Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_67

tripitaka_67

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:43

Description: tripitaka_67

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 401ตีติ เม สุต ขา พระองคไดย นิ มาวา พระผมู พี ระภาคเจาผเู ปนพระเทพฤๅษียอมทรงพยากรณใ นครัง้ ท่ี ๓ ความวา ขา พระองคไดยินมาอยางนวี้ าพระผมู พี ระภาคเจาผูเปน พระฤษีวิสทุ ธเิ ทพ เปน พระสมั มาสัมพทุ ธเจามผี ทู ูลถามปญ หาเปนครัง้ ที่ ๓ ยอ มทรงพยากรณกะสหธรรมิก. นยั วาโมฆราชมาณพไดฟง มาอยา งน้ี ณ ฝงแมน า้ํ โคธาวารนี นั่ เอง. ดวยเหตนุ ัน้โมฆราชมาณพจึงทูลวา พฺยากโรตตี ิ เม สตุ  ดงั น้ี คาํ ใดที่พงึ กลาวในนิเทศแหงคาถาน้ี คํานนั้ มนี ยั ดงั ไดกลา วมาแลว ในหนหลงั นัน่ แล. บทวา อย โลโก คือ มนษุ ยโลกน.้ี บทวา ปโร โลโก คือโลกท่เี หลอื ยกเวน มนษุ ยโลกน้ัน. บทวา สเทวโก พรอ มดวยเทวโลกคือโลกที่เหลือ ยกเวน พรหมโลก. ไดแ ก อปุ ปตติเทพและสมมติเทพบทท่ีวา พฺรหฺมโลโก สเทวโก พรหมโลก พรอ มดว ยเทวโลก เปนเพยี งแสดงคาํ มอี าทวิ า สเทวโก โลโก โลกพรอมดวยเทวโลก. ดวยบทนัน้พึงทราบโลกแมท้งั หมดมปี ระการดังไดกลาวแลว อยางนั้น. บทวา เอว อภิกฺกนตฺ ทสฺสาวึ พระองคผูเห็นธรรมอันงามอยางน้ีคือโมฆราชมาณพแสดงวา พระผมู ีพระภาคเจาทรงเหน็ ธรรมอนั เลิศอยา งน้ีสามารถจะทรงเหน็ อัธยาศัย อธิมตุ ติ คติ เปน ทีไ่ ปในเบื้องหนา ของโลกพรอมดว ยเทวโลกได. บทวา สุฺ โต โลก อเวกฺขสสฺ ุ ทา นจงพิจารณาเหน็ โลกโดยความเปน ของสญู คือพระผูมพี ระภาคเจา ตรัสวา ทา นจงดโู ลกโดยความเปนของสูญโดยอาการ ๒ อยา ง คือดวยการกําหนดความไมเ ปน ไปในอาํ นาจ ๑ดว ยพจิ ารณาเหน็ สังขารวางเปลา ๑. บทวา อตตฺ านุทฏิ  ึ โอหจฺจ ถอนอตั ตานุทิฏฐเิ สีย คอื ถอนความเห็นวาเปนตวั ตนเสีย.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 402 บทวา ลชุ ชฺ ติ คอื ยอมแตก. ชอื่ วา จกฺขุ เพราะเหน็ . จักษนุ ั้นใหส าํ เร็จความเปน วัตถแุ ละทวารตามสมควร แกจกั ษุวิญญาณเปน ตนในบรเิ วณทีเ่ ห็นได อนั เปนสถานท่เี กดิ ของสรรี สณั ฐาน อันตง้ั อยูเฉพาะหนาในทามกลางวงกลมสดี าํ ซึง่ ลอ มดว ยวงกลมสีขาวอนั เปน สสมั ภาร-จักษุ (ดวงตา) ตั้งอยู. ชือ่ วา รปู า เพราะยอยยบั . อธิบายวา รปูท้ังหลายถึงความวิการดวยสี ยอมประกาศความสบายใจ. ช่ือวา จกฺขุ-วิฺาณ เพราะวิญญาณเปน ไปแลว แตจกั ษุ หรอื วิญญาณของจกั ษุอาศยั จักษุ. สัมผสั เปนไปแลว โดยจกั ษชุ ือ่ วา จกั ขุสัมผสั . บทวา จกขฺ ุ-สมฺผสสฺ ปจฺจยา เพราะจกั ษุสมั ผสั เปนปจ จยั คอื ผัสสะอนั สัมปยตุ แลว ดวยจกั ษุวญิ ญาณเปนปจ จัย. บทวา เวทยิต คือ การเสวย. อธิบายวา เวทนา.ช่ือวา สขุ เพราะทาํ ผนู ้ันใหเ กิดสขุ . อธบิ ายวา ทบ่ี คุ คลผมู เี วทนาเกิดใหถึงสุข. หรอื ชอ่ื วา สขุ เพราะกัดกนิ และขดุ ดว ยดซี ง่ึ ความเจ็บปว ยทางกายและจิต. ชอ่ื วา ทุกข เพราะทนไดย าก. อธิบายวา ทาํ บคุ คลผูม ีเวทนาเกดิใหถงึ ทกุ ข. ชือ่ วา อทุกขมสขุ เพราะไมท กุ ข ไมส ขุ . ม อกั ษรทา นกลา วดวยบทสนธิ. อนึง่ จักษสุ ัมผสั น้ัน เปนปจ จยั ๘ ดว ยอํานาจสหชาตปจ จยั ๑อัญญมญั ญปจ จยั ๑ นสิ สยปจจยั ๑ วปิ ากปจจัย ๑ อาหารปจ จัย ๑สัมปยตุ ตปจจัย ๑ อัตถิปจ จยั ๑ อวคิ ตปจ จัย ๑ แกเ วทนาทส่ี มั ปยุตกบั ตน.เปน ปจจัย ๕ ดวยอํานาจอนันตรปจ จัย ๑ สมนันตรปจจยั ๑ อุปนิสสย-ปจจยั ๑ นัตถปิ จ จยั ๑ วิคตปจจัย ๑ แกส ัมปฏิจฉันนะและธรรมท่ีสมั ปยตุ เปน ปจจยั ดว ยอํานาจอปุ นสิ สยปจ จยั เทาน้นั แกสันตีรณะเปน ตนและธรรมท่สี มั ปยุต.

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนา ท่ี 403 ช่อื วา โสต เพราะฟง . โสตะน้ันยังความเปนวัตถแุ ละทวารใหสาํ เรจ็ ตามสมควรแกโสตวญิ ญาณเปนตน ในชองมสี ณั ฐานพอสอดนวิ้เขาไปได มีขนออนและแดงอยูภายในชองสสมั ภารโสตะตัง้ อย.ู ช่ือวาสททฺ า เพราะไป อธบิ ายวา เปลง ออก. ช่อื วา ฆาน เพราะสดู ดม.ฆานะนน้ั ยังความเปน วัตถุและทวารใหส าํ เร็จตามสมควรแกฆานวิญญาณเปนตน ในทมี่ ีสัณฐานเหมือนเทาแพะภายในโพรงของสสัมภารฆานะตงั้อย.ู ชอื่ วา คนฺธา เพราะฟงุ ไป. อธบิ ายวา ประกาศวตั ถุ (เรอ่ื งราว)ของตน. ชอื่ วา ชวิ ฺหา เพราะเลี้ยงชีวติ . หรอื ชือ่ วา ชิวฺหา เพราะอรรถวา ลิม้ ชวิ หานน้ั ยังความเปนวัตถุและทวารใหสําเร็จตามสมควรแกชวิ หาวิญญาณเปน ตน ในทที่ ม่ี สี ณั ฐานคลายปลายกลีบดอกอุบลซ่งึ แยกกลบีในทามกลาง ทามกลางพื้นเบอ้ื งบนเวนยอดโคนและขา งของสสัมภาร-ชิวหาตงั้ อยู. ชื่อวา รสา เพราะเปนทย่ี ินดขี องสตั ว. อธบิ ายวา ชอบใจ.ชื่อวา กาโย เพราะเปนที่เกิดแหง ธรรมทเ่ี ปน ไปกับอาสวะอนั นาเกลยี ด.บทวา อาโย ไดแก ที่เกิด. ชื่อวา ความเปน ไปแหง รปู มีใจครองมอี ยูในกายนี้เทา ใด กายประสาทก็ยังความเปนวตั ถุและทวารใหส าํ เร็จตามสมควรแกก ายวิญญาณเปน ตนตง้ั อยูเ ทานน้ั ในกายนั้นโดยมาก. ช่ือวาโผฏพพฺ า เพราะถกู ตอ ง. ช่อื วา มโน เพราะรู อธบิ ายวา รูแจง.ช่อื วา ธมมฺ า เพราะทรงไวซึง่ ลกั ษณะของตน. บทวา มโน คอื ภวังคพรอ มดว ยอาวัชชนะ. บทวา ธมมฺ า คอื ธรรมารมณท เ่ี หลอื เวนนพิ พาน.บทวา มโนวิฺ าณ คือ ชวนะมโนวิญญาณ. บทวา มโนสมฺผสโฺ สไดแก ผสั สะท่สี ัมปยุตดวยชวนะมโนวิญญาณนนั้ . มโนสัมผัสน้ันเปน ปจจัย

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 404แกส มั ปยตุ เวทนา ดวยอํานาจปจจยั * ๗ ที่เหลอื เวนวิปากปจจัย มโน-สัมผสั นนั้ เปนปจจัยแกเวทนาทัง้ หลาย ทเี่ หลือจากเวทนาท่ีสัมปยุตกบั ชวนะมโนวิญญาณนั้น (ทเ่ี กดิ ) ในลําดับตอ มา ดวยอํานาจอปุ นิสัยปจ จัยเทานน้ั . บทวา อวสยิ ปปฺ วตฺตสลฺลกขฺ ณวเสน ดว ยสามารถการกําหนดวาไมเ ปนไปในอานาจ คอื ดว ยสามารถการเห็น การดูสังขารไมเปนไปในอาํ นาจ. บทวา รูเป วโส น ลพภฺ ติ ใคร ๆ ไมไ ดอํานาจในรปู คอืไมไ ดค วามมอี ํานาจในรปู . แมใ นเวทนาเปนตน กม็ นี ยั นเ้ี หมอื นกนั . บทวา น ตุมฺหาก ไมใ ชข องทา น คอื จรงิ อยู เมอื่ ตนมอี ยู ยอมมีสิ่งท่ีเนอื่ งดวยตน ตนนน้ั แหละไมม ี. เพราะฉะน้ัน ทา นจงึ กลา ววา ไมใชของทา น. บทวา นาป อเฺ ส ของคนอื่นกไ็ มใ ช คอื ตนของคนอนื่ช่ือวาคนอนื่ เมอ่ื ตนนน้ั มอี ย.ู ตนของคนอ่ืนกพ็ ึงมี แมตนนน้ั กไ็ มมีเพราะฉะนนั้ ทา นจึงกลา ววา ของคนอ่นื ก็ไมใช. บทวา ปรุ าณมทิ ภกิ ฺขเว กมมฺ  ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย กรรมเกาน้ี อธิบายวา กรรมนีม้ ใิ ชกรรมเกา แตกายนีเ้ กดิ แตกรรมเกา เพราะเหตนุ ้นั ทา นจงึ กลา วอยางน้ีดว ยปจ จัย โวหาร. บทวา อภสิ งขฺ ต อนั ปจจยั ปรงุ แตงแลวเปน ตน ทานกลา วไวแ ลว เพราะมีสิงคเสมอกัน (คือเปน นปงุ สกลงิ คเหมือนกนั ) กบัคํากอ น (คือ กมมฺ  ) ดว ยสามารถแหง กรรมโวหารนน่ั เอง. พงึ เห็นความในบทนี้อยา งนีว้ า บทวา อภสิ งฺขต คือ ปจจยั ปรงุ แตง . บทวา อภสิ ฺ-เจตยิต คือ มีเจตนาเปนทต่ี งั้ มีเจตนาเปนมลู เหตุ. บทวา เวทนีย คอืเปน ท่ตี งั้ แหงเวทนา.๑. สหชาตะ,อญั ญมญั ญะ, นิสสยะ, อาหาระ, สมั ปยตุ ตะ, อตั ถิ, อวคิ ตะ.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 405 บทวา รเู ป สาโร น ลพฺภติ ใคร ๆ ยอมไมไดแ กนสารในรปู คือไมไ ดส าระในรปู วาเปนของเท่ยี งเปน ตน. แมใ นเวทนาเปน ตน กม็ ีนัยนี้เหมอื นกนั . บทวา รปู  อสสฺ าร นสิ สฺ าร คอื รปู ไมม แี กนสารและไรแ กนสาร. บทวา สาราปคต คอื ปราศจากสาระ. บทวา นิจฺจสารสาเรน วาโดยสาระวา ความเทีย่ งเปน แกนสาร คอื โดยสาระวาเที่ยงเปนไปเพราะกา ว-ลวงภงั คขณะ ไมมสี าระโดยสาระวา เทย่ี ง เพราะไมมคี วามเทยี่ งอะไร ๆ.บทวา สุขสารสาเรน วา โดยสาระวา เปนสุขเปนแกน สาร คือโดยสาระวาเปน สขุ เปนแกนสาร เพราะไมมสี าระวา เปน สขุ อะไร ๆ กา วลว งซึ่งสขุ ในฐิติขณะ. บทวา อตตฺ สารสาเรน วา โดยสาระวา ตนเปนแกนสาร คอืโดยสาระวาตนและส่งิ ที่เนือ่ งดวยตนวาเปนแกนสาร. บทวา นิจเฺ จน วาโดยความเท่ียง คือโดยความเท่ียง เพราะไมมคี วามเที่ยงอะไร ๆ เปนไปเพราะกาวลวงภังคะ. บทวา ธุเวน วา โดยความยัง่ ยนื คือโดยความยัง่ ยนืเพราะไมมอี ะไร ๆ เปน ความย่ังยนื แมในเวลามีอยู กเ็ พราะอาศยั ปจ จยั จึงเปน ไปได. บทวา สสสฺ เตน วา โดยความม่นั คง คือโดยความมนั่ คงเพราะไมม อี ะไร ๆ ที่ขาดไปจะมีอยูไ ดตลอดกาล. บทวา อวปิ ริณาม-ธมฺเมน วา โดยมคี วามไมแปรปรวนไปเปน ธรรมดา คือโดยมคี วามไมแปรปรวนไปเปนธรรมดา เพราะไมม ีอะไร ๆ ทจี่ ะไมแปรปรวนไปเปนปกติ ดว ยอาํ นาจแหงความแกแ ละความตาย. บทวา จกฺขุ สุฺ  อตเฺ ตน วา อตฺตนเิ ยน วา จกั ษสุ ูญจากตนหรือจากสิ่งทเ่ี น่ืองกบั ตน คือสญู จากตนทกี่ ําหนดไวอยา งนวี้ า ผทู าํ ผูเสวยเขา ไปอยูเ อง และจากบริขารอันเปนของตน เพราะความไมมตี นนั่นเอง. อธบิ ายวา ทั้งหมดเปน ธรรมชาติมีอยูในโลกมจี กั ษุเปน ตน

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 406เพราะคนและสิ่งท่ีเนอื่ งดวยตนไมม ีในธรรมชาตนิ ี้ ฉะนน้ั ทา นจึงกลา ววาสูญ. แมโ ลกุตรธรรมก็สูญเหมือนกนั เพราะสูญจากตนและสิง่ ทเ่ี น่ืองดว ยตน. ทา นกลาวไววา ธรรมในอดตี สูญไมม.ี ทา นกลา วถงึ ความไมม ีสาระในตน และส่งิ ท่เี นอ่ื งดว ยตนในธรรมนัน้ . ในโลกเม่อื พดู วา เรือนสญูหมอสูญ ไมใ ชไ มมเี รอื นและหมอ. ทา นกลาวถงึ ความไมมสี ่ิงอน่ื ในเรือนและในหมอนั้น. พระผูมีพระภาคเจาตรัสความขอ น้ีไวว า อะไร ๆ ในเรือนและในหมอ น้ันไมมี เรือนและหมอ น้นั กส็ ญู ดว ยเหตุนนั้ สิ่งใดยังมีเหลืออยูในเรือนและในหมอนน้ั ส่งิ นน้ั เมอื่ ยงั มอี ยู ก็รวู าสิ่งนี้มีอยูดงั น.ี้ ความนี้กเ็ หมอื นกันกบั ในคมั ภรี ญ ายะ และคัมภรี ส ัททะ. ในสตู รน้ที า นกลาวถึงอนตั ตลักขณสตู รไวด วยประการฉะน.้ี บทวา อนิสฺสริยโต โดยความไมเ ปน ใหญ คอื โดยไมเปน ไปในอาํ นาจ ในความเปน ใหญของตน. บทวา อกามการยิ โต โดยทาํ ตามความชอบใจไมได คอื ดว ยอาํ นาจแหง การทําตามความชอบใจของตนไมได. บทวา อผาสุนยี โต โดยเปนทีต่ ั้งแหง ความไมส บาย คือโดยความไมมีที่พึง่ เพอื่ ความดํารงอย.ู บทวา อวสวตฺตนโต คือ โดยไมเ ปน ไปในอํานาจของตน. บทวา ปวตตฺ โิ ต โดยเปน ไปตามเหตุ คอื โดยเปนไปอาศยั ปจจยั ท่ีไมเท่ียง. บทวา วิวติ ฺตโต โดยวา งเปลา คอื โดยไมมีสาระ. บทวา สทุ ฺธ ทง้ั สิน้ . คือชอื่ วาท้ังส้นิ อันเปน ไปอยูดวยอํานาจแหงความเกิดเปนปจจยั อยา งเดียว เวน อิสระ กาล ปกติ. และเม่ือบคุ คลเห็นซ่ึงความเกิดขนึ้ พรอ มแหง ธรรมทั้งสน้ิ วา กองแหงธรรมทงั้ สิ้นปราศจากสิ่งทีเ่ น่ืองดวยตน. บทวา สทุ ฺธ สงขฺ ารสนฺตตึ ความสบื ตอแหงสงั ขารทง้ั สน้ิ คือเมื่อเหน็ ความสบื ตอ แหงสงั ขารท่ขี าดไปแลว ทั้งส้นิ ทานกลาว

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาที่ 407ความเดียวกนั มีสังขารเปนตน ๒-๓ ครง้ั โดยเอือ้ เฟอ. เมอ่ื เห็นอยา งนย้ี อ มไมม ีภยั ในปากแหง มรณะ. บทวา คามณิ เปน คํารองเรียก. บทวาติณกฏ สม โลก เห็นโลกเสมอดวยหญาและไม คือเมอื่ ใดเหน็ โลกอนัไดแกข ันธม ีใจครองนเ้ี สมอดว ยหญาและไม ความเห็นวา เม่ือบคุ คลถือซึ่งหญา และไมใ นปาได ก็ยอ มถอื ซึง่ ตนหรือสิ่งที่เนอ่ื งดวยตนได ยอ มไมมีหรือเม่ือหญา และไมเหลาน้ันหายไปเองบาง พนิ าศไปเองบาง ความเหน็วา คนยอ มหายไป สงิ่ ทเ่ี น่ืองดวยตนพนิ าศไปก็มไี มได ฉันใด เมื่อบคุ คลไมเห็นวา แมเมื่อกายน้ีหายไปพินาศไป ตนหรือสิง่ ทีเ่ น่อื งดวยตนยอ มแตกดบั ไป เพราะเหตุนน้ั พระผมู ีพระภาคเจาจึงตรัสวา เห็นโลกเสมอดว ยหญาและไมดว ยปญ ญา ฉันนัน้ . บทวา น อฺ ปฏ ยเต กิ ฺจิ อฺตรฺอปฺปฏิสนธฺ ิยา คอื บุคคลไมป รารถนาภพหรืออตั ภาพอะไร ๆ อนื่ นอกจากนพิ พานอันไมม ีปฏสิ นธ.ิ บทวา รูป สมนฺเนสติ บุคคลยอ มตามคนหารูป คือแสวงหาสาระแหงรปู ดวยอํานาจแหง ทฏิ ฐิวา เรา. ดว ยอาํ นาจแหงตณั หาวา ของเรา.ดว ยอํานาจแหงมานะวา เปน เรา. บทวา ตมปฺ  ตสสฺ น โหติ คือความถอื แม ๓ อยา งนัน้ ยอ มไมม ีแกบ คุ คลน้นั . บทวา อิธ เปน นบิ าตลงในความอางถึงท่ีอย.ู อิธ นบิ าตนีบ้ างแหงทา นกลา วหมายถงึ โลก เหมือนอยางทีท่ า นกลา วไวว า พระตถาคตทรงอุบัตใิ น โลก น.้ี บางแหงหมายเอา ศาสนา เหมอื นอยา งทพี่ ระผูมี-พระภาคเจาตรัสไววา ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย สมณะทีห่ นึ่งมีอยูในศาสนาน้ีและสมณะทสี่ องก็มีอยูใ นศาสนาน.้ี บางแหงหมายเอา โอกาส (คือภพ)เหมอื นอยา งทที่ านกลาวไววา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนา ท่ี 408 เมื่อเราเปนเทพดํารงอยใู น ภพดาวดงึ ส น้แี ล เรา ไดอายเุ พ่ิมข้ึนอีก ขาแตพระองคผูน ริ ทกุ ข ขอจงทราบ อยา งนีเ้ ถิด.๑ บางแหง หมายเอาเพยี งปทปูรณะ (คอื ทาํ บทใหเ ตม็ ) เทา นัน้ . เหมอื นอยางที่พระผูม พี ระภาคเจาตรสั ไวว า ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย๒ เราฉนั เสร็จแลวหามภัตแลว ดังนี้. แตในท่นี พี้ ึงทราบวา ทานกลา วหมายถงึ โลก. กใ็ นบทวา อสสฺ ตุ วา ปถุ ชุ ชฺ โน ปุถชุ นผูไ มไ ดส ดับน้ี พงึ ทราบความดังตอ ไปนี้. บุคคลไมส ดบั ธรรมที่ควรรู เพราะไมมอี าคมและอธิคม(การศึกษาและการบรรล)ุ บุคคลใดไมม ีอาคม ปฏเิ สธทิฏฐิ เพราะปราศจากการเรียน การสอบถาม การวินิจฉยั ในขนั ธ ธาตุ อายตนะปจ จยาการ และสตปิ ฏฐานเปนตน ไมม อี ธคิ ม เพราะไมบ รรลุธรรมที่ควรบรรลดุ ว ยการปฏบิ ัติ บุคคลน้ันชอื่ วาเปน ผูไมสดับธรรมท่คี วรรู เพราะไมมอี าคมและอธคิ มดวยประการฉะนี.้ ช่อื วา ปถุ ชุ น เพราะเหตทุ ั้งหลายมกี ารเกดิ กเิ ลส หนาเปน ตน หรอื วา ชนนี้ ชอ่ื วาปุถุผหู นา เพราะความ เปนผูเ กดิ กเิ ลสหนาหยั่งลงในภายใน. จริงอยู ชื่อวา ปุถชุ นดวยเหตุทง้ั หลาย มีการยงั กเิ ลสหนาคอื มปี ระการตา งๆ ใหเกิดขน้ึ . เหมอื นอยางท่ที า นกลา ววา ช่อื วา ปถุ ชุ น เพราะยงั กเิ ลสหนาใหเ กดิ . เพราะไมก ําจัดสกั กายทิฏฐิหนา. เพราะมองดูหนา ของพระ-ศาสดาท้ังหลายหนา (มาก). เพราะจมอยูดวยคติท้ังปวงหนา. เพราะปรุงแตง อภิสังขารตา งๆ หนา. เพราะลอยไปดวยโอฆะตาง ๆ หนา. เพราะเดือดรอนดวยความเดือดรอ นตา ง ๆ หนา. เพราะถูกเผาดวยความรอ น๑. ท.ี มหา. ๑๐/ขอ ๒๖๔. ๒. ม. ม.ุ ๑๒/ขอ ๒๒.

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนา ที่ 409ตาง ๆ หนา. เพราะยินดี อยาก กาํ หนดั สยบ ถงึ ทับ ตดิ คลองผกู พันในกามคุณ ๕ หนา. เพราะรอ ยรดั ครอบงํา ถกู ตอง ปด ปกปดครอบไวด วยนิวรณ ๕ หนา. เพราะเปนผูล วงเลยคลองธรรม หนั หลังใหอริยธรรม ประพฤตธิ รรมตา่ํ หยัง่ ลงในภายในหนา. อีกอยางหน่งึชื่อวา ปถุ ุชน เพราะชนนีผ้ ถู งึ การนบั แยกกนั ไมป ะปนกับพระอรยิ บุคคลผูประกอบดว ยคุณมศี ีลและสุตะเปน ตน หนา. ดว ยบทสองบทนี้อยางนี้วาอสฺสตุ วา ปุถุชชฺ โน ทา นกลา วถงึ ปถุ ชุ นสองจําพวกวา พระพทุ ธเจาผเู ปน เผา พันธพุ ระอาทิตย  ตรสั ถึงปุถชุ น สองจําพวก คืออนั ธปถุ ชุ นพวกหน่งึ กลั ยาณปุลชุ นพวก หนึ่ง. ในปุถุชนสองจําพวกนั้น พึงทราบวา ทานกลาวถึงอันธปถุ ชุ น(ปุถุชนบอด). พงึ ทราบความในบทมีอาทวิ า จรยิ าน อทสสฺ าวี ไมไดเหน็ พระ-อริยเจาดังนีต้ อไป. พระพทุ ธเจา พระปจ เจกพทุ ธเจา และพระสาวกของพระพุทธเจา ทานเรยี กวา พระอริยะ เพราะไกลจากกเิ ลส, เพราะไมน ําไปในทางเส่อื ม, เพราะนําไปในทางเจริญ, เพราะเปนผูทาํ ใหโลกพรอ มท้งั เทวโลกสงบ. ในที่นี้ พระพุทธเจาเทา น้ันเปน พระอริยะ. ดังที่พระองคตรัสไวว า ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ตถาคต บัณฑิตกลา ววาเปนอรยิ ะในโลกพรอ มทั้งเทวโลก. ในบทวา สปฺปรุ สิ า น้ี พงึ ทราบวาพระปจ เจกพทุ ธเจา และสาวกของพระตถาคต เปนสัปบุรุษ. เพราะทานเหลานั้นเปน บรุ ุษผงู ามดวยการประกอบโลกตุ รคณุ จงึ ชื่อวาสปั บุรุษ. อีกอยา งหนึง่ ทา นเหลา นน้ั ท้ังหมดทา นกลาวไวโดยสว นสอง. แม


















































































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook