมขอ มลู และเรยี บเรยี งขนึ้ ตามแนวอรรถาธบิ ายในคมั ภรี ปกรณว เิ ศษ “วสิ ทุ ธมิ รรค” ไวเ ปน คมู อื การศกึ ษาสมั มาปฏบิ ตั ิ เพอ่ื ใหเ ปน ทเี่ ขา ใจหลกั และวธิ กี ารปฏบิ ตั สิ มถวปิ ส สนากมั มฏั ฐาน ตลอดถงึ ผลของการปฏบิ ตั ิ ทเี่ ปน มาตรฐานเดยี วกนัใหผ สู นใจในการศกึ ษาสมั มาปฏบิ ตั ไิ ดอ าศยั หนงั สอื คมู อื ดงั กลา ว เปน แนวทางปฏบิ ตั ใิ หต รง(อชุ ปุ ฏปิ นโฺ น) ตามพระสทั ธรรมของพระพทุ ธเจา โดยไมห ลงทาง และใหส ามารถปฏบิ ตั ไิ ด

ถกู ตอ งตรงทาง (ญายปฏปิ นโฺ น) เพอ่ื ใหถ งึ ธรรมทค่ี วรรู ไดแ ก สมั มาปฏปิ ทามรรค เปน ตน และเพอ่ื ใหบ รรลธุ รรมทคี่ วรบรรลไุ ดเ ปน อยา งดี อกี ประการ ๑ ขา พเจา จงึ ขออนโุ มทนาสาธกุ ารดว ยเปน อยา งยง่ิ ทศี่ นู ยป ระสานงานสำนกั ปฏบิ ตั ธิ รรมประจำจงั หวดั แหง ประเทศไทย (ศปท.) โดย พระราชญาณวสิ ฐิ ประธานคณะกรรมการบรหิ ารศนู ยฯ เจา อาวาส และ เจา สำนกั ปฏบิ ตั ธิ รรมประจำจงั หวดั ราชบรุ ี แหง ท่ี ๑ (โดยมตมิ หาเถรสมาคม) วดั หลวงพอ สดธรรมกายาราม อ.ดำเนนิ สะดวก จ.ราชบรุ ี และคณะผจู ดั ทำหนงั สอื คมู อืการปฏบิ ตั ธิ รรมฯ ของสำนกั ปฏบิ ตั ธิ รรมใหญๆ ๕ สำนกั ดงั กลา ว และขออนโุ มทนาสาธกุ ารกบั ผรู ว มเปน เจา ภาพอปุ ถมั ภก ารจดั พมิ พห นงั สอื ดงั กลา วน้ี ใหเ ปน ประโยชนแ กก ารศกึ ษาสมั มา-ปฏบิ ตั ขิ องสาธชุ นพทุ ธบรษิ ทั ใหก วา งขวางออกไปยงิ่ ขนึ้ ไดเ ปน ประโยชนแ กก ารสบื บวรพระพทุ ธ-ศาสนาใหเ จรญิ และมน่ั คงสบื ไป ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจงไดโปรดดลบันดาลประทานพร ใหคณะผูจัดทำคณะกรรมการบรหิ าร และกรรมการทป่ี รกึ ษา ศปท. ผชู ว ยพจิ ารณาใหข อ แนะนำ อกี ทง้ั คณะเจา ภาพอปุ ถมั ภบำรุงการจัดพิมพหนังสือนี้ทุกทาน จงเจริญรุงเรืองในพระสัทธรรมของพระพทุ ธเจา ดว ยการไดศ กึ ษาสมั มาปฏบิ ตั ธิ รรม ไดพ น ไปจากไตรวฏั ฏะ (กเิ ลสวฏั ฏะ กรรมวฏั ฏะ และวปิ ากวฏั ฏะ) และไดถ งึ มรรค ผล นพิ พาน ตามรอยบาทพระพทุ ธองค และขอจงเจรญิ ดว ยอายุ วรรณะ สขุ ะพละ ปฏภิ าณ ธรรมสาร/ธนสารสมบตั ิ ปรารถนาสงิ่ ใดโดยชอบ กอปรดว ยเหตปุ จ จยั ฝา ยบญุ กศุ ลของจงสำเรจ็ สมมโนรถ ตามปรารถนาทกุ ประการ เทอญ (สมเดจ็ พระมหารชั มงั คลาจารย) กรรมการมหาเถรสมาคม แมก องบาลสี นามหลวง เจา คณะใหญห นเหนอื อธบิ ดสี งฆ วดั ปากน้ำ ภาษเี จรญิ ประธานคณะกรรมการทปี่ รกึ ษา ศนู ยป ระสานงานสำนกั ปฏบิ ตั ธิ รรมประจำจงั หวดั แหง ประเทศไทย (ศปท.) ๙ ธนั วาคม ๒๕๕๒

แบบถงึ พระไตรสรณคมน และแบบวธิ นี ง่ั สมาธภิ าวนาสายพทุ โธ ของ หลวงปมู น่ั ภรู ทิ ตโฺ ต โดยพระญาณวสิ ษิ ฎส มทิ ธวิ รี าจารย (พระอาจารยส งิ ห ขนตฺ ยาคโม) วดั ปา สาลวนั อ.เมอื ง จ.นครราชสมี า 1-1

1-2 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : พทุ โธ คณะผรู วบรวม ๑. พระมหาพสิ ฐิ เอก เสฏฐ ธมโฺ ม ป.ธ.๙ ๒. พระมหาอธโิ ชค สโุ ชโต ป.ธ.๘ ๓. พระมหาชนิ ณฐั พนธ วชริ วโํ ส ป.ธ.๗ ๔. พระมหาสมชาติ สชุ าโต ป.ธ.๓ ๕. พระมหาพพิ ฒั พงศ ฐติ ธมโฺ ม ป.ธ.๖1-2

1-3ธรรมปฏบิ ัติ ๕ สาย : พทุ โธ 1-3

1-4

คำนำ พระกมั มฏั ฐานสายพทุ โธ กค็ อื อานาปานสั สตกิ มั มฏั ฐานนนั่ เอง แตพ ระเถราจารยข องไทยไดน ำเอาพทุ ธคณุ ซงึ่ เปน กมั มฏั ฐานอยา งหนง่ึ ทเ่ี รยี กวา “พทุ ธานสุ สต”ิ มาประกอบกบั อานาปานสั สติเพอื่ ใหจ ติ เปน สมาธงิ า ยขนึ้ เมอ่ื ปฏบิ ตั เิ หน็ ผลดว ยตนเองแลว จงึ ไดน ำมาสอนศษิ ยานศุ ษิ ยใ หไ ดผลดเี ปน ลำดบั สบื มา และเปน ทนี่ ยิ มกนั แพรห ลายมาจนทกุ วนั น้ี แตเ นอ่ื งจากการเจรญิ ภาวนาสายพทุ โธในประเทศไทยมมี ากหลายสำนกั แตล ะสำนกั อาจจะเหมอื นกนั หรอื แตกตา งกนั ไปบา งเลก็ นอ ยในสว นเบอื้ งตน คอื ขนั้ สมถะ สว นในขนั้ วปิ ส สนากล็ ว นเปน อนั เดยี วกนั (แมก รรมฐานสายอน่ื กเ็ ชน เดยี วกนั ) ดงั นนั้ จงึ ขอนำเอาเฉพาะพระกรรมฐานสายพทุ โธ ทมี่ คี รบู าอาจารยผ มู ชี อื่ เสยี งและมศี ษิ ยานศุ ษิ ยน ยิ มนบั ถอื และปฏบิ ตั ติ ามเปน จำนวนมากมานำเสนอไวใ นทน่ี ้ี คอื สายของพระอาจารยม น่ั ภรู ทิ ตโฺ ต เนอื่ งดว ยวา หากจะนำวธิ ขี องครบู าอาจารยตา งๆ ทใ่ี ชค ำภาวนาวา “พทุ โธ” มาลงไวท ง้ั หมด กเ็ หน็ วา เปน การเหลอื วสิ ยั สำหรับขอมูลหลักปฏิบัติพระกัมมัฏฐานสายพุทโธ ของพระอาจารยม่ัน ภูริทตฺโต ท่ีมีหลักฐานเปนแบบแผนมาแตเดิมนั้น ไดรับความเอ้ือเฟอจากวัดปาสาลวัน นำมามอบให ซ่ึงหลวงพอ พธุ ฐานโิ ย (ศษิ ยท มี่ ชี อื่ เสยี งรปู หนงึ่ ของพระอาจารยม น่ั ) ไดส บื ทอดและแสดงเทศนาไวเปน หลกั ปฏบิ ตั ทิ พ่ี ระอาจารยเ สารแ ละพระอาจารยม นั่ (อาจารยแ ละศษิ ย) ไดป รกึ ษากนั มอบหมายใหพ ระอาจารยส งิ ห ขนตฺ ยาคโม และพระอาจารยม หาปน ปญฺ าพโล ผเู ปน ลกู ศษิ ยร ว มกนั เขยี นขนึ้ ไวเ ปน หลกั ในการปฏบิ ตั ิ ทงั้ แบบการถงึ ไตรสรณคมน และแบบวธิ นี งั่ สมาธภิ าวนา นบั วา หาไดไมง า ยนกั ในปจ จบุ นั ทจ่ี ะไดพ บตำรบั ตำราทคี่ รบู าอาจารยช นั้ ตน ๆ ทเ่ี ปน ลกู ศษิ ยข องพระอาจารยมน่ั ไดเ รยี บเรยี งไว ดงั นน้ั จงึ นำมาลงไวท งั้ ๒ แบบตามตน ฉบบั เพอื่ ใหท า นผทู สี่ นใจไดน ำไปศึกษาปฏิบัติสืบไป พระมหาพสิ ฏิ ฐเ อก เสฏฐ ธมโฺ ม หัวหนาคณะผูรวบรวม 1-5

สารบัญ แบบถึงพระไตรสรณคมน ........................................................................................................ ๙ วิธีรักษาพระไตรสรณคมน ............................................................................................................. ๑๓ ตอ งไหวพ ระ นง่ั สมาธทิ กุ วนั .......................................................................................................... ๑๔ แผเมตตาตนและผูอื่น .................................................................................................................... ๑๔ วิธีบูชาดอกไมธูปเทียน .................................................................................................................. ๑๖ แบบวิธีน่ังสมาธิภาวนา ........................................................................................................ ๑๗ ท่ีมาแหงการภาวนา ...................................................................................................................... ๑๗ ประเภทแหงการภาวนา ................................................................................................................ ๑๘ สมถภาวนา ๓ อยา ง ..................................................................................................................... ๑๘ สมถะคืออะไร ................................................................................................................................. ๑๘ ธรรมที่ตองเจริญอยูเปนนิตย ....................................................................................................... ๒๐ การฝกสมาธิภาวนา .............................................................................................................. ๒๑ วิธีน่ังสมาธิภาวนา......................................................................................................................... ๒๑ ต้ังสติลงตรงหนา ...........................................................................................................................๒๒ รวมจติ เขา ตงั้ ไวใ นจติ ..................................................................................................................๒๒ สำรวจแลวนึก ............................................................................................................................... ๒๓ ภวงั ค ..................................................................................................................................... ๒๔ วิธีออกจากสมาธิ ......................................................................................................................... ๒๗ อรยิ มรรคสมงั คี ..................................................................................................................... ๒๙ วิธีตกแตงอริยมรรค ......................................................................................................................๓๑ วิธีเดินจงกรมภาวนา ............................................................................................................ ๓๔ นิมิตสมาธิ ............................................................................................................................. ๓๖ วิธีแกนิมิตสมาธิ .............................................................................................................................๓๘ ญาตปริญญาวิธี .............................................................................................................................๓๙1-6

ตีรณปริญญาวิธี ............................................................................................................................. ๔๑แกปฏิภาคนิมิตภายนอก................................................................................................................ ๔๑แกปฏิภาคนิมิตภายใน .................................................................................................................. ๔๒วิธีพิจารณาโครงกระดูก ................................................................................................................ ๔๕พิจารณารวมศูนยกลาง................................................................................................................. ๔๖เจริญปหานปริญญาวิธี ................................................................................................................. ๔๗ตัวอยางคำสอนเร่ืองการเจริญภาวนา ของพระอาจารยม่ัน ภูริทตฺโต ...................................... ๕๐บรรณานุกรม .................................................................................................................................๕๓ 1-7

1-8

แบบถึงพระไตรสรณคมน พระพทุ ธเจา ทรงพระมหากรณุ า ประดษิ ฐานพระพทุ ธศาสนาลงในโลก ยอ มทรงวางระเบยี บแบบแผนไวค รบบรบิ รู ณแ ลว แบบถงึ พระไตรสรณคมนก ม็ แี ลว แตข าดผนู ำ จงึ ไมไดถ อื เปน หลกั ปฏบิ ตั สิ บื มาจนถงึ สมยั ปจ จบุ นั ทกุ วนั นี้ เนอื่ งดว ยเหตนุ ้ี จงึ จำเปน ตอ งนำมาลงไวเ ปน แบบปฏบิ ตั สิ บื ไป พทุ ธบรษิ ทั ทง้ั ๔ คอื ๑. พระภกิ ษุ และสามเณร ๒. พระภกิ ษณุ ี และสามเณรี ๓. อบุ าสก ๔. อบุ าสกิ า ทง้ั ๔ จำพวก เมอ่ื นอ มตนเขา มานบั ถอื พทุ ธศาสนาน้ี ยอ มประกาศปฏญิ าณตนถงึพระไตรสรณคมน ทกุ คนตลอดไป ตามแบบทพ่ี ระองคไ ดท รงพระมหากรณุ าโปรดพระเจา พมิ พสิ ารกบั ทงั้ บรวิ าร ๑๑ นหตุและทรงโปรดสงิ คาลมาณพนน้ั พระองคท รงตรสั เทศนาจบลงแลว พระเจา พมิ พสิ าร กบัทงั้ บรวิ าร ๑๐ นหตุ ไดส ำเรจ็ โสดาปต ตผิ ล อกี นหตุ หนงึ่ นน้ั ถงึ พระไตรสรณคมน สวนสิงคาลมาณพ เมื่อฟงธรรมเทศนาจบลง ก็ไดประกาศปฏิญาณตนถึงพระ-ไตรสรณคมนด งั ตอ ไปนี้ คอื เปลง วาจาวา “เอสาหํ ภนเฺ ต สจุ ริ ปรนิ พิ พฺ ตุ มปฺ  ตํ ภควนตฺ ํ สรณํ คจฉฺ ามิ ธมมฺ จฺ ภกิ ขฺ สุ งฆฺ จฺ อปุ าสกํ (อปุ าสกิ )ํ มํ สงโฺ ฆ ธาเรตุ อชชฺ ตคเฺ ค ปาณเุ ปตํ สรณํ คตํ ฯ ทตุ ยิ มปฺ  เอสาหํ ... ตตยิ มปฺ  เอสาหํ ... อชชฺ ตคเฺ ค ปาณเุ ปตํ สรณํ คต”ํ แปลความวา 1-9

1 - 10 ธรรมปฏิบตั ิ ๕ สาย : พุทโธ “ขา พเจา ขอถงึ พระผมู พี ระภาคเจา แมป รนิ พิ พานนานมาแลว กบั พระธรรมและพระอรยิ สงฆส าวก วา เปน ทพี่ ง่ึ ทร่ี ะลกึ ทนี่ บั ถอื ของขา พเจา ตลอดสน้ิ ชวี ติ ขอสงฆจ งจำไว ซงึ่ ขา พเจา วา เปน อบุ าสก (อบุ าสกิ า) ตง้ั แตน เี้ ปน ตน ไปตราบเทา สนิ้ ชวี ติ ” ตามแบบที่พระพุทธองคไดทรงตรัสแกพระอรหันตขีณาสพพุทธสาวก ๖๐ องค ณปา อสิ ปิ ตนมฤคทายวนั ใกลเ มอื งพาราณสี ทสี่ ง ไปประกาศพระพทุ ธศาสนา เพอื่ ใหส ำเรจ็ กจิบรรพชาอปุ สมบทแกก ลุ บตุ รทงั้ ปวง ดว ยวธิ ใี หถ งึ พระไตรสรณคมนน ้ี และในสมยั นกี้ ไ็ ดถ อื เปนแบบถงึ พระไตรสรณคมน ทง้ั อบุ าสกอบุ าสกิ า และบรรพชาเปน สามเณร พระอาจารยผูนำใหถึงพระไตรสรณคมนนี้ พึงแนะนำพร่ำสอนใหรักษาความสัตยความจรงิ ในพระไตรสรณคมนอ ยา งยงิ่ ดงั ตอ ไปน้ี คอื ๑. สอนใหน ง่ั คกุ เขา กราบ ดว ยเบญจางคป ระดษิ ฐ ๓ ครงั้ แลว เตอื นใหร กั ษาความจรงิ วา เวลานเี้ ปน เวลารกั ษาความสตั ยค วามจรงิ คอื รา งกายทน่ี งั่ คกุ เขา ประนมมอื อยบู ดั นี้พงึ ทราบวา เปน รา งกายทจ่ี ะประกาศตน ถงึ พระไตรสรณคมนจ รงิ ๆ ๒. วาจาทก่ี ลา วถงึ คณุ พระพทุ ธเจา พระธรรม พระสงฆ ในกาลบดั นี้ พงึ ทราบวาเปน วาจาทไี่ ดป ระกาศตนถงึ พระไตรสรณคมนจ รงิ ๓. นำ้ ใจทน่ี อ มนกึ ถงึ คณุ พระพทุ ธเจา พระธรรม พระสงฆ พงึ ทราบวา เปน น้ำใจจรงิ ๔. พงึ ตง้ั เปน ความสตั ยอ ธษิ ฐานไวใ นใจวา ขา พเจา นบั ถอื เอา คณุ พระพทุ ธเจา พระธรรมพระสงฆ ทง้ั ๓ เปน สรณะ ทพี่ งึ่ ทร่ี ะลกึ ทนี่ บั ถอื ของขา พเจา ตงั้ แตบ ดั นเี้ ปน ตน ไปตราบเทาสิ้นชีวิต เมอ่ื ตง้ั เปน ความสตั ยแ ลว พงึ นำใหถ งึ พระไตรสรณคมน ดงั ตอ ไปน้ี อรหํ สมมฺ าสมพฺ ทุ โฺ ธ ภควา พทุ ธฺ ํ ภควนตฺ ํ อภวิ าเทมิ ฯ (กราบลงครงั้ หนง่ึ ) สวฺ ากขฺ าโต ภควตา ธมโฺ ม ธมมฺ ํ นมสสฺ ามิ ฯ (กราบลงครงั้ หนงึ่ ) สปุ ฏปิ นโฺ น ภควโต สาวกสงโฺ ฆ สงฆฺ ํ นมามิ ฯ (กราบลงครงั้ หนงึ่ ) นำวา นโม ๓ จบ นโม ตสสฺ ภควโต อรหโต สมมฺ าสมพฺ ทุ ธฺ สสฺ ฯ

1 - 11 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : พุทโธ นำวา ถงึ พระไตรสรณคมน พทุ ธฺ ํ สรณํ คจฉฺ าม,ิ ธมมฺ ํ สรณํ คจฉฺ าม,ิ สงฆฺ ํ สรณํ คจฉฺ าม,ิ ทตุ ยิ มปฺ  พทุ ธฺ ํ สรณํ คจฉฺ าม,ิ ทตุ ยิ มปฺ  ธมมฺ ํ สรณํ คจฉฺ าม,ิ ทตุ ยิ มปฺ  สงฆฺ ํ สรณํ คจฉฺ าม,ิ ตตยิ มปฺ  พทุ ธฺ ํ สรณํ คจฉฺ าม,ิ ตตยิ มปฺ  ธมมฺ ํ สรณํ คจฉฺ าม,ิ ตตยิ มปฺ  สงฆฺ ํ สรณํ คจฉฺ าม,ิ แปลความวา ขา พเจา ขอถงึ พระพทุ ธเจา กบั ทง้ั พระธรรม และพระอรยิ สงฆ สาวกวา เปน สรณะทพี่ งึ่ ทรี่ ะลกึ ทนี่ บั ถอื ของขา พเจา ตงั้ แตบ ดั นเี้ ปน ตน ไปตราบเทา สนิ้ ชวี ติ ของขา พเจา นแ้ี ล ฯ นำระลกึ ถงึ พระพทุ ธคณุ อติ ปิ  โส ภควา อรหํ สมมฺ า สมพฺ ทุ โฺ ธ วชิ ชฺ าจรณสมปฺ นโฺ น สคุ โต โลกวทิ ู อนตุ ตโฺ รปรุ สิ ทมมฺ สารถิ สตถฺ า เทวมนสุ สฺ านํ พทุ โฺ ธ ภควาติ ฯ กราบลงหมอบนงิ่ อยวู า กาเยน วาจาย ว เจตสา วา พทุ เฺ ธ กกุ มมฺ ํ ปกตํ มยา ยํ พทุ โฺ ธ ปฏคิ คฺ ณหฺ ตุ อจจฺ ยนตฺ ํ กาลนตฺ เร สวํ รติ ุ ํ ว พทุ เฺ ธ ฯ จบพระพทุ ธคณุ แลว เงยขนึ้ นำระลกึ ถงึ คณุ พระธรรม สวฺ ากขาโต ภควตา ธมโฺ ม สนทฺ ฏิ ฐ โิ ก อกาลโิ ก เอหปิ สสฺ โิ ก โอปนยโิ ก ปจฺจตฺตํเวทติ พโฺ พ วิ ฺ หู ตี ิ ฯ

1 - 12 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : พุทโธ กราบหมอบลงนงิ่ อยวู า กาเยน วาจาย ว เจตสา วา ธมเฺ ม กกุ มมฺ ํ ปกตํ มยา ยํ ธมโฺ ม ปฏคิ คฺ ณหฺ ตุ อจจฺ ยนตฺ ํ กาลนตฺ เร สวํ รติ ุํ ว ธมเฺ ม ฯ จบพระธรรมคณุ แลว เงยขนึ้ นำระลกึ ถงึ คณุ พระอรยิ สงฆส าวก สปุ ฏปิ นโฺ น ภควโต สาวกสงโฺ ฆ อชุ ปุ ฏปิ นโฺ น ภควโต สาวกสงโฺ ฆ ญายปฏปิ นโฺ น ภควโต สาวกสงโฺ ฆ สามจี ปิ ฏปิ นโฺ น ภควโต สาวกสงโฺ ฆ ยททิ ํ จตตฺ าริ ปรุ สิ ยคุ านิ อฏฐ ปรุ สิ ปคุ คฺ ลา เอส ภควโต สาวกสงโฺ ฆ อาหเุ นยโฺ ย ปาหเุ นยโฺ ย ทกขฺ เิ ณยโฺ ย อชฺ ลกี รณโี ย อนตุ ตฺ รํ ปุ ญฺ กเฺ ขตตฺ ํ โลกสสฺ าติ ฯ กราบหมอบลงนงิ่ อยวู า กาเยน วาจาย ว เจตสา วา สงเฺ ฆ กกุ มมฺ ํ ปกตํ มยา ยํ สงโฺ ฆ ปฏคิ คฺ ณหฺ ตุ อจจฺ ยนตฺ ํ กาลนตฺ เร สวํ รติ ุํ ว สงเฺ ฆ ฯ จบสงั ฆคณุ แลว เงยขนึ้ กราบ ๓ หน นงั่ พบั เพยี บประนมมอื ฟง คำสงั่ สอนในระเบยี บวธิ รี กั ษาและปฏบิ ตั ไิ ตรสรณคมนต อ ไป ผทู ไ่ี ดป ฏญิ าณตน ถงึ คณุ พระพทุ ธเจา พระธรรม พระสงฆ แลว ชอื่ วา เปน “พทุ ธบรษิ ทั ”ชายเปน อบุ าสก หญงิ เปน อบุ าสกิ า ในพระพทุ ธศาสนา มหี นา ทจี่ ะตอ งปฏบิ ตั พิ ระพทุ ธศาสนาสบื ตอ ไป

1 - 13 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : พุทโธวธิ รี กั ษาพระไตรสรณคมน วธิ รี กั ษาพระไตรสรณคมนไ มใ หข าดและไมใ หเ ศรา หมอง ดงั นี้ ๑. เปน ผตู ง้ั อยใู นความเคารพ ๖ ประการคอื เคารพในพระพทุ ธเจา ๑ เคารพในพระธรรม ๑ เคารพในพระอรยิ สงฆส าวก ๑ เคารพในความไมป ระมาท ๑ เคารพในไตรสกิ ขา ๓ คอื ศลี สมาธิ ปญ ญา ๑ เคารพในปฏสิ นั ถาร การตอ นรบั ๑ ตองเปนผูมีความเล่ือมใสนับถือพระรัตนตรัยเปนสรณะท่ีพึ่งที่ระลึกของตนจริงๆถา ประมาทเมอ่ื ไร กข็ าดจากคณุ พระรตั นตรยั เมอ่ื นนั้ ๒. เวน จากการนบั ถอื พระภมู ติ า งๆ คอื ไมน บั ถอื ภตู ผิ ี ปศ าจ พระภมู เิ จา ท่ี เทวบตุ รเทวดา มนต กลคาถา วชิ าตา งๆ ตอ ไป ถา นบั ถอื เมอื่ ไร กข็ าดจากคณุ พระรตั นตรยั เมอื่ นนั้ ๓. ไมเ ขา รดี เดยี รถยี  นคิ รนถ คอื ไมน บั ถอื ลทั ธวิ ธิ ี ศาสนาอน่ื ภายนอกพระพทุ ธศาสนามาเปนสรณะที่พึ่งที่ระลึกของตน สืบตอไป ถานับถือเขารีดเดียรถียเม่ือไรก็ขาดจากพระรตั นตรยั เมอ่ื นน้ั ๔. ไมนับถือลัทธิศาสนาพราหมณ คือ ไมดูไมดูหมอ แตงแกแตงบูชา เสียเคราะหเสยี เขญ็ เปน ตน ถา นบั ถอื เมอื่ ไร กเ็ ศรา หมองในคณุ พระรตั นตรยั เมอื่ นนั้ ๕. เปน ผเู ชอ่ื กรรม เชอ่ื ผลของกรรม เชน เชอื่ วา ทำชวั่ ไดช วั่ ทำดไี ดด ี เปน ตน ตลอดจนความเชอ่ื ความตรสั รขู องพระสมั มาสมั พทุ ธเจา เปน ทส่ี ดุ ไมเ ชอ่ื มงคลตนื่ ขา ว ตอ งเปน ผมู สี มาธเิ สมอ ถา ขาดสมาธเิ มอื่ ไรกข็ าดศรทั ธาความเชอ่ื เมอื่ นนั้ ถา ขาดศรทั ธาความเชอ่ื เมอ่ื ไร กเ็ ศรา หมองในคณุ พระรตั นตรยั เมอ่ื นนั้

1 - 14 ธรรมปฏบิ ัติ ๕ สาย : พทุ โธตอ งไหวพ ระ นง่ั สมาธทิ กุ วนั ทา นสอนใหป ฏบิ ตั ใิ จของตนเอง เพราะคณุ พระพทุ ธเจา พระธรรม พระสงฆ ทง้ั ๓ น้ีสำเรจ็ ดว ยใจ ลว นเปน คณุ สมบตั ขิ องใจทง้ั นนั้ ทา นจงึ สอนใหป ฏบิ ตั ใิ จของตนใหเ ปน คนหมน่ั คนขยนั ไหวพ ระทกุ วนั นง่ั สมาธทิ กุ วนั “ปฐมํ ยามํ จงกฺ มาย นสิ ชชฺ ํ อาวรณเิ ยหิ ธมเฺ มหิ จติ ตฺ ํ ปรโิ สเธต”ิ เวลากอ นเขา นอนตอนหวั ค่ำใหเ ดนิ จงกรมแลว ทำพธิ ี ไหวพ ระเจรญิ พรหมวหิ าร นง่ั สมาธภิ าวนาทำใหจ ติ สงบและตงั้ มน่ั เปน สมาธกิ อ นเขา นอน “อฑฒฺ รตตฺ ํ จงกฺ มาย นสิ ชชฺ ํ อาวรณเิ ยหิ ธมเฺ มหิ จติ ตฺ ํ ปรโิ สเธต”ิ เวลาเทย่ี งคนื นอนตนื่ ขน้ึ เปน เวลาทส่ี งบสงดั ดี ใหเ ดนิ จงกรม ทำพธิ ไี หวพ ระ เจรญิ พรหมวหิ าร นงั่ สมาธภิ าวนา ทำจติ ใหส งบ และตงั้ มน่ั เปน สมาธแิ นว แน จงึ นอนตอ ไปอกี “ปจฉฺ มิ ํ ยามํ จงกฺ มาย นสิ ชชฺ ํ อาวรณเิ ยหิ ธมเฺ มหิ จติ ตฺ ํ ปรโิ สเธต”ิ เวลาปจ จบุ นั สมยั จวนใกลร งุ ใหล กุ ขนึ้ แตเ ชา ลา งหนา เชด็ หนา เรยี บรอ ย แลว ทำพิธีไหวพระเจริญพรหมวิหาร น่ังสมาธิ ภาวนาทำจิตใหสงบและตั้งม่ันเปนสมาธิแนวแนแลว เดนิ จงกรมตอ ไปอกี จนแจง เปน วนั ใหม จงึ ประกอบการงานตอ ไป ฯแผเ มตตาตน ขอเราจงเปน ผมู คี วามสขุ ๆ เถดิ ขอเราจงเปน ผปู ราศจากทกุ ขท ง้ั ปวงเถดิ อหํ สขุ โิ ต โหมิ ขอเราจงเปน ผปู ราศจากเวรทง้ั ปวงเถดิ นทิ ทฺ กุ โฺ ข โหมิ ขอเราจงเปน ผปู ราศจากความเบยี ดเบยี นทงั้ ปวงเถดิ อเวโร โหมิ ขอเราจงปราศจากความลำบากยากเขญ็ ทงั้ ปวงเถดิ อพยฺ าปชโฺ ฌ โหมิ ขอเราจงเปน ผมู คี วามสขุ ตลอดทกุ เมอ่ื เถดิ อนโี ฆ โหมิ สขุ ี อตตฺ านํ ปรหิ รามิ

1 - 15 ธรรมปฏิบตั ิ ๕ สาย : พทุ โธ เจรญิ เมตตาผอู นื่สพเฺ พ สตตฺ า สตั วท ง้ั หลายทเ่ี ปน เพอื่ นทกุ ข เกดิ แกเ จบ็ ตาย ดว ยกนั ทงั้ หมดทง้ั สนิ้สขุ ติ า โหนตฺ ุ จงเปน สขุ ๆ เถดิสพเฺ พ สตตฺ า สตั วท งั้ หลายทเี่ ปน เพอื่ นทกุ ข เกดิ แกเ จบ็ ตาย ดว ยกนั ทงั้ หมดทง้ั สนิ้อเวรา โหนตฺ ุ จงอยา ไดเ ปน ผมู เี วรแกก นั และกนั เลยสพเฺ พ สตตฺ า สตั วท ง้ั หลายทเ่ี ปน เพอื่ นทกุ ข เกดิ แกเ จบ็ ตาย ดว ยกนั ทงั้ หมดทง้ั สนิ้อพยฺ าปชฌฺ า โหนตฺ ุ จงอยา ไดเ ปน ผเู บยี ดเบยี นแกก นั และกนั เลยสพเฺ พ สตตฺ า สตั วท งั้ หลายทเี่ ปน เพอ่ื นทกุ ข เกดิ แกเ จบ็ ตาย ดว ยกนั ทง้ั หมดทง้ั สนิ้อนฆี า โหนตฺ ุ จงอยา มคี วามลำบากยากแคน ทงั้ ปวงเถดิสพเฺ พ สตตฺ า สตั วท งั้ หลายทเี่ ปน เพอ่ื นทกุ ข เกดิ แกเ จบ็ ตาย ดว ยกนั ทง้ั หมดทงั้ สนิ้สขุ ี อตตฺ านํ ปรหิ รนตฺ ุ จงเปน ผมู คี วามสขุ ตลอดทกุ เมอื่ เถดิ เจรญิ กรณุ าสพเฺ พ สตตฺ า สตั วท งั้ หลายทเ่ี ปน เพอ่ื นทกุ ข เกดิ แกเ จบ็ ตาย ดว ยกนั ทง้ั หมดทงั้ สนิ้สพพฺ ทกุ ขา ปมุ จฺ นตฺ ุ จงเปน ผพู น จากทกุ ขท ง้ั ปวงเถดิ เจรญิ มทุ ติ าสพเฺ พ สตตฺ า สตั วท งั้ หลายทเ่ี ปน เพอื่ นทกุ ข เกดิ แกเ จบ็ ตาย ดว ยกนั ทง้ั หมดทงั้ สนิ้ลทธฺ สมปฺ ตตฺ โิ ต มา วคิ จฉฺ นตฺ ุ จงอยา ไดป ราศจากสมบตั อิ นั ตนไดเ กดิ แลว เถดิ เจรญิ อเุ บกขาสพเฺ พ สตตฺ า สตั วท งั้ หลายทเ่ี ปน เพอื่ นทกุ ข เกดิ แกเ จบ็ ตาย ดว ยกนั ทงั้ หมดทง้ั สนิ้กมมฺ สสฺ กา เปน ผมู กี รรมเปน ของตนกมมฺ ทายาทา มกี รรมเปน ผใู หผ ลกมมฺ โยนี มกี รรมเปน แดนเกดิกมมฺ พนธฺ ู มกี รรมเปน ผตู ดิ ตามกมมฺ ปฏสิ รณา มกี รรมเปน ทพ่ี งึ่ อาศยัยํ กมมฺ ํ กรสิ สฺ นตฺ ิ จกั ทำกรรมอันใดไวกลยฺ าณํ วา ปาปกํ วา จกั ทำกรรมทเี่ ปน บญุ หรอื เปน บาปตสสฺ ทายาทา ภวสิ สฺ นตฺ ิ เราจกั เปน ผรู บั ผลของกรรมนน้ั ๆ

1 - 16 ธรรมปฏิบตั ิ ๕ สาย : พุทโธวธิ บี ชู าดอกไมธ ปู เทยี น ยมหํ สมมฺ าสมพฺ ทุ ธํ ภควนตฺ ํ สรณํ คโต (ผหู ญงิ ใหเ ปลยี่ น คโต เปน คตา) พระผมู พี ระภาคเจา พระองคเ ปน ผตู รสั รแู ลว เองโดยชอบพระองคใ ด ขา พเจา ถงึ แลววา เปน ทพ่ี งึ่ กำจดั ภยั ไดจ รงิ อมิ นิ า สกกฺ าเรน ตํ ภควนตฺ ํ อภปิ ชู ยามิ ฯ ขา พเจา บชู าพระผมู พี ระภาคเจา พระองคน นั้ ดว ยเครอ่ื งสกั การะอนั นี้ (กราบลงครง้ั หนงึ่ ) ยมหํ สวฺ ากขฺ าตํ ภควตา ธมมฺ ํ สรณํ คโต (ผหู ญงิ ใหเ ปลยี่ น คโต เปน คตา) พระธรรมที่พระผูมีพระภาคเจาตรัสเทศนาไวดีแลวเหลาใด ขาพเจาถึงแลววาเปนทพี่ ง่ึ กำจดั ภยั ไดจ รงิ อมิ นิ า สกกฺ าเรน ตํ ธมมฺ ํ อภปิ ชู ยามิ ฯ ขา พเจา บชู าพระธรรมเหลา นน้ั ดว ยเครอื่ งสกั การะอนั น้ี (กราบลงครง้ั หนง่ึ ) ยมหํ สปุ ฏปิ นนฺ ํ สงฆฺ ํ สรณํ คโต (ผหู ญงิ ใหเ ปลยี่ น คโต เปน คตา) พระสงฆส าวกของพระผมู พี ระภาคเจา เปน ผปู ฏบิ ตั ดิ แี ลว หมใู ด ขา พเจา ถงึ แลว วาเปน ทพี่ ง่ึ กำจดั ภยั ไดจ รงิ อมิ นิ า สกกฺ าเรน ตํ ภควนตฺ ํ อภปิ ชู ยามิ ฯ ขา พเจา บชู าพระสงฆห มนู นั้ ดว ยเครอื่ งสกั การะอนั น้ี (กราบลงครงั้ หนงึ่ )

1 - 17 ธรรมปฏิบตั ิ ๕ สาย : พทุ โธ แบบวธิ นี ง่ั สมาธภิ าวนา ภาวนา เปน ชอ่ื แหง ความเพยี ร ทน่ี กั ปฏบิ ตั ใิ นพระพทุ ธศาสนาไดถ อื เปน ขอ ปฏบิ ตั ดิ ีปฏบิ ตั ชิ อบอยา งยงิ่ ไมม ขี อ ปฏบิ ตั อิ น่ื ดยี ง่ิ ขน้ึ ไปกวา ท่ีมาแหงการภาวนา ภาวนานี้ มมี าใน สมั มปั ปธาน ๔ ประการ คอื ๑. ปหานปธาน เพยี รสละบาปอกศุ ล ใหข าดจากสนั ดาน ๒. สงั วรปธาน เพยี รสำรวมระวงั รกั ษา ไมใ หบ าปเกดิ ขน้ึ ในสนั ดาน ๓. ภาวนาปธาน เพยี รภาวนา ใหบ ญุ กศุ ลเกดิ ขน้ึ ในสนั ดาน ๔. อนรุ กั ขนาปธาน เพยี รรกั ษาบญุ กศุ ลทเ่ี กดิ ขนึ้ แลว ไมใ หเ สอ่ื มสญู อนั ตรธาน ขอ ท่ี ๓ แหง สมั มปั ปธาน ความวา ภาวนาปธาน เพยี รบำเพญ็ บญุ กศุ ลใหเ กดิ ในสนั ดานน้ี เปนขอปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในพระพุทธศาสนาอยางดียิ่ง ไมมีขอปฏิบัติอ่ืนดีย่ิงข้ึนไปกวาพทุ ธบรษิ ทั ทงั้ ๔ จะเวน เสยี มไิ ด จำเปน ตอ งบำเพญ็ ภาวนาปธานทกุ คนตลอดไป จงึ เปน ไปเพอื่ พน จากทกุ ขใ นวฏั ฏสงสาร สำเรจ็ พระอมตมหานครนฤพาน หรอื สำเรจ็ มรรคผลธรรมวเิ ศษบรรลจุ ตปุ ฏสิ มั ภทิ าญาณ แตกฉานในหอ งพระไตรปฎ ก ดว ยการบำเพญ็ ภาวนาปธานนท้ี ง้ั นน้ัถาไมไดบำเพ็ญภาวนาปธานนี้แลว ก็ไมเปนไปเพื่อพนจากทุกขในวัฏฏสงสาร คือไมสำเร็จพระนพิ พานเลยเปน อนั ขาด อนง่ึ ภาวนาปธาน น้ี เปน ยอดแหง ขอ ปฏบิ ตั ดิ ปี ฏบิ ตั ชิ อบทง้ั ปวง คอื พทุ ธบรษิ ทัทง้ั ๔ เมอื่ มกี ารบำเพญ็ ทาน และรกั ษาศลี ใหบ รสิ ทุ ธดิ์ แี ลว จำเปน ตอ งมกี ารบำเพญ็ ภาวนาหรือเหลาพระภิกษุสามเณร เมื่อไดบรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนาแลว ตองบำเพ็ญสมั มปั ปธานทง้ั ๔ ประการมี ภาวนาปธานเปน ยอด คอื บำเพญ็ ศลี สมาธิ ปญ ญา ใหถ งึ พรอ มดว ยความไมป ระมาท คำวา “ภาวนา” แปลวา ทำใหเ กดิ ใหม ี ใหเ ปน คอื ทำกาย วาจา ใจ ใหเ ปน ศลี

1 - 18 ธรรมปฏิบัติ ๕ สาย : พุทโธสมาธิ ปญ ญา หรอื ทำขนั ธสนั ดานของตนทเี่ ปน ปถุ ชุ น ใหเ ปน พระอรยิ บคุ คลในพระพทุ ธศาสนาหรอื มฉิ ะนนั้ กก็ ระทำขนั ธสนั ดานของตน ทเี่ ปน พระโพธสิ ตั วใ หไ ดต รสั รพู ระอนตุ ตรสมั มา-สมั โพธญิ าณ เปน พระสมั มาสมั พทุ ธเจา ขน้ึ ในโลก นบั วา กระทำใหเ ปน ไปในธรรมวนิ ยั ทง้ั ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขนั ธท เี ดยี วประเภทแหง การภาวนา พระอนรุ ทุ ธาจารยเ จา แยกประเภทภาวนาตามลำดบั ชน้ั ไวเ ปน ๒ ประการ ๑. สมถภาวนา ทำใจใหม สี ตสิ มั ปชญั ญะ สงบจากกามารมณ ตงั้ มน่ั เปน สมาธภิ าวนา ๒. วปิ ส สนาภาวนา ทำใจทม่ี สี ตสิ มั ปชญั ญะ และสมาธบิ รบิ รู ณแ ลว ใหเ กดิ มปี ญ ญา ในเบอื้ งตน น้ี จะกลา วสมถภาวนากอ นแลว จงึ จะกลา ววปิ ส สนาภาวนา โดยลำดบัเมอ่ื ภายหลงัสมถภาวนา ๓ อยา ง ในพระคมั ภรี  อภธิ มั มตั ถสงั คหะ พระอนรุ ทุ ธาจารยเ จา แยกประเภทแหง สมถภาวนาไวเ ปน ๓ ประการ คอื ๑. บรกิ รรมภาวนา เวลานงั่ สมาธภิ าวนา ใชบ รกิ รรมบทใดบทหนงึ่ ๒. อปุ จารภาวนา จติ ตงั้ มน่ั เปน อปุ จารสมาธิ ๓. อัปปนาภาวนา จติ ตง้ั มน่ั เปน อปั ปนาสมาธิสมถะคอื อะไร ในเรอ่ื ง สมถภาวนาวธิ ี มวี ธิ ปี ฏบิ ตั ลิ ะเอยี ดมาก แตใ นบทเนอ้ื ความยอ น้ี จะกลา วเฉพาะใจความยอ ๆ พอใหท ราบลว งหนา ไวว า สมถะคอื อะไร พระสมถกรรมฐานทงั้ ๔๐ ประการ คอื อบุ ายภาวนาใหจ ติ เปน สมาธิ เมอ่ื กลา วถงึ เรอื่ งทจ่ี ติ เปน สมาธิ ดำเนนิ ถกู ในหนทางอรยิ มรรคอรยิ ผลแลว กเ็ ปน อนัถกู ตอ งแลว ในพระสมถกรรมฐานทงั้ ๔๐ ประการ

1 - 19 ธรรมปฏบิ ัติ ๕ สาย : พทุ โธ อกี ประการหนงึ่ พระสมถกรรมฐานทง้ั ๔๐ ประการเหลา น้ี มอี าจารยบ างจำพวกสอนคณะศษิ ยานศุ ษิ ยข องตน ใหข น้ึ พระสมถกรรมฐานทงั้ ๔๐ ประการ เปน หอ งๆ ไป ครบทงั้ ๔๐ ประการ เปน ๔๐ หอ ง กระทำใหค ณะสานศุ ษิ ยเ ขา ใจผดิ และถอื เปน ถกู คอื ถอื เอาวา พระกรรมฐานทง้ั ๔๐ หอ ง ใครไดข นึ้ หอ งไหนกไ็ ดแ ตห อ งนนั้ ไมไ ดค รบทงั้ ๔๐ หอ ง ถา ตอ งการใหค รบทง้ั ๔๐ หอ ง ตอ งขน้ึ ไปทลี ะหอ งๆ จนครบทง้ั ๔๐ หอ ง จงึจะไดพ ระกรรมฐาน ๔๐ ประการ ดงั นี้ เปน การสอนผดิ และเขา ใจผดิ ถอื ผดิ เปน ถกู จากพระบรมศาสดาจารย เปน อยา งยง่ิ ความจรงิ พระธรรมวนิ ยั ทง้ั ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขนั ธ เปน ธรรมแทง เดยี วกนั สมเด็จพระสัพพัญูบรมครูเจา พระองคทรงเปนพระวิภัชชวาที คือ พระองคทรงจำแนกขนั ธ ๕ คอื กาย กบั ใจ ในตวั ของมนษุ ยค นเดยี วเทา นน้ั เปน ทงั้ พระธรรมทงั้ พระวนิ ยัครบจำนวน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขนั ธ รวมกนั เขา กเ็ ปน ธรรมแทง เดยี วกนั เม่ือพระธรรมวินัย เปนธรรมแทงเดียวกันอยูแลว อาจารยบางจำพวกมาสอนใหแตกตา งออกไปเปน หอ งๆ ไมส อนใหร วมเปน แทง เดยี วกนั ชอื่ วา สอนผดิ จากพระบรมศาสดา-จารยเ ปน อยา งยง่ิ อีกประการหนึ่ง นักปฏิบัติใหมท้ังหลายยังไมรูช้ันภูมิแหงจิต ตัดสินไมไดวาสมถกรรมฐานเพยี งแคไ หน เมอื่ ไรจะถงึ วปิ ส สนากรรมฐานสกั ที ครนั้ ไดน ง่ั สมาธิ บงั เกดิมีความรูนิดๆ หนอยๆ ก็เขาใจวาตนไดวิปสสนาญาณเสียแลว ก็เปนผูหลงผิดติดอยูในสมถกรรมฐานตลอดไป เนอื่ งดว ยเหตนุ ้ี จงึ จำเปน ตอ งกลา วเนอ้ื ความยอ ของสมถะไวด งั ตอ ไปนี้ สมเดจ็ พระสพั พญั บู รมครเู จา เมอ่ื พระองคท รงตรสั รพู ระอนตุ ตรสมั มาสมั โพธญิ าณเปน พระพทุ ธเจา ขนึ้ ในโลกแลว พระองคย อ มทรงรแู จง วา เวไนยสตั วท ง้ั หลาย ลว นเปนผหู ลงขอ งอยใู นวฏั ฏสงสาร ไมเ หน็ หนทางพระนพิ พาน จงึ เอาตนใหพ น จากทกุ ขไ มไ ด เม่ือพระองคทรงพระมหากรุณาโปรดเวไนยสัตวทั้งหลายใหพนจากทุกขภัยในวฏั ฏสงสาร จงึ จำเปน ตอ งตะลอ มเอาน้ำใจของเวไนยสตั วท งั้ หลาย ใหส งบจากเครอื่ งขอ ง

1 - 20 ธรรมปฏบิ ัติ ๕ สาย : พทุ โธรวมเขา สวู ถิ หี นทางพระนพิ พาน ซง่ึ เปน หนทางเอกในโลก ไมม หี นทางอนื่ ยง่ิ ไปกวา และเปนทางอนั เกษมจากโยคะทงั้ ปวง วธิ ที พี่ ระองคท รงตะลอ มเอาจติ ใหส งบจากเครอื่ งขอ ง รวมเขา สวู ถิ หี นทางพระนพิ พานนี้แลเปนวิธีสำคัญ จึงจำเปนตองทรงพระมหากรุณาตรัสเทศนาส่ังสอนใหเจริญพระสมถกรรมฐาน ๔๐ ประการ บทใดบทหน่ึง เฉพาะเปนที่สบายแกจริตหรือนิสัยของตนเทา นนั้ ไมใ ชใ หข น้ึ เปน หอ งๆ ไปจนครบ ๔๐ หอ ง เมอื่ ไดพ ระสมถกรรมฐานเปน ทส่ี บายแกจ รติ ของตนแลว พระองคท รงพระมหากรณุ าตรสั เทศนาโปรดใหน ง่ั สมาธภิ าวนาทเี ดยี ว วธิ นี ง่ั สมาธภิ าวนา มแี จง อยใู นบทนงั่ สมาธขิ า งหนา ขอ ทนี่ กั ปฏบิ ตั ใิ หมท ง้ั หลาย จะพงึ วนิ จิ ฉยั วา พระสมถกรรมฐานเพยี งแคไ หน เมอื่ ไหรจะถงึ วปิ ส สนากรรมฐานสกั ที ขอ นใ้ี หพ งึ วนิ จิ ฉยั ในวธิ นี งั่ สมาธภิ าวนา ซง่ึ กลา วตอ ไปในบทนง่ัสมาธขิ า งหนาธรรมทต่ี อ งเจรญิ อยเู ปน นติ ย นกั ปฏบิ ตั ทิ ง้ั หลายในพระพทุ ธศาสนานี้ พงึ เปน ผมู ศี ลี เปน ทรี่ กั มวี ตั รปฏบิ ตั พิ รอ มบรบิ รู ณ และมธี รรมซง่ึ มอี ปุ การะมาก เปน ทเี่ จรญิ อยู จงึ เปน ผเู จรญิ รงุ เรอื งธรรมมอี ปุ การะมาก มหี ลายประการ แตจ ะกลา วในทนี่ เ้ี ฉพาะ ๓ ประการ คอื๑. อปปฺ มาโท อมตํ ปทํ พงึ เปน ผไู มป ระมาท ซงึ่ เปน บทธรรมอนั ไมต าย๒. สตมิ า ปรมิ ขุ สตึ พงึ เปน ผมู สี ตเิ ฉพาะหนา เสมอ๓. สมปฺ ชาโน พงึ เปน ผมู สี มั ปชญั ญะ รจู ติ เสมอธรรม ๓ ประการเหลา นี้ เปน ธรรมมอี ปุ การะมาก นกั ปฏบิ ตั ยิ อ มเจรญิ อยเู ปน นจิ

1 - 21 ธรรมปฏิบตั ิ ๕ สาย : พทุ โธ การฝก สมาธภิ าวนาปพุ พภาค (เบอื้ งตน ) แหง การปฏบิ ตั ิ นกั ปฏบิ ตั ิ ฝา ยคฤหสั ถ พงึ ประกาศปฏญิ าณตน ถงึ พระไตรสรณคมน เปน อบุ าสกอบุ าสกิ า กอ น แลว สมาทานศลี ๕ หรอื ศลี ๘ ใหบ รสิ ทุ ธิ์ กราบพระหรอื ไหวพ ระเสรจ็ แลวเจรญิ พรหมวหิ าร ๔ จบแลว จงึ นง่ั สมาธภิ าวนาตอ ไป นกั ปฏบิ ตั ฝิ า ยบรรพชติ พงึ ทำการบรรพชาอปุ สมบทใหบ รบิ รู ณ ดว ยสมบตั ิ ๕ ประการคอื วตั ถสุ มบตั ิ ญตั ตสิ มบตั ิ อนสุ าวนาสมบตั ิ สมี าสมบตั ิ ปรสิ สมบตั ิ ชำระศลี ใหบ รสิ ทุ ธิ์ ทำวตั รสวดมนต เจรญิ พรหมวหิ าร ๔ จบแลว จงึ นงั่ สมาธติ อ ไปวธิ นี ง่ั สมาธภิ าวนา พระพุทธพจนในโอวาทปาติโมกข “อธิ อรยิ สาวโก โวสสฺ คคฺ ารมมฺ ณํ กรติ วฺ า ลภติ สมาธึ ลภติ จติ ตฺ สเฺ สกคคฺ ตนตฺ ิ ความวา “พระอริยสาวก ในพระธรรมวินัยน้ี กระทำกรรมฐานคือน่ังสมาธิ ภาวนา มกี ารสละลงเปน อารมณ ยอ มไดส มาธิ ไดค วามทจ่ี ติ มธี รรมชาติ เปน หนง่ึ ” ดงั นี้ วิธีน่ังสมาธิภาวนา ทานสอนใหน่ังขัดสมาธิ เอาขาเบ้ืองขวาวางทับขาเบ้ืองซายมอื เบอ้ื งขวาวางทบั มอื เบอ้ื งซา ย “อชุ ุํ กายํ ปณธิ าย” พงึ ตงั้ กายใหต รง คอื อยา นง่ั ใหก ม นกั เปน คนหนา ควำ่ หนา ต่ำไมด ี และอยา นงั่ เงยหนา นกั เปน คนหนา สงู เกนิ ไป ไมพ อดพี องาม ทง้ั อยา ใหเ อยี งไปขา งซา ย ขา งขวา ขา งหนา ขา งหลงั ตงั้ ตวั ใหเ ทยี่ งตรงจรงิ ๆ อยา กดและอยา ขม อวยั วะรา งกายแหง ใดแหง หนง่ึ ใหล ำบากกายเปลา ๆ พงึ วางกายใหส บายเปน ปกตเิ รยี บรอ ย

1 - 22ธรรมปฏิบตั ิ ๕ สาย : พทุ โธ ขอ ทต่ี งั้ กายใหต รงน้ี พงึ ดรู ปู พระพทุ ธเจา นงั่ สมาธเิ ปน ตวั อยา ง เมอื่ นงั่ ตง้ั ตวั ตรงดแี ลว อชุ ุํ จติ ตฺ ํ ปณธิ าย พงึ ตง้ั จติ ใหต รง คอื ตง้ั สตลิ งตรงหนากำหนดรซู งึ่ จติ เฉพาะหนา ไมส ง จติ ใหฟ งุ ซา นไปเบอ้ื งหนา อนาคตกาล อนั ยงั มาไมถ งึ และไมใ หฟ งุ ซา นไปเบอื้ งหลงั อดตี กาล อนั ลว งไปแลว กเ็ ปน อนั ลว งไปแลว ทง้ั ไมใ หฟ งุ ซา นไปเบอื้ งบน เบอ้ื งลา ง เบอื้ งซา ย เบอื้ งขวา ทงั้ ไมใ หฟ งุ ซา นไปในทางตา ทางหู ทางจมกู ทางลนิ้ ทางกาย ทางใจ ทางใดทางหนงึ่ พงึ เปน ผมู สี ติ กำหนดจติ รวมเขา ตงั้ ไวใ นจติ จนกวา จติ จะเปน เอกคั คตาจติตง้ั สตลิ งตรงหนา (พระอาจารย ผนู ำพงึ อธบิ ายตรงนใี้ หแ จง ) จติ เปน ผรู โู ดยธรรมชาติ เปน แตเ พยี งสกั วา รู คอื รสู กึ รนู กึ รคู ดิ รรู อ น รเู ยน็รไู ดเ หน็ ไดย นิ ไดฟ ง และรดู มกลนิ่ ลม้ิ รส สมั ผสั ถกู ตอ ง สงิ่ สารพดั ทงั้ ปวง แตจ ติ นน้ั ไมร จู กั พนิ จิ พจิ ารณา วนิ จิ ฉยั ตดั สนิ อะไรไมไ ดท ง้ั นนั้ จงึ เปน อนั วา จติ นี้ไมร จู กั ดี ไมร จู กั ชว่ั ไมร จู กั ผดิ ไมร จู กั ถกู สติ เปน ตวั ผรู ู มอี ำนาจอยเู หนอื จติ สามารถรเู ทา ทนั จติ และรเู รอ่ื งของจติ ไดด วี าเวลานจี้ ติ ดี เวลานจ้ี ติ ไมด ี ตลอดมคี วามสามารถทำการปกครองจติ ของเราใหด ไี ดจ รงิ ๆ นกั ปฏบิ ตั ใิ นพระพทุ ธศาสนานี้ พงึ กำหนดเอาตวั ผรู มู อี ำนาจอยเู หนอื จติ นนั้ มาตง้ัลงตรงหนา เปน สติ ทำหนา ทกี่ ำหนดรซู งึ่ จติ และรวมเอาดวงจติ เขา ตง้ั ไวใ นจติ พยายามจนกวา จติ จะรวมเปน หนงึ่ ทา นจงึ จะเปน ผมู สี ตสิ มั ปชญั ญะพรอ มบรบิ รู ณ ในขณะเดยี วกนัรวมจติ เขา ตง้ั ไวใ นจติ สาธุ สพพฺ ตถฺ สวํ โร สพพฺ ทกุ ขฺ า ปมจุ จฺ ต”ิ “มนสา สวํ โร สาธุ สพพฺ ตถฺ สวํ โุ ต ภกิ ขฺ ุ

1 - 23 ธรรมปฏบิ ตั ิ ๕ สาย : พทุ โธ แปลความวา “สำรวมเอาจติ เขา ตงั้ ไวใ นจติ ได เปน การดี และสำรวมระวงั ไมใ ห จติ ฟงุ ซา นไปในทท่ี ง้ั ปวงไดเ ปน การดี ภกิ ษผุ สู ำรวมระวงั รกั ษารอบคอบ ในทที่ ง้ั ปวงแลว ยอ มเปน ผพู น จากทกุ ขท ง้ั ปวง” ดงั น้ี วธิ รี วมจติ พงึ เปน ผมู สี ตติ ง้ั ไวเ ฉพาะหนา กำหนดรซู ง่ึ จติ ซง่ึ เปน ตวั ผรู โู ดยธรรมชาติท่ีรูสึก รูนึก รูคิด อยูเฉพาะหนา และพึงพิจารณาหรือระลึกในใจวาพระพุทธเจาอยูในใจพระธรรมอยใู นใจ พระอรยิ สงฆส าวกอยใู นใจ เมอื่ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ อยใู นใจของเรานแี้ ลว เราไมต อ งกงั วลวนุ วายอะไร และไมต อ งสง ใจไปสทู อี่ น่ื เราจะตอ งทำความตกลง กำหนดเอาแตใ จของเราดวงเดยี วเทา นใี้ หไ ด เมอื่ ตกลงดงั น้ี พงึ ตงั้ สตลิ งตรงหนา กำหนดเอาตวั ผรู คู อื จติ เฉพาะหนา นกึ คำบรกิ รรมภาวนากรรมฐานบทใดบทหนงึ่ ซงึ่ เปน ทสี่ บายแกจ ติ ของตน บรกิ รรมภาวนาสบื ไปสำรวจแลว นกึ กอ นแตจ ะนกึ คำบรกิ รรมภาวนา พงึ ตรวจดใู หร แู นเ สยี กอ นวา สตไิ ดก ำหนดจติ ถกู แลวหรอื ยงั เมอ่ื รวู า สตไิ ดก ำหนดจติ ถกู แลว แตจ ติ ยงั ไมส งบและยงั ไมร วม พงึ ตรวจดจู ติ ตอ ไป วา จติ ทย่ี งั ไมร วมเปน เพราะเหตใุ ด เพราะเปน เพราะจติ ของเรายงัไมต กลงเชอ่ื มน่ั ตอ คณุ พระรตั นตรยั อยา งนน้ั หรอื หรอื จติ ของเรายงั ฟงุ ซา นไปในอารมณอ ะไร ถา จติ ของเราตกลงเชอ่ื มน่ั ตอ คณุ พระรตั นตรยั วา พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ อยูในใจของเรานจี้ รงิ แลว กเ็ ปน อนั นกึ คำบรกิ รรมภาวนาไดแ ลว แตถ า ยงั ไมต กลง และไมเ ชอ่ื มน่ั ตอ คณุ รตั นตรยั วา มใี นใจของเราจรงิ กน็ กึ คำบรกิ รรมภาวนาไมไ ด ถงึ แมน กึ ไป กไ็ มส งบ และไมร วมเปน หนงึ่ ลงได จำเปน ตอ งพจิ ารณา ใหร ูรอบคอบเสยี กอ นวา จติ ของเราคดิ ไปตามอารมณอ ะไร ในอารมณท จี่ ติ คดิ ไปนน้ั เปน อารมณทนี่ า รกั หรอื เปน อารมณท นี่ า เกลยี ด เมอ่ื ทราบวา จติ ของเราตดิ อยใู นความรกั กด็ ี หรอื ตดิ อยใู นความเกลยี ดกด็ ี พงึ ทราบเถดิ วา จติ ของเราลำเอยี ง จงึ ไมต กลง และไมส งบ

1 - 24 ธรรมปฏบิ ัติ ๕ สาย : พุทโธ เมอ่ื ทราบความจรงิ ดงั นแ้ี ลว พงึ ปฏบิ ตั ดิ ปี ฏบิ ตั ชิ อบดงั ตอ ไปนคี้ อื ตงั้ สตลิ งเปน คนกลาง กำหนดเอาดวงจติ เขา มาตง้ั ไวเ ปน กลาง ทำความรเู ทา สว นทงั้ ๒คอื รเู ทา ทงั้ สว นความรกั ทงั้ สว นความเกลยี ด ตงั้ ตรงแนว แนอ ยทู เี่ ฉพาะหนา เมอื่ มสี ตเิ ปน กลาง จติ กย็ อ มเปน กลาง เมอื่ จติ เปน กลาง และไดท ำความรเู ทา สว นทง้ั ๒ รวมเอาจติ เขา มาตงั้ ไวเ ฉพาะหนา ทงั้ ไดแ ลเหน็ คณุ พระรตั นตรยั แลว จติ นนั้ปราศจากนวิ รณแ ลว วา งจากอารมณด ี นกึ คำบรกิ รรมภาวนา บทใดบทหนง่ึ ซงึ่ เปน ทส่ี บายของตน เปน ตน วา “พทุ โฺ ธ ธมโฺ มสงโฺ ฆๆ” ๓ จบ แลว รวมลงเอาคำเดยี ววา “พทุ โฺ ธๆ” เปน ตน เปน อารมณ นกึ อยแู ตใ นใจไมอ อกปากคอื ไมใ หม เี สยี ง มสี ตจิ ดจอ ตอ จติ จรงิ ๆ จนจติ ของเราตกลงสภู วงั คเ อง ใหห ยดุ คำบรกิ รรมนน้ั เสยี แลว มสี ตติ ามกำหนดเอาจติ ในภวงั คใ หต ง้ั มนั่ เปน สมาธติ อ ไปภวงั ค ในเบอื้ งตน นี้ จะกลา วเรอื่ ง ภวงั ค ใหท ราบกอ น แลว จงึ จะกลา วเรอื่ ง วธิ กี ำหนดรูซง่ึ จติ ตกลงสภู วงั คเ อง ใหท ราบเมอ่ื ภายหลงั คำวา “ภวงั ค” แปลวา จติ ดวงเดมิ คอื จติ เมอ่ื แรกเขา สปู ฏสิ นธใิ นครรภข องมารดาแลว จติ ตง้ั ภวงั ค ขนึ้ เปน ตวั ภพ เหตนุ น้ั จติ ทตี่ กลงสภู วงั คแ ลว จงึ เรยี กวา จติ ดวงเดมิ อนงึ่ หนา ทขี่ องจติ ในเวลาอยใู นภวงั คน ี้ จติ มหี นา ทท่ี ำการสรา งภพ คอื สบื ตอ อายุใหเจริญรุงเรือง ไมทำการรับรูรับเห็นในทางตา ทางหู ทางจมูก ทางล้ิน หรือทางกายภายนอก มนษุ ยท กุ คน เมอื่ เขา สปู ฏสิ นธใิ นครรภข องมารดา จติ ตง้ั ภวงั คข น้ึ เปน ตวั ภพแลว จงึไดป ระสตู เิ ปน ชาตมิ นษุ ยม า ในทนี่ ี้ ประสงคจ ะแสดงชอ่ื ของภวงั ค ใหผ ปู ฏบิ ตั ไิ ดท ราบไวท งั้ ๔ ชอ่ื ในลำดบั แหงขณะจติ ขอ ๑-๒-๓ กบั ขอ ท่ี ๑๐ แหง ขณะจติ ๑๗ ขณะ ดงั ตอ ไปน้ี

1 - 25 ธรรมปฏบิ ัติ ๕ สาย : พทุ โธ ๑. อตตี ภวงั คะ จติ อยใู นภวงั ค ปลอ ยอารมณล ว งไปเปลา ๆ ตง้ั แต ๑ ขณะ ถงึ ๑๕ ขณะจติ ๒. ภวงั คจลนะ จติ เคลอ่ื นไหวตวั จะออกจากภวงั ค ๓. ภวงั คปุ จ เฉท จติ ขาดจากความไหวๆ ตวั ๔. ปญ จทวาราวชั ชนะ จติ ตกสทู วารทงั้ ๕ ๕. สนั ตรี ณะ จติ ใครค รวญในอารมณ ๖. สมั ปฏจิ ฉนั นะ จติ นอ มรบั อารมณ ๗. โวฏฐพั พนะ จติ ทต่ี กลงจะถอื เอาอารมณ ๘. กามาพจรชวนะ จติ กามาพจร แลน เนอ่ื งๆ กนั ไป ๗ ขณะจติ ๙. ตทาลมั พนะ จติ รบั เอาอารมณไ ดส ำเรจ็ ความปรารถนา ๑๐. ภวงั คปาทะ จติ ตกลงสภู วงั คเ ดมิ อกี เรอื่ ง ภวงั คจ ติ กบั เรอื่ ง ขณะจติ ทกี่ ลา วมาน้ี เปน จติ ของสามญั มนษุ ยท ว่ั ไปในโลกทย่ี งั ไมไ ดป ระพฤตปิ ฏบิ ตั พิ ระพทุ ธศาสนาเลย กเ็ ปน อยอู ยา งนนั้ อนง่ึ เรอื่ งจติ ทอ่ี อกจากภวงั คแ ละตกเขา สภู วงั ค ดังขอ ทกี่ ลา วแลว ในขณะจติ ๑๗ขณะนน้ั เปน เรอื่ งที่ จติ ออกเรว็ เขา เรว็ มากทส่ี ดุ และออกอยทู กุ เวลาเขา อยทู กุ เวลาท่ีกะพรบิ ตา จนสามญั มนษุ ยท งั้ หลายไมส ามารถตามรทู นั ได แมน ยั นต าเมอ่ื ดสู งิ่ ของอนั หนง่ึ ๆ อยแู ลว จะสา ยสายตาไปดสู ง่ิ อนื่ อกี จติ กต็ กเขา สูภวงั คก อ นแลว ออกจากภวงั ค จงึ ดสู งิ่ อน่ื ตอ ไปได เปน การรวดเรว็ จนเราไมร สู กึ วา ออกเมอื่ ไร เขา เมอื่ ไร นกั ปฏบิ ตั ใิ นพระพทุ ธศาสนานี้ มปี ระสงคจ ะทำจติ ใหเ ปน สมาธิ มปี ญ ญาปรชี าญาณรแู จง แทงตลอดในพระธรรมวนิ ยั จงึ จำเปน ตอ งกำหนดใหร จู ติ ทต่ี กลงสภู วงั คเ อง วิธีกำหนดใหรูจิตท่ีตกลงสูภวังค พึงมี “สติ” กำหนดใหรู จิต ในเวลาที่กำลังนึกคำบรกิ รรมภาวนาอยนู นั้ ครน้ั เมอื่ เรามี สติ กำหนดจอ ตอ คำบรกิ รรมจรงิ ๆ จติ ของเรากย็ อ มจดจอ ตอ คำบรกิ รรมดว ยกนั
































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook