Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_67

tripitaka_67

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:43

Description: tripitaka_67

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาที่ 187 อุปสีวมาณวกปญ หานทิ เทส วา ดวยปญหาของทานอปุ สีวะ [๒๔๒] (ทานอปุ สีวะทูลถามวา ) ขาแตพระสกั กะ ขา พระองคเ ปนผเู ดยี ว ไมอาศยั แลว ไมอ าจขา มโอฆะใหญไ ด ขาแตพ ระองคผ มู พี ระสมันต- จักษุ ขอพระองคจงตรสั บอกอารมณทีข่ าพระองคไ ด อาศัยแลว พึงขามโอฆะได. [๒๔๓] คําวา เอโก ในอุเทศวา เอโก อห สกฺก มหนตฺ โมฆดังนี้ ความวา ขา พระองคไ มม บี คุ คลเปน เพ่ือน หรือไมม ธี รรมเปนเพื่อนขา พระองคอ าศยั บุคคลหรืออาศยั ธรรมแลว พงึ ขา ม คอื ขา มขึ้น ขา มพนกาวลวง เปน ไปลว งซงึ่ กามโอฆะ ภวโอฆะ ทฏิ ฐิโอฆะ อวิชชาโอฆะใหญไ ด เพราะฉะนัน้ จึงชื่อวา เปนผูเ ดียว. คาํ วา สกฺก คอื พระผูมีพระภาคเจา เปนศากยราช พระผมู พี ระ-ภาคเจาทรงผนวชจากศากยสกลุ แมเ พราะเหตนุ ี้ จึงช่ือวา สกั กะ. อกี อยา งหนง่ึ พระผูมีพระภาคเจาเปนผมู ่งั คัง่ มที รัพยม าก นับวามที รัพย แมเพราะเหตุน้ี พระองคจงึ ช่อื วาสกั กะ พระองคม ีทรพั ยเ หลา น้ีคือทรัพยค อื ศรัทธา ทรัพยค ือศลี ทรพั ยค ือหิริ ทรัพยคือโอตตัปปะทรัพยค อื สตุ ะ ทรพั ยค ือจาคะ ทรพั ยค ือปญ ญา ทรพั ยคือสติปฏฐาน ฯ ล ฯทรัพยคอื นิพพาน พระผูมพี ระภาคเจา มง่ั ค่ัง มที รัพยมาก นับวามีทรัพยดวยทรัพยรัตนะหลายอยา งน้ี แมเพราะฉะนนั้ พระองคจึงชอ่ื วา สกั กะ. อกี อยางหนง่ึ พระผูม พี ระภาคเจาผูอาจ ผอู งอาจ มีความสามารถอาจหาญ ผูกลา ผูม ีความแกลวกลา กาวหนา ไมข ลาด ไมหวาดเสยี ว

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนา ท่ี 188ไมส ะดงุ ไมหนี ละความกลวั ความขลาดเสียแลว ปราศจากความเปนผูมขี นลกุ ขนพอง แมเ พราะเหตุนี้ จึงช่อื วา เปนพระสักกะ เพราะฉะนัน้จึงช่อื วา ขา แตพระสักกะ ขาพระองคเ ปน ผเู ดยี ว... โอฆะใหญไ ด. คําวา อิติ ในอุเทศวา \" อจิ ฺจายสฺมา อปุ สีโว \" ดงั น้ี เปนบทสนธ.ิ คาํ วา อายสมฺ า เปนเครอ่ื งกลา วดวยความรกั . คาํ วา อุปสีโวเปนชอ่ื ฯ ลฯ เปน คาํ รอ งเรียกของพราหมณนน้ั เพราะฉะน้ัน จึงชือ่ วาทา นอุปสีวะทลู ถามดังนี.้ [๒๔๔] คําวา อนสิ ฺสโิ ต ในอุเทศวา \" อนสิ ฺสิโต โน วิสหามิตาริตุ \" ดงั นี้ ความวา ไมอ าศยั บคุ คลหรือไมอาศัยธรรมแลว . คาํ วา ไมอาจ คอื ไมอ ตุ สาหะ ไมอาจ ไมสามารถ. คําวา ขา ม คอื ขา ม ขา มขึ้น ขามพน กา วลวง เปน ไปลวงซึง่กามโอฆะ ภวโอฆะ ทิฏฐโิ อฆะ อวิชชาโอฆะ เพราะฉะนนั้ จึงช่อื วาไมอาศัยแลวไมอาจขามได. [๒๔๕] คําวา \" อารมมฺ ณ พฺรุหิ \" ในอเุ ทศวา \" อารมมฺ ณ พฺรหู ิสมนตฺ จกขฺ ุ \" ความวา ขอพระองคตรัส คอื บอก... ประกาศซง่ึ อารมณคอื ท่ยี ดึ เหน่ียว ทอ่ี าศยั ท่เี ขาไปอาศัย พระสพั พญั ุตญาณ เรยี กวาสมนั ตจกั ษุ ในคําวา ขาแตพระองคผ มู พี ระสมันตจักษุ พระผมู ีพระ-ภาคเจาทรงเขา เขา ไปพรอม เขามา เขามาพรอ ม เขา ถึง เขา ถึงพรอมประกอบดว ยพระสพั พญั ุตญาณนนั้ . พระตถาคตพระองคน น้ั ไมทรงเห็นอะไร ๆ นอยหนึ่งในโลกนี้อนง่ึ ไมทรงรูอะไร ๆ ท่ีไมทรงรูแลว ไมมีเลย พระตถาคต ทรงรูย ่งิซง่ึ ธรรมทัง้ ปวง ธรรมชาติใดท่คี วรแนะนํามีอยู พระตถาคต ทรงรยู ิ่ง

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนาที่ 189ซึง่ ธรรมชาตินั้น เพราะเหตนุ นั้ พระตถาคตจึงช่อื วา มพี ระสมันตจักษุเพราะฉะน้นั จึงชอื่ วา ขาแตพ ระองคผมู ีพระสมนั ตจกั ษุ ขอพระองคตรสั บอกอารมณ. [๒๔๖] คําวา ย นิสฺสโิ ต ในอเุ ทศวา \" ย นิสฺสิโต โอฆมมิ ตเรยยฺ  \" ดงั น้ี ความวา อาศัยบคุ คล หรืออาศัยธรรมแลว. คําวา พงึ ขามโอฆะน้ไี ด คือ พงึ ขา ม ขามขึน้ ขามพน กา วลวงเปนไปลว งซง่ึ กามโอฆะ ภวโอฆะ ทฏิ ฐโิ อฆะ อวิชชาโอฆะ เพราะฉะนั้นจงึ ชื่อวา อาศัยอันใดแลวพงึ ขามโอฆะนีไ้ ด เพราะเหตนุ นั้ พราหมณน้ันจงึ กลาววา ขาแตพระสักกะ ขา พระองคเปนผูเ ดยี ว ไมอาศยั แลวไมอ าจขามโอฑะใหญไ ด ขาแตพระองคผ มู พี ระ- สมันตจกั ษุ ขอพระองคต รัสบอกอารมณท ขี่ า พระองคไ ด อาศัยแลว พึงขา มโอฆะนไี้ ด. [๒๔๗] (พระผูม ีพระภาคเจา ตรสั ตอบวา ดกู อ นอปุ สวี ะ) ทา นจงเปนผมู ีสติ เพงดอู ากญิ จัญญายตนสมาบัติ อาศัยสมาบัตอิ ันเปน ไปวา อะไร ๆ นอ ยหนงึ่ ไมมดี ังน้ีแลว จงขามโอฆะเถดิ ทา นจงละกามทง้ั หลาย เวนจากความ สงสยั ทง้ั หลาย พจิ ารณาดูความส้นิ ไปแหง ตัณหาตลอด คืนและวนั เถดิ . [๒๔๘] คาํ วา ทา นจงเปน ผมู ีสติเพงดอู ากญิ จญั ญายตนสมาบัติความวา พราหมณน ้นั ไดอ ากญิ จัญญายตนสมาบตั ิ โดยปกติ ไมร ูวา เปน ท่ี

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนาท่ี 190อาศัยวา สมาบัตนิ เี้ ปน ทีอ่ าศยั ของเรา พระผูมพี ระภาคเจา ยอมตรัสบอกสมาบัตเิ ปนที่อาศัยและธรรมเปน ทางที่ออกยง่ิ ข้ึนไป แกพ ราหมณนนั้ วาทา นเขาเนวสัญญานาสญั ญายตนสมาบัติ ออกจากสมาบตั ิแลว จงเพง ดูคอื ตรวจดู พนิ ิจดู พิจารณาดู ซึง่ ธรรม คือจิต และเจตสิกที่เกดิ ในสมาบัตนิ ั้น โดยความเปนธรรม ไมเ ทีย่ ง เปน ทุกข เปนโรค เปน ฝเปนลูกศร เปน ความลาํ บาก เปน อาพาธ เปนของชาํ รดุ เปน เสนยี ดเปน อุบาทว เปน ของไมส ําราญ เปนภัย เปนอปุ สรรค เปนของหวน่ั ไหวเปนของทําลาย เปนของไมยัง่ ยนื เปน ของไมมีทต่ี า นทาน เปนของไมม ีทีเ่ รน เปนของไมเปน สรณะ เปนของไมเปน ทพี่ ึง่ เปน ของวา งเปน ของเปลา เปน ของสญู เปนอนัตตา เปน โทษ เปน วปิ ริณามธรรมเปนของไมม แี กน สาร เปน มูลแหง ทุกข เปนของไมเจริญ เปน ของมอี าสวะ เปนดังเพชฌฆาต เปน ธรรมอันปจ จยั ปรุงแตง เปน เหยื่อมารเปนของมีชาตเิ ปน ธรรมดา เปนของมชี ราเปน ธรรมดา เปนของมีพยาธิเปนธรรมดา เปน ของมมี รณะเปนธรรมดา เปน ของมโี สกะปริเทวะทกุ ขโ ทมนัสและอปุ ายาสเปนธรรมดา เปน ของมีความเกดิ เปน ธรรมดาเปนของมีความดบั เปนธรรมดา เปนของไมนาพอใจ เปนของมอี าทนี พ-โทษ เปน ของไมมเี ครือ่ งสลดั ออก. คําวา มสี ติ ความวา ความระลึก ความตามระลึก ความระลกึเฉพาะ ฯ ล ฯ ความระลึกชอบ นเ้ี รียกวา สต.ิ พราหมณนน้ั ผูเขาไป เขาไปพรอ ม เขา มา เขามาพรอม เขา ถึงเขาถงึ พรอม ประกอบดวยสตนิ ้ี ตรสั วา มสี ติ เพราะฉะน้นั จึงชื่อวาเปนผมู สี ตเิ พง ดอู ากญิ จัญญายตนสมาบัติ พระผมู พี ระภาคเจาตรสั เรยี ก

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาที่ 191พราหมณน ั้นโดยชื่อวา อปุ สวี ะ ในอเุ ทศวา อปุ สีวาติ ภควา ดังน้.ีคาํ วา ภควา น้ี เปนเคร่อื งกลาวโดยเคารพ ฯ ล ฯ คาํ วา ภควา น.ี้เปนสจั ฉิกาบัญญตั ิ เพราะฉะนัน้ จึงชอื่ วา พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสตอบวาดกู อนอุปสวี ะ. [๒๔๙] คาํ วา อาศัยสมาบัตอิ ันเปน ไปวา อะไร ๆ นอยหน่ึงไมมดี งั นีแ้ ลว จงขา มโอฆะเถิด ดงั นี้ ความวา อากญิ จัญญายตนสมาบัติเพราะอรรถวา อะไร ๆ นอยหนึง่ ยอ มไมม ี อากิญจัญญายตนสมาบัติ เพราะอรรถวา อะไร ๆ นอยหนึง่ ยอ มไมมี เพราะเหตไุ ร พราหมณนน้ั เปนผูมสี ติ เขาวญิ ญาณัญจายตนสมาบตั ิ ออกจากสมาบัตนิ น้ั แลว ไมยังวิญญาณนั้นนั่นแหละใหเจริญ ใหเ ปน แจง ใหหายไป ยอ มเห็นวา อะไร ๆนอยหนึ่งยอมไมมี เพราะเหตุนัน้ จงึ ช่อื วา อากิญจัญญายตนสมาบตั ิเพราะอรรถวา อะไร ๆ นอ ยหนง่ึ ยอ มไมม ี ทานจงอาศยั คอื เขาไปอาศัยสมาบตั ิน้นั ทาํ ใหเ ปน อารมณ ใหเ ปน เครอื่ งหนวงเหนี่ยว แลวจงขามขามขน้ึ ขามพน กาวลว ง เปนไปลวงซึง่ กามโอฆะ ภวโอฆะ ทฏิ ฐิโอฆะอวิชชาโอฆะเถิด เพราะฉะน้นั จงึ ชอ่ื วา อาศัยสมาบตั อิ ันเปนไปวาอะไร ๆ นอยหนึง่ ยอ มไมมีดงั น้ีแลว ขา มโอฆะเถดิ . [๒๕๐] โดยหวั ขอวา กามา ในอุเทศวา กาเม ปหาย วริ โตกถาหิ ดงั น้ี ความวา กามมี ๒ คือ วตั ถุกาม ๑ กิเลสกาม ๑ ฯ ล ฯเหลา นเ้ี รียกวา วัตถกุ าม ฯ ล ฯ เหลาน้เี รยี กวา กิเลสกาม. คําวา ละกามทัง้ หลาย ความวา กาํ หนดรูวตั ถกุ ามทั้งหลาย ละสละ บรรเทา ทําใหสน้ิ สุด ใหถงึ ความไมม ีซง่ึ กเิ ลสกามทงั้ หลาย เพราะ-ฉะนน้ั จงึ ชือ่ วา ละกามทั้งหลาย.

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 192 วิจิกิจฉาเรียกวา ความสงสัย ในอุเทศวา วิรโต กถาหิ ความสงสยั ในทกุ ข ฯ ล ฯ ความทจ่ี ติ ครนั่ คราม ใจสนเทห งด เวน ขาดออก สลัด หลุดพน ไมเก่ียวของดวยความสงสยั ยอมมีใจทาํ ใหปราศจากเขตแดนอยู แมดว ยเหตอุ ยางน้ีดงั น้ี จึงชอ่ื วา เวนจากความสงสัยทั้งหลาย. อีกอยางหนงึ่ งด เวน เวนขาด ออก สลัด หลดุ พน ไมเกีย่ วขอ งดวยดริ ัจฉานกถา ๓๒ ประการ ยอ มมใี จทําใหป ราศจากเขตแดนอยูแมด ว ยเหตอุ ยา งนี้ดงั น้ี จึงชอื่ วา เวน จากความสงสยั ท้ังหลาย เพราะฉะนนั้จงึ ช่ือวา ละกามท้งั หลายแลว เวน จากความสงสยั ทั้งหลาย. [๒๕๑] รูปตัณหา สัททตณั หา คันธตัณหา รสตณั หา โผฏ-ฐพั พตัณหา ธรรมตณั หา ชอ่ื วา ตัณหา ในอเุ ทศวา \" ตณหฺ กฺขยรตฺตมหาภปิ สสฺ \" ดงั นี้. กลางคนื ชอื่ วา รตั ตะ กลางวันช่อื วา อหะ ทานจงดู คือพิจารณา แลดู ตรวจดู พินจิ พจิ ารณา ซ่งึ ความส้นิ ไปแหงตณั หา คอื ความสน้ิ แหง ราคะ โทสะ โมหะ คติ อุปบตั ิ ปฏิสนธิภพ สงสาร วฏั ฏะ ท้งั กลางคนื กลางวนั เพราะฉะนัน้ จงึ ช่ือวา จงพจิ ารณาดูความส้นิ แหง ตณั หาตลอดกลางคนื และกลางวนั เพราะเหตนุ นั้พระผมู พี ระภาคเจาจึงตรสั วา ทา นจงเปนผูมสี ติ เพง ดอู ากิญจญั ญายตนสมาบตั ิ อาศยั สมาบตั ิอันเปนไปวา อะไร ๆ นอยหน่งึ ไมมี ดงั นี้ แลว จงขามโอฆะเถดิ ทานจงละกามท้งั หลายแลว เวน

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 193 จากความสงสัยทั้งหลาย พิจารณาดคู วามสนิ้ ไปแหง ตณั หาตลอดคนื และวนั เถดิ . [๒๕๒] (ทา นอุปสีวะทลู ถามวา) ผูใดปราศจากความกาํ หนัดในกามท้งั ปวง ละสมาบตั ิ อื่น อาศัยอากิญจญั ญายตนสมาบตั ิ นอ มใจไปในสญั ญา- วิโมกขอยา งย่งิ ผนู นั้ ไมม ีความหวั่นไหว พงึ ดาํ รงอยู ในอากญิ จญั ญายตนสมาบตั นิ ั้นหรือหนอ. [๒๕๓] คําวา สพเฺ พสุ ในอเุ ทศวา \" สพฺเพสุ กาเมสุ โยวตี ราโค \" ดังน้ี ความวา ทั้งปวงโดยกําหนดท้งั ปวง ทั้งปวงโดยประการท้ังปวง ไมเ หลือไมมสี วนเหลอื . คาํ วา สพฺเพสุ นี้ เปนเครอ่ื งกลา วรวม โดยหัวขอวา กาเมสุ. กามมี ๒ อยา ง คือ วตั ถกุ าม ๑กิเลสกาม ๑ ฯ ล ฯ เหลา นเ้ี รยี กวา วัตถกุ าม ฯ ล ฯ เหลานเ้ี รียกวากิเลสกาม. คาํ วา ผูใ ดปราศจากความกําหนัดในกามทงั้ ปวง ความวา ผูใดปราศจากความกําหนดั คือ สละ คาย ปลอ ย ละ สละคืน ขมความกําหนดั ในกามทัง้ ปวง เพราะฉะน้ัน จงึ ชอ่ื วา ผใู ดปราศจากความกําหนดัในกามทง้ั ปวง. คาํ วา อิติ ในอเุ ทศวา อิจฺจายสฺมา อปุ สโี ว เปนบทสนธ.ิ คําวาอายสมฺ า เปนเครื่องกลาวดว ยความรัก. คําวา อุปสโี ว เปน ช่อื ฯ ล ฯเปนคํารองเรยี กของพราหมณน ัน้ เพราะฉะน้ัน จึงชอ่ื วา ทา นอปุ สีวะทลู ถามวา .

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนาท่ี 194 [๒๕๔] คาํ วา ละสมาบัติอ่ืน อาศยั อากิญจญั ญายตนสมาบัติความวา ละ เวน สละ ลว ง กาวลว ง เปนไปลวงซึง่ สมาบัติ ๖ชั้นต่ําแลวอาศัย คอื แอบองิ เขามา เขามาพรอม ชอบใจ นอ มใจไปสูอากญิ จญั ญา-ยตนสมาบัติ เพราะฉะนน้ั จงึ ชอ่ื วา ละสมาบตั ิอื่น อาศัยอากญิ จัญญา-ยตนสมาบัต.ิ [๒๕๕] คาํ วา นอมใจไปในสญั ญาวโิ มกขอ ยา งยงิ่ ความวาสัญญาสมาบตั ิ ๗ ทา นกลาววา สญั ญาวโิ มกข. บรรดาสัญญาสมาบัติน้นัอากิญจัญญายตนสมาบตั ิเปน วโิ มกขเลิศ ประเสริฐ วเิ ศษ เปนประธานอุดมและอยา งยง่ิ นอ มใจไป ในสัญญาวิโมกขอ ยางย่ิง เลิศ ประเสรฐิวิเศษเปน ประธาน อุดม อยางยิ่ง ดว ยอธิมุตตวิ ิโมกข คอื นอมใจไปในสญั ญาวโิ มกขน้นั ปลอ ยใจไปในสัญญาวโิ มกขนนั้ ประพฤตใิ นสญั ญา-วิโมกข มากอยูในสัญญาวิโมกข หนกั อยใู นสัญญาวโิ มกข โอนไปในสญั ญาวโิ มกข เงือ้ มไปในสัญญาวิโมกข มีสัญญาวโิ มกขน นั้ เปนใหญเพราะฉะนั้น จงึ ชอ่ื วา นอมใจไปในสญั ญาวโิ มกขเปน อยา งย่ิง. [๒๕๖] คาํ วา ติฏเ  นุ ในอุเทศวา \" ตฏิ เ นุ โส ตตฺถอนานุยายี \" ดังน้ี เปน คําถามดวยความสงสัย เปนคําถามสองแง ไมเปน คําถามสวนเดยี ววา เรอ่ื งนนั้ เปน อยา งน้ีหรือหนอแล หรือไมเ ปนอยางนี้ เรือ่ งนีเ้ ปนไฉนหนอแล หรอื เปน อยา งไร เพราะฉะนน้ั จงึ ชอื่ วาพึงดํารงอยหู รอื หนอ. คาํ วา ตตฺถ คอื ในอากญิ จัญญายตนสมาบตั .ิ คําวา อนานุยายี ความวา ไมห วั่นไหว คือ ไมพรนั่ พรงึ ไมไปปราศ ไมอนั ตรธานไป ไมเสือ่ มไป อกี อยางหน่ึง ไมกําหนดั

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย จูฬนเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 195ไมขัดเคอื ง ไมหลง ไมม วั หมอง เพราะฉะนั้น จงึ ช่ือวา ผูน้ันไมม ีความหวัน่ ไหว พึงดาํ รงอยใู นอากญิ จญั ญายตนสมาบัตนิ ้นั หรือหนอเพราะฉะน้นั พราหมณนั้นจงึ กลาววา ผใู ดปราศจากความกําหนดั ในกามทง้ั ปวง ละสมาบตั ิ อน่ื อาศัยอากิญจัญญายตนสมาบัติ นอมใจไปในสญั ญา- วโิ มกขอยา งย่งิ ผนู ้ันไมม คี วามหวนั่ ไหว พึงดาํ รงอยูใน อากิญจัญญายตนสมาบตั ินั้นหรือหนอ. [๒๕๗] (พระผมู ีพระภาคเจาตรัสตอบวา ดกู อนอุปสวี ะ) ผูใดปราศจากความกาํ หนดั ในกามทั้งปวง สะสมาบตั ิ อ่ืน อาศัยอากญิ จัญญายตนสมาบตั ิ นอ มใจไปในสัญญา- วิโมกขอยา งย่ิง ผูน้นั ไมม คี วามหว่ันไหว พงึ ดาํ รงอยูใน สญั ญาวิโมกขนนั้ . [๒๕๘] คําวา สพฺเพสุ ในอเุ ทศวา \" สพฺเพสุ กาเมสุ โยวตี ราโค \" ดังนี้ ความวา... ไมม สี ว นเหลอื . คาํ วา สพฺเพสุ นี้ เปนเครือ่ งกลา วรวม. โดยหวั ขอ วา กาเมสุ กามมี ๒ อยาง คือ วตั ถุกาม ๑ กิเลสกาม ๑ฯ ล ฯ เหลานเี้ รยี กวา วัตถกุ าม ฯ ล ฯ เหลานี้เรยี กวา กิเลสกาม. คําวา ผใู ดปราศจากความกาํ หนัดในกามท้ังปวง ความวา ผใู ดปราศจากความกาํ หนดั ... เพราะฉะนัน้ จงึ ชือ่ วา ผูใดปราศจากความกาํ หนดั ในกามทงั้ ปวง.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย จูฬนิเทส เลม ๖ - หนา ท่ี 196 พระผูมีพระภาคเจาตรสั เรียกพราหมณน ้ันโดยชอ่ื วา อุปสวี ะ ในอุเทศวา \" อุปสวี าติ ภควา \" ดังนี้. คําวา ภควา นี้ เปนเคร่ืองกลา วโดยเคารพ ฯ ล ฯ คาํ วา ภควาน้ี เปน สจั ฉกิ าบัญญตั ิ เพราะฉะนัน้ จงึ ชอ่ื วา พระผูมพี ระภาคเจาตรสั ตอบวา ดกู อ นอุปสวี ะ. [๒๕๙] คําวา ละสมาบัตอิ นื่ อาศัยอากิญจญั ญายตนสมาบตั ิความวา ละเวน นอ มใจไปสูอากญิ จญั ญายตนสมาบตั ิ เพราะฉะน้นัจงึ ช่อื วา ละสมาบัติอื่น อาศัยอากญิ จญั ญายตนสมาบัติ. [๒๖๐] คําวา นอ มใจไปในสัญญาวโิ มกขอ ยา งยง่ิ ความวาสญั ญาสมาบตั ิ ๗ ทา นกลา ววา สญั ญาวิโมกข... มสี ญั ญาวิโมกขนัน้เปนใหญ เพราะฉะนน้ั จึงช่ือวา นอ มใจไปในสัญญาวโิ มกขเ ปน อยางยิง่ . [๒๖๑] คําวา ตฏิ เยยฺ ในอุเทศวา \" ตฏิ เยยฺ โส ตตฺถอนานยุ ายี \" ดังนี้ ความวา พึงตง้ั อยูห กหมนื่ กัป. คําวา ตตฺถ คือในอากญิ จญั ญายตนสมาบตั .ิ คําวา อนานุยายี ความวา ไมห วน่ั ไหว...เพราะฉะนั้น จงึ ช่ือวา ผูนัน้ ไมม คี วามหว่นั ไหว พึงดาํ รงอยใู นอากิญ-จญั ญายตนสมาบตั ินัน้ เพราะเหตนุ ัน้ พระผูมีพระภาคเจา จึงตรัสวา ผูใดปราศจากความกาํ หนดั ในกามทง้ั ปวง ละสมาบัติ อื่น อาศยั อากิญจญั ญายตนสมาบัติ นอ มใจไปแลวใน สัญญาวิโมกขอ ยา งยง่ิ ผูน นั้ ไมมคี วามหวัน่ ไหว พงึ ดํารง อยูใ นอากิญจญั ญายตนสมาบัตนิ ้นั .

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนาที่ 197 [๒๖๒] ถาผูน นั้ ไมม คี วามหว่ันไหว พึงดํารงอยใู นสมาบตั นิ ้นั ขา แตพ ระองคผ มู ีพระสมันตจักษุ ผนู นั้ เปนผูพนแลว มี ความเย็น พงึ มใี นสมาบัตนิ ั้นน่นั แหละแมม ากป วญิ ญาณ ของบุคคลเชนนน้ั พึงมีหรือ. [๒๖๓] คาํ วา ติฏเ  เจ โส ในอุเทศวา \" ติฏเ เจ โส ตตถฺอนานยุ ายี \" ดังน้ี ความวา ถาผูน ั้นพึงดํารงอยูห กหม่ืนกัป. คําวา ตตฺถ คือ ในอากิญจัญญายตนสมาบัติ. คําวา อนานุยายี ความวา ไมหวน่ั ไหว... ไมเ ศรา หมอง เพราะ-ฉะนน้ั จึงช่อื วา ถา ผนู ั้นไมมีความหวน่ั ไหว พงึ ดํารงอยู ในอากิญ-จัญญายตนสมาบตั ินน้ั . [๒๖๔] คําวา ปูคมฺป วสสฺ าน ในอเุ ทศวา \" ปูคมฺป วสฺสานสมนฺตจกฺขุ \" ดงั นี้ ความวา แมมากป คือ แมหลายป หลายรอ ยปหลายพนั ป หลายแสนป หลายรอยกัป หลายพนั กัป หลายแสนกัป.พระสพั พัญุตญาณ เรียกวา สมันตจกั ษุ ในคําวา ขา แตพ ระองคผูม พี ระสมันตจักษุ ฯ ล ฯ เหตุนั้น พระตถาคต จงึ ชือ่ วา มพี ระสมันตจกั ษุเพราะฉะนัน้ จึงช่ือวา ขา แตพระองคผูมีพระสมนั ตจักษุ... แมมากป. [๒๖๕] คาํ วา ผนู น้ั เปนผพู น แลว มีความเย็น พงึ มใี นสมาบัตินั้นนนั่ แหละ วิญญาณของบุคคลเชน นน้ั พงึ มีหรอื ความวา ผูน้นั ถึงความเปนผเู ย็น ยัง่ ยืน เปนผูเทยี่ ง ไมม ีความแปรปรวนเปนธรรมดาในสมาบตั ินน้ั น่ันแหละ พงึ อยใู นสมาบัตินั้นน่นั แหละเท่ียงแท. อีกอยางหนงึ่ พราหมณน ้ันยอมถามถึงความเที่ยงแทแ ละความขาดสูญของบุคคลผบู ังเกิดในอากญิ จญั ญายตนภพวา วิญญาณของผูนน้ั พึง

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาที่ 198เคล่ือนไป พงึ ขาดสญู พนิ าศไป ไมพ งึ มี ปฏิสนธวิ ิญญาณไมพึงเกดิ ในกามธาตุ ในรปู ธาตุ หรือในอรปู ธาตุดงั นี้ หรือวายอ มถามถึงปรนิ ิพพานและปฏิสนธิของบคุ คลผูเ กิดแลว ในอากญิ จญั ญายตนภพวา บคุ คลนั้น ยอ มปรนิ พิ พานดว ยอนปุ าทิเสสนิพพานธาตุ ในอากิญจญั ญายตนภพนัน้ นนั่แหละ หรอื วาวิญญาณของบุคคลนัน้ พงึ เคล่ือนไป ไมพ ึงเกดิ ปฏิสนธิ-วิญญาณในกามธาตุ รปู ธาตุ หรืออรปู ธาตอุ ีก. คาํ วา ตถาวิธสสฺ ความวา ของบคุ คลชนดิ อยา งนน้ั คือ ของบคุ คลเชน นั้น ผดู าํ รงอยดู ังนน้ั ผมู ปี ระการดงั น้นั ผูมสี วนดงั น้นัผูเกิดแลว ในอากิญจญั ญายตนภพ เพราะฉะนั้น จงึ ช่ือวา ผูนัน้ เปน ผพู นแลว มีความเย็น พงึ มีในสมาบตั นิ น้ั น่นั แหละ วญิ ญาณของบคุ คลเชนน้ันพงึ มีหรือ เพราะเหตนุ ้ัน พราหมณน นั้ จึงกลาววา ถาผนู น้ั ไมมคี วามหวัน่ ไหว พึงดาํ รงอยใู นสมาบัตนิ ั้น ขาแตพ ระองคผูม พี ระสมันตจักษุ ผนู ัน้ เปน ผพู นแลว มคี วามเย็น พงึ มีในสมาบตั นิ ั้นนน่ั แหละแมม ากป วญิ - ญาณของบคุ คลเชน นั้นพงึ มหี รอื . [๒๖๖] (พระผมู พี ระภาคเจาตรัสตอบวา ดูกอ นอปุ สีวะ) เปลวไฟดับไปแลวเพราะกาํ ลงั ลม ยอ มถงึ ความไมมี ไมเ ขา ถึงความนบั ฉันใด มนุ พี น แลวจากนามกาย ยอ ม ถงึ ความไมมี ไมเขา ถงึ ความนบั ฉันน้นั . [๒๖๗] เปลวไฟตรสั วา อัจจิ ในอเุ ทศวา \" อจฺจิ ยถา วาตเวเคนขิตฺต \" ดังนี้ ลมทศิ ตะวันออก ลมทศิ ตะวนั ตก ลมทิศเหนอื ลมทศิ ใต

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย จฬู นเิ ทส เลม ๖ - หนาท่ี 199ลมมธี ลุ ี ลมไมมธี ุลี ลมเยน็ ลมรอน ลมแรง ลมบา หมู ลมแตปก นกลมแตปกครุฑ ลมแตใบตาล ลมแตพัด ช่ือวา วาตา. คําวา ดับแลว เพราะกําลงั ลม ความวา ดบั คอื สญู หาย หายไปส้นิ ไป หมดไป หมดสนิ้ ไปแลวเพราะกําลงั ลม เพราะฉะนนั้ จึงชือ่ วาเปลวไฟดบั ไปแลวเพราะกาํ ลังลม... ฉนั ใด. พระผมู พี ระภาคเจา ตรสัเรยี กพราหมณนน้ั โดย ช่ือวา อุปสวี ะ ในอเุ ทศวา \" อุปสีวาติ ภควา \"ดงั น.้ี คําวา ภควา นี้ เปน เครือ่ งกลา วโดยความเคารพ ฯ ล ฯ พระนามวาภควา นี้ เปน สจั ฉกิ าบญั ญัติ เพราะฉะนน้ั จงึ ช่ือวา พระผูม ีพระภาคเจาตรสั ตอบวา ดูกอนอปุ สีวะ. [๒๖๘] คาํ วา อตฺถ ปเลติ ในอเุ ทศวา อตฺถ ปเลติ น อุเปติสงฺข ดงั น้ี ความวา ยอ มดบั ไป คือ ถงึ ความส้ินไป ถึงความหมดไปดับไป สงบไป ระงับไป. คําวา ไมเ ขา ถึงความนบั ความวา ไมเขาถึงความนบั คอื ไมเขาถงึ ความอาง ความคาดคะเน ความบญั ญตั วิ า เปลวไฟนั้นไปสูทิศชื่อโนน แลว เพราะฉะนน้ั จงึ ชอ่ื วา ยอ มถึงความไมมี ไมเขา ถงึ ความนับ. [๒๖๙] คําวา เอว ในอุเทศวา \" เอว มนุ ิ นามกายา วมิ ุตฺโต \"ดังน้ี เปนเคร่ืองยังอุปมาใหถ งึ พรอม. ญาณ ตรัสวา โมนะ ในคําวา มนุ ี ฯ ล ฯ มุนีน้นั ลว งแลวซ่งึราคาทิธรรมเปน เคร่อื งขอ งและตัณหาเปนดงั วาขา ย. คาํ วา พนแลวจากนามกาย ความวา มนุ ีน้นั พนจากนามกายและรูปกายกอนแลวโดยปกติ คอื มุนีนน้ั ละนามกายและรูปกายแลว ดวย

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย จฬู นิเทส เลม ๖ - หนา ท่ี 200การละ คอื ความลวงและความขม ดวยองคนน้ั ๆ อาศัยพระผมู พี ระภาคเจาแลว ไดอ รยิ มรรค ๔ เพราะเปนผูไดอรยิ มรรค ๔ จงึ กําหนดรนู ามกายและรปู กาย เพราะเปน ผกู าํ หนดรนู ามกายและรปู กาย จึงพน คอื พนวเิ ศษจากนามกายและรปู กายดว ยความพนวเิ ศษสว นเดยี ว เพราะฉะน้ันจงึ ชื่อวา มนุ พี นแลวจากนามกาย ... ฉนั นัน้ . [๒๗๐] คาํ วา ยอมถงึ ความไมม ี ในอเุ ทศวา \" อตถฺ  ปเลติ นอุเปติ สงขฺ  \" ดังน้ี ความวา มนุ นี น้ั ยอ มปรนิ พิ พานดว ยอนปุ าทิเสส-นพิ พานธาตุ คือ ปรนิ พิ พานแลว ดว ยอนปุ าทิเสสนพิ พานธาต.ุ คําวา ยอมไมเ ขา ถงึ ความนบั ความวา มุนนี ้ันยอ มไมเ ขาถงึ ความนับ คือ ไมเ ขา ถึงความอาง ความคาดคะเน ความบญั ญัติวา เปนกษตั ริยเปน พราหมณ เปน แพศย เปน ศูทร เปน คฤหสั ถ เปน บรรพชติ เปนเทวดา เปนมนษุ ย เปนสัตวม ีรปู เปนสตั วไมม รี ปู เปนสตั วม ีสัญญาเปนสัตวไ มมสี ญั ญา หรือวา เปน สัตวมีสญั ญาก็มใิ ชไ มมีสัญญากม็ ใิ ช มนุ ีน้ันไมมีเหตุ ไมมีปจ จยั ไมมกี ารณ เครือ่ งใหถงึ การนบั เพราะฉะนัน้จึงชือ่ วา ยอมถึงความไมมี ไมเขาถงึ ความนับ เพราะเหตุนนั้ พระผูม-ีพระภาคเจาจึงตรัสวา เปลวไฟดบั ไปแลว เพราะกําลงั ลม ยอ มถงึ ความไมม ี ไมเขา ถึงความนับ ฉันใด มนุ พี นแลวจากนามกาย ยอม ถึงความไมมี ไมเขา ถงึ ความนบั ฉันนนั้ . [๒๗๑] มนุ ีน้นั เปนผูด บั ไปแลว หรือมุนีนั้นยอมไมมี หรอื วา มนุ ีนัน้ เปนผไู มมโี รคดว ยความเปนผูเที่ยง ขอพระองคผ ู


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook