Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_67

tripitaka_67

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:43

Description: tripitaka_67

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาที่ 301รกั ใคร ชอบใจ เพราะฉะน้ัน จึงช่ือวา ขา แตพระองคผูก ลา หวังอยูซึง่ พระดาํ รสั ของพระองค. [๔๒๑] คาํ วา เตส ในอเุ ทศวา เตส ตวุ  สาธุ วิยากโรหิดงั นี้ คอื กษตั รยิ  พราหมณ แพศย ศูทร คฤหสั ถ บรรพชติ เทวดามนุษย เหลาน้นั พราหมณนัน้ ยอมทลู ถามพระผูมพี ระภาคเจาวา ตวุ  . คําวา ขอพระองคท รงพยากรณดว ยดี คือ ขอพระองคต รัสบอก. . . ขอทรงประกาศดว ยดี เพราะฉะนนั้ จึงชื่อวา ขอพระองคท รงพยากรณดวยดี. [๔๒๒] คาํ วา เพราะวา ธรรมนัน้ อันพระองคทรงทราบแลว อยา งแทจรงิ ความวา เพราะวาธรรมน้ันอันพระองคทรงทราบ ทรงรู ทรงเทยี บเคยี ง ทรงพจิ ารณา เจริญ ใหแจมแจง แลว อยางแทจรงิ เพราะ-ฉะนน้ั จงึ ชอ่ื วา เพราะวา ธรรมนัน้ อันพระองคท รงทราบแลว อยางแทจรงิ เพราะเหตนุ ั้น พราหมณน้นั จงึ กลาววา ขา แตพ ระองคผ กู ลา ชนตาง ๆมาแตชนบททั้งหลาย ประชุมกันแลว หวงั อยูซึง่ พระดํารสั ของพระองค ขอ พระองคท รงพยากรณด ว ยดแี กช นเหลา นนั้ เพราะวา ธรรมน้ันอันพระองคท รงทราบแลว อยางแทจ ริง. [๔๒๓] (พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั ตอบวา ดูกอนภัทราวธุ ะ) หมสู ตั วพ งึ นําเสียซึง่ ตัณหาเคร่ืองยึดถอื ท้งั หมด ท้งั เบือ้ งบน ท้งั เบอ้ื งตาํ่ หรอื แมช ้นั กลางสว นกวาง เพราะ วา สัตวท ้ังหลายยอมเขา ไปถือรูปาทขิ ันธใด ๆ ในโลก

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนาที่ 302 มารยอมไปตามสตั วดว ยอาํ นาจอภิสังขาร คือกรรมน้นั นน่ั แล. [๔๒๔] ตณั หาในรปู ตรสั วา ตัณหาเคร่อื งยดึ ถือ ในอเุ ทศวาอาทานตณฺห วินเยถ สพพฺ  ดงั น้.ี เหตไุ ร ตัณหาในรปู จงึ ตรัสวา ตัณหาเครอื่ งยดึ ถือ เพราะตณั หานั้นสตั วท ้ังหลายจงึ ยึดถือ เขาไปยดึ ถือ ยดึ ไว จบั ตอง ถือมั่น ซึ่งรูปเวทนา สญั ญา สังขาร วิญญาณ คติ อุปบัติ ปฏสิ นธิ ภพ สงสารวฏั ฏะ เพราะเหตนุ ั้น ตัณหาในรปู จงึ ตรสั วา ตัณหาเครอ่ื งยดึ ถอื . คําวา พึงนาํ เสียซึ่งตณั หาเคร่อื งยึดถอื ทั้งหมด ความวา พงึ นําเสยี ปราบเสีย ละเสีย บรรเทาเสยี พงึ ทําใหส ้นิ สดุ ใหถึงความไมมีซึ่งตัณหา เครอ่ื งยึดถอื ทง้ั สิ้น เพราะฉะนั้น จงึ ช่ือวา พึงนาํ เสียซ่ึงตัณหาเครอ่ื งยดึ ถอื ทัง้ หมด. พระผูม ีพระภาคเจาตรสั เรยี กพราหมณน ั้นโดยช่อื วา ภทั ราวุธะ ในอเุ ทศวา ภทฺราวธุ าติ ภควา ดงั น.้ี คําวา ภควา นี้ เปนเครือ่ งกลาวโดยเคารพ ฯ ล ฯ คาํ วา ภควา นี้เปน สจั ฉกิ าบญั ญตั ิ เพราะฉะน้ัน จงึ ช่อื วา พระผูม พี ระภาคเจาตรัสตอบดงั น้วี า ดูกอ นภทั ราวุธะ. [๔๒๕] อนาคต ตรัสวา เบ้อื งบน ในอุเทศวา อทุ ฺธ อโธ ตริ ิยวาป มชฺเฌ ดงั นี้ อดตี ตรัสวา เบ้ืองตาํ่ ปจจบุ ัน ตรสั วา ช้นั กลางสวนกวาง. กศุ ลธรรม ตรสั วา เบอ้ื งบน อกุศลธรรม ตรสั วา เบอื้ งตํ่าอพั ยากตธรรม ตรัสวา ชน้ั กลางสว นกวา ง. เทวโลก ตรสั วา เบอ้ื งบนอบายโลก ตรัสวา เบ้ืองตํ่า มนุษยโลก ตรัสวา ชน้ั กลางสว นกวาง.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนา ที่ 303สุขเวทนา ตรัสวา เบอ้ื งบน ทกุ ขเวทนา ตรสั วา เบอื้ งตาํ่ อทกุ ขมสุข-เวทนา ตรัสวา ช้นั กลางสวนกวา ง. อรปู ธาตุ ตรัสวา เบอื้ งบน กามธาตุตรสั วา เบื้องตาํ่ รปู ธาตุ ตรัสวา ชนั้ กลางสวนกวาง. เบื้องบนตั้งแตพน้ื เทา ขน้ึ ไป ตรสั วา เบ้ืองบน เบื้องต่ําตง้ั แตปลายผมลงมา ตรัสวาเบอื้ งตํา่ ทา มกลาง ตรัสวา ชน้ั กลางสวนกวา ง. เพราะฉะนน้ั จงึ ช่ือวาทั้งเบอื้ งบน เบือ้ งตาํ่ หรอื แมชัน้ กลางสวนกวาง. [๔๒๖] คําวา สัตวท ั้งหลายยอมเขาไปยดึ ถอื รูปาทขิ ันธใด ๆในโลก ความวา สตั วท ้ังหลายยอมยดึ ถือ คอื เขาไปยึดถือ ถือไว จับตอ ง ถือมนั่ ซ่ึงรูป เวทนา สญั ญา สังขาร วิญญาณใด ๆ. คําวา ในโลก คือ ในอบายโลก ฯ ล ฯ อายตนโลก เพราะ-ฉะน้ัน จึงช่ือวา สัตวทงั้ หลายยอ มเขาไปยดึ ถอื รูปาทขิ ันธใ ด ๆ ในโลก. [๔๒๗] คําวา มารยอมไปตามสัตวดว ยอํานาจอภิสงั ขาร คอืกรรมน้นั น่ันแล ความวา ขนั ธมาร ธาตมุ าร อายตนมาร คติมารอปุ บัติมาร ปฏิสนธมิ าร ภวมาร สงั สารมาร วฏั ฏมาร อันมีในปฏสิ นธิยอ มไปตาม คอื ตามไป เปน ผูตดิ ตามไป ดว ยอํานาจอภิสงั ขารคอื กรรมน้นั น่นั แล. คําวา ชนตฺ ุ คอื สตั ว นระ มาณพ บรุ ุษ บุคคล ชวี ชนชาตชุ น ชันตุชน อินทคชู น ผูเ กิดจากพระมนู เพราะเหตุนั้น จึงช่ือวามารยอมไปตามสัตวด วยอํานาจอภสิ ังขารคอื กรรมนั้นนั่นแล เพราะเหตุนน้ัพระผูมพี ระภาคเจา จงึ ตรัสวา หมูส ตั วพึงน าเสียซ่งึ ตัณหาเครอื่ งยึดถือทง้ั หมด ทั้ง เบ้ืองบน เบอ้ื งตา่ํ หรอื แมชน้ั กลางสวนกวา ง เพราะวา

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนาที่ 304 สตั วท ้งั หลายยอ มเขา ไปถือรปู าทขิ ันธใ ด ๆ ในโลก มาร ยอมไปตามสัตวดว ยอํานาจอภสิ ังขารคอื กรรมนัน้ นัน่ แล. [๔๒๘] เพราะเหตุนัน้ ภกิ ษรุ อู ยู เม่ือเห็นซึ่งหมสู ัตวนี้ ผูข องอยูในบวงแหงมจั จวุ า เปนผตู ิดอยูในรปู าทิขนั ธ เคร่ืองยึดถือ พงึ เปนผูม สี ตไิ มเขา ไปยึดถืออะไร ๆ ใน โลกท้งั ปวง. [๔๒๙] คําวา เพราะเหตุนัน้ . . . เมื่อรูอยู . . . ไมพ งึ เขา ไปยดึ ถอื ความวา เพราะเหตุนน้ั คอื เพราะการณะนน้ั เพราะเหตุน้ันเพราะปจจยั นั้น เพราะนทิ านนน้ั ภิกษุเม่ือเหน็ โทษนใี้ นตัณหาเคร่อื งยดึ ถือ เพราะฉะน้ัน จึงชื่อวา เพราะเหตนุ ั้น. คําวา รอู ยู คือ รู รชู ดั รทู ว่ั รูแจง รูแจงเฉพาะ แทงตลอดเมอ่ื รู รชู ัด รทู ่วั รแู จง รแู จงเฉพาะ แทงตลอดวา สังขารทัง้ ปวงไมเ ทย่ี ง ฯ ล ฯ สิ่งใดส่ิงหน่งึ มีความเกิดเปน ธรรมดา ส่ิงน้นั ท้งั มวลลว นมคี วามดบั ไปเปนธรรมดา. คําวา ไมพ งึ เขา ไปยึดถือ คือ ไมพ ึงยึดถอื ไมพ งึ เขา ไปยึดถอืไมพ งึ ถือไว ไมพ งึ จบั ตอ ง ไมพ ึงถอื มน่ั ซงึ่ รปู เวทนา สัญญา สงั ขารวิญญาณ คติ อปุ บัติ ปฏสิ นธิ ภพ สงสาร วัฏฏะ เพราะฉะนั้น จึงช่ือวา เพราะเหตนุ ้ัน . . . เมอ่ื รูอ ยู ไมพ ึงเขาไปยึดถือ. [๔๓๐] ภกิ ษุผเู ปนกัลยาณปถุ ชุ นก็ดี ภกิ ษุผูเ ปน พระเสขะก็ดี ชื่อวา ภกิ ษุ ในอเุ ทศวา ภกิ ขฺ ุ สโต กิ ฺจน สพพฺ โลเก ดังน้ี เพราะ-ฉะนั้น จึงช่อื วา ภกิ ษ.ุ

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนา ท่ี 305คาํ วา เปนผูม ีสติ ความวา มสี ตดิ วยเหตุ ๔ ประการ คอื มีสติเจรญิ สตปิ ฏฐานเครอ่ื งพจิ ารณาเห็นกายในกาย ฯ ล ฯ ภกิ ษนุ ้ันตรสั วา มีสติ เพราะฉะนัน้ จงึ ชือ่ วา ภิกษุ . . .เปนผูมีสติ. คําวา อะไร ๆ คือ รูป เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณ อะไร ๆ คาํ วา ในโลกทัง้ ปวง คือ ในอบายโลกท้ังปวง ในเทวโลกท้ังปวงในมนษุ ยโลกทั้งปวง ในขนั ธโลกทั้งปวง ในอายตนโลกทัง้ ปวง ในธาตุ-โลกทง้ั ปวง เพราะฉะนนั้ จึงชื่อวา ภิกษุ . . .เปนผูมสี ติ . . .อะไร ๆ ในโลกทัง้ ปวง. [๔๓๑] คําวา . . . เมอ่ื เห็น . . . วา ตดิ อยูในรปู าทขิ นั ธเ ครอ่ื งยึดถอื ความวา สตั วเหลา ใดยอ มยึดถือ เขาไปยดึ ถอื ถือไว จบั ตองถอื มั่น ซง่ึ รปู เวทนา สญั ญา สังขาร วิญญาณ คติ อปุ บตั ิ ปฏสิ นธิภพ สงสาร วฏั ฏะ สตั วเ หลา นั้นตรัสวา ติดอยูในรปู าทิขันธเ ครือ่ งยดึ ถือ. คาํ วา อิติ เปนบทสนธิ ฯ ล ฯ คําวา อติ ิ น้ี เปนไปตามลําดับบท. คําวา เมอ่ื เห็น คอื เม่อื พบ เมอื่ แลเห็น เมอื่ ตรวจดู เมอื่ เพง ดูเมือ่ พจิ ารณาอยู เพราะฉะนน้ั จงึ ชื่อวา . . .เมอ่ื เหน็ . . . วาตดิ อยูในรูปาทขิ นั ธเครอื่ งยึดถือ. [๔๓๒] คาํ วา ปช เปน ชอื่ ของสัตว ในอเุ ทศวา ปช อิมมจฺจุเธยเฺ ย วิสตฺต ดงั นี.้ กเิ ลสก็ดี ขนั ธก ็ดี อภิสังขารกด็ ี ตรสั วา บว งแหง มัจจุ ในคาํ วามจฺจเุ ธยเฺ ย หมูส ตั วข อ ง เกี่ยวของ เกาะเก่ียว พวั พัน ในบวงแหง มจั จุคอื ในบว งแหงมาร ในบวงแหง มรณะ สงิ่ ของขอ งเกี่ยวอยู เกีย่ วเกาะพนั อยทู ีต่ าปตู ิดฝา หรือทีไ่ มน าคทณั ฑ (ทอนไมโอนเหมือนงาชาง)

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนา ที่ 306ฉันใด หมสู ัตวของ เกีย่ วขอ ง เกาะเก่ียว พัวพัน ในบว งแหง มจั จุคอื ในบว งแหง มาร ในบว งแหง มรณะ ฉันนั้นเหมอื นกัน เพราะฉะน้นัจงึ ชอ่ื วา . . .หมสู ัตวนีข้ อ งอยใู นบวงมัจจุ เพราะเหตุน้นั พระผูมีพระ-ภาคเจาจึงตรสั วา เพราะเหตนุ ้นั ภิกษรุ ูอ ยู เม่ือเหน็ ซ่ึงหมสู ัตวน ้ี ผูขอ ง อยใู นบว งแหง มัจจวุ า เปนผูติดอยูในรปู าทขิ นั ธเ ครือ่ งยดึ ถอื พึงเปนผูมสี ติไมเ ขา ไปยดึ ถอื อะไร ๆ ในโลกทงั้ ปวง. พรอ มดว ยเวลาจบพระคาถา ฯ ล ฯ ขา แตพระองคผูเจรญิ พระ-ผูมีพระภาคเจาเปน ศาสดาของขาพระองค ขาพระองคเ ปน สาวก ฉะนีแ้ ล. จบภัทราวุธมาณวกปญ หานิทเทสท่ี ๑๒ อรรถกถาภัทราวุธมาณวกปญ หานทิ เทสท่ี ๑๒ พงึ ทราบวินจิ ฉยั ในภัทราวธุ สตู รท่ี ๑๒ ดงั ตอ ไปน.้ี บทวา โอกชฺ ห คอื ละความอาลัย. บทวา ตณหฺ จฉฺ ิท คอืตัดหมูตณั หาเสียได. บทวา อเนช ไมม ีความหวน่ั ไหว คือ ไมห ว่ันไหวในโลกธรรม. บทวา นนทฺ ิ ฺชห ละความเพลนิ คือละความปรารถนารูปมีรปู ในอนาคตเปนตน. จริงอยู ตณั หาอยางเดยี วเทา น้นั ทา นกลา วไวใ นท่นี ้โี ดยประการตางๆ ดวยอํานาจแหง ความชนื่ ชอบ. บทวา กปฺปฺชหคอื ละความดาํ ริ ๒ อยา ง. บทวา อภิยาเจ คือ ขา พระองคว งิ วอนเปนอยา งยิ่ง. บทวา สตุ วฺ าน นาคสสฺ อปนมสิ ฺสนตฺ ิ อโิ ต ชน

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนา ท่ี 307ท้งั หลายไดฟงพระดํารสั ของพระผเู ปนนาคแลว จกั หลีกไปแตท ี่นี้ อธบิ ายวา ชนเปน อนั มากไดฟง พระดํารัสของพระองคผูเปนนาคผูมพี ระภาคเจาจักหลีกไปจากปาสาณกเจดียน ี้. บทวา เย อุปายปุ าทานา คือ ความเขา ไปยดึ ถือดว ยตณั หาและทิฏฐ.ิ บทวา เจตโส อธฏิ  านา คือ ตง้ัไวใ นใจ. บทวา อภินิเวสานุสยา เปน ทผี่ กู พนั และเปนอนสุ ยั คอืเปน ที่ตงั้ ไวแ ลว มานอนเนื่องอยูใ นสันดาน. บทวา ชนปเทหิ สงฺคตา คือ มาแตช นบทท้งั หลายมอี งั คะเปนตน ประชมุ กนั ในท่นี ี้. บทวา วยิ ากโรหิ คือ ขอพระองคท รงแสดงธรรม. บทวา สงคฺ ตา คอื ชนทง้ั หลายมีกษตั รยิ เปน ตนมคี วามเปนอันเดียวกนั . บทวา สมาคตา คือ มาจากชนทั้งหลาย มปี ระการดังกลา วแลว. บทวา สโมหติ า คือ มารวมกนั . บทวา สนนฺ ิปติตาประชุมกัน. คอื ไมแยกจากกนั . ลําดบั น้ัน พระผูมพี ระภาคเจาเมอื่ จะทรงแสดงธรรมโดยอนุโลมตามอัธยาศยั ของภัทราวธุ มาณพน้นั จึงไดต รสั คาถาตอ ๆ ไป. ในบทเหลา นั้นบทวา อาทานตณหฺ  ตณั หาเครือ่ งยึดถือ คอื ตณั หาเครื่องยึดถอื คอื ยดึ ถือรปู เปนตน . อธิบายวา ยดึ ถอื มั่นดว ยตัณหา. บทวาย ย หิ โลกสฺมึ อปุ าทยิ นฺติ คือ เพราะวา สัตวทั้งหลายยดึ ถอื บรรดาอุปาทานขนั ธเ ปนตนเหลา น้ัน อปุ าทานขันธใ ด ๆ ในโลก. บทวาเตเนว มาโร อนฺเวติ ชนตฺ ุ มารยอมไปตามสตั วดวยอภิสังขารคือกรรมนนั่ เอง คือมารยอมไปตามสตั วน้นั ในขณะปฏิสนธิดว ยอภิสงั ขาร คือกรรมอันเกดิ ขึน้ เพราะอุปาทานเปนปจ จัยนน้ั น่นั เอง. บทวา ตสมฺ า ปชาน เพราะเหตุน้นั ภกิ ษรุ ูอ ยู คือเพราะเหตนุ ัน้

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนา ท่ี 308ภกิ ษรุ ซู ึ่งโทษน้นั หรอื สังขารท้ังหลาย ดว ยอาํ นาจความเปนของไมเที่ยงเปนตน . บทวา อาทานสตเฺ ต อติ ิ เปกฺขมาโน ปช อมิ  มจฺจเุ ธยฺเยวิสตฺต เมอ่ื เห็นหมูสตั วน้ผี ขู องอยูใ นบวงแหงมจั จุวา เปน ผูต ดิ อยูใ นรูปาทิขนั ธเ ครอ่ื งยดึ ถือ คือเมอ่ื เหน็ หมูสตั วน ผี้ ขู อ งอยูใ นบวงแหงมัจจใุ นสรรพโลกวา เปน ผขู อ งอยใู นรูปเปน ตน เคร่อื งยึดถือ ดว ยอรรถวา ควรยดึ ถอื หรอื เห็นอยซู ึง่ บคุ คลผขู อ งอยูในรูปาทขิ ันธเ ครื่องยึดถอื คือการยึดม่ันถอื มัน่ และหมูส ัตวผูต ิดอยูในบว งเเหงมาร เพื่อถือเอารูปาทขิ นั ธเครอื่ งยดึ ถอื วา สามารถลวงพน จากบวงมจั จุได พึงเปนผมู สี ติ ไมเขาไปยดึ ถืออะไร ๆ ในโลกท้ังปวง. บททเ่ี หลอื ในบทท้ังปวงชดั ดแี ลว . พระผูมพี ระภาคเจา ทรงแสดงพระสูตรแมน ี้ ดวยธรรมเปน ยอดคอื พระอรหัต และเมือ่ จบเทศนา ไดมีผูบ รรลธุ รรมเชน เดยี วกับท่ีกลาวแลวในคราวกอนน้ันแล. จบอรรถกถาภัทราวุธมาณวกปญหานทิ เทสที่ ๑๒

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนาที่ 309 อุทยมาณวกปญหานิทเทส วา ดวยปญ หาของทานอุทยะ [๔๓๓] (ทา นอทุ ยะทลู ถามวา ) ขา พระองคมีความตอ งการดวยปญหา จงึ มาเฝาพระ- องคผ ูมฌี าน ไมมีกิเลสดงั ธลุ ี ประทบั อยู (ท่ีปาสาณก- เจดีย) ทรงทํากจิ เสรจ็ แลว ไมมอี าสวะ ทรงถึงฝง แหง ธรรมทง้ั ปวง ขอพระองคโปรดตรสั บอกอัญญาวโิ มกข (อรหัตวิโมกข) อันเปน เคร่อื งทาํ ลายอวิชชา. [๔๓๔] คาํ วา ผูมฌี าน ในอเุ ทศวา ฌายี วริ ชมาสีน ดงั น้ีความวา พระผูม ีพระภาคเจาทรงมฌี านแมด ว ยปฐมฌาน แมด วยทุติยฌานแมดวยตติยฌาน แมด ว ยจตตุ ถฌาน แมดวยฌานอนั มีวิตกวิจาร แมด ว ยฌาน (ทตุ ิยฌานในปญจกนัย) สกั วา ไมม วี ติ กแตม ีวิจาร แมดว ยฌานอันไมมวี ิตกวจิ าร แมดว ยฌานมปี ติ แมดวยฌานอนั ไมม ปี ต ิ แมดวยฌานอนั ประกอบดว ยสุข แมดวยฌานอนั ประกอบดวยอุเบกขา แมด วยฌานอันเปนสญุ ญตะ แมดว ยฌานอนั เปน อนมิ ิตตะ แมด วยฌานอนั เปนอัปปณิหติ ะ แมดวยฌานอันเปน โลกิยะ แมดว ยฌานอันเปน โลกตุ ระทรงยินดีในฌาน ทรงขวนขวายซึง่ ความเปนผเู ดียว หนกั อยูใ นอรหตั ผลซง่ึ เปนประโยชนของพระองค เพราะฉะนั้น จึงชอ่ื วา ผมู ฌี าน. คําวา ไมม ีกิเลสดงั ธลุ ี ความวา ราคะ โทสะ โมหะ ความโกรธความผกู โกรธ ฯ ล ฯ อกุสลาภสิ ังขารทั้งปวง เปนดังธุลี กเิ ลสดงั ธุลีเหลาน้ัน พระผูมีพระภาคเจา ผูต รสั รแู ลว ทรงละไดแลว ตดั รากขาดแลว

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนาที่ 310ทําไมใหม ีทีต่ ้ังดงั ตาลยอดดวน ใหถ งึ ความไมมี ไมใหเ กดิ ขึน้ อกี ตอไปเปน ธรรมดา เพราะเหตนุ น้ั พระผมู พี ระภาคเจา ผตู รสั รูแ ลว จงึ ชอ่ื วาผไุ มมีธลุ ี ปราศจากธุลี ไปปราศแลวจากธุลี ละธลุ เี สยี แลว พนขาดแลวจากธลุ ี. ราคะเปน ธลุ ี แตท า นมิไดกลาวละอองวา เปนธลุ ี คํา วา ธลุ ี น้ี เปน ชื่อของราคะ พระผมู ีพระภาคเจา ผูมี พระจกั ษุทรงละธุลนี ัน้ แลว เพราะเหตนุ ัน้ พระพทุ ธชนิ ะ ทา นจึงกลา ววา เปน ผมู ีธลุ ไี ปปราศแลว. โทสะเปน ธลุ ี แตทา นมิไดก ลา วละอองวาเปนธลุ ี คํา วา ธุลี น้ี เปนชื่อของโทสะ พระผูม ีพระภาคเจาผมู -ี พระจกั ษทุ รงละธลุ นี ้ันแลว เพราะเหตุนั้น พระพุทธชินะ ทานจงึ กลาววา เปนผูมธี ลุ ีไปปราศแลว . โมหะเปน ธุลี แตทา นมิไดกลา วละอองวา เปน ธลุ ี คํา วา ธุลี น้ี เปนช่อื ของโมหะ พระผูมีพระภาคเจา ผมู ี- พระจักษุทรงละธลุ นี ั้นแลว เพราะเหตนุ ัน้ พระพุทธชินะ ทานจงึ กลาววา เปนผูมีธุลีไปปราศแลว. เพราะฉะนน้ั จึงช่ือวา ไมม ีกเิ ลสดงั ธลุ ี คําวา ผูประทบั อยู ความวา พระผูมีพระภาคเจา ประทับอยูท ีป่ าสาณกเจดยี  เพราะฉะนั้น จึงชอื่ วาประทบั อย.ู เชิญดพู ระมุนผี ถู ึงฝงแหงทุกข ประทบั อยูท ่ภี ูเขา พระ สาวกทงั้ หลายผไู ดไตรวิชชา เปน ผลู ะมัจจเุ สีย นั่งหอ ม ลอมอย.ู

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนา ท่ี 311พระผูมีพระภาคเจาเปนผูประทบั อยแู มอยา งน.้ี อนงึ่ พระผูมพี ระภาคเจา ชือ่ วาประทบั อยู เพราะพระองคทรงระงับความขวนขวาย (ดว ยกิเลส) ท้ังปวงแลว มีธรรมเปนเคร่อื งอยู พระองคอยูจ บแลว มจี รณะทรงประพฤตแิ ลว ฯ ล ฯ ไมมสี งสารคือ ชาติ ชราและมรณะ มไิ ดม ภี พใหม พระผูมีพระภาคเจา เปน ผูประทับอยูด วยเหตุอยางนีด้ ังนี้ เพราะฉะน้ัน จงึ ชอื่ วา พระองคผ ูมีฌาน ไมม กี ิเลสดังธลุ ีประทบั อย.ู คําวา อติ ิ ในอเุ ทศวา อจิ ฺจายสมฺ า อุทโย ดงั น้ี เปน บทสนธิ ฯ ล ฯ คาํ วา อติ ิ นี้ เปนไปตามลาํ ดบั บท. คาํ วา อายสมฺ า เปนเครื่องกลา วดวยความรกั เปน เครือ่ งกลา วโดยเคารพ. คาํ วา อายสฺมา นี้เปน เคร่อื งกลาวเปน ไปกับดวยความเคารพและความยาํ เกรง. คําวา อทุ โย เปน ช่ือ ฯ ล ฯ เปนคํารองเรยี กของพราหมณน ั้นเพราะฉะน้ัน จงึ ช่ือวา ทานอุทยะทูลถามวา. [๔๓๕] คําวา ทรงทํากจิ เสร็จแลว ไมมอี าสวะ ความวา กิจคือ กรรมท่คี วรทาํ และกรรมไมค วรทาํ พระผูม พี ระภาคเจาผตู รัสรแู ลวทรงละไดแ ลว ตดั รากขาดแลว ทรงทาํ ไมใ หม ที ีต่ ั้งดงั ตาลยอดดวน ใหถึงความไมมี มีความไมเ กิดข้นึ ตอไปเปนธรรมดา เพราะเหตุนนั้ พระผมู -ีพระภาคเจาผตู รสั รแู ลว จึงชื่อวา ทรงทาํ กิจเสร็จแลว. ทฏิ ฐิเปนเครือ่ งตกไปรอบ ยอมไมมีแกภกิ ษุใด ผูม ี กระแสอันตัดขาดแลว ละแลวซ่ึงกิจที่ควรทําและกจิ ทไ่ี ม ควรทํา ความเรา รอนยอ มไมมแี กภ ิกษุนั้น.เพราะฉะน้นั จงึ ช่ือวา ทรงทาํ กจิ เสรจ็ แลว.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนา ท่ี 312 อาสวะ ๔ คือ กามาสวะ ภวาสวะ ทฏิ ฐาสวะ อวิชชาสวะ ชอื่ วาอาสวะ ในคําวา อนาสว อาสวะเหลานน้ั พระผมู ีพระภาคเจา ผูตรัสรูแ ลวทรงละไดแ ลว ตดั รากขาดแลว ทาํ ไมใหมที ตี่ ้งั ดงั ตาลยอดดว น ใหถ งึความไมม ี ไมใ หเ กิดข้นึ อีกตอ ไปเปน ธรรมดา เพราะเหตุน้นั พระผมู -ีพระภาคเจาผูตรสั รูแลว จงึ ชื่อวา เปน ผูไ มม ีอาสวะ เพราะฉะนัน้ จงึช่อื วา ทรงทาํ กจิ เสร็จแลว ไมมีอาสวะ. [๔๓๖] คาํ วา ทรงถึงฝงแหงธรรมทั้งปวง ความวา พระผูม-ีพระภาคเจาทรงถึงฝงแหงอภญิ ญา ถงึ ฝง แหง ปรญิ ญา ถงึ ฝง แหงปหานะถงึ ฝง แหง ภาวนา ถงึ ฝง แหงการทําใหแ จง ถึงฝงแหง สมาบตั แิ หงธรรมท้ังปวง คอื ทรงถงึ ฝงแหง ความรยู ่ิงซ่งึ ธรรมทั้งปวง ถึงฝง แหง ความกาํ หนดรซู ึง่ ทุกขทั้งปวง ถึงฝง แหง การละกิเลสท้งั ปวง ถงึ ฝง แหงการเจริญมรรค ๔ ถงึ ฝง แหง การทาํ ใหแ จงซงึ่ นโิ รธ ถงึ ฝง แหง การเขาสมาบตั ิทั้งปวง พระผูม พี ระภาคเจา นัน้ ทรงถึงความชํานาญและความสําเร็จในอริยศลี อริยสมาธิ อรยิ ปญ ญา อรยิ วมิ ตุ ติ พระผูมพี ระภาคเจา น้นั เสดจ็ไปสฝู ง ทรงถึงฝงแลว เสด็จไปสูส วนสุด ทรงถึงสว นสดุ แลว เสด็จไปสทู ีส่ ุด ทรงถงึ ทส่ี ดุ แลว เสด็จไปสสู ว นสุดรอบ ทรงถึงสวนสดุ รอบแลวเสด็จไปสทู จ่ี บ ทรงถงึ ทจี่ บแลว เสดจ็ ไปสทู ีต่ านทาน ทรงถึงที่ตา นทานแลว เสด็จไปสูทีเ่ รน ทรงถงึ ที่เรนแลว เสด็จไปสจู รณะ ทรงถึงจรณะแลว เสดจ็ ไปสทู ่ไี มม ภี ยั ทรงถงึ ทไี่ มม ภี ยั แลว เสดจ็ ไปสทู ี่ไมเ คลือ่ นทรงถงึ ทไ่ี มเคล่ือนแลว เสดจ็ ไปสูอ มตะ ทรงถึงอมตะแลว เสดจ็ ไปสูนพิ พาน ทรงถงึ นพิ พานแลว พระผูมพี ระภาคเจาน้ันมธี รรมเปน เครอ่ื งอยูทรงอยจู บแลว มจี รณะทรงประพฤตแิ ลว ฯ ล ฯ มิไดมีสงสาร คอื ชาติ

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนา ท่ี 313ชรา และมรณะ ไมม ีภพใหม เพราะฉะนนั้ จงึ ชื่อวา ทรงถงึ ฝงแหง ธรรมทง้ั ปวง. [๔๓๗] คําวา ขา พระองคมีความตองการดว ยปญหาจึงมาเฝาความวา พวกขาพระองคม คี วามตองการดวยปญหาจงึ มาเฝา คือเปน ผูจะทูลถามปญ หา มาเฝา แลว เปนผูใครฟงปญหามาเฝา แลว แมด ว ยเหตุอยา งนี้ดงั น้ี จึงชื่อวา ขาพระองคมีความตอ งการดว ยปญ หาจงึ มาเฝา . อีกอยา งหน่งึ ความมา ความมุงมา ความมาเฝา ของพวกขา -พระองคผูมคี วามตอ งการดว ยปญ หา คือตอ งการจะทูลถามปญ หา ใครฟ งปญหา มีอยู แมดว ยเหตุอยางนด้ี ังน้ี จงึ ชอื่ วา ขาพระองคม คี วามตอ งการดวยปญ หาจงึ มาเฝา . อีกอยางหนึง่ ความมาแหง ปญหาของพระองคม อี ยู ทั้งพระองคม ีความเปน ผูองอาจ ใหผ ูอน่ื มคี วามเพยี ร สามารถ เพือ่ จะตรสั ถาม ตรัสบอก ทรงแก ทรงช้ีแจงใหเห็นแจง ทรงเฉลยกบั ขา พระองคได แมดวยเหตอุ ยา งน้ีดงั น้ี จงึ ชือ่ วา ขาพระองคม คี วามตอ งการดวยปญหาจงึมาเฝา . [๔๓๘] อรหัตวโิ มกข ทานกลา ววา อญั ญาวิโมกข ในอุเทศวาอฺ าวโิ มกขฺ  ส พฺรูหิ ดงั น้ี ขอพระองคโ ปรดตรัสบอก คือขอจงบอก . . . ขอจงทรงประกาศซึ่งอรหตั วิโมกข เพราะฉะน้ัน จึงช่อื วา ขอพระองคโ ปรดตรัสบอกอญั ญาวิโมกข. [๔๓๙] คาํ วา ทําลายอวิชชา คอื ทบุ ตอย ทาํ ลาย ละ สงบสละคืน ระงบั ซึ่งอวิชชา เปน อมตนพิ พาน เพราะฉะน้ัน จึงช่ือวาทําลายอวิชชา เพราะเหตุนั้น พราหมณน ้ันจงึ กลาววา

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนาท่ี 314 ขาพระองคม คี วามตอ งการดวยปญ หาจึงมาเฝาพระ- องคผ มู ฌี าน ไมมีกิเลสดังธุลี ประทบั อยู (ทปี่ าสาณก- เจดยี ) ทรงทํากจิ เสร็จแลว ไมม ีอาสวะ ทรงถงึ ฝง แหง ธรรมท้งั ปวง ขอพระองคโ ปรดตรัสบอกอัญญาวโิ มกข (อรหตั วโิ มกข) อนั เปนเครือ่ งทาํ ลายอวชิ ชา. [๔๔๐] (พระผูม พี ระภาคตรสั ตอบวา ดูกอนอุทยะ) เราขอบอกอญั ญาวิโมกข เปนเครอ่ื งละซงึ่ กามฉันทะ และโทมนสั ท้งั ๒ อยาง เปนเคร่อื งบรรเทาความงวง เปน เครอ่ื งกันความร าคาญ. [๔๔๑] ความพอใจในกาม ความกําหนัดในกาม ความเพลนิ ในกาม ความอยากในกาม ความสิเนหาในกาม ความกระหายในกามความเรา รอนในเพราะกาม ความหลงในกาม ความตดิ ใจในกาม ในกามทง้ั หลาย กามโอฆะ กามโยคะ กามุปาทาน กามฉันทนิวรณ ชือ่ วาฉนั ทะ ในอุเทศวา ปหาน กามฉนทฺ าน ดงั นี.้ คาํ วา ธรรมเปนเครื่องละกามฉนั ทะ ความวา ธรรมเปน เครือ่ งละ เครอื่ งสงบ เคร่อื งสละคืน เครื่องระงบั กามฉันทะท้ังหลาย เปนอมตนิพพาน เพราะฉะน้นั จึงชอ่ื วา ธรรมเปนเครอื่ งละกามฉนั ทะ. พระผูม พี ระภาคเจา ตรัสเรียกพราหมณน ัน้ โดยช่อื วา อุทยะ ในอุเทศวา อุทยาติ ภควา ดังน้ี. คาํ วา ภควา นี้ เปน เครื่องกลา วโดยเคารพ ฯ ล ฯ คาํ วา ภควา นี้ เปน สัจฉกิ าบญั ญตั ิ เพราะฉะน้ัน จงึ ชื่อวา พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ตอบวา ดกู อนอุทยะ.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 315 [๔๔๒] ความไมแชม ชน่ื ในทางใจ เจตสิกทกุ ข ความเสวยอารมณเปน ทุกขไ มแ ชมช่ืน เกิดจากสมั ผสั ทางใจ ทกุ ขเวทนาอันไมแ ชม ช่นื เกดิจากสมั ผสั ทางใจ ชือ่ วา โทมนัส ในอเุ ทศวา โทมนสสฺ าน จูภย ดงั น้.ี คาํ วา และโทมนัสทงั้ ๒ อยา ง ความวา ธรรมเปนเครอ่ื งละเครื่องสงบ เคร่อื งสละคืน เคร่อื งระงบั ซึ่งกามฉันทะและโทมนัสท้ังสองประการ เปนอมตนพิ พาน เพราะฉะนน้ั จงึ ชื่อวา และโทมนสั ท้งั สองอยา ง. [๔๔๓] ความท่ีจติ ไมค วร ความทจ่ี ติ ไมส มควรแกการงาน ความทอ ความถอย ความกลบั ความหดหู กริ ิยาที่หดหู ความเปนผูหดหูช่อื วาถนี ะ ในอุเทศวา ถีนสสฺ จ ปนทู น ดงั น้ี. คําวา เปนเครือ่ งบรรเทาความงว ง ความวา เปน เคร่อื งบรรเทาเครื่องละ เครอ่ื งสงบ เครอ่ื งสละคืน เครอ่ื งระงับ ความงวง เปนอมตนิพพาน เพราะฉะนั้น จึงชื่อวา เปน เครื่องบรรเทาความงว ง. [๔๔๔] ความราํ คาญมือ ความราํ คาญเทา ความราํ คาญมอื และเทา ความราํ คาญในสง่ิ ทไี่ มควรวา ควร ความสําคญั ในส่ิงท่คี วรวา ไมควรความสาํ คัญในส่ิงน้มี โี ทษวาไมม ีโทษ ความสาํ คัญในส่งิ ท่ีไมม ีโทษวามีโทษความคะนอง กริ ิยาทร่ี ําคาญ ความเปนผรู ําคาญ ความเดอื นรอ นแหง จติความขัดใจเหน็ ปานนี้ ๆ ทา นเรียกวา กุกกจุ จะ ในคาํ วา กกุ ฺกุจจฺ านในอุเทศวา กกุ กฺ จุ จฺ าน นวิ ารณ ดังน้ี. อกี อยางหนงึ่ ความรําคาญเปนความเดือนรอนแหง จิต เปนความขดั ใจ ยอมเกดิ ข้ึนเพราะเหตุ ๒ อยาง คือเพราะกระทํา ๑ เพราะไมกระทํา ๑ ความรําคาญอนั เปน ความเดอื นรอนแหงจิต เปน ความขดั ใจ

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนาที่ 316ยอ มเกิดข้ึนดวยเพราะกระทาํ ๑ เพราะไมก ระทํา ๑ อยา งไร ความรําคาญอนั เปน ความเดือนรอ นแหง จิต เปนความขัดใจ ยอมเกดิ ข้นึ วา เราทาํกายทุจริต เราไมไดท าํ กายสุจรติ เราทําวจที ุจรติ เราไมไดท ําวจีสจุ รติเราทาํ มโนทุจริต เราไมไดทาํ มโนสจุ ริต เราทาํ ปาณาตบิ าต เราไมไ ดท าํความงดเวนจากปาณาติบาต เราทําอทนิ นาทาน เราไมไ ดทาํ ความงดเวนจากอทนิ นาทาน เราทํากาเมสมุ จิ ฉาจาร เราไมไดทาํ ความงดเวน จากกาเมสุมจิ ฉาจาร เราทาํ มสุ าวาท เราไมไ ดท าํ ความงดเวนจากมสุ าวาทเราทาํ ปส ณุ วาจา เราไมไ ดทาํ ความงดเวน จากปส ณุ วาจา เราทาํ ผรสุ วาจาเราไมไดท ําความงดเวน จากผรสุ วาจา เราทําสัมผปั ปลาปะ เราไมไ ดท ําความงดเวน จากสัมผปั ปลาปะ เราทําอภชิ ฌา เราไมท ําอนภิชฌา เราทําพยาบาท เราไมไดทาํ อัพยาบาท เราทาํ มจิ ฉาทิฏฐิ เราไมไ ดท าํ สัมมาทฏิ ฐิความราํ คาญอันเปน ความเดือนรอนแหง จติ เปนความขดั ใจ ยอมเกิดข้ึนเพราะกระทําและไมกระทาํ อยา งน.ี้ อกี อยา งหน่งึ ความราํ คาญอันเปน ความเดือนรอ นแหง จติ เปนความขัดใจ ยอ มเกดิ ขึ้นวา เราไมทาํ ใหบรบิ ูรณในศีลทงั้ หลาย เราไมไ ดคุมครองทวารในอนิ ทรยี ทง้ั หลาย เราไมรจู ักประมาณในโภชนะ เราไมไดป ระกอบเนือง ๆ ซงึ่ ความเพยี รเครือ่ งต่ืนอยู เราไมไดป ระกอบดวยสติสัมปชญั ญะ เราไมไ ดเจรญิ สติสมั ปชัญญะ เราไมไดเจรญิ สติปฏฐาน ๔เราไมไ ดเจริญสัมมัปปธาน ๔ เราไมไ ดเจรญิ อิทธิบาท ๔ เราไมไ ดเ จริญอินทรยี  ๕ เราไมไ ดเ จรญิ พละ ๕ เราไมไ ดเจริญโพชฌงค ๗ เราไมไ ดเจริญมรรคมอี งค ๘ เราไมไดกาํ หนดรทู ุกข เราไมไดละสมทุ ยั เราไมไ ดเจรญิ มรรค เราไมไดทําใหแ จง ซ่ึงนิโรธ.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนาที่ 317 คาํ วา เปน เครอ่ื งก้นั ความราํ คาญ ความวา เปน เครอ่ื งปด คอืเปนเคร่อื งกัน เคร่ืองละ เครือ่ งสงบ เครอ่ื งสละคนื เครือ่ งระงับความรําคาญท้ังหลาย เปนอมตนิพพาน เพราะฉะน้ัน จึงช่ือวา เปน เครือ่ งกั้นความรําคาญ เพราะเหตุนน้ั พระผูมีพระภาคเจาจึงตรัสวา เราขอบอกอญั ญาวิโมกข อันเปนเคร่ืองละซึง่ กาม- ฉันทะ และโทมนสั ทั้ง ๒ อยา ง เปน เครื่องบรรเทาความ งว ง เปน เครือ่ งก้นั ความรําคาญ. [๔๔๕] เราขอบอกอญั ญาวโิ มกข อันมอี เุ บกขาและสติ หมดจดดี มคี วามตรกึ ประกอบดวยธรรม แลนไปขาง หนา เปนเครอื่ งทาํ ลายอวิชชา. [๔๔๖] ความวางเฉย กริ ิยาทีว่ างเฉย ความเพิกเฉย ความสงบแหงจิต ความทจ่ี ติ เล่ือมใส ความทจ่ี ิตเปน กลางดวยจตุตถฌาน ชื่อวาอุเบกขา ในอุเทศวา อเุ ปกขฺ าสตสิ  สุทธฺ  ดงั น้ี ความระลึก ความตามระลกึ ฯ ล ฯ ความระลกึ ชอบ เพราะปรารภถึงอุเบกขาในจตุตถฌานช่ือวา สติ เพราะฉะนัน้ จงึ ชอื่ วา อเุ บกขาและสติ. คําวา หมดจดดี ความวา อเุ บกขาและสตใิ นจตุตถฌานเปน ความหมดจด หมดจดดี ขาวรอบ ไมม ีกิเลสเครื่องย่วั ยวน ปราศจากอปุ กิเลสออนควรแกการงาน ตงั้ มั่น ถงึ ความไมหว่นั ไหว เพราะฉะนั้น จงึ ช่อืวา มีอเุ บกขาและสติหมดจดดี. [๔๔๗] ความดํารชิ อบ ตรสั วา ความตรกึ ประกอบดวยธรรมในคาํ วา ธมฺมตกกฺ ปเุ รชว ดังน้ี ความตรกึ ประกอบดว ยธรรมนน้ั มใี น

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนา ที่ 318เบ้ืองตน มขี างหนา เปนประธานแหง อญั ญาวโิ มกข แมด ว ยเหตุอยา งนี้ดังนจ้ี ึงชือ่ วา มีความตรึกประกอบดวยธรรมแลน ไปขา งหนา. อกี อยางหนงึ่ สมั มาทิฏฐิ ตรสั วา ความตรกึ ประกอบดวยธรรมสัมมาทิฏฐินั้น มีในเบ้ืองตน มีขา งหนา เปน ประธานแหงอัญญาวิโมกขแมดว ยเหตอุ ยา งนี้ ดงั นีจ้ ึงช่อื วา มีความตรกึ ประกอบดว ยธรรมแลนไปขา งหนา . อกี อยา งหนง่ึ วิปสสนาในกาลเปนสว นเบ้อื งตน แหง มรรค ๔ ตรัสวา ความตรึกประกอบดวยธรรม วิปสสนานั้น มใี นเบอ้ื งตน มขี างหนาเปนประธานแหง อัญญาวิโมกข แมด วยเหตอุ ยางนี้ ดังน้จี งึ ช่อื วา มีความตรึกประกอบดว ยธรรมแลน ไปขา งหนา . [๔๔๘] อรหัตวโิ มกข ตรสั วา อัญญาวโิ มกข ในอุเทศวา อฺา-วิโมกขฺ  ส พรฺ มู ิ ดงั นี้ เราขอบอก . . . ขอประกาศซงึ่ อรหัตวโิ มกขเพราะฉะนน้ั จงึ ชอื่ วา เราขอบอกอัญญาวิโมกข. [๔๔๙] ความไมร ูในทุกข ฯ ล ฯ อวิชชาเปนดังลิ่มสลัก ความหลง อกศุ ลมูล ชอ่ื วา อวิชชา ในอเุ ทศวา อวิชฺชาย ปเภทน ดงั น.ี้ คาํ วา เปนเครือ่ งทาํ ลายอวชิ ชา ความวา เปนเครือ่ งทุบ ตอ ยเครื่องท าลาย เครอื่ งละ เคร่ืองสงบ เครือ่ งสละคนื เคร่อื งระงับ ซ่งึอวิชชา เปนอมตนิพพาน เพราะฉะนั้น จงึ ช่ือวา เปนเครอ่ื งทาํ ลายอวิชชา เพราะเหตนุ ้ัน พระผมู พี ระภาคเจา จงึ ตรสั วา เราขอบอกอญั ญาวิโมกขอนั มีอุเบกขาและสติ หมด จดดี มีความตรกึ ประกอบดวยธรรมแลน ไปขา งหนา เปนเครอ่ื งทาํ ลายอวิชชา.

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนา ท่ี 319 [๔๕๐] โลกมีอะไรเปน เคร่ืองประกอบไว อะไรเลาเปน เคร่ืองเท่ียวไปของโลกน้นั พระองคต รสั วา นิพพาน เพราะละอะไรเสยี ได. [๔๕๑] คาํ วา โลกมอี ะไรเปน เครอ่ื งประกอบไว ความวา อะไรเปนเครื่องประกอบ เครอื่ งคลอ งไว เครื่องผูก เครื่องพวั พัน เครอื่ งมวั หมอง ของโลก โลกอนั อะไรประกอบไว ประกอบทวั่ เหน่ยี วรัง้ยึดไว คลองไว เกย่ี วไว พวั พนั ไว เพราะฉะน้นั จึงชือ่ วา โลกมีอะไรเปนเครื่องประกอบไว. [๔๕๒] คําวา อะไรเลาเปน เครือ่ งเที่ยวไปของโลกน้ัน ความวา อะไรเปน เคร่ืองสัญจร เท่ียวไป ทอ งเทยี่ วไป ของโลกน้นั โลกยอมสัญจรไป เทยี่ วไป ทอ งเที่ยวไป ดวยอะไร เพราะฉะน้นั จงึ ชื่อวาอะไรเลา เปน เครื่องเท่ียวไปของโลกน้ัน. [๔๕๓] คําวา พระองคต รัสวา นพิ พาน เพราะละอะไรเสยี ไดความวา พระองคย อ มตรัส ยอมบอก ยอมเลา ยอมกลา ว แสดงบัญญตั วิ า นพิ พาน เพราะละ สงบ สละคืน ระงบั อะไรเสยี ได เพราะฉะนน้ั จึงชือ่ วา พระองคต รสั วา นพิ พาน เพราะละอะไรเสยี ได เพราะเหตนุ นั้ พราหมณน น้ั จึงกลาววา โลกมอี ะไรเปน เครื่องประกอบไว อะไรเลาเปน เคร่ือง เที่ยวไปของโลกนนั้ พระองคตรัสวา นิพพาน เพราะ ละอะไรเสยี ได. [๔๕๔] โลกมีความเพลนิ เปน เครอ่ื งประกอบไว วิตก เปน






























































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook