Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_67

tripitaka_67

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:43

Description: tripitaka_67

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนา ที่ 559เปนสหาย ตัณหาเปน สหายมอี ยู บคุ คลเปน สหายมีอยู ตณั หาเปนสหายอยา งไร รปู ตณั หา สัททตัณหา คนั ธตณั หา รสตณั หา โผฏฐัพพตัณหาธรรมตณั หา ชือ่ วาตัณหา ผใู ดยังละตณั หานี้ไมได ผูนัน้ กลา ววา มตี ณั หาเปน สหาย. บรุ ุษมีตณั หาเปนสหาย ทอ งเท่ยี วไปตลอดกาลนาน ยอมไมล วงสงสารอนั มคี วามเปน อยางนี้ และมีความเปน อยางอ่นื ไปได.ตณั หาเปนสหายอยา งน้.ี บุคคลเปน สหายอยา งไร บุคคลบางตนในโลกนี้ ฟงุ ซานมใิ ชเพราะเหตุของตน มใิ ชเพราะเหตุแหง ผูอ นื่ ใหท าํ มจี ิตไมสงบ คนเดียวกลายเปน คนทสี่ องบาง สองคนกลายเปน คนท่ีสามบา ง สามคนกลายเปนคนทีส่ ่บี า ง ยอ มกลา วคาํ เพอเจอมากในท่ีทีต่ นไปนน้ั คือ พดู เร่ืองพระราชาเรือ่ งโจร เรื่องมหาอาํ มาตย เร่ืองกองทัพ เรอ่ื งรบ เรือ่ งขาว เรอ่ื งขา ว เรอ่ื งนาํ้เร่ืองผา เร่ืองดอกไม เรอ่ื งญาติ เรื่องยาน เรอ่ื งบาน เรอื่ งนคิ มเร่ืองนคร เร่ืองชนบท เรอื่ งสตรี เรอ่ื งบุรุษ เรื่องคนกลา เรื่องตรอกเรอื่ งทา น้ํา เรื่องโลก เรื่องทะเล เร่อื งความเจรญิ และความเสอ่ื ม ดว ยประการดังนี้ บคุ คลเปน สหายอยา งน้ี เพราะฉะนน้ั จงึ ชอื่ วา กบั สหายพงึ มแี กเ ราอยา งนี.้ [๗๒๐] ดิรัจฉานกถา ๓๒ คือ เรอื่ งพระราชา เรื่องโจร ฯ ล ฯเรอ่ื งความเจริญละความเสือ่ มดวยประการนั้น ทานกลาววา การพดู ดว ยวาจา ในอเุ ทศวา วาจาภิลาโป อภสิ ชชฺ นา วา ดงั นี้. ชื่อวา ความเกีย่ วขอ ง ไดแก ความเกี่ยวของ ๒ อยางคือ ความเก่ยี วขอ งดวยตัณหา ๑

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนา ท่ี 560ความเกี่ยวของดวยทฏิ ฐิ ๑ ฯ ล ฯ นช้ี ่ือวา ความเกยี่ วของดว ยตณั หา น้ีช่อื วา ความเกย่ี วของดวยทิฏฐิ เพราะฉะน้ัน จงึ ชอื่ วา การพูดดวยวาจาก็ดี ความเกี่ยวของกด็ .ี [๗๒๑] ช่ือวา ภยั ในอเุ ทศวา เอต ภย อายตึ เปกขฺ มาโนดงั นี้ คือ ชาตภิ ยั ชราภัย พยาธิภัย มรณภัย ราชภัย โจรภัย อคั คีภยัอุทกภยั ภัยคือการติเตยี นตน ภยั คอื การตเิ ตยี นผูอื่น ภัยคอื อาชญา ภัยคือทคุ ติ ภัยแตลกู คลน่ื ภยั แตจ ระเข ภัยแตน้ําวน ภยั แตปลาราย ภยั แตการแสวงหาเครอ่ื งบาํ รุงชีพ ภยั แตค วามติเตียน ภัยคือความครั่นครามในประชุมชน เหตุทนี่ ากลวั ความหวาดเสียว ขนลกุ ขนพอง ความท่ีจิตสะดงุ ความทจ่ี ิตหว่นั หวาด. คาํ วา เมื่อเหน็ ภยั น้ีตอ ไป ความวา เมอื่ เห็น เมอื่ แลเห็น เมือ่ตรวจดู เมอ่ื เพง ดู เมือ่ พิจารณา ซ่งึ ภัยน้ตี อ ไป เพราะฉะนั้น จึงชื่อวาเมอ่ื เหน็ ภัยน้ตี อ ไป พงึ เท่ยี วไปผูเ ดียวเหมอื นนอแรดฉะนั้น เพราะเหตุน้ันพระปจ เจกสมั พุทธเจา นั้นจึงกลา ววา การพูดดว ยวาจาก็ดี ความเกย่ี วของกด็ ี กับสหาย พึงมแี กเ ราอยางน้ี บุคคลเมื่อเหน็ ภยั น้ีตอไป พึงเท่ียว ไปผูเ ดียวเหมือนนอแรดฉะนน้ั .[๗๒๒] ก็กามทัง้ หลายอนั วิจิตร มีรสอรอ ย นารนื่ รมยใ จ ยอ มยาํ่ ยีจิตดว ยอารมณมีชนดิ ตา ง ๆ บคุ คลเห็นโทษใน กามคุณทง้ั หลายแลว พึงเทยี่ วไปผเู ดียวเหมอื นนอแรด ฉะนนั้ .

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนาที่ 561 [๗๒๓] คําวา โดยหวั ขอวา กาม ในอเุ ทศวา กามา หิ จิตรฺ ามธุรา มโนรมา ดงั น้ี กามมี ๒ อยาง คือ วตั ถุกาม ๑ กิเลสกาม ๑ฯ ล ฯ เหลาน้ที านกลา ววา วัตถกุ าม ฯ ล ฯ เหลา นั้นทา นกลาววา กิเลส-กาม. คาํ วา อนั วิจิตร ความวา มีรูปชนิดตา ง ๆ มเี สียงชนดิ ตาง ๆ มีกลน่ิ ชนดิ ตาง ๆ มรี สชนดิ ตา ง ๆ มโี ผฏฐพั พะชนิดตา ง ๆ. คาํ วา มรี สอรอ ย ความวา สมจริงตามพระพุทธพจนท พ่ี ระผมู ีพระภาคเจาตรัสไววา ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย กามคุณ ๕ ประการนี้๕ ประการเปน ไฉน รปู ทีจ่ ะพงึ รแู จง ดวยจักษุ อันนา ปรารถนา นา ใครนา พอใจ นา รัก ย่ัวยวน ชวนใหก ําหนัด เสียงทีจ่ ะพึงรูแจงดวยหูกลนิ่ ท่จี ะพึงรูแจง ดวยจมูก รสทจ่ี ะพงึ รแู จง ดวยล้ิน โผฏฐพั พะที่จะพงึ รแู จงดวยกาย อนั นา ปรารถนา นาใคร นา พอใจ นารกั ยัว่ ยวน ชวนใหกําหนัด ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย กามคุณ ๕ ประการนี้แล. ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย สุขโสมนัสใด อาศัยกามคณุ ๕ ประการน้ีเกดิ ขึ้น สุขโสมนัสนเ้ี รากลาววา เปน กามสุข เปนสขุ เจอื ดว ยอุจจาระ เปนสุขของปุถุชน ไมใชส ขุ ของพระอรยิ ะ ไมควรเสพ ไมค วรคบ ไมควรใหเจริญ ไมค วรทําใหมาก เรายอมกลาววา ควรกลัวตอ ความสขุ น้ีเพราะฉะน้นั จึงชื่อวา กก็ ามทง้ั หลายอนั วจิ ติ ร มีรสอรอย. จติ ใจ มนัส หทยั ปณฑระ มโน มนายตนะ มนินทรีย วิญญาณวญิ ญาณขันธ มโนวญิ ญาณธาตอุ นั สมกัน ช่ือวา มนะ ในอุเทศวามโนรมา ดังน้ี. [๗๒๔] คําวา ยอ มย่ํายจี ิตดว ยอารมณช นดิ ตา ง ๆ ความวา

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนาที่ 562ยอ มยํา่ ยีจิต คือ ยอ มใหจติ สะดุง ใหเสือ่ ม ใหเสีย ดวยรปู ชนิดตา ง ๆฯ ล ฯ ดวยโผฏฐัพพะชนิดตาง ๆ เพราะฉะนั้น จงึ ชอ่ื วา ยอมย่าํ ยจี ติดวยอารมณช นดิ ตา ง ๆ. [๗๒๕] พงึ ทราบวินจิ ฉัยในอุเทศวา อาทนี ว กามคุเณสุ ทิสวฺ าดงั ตอไปนี้ สมจริงตามพระพุทธพจนทพ่ี ระผูมีพระภาคเจาตรัสไวว า ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย ก็โทษแหง กามเปนอยางไร ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย กุลบตุ รในโลกน้ี เลีย้ งชีพดว ยทีต่ งั้ แหง ศิลปะ คือ การนบันวิ้ มือ การคํานวณ การประมาณ กสกิ รรม พาณิชกรรม โครกั ขกรรมเปนนักรบ เปนขา ราชการ หรอื ดวยกิจอืน่ ซงึ่ เปนบอเกิดแหง ศลิ ปะ ทนตอความหนาว ทนตอ ความรอ น ถูกเหลอื บ ยุง ลม แดด และสมั ผสัแหงสตั วเ สือกคลาน เบียดเบยี น ตอ งตายเพราะความหวิ ความกระหาย.ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย โทษแหงกามนี้ เหน็ กันไดเอง เปนกองทุกข มีกามเปน เหตุ มกี ามเปน นิทาน มกี ามเปน อธกิ รณ เปนเหตแุ หง กามทั้งหลายนนั่ เอง. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ถา เมือ่ กลุ บุตรนั้นหมนั่ เพยี รพยายามอยอู ยางนั้น โภคสมบตั ิเหลานั้นยอมไมเจริญขึ้น กลับบุตรน้นั กเ็ ศรา โศก ลาํ บากใจราพันเพอ ทบุ อกคร่าํ ครวญ ถงึ ความหลงใหลวา ความหมั่นของเราเปนหมันหนอ ความพยายามของเราไรผลหนอ ดูกอนภิกษุท้งั หลาย โทษแหง กามแมน ้ี เห็นกนั ไดเอง เปนกองทุกข มีกามเปนเหตุ มีกามเปนนิทาน มีกามเปนอธิกรณ เปน เหตุแหง กามทั้งหลายนัน่ เอง. ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย ถา เมอ่ื กลุ บุตรน้ันหม่นั เพียรพยายามอยู โภค-สมบัตเิ หลา นน้ั ยอ มเจรญิ ขนึ้ กลุ บตุ รนน้ั ก็ไดเ สวยทกุ ขโทมนัส เพราะเหตุ

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนาท่ี 563รักษาโภคสมบตั ิเหลานั้น ดวยคิดวา โดยอุบายอะไร โภคสมบัตขิ องเราจงึ จะไมถ กู พระราชารบิ ไป โจรจะไมลักไปได ไฟจะไมไหม น้าํ จะไมทวมพวกทายาทผไู มเ ปนท่ีรักจะไมข นเอาไปได เมอ่ื กลุ บุตรน้ันรักษาคมุ ครองอยูอยางน้ี โภคสมบตั เิ หลานน้ั ถูกพระราชารบิ เอาไป ถูกโจรลกั เอาไปถูกไฟไหม ถูกน้ําทวม หรือถูกทายาทผไู มเปน ทีร่ ักขนเอาไป กุลบตุ รยอ มเศรา โศก ฯ ล ฯ ถึงความหลงใหลวา เรามที รัพยส่งิ ใด แมทรัพยส่งิ นัน้ หมดไปหนอ ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย โทษแหงกามแมน้ี เห็นกนัไดเอง เปนกองทุกข มีกามเปนเหตุ มีกามเปน นทิ าน มีกามเปน อธิกรณเปน เหตแุ หง กามทั้งหลายนั่นเอง. ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย อกี ประการหนง่ึ พระราชาววิ าทกบั พระราชากด็ ี กษัตริยววิ าทกับกษัตรยิ ก ็ดี พราหมณววิ าทกับพราหมณก็ดี คฤหบดีวิวาทกับคฤหบดีกด็ ี มารดาววิ าทกับบุตรกด็ ี บุตรววิ าทกับมารดาก็ดีบดิ าววิ าทกบั บตุ รกด็ ี บุตรววิ าทกับบิดากด็ ี พ่ีนองชายววิ าทกับพ่นี องหญิงกด็ ี พ่นี อ งหญิงวิวาทกบั พนี่ องชายกด็ ี สหายวิวาทกับสหายก็ดีก็เพราะมกี ามเปนเหตุ มีกามเปนนิทาน มีกามเปน อธกิ รณ เปน เหตุแหงกามทัง้ หลายนัน่ เอง ชนเหลา นัน้ ทะเลาะววิ าทกัน เพราะเหตแุ หงกามนั้นประหารกนั และกันดว ยฝา มอื บา ง ดวยกอนดนิ บา ง ดว ยทอนไมบ างดว ยศสั ตราบาง ชนเหลา นัน้ ยอมถึงความตายบาง ถึงความทกุ ขป างตายบาง เพราะการประหารกันนน้ั ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย โทษแหง กามแมน้ีเหน็ กนั ไดเอง เปน กองทุกข มีกามเปน เหตุ มกี ามเปนนทิ าน มีกามเปน อธิกรณ เปนเหตุแหงกามท้ังหลายนน่ั เอง. ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย อีกประการหนึ่ง คนทั้งหลายถือดาบ และ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนาท่ี 564โล จบั ธนูสอดใสแ ลงแลว ยอ มเขาสสู งครามทกี่ าํ ลงั ประชิดกนั ทัง้ สองฝาย เมอ่ื คนทัง้ สองฝา ยยิงลูกศรไปบา ง พุง หอกไปบา ง ฟน ดาบบาง คนเหลา นน้ั ยงิ ดว ยลกู ศรก็มี พุง ดว ยหอกกม็ ี และยอ มตัดศีรษะกนั ดวยดาบในสงครามนน้ั กเ็ พราะมีกามเปน เหตุ มกี ามเปนนิทาน มกี ามเปน อธิกรณเปนเหตุแหง กามทั้งหลายน่ันเอง คนเหลา นั้นยอ มถึงความตายบาง ถึงทุกขปางตายบา งในสงครามน้ัน ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย โทษแหง กามแมน ้ี เห็นกันไดเ อง เปนกองทุกข มีกามเปนเหตุ มกี ามเปน นิทาน มกี ามเปนอธิกรณ เปนเหตุแหง กามทัง้ หลายนน่ั เอง. ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย อกี ประการหน่งึ คนทั้งหลายถอื ดาบและโลจับธนสู อดใสแลง แลว เขา ไปสูป อมอนั มปี ูนเปน เครื่องฉาบทาบา ง เม่ือคนท้ังสองฝายยิงลกู ศรไปบาง พงุ หอกไปบา ง ฟนดาบบา ง คนเหลา นัน้ยงิ ดว ยลูกศรก็มี พงุ ดวยหอกกม็ ี รดดว ยโคมัยท่ีนา เกลยี ดกม็ ี ทบั ดว ยฟาทับเหวก็มี ตดั ศีรษะกันดว ยดาบก็มี ในสงครามน้นั ก็เพราะมกี ามเปน เหตุมกี ามเปนนิทาน มกี ามเปนอธิกรณ เปนเหตุแหงกามทงั้ หลายนั่นเองคนเหลา นน้ั ยอมถงึ ความตายบาง ถงึ ทุกขป างตายบา ง ในสงครามน้นัดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย โทษแหง กามแมนเี้ หน็ กนั ไดเ อง เปน กองทุกขมีกามเปนเหตุ มกี ามเปน นทิ าน มกี ามเปน อธิกรณ เปน เหตุแหงกามทง้ั หลายน่ันเอง. ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย อกี ประการหนงึ่ โจรท้ังหลายยอมตัดที่ตอ บางปลน เรือนทุกหลังบาง ปลนเฉพาะเรือนหลงั เดยี วบา ง ดกั ตชี ิงในทางเปล่ียวบาง คบชภู รรยาของชายอน่ื บาง ก็เพราะมกี ามเปนเหตุ มีกามเปน นทิ าน มกี ามเปนอธกิ รณ เปนเหตุแหงกามทง้ั หลายนัน่ เอง พวก

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนา ท่ี 565ราชบุรุษจบั โจรคนนั้นไดแลว ใหท าํ กรรมกรณต า ง ๆ คอื เฆี่ยนดวยแสบา ง เฆี่ยนดวยหวายบาง ตีดวยพลองส้ันบาง ตัดมือบา ง ตัดเทา บางฯ ล ฯ ตดั ศีรษะดวยดาบบา ง โจรเหลา น้ันยอ มถงึ ความตายบา ง ถงึ ทกุ ขปางตายบาง เพราะกรรมกรณน้นั ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย โทษแหงกามแมน้ี เหน็ กนั ไดเ อง มกี ามเปน เหตุ มีกามเปน นทิ าน มกี ามเปนอธกิ รณเปนเหตแุ หง กามทัง้ หลายน่ันเอง. ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย อกี ประการหน่ึง ชนทัง้ หลายยอ มประพฤติทุจริต ดวยกาย ดวยวาจา ดวยใจ ก็เพราะมกี ามเปนเหตุ มีกามเปนนทิ าน มีกามเปน อธกิ ารณ เปน เหตแุ หงกามท้งั หลายนัน่ เอง ชนเหลา น้ันครั้นประพฤติกายทจุ ริต วจีทจุ ริต มโนทุจรติ แลว เม่ือแตกกายตายไปยอ มเขา ถงึ อบาย ทคุ ติ วินบิ าต นรก ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย โทษแหงกามแมนี้ มใี นสัมปรายภพ เปนกองทุกข มกี ามเปนเหตุ มกี ามเปนนิทาน มกี ามเปนอธกิ รณ เปน เหตุแหงกามทงั้ หลายนั่นเอง. คําวา เห็นโทษในกามคุณท้ังหลายแลว ความวา พบเหน็ เทียบ-เคยี ง พจิ ารณาใหแ จม แจง ทาํ ใหป รากฏแลว ซึง่ โทษในกามคุณท้งั หลายเพราะฉะนน้ั จงึ ชอื่ วา เห็นโทษในกามคุณทงั้ หลายแลว พงึ เท่ียวไปผเู ดยี วเหมือนนอแรดฉะนั้น เพราะเหตุนัน้ พระปจ เจกสมั พทุ ธเจานั้นจึงกลาววา ก็กามท้ังหลายอนั วจิ ติ ร มีรสอรอ ย นาร่นื รมยใจ ยอมยํ่ายีจิตดวยอารมณม ชี นิดตา ง ๆ บคุ คลเห็นโทษใน กามคณุ ทั้งหลายแลว พงึ เทีย่ วไปผเู ดยี วเหมือนนอแรด ฉะนั้น.

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 566[๗๒๖] คาํ วา กามน้ี เปน เสนยี ด เปน ดงั ฝ เปนอุบาทว เปน โรค เปน ลกู ศร เปน ภยั บุคคลเหน็ ภยั นใี้ นกามคณุ ทงั้ หลายแลว พงึ เทีย่ วไปผูเดยี วเหมือนนอแรดฉะนั้น. [๗๒๗] พงึ ทราบวินจิ ฉยั ในอุเทศวา กามทงั้ หลายเปน เสนียดเปน ดงั ฝ เปน อุบาทว เปน โรค เปน ลกู ศร เปน ภยั ดงั ตอ ไปนี้. สมจริงตามพระพทุ ธพจนที่พระผูม ีพระภาคเจาตรัสไวว า ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย คาํ วา เปน ภัย เปนทุกข เปนโรค เปน ดงั ฝ เปน ความของ เปนสัตว เปน เปอกตม เปน ครรภ ลว นแลวเปน ช่ือของกาม ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย ก็เพราะเหตุใด คําวา เปน ภยั จงึ เปน ช่ือของกาม ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย สัตวนก้ี ําหนัดดว ยกามราคะ อนั ฉนั ทราคะผกู พัน ยอมไมพนไปจากภัยแมอันมีในปจจบุ ัน ยอมไมพ นไปจากภัยแมอนั มีในสมั ปราย-ภพ เพราะเหตุนนั้ คําวา เปน ภัย นี้ จงึ เปน ช่ือของกาม ดูกอนภิกษุท้งั หลาย กเ็ พราะเหตใุ ด คาํ วา เปน ทุกข เปนโรค เปน ดงั ฝ เปนความขอ ง เปน สตั ว เปนเปอกตม เปน ครรภ จึงเปน ชอื่ ของกาม ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย สตั วน ้ีกําหนัดดว ยกามราคะ อันฉันทราคะผกู พัน ยอมไมพน ไปจากครรภแมอันมีในปจจุบัน ยอมไมพน ไปจากครรภแมอ นั มีในสมั ปรายภพ เพราะเหตนุ ้ัน คําวา เปนครรภ นี้ จึงเปน ชือ่ ของกาม. สัตวท ่ีเปนปถุ ุชน หย่งั ลงแลว ดวยราคะอนั นา ยนิ ดี ยอมเขาถงึ ความเปน สัตวเกดิ ในครรภ เพราะกามเหลาใด กามเหลาน้ัน บัณฑิตกลาววา เปนภยั เปนทุกข เปน โรค เปน ดงั หัวฝ เปน ความของ เปนสตั ว เปน เปอ กตม และ

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนาท่ี 567 เปน ครรภ ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย ก็เม่อื ใด ภกิ ษุไมละฌาน เมื่อน้ัน ภิกษนุ น้ั ลว งกามอันเปน ดังทางมีเปอ กตม ขา ม ไดยาก ยอมเห็นหมสู ัตวผ ูเ ปนอยา งน้ัน เขาถงึ ชาตแิ ละ ชรา ดิน้ รนอยู. เพราะฉะนน้ั จงึ วา คําวา กามนี้ เปน เสนียด เปน ดงั ฝ เปนอบุ าทว เปน โรค เปนลูกศร เปนภัย. [๗๒๘] คําวา เหน็ ภัยน้ีในกามคุณท้ังหลายแลว ความวาเหน็ เทยี บเคยี ง พจิ ารณา ใหแจมแจง ทําใหป รากฏแลว ซ่งึ ภยั น้ใี นกามคณุ ท้งั หลาย เพราะฉะนั้น จงึ ชอ่ื วา เหน็ ภัยนใี้ นกามคณุ ท้ังหลายแลวพึงเทย่ี วไปผูเดียวเหมือนนอแรดฉะนนั้ เพราะเหตุน้นั พระปจเจก-สมั พุทธเจาน้ันจึงกลา ววา คําวา กามนี้ เปนเสนยี ด เปนดังฝ เปน อบุ าทว เปนโรค เปน ลูกศร เปนภยั บุคคลเห็นภยั นใี้ นกาม ทงั้ หลายแลว พึงเทยี่ วไปผเู ดียวเหมอื นนอแรดฉะนั้น.[๗๒๙] บคุ คลครอบงําแมภยั ทง้ั ปวงแมน ี้ คอื ความหนาว ความรอ น ความหวิ ความระหาย ลม แดด เหลอื บ และสตั วเสือกคลานแลว พงึ เทยี่ วไปผเู ดียวเหมือนนอแรด ฉะนนั้ . [๗๓๐] ความหนาว ในอเุ ทศวา สีตจฺ อุณฺหฺจ ขทุ ทฺ ปปาส ดงั นี้ ยอมมดี ว ยเหตุ ๒ ประการ คือ ความหนาวยอ มมีดว ย

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนาท่ี 568สามารถแหง ธาตภุ ายในกาํ เริบ ๑ ความหนาวยอ มมีดวยสามารถแหง ฤดูภายนอก ๑. ความรอ น ในคําวา อุณฺห ดงั น้ี ยอมมีดวยเหตุ ๒ ประการคือ ความรอนยอมมีดวยสามารถแหงธาตุภายในกําเริบ ๑ ความรอ นยอ มมีดวยสามารถแหง ฤดภู ายนอก ๑. ความหวิ ทา นกลา ววา ขทุ ทฺ า. ความอยากน้ํา ทา นกลา ววาปป าสา เพราะฉะนน้ั จงึ ชอื่ วา ความหนาว ความรอ น ความหิวความกระหาย. [๗๓๑] ช่ือวา ลม ในอุเทศวา วาตาตเป ฑ สสิรึสเป จดงั นี้ คือ ลมทศิ ตะวนั ออก ลมทศิ ตะวันตก ลมทิศเหนือ ลมทิศใตลมมีธลุ ี ลมหนาว ลมรอน ลมนอย ลมมาก ลมบา หมู ลมแตครฑุลมแตใบตาล ลมแตพ ัด ความรอ นแตดวงอาทิตยท า นกลา ววาแดดแมลงตาเหลอื งทานกลา ววา เหลอื บ งูทา นกลา ววาสตั วเ สอื กคลาน เพราะฉะนั้น จงึ ช่ือวา ลม แดด เหลือบ และสัตวเ สือกคลาน. [๗๓๒] คาํ วา ครอบงําแมภัยทัง้ ปวงน้นั ความวา ครอบงาํปราบปราม กําจดั ยา่ํ ยแี ลว เพราะฉะนั้น จงึ ชอ่ื วา ครอบงาํ แมภัยทง้ั ปวงนี้ พงึ เท่ยี วไปผเู ดยี วเหมอื นนอแรดฉะนนั้ เพราะฉะนน้ั พระ-ปจเจกสัมพุทธเจา นน้ั จงึ กลาววา บคุ คลครอบงําแมภัยท้งั ปวงแมน้ี คือ ความหนาว ความรอ น ความหิว ความกระหาย ลม แดด เหลือบ และสัตวเ สือกคลาน แลวพึงเที่ยวไปผเู ดยี วเหมือน นอแรดฉะนนั้ .

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 569[๗๓๓] พระปจเจกสัมพุทธเจาละแลวซ่งึ หมูทั้งหลาย มขี นั ธ เกดิ ดแี ลว มธี รรมดงั ดอกบวั เปนผูย ิ่ง ยอ มอยใู นปา ตามอภิรมย เหมอื นนาคละแลวซึง่ โขลงทง้ั หลาย มีขนั ธ เกดิ พรอ มแลว มตี ัวดงั ดอกบวั เปน ผูยิง่ อยูในปาตาม อภริ มย พงึ เทีย่ วไปผเู ดียวเหมอื นนอแรดฉะนัน้ . [๗๓๔] ชางตัวประเสรฐิ ทา นกลา ววา นาค ในอเุ ทศวา นาโค วยถู านิ วิวชชฺ ยิตวฺ า ดงั น้ี. แมพระปจเจกสมั พทุ ธเจา ก็ช่ือวา เปนนาค. พระปจเจกสัมพทุ ธเจา นั้น ช่ือวาเปน นาค เพราะเหตุไร พระ-ปจ เจกสัมพุทธเจา ช่ือวาเปนนาค เพราะเหตุวาไมท ําความชั่ว วา ไมถึงวา ไมม า. พระปจ เจกสมั พุทธเจานน้ั ชื่อวา เปน นาค เพราะเหตวุ าไมท าํ ความชวั่ อยา งไร อกศุ ลธรรมอนั ลามก ทาํ ใหมีความเศราหมองใหเ กิดในภพใหม ใหมคี วามกระวนกระวาย มีทุกขเปน วิบาก เปน ที่ตั้งแหง ชาติชราและมรณะตอไป ทานกลา ววา ความช่ัว. พระขีณาสพยอ มไมท าํ ความช่วั อะไร ๆ ในโลกเลย สละแลว ซึง่ สังโยชนทง้ั ปวงและเครือ่ งผูกทั้งหลาย เปน ผหู ลุดพนแลว ยอมไมเ กาะเกีย่ วในธรรมทั้งปวง ทา น กลาววา เปน นาค ผคู งท่ี มีตนเปน อยา งน้นั . พระปจ เจกสมั พุทธเจาน้ัน ชือ่ วา เปนนาค เพราะเหตวุ าไมท ําความชวั่ อยา งน้.ี พระปจเจกสัมพุทธเจา นนั้ ชื่อวา เปนนาค เพราะเหตุวา ไมถึงอยา งไร พระปจ เจกสัมพุทธเจา นัน้ ไมถงึ ฉนั ทาคติ ไมถ งึ โทสาคติ ไมถ ึงโมหาคติ ไมถ งึ ภยาคติ ไมถงึ ดวยอาํ นาจราคะ ไมถ ึงดว ยอํานาจโทสะ

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนา ที่ 570ไมถึงดว ยอาํ นาจโมหะ ไมถ งึ ดวยอาํ นาจมานพ ไมถึงดวยอํานาจทฏิ ฐิไมถ ึงดว ยอาํ นาจอุทธัจจะ ไมถ ึงดวยอาํ นาจวิจิกจิ ฉา ไมถ งึ ดว ยอํานาจอนุสยั ไมด ําเนินออกเล่ือนเคลื่อนไปดวยธรรมท้งั หลายอันใหเปน พวกพระปจ เจกสมั พทุ ธเจาน้นั ชือ่ วาเปนนาค เพราะเหตวุ า ไมถึงอยา งนี.้ พระปจ เจกสมั พุทธเจา นนั้ ชอื่ วา เปนนาค เพราะเหตวุ าไมมาอยา งไร พระปจ เจกสมั พทุ ธเจา น้ันไมม าอีก ไมย อ นมา ไมก ลบั มาสูกเิ ลสท้ังหลาย ท่ีละไดแลวดว ยโสดาปต ติมรรค ดวยสกทาคามิมรรคดวยอนาคามิมรรค ดว ยอรหัตมรรค พระปจเจกสมั พุทธเจานั้น ชอ่ื วานาคเพราะเหตวุ า ไมมาอยา งน.้ี คําวา เหมอื นนาคละแลวซง่ึ โขลงทง้ั หลาย ความวา ชางตวัประเสรฐิ น้ัน ละ เวน ปลอยแลว ซึ่งโขลงทงั้ หลาย เปนผเู ดียว ยา งเขาไปทามกลางปา ยอมเท่ยี วไป เดินไป พักผอน ยอ มเปนไป รักษาบํารุง เยียวยา ไปในปา ฉันใด แมพ ระปจเจกสมั พุทธเจาก็ฉันนั้น ละเวน ปลอ ยแลว ซง่ึ หมู เทยี่ วไปผเู ดยี วเหมอื นนอแรด คืออาศัย เสพเสนาสนะอันสงัด เปน ปา รกชฏั มีเสยี งนอ ย ไมมเี สียงกกึ กอง ปราศจากลมแตหมชู น เปน ท่ีควรทํากรรมลับของมนุษย สมควรแกการหลีกเรนพระปจ เจกสมั พทุ ธเจา นัน้ เดนิ ผูเ ดียว ยืนผูเดยี ว น่งั ผูเดียว นอนผเู ดียวเขา บา นเพือ่ บณิ ฑบาตผเู ดียว กลับผูเ ดยี ว นั่งในทลี่ บั ผูเ ดยี ว อธิษฐานจงกรมผเู ดียว เปน ผูเดียวเทย่ี วไป เดินไป ผลัดเปล่ยี นอริ ยิ าบถ พกั ผอ นเปน ไป รกั ษา บาํ รงุ เยียวยา เพราะฉะนน้ั จงึ ชือ่ วา เหมือนนาคละแลวซงึ่ โขลงทง้ั หลาย.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนาที่ 571 [๗๓๕] คําวา มีขนั ธเ กิดพรอมแลว มตี ัวดงั ดอกบวั เปนผยู ง่ิความวา ชางตวั ประเสรฐิ น้นั มขี นั ธเกิดพรอมแลว คือ เปน ชา งสงู๗ ศอกหรือ ๘ ศอก ฉนั ใด แมพ ระปจเจกสมั พุทธเจานนั้ กเ็ หมอื นกันฉันนั้น มขี ันธเ กิดพรอมแลวดวยศลี ขนั ธ สมาธขิ ันธ ปญญาขนั ธวมิ ตุ ติขันธ วมิ ตุ ติญาณทัสสนขนั ธ อันเปน ของพระอเสขะ. ชา งตวั ประเสรฐิ นั้นเปน ชางมตี วั ดงั ดอกบวั ฉันใด แมพ ระปจ เจก-สัมพทุ ธเจาก็ฉนั นั้น มธี รรมดงั ดอกบัว ดวยดอกบวั คือโพชฌงค ๗ประการ คอื สติสัมโพชฌงค ธมั มวจิ ยสมั โพชฌงค วิริยสมั โพชฌงคปติสมั โพชฌงค ปสสัทธิสมั โพชฌงค สมาธิสัมโพชฌงค อเุ บกขา-สัมโพชฌงค. ชางตัวประเสรฐิ น้ันเปน ชา งยิง่ ดวยเร่ยี วแรง ดวยกําลัง ดวยความเร็ว ดว ยความกลา ฉนั ใด แมพ ระปจ เจกสมั พุทธเจากฉ็ ันนน้ั เปนผูยง่ิ ดวยศีล สมาธิ ปญ ญา วมิ ุตติ วิมตุ ตญิ าณทสั สนะ เพราะฉะน้นั จงึ ชื่อวามีขนั ธเ กดิ พรอมแลว มีตวั ดังดอกบัว เปนผยู ิ่ง. [๗๓๖] คําวา ยอมอยูในปา ตามอภิรมย ความวา ชางตวัประเสริฐนัน้ ยอมอยใู นปาตามอภิรมย ฉันใด แมพ ระปจเจกสมั พทุ ธเจานั้นก็ฉนั น้ัน ยอ มอยใู นปาตามอภิรมย คอื อยูในปาตามอภริ มย ดว ยปฐมฌานบาง ทตุ ิยฌานบา ง ตตยิ ฌานบา ง จตุตถฌานบา ง อยใู นปาตามอภิรมยดวยเมตตาเจโตวิมุตตบิ าง กรุณาเจโตวิมตุ ติบา ง มุทิตาเจโต-วมิ ุตติบาง อเุ บกขาเจโตวิมตุ ติบาง อยูในปา ตามอภิรมยดวยอากาสา-นัญจายตนสมาบัตบิ าง วิญญาณัญจายตนสมาบัตบิ า ง อากญิ จญั ญายตน-สมาบตั ิบาง เนวสญั ญาสญั ญายตนสมาบัติบาง ผลสมาบตั บิ า ง

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนา ท่ี 572เพราะฉะนน้ั จึงช่ือวา อยูในปา ตามอภริ มย พึงเทีย่ วไปผเู ดยี วเหมือนนอแรดฉะน้ัน เพราะฉะน้ัน พระปจเจกสมั พทุ ธเจานั้นจงึ กลาววา พระปจ เจกสัมพทุ ธเจา ละแลวซึ่งหมูท้งั หลาย มขี ันธ เกิดดีแลว มีธรรมดงั ดอกบัว เปนผูยิ่ง ยอ มอยใู นปา ตามอภริ มย เหมอื นนาคละแลว ซึง่ โขลงทั้งหลาย มขี ันธ เกิดพรอมแลว มตี วั ดงั ดอกบัว เปน ผยู ง่ิ อยใู นปาตาม อภิรมย พึงเทีย่ วไปผูเดียวเหมอื นนอแรดฉะน้นั . [๗๓๗] บคุ คลพงึ ถูกตอ งวมิ ุตตอิ นั มีในสมยั ดว ยเหตุใด เหตนุ ้ัน เปน อัฏฐานะของบคุ คลผูย นิ ดีในความคลุกคลี ดวยหมู บคุ คลไดฟ ง แลว ซ่ึงถอ ยคาํ ของพระปจ เจก- สัมพุทธเจา ผเู ปน เผาพนั ธแุ หง พระอาทิตย พงึ เทย่ี วไป ผเู ดียวเหมอื นนอแรดฉะนน้ั . [๓๗๘] พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ในอเุ ทศวา บคุ คลพงึ ถูกตองวมิ ุตติอนั มใี นสมยั ดว ยเหตุใด เหตนุ ั้น เปนอัฏฐานะของบคุ คลผยู ินดีในความคลุกคลดี วยหมู ดังตอไปน.ี้ สมจริงตามพระพทุ ธพจนทพี่ ระผมู พี ระภาคเจาตรสั ไววา ดกู อนอานนท ภกิ ษุชอบความคลกุ คลีดวยหมู ยินดใี นความคลุกคลีดว ยหมูประกอบเนือง ๆ ซง่ึ ความคลุกคลีดวยหมู ชอบหมู ยินดใี นหมู บนั เทิงในหมู ประกอบเนอื ง ๆ ซง่ึ ความชอบหมู จักเปน ผไู ดต ามประสงคไดโดยไมย าก ไดไ มล ําบาก ซึง่ สขุ ในเนกขมั มะ สขุ ในความสงดั สขุ คอืความสงบ สขุ ในความตรัสรู ขอนนั้ ไมเปน ฐานะท่ีจะมไี ด.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนาท่ี 573 ดกู อนอานนท สวนภกิ ษใุ ด หลีกออกจากหมูอยผู เู ดียว ภกิ ษนุ ้นัพงึ ไดสุขนั้นสมหวัง คือจกั ไดต ามประสงค ไดโดยไมย าก ไดไ มล าํ บากซึง่ สุขในเนกขัมมะ สขุ ในความสงัด สุขคอื ความสงบ สขุ ในความตรสั รูขอ นนั้ เปน ฐานะที่จะมไี ด. ดูกอ นอานนท ภิกษุชอบความคลุกคลีดว ยหมู ยินดใี นความคลุกคลีดว ยหมู ประกอบเนืองๆ ซึง่ ความเปน ผูช อบความคลุกคลีดวยหมู ชอบหมูยนิ ดใี นหมู บนั เทงิ ในหมู ประกอบเนอื ง ๆ ซึง่ ความชอบหมู จักบรรลุซึง่ เจโตวิมตุ ตอิ ันมใี นสมยั หรือซึง่ โลกุตรมรรคอันไมก าํ เรบิ อนั ไมมีในสมยั ขอ นนั้ ไมเ ปน ฐานะท่จี ะมไี ด. ดูกอ นอานนท สว นภกิ ษุใด หลกี ออกจากหมอู ยูผเู ดียว ภกิ ษนุ น้ัพงึ ไดสุขนน้ั สมหวงั คือจกั บรรลซุ ง่ึ เจโตวิมตุ ติอนั มใี นสมัย หรือซึง่โลกุตรมรรคอนั ไมกําเริบ อนั ไมม ใี นสมยั ขอนั้นเปนฐานะทีจ่ ะมไี ดเพราะฉะนัน้ จึงชอ่ื วา บุคคลพึงถูกตอ งวิมตุ ติอันมใี นสมยั ดวยเหตใุ ดเหตนุ ้นั เปน อฏั ฐานะของบุคคลผูยินดีในความคลกุ คลดี วยหมู. [๗๓๙] พระสุรยิ ะ ทา นกลาววา พระอาทิตย. ในอเุ ทศวาอาทจิ จฺ พนฺธุสสฺ วโจ นสิ มฺม ดงั นี้ พระอาทติ ยน ั้นเปนโคดมโดยโคตรแมพระปจ เจกสัมพทุ ธเจากเ็ ปน โคดมโดยโคตร แมพ ระปจ เจกสมั พทุ ธเจาน้ันกเ็ ปน ญาติ เปนเผา พนั ธุโดยโคตรแหง พระอาทติ ย เพราะเหตุน้ันพระปจ เจกสัมพุทธเจา จงึ ชอ่ื วา เปนเผา พันธุแหง พระอาทติ ย. คาํ วา ไดฟ ง แลว ซง่ึ ถอ ยคาํ ของพระปจ เจกสัมพุทธเจา ผเู ปนเผาพนั ธแุ หงพระอาทติ ย ความวา ไดฟง ไดยนิ ศึกษา ทรงจําเขาไปกาํ หนดแลว ซง่ึ ถอยคํา คือ คาํ เปน ทาง เทศนา อนุสนธิ ของ

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนา ที่ 574พระปจเจกสมั พทุ ธเจา ผเู ปนเผา พันธุแหง พระอาทติ ย เพราะฉะนนั้ จึงชอ่ื วา ไดฟง แลวซงึ่ ถอ ยคําของพระปจเจกสัมพทุ ธเจาผเู ปน เผาพันธุเเหงพระอาทิตย พึงเที่ยวไปผูเดยี วเหมือนนอแรดฉะนั้น เพราะเหตุน้นัพระปจเจกสมั พทุ ธเจาน้นั จึงกลา ววา บคุ คลพงึ ถูกตอ งวิมุตติอันมใี นสมัยดว ยเหตุใด เหตุ น้ัน เปน อัฏฐานะของบุคคลผยู ินดใี นควานคลกุ คลดี วย หมู บคุ คลไดฟ งแลวซึง่ ถอ ยคาํ ของพระปจเจกสมั พทุ ธเจา ผเู ปนเผา พนั ธแุ หง พระอาทิตย พึงเทย่ี วไปผเู ดียวเหมอื น นอแรดฉะน้นั . [๗๔๐] เราลวงเสียแลว ซึง่ ทิฏฐอิ นั เปน เสยี้ นหนามท้ังหลาย ถงึ แลวซงึ่ มรรคนยิ าม มมี รรคอนั ไดเ ฉพาะแลว เปน ผู มญี าณเกิดขึน้ แลว อันผอู นื่ ไมตอ งแนะนาํ พึงเที่ยว ไปผูเดียวเหมอื นนอแรดฉะน้ัน. [๗๔๑] สักกายทิฏฐมิ ีวตั ถุ ๒๐ ทานกลาววาทิฏฐิเปน เส้ียนหนามในอุเทศวา ทิฏ ิวิสูกานิ อปุ าติวตฺโต ดงั นี้ ปถุ ุชนผไู มสดับในโลกน้ีไมไ ดเ หน็ พระอรยิ ะ ไมฉลาดในธรรมของพระอริยะ ไมไ ดร บั แนะนาํในธรรมของพระอรยิ ะ ไมไดเ หน็ สตั บรุ ษุ ไมฉลาดในธรรมของสัตบรุ ุษไมไดรบั แนะนาํ ในธรรมของสัตบุรษุ ยอ มเห็นรูปโดยความเปนตนบางเหน็ ตนวา มีรูปบา ง เห็นรปู ในตนบาง เหน็ ตนในรูปบาง เหน็ เวทนาโดยความเปน ตน ... เหน็ สญั ญาโดยความเปนตน ... เห็นสังขารโดยความเปน ตน... เห็นวญิ ญาณโดยความเปนตนบา ง เห็นตนวามีวิญญาณบาง

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนาท่ี 575เหน็ วญิ ญาณในตนบาง เห็นตนในวิญญาณบาง ทิฏฐิเหน็ ปานน้ี ทฏิ ฐิไปแลว ทิฏฐิอนั รกชฏั ทิฏฐิกันดาร ทฏิ ฐเิ ปนเสย้ี นหนาม ทิฏฐิกวดั แกวงทิฏฐเิ ปน สังโยชน ความถอื ความถือเฉพาะ ความถือมนั่ ความลบู คลําทางชวั่ ทางผดิ ความเปน ผดิ ลทั ธิแหง เดียรถีย ความถอื ดวยความแสวงหาผิด ความถอื วปิ ริต ความถือวิปลาส ความถือผดิ ความถอื วาจริงในเร่ืองอันไมจ รงิ ทฏิ ฐิ ๖๒ เหลา น้ี เปนทฏิ ฐิเส้ยี นหนาม. คาํ วา ลว งเสยี แลว ความวา ลว งเสียแลว กาวลว งแลว ลวงเลยแลว เปน ไปลวงแลวซึง่ ทิฏฐเิ ปนเสี้ยนหนามท้ังหลาย เพราะฉะนนั้จึงช่ือวา ลว งเสยี แลวซึ่งทฏิ ฐเิ ปน เสยี้ นหนามทัง้ หลาย. [๗๔๒] มรรค ๔ และอริยมรรคประกอบดวยองค ๘ ประการคอื สัมมาทฏิ ฐ.ิ .. สมั มาสมาธิ ทา นกลา ววา มรรคนิยาม ในอเุ ทศวาปตโฺ ต นิยาม ปฏิลทฺธมคฺโค ดังนี้ เราประกอบแลว ถึงพรอมแลวบรรลุแลว ถกู ตองแลว ทาํ ใหเเจงแลว ดว ยอรยิ มรรค ๔ เพราะฉะนน้ัจงึ ชือ่ วา ถงึ แลวซ่งึ มรรคนิยาม. คําวา มีมรรคอันไดเฉพาะแลว ความวา มีมรรคอนั ไดเเลวมีมรรคอนั ไดเฉพาะแลว มีมรรคอันบรรลแุ ลว มมี รรคอันถูกตองแลวเพราะฉะนัน้ จึงช่อื วา ถงึ แลวซงึ่ มรรคนยิ าม มมี รรคอนั ไดเ ฉพาะแลว . [๗๔๓] คาํ วา เปนผมู ญี าณเกดิ ขน้ึ แลว อนั ผูอื่นไมต องแนะนําความวา พระปจ เจกสมั พทุ ธเจานนั้ มีญาณเกดิ ข้นึ เกดิ ขึ้นพรอม บังเกดิบังเกดิ เฉพาะ ปรากฏแลว คอื มีญาณเกดิ ขน้ึ เกดิ ขน้ึ พรอม บงั เกิดบังเกดิ เฉพาะ ปรากฏแลววา สังขารทง้ั ปวงไมเ ทยี่ ง สังขารท้ังปวงเปนทุกข ธรรมทัง้ ปวงเปนอนตั ตา ส่งิ ใดสง่ิ หน่งึ มคี วามเกดิ ขึ้นเปน

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาที่ 576ธรรมดา สิ่งนน้ั ท้ังมวลลวนมคี วามดบั ไปเปน ธรรมดา เพราะฉะนั้นจงึ ช่อื วา เปน ผูม ีญาณเกดิ ข้ึนแลว . คําวา อนั ผอู ื่นไมตอ งแนะนาํ ความวา พระปจเจกสมั พุทธเจานนั้ อนั ผูอนื่ ไมต อ งแนะนาํ คอื ไมต อ งเชอ่ื ผูอ่ืน ไมมผี อู น่ื เปน ปจจยัไมไปดวยญาณอนั เน่ืองดว ยผูอ ่ืน เปนผูไมห ลงใหล มีสตสิ มั ปชญั ญะ ยอ มรูยอมเห็นตามความเปนจริงวา สงั ขารท้งั ปวงไมเ ทีย่ ง ฯ ล ฯ สงิ่ ใดส่ิงหน่งึมีความเกดิ ขึน้ เปน ธรรมดา ส่งิ น้ันท้งั มวลลวนมคี วามดับไปเปน ธรรมดาเพราะฉะนัน้ จึงช่ือวา เปน ผูมญี าณเกดิ ข้ึนแลว อันผูอนื่ ไมตองแนะนําพงึ เที่ยวไปผูเ ดียวเหมือนนอแรดฉะนัน้ เพราะเหตุนน้ั พระปจ เจก-สมั พุทธเจา น้นั จงึ กลา ววา เราลวงเสียแลว ซึ่งทฏิ ฐิอนั เปน เสยี้ นหนามท้งั หลาย ถึงแลวซ่งึ มรรคนิยาม มีมรรคอันไดเฉพาะแลว เปน ผมู ี ญาณเกิดข้นึ แลว อนั ผูอน่ื ไมต องแนะนาํ พึงเที่ยวไป ผูเ ดียวเหมอื นนอแรดฉะน้ัน. [๗๔๔] พระปจเจกสมั พุทธเจา เปนผไู มโลภ ไมโ กหก ไม กระหาย ไมมคี วามลบหลู มีบาปธรรมดงั รสฝาดและโมหะ กาํ จัดแลว ไมมคี วามหวังในโลกทง้ั ปวง พึงเทยี่ วไป ผูเดียวเหมือนนอแรดฉะน้ัน. [๗๔๕] ตัณหา ราคะ สาราคะ ฯ ล ฯ อภิชฌา โลภะ อกศุ ลมลูทานกลาววา ความโลภ ในอเุ ทศวา นิลฺโลลุโป นิกฺกุโห นิปฺปปาโสดงั น้ี.

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนา ท่ี 577 ตัณหาอนั เปนความโลภนนั้ พระปจเจกสมั พุทธเจา ละไดแลว ตัดขาดแลว ทําไมใ หม ที ีต่ ้งั ดังตน ตาลยอดดว น ใหถ งึ ความไมม ีในภายหลงัไมใ หเ กิดขึน้ อกี ตอไปเปนธรรมดา เพราะเหตนุ ัน้ พระปจเจกสมั พทุ ธเจาจึงเปน ผไู มม คี วามโลภ วัตถุแหง ความโกหก ในคําวา ไมโ กหกมี ๓ อยา ง คอื วตั ถแุ หงความโกหกเปนสว นแหงการเสพปจจยั ๑ วัตถุแหงความโกหกเปนสว นแหง อิรยิ าบถ ๑ วตั ถุแหงความโกหกเปนสว นแหง การพดู องิ ธรรม ๑. วัตถแุ หง ความโกหกเปน สว นแหงการเสพปจจยั เปน ไฉน พวกคฤหบดีในโลกน้ี ยอมนมิ นตภ ิกษดุ วยจวี ร บณิ ฑบาต เสนาสนะและคลิ านปจจัยเภสัชบริขาร ภกิ ษุนน้ั มคี วามปรารถนาลามก อนั ความปรารถนาครอบงาํ แลว มีความตองการดว ยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคลิ านปจจัยเภสัชบริขาร มุง ความเปนผใู ครไดม าก บอกเลกิ รับจวี รบณิ ฑบาต เสนาสนะ และคิลานปจจัยเภสชั บรขิ าร เธอพูดอยา งนี้วาสมณะจะประสงคอะไรดวยจวี รมคี ามาก สมณะควรจะเทีย่ วเลือกเก็บผาเกา ๆ จากปาชา บา ง จากกองหยากเย่อื บา ง จากตลาดบา ง แลวทาํสังฆาฏบิ ริโภค นั่นเปนความสมควร สมณะประสงคอ ะไรดวยบณิ ฑบาตมีคา มาก สมณะควรเล้ียงชีพดว ยอาหารท่ไี ดม าดว ยปลีแขง โดยการเทยี่ วแสวงหา นัน่ เปนความสมควร สมณะจะประสงคอ ะไรดวยเสนาสนะมคี ามาก สมณะพงึ อยูท ่ีโคนตนไมหรือพึงอยูในทแ่ี จง น่นั เปนความสมควรสมณะจะประสงคอะไรดว ยคิลานปจ จัยเภสัชบรขิ ารอันมีคามาก สมณะควรทํายาดว ยมตู รเนา บาง ดวยชิน้ ลกู สมอบา ง นัน่ เปน ความสมควรเธอมุงความเปนผูใครไดมาก กบ็ รโิ ภคจีวรทีเ่ ศราหมอง ฉนั บณิ ฑบาตที่

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนา ท่ี 578เศรา หมอง ใชส อยเสนาสนะทเ่ี ศรา หมอง เสพคิลานปจจัยเภสชั บริขารท่ีเศราหมอง. พวกคฤหบดกี ร็ จู กั ภกิ ษุรูปนัน้ อยางน้ีวา สมณะรปู น้มี คี วามปรารถนานอ ย เปน ผสู ันโดษ ชอบวเิ วก ไมเ กยี่ วของ ปรารภความเพียร เปน ผูมีวาทะอันขจดั แลว กน็ มิ นตมากไปดว ยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคลิ านปจ จยั เภสชั บริขาร ภกิ ษุนั้นกก็ ลา วอยา งน้วี า กุลบตุ รผมู ศี รทั ธาจะประสบบุญเปนอนั มากกเ็ พราะมีปจ จัย ๓ อยา ง พรอมหนากัน คือกลุ บตุ รผูม ีศรัทธา จะประสบบุญเปน อันมาก เพราะมศี รัทธาพรอมหนา ๑เพราะมีไทยธรรมพรอ มหนา ๑ เพราะมที ักขไิ ณยบุคคลพรอ มหนา ๑ทา นทัง้ หลายก็มีศรัทธานีอ้ ยู ไทยธรรมก็ปรากฏอยู และอาตมาผูเ ปนปฏิคาหกกม็ อี ยู ถาอาตมาจักไมรับ ดวยเหตุที่อาตมาไมร บั ทา นท้งั หลายกจ็ กั เสอ่ื มบุญ อาตมาไมมคี วามประสงคดวยปจจัยน้ี กแ็ ตวา อาตมาจักรับเพือ่ อนุเคราะหแ กทา นทั้งหลาย ภกิ ษนุ ้ันมงุ ความเปนผูอ ยากไดม าก กร็ บัจีวรมาก รบั บณิ ฑบาตมาก รบั เสนาสนะมาก รับคิลานปจ จยั เภสัชบริขารมาก. ความสยิ้วหนา ความเปนผสู ย้วิ หนา ความโกหก กริ ิยาทโี่ กหกความเปน ผูโ กหก เห็นปานนี้ ทา นกลา ววา วัตถุแหง ความโกหกเปนสวนแหง การเสพปจ จัย. วัตถแุ หงความโกหกเปน สวนแหง อริ ยิ าบถเปนไฉน ภิกษบุ างรปูในศาสนานี้ มคี วามปรารถนาลามก อนั ความปรารถนาครอบงาํ ประสงคจะใหเ ขาสรรเสรญิ ดาํ ริวา ประชมุ ชนจะสรรเสริญเราโดยอริ ิยาบถอยางน้ีจึงสาํ รวมเดิน สํารวมยนื สํารวมนง่ั สาํ รวมนอน มุงเดนิ มงุ ยนื มุง นั่งมุงนอน เดนิ เหมือนภิกษมุ สี มาธิ ยืนเหมอื นภกิ ษมุ สี มาธิ นัง่ เหมือน

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนาท่ี 579ภิกษุมีสมาธิ นอนเหมอื นภกิ ษุมีสมาธิ ยอมเปนเหมอื นดังเจริญฌานตอหนาพวกมนุษย ความเริม่ ตัง้ ความตัง้ ความสาํ รวมอริ ยิ าบถ ความเปนผูสยว้ิ หนา ความโกหก กริ ยิ าโกหก ความเปน ผโู กหก เห็นปานนี้ทา นกลา ววา วตั ถุแหง ความโกหกเปน สวนแหง อริ ยิ าบถ. วตั ถแุ หง ความโกหกเปนสวนแหง การพดู อิงธรรมเปน ไฉน ภกิ ษุบางรปู ในศาสนาน้ี มคี วามปรารถนาลามก อันความปรารถนาครอบงาํมคี วามประสงคจะใหเขาสรรเสริญ ดํารวิ า ประชมุ ชนจะสรรเสรญิ เราดว ยการพดู อยางนี้ จึงกลา ววาจาองิ อรยิ ธรรม คือ พูดวา สมณะท่ใี ชจีวรเห็นปานนี้ มอี านุภาพมาก สมณะที่ใชบ าตรเห็นปานนี้ ใชภาชนะโลหะเหน็ ปานน้ี ใชธมกรกเหน็ ปานนี้ ใชผ า กรองนา้ํ เหน็ ปานนี้ ใชลกู ตาลเห็นปานน้ี ใชรองเทาเหน็ ปานนี้ ใชประคดเอวเห็นปานนี้ ใชส ายโยคเห็นปานน้ี มีอานภุ าพมาก และพดู วา สมณะที่มพี ระอุปช ฌายะเหน็ ปานนี้มีอานภุ าพมาก สมณะทีม่ ีพระอาจารยเ ห็นปานน้ี มีพวกรว มพระอปุ ช ฌายะเห็นปานน้ี มพี วกรวมพระอาจารยเ ห็นปานน้ี มีพวกมีไมตรกี นั เหน็ ปานนี้มีมิตรท่เี ห็นกันมาเห็นปานนี้ มีมติ รทค่ี บกันมาเห็นปานนี้ มสี หายเห็นปานน้ี มีอานภุ าพมาก. และพดู วา สมณะท่อี ยใู นวิหารเหน็ ปานนี้ มอี านุภาพมาก ผอู ยูในเพิงมหี ลังคาแถบเดยี วเหน็ ปานน้ี ผอู ยใู นเรอื นโลน เห็นปานนี้ ผอู ยูในถ้าํ เหน็ ปานนี้ ผอู ยูใ นกฎุ ีเห็นปานนี้ ผูอยูในเรือนยอดเห็นปานน้ีผูอยูใ นปอ มเห็นปานนี้ ผอู ยูในโรงเหน็ ปานน้ี ผูอยูในท่ีพกั เหน็ ปานนี้ผูอยใู นโรงฉันเห็นปานนี้ ผูอยใู นมณฑปเห็นปานนี้ ผอู ยทู ่โี คนตนไมเหน็ ปานน้ี มอี านุภาพมาก อนึง่ ภิกษุผกู มหนากวา คนท่ีกม หนา ผูสยวิ้

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนา ท่ี 580หนากวา คนสยว้ิ หนา ผโู กหกกวาคนท่โี กหก ผูพูดมากกวา คนพดู มากผทู ี่คนอ่ืนสรรเสริญตามปากของคน กลาวถอ ยคาํ อันปฏสิ งั ยุตดว ยโลกตุ ระและนิพพานเชนนั้น อันลึกซ้งึ ละเอยี ด ท่ีวิญชู นปดบงั วา สมณะน้ีไดว หิ ารสมาบัตอิ นั สงบเหน็ ปานนี้ ความสยว้ิ หนา ความเปนผสู ยิว้ หนาความโกหก กิรยิ าทโี่ กหก ความเปน ผูโกหกเหน็ ปานนี้ ทา นกลาววาวัตถุแหง ความโกหกเปน สว นแหงการพูดองิ ธรรม. วตั ถุแหง ความโกหก ๓ อยางน้ี พระปจเจกสมั พทุ ธเจา น้นั ละเสยี แลว ตดั ขาดเสยี แลว สงบแลว ระงบั แลว ไมใ หอ าจเกดิ ข้ึน เผาเสยี แลว ดวยไฟคอื ญาณ เพราะเหตนุ ้ัน พระปจเจกสัมพุทธเจา นน้ั ไมโกหก. ตณั หา ราคะ สาราคะ ฯลฯ อภิชฌา โลภะ อกุศลมลู ทานกลาววา ความระหาย. ในคําวา ไมม คี วามระหาย. ตัณหาอันเปนเหตุใหระหายนั้น พระปจ เจกสัมพุทธเจา ละแลว ตดั รากขาดแลว ทาํ ไมใหมที ่ีตั้งดังตาลยอดดวน ใหถ งึ ความไมม ีในภายหลงั ไมใหเกิดขึ้นตอไปเปนธรรมดา เพราะเหตนุ น้ั พระปจเจกสมั พุทธเจา น้นั จงึ ไมม คี วามระหาย เพราะฉะน้นั จงึ ชอ่ื วา พระปจเจกสัมพทุ ธเจาไมม คี วามโลภไมโกหก ไมมคี วามกระหาย. [๗๔๖] ความลบหลู กริ ิยาที่ลบหลู ความเปน ผูลบหลู ความเปนผรู ษิ ยา ชือ่ วา ความลบหลู ในอุเทศวา ไมม คี วามลบหลู มีบาปธรรมดังรสฝาด และโมหะอันกําจดั แลว ดงั น้.ี ชือ่ วาบาปธรรมดังรสฝาด คอื ราคะ โทสะ โมหะ ความโกรธความผกู โกรธ ความตเี สมอ ฯ ล ฯ อกุสลาภิสงั ขารท้ังปวง เปน ดงั รสฝาด(แตละอยา ง)ความไมรูในทุกข ความไมรูใ นทุกขสมุทัย ความไมรูใ นทุกข-

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 581นิโรธ ความไมร ูในทกุ ขนโิ รธคามินปี ฏปิ ทา ความไมร ูในสว นเบ้อื งตนความไมร ูในสว นเบ้อื งปลาย ความไมร ทู ั้งในสวนเบอ้ื งตน และสวนเบอ้ื ง-ปลาย ความไมร ใู นธรรมท้ังหลายอันอาศยั กันเกิดขน้ึ คอื ความท่ีสังขาราทิ-ธรรมน้ีเปน ปจจัยแหง กันและกัน ความไมร ู ความไมเ หน็ ความไมถงึพรอ มเฉพาะ ความไมตรัสรู ความไมตรัสรพู รอม ความไมแ ทงตลอดความไมถ งึ พรอ ม ความไมกาํ หนดถอื เอา ความไมเ หน็ พรอ ม ความไมพ จิ ารณา ความไมทาํ ใหประจกั ษ ความหมดจดยาก ความเปนพาลความไมร ทู ่ัวพรอ ม ความหลง ความหลงเสมอ อวชิ ชาเปน โอฆะอวชิ ชาเปนโยคะ อวชิ ชาเปนอนสุ ยั อวชิ ชาเปนปริยฏุ ฐาน อวิชชาเปน ขา ยอวชิ ชาเปน บวง โมหะ อกศุ ลมูล ชอ่ื วา โมหะ. ความลบหลู บาปธรรมดังรสฝาดและโมหะ พระปจ เจกสัมพทุ ธเจาน้ัน สาํ รอกแลว กาํ จดั แลว ละเสยี แลว ตดั ขาดแลว สงบแลว ระงบั แลวทําไมใหอ าจเกดิ ขึ้น เผาเสยี แลว ดวยไฟคือญาณ เพราะเหตนุ นั้ พระ-ปจเจกสัมพทุ ธเจานัน้ จงึ ไมม ีความลบหลู มีบาปธรรมดงั รสฝาดและโมหะอันกาํ จดั แลว . [๗๔๗] ตณั หา ราคะ สาราคะ ฯ ล ฯ อภิชฌา โลภะ อกุศลมูลทา นกลาววา ความหวงั ในอเุ ทศวา เปนผไู มม คี วามหวังในโลกทง้ั ปวงดังน้ี. คําวา ในโลกท้ังปวง คือ ในอบายโลกทั้งปวง ในมนษุ ยโลกทง้ั ปวง ในเทวโลกท้ังปวง ในขนั ธโลกทง้ั ปวง ในธาตโุ ลกท้งั ปวง ในอายตนโลกท้งั ปวง.

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนา ที่ 582คาํ วา เปน ผไู มม คี วามหวังในโลกทัง้ ปวง ความวา เปน ผไู มมีความหวัง คอื เปน ผไู มมตี ัณหา เปนผูไ มมีความกระหายในโลกทัง้ ปวงเพราะฉะนั้น จงึ ชื่อวา เปนผูไ มมีความหวงั ในโลกทัง้ ปวง พงึ เที่ยวไปเหมอื นนอแรดฉะน้นั เพราะเหตนุ ั้น พระปจเจกสัมพุทธเจาน้ันจงึ กลาววา พระปจเจกสมั พทุ ธเจา เปนผูไ มโลภ ไมโ กหก ไม ระหาย ไมม คี วามลบหลู มีบาปธรรมดงั รสฝาดและ โมหะอนั กาํ จัดแลว ไมมีความหวงั ในโลกทัง้ ปวง พึง เท่ยี วไปผเู ดียวเหมือนนอแรดฉะน้นั . [๗๔๘] พงึ ละเวนสหายช่วั ผไู มเห็นประโยชน ผตู ง้ั อยูใ น ธรรมอันไมเ สมอ ไมค วรเสพคนผขู วนขวายและคนผู ประมาทดวยตนเอง พงึ เท่ยี วไปผเู ดียวเหมอื นนอแรด ฉะนั้น. [๗๔๙] สหายชว่ั ในอุเทศวา ปาป สหาย ปริวชชฺ เยถ ดังน้ีทบ่ี ัณฑติ กลาวไววา สหายผปู ระกอบดวยมจิ ฉาทฏิ ฐิมีวตั ถุ ๑๐๑ วา ทานที่ใหแลวไมม ีผล ๑ ยัญท่ีบูชาแลวไมมีผล ๑ ผลวิบากแหงกรรมที่ทําดแี ละทาํ ช่ัวไมมี ๑ โลกน้ีไมม ี ๑ โลกหนาไมม ี ๑ มารดาไมมี ๑ บดิ าไมมี ๑โอปปาติกสัตว คือเหลาสตั วท ่ีผดุ ขนึ้ เกิดไมม ี ๑ สมณพราหมณผ ปู ฏิบัติดีปฏิบัตชิ อบ ทําใหเเจงซง่ึ โลกน้แี ละโลกหนา ดว ยความรยู ิง่ เองแลว ประกาศใหทราบ ไมมีในโลก ๑ ดงั นี้ สหายน้ชี ื่อวา สหายชั่ว.๑. บาลีมเี พยี ง ๙ ขอ ขาด นตฺถิ หตุ  = การเซนสรวงไมม ผี ล.

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 583 คําวา พึงละเวน สหายชว่ั ความวา พึงละ พึงเวน พึงหลีกเลยี่ งสหายชว่ั เพราะฉะนั้น จงึ ชอื่ วา พงึ ละเวนสหายชั่ว. [๗๕๐] สหายผไู มเห็นประโยชน ในอเุ ทศวา อนตฺถทสสฺ ีวิสเม นวิ ฏิ  ดังนี้ ท่บี ัณฑิตกลา วไววา สหายผปู ระกอบดว ยมจิ ฉาทิฏฐิมวี ัตถุ ๑๐ วา ทานที่ใหแลว ไมมีผล ยัญที่บชู าแลวไมมีผล ฯ ล ฯ สมณ-พราหมณผ ปู ฏบิ ัตดิ ปี ฏบิ ตั ชิ อบ ทําใหแ จงซึ่งโลกน้แี ละโลกหนา ดวยความรูยง่ิ เองแลว ประกาศใหท ราบ ไมม ใี นโลก ดงั น้ี สหายน้ี ช่อื วาผูไมเ ห็นประโยชน. คําวา ผูตง้ั อยใู นธรรมอนั ไมเสมอ ความวา ผูตง้ั อยูในกายกรรมอนั ไมเสมอ ในวจีกรรมอันไมเสมอ ในมโนกรรมอนั ไมเสมอ ในปาณาตบิ าตอนั ไมเสมอ ในอทินนาทานอันไมเ สมอ ในกาเมสมุ ิจฉาจารอนั ไมเ สมอ ในมุสาวาทอันไมเ สมอ ในปสณุ าวาจาอนั ไมเ สมอ ในผรสุ วาจาอนั ไมเ สมอ ในสมั ผัปปลาปอนั ไมเ สมอ ในอภชิ ฌาอันไมเ สมอในพยาบาทอันไมเ สมอ ในมิจฉาทฏิ ฐิอันไมเสมอ ในสังขารอนั ไมเ สมอผูต ้ังอยู ขอ งอยู แอบอยู เขาถงึ อยู ติดใจ นอ มใจไปในเบญจกามคุณอันไมเสมอ เพราะฉะน้ัน จึงช่ือวา ผไู มเ หน็ ประโยชน ผูตัง้ อยใู นธรรมอันไมเสมอ. [๗๕๑] คําวา ผขู วนขวาย ในอเุ ทศวา สย น เสเว ปสตุ ปมตตฺ  ดงั น้ี ความวา ผใู ดยอมแสวงหา เสาะหา คน หากาม เปน ผูพระพฤตอิ ยใู นกาม มักมากอยูใ นกาม หนกั อยใู นกาม เอนไปในกามโอนไปในกาม ออ นไปในกาม นอ มใจไปในกาม มุงกามเปน ใหญ แมผูน้นั ชอ่ื วา ผขู วนขวายในกาม ผใู ดเสาะหารูป ไดรูป บริโภครูป ดวย

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนาท่ี 584สามารถตัณหา เปนผปู ระพฤติอยใู นรปู มกั มากในรูป หนกั อยใู นรูปเอนไปในรปู โอนไปในรปู ออนไปในรูป นอ มใจไปในรปู มงุ รูปเปนใหญ แมผูน ้นั ก็ชอ่ื วา ผูข วนขวายในกาม ผใู ดเสาะหาเสียง.. . ผูใดเสาะหากลน่ิ ... ผูใดเสาะหารส ... ผใู ดเสาะหาโผฏฐพั พะ ไดโผฏฐัพพะบรโิ ภคโผฏฐัพพะดวยสามารถตัณหา เปนผปู ระพฤติอยใู นโผฏฐัพพะมกั มากในโผฏฐพั พะ หนักอยใู นโผฏฐพั พะ เอนไปในโผฏฐัพพะ โอนไปในโผฏฐพั พะ ออ นไปในโผฏฐพั พะ นอ มใจไปในโผฏฐพั พะ มุงโผฏฐพั พะเปนใหญ แมผ ูน ้ันกช็ อื่ วา ผขู วนขวายในกาม. พงึ กลา วความประมาท ในคําวา ปมตตฺ  ดงั ตอ ไปน้ี ความปลอยจิตไป ความตามเพมิ่ การปลอ ยจติ ไป ในกายทุจรติ ก็ดี ในวจีทจุ ริตก็ดีในมโนทุจริตกด็ ี ในเบญจกามคณุ กด็ ี หรือความทาํ โดยไมเ ออื้ เฟอ ความไมท ําเนอื ง ๆ ความทาํ หยุด ๆ ความประพฤตยิ อ หยอน ความปลงฉนั ทะความทอดธุระ ความไมเสพ ความไมเ จรญิ ความไมทาํ ใหม าก ความไมต ้งั ใจ ความไมประกอบเนอื ง ๆ ในการบาํ เพญ็ ธรรมทั้งหลายฝา ยกุศลความประมาท กิริยาที่ประมาท ความเปนผูประมาท เหน็ ปานน้ี ทา นกลาววา ความประมาท. คําวา ไมควรเสพคนผูขวนขวายและคนผปู ระมาทดวยตนเองความวา ไมควรเสพ ไมควรอาศัยเสพ ไมควรรว มเสพ ไมควรซองเสพไมค วรเออื้ เฟอประพฤติ ไมควรเตม็ ใจประพฤติ ไมควรสมาทานประพฤติกะคนผูขวนขวายและคนประมาท เพราะฉะนัน้ จึงชื่อวา ไมควรเสพคนผูขวนขวายและคนผปู ระมาทดว ยตนเอง พงึ เทย่ี วไปผูเดยี วเหมอื นนอแรดฉะน้ัน. เพราะเหตนุ ั้น พระปจเจกสัมพทุ ธเจานน้ั จงึ กลา ววา

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาที่ 585 พงึ ละเวนสหายช่วั ผไู มเห็นประโยชน ผูต ั้งอยใู น ธรรมอนั ไมเสมอ ไมควรเสพคนผูข วนขวายและคนผู ประมาทดว ยตนเอง พงึ เท่ียวไปผเู ดียวเหมือนนอแรด ฉะนน้ั .[๗๕๒] ควรคบมติ รผูเปนพหสู ตู ผูทรงธรรม มีคณุ ย่ิง มี ปฏภิ าณ รจู ักประโยชนท งั้ หลายแลว กําจดั ความสงสยั เสียพึงเทย่ี วไปผูเดยี วเหมือนนอแรด ฉะนนั้ . [๗๕๓] คาํ วา ผูเปนพหูสูต ในอเุ ทศวา พหสุ สฺ ตุ  ธมมฺ ธรภเชถ ดงั น้ี ความวา เปนผไู ดสดับมาก เปนผูทรงธรรมที่ไดส ดับมาแลว สั่งสมธรรมทไี่ ดส ดับมาแลว คือธรรมเหลาใดงามในเบื้องตน งามในทามกลาง งามในทสี่ ดุ พรอมท้งั อรรถพรอมท้งั พยัญชนะ ประกาศพรหมจรรยบรสิ ุทธบิ์ รบิ รู ณสิน้ เชิง ธรรมเหน็ ปานนนั้ เปน ธรรมท่ีมติ รนั้นสดบั มาก ทรงจาํ ไว คลอ งปาก ขนึ้ ใจ แทงตลอดดว ยดีดว ยทฏิ ฐ.ิ คําวา ธมมฺ ธร ความวา ผูทรงธรรม คือ สุตตะ เคยยะไวยากรณ คาถา อทุ าน อติ ิวุตตกะ ชาดก อัพภตู ธรรม เวทัลละ. คาํ วา ควรคบมติ รเปน พหสู ตู ผทู รงธรรม ความวา ควรคบควรเสพ ควรเขาไปเสพ ควรรวมเสพ ควรชองเสพ ซง่ึ มติ รผูเปนพหูสตู และผูทรงธรรม. เพราะฉะนั้น จงึ ช่อื วา ควรคบมิตรผเู ปน พหสู ตูผูทรงธรรม. [๗๕๔] มติ รผยู ง่ิ ดวยศลี สมาธิ ปญญา วมิ ตุ ติ วมิ ตุ ติญาณทสั สนะในอเุ ทศวา มิตฺต อฬุ าร ปฏภิ าณวนตฺ  ดังน้.ี

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนา ท่ี 586 บุคคลผูมีปฏิภาณ ในคาํ วา ปฏิภาณเวนตฺ  น้ี มี ๓ ประเภท คอืผูม ปี ฏิภาณเพราะอาศัยปริยัติ ๑ ผมู ีปฏภิ าณเพราะอาศัยปรปิ ุจฉา ๑ ผูมีปฏภิ าณโดยการบรรลุ ๑. บุคคลผมู ีปฏิภาณเพราะอาศยั ปริยตั ิเปนไฉน บคุ คลบางคนในโลกน้ี เลา เรยี นพระพทุ ธพจน คือ สตุ ตะ เคยยะ ไวยากรณ คาถาอุทาน อิตวิ ตุ ตกะ ชาดก อพั ภูตธรรม เวทัลละ พระพุทธวจนะยอมแจม แจง แกบคุ คลนน้ั เพราะอาศยั เลา เรยี น บุคคลน้ชี ื่อวา ผูม ปี ฏิภาณเพราะอาศยั ปรยิ ัต.ิ บุคคลผมู ปี ฏภิ าณเพราะอาศัยปริปจุ ฉาเปน ไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เปนผูไ ดถามในอรหตั ผล ในอริยมรรคมีองค ๘ ในอนิจจตา-ทิลักษณะ ในเหตุ ในฐานะและอฐานะ พระพุทธพจนย อ มแจม แจงแกบคุ คลนั้น เพราะอาศัยการไตถ าม บุคคลนช้ี ือ่ วา ผมู ปี ฏภิ าณเพราะอาศยั ปรปิ จุ ฉา. บคุ คลผมู ีปฏภิ าณโดยการบรรลุเปนไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้เปนผบู รรลสุ ตปิ ฏ ฐาน ๔ สมั มปั ปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อนิ ทรยี  ๕พละ ๕ โพชฌงค ๗ อริยมรรคมอี งค ๘ อริยมรรค ๔ สามัญญผล ๔ปฏสิ ัมภทิ า ๔ อภิญญา ๖ บคุ คลน้นั รูอรรถ รูธรรม รนู ริ ุติ เม่ือรูอรรถ อรรถก็แจม แจง เม่อื รูธ รรม ธรรมกแ็ จม แจง เมอ่ื รนู ริ ตุ ิ นิรตุ ิก็แจม แจง ญาณในปฏิสัมภิทา ๓ ประการนี้ เปนปฏิภาณปฏิสมั ภิทาพระปจเจกสมั พุทธเจา นนั้ เขาไป เขา ไปพรอ ม เขา มา เขา มาพรอมเขาถึง เขาถึงพรอ ม ประกอบแลว ดวยปฏิภาณปฏสิ ัมภทิ านี้ เพราะเหตุน้ันพระปจ เจกสมั พุทธเจาน้ันจงึ ชื่อวามีปฏภิ าณ ผูใดไมมีปริยัติ ไมม ีปริปุจฉา

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 587ไมม ีอธคิ ม บทธรรมอะไรจกั แจม แจงแกบ ุคคลน้นั เลา เพราะฉะน้นัจึงชอื่ วา ซึง่ มติ รมคี ุณยง่ิ มีปฏภิ าณ. [๗๕๕] คําวา รูจ กั ประโยชนท ง้ั หลายแลว พงึ กาํ จัดความสงสยั เสยี ความวา รทู ั่วถึง รูยิง่ ทราบ เทยี บเคียง พจิ ารณาใหแจมแจง ทาํ ใหปรากฏแลว ซึ่งประโยชนต น ประโยชนผูอื่น ประโยชนท้งั สองฝา ย ประโยชนในปจจบุ ัน ประโยชนใ นสมั ปรายภพ พึงกําจดัพงึ ปราบ ละ บรรเทา ทําใหส นิ้ สดุ ใหถ ึงความไมม ี ซ่ึงความสงสัยเพราะฉะนนั้ จงึ ชอื่ วา รูจกั ประโยชนท ั้งหลายแลว พงึ กาํ จดั ความสงสยัพึงเท่ียวไปผูเดยี วเหมอื นนอแรดฉะน้ัน เพราะฉะนั้น พระปจ เจก-สมั พุทธเจา นนั้ จึงกลาววา ควรคบมติ รผเู ปน พหสู ูต ผูทรงธรรม มีคุณยงิ่ มี ปฏิภาณ รูจกั ประโยชนท ้งั หลายแลว กําจัดความสงสัย เสีย พึงเท่ยี วไปผเู ดียวเหมอื นนอแรดฉะน้ัน.[๗๕๖] พระปจ เจกสมั พุทธเจา ไมท ําความพอใจซึง่ การเลน ความยินดี และกามสุขในโลก ไมอ าลัย เวน จากฐานะ แหง เครื่องประดบั เปนผพู ดู จริง พึงเท่ียวไปผูเดยี ว เหมือนนอแรดฉะน้นั . [๗๕๗] ช่ือวา การเลน ในอเุ ทศวา ขฑิ ฑฺ า รตี กามสขุ ฺจโลเก ดังน้ี ไดเ เกการเลน ๒ อยาง คอื การเลน ทางกาย ๑ การเลนทางวาจา ๑ ฯ ล ฯ นี้ช่อื วาการเลน ทางกาย ฯ ล ฯ นีช้ ือ่ วา การเลนทางวาจา.

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนา ที่ 588 คาํ วา ความยนิ ดี นี้ เปนเคร่ืองกลาวถึงความเปน ผไู มก ระสัน. คาํ วา กามสขุ ความวา สมจรงิ ตามพระพุทธพจนทีพ่ ระผูมีพระภาคเจาตรัสไววา ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย กามคณุ ๕ ประการน้ี ๕ประการเปนไฉน คือ รูปท่จี ะพึงรูแจง ดวยตา อนั นาปรารถนา นา ใครนา พอใจ นารกั ย่ัวยวน ชวนใหกาํ หนดั เสียงที่จะพึงรแู จงดวยหูกล่ินท่ีจะพงึ รแู จงดวยจมกู รสทจี่ ะพึงรแู จง ดวยล้ิน โผฏฐัพพะทจี่ ะพึงรแู จง ดวยกาย อนั นาปรารถนา นาใคร นาพอใจ นารัก ย่วั ยวน ชวนใหก ําหนดั ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย กามคุณ ๕ ประการนี้แล. ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย สุขโสมนสั ใดแล อาศยั กามคณุ ๕ ประการนีเ้ กดิ ข้ึน สุขโสมนัสน้ีเราเรยี กวา กามสขุ เพราะฉะนั้น จึงช่ือวา กามสขุ . คําวา ในโลก คอื ในมนษุ ยโลก เพราะฉะนั้น จงึ ชอ่ื วา . . .ความเลน ความยนิ ดี และกามสุขในโลก. [๗๕๘] คําวา ไมทําความพอใจ ไมอาลยั ความวา ไมท ําความพอใจ ซง่ึ การเลน ความยินดี และกามสขุ ในโลก เปน ผไู มม ีความอาลัย คอื ละ บรรเทา ทาํ ใหส้นิ สุด ใหถึงความไมมี เพราะ-ฉะนัน้ จึงชื่อวา ไมทาํ ความพอใจ ไมอ าลัย. [๗๕๙] ชื่อวา เครอื่ งประดบั ในอเุ ทศวา วิภูสนฏ านา วริ โตสจฺจวาที ดงั น้ี ไดแกเคร่อื งประดบั ๒ อยาง คือ เคร่ืองประดับของคฤหสั ถอ ยางหนง่ึ เครอื่ งประดับของบรรพชิตอยา งหนงึ่ . เครื่องประดบั ของคฤหัสถเปน ไฉน ผม หนวด ดอกไม ของหอม เคร่ืองลบู ไล เครอื่ งประดับ เครื่องแตง ตัว ผา เคร่ืองประดบัศีรษะ ผาโพก เครือ่ งอบ เครอื่ งนวด เครื่องอาบนํ้า เครอื่ งตัด

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนาท่ี 589กระจกเงา เคร่ืองหยอดตา ดอกไม เครอ่ื งไลทา เคร่อื งทาปาก เครอ่ื งผัดหนา เครื่องผกู ขอมือ เคร่อื งผูกมวยผม ไมเ ทา กลองยา ดาบ รมรองเทา กรอบหนา พัดขนสตั ว ผาขาว ผา มชี ายยาว เครือ่ งประดับดงั กลา วมานี้ เปน เครอ่ื งประดบั ของคฤหสั ถ. เคร่อื งประดับของบรรพชติ เปนไฉน การประดับจวี ร การประดบับาตร การประดบั เสนาสนะ การประดับ การตกแตง การเลน การเลน รอบ ความกาํ หนัด ความพลกิ แพลง ความเปนผูพลิกแพลง ซง่ึกายอันเปอ ยเนา นี้ หรือซ่งึ บรขิ ารอนั เปน ภายนอก การประดบั นี้ เปนการประดบั ของบรรพชติ . คาํ วา เปนผพู ดู จริง ความวา พระปจเจกสัมพทุ ธเจานน้ั เปนผูพูดจริง เชือ่ มคําสตั ย มีถอ ยคาํ เปนหลกั ฐาน ควรเชื่อได ไมก ลาวใหเคลือ่ นคลาดแกโ ลก เวน ทว่ั งดเวน ออกไป สลัดออกไป หลดุ พนพรากออกไป จากฐานะแหง เครอื่ งประดับ มีใจปราศจากเขตแดนอยูเพราะฉะนนั้ จึงช่ือวา เวนแลว จากฐานะแหงเครอ่ื งประดับ เปน ผพู ูดจรงิพงึ เทย่ี วไปผเู ดยี วเหมือนนอแรดฉะนั้น. เพราะเหตนุ ั้น พระปจเจก-สมั พุทธเจานนั้ จึงกลา ววา พระปจเจกสัมพุทธเจา ไมทําความพอใจซ่ึงการเลน ความยนิ ดี และกามสขุ ในโลก ไมอ าลยั เวนจากฐานะ แหง เคร่อื งประดบั เปนผูพดู จริง พึงเทย่ี วไปผูเดยี ว เหมือนนอแรดฉะน้นั .

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนา ท่ี 590[๗๖๐] พระปจเจกสัมพุทธเจาละบตุ ร ทาระ บิดา มารดา ทรพั ย ธญั ชาติ พวกพอง และกามทั้งหลายตามสวน พงึ เทย่ี วไปผเู ดียวเหมอื นนอแรดฉะน้ัน. [๗๖๑] บุตร ในคาํ วา ปตุ ฺต ในอุเทศวา ปตุ ฺตจฺ ทาร ปตรจฺมาตร ดงั นี้ มี ๔ คอื บุตรที่เกดิ แตตน ๑ บุตรทเี่ กดิ ในเขต ๑ บตุ รทีเ่ ขาให ๑ บุตรทีอ่ ยใู นสาํ นัก ๑ ภรรยาทานกลา ววา ทาระ บรุ ษุ ผใู หบุตรเกดิ ชอื่ วาบิดา สตรผี ูใหบ ตุ รเกดิ ช่ือวา มารดา เพราะฉะน้นั จงึ ช่อื วาบุตร ทาระ บิดา มารดา. [๗๖๒] แกว มุกดา แกวมณี แกว ไพฑรู ย สังข ศลิ า แกว -ประพาฬ เงิน ทอง แกว ทับทมิ แกว ลาย ทา นกลา ววา ทรพั ย ในอุเทศวา ธนานิ ธฺ านิ จ พนฺธวานิ ดังน.ี้ ของทกี่ ินกอ น ของทก่ี ินทหี ลงั ทานกลาววา ธัญชาต.ิ ขา วสาลี ขา วเจา ขา วเหนียว ขา วฟา งลูกเดอื ย หญากบั แก ช่ือวาของทก่ี นิ กอน เคร่ืองแกงช่ือวา ของที่กินทหี ลงั .พวกพอง ในคาํ วา พนธฺ วานิ มี ๔ จําพวก คอื พวกพองโดยเปนญาติ ๑ พวกพองโดยโคตร ๑ พวกพองโดยความเปน มติ ร ๑ พวกพองเนื่องดวยศลิ ป ๑ เพราะฉะนน้ั จึงชอ่ื วา ทรัพย ธญั ชาติ พวกพอ ง. [๗๖๓] ชื่อวา กาม ในอุเทศวา หิตวฺ าน กามานิ ยโถธกานิดงั น้ี โดยหัวขอไดแกก าม ๒ อยา ง คอื วัตถกุ าม ๑ กเิ ลสกาม ๑ ฯ ล ฯเหลานั้นทา นกลา ววาวตั ถุกาม ฯ ล ฯ เหลานีท้ า นกลา ววากเิ ลสกาม. คําวา ละกามทงั้ หลาย ความวา กาํ หนดรูว ัตถกุ ามแลว ละบรรเทา ทาํ ใหส้ินสุด ใหถงึ ความไมม ี ซ่ึงกิเลสกาม เพราะฉะน้นัจึงชอ่ื วา ละกามทัง้ หลาย.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนาที่ 591 คาํ วา ตามสว น ความวา ไมมาอกี ไมย อ นมา ไมกลับมาสูก ิเลสท่ีละไดแ ลว ดว ยโสดาปตตมิ รรค ไมมาอกี ไมย อนมา ไมกลับมาสกู ิเลสทลี่ ะไดแลวดว ยสกทาคามิมรรค ไมม าอกี ไมย อ นมา ไมก ลบั มาสูกเิ ลสท่ลี ะไดแลว ดวยอนาคามิมรรค ไมม าอกี ไมย อนมา ไมก ลบั มาสกู ิเลสทล่ี ะไดแลวดว ยอรหัตมรรค เพราะฉะนน้ั จึงชือ่ วา ละแลว ซงึ่ กามทั้งหลายตามสว นพงึ เทีย่ วไปผูเ ดยี วเหมือนนอแรดฉะนนั้ เพราะเหตุน้นั พระปจ เจก-สัมพทุ ธเจา นน้ั จงึ กลาววา พระปจ เจกสัมพุทธเจาละบุตร ทาระ บดิ า มารดา ทรัพย ธญั ชาติ พวกพอ ง และกามทง้ั หลายตามสว น พึงเท่ยี วไปผูเ ดียวเหมือนนอแรดฉะนน้ั .[๗๖๔] กามนีเ้ ปนเคร่ืองของ มคี วามสขุ นอ ย มคี วามยนิ ดี นอ ย มีทกุ ขมาก บคุ คลผูมปี ญ ญารวู า กามนี้เปนดังฝ ดงั นแี้ ลว พึงเทย่ี วไปผเู ดยี วเหมือนนอแรดฉะนัน้ . [๗๖๕] คําวา เคร่อื งของกด็ ี วา เปดกด็ ี วา เหยือ่ กด็ ี วาเก่ยี วของกด็ ี วาพัวพนั ก็ดี นเี้ ปนชอ่ื แหงเบญจกามคณุ ในอเุ ทศวาสงโฺ ค เอโส ปริตฺตเมตฺถ โสขยฺ  ดงั นี.้ คาํ วา กามน้มี คี วามสุขนอย ความวา สมจริงตามพระพุทธพจนที่พระผมู พี ระภาคเจาตรัสไววา ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย กามคุณ ๕ ประการน้ี ๕ ประการเปนไฉน คือ รูปที่จะพงึ รูแ จง ดว ยคา อันนา ปรารถนานา ใคร นาพอใจ นารกั ยั่วยวน ชวนใหกําหนัด เสียงที่จะพึงรูแ จงดว ยหู กล่ินทจี่ ะพงึ รูแจงดวยจมกู รสท่จี ะพึงรูแ จง ดว ยล้นิ โผฏฐัพพะทจ่ี ะพึงรูแจงดว ยกาย อันนา ปรารถนา นา ใคร นา พอใจ นารกั ย่ัวยวน

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนา ท่ี 592ชวนใหก าํ หนัด ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย กามคณุ ๕ ประการน้แี ล ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย สขุ โสมนสั ใดแล อาศยั กามคุณ ๕ ประการนเ้ี กดิ ขึน้ สขุโสมนสั นัน้ แลเรากลาววา กามสขุ กามสุขนม้ี นี อย กามสขุ นีเ้ ลว กามสขุนี้ลามก กามสุขน้ีใหเ กิดทุกข เพราะฉะนน้ั จงึ ชื่อวา กามนเ้ี ปน เครอื่ งของ มคี วามสุขนอ ย. [๗๖๖] คาํ วา กามนม้ี ีความยนิ ดนี อ ย มที ุกขม าก ความวากามท้ังหลายพระผมู พี ระภาคเจา ตรัสวา มีความยินดนี อย มีทุกขมาก มีความคบั แคนมาก มีโทษมาก กามท้ังหลาย พระผูม ีพระภาคเจา ตรัสวาเหมอื นโครงกระดกู กามทงั้ หลาย พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั วา เหมอื นชน้ิ เนอื้ กามท้งั หลายพระผูม พี ระภาคเจาตรัสวา เหมือนคบเพลิง กามทงั้ หลายพระผูม พี ระภาคเจาตรัสวา เหมอื นหลุมถานเพลิง กามท้ังหลายพระผูม พี ระภาคเจาตรสั วา เหมอื นความฝน กามทง้ั หลายพระผูมพี ระ-ภาคเจา ตรัสวา เหมอื นของทีย่ ืมเขามา กามทง้ั หลายพระผมู พี ระภาคเจาตรสั วา เหมือนผลไม กามท้งั หลายพระผูมพี ระภาคเจาตรสั วา เหมือนคาบและสุนัขไลเน้อื กามท้งั หลายพระผูมีพระภาคเจาตรัสวา เหมอื นหอกและหลาว กามทั้งหลายพระผมู ีพระภาคเจาตรัสวา เหมอื นศรี ษะงูเหามีทกุ ขมาก มคี วามคบั แคน มาก มโี ทษมาก เพราะฉะน้นั จงึ ชือ่ วา กามนมี้ คี วามยนิ ดีนอย มีทุกขม าก. [๗๖๗] คาํ วา ดงั ฝก ็ดี วาเบ็ดกด็ ี วาเหยื่อก็ดี วาความขอ งกด็ ี วา ความกังวลกด็ ี เปน ชือ่ ของเบญจกามคณุ ในอเุ ทศวา คณโฺ ฑเอโส อิติ ตวฺ า มตมิ า ดงั น.ี้ บทวา อิติ เปนบทสนธิ เปน บทเกี่ยวของ เปนบทบรบิ รู ณ

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนา ที่ 593เปนที่ประชมุ แหง อักขระ เปน ความสละสลวยแหง พยัญชนะ. บทวา อิตินี้ เปน ไปตามลาํ ดบั บท. คาํ วา บุคคลผมู ีปญ ญารแู ลว วา กามนเี้ ปนดังฝ ความวา บุคคลผูมปี ญ ญา เปนบัณฑติ มคี วามรู มคี วามตรสั รู มญี าณ มปี ญญาแจมแจงมปี ญ ญาทาํ ลายกิเลส รูแลว คอื เทียบเคียงพิจารณา ใหแจมแจง ทําใหปรากฏวา กามนีเ้ ปน ดงั ฝ เปน เบ็ด เปน เหย่ือ เปนความของ เปนความกังวล เพราะฉะน้นั จึงชอื่ วา บคุ คลผูมีปญญารูแลววา กามนี้เปนดังฝ พึงเท่ียวไปผูเดียวเหมือนนอแรดฉะน้ัน เพราะเหตุนั้น พระปจเจก-สัมพุทธเจา นั้นจึงกลาววา กามน้ีเปน เครอ่ื งของ มีความสุขนอย มคี วามยินดี นอ ย มที กุ ขม าก บุคคลผูม ปี ญ ญารูวา กามนเี้ ปน ดังฝ ดงั นแ้ี ลว พงึ เท่ียวไปผูเดียวเหมอื นนอแรดฉะนั้น. [๗๖๘] พระปจ เจกสัมพทุ ธเจาทําลายแลว ซึง่ สงั โยชนท ั้ง- หลาย เหมอื นปลาทาํ ลายขาย และเหมอื นไฟทไ่ี หมล าม ไปมิไดก ลบั มา พึงเที่ยวไปผูเดียวเหมือนนอแรดฉะนน้ั . [๗๖๙] สังโยชน ในอุเทศวา สนทฺ าลยติ ฺวาน สโฺ ชนานิดังนี้ มี ๑๐ ประการ คือ กามราคสงั โยชน ปฏฆิ สังโยชน มานสังโยชนทิฏฐสิ งั โยชน วจิ กิ ิจฉาสงั โยชน สลี พั พตปรามาสสังโยชน ภวราค-สังโยชน อิสสาสังโยชน มจั ฉริยสังโยชน อวิชชาสงั โยชน. คําวา ทาํ ลายแลว ซึ่งสังโยชนท้ังหลาย ความวา ทาํ ลาย ทําลาย

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนาที่ 594พรอม ละ บรรเทา ทาํ ใหส น้ิ สุด ใหถ ึงความไมมี ซ่ึงสงั โยชน ๑๐ประการ เพราะฉะนน้ั จงึ ชื่อวา ทําลายแลว ซ่งึ สงั โยชนท ั้งหลาย. [๗๗๐] ขา ยทีท่ าํ ดวยดาย ทานกลา ววา ขาย ในอเุ ทศวา ชาล วเภตวฺ า สลิลมฺพจุ ารี ดงั น้ี . น้าํ ทา นกลาววา สลลิ ะ. ปลาทานกลาววาอัมพุจารี สัตวเท่ยี วอยูในนาํ้ . ปลาทาํ ลาย ฉีก แหวกขา ยขาดลอดออกแลว เทยี่ ววาแหวกไป รักษา บาํ รุง เยยี วยา. ขายมี ๒ ชนิด คือ ขา ยคอื ตณั หา ๑ ขา ยคอื ทิฏฐิ ๑ ฯ ล ฯนชี้ ่อื วา ขายคือตัณหา ฯ ล ฯ นช้ี ่ือวา ขา ยคอื ทฏิ ฐิ. พระปจเจกสัมพุทธ-เจาน้นั ละขา ยคอื ตณั หา สละคืนขายทฏิ ฐเิ สียแลว เหมอื นปลาทาํ ลายขายฉะน้ัน เพราะเปนผลู ะขา ยคือตัณหา สละคนื ขา ยคือทิฏฐเิ สยี แลว พระ-ปจเจกสัมพทุ ธเจานั้นจึงไมข อ ง ไมต ดิ ไมพวั พันในรปู เสียง กล่นิ รสโผฏฐัพพะ ในรูปท่ีไดเหน็ เสียงทีไ่ ดฟ ง อารมณท ี่ไดท ราบ ธรรมารมณท่ีจะพึงรแู จง เปนผูออกไป สลัดออก หลดุ พน ไมเก่ยี วของ มีใจอนั ทําไมใหม เี ขตแดนอยู เพราะฉะนัน้ จึงช่อื วา เหมือนปลาทําลายขายฉะนน้ั . [๗๗๑] คาํ วา เหมือนไฟไหมล ามไปมิไดกลับมา ความวาพระปจ เจกสมั พทุ ธเจา นั้นไมม าอีก ไมยอ นมา ไมกลบั มาสกู ิเลสท่ีละไดแลวดว ยโสดาปตติมรรค ไมมาอกี ไมย อ นมา ไมก ลบั มาสูก ิเลสทลี่ ะไดแลวดวยสกทาคามมิ รรค ไมม าอีก ไมย อนมา ไมกลับมาสูก ิเลสท่ีละแลว ดว ยอนาคามมิ รรค ไมมาอกี ไมย อ นมา ไมก ลบั มาสูกิเลสที่ละไดแลวดวยอรหตั มรรค เหมือนไฟไหมเ ชื้อหญา และไมลามไปมิไดก ลับมาฉะนั้น เพราะฉะนั้น จงึ ชื่อวา เหมือนไฟไหมลามไปมไิ ดกลับมา พึง

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนา ท่ี 595เทีย่ วไปผเู ดยี วเหมือนนอแรดฉะนัน้ . เพราะเหตนุ น้ั พระปจ เจกสัมพทุ ธ-เจาน้ันจึงกลาววา พระปจ เจกสมั พทุ ธเจา ทําลายแลว ซ่งึ สังโยชนทัง้ - หลาย เหมอื นปลาทาํ ลายขาย และเหมอื นไฟที่ไหมลาม ไปมไิ ดก ลับมา พงึ เที่ยวไปผเู ดยี วเหมือนนอแรด ฉะนน้ั .[๗๗๒] พระปจ เจกสัมพุทธเจา เปนผูมีจกั ษุอันทอดลง ไม เหลวไหลเพราะเทา คมุ ครองอินทรีย มีใจอนั รกั ษาแลว กิเลสมไิ ดช ุม ไฟกเิ ลสมไิ ดเผา พงึ เที่ยวไปผูเดียว เหมือนนอแรดฉะนนั้ . [๗๗๓] พึงทราบวินจิ ฉัยในอเุ ทศวา โอกฺขติ ตฺ จกฺขุ น จ ปาท-โลโล ดังนี้ ภกิ ษุเปนผไู มสํารวมจักษุอยางไร ภกิ ษบุ างรปู ในธรรมวนิ ยั นี้เปน ผูเหลวไหลเพราะจกั ษุ ประกอบดว ยความเปนผเู หลวไหลเพราะจักษุดว ยความดําริวา เราจะดรู ปู ที่ไมเ คยดู จะผานเลยรูปทเ่ี คยดแู ลว จงึ ออกจากอารามนีไ้ ปยงั อารามโนน จากสวนนไี้ ปยังสวนโนน จากบา นน้ไี ปยงับานโนน จากนคิ มนีไ้ ปยังนิคมโนน จากนครนไี้ ปยังนครโนน จากรัฐน้ีไปยงั รฐั โนน จากชนบทน้ไี ปยังชนบทโนน เปนผขู วนขวายความเทยี่ วนาน เทย่ี วไปไมหยดุ เพ่ือจะดรู ปู ภกิ ษุเปนผูไมสํารวมจักษอุ ยา งน.้ี อกี อยางหนึ่ง ภกิ ษุเขาไปสลู ะแวกบาน เดนิ ไปตามถนน ไมสาํ รวม เดินดูกองทพั ชาง ดูกองทัพมา ดูกองทพั รถ ดกู องทพั เดินเทาดพู วกกุมาร ดูพวกกุมารี ดูพวกสตรี ดพู วกบรุ ุษ ดรู า นตลาด ดู

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนาที่ 596ประตูบา น ดขู างบน ดูขางลาง ดทู ศิ ใหญทศิ นอย เดินไป ภิกษุเปนผูไมสํารวมจักษแุ มอยา งนี.้ อีกอยา งหนงึ่ ภิกษเุ ห็นรปู ดวยจกั ษแุ ลว ถือนมิ ติ ถืออนพุ ยัญชนะยอมไมปฏิบตั เิ พือ่ สํารวมจกั ขุนทรยี  ท่เี มอื่ ไมสาํ รวมแลว พึงเปนเหตใุ หอกุศลธรรมอนั ลามกคืออภิชฌาและโทมนัสครอบงาํ ได ไมร กั ษาจักขนุ ทรยี ไมถึงความสํารวมในจกั ขุนทรยี  ภกิ ษุเปนผไู มสาํ รวมจักษุแมอยา งนี้. อีกอยางหนงึ่ เหมือนทานสมณพราหมณบ างจาํ พวก ฉนั โภชนะที่เขาใหด วยศรทั ธาแลว เปน ผขู วนขวายดกู ารเลนอนั เปน ขาศึกแกก ศุ ลเห็นปานนี้ คอื การฟอน การขับรอง การประโคม มหรสพมีการรําเปนตนการเลานยิ าย เพลงปรบมือ การเลน ปลกุ ฝ การเลน ตีกลอง ฉากภาพบา นเมอื งท่ีสวยงาม การเลน ของคนจณั ฑาล การเลน ไตร าว การเลน หนาศพชนชาง ชนมา ชนกระบือ ชนโค ชนแพะ ชนแกะ ชนไก รบนกกระทาราํ กระบ่กี ระบอง มวยชก มวยปลํ้า การรบ การตรวจพล การจดักระบวนทพั กองทัพ ภิกษเุ ปน ผไู มส าํ รวมจักษุแมอยา งนี้. อีกอยา งหน่งึ ภกิ ษุเขา ไปสลู ะแวกบาน เดนิ ไปตามถนนเปนผูสาํ รวม ไมดูกองทัพชา ง ไมด กู องทพั มา ไมดูกองทัพรถ ไมดกู องทพัเดินเทา ไมด พู วกกมุ าร ไมด ูพวกกมุ ารี ไมด ูพวกสตรี ไมด ูพวกบุรุษไมดรู า นตลาด ไมด ปู ระตูบาน ไมดูขางบน ไมด ูขา งลาง ไมดทู ศิ ใหญทศิ นอ ย เดนิ ไป ภกิ ษเุ ปนผสู ํารวมจักษุแมอยางน้.ี ภิกษเุ ปน ผูส าํ รวมจกั ษุอยา งไร ภิกษุในธรรมวนิ ยั นี้ ไมเปนผูเหลวไหลเพราะจักษุ ไมป ระกอบดว ยความเปน ผูเหลวไหลเพราะจักษุดวยความไมด ํารวิ า เราจะดรู ปู ท่ีไมเ คยดู จะผานเลยรปู ทเ่ี คยดูแลว ไม

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 597ออกจากอารามนไี้ ปยงั อารามโนน ไมจ ากสวนนี้ไปยังสวนโนน ไมจ ากบานน้ีไปยังบา นโนน ไมจากนิคมนีไ้ ปยังนคิ มโนน ไมจากนครนี้ไปยงันครโนน ไมจ ากรัฐน้ีไปยังรฐั โนน ไมจากชนบทนไี้ ปยงั ชนบทโนนไมขวนขวายการเทยี่ วนาน เท่ียวไมหยดุ เพื่อจะดูรปู ภิกษเุ ปนผูส ํารวมจักษอุ ยางนี้. อีกอยา งหนง่ึ ภกิ ษุเหน็ รูปดวยจักษแุ ลว ไมถ อื นมิ ิ ไมถ อื อนุ-พยัญชนะ ยอมปฏิบัตเิ พอื่ สาํ รวมจักขุนทรีย ที่เมอ่ื ไมสาํ รวมแลว พึงเปนเหตุใหอ กศุ ลธรรมอันลามกคอื อภชิ ฌาและโทมนสั ครอบงําได ยอมรักษาจกั ขนุ ทรีย ถงึ ความสาํ รวมในจกั ขุนทรีย ภกิ ษุเปน ผูส าํ รวมจักษุแมอยา งน.ี้ อกี อยางหน่งึ เหมอื นทา นสมณพราหมณบ างจําพวก ฉนั โภชนะท่ีเขาใหดวยศรทั ธาแลว เปนผูไมขวนขวายดกู ารเลนอนั เปนขา ศึกแกกุศลธรรมเหน็ ปานนี้ คอื การฟอ น การขบั การประโคม ฯ ล ฯ การดกู องทัพ ภิกษุเปนผูงดเวน จากการขวนขวายดูการเลน อนั เปน ขา ศึกแกกศุ ลธรรมเหน็ ปานน้ี ภิกษุเปน ผูสํารวมจกั ษุแมอยางนี้. พึงทราบวนิ จิ ฉยั ในอุเทศวา ไมเหลวไหลเพราะเทา ดงั ตอ ไปน้ีภกิ ษเุ ปนผูเหลวไหลเพราะเทาอยา งไร ภกิ ษบุ างรูปในธรรมวนิ ัยน้ี เปนผูเหลวไหลเพราะเทา ประกอบดว ยความเปนผูเหลวไหลเพราะเทา ออกจากอารามนไ้ี ปยงั อารามโนน ... จากชนบทนไ้ี ปยงั ชนบทโนน เปนผูขวนขวยการเทีย่ วไปนาน เที่ยวไปไมห ยดุ ภิกษุเปนผูเหลวไหลเพราะเทาแมอ ยา งน้ี.






Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook