พระสุตตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนาท่ี 321 ๒. ทุติยภยสูตร วา ดว ยภยั ๔ ประการ [๑๒๒] ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย ภยั ๔ ประการน้ี คนผลู งน้าํ จะพึงหวงั ได ๔ ประการเปนไฉน ? คอื ภัยคอื คลน่ื ๑ ภยั คือจระเข ๑ ภัยคือนา้ํ วน ๑ ภยั คอื ปลาฉลาม ๑ ดูกอนภกิ ษุทัง้ หลาย ภยั ๔ ประการน้ีแล คนผลู งน้าํ พึงหวังได ดกู อนภิกษุทัง้ หลาย ภัย ๔ ประการนี้ กลุ บุตรบางคนในโลกน้ี ผูออกบวชเปนบรรพชติ ดวยศรัทธา ในธรรมวินัยนี้พึงหวงั ได ฉันนั้นเหมือนกนั แล ประการเปนไฉน คือ ภัยคอื คลืน่ ๑ ภยั คือจระเข ๑ ภยัคือนาํ้ วน ๑ ภยั คือปลาฉลาม ๑ ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ก็ภยั คือคล่ืนเปน ไฉนกลุ บุตรบางคนในโลกนี้ ออกบวชเปนบรรพชิตดว ยศรทั ธา ดว ยคดิ วา เราถูกชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทกุ ข โทมนัส อุปายาส ครอบงําชือ่ วาตนอยูใ นกองทกุ ข มที กุ ขเปนเบอ้ื งหนา แมไ ฉนการกระทําทส่ี ดุ แหงกองทกุ ขท้ังมวลนี้ จะพงึ ปรากฏ เธอบวชอยางน้ันแลว เพื่อนสพรหมจารีตกั เตือน สัง่ สอนวา ทา นพงึ กาวไปอยางนี้ พงึ ถอยกลับอยา งน้ี พึงแลดอู ยา งน้ีพงึ เหลยี วดอู ยางนี้ พงึ คเู ขาอยา งน้ี พึงเหยียดออกอยางนี้ พึงทรงสังฆาฏิบาตรและจวี รอยา งน้ี เธอยอมคดิ อยา งนว้ี า เมือ่ กอ นเราเปน คฤหสั ถมแี ตจะควรตดั เตือนสัง่ สอนผูอืน่ ก็ภิกษุเหลา นคี้ ราวลูกคราวหลานของเรา สําคญั เราวาควรตกั เตือนส่งั สอน เธอโกรธเคืองแคน ใจ บอกคืนสกิ ขาลาเพศ ภิกษนุ เ้ี รียกวาเปนผูก ลวั ตอ ภัยคือคลน่ื บอกคนื สกิ ขาลาเพศ ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย คําวา ภยัคอื คล่ืนนี้ เปนช่อื แตงความโกรธและความแคน ใจ น้ีเรียกวา ภัยคอื คลื่น.
พระสุตตันตปฎก องั คตุ รนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนาท่ี 322 ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย ก็ภัยคอื จระเขเปน ไฉน กุลบุตรบางคนในโลกน้ีออกบวชเปน บรรพชติ ดวยศรทั ธา ดว ยคดิ วา เราถกู ชาติ ชรา มรณะ โสกะปรเิ ทวะ ทกุ ข โทมนัส อุปายาส ครอบงาํ ช่อื วาตกอยใู นกองทกุ ข มที ุกขเปน เบือ้ งหนา แมไ ฉน การกระทาํ ทส่ี ุดแหง กองทกุ ขท้ังมวลนี้ จะพงึ ปรากฏเธอบวชอยางนัน้ แลว เพอ่ื นสพรหมจารีตักเตือนสั่งสอนวา สิ่งน้ีเธอควรเคี้ยวสงิ่ นีไ้ มควรเค้ียว สิ่งนีค้ วรบริโภค ส่ิงน้ีไมค วรบรโิ ภค ส่ิงน้คี วรลมิ้ สง่ิ นี้ไมควรลิ้ม สิง่ นค้ี วรด่มื สง่ิ นไี้ มค วรดม่ื ของเปน กปั ปย ะเธอควรเคยี้ ว ของเปน อกัปปย ะเธอไมค วรเคีย้ ว ของเปนกปั ปยะเธอควรบริโภค ของเปนอกปั ปย ะเธอไมค วรบรโิ ภค ของเปนกัปปยะเธอควรลิ้ม ของเปนอกัปปย ะเธอไมค วรล้มิ ของเปนกปั ปยะเธอควรดมื่ ของเปน อกปั ปยะเธอไมควรดืม่เธอควรเคีย้ วในกาล เธอไมค วรเค้ียวในวกิ าล เธอควรบรโิ ภคในกาล เธอไมควรบรโิ ภคในวกิ าล เธอควรล้มิ ในกาล เธอไมค วรลิม้ ในวกิ าล เธอควรดม่ื ในกาล เธอไมควรดื่มในวกิ าล เธอยอมคดิ อยางน้วี า เม่อื กอนเราเปนคฤหสั ถ ปรารถนาสิ่งใดกเ็ คี้ยวส่งิ นั้น ไมปรารถนาส่งิ ใดกไ็ มเคยี้ วสงิ่ น้ันปรารถนาส่งิ ใดกบ็ รโิ ภคสิง่ นน้ั ไมปรารถนาส่งิ ใดก็ไมบ รโิ ภคสง่ิ น้นั ปรารถนาสิ่งใดก็ลมส่ิงน้นั ไมป รารถนาสิ่งใดก็ไมล้ิมสิง่ นนั้ ปรารถนาสง่ิ ใดกด็ ่ืมสิ่งน้ันไมปรารถนาส่ิงใดกไ็ มด ืม่ ส่ิงน้ัน ยอมเคีย้ วสิง่ ท่เี ปนกปั ปย ะบาง ส่งิ ท่ีเปนอกัปปย ะบาง ยอมบริโภคสิง่ ที่เปน กปั ปย ยะบาง ส่ิงท่ไี มเ ปน อกัปปยะบางยอ มลิม้ สง่ิ ทเ่ี ปน กัปปย ะบาง ส่ิงท่เี ปน อกัปปย ะบาง ยอมดมื่ สิง่ ที่เปน กัปปย ะบางสงิ่ ท่เี ปนอกปั ปยะบาง ยอ มเค้ียวในกา ในวิกาลบาง ยอ มดื่มในกาลบางในวกิ าลบาง คฤหบดผี มู ีศรัทธาบาง ในวกิ าลบา ง ยอมบริโภคในกาลบาง ในวกิ าลบาง ยอ มลมิ้ ในกาลบางายอมถวายของควรเคยี้ ว หรอื ของควรบรโิ ภคแมใ ด อันประณตี ในกลางวัน ในเวลาวกิ าลแกเ ราทง้ั หลาย ภกิ ษุเหลานี้
พระสตุ ตันตปฎก อังคุตรนกิ าย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนา ที่ 323ยอ มกระทาํ เสมือนหนึ่งปดปากแมใ นของเหลานน้ั เธอโกรธเคืองแคนใจบอกคืนสิกขาลาเพศ ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย คาํ วา ภยั คอื จระเขนี้แล เปนช่ือแหงความเปน ผเู ห็นแกท อ ง นี้เรียกวา ภยั คอื จระเข. ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย กภ็ ัยคือนํา้ วนเปนไฉน ? กุลบุตรบางคนในโลกน้ี ออกบวชเปนบรรพชิตดวยศรทั ธา ดว ยคดิ วา เราถกู ชาติ ชรา มรณะโสกะ ปรเิ ทวะ ทกุ ข โทมนสั อปุ ายาส ครอบงาํ ช่ือวาตกอยูใ นกองทุกขมีทุกขเ ปนเบ้อื งหนา แมไฉน การกระทําที่สุดแหงกองทุกขท ้ังมวลนี้ จะพงึปรากฏ เธอบวชแลวอยา งน้ี เวลาเชานุง แลวถือบาตรและจีวรเขาไปบณิ ฑบาตยงั บา นหรือนคิ ม ไมร กั ษากาย วาจา ใจ ไมตง้ั สติ ไมสาํ รวมอินทรียเธอเห็นคฤหบดใี นบา นหรือในนคิ มน้ัน เพียบพรอมบําเรอคนอยูดว ยกามคณุ๕ เธอคิดอยา งน้ีวา เมือ่ กอ นเราเปน คฤหัสถเพรยี บพรอม บาํ เรอคนอยดู ว ยกามคุณ ๕ กโ็ ภคสมบัตใิ นสกุลของเรามีพรอ ม เราอาจเพ่ือจะบรโิ ภคโภคะท้ังหลายและทาํ บุญได ถากระไร เราพึงบอกคนื สกิ ขาลาเพศ แลวบริโภคโภคะท้ังหลายและทาํ บญุ เถดิ เธอยอมบอกคืนสกิ ขาลาเพศ ภิกษุน้เี รยี กวากลวั ตอภัยคือนํา้ วน บอกคืนสกิ ขาลาเพศ ดูกอนภิกษุทั้งหลาย คําวา ภัยคอืนํ้าวนนี้ เปนชอื่ ของกามคณุ ๕ นเ้ี รียกวา ภัยคอื นา้ํ วน. ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย กภ็ ัยคอื ปลาฉลามเปนไฉน ? กุลบตุ รบางคนในโลกน้ี ออกบวชเปน บรรพชิตดวยศรัทธา ดวยคิดวา เราถกู ชาติ ชรามรณะ โสกะ ปรเิ ทวะ ทุกข โทมนัส อุปายาส ครอบงาํ ช่อื วาตกอยใู นกองทุกข มที ุกขเ ปน เบอ้ื งหนา แมไ ฉน การกระทําท่ีสดุ แหง กองทุกขท ง้ั มวลน้ีจะพงึ ปรากฏ เธอบวชแลว อยางน้ี เวลาเชานงุ แลว ถือบาตรและจวี ร เขา ไปบิณฑบาตยงั บานหรือนคิ ม ไมรักษากาย วาจา ใจ ไมตั้งสติ ไมสาํ รวมอนิ ทรีย เธอเหน็ มาตุคามในบานหรอื ในนิคมนั้น นุงไมเ รียบรอย หรือหม
พระสตุ ตนั ตปฎก อังคุตรนิกาย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนาท่ี 324ไมเรยี บรอย ราคะยอ มรบกวนจติ ของเธอ เพราะเหน็ มาตุคามนุง ไมเรียบรอ ยหรือหม ไมเรียบรอ ย เธอมจี ิตอันราคะรบกวน ยอมบอกคนื สิกขาลาเพศภกิ ษุนเ้ี รียกวา กลวั ตอ ภัยคอื ปลาฉลาม บอกคืนสกิ ขาลาเพศ ดกู อนภิกษุท้งั หลาย คาํ วา ภยั คอื ปลาฉลามน้ีเปนช่ือของมาตุคาม นเี้ รยี กวา ภยั คือปลาฉลาม. ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย ภยั ๔ ประการนแ้ี ล กุลบุตรบางคนในโลกน้ีออกบวชเปน บรรพชิตดว ยศรัทธา ในธรรมวินยั น้ี จะพงึ หวงั ได. จบทุติยภยสตู รที่ ๒ อรรถกถาทุตยิ ภยสูตร พงึ ทราบวินจิ ฉัยในทตุ ิยภยสูตรท่ี ๒ ดังตอ ไปนี้ :- บทวา อุทโกโรหนฺตสสฺ คอื คนผูลงสนู ้ํา. บทวา ปาฏิกงฺขิ-ตพพฺ านิ ไดแ ก พงึ ปรารถนา. บทวา สุสกุ าภย ไดแกภยั คอื ปลาราย.บทวา มขุ าวรณ มเฺ กโรนตุ ิ ความวา ภกิ ษเุ หลา น้ัน ยอ มทาํ เหมือนปดปาก. บทวา โอทรกิ ตฺตสฺส แปลวา ของคนกนิ จุ เพราะมีตองใหญ.ในบทวา อรกขฺ เิ ตเนว กาเยน เปน ตน พงึ ทราบความดงั น้ี เธอมกี ายไมร กั ษาแลว เพราะไมม กี ารสํารวม ๓ อยา งในกายทวาร มีวาจาไมรักษาแลวเพราะไมม กี ารสํารวม อยา งในวจีทวาร. จบอรรถกถาทตุ ยิ สูตรที่ ๒
พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คตุ รนิกาย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนาท่ี 325 ๓. ปฐมฌานสตู ร วา ดว ยบคุ คลผเู จรญิ ฌาน ๔ จําพวก [๑๒๓] ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย บุคคล ๔ จําพวกน้ี มีปรากฏอยใู นโลก ๔ จาํ พวกเปน ไฉน ? คือ บุคคลบางคนในโลกน้ี สงัดจากกาม สงดัจากอกุศลธรรม บรรลปุ ฐมฌาน มวี ิตก มีวจิ าร มปี ตแิ ละสขุ เกดิ แตวเิ วกอยูบุคคลนั้นพอใจ ชอบใจปฐมฌานน้นั และถึงความปล้ืมใจดวยปฐมฌานนน้ัตัง้ อยูในปฐมฌานน้นั นอมใจไปในปฐมฌานน้ัน อยูจ นคุน ดว ยปฐมฌานนั้นไมเสอื่ ม เมอื่ กระทาํ กาละ ยอมเขาถงึ ความเปนสหายของเทวดาเหลา พรหมกายกิ าดกู อนภิกษทุ ัง้ หลาย กัปหน่งึ เปน ประมาณอายขุ องเทวดาเหลา พรหมกายกิ าปถุ ชุ นดํารงอยใู นชั้นพรหมกายกิ าน้นั ตราบเทาตลอดอายุ ยงั ประมาณอายุทัง้ หมดของเทวดาเหลา น้ันใหสน้ิ ไปแลว ยอมเขา ถึงนรกบา ง กําเนิดเดรัจฉานบา ง เปรตวิสัยบา ง สวนสาวกของพระผมู ีพระภาคเจา ดํารงอยูในช้นั พรหมน้นั ตราบเทาสิ้นอายุ ยังประมาณอายุของเทวดาเหลา นนั้ ทั้งหมดใหส ิ้นไปแลวยอ มปรินพิ พานในภพน้ันเอง ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย น่ีเปน ความผิดแผกแตกตางกัน ระหวา งอรยิ สาวกผูไดส ดบั กับปถุ ุชนผไู มไ ดส ดับ คือ ในเมือ่ คติ อุบตั ิมอี ย.ู อกี ประการหนง่ึ บคุ คลบางคนในโลกนี้ บรรลุทตุ ิยฌาน มคี วามผองใสแหงจติ ในภายใน เปน ธรรมเอกผุดาขน้ึ ไมม วี ติ ก ไมมวี จิ าร เพราะวิตกวจิ ารสงบไป มีปต ิและสุขเกิดแตสมาธิอยู บุคคลน้นั พอใจ ชอบใจทตุ ยิ ฌานนั้น และถึงความปลมื้ ใจดว ยทุติยฌานน้นั ตั้งอยูใ นทตุ ยิ ฌานนั้นนอ มใจไปในทุตยิ ฌานนัน้ อยจู นคุนดวยทตุ ยิ ฌานนัน้ ไมเ ส่อื ม เมื่อกระทาํ
พระสตุ ตันตปฎ ก อังคตุ รนิกาย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนาที่ 326กาละ ยอ มเขาถึงความเปน สหายของเทวดาพวกอาภัสสระ ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย๒ กัปเปน ประมาณอายุของเทวดาเหลาอาภัสสระ ปถุ ุชนดาํ รงอยูใ นช้นั อาภัสสระตราบเทาตลอดอายุ ยงั ประมาณอายุทั้งหมดของเทวดาเหลา นน้ั ใหสน้ิ ไปแลวยอมเขา ถงึ นรกบา ง กาํ เนิดดิรจั ฉานบาง เปรตวสิ ยั บา ง สวนสาวกของพระ-ผมู พี ระภาคเจา ดาํ รงอยใู นช้ันอาภัสสระนัน้ ตราบเทาตลอดอายุ ยงั ประมาณอายทุ ัง้ หมดของเทวดาเหลา นนั้ ใหส ้ินไปแลว ยอมปรนิ ิพพานในภพนัน้ เองดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย นแี้ ล เปนความพิเศษผิดแผกแตกตา งกนั ระหวางอริยสาวกผไู ดส ดับกบั ปุถชุ นผไู มไดสดบั คือในเมอ่ื คติ อบุ ัติ มีอย.ู อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกน้ี มอี ุเบกขา มีสติสัมปชัญญะเสวยสขุ ดวยนามกาย เพราะปตสิ ิน้ ไป บรรลุตติยฌาน ทีพ่ ระอริยท้ังหลายสรรเสรญิ วา ผูไดฌ านนี้ เปนผูมอี เุ บกขา มสี ติอยเู ปนสขุ บคุ คลน้นั พอใจชอบใจตตยิ ฌานนัน้ และถึงความปลื้มใจดวยตติยฌานนั้น ตงั้ อยใู นตติยฌานน้ัน นอมใจไปในตติยฌานน้นั อยูจ นคนุ ดวยตติยฌานนน้ั ไมเส่ือม เม่อืกระทํากาละ ยอมเขาถงึ ความเปน สหายของเทวดาเหลาสุภกณิ หะ ดกู อนภิกษุท้ังหลาย ๔ กปั เปน ประมาณอายขุ องเทวดาเหลา สุภกิณหะ ปุถุชนดาํ รงอยูในช้ันสภุ กณิ หะนน้ั ตราบเทา ตลอดอายุ ยังประมาณอายทุ ้ังหมดของเทวดาเหลา น้ันใหส ้ินไปแลว ยอมเขา ถึงนรกบา ง กาํ เนดิ ดิรจั ฉานบาง เปรตวสิ ัยบาง สว นสาวกของพระมีพระภาคเจา ดํารงอยูใ นชั้นสุภกิณหะนน้ั ตราบเทา ตลอดอายุยังประมาณอายทุ ้งั หมดของเทวดาเหลา น้นั ใหส ้ินไปแลว ยอมปรนิ ิพพานในภพน้นั เอง ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย น้ีแลเปนความพเิ ศษ ผิดแผกแตกตางกนัระหวา งอรยิ สาวกผูไดส ดับกับปุถุชนผูไ มไ ดสดับ คอื ในเมอื่ คติ อบุ ตั ิ มอี ย.ู อกี ประการหน่งึ บุคคลบางคนในโลกนี้ บรรลจุ ตตุ ถฌานไมม ที ุกขไมมีสุข เพราะละสุขละทกุ ขแ ละดบั โสมนสั โทมนัสกอ น ๆ ได มอี ุเบกขา
พระสุตตนั ตปฎก องั คุตรนิกาย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนาที่ 327เปนเหตุ ใหส ติบริสทุ ธอิ์ ยู บคุ คลนนั้ พอใจ ชอบใจจตตุ ถฌานนนั้ และถงึความปลมื้ ใจดว ยจตุตถฌานนนั้ ต้งั อยใู นจตตุ ถฌานนัน้ นอมใจไปในจตุตถ-ฌานน้ัน อยูจนคนุ ดวยจตตถุ ฌานนน้ั ไมเสือ่ ม เมอ่ื กระทํากาละ ยอ มเขาถึงความเปนสหายของเทวดาเหลาเวหปั ผละ ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย ๕๐๐ กปัเปน ประมาณอายุของเทวดาเหลา เวหปั ผละ ปถุ ชุ นดํารงอยใู นชน้ั เวหปั ผละนน้ัตราบเทา ตลอดอายุ ยงั ประมาณอายุทัง้ หมดของเทวดาเหลา นัน้ ใหส้นิ ไปแลวยอ มเขา ถึงนรกบา ง กาํ เนิดดริ ัจฉานบาง เปรตวิสยั บาง สวนสาวกของพระ-ผมู พี ระภาคเจา ดาํ รงอยใู นชั้นเวหปั ผละน้ัน ตราบเทาตลอดอายุ ยงั ประมาณอายทุ ้งั หมดของเทวดาเหลาน้ันใหส ้นิ ไปแลว ยอ มปรินิพพานในภพนน้ั เองดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย น้ีแลเปนความพเิ ศษผิดแผกแตกตางกนั ระหวา งอรยิ -สาวกผูไดสดับกบั ปุถชุ นผไู มไดสดบั คอื ในเมอื่ คติ อุบัตมิ อี ย.ู ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย บคุ คล ๔ จาํ พวก นแ้ี ล มีปรากฏอยูในโลก. จบปฐมฌานสตู รท่ี ๓ อรรถกถาปฐมฌานสตู ร พึงทราบวนิ จิ ฉัยในปฐมฌานสูตรที่ ๓ ดงั ตอ ไปน้ี :- บทวา ตทสฺสาเทติ ความวา ยอมตดิ ใจฌานนน้ั ดว ยตดิ ใจสขุ .บทวา นิกาเมติ แปลวา ยังปรารถนา. บทวา วติ ตฺ ึ อาปชชฺ ติ คอืถึงความยนิ ดี. บทวา ตทธิมตุ โฺ ต คือ ปกใจในฌานนน้ั หรือนอมใจไปสูฌานนั้น. บทวา ตพพฺ หุลวหิ ารี ไดแก อยมู ากดว ยฌานน้ัน. บทวาสหพฺยต อุปปชฺชติ ความวา ยอ มไปอยูรว มกัน คอื ยอ มเกดิ ในในเทวดาเหลา เวหัปผละน้ัน.
พระสุตตนั ตปฎ ก องั คตุ รนิกาย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนา ที่ 328 ในบทวา กปฺโป อายปุ ฺปมาณ นี้ ปฐมฌาณมีอยา งตํ่า มีปานกลางและประณตี . ในปฐมฌานน้นั สว นท่สี ามแหงกัปเปนประมาณอายุของเทวดาผูเ กิดขน้ึ ดว ยปฐมฌานอยางต่ํา คร่ึงกปั ของเทวดาผเู กิดขึ้นดว ยปฐมฌานปานกลาง หน่ึงกปั ของเทวดาผูเ กดิ ขึ้นดวยปฐมฌานประณีต. ทา นกลาวคาํ น้ีหมายถงึ ขอ นั้น. บทวา นิรย ป คจฉฺ ติ ความวา ผูท่ียงั เปนปถุ ชุ น ยอ มวนเวยี นอยู เพราะกรรมท่ีจะตอ งไปนรกเขายงั ละไมได แตจ ะไมใ ชต อเน่ืองกนั .บทวา ตสมฺ เึ ยว ภเว ปรินพิ ฺพายติ ความวา สาวกของพระผมู พี ระภาคเจาอยูใ นรูปภพน้นั แลว ยอ มปรนิ พิ พาน จะไมล งไปเบอื้ งตา่ํ บทวา ยทิทคตยิ า อุปปตตฺ ยิ า สติ ความวา เมอ่ื คติอุปบตั ิมอี ยู. อธิบายวา อรยิ สาวกผูเปนพระเสขะไมต กตาํ่ ดวยอาํ นาจปฏิสนธิ ปรนิ ิพพานในรปู ภพนนั้ นั่นแหละคอื ในพรหมโลกชั้นสงู ขึน้ ไป เพราะทตุ ิยฌานเปนตนอยา งใดอยา งหน่งึ สว นปุถชุ นยอ มไปนรกเปน ตนได นเ้ี ปนเหตุตา งกัน. แมในบทวา เทวฺ กปปฺ า น้ี ทุตยิ ฌานกม็ สี ามอยาง โดยนยั ที่กลาวแลว นั่นเอง. ในทุติยฌานนัน้ ๘ กัปเปน ประมาณอายขุ องเทวดาผบู ังเกดิดวยทุตยิ ฌานประณตี ๔ กัปดวยทุตยิ ฌานปานกลาง ๒ กปั ดวยทุตยิ ฌานอยางต่ํา ทา นกลา วคาํ น้หี มายถึงขอ น้นั . ในบทวา จตฺตาโร กปปฺ า นี้พงึ นําคาํ ท่ีกลาวไวในหนหลงั วา กปฺโป เทฺว กปปฺ า ดังน้ี มาอธบิ ายกจ็ ะทราบได. บทวา กปโฺ ป เปนชอ่ื แมของการคูณ ๔ คร้ัง เพราะฉะนนั้พึงเหน็ เนื้อความในขอ นดี้ งั น้วี า หน่งึ กปั สองกปั สี่กัป. ทานอธิบายวากปั ใดทีท่ า นกลาวแลว เปน คร้งั แรก นบั กปั นน้ั ๒ คร้ัง เอาหนง่ึ คูณเปน ๒ กัปเอาสองคูณเปนสก่ี ปั . อกี สก่ี ัปเหลาน้นั คณู ๒ คณู เปน ๔ คูณกัปเหลานั้นเพราะฉะนั้น เอา ๔ คณู เปน แปดกัป เอาสองคูณเปน ๑๖ เปน ๓๒ เปน ๖๔
พระสุตตนั ตปฎก องั คุตรนิกาย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนาท่ี 329พงึ ทราบวา ๖๔ กัป ทานถอื เอาดว ยอํานาจประณตี ฌานในทนี่ ีอ้ ยา งน.้ีบทนีว้ า ปจฺ กปฺปสตานิ ทา นกลา วดวยอํานาจแหง อุปปตติฌานท่ปี ระณีตเทา นนั้ อนงึ่ ประมาณอายุเทานใ้ี นเวหัปผละ เพราะพรหมโลกช้นั ละสามไมมเี หมือนในปฐมฌานภมู ิเปนตน เพราะฉะนั้น ทานจงึ กลา วอยา งน้ี. จบอรรถกถาปฐมฌานสูตรที่ ๓ ๔. ทตุ ิยฌานสตู ร วาดวยบุคคลผเู จรญิ ฌาน ๔ จาํ พวก [๑๒๔] ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จาํ พวกนี้ มปี รากฏอยใู นโลก๔ จาํ พวกเปน ไฉน คอื บุคคลบางคนในโลกน้ี สงดั จากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลปุ ฐมฌาน มวี ิตก มวี ิจาร มีปติและสขุ เกดิ แตว ิเวกอยู รปู เวทนาสัญญา สังขาร วญิ ญาณอนั ใด มีอยูในปฐมฌานนั้น บุคคลนัน้ พจิ ารณาเหน็ ธรรมเหลา น้ันโดยความเปน ของไมเ ท่ยี ง เปน ทกุ ข เปน ดงั โรค เปน ดงัหวั ผี เปน ดงั ลกู ศร เปนของทนไดย าก เปนของเบียดเบียน เปนของไมเชอ่ื ฟงเปน ของตอ งทําลายไป เปนของวา งเปลา เปน ของไมใชต น บุคคลน้ันเม่อืตายไป ยอมเขาถงึ ความเปน สหายของเทวดาเหลา สทุ ธาวาส ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลายความอบุ ัตนิ แ้ี ลไมท ว่ั ไปถงึ ปุถุชน. อกี ประการหนงึ่ บคุ คลบางคนในโลกนี้ บรรลทุ ุตยิ ฌาน ฯลฯ บรรลุตตยิ ฌาน ฯลฯ บรรลุจตุตถฌาน ไมม ีทกุ ข ไมมีสุข เพราะละสุขละทุกขแ ละดับโสมนัสโทมนัสกอ น ๆ ได มีอุเบกขาเปน เหตใุ หสตบิ รสิ ุทธ์อิ ยู รูป เวทนาสัญญา สังขาร วญิ ญาณอนั ใด มอี ยูในจตตุ ถฌานนน้ั บุคคลนั้นยอมพิจารณา
พระสุตตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนา ที่ 330เห็นธรรมเหลา นนั้ โดยความเปนของไมเท่ียง เปน ทุกข เปนดงั โรค เปนดงัหัวผี เปน ดังลกู ศร เปน ของทนไดยาก เปน ของเบยี ดเบยี น เปน ของไมเชือ่ ฟง เปนของตองทาํ ลายไป เปนของวางเปลา เปน ของไมใ ชต น บุคคลนั้นเมอื่ ตายไป ยอมเขาถึงความเปน สหายของเทวดาเหลา สุทธาวาส ดูกอนภิกษุ-ทั้งหลาย ความอุบตั ิน้ีแลไมท ัว่ ไปถึงปุถชุ น. ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย บคุ คล ๔ จาํ พวกนี้ มีปรากฏอยใู นโลก จบทุตยิ ฌานสตู รที่ ๔ อรรถกถาทตุ ยิ ฌานสูตร พึงทราบวนิ จิ ฉยั ในทตุ ยิ ฌานสตู รที่ ๔ ดังตอ ไปนี้ :- รูปนัน้ แหละ ช่อื วา รูป. แมในบททเ่ี หลอื กน็ ยั นแี้ ล ในบทเปน ตนวา อนิจฺจโต มีวินิจฉัยวา บคุ คลนน้ั พจิ ารณาเห็นธรรมเหลา นั้นโดยความเปน ของไมเทีย่ ง ดว ยอรรถวามีแลวไมม.ี เปน ดงั โรคดว ยอรรถวาปว ยไข เปนดงั หัวฝด ว ยอรรถวา ประทษุ รา ยภายใน เปนดงั ลูกศรดว ยอรรถวาแทงเขา ไป เปนความลามก ดว ยอรรถวา มีความทนทุกข เปน อาพาธดว ยอรรถวาบีบค้ัน เปน อ่นื ดว ยอรรถวา วา ไมเ ชื่อฟง เปน ของตองทําลายไปดว ยอรรถวายอ ยยับ เปน ของวางเปลา ดว ยอรรถวา มิใชสตั ว เปนของมใิ ชตนดว ยอรรถวาไมอ ยูใ นอาํ นาจ. ก็ในขอ น้พี งึ ทราบวา ทานกลา วอนจิ จลกั ษณะดวยสองบทวาอนิจจฺ โต ปโลกโต. ทา นกลา วอนตั ตลักขณะดว ยสอง บทวา สุ ฺโตอนตฺถโต. ทา นกลาวทกุ ขลักขณะดวยบททเ่ี หลือ. บทวา สมนุปสฺสติ คือพจิ ารณาเหน็ ดวยฌาน. บคุ คลเม่อื ยกเบญจขันธข ึน้ สไู ตรลกั ษณ พิจารณาเห็นอยู
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คุตรนิกาย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนา ท่ี 331ยอ มทาํ ใหเเจงซงึ่ มรรคสาม ผลสาม. บทวา สทุ ธฺ าวาสาน เทวาน สหพยฺ ตอุปปชชฺ ติ ความวา บคุ คลผูดาํ รงอยูในช้ันสทุ ธาวาสนนั้ ตองเจรญิ จตุตถฌานแลว จึงจะเกดิ ขึน้ . จบอรรถกถาทตุ ิยฌานสูตรท่ี ๔ ๕. ปฐมเมตตาสตู ร วา ดวยผูเจริญอปั ปมญั ญา ๔ จาํ พวก [๑๒๕] ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย บคุ คล ๔ จาํ พวกน้ี มีปรากฏอยใู นโลก๔ จําพวกเปนไฉน ? ดกู อนภิกษุทงั้ หลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบดวยเมตตาแผไปตลอดทิศหนึ่งอยู ทิศท่ีสอง ที่สาม ทสี่ กี่ เ็ หมือนกันตามนัยน้ี ทง้ั เบ้อื งบน เบอื้ งลาง เบ้ืองขวาง แผไ ปตลอดโลก ทั่วสัตวทกุ เหลา ในที่ทกุ สถาน ดวยใจประกอบดวยเมตตาอนั ไพบลู ย ถงึ ความเปนใหญหาประมาณมิได ไมม ีเวร ไมมีความเบยี ดเบียนอยู บุคคลน้นั พอใจ ชอบใจเมตตาฌานและถงึ ความปลมื้ ใจดว ยเมตตาฌานนนั้ ยบั ย้ังอยใู นเมตตาฌานนน้ันอ มใจไปในเมตตาฌานน้ัน อยจู นคุนดวยเมตตาฌานนน้ั ไมเสอ่ื ม เม่อืกระทาํ กาละ ยอมเขา ถึงความเปน สหายของเทวดาเหลา พรหมกายิกา ดกู อ น-ภกิ ษทุ ัง้ หลาย กัปหนงึ่ เปนประมาณอายขุ องเทวดาเหลา พรหมกายิกา ปถุ ุชนดํารงอยูในช้ันพรหมกายิกานั้น ตราบเทาตลอดอายุ ยงั ประมาณอายุท้ังหมดของเทวดาเหลา นั้นใหส ิน้ ไปแลว ยอมเขาถงึ นรกบาง กาํ เนดิ ดิรจั ฉานบา งเปรตวิสัยบาง สว นสาวกของพระผูมพี ระภาคเจา ดาํ รงอยใู นชน้ั พรหมกายีกาน้นั ตราบเทาตลอดอายุ ยังประมาณอายทุ ัง้ หมดของเทวดาเหลา นนั้ ใหส นิ้ ไปแลว
พระสตุ ตนั ตปฎก อังคุตรนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนา ที่ 332ยอมปรนิ พิ พานในภพนัน้ เอง ดูกอนภกิ ษุทัง้ หลาย นี้เปน ความพเิ ศษผิดแผกแตกตา งกัน ระหวา งอริยสาวกผูไดสดับกบั ปถุ ุชนผูไ มไ ดสดบั คือ ในเม่อืคตอิ ุบัติมีอยู. อีกประการหน่งึ บคุ คลบางคนในโลกน้ี มีใจประกอบดวยกรณุ าแผไ ปตลอดทศิ หนึง่ อยู ทศิ ทสี่ อง ที่สาม ที่สี่ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้ ทง้ั เบื้องบนเบื้องลา ง เบือ้ งขวาง แผไปตลอดโลกทว่ั สัตวท ุกเหลา ในท่ีทกุ สถาน ดวยใจประกอบดวยกรณุ าอนั ไพบูลย ถงึ ความเปนใหญ หาประมาณมไิ ด ไมม ีเวรไมมีความเบยี ดเบยี นอยู บคุ คลนน้ั พอใจ ชอบใจกรณุ าฌานน้นั และถงึความปล้มื ใจดวยกรณุ าฌานน้นั ยับย้ังอยใู นกรณุ าฌานน้นั นอมใจไปในกรุณาฌานน้นั อยจู นคนุ ดวยกรณุ าฌานนนั้ ไมเส่ือม เมื่อการทํากาละ ยอมเขา ถงึ ความเปนสหายของเทวดาเหลา อาภสั สระ ดูกอนภิกษุท้งั หลาย ๒ กัปเปนประมาณอายุของเทวดาเหลา อาภัสสระ ปุถชุ นดํารงอยใู นชน้ั อาภสั สระนนั้ตราบเทา ตลอดอายุ ยงั ประมาณอายุทั้งหมดของเทวดาเหลานั้นใหส น้ิ ไปแลวยอ มเขาถงึ นรกบาง กาํ เนดิ ดริ ัจฉานบา ง เปรตวสิ ัยบาง สว นสาวกของพระผมู -ีพระภาคเจา ดาํ รงอยใู นชั้นอาภัสสระนั้นตราบเทา ตลอดอายุ ยังประมาณอายุทง้ั หมดของเทวดาเหลานัน้ ใหสนิ้ ไปแลว ยอ มปรินพิ พานในภพนัน้ เอง ดูกอน.ภิกษทุ ง้ั หลาย น้เี ปนความพเิ ศษผิดแผกแตกตางกนั ระหวางอริยสาวกผูไดส ดับกบั ปถุ ุชนผูไมไ ดสดับ คือ ในเมอ่ื คติ อบุ ตั ิมอี ยู. อกี ประการหนึ่ง บคุ คลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบดวยมทุ ิตาแผไปตลอดทศิ หน่ึงอยู ทิศท่สี อง ท่ีสาม ทีส่ ี่กเ็ หมอื นกัน ตามนยั น้ี ทงั้เบอ้ื งบน เบ้อื งลา ง เบ้อื งขวาง แผไ ปตลอดโลก ทวั่ สตั วท กุ เหลา ในที่ทุกสถาน ดวยใจประกอบดวยมทุ ติ าอันไพบูลย ถึงความเปน ใหญ หาประมาณมไิ ด ไมมเี วร ไมมคี วามเบียดเบียนอยู บคุ คลนัน้ พอใจ ชอบใจมทุ ิตาฌาน
พระสุตตนั ตปฎ ก องั คุตรนกิ าย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนา ท่ี 333นนั้ และถึงความปลืม้ ใจดวยมทุ ิตาฌานนั้น ยบั ยัง้ อยใู นมุติตาฌานนั้น นอมใจไปในมุทิตคาฌานน้นั อยจู นคนุ ดวยมุทติ าฌานนนั้ ไมเส่ือม เม่ือกระทาํ กาละยอมเขา ถึงความเปนสหายของเทวดาเหลาสุภกิณหะ ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย ๔ กัปเปน ประมาณอายขุ องเทวดาเหลาสภุ กณิ หะ ปถุ ชุ นดํารงอยูในช้ันสุภกณิ หะนน้ัตราบเทา ตลอดอายุ ยงั ประมาณอายุทง้ั หมดของเทวดาเหลาน้นั ใหสน้ิ ไปแลวยอ มเขา ถงึ นรกบา ง กําเนดิ ดริ ัจฉานบา ง เปรตวิสัยบาง สวนสาวกของพระ-ผมู พี ระภาคเจา ดาํ รงอยูใ นชั้นสุภกิณหะนั้น ตราบเทา ตลอดอายุ ยังประมาณอายทุ ้ังหมดของเทวดาเหลา นน้ั ใหส้นิ ไปแลว ยอ มปรนิ ิพพานในภพนน้ั เองดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย น้เี ปน ความพิเศษผดิ แผกแตกตางกัน ระหวา งอรยิ สาวกผูไ ดส ดับกับปุถชุ นผไู มไ ดส ดบั คือ ในเมอื่ คติ อบุ ัติมอี ย.ู อกี ประการหนง่ึ บคุ คลบางคนในโลกนี้ มใี จประกอบดว ยอุเบกขาแผไ ปตลอดทศิ หนงึ่ อยู ทิศท่สี อง ทส่ี าม ท่ีสก่ี เ็ หมือนกนั ตามนยั น้ี ทัง้ เบอื้ งบนเบอื้ งลา ง เบือ้ งขวาง แผไปตลอดโลก ทวั่ สตั วทกุ เหลา ในที่ทกุ สถานดวยใจประกอบดวยอุเบกขาอนั ไพบูลย ถึงความเปน ใหญ หาประมาณมไิ ดไมม ีเวร ไมมีความเบยี ดเบียนอยู บุคคลนัน้ พอใจ ชอบใจอุเบกขาฌานน้ันและถึงความปลืม้ ใจดวยอเุ บกขาฌานน้นั ยับย้ังอยูใ นอเุ บกขาฌานนัน้ นอมใจไปในอเุ บกขาฌานนัน้ อยูจนคุนดว ยอุเบกขาฌานน้ัน ไมเสอื่ ม เมอ่ื กระทํากาละ ยอมเขา ถงึ ความเปน สหายของเทวดาชนั้ เวหัปผละ ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย๕๐๐ กปั เปน ประมาณอายขุ องเทวดาเหลา เวหัปผละ ปถุ ชุ นดาํ รงอยใู นเวหัปผละนน้ั ตราบเทา ตลอดอายุ ยังประมาณอายุทงั้ หมดของเทวดาเหลานั้นใหส ิน้ ไปแลวยอ มเขา ถึงนรกบา ง กาํ เนิดดิรัจฉานบาง เปรตวิสัยบา ง สวนสาวกของพระ-ผมู พี ระภาคเจา ดํารงอยใู นชัน้ เวหัปผละนน้ั ตราบเทา ตลอดอายุ ยงั ประมาณ
พระสตุ ตนั ตปฎก องั คตุ รนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนา ท่ี 334อายทุ ง้ั หมดของเทวดาเหลานัน้ ใหสิน้ ไปแลว ยอมปรินพิ พานในภพนนั้ เองดูกอนภิกษุท้ังหลาย นี้เปนความพเิ ศษผดิ แผกแตกตางกันระหวางอรยิ สาวกผูไดส ดบั กับปุถชุ นผูไมไดส ดบั คอื ในเมือ่ คติ อุบัตมิ อี ย.ู ดูกอ นภิกษุท้งั หลายบุคคล ๔ จําพวกนี้แล มีปรากฏในโลก. จบปฐมเมตตาสตู รที่ ๕ อรรถกถาปฐมเมตตาสูตร พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ในปฐมเมตตาสตู รท่ี ๕ ดงั ตอ ไปน้ี :- เมตตาทรงแสดงดว ยอาํ นาจปฐมฌาน กรุณาเปน ตน ทรงแสดงดวยอํานาจทุตยิ ฌานเปน ตน. จบอรรถกถาปฐมเมตตาสูตรที่ ๕ ๖. ทุตยิ เมตตาสูตร วาดวยผเู จรญิ อปั ปมัญญา ๔ จําพวก [๑๒๖] ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย บุคคล ๔ จําพวกนี้ มีปรากฏอยูในโลก๔ จําพวกเปนไฉน ? ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย บคุ คลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบดวยเมตตา แผไปตลอดทิศหนึง่ อยู ทศิ ที่สอง ท่สี าม ทีส่ ี่ก็เหมือนกันตามนยั นี้ ท้งั เบอ้ื งบน เบือ้ งลา ง เบอื้ งขวาง แผไปตลอดโลก ทัว่ สตั วท กุ เหลาในที่ทกุ สถาน ดว ยใจประกอบดวยเมตตาอนั ไพบลู ย ถงึ ความเปนใหญ หาประมาณมิได ไมม ีเวร ไมม ีความเบียดเบียนอยู รปู เวทนา สญั ญา สงั ขารวิญญาณ อนั ใด มีอยใู นเมตตาฌานนัน้ บคุ คลน้นั พจิ ารณาเหน็ ธรรมเหลานนั้โดยความเปน ของไมเ ท่ียง เปน ทกุ ข เปนดงั โรค เปน ดังหัวฝ เปน ดังลูกศร
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนา ท่ี 335เปน ของทนไดยาก เปน ของเบยี ดเบยี น เปน ของไมเ ชอ่ื ฟง เปนของตอ งทาํ ลายไป เปน ของวางเปลา เปน ของไมใ ชต น บคุ คลนั้น เมอ่ื ตายไปยอ มเขา ถึงความเปน สหายของเทวดาเหลาสุทธาวาส ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลายความอุบตั ินีแ้ ลไมทวั่ ไปดวยปุถชุ น. อีกประการหน่งึ บุคคลบางคนในโลกน้ี มใี จประกอบดว ยกรณุ า... อีกประการหนึ่ง บคุ คลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบดวยมุทิตา... อกี ประการหนง่ึ บคุ คลบางคนในโลกนี้ มีใจประกอบดวยอุเบกขาแผไปตลอดทิศหนงึ่ อยู ทศิ ท่ีสอง ท่ีสาม ทสี่ ี่ก็เหมอื นกนั ตามนัยน้ี ทั้งเบือ้ งบน เบอื้ งลา ง เบ้ืองขวาง แผไปตลอดโลก ทวั่ สตั วท ุกเหลา ในที่ทุกสถาน ดวยใจประกอบดว ยอุเบกขาอันไพบูลย ถงึ ความเปน ใหญ หาประมาณมิได ไมมีเวร ไมมีความเบยี ดเบยี นอยู รปู เวทนา สญั ญา สังขารวิญญาณ อนั ใด มอี ยูในอเุ บกขาฌานน้ัน บุคคลนนั้ พิจารณาเห็นธรรมเหลาน้นัโดยความเปนของไมเท่ยี ง เปน ทุกข เปน ดังโรค เปนดงั หวั ฝ เปน ดังลกู ศรเปนของทนไดย าก เปนของเบียดเบียน เปน ของไมเ ชอื่ ฟง เปนของตองทาํ ลายไป เปน ของวา งเปลา เปนของไมใ ชตน บคุ คลนน้ั เมื่อตายไป ยอ มเขา ถงึ ความเปน สหายของเทวดาเหลาสุทธาวาส ดกู อนภิกษุทัง้ หลาย ความอุบตั ินี้แลไมท ัว่ ไปดวยปุถุชน. ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จําพวกน้ีแล มีปรากฏอยูใ นโลก. จบทุติยเมตตาสูตรท่ี ๖ ทุตยิ เมตตาสูตรท่ี ๖ พึงทราบโดยนัยอันกลาวแลวในสตู รที่ ๔.
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนาที่ 336 ๗. ปฐมอจั ฉรยิ สตู ร วาดว ยความอศั จรรย ๔ ในพระตถาคตเจา [๑๒๗] ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย ความอศั จรรยไมเคยมี ๔ ประการยอมปรากฏ เพราะความปรากฏแหง พระตถาคตอรหันตสมั มาสัมพุทธเจา ๔ ประการเปน ไฉน ? ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย เมื่อใด พระโพธิสตั วจตุ จิ ากชั้นดุสติ มสี ติสัมปชัญญะ เสด็จลงสคู รรภพระมารดา เม่ือนนั้ แสงสวา งอนั โอฬารหาประมาณมิได ยอ มปรากฏในโลก พรอมทง้ั เทวโลก มารโลก พรหมโลกในหมูสัตว พรอมทง้ั สมณพราหมณเทวดาและมนษุ ย ลวงเทวานุภาพของเทวดาทั้งหลาย แมใ นโลกนั ตริกนรกอันโลง โถง ไมมีอะไรปด บัง มดื มดิมองไมเ ห็นอะไร ซ่งึ แสงสวางแหง พระจันทรแ ละพระอาทิตยท่ีมีฤทธิม์ ีอานภุ าพมากอยางน้ันสองไมถ งึ แตแ สงสวางอนั ยง่ิ หาประมาณมิได ยอ มปรากฏแมในโลกันตริกนรกน้นั ลว งเทวานภุ าพของเทวดาทั้งหลาย แมพวกสตั วท ่ีเกดิในนรกนั้น ยอมจาํ กนั และกันไดดว ยแสงสวา งนน้ั วา ทานผเู จรญิ ไดยินวาแมสัตวเหลาอนื่ ผเู กดิ ในทน่ี ้กี ม็ ี (ไมใชม แี ตเรา) ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย นเ้ี ปนความอศั จรรยไมเคยมีขอที่ ๑ ยอ มปรากฏ เพราะความปรากฏแหง พระตถาคตอรหันตสมั มาสมั พทุ ธเจา . อกี ประการหนง่ึ เมอ่ื ใด พระโพธิสัตวมสี ติสมั ปชัญญะ ประสตู จิ ากครรภพระมารดา ฯลฯ ดกู อ นพระภิกษุทง้ั หลาย น้เี ปน ความอัศจรรยไ มเคยมีขอ ท่ี ๒ ยอ มปรากฏ เพราะความปรากฏแหง พระตถาคตอรหันตสัมมาสัม-พุทธเจา.
พระสุตตันตปฎ ก องั คุตรนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนาที่ 337 อีกประการหนงึ่ เมอื่ ใด พระตถาคตตรสั รอู นุตรสมั มาสมั โพธิญาณฯลฯ ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย น้เี ปน ความอัศจรรยไมเคยมีขอ ท่ี ๓ ยอ มปรากฏเพราะความปรากฏแหงพระตถาคตอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา. อีกประการหนึง่ เม่ือใด พระตถาคตประกาศอนุตรธรรมจกั ร เม่ือนั้นแสงสวา งอยางยิ่ง หาประมาณมิได ยอมปรากฏในโลกพรอมท้งั เทวโลกมารโลก พรหมโลก ในหมูสัตว พรอ มท้ังสมณพราหมณ เทวดาและมนษุ ยลวงเทวานุภาพของเทวดาทงั้ หลาย แมใ นโลกนั ตรกิ นรกอันโลงโถง ไมม ีอะไรปดบัง มืดมิดมองไมเ หน็ อะไร ซ่ึงแสงสวางแหงพระจนั ทรและพระอาทิตยที่มฤี ทธ์มิ ีอานุภาพมากอยา งนัน้ สองไมถึง แตแสงสวางอยางยง่ิ หาประมาณมิได ยอ มปรากฏแมใ นโลกันตริกนรกนัน้ ลวงเทวานภุ าพของเทวดาทง้ั หลาย แมพ วกสตั วท่ีเกิดในนรกนน้ั ยอมจาํ กนั และกนั ไดดวยแสงสวา งนน้ั วา ทา นผเู จรญิ ไดยนิ วา แมสตั วเหลา อ่นื ผเู กิดในทน่ี กี้ ม็ ี (ไมใ ชม แี ตเ รา)ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย นเ้ี ปน ความอัศจรรยไ มเ คยมขี อที่ ๔ ยอ มปรากฏ เพราะความปรากฏแหงพระตถาคตอรหนั ตสัมมาสมั พุทธเจา . ดกู อนภิกษุทงั้ หลาย ความอัศจรรยไมเคยมี ๔ ประการนี้ ยอ มปรากฏ เพราะความปรากฏแหงพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา . จบปฐมอัจฉรยิ สตู รท่ี ๗ อรรถกถาปฐมอัจฉรยิ สตู ร พงึ ทราบวินิจฉยั ในปฐมอจั ฉรยิ สูตรท่ี ๗ ดงั ตอไปน้ี :- บทวา ปาตภุ าวา คอื เพราะปรากฏขน้ึ . ในบทวา กุจฉฺ ึ โอกกฺ มตึน้ี ความวา เปน ผูล งสูครรภแลว. ความจรงิ เม่ือพระโพธิสตั วนั้นลงแลวแสงสวา งกเ็ ปน อยา งนน้ั เมอ่ื กําลังหยั่งลง แสงสวา งก็เปน อยา งน้ัน. บทวา
พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนิกาย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนา ที่ 338อปฺปมาโณ ไดแก มีประมาณเพิม่ ข้นึ คือไพบูลยกวางขวาง. บทวา อฬุ าโรเปนไวพจนข องบทวา อปปฺ มาโณ นนั้ เอง ในบทวา เทวาน เทวานุภาว นี้ ไดแก อานภุ าพอนั หาประมาณมิไดข องเหลา เทวดา รศั มีของผาที่นุงแผไ ปไดต ลอด ๑๒ โยชน ของสรีระก็อยางน้ัน ของวิมานก็อยางนัน้ อธบิ ายวาลว งเทวานภุ าพแหง เทวดานนั้ . บทวา โลกนตฺ รกิ า ความวา ที่วางในระหวางสามจกั รวาล จะมโี ลกันตริกนรกอยูแหง หนงึ่ เหมอื นระหวา งลอเกวยี นทั้งสามลอ ทถี่ ึงกันแลว หรือต้งั จดติดกนั และกนั ก็มีทีว่ างตรงกลาง. ก็โลกนั -ตริกนรกน้ัน วา โดยประมาณไดแปดพันโยชน. บทวา อฆา คอื เปดเปน นิตย.บทวา อส วตุ า คอื ไมม ฐี านท่ตี งั้ แมภายใต. บทวา อนธฺ การา คอื มดื .บทวา อนธฺ การตมิ ิสา ความวา ประกอบดวย ความมืด ทาํ ใหเ ปน เหมือนตาบอดเพราะหามการเกดิ ขน้ึ แหงจักษวุ ญิ ญาณ ไดย นิ วา จกั ษุวิญญาณไมเ กดิในโลกันตรกิ นรกนั้น. บทวา เอว มหิทธฺ กิ าน ความวา ไดยนิ วา ดวงจนั ทรและดวงอาทิตยป รากฏในทวปี ท้ังสาม พรอมคราวเดยี วกนั จึงมีฤทธ์มิ ากอยา งนี้ดวงจนั ทรแ ละดวงอาทติ ยสองแสงสวาง กําจดั มืดไดเกา แสนโยชน ในทิศแตละทิศจงึ มอี านภุ าพมากอยางน.้ี บทวา อาภา นานุโภนตฺ ิ คือแสงสวา งไมพอ. ไดย นิ วา ดวงจนั ทแ ละดวงอาทิตยเ หลานั้น โคจรไปทามกลางจกั รวาลบรรพต ลว งเลยจักรวาลบรรพตไปก็เปนโลกนั ตริกนรก เพราะฉะน้นัแสงสวางแหงดวงจนั ทรแ ละดวงอาทิตยเ หลา นน้ั จึงสอ งไปไมถึงในท่นี น้ั . บทวา เยป ตตฺถ สตตฺ า ความวา สตั วแ มเหลา ใดเกิดแลว ในโลกันตรมหานรกน้นั ถามวา สตั วเหลานั้น ทํากรรมอะไร จึงเกิดในโลกัน-ตรกิ นรกน้นั . ตอบวา สัตวผทู าํ กรรมหนัก ทารณุ ตอมารดาบดิ าและความผิดรายแรงตอ สมณพราหมณผูทรงธรรม และทาํ กรรมสาหัสอื่นมีฆา สตั วท กุ ๆ วนัเปนตน จึงไปเกดิ ดจุ อภยั โจรและนาคโจรเปน ตน ในตามพปณณิทวีป (ลงั กา)
พระสุตตนั ตปฎก อังคุตรนกิ าย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนา ที่ 339สตั วเ หลา นั้นมีอัตภาพขนาด ๓ คาวตุ มีเล็บยาวเหมือนคางคาว เอาเลบ็ เกาะหอยอยทู ่เี ชงิ เขาจกั รวาล คลา ยคา งคาวเกาะหอยอยูทีต่ นไมฉ ะนัน้ เม่อื มือเปะปะไปถูกกนั และกนั เขา ตา งกส็ ําคัญวา เราไดเ หยือ่ แลว ดงั น้ี แลน ไลหมุนไปรอบ ๆ ก็พลดั ตกไปในนํ้ารองโลก คลา ยผลมะซางเมอ่ื ถกู ลมประหารอยกู ็ขาดตกไปในน้ํา พอตกลงไปถงึ กเ็ ปอยยอยไปในนํ้ากรด ราวกะแปง ตกนํ้าละลายไปฉะน้นั . บทวา อเฺ ป กริ โภ สนฺติ สตฺตาความวา สตั วเหลาน้ันเห็นกันในวันน้นั จึงไดรวู า ไดยินวา สัตวเหลาอ่ืนมาเกิดในท่นี ี้ เพอ่ื เสวยทุกขนี้ เหมอื นเราทั้งหลายเสวยทุกขใหญอ ยูฉะนัน้ .แตแสงสวางนจ้ี ะสวา งอยูแมเ พียงดืม่ ยาคูอีกหนงึ่ ก็หามิได สวา งอยชู ว่ั เวลาที่สตั วหลบั แลว ตน่ื ขึน้ อารมณแจม ใสฉะนนั้ . สวนพระทฆี ภาณกาจารย กลา ววาแสงสวางนนั้ สองเพยี งพอสัตวพดู วานี้อะไร ก็หายไป คลา ยแสงสวางฟา แลบชั่วลดั น้วิ มอื เทา นั้น. จบอรรถกถาปฐมอัจฉริยสูตรท่ี ๗ ๘. ทุติยอจั ฉรยิ สตู ร วาดวยความอศั จรรย ๔ ในพระตถาคตเจา [๑๒๘] ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย ความอศั จรรยไ มเคยมี ๔ ประการยอมปรากฏ เพราะความปรากฏแหงพระตถาคตอรหนั ตสัมมาสัมพทุ ธเจา ๔ประการเปน ไฉน ? ดกู อนภิกษุท้งั หลาย หมูส ัตวผมู ีอาลยั (คือกามคณุ )เปน ท่ีรนื่ รมย ยนิ ดีในอาลัย บันเทิงในอาลยั เม่อื พระตถาคตแสดงธรรมอันหาความอาลัยมไิ ดอ ยู หมสู ัตวน ั้นยอ มฟงดวยดี เงีย่ โสตสดบั ตงั้ จิตเพอ่ื รูทวั่ ถึง
พระสุตตนั ตปฎก อังคุตรนิกาย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนาที่ 340ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย น้ีเปน ความอัศจรรยไมเคยมีขอ ที่ ๑ ยอ มปรากฏ เพราะความปรากฏแหง พระตถาคตอรหนั ตสมั มาสัมพุทธเจา . ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย หมูสตั วผ ูม มี านะ (ความถอื ตัว) เปนท่รี ื่นรมยยินดใี นมานะ บนั เทิงในนานะ เม่อื พระตถาคตแสดงธรรมอันเปนเคร่อื งปราบปรามมานะอยู หมูสตั วน นั้ ยอ มฟง ดวยดี เงยี่ โสตสดับ ตั้งจติ เพื่อรูทว่ั ถึงดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย น้ีเปนความอัศจรรยไ มเ คยมขี อ ที่ ๒ ยอมปรากฏ เพราะความปรากฏแหงพระตถาคตอรหนั ตสัมมาสมั พทุ ธเจา . ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย หมสู ตั วผ มู คี วามไมส งบเปน ที่รนื่ รมย ยนิ ดแี ลวในความไมส งบ บนั เทิงในความไมสงบ เม่อื พระตถาคตแสดงธรรมอนั กระทําความสงบอย.ู หมูส ัตวน ั้นยอมฟงดวยดี เง่ยี โสตสดับ ตงั้ จิตเพอื่ รทู ่ัวถึงดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย นเ้ี ปนความอัศจรรยไมเ ลยมขี อ ที่ ๓ ยอมปรากฏ เพราะความปรากฏแหงพระตถาคตอรหันตสมั มาสัมพทุ ธเจา. ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย หมสู ตั วผูตกอยใู นอวิชชา เปนผมู ืด ถกู อวชิ ชารดั รงึ ไว เม่อื พระตถาคตแสดงธรรมอัน เปนเครอ่ื งปราบปรามอวชิ ชาอยู หมูสัตวนัน้ ยอ มฟงดวยดี เง่ยี โสตสดบั ตัง้ จติ เพ่อื รทู ว่ั ถึง ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลายน้เี ปน ความอัศจรรยไมเ คยมีขอท่ี ๔ ยอ มปรากฏ เพราะความปรากฏแหงพระตถาคตอรหันตสัมมาสมั พุทธเจา. ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย ความอัศจรรยไ มเคยมี ๔ ประการน้ี ยอ มปรากฏเพราะความปรากฏแหงพระตถาคตอรหนั ตสัมมาสมั พุทธเจา . จบทตุ ิยอัจฉริยสตู รที่ ๘
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนา ท่ี 341 อรรถกถาทตุ ิยอัจฉริยสตู ร พงึ ทราบวินจิ ฉัยในทตุ ิยอัจฉรยิ สตู รที่ ๘ ดงั ตอ ไปนี้ :- เบญจกามคณุ หรือวัฏฏะทั้งส้นิ ชื่อวา อาลัย เพราะอรรถวาพงึ ถกู ตัณหาและทฏิ ฐยิ ึดไว. ชอื่ วา อารามะ เพราะเปนที่ยินดี. อาลัยเปนท่ียินดขี องหมสู ตั วน ี้ เหตุน้ัน หมูส ัตวน้จี งึ ชื่ออาลยารามะมอี าลัยเปนทย่ี ินด.ี ชื่อวาอาลยรตะเพราะยนิ ดแี ลว ในอาลยั . ชือ่ วาอาลยสมั มทุ ิตะ เพราะบนั เทิงแลวในอาลัย. บทวา อนาลเย ธมฺเม ความวา อริยธรรมอาศยั วิวฏั ฏนิพพานที่ตรงกนัขามกับอาลัย. บทวา สสุ สฺ ุสติ คอื เปน ผูใครจ ะฟง. บทวา โสต โอทหติแปลวา เงีย่ โสต. บทวา อฺ าจิตฺต อุปฏเปติ ความวา เขา ไปตั้งจิตเพ่อื จะรทู ว่ั ถึงธรรม. บทวา มาโน คือ ความสําคัญ หรือวฏั ฏะทงั้ สน้ิ น้ันแลชื่อวา มานะ เพราะอรรถวาหมูส ตั วพึงสาํ คญั . บทวา มานวินเย ธมฺเม คอืธรรมท่ีเปน เครอ่ื งกําจัดเสยี ซ่งึ มานะ. ธรรมทตี่ รงกนั ขา มกบั ความสงบ ชอ่ื วาอนปุ สมณะหรอื วฏั ฏะน่นั เอง ชอ่ื วาอนปุ สมะ เพราะอรรถวาไมส งบแลว . บทวาโอปสมิเก ไดแ ก ธรรมทท่ี าํ ความสงบคอื อาศัยวิวฏั ฏะคือนิพพาน. ชื่อวาอวิชชาคตะ เพราะไปคือประกอบดวยอวิชชา. ชือ่ วาอนั ธภตู ะ เพราะเปนดุจคนตาบอด เพราะถูกกองมืดคืออวชิ ชาปกคลมุ ไว. ชื่อวา ปรโยนทั ธา เพราะหมุ ไวร อบดา น. ในบทวา อวชิ ชฺ าวินเย พระอรหตั เรยี กวาธรรมเปนเครอื่ งกําจัดอวชิ ชา เมอื่ ธรรมท่ีอาศยั ธรรมเปน เครอ่ื งกําจดั อวชิ ชานั้น อันพระตถาคตแสดงอยู. ในสูตรน้ตี รสั วัฏฏะไว ๔ ฐานะ ตรัสววิ ฏั ฏะไว ๔ ฐานะ ดว ย-ประการฉะน้.ี จบอรรถกถาทุติยอจั ฉรยิ สูตรท่ี ๘
พระสุตตนั ตปฎก องั คตุ รนกิ าย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนา ท่ี 342 ๙. ตติยอจั ฉรยิ สตู ร วาดว ยความอัศจรรย ๔ ในพระอานนท [๑๒๙] ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ความอัศจรรยไมเ คยมี ๔ ประการนี้ในพระอานนท ๔ ประการเปน ไฉน ? ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ถาภิกษ-ุบรษิ ัทเขาไปเพ่อื เห็นอานนท ภิกษุบริษทั นัน้ ยอมมใี จยนิ ดแี มด วยการเห็นถาอานนทก ลา วธรรมในบรษิ ทั น้นั ภิกษุบริษัทนน้ั ยอมมใี จยินดีแมดวยคําท่ีกลา วนัน้ ภิกษุบรษิ ัทน้นั เปน ผูไมอ ่ิมเลย ถา อานนทเปน ผนู งิ่ . ถา ภกิ ษุณีบรษิ ัทเขา ไปเพ่ือเหน็ อานนท... ถา อุบาสกบรษิ ัทเขา ไปเพอื่ เหน็ อานนท. .. ถา อุบาสกิ าบรษิ ทั เขา ไปเพื่อเห็นอานนท อุบาสกิ าบรษิ ทั น้ันยอ มมใี จยนิ ดี แมดว ยการเหน็ ถาอานนทกลาวธรรมในบริษัทนน้ั อุบาสิกาบริษทั นนั้ยอ มมีใจยินดีแมด วยคําที่กลา วนั้น อบุ าสิกาบริษทั นนั้ เปนผูไมอ่มิ เลย ถาอานนทเปนผนู ง่ิ . ดกู อนภิกษุทั้งหลาย ความอศั จรรยไมเ คยมี ๔ ประการน้ีแล ในพระอานนท. จบตตยิ อจั ฉริยสูตรท่ี ๙ อรรถกถาตตยิ อัจฉรยิ สตู ร พึงทราบวนิ จิ ฉยั ในตติยอจั ฉรยิ สูตรที่ ๙ ดงั ตอ ไปน้ี :- บทวา ภกิ ฺขุปริสา อานนทฺ ทสฺสนาย ความวา ภิกษุเหลาใดประสงคจ ะเฝา พระผมู ีพระภาคเจา ก็เขา ไปหาพระเถระ หรอื ภิกษุเหลาใดไดฟ งคุณความดขี องพระเถระวา ไดยินวา ทานพระอานนทนาเลือ่ มใสรอบดา น
พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนิกาย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนาท่ี 343งานนาชม เปนพหูสูต เปนธรรมกถึก ผูทําหมูใหง ามดังน้ี จึงพากนั มา ทรง-หมายถงึ ภกิ ษุเหลานัน้ จงึ ตรัสวา ภิกษบุ รษิ ัทไปเยี่ยมอานนท ดังน้ี . ในบททุกบทก็นยั น.้ี บทวา อตตฺ มนา ความวา ภิกษุบรษิ ัทนน้ั มใี จชื่นชม คอืมีจิตยนิ ดีวา การเหน็ ของเราสมกบั การฟง มา. บทวา ธมมฺ ความวา ทา นกลาวธรรมตอนรบั เห็นปานนวี้ า ทานผูมีอายุทงั้ หลาย สบายดหี รือ พอยงั ชพีเปน ไปไดอยหู รอื ทานทัง้ หลาย ยังทาํ กจิ กรรมในโยนิโสมนสกิ ารอยหู รือทานยงั บําเพ็ญอาจริยวตั รและอุปชฌายวตั รอยูหรอื ดงั นี.้ บรรดาบุคคลเหลา นนั้ในภิกษุณกี ็จะกลาวปฏิสนั ถารตางกนั ดงั น้ีวา นอ งหญิงท้งั หลาย ทานทงั้ หลายยงั สมาทานครุธรรม ๘ ประพฤติอยูหรอื ดงั น้.ี ในอบุ าสกทั้งหลาย ทา นจะไมทําปฏิสันการอยางนี้ ดว ยคําวา อุบาสกมาดีแลว ทานไมปวดศีรษะ หรอือวยั วะบา งหรือ บตุ รพี่นองชายของทา นไมม ีโรคภยั หรอื ดงั น้ี แตทา นจะทาํปฏสิ นั ถารอยา งน้วี า อุบาสกเปนอยางไร จงรกั ษาสรณะ ๓ ศีล ๕ จงทําอุโบสถเดอื นละ ๘ ครัง้ ไวเ ถิด จงเลย้ี งดูมารดาบดิ า จงบาํ รุงสมณพราหมณผูทรงธรรมเถิดดังน.ี้ แมใ นอบุ าสกิ าทั้งหลายกน็ ัยนี้แล. จบอรรถกถาตตยิ อัจฉริยสตู รท่ี ๙ ๑๐. จตตุ ถอัจฉริยสูตร วา ดวยความอศั จรรย ๔ ในพระเจา จกั รพรรดิ [๑๓๐] ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย ความอศั จรรยไ มเ คยมี ๔ ประการน้ีในพระเจาจกั รพรรดิ ๔ ประการเปน ไฉน ? ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลายถาขตั ตยิ บรษิ ทั เขา ไปเฝาเยย่ี มพระเจา จกั รพรรดิ ขัตติยบริษัทน้นั ยอมมพี ระทยั
พระสตุ ตนั ตปฎก องั คตุ รนกิ าย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนาที่ 344ยนิ ดแี มดว ยการเฝา เย่ียมนั้น ถา พระเจา จักรพรรดดิ าํ รัสในทปี่ ระชมุ นั้น ขัตติย-บรษิ ัทนน้ั ยอมมีพระทยั ยนิ ดี แมดวยพระดาํ รัส ขัตติยบรษิ ทั ยอ มเปน ผไู มอม่ิ เลยถาพระเจา จักรพรรดทิ รงนิง่ เสีย. ถาพราหมณบริษทั เขาไปเฝา เย่ยี มพระเจา จกั รพรรดิ... ถา คฤหบดีบรษิ ัทเขาไปเฝา เยีย่ มพระเจา จักรพรรด.ิ .. ถาสมณบรษิ ัทเขา ไปเย่ียมพระเจาจักรพรรดิ สมณบริษัทน้นั ยอ มมีใจยนิ ดแี มด ว ยการเฝาเย่ียมนนั้ ถา พระเจา จักรพรรดิดาํ รัสในท่ีประชุมนน้ั สมณ-บริษัทน้ันยอ มมีใจยนิ ดแี มด วยพระดํารสั สมณบรษิ ัทนั้นยอ มเปน ผไู มอ ิ่มเลยถาพระเจา จักรพรรดทิ รงน่ิงเสีย ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย ความอศั จรรยไ มเ คยมี๔ ประการน้แี ล ในพระเจา จกั รพรรด.ิ ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย ความอัศจรรยไมเคยมี ๔ ประการ ในพระอานนทฉ ันน้นั เหมอื นกันแล ๔ ประการเปน ไฉน คือ ถา ภกิ ษบุ ริษทัเขาไปเพ่ือเห็นอานนท ภกิ ษบุ ริษัทนัน้ ยอมมีใจยินดแี มด ว ยการเหน็ ถา อานนทกลา วธรรมในท่ีประชุมนนั้ ภิกษบุ ริษทั ยอมมีใจยินดแี มดวยคําที่กลา ว ภิกษุบรษิ ทั ยอ มเปนผูไ มอ ่มิ เลย ถาอานนทน ่ิงอยู. ถาภกิ ษุณีบริษัทเขาไปเพื่อเหน็ อานนท... ถา อุบาสกบรษิ ทั เขาไปเพือ่ เหน็ อานนท... ถา อบุ าสิกาบริษัทเขาไปเพ่อื เหน็ อานนท อบุ าสกิ าบรษิ ัทนน้ั ยอมมใี จยินดี ยนิ ดแี มด วยคําท่ีกลา ว อบุ าสิกาบรษิ ัทยอ มเปน ผไู มอิม่ เลย ถาอานนทนงิ่ อยู. ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย ความอศั จรรยไ มเคยมี ๔ ประการนี้ ในพระอานนท . จบจตุตถอัจฉริยสตู รที่ ๑๐ จบภยวรรคท่ี ๓
พระสุตตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย จตุกนบิ าต เลม ๒ - หนาที่ 345 อรรถกถาจตตุ ถอัจฉรยิ สตู ร พึงทราบวินจิ ฉยั ในจตตุ ถอัจฉรยิ สูตรท่ี ๑๐ ดงั ตอไปน้ี :- บทวา ขตตฺ ยิ ปริสา ไดแกเ หลาขัตตยิ ะ ทอี่ ภิเษกและทย่ี ังไมอ ภิเษก.ไดยินวา ขตั ติยะเหลาน้ัน ไดฟง คํากลาวพระคณุ ของพระเจาจักรพรรดินัน้ วาธรรมดาวาพระเจาจกั รพรรดิ งามนาเลื่อมใส เทย่ี วไปทางอากาศไดปกครองราชสมบัติ ทรงธรรมเปน ธรรมราชาดงั น้ี เม่อื เห็นสมกับทไี่ ดฟงมาก็ชน่ื ชม.บทวา ภาสติ ความวา พระเจาจักรพรรดิไดทาํ ปฏิสนั ถารวา พอ คณุ แมค ุณทัง้ หลาย ทา นทง้ั หลายยง่ิ บําเพ็ญราชธรรม รักษาประเพณีอยหู รอื . สวนในพราหมณท ัง้ หลายกจ็ ะทรงทําปฏิสนั ถารอยา งนีว้ า ทา นอาจารยทง้ั หลาย ทา น-ทง้ั หลาย สอนมนตอ ยูห รือ ศิษยท้งั หลายยังเรียนมนตอ ยหู รือ ทานยอมไดทกั ขณิ าบาง ผา บา ง โคแดงบางหรอื . ในคฤหบดที ั้งหลาย จะทรงทาํ ปฏสิ ันถารอยา งน้ีวา พอเอย ทาน ไมถ ูกเบียดเบียน ดว ยคา ปรบั สินไหม หรือดวยเคร่ืองจองจาํ จากราชกูลบา งหรือ ฝนยังตกตองตามฤดูกาลอยหู รอื ขา วกลาทั้งหลายไดผ ลสมบรู ณหรือ. ในสมณะท้ังหลาย จะทรงทําปฏสิ นั ถารอยา งนี้วา อยางไร ทานผู-เจริญ บรขิ ารของบรรพชิตหาไดง ายหรือ ขอทา นทัง้ หลายอยา ละเลยสมณธรรมน้แี ล. จบอรรถกถาจตตุ ถอจั ฉรยิ สตู รที่ ๑๐ จบภยวรรควรรณนาที่ ๓ รวมพระสูตรทม่ี ีในวรรคนี้ คอื ๑. ปฐมภยสตู ร ๒. ทตุ ยิ ภยสูตร ๓. ปฐมฌานสูตร ๔. ทตุ ิย-ฌานสูตร ๕. ปฐมเมตตาสูตร ๖. ทตุ ยิ เมตตาสตู ร ๗. ปฐมอัจฉริยสตู ร๘. ทตุ ิยอจฉั ริยสูตร ๙. ตติยอัจฉรยิ สูตร ๑๐. จตตุ ถอัจฉริยสูตร และอรรถกถา.
พระสตุ ตันตปฎก อังคตุ รนิกาย จตุกนิบาต เลม ๒ - หนาที่ 346 ปุคคลวรรคที่ ๔ ๑๐. สังโยชนสูตร วาดว ยบคุ คล ๔ จาํ พวก [๑๓๑] ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย บคุ คล ๔ จาํ พวกน้ี มปี รากฏอยใู นโลก๔ จําพวกเปน ไฉน ? ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ยงั ละโอรมั ภาคยิ สงั โยชนไ มไ ด ยังละสังโยชนอ นั เปน ปจ จยั เพ่อื ใหไดอ บุ ัติไมไ ดยงั ละสังโยชนอ ันเปน ปจจยั เพื่อใหไ ดภ พไมไ ด. อน่งึ บคุ คลบางคนในโลกนี้ ละโอรมั ภาคิยสงั โยชนได แตย งั ละสังโยชนอ นั เปน ปจ จยั เพ่ือใหไ ดอุบตั ไิ มไ ด ยังละสงั โยชนอันเปน ปจ จัยเพ่อื ให-ไดภพไมไ ด. อนงึ่ บุคคลบางคนในโลกน้ี ละโอรมั ภาคยิ สังโยชนไ ด ละสังโยชนอนั เปน ปจ จัยเพอื่ ใหไดอบุ ตั ิได แตยงั ละสงั โยชนอ นั เปน ปจจยั เพ่อื ใหไดภ พไมไ ด. อนงึ่ บุคคลบางคนในโลกน้ี ละโอรัมภาคยิ สังโยชนไ ด ละสังโยชนอนั เปนปจ จัยเพื่อใหไดอ ุบัติได สะสงั โยชนอันเปนปจ จยั เพอื่ ใหไดภพได. ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย กบ็ ุคคลจําพวกไหน ยังละโอรัมภาคยิ สังโยชนไมได ยงั ละสงั โยชนอนั เปนปจ จยั เพือ่ ใหไ คอุบัติไมไ ด ยงั ละสังโยชนอ ันเปนปจจยั เพื่อใหไ ดภพไมไ ด คือ พระสกทาคามี ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลาย บคุ คลนี้แลยงั ละโอรัมภาคิยสงั โยชนไ มได ยังละสงั โยชนอนั เปน ปจ จยั เพอื่ ใหไดอุบตั ไิ มไดยังละสังโยชนอ ันเปนปจจยั เพ่อื ใหไดภ พไมไ ด.
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนาท่ี 347 ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย บุคคลจําพวกไหน ละโอรัมภาคยิ สังโยชนได แตยังละสังโยชนอัน เปนปจ จยั เพ่ือใหไ ดอ บุ ตั ิไมได ยงั ละสังโยชนอนั เปน ปจจัย เพอ่ืใหไดภ พไมได คอื พระอนาคามีผูมกี ระแสในเบือ้ งบน ไปสอู กนิฏฐภพดูกอ นภิกษุท้งั หลาย บุคคลนแ้ี ล ละโอรมั ภาคิยสงั โยชนไ ด แตยงั ละสงั โยชนอนั เปนปจจยั เพือ่ ใหไ ดอ ุบัตไิ มไ ด ยังละสังโยชนอนั เปน ปจจยั เพื่อใหไดภ พไมได. ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย บคุ คลจาํ พวกไหน ละโอรมั ภาคิยสงั โยชนไดละสงั โยชนอันเปน ปจ จยั เพือ่ ใหไ ดอ บุ ตั ไิ ด แตยังละสังโยชนอันเปนปจ จยั เพ่ือใหไดภ พไมไ ด คอื พระอนาคามผี อู นั ตราปรนิ พิ พายี ดกู อ นภิกษุท้งั หลายบคุ คลน้แี ล ละโอรมั ภาคยิ สงั โยชนไ ด ละสังโยชนอ ันเปนปจ จยั เพื่อใหไดอบุ ัติได แตยงั ละสงั โยชนอ นั เปน ปจ จยั เพอ่ื ใหไ ดภพไมได. ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย บุคคลจําพวกไหน ละโอรัมภาคิยสงั โยชนไ ดละสงั โยชนอนั เปน ปจ จยั เพือ่ ใหไดอุบตั ไิ ด ละสังโยชนอนั เปน ปจ จัยเพ่อื ใหไดภพได คือ พระอรหนั ตขีณาสพ ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย บคุ คลนี้แล ละโอรมั -ภาคยิ สังโยชนได ละสงั โยชนอนั เปน ปจจัยเพอื่ ใหไดอุบัตไิ ด ละสงั โยชนอนั เปนปจจัยเพือ่ ใหไ ดภพได. ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย บุคคล ๔ จําพวกนแ้ี ล มปี รากฏอยใู นโลก จบสงั โยชนสตู รที่ ๑
พระสุตตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนา ที่ 348 ปุคคลวรรควรรณนาท่ี ๔ อรรถกถาสงั โยชนสตู ร พงึ ทราบวินจิ ฉยั ในสงั โยชนสูตรที่ ๑ แหง วรรคที่ ๔ ดังตอไปนี้ :- บคุ คลบางคนไดอปุ บตั ิไดภ พ ในระหวางดว ยสังโยชนเหลา ใดสังโยชนเ หลา นั้น ชื่อวาเปน ปจ จยั ใหไ ดอุปบตั .ิ บทวา ภวปฏลิ าภยิ านิไดแ ก เปน ปจ จัยแกก ารไดอ ปุ บัติภพ. บทวา สกทาคามสิ สฺ น้ี ทา นถือโดยสวนสูงสดุ ในพระอริยะท้ังหลาย ทยี่ ังละสงั โยชนไ มไ ด กเ็ พราะเหตุนี้อันตราอุปบัติ (การเกดิ ในระหวา ง) ของพระอริยบคุ คลผเู ปน อันตรา-ปรนิ ิพพายีไมม ี แตท า นเขาฌานใดในที่นน้ั ฌานนน้ั นบั วาเปนปจจัยแกอปุ บตั ภิ พ เพราะฌานเปน ฝา ยกศุ ลธรรม ฉะนัน้ จึงตรสั สําหรบั พระอริยบุคคลผูเ ปน อันตราปรนิ พิ พายนี ้ันวา ละอุปบัติปฏิลาภิยสงั โยชนไ ด (สังโยชนท่เี ปนเหตุใหม ีความเกิด) แตล ะภวปฎลิ าภยิ สงั โยชน (สังโยชนท ่เี ปน เหตใุ หม ภี พ)ไมไ ด. หมายถึงสงั โยชนส วนท่ยี ังละไมไดในโอรมั ภาคยิ สงั โยชนท ัง้ หลาย จึงตรสั วา ละโอรมั ภาคิยสงั โยชนไ มไดดังน้ี โดยความไมตา งกันแหง สกทาคามีบุคคล. บทที่เหลือในสตู รนี้งา ยทัง้ น้ัน. จบอรรถกถาสังโยชนสตู รท่ี ๑
พระสุตตันตปฎก องั คตุ รนกิ าย จตกุ นิบาต เลม ๒ - หนาท่ี 349 ๒. ปฏภิ าณสูตร วา ดว ยบคุ คล ๔ จาํ พวก[๑๓๒] ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย บุคคล ๔ จาํ พวกน้ีมปี รากกอยใู นโลก ๔จาํ พวก เปนไฉน คอืยตุ ฺตปฏภิ าโณ น มุตฺตปฏิภาโณ บุคคลฉลาดผกู ไมฉ ลาดแกมตุ ฺตปฏภิ าโณ น ยุตฺตปฏิภาโณ บุคคลฉลาดแก ไมฉ ลาดผูยุตฺตปฏิภาโณ จ มตุ ฺตปฏิภาโณ จ บคุ คลฉลาดทงั้ ผกู ทัง้ แกเนว ยตุ ฺตปฏิภาโณ น มุตตฺ ปฏิภาโณ บคุ คลไมฉลาดท้ังผูกท้งั แกนี้แล บุคคล ๔ จาํ พวก มีปรากฏอยูในโลก. จบปฏภิ าณสูตรที่ ๒อรรถกถาปฏภิ าณสตู รพึงทราบวนิ จิ ฉยั ในปฏิภาณสูตรที่ ๒ ดังตอ ไปนี้ :-บทวา ยตุ ฺตปฏภิ าโณ โน มตุ ฺตปฏภิ าโณ ความวา บุคคลเมือ่ แกป ญหากแ็ กแตปญ หาทผ่ี ูกเทานั้น แตแ กไดไ มเ รว็ คือคอย ๆ แก. บทท้งั ปวง พึงทราบโดยนยั น.ี้ จบอรรถกถาปฏิภาณสตู รที่ ๒
พระสตุ ตนั ตปฎก องั คตุ รนกิ าย จตกุ นบิ าต เลม ๒ - หนาท่ี 350 ๓. อุคฆฏติ ัญสุ ตู ร วา ดว ยบคุ คล ๔ จําพวก [๑๓๓] ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย บคุ คล ๔ จาํ พวกนม้ี ีปรากฏอยใู นโลก๔ จําพวกเปน ไฉน คือ อุคฆปฏติ ัญบู คุ คล วิปจิตญั ูบุคคล เนยยบคุ คล ปทปรมบุคคล นีแ้ ล บุคคล ๔ จาํ พวก มีปรากฏอยูใ นโลก. จบอุคฆฏิตญั สุ ูตรที่ ๓ อรรถกถาอุคฆฏิตญั สุ ตู ร พงึ ทราบวินิจฉยั ในอคุ ฆฏติ ญั สุ ูตรที่ ๓ ดงั ตอ ไปน้ี :- พึงทราบความตางกันแหง บคุ คลแม ๔ จําพวก ดวยสูตรน้ี ดงั น้ีอคุ ฆฎติ ญั บู ุคคลเปน ไฉน ? บุคคลตรัสรธู รรมขณะทท่ี านยกหวั ขอ ขน้ึ แสดงเรียกวา อคุ ฆฏิตญั ูบุคคล. วปิ จติ ญั ูบุคคลเปน ไฉน ? บุคคลตรัสรธู รรมตอเม่ือทานแจกแจงความโดยพิสดาร เรียกวา วปิ จิตญั บู คุ คล. เนยยบคุ คลเปน ไฉน ? บุคคลตอ งเรยี น ตอ งสอบถาม ตอ งใสใจโดยแยบคาย ตอ งคบหาอยใู กลกลั ยาณมิตร จึงตรัสรูธ รรมตามลาํ ดบั ขน้ั ตอน เรยี กวา เนยยบคุ คล.ปทปรมบุคคลเปนไฉน ? บคุ คลฟงมากก็ดี พูดมากก็ดี ทรงจํามากก็ดีสอนมากกด็ ี ยงั ไมต รสั รธู รรมในชาตินนั้ เรยี กวา ปทปรมบคุ คล. จบอรรถกถาอคุ ฆฏติ ญั สุ ตู รท่ี ๓
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 634
Pages: