พระสุตตันตปฎ ก องั คตุ รนิกาย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนา ท่ี 161บุคคลหนักในลาภ ไมห นักในพระสัทธรรม ๑ บุคคลหนักในสกั การะ ไมหนักในพระสทั ธรรม ๑ นแ้ี ล บคุ คล ๔ จําพวกมีปรากฏอยใู นโลก ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย บคุ คล ๔ จําพวก มปี รากฏอยใู นโลก บุคคล๔ จาํ พวกคอื ใคร คือ บุคคลหนกั ในพระสทั ธรรม ไมห นกั ในความโกรธ ๑บุคคลหนกั ในพระสัทธรรม ไมห นกั ในความลบหลทู าน ๑ บคุ คลหนกั ในพระสัทธรรม ไมห นกั ในลาภ ๑ บุคคลหนักในพระสทั ธรรม ไมห นักในสักการะ ๑ ภิกษุผูหนกั ในความโกรธและความ ลบหลูทา น หนักในลาภและสกั การะ ภิกษเุ หลา นั้นยอ มไมง อกงามในพระธรรม ทพ่ี ระสมั มาสมั พทุ ธเจาทรงแสดงแลว . สวนภิกษเุ หลาใดหนักในพระสทั - ธรรมแลว และกาํ ลังหนกั ในพระสัทธรรม อยู ภกิ ษุเหลานั้นยอ มงอกงามในพระธรรม ทีพ่ ระสัมมาสมั พทุ ธเจา ทรงแสดงแลว. จบปฐมโกธสูตรที่ ๓
พระสุตตันตปฎก องั คตุ รนิกาย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนา ท่ี 162 อรรถกถาปฐมโกธสูตร พงึ ทราบวินิจฉยั ในปฐมโกธสตู รท่ี ๓ ดังตอไปน้ี :- บทวา โกธครุ น สทธฺ มฺมครุ ความวา บุคคลถอื ความโกรธเปน สําคญั ไมถือพระสทั ธรรม ยอมถอื พระสัทธรรม แตทําใหไ มส าํ คญั . แมในบทท่เี หลอื ก็นยั นี้เหมอื นกนั . บทวา วริ หู นฺติ ไดแ ก ยอ มเจรญิ หรอืยอ มตง้ั ม่ันไมหวั่นไหว ดว ยศรัทธาที่เปน มูลเกิดพรอ มแลว. จบอรรถกถาปฐมโกธสูตรท่ี ๓ ๔.ทุติยโกธสูตร วาดว ยอสัทธรรม ๔ [๔๔] ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย อสัทธรรม ๔ ประเภทนี้ อสทั ธรรม๔ ประเภทคืออะไร คือ ความเปนผหู นักในความโกรธ ไมหนกั ในพระ-สัทธรรม ๑ ความเปน ผูหนกั ในความลบหลทู า น ไมห นักในพระสัทธรรม ๑ความเปนผูหนักในลาภ ไมหนักในพระสัทธรรม ๑ ความเปนผูหนกั ในสกั การะไมห นักในพระสัทธรรม ๑ นแ้ี ล อสัทธรรม ๔ ประเภท ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย พระสทั ธรรม ๔ ประเภทน้ี พระสัทธรรม ๔ประเภทคอื อะไร คอื ความเปนผูห นักในพระสทั ธรรม ไมหนกั ในความโกรธ ๑ ความเปนผหู นกั ในพระสทั ธรรม ไมห นักในความลบหลูทา น ๑ความเปนผหู นกั ในพระสทั ธรรม ไมห นักในลาภ ๑ ความเปน ผหู นกั ในพระสัทธรรม ไมห นกั ในสักการะ ๑. นแ้ี ล พระสัทธรรม ๔ ประเภท.
พระสุตตันตปฎ ก อังคุตรนกิ าย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนาท่ี 163 ภิกษผุ หู นักในความโกรธและความ ลบหลูทา น หนกั ในลาภและสักการะ ยอ ม ไมงอกงามในพระสัทธรรม ดจุ พชื ทหี่ วา น ในนาเลวฉะนน้ั . สวนภกิ ษุเหลาใดหนกั ในพระสทั - ธรรมแลว และกําลงั หนักในพระสทั ธรรม อยู ภกิ ษุเหลานัน้ ยอ มงอกงามในธรรม ดุจสมนุ ไพรไดป ุยฉะนนั้ . จบทตุ ิยโกธสตู รที่ ๔ ในทตุ ิยโกธสูตรที่ ๔ บทวา โกธครุตา แปลวา ความเปนผูหนักอยใู นความโกรธ. ในบทท้ังปวงก็นยั นน้ี ่แี ล. ๕. ปฐมโรหติ ัสสสูตร วา ดว ยโรหิตสั สเทวบุตรทูลถามปญ หา [๔๕] สมยั หนงึ่ พระผูมีพระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระวหิ ารเชต-วนั อารามของอนาถบิณฑิกคฤหบดี กรุงสาวตั ถี ครั้งน้ัน เมอื่ ราตรลี ว ง(ปฐมยาม) แลว เทวบุตรช่อื โรหติ ัสสะ มฉี วีวรรณงดงาม (ฉายรัศม)ียังพระเชตวันใหสวา งไปทั่ว เขา ไปเฝา พระผมู ีพระภาคเจา ครนั้ เขาไปถึงแลวถวายอภิวาทแลว ยนื อยู ณ ที่สมควรสวนหนง่ึ แลว กราบทลู ถามพระผมู พี ระ-ภาคเจา วา ขา แตพระองคผูเ จริญ ในที่สุดโลกใด สตั วไ มเกิดไมแกไมต าย
พระสุตตนั ตปฎก อังคตุ รนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนาท่ี 164ไมจตุ ไิ มอุปบัติ บคุ คลอาจรูห รอื เหน็ หรอื ไปถงึ ซึง่ ทสี่ ดุ นน้ั ดวยการเดินทางไปไดห รอื . พ. ตรัสตอบวา อาวโุ ส ในท่สี ดุ โลกใดแล สัตวไมเกดิ ไมแ กไ มตายไมจุติ ไมอุปบัติ เรากลา ววาที่สดุ โลกน้ัน บุคคลไมพึงรูไมพึงเห็นไมพึงไปถึงไดดว ยการเดนิ ทางไป. โร. นา อัศจรรยจ รงิ พระพุทธเจาขา ขอนพี้ ระผูมีพระภาคเจาตรัสถกู ตอ งตามทีต่ รสั วา ในทส่ี ุดโลกใดแล สัตวไมเ กิดไมแกไ มต ายไมจ ตุ ิไมอ ปุ บตั ิ เรากลาววาทีส่ ุดโลกนัน้ บคุ คลไมพึงรูไ มพึงเห็นไมพงึ ไป ถงึ ไดดว ยการเดนิ ทางไป ดังน้ี เมอ่ื กอ นขา พระพทุ ธเจาเปนฤษชี ื่อโรหติ สั สะ เปนบตุ รนายบา น มีฤทธไิ์ ปในอากาศได ความเรว็ ของขา พระพทุ ธเจาน้ันเปรยี บไดก ับนายขมังธนูผกู าํ ยํา ไดฝก หดั ธนศู ิลปแลวอยา งดจี นชํานิชาํ นาญสาํ เรจ็การยงิ แลว และยงิ ลกู ธนอู นั เบาอนั มกี ารปะทะนอ ย ใหผ า นเงาตนตาลทางขวางไปฉะน้ัน การยางเทา กา วหนงึ่ ของขา พระพทุ ธเจา ระยะเทากบั จากสมทุ รเบ้ืองตะวนั ออกถึงสมุทรเบ้ืองตะวนั ตก ขาพระพุทธเจา ผูมีความเร็วและกา วเทาเห็นปานนี้ มคี วามปรารถนาเกิดข้นึ วา จกั ไปใหถงึ ที่สดุ โลก เวนการกนิ ดื่มเคีย้ ว ลิ้ม ถา ยอจุ จาระปสสาวะ นอนและหยุดพกั เหนอื่ ย ขาพระพุทธเจามอี ายุ ๑๐๐ ป ดํารงชีวิตอยตู ลอด ๑๐๐ ป เดนิ ทางไปจนสิ้น ๑๐๐ ป ก็หาถึงท่ีสดุ โลกไม ตายเสยี ในระหวางน้ันเอง นา อัศจรรยจ รงิ พระพทุ ธเจา ขาขอ น้พี ระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ถูกตองดงั ท่ตี รสั วา ในทสี่ ดุ โลกใด สัตวไมเกดิไมแ กไมต ายไมจ ตุ ไิ มอุปบตั ิ เรากลาววา ทส่ี ุดโลกนน้ั บุคคลไมพ งึ รูไมพ ึงเห็นไมพึงไปถึงไดดวยการเดินทางไป ดังนี.้ พ. ตรสั ยํ้าความและไขความวา อาวุโส ในที่สดุ โลกใดแล ไมเ กดิไมแ กไมต ายไมจ ตุ ไิ มอปุ บตั ิ เรากลา ววาที่สุดโลกนน้ั บุคคลไมพ งึ จะไมพ งึ เหน็
พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนิกาย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนา ท่ี 165ไมพงึ ไปถึงไดด ว ยการเดนิ ทางไป แตเรากไ็ มก ลาววา เมอ่ื ยงั ไมถ ึงที่สุดโลกแลว จะทําที่สดุ ทุกขได เออ นแ่ี นะ อาวโุ ส เราบญั ญตั ิโลก และโลกสมทุ ยัโลกนิโรธ โลกนโิ รธคามนิ ปี ฏปิ ทา ในกเลวระ (รา งกาย) อันยาวประมาณ๑ วา ซึง่ มสี ัญญาและมใี จ. ทส่ี ุดโลก บุคคลไมพงึ ถึงไดด ว ย การเดินทางไป แตไหน ๆ มา แตว า ยงั ไมถ งึ ที่สดุ โลกแลว จะพนทุกขไดเปนไมม ี เพราะเหตุน้นั ผมู ปี ญ ญาดรี ูจกั โลก ถึงที่ สุดโลก อยจู บพรหมจรรยแลว รทู ่สี ุดโลก สงบบาปแลว ยอ มไมปรารถนาทงั้ โลกน้ี ทง้ั โลกอนื่ . จบปฐมโรหิตัสสสตู รท่ี ๕ อรรถกถาปฐมโรหติ สั สสูตร พงึ ทราบวนิ ิจฉัยในปฐมโรหิตสั สสูตรท่ี ๕ ดงั ตอไปน้ี :- บทวา ยตฺถ ความวา แผน ดนิ ใหโ อกาสแหงหนึง่ ของโลกในจักรวาล.บทวา น จวติ น อุปปชฺชติ นี้ ทรงถอื แลวดว ยอํานาจจตุ ติ แิ ละปฏิสนธิสืบๆกัน ไป. บทวา คมเนน คอื ดว ยการใชเ ทาเดนิ ไป. บทวา โลกสฺส อนตฺ ความวา พระศาสดาตรัสหมายถึงท่ีสดุ ของสังขารโลก. ในบทวา าเตยฺยเปน ตน ความวา อันบคุ คลพงึ รู พึงเห็น พึงถงึ . ดว ยเหตนุ ้นั เทพบตุ ร
พระสุตตันตปฎก อังคุตรนิกาย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนา ที่ 166ทลู ถามท่สี ดุ ของโลกในจักรวาล พระศาสดากต็ รัสตอบท่สี ดุ ของสังขารโลก.ฝายเทพบุตรน้ันราเริงในปญ หาวา การกลาวแกของพระศาสดาสมกับปญหาของตน ดงั นี้ จึงทูลวา อจฉฺ ริย ดงั นี้เปนตน. บทวา ทฬฺหธมโฺ ม ไดแ ก ผูสอดธนไู วม ่นั คือประกอบดว ยธนูมขี นาดเยยี่ ม. บทวา ธนคุ คฺ โห ไดแ กอาจารยผฝู ก หดั ธนู. บทวา สุสิกขฺ ิโตคือ ผไู ดศกึ ษาธนศู ิลปม า ๑๒ ป. บทวา กตหตฺโถ ความวา มฝี มอืชาํ นาญแลว โดยสามารถยิงปลายขนเนือ้ ทราย ในระยะประมาณอสุ ภะหนง่ึ ได.บทวา กตปู าสโน ไดแก ยิงธนูชาํ นาญไดแ สดง (ประลอง) ศลิ ปธนูมาแลว .บทวา อสเนน คอื ลูกธน.ู บทวา อติปาเตยฺย คอื ผานไป. เทพบตุ รแสดงสมบัติ คอื ความเรว็ ของตนวา เราจักผา นจกั รวาลหนึง่ ไปเทากับลูกธนูนัน้ ผา นเงาตาลไป. บทวา ปรุ ตฺถิมา สมทุ ทฺ า ปจฉฺ ิโม ความวา เทวบตุ รกลา ววา การยางเทากาวหนึ่งไปไดในที่ไกล เหมอื นสมุทรเบือ้ งตะวันตกไกลจากสมทุ รเบ้ืองตะวันออกฉะน้นั . ไดย ินวา ฤษีนั้น ยนื อยทู ี่ขอบปากแหงจกั รวาลเบ้ืองตะวนั ออก เหยียดเทา ผานขอบปากแหง จักรวาลเบอื้ งตะวันตก เหยียดเทาท่ีสองไปอีก ก็ผา นขอบปากจักรวาลอนื่ . บทวา อิจฺฉาคต แปลวา ความปรารถนานน้ั เอง. บทวา อฺ ตเฺ รว คือ ทานแสดงความไมชักชา. ไดย ินวาในเวลาภกิ ขาจาร ฤษนี ้ันสีไมส ฟี น นาคลดา ลางหนาในสระอโนดาต เมอ่ื ไดเวลาก็เท่ยี วบิณฑบาตในอตุ ตรกุรุทวีป น่ังท่ีขอบปากจกั รวาล ทาํ ภตั กจิ . หยดุพกั ณ ทน่ี ้ันครหู นง่ึ ก็โลดแลนไปอกี . บทวา วสฺสตายโุ ภ ความวา ยคุ น้ันเปน สมยั ท่คี นมีอายยุ ืน. สว นฤษีนเ้ี รมิ่ เดินเม่ืออายุเหลือ ๑๐๐ ป. บทวาวสฺสสตชวี ี ความวา เขามชี ีวติ อยู ๑๐๐ ป โดยไมมีอนั ตราย. บทวา
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคุตรนกิ าย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนา ท่ี 167อนตฺ ราเยว กาลกโต ความวา ยังไมถ ึงที่สุดแหงโลกในจกั รวาล. กต็ ายเสยี กอนในระหวาง. แตเขาทํากาละในทีน่ ้ันแลว จึงมาเกิดในจกั รวาลนี้. บทวา อปปฺ ตวฺ า ความวา ยงั ไมถงึ ทีส่ ุดแหงสงั ขารโลก. บทวาทกุ ฺขสสฺ คือ วัฏฏทกุ ข. บทวา อนตฺ กิริย คอื ทําทส่ี ุด. บทวา กเฬวเรคือในอัตภาพ. บทวา สสฺมหฺ ิ สมนเก คือ มสี ญั ญามีใจ. บทวาโลก คือ ทุกขสัจ. บทวา โลกสมทุ ย คอื สมทุ ยสัจ. บทวา โลกนโิ รธคอื นโิ รธสจั . บทวา ปฏปิ ท คอื มรรคสัจ. พระผมู พี ระภาคเจา ทรงแสดงวา ผมู อี ายุ เรายอมไมบ ัญญัติสัจจะ ๔ เหลา น้ีลงในหญา และไมเปน ตนแตเ รายอ มบัญญตั ลิ งในกายน้ีท่มี มี หาภตู ๔ เทานน้ั . บทวา สมติ าวี ไดแกผมู ีบาปสงบแลว . บทวา นาสสึ ติ คอื ยอมไมป รารถนา. จบอรถกถาปฐมโรหติ ัสสสตู รท่ี ๕ ๖. ทุติยโรหิตสั สสูตร วา ดว ยโรหิตสั สเทวบตุ รทลู ถามปญหา [๔๖] สตู รนี้เน้อื ความเหมอื นสตู รกอนทุกอยาง ตา งแตว า สตู รนี้เปนคําที่พระองคตรสั เลา ใหภ ิกษุทั้งหลายพงึ วา เมือ่ คืนน้มี เี ทวบุตรชอ่ื น้นั มาเฝาแลว กราบทูลถามอยา งนน้ั ๆ นคิ มคาถากอ็ ยา งเดียวกนั . จบทุตยิ โรหติ ัสสสูตรที่ ๖ ทุติยโรหติ ัสสสูตรที่ ๖ งา ยทั้งนัน้ .
พระสตุ ตันตปฎก อังคุตรนิกาย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนา ที่ 168 ๗. สุวิทูรสูตร วา ดวยส่งิ ที่ไกลแสนไกล ๔ [๔๗] ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย ส่งิ ท่ีไกลแสนไกล ๔ อยางน้ี ๔ อยา งคอื อะไร คือ ๑. ฟา กับดนิ ๒. ฝงในกับฝง นอกแหง สมทุ ร ๓. ท่ี ๆ ดวงอาทิตยอุทยั กบั ที่ ๆ ดวงอาทิตยอ สั ดง ๔. ธรรมของสัตบุรุษกบั ธรรมของอสตั บุรษุ ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย นแ้ี ล ส่งิ ที่ไกลแสนไกล ๔ อยาง. ฟา กบั ดิน ไกลกนั ฝงสมทุ ร กว็ า ไกลกัน ที่ ๆ ดวงอาทติ ยอทุ ัย กับท่ี ๆ ดวงอาทติ ยอสั ดง (กไ็ กลกัน) ธรรมของ สัตบุรษุ กับธรรมของสัตบรุ ษุ ปราชญ กลาววา ไกลกนั ย่ิงกวา นั้น การสมาคมแตง สัตบุรุษยอมไมเสอื่ ม คลาย จะนานเทา ใด ๆ ก็คงทอ่ี ยเู ชน นัน้ สวนสมาคมแหง อสตั บุรุษยอมพลันเสือ่ ม เพราะฉะนนั้ ธรรมของสตั บรุ ุษจึงไกลจาก อสตั บุรุษ. จบสุวิทูรสตู รที่ ๗
พระสุตตันตปฎก อังคุตรนิกาย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนาท่ี 169 อรรถกถาสุวิทูรสูตร พงึ ทราบวนิ จิ ฉัยในสวุ ทิ ูรสูตรท่ี ๗ ดังตอไปนี้ :- บทวา สุวิทูรวิทูรานิ ความวา ไมใ กลกนั โดยปรยิ ายไร ๆ คือไกลแสนไกลนัน่ เอง. บทวา นภจฺ ภกิ ขฺ เว ปวี จ ไดแก อากาศกบัแผนดนิ ใหญ. ในสองอยา งนั้น ชือ่ วาอากาศไมไ กลจากแผน ดิน แมป ระมาณ๒ นว่ิ กจ็ รงิ ถึงอยา งนัน้ ทานกย็ ังกลาววาไกลแสนไกลเพราะไมค ิดกันและกนั บทวา เวโรจโน คอื ดวงอาทติ ย. บทวา สตจฺ ภิกขเว ธมฺโมความวา โพธปิ ก ขิยธรรม ๓๗ อันตา งดว ยสตปิ โฐาน ๔ เปน ตน . บทวาอสตจฺ ธมโม ความวา อสัทธรรมอนั ตางดว ยทิฏฐิ ๖๒. บทวา ปภงฺกโรคือดวงอาทิตย. บทวา อพยฺ ายโิ ก โหติ ไดแ ก ไมจางไปเปนสภาพ.บทวา สต สมาคโม ความวา การสมาคมของบัณฑิตดวยสามารถกระชับมิตร.บทวา ยาวมปฺ ตฏิ เ ยยฺ ความวา จะพงึ ตง้ั อยูน านเทา ใด. บทวา ตเถวโหติ ความวา ก็คงที่อยูเ ชน น้ัน. ไมล ะปกติ. บทวา ขปิ ปฺ ฺหิ เวติ คอืยอมจางเรว็ . จบอรรถกถาสวุ ทิ ูรสตู รที่ ๗
พระสุตตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนา ท่ี 170 ๘. วสิ าขสตู ร วาดวยวสิ าขาปญจาลิบุตรแสดงธรรมมิกถา [๔๘] สมยั หน่งึ พระผมู ีพระภาคเจาประทับอยู ณ วหิ ารพระเชตวนัอารามของอนาถบิณฑิกคฤหบดี กรุงสาวตั ถี คราวนั้นทานวสิ าขะ ปญ จาลบิ ตุ รแสดงธรรมกิ ถาใหภกิ ษุทัง้ หลายใหเหน็ แจง ใหสมาทานใหอ าจหาญใหร า เริงอยูในอปุ ฏ ฐานศาลา ดว ยถอ ยคาํ ของชาวเมอื ง สละสลวยปราศจากโทษ ทําใหเขาใจความไดชดั เจน นบั เนื่องในนิพพานไมองิ วฏั ฏะ คร้ังน้ัน เวลาเยน็ พระผมู ีพระภาคเจาเสดจ็ ออกจากทปี่ ระทับหลีกเรนไปอุปฏฐานศาลา ประทับน่ัง ณ อาสนะท่จี ัดไวแ ลว ตรัสถามภิกษทุ ้ังหลายวาใครหนอแสดงธรรมิกถาใหภิกษทุ งั้ หลายใหเหน็ แจง ใหส มาทานใหอาจหาญใหราเริง ดวยคําของชาวเมือง สละสลวย ปราศจากโทษ ทาํ ใหเ ขา ใจความไดชดั เจน นบั เนื่องในนพิ พานไมองิ วัฏฏะ. ภกิ ษุทง้ั หลายกราบทลู วา ทา นวสิ าขะ ปญจาลิบุตร พระพุทธเจาขา ... พ. จึงตรัสประทานสาธุการกะทานวิสาขะวา สาธุ สาธุ วสิ าขะ เธอแสดงธรรมิกถาใหภ กิ ษุท้งั หลายใหเหน็ แจง ใหส มาทานใหอ าจหาญใหร า เรงิดว ยถอ ยคาํ ของชาวเมือง สละสลวย ปราศจากโทษ ทําใหเ ขา ใจความไดช ัดเจนนับเน่ืองในนิพพานไมอิงวฏั ฏะ ดีนักแล. คนฉลาดปนกับหมูคนเขลา เมื่อไม พูดออกมา กไ็ มมีใครรูจกั ตอเมอื่ พดู แสดงอมตบท คนท้งั หลายจงรู บุคคล พงึ สองธรรมใหสวาง พึงยกธงของฤษไี ว ฤษที ั้งหลายมสี ุภาษติ เปน ธง แทจ ริง ธรรม เปนธงของพวกฤษี. จบวสิ าขสูตรท่ี ๘
พระสตุ ตันตปฎก อังคุตรนิกาย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนา ท่ี 171 อรรถกถาวสิ าขสตู ร พงึ ทราบวินิจฉัยในวิสาขสูตรท่ี ๘ ดงั ตอไปน้ี :- บทวา ปจฺ าลิปตุ ฺโต คอื เปนบตุ รของนางพราหมณี ชอื่ ปญ จาล.ีบทวา โปริยา วาจาย คอื ดวยวาจาทบี่ รบิ ูรณ. บทวา วสิ ฺสฏาย คือล้นิ ไมพ นั . บทวา อเนฬคลาย ความวา ไมม ีโทษ ไมตกุ กุ ตะกกั พยญั ชนะไมเ พย้ี น. บทวา ปริยาปนฺนาย คอื ทนี่ บั เนื่องในวิวัฏฏะ. บทวา อนสิ ฺส-ิตาย คือ ไมอ าศัยวฏั ฏะ. อธบิ ายวา กลา วถอยคําใหอ าศยั วิวัฏฏะเทา นัน้ไมกลาวถอยคาํ ใหอาศัยวฏั ฏ. บทวา นาภาสมาน คอื เมอ่ื ไมพ ูดก็ไมมใี ครรูจกั บทวา อมต ปทไดแ ก บทคือพระนิพพาน. บทวา ภาสเย ไดแ ก พึงทาํ ใหก ระจา ง (พดู ).บทวา โชตเย เปน ไวพจนของบทวา ภาสเย นนั้ เอง. บทวา ปคฺคณเฺ หอิสีน ธช ความวา โลกตุ รธรรม ๙ อยา ง เรียกชอื่ วา ธงของพวกฤษี เพราะอรรถวา ฟงุ ขจรไป. อธิบายวา พงึ ยกยอ งโลกตุ รธรรมนน้ั คือ พงึ กลาวยกใหสูง. พวกฤษี ชอื่ วา มสี ุภาษติ เปนธง เพราะอรรถวา มีสุภาษิตท่ีแสดงโลกตุ รธรรม ๙ เปน ธง. บทวา อสิ โิ ย ไดแก พระอริยะทงั้ หลาย มีพระพุทธเจาเปนตน . บทวา ธมโฺ ม หิ อิสีน ธโช ความวา โลกตุ รธรรมชื่อวา เปน ธงของพวกฤษี โดยนยั อนั กลาวแลว ในหนหลังแล. จบอรรถกถาวิสาขสูตรท่ี ๘
พระสุตตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนา ท่ี 172 ๙. วปิ ล ลาสสตู ร วาดวยวิปลาสในธรรม ๔ ประการ [๔๙] ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย สญั ญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฏฐวิ ิปลาส(ความสําคญั คดิ เห็นคลาดเคล่ือน) มี ๔ ประการนี้ ๔ ประการคืออะไรบา งคอื สัญญาวปิ ลาส จติ วิปลาส ทฏิ ฐิวปิ ลาส ในสงิ่ ท่ีไมเ ทย่ี งวา เท่ยี ง ๑ ในสงิ่ ที่เปน ทุกขวา เปน สขุ ๑ ในสง่ิ ท่เี ปนอนัตตาวา เปน อัตตา ๑ ในสง่ิ ท่ไี มง ามวา งาม ๑ นี้แล สัญญาวิปลาส จิตวปิ ลาส ทฏิ ฐิวิปลาส ๔ ประการ ภกิ ษุท้ังหลาย สญั ญาไมวปิ ลาส จติ ไมวปิ ลาส ทฏิ ฐไิ มวิปลาส ๔ นี้๔ คืออะไรบาง คือ สัญญาไมว ิปลาส จิตไมวปิ ลาส ทฏิ ฐิไมวิปลาส วา ไมเ ที่ยงในสิง่ ท่ไี มเท่ียง... วา ทุกขในสง่ิ ทีเ่ ปน ทุกข... วาเปนอนตั ตาในสิ่งท่ีเปนอนัตตา... วา ไมง ามในสิง่ ท่ีไมงาม น้ีแล สัญญาไมว ปิ ลาส จติ ไมว ิปลาสทิฏฐิไมว ปิ ลาส ๔ ประการ. สตั วเ หลาใดสําคญั วาเท่ยี งในส่งิ ท่ี ไมเท่ียง สําคัญวา สุขในสิ่งทเี่ ปน ทกุ ข สาํ คัญวา เปนอตั ตาในสง่ิ ทีเ่ ปนอนัตตา และสําคญั วา งานในส่ิงทีไ่ มง าม ถกู ความ เปน ผดิ ชกั นาํ ไปแลว ความคดิ ซดั สา ยไป มีความสาํ คัญ (คิดเหน็ ) วปิ ลาส สัตว เหลา นั้นช่อื วา ถกู เคร่ืองผูกของมารผูกไว แลว เปนคนไมเ กษมจากโยคะ ยอม เวียนเกิดเวียนตายไป.
พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนาท่ี 173 เมื่อใดพระพุทธเจา ท้ังหลายผปู ระดจุ ดวงอาทิตยบ งั เกดิ ขึน้ ในโลก ทรงประกาศ ธรรมอนั น้ี ซง่ึ เปนทางใหถงึ ความสงบ ทุกข เมอ่ื น้ัน สัตวเหลา นนั้ ผูทมี่ ีปญ ญา ไดฟง ธรรมของทา นแลว จึงกลับไดคิด เห็นส่ิงท่ไี มเทยี่ ง เปน ทกุ ข เปน อนัตตา และไมง าม ตามความเปนจริง เพราะมา ถือเอาทางความเห็นชอบ กล็ ว งพนทกุ ข ท้งั ปวงได. จบวปิ ล ลาสสตู รที่ ๙ อรรถกถาวิปล ลาสสูตร พงึ ทราบวินจิ ฉยั ในวปิ ลลาสสูตรที่ ๙ ดงั ตอ ไปนี้ :- บทวา สฺ าวิปลลฺ าสา ความวา มสี ัญญาความสําคัญคลาดเคลอ่ื นอธบิ ายวา มสี ญั ญา ๔ วิปรติ ความสาํ คญั ที่ตรงกนั ขาม. แมในสองบทท่เี หลอืก็นยั นเ้ี หมอื นกัน. บทวา อนิจเฺ จ ภกิ ขฺ เว นจิ ฺจนฺติ สฺาวิปลฺลาโสความวา เกิดความสาํ คัญ ยึดถืออยา งน้วี าเทย่ี งในสิ่งที่ไมเที่ยง ชอ่ื วา สัญญาวิปลลาส. บณั ฑิตพงึ ทราบความในบททุกบท โดยนยั น้ี . บทวา อนตตฺ นิ จ อตฺตา ความวา ผมู ีความสาํ คญั อยางนี้วาเปนอตั ตาใหส่งิ ท่เี ปน อนัตตา. บทวา มิจฺฉาทฏิ ิหตา ความวา สตั วจะสาํ คัญอยา งเดียวเทา นน้ั ก็หามไิ ด ยังถกู แมม จิ ฉาทฏิ ฐิความเหน็ ผดิ ทก่ี ําลัง
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนิกาย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนาที่ 174เกดิ ข้ึนชกั นาํ ไปแลว เหมอื นสัญญาวิปลลาส. บทวา ขิตตฺ จติ ตฺ า ความวาผปู ระกอบดว ยจติ ซัดสา ยทกี่ าํ ลังเกิดขึ้นเหมอื นสญั ญาวปิ ลลาสและทิฏฐวิ ปิ ลลาส.บทวา วสิ ฺ โิ น นัน่ เปน เพยี งเทศนา. อธบิ ายวา เปน สญั ญาจิตและทฏิ ฐิอนั วิปรติ . บทวา เต โยคยุตตฺ า มารสฺส ความวา สตั วเ หลา นน้ั ช่ือวาประกอบอยูในเคร่อื งผูกของมาร. บทวา อโยคกฺเขมโิ น ความวา เปนคนไมถงึ ความเกษมจากโยคะ คือพระนิพพาน. บทวา สตฺตา คอื บุคคลท้งั หลาย. บทวา พทุ ธฺ า คือผตู รสั รสู ัจจะ ๔. บทวา อิม ธมมฺ คือสจั จธรรม ๔. บทวา สจติ ตฺ ปจจฺ ลทฺธา ไดแก กลบั ไดค วามคดิ ของตนเอง. บทวา อนจิ จฺ โต ทกฺขุ ไดแ ก ไดเ หน็ โดยความเปนของไมเ ท่ียงจรงิ . บทวา อสุภตทฺทส ไดแก ไดเหน็ โดยความเปนของไมง ามจรงิ .บทวา สมฺมาทิฏ สิ มาทานา ไดแ ก ผยู ึดถือสัมมาทสั สนะ. บทวา สพฺพทกุ ฺข อุปจฺจคุ ความวา ลว งพน วัฏฏทกุ ขท ัง้ สิน้ ได. จบอรรถกถาวปิ ลลาสสตู รท่ี ๙ ๑๐. อปุ กเิ ลสสตู ร วา ดว ยเครอื่ งเศราหมอง ๔ อยา ง [๕๐] ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย อปุ กเิ ลส (เครือ่ งมวั หมอง) แหงดวงจันทรด วงอาทติ ย ๔ อยา งนี้ ซ่งึ เปนเหตใุ หดวงจนั ทรดวงอาทิตยไ มสวา งไสวไพโรจน อุปกิเลสแหง ดวงจนั ทรดวงอาทติ ย ๔ อยางคืออะไรบางคือ เมฆ ๑ หมอก ๑ ควนั และผงคลี ๑ อสุรนิ ทราหู ๑ น้ีแล อปุ กิเลส
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คุตรนกิ าย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนา ที่ 175แหง ดวงจันทรด วงอาทติ ย ๔ อยาง ซ่งึ เปนเหตใุ หดวงจันทรด วงอาทิตยไ มสวา งไสวไพโรจน ภิกษุท้งั หลาย ฉันเดียวกนั น้ันแล อปุ กิเลสแหง สมณพราหมณทัง้ หลายกม็ ี ๔ ประการ ซ่งึ เปนเหตุใหสมณพราหมณทั้งหลายไมง ามสงา สุกใสรงุ เรื่อง อุปกเิ ลสของสมณพราหมณ ๔ ประการ คอื อะไรบาง คือ มอี ยู สมณพราหมณบ างเหลาด่มื สุราเมรัย ไมงดเวน จากการดมื่สุราเมรยั การดื่มสรุ าเมรัยเปนอปุ กิเลสแหงสมณพราหมณขอ ๑ ซึง่ เปนเหตุใหส มณพราหมณไ มง ามสงา สุกใสรุงเรอื ง มีอยู สมณพราหมณบ างเหลา เสพเมถุนธรรม ไมงดเวน จากเมถุน-ธรรม การเสพเมถนุ ธรรมนี้เปน อุปกิเลสแหงสมณพราหมณขอ ๒ ซึง่ เปนเหตุใหสมณพราหมณไ มงามสงาสุกใสรงุ เรือง. มอี ยู สมณพราหมณบ างเหลายนิ ดที องและเงิน ไมงดเวน จากการรบั ทองและเงนิ ความยินดรี ับทองและเงินนี้เปน อปุ กิเลสแหงสมณพราหมณขอ ๓ ซึ่งเปน เหตใุ หสมณพราหมณไมง ามสงา สกุ ใสรุง เรือง มอี ยู สมณพราหมณบ างเหลาเลีย้ งชวี ติ โดยมิจฉาอาชวี ะ ไมง ดเวนจากมิจฉาอาชวี ะ การเล้ยี งชีวติ โดยมิจฉาอาชีวะน้เี ปนอุปกเิ ลสแหงสมณพราหมณขอ ๔ ซ่ึงเปน เหตุใหสมณพราหมณไมง ามสงาสุกใสรุงเรือง ภกิ ษุทั้งหลาย นีแ้ ล อุปกิเลสแหงสมณพราหมณ ๔ ประการ ซงึ่เปนเหตุใหสมณพราหมณไ มงามสงาสกุ ใสรงุ เรอื ง. สมณพราหมณบางเหลา ผูมรี าคะโท- สะปกคลมุ แลว เปนคนอนั อวิชชาปกปด แลว เพลนิ ยินดใี นปย รปู (ส่ิงท่รี ัก) ดม่ื
พระสุตตันตปฎก อังคุตรนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนาท่ี 176 สรุ าเมรัย บางเหลา เสพเมถุน บางเหลา โฉดเขลา ยนิ ดีเงนิ และทอง บางเหลา เลย้ี งชพี โดยมิจฉาอาชีวะ. บาปธรรมเหลา น้นั พระพุทธเจา เผา พันธุพระอาทติ ย ตรสั วา เปนอปุ กเิ ลส ซ่ึงเปน เหตุใหส มณพราหมณเหลา น้ันปรา- กฏวา เปน ผูไ มบรสิ ุทธิ์ มีราคี ไมงามสงา สุกใส. สมณพราหมณเหลา นนั้ อันความมดื (คอื อวิชชา) หุมหอ แลว ตกเปนทาสตณั หา ถูกตณั หาจงู ไป บาํ รงุ เลย้ี งอัตภาพรา ยเขา ไวตอ งไปเกิดอีก. จบอปุ กิเลสสูตรท่ี ๑๐ จบโรหิตสั สวรรคที่ ๕ อรรถกถาอปุ กเิ ลสสูตร พึงทราบวินจิ ฉยั ในอุปกเิ ลสสูตรท่ี ๑๐ ดังตอ ไปน้ี :- บทวา อปุ กกฺ ิเลสา ความวา ชื่อวา อุปกเิ ลส (เคร่อื งเศรา หมอง)เพราะทาํ ความมัวหมอง ไมใ หผ อ งใส. บทวา มหยิ า คือ หมอก. บทวาธมู รโช ไดแ ก ควนั และผงคล.ี บทวา ราหุ ความวา หมอก ควัน และผงคลี ทัง้ สามขางตน เปนอุปกเิ ลสทไ่ี มถ ึงดวงจันทรดวงอาทติ ย สว นราหูพงึ ทราบวา ทา นกลา วดว ยสามารถอปุ กิเลสท่ีถึงดวงจนั ทรดวงอาทิตย. บทวา
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคุตรนกิ าย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนาท่ี 177สมณพฺราหฺมณา น ตปนตฺ ิ น ภาสนตฺ ิ น วโิ รจนฺติ ความวายอ มไมงาม ดวยความงามโดยคณุ ไมสุกใสดวยความสุกใสโดยคณุ ยอมไมไพโรจนดวยความไพโรจนโดยคณุ . บทวา สุราเมรยปานา อปฺปฏิวริ ตาความวา ไมเวน จากการดืม่ สรุ า ๕ อยา ง และเมรยั ๔ อยาง. บทวา อวิชฺชานวิ ุตา ความวา เปนคนถกู อวชิ ชาหมุ หอแลว คือปกปดไวแลว. บทวา ปยรูปาภนิ นทฺ โิ น ความวา เพลดิ เพลิน ยินดี ปย รูป(สงิ่ ทร่ี ัก) ส่ิงเปนที่ยินดี. บทวา สาทิยนฺติ คือ ยอมรบั . บทวา อวิททฺ สุคือ อันธพาล. บทวา สเนตตฺ กิ า ความวา นาํ ไปดวยเชอื กคือตัณหา.บทวา กฏสึ คือ อัตภาพ. บทวา โฆร คือ รา ย. ทัง้ ในพระสตู รนี้ทั้งในคาถา ตรัสแตวฏั ฏะอยางเดียว. จบอรรถกถาอปุ กิเลสสตู รที่ ๑๐ จบโรหิตัสสวรรควรรณนาท่ี ๕ จบปฐมปณณาสก รวมพระสตู รในวรรคนี้ คอื ๑. สมาธสิ ูตร ๒. ปญหาสูตร ๓. ปฐมโกธสูตร ๔. ทตุ ิยโกธ-สตู ร ๕. ปฐมโรหิตัสสสตู ร ๖. ทตุ ิยโรหิตสั สสูตร ๗. สวุ ทิ รู สตู ร ๘.วสิ าขสูตร ๙. วปิ ล ลาสสูตร ๑๐. อปุ กิเลสสูตร และอรรถกถา
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคุตรนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนา ท่ี 178 ทตุ ยิ ปณ ณาสก ปุญญาภิสันทวรรคท่ี ๑ ๑. ปฐมปุญญาภิสนั ทสตู ร วาดว ยทอ ธารบุญกศุ ล ๔ ประการ [๕๑] ดูกอนภิกษุท้ังหลาย (บญุ ญาภสิ ันท) ทอธารบญุ (กสุ ลา-ภสิ นั ท) ทอ ธารกศุ ล ๔ ประการน้ี นาํ มาซึ่งความสุข ใหซึ่งผลอนั ดีเลศิ มีความสขุ เปน วบิ าก เปนทางสวรรค เปนไปเพ่อื ผลทปี่ รารถนาท่ีรกั ใคร ที่ชอบใจ เพอื่ ประโยชน เพอื่ สขุ ทอธารบญุ กศุ ล ๔ ประการคอื อะไรบาง คือ ภกิ ษุบรโิ ภคจวี รของทายกใด เจาเจโตสมาธิอนั เปน ธรรมหาประมาณมไิ ด ทอธารบญุ กุศลของทายกนนั้ ยอมนบั ประมาณมิได นํานาซงึ่ ความสขุใหซึ่งผลอันดเี ลิศ มีความสขุ เปนวิบาก เปนทางสวรรค เปนไปเพือ่ ผลที่ปรารถนาทีร่ กั ใครท่ชี อบใจ เพอื่ ประโยชน เพ่อื สุข ภิกษบุ ริโภคบิณฑบาต. .. เสนาสนะ... คลิ านปจ จัยของทายกใด เขาเจโตสมาธิอนั เปน ธรรมหาประมาณมไิ ด ทอ ธารบุญกศุ ลของทายกนั้น ยอ มนบั ประมาณมิได นาํ มาซง่ึ ความสขุ ฯลฯ นี้แล ทอธารบุญ ทอ ธารกศุ ล ๔ ประการ นํามาซง่ึ ความสุข ฯลฯ กแ็ ลการท่ีจะนบั ประมาณบุญของอริยสาวก ผปู ระกอบพรอมดวยทอ -ธารบญุ กศุ ลนีว้ า ทอ ธารบุญกศุ ลประมาณเทา น้ี ๆ นาํ มาซงึ่ ความสุข ฯลฯดังน้มี ิใชง า ย อนั ทแ่ี ททอธารบญุ กุศลนน้ั นับวาเปน อสงไขย (ไมส ิ้นสดุ ดว ยการนับ) เปน อัประไมย (นับประมาณไมได) เปน มหาบุญขนั ธ (กองบุญใหญ)
พระสตุ ตันตปฎ ก อังคุตรนกิ าย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนา ที่ 179ทีเดยี ว เปรยี บเหมือนจะนับประมาณน้าํ ในมหาสมทุ ร วามนี า้ํ อยเู ทานอี้ าฬหกเทาน้รี อยอาฬหก เทา นี้พนั อาฬหก หรอื เทาน้ีแสนอาฬหก ดงั น้มี ใิ ชงา ยอันทแ่ี ทน า้ํ ในมหาสมทุ รน้นั นบั วา เปนอสงไขย เปนอัประไมย เปนมหาอุทก-ขันธ (หวงนาํ้ ใหญ) ทีเดียวฉนั ใด การทจ่ี ะนับประมาณบุญของอริยสาวกผูประกอบพรอ มดว ยทอธารบญุ กุศล ๔ ประการนวี้ า ทอ ธารบญุ กุศลเทานี้ ๆนํามาซึ่ง ความสขุ ใหซ ่ึงผลอนั เลิศ มสี ุขเปน วบิ าก เปน ทางสวรรค เปนไปเพ่อื ผลทปี่ รารถนา ทร่ี ักใคร ทชี่ อบใจ เพ่ือประโยชน เพอื่ สขุ ดงั นม้ี ิใชง ายอันท่ีแทท อธารบุญกศุ ลนนั้ นบั วาเปน อสงไขย เปนอปั ระไมย เปน มหาบญุ -ขนั ธทเี ดยี ว ฉนั นั้นนนั่ แล แมน ้ํามากหลาก อันเปน ทฝ่ี ูงปลา อาศัยอยู ยอ มไหลไปสูท ะเล อนั เปนที่รบั นาํ้ ใหญ เปน ทข่ี งั น้ําใหญ สุดท่ีจะประมาณ เปน ที่ประกอบดวยสง่ิ ทีน่ ากลัวมา เปนที่ กําเนดิ แหง รตนะตา ง ๆ ฉนั ใด ทอ ธารบุญ ยอมหลงั่ ไปสูบณั ฑิต ผูใ หข า ว น้าํ และ ใหผา ใหเครอื่ งท่นี อน ทน่ี ัง่ และเคร่อื ง ปูลาดเปน ทาน ดจุ แมนาํ้ ทั้งหลายไหลไปสู ทะเลฉะนัน้ . จบปฐมปุญญาภิสันทสูตรท่ี ๑
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนิกาย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนาท่ี 180 ทุติยปณ ณาสก ปญุ ญาภสิ นั ทวรรควรรณนาที่ ๑ อรรถกถาปฐมปญุ ญาภิสันทสตู ร พงึ ทราบวินจิ ฉยั ในปุญญาภสิ ันทสตู รท่ี ๑ วรรคที่ ๒ ดงั ตอ ไปน้ี :- บทวา ปฺุ าภสิ นฺทา ไดแ ก ความหลงั่ ไหลมาแหงบุญ อธิบายวาความเกดิ ขึ้นแหง บญุ . บทวา กุสลาภิสนฺทา นน่ั เปนไวพจนข องบทวาปฺุาภสิ นทฺ า น้ันเอง. ชอ่ื สขุ ัสสาหาร ก็เพราะวา ความหล่งั ไหลมาแหงบญุ เหลานน้ี ัน้ นาํ ซ่งึ ความสุขมาให. ช่อื โสวคั คิกา เพราะวา ใหอารมณมีรปูเปนตน ดว ยดี. ชอ่ื สขุ วปิ ากาเพราะบุญเหลาน้ันมคี วามสขุ เปน วิบาก. ชอ่ื สคั ค-สงั วตั ตนกิ า เพราะเปน ไปเพอ่ื เกิดในสวรรค. บทวา จวี ร ปริภุ ฺชมาโน ความวา ภกิ ษไุ ดผา เพอ่ื ทาํ จีวรเพราะเข็มและดา ยเปนตน ไมม ี จงึ เกบ็ ไวเ องบา ง ทําเองบา ง ใหค นอนื่ ทําบา งหม เองบา ง ซึง่ ผานัน้ ในเวลาผา เกา ทาํ เปนผาปนู อนบา ง ไมอ าจทําเปน ผาปนู อนได กท็ าํ เปนผาถพู ื้นเสียบาง ฉีกผาทไ่ี มเ หมาะจะถูพื้นออกทําเปนผาเชด็ เทา บาง ก็เรยี กวา บริโภคอย.ู แตเ มื่อใดคิดวา ผาน้ีใครไมอาจทาํ เปนผา เช็ดเทาไดก ก็ วาดทิ้งไป เม่ือนั้น ชอื่ วา ไมบรโิ ภค. บทวา อปฺปมาณเจโตสมาธึ คือ อรหตั ผลสมาธ.ิ ดว ยบทวา อปฺปมาโณ ตสสฺปุ ฺาภิสนฺโท นี้ ตรัสถงึ บญุ เจตนาของทายก นับประมาณมไิ ด ดวยวาบญุ เจตนาของทายกนั้น ท่ีเปน ไปแลวดวยอํานาจการระลกึ ถงึ บอย ๆ วา ภิกษุผเู ปนขีณาสพ บรโิ ภคจีวรของเราดังน้ี ชือ่ วานบั ประมาณมไิ ด คํานตี้ รสั
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนา ท่ี 181หมายถงึ ขอ นนั้ . สว นในบณิ ฑบาตเปนตน ภิกษุใด บริโภคบณิ ฑบาต ดํารงชีพอยูดว ยบณิ ฑบาตน้นั และไดแม ๗ วนั ไมบริโภคบณิ ฑบาตอน่ื . ภิกษุน้ันชื่อวา บรโิ ภคอยูซ่ึงบิณฑบาตนัน้ แล อยูไดแม ๗ วัน. ก็ในเสนาสนะแหงหนึง่ภิกษุจงกรมอยบู า ง นัง่ อยูบาง ในสถานทอ่ี ยกู ลางคนื และพกั กลางวันเปนตนช่ือวาบริโภคอยูตราบเทา ทเี่ ธอยงั ไมล ะทงิ้ เสนาสนะท่ีไดแลว ไปถือเสนาสนะอน่ื .ก็เมอื่ ความเจบ็ ไข สงบระงบั ดวยยานานหนงึ่ เธอชื่อวา บรโิ ภคอยตู ราบเทาทเ่ี ธอยังไมบ ริโภคยาขนานอืน่ . บทวา พหุเภรว ไดแก ประกอบดวยอารมณอนั นากลวั มาก. บทวารตนคณาน ไดแ ก แหงรตนะทป่ี ระเสริฐ ๗ อยา ง. บทวา อาลย ไดแกสถานท่อี ยูอาศยั . บทวา ปถุ ู สวนตฺ ิ ไดแก แมน ํ้าเปน อนั มากไหลไป.บทท่เี หลอื ในบททงั้ ปวง งา ยท้ังนัน้ . จบอรรถกถาปฐมปญุ ญาภสิ นั ทสูตรท่ี ๑ ๒. ทตุ ยิ ปญุ ญาภิสันทสตู ร วาดว ยทอ ธารบุญกุศล ๔ [๕๒] ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ทอธารบุญทอทรงกศุ ล ๔ ประการน้ีนาํ มาซง่ึ ความสขุ ใหซ ึ่งผลอันดีเลิศ มคี วามสุขเปนวบิ าก เปน ทางสวรรคเปน ไปเพ่ือผลท่ปี รารถนาที่รกั ใครท ชี่ อบใจ เพอ่ื ประโยชน เพ่อื สขุ ทอ ธารบญุ กุศล ๔ ประการคืออะไรบา ง คือ
พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนาท่ี 182 อริยสาวกในพระธรรมวินยั นเี้ ปนผปู ระกอบดวยความเลื่อมใส อันไมหว่ันไหว ในพระพทุ ธเจา วา อติ ปิ โส ภควา ฯลฯ พทุ ฺโธ ภควาดังนี้ น้ีเปนทอ ธารบญุ กศุ ลขอ ๑ นํามาซง่ึ ความสุข ฯลฯ อีกขอ หนึ่ง อรยิ สาวกในพระธรรมวนิ ยั นี้เปน ผปู ระกอบดว ยความเลือ่ มใสอันไมหวนั่ ไหวในพระธรรมวา สฺวากขฺ าโต ภควาตา ธมโฺ ม ฯลฯวิ ฺูหิ ดังน้ี นีเ่ ปนทอ ธารบญุ กุศลขอ ๒ นํามาซึง่ ความสุข ฯลฯ อกี ขอ หนึ่ง อริยสาวกในพระธรรมวนิ ยั นเ้ี ปน ผปู ระกอบดว ยความเล่ือมใสอันไมหว่ันไหวในพระสงฆว า สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงโฺ ฆฯลฯ ปุ ฺ กฺเขตตฺ โลกสสฺ ดงั น้ี นีเ่ ปน ทอธารบญุ กุศลขอ ๓ นํามาซึ่งความสขุ ฯลฯ อกี ขอ หนึง่ อรยิ สาวกในพระธรรมวนิ ัยน้ี เปนผูประกอบดวยอรยิ -กนั ตศลี (ศลี ทพ่ี ระอริยะพอใจ) อันไมขาด ไมทะลุ ไมต าง ไมพรอยเปน ไท ผูรสู รรเสรญิ ไมถ กู ตัณหาและทฏิ ฐิถูกตอ ง เปน สมาธิ นเ่ี ปนทอธารบญุ กุศลขอ ๔ นาํ มาซึง่ ความสขุ ฯลฯ ภกิ ษทุ ง้ั หลาย นี้แล ทอ ธารบุญทอธารกุศล ๔ นํามาซึ่งความสขุใหซ่ึงผลอนั ดเี ลิศ มสี ขุ เปนวิบาก เปนทางสวรรค เปนไปเพ่อื ผลทปี่ รารถนาทร่ี กั ใครที่ชอบใจ เพอื่ ประโยชน เพือ่ สุข ความเชื่อในพระตถาคต ของผใู ด ตั้งม่ันไมห วัน่ ไหว ศลี ของผใู ดเปนศลี งาม เปน ศีลท่ีพระอริยะพลใจสรรเสรญิ ความ เลื่อมใสในพระสงฆของผูใด มอี ยูและ ความเห็นของผูใดเปน ความเหน็ ตรง บณั -
พระสุตตันตปฎก อังคตุ รนกิ าย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนา ที่ 183 ฑิตทั้งหลายกลาวผูน ้นั วา ผูไมยากจน ชวี ติ ของผนู ้นั ไมเปนโมฆะ (คือไมเ ปลา จากแกน สาร) เพราะเหตนุ ้ัน ผมู ปี ญญาราํ ลกึ ถงึ พระศาสนาของพระพทุ ธเจา ทงั้ หลาย พงึ ประกอบไวเสมอซ่ึงความเชือ่ (ในพระ- ตถาคต) ซ่งึ ศลี ซ่ึงความเลอ่ื มใส (ใน พระสงฆ) และความเหน็ ธรรม. จบทุติยปุญญาภสิ ันทสูตรที่ ๒ อรรถกถาทตุ ิยปุญญาภิสันทสูตร พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ในปุญุ าภสิ ันทสตู รท่ี ๒ ดงั ตอไปนี้ :- บทวา อรยิ กนฺเตหิ คือดว ยศีลสมั ปยุตดวยมรรคและผล. กศ็ ลีเหลานน้ั นา ใคร นา รัก นา พอใจ ของพระอรยิ ะท้ังหลาย. คาํ ที่จะพงึ กลา วในพระสูตรกอน กก็ ลา วไวแลว ในคัมภรี วิสทุ ธิมรรค. ในคาถาพึงทราบวนิ จิ ฉัยดังตอ ไปนี้ บทวา สทธฺ า ความวา ทา นประสงคศรทั ธาของโสดาบนั บุคคล. แมศลี ก็เปน ศลี ของโสดาบันบคุ คลนนั่ เอง. บทวาอชุ ุภูตจฺ ทสสฺ น ความวา ความเห็นของทานผูส้ินอาสวะ ชื่อวาเปนความเห็นตรง เพราะทา นไมม ีคดทางกายเปนตน . บทวา อาหุ แปลวา กลาว.บทวา ปสาท คอื ซงึ่ ความเลอ่ื มใสในพระพุทธเจา พระธรรม และพระสงฆบทวา ธมมฺ ทสฺสน คือเหน็ สจั ธรรม. จบอรรถกถาทตุ ิยปญุ ญาภิสันทสตู รท่ี ๒
พระสุตตนั ตปฎก องั คุตรนกิ าย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนา ที่ 184 ๓. ปฐมสังวาสสตู ร วาดวยความอยรู วมเปน สามภี รรยา ๔ [๕๓] สมยั หนึ่ง พระผมู ีพระภาคเจา เสด็จพระพทุ ธดาํ เนินทางไกลอยใู นระหวา งเมอื งมธรุ ากับเมอื งเวรญั ชา ฝายคฤหบดแี ละคฤหปตานีจาํ นวนมากก็เดินทางไกลอยใู นระหวา งน้ันดว ย คราวน้นั พระผูมพี ระภาคเจาเสดจ็ แวะไปประทับพกั อยทู โ่ี คนไมแ หง หนง่ึ คฤหบดแี ละคฤหปตานีเหลา นน้ัไดเหน็ พระองคป ระทบั อยู ก็พากันไปเฝา ถวายอภวิ าทแลว ตางนั่งลง ณท่สี มควรสวนหนึง่ พระองคจ ึงตรัสพระธรรมเทศนานีว้ า คฤหบดีและคฤหปตานีทง้ั หลาย สงั วาส (ความอยูรวมเปน สามภี ริยากนั ) ๔ ประเภทนี้ สงั วาส ๔ ประเภทคอื อะไรบา ง คอื ชายผอี ยูร วมกับหญงิ ผีชายผอี ยูรวมกับหญิงเทวดา ชายเทวดาอยูรว มกบั หญงิ ผี ชายเทวดาอยรู วมกับหญิงเทวดา. ก็ชายผอี ยูรวมกับหญงิ ผีเปนอยา งไร ? สามีเปนคนทําปาณาตบิ าตอทนิ นาทาน กาเมสุมิจฉาจาร พดู มุสา ด่มื สรุ าเมรัย เปน คนทศุ ลี มธี รรมลามกมใี จกลมุ ไปดว ยมลทนิ คือความตระหน่อี ยคู รองเรอื น มกั ดา วาสมณพราหมณท้ังหลาย ฝา ยภรยิ ากเ็ ปน อยางน้ันเหมือนกัน อยา งน้ีชายผีอยูรวมกบั หญิงผ.ี กช็ ายผีอยูรว มกับหญงิ เทวดาเปนอยา งไร ? สามีเปนคนทําปาณา-ติบาต ฯลฯ มักดาวา สมณพราหมณทัง้ หลาย ฝายภริยาเปนผูเ วนจากปาณาตบิ าตเวนจากอทินนาทาน เวน จากกาเมสมุ ิจฉาจาร เวน จากมุสาวาท เวนจากการดม่ื สุราเมรัย เปนคนมศี ีลมีธรรมงาม มใี จปราศจากมลทินคอื ความตระหนีอ่ ยูครองเรือน ไมดา วาสมณพราหมณท้ังหลาย อยา งนี้ ชายผอี ยรู วมกบั หญิงเทวดา.
พระสุตตนั ตปฎก องั คุตรนิกาย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนาที่ 185 ก็ชายเทวดาอยรู ว มกับหญิงผีเปน อยา งไร ? สามีเปน ผูเ วน จากปาณา-ติบาต ฯลฯ ไมดา วาสมณพราหมณทั้งหลาย ฝายภริยาเปน ผทู ําปาณาติบาต ฯลฯคาํ วา สมณพราหมณท ั้งหลาย อยา งนี้ ชายเทวดาอยูร ว มกบั หญิงผี. ก็ชายเทวดาอยรู ว มกบั หญิงเทวดาเปน อยา งไร ? สามีเปน ผเู วนจากปาณาติบาต ฯลฯ ไมดาํ วา สมณพราหมณทง้ั หลาย ฝายภริยากเ็ ปนอยางนนั้เหมือนกัน อยางน้ี ชายเทวดาอยรู วมกับหญิงเทวดา. คฤหบดแี ละคฤหปตานที งั้ หลาย น้แี ล สงั วาส ๔ ประเภท ท้ังคเู ปน คนทุศีล ตระหน่ี และดา วาสมณพราหมณ หญงิ ชายคูนั้นเปนภรยิ า และสามีผีอยรู ว มกนั . สามีเปนคนทศุ ลี ตระหนีแ่ ละดา วา สมณพราหมณ ภรยิ าเปน คนมศี ีล ใจบุญ ไมต ระหนี่ นางน้นั เปน หญิงเทวดา อยู รวมกับสามีผี. สามีเปนคนมีศีล ใจบุญ ไมตระหนี่ ภริยาเปน คนทศุ ลี ตระหน่แี ละดาวา สมณ- พราหมณ นางนน้ั เปน หญิงผี อยูรว มกบั สามเี ทวดา. ท้งั คูเปนผูมีศรัทธา รคู วามประสงค ของผูข อ สาํ รวมในศีล เล้ยี งชีพโดยชอบ หญงิ ชายคูน้นั เปน ภรยิ าสามพี ดู คาํ ออน หวานตอ กัน ยอ มบังเกิดความเจรญิ มาก อยู ดว ยกันเปน ผูมคี วามผาสุก พวกศตั รขู อง
พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนิกาย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนาท่ี 186 คูภ ริยาสามที ่มี คี วามประพฤติดสี มกนั ยอ ม เสียใจ กามกามี (ผยู งั มคี วามใครใน กาม) ทง้ั คู ผูมศี ีลและพรตเสมอดัน ครนั้ ประพฤติชอบในโลกนแี้ ลว (ละโลกนี้ไป) ยอมยินดีบนั เทงิ ใจในเทวโลก. จบปฐมสงั วาสสูตรท่ี ๓ อรรถกถาปฐมสงั วาสสตู ร พงึ ทราบวินิจฉยั ในปฐมสังวาสสูตรที่ ๓ ดงั ตอไปน้ี :- บทวา สมพฺ หุลาป โข คหปตี จ คหปตานิโย จ ความวาคฤหบดแี ละคฤหปตานเี ปนอนั มาก เมอื่ ไปทําอาวาหมงคลหรือววิ าหมงคลก็ไดเดินไปทางนนั้ เหมือนกนั . บทวา ส วาสา ความวา การอยรู ว มกันการอยูร ว มเปนอันเดยี วกัน. บทวา ฉโว ฉวาย ความวา ช่ือวาชายผี เพราะตายดวยความตายแหงคุณอยรู วมกับหญงิ ผี เพราะตายดวยความตายแหง คณุเหมอื นกัน. บทวา เทวยิ า สทธฺ ึ ความวา ชายผอี ยรู วมกบั หญิงเทวดาโดยคณุ ทงั้ หลาย. บทวา ทุสสฺ ีโล คือสามีเปน คนไมม ีศลี . บทวา ปาปธมฺโมคือมีธรรมลามก. บทวา อกโฺ กสกปรภิ าสโก ความวา ดาดว ยเรือ่ งสาํ หรบัดา ๑๐ ดา วา ดว ยแสดงภัยคกุ คาม. บัณฑิตพงึ ทราบเนอ้ื ความในบททัง้ ปวงอยางนี.้
พระสตุ ตันตปฎก อังคตุ รนกิ าย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนา ท่ี 187 บทวา กทริยา ไดแก ตระหนเี่ หนียวแนน. บทวา ชานิปตโยแปลวา ภริยาสาม.ี บทวา วทฺู ไดแ ก รูอ ยซู ่งึ ความหมายคาํ ของยาจก.บทวา สฺ ตา ไดแกประกอบดวยความสาํ รวมในศลี . บทวา ธมฺมชีวโิ นไดแ ก ชอ่ื วาธรรมชวี ี เพราะตงั้ อยูใ นธรรมเล้ยี งชพี . บทวา อตถฺ า สมฺปจุราโหนตฺ ิ ความวา พวกคนเหลา นน้ั ยอมไดป ระโยชนก ลา วคอื ความเจรญิ เปนอันมาก. บทวา ผาสุก อปุ ชายติ ความวา เกดิ อยดู ว ยกนั อยางผาสุกบทวา กามกามโิ น ไดแก ผยู ังมคี วามใครใ นกามอย.ู จบอรรถกถาปฐมสังวาสสตู รท่ี ๓ ๔. ทุตยิ สังวาสสูตร วาดวยความอยรู ว มเปน สามภี รรยา ๔ [๕๔] ดกู อนภิกษุทงั้ หลาย สงั วาส ๔ ประเภทน้ี สังวาส ๔ ประเภทคอื อะไรบาง คือ ชายผอี ยรู ว มกบั หญิงผี ชายผอี ยูร ว มกับหญิงเทวดา ชายเทวดาอยูร วมกบั หญงิ ผี ชายเทวดาอยรู วมกับหญิงเทวดา ก็ชายผอี ยูรว มกบั หญงิ ผเี ปน อยา งไร ? สามีเปน ผทู าํ ปาณาตบิ าตอทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร พูดมสุ า พดู สอ เสยี ด พูดคาํ หยาบ พูดสาํ รากมีความเหน็ แกไ ด มใี จพยาบาท มคี วามเหน็ ผิด เปน คนทุศีลมธี รรมลามกมีใจกลมุ ไปดวยมลทนิ คอื ความตระหนีอ่ ยคู รองเรือน มกั ดา วาสมณพราหมณทัง้ หลาย ภริยาเลา กเ็ ปน เชน เดยี วกัน อยางน้ี ชายผอู ยรู ว มกับหญิงผี. กช็ ายผีอยรู ว มกบั หญิงเทวดาเปนอยางไร ? สามีเปนผูทําปาณาตบิ าตฯลฯ มคี วามเห็นผิด เปน คนทศุ ีล ฯลฯ มักดาวา สมณพราหมณทงั้ หลาย
พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนาท่ี 188ฝายภรยิ าเปน ผเู วนจากปาณาตบิ าต อทินนาทาน กาเมสมุ จิ ฉาจาร เวนจากพดู มสุ า พดู สอเสยี ด พดู คําหยาบ พูดสาํ ราก ไมมคี วามเห็นแกไ ด ไมม ีใจพยาบาท มีความเห็นชอบ เปน หญิงมศี ลี มธี รรมงาม มใี จปราศจากมลทินคอื ความตระหนอ่ี ยูค รองเรอื น ไมดาวาสมณพราหมณทั้งหลาย อยา งน้ี ชายผีอยรู ว มกบั หญิงเทวดา. กช็ ายเทวดาอยรู ว มกับหญงิ ผเี ปนอยา งไร ? สามเี ปนผเู วน จากปาณาตบิ าต ฯลฯ มีความเหน็ ชอบ เปน คนมศี ีล ฯลฯ ไมด า วา สมณพราหมณทง้ั หลาย ฝา ยภรยิ าเปนคนทําปาณาตบิ าต ฯลฯ มคี วามเหน็ ผดิ เปน คนทศุ ลี ฯลฯ คําวาสมณพราหมณท ง้ั หลาย อยา งน้ี ชายเทวดาอยรู ว มกบัหญิงผ.ี ก็ชายเทวดาอยูรว มกบั หญิงเทวดาเปนอยา งไร สามเี ปน ผูเวนจากปาณาตบิ าต ฯลฯ มีความเห็นชอบ เปน ผมู ีศีล ฯลฯ ไมด า วา สมณพราหมณทั้งหลาย แมภ ริยากเ็ ชน เดยี วกนั อยางนี้ ชายเทวดาอยรู วมกบั หญงิ เทวดา. ภกิ ษุท้งั หลาย นีแ้ ล สังวาส ๔ ประเภท. จบทุตยิ สังวาสสตู รที่ ๔ อรรถกถาทตุ ิยสังวาสสูตร ทุตยิ สังวาสสูตรท่ี ๔ ตรัสกําหนดเทศนาดวยสามารถกรรมบถ. บทท่ีเหลอื ก็เปน เชนนั้นเหมือนกัน . ก็ในพระสตู รแมท้ังสองเหลาน้ี ตรัสขอปฏิบตั ิสําหรบั ผูอยูครองเรอื น ทงั้ ควรแมแ กค ฤหสั ถผูเ ปนโสดาบันและสกทาคามีดว ย. จบอรรถกถาทตุ ิยสงั วาสสตู รท่ี ๔
พระสุตตันตปฎก อังคุตรนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนา ที่ 189 ๕. ปฐมสมชีวิตสูตร วา ดว ยคฤหบดแี ละคฤหปตานที ูลเร่อื งความประพฤติ [๕๕] สมยั หนงึ่ พระผูม พี ระภาคเจา ประทบั อยูท่ปี า เภสกฬามฤคทายวัน เมืองสงุ สุมารคีระ ในภัคคชนบท คร้ังนนั้ เวลาเชาพระผูม พี ระภาคเจา ทรงครองสบงแลว ทรงถอื บาตรและจีวร เสดจ็ พระพทุ ธ-ดําเนนิ ไปนิเวศนข องคฤหบดีนกลุ บิดา ประทบั ณ อาสนะที่เขาจดั ถวายคฤหบดนี กุลบิดาและคฤหปตานนี กลุ มารดา เขา เฝา ถวายอภวิ าทแลว น่งั ณที่สมควรสว นหนง่ึ ครั้นแลวคฤหบดีนกุลบดิ ากราบทลู วา ขาแตพระองคผูเจรญิ จําเดิมแตขาพระพุทธเจา ไดก ับนนกุลมารดาตงั้ แตเ ปนหนมุ เปน สาวดวยกันมา ขา พระพทุ ธเจา ไมรสู ึกวาไดประพฤตนิ อกใจนกุลมารดาแมแตนกึ คิดไมต อ งกลา วถึงกระทาํ ขา พระพุทธเจาทงั้ ๒ ปรารถนาจะไดพบกนั ทั้งในชาตนิ ี้และชาตหิ นา แมคฤหปตานนี กุลมารดาก็กราบทูลความอยา งเดียวกัน พ. ตรสั สง่ั สอนวา ทา นคฤหบดีและทานคฤหปตานี ถา ภรยิ าสามีหวงัทจี่ ะไดพ บกันทัง้ ในชาติน้แี ละชาติหนา ไซร ทัง้ คูพ ึงเปนผมู ศี รทั ธาเสมอกันมศี ีลเสมอกนั มีจาคะเสมอกนั มปี ญญาเสมอกันเถดิ กจ็ ะไดพบกนัทง้ั ในชาตนิ ี้และชาตหิ นา. (นิคมคาถาเหมือนสูตรกอนตอนทา ยท่ขี ้นึ ตน วา อโุ ภ สทฺธา วทฺูจ ฯเปฯ โมทนฺติ กามกามโิ น๑). จบปฐมสมชวี ิสตู รที่ ๕โปรดดคู าถาท่ี ๔ ในปฐมสังวาสสตู รท่ี ๓ หนา ๑๘๕ - ๑๘๖ (ท้งั คูเปนผูม ศี รทั ธา ฯลฯยอ มยินดีบันเทิงใจในเทวโลก)
พระสุตตนั ตปฎก อังคุตรนิกาย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนา ท่ี 190 อรรถกถาปฐมสมชวี ิสตู ร พึงทราบวนิ ิจฉยั ในปฐมสมชวี ิตสตู รที่ ๕ ดังตอ ไปนี้ :- บทวา เตนุปสงฺกมิ ความวา ถามวา พระผมู ีพระภาคเจา เสดจ็เขาไปหาเพ่อื อะไร ? ตอบวา เพอ่ื ทรงอนเุ คราะห. แทจ รงิ พระตถาคตเมื่อเสด็จไปแวน แควน นนั้ ยอมเสดจ็ ไปเพือ่ ทรงสงเคราะหคนทงั้ สองนเ้ี ทา น้ัน.ไดยินวา นกลุ บิดา ไดเ ปน บดิ าของพระตถาคตมาแลว ๕๐๐ ชาติ เปน ปู๕๐๐ ชาติ เปน อา ๕๐๐ ชาติ. แมน กุลมารดา ก็ไดเปนมารดามา ๕๐๐ ชาติเปนยา ๕๐๐ ชาติ เปนนา ๕๐๐ ชาติ คนเหลา น้ันไดความรักเพียงดงั บุตรจําเดมิ แตเ วลาตนเหน็ พระศาสดา จงึ เขาไปหาแลวเกดิ เปนโสดาบนั ดว ยปฐม-ทสั นะ (การเหน็ ครงั้ แรก) เหมอื นแมโคเห็นลกู โคแลว ตดิ ในลูกโค รองอยูวาหนตฺ าต หนฺตาต ดงั นี.้ ในนิเวศนเ ขาจงึ ไดจดั อาสนะไวถวาย แกภ ิกษุ๕๐๐ รปู เปน ประจาํ พระผูมพี ระภาคเจา จงึ เสดจ็ เขา ไปหาเพอ่ื อนเุ คราะหคนเหลานน้ั ดว ยประการฉะน้.ี บทวา อติจรติ า ไดแ ก พระพฤตนิ อกใจ.บทวา อภิสมฺปรายฺจ ไดแ ก และในโลกหนา . บทวา สมสทฺธา ไดแกเปนผเู สมอ เปนเชน เดยี วกันดว ยศรัทธา. แมในศีลเปน ตน ก็นยั นี้เหมือนกัน. จบอรรถกถาปฐมสมชีวิสตู รท่ี ๕
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนาที่ 191 ๖. ทุติยสมชีวสิ ูตร วาดวยภรยิ า-สามี-หวังพบกัน [๕๖] สูตรนี้ตรัสแกภิกษุ ความเหมือนสตู รกอน ตอนทีต่ รัสสอนวาถาภรยิ าสามหี วงั ที่จะไดพ บกัน ฯลฯ นคิ มคาถากเ็ หมอื นกัน จบทุตยิ สมชวี ิสูตรท่ี ๖ ทตุ ิยสมชีวิสูตรท่ี ๖ ทรงแสดงแกพ วกภิกษอุ ยา งเดยี ว. บททเ่ี หลือในบททั้งปวงกเ็ ปนเชนน้นั . ๗. สปุ ปวาสสตู ร วา ดวยนางสุปปวาสาอังคาสพระผมู พี ระภาคเจา [๕๗] สมยั หน่งึ พระผมู พี ระภาคเจาประทบั อยทู น่ี คิ มของชาวโกลิยะชือ่ ปช ชเนลนิคม ในโกลิยชนบท ครั้งนัน้ เวลาเชา พระผูมีพระภาคเจาทรงครองสบงแลว ทรงถือบาตรและจวี ร เสดจ็ พระพทุ ธดําเนินไปนเิ วศนของนางสุปปวาสา ธิดาของเจาโกลิยะ ประทบั ณ อาสนะทีเ่ ขาจัดถวายนางสปุ ปวาสาองั คาสพระผูมพี ระภาคเจา บริบรู ณพ อเพียงดวยขาทนียโภชนี-ยาหารดว ยตนเอง ครัน้ พระองคเสวยเสร็จ นาํ พระหัตถจากบาตรแลว นั่งเฝาอยใู นทสี่ มควรสว นหน่ึง พระผมู พี ระภาคเจา จงึ ตรสั วา ดูกอนสุปปวาสา อริยสาวกิ าเม่อื ใหโ ภชนาหารเปนทาน ชือ่ วา ใหส ถาน ๙ แกปฏคิ าหกท้งั หลาย ใหส ถาน๔ คอื อะไรบา ง คอื ใหอายุ ใหวรรณะ ใหส ุขะ ใหพละ ครั้นใหอ ายุแลวยอ มเปนผูมีสว น (ไดรับ ) อายุอันเปน ของทิพยบา ง ของมนษุ ยบ า งครัน้ ใหวรรณะ...สุขะ...พละแลว ยอ มเปน ผมู ีสวน (ไดร ับ) วรรณะ...สุขะ...พละ อนั เปน ของทพิ ยบ า ง ของมนุษยบ าง ดูกอ นสปุ ปวาสา อริย-สาวิกาเม่ือใหโ ภชนาหารเปน ทาน ช่อื วา ใหสถาน ๔ นี้ แกปฏคิ าหกทั้งหลาย.
พระสุตตันตปฎก อังคตุ รนิกาย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนาท่ี 192 บคุ คลใหโ ภชนาหารอันปรงุ แตง แลว อันสะอาด ประณีต มีรส (แกปฏ-ิ คาหก) ทักษิณาทานนั้นท่ีบุคคลใหในทาน ผูดาํ เนินตรง ผปู ระกอบดว ยจรณะ ผถู ึง ความเปน ใหญ พระพทุ ธเจา ทง้ั หลายทรง- สรรเสรญิ วาเปน ทักษณิ าท่รี วบรวมบญุ ดว ย บญุ มีผลมาก. บคุ คลเหลาใด ระลึกถงึ ทกั ษิณาทาน เชนนนั้ เกิดความยินดี ขจัดเสียซง่ึ มลทิน คือควานตระหนี่ พรอมทั้งมลู ราก ในโลก ยอมเปนผไู มตอ งตาํ หนิ ยอมเขาถงึ ฐานะ อันเปนสวรรค. จบสุปปวาสสตู รที่ ๗ อรรถกถาสุปปวาสสูตร พึงทราบวนิ จิ ฉยั ในสุปปวาสสูตรที่ ๗ ดงั ตอไปนี้ :- คาํ วา ปช ชเนละ เปนช่อื นคิ มของใคร. บทวา โกลิยาน ไดแ กของโกลราชตระกลู . บทวา อายุ โข ปน ทตวฺ า ไดแ ก ครน้ั ใหอ าย-ุทานแลว. บทวา อายุสฺส ภาคินี โหติ ไดแก เปน หญงิ ไดลาภคอื อายุหรือเปน ผูเ กิดมอี ายุ อธบิ ายวา เปน ผไู ดอาย.ุ แมใ นบทท่ีเหลอื ก็นัยนี้เหมอื นกัน .
พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนกิ าย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนาท่ี 193 บทวา รสสา อเุ ปต ไดแก โภชนาหารประกอบดว ยรส คือถงึ พรอมดวยรส. บทวา อชุ ุคเตสุ ความวา ในพระขณี าสพผดู ําเนินตรงเพราะเวนคดกายเปนตน แลว. บทวา จรณปู ปนเฺ นสุ ความวา ผูประกอบดว ยจรณธรรม ๑๕. บทวา มหคฺคเตสุ คือผถู งึ ภมู ิธรรมสูง. บทน้ันเปน ชือ่ของพระขีณาสพ. บทวา ปุ ฺเน ปุ ฺ ส สนฺทมานา แปลวา การสืบตอบุญดวยบญุ . บทวา มหปผฺ ลา โลกวทิ ูน วณณฺ ติ า ความวา ทักษิณากลา วคือทานเห็นปานน้ี พระพุทธเจา ท้งั หลายผูทรงรแู จงโลก ตรสั ยกยอ งแลวอธบิ ายวา พระพุทธเจา ทง้ั หลายทรงสรรเสรญิ แลว เพราะทรงทาํ โลก ๓ อยางใหแจงแลว. บทวา ยฺ มนสุ สฺ รนตฺ า ไดแก ระลกึ ถงึ ยญั คือทาน. บทวาเวทชาตา แปลวา เกิดความยินดแี ลว. จบอรรถกถาสุปปวาสสูตรที่ ๗ ๘. สุทตั ตสตู ร วาดว ยฐานะ ๔ ประการ [๕๘] คร้งั นัน้ อนาถบณิ ฑกิ คฤหบดีเขา ไปเฝาพระผูมีพระภาคเจาถวายอภวิ าทแลว น่งั ณ ทส่ี มควรสวนหนึ่ง พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสพระธรรมเทศนาน้ีวา คฤหบดี อริยสาวกเมือ่ ใหโ ภชนาหารเปนทาน ช่อื วาใหสถาน ๔ประการ แกปฏิคาหกท้งั หลาย ใหสถาน ๔ ประการคืออะไรบา ง คือ ใหอายุใหวรรณะ ใหสขุ ะ ใหพละ คร้ันใหอ ายุแลว ยอมเปนผูมีสวน (ไดร ับ )อายอุ นั เปนของทิพยบ า ง ของมนษุ ยบาง ครัน้ ใหวรรณะ สุขะ และพละแลว
พระสุตตันตปฎก องั คตุ รนิกาย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนาท่ี 194ยอ มเปน ผมู สี ว น (ไดร ับ) วรรณะ สขุ ะ และพละ อนั เปนของทพิ ยบา งของมนุษยบ า ง ดกู อ นคฤหบดี อริยสาวกเมอื่ ใหโ ภชนาหารเปนทาน ชือ่ วาใหสถาน ๔ ประการนี้แกป ฏคิ าหกทง้ั หลาย บคุ คลใดใหโ ภชนาหาร แกปฏคิ าหก ผมู ีศีล ผูบ ริโภคของท่ีคนอืน่ ให โดย เคารพตามกาลอนั ควร บุคคลน้นั ชือ่ วา ให สถาน ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ นรชนผูใหอ ายุ ใหว รรณะ ใหส ุขะ ใหพ ละ เกิดในภพใด ๆ ยอ มเปนผูอายยุ ืน มียศ ในภพนั้น ๆ. จบสุทัตตสูตรที่ ๘ อรรถกถาสุทตั ตสตู ร พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ในสุทัตตสตู รท่ี ๘ ดงั ตอ ไปน้ี :- บทวา สฺ ตาน ไดแก ปฏคิ คาหกผสู ํารวมทางกายและวาจา.บทวา ปรทตฺตโภชิน ความวา ผบู รโิ ภคของที่บคุ คลอื่นใหแ ลว จึงยงัอตั ภาพใหเ ปนไปอยู. บทวา กาเลน ไดแ ก ตามกาลอนั ควร. บทวาสกฺกจจฺ ททาติ ความวา ทาํ สักการะแลว ใหดว ยมือของตน. บทวาจตฺตาริ านานิ อนปุ ปฺ เวจฉฺ ติ ความวา ยอมหลง่ั คอื ใหอ ยูซ่งึ เหตุ ๔.บทวา ยสวา โหติ ไดแ ก มีบรวิ ารมาก. จบอรรถกถาสุทัตตสตู รท่ี ๘
พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนิกาย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนาท่ี 195 ๙. โภชนสูตร วา ดวยฐานะ ๔ ประการอีก [๕๙] สตู รนเ้ี หมอื นสตู รกอนทุกอยาง ตา งแตสตู รน้ีตรสั แกภ ิกษุและเปลยี่ นคาํ วา \"อริยสาวก\" เปน \"ทายก\" เทา นัน้ . จบโภชนสูตรท่ี ๙ โภชนสตู รท่ี ๙ ตรัสแกพ วกภกิ ษอุ ยา งเดยี ว. บทท่เี หลือในพระสูตรน้ีก็เปน เชนน้ัน. ๑๐. คหิ สิ ามจิ ิสูตร วาดว ยธรรม ๔ ประการ [๖๐] คร้ังนัน้ อนาถบิณฑิกคฤหบดเี ขา ไปเฝา ฯลฯ ตรัสพระธรรมเทศนาวา คฤหบดี อรยิ สาวกประกอบดว ยธรรม ๔ ประการ ชือ่ วาเปนผูปฏบิ ัติปฏปิ ทาสมควรแกคฤหัสถ อนั เปน ทางใหไดยศ เปน ทางสวรรค ธรรม๔ ประการคอื อะไร คอื อริยสาวกในพระธรรมวนิ ัยน้ีบาํ รงุ ภกิ ษสุ งฆดว ยจีวร. . . ดว ยบณิ ฑบาต . . . ดวยเสนาสนะ. . . ดว ยคลิ านปจจยั ดกู อ นคฤหบดีอริยสาวกประกอบดวยธรรม ๔ ประการน้ีแล ชอื่ วาปฏิบตั ปิ ฏปิ ทาสมควรแกคฤหสั ถ อันเปนทางใหไ ดยศ เปนทางสวรรค บณั ฑติ ทั้งหลาย ยอมปฏบิ ตั ิปฏปิ ทา สมควรแกค ฤหสั ถ คือบํารุงภกิ ษุผูมีศีล ผูด ําเนินชอบ ดวยจีวร ดว ยบิณฑบาต
พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนาที่ 196 เสนาสนะ และคลิ านปจจัย บญุ ยอ มเจรญิ มากแกบ ณั ฑติ เหลาน้นั ทง้ั กลางวัน ท้ัง กลางคืน บณั ฑติ เหลาน้ันครั้นทาํ กรรม อันเจริญแลว ยอมไปสูสถานสวรรค. จบคหิ ิสามจี ิสตู รที่ ๑๐ จบปุญญาภิสันทวรรคท่ี ๑ อรรถกถาคหิ สิ ามจิ สิ ูตร พึงทราบวนิ จิ ฉัยในคิหิสามีจิสูตรที่ ๑๐ ดงั ตอไปน้ี :- บทวา คิหิสามีจปิ ฏิปท ไดแก ซ่งึ ขอ ปฏิบัตอิ ันสมควรแกคฤหัสถ.บทวา ปจจฺ ุปฏ ิโต โหติ ความวา ต้ังสติไวมั่น เพราะทานประสงคจ ะนําไปถวาย อธบิ ายวา เขา ไปถวายจวี รแกภ ิกษสุ งฆ. บทวา อปุ ฏติ า แปลวา ผูบาํ รุง. บทวา เตส ทิวา จ รตโฺ ต จความวา กบ็ ัณฑิตเหลาใด ยอ มบาํ รุงดวยปจจยั ๔ อยางนี้ บญุ ยอ มเจริญแกบ ณั ฑติ เหลา นั้น ทุกเมอ่ื ทงั้ กลางวัน ทง้ั กลางคนื ดวยอาํ นาจการบรจิ าคและดว ยการระลกึ ถงึ . บทวา สคคฺ ฺจ กมติฏ าน ความวา บณั ฑิตผูเปนเชน น้นั ครน้ั ทํากรรมอนั เจรญิ แลว ยอ มไปสูสัคคสถานะ ในพระสูตรทง้ั ๔ เหลา นี้ ตรัสขอปฏิบตั ิสาํ หรบั ผูอ ยคู รองเรือน ยอ มควรแกค ฤหัสถผเู ปนโสดาบนั และสกทาคามีดวย. จบอรรถกถาคิหิสามจี สิ ูตรที่ ๑๐ จบปุญญาภสิ นั ทวรรควรรณนาท่ี ๑
พระสุตตนั ตปฎก องั คตุ รนกิ าย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนาท่ี 197 รวมพระสตู รที่มใี นวรรคน้ี คอื ๑. ปฐมปุญญาภิสนั ทสตู ร ๒. ทตุ ยิ ปญุ ญาภสิ นั ทสตู ร ๓. ปฐม-สังวาสสตู ร ๔. ทตุ ิยสังวาสสตู ร ๕. ปฐมสมชวี สิ ตู ร ๖. ทตุ ิยสมชีวิสตู ร๗. สุปปวาสสตู ร ๘. สทุ ัตตสตู ร ๙. โภชนสูตร ๑๐. คิหิสามจี สิ ูตรและอรรถกถา.
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนาที่ 198 ปต ตกมั มวรรคท่ี ๒ ๑. ปต ตกมั มสตู ร วาดวยธรรม ๔ ประการ [๖๑] ครัง้ นัน้ อนาถบณิ ฑกิ คฤหบดีเขาไปเฝา ฯลฯ พระผูม พี ระ-ภาคเจา ตรัสพระธรรมเทศนาน้วี า ดูกอ นคฤหบดี ธรรม ๔ ประการนเี้ ปน ที่ปรารถนารักใครชอบใจ หาไดโดยยากในโลก ธรรม ๔ ประการคืออะไร คือ ขอโภคสมบัติจงเกิดขึ้นแกเราโดยทางที่ชอบ น่เี ปน ธรรมประการที่ ๑อัน เปน ที่ปรารถนารักใครชอบใจ หาไดโ ดยยากในโลก คร้นั ไดโภคสมบัตโิ ดยทางทชี่ อบแลว ขอยศจงมีแกเ ราพรอมกบั ญาติพรอมกับพวกพอง น้เี ปน ธรรมประการที่ ๒ อัน เปน ที่ปรารถนารกั ใครชอบใจหาไดโ ดยยากในโลก ครัน้ ไดโ ภคสมบัติโดยทางทีช่ อบแลว ไดย ศพรอ มกบั ญาตพิ รอมกบัพวกพอ งแลว ขอเราจงเปน อยูน าน รักษาอายอุ ยไู ดยัง่ ยนื นเ้ี ปนธรรมประการที่ ๓ อันเปนทีป่ รารถนารกั ใครช อบใจ หาไดโดยยากในโลก ครั้นไดโ ภคสมบัตโิ ดยทางทช่ี อบแลว ไดย ศพรอมกับญาตพิ รอ มกับพวกพอ งแลว เปน อยูน าน รักษาอายุอยูไดยั่งยนื แลว เม่อื กายแตกตายไปขอเราจงไปสุคตโิ ลกสวรรค นเี้ ปนธรรมประการที่ ๔ อันเปน ที่ปรารถนารกั ใครช อบใจ หาไดโดยยากในโลก ดกู อ นคฤหบดี ธรรม ๔ ประการนแี้ ล เปนท่ปี รารถนารักใครชอบใจหาไดโดยยากในโลก
พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนา ท่ี 199 ดกู อ นคฤหบดี ธรรม ๔ อยางเปนทางใหไ ดธ รรม ๔ ประการ อันเปนท่ปี รารถนารักใครชอบใจ หาไดโดยยากในโลก (ดงั กลา วแลว ) น้ี ธรรม๔ อยา งคืออะไร คือ สทั ธาสัมปทา (ความถงึ พรอ มดว ยศรัทธา) สลี -สมั ปทา (ความถึงพรอ มดว ยศลี ) จาคสมั ปทา (ความถึงพรอมดวยการบรจิ าค) ปญ ญาสัมปทา (ความถงึ พรอ มดวยปญญา) ก็สทั ธาสมั ปทาเปนอยางไร อริยสาวกในพระธรรมวินยั น้เี ปน ผูมีศรทั ธา เช่ือพระโพธิญาณของพระตถาคต ฯลฯ น้เี รียกวา สัทธาสมั ปทา. ก็สลี สัมปทาเปนอยางไร ? อรยิ สาวกในพระธรรมวนิ ัยนเี้ ปน ผูเวนจากปาณาตบิ าต เวน จากอทินนาทาน เวน จากกาเมสุมจิ ฉาจาร เวน จากมุสาวาทเวน จากดืม่ น้าํ เมาคือสรุ าและเมรัยอนั เปน ทต่ี ั้งแหงความประมาท นี้เรียกวาสลี สัมปทา. กจ็ าคสัมปทาเปน อยางไร ? อริยสาวกในพระธรรมวินัยน้ี มใี จปราศจากมลทินคอื ความตระหนอี่ ยคู รองเรือน มกี ารบรจิ าคปลอ ยแลว มมี ืออนั ลา งไว ยนิ ดีในการสละ ควรแกก ารเธอ พอใจในการใหแ ละการแบงปนนี้เรียกวา จาคสมั ปทา. กป็ ญ ญาสมั ปทาเปน อยางไร ? บคุ คลมีใจอันอภชิ ฌาวิสมโลภครอบงําแลว ยอ มทาํ การทไี่ มค วรทํา ละเลยกจิ ทค่ี วรทํา เมื่อทาํ การทไี่ มควรทําละเลยกิจที่ควรทาํ เสีย กย็ อ มเสือ่ มจากยศและความสขุ บุคคลมใี จอนั พยาบาทถีนมทิ ธะ อุทธจั จกุกกุจจะ และวจิ ิกจิ ฉาครอบงาํ แลว ยอ มทําการที่ไมควรทาํละเลยกจิ ทีค่ วรทาํ เมื่อทาํ การทไี่ มค วรทาํ ละเลยกิจทคี่ วรทําเสยี กย็ อมเสือ่ มทกยศและความสขุ ดกู อนคฤหบดี อรยิ สาวกทราบวา อภชิ ฌาวสิ มโลภเปนอุปกิเลสแหง จติ ดังนแี้ ลว ละอภิชฌาวิสมโลภอนั เปนอปุ กิเลสแหง จติ เสยี ทราบวา
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คุตรนกิ าย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนา ท่ี 200พยาบาท. ถนี มทิ ธะ อุทธัจจกุกกจุ จะ วจิ กิ ิจฉา เปน อปุ กิเลสแหงจติ ดงั นี้แลว ละพยาบาท ถีนมิทธะ อุทธจัจกุกกุจจะ วจิ กิ ิจฉา อันเปน อุปกเิ ลสแหง จิตเสยี เมื่อใดอรยิ สาวกทราบวา อภชิ ฌาวสิ มโลภ พยาบาท ถนี มิทธะอุทธจั จกกุ กุจจะ วิจกิ จิ ฉาเปน อปุ กเิ ลสแหง จิตแลว ละอภชิ ฌาวสิ มโลภพยาบาท ถนี มิทธะ อทุ ธัจจกกุ กจุ จะ วจิ กิ ิจฉาอนั เปน อปุ กิเลสแหงจิตเสยี ไดแลว เมือ่ นัน้ อริยสาวกนี้ เราเรียกวา ผมู ีปญ ญาใหญ ผูมีปญ ญามาก ผเู หน็คลอง ผถู งึ พรอ มดวยปญญา นเี้ รยี กวา ปญ ญาสมั ปทา. ดูกอ นคฤหบดี ธรรม ๔ อยางนีแ้ ล เปน ทางใหไดธรรม ๔ ประการอนั เปนทีป่ รารถนารกั ใครชอบใจ หาไดโดยยากในโลกน้ัน ดกู อ นคฤหบดี อริยสาวกนัน้ ยอ มเปน ผูท าํ กรรมที่สมควร ๔ ประการดว ยโภคทรัพยท ไี่ ดมาดวยความหม่ันขยนั ทสี่ ะสมขนึ้ ดว ยกาํ ลงั แขน ทีต่ องทํางานจนเหง่ือไหล ที่ชอบธรรม ทไ่ี ดมาโดยธรรม กรรมท่ีสมควร ๔ประการคอื อะไรบาง คอื อริยสาวกในพระธรรมวินยั นี้ เลยี้ งตน เลี้ยงมารดาบิดา บุตร ภรยิ าบาว ไพร คนอาศยั เพอื่ นฝูง ใหเ ปน สุขเอิบอมิ่ สําราญดดี วยโภคทรัพยท ไ่ี ดมาดวยความหมน่ั ขยัน ท่สี ะสมขน้ึ ดว ยกําลังแขน ทตี่ องทาํ งานจนเหง่ือไหลท่ชี อบธรรม ท่ไี ดมาโดยธรรม นี้กรรมทีส่ มควรขอ ท่ี ๑ ของอรยิ สาวกน้นัเปน การชอบแกเ หตแุ ลว เปนการสมควรแลว เปนการใช (โภคทรัพย)โดยทางทค่ี วรใชแ ลว อีกขอหนึง่ อริยสาวกยอมบาํ บดั อันตรายท้ังหลาย ทเ่ี กิดแตไฟก็ดี เกิดแตน า้ํ ก็ดี เกิดแตพ ระราชาก็ดี เกิดแตโ จรก็ดี เกดิ แตท ายาทผเู กลยี ดชังกนั ก็ดียอ มทาํ ตนใหสวสั ดี (จากอันตรายเหลา น้ัน) ดวยโภคทรพั ยท ไ่ี ดมาดว ยความ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 634
Pages: