Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_35

tripitaka_35

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:34

Description: tripitaka_35

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎก องั คตุ รนกิ าย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนาที่ 481ถอื โดยตนื่ ขา ว อยา ไดถ อื โดยอา งตํารา อยาไดถอื โดยนกึ เดาเอาเองอยาไดถือโดยคาดคะเน อยา ไดถอื โดยตรึกตามอาการ อยา ไดถอืโดยชอบใจวา ถกู กับลัทธขิ องตน อยาไดถอื โดยเห็นวา ผพู ูดเปน คนควรเชือ่ ได อยาไดถ อื โดยเชื่อวา สมณะเปน ครูของเรา ดูกอ นภัททิยะเมื่อใด ทา นพงึ รูไดด ว ยตนเองวา ธรรมเหลา นีเ้ ปนอกศุ ล ธรรมเหลา นีม้ ีโทษ ธรรมเหลา นอ้ี นั วิญูชนตเิ ตียน ธรรมเหลานี้อันบคุ คลสมาทานใหบรบิ ูรณแลว ยอมเปน ไปเพ่อื มิใชป ระโยชนเก้อื กูลเพอ่ื ทุกข เมื่อนน้ั ทานท้งัหลายพึงละเสียเถิด ดูกอ นภทั ทยิ ะ ทา นจะพึงสาํ คญั ความขอนน้ั เปน ไฉนความโลภเม่ือเกิดข้นึ ภายในบคุ คล ยอมเกดิ ขึ้นเพ่อื ประโยชน หรอื เพื่อมิใชประโยชน ? ภทั . เพอื่ มิใชประโยชน พระเจา ขา . พ. ดกู อนภัททิยะ ก็บคุ คลผโู ลภมาก ถูกความโลภครอบงํายํ่ายจี ิตยอมฆาสตั วก ไ็ ด ลักทรัพยก ็ได คบชกู ็ได พดู เท็จกไ็ ด ยอมชักชวนผูอ ืน่เพ่อื ความเปนอยางนั้นกไ็ ด ขอนีย้ อ มเปน ไปเพอ่ื มิใชป ระโยชน เพ่อื ทุกขตลอดกาลนานหรอื ? ภตั . อยางนน้ั พระเจาขา . พ. ดกู อ นภทั ทยิ ะ ทานจะสาํ คัญความขอ น้นั เปน ไฉน โทสะ...โมหะ...การแข็งดี เมือ่ เกิดข้ึนในภายในของบรุ ษุ ยอมเกิดข้นึ เพ่ือประโยชนหรือเพื่อมิใชประโยชน ภตั . เพ่อื มใิ ชประโยชน พระเจา ขา. พ. ดูกอ นภทั ทยิ ะ บคุ คลผแู ขง ดี ถูกความแข็งดคี รอบงาํ ยาํ่ ยีจติยอ มฆา สตั วกไ็ ด ลักทรพั ยก ไ็ ด คบชูก็ได พูดเทจ็ ก็ได ชกั ชวนผอู นื่ เพ่ือความเปน อยา งนัน้ กไ็ ด ขอ นย้ี อมเปน ไปเพอื่ มิใชป ระโยชน เพือ่ ทกุ ขตลอดกาลนานหรอื ?

พระสุตตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนาที่ 482 ภทั . อยา งน้นั พระเจาขา. พ. ดูกอ นภัททยิ ะ ทา นจะสําคัญความขอนน้ั เปนไฉน ธรรมเหลา นี้เปนกุศลหรือเปนอกศุ ล ? ภัต. เปน อกุศล พระเจาขา. พ. มีโทษหรือไมม ีโทษ ? ภทั . มีโทษ พระเจา ขา . พ. วญิ ูชนตเิ ตียนหรือวญิ ชู นสรรเสรญิ ? ภตั วญิ ชู นติเตยี น พระเจา ขา . พ. บุคคลสมาทานใหบ ริบูรณแ ลว เปน ไปเพือ่ มใิ ชป ระโยชน เพือ่ทุกข หรอื มใิ ช หรอื วา ทานมีความเห็นอยา งไรในขอ นี้. ภทั . ขาแตพระองคผ เู จริญ ธรรมเหลาน้ี บคุ คลสมาทานใหบริบูรณแลว ยอ มเปน ไปเพือ่ มใิ ชประโยชน เพ่ือทกุ ข ขา พระองคม คี วามเห็นอยางนี้ในขอ นีพ้ ระเจาขา . พ. ดูกอนภทั ทิยะ เราไดกลาวคาํ ใดกะทานวา ทานทงั้ หลายอยาถือโดยฟง ตามกนั มา... เมือ่ ใด ทานพึงรูไดด ว ยตนเองวาธรรมเหลา นเี้ ปนอกุศล... ทานทง้ั หลายควรละเสยี เถดิ ดังน้ี คาํ น้นั เรากลา วเพราะอาศยั ขอ นี้ดูกอ นภทั ทยิ ะ ทานทง้ั หลายอยา ไดถือโดยฟง ตามกนั มา.... เมอื่ ใด ทานท้งั หลายพึงรไู ดดว ยตนเองวา ธรรมเหลาน้เี ปน กุศล ธรรมเหลา น้ีไมมโี ทษธรรมเหลาน้ีวิญูชนสรรเสริญ ธรรมเหลา นีบ้ คุ คลสมาทานใหบรบิ รู ณแลวยอมเปนไปเพอ่ื ประโยชน เพือ่ สขุ เมอ่ื นั้น ทานทั้งหลายพงึ เขา ถงึ ธรรมเหลานน้ั อยูเถดิ ดูกอ นภทั ทิยะ ทานจะสําคญั ความขอนั้นเปน ไฉน ความไมโลภเมือ่ เกิดขึน้ ในภายในของบุรุษ ยอมเกดิ ขน้ึ เพอื่ ประโยชนหรอื เพ่ือมใิ ชประโยชน ?

พระสตุ ตันตปฎ ก องั คุตรนกิ าย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนา ท่ี 483 ภทั . เพือ่ ประโยชน พระเจาขา. พ. ดูกอนภทั ทิยะ กบ็ คุ คลผูไมโลภน้ี ไมถกู ความโลภครอบงํายาํ่ ยีจิต ยอ มไมฆ า สตั ว ไมลักทรพั ย ไมค บชู ไมพดู เท็จ และชักชวนผูอ น่ืเพือ่ ความเปน อยา งนัน้ ขอ น้ยี อมเปน ไปเพือ่ ประโยชนเ กอ้ื กลู เพอ่ื สขุ ตลอดกาลนานหรือ ? ภัท. อยางนน้ั พระเจาขา. พ. ดกู อ นภทั ทยิ ะ ทานจะสาํ คัญความขอนั้นเปนไฉน ความไมโกรธ...ความไมห ลง. ..ความไมแขงดี เกดิ ขึ้นในภายในของบุรุษ ยอมเกิดขึน้ เพ่ือประโยชนเ ก้ือกลู หรอื เพ่อื มใิ ชประโยชนเ ก้อื กูล ? ภทั . เพ่ือประโยชนเ กื้อกูล พระเจา ขา. พ. ดกู อนภทั ทยิ ะ ก็บุคคลผูไ มแขง ดีน้ี ไมถ ูกความแข็งดีครอบงําย่าํ ยจี ติ ยอ มไมฆ าสตั ว ไมลกั ทรัพย ไมคบชู ไมพดู เทจ็ และชักชวนผอู ่นืเพอ่ื ความเปน อยา งน้นั ขอน้ยี อมเปน ไปเพอ่ื ประโยชนเก้ือกลู เพือ่ สุขตลอดกาลนานหรือ ? ภทั . อยา งน้นั พระเจา ขา . พ. ดูกอนภทั ทิยะ ทา นจะสาํ คญั ความขอน้ัน เปน ไฉน ธรรมเหลานี้เปน กศุ ล หรอื เปนอกศุ ล ? ภัท. เปน กศุ ล พระเจา ขา . พ. มโี ทษหรอื หาโทษมิได ? ภทั . หาโทษมิได พระเจา ขา. พ. วญิ ูชนติเตยี นหรือสรรเสรญิ ? ภัท. วญิ ูชนสรรเสรญิ พระเจา ขา.

พระสตุ ตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนา ท่ี 484 พ. ธรรมเหลาน้ีอันบุคคลสมาทานใหบ รบิ ูรณแ ลว ยอมเปนไปเพ่ือประโยชนเก้ือกูล เพื่อสุขหรือมใิ ช หรอื ทานมคี วามเหน็ อยางไรในขอน.้ี ภทั . ธรรมเหลา น้อี นั บุคคลสมาทานใหบรบิ ูรณแ ลว ยอมเปนไปเพื่อประโยชนเ กอื้ กูล เพ่อื สขุ ขา พระองคม ีความเหน็ อยา งนใ้ี นขอ นี้ พระเจาขา. พ. ดูกอนภัททยิ ะ เราไดกลาวคาํ ใดกะทานวา ทานทง้ั หลายจงมาเถดิทานทั้งหลายอยา ไดถ ือฟง ตามกันมา . .. ทานทง้ั หลายพึงเขาถงึ ธรรมเหลา นน้ัอยูเถิด ดังนี้ คาํ นน้ั เรากลาวแลว เพราะอาศยั ขอน้ี ดกู อ นภทั ทิยะ คนเหลาใดเปน คนสงบเปน สัตบุรุษ คนเหลา นัน้ ยอ มชักชวนสาวกอยางน้วี า บรุ ุษผูเจรญิทานจงมา จงปราบปรามความโลภเสยี เถดิ เม่ือปราบปรามความโลภได จัก-ไมกระทาํ กรรมอันเกดิ แตค วามโลภดว ยกายวาจาใจ จงปราบปรามความโกรธเสียเถดิ เม่ือทา นปราบปรามความโกรธได จักไมกระทํากรรมอนั เกิดแตความโกรธดว ยกาย วาจา ใจ จงปราบปรามความหลงเสยี เถิด เม่อื ปราบปรามความหลงได จกั ไมก ระทาํ กรรมอันเกดิ แตค วามหลงดว ยกาย วาจา ใจจงปราบปรามความแขงดีเสยี เถดิ เมื่อปราบปรามความแขงดไี ด จกั ไมกระทํากรรมอนั เกดิ แตค วามแข็งดดี ว ยกาย วาจา ใจ. เมือ่ พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสอยางน้ีแลว ภัททิยลิจฉวีไดกราบทูลพระ-ผูมีพระภาคเจาวา ขาแตพ ระองคผ ูเจริญ ภาษติ ของพระองคแ จมแจง นัก ฯลฯขอพระผมู พี ระภาคเจาโปรดทรงจําขา พระองคว าเปนอุบาสก ผูถึงสระตลอดชวี ิตต้ังแตวันน้ีเปน ตนไป. พ. ดูกอนภัททิยะ ก็เราไดก ลา วชักชวนทานอยางนี้วา ดกู อนภัททยิ ะขอทา นจงมาเปน สาวกของเราเถดิ เราจกั เปน ศาสดาของทา น ดังน้ี หรือ ? ภัต. มใิ ชเชนน้ัน พระเจา ขา.

พระสุตตนั ตปฎก องั คุตรนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนาที่ 485 พ. ดกู อ นภทั ทิยะ สมณพราหมณพ วกหนงึ่ กลาวตเู ราผมู ีปกตกิ ลาวอยางน้ี มีปกติบอกอยา งน้ี ดวยคําอนั ไมแนน อน เปน คาํ เปลา คําเทจ็คาํ ไมจรงิ วา พระสมณโคดมมมี ายา รูจกั มายาเคร่ืองกลับใจสาวกของพวกอญั ญเดยี รถียใหนานบั ถอื . ภตั . ขา แตพ ระองคผ ูเจรญิ มายาเครื่องกลบั ใจนดี้ นี กั งามนกั ถาญาติสาโลหติ อนั เปน ทรี่ กั ของขาพระองค พึงกลบั ใจมาดว ยมายาเปนเคร่อื งกลบัใจชนดิ นี้ ขอ นน้ั จะพึงเปน ไปเพือ่ ประโยชนเ กอื้ กูล เพื่อสขุ แกบ รรดาญาติสาโลหติ อันเปน ทร่ี กั ของขาพระองค ตลอดกาลนาน ถา แมกษัตริยทง้ั ปวงจะพึงกลบั ใจมาดว ยมายาเปน เคร่ืองกลบั ใจชนิดน้ี ขอ น้ันก็จะพงึ เปนไปเพ่อื ประโยชนเกื้อกูล เพื่อสขุ แกก ษัตริยท้งั ปวงตลอดกาลนาน ถาพราหมณท ั้งปวง...แพศย. ..ศทู รทงั้ ปวงจะพงึ กลบั ใจมาดวยมายาเปนเครือ่ งกลับใจชนิดนี้ ขอน้นัก็จะพงึ เปนไปเพ่อื ประโยชนเ กอ้ื กลู เพอื่ สขุ แกศทู รแมท ง้ั ปวงตลอดกาลนาน. ดกู อ นภัททยิ ะ คาํ ทที่ านกลาวนี้เปนอยา งน้นั ๆ ถาแมก ษัตริยท้ังปวงพงึ ทรงกลบั ใจมาเพือ่ ละอกศุ ลธรรม บาํ เพญ็ กศุ ลธรรม ขอนน้ั ก็จะพึงเปน ไปเพ่อื ประโยชนเ กื้อกูล เพอ่ื สขุ แกก ษัตรยิ ท ้งั ปวงตลอดกาลนาน ถา แมพ ราหมณ...แพศย. ..ศทู รพงึ กลบั ใจมาเพ่อื ละอกศุ ลธรรม บาํ เพญ็ กศุ ลธรรม ขอ นัน้กพ็ งึ เปน ไปเพอื่ ประโยชนเ ก้ือกลู เพื่อสขุ แกศ ูทรท้ังปวง ตลอดกาลนานถาแมโลกพรอ มทง้ั เทวโลก มารโลก พรหมโลก หมสู ัตวพรอมทงั้ สมณพราหมณเทวดาและมนษุ ย พงึ กลับใจมาเพอื่ ละอกศุ ลธรรม บาํ เพญ็ กุศลธรรม ขอนน้ัก็พงึ เปนไปเพือ่ ประโยชนเกื้อกูล เพื่อสุขแกโ ลกพรอ มทง้ั เทวโลก มารโลกพรหมโลก แกหมูส ัตวพรอ มท้งั สมณพราหมณ เทวดาและมนษุ ย ตลอดกาลนานดกู อ นภทั ทิยะถา แมพ วกมหาศาลเหลา น้ี จะพงึ กลับใจมาดวยมายาเครอื่ งกลับใจ

พระสุตตันตปฎก อังคุตรนกิ าย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนา ที่ 486น้ี เพ่ือละอกุศลธรรม บําเพญ็ กุศลธรรม ขอน้นั ก็จะพึงเปนไปเพือ่ ประโยชนเกอ้ื กลู เพือ่ สขุ แกพ วกมหาศาลเหลา นี้ตลอดกาลนาน ถา มหาศาลเหลา น้ีพงึ ตั้งใจ จะปว ยกลา วไปไยถึงผูที่เปน มนษุ ยเ ลา . จบภทั ทิยสูตรที่ ๓ อรรถกถาภทั ทิยสตู ร พงึ ทราบวนิ จิ ฉัยในภทั ทยิ สูตรท่ี ๓ ดังตอ ไปน้ี :- บทวา อปุ สงกฺ มิ ความวา เจา ภทั ทยิ ลิจฉวี ผบู ริโภคอาหารเชาเสรจ็ แลว ถอื ดอกไมข องหอมและเคร่อื งลบู ไล เขาไปเฝา ดว ยคิดวา เราจักถวายบังคมพระผูมีพระภาคเจา ดังน้ี. ในบทวา มา อนุสลฺ เวน เปน อาทิพงึ ทราบเน้อื ความโดยนัยนี้วา ทา นทั้งหลายอยาถือคําของเราดวยอาํ นาจการฟงตามกนั มา. บทวา สารมโฺ ภ ไดแ ก ความคดิ แขง ดกี ันเปน ลกั ษณะแขง กนัเกนิ กวา เหตุ. ธรรมมอี โลภะเปนตน พึงทราบโดยนยั ทีต่ รงกนั ขามกับความโลภเปนตน . บทวา กสุ ลธมมฺ ปู สมปฺ ทาย ไดแก เพอ่ื บําเพ็ญกศุ ลธรรมใหถึงพรอม ทา นอธบิ ายวา เพอื่ ใหไ ดกุศลธรรม. บทวา อเิ ม เจป ภทฺทิยมหาสาลา ความวา พระผมู ีพระภาคเจา เม่ือทรงแสดงตน สาละที่ยนื ตนอยูขา งหนา จึงตรัสอยางน้ี . บททเ่ี หลือในสตู รน้ี พงึ รไู ดงา ยเพราะมนี ยั อนั กลาวแลว ในหนหลงั และเพราะมอี รรถงา ย. แตเ มอื่ พระศาสดาทรงยักเยือ้ งเทศนาเจาภทั ทิยะก็เปน โสดาบันบคุ คลแล. จบอรรถกถาภทั ทยิ สตู รที่ ๓

พระสตุ ตนั ตปฎก องั คุตรนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนา ที่ 487 ๔. สามุคิยสูตร องคเปน ทตี่ ัง้ แหงความเพียรเพอื่ ความบรสิ ทุ ธิ์ ๔ [๑๙๔] สมยั หนง่ึ ทา นพระอานนท อยูทนี่ คิ มของพวกโกฬิยะ ช่ือสาปุคะ ในแควน โกฬยิ ะ ครั้งน้ันแล โกฬิยบุตรชาวนิคมสาปุคะมากดวยกัน เขาไปหาทา นพระอานนทถึงทอ่ี ยู อภวิ าทแลว น่ัง ณ ท่ีควรสวนขา งหนง่ึครน้ั แลวทา นพระอานนทไ ดก ลา วกะโกฬิยบตุ รชาวสาปุคนคิ มวา ดกู อนพยัคฆ-ปช ชะทัง้ หลาย องคเปน ที่ต้ังแหงความเพยี รเพื่อความบริสทุ ธิ์ ๔ ประการนี้พระผมู พี ระภาคเจา ผรู ู ผเู ห็น เปนพระอรหนั ตสัมมาสมั พุทธเจา พระองคนนั้ตรัสไวชอบแลว เพ่อื ความหมดจดของสัตวทง้ั หลาย เพอ่ื กาวลว งความโศกและความราํ่ ไร เพอื่ ความดับสูญแหง ทุกขแ ละโทมนสั เพอื่ บรรลญุ ายธรรมเพอ่ื ทาํ ใหแจง ซ่งึ นิพพาน องค ๔ ประการเปน ไฉน คือองคเปน ท่ตี ัง้ แหงความเพียรเพอ่ื ความบรสิ ุทธ์ิ คอื ศลี ๑ จติ ๑ ทฏิ ฐิ ๑ วมิ ุตติ ๑ ดูกอ นพยัคฆปชชะทั้งหลาย ก็องคเ ปนท่ีต้งั แหงความเพยี ร เพอื่ ความบริสุทธิ์ คือศลี เปน ไฉน ภิกษใุ นธรรมวินัยนีเ้ ปนผมู ศี ลี ฯลฯ สมาทานศึกษาอยใู นสกิ ขาบททงั้ หลาย น้เี รยี กวา สีลปารสิ ทุ ธิ ความพอใจ ความพยายาม ความอตุ สาหะความขะมักเขมน ความไมท อ ถอย สติและสัมปชัญญะในสีลปาริสุทธินั้นวาเราจกั ยงั สลี ปารสิ ุทธิเหน็ ปานนั้นอันยงั ไมบ ริบูรณ ใหบริบรู ณ จกั ใชป ญ ญาประคับประคองสีลปารสิ ุทธิอนั บริบรู ณไ วในฐานะนนั้ ๆ นเี้ รยี กวาองคเปนที่ตัง้ แหงความเพยี ร คือ สลี ปาริสทุ ธ.ิ ดูกอนพยคั ฆปชชะท้ังหลาย กอ็ งคเปนท่ตี ง้ั แหงความเพียร คือจติ ตปาริสทุ ธิเปนไฉน ภกิ ษใุ นธรรมวินัยน้ี สงดั จากกาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน

พระสตุ ตันตปฎก อังคตุ รนกิ าย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนา ที่ 488...ทุติยฌาน...ตตยิ ฌาน...จตตุ ถฌานอยู นี้เรียกวาจิตตปารสิ ทุ ธิ ความ.พอใจ ...สตแิ ละสมั ปชัญญะในจิตตปาริสทุ ธนิ ั้นวา เราจักยังจติ ตปารสิ ทุ ธิเหน็ ปานนัน้ อนั ยงั ไมบ ริบูรณใหบริบรู ณ จกั ใชปญ ญาประดับประคองจิตต-ปาริสทุ ธอิ ันบริบรู ณไวในฐานะนนั้ ๆ นี้เรยี กวาองคเปน ทต่ี งั้ แหง ความเพียรคือ จติ ตปาริสทุ ธ.ิ ดูกอนพยัคฆปช ชะท้ังหลาย ก็องคเ ปนทีต่ ง้ั แหง ความเพียร คือทิฏฐิปารสิ ทุ ธเิ ปน ไฉน ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี ยอ มรชู ดั ตามความเปนจริงวานี้ทกุ ข นท้ี ุกขสมุทัย นที้ กุ ขนิโรธ นที้ กุ ขนโิ รธคามนิ ปี ฏิปทา นเี้ รยี กวาทฏิ ฐปิ าริสุทธิ ความพอใจ... สติและสัมปชัญญะในทิฏฐิปารสิ ทุ ธนิ ั้นวา เราจักยงั ทฏิ ฐปิ ารสิ ุทธิ เห็นปานนน้ั อนั ยงั ไมบ รบิ ูรณใ หบรบิ ูรณ จกั ใชปญ ญาประดับประคองทฏิ ฐปิ าริสทุ ธอิ นั บริบรู ณไ วในฐานะน้นั ๆ น้เี รียกวาองคเปนทต่ี ั้งแหง ความเพียร คือ ทฏิ ฐปิ ารสิ ุทธิ. ดูกอนพยัคฆปชชะทัง้ หลาย ก็องคเปนท่ีตัง้ แหง ความเพยี ร คอืวมิ ตุ ตปิ าริสุทธิเปนไฉน อรยิ สาวกน้แี ล เปน ผูประกอบดว ยองคเปน ทตี่ ัง้ แหงความเพียร คือ สลี ปารลิ ทุ ธ.ิ ..จิตตปาริสทุ ธิ...ทฏิ ฐปิ าริสทุ ธแิ ลว ยอ มคลายจติ ในธรรมเปนทต่ี งั้ แหง ความกําหนดั ยอ มเปลือ้ งในธรรมทีค่ วรเปลื้องครัน้ แลว ยอ มถูกตองสัมมาวิมตุ ติ นีเ้ รยี กวา วมิ ตุ ตปิ าริสุทธิ ความพอใจ...สติและสมั ปชัญญะในวมิ ุตติปารสิ ุทธิน้ันวา เราจกั ยงั วิมุตตปิ าริสทุ ธเิ ห็นปานนี้อันยังไมบ ริบูรณใ หบริบรู ณ จักใชปญ ญาประดบั ประคองวมิ ตุ ติปารสิ ุทธอิ ันบรบิ รู ณไ วใ นฐานะนน้ั ๆ น้ีเรยี กวา องคเ ปนทีต่ ั้งแหง ความเพียร คอืวมิ ตุ ติปาริสุทธิ. ดูกอนพยัคฆปช ชะท้ังหลาย องคเปน ท่ีตง้ั แหงความเพียรเพอื่ ความบริสทุ ธ์ิ ๔ ประการนีแ้ ล อนั พระผมู พี ระภาคเจา ผูรู ผูเหน็ เปน พระ-

พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คตุ รนิกาย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนา ที่ 489อรหนั ตสัมมาสัมพทุ ธเจา พระองคน ั้น ตรสั ไวช อบแลว เพอื่ ความหมดจดของสัตวท ้ังหลาย เพื่อกา วลวงความโศกและการคราํ่ ครวญ เพื่อความดับสูญแหงทกุ ขและโทมนัส เพอื่ บรรลุญายธรรม เพื่อกระทําใหแ จง ซงึ่ นิพพาน. จบสามคุ ยิ สตู รท่ี ๔ อรรถกถาสามุคยิ สตู ร พึงทราบวินจิ ฉยั ในสามุคยิ สตู รที่ ๔ ดังตอไปน้ี :- บทวา สาปคุ ยิ า ไดแก กุลบุตรชาวนิคมสาปคุ ะ. บทวา พยคฺฆปชชฺความวา พระอานนท เมอ่ื เรยี กโกฬิยบตุ รเหลา น้นั จงึ กลาวอยา งนี้ โกฬนครมีสองช่อื คือ นครโกฬะ เพราะเขานําไมกระเบามาสรา ง ๑ ช่ือวา พยัคฆปช -ชะ เพราะเขาสรางในทางเสือผา น ๑. บรรพบุรษุ ของชาวโกฬิยะเหลานัน้ อาศัยอยใู นพยัคฆปชชนครนัน้ เพราะฉะนั้น ทา นเรียกวา พยัคฆปชชะ เพราะอาศยั อยใู นพยัคฆปช ชนคร. ดว ยเหตนุ ัน้ พระอานนทเม่ือเรยี กชาวโกฬยิ ะเหลา นน้ั จงึ กลา วอยา งน.้ี บทวา ปาริสทุ ฺธิปธานิยงคฺ านิ ไดแ กองคเปนที่ต้งั แหง ความเพยี รเพอื่ ความบริสทุ ธ์ิ อธบิ ายวา องคค อื สว นแหง ความเพียรทค่ี วรต้งั ไว. บทวาสีลปาริสทุ ฺธิปธานยิ งฺค น้เี ปนชอ่ื ของความเพยี รอันยังศลี ใหบรสิ ุทธิ.์ จรงิ อยูปาริสุทฺธปิ ธานิยงคฺ  น้ีเปนองคเ ปนทีต่ งั้ แหงความเพยี รเพ่ือใหความบรสิ ุทธิ์แหงศลี เต็มบรบิ รู ณ เพราะเหตนุ น้ั จงึ ชือ่ วา สลี ปารสิ ทุ ธปิ ธานิยังคะ. แมใ นบททเี่ หลือก็นยั น้เี หมือนกัน .

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคุตรนกิ าย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนา ท่ี 490 บทวา ตตถฺ ตตฺถ ปฺาย อนุคฺคเหสสฺ ามิ ความวา เราจกัประคบั ประคองดวยวปิ ส สนาปญญาไวใ นที่นน้ั ๆ. ในบทวา โย ตตถฺ ฉนโฺ ทเปนตน พึงทราบความโดยนยั นว้ี า กตั ตุกัมมยตาฉนั ทะความพอใจ คอื ความใครทาํ ในการประคบั ประคองนั้นอันใด. ก็ สติ สัมปชัญญะ ทา นกลา วในท่ีน้ีเพอ่ื ภกิ ษเุ ขา ไปตั้งสติไวแ ลวกาํ หนดดวยญาณ ยังความเพียรใหด ําเนนิ ไปบทวา รชชฺ นีเยสุ ธมฺเมสุ จติ ฺต วิราเชติ ความวา ยอมทาํ โดยอาการที่จิตคลายกําหนดในอิฏฐารมณอนั เปนปจจัยแหงราคะ. บทวา วโิ มจนีเยสุธมเฺ มสุ จติ ฺต วโิ มเจติ ความวา ยอมทาํ โดยอาการทจ่ี ิตเปล้อื งไปจากอารมณซ่ึงจติ ควรจะเปล้อื ง. ในบทวา วริ าเชตฺวา นี้ช่ือวา คลายกาํ หนัดในขณะแหง มรรค ชอ่ื วา คลายกําหนัดแลว ในขณะแหง ผล. แมในบทท่ีสองก็นยั นี้เหมอื นกัน . บทวา สมฺมาวมิ ตุ ตึ ผสุ ติ ไดแก ถูกตอ งอรหัตผลวิมุตติตามเหตุตามนยั ดว ยญาณผสั สะ. จบอรรถกถาสามคุ ยิ สตู รที่ ๔ ๕. วัปปสตู รวาดวยเจาวปั ปะเสด็จเขา ไปหาพระมหาโมคคลั ลานะ [๑๙๕] สมยั หนง่ึ พระผูมพี ระภาคเจาประทบั อยใู นนิโครธารามเมืองกบิลพัสดุ แควน สกั กะ ครง้ั น้ันแล เจา ศากยะพระนามวา วัปปะ เปนสาวกของนิครนถ เสด็จเขาไปหาทา นพระมหาโมคคลั ลานะถงึ ที่อยู ทรงอภวิ าทแลว ประทับนง่ั ณ ที่ควรสว นขา งหน่งึ ครัน้ แลว ทานพระมหาโมคคัลลานะไดก ลา ววา ดูกอนวปั ปะ บุคคลในโลกน้ี พึงเปนผสู ํารวมดวยกาย สํารวม

พระสุตตนั ตปฎก องั คุตรนกิ าย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนา ที่ 491ดว ยวาจา สํารวมดว ยใจ เพราะวชิ ชาดับไป วิชชาเกดิ ข้นึ ทานเหน็ ฐานะทีเ่ ปน เหตุใหอาสวะอันเปน ปจจยั แหง ทุกขเวทนาไปตามบคุ คลในสัมปรายภพหรือไม วัปปศากยราชตรสั วา ขา แตท า นผูเจริญ ขาพเจาเหน็ ฐานะนั้นบุคคลกระทําบาปกรรมไวใ นปางกอนซงึ่ ยังใหผ ลไมห มด อาสวะทั้งหลายอันเปน ปจ จัยแหงทกุ ขเวทนา พึงไปตามบุคคลในสัมปรายภพอันมบี าปกรรมนั้นเปน เหตุ ทา นพระมหาโมคคัลลานะสนทนากนั วัปปศากยราชสาวกของนคิ รนถคางอยเู พียงน้เี ทา นัน้ คร้ังนนั้ แล เวลาเยน็ พระผูมีพระภาคเจา เสด็จออกจากท่ีเรน เสด็จเขา ไปยังอปุ ฏ ฐานศาลา ประทับนง่ั บนอาสนะทีป่ ลู าดไว ครั้นแลวไดต รสั ถามทา นพระมหาโมคคลลั านะวา ดูกอ นโมคคัลลานะ บัดน้ี เธอทงั้ หลายประชมุ สนทนากนั ดว ยเรื่องอะไร และเธอทงั้ หลายพดู อะไรคางกัน ไวในระหวาง. ทา นพระมหาโมคคัลลานะกราบทูลวา ขา แตพระองคผูเจรญิ ขอประทานพระวโรกาส ขาพระองคไ ดก ลา วกะวัปปศากยราชสาวกของนคิ รนถวาดกู อ นวปั ปะ บุคคลในโลก พงึ เปนผสู าํ รวมดว ยกาย สาํ รวมดว ยวาจาสาํ รวมดวยใจ เพราะอวชิ ชาดับไป วชิ ชาเกิดข้ึน ทานเหน็ ฐานะที่เปนเหตุใหอ าสวะอันเปน ปจ จัยแหง ทุกขเวทนาไปตามบคุ คลในสมั ปรายภพนนั้ หรอื ไมเมือ่ ขา พระองคก ลาวอยา งนี้แลว วัปปศากยราชสาวกของนคิ รนถ ไดก ลา วกะขา พระองควา ขาแตท า นผูเ จริญ ขาพเจาเหน็ ฐานะนนั้ บุคคลกระทาํ บาป-กรรมไวในปางกอนซงึ่ ยังใหผลไมห มด อาสวะท้ังหลายอันเปนปจ จยั แหงทกุ ขเวทนาพงึ ไปตามบุคคลในสมั ปรายภพ อันมีบาปกรรมนน้ั เปนเหตุ ขา แตพระองคผเู จรญิ ขาพระองคส นทนากับวปั ปศากยราชสาวกของนิครนถค า งอยูเพยี งนแี้ ล ลาํ ดับนัน้ พระผมู ีพระภาคเจากเ็ สดจ็ มาถึง. ครง้ั นัน้ แล พระผมู ีพระภาคเจาไดต รสั กบั วัปปศากยราชสาวกของนิครนถวา ดกู อ นวัปปะ ถาทา นจะพงึ ยินยอมขอที่ควรยินยอม และคดั คา น

พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนิกาย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนาที่ 492ขอ ที่ควรคัดคา นตอ เรา และทา นไมร คู วามแหง ภาษติ ของเราขอ ใด ทานพงึซกั ถามในขอนั้นย่ิงขนึ้ ไปวา ขอ นีอ้ ยางไร ความแหงภาษิตขอนี้อยางไรดังน้ีไซร เราพงึ สนทนากนั ในเรือ่ งนไ้ี ด วปั ปศากยราชกราบทูลวา ขาแตพระองคผ ูเ จรญิ ขาพระองคจ ักยนิ ยอมขอท่คี วรยนิ ยอม และจักคดั คานขอ ท่ีควรคัดคานตอพระผมู พี ระภาคเจา อนึง่ ขาพระองคไมร คู วามแหงภาษิตของพระผมู ีพระภาคเจาขอใด ขา พระองคจ ักซกั ถามพระผูมีพระภาคเจาในขอ นนั้ย่งิ ข้ึนไปวา ขอ นอ้ี ยางไร ความแหง ภาษติ ขอนี้อยา งไร ขอเราจงสนทนากนัในเรือ่ งนี้เถดิ พระเจา ขา . พ. ดูกอ นวปั ปะ ทา นจะสําคัญความขอนั้นเปนไฉน อาสวะเหลา ใดกอ ทกุ ข เดือดรอ น เกดิ ขน้ึ เพราะการกระทาํ ทางกายเปนปจจยั เมื่อบคุ คลงดเวนจากการกระทาํ ทางกายแลว อาสวะเหลา นั้นที่กอ ทกุ ข เดอื นรอ นยอมไมมแี กเ ขา เขาไมท ํากรรมใหมด ว ย รับผลกรรมเกา แลวทําใหส ิ้นไปดว ยน้เี ปนปฏปิ ทาเผากเิ ลสใหพ นิ าศ ผปู ฏบิ ตั ิพงึ เห็นไดเอง ไมป ระกอบดว ยกาลควรเรียกใหม าดู ควรนอมเขา มา วิญูชนพงึ รเู ฉพาะตน ดกู อนวปั ปะ ทานยอ มเห็นฐานะทเี่ ปน เหตใุ หอาสวะอนั เปน ปจจยั แหงทกุ ขเวทนา พึงไปตามบคุ คลในสมั ปรายภพนั้นหรือไม. วัป. ไมเห็น พระเจาขา. พ. ดกู อ นวปั ปะ ทานจะสําคัญความขอนั้นเปนไฉน อาสวะเหลาใดกอทกุ ข เดือดรอ น เกิดขึน้ เพราะการกระทาํ ทางวาจาเปนปจ จัย เมอ่ื บคุ คลงดเวนจากการกระทําทางวาจาแลว อาสวะเหลานนั้ ทีก่ อ ทกุ ข เดอื ดรอนยอ มไมม แี กเ ขา เขาไมท าํ กรรมใหมดวย รับผลกรรมเกา แลว ทําใหสนิ้ ไปดวยนเ้ี ปนปฏปิ ทาเผากิเลสใหพินาศ...วญิ ชู นพงึ รูเฉพาะตน ดูกอ นวปั ปะ ทานยอ มเห็นฐานะทเ่ี ปน เหตุใหอาสวะอันเปน ปจ จัยแหงทกุ ขเวทนา พงึ ไปตามบุคคลในสัมปรายภพนัน้ หรอื ไม

พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนา ที่ 493 วัป. ไมเ ห็น พระเจาขา. พ. ดกู อ นวัปปะ ทานจะสาํ คญั ความขอ น้นั เปนไฉน อาสวะเหลาใดกอ ทกุ ข เดอื ดรอ น เกดิ ข้ึนเพราะการการทําทางใจเปนปจ จยั เมอื่ บคุ คลงดเวนจากการกระทาํ ทางใจแลว อาสวะทก่ี อทกุ ข เดอื ดรอน ยอมไมม ีแกเ ขาเขาไมท ํากรรมใหมด วย รับผลกรรมเกาแลวทําใหสน้ิ ไปดวย นีเ้ ปนปฏปิ ทาเผากเิ ลสใหพ ินาศ...วญิ ชู นพึงรูเฉพาะตน ดูกอนวัปปะ ทานยอ มเห็นฐานะที่เปน เหตใุ หอาสวะอันเปน ปจจยั แหงทกุ ขเวทนาพึงไปตามบคุ คลในสมั ปรายภพน้นั หรือไม. วัป. ไมเ ห็น พระเจา ขา. พ. ดูกอ นวปั ปะ ทา นจะสําคัญความขอ น้ันเปนไฉน อาสวะเหลา ใดกอทกุ ข เดอื ดรอ น เกดิ ขึน้ เพราะอวชิ ชาเปน ปจ จยั เพราะอวชิ ชาดับไปวชิ ชาเกิดขึน้ อาสวะทีก่ อ ทกุ ข เดอื ดรอน เหลาน้ันยอ มไมม แี กเขา เขาไมทํากรรมใหมด ว ย รบั ผลกรรมเกา แลว ทาํ ใหสน้ิ ไปดว ย นี้เปน ปฏปิ ทาเผากิเลสใหพินาศ...อนั วิญูชนพึงรูเฉพาะตน ดูกอ นวปั ปะ ทา นยอ มเหน็ ฐานะที่เปนเหตใุ หอ าสวะอนั เปนปจจยั แหงทกุ ขเวทนาพงึ ไปตามบุคคลในสัมปรายภพนน้ั หรอื ไม. วปั . ไมเ ห็น พระเจาขา . พ. ดกู อ นวัปปะ เมอื่ ภกิ ษมุ จี ิตหลุดพน โดยชอบอยา งนแ้ี ลว ยอ มบรรลุธรรมเปนเคร่ืองอยูเ ปน นติ ย ๖ ประการ เธอเห็นรปู ดวยจักษแุ ลว ไมดีใจไมเ สียใจ มีอเุ บกขา มสี ติสมั ปชัญญะอยู ฟงเสียงดวยหู....สดู กล่ินดวยจมกู ...ลิ้มรสดว ยลน้ิ ...ถูกตอ งโผฏฐพั พะดว ยกาย...รแู จง ธรรมารมณดวยใจแลวไมดีใจ ไมเสยี ใจ มีอุเบกขา มีสตสิ ัมปชญั ญะอยู เธอเมอื่ เสวยเวทนามีกายเปนทีส่ ุด ยอมรูช ัดวา เราเสวยเวทนามีกายเปนทสี่ ุด เมอื่ เสวยเวทนามชี ีวิตเปน

พระสุตตนั ตปฎ ก องั คตุ รนิกาย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนาที่ 494ที่สดุ ยอมรูชัดวา เราเสวยเวทนามชี วี ติ เปนทสี่ ดุ ยอมรูชัดวา เมอื่ กายแตกสิน้ ชีวติ ไป เวทนาทัง้ ปวงอนั ไมน าเพลดิ เพลินในโลกนี้ จักเปน ของเย็นดูกอ นวัปปะ เงาปรากฏเพราะอาศยั ตนไม ครัง้ นั้น บรุ ุษพงึ ถือจอบและตะกรา มา เขาตดั ตนไมน ้ันทโ่ี คน ครั้นแลว ขุดคยุ เอารากข้ึน โดยที่สุดแมเทาตนแฝกกไ็ มใ หเหลอื เขาตดั ผา ตนไมนน้ั ใหเ ปน ช้นิ เลก็ ชิ้นนอย กระทาํ ใหเปนซีก ๆ แลวผง่ึ ลมและแดด ครน้ั ผงึ่ ลมและแดดแหง แลว เผาไฟ กระทาํใหเ ปน ขี้เถา โปรยในทม่ี ลี มพัดจัดหรือลอยในกระแสน้ําอันเชี่ยวในแมน้ํา เมื่อเปนเชน นัน้ เงาทป่ี รากฏเพราะอาศยั ตนไมนนั้ มรี ากขาดสญู ประดุจตาลยอดดว น ทําใหไ มม ี ไมใ หเกิดข้ึนตอ ไปเปน ธรรมดา แมฉ นั ใด ดูกอนวัปปะฉันนนั้ เหมือนกนั แล เม่ือภกิ ษมุ ีจติ หลดุ พน โดยชอบอยางนแี้ ลว ยอมไดบรรลธุ รรมเปน เครื่องอยเู นอื งนติ ย ๖ ประการ เธอเห็นรูปดว ยจกั ษแุ ลว ไมดีใจ ไมเสียใจ มีอุเบกขา มสี ติสัมปชัญญะอยู ฟงเสยี งดวยหู... สูดกล่ินดว ยจมูก... ล้ิมรสดวยล้นิ ... ถกู ตอ งโผฎฐพั พะดวยกาย... รูแจง ธรรมารมณดวยใจแลวไมดีใจ ไมเสียใจ มีอุเบกขา มสี ติสมั ปชญั ญะอยู เธอเมอ่ื เสวยเวทนามีกายเปน ที่สุด ยอ มรชู ัดวา เราเสวนเวทนามีกายเปนทสี่ ดุ เมื่อเสวยเวทนามชี ีวิตเปน ทีส่ ุด ยอ มรูช ัดวา เราเสวยเวทนามชี ีวิตเปน ท่ีสดุ ยอมรชู ัดวาเมอ่ื กายแตกสนิ้ ชวี ิตไป เวทนาท้งั ปวงอันไมนาเพลดิ เพลินในโลกน้ี จักเปนของเย็น. เมอ่ื พระผูมพี ระภาคเจาตรสั อยา งนี้แลว วปั ปศากยราชสาวกของนิครนถ ไดกราบทลู พระผูม ีพระภาคเจา วา ขา แตพ ระองคผูเ จริญ บุรษุ ตอ งการกําไร เลย้ี งลกู มาไวข าย (ถาลูกมาตายหมด) เขาพึงขาดทุน ซา้ํ ยงั ตอ งเหน็ดเหน่ือยลําบากใจยงิ่ ขึ้นไป แมฉันใด ขา พระองคหวังกาํ ไรเขา คบหานคิ รนถผ โู ง ตอ งขาดทนุ ทง้ั ตองเหนด็ เหนอ่ื ยลาํ บากใจยงิ่ ขึ้นไป ก็ฉนั น้นั

พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนิกาย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนา ที่ 495เหมอื นกนั ขาแตพ ระองคผูเ จริญ ต้งั แตว ันนเี้ ปนตนไป ขา พระองคนจี้ ักโปรยความเลื่อมใสในพวกนิครนถผูโงเขลาเสียในท่ีลมพดั จดั หรอื ลอยเสียในแมน าํ้ อันมีกระแสเชี่ยว ขาแตพ ระองคผ เู จรญิ ภาษิตของพระองคแจม แจงนักขาแตพ ระองคผ เู จรญิ ภาษิตของพระองคแจมแจง นัก พระผูม ีพระภาคเจา ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปรยิ าย เปรียบเหมือนหงายของท่คี วา่ํ เปด ของท่ปี ดบอกทางแกคนหลงทาง หรอื ตามประทีปไวใ นที่มืดดว ยหวงั วา คนผูม จี กั ษุจกั เหน็ รปู ได ฉะนัน้ ขาพระองคนีข้ อถงึ พระผมู พี ระภาคเจา กบั ท้งั พระธรรมและพระภกิ ษสุ งฆ วา เปน สรณะ ขอพระผมู พี ระภาคเจาโปรดทรงจาํ ขาพระองควาเปน อุบาสก ผถู ึงสรณะตลอดชีวิต ตงั้ แตวันนี้เปน ตน ไป. จบวปั ปสูตรท่ี ๕ อรรถกถาวปั ปสูตร พงึ ทราบวนิ จิ ฉัยในวปั ปสตู รที่ ๕ ดังตอ ไปน้ี :- บทวา วปฺโป ไดแ ก เจาศากยะผเู ปนพระเจา อาของพระทศพลบทวา นคิ ณฺ สาวโก ไดแ ก เปนอปุ ฐากของนิคณั ฐนาฏบุตร ดุจสีหเสนาบดีในกรงุ เวสาลี และดจุ อุปาลิคฤหบดใี นเมอื งนาฬันทา. บทวา กาเยน ส วุโตความวา ชือ่ วา สาํ รวมดวยกาย เพราะสํารวมคือปดกายทวาร. แมใ นสองบทที่เหลือกน็ ัยนเ้ี หมอื นกัน . บทวา อวชิ ชฺ าวริ าคา ไดแก เพราะอวิชชาคลายส้นิ ไป. บทวา วิชชฺ ปุ ปฺ าทา ไดแ ก เพราะมรรควชิ ชาเกดิ ขึ้น. บทวา ตาน แปลวาเหตุนั้น . บทวา อวิปกกฺ วปิ าก ไดแ ก ยังไมถ ึงวาระไดร ับผล.บทวา ตโตนทิ าน ไดแ ก มกี รรมนนั้ เปน เหตุ มีบาปกรรมน้นั เปนปจจัย.

พระสุตตนั ตปฎ ก องั คุตรนกิ าย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนาท่ี 496บทวา ทกุ ฺขเวทนิยา อาสวา อสสฺ เวยฺยุ ความวา กิเลสทัง้ หลายอนั เปนปจจยั แหงทกุ ขเวทนา พงึ ไหลไปตาม คอื พึงเขาไปตาม อธิบายวา กเิ ลสท้ังหลายพงึ เกดิ ขึน้ แกบ รุ ษุ นัน้ . บทวา อภิสมฺปราย ไดแ ก ในอตั ภาพท่สี องน้นั แล. บทวา กายสมารมภฺ ปจจฺ ยา แปลวา เพราะกายกรรมเปนปจ จยั .บทวา อาสวา ไดแก กเิ ลสทงั้ หลาย. ในบทวา วฆิ าตปริฬาหา น้ี ทกุ ขช่ือวาวิฆาคะ ความเรา รอ นทางกายและทางจติ ซง่ึ วา ปรฬิ าหะ. บทวา ผุสฺสผุสสฺ พฺยนตฺ กี โรติ ความวา กรรมท่ีญาณจะพึงฆา พอกระทบญาณสัมผสัก็สนิ้ ไป กรรมทีว่ ิบากจะพงึ ฆา พอกระทบวบิ ากสมั ผัส กส็ ิน้ ไป. บทวานชิ ชฺ รา ไดแก ปฏปิ ทาท่ีทํากเิ ลสใหโซมไป. แมใ นวาระทีเ่ หลอื ก็นัยนี้เหมือนกนั . ภกิ ษุน้ดี ํารงอยูในปฏิปทาน ควรเปนพระขณี าสพ. ควรนาํ มหาภูต-รูป ๔ ออกแลว แสดงการกาํ หนดดวยอรยิ สจั ๔ แลวพึงบอกกรรมฐาน จนถึงอรหตั ผล. ก็บัดนี้ พระผมู พี ระภาคเจาเพอ่ื จะทรงแสดงสตตวหิ ารธรรมธรรมเครื่องอยูประจําของพระขณี าสพนัน้ จึงตรัสคํามีอาทวิ า เอว สมมฺ า-วิมุตตฺ จิตตฺ สสฺ ดงั นี้ . ในบทเหลานนั้ บทวา สมฺมาวิมตุ ตฺ สสฺ ไดแกพนแลวโดยชอบ โดยเหตุการณ โดยนัย. บทวา สตตวหิ ารา ไดแกธรรมเปน เครือ่ งอยูเปนนิจ ธรรมเปน เครือ่ งอยปู ระจํา. บทวา เนว สมุ โนโหติ ไดแ ก เปนผูไมเกิดโสมนสั ดว ยอํานาจความกาํ หนัดในอฏิ ฐารมณ. บทวาน ทุมมฺ โน ไดแ กไมเปนผเู กดิ โทนนสั ดว ยอํานาจความขุนใจในอนิฏฐารมณ.บทวา อเุ ปกขฺ โก วิหรติ สโต สมฺปชาโน ไดแ ก เปน ผูม อี ุเบกขามีความเปนกลางในอารมณเหลา นนั้ ดวยอเุ บกขา มีอาการคือความเปนกลางเปน ลักษณะกําหนดถือเอา ดวยสตสิ ัมปชญั ญะอยู.

พระสุตตันตปฎ ก องั คุตรนกิ าย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนาที่ 497 บทวา กายปรยิ นตฺ ิก ไดแก เวทนามีกายเปนท่ีสดุ คือกําหนดดวยกาย อธิบายวา เวทนาเปน ไปในทวาร ๕ ยังเปน ไปอยูต ราบเทา ที่กาย คือทวาร ๕ ยังเปน ไปอย.ู บทวา ชวี ิตปรยิ นตฺ กิ  ไดแกเวทนามชี ีวติ เปนที่สุดคือ กําหนดดวยชีวิต อธบิ ายวา เวทนาอันเปน ไปในมโนทวาร ยังเปนไปอยูตราบเทา ทชี่ วี ติ ยังเปน ไปอยู. ในเวทนาเหลา น้นั เวทนาอนั เปนไปในทวาร ๕เกดิ ทีหลังแตด บั กอน. เวทนาอนั เปนไปในมโนทวารเกิดกอ นแตด บั ทีหลังเพราะเวทนาน้ันต้ังอยใู นวตั ถรุ ูปในขณะปฏิสนธ.ิ เวทนาอันเปนไปในทวาร ๕ยังเปนไปอยูดว ยอาํ นาจปญ จทวารในปจจบุ ัน คราวมีอายุ ๒๐ ป ในปฐมวยัยังมีกาํ ลงั แข็งแรงดวยอํานาจความรัก ความโกรธและความหลง คราวมอี ายุ๕๐ ป ยงั คงท่อี ยู จะลดลงตง้ั แตอ ายุ ๖๐ ป คราวอายุ ๘๐ - ๙๐ ป ก็นอ ยเต็มท.ี ดว ยวา ในครั้งน้นั สัตวท้ังหลาย แมเมอ่ื มผี ูกลาววา พวกเรานง่ั นอนรว มกนั มานานแลว กพ็ ูดวา เราไมร ดู ังนก้ี ม็ ี พูดวา เราไมเห็นอารมณมรี ูปเปน ตน แมม ปี ระมาณมาก เราไมไดยิน เราไมรูกลิน่ หอม กลิน่ เหม็น รสอรอยรสไมอรอย หรือแขง็ ออน ดังนก้ี ม็ ี. เวทนาเปน ไปในทวาร ๕ ของสัตวเหลานั้น ถงึ จะดับไป . แตเ วทนาเปน ไปในมโนทวาร ก็ยงั เปน ไปอยดู วยประการฉะน.้ี เวทนานั้นเสอ่ื มไปโดยลําดบั ในเวลาใกลต ายอาศัยสวนของหทยวัตถุเทาน้นั ยงั เปนไปอยูไ ด. ก็เวทนานัน้ ยงั เปน ไปอยไู ดเพยี งใด ทา นกลาววาสตั วย ังมชี วี ิตอยูไดเพยี งน้ัน. เมือ่ ใดเวทนาเปน ไปไมได เมื่อน้นัทานกลาววา สตั วตายแลว ดับแลว ดงั น.้ี พงึ เปรยี บความขอ นนี้ ้นั ดวยหนองน้ํา. เหมือนอยางวา บุรุษพงึ ทาํ หนองนํ้าใหมที างนาํ้ ๕ ทาง เม่อื ฝนตกครัง้ แรก พงึ ใหน ้ําเขาไปโดยทางนํ้าทง้ั ๕ แลว ขังนํ้าไวใ นบอ ภายในหนองนา้ํใหเต็ม เมอื่ ฝนตกบอ ย ๆ น้ําเต็มในทางของน้าํ แลว ทวมลนออกไปประมาณคาวุตหนงึ่ หรือก่ึงโยชน น้ํายงั ขังอยู น้ําเมื่อไหลออกจากนั้น เมื่อชาวนาเปด

พระสตุ ตันตปฎ ก อังคตุ รนิกาย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนาท่ี 498คันกน้ั น้าํ ทาํ งานในนา นา้ํ ไหลออก คราวขา วกลา แกน้ําก็ไหลออก นาํ้ งวดไปชาวนาก็พดู วา เราจะจับปลา จากนัน้ ลวงไป ๒-๓ วนั นาํ้ ก็ขงั อยแู ตใ นบอเทา นน้ั กต็ ราบใดน้าํ นน้ั ยังมีในบอ ตราบนนั้ กน็ บั ไดวา น้าํ ยังมใี นหนองนาํ้แตเ มือ่ ใด น้าํ ในบอนน้ั ขาด เมือ่ น้นั ก็เรยี กไดวา นํ้าไมมีในหนองน้าํ ฉนั ใดขออปุ ไมยพงึ ทราบฉันน้นั . เวลาทเ่ี วทนาอันเปน ไปในมโนทวาร ตง้ั อยูในวัตถุรูปในขณะปฏิสนธิครงั้ แรก เหมือนเวลาท่เี มอ่ื ฝนตกครัง้ แรก เม่ือน้าํ ไหลเขา ไปโดยทางท้งั ๕บอ กเ็ ต็ม เม่อื วตั ถุรูปยังเปน ไปอยู เวทนาอันเปน ไปในทวาร ๕ กเ็ ปนไปอยูไดเหมอื นเวลาทเ่ี มือ่ ฝนตกบอย ๆ นาํ้ เตม็ ทางทง้ั ๕ ความทเ่ี วทนานน้ั มีกาํ ลังมากย่งิ ดว ยอํานาจความรกั เปนตน คราวท่ีมีอายุ ๒๐ ป ในปฐมวัยเหมอื นการท่ีนา้ํ ทว มลน ไปประมาณคาวุตหนึ่งแสะก่ึงโยชน เวลาทเี่ วทนาน้ันยังคงท่ีอยูคราวท่มี อี ายุ ๕๐ ป เหมอื นเวลาที่นํ้ายังขังอยูเต็มในหนองน้ํา ตราบเทา ที่น้าํยังไมไหลออกจากหนองนํ้าน้นั เวทนาเสื่อมตั้งแตเ วลาท่ีมีอายุ ๖๐ ป เหมือนเวลาทีเ่ มื่อเปด คนั กัน้ นาํ้ เมื่อทาํ งานน้ํากไ็ หลออก เวลาทเ่ี วทนาอนั เปนไปในทวาร ๕ ออนลง เมอ่ื มีอายุ ๘๐ - ๙0 ป เหมอื นเวทนาท่เี มือ่ น้ํางวด ยงั มีนา้ํ เหลอื อยูนิดหนอยทที่ างนํา้ เวลาที่เวทนาในมโนทวารยงั เปน ไปอยไู ดเพราะอาศัยสว นแหงหทยั วัตถุ เหมอื นเวลาที่น้ํายงั ขงั อยูในบอนน่ั เอง ตราบใดทเ่ี วทนานัน้ ยงั เปนไปอยูไ ด ตราบนั้นก็เรียกไดวา สตั วยังมีชีวิตอยู เหมือนเวลาทคี่ วรจะพูดไดวา เม่ือในบอมีนํา้ แมนิดหนอย นาํ้ ในหนองน้าํ กย็ งั มอี ยู.ก็เม่ือนํ้าในบอขาด ก็เรยี กไดวา ไมม ีนํ้าในหนองนาํ้ ฉนั ใด เมื่อเวทนาเปนไปในมโนทวารเปนไปไมไ ด กเ็ รียก ไดว า สตั วต ายฉนั นน้ั . บทวา ชีวติ -ปรียนฺติก เวทน เวทิยมาโน ทานกลา วหมายถึงเวทนาน้แี ล.

พระสุตตันตปฎก อังคุตรนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนา ท่ี 499 บทวา กายสสฺ เภทา ไดแ ก กายแตก. บทวา อุทธฺ  ชีวิตปรยิ า-ทานา ไดแ ก เบ้ืองหนา แตส นิ้ ชีวิตไป. บทวา อิเธว ไดแก ในโลกนี้เทา นนั้ไมไปขา งหนา ดว ยอํานาจปฏสิ นธิ. บทวา สตี ิ ภวิสฺสนฺติ ไดแก เวทนาทง้ั ปวง เวนจากความเปน ไป ความด้ินรนและความกระวนกระวายก็จักเปนของเย็น มีอนั ไมเปนไปเปน ธรรมดา . บทวา ถูณ ปฏจิ จฺ ไดแก อาศัยตน ไม. บทวา กุททฺ าลปฏ กอาทาย ความวา ถือจอบ เสียม และตะกรา แตเทศนาทานมงุ แตจอบเทานน้ั .บทวา มเู ล ฉนิ ฺเทยฺย ไดแก พงึ เอาจอบตัดทีโ่ คน. บทวา ปลขิ เณยฺยไดแก เอาเสียมขดุ โดยรอบ. ในขอ วา เอวเมว โข น้ี เทียบดวยอปุ มา ดงั น.้ีอตั ภาพพงึ เห็นเหมอื นตน ไม กศุ ลกรรมและอกุศลกรรมเหมือนเงาอาศยัตนไม พระโยคาวจรเหมือนบุรุษผปู ระสงคจ ะทาํ เงาไมใ หเปนไป ปญญาเหมือนจอบ สมาธิเหมือนตะกรา วปิ ส สนาเหมอื นเสียม เวลาท่ตี ดั อวิชชาดวยอรหตั มรรค เหมือนเวลาท่ีเอาเสียมขุดราก เวลาท่เี ห็นเปน กอง เหมือนเวลาท่ที าํ ใหเ ปน ชนิ้ เล็กชน้ิ นอ ย เวลาทเี่ ห็นเปน อายตนะเหมอื นเวลาท่ผี า ออกเวลาท่ีเหน็ เปนธาตเุ หมือนเวลาทีท่ ําใหเปน ผง เวลาทท่ี าํ ความเพียรทางกายทางจติ เหมือนเวลาทตี่ ากใหเเหง ทล่ี มและแดด เวลาท่เี ผากเิ ลสดว ยญาณเหมือนเวลาท่เี อาไฟเผา เวลาท่ขี นั ธ ๕ ยงั ทรงอยู เหมือนเวลาท่ีทําเปนเขมาการดับขันธ ๕ ท่ีมีรากตัดขาดแลว โดยไมม ีปฏสิ นธิ เหมอื นเวลาทโ่ี ปรยไปในพายุใหญ เหมอื นเวลาท่ลี อยไปในกระแสน้ํา ความท่ีไมม ีบัญญตั ิ เพราะวบิ ากขันธไ มเ กดิ ในภพใหม พงึ ทราบเหมือนการเขา ไปสูค วามไมม ีบัญญตั ิโดยโปรยไปและลอยไป. บทวา ภควนตฺ  เอตทโวจ ความวา เมอ่ื พระศาสดาทรงยกั เยื้องเทศนาอยู วัปปศากยราชบรรลโุ สดาปตติผลแลว ไดก ราบทูลคาํ เปน ตนวา

พระสุตตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนาท่ี 500เสยยฺ ถาป ภนเฺ ต ดังน้ี. ในบทเหลา นน้ั บทวา อุทฺรยตถฺ ิโก คือเปนผูมคี วามตอ งการกาํ ไร. บทวา อสฺสปณยิ  โปเสยยฺ ความวา พงึ เลย้ี ง ดว ยคิดวา เราจกั ซ้อื ลกู มา ๕๐๐ ตวั แลว จงึ ขายในภายหลัง. ตองใชเครือ่ งอปุ กรณประมาณ ๕๐๐ เปนคา เลี้ยงดูมาที่มีราคาพนั หน่งึ โดยเปน ของหอมและดอกไมเปนตน . ตอมามา เหลา น้นั ของเขาเกิดโรควนั เดียวเทา นน้ั ก็ตายหมด เพราะเหตุน้นั เขากลา วอยา งน้ี ดว ยความประสงคน.ี้ บทวา อทุ ฺรยฺเจว นาธิ-คจเฺ ฉยฺย ไดแก ไมไดท ้งั กําไร ทั้งทุนทล่ี งไป. บทวา ปยิรูปาสึ ไดแ กบํารุงดวยปจจยั ๔. บทวา โสห อทุ รฺ ยฺเจว นาธคิ จฺฉึ ความวา ขา-พระองคไ มไ ดก ําไร ทัง้ ขาดทุนอีกดว ย. ทานแสดงวา เราชอื่ วา เปน คนบํารุงมา ไวข าย. คาํ ทีเ่ หลอื ในบทนี้มีเนอ้ื ความงายทงั้ น้นั แล. จบอรรถกถาวปั ปสูตรท่ี ๕ ๖. สาตถสตู ร วาดวยตรสั องคแหง สมณธรรม [๑๙๖] สมยั หน่ึง พระผูม พี ระภาคเจา ประทบั อยู ณ กูฎาคาร ศาลาปามหาวนั ใกลนครเวสาลี ครงั้ นั้นแล เจา ลจิ ฉวพี ระนามวาสาฬหะและอภยัเสดจ็ เขา ไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจา ถึงทปี่ ระทับ ทรงถวายอภวิ าทแลว ประทบัน่งั ณ ที่ควรสวนขา งหนึ่ง ครั้นแลว เจาสาฬหลิจฉวีไดท ูลถามพระผูมีพระภาคเจาวา ขาแตพระองคผ ูเจรญิ มสี มณพราหมณพวกหนึง่ บัญญัตกิ ารร้ือถอนโอฆะ เพราะเหตุ ๒ อยา ง คอื เพราะเหตุสลี วสิ ุทธิ ๑ เพราะเหตุเกลยี ดตบะ ๑ สว นในธรรมวนิ ยั น้ี พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสอยางไร พระเจาขา .


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook