พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนา ที่ 101หนมุ อนิ ทรียม ีจักขนุ ทรยี เปน ตน แจม ใสดี สามารถจบั วิสัยของตนแมละเอยี ดออนไดโ ดยงา ย เม่อื ถึงชราอนิ ทรียกแ็ กห งอ ม ขนุ มวั เศราหมองไมส ามารถจะจับวิสยั ของตนแมหยาบได ฉะนน้ั ทา นจงึ กลา วโดยใกลเคียงผลวา อนิ ทฺ รฺ ิยาน ปริปาโก ความแกแหงอนิ ทรียท ้ังหลาย. กเ็ มื่อไดแ สดงถงึ ชรานั้นอยางนแี้ ลวจึงสรปุ ไดว า ชรามีสองอยาง คือชราปรากฏ และชราปกปด. ในชราทง้ั สองนน้ั ชราในรูปธรรม ช่ือวาชราปรากฏ เพราะแสดงความมีฟน หักเปน ตน. แตชราในอรปู ธรรม ชอื่ วาชราปกปด เพราะไมเหน็ ความวิการเชนน้นั . ความเปน ผมู ีฟนหักเปนตนจักปรากฏเปนสีของฟน เปนตนเชนนน้ั . ครนั้ เห็นสนี นั้ ดว ยตา คิดดวยใจจึงรชู ราวา ขนั ธท ้งั หลายถูกชรากําจัดเสยี แลว. ดุจแลดจู นั ทนเ หลอื งเปน ตนทีเ่ ขาผกู ไวใ นทม่ี ีน้ํา แลวกร็ วู านํา้ มอี ยขู างลา ง. ชรายงั มีอกี สองอยาง คอื อวจิ ชิ รา ๑ สวจิ ชิ รา ๑ ในชราสองอยางน้นั ชราชื่อวา อวจิ ชิ รา เพราะรใู นความแตกตา งของสี มีมณี ทองเงิน แกว ประพาฬ ดวงจันทร ดวงอาทติ ยเปน ตนในระหวาง ๆ ไดยาก ดุจของสตั วม ีชวี ิต ในบรรดาพระเจา มนั ธาตรุ าชและทาวสกั กะเปน ตน และดจุ ของส่งิ ไมม ีชวี ติ ในบรรดาดอกไม ผลไม และใบไมอ อ นเปนตน .อธิบายวา ชราตอเนอ่ื ง. ชราช่ือวา สวิจิชรา เพราะรูความแตกตางของสง่ิ ในระหวา ง ๆ ในส่ิงอื่นจากน้นั ตามที่กลาวแลว ไดง าย. ในชราสองอยางนนั้ สวจิ ิชราพึงแสดงอยางนดี้ ว ยอุปาทนิ นกะ. เพราะวา เดก็ เล็กฟนนํา้ นมข้ึนกอน แตไมม ั่นคง. เมือ่ ฟน นา้ํ นมหักฟนก็ขนึ้ อกี . ฟน เหลานั้นตอนแรกกข็ าว คร้นั ถงึ คราวลมชรากระทบกด็ าํ . สวนผมตอนแรกกแ็ ดงบา งดําบาง. สว นผิวมสี แี ดง เมื่อเจริญเตบิ โตก็ปรากฏเปนผิวขาวผวิ ดาํ . คร้นั
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนาที่ 102ถงึ คราวถูกลมชรากระทบก็เกิดรอยยน เวลาอบดว ยตนเองกข็ าว ภายหลงักเ็ ขียวแก. คร้ันถูกลมชรากระทบก็ขาว. ควรเปรียบดวยหนอมะมว ง.อนงึ่ ชราน้นั มีความแกข องขนั ธ เปนลกั ษณะ. มีการนําเขา ไปสมู รณะเปน รส มีการหมดความเปน หนุม สาว เปน เคร่ืองปรากฏ. บทที่เหลอื ในบทท้ังปวงชัดดีแลว . พระผมู พี ระภาคเจาทรงจบพระสูตรน้ี ลงดวยธรรมเปนยอด คือพระอรหตั ดวยประการฉะนี้. เมือ่ จบเทศนา พราหมณพรอมดวยอันเตวาสิก ๑,๐๐๐ ก็ตั้งอยใู นพระอรหตั . ธรรมจกั ษเุ กิดขึน้ แลว แกช นเหลา อ่นื หลายพนั . บทที่เหลอืเชนกับที่ไดก ลาวไวแลวน่ันแล. จบอรรถกถาปุณณกมาณวกปญ หานทิ เทสที่ ๓
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนาที่ 103 เมตตคมู าณวกปญหานิทเทส วาดว ยปญหาของทา นเมตตคู [๑๔๖] (ทานเมตตคูทลู ถามวา ) ขาแตพระผมู ีพระภาคเจา ขา พระองคขอทลู ถาม ปญ หานนั้ ขอพระองคจ งตรัสบอกปญ หานั้น แกข า- พระองค ขา พระองคยอมสาํ คญั ซง่ึ พระองคว า เปน ผจู บ เวท มีพระองคอ นั ใหเจริญแลว ทุกขม ชี นดิ เปนอันมาก เหลาใดเหลา หน่งึ นใี้ นโลก เกดิ มาแตท ่ไี หนหนอ. [๑๔๗] การถามมี ๓ อยา ง คือ อทฏิ ฐโชตนาปุจฉา ๑ ทฏิ ฐสัง-สันทนาปจุ ฉา ๑ วิมตเิ ฉทนาปจุ ฉา ๑ ฯลฯ (เหมือนในขอ ๑๒๒)เพราะฉะนนั้ จงึ ช่ือวา ขาแตพ ระผูมพี ระภาคเจา ขา พระองคขอทูลถามปญ หาน้นั ขอพระองคจ งตรสั บอกปญหาน้นั แกขา พระองค. คาํ วา อติ ิในอเุ ทศวา อจิ จฺ ายสมฺ า เมตฺตคู เปน คาํ เช่อื มบท ฯ ล ฯ ชื่อวา อิจจฺ า-ยสมฺ า เมตฺตค.ู [๑๔๘] คาํ วา มฺ ามิ ต เวทคุ ภาวิตตตฺ ความวา ขาพระ-องคย อ มสาํ คญั ซึง่ พระองควา ผูจ บเวท ยอ มสาํ คญั ซง่ึ พระองคอนั อบรมแลว คอื ขาพระองคย อ มสาํ คญั ยอมรู ยอ มรทู ัว่ ยอ มรูแจงเฉพาะ ยอ มแทงตลอดอยา งนว้ี า พระองคเ ปนผูจบเวท มพี ระองคอ ันใหเ จริญแลว. ก็พระผูมพี ระภาคเจา ทรงจบเวทอยางไร ฌาน ปญ ญา ปญญินทรียปญญาพละ ธัมมวจิ ยสมั โพชฌงค วิมังสา วปิ ส สนา สมั มาทฏิ ฐิเรียกวา เวท. พระผูมพี ระภาคเจาทรงถึงทส่ี ดุ ทรงบรรลถุ งึ ทีส่ ดุ ทรงไปสทู ส่ี ดุ
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนา ที่ 104ทรงบรรลุซ่งึ ท่ีสุด ทรงถงึ สว นสดุ รอบ ถึงสว นสดุ แลว ทรงถงึ ความจบทรงบรรลคุ วามจบแลว แหง ชาติ ชรา และมรณะ ทรงถงึ ที่ตานทานทรงบรรลถุ ึงที่ตา นทาน ทรงถงึ ทเ่ี รน ทรงบรรลุถงึ ที่เรน ทรงถึงทพี่ งึ่ทรงบรรลถุ ึงทีพ่ งึ่ ทรงถึงความไมม ีภยั ทรงบรรลุถึงความไมม ภี ัย ทรงถึงความไมเคล่ือน ทรงบรรลถุ ึงความไมเ คลื่อน ทรงถึงความไมต ายทรงบรรลถุ ึงความไมต าย ทรงถึงนพิ พาน ทรงบรรลุนพิ พาน ดวยเวทเหลา นัน้ . อีกอยา งหนง่ึ พระผูมีพระภาคเจา ทรงถงึ ทสี่ ุดแหง เวทท้ังหลายเพราะฉะนนั้ จงึ ชอื่ วา เวทคู. อกี อยา งหนงึ่ พระผูม พี ระภาคเจาทรงถึงท่สี ดุ ดวยเวททัง้ หลายเพราะฉะนนั้ จงึ ช่ือวา เวทค.ู อกี อยา งหนึ่ง พระผมู พี ระภาคเจา ไดช ่ือวา เวทคู เพราะพระองคทรงทราบแลวซ่งึ ธรรม ๗ ประการ คือทรงทราบสกั กายทิฏฐิ วจิ กิ จิ ฉาสลี พั พตปรามาส ราคะ โทสะ โมหะ มานะ และพระองคทรงทราบอกุศลธรรมอนั ลามก อนั ทําใหเ ศรา หมอง ใหเกิดในภพใหม มีความกระวนกระวาย มวี ิบากเปนทุกข เปน ท่ีต้ังแหง ชาติ ชรา และมรณะตอ ไป. (พระผูม พี ระภาคเจา ตรสั วา ดูกอ นสภิยะ๑) บคุ คลเลือกเวทเหลาใดท้งั ส้ิน เวทเหลานน้ั ของ สมณพราหมณก ็มีอยู บุคคลน้นั ปราศจากราคะในเวทนา ทั้งปวง ลวงเวททั้งปวงแลว ชื่อวาเวทคู.๑. ขุ. สุ. ๒๕/ขอ ๓๖๙.
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนา ที่ 105 พระผูมีพระภาคเจามพี ระองคอันใหเ จรญิ แลว อยา งไร. พระผมู พี ระภาคเจา มีพระกาย มศี ีล มจี ติ มปี ญญา มีสติปฏ ฐาน มีสัมมัปปธาน มอี ิทธิบาท มีอินทรีย มพี ละ มีโพชฌงค มีมรรค อันใหเ จริญแลว ทรงละกิเลสแลว ทรงแทงตลอดอกปุ ปธรรมแลว มีนิโรธอนั ทรงทาํ ใหแจม แจง แลว พระองคท รงกาํ หนดรูท ุกข ทรงละสมุทยั ทรงเจรญิมรรค ทรงทําใหแจง นโิ รธแลว ทรงรยู งิ่ ซง่ึ ธรรมท่คี วรรูย่งิ ทรงกาํ หนดรธู รรมทคี่ วรกาํ หนดรู ทรงละธรรมทคี่ วรละ ทรงเจริญธรรมทคี่ วรเจริญทรงทําใหแ จง ซงึ่ ธรรมทคี่ วรทาํ ใหแ จง พระองคม ีธรรมไมนอ ย มีธรรมมาก มีธรรมลึก มีธรรมประมาณไมไ ด มีธรรมยากท่ีจะหยงั่ ลงได มีธรรมรัตนะมาก เปรียบเหมือนทะเลหลวง ทรงประกอบดวยฉฬงั คุเบกขา. พระองคท รงเหน็ รปู ดวยพระจกั ษุแลว ไมด พี ระทัย ไมเสยี พระทัยทรงวางเฉย มสี ตสิ มั ปชญั ะอยู ทรงไดยินเสยี งดว ยพระโสตแลว ทรงดมกล่นิ ดว ยพระฆานะแลว ทรงลิ้มรสดว ยพระชวิ หาแลว ทรงถูกตองโผฏฐัพพะดว ยพระกายแลว ทรงทราบธรรมารมณด ว ยพระมนสั แลว ไมดีพระทยั ไมเ สียพระทยั ทรงวางเฉย มีสติสมั ปชัญญะอย.ู ทรงเหน็ รูปอนั นา พอใจดว ยพระจักษุแลว ไมทรงติดใจ ไมทรงรกั ใคร ไมท รงยังราคะใหเ กดิ พระองคมพี ระกายคงท่ี มพี ระทัยคงที่ดํารงอยดู ว ยดีในภายใน พนวิเศษดแี ลว ทรงเหน็ รปู นั้นอันไมเ ปนทชี่ อบใจดวยพระจกั ษุแลว ไมทรงเกอเขนิ มีพระทัยมไิ ดข ัดเคือง มีพระทยัไมหดหู มีพระทัยไมพยาบาท พระองคม พี ระกายคงท่ี มพี ระทยั คงท่ีดํารงอยูดว ยดใี นภายใน พน วเิ ศษดแี ลว ทรงไดยนิ เสยี งอันนาพอใจดว ยพระโสตแลว ทรงดมกล่นิ อนั นาพอใจดวยพระฆานะแลว ทรงลม้ิ รสอนั
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนา ท่ี 106นาพอใจดว ยพระชิวหาแลว ทรงถูกตอ งโผฏฐัพพะอันนา พอใจดวยพระ-กายแลว ทรงทราบธรรมารมณอ ันนาพอใจดวยพระมนสั แลว ไมทรงตดิ ใจ ไมทรงรกั ใคร ไมท รงยังราคะใหเ กิด พระองคม พี ระกายคงท่ีมีพระทยั คงที่ ดํารงอยดู วยดีในภายใน พนวิเศษดแี ลว ทรงรูแจงธรรมารมณอันไมเปนทพ่ี อใจดว ยพระมนสั แลว ไมท รงเกอเขิน มีพระทัยมิไดข ดั เคือง มพี ระทยั ไมห ดหู มีพระทยั ไมพ ยาบาท พระองคม พี ระกายคงท่ี มพี ระทัยคงที่ ดํารงอยดู ว ยดใี นภายใน พน วเิ ศษดแี ลว . ทรงเห็นรูปดวยพระจกั ษุแลว มพี ระกายคงท่ีในรูปทัง้ ท่ีชอบใจและไมชอบใจ มพี ระทยั คงที่ ดํารงอยูดว ยดใี นภายใน พน วเิ ศษดแี ลว ทรงไดยินเสยี งดว ยพระโสตแลว ทรงดมกลน่ิ ดว ยพระฆานะแลว ทรงล้ิมรสดว ยพระชิวหาแลว ทรงถูกตองโผฏฐัพพะดวยพระกายแลว ทรงทราบธรรมารมณดวยพระมนัสแลว มีพระกายคงทใี่ นธรรมทัง้ หลาย ทงั้ ท่ีชอบใจและไมชอบใจ มพี ระทัยคงทีด่ ํารงอยูดวยดใี นภายใน พน วิเศษดแี ลว ทรงเหน็ รปู ดวยพระจักษแุ ลว ไมท รงรกั ในรปู อันเปนท่ตี ง้ั แหง ความรัก ไมท รงชังในรปู อันเปนทตี่ ้ังแหงความชงั ไมทรงหลงในรปู อันเปน ท่ีตั้งแหง ความหลง ไมท รงโกรธในรปู อันเปน ทีต่ ง้ั แหงความโกรธ ไมทรงมัวเมาในรปูอนั เปนท่ีต้งั แหง ความมวั เมา ไมท รงเศราหมองในรปู อันเปน ท่ีต้งั แหงความเศรา หมอง ทรงไดย นิ เสยี งดว ยพระโสตแลว ทรงดมกลิ่นดว ยพระฆานะแลว ทรงลมิ้ รสดว ยพระชวิ หาแลว ทรงถกู ตอ งโผฏฐัพพะดว ยพระกายแลวทรงทราบธรรมารมณดว ยพระมนสั แลว ไมท รงรักในธรรมอันเปนทีต่ ง้ัแหงความรัก ไมทรงขดั เคืองในธรรมอนั เปนท่ีตงั้ แหงความขดั เคอื ง ไมทรงหลงในธรรมอันเปน ทต่ี ้ังแหง ความหลง ไมท รงโกรธในธรรมอนั เปนที่
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาที่ 107ต้งั แหงความโกรธ ไมทรงมัวเมาในธรรมอันเปน ท่ีตงั้ แหง ความมัวเมาไมทรงเศราหมองในธรรมอนั เปน ทีต่ งั้ แหง ความเศรา หมอง. พระผูม ีพระภาคเจาเปนแตเพยี งทรงเหน็ รูปทีท่ รงเหน็ เปนแตเพยี งทรงไดยินในเสียงท่ีทรงไดย นิ เปนแตเ พียงทรงทราบในอารมณทีท่ รงทราบ เปน แตเ พียงทรงรใู นธรรมารมณท ี่ทรงรแู จง ไมท รงตดิ ในรูปท่ีทรงเหน็ ในเสียงท่ที รงไดยนิ ในอารมณที่ทรงทราบ ในธรรมารมณท่ีทรงรูแจง ไมท รงเขา ถึง ไมทรงอาศยั ไมทรงเกีย่ วของ ทรงพน วิเศษแลวไมทรงเกี่ยวขอ งในรปู ทที่ รงเห็น มีพระทยั อันไมใ หมีเขตแดนอยู ไมท รงเขาถึง . . . ไมทรงเกี่ยวขอ ง ในเสยี งท่ีทรงไดยนิ ในอารมณท ท่ี รงทราบในธรรมารมณท ่ีทรงรูแจง มีพระทยั อนั ไมม ีเขตแดนอย.ู พระผมู ีพระภาคเจาทรงมพี ระจักษุ ทรงเห็นรปู ดว ยพระจักษุ แตไมทรงมฉี ันทราคะ มีพระทัยพนวิเศษดแี ลว พระผูมีพระภาคเจาทรงมีพระโสต ทรงสดับเสยี งดวยพระโสต แตไ มท รงมฉี นั ทราคะ มพี ระทยัพนวิเศษดีแลว พระผมู ีพระภาคเจาทรงมพี ระฆานะ ทรงสูดกล่ินดวยพระฆานะ แตไมท รงมฉี ันทราคะ มพี ระทัยพนวเิ ศษดแี ลว พระผมู -ีพระภาคเจา ทรงมพี ระชวิ หา ทรงลิม้ รสดว ยพระชวิ หา แตไมทรงมีฉนั ท-ราคะ มพี ระทัยพนวิเศษดแี ลว พระผมู ีพระภาคเจา ทรงมพี ระกาย ทรงถูกตอ งโผฏฐพั พะดว ยพระกาย แตไ มท รงมฉี ันทราคะ มีพระทยั พน วิเศษดีแลว พระผมู ีพระภาคเจา ทรงมพี ระมนสั ทรงรแู จง ธรรมดว ยพระมนัสแตไมทรงมีฉันทราคะ มพี ระทยั พนวเิ ศษดแี ลว. พระผูมพี ระภาคเจาทรงขม ทรงคุม ครอง ทรงรกั ษา ทรงสาํ รวมพระจักษุอันชอบใจในรปู ยินดใี นรูป พอใจในรูป และทรงแสดงธรรม
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนา ท่ี 108เพือ่ สาํ รวมจักษุนัน้ ทรงขม ทรงคมุ ครอง ทรงรกั ษา ทรงสํารวมพระ-โสตอันชอบใจในเสยี ง ยนิ ดีในเสียง ทรงขม ทรงคมุ ครอง ทรงสาํ รวมพระฆานะอนั ชอบใจในกลิน่ ยนิ ดใี นกล่นิ ทรงขม ทรงคมุ ครอง ทรงรักษา ทรงสาํ รวมพระชวิ หาอันชอบใจในรส ยินดใี นรส ทรงขม ทรงคุมครอง ทรงรกั ษา ทรงสํารวมพระกายอนั ชอบใจในโผฏฐพั พะ พระ-มนัสอนั ชอบใจในธรรมารมณ ยินดีในธรรมารมณ พอใจในธรรมารมณและทรงแสดงธรรมเพ่อื สาํ รวมใจนนั้ . ชนทั้งหลาย ยอ มนํายานท่ีตนฝก แลวไปสทู ่ีประชุม พระราชา ยอ มทรงประทับยานทส่ี ารถีฝกแลว บุคคลท่ี ฝกแลว เปนผูประเสรฐิ ในหมูม นษุ ย. บคุ คลใดยอ มอดทน คาํ ที่ลว งเกนิ ได บุคคลน้ันเปน ผปู ระเสรฐิ . มา อัสดร มา อาชาไนย มาสินธพ ชางใหญค อื กุญชร ท่เี ขาฝกแลว จงึ ประเสรฐิ บุคคลฝก ตนแลว ประเสริฐ กวายานมีมาอัสดร ทีส่ ารถีฝกแลว เปน ตนน้นั . ใคร ๆ พงึ ไปสทู ิศท่ีไมเคยไปดว ยยานเหลา น้ี เหมอื น บุคคลที่มีคนฝก (ดวยความฝก อนิ ทรีย) ฝก ดี (ดว ย อรยิ มรรคภาวนา) ฝก แลว ยอมไปสทู ศิ ทไี่ มเ คยไปฉะน้ัน หาไดไม. พระขณี าสพทง้ั หลาย ยอมไมหวนั่ ไหว ในเพราะ มานะทง้ั หลาย ยอ มเปนผหู ลดุ พน จากกรรมกิเลส อัน เปนเหตใุ หเกดิ บอย ๆ บรรลถุ ึงภมู ทิ ฝี่ ก แลว (อรหตั ผล)
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนา ที่ 109 พระขีณาสพเหลานัน้ เปน ผูม คี วามชนะในโลกอนิ ทรยี ท้งั หลาย. พระขณี าสพใดใหเ จริญแลว อายตนะภายใน อายตนะภายนอก พระขีณาสพน้ัน ทําใหหมดพยศแลว พระขีณาสพน้นั ลวงแลว ซ่ึงโลกน้ีและโลกอ่นื ในโลก ท้งั ปวง มีธรรมอนั ใหเจรญิ แลว ฝก ดแี ลว ยอ มหวงั มรณกาล. คําวา เอว ภควา ภาวติ ตฺโต ความวา ขาพระองคย อ มสาํ คญัซ่งึ พระองควา จบเวท มพี ระองคอันใหเจรญิ แลว . [๑๔๙] คาํ วา กโุ ต นุ ในอุเทศวา \" กุโต นุ ทกุ ขฺ า สมปุ าคตา-เม \" ความวา เปนการถามดว ยความสงสัย เปน การถามดวยความเคลอื บแคลง เปนการถามสองแง ไมเ ปนการถามโดยสว นเดยี ววาเรอื่ งน้ี เปน อยางนีห้ รอื หนอแล หรือไมเ ปน อยางน้ี เร่อื งนเ้ี ปนไฉนหนอหรอื เปน อยางไร เพราะฉะนน้ั จึงชอื่ วา แตอ ะไรหนอ. ช่ือวา ทกุ ข คือ ชาตทิ กุ ข ชราทุกข พยาธิทุกข มรณทุกข ทกุ ขคอื ความโศก ความร่าํ ไร ความทกุ ขกาย ความทุกขใจและความคบั แคนใจ ทกุ ขใ นนรก ทุกขในดิรัจฉานกาํ เนดิ ทุกขในปต ติวสิ ยั ทุกขใ นมนุษยทกุ ขม ีการกา วลงสคู รรภเ ปน มลู ทกุ ขม กี ารต้งั อยูในครรภเ ปน มลู ทุกขมีความออกจากครรภเปน มูล ทุกขเ นื่องแตสตั วผูเกิด ทกุ ขเ นือ่ งแตผอู ่นืแหงสตั วผเู กิด ทุกขเกิดแตความเพยี รของตน ทกุ ขเกิดแตความเพยี รของผอู ่ืน ทุกขใ นทุกข สงั สารทกุ ข วปิ รณิ ามทกุ ข โรคตา โรคหู โรคจมกู
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนา ท่ี 110โรคล้นิ โรคกาย โรคในศรี ษะ โรคท่หี ู โรคในปาก โรคฟน โรคไอโรคมองครอ โรครดิ สีดวงจมกู โรครอ นใน โรคชรา โรคในทองโรคสลบ โรคลงแดง โรคจุกเสยี ด โรคลงทอง โรคเรอ้ื น โรคฝกลาก โรคหดื โรคลมบาหมู หดิ ดาน หดิ เปอย คุดทะราด ลําลาบคุดทะราดใหญ โรครากเลอื ด โรคดี โรคเบาหวาน โรคริดสีดวงทวารโรคตอ ม บานทะโรค อาพาธมดี เี ปน สมฏุ ฐาน อาพาธมีเสมหะเปนสมุฏฐาน อาพาธมลี มเปน สมฏุ ฐาน อาพาธมดี ีเปนตน ประชุมกนั อาพาธเกดิ เพราะฤดูแปรไป อาพาธเกิดเพราะเปลยี่ นอริ ิยาบถไมสม่ําเสมอกันอาพาธเกดิ เพราะความเพยี ร อาพาธเกิดเพราะผลกรรม ความหนาวความรอน ความหวิ ความระหาย ปวดอจุ จาระ ปวดปส สาวะ ทุกขแ ตเหลอื บยุง ลม แดด และสมั ผัสแหง สตั วเสือกคลาน ความตายของมารดากเ็ ปนทุกข ความตายของบดิ าก็เปนทกุ ข ความตายของพชี่ ายนอ งชายก็เปน ทกุ ข ความตายของพห่ี ญิงนองหญงิ กเ็ ปนทุกข ความตายของบุตรกเ็ ปน ทุกข ความตายของธิดากเ็ ปน ทกุ ข ความฉบิ หายแหง ญาตกิ เ็ ปนทกุ ข ความฉบิ หายแหง โภคทรพั ยก เ็ ปน ทกุ ข ความฉิบหายแหง ศลี กเ็ ปนทกุ ข ความฉบิ หายแหง ทฏิ ฐิก็เปน ทกุ ข รูปาทธิ รรมเหลา ใดมีความเกดิในเบอื้ งตน ปรากฏ รปู าทิธรรมเหลาน้นั ก็มีความดบั ไปในเบือ้ งปลายปรากฏ วิบากอาศัยกรรม กรรมอาศยั วบิ าก รปู อาศยั นาม นามก็อาศัยรปู นามรูปไปตามชาติ ชราก็ติดตาม พยาธิกค็ รอบงํา มรณะก็หาํ้ หน่ัต้ังอยูในทกุ ข ไมมีอะไรตา นทาน ไมมีอะไรเปน ที่เรน ไมมอี ะไรเปนสรณะ ไมม อี ะไรเปน ท่ีพง่ึ เหลา น้ีเรียกวาทุกข.
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 111 ทานพระเมตตคยู อ มทูลถาม ทูลวิงวอน ทลู เชอื้ เชญิ ทูลใหท รงประสาทซง่ึ มลู เหตุ นิทาน เหตเุ กดิ แดนเกดิ สมุฏฐาน อาหาร อารมณปจจยั สมทุ ยั แหงทุกขเ หลาน้ี ทกุ ขเหลา น้ีเขา มาถงึ พรอ ม เกิด ประจักษบังเกิด บงั เกดิ เฉพาะ ปรากฏแลว แตอะไร มอี ะไรเปน นิทาน มีอะไรเปน สมุทยั มีอะไรเปนแดนเกดิ เพราะฉะน้ัน จงึ ช่ือวา ทกุ ขเหลา นนั้เกดิ มาแตท ไ่ี หนหนอ. [๑๕๐] คําวา เยเกจิ ในอุเทศวา \" เยเกจิ โลกสมฺ ึ อเนกรปู า \"ความวา ทัง้ ปวงโดยกาํ หนดท้งั ปวง ทั้งปวงโดยประการทง้ั ปวง ไมเหลือมีสว นไมเหลือ. บทวา เยเกจิ น้ี เปน เครอื่ งกลาวรวมหมด. คําวา โลกสฺมึ ความวา ในอบายโลก ในมนษุ ยโลก ในเทวโลกในขนั ธโลก ในธาตุโลก ในอายตนโลก. คาํ วา อเนกรูปา ความวา ทุกขท งั้ หลายมอี ยา งเปนอเนก คือ มีประการตาง ๆ เพราะฉะนนั้ จงึ ช่อื วา ทุกขท ั้งหลายมชี นดิ เปนอเนกอยา งใดอยา งหนึ่งในโลก. เพราะเหตนุ ั้น พราหมณน น้ั จงึ กราบทลู วา ขา แตพ ระผูม ีพระภาคเจา ขาพระองคขอทลู ถาม ปญ หานั้น ขอพระองคจ งตรัสบอกปญหานัน้ แกข าพระองค ขา พระองคยอ มสําคญั ซ่งึ พระองควาเปน ผูจ บเวท มพี ระ- องคอ ันใหเ จริญแลว ทกุ ขทั้งหลายมีชนดิ เปน อันมาก เหลาใดเหลา หน่งึ ในโลก เกดิ มาแตท ไ่ี หนหนอ.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนา ที่ 112 [๑๕๑] (พระผูมีพระภาคเจาตรสั ตอบวา ดูกอ นเมตตคู) ทานถามถงึ เหตแุ หง ทกุ ขกะเราแลว เรารูอยูอ ยางไร กจ็ ะบอกเหตนุ น้ั แกท า น ทกุ ขทั้งหลายมีชนดิ เปน อันมาก อยางใดอยา งหนงึ่ ในโลก มีอปุ ธิเปนเหตุ ยอ มเกิดขึ้น. [๑๕๒] คาํ วา ทกุ ฺขสสฺ ในอเุ ทศวา \" ทุกฺขสฺส เว ม ปภวอปุจฉฺ สิ \" ความวา แหง ชาตทิ กุ ข ชราทุกข พยาธทิ กุ ข มรณทกุ ข ทุกขคอื ความโศก ความรา่ํ ไร ความทกุ ขก าย ความทกุ ขใ จ ความคับแคน ใจเพราะฉะนน้ั จงึ ช่ือวา แหง ทุกข. คาํ วา เว ม ปภว อปุจฺฉสิ ความวา ทา นถาม วิงวอน เชอื้ เชญิใหประสาทซ่งึ มูล เหตุ นทิ าน เหตุเกิด แดนเกดิ สมุฏฐาน อาหารอารมณ ปจจยั สมทุ ัย แหง ทุกขกะเรา เพราะฉะนัน้ จงึ ชอ่ื วา ทานถามถงึ เหตุแหง ทุกขก ะเราแลว . พระผูมีพระภาคเจา ตรสั เรยี กพราหมณน น้ั โดยชือ่ วา เมตตค.ู คาํ วาภควา นี้ เปนเครอื่ งกลา วโดยเคารพ ฯ ล ฯ คําวา ภควา เปน สจั ฉิกา-บญั ญตั ิ เพราะฉะนัน้ จงึ ชื่อวา พระผมู ีพระภาคเจาตรสั ตอบวา ดูกอ นเมตตค.ู [๑๕๓] คําวา ตนฺเต ปวกขฺ ามิ ในอเุ ทศวา \" ตนฺเต ปวกขฺ ามิยถา ปชาน \" ดังนี้ ความวา เราจกั กลาว . . . จกั ประกาศ ซึ่งมูล . . .สมุทยั แหง ทกุ ข้ึนในแกท าน เพราะฉะน้ัน จงึ ช่ือวา เราจกั กลาวซึ่งมลูแหง ทกุ ขนัน้ แกทา น. คาํ วา ยถา ปชาน ความวา เรารูอ ยู รูทว่ั รแู จง รูแ จง เฉพาะแทงตลอดอยางไร จะบอกธรรมทป่ี ระจกั ษแกต นทเ่ี รารูเ ฉพาะดว ยตนเอง
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนา ที่ 113โดยจะไมบอกวา กลาวกันมาดังน้ี ๆ ไมบ อกตามทไ่ี ดย นิ กันมา ไมบ อกตามลําดับสืบ ๆ กนั มา ไมบอกโดยการอางตํารา ไมบ อกตามที่นึกเดาเอาเอง ไมบ อกตามที่คาดคะเนเอาเอง ไมบอกดวยความตรึกตามอาการไมบอกดว ยความชอบใจวาตอ งกับลัทธิของตน เพราะฉะนน้ั จึงชอื่ วาเรารูอยางไร. [๑๕๔] คําวา อุปธิ ในอเุ ทศวา \" อปุ ธนิ ทิ านา ปภวนฺติ ทุกขฺ า \"ดังน้ี ไดแ กอ ุปธิ ๑๐ ประการ คอื ตัณหปู ธิ ทฏิ ูปธิ กเิ ลสูปธิ กมั มปู ธิทจุ จริตูปธิ อาหารูปธิ ปฏฆิ ูปธิ อปุ ธคิ ืออุปาทนิ นธาตุ ๔ อุปธคิ ืออายตนะภายใน ๖ อปุ ธคิ ือหมวดวญิ ญาณ ๖ ทุกขแ มท งั้ หมดกเ็ ปน อุปธิเพราะอรรถวา ยากทจ่ี ะทนได เหลานี้เรียกวา อปุ ธิ ๑๐. คาํ วา ทกุ ฺขา คือ ชาติทุกข ชราทกุ ข พยาธิทกุ ข มรณทกุ ข ฯ ล ฯไมมีอะไรเปนสรณะ ไมม อี ะไรเปนทพ่ี ่ึง เหลา น้เี รยี กวา ทกุ ข ทุกขเหลานี้มีอุปธเิ ปน นทิ าน มอี ุปธิเปนเหตุ มอี ปุ ธเิ ปนปจ จยั มอี ปุ ธิเปนการณะ ยอ มมี ยอ มเปน เกดิ ข้ึน เกดิ พรอ ม บังเกิด ปรากฏ เพราะฉะน้ันจึงช่ือวา ทุกขท ง้ั หลายมีอปุ ธิเปนเหตยุ อ มเกดิ ขึ้น. [๑๕๕] คาํ วา เยเกจิ ในอเุ ทศวา \" เยเกจิ โลกสฺมึ อเนกรูปา \"ดงั นี้ ความวา ทงั้ ปวงโดยกําหนดทง้ั ปวง ท้ังปวงโดยประการท้ังปวงไมเหลอื มสี วนไมเหลือ. คําวา เยเกจิ น้ีเปน เครื่องกลาวรวมหมด.คาํ วา โลกสฺมึ ความวา ในอบายโลก ในมนุษยโลก ในเทวโลก ในธาตโุ ลก ในอายตนโลก. คาํ วา อเนกรปู า ความวา ทกุ ขทัง้ หลายมีอยางเปน อเนก มปี ระการตา ง ๆ เพราะฉะนั้น จึงช่อื วา ทุกขท ั้งหลายมีชนดิ เปนอันมาก อยา งใดอยา งหนึ่งในโลก.
พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนา ท่ี 114 เพราะเหตนุ น้ั พระผมู ีพระภาคเจาตรัสวา ทานไดถามเหตุแหง ทกุ ขกะเราแลว เรารอู ยูอยางไร ก็จะบอกเหตุนน้ั แกท า น ทกุ ขท ง้ั หลาย มชี นิดเปนอันมาก อยา งใดอยางหนึ่งในโลก มอี ุปธิเปน เหตุ ยอมเกิดข้ึน. [๑๕๖] ผใู ดแลมใิ ชผรู ู ยอ มทาํ อุปธิ ผนู นั้ เปนคนเขลา ยอม เขาถงึ ทุกขบอ ย ๆ เพราะเหตุนัน้ บุคคลผรู ูอยู ไมพึง ทําอปุ ธิ เปน ผูพจิ ารณาเหตเุ กิดแหงทุกข. [๑๕๗] คําวา โย ในอุเทศวา \" โย เว อวิทฺวา อุปธึ กโรติ \"ดงั น้ี ความวา กษตั ริย พราหมณ แพศย ศทู ร คฤหสั ถ บรรพชติเทวดา หรือมนุษยผ ใู ด คือ เชนใด ควรอยางไร ชนดิ ใด ประการใดถึงฐานะใด ประกอบดวยธรรมใด. คาํ วา อวิทฺวา ความวา ไมรู คือ ไปแลวในอวิชชา ไมม ีญาณไมมีปญ ญาแจม แจง มีปญ ญาทราม. คําวา อุปธึ กโรติ ความวา กระทําซงึ่ ตัณหปู ธิ . . . อปุ ธิ คือหมวดวิญญาณ ๖ คอื ใหเกดิ ใหเกดิ พรอม ใหบังเกดิ เพราะฉะนน้ัจงึ ชอ่ื วา มใิ ชผรู ูกระทําอุปธ.ิ [๑๕๘] คําวา ปุนปฺปุน ทกุ ฺขมเุ ปติ ในอุเทศวา \" ปุนปปฺ นุ ทุกฺขมุเปติ มนโฺ ท \" ดงั น้ี ความวา ยอมถงึ คอื เขา ถงึ เขา ไปถึง ยอมจับ ยอมลูบคลํา ยอ มยดึ ม่นั ซึ่งชาติทกุ ข ชราทุกข พยาธิทุกข มรณ-ทุกข ทกุ ขคือความโศก ความร่ําไร ความทกุ ขกาย ความทุกขใ จความคบั แคนใจบอย ๆ เพราะฉะนน้ั จงึ ชือ่ วา เขาถึงทุกขบอย ๆ.
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนาที่ 115 คาํ วา มนโฺ ท ความวา เปน คนเขลา คือ เปนคนหลงมิใชผ รู ู ไปแลวในอวิชชา ไมม ญี าณ ไมมปี ญ ญาแจมแจง มีปญญาทราม เพราะ-ฉะน้ัน จงึ ช่อื วา เปน คนเขลา เขา ถงึ ทกุ ขบ อ ย ๆ. [๑๕๙] คาํ วา ตสฺมา ในอเุ ทศวา \" ตสมฺ า ปชาน อุปธึ นกยริ า \" ดังนี้ ความวา เพราะเหตุนน้ั คอื เพราะการณ เหตุ ปจจัยนทิ านน้นั บคุ คลเมอื่ เหน็ โทษนี้ในอปุ ธทิ ัง้ หลาย เพราะฉะนน้ั จึงช่ือวาเพราะเหตุนัน้ . คาํ วา ปชาน คือ รู รทู ั่ว รูแจง รูแจง เฉพาะ แทงตลอด คอืรู ... แทงตลอดวา สงั ขารท้ังปวงไมเ ที่ยง ... สังขารท้งั ปวงเปน ทุกข ...ธรรมท้ังปวงเปนอนัตตา ฯ ล ฯ สิ่งใดส่ิงหน่งึ มคี วามเกดิ ขึ้นเปนธรรมดาสิง่ นน้ั ทง้ั มวลลว นมีความดับไปเปน ธรรมดา. คําวา อปุ ธึ น กยริ า ความวา ไมพงึ กระทาํ ตณั หูปธิ ... อปุ ธิคือ อายตนะภายใน ๖ คือ ไมพ งึ ใหเกิด ใหเกดิ พรอ ม ใหบ ังเกดิเพราะฉะน้ัน จึงชือ่ วา เพราะเหตนุ ้ัน รูอยู ไมพึงทําอุปธิ. [๑๖๐] คาํ วา ทุกขฺ สสฺ ความวา เปน ผพู จิ ารณาเหน็ แดนเกดิ คอืเปนผพู ิจารณาเหน็ มลู เหตุ นทิ าน สมภพ แดนเกดิ สมฏุ ฐาน อาหารอารมณ ปจ จัย สมุทัย แหง ชาติทุกข ชราทกุ ข พยาธิทกุ ข มรณทกุ ขทกุ ข คอื ความโศก ความรา่ํ ไร ทุกขก าย ทกุ ขใ จ ความคับแคนใจปญ ญา คือ ความรูชดั กริ ิยาที่รูชัด ฯ ล ฯ ความไมหลง ความเลอื กเฟนธรรม สมั มาทฏิ ฐเิ รยี กวา อนุปส สนา บุคคลเปน ผูเขา ไป คือ เขา ไปพรอ ม เขามา เขา มาพรอ ม เขาถงึ เขา ถึงพรอม ประกอบแลวดว ย
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนาท่ี 116ปญ ญาอนั พจิ ารณาเหน็ น้ี บคุ คลนัน้ เรยี กวา ผพู ิจารณาเห็น เพราะฉะนัน้จงึ ช่อื วา ผพู ิจารณาเหน็ แดนเกิดแหงทุกข. เพราะเหตนุ น้ั พระผมู พี ระภาคเจา จึงตรัสวา ผใู ดแลมิใชผรู ู ยอ มทําอุปธิ ผนู ั้นเปน คนเขลา ยอ มเขาถงึ ทกุ ขบอ ย ๆ เพราะเหตุนั้น บคุ คลผรู อู ยู ไม พงึ ทําอุปธิ เปน ผูพ ิจารณาเห็นแดนเกิดแหงทกุ ข. [๑๖๑] ขาพระองคไดท ูลถามแลวซ่งึ ปญหาใด พระองค ไดต รัสบอกปญ หานั้นแลว แกข า พระองค ขา พระองค ทั้งหลาย จะขอทูลถามปญหาขออนื่ ขอพระองคโ ปรด ตรสั บอกปญ หาน้ัน ธีรชนทง้ั หลายยอ มขา มซ่งึ โอฆะ ชาติ ชรา โสกะและปริเทวะไดอยางไรหนอ พระองค เปนพระมุนี ขอทรงโปรดแกปญหาแกข า พระองคท ง้ั หลาย ดว ยดี แทจริง ธรรมนั้น อันพระองคทรงทราบแลว . [๑๖๒] คําวา ยนตฺ อปุจฉฺ มิ หฺ อกิตฺตยี โน ความวา ขาพระ-องคทงั้ หลายไดท ูลถาม คอื ทลู วงิ วอน ทูลเช้ือเชญิ ทูลใหทรงประสาทแลว ซ่งึ ปญหาใด. คําวา อกติ ฺตยี โน ความวา พระองคไ ดต รัส คอื บอก ... ทรงทาํ ใหงา ย ทรงประกาศแลว ซ่งึ ปญหาน้นั แลวแกขาพระองคท้ังหลายเพราะฉะน้นั จงึ ชอื่ วา ขา พระองคท ั้งหลายไดท ลู ถามปญหาใดแลว พระ-องคไ ดตรสั แกปญ หานั้นแลว แกข า พระองคท ัง้ หลาย.
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนาที่ 117 [๑๖๓] คาํ วา กถ นุ ในอเุ ทศวา \" อฺ ต ปุจฉฺ าม ตทงิ ฺฆพฺรูหิ กถ นุ ธีรา วิตรนตฺ ิ โอฑ ชาตชิ ฺชร โสกปริเทวจฺ \" ดังนี้ความวา เปนการถามดว ยความสงสยั เปนการถามดวยความเคลือบแคลงเปนการถามสองแง ไมเปนการถามโดยสว นเดียววา เร่อื งนเ้ี ปน อยางนี้หรอื หนอแล หรอื ไมเปนอยา งน้ี เร่อื งน้ีเปนไฉนหนอแล หรือเปนอยางไร เพราะฉะนนั้ จึงชอื่ วา อยางไรหนอ. คาํ วา ธีรา คือ นักปราชญ บัณฑิต ผูมีปญ ญา ผมู คี วามรู มีญาณมปี ญญาแจมแจง มปี ญ ญาทาํ ลายกิเลส. คาํ วา โอฆ คือ กาโมฆะ ภโวฆะ ทฏิ โฐฆะ อวิชโชฆะ ความเกดิ ความเกดิ พรอ ม ความกา วลง ความบงั เกดิ ความบังเกิดเฉพาะความปรากฏแหง ขนั ธท ัง้ หลาย ความไดเฉพาะซึง่ อายตนะทั้งหลาย ในหมูสัตวน นั้ ๆ แหงสตั วเ หลานัน้ ๆ ช่อื วา ชาต.ิ ความแก ความเส่อื ม ความเปน ผมู ฟี น หัก ความเปน ผมู ีผมหงอกความเปน ผมู ีหนังยน ความเสอ่ื มอายุ ความแกแหงอินทรยี ทง้ั หลาย ในหมูส ตั วนั้น ๆ แหง สัตวเ หลา นนั้ ๆ ชอ่ื วา ชรา. ความโศก กริ ิยาท่ีโศก ความเปน ผูโ ศก ความโศก ณ ภายในความกรมเกรยี ม ณ ภายใน ความรอน ณ ภายใน ความเรา รอ น ณภายใน ความเกรียมกรอมแหง จติ โทมนัส ลกู ศรคือความโศก ของคนทถ่ี กู ความฉบิ หายแหง ญาตกิ ระทบเขา หรือของคนท่ถี ูกความฉิบหายแหงโภคะกระทบเขา ของคนทถ่ี กู ความฉบิ หายเพราะโรคกระทบเขา หรอื ของคนที่ถูกความฉิบหายแหง ศลี กระทบเขา ของคนท่ีถูกความฉิบหายแหงทฏิ ฐิกระทบเขา ของคนท่ปี ระจวบกับความฉบิ หายอยา งใดอยา งหน่ึง หรือของ
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 118คนท่ีถกู เหตุแหง ทกุ ขอ ยางใดอยางหนึ่งกระทบเขา ชื่อวา ความโศก. ความรอ งไห ความราํ พนั กริ ยิ าทีร่ อ งไห กริ ิยาทร่ี าํ พัน ความเปน ผูร อ งไห ความเปนผรู าํ พนั ความพูดถงึ ความพดู เพอ เจอ ความพูดบอย ๆ ความรา่ํ ไร กริ ิยาทรี่ ํา่ ไร ความเปน ผูรํา่ ไร ของคนที่ถกู ความฉบิ หายแหงญาตกิ ระทบเขา ... หรือของตนท่ีถูกเหตแุ หงทุกขอยา งใดอยางหน่งึ กระทบเขา ชือ่ วา ปรเิ ทวะ. คําวา ธีรชนทงั้ หลายยอมขามโอฆะ ชาติ ชรา โสกะและปรเิ ทวะไดอยา งไรหนอ ความวา ธรี ชนทงั้ หลายยอ มขาม คอื ขามขน้ึขา มพน กาวลวง เปน ไปลวงซ่งึ โอฆะ ชาติ ชรา โสกะและปรเิ ทวะไดอยา งไร เพราะฉะนน้ั จงึ ชือ่ วา ธีรชนทัง้ หลายยอ มขามโอฆะ ชาติ ชราโสกะ และปริเทวะไดอยางไรหนอ. [๑๖๔] คาํ วา ต ในอเุ ทศวา \" ตมเฺ ม มนุ ี สาธุ วิยากโรหิ \"ดังนี้ ความวา ขา พระองคยอ มทลู ถาม ทลู วงิ วอน ทลู ใหทรงประกาศปญ หาใด ญาณ ปญญา ความรทู ่วั ฯ ล ฯ ความไมหลง ความเลือกเฟนธรรม สมั มาทฏิ ฐิ ทานกลา ววา โมนะ ในคําวา มุนี พระผมู ีพระภาคเจาทรงประกอบดวยญาณน้ัน จึงเปน มุนี คอื ถงึ ความเปนพระมุนี โมเนยยะ(ความเปนมนุ ี) ๓ ประการ คอื กายโมเนยยะ วจีโมเนยยะ มโนโม-เนยยะ. กายโมเนยยะเปนไฉน การละกายทจุ ริต ๓ อยาง เปนกายโม-เนยยะ กายสุจรติ ๓ อยา ง เปนกายโมเนยยะ ญาณมกี ายเปน อารมณเปนกายโมเนยยะ ความกําหนดรกู าย เปน กายโมเนยยะ มรรคอนั สหรคตดวยความกําหนดรู เปนกายโมเนยยะ ความละฉนั ทราคะในกาย เปน กาย-
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 119โมเนยยะ ความดับกายสงั ขาร ความเขา ถึงจตุตถฌาน เปน กายโมเนยยะน้ีชอ่ื วา กายโมเนยยะ. วจีโมเนยยะเปน ไฉน การละวจที ุจรติ ๔ อยา ง เปนวจโี มเนยยะวจสี ุจรติ ๔ อยาง เปนวจีโมเนยยะ ญาณมีวาจาเปนอารมณ เปนวจ-ีโมเนยยะ การกาํ หนดรวู าจา เปน วจโี มเนยยะ มรรคอันสหรคตดว ยการกาํ หนดรู เปนวจโี มเนยยะ การละฉนั ทราคะในวาจาเปน วจโี มเนยยะความดบั วจีสังขาร ความเขา ทตุ ิยฌาน เปน วจโี มเนยยะ นี้ชือ่ วา วจีโม-เนยยะ. มโนโมเนยยะเปนไฉน การละมโนทจุ รติ ๓ อยา ง เปนมโนโม-เนยยะ มโนสจุ ริต ๓ อยา ง เปนมโนโมเนยยะ ญาณมจี ติ เปน อารมณเปน มโนโมเนยยะ การกาํ หนดรูจติ เปน มโนโมเนยยะ มรรคอันสหรคตดว ยความกาํ หนดรู เปนมโนโมเนยยะ การละฉนั ทราคะในจติ ความดบัจิตสังขาร ความเขาสัญญาเวทยิตนิโรธ นชี้ อ่ื วา มโนโมเนยยะ. บัณฑติ ทง้ั หลายกลาวถึงมุนี ผูเ ปนมนุ โี ดยกาย เปน มุนีโดยวาจา เปนมุนีโดยใจ ผไู มมีอาสวะถงึ พรอมดว ย ความเปน มุนีวา เปน ผูละอกุศลธรรมท้งั ปวง บณั ฑิต ทัง้ หลายกลา วถึงมนุ ี ผเู ปนมุนีโดยกาย เปน มุนโี ดยวาจา เปน มุนีโดยใจ ผไู มมีอาสวะ ถึงพรอ มดวยความเปนมุนี วา เปน ผูมีบาปอนั ลอยแลว . มนุ ีผูป ระกอบดวยธรรมอันทาํ ใหเปนมนุ ีเหลา นี้ เปนมุนี ๖ จาํ พวกคอื เปน อาคารมุนี ๑ อนาคารมุนี ๑ เสกขมุนี ๑ อเสกขมนุ ี ๑ ปจเจก-
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนา ท่ี 120มุนี ๑ มุนมิ ุนี ๑. อาคารมนุ ีเปนไฉน คฤหัสถผูครองเรอื น มบี ทอันเหน็แลว มีศาสนาอนั รูแ จง นชี้ อ่ื วา อาคารมนุ .ี อนาคารมนุ ีเปนไฉน บรรพชติ ผูมบี ทอนั เห็นแลว มศี าสนาอันรูแจง แลว น้ชี ือ่ วา อนาคารมนุ .ี พระเสกขบุคคล ๗ จาํ พวก ชื่อวา เสขมนุ ี.พระอรหันต ชื่อวา อเสกขมนุ ี. พระปจเจกสมั พทุ ธเจา ช่ือวา ปจ เจกมุนี.พระตถาคตอรหันตสมั มาสัมพทุ ธเจา ชอ่ื วา มนุ ิมุน.ี บุคคลยอมไมเ ปน มุนดี วยความเปน ผูน ง่ิ เปนผหู ลง มิใชผูรู กไ็ มเปนมุนี สว นบคุ คลใดเปนบัณฑิต ถอื ธรรม อนั ประเสริฐ เหมือนบุคคลประคองตราชัง่ ยอมละเวน บาปท้งั หลาย บุคคลนน้ั เปนมุนี โดยเหตนุ ั้น บคุ คลนนั้ เปนมุนี บุคคลใดรูจกั โลกท้ังสอง บุคคลน้นั ทานเรยี กวา เปน มนุ ี โดยเหตนุ ้นั บุคคลใดรธู รรมของอสัตบรุ ษุ และ ธรรมของสัตบุรษุ ในโลกทง้ั ปวง ทง้ั ในภายในท้งั ใน ภายนอก อันเทวดาและมนุษยทั้งหลายบูชาแลว บุคคล น้นั ลวงแลวซง่ึ ราคาทธิ รรมเปน เคร่ืองของ และตัณหา ดังวา ขาย ช่ือวา เปนมุนี. คาํ วา สาธุ วิยากโรหิ ความวา ขอพระองคท รงตรสั บอก คือทรงแสดง ... ทรงประกาศดว ยดี เพราะฉะนัน้ จึงชื่อวา พระองคเปนมนุ ี ขอทรงโปรดแกปญ หาน้นั แกข าพระองคด ว ยดี. [๑๖๕] คําวา ตถา หิ เต วทิ ิโต เอส ธมฺโม ความวา จริงอยางน้ัน ธรรมนนั้ อันพระองคท รงทราบแลว คือ ทรงรแู ลว ทรงเทยี บเคยี งแลว ทรงพิจารณาแลว ทรงใหเจรญิ แลว ทรงแจมแจง แลว
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนา ที่ 121เพราะฉะนน้ั จึงชอื่ วา จริงอยางนนั้ ธรรมน้อี นั พระองคท รงทราบแลว. เพราะเหตุนั้น พราหมณน ้นั จงึ กลา ววา ขา พระองคไดทลู ถามแลวซึ่งปญหาใด พระองคได ตรัสบอกปญ หาน้ันแลวแกขา พระองค ขา พระองค ทง้ั หลายจะขอทลู ถามปญหาขออืน่ ขอพระองคโปรดตรัส บอกปญ หานัน้ ธรี ชนทง้ั หลายยอมขามซงึ่ โอฆะ ชาติ ชรา โสกะ และปรเิ ทวะไดอยา งไรหนอ พระองคเ ปน พระมนุ ี ขอทรงโปรดแกป ญหานนั้ แกขาพระองคทัง้ หลาย ดว ยดี แทจ ริง ธรรมนั้นอนั พระองคทรงทราบแลว. [๑๖๖] (พระผูมพี ระภาคเจาตรัสวา ดกู อนเมตตคู) เราจกั บอกธรรมในธรรมทเี่ ราเห็นแลว อนั ประจกั ษ แกต น ท่ีบคุ คลทราบแลว เปนผูมสี ตเิ ทีย่ วไป พึงขาม ตัณหาอนั เกาะเกีย่ วในอารมณตา ง ๆ ในโลกแกท าน. [๑๖๗] คําวา เราจักบอกธรรม ... แกทาน ความวา เราจักบอก ...ประกาศซ่งึ พรหมจรรย อนั งามในเบอ้ื งตน งามในทามกลาง งามในทีส่ ุดพรอ มท้งั อรรถ พรอ มท้ังพยญั ชนะ บริสทุ ธิ์ บริบูรณส น้ิ เชิง และสติปฏ -ฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อทิ ธิบาท ๔ อินทรีย ๕ พละ ๕ โพชฌงค ๗อรยิ มรรคมอี งค ๘ นิพพาน และปฏิปทาอนั ใหถงึ นพิ พาน เพราะฉะน้ันจงึ ชื่อวา เราจักบอกธรรมแกท าน พระผูมพี ระภาคเจาตรัสเรียกพราหมณน้นั โดยช่ือวา เมตตคู.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนา ที่ 122 [๑๖๘] คาํ วา ทฏิ เ ธมเฺ ม ในอเุ ทศวา \" ทิฏเ ธมเฺ ม อนี-ติห \" ดงั นี้ ความวา ในธรรมทเี่ ราเหน็ รู เทยี บเคยี ง พจิ ารณา ใหเจรญิ แลว ปรากฏแลว คอื ในธรรมอันเหน็ แลว ... ปรากฏแลววาสังขารทงั้ ปวงไมเที่ยง ฯ ล ฯ ส่ิงใดสง่ิ หน่งึ มคี วามเกดิ ขนึ้ เปน ธรรมดาสิง่ นัน้ ทัง้ มวลลวนมคี วามดับไปเปน ธรรมดา แมด วยเหตอุ ยา งน้ี ดังน้ีจึงช่อื วา เราจักบอกธรรมในธรรมที่เราเห็นแลว . อีกอยางหนง่ึ ความวา เราจกั บอกทกุ ขใ นทกุ ขท ่ีเราเหน็ แลว จักบอกสมทุ ัยในสมทุ ยั ทเี่ ราเหน็ แลว จกั บอกมรรคในมรรคทเ่ี ราเหน็ แลวจกั บอกนิโรธในนิโรธที่เราเห็นแลว แมดว ยเหตอุ ยา งนี้ ดังนี้ จึงชื่อวาจักบอกธรรมในธรรมทีเ่ ราเห็นแลว. อกี อยางหนง่ึ ความวา เราจักบอกธรรมท่จี ะพงึ เหน็ เอง ไมประกอบดว ยกาล ควรเรยี กใหมาดู ควรนอ มเขามาในตน อันวิญชู นพึงรูเ ฉพาะตน ในธรรมทเ่ี ราเหน็ แลว แมดว ยเหตุอยา งนี้ ดงั น้ี จึงชื่อวาเราจกั บอกธรรมในธรรมท่เี ราเหน็ แลว เพราะฉะนั้น จึงช่อื วา ในธรรมทเี่ ราเหน็ แลว. คําวา อนีติห อวามวา เราจกั บอกซ่งึ ธรรมอันประจกั ษแกตน ทเ่ี รารูเ ฉพาะดว ยตนเอง โดยไมบ อกวา กลาวกันมาอยา งน้ี ไมบอกตามทไ่ี ดยินกนั มา ไมบอกตามลําดบั สบื ๆ กันมา ไมบอกโดยการอางตาํ รา ไมบ อกตามทน่ี กึ เดาเอาเอง ไมบ อกตามทค่ี าดคะเนเอาเอง ไมบ อกโดยความตรกึ ตรองตามอาการ ไมบ อกโดยความชอบใจวา ตองกับลทั ธิของตนเพราะฉะนน้ั จงึ ชือ่ วา ในธรรมท่เี ราเห็นแลว อันประจกั ษแกตน.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนาที่ 123 [๑๖๙] คาํ วา ย วิทิตฺวา สโต จร ความวา กระทาํ ใหร ูแจง คือเทยี บเคยี ง พิจารณา ใหเจรญิ ทําใหแจม แจง คอื ทําใหรู ... ทาํ ใหแจม แจงวา สังขารทงั้ ปวงไมเท่ยี ง ฯ ล ฯ สิ่งใดส่งิ หน่งึ มีความเกิดขึน้ เปนธรรมดา สิ่งน้ันทั้งมวลลว นมีความดบั ไปเปนธรรมดา. คําวา สโต ความวา มีสตดิ ว ยเหตุ ๔ ประการ คอื มสี ติเจริญสติปฏ ฐานเปน เครอ่ื งพิจารณาเห็นกายในกาย ฯ ล ฯ บคุ คลนั้นเรียกวามีสต.ิ คําวา จร คอื เทีย่ วไป เทย่ี วไปทั่ว ผลัดเปลี่ยนอริ ิยาบถเปนไปรกั ษา บํารงุ เยยี วยา เพราะฉะน้ัน จงึ ชือ่ วา รูธรรมใดแลว เปน ผูม ีสติเทีย่ วไป. [๑๗๐] ตณั หา ราคะ สาราคะ ฯ ล ฯ อภิชฌา โลภะ อกศุ ลมูลทา นกลาววา วสิ ตั ตกิ า ตัณหาอนั เกาะเกย่ี วในอารมณตาง ๆ ในอุเทศวา\" ตเร โลเก วิสตตฺ ิก . \" ชอื่ วา วสิ ัตตกิ า ในคําวา วสิ ตตฺ ิกา เพราะอรรถวา กระไร เพราะอรรถวา แผไป เพราะอรรถวา กวา งขวาง เพราะอรรถวา ซา นไป เพราะอรรถวา ครอบงํา เพราะอรรถวา นําไปผิด เพราะอรรถวา ใหก ลาวผดิเพราะอรรถวา มีรากเปน พิษ เพราะอรรถวา มีผลเปน พษิ เพราะอรรถวามีการบริโภคเปน พิษ. อน่ึง ตณั หานน้ั กวา งขวาง ซา นไป แผไป แผซ านไปในรูป เสยี งกลิน่ รส โผฏฐัพพะ สกลุ คณะ อาวาส ลาภ ยศ สรรเสรญิ สขุจีวร บณิ ฑบาต เสนาสนะ คิลานปจ จยั เภสัชบรขิ าร กามธาตุ รูปธาตุอรูปธาตุ กามภพ รปู ภพ อรปู ภพ สัญญาภพ อสัญญาภพ เนวสญั ญา-
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 124นาสัญญาภพ เอกโวการภพ จตุโวการภพ ปญ จโวการภพ อดีตกาลอนาคตกาล ปจจบุ นั กาล ธรรม คอื รูปทเ่ี หน็ เสยี งทไี่ ดย ิน อารมณทไี่ ดทราบ และธรรมท่ีรแู จง เพราะเหตุนั้น จึงชอื่ วา วิสตั ตกิ า. คําวา โลก คือ ในอบายโลก มนษุ ยโลก เทวโลก ขนั ธโลกธาตุโลก อายตนโลก. คําวา ตเร โลเก วสิ ตฺตกิ ความวา บุคคลนน้ั เปน ผมู ีสติ พงึ ขา มคอื ขา มข้นึ ขามพน กาวลวง เปน ไปลวง ซง่ึ ตัณหาอนั เกาะเกยี่ วในอารมณต างๆ ในโลก เพราะฉะนน้ั จึงชื่อวา พงึ ขา มตัณหาอันเกาะเกีย่ วในอารมณตาง ๆ ในโลก. เพราะเหตนุ ้ัน พระผูม พี ระภาคเจา จงึ ตรัสวา เราจกั บอกธรรมในธรรมท่เี ราเหน็ แลว อันประจกั ษ แกตนท่ีบคุ คลทราบแลว เปน ผูมสี ติเท่ียวไป พึงขาม ตัณหาอันเกาะเก่ียวในอารมณตาง ๆ ในโลกแกท าน. [๑๗๑] ขาแตพระองคผ ูแสวงหาคณุ อันยงิ่ ใหญ ขาพระองค ชอบใจพระดํารัสของพระองคนนั้ และธรรมอันสงู สดุ ที่ บคุ คลทราบแลว เปนผมู ีสตเิ ทีย่ วไป พึงขามพนตัณหา อนั เกาะเก่ยี วในอารมณต า ง ๆ ในโลกได. [๑๗๒] คําวา ต ในอเุ ทศวา \" ตฺจาห อภนิ นฺทามิ \" ความวาซึ่งพระดํารัส คอื ทางแหงถอยคํา เทศนา อนสุ นธิ ของพระองค. คําวา อภินนฺทามิ คือ ขาพระองคย อ มยนิ ดี ชอบใจ เบกิ บานอนุโมทนา ปรารถนา พอใจ ขอ ประสงค รกั ใคร ตดิ ใจ เพราะ-ฉะนั้น จึงช่ือวา ขา พระองคย อ มชอบใจพระดํารัสของพระองคนั้น.
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 125 [๑๗๓] คาํ วา มเหสี ในอุเทศวา มเหสี ธมมฺ มตุ ตฺ ม ดังนี้ความวา ชือ่ วา มเหสี เพราะอรรถวากระไร. ชื่อวา มเหสี เพราะอรรถวาพระผูม พี ระภาคเจา ทรงแสวงหา เสาะหา คนหาซ่ึงศลี ขันธใ หญ ซ่งึ สมาธ-ิขันธใ หญ ซ่ึงปญญาขนั ธใ หญ ซงึ่ วมิ ตุ ติขันธใ หญ ซง่ึ วิมุตตญิ าณทัสสนะขันธใ หญ. ชอ่ื วา มเหสี เพราะอรรถวา พระผูมีพระภาคเจา ทรงแสวงหา เสาะหา คน หาแลว ซึง่ ความทาํ ลายกองมดื ใหญ ซง่ึ ความทําลายวิปลาสใหญ ซึ่งความถอนลกู ศรคอื ตณั หาใหญ ซึ่งความตดั ความสบื ตอทิฏฐใิ หญ ซงึ่ ความใหม านะเปนเชน ธงใหญต กไป ซึง่ ความระงบั อภิสงั ขารใหญ ซ่ึงความสละโอฆะใหญ ซง่ึ ความปลงภาระใหญ ซ่งึ ความตดัสังสารวฏั ใหญ ซึ่งการใหค วามเรารอ นใหญดบั ไป ซึ่งความสงบระงบัความเดอื ดรอนใหญ ซ่ึงความยกขึน้ ซึ่งธรรมเปน ดังวา ธงใหญ ซ่ึงสต-ิปฏฐานใหญ ซ่ึงสัมมปั ปธานใหญ ซงึ่ อิทธบิ าทใหญ ซ่งึ อนิ ทรยี ใ หญซง่ึ พละใหญ ซึ่งโพชฌงคใหญ ซึ่งอรยิ มรรคประกอบดวยองค ๘ ใหญซง่ึ อมตนิพพานอนั เปน ปรมัตถใหญ. อกี อยางหนึง่ พระผูมพี ระภาคเจาชอ่ื วา มเหสี เพราะอรรถวาอนั สตั วท ง้ั หลายผมู ศี ักดิใ์ หญแ สวงหา เสาะหา สบื หาวา พระพุทธเจาประทบั ณ ท่ีไหน พระผูมีพระภาคเจา ประทบั ณ ทีไ่ หน พระผูม ีพระ-ภาคเจา ผเู ปน เทวดาลว งเทวดาประทับ ณ ที่ไหน พระนราสภประทับ ณทีไ่ หน. อมตนิพพาน ความสงบสังขารทัง้ ปวง ความสละคืนอุปธิท้ังปวงความสิน้ ตณั หา ความสํารอกตัณหา ความดับตณั หา ความออกจากตัณหาเปน เคร่อื งรอยรดั ทานกลา ววา เปนธรรมอดุ ม ในคําวา ธมฺมมุตฺตม .
พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนา ที่ 126 คําวา อุตตฺ ม คือ ธรรมอนั เลศิ ประเสรฐิ วเิ ศษ เปน ประธานสงู สุด อยา งยิง่ เพราะฉะนน้ั จึงช่ือวา ผแู สวงหาคุณอนั ยงิ่ ใหญ ... ซึ่งธรรมอุดม. [๑๗๔] คําวา ย วทิ ิตฺวา สโต จร ความวา ทําใหท ราบ คอืเทยี บเคียงพจิ ารณา ใหเจรญิ ทําใหแจม แจงแลว คือ ทําใหทราบ ...ทาํ ใหแจมแจงแลววา สงั ขารท้งั ปวงไมเ ที่ยง ฯ ล ฯ ส่ิงใดสงิ่ หน่งึ มีความเกิดขนึ้ เปนธรรมดา สงิ่ นนั้ ท้ังมวลลว นมีความดบั ไปเปนธรรมดา. คาํ วา สโต ความวา มสี ตดิ วยเหตุ ๔ ประการ คือ มีสตเิ จรญิสติปฏฐานเปน เคร่อื งพจิ ารณาเห็นกายในกาย ฯ ล ฯ บคุ คลน้ันทานกลาววา เปน ผมู ีสต.ิ คําวา จร คอื เทยี่ วไป เท่ียวไปทั่ว ... เยียวยา เพราะฉะน้นั จงึชอื่ วา รแู จงแลว เปนผมู สี ตเิ ทีย่ วไป. [๑๗๕] ตณั หา ราคะ สาราคะ ฯ ล ฯ อภิชฌา โลภะ อกุศลมูลทา นกลา ววา วิสตั ตกิ า ตัณหาอนั เกาะเกี่ยวในอารมณต า ง ๆ ในอุเทศวา\" ตเร โลเก วสิ ตตฺ กิ . \" วิสัตตกิ า ในบทวา วสิ ตตฺ กิ า เพราะอรรถวา กระไร ฯ ล ฯ ซานไป แผซ านไปในรูป เสียง กล่ิน รส โผฏฐพั พะ ฯ ล ฯ ธรรม คอืรูปท่เี หน็ เสยี งทไี่ ดยนิ อารมณที่ไดท ราบ และธรรมที่รแู จง เพราะ-เหตุน้ัน จึงช่ือวา วิสตั ตกิ า. คําวา โลเก คือ ในอบายโลก ฯ ล ฯ อายตนโลก. คาํ วา ตเร โลเก วิสตตฺ กิ ความวา บคุ คลน้นั เปนผมู สี ติ พงึ ขามคอื ขา มขนึ้ ขา มพน กาวลว ง เปนไปลว งซ่งึ ตณั หา อันเกาะเกีย่ วใน
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนา ที่ 127อารมณต า ง ๆ ในโลก เพราะฉะนน้ั จงึ ช่อื วา พึงขามตัณหาอนั เกาะเก่ยี วในอารมณต าง ๆ ในโลก. เพราะเหตุน้นั พราหมณนนั้ จงึ กลาววา ขา แตพระองคผ แู สวงหาคุณอันย่ิงใหญ ขา พระองค ชอบใจพระดาํ รสั ของพระองคน ้นั และธรรมอนั สูงสุดที่ บคุ คลทราบแลว เปนผมู ีสติเทยี่ วไป พงึ ขา มตัณหาอัน เกาะเกีย่ วในอารมณตา ง ๆ ในโลกได. [๑๗๖] (พระผูม ีพระภาคเจา ตรัสตอบวา ดูกอนเมตตค)ู ทานยอมรธู รรมอยางใดอยางหนง่ึ ซงึ่ เปนธรรมชน้ั สงู ชน้ั ต่าํ และชนั้ กลางสว นกวา ง ทานจงบรรเทาความยนิ ดี ความพัวพนั และวญิ ญาณในธรรมเหลา นน้ั เสีย ไมพงึ ตั้ง อยูในภพ. [๑๗๗] คาํ วา ทานยอ มรูธรรมอยา งใดอยา งหนงึ่ ความวา ทา นยอ มรู คอื รทู ว่ั รแู จง รูแจงเฉพาะ แทงตลอดซ่งึ ธรรมอยางใดอยา งหนงึ่ เพราะฉะนั้น จงึ ชอื่ วา ทา นยอมรธู รรมอยา งใดอยา งหนึ่ง พระ-ผมู ีพระภาคเจา ตรัสเรียกพราหมณน ้ัน โดยช่อื วา เมตตคู. คําวา ภควา นี้เปน เคร่อื งกลา วโดยเคารพ ฯ ล ฯ คาํ วา ภควา น้ี เปน สัจฉิกาบญั ญัติเพราะฉะน้ัน จึงชอ่ื วา ดกู อ นเมตตคู. [๑๗๘] พระผูมีพระภาคเจา ตรสั อนาตวา ช้ันสูง ในอุเทศวา\" อทุ ฺธ อโธ ติริยฺจาป มชเฺ ฌ \" ดังน้ี ตรสั อดีตวา ชั้นตา่ํ ตรัสปจ จบุ นั วา
พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนา ท่ี 128ชั้นกลางสวนกวาง. ตรสั เทวโลกวา ชนั้ สงู ตรัสนริ ยโลกวา ชนั้ ต่ําตรัสมนษุ ยโลกวา ชนั้ กลางสว นกวา ง. ตรัสกุศลธรรมวา ชั้นสูง ตรสัอกศุ ลธรรมวา ชน้ั ตํา่ ตรัสอพยากตธรรมวา ชน้ั กลางสว นกวา ง. ตรสัอรูปธาตวุ า ชั้นสงู ตรัสกามธาตุวา ช้ันตํ่า ตรัสรูปธาตุวา ชนั้ กลางสว นกวา ง. ตรสั สุขเวทนาวา ชัน้ สูง ตรสั ทุกขเวทนาวา ช้นั ตํ่า ตรสัอทุกขมสขุ เวทนาวา ช้นั กลางสวนกวา ง. ตรัสสว นเบ้ืองบนตลอดถึงพ้นืเทาวา ชัน้ สูง ตรัสสวนเบือ้ งต่าํ ตลอดถึงปลายผมวา ชนั้ ต่ํา ตรสั สว นกลางวา ชั้นกลางสว นกวา ง เพราะฉะนัน้ จงึ ชอื่ วา ชน้ั สูง ชั้นตํา่ และชน้ั กลางสว นกวาง. [๑๗๙] คาํ วา เอเตสุ ในอุเทศวา \" เอเตสุ นนทฺ ิ ฺจ นเิ วสนจฺปนุชชฺ วิฺาณ ภเว น ติฏเ \" ดังนี้ ความวา ในธรรมทัง้ หลายท่เี ราบอกแลว ... ประกาศแลว ตัณหา ราคะ สาราคะ ฯ ล ฯ อภชิ ฌา โลภะอกศุ ลมลู ตรสั วา ความยินด.ี ความพวั พนั ในบทวา นเิ วสน มี ๒ อยา ง คือ ความพวั พันดว ยตัณหา ๑ ความพวั พันดว ยทฏิ ฐิ ๑ ความพวั พนั ดวยตณั หาเปนไฉน ความถอื วาของเราอันทําใหเปนแดน ... ดวยสวนตณั หาเทาใด ฯ ล ฯ น้ชี อ่ื วาความพวั พนั ดว ยตัณหา. ความพวั พันดวยทิฏฐเิ ปน ไฉน สกั กายทฏิ ฐมิ ีวตั ถุ๒๐ ฯ ล ฯ นช้ี อื่ วา ความพัวพันดวยทิฏฐิ. คาํ วา ปนชุ ฺช วิฺาณ ความวา วิญญาณอนั สหรคตดว ยปุญญา-ภิสงั ขาร วิญญาณอันสหรคตดวยอปญุ ญาภสิ ังขาร วิญญาณอนั สหรคตดว ยอเนญชาภสิ ังขาร ทา นจงบรรเทา คือ จงสลัด จงถอน จงถอนทิง้ จงละจงท าใหไ กล จงทาํ ใหส นิ้ สดุ ใหถ งึ ความไมม ีซง่ึ ความยนิ ดี ความพัวพัน
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนาท่ี 129และวญิ ญาณอันสหรคตดวยอภสิ ังขารในธรรมเหลาน้ี เพราะฉะนัน้ จงึชอื่ วา ทานจงบรรเทาความยินดี ความพวั พัน และวิญญาณในธรรมเหลา น้ี. ภพมี ๒ คือ กรรมภพ ๑ ภพใหมอ ันมใี นปฏิสนธิ ๑ ชื่อวา ภพในอเุ ทศวา \" ภเว น ตฏิ เ \" กรรมภพเปน ไฉน ปุญญาภิสังขารอปุญญาภิสงั ขาร อเนญชาภสิ งั ขาร นี้เปน กรรมภพ. ภพใหมอันมใี นปฏสิ นธิเปนไฉน รูป เวทนา สัญญา สงั ขาร วิญญาณ อันมีในปฏสิ นธินเี้ ปน ภพใหมอ ันมีในปฏิสนธิ. คําวา ภเว น ตฏิ เ ความวา เม่ือละขาด บรรเทา ทําใหส้ินสดุใหถ งึ ความไมมีซงึ่ ความยนิ ดี ความพวั พนั วญิ ญาณอันสหรคตดวยอภ-ิสงั ขาร กรรมภพ และภพใหมอ นั มีในปฏิสนธิ ไมพ ึงตั้งอยใู นปฏิสนธิไมพงึ อยใู นกรรมภพ ไมพ ึงดาํ รงอยู ไมพ ึงประดิษฐานอยใู นภพใหมอนั มีในปฏสิ นธิ เพราะฉะนน้ั จึงชอ่ื วา ทา นจงบรรเทา ... วญิ ญาณไมพงึ ต้งั อยูในภพ เพราะเหตนุ ้ัน พระผูมีพระภาคจงึ ตรสั วา ทา นยอ มรธู รรมอยา งใดอยา งหนึง่ ซึ่งเปนธรรมชน้ั สูง ชั้นต่าํ และชนั้ กลาง สวนกวาง ทานจงบรรเทา ความยนิ ดี ความพัวพนั และวิญญาณในธรรมเหลา น้นั เสยี ไมพ งึ ตง้ั อยใู นภพ. [๑๘๐] ภกิ ษผุ มู ปี กติอยอู ยา งนี้ มสี ติ ไมประมาท มีความ รแู จง ละความยึดถอื วา เปน ของเราแลว เทีย่ วไป พึงละ ชาติ ชรา ความโศกและความรําพนั อนั เปน ทกุ ขใน อตั ภาพนี้เสยี ทีเดยี ว.
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนา ท่ี 130 [๑๘๑] คําวา เอว วหิ ารี ในอเุ ทศวา \" เอว วิหารี สโต อปฺป-มตฺโต \" ดงั นี้ ความวา ละ บรรเทา ทาํ ใหส้นิ สดุ ใหถึงความไมมี ซง่ึความยินดี ความพวั พัน วญิ ญาณอันสหรคตดวยอภิสงั ขาร กรรมภพและภพใหมอ นั มใี นปฏิสนธิ เพราะฉะน้ัน จึงชื่อวา ผูมปี กติอยอู ยางน.้ี คําวา สโต ความวา มีสติดวยเหตุ ๔ ประการ คอื มีสตเิ จริญสติปฏ ฐานเครอ่ื งพจิ ารณาเหน็ กายในกาย ฯล ฯ ภิกษุนัน้ พระผูมีพระ-ภาคเจาตรัสวา เปน ผมู ีสติ. คําวา อปปฺ มตโฺ ต ความวา ภกิ ษุเปนผทู าํ ดว ยความเต็มใจ คอื ทาํเนอื ง ๆ ทําไมหยดุ มีความประพฤติไมยอ หยอน ไมปลงฉันทะ ไมท อดธุระ ไมประมาท ในกุศลธรรม คือ ความพอใจ ความพยายาม ความหมัน่ ความเปน ผูมีความหม่นั ความไมถ อยหลงั สติ สัมปชญั ญะ ความเพียรใหกเิ ลสรอนทวั่ ความเพียรชอบ ความต้ังใจ ความประกอบเนอื งๆใด ในกศุ ลธรรมนั้นวา เม่อื ไร เราพึงบําเพ็ญศลี ขนั ธทยี่ งั ไมบรบิ รู ณใหบริบูรณ หรอื พึงอนเุ คราะหศลี ขนั ธท บ่ี รบิ รู ณด ว ยปญ ญาในกศุ ลธรรมน้ัน ... เมือ่ ไร เราพึงบาํ เพ็ญสมาธขิ ันธทีย่ ังไมบ ริบรู ณใ หบริบูรณ หรือพงึ อนเุ คราะหส มาธิขันธท่ีบริบูรณดวยปญญาในกุศลธรรมนั้น ... เมื่อไรเราพงึ บําเพ็ญปญ ญาขันธท ่ียงั ไมบริบรู ณใ หบ รบิ รู ณ หรอื พงึ อนุเคราะหปญญาขันธท่ีบริบูรณด ว ยปญญาในกุศลธรรมน้ัน ... เมอื่ ไร เราพงึบาํ เพ็ญวมิ ุตติขันธท ยี่ ังไมบริบรู ณใ หบ รบิ ูรณ หรอื พงึ อนุเคราะหวมิ ตุ ติขนั ธท ่บี รบิ รู ณด ว ยปญ ญาในกศุ ลธรรมนน้ั ... เมือ่ ไร เราพึงบาํ เพ็ญวมิ ตุ ติญาณทัสสนขนั ธทีย่ งั ไมบริบูรณใหบรบิ รู ณ หรอื พึงอนุเคราะหวมิ ตุ ติญาณทสั สนขันธที่บรบิ รู ณด ว ยปญ ญาในกศุ ลธรรมนนั้ ความพอใจ
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนาที่ 131เปนตนนั้น ชื่อวา ความไมประมาทในกุศลธรรม ความพอใจ ความพยายาม ... ความตั้งใจ ความประกอบเนอื ง ๆ ใด ในกุศลธรรมนน้ั วาเม่ือไร เราพงึ กําหนดทุกขท่ยี งั ไมกําหนดรู เราพึงละกเิ ลสทัง้ หลายทีย่ ังไมไดละ เราพึงเจริญมรรคทย่ี งั ไมเ จรญิ หรือเราพงึ ทาํ ใหแ จง ซึง่ นิโรธทย่ี งั ไมทําใหแ จง ความพอใจเปน ตน นั้น ชอ่ื วา ความไมป ระมาทในกศุ ล-ธรรม เพราะฉะนั้น จึงชื่อวา ผูม ีปกติอยูอยางนี้ เปนผมู ีสตไิ มประมาท. [๑๘๒] ภกิ ษุเปน กลั ยาณปถุ ชุ นกด็ ี ภกิ ษเุ ปน พระเสขะก็ดี ชอื่ วาภิกษุ ในอุเทศวา \" ภิกฺขุ จร หิตวฺ า มมายติ านิ \" ดังน้ี. คําวา จร ความวา เที่ยวไป คอื เท่ียวไป ... เยยี วยา. ความยึดถอื วา ของเรามี ๒ อยา ง คือ ความยึดถอื วา ของเรา ดว ยอํานาจตณั หา ๑ ความยดึ ถอื วา ของเราดวยอาํ นาจทิฏฐิ ๑ ฯ ล ฯ นช้ี อื่ วาความยดึ ถอื วาของเราดว ยอํานาจตัณหา ฯ ล ฯ นีช้ ื่อวา ความยดึ ถอื วา ของเราดวยอาํ นาจทฏิ ฐิ ชือ่ วา ความยดึ ถือวาของเรา ละความยึดถือวา ของเราดว ยอํานาจตณั หา สละคืนความยึดถือวา ของเราดวยอาํ นาจทิฏฐิ ละ สละบรรเทา ทําใหสิน้ สดุ ใหถ ึงความไมมี ซง่ึ ความยดึ ถือวา ของเราทัง้ หลายเพราะฉะนั้น จึงชื่อวา ภกิ ษุ ... ละแลวซ่งึ ความยดึ ถอื วาของเราท้ังหลายเทีย่ วไป. [๑๘๓] ความเกดิ ความเกดิ พรอม ... ความไดเ ฉพาะซ่งึ อายตนะทั้งหลายในหมูส ัตวนนั้ ๆ แหง สตั วเหลา นัน้ ๆ ชอ่ื วา ชาติ ในอุเทศวา\" ชาติชฺชร โสกปรทิ ฺเทวจฺ อิเมว วทิ ฺวา ปชฺชเหยฺย ทกุ ข \" ดังน้ีความแก ความเสื่อม ... ความแกร อบแหงอินทรียท้งั หลาย ชื่อวา ชรา
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 132ความโศก กิริยาท่โี ศก ... หรอื ของคนที่ถูกเหตุแหงทุกขอ ยางใดอยางหนงึ่ กระทบเขา ช่ือวา ความโศก. ความรอ งไห ความรําพัน ... หรอื ของคนทถ่ี ูกเหตแุ หงทกุ ขอ ยา งใดอยางหน่ึงกระทบเขา ชอื่ วา ปรเิ ทวะ. คําวา อธิ ความวา ในทิฏฐิน้ี ฯ ล ฯ ในมนษุ ยโลกนี้. คําวา วทิ ฺวา ความวา ผูรูแ จง คอื ถงึ ความรูแจง มีญาณ มคี วามแจม แจง เปนนกั ปราชญ ชาตทิ กุ ข ฯ ล ฯ ทุกขค ือโสกะ ปริเทวะ ทกุ ขโทมนัส และอุปายาส ชอ่ื วา ทกุ ข. คําวา ชาตชิ ชฺ ร โสกปรทิ เฺ ทวจฺ อเิ ธว วทิ ฺวา ปชฺชเหยฺย ทุกฺขความวา ผูรแู จง คือ ถงึ ความรแู จง มญี าณ มีความแจม แจงเปน ปราชญพึงละ คอื บรรเทา ทําใหส ้นิ สดุ ใหถ ึงความไมมซี ง่ึ ชาติ ชรา ความโศกและความร่ําไรในอัตภาพนเี้ ทยี ว เพราะฉะนนั้ จึงชอื่ วา ผรู แู จงพงึ ละชาติชรา ความโศก และความราํ่ ไรอันเปนทกุ ขใ นอตั ภาพน้ีเทยี ว เพราะ-ฉะนั้น พระผมู พี ระภาคเจาจึงตรัสวา ภกิ ษุผูม ีปกติอยอู ยางน้ี มีสติ ไมป ระมาท มคี วาม รูแจง ละความยึดถอื วาเปนของเรา แลวเท่ยี วไป พึงละ ชาติ ชรา ความโศก และความรําพนั อนั เปนทุกขใน อัตภาพนีเ้ สยี ทีเดยี ว. [๑๘๔] ขา แตพระโคดม ขา พระองคชอบใจพระดาํ รสั ของ พระองค ผแู สวงหาคุณอันยิ่งใหญ ท่ีตรัสไวด ีแลว เปน ธรรมไมม อี ุปธิ พระผมู ีพระภาคเจา ทรงละทุกขไ ดแลว
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนา ที่ 133 เปน แน จริงอยา งนัน้ ธรรมน้นั อันพระองคทรงทราบ แลว . [๑๘๕] คําวา เอต ในอุเทศวา \" เอตาภนิ นฺทามิ วโจมเหสิโน \" ดังน้ี ความวา ถอ ยคํา ทางถอ ยคํา เทศนา อนุสนธิของพระองค. คาํ วา อภนิ นฺทามิ ความวา ยอ มยนิ ดี คอื ชอบใจ เบิกบานอนโุ มทนา ปรารถนา พอใจ ขอประสงค รกั ใคร ติดใจ. คําวา มเหสโิ น ความวา พระผูมพี ระภาคเจา ทรงแสวงหา เสาะหาคน หา ศีลขันธใ หญ ฯ ล ฯ พระนราสภประทบั ท่ีไหน เพราะฉะน้ันจึงชือ่ วา ขา พระองคช อบใจพระดํารสั ของพระองค ผูแสวงหาคณุ อนัยง่ิ ใหญ. [๑๘๖] คําวา สุกิตฺตติ ในอุเทศวา \" สุกติ ฺตติ โคตม นปู ธีก \"ดงั นี้ ความวา อนั พระองคตรัสแลว คอื ตรสั บอก ... ทรงประกาศแลวเพราะฉะนนั้ จงึ ชอ่ื วา ตรัสดีแลว. กิเลสทัง้ หลายก็ดี ขนั ธก ด็ ี อภสิ ังขารกด็ ี ทา นกลา ววา อุปธิในอเุ ทศวา \" โคตม นูปธีก \" เปนธรรมทีล่ ะอปุ ธิ คือ เปน ท่ีสงบอุปธิที่สละคนื อุปธิ ทร่ี ะงับอุปธิ อมตนพิ พาน เพราะฉะน้นั จึงชอ่ื วา ขา แตพระโคดม ... ตรสั ดีแลว เปน ธรรมไมมอี ุปธิ. [๑๘๗] คําวา อทธฺ า ในอุเทศวา \" อทฺธา หิ ภควา ปหาสิทุกฺข \" ดังน้ี เปน เคร่อื งกลา วโดยสว นเดียว เปน เคร่อื งกลาวโดยไมม ีความสงสัย เปนเคร่ืองกลาวโดยไมมคี วามเคลือบแคลง เปนเครือ่ งกลา วโดยไมเ ปนสองแง เปน เคร่อื งกลา วแนนอน เปนเครื่องกลา วไมผ ิด.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 716
- 717
- 718
- 719
- 720
- 721
- 722
- 723
- 724
- 725
- 726
- 727
- 728
- 729
- 730
- 731
- 732
- 733
- 734
- 735
- 736
- 737
- 738
- 739
- 740
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 740
Pages: