พระสตุ ตนั ตปฎก องั คุตรนิกาย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 101ตง้ั ตน (เทศนา) ชือ่ วา เบ้ืองตน ทามกลางแหง กถา ช่ือวา ทา มกลาง ตอนจบ ชอ่ื วา ทีส่ ุด. ภกิ ษเุ หลานั้น เมือ่ กลา วธรรมแกบ ุคคลนน้ั อยางน้ี ชอ่ื วากลา วทําใหง าม คอื ใหเจริญ ไดแ กไมม ีโทษเลย ทงั้ ในวาระเริ่มตน ทง้ั ในวาระทา มกลาง ทัง้ ในวาระท่ีสุด. อนง่ึ ในสูตรน้ีมีเบื้องตน ทามกลาง และทส่ี ดุ แหง เทศนา และมเี บ้ืองตน ทามกลาง และท่สี ุดแหงสาสนธรรม. บรรดาเทศนาและสาสนธรรมทัง้ สองน้นั (จะกลา ว) เทศนากอ น บทแรก ของคาถา ๔ บทเปน เบอ้ื งตน บททงั้ สองเปน ทามกลาง (และ) บทสุดทายเปนท่ีสดุ สําหรบั พระสตู รทีม่ ีอนสุ นธิเดยี ว นทิ านเปนเบ้อื งตน อนสุ นธเิ ปนทามกลาง ตอนจบพระสูตรทว่ี า อิทมโวจ เปนทีส่ ดุ . สาํ หรับพระสูตรทม่ี อี นุสนธิหลายอนสุ นธิ อนสุ นธทิ ี่ ๑ เปนเบ้ืองตนมากกวา นนั้ ไป หนึง่ หรอื หลายอนุสนธเิ ปนทามกลาง อนสุ นธิสุดทายเปนที่สุด. นเี้ ปน นยั แหง เทศนากอน. สวนสาสนธรรม ศีลเปน เบอื้ งตน สมาธเิ ปน ทา มกลาง วิปส สนาเปนทสี ดุ . อกี อยา งหน่ึง สมาธิเปนเบื้องตน วปิ ส สนาเปนทา มกลาง มรรคเปนทสี่ ุด. อีกอยางหนึ่ง วปิ สสนาเปน เบื้องตน มรรคเปนทา มกลาง ผลเปนท่ีสุด. อกี อยา งหนงึ่ มรรคเปน เบอื้ งตน ผลเปน ทามกลาง นพิ พานเปน ท่สี ุด.อกี อยางหนงึ่ เมอ่ื ทําธรรมใหเ ปน คู ๆ กัน ศลี กบั สมาธิเปน เบื้องตน วิปส สนากับมรรค เปน ทามกลาง ผลกบั นิพพาน เปน ทส่ี ุด. บทวา สาตฺถ ความวา ภิกษุท้ังหลายแสดงธรรมใหมปี ระโยชน.บทวา สพฺยฺชน ความวา แสดงธรรมใหอักษรบรบิ รู ณ. บทวา เกวล-ปริปุณณฺ ความวา แสดงธรรมใหบรบิ ูรณท้ังหมด คอื ไมข าด. บทวา
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 102ปรสิ ทุ ฺธ ความวา แสดงธรรมใหบ ริสทุ ธิ์ คือไมใหยุงเหยิงไมม เี งอ่ื นงาํ .บทวา พฺรหมฺ จรยิ ปกาเสนฺติ ความวา และเม่ือแสดงอยางนั้น ชื่อวาประกาศอรยิ มรรคมอี งค ๘ ซึ่งสงเคราะหดว ยไตรสิกขา อันเปน จรยิ าที่ประเสรฐิ ทส่ี ุด. บทวา เนวาทึ มนสิกโรติ ความวา เรม่ิ ตนเทศนก ็ไมใสใ จ. บทวา กมุ โฺ ภ แปลวา หมอ . บทวา นิกุชฺโช คอื วางคว่าํ ปากลง.ในบทวา เอวเมว โข น้ี พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ดงั ตอไปนี้ บคุ คลผมู ีปญญาต่าํพึงเหน็ เหมอื นหมอคว่าํ ปากลง. เวลาทีไ่ ด (ฟง) พระธรรมเทศนา พงึ เหน็เหมอื นเวลาทเี่ ทน้ํา (บนกนหมอ ). เวลาทบี่ คุ คลนัง่ อยบู นอาสนะน้นั ยงั ไมสามารถเรยี นเอาได พงึ เหน็ เหมอื นเวลาทน่ี ํา้ ไหลออกไปหมด. เวลาทีบ่ ุคคลผูน นั้ ลกุ ข้นึ แลว จําไมไ ด พึงเหน็ เหมือนเวลาท่นี ้ําไมข งั อยู (บนกน หมอ ).บทวา อากณิ ฺณานิ แปลวา ที่เกบ็ ไว. บทวา สติสมโฺ มสาย ปกเิ รยฺยความวา (ของควรเคย้ี วนัน้ ) พึงตกเกล่ือนไป เพราะความเปน ผูเผลอตวั . ในบทวา เอวเมว โข นี้ พงึ ทราบวินิจฉยั ดังตอไปนี้ บุคคลผูมีปญญาดังตัก พึงเห็นเหมอื นตัก. พระพทุ ธพจนม ีประการตาง ๆ พงึ เห็นเหมือนของกนิ ชนิดตาง ๆ. เวลาที่บคุ คลนัง่ เรยี นอยบู นอาสนะนน้ั พึงเห็นเหมือนเวลาท่ีบคุ คลนั่งเคี้ยว ของเคย้ี วชนดิ ตา ง ๆ (ท่ีอย)ู บนตัก. เวลาท่ีบุคคลลกุ จากอาสนะนั้นมาแลว จาํ ไมไ ด พึงเห็นเหมือนเวลาทบี่ คุ คลลุกขึ้นทาํ ของหกเรย่ี ราด เพราะเผลอตวั . บทวา อุกกฺ ุชโฺ ช ไดแก(หมอ ) วางหงายปากข้นึ . บทวา สณฺ าติคือ น้าํ ยอ มขงั อยู.
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 103 ในบทวา เอวเมว โข น้ี พึงทราบวินจิ ฉัยดงั ตอไปนี้ บคุ คลผูมีปญ ญามาก พงึ เหน็ เหมอื นหมอทวี่ างหงายปากข้ึน. เวลาที่ไดฟงเทศนา พึงเห็นเหมือนเวลาทเี่ ทนา้ํ ลง. เวลาทบ่ี คุ คลนั่งเรียนอยบู นอาสนะน้นั พงึ เหน็เหมือนเวลาที่นํ้าขังอย.ู เวลาท่ีบคุ คลลกุ ขึน้ เดินไป ยงั จําไดพึงเห็นเหมือนเวลาท่นี ํ้าไมไ หลออกไป. บทวา ทุมฺเมโธ ไดแก ไมมีปญญา. บทวา อวจิ กขฺ โณ ไดแ กขาดปญญาเครอื่ งจัดการ. บทวา คนตฺ า ไดแก มกี ารไปเปน ปกติ. บทวาเสยโฺ ย เอเตน วจุ ฺจติ ความวา (บุคคลผมู ีปญญาดงั ตกั ) พระพุทธเจาตรัสวา ยอดเยี่ยมกวาบคุ คลนั้น (คอื คนปญ ญาดงั หมอ ควา่ํ ). บทวา ธมฺมานุธมมฺ ปฏิปนฺโน ความวา ปฏิบตั ิธรรมสมควรแกโลกุตรธรรม ๙ คือบฏ ิบตั ิขอปฏบิ ัตเิ บอื้ งตนพรอ มท้งั ศลี . บทวา ทุกขฺ สสฺไดแ ก วฏั ทุกข. บทวา อนตฺ กโร สิยา ความวา บุคคลพึงเปน ผูท าํ ที่สดุคือพงึ เปนผทู ําใหข าดตอน ไดแ กพงึ เปนผูท าํ ใหสดุ ทาง (ทุกข) . จบอรรถกภาอวกชุ ชติ สูตรที่ ๑๐ จบปคุ คลวรรควรรณนาท่ี ๓
พระสุตตันตปฎก องั คตุ รนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 104 รวมพระสตู รที่มใี นปุคคลวรรคนี้ คือ ๑. สวฏิ ฐสตู ร ๒. คลิ านสูตร ๓. สงั ขารสตู ร ๔. พหกุ ารสตู ร๕. วชิรสตู ร ๖. เสวติ พั พสูตร ๗. ชคิ ุจฉติ พั พสูตร ๘. คูถภาณสี ตู ร๙. อันธสูตร ๑๐. อวกชุ ชติ สตู ร และอรรถกถา.
พระสตุ ตนั ตปฎก อังคุตรนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 105 เทวทูตวรรคที่ ๔ ๑.พรหมสูตร วาดว ยพรหมของบตุ ร [๔๗๐] ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย มารดาบดิ า อนั บุตรแหงตระกลูทง้ั หลายใด บูชาอยูในเรือนของตน ตระกูลทัง้ หลายน้ัน ช่ือวามพี รหม ...มีบรุ พาจารย ... มอี าหุไนย คาํ วา พรหม ... บรุ พาจารย ... อาหไุ นย นี่ เปนคําเรียกมารดาบดิ าทง้ั หลา น่นั เพราะเหตอุ ะไร เพราะมารดาบิดาท้ังหลายเปน ผูมีอุปการะมาก เปนผฟู ูมฟก เลย้ี งดู แสดงโลกนแี้ กบตุ รทัง้ หลาย. (นิคมคาถา) มารดาบดิ าทง้ั หลายผูเ อ็นดปู ระชา ชอ่ื วาเปน พรหม เปน บุรพาจารย และเปน อาหไุ นยของบุตรท้ังหลาย เพราะเหตนุ น้ั แหละ บุตรผูมปี ญ ญา พึงนอบนอมสกั การะทาน ดว ยขา ว ดว ย น้ํา ดวยผา ดว ยที่นอน ดวยเครื่องอบ ดวยนํ้าสนานกาย และดวยการลางเทา เพราะการบํารงุ มารดาบิดานนั้ บัณ- ฑติ ทงั้ หลายยอมสรรเสริญบตุ รน้นั ใน โลกนีเ้ ทยี ว บตุ รนน้ั ละ (โลกนี้) ไปแลว ยอ มบนั เทงิ ในสวรรค. จบพรหมสตู รที่ ๑
พระสุตตนั ตปฎก องั คุตรนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 106 เทวทตู วรรควรรณนาท่ี ๔ อรรถกถาพรหมสตู ร พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ในพรหมสตู รที่ ๑ แหง เทวทูตวรรคท่ี ๔ ดังตอไปน้ี :- บทวา อชฺฌาคาเร ไดแกในเรือนของตน. บทวา ปูชติ า โหนตฺ ิความวา มารดาบดิ าเปนผอู ันบตุ รปฏบิ ตั บิ ํารงุ ดวยสง่ิ ของทอ่ี ยใู นเรือน. พระผูมพี ระภาคเจา ครนั้ ทรงประกาศตระกลู ท่บี ูชามารดาบดิ า วาเปนตระกูลมพี รหม (ประจําบาน) โดยมมี ารดาบดิ า (เปน พรหม) อยา งน้แี ลวบัดน้ี เมอ่ื จะทรงแสดงถงึ ขอทีม่ ารดาบิดาเหลานนั้ เปนบรุ พาจารยเ ปนตนจึงตรัสคาํ มอี าทิวา สปุพฺพาจรยิ กานิ (มีบรุ พาจารย) ดังน.้ี บรรดาบทเหลา นั้น บทวา พฺรหฺมา เปน ตน พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสไว เพอื่ ใหส าํ เรจ็ความเปน พรหมเปน ตน แกตระกูลเหลาน้นั . บทวา พหกุ ารา ไดแ กมีอปุ การะมากแกบตุ รท้ังหลาย. บทวา อาปาทกา ไดแ ก ถนอมชีวิตไว.อธิบายวา มารดาบดิ าถนอมชวี ติ บตุ ร คอื เลยี้ งดู ประคบประหงม ไดแกใหเปน ไปโดยตอเนือ่ งกัน. บทวา โปสกา ความวา เล้ียงดูใหมือเทา เตบิ โตใหด่ืมเลอื ดในอก. บทวา อิมสสฺ โลกสสฺ ทสเฺ สตาโร ความวา เพราะชือ่ วา การทีบ่ ตุ รท้งั หลายไดเหน็ อิฎฐารมณ และอนฏิ ฐารมณ ในโลกนีเ้ กดิมขี ้ึน เพราะไดอ าศยั มารดาบิดา เพราะฉะนั้น มารดาบิดาจงึ ช่อื วา เปนผแู สดงโลกน.้ี คําวา พรหม ในบทคาถาวา พฺรหมาติ มาตาปต โร น้ี เปน ชื่อของทานผปู ระเสรฐิ สุด. พระพรหมจะไมล ะภาวหา ๔ อยาง คือ เมตตา กรุณา
พระสตุ ตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 107มทุ ติ า อุเบกขา ฉันใด มารดาบดิ าทงั้ หลายกฉ็ ันน้นั เหมอื นกนั จะไมละภาวนา ๔ ในบตุ รท้ังหลาย ภาวนา ๔ เหลา นนั้ พงึ ทราบตามระยะกาลดงั ตอไปน้ี. อธิบายวา ในเวลาท่บี ุตรยังอยใู นทอง มารดาบิดาจะเกิดเมตตาจติอยา งน้ีวา เม่อื ไรหนอ เราจะไดเหน็ บุตรนอ ยปลอดภัย มอี วยั วะนอยใหญค รบบริบรู ณ. แตเมอ่ื ใดบตุ รนอยนั้นยงั เยาว นอนแบเบาะ มีเลอื ดไรไตต อมหรอืนอนกระสบั กระสา ย สงเสียงรองจา เม่ือนน้ั มารดาบดิ าคร้นั ไดย ินเสียงบตุ รน้นัจะเกิดความกรณุ า. แตใ นเวลาทีบ่ ตุ รวิ่งเลน ไปมา หรือในเวลาทบ่ี ตุ รตงั้ อยใู นวัยหนมุ วยั สาว มารดาบดิ ามองดูแลว จะมจี ติ ออนไหว บันเทงิ เรงิ ใจเหมอื นกับสาํ ลี และปุยนนุ ทเี่ ขายตี งั้ ๑๐๐ คร้ัง หยอ นลงในฟองเนยใสเมอื่ นน้ั มารดาบดิ าจะมีมุทติ า (จติ ). แตเมื่อใด บตุ รเริม่ มีครอบครวั แยก-เรอื นออกไป เม่ือนนั้ มารดาบดิ าจะเกิดความวางใจ วาบัดนี้ บตุ รของเราจะสามารถ จะเปนอยไู ดต ามลาํ พงั เมื่อเปนเชนนนั้ แลว เวลานัน้ มารดาบดิ าจะมอี ุเบกขา. ดว ยเหตดุ งั กลา วมานี้ พระผมู ีพระภาคเจา จงึ ตรัสวา พฺรหฺมาติมาตาปต โร ดงั นี้. บทวา ปุพฺพาจรยิ าติ วจุ ฺจเร ความวา แทจรงิ มารดาบดิ าทัง้ หลายจําเดิมแตบ ตุ รเกดิ แลว ยอ มใหบ ุตรเรยี น ใหบตุ รสาํ เหนียกวา จงนงั่ อยา งนี้จงยืนอยา งนี้ จงเดินอยางน้ี จงนอนอยา งน้ี จงเค้ยี วอยา งนี้ จงกนิ อยางน้ีคนนีบ้ ุตรควรเรียกพอ คนน้ีควรเรยี กพ่ี คนนคี้ วรเรียกนอง บตุ รควรทาํ สิง่ น้ีไมค วรทาํ สิ่งน้ี ควรเขาไปหาคนช่อื โนน คนช่ือโนนไมควรเขา ไปหา. ในเวลาตอ มา อาจารยเหลา อ่นื จงึ ใหศกึ ษาศลิ ปะเรือ่ งชาง ศลิ ปะเรื่องมา ศิลปะเร่ืองรถ ศิลปะเรื่องธนู และการนบั ดว ยนวิ้ มือเปน ตน. อาจารยเหลาอน่ื ใหสรณะอาจารยอ่ืนใหตงั้ อยใู นศลี อาจารยอ่นื ใหบรรพชา อาจารยอนื่ ใหเ รยี นพุทธพจน
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 108อาจารยอ่ืนใหอุปสมบท อาจารยอื่นใหบรรลโุ สดาปต ตมิ รรคเปน ตน. ดังนัน้อาจารยเ หลานั้นแมท งั้ หมด จึงชื่อวา เปนปจ ฉาจารย สวนมารดาบิดาเปนอาจารยกอ นกวาทกุ อาจารย (บรุ พาจารย) ดว ยเหตุนน้ั พระผูมีพระภาคเจาจงึ ตรัสวา ปุพฺพาจริยาติ วุจจฺ เร ดงั น.้ี บรรดาบทเหลา นั้น บทวา วจุ จฺ เรแปลวา เรียก คอื กลาว. บทวา อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตาน ความวา ยอ มควรไดร ับ ขา วน้าํ เปนตน ที่บตุ รจดั มาเพือ่ บชู า เพอ่ื ตอนรบั คอื เปนผูเหมาะสมเพ่อื จะรบัขาวและนาํ้ เปน ตนน้นั เพราะฉะน้นั พระผูม พี ระภาคเจาจึงตรัสวา อาหุเนยยฺ า จ ปตุ ฺตาน ดงั นี้. บทวา ปชาย อนกุ มฺปกา ความวา มารดาบดิ ายอมฟมู ฟก รักษาบุตรของตน แมโดยการฆา ชวี ิตของสตั วเหลา อน่ื เพราะฉะนน้ั พระผมู ีพระภาคเจา จึงตรัสวา ปชาย อนุกมปฺ กา ดังน.้ี บทวานมสฺเสยยฺ แปลวา ทาํ ความนอบนอม. บทวา สกกฺ เรยฺย ความวา พงึนบั ถอื โดยสกั การะ. บัดนี้ เพื่อจะทรงแสดงสักการะนนั้ จงึ ตรัสคาํ มอี าทวิ า อนเฺ นนดังน.้ี บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา อนเฺ นน ไดแก ขา วยาคู ภัตร และของควรเคย้ี ว. บทวา ปาเนน ไดแ กปานะ ๘ อยาง. บทวา วตฺเถน ไดแกผาสาํ หรบั นงุ และผา สําหรบั หม . บทวา สยเนน ไดแ ก เครอ่ื งรองรับ คือเตียงและตงั่ . บทวา อจุ ฺฉาทเนน ไดแ ก เคร่ืองลูบไล สาํ หรบั กําจัดกลนิ่ เหมน็ ทาํ ใหมกี ลิ่นหอม. บทวา นหาปเนน ความวา ดวยการใหอาบรดตวั ดวยน้าํ อุนในหนาหนาว ดวยนํา้ เย็นในหนารอ น. บทวา ปาทานโธวเนน ความวา ดวยการใหลางเทา ดว ยนาํ้ อุนและน้ําเย็น และดว ยการทาดวยนํ้ามัน.
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 109 บทวา เปจจฺ คือไปสูปรโลก. บทวา สคเฺ ค ปโมทติ ความวากอ นอื่นในโลกน้ี มนษุ ยผเู ปน บัณฑติ เห็นการปรนนบิ ตั ใิ นมารดาบดิ า(ของเขา) แลว ก็สรรเสริญเขาในโลกนแ้ี หละ. เพราะมีการปรนนิบตั ิเปนเหตุ.ก็บุคคลผูบํารุงมารดาบิดานัน้ ไปสูปรโลกแลว สถติ อยูในสวรรค ยอ มราเรงิบันเทิงใจ ดวยทิพยส มบตั ดิ งั น้.ี จบอรรถกถาพรหมสตู รที่ ๑ ๒. อานนั ทสตู ร วา ดวยการเขาเจโตวมิ ตุ ติ และ ปญญาวิมตุ ติ [๔๗๑] ครั้งน้นั แล ทา นอานนทเ ขา ไปเฝาพระผมู ีพระภาคเจาครน้ั เขาไปถึงแลวถวายอภวิ าทพระผูม พี ระภาคเจา แลว นั่ง ณ ท่คี วรสว นหน่ึงทานอานนทผ ูน ั่ง ณ ทคี่ วรสว นขางหนึง่ แลว ไดก ราบทูลถามพระผมู พี ระ-ภาคเจา วา จะพงึ มีหรอื พระพุทธเจาขา การไดส มาธแิ หง ภกิ ษอุ ยางท่ีเปนเหตใุ หอ หังการ มมงั การ และ มานานสุ ัย ไมพงึ มใี นกายอนั มีวิญญาณนี้และ ... ในสรรพนิมิตภายนอก อนึ่ง เมือ่ ภิกษเุ ขา ถึงเจโตวมิ ตุ ติ ปญญาวมิ ตุ ติอนั ใหอ ยู อหังการ มมังการ และมานานุสยั ยอ มไมมี ภกิ ษุพึงเขา ถึงเจโตวมิ ตุ ติปญ ญาวิมุตติอันน้นั อยู (มหี รอื ). \"มไี ด อานนท การไดสมาธิอยา งน้ัน...\" \"มอี ยางไร พระพุทธเจาขา ...\" อานนท ความตรกึ อยางน้ียอ มมีแกภ กิ ษใุ นศาสนาน้ีวา นนั่ ละเอียดนัน่ ประณีต น่คี อื อะไร นี่คอื ธรรมเปน ทรี่ ะงบั สังขารท้งั ปวง เปน ท่ี
พระสตุ ตันตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 110สละอุปธิท้ังหมด เปนท่สี น้ิ ตัณหา เปน ทีห่ มดกําหนัด เปนที่ดับ คอื นิพพานมีอยา งนีแ้ ล อานนท การไดส มาธิอยา งน้ัน... กแ็ ล คาํ ที่เราหมายเอาความทก่ี ลา วมานี้ ไดก ลาวในปณุ ณกปญ หาในปารายนวรรควา ความหว่นั ไหวในโลกไหน ๆ ของ ผูใ ดไมมี เพราะพจิ ารณาเหน็ อารมณ อันยงิ่ และหยอ นในโลก เรากลาววา ผนู ั้น ซึ่งเปนคนสงบไมม ีโทษดุจควัน ไมมี ทกุ ขใจ ไมม คี วามหวงั ขา มชาตแิ ละชรา ได ดังน.้ี จบอานนั ทสูตรที่ ๒ อรรถกถาอานนั ทสตู ร พงึ ทราบวนิ ิจฉัยในอานันทสตู รที่ ๒ ดังตอ ไปนี้ :- บทวา ตถารโู ป แปลวา ชนดิ นนั้ . บทวา สมาธปิ ฏลิ าโภแปลวา การไดเ อกัคคตาแหงจิต. ในบทวา อมิ สมฺ ึ จ สวิ ฺ าณเก นี้พึงทราบอธิบายวา ในรา งกายท้ังสองฝาย คอื ทง้ั ของตน และของคนอ่นืทพี่ ระอานันทเถระเจากลาวไวว า อมิ สฺมึ (น้ี) โดยรวม (รา งกายทั้งสอง)เขา ดวยกัน เพราะมคี วามหมายวา เปนสวิญญาณกะ (มวี ญิ ญาน) เหมอื นกัน.บทวา อหงกฺ ารมมงกฺ ารมานานสุ ยา ไดแ ก กิเลสเหลาน้ี คอื ทฏิ ฐิ คอือหังการ ๑ ตัณหา คือ มมังการ ๑ อนุสัย คือ มานะ ๑. บทวา นาสฺสุ
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 111แปลวา ไมพึงม.ี บทวา พหิทธฺ า จ สพฺพนิมติ เฺ ตสุ ไดแ ก ในนมิ ิตท้ังหมดในภายนอกเหน็ ปานนี้ คอื รปู นิมติ ๑ สทั ทนมิ ิต ๑ คนั ธนมิ ิต ๑รสนิมิต ๑ โผฏฐัพพนมิ ิต ๑ สสั สตาทนิ ิมิต (นิมติ วา เที่ยงเปน ตน ) ๑ปคุ คลนมิ ติ ๑ ธรรมนิมติ ๑. บทวา เจโตวมิ ุตตฺ ึ ปฺาวมิ ุตฺตึ ไดแ ก ผลสมาธิ และผลญาณ.บทวา สยิ า แปลวา พงึ ม.ี บทวา อธิ านนฺท ภกิ ฺขโุ น ความวาดูกอ นอานนท ภิกษุในศาสนาน.ี้ ลกั ษณะของนิพพาน พระผมู พี ระภาคเจา เม่อื จะทรงแสดงพระนิพพานจึงตรัสวา เอต สนตฺ เอต ปณตี ดงั นี้. กน็ พิ พาน ชื่อวา สันตะ เพราะกิเลสทงั้ หลายสงบ. นิพพานช่ือวา สนั ตะ เพราะจิตตปุ บาทของผแู อบองิ สมาบตั ิ โดยคํานงึ วา พระ-นพิ พานเปนแดนสงบ แลว นั่งตลอดทงั้ วัน เปน ไปวา สงบแลวนัน่แหละ ดังนี้บา ง. บทวา ปณตี ความวา นพิ พานชื่อวาประณีต เพราะจติ ตปุ บาทของบคุ คลท่ีนงั่ เขา สมาบตั ิ ยอ มเปนไปวา ประณตี \". แมบ ทวา สพฺพสงขฺ าร-สมโถ เปน ตน ก็เปนไวพจนของนพิ พานนนั้ เหมือนกนั . ก็จิตตุปบาท ของบคุ คลผูน ่งั เขาสมาบตั ิท้ังวนั โดยคาํ นงึ วา ความสงบแหงสังขารท้ังหมดดังน้ี ยอมเปน ไปวา \"ระงับสงั ขารท้งั ปวง\" ฯลฯ อนงึ่เพราะความไมม ีแหง ตัณหากลา ว คือ เครือ่ งรอยรัดไวในภพ ๓ อันไดน ามวานิพพาน จติ ตุปบาทของบคุ คลผูน ง่ั เขา สมาบัตใิ นนพิ พานน้ันยอมเปนไปวานพิ พาน เพราะเหตุนัน้ นิพพานจึงไดนามวา สพฺพสงฺขารสมโถ เปนตน.ก็ในการพิจารณา คอื การคาํ นงึ ทงั้ แปดอยา งน้ี ในที่นจ้ี ะคํานงึ อยา งเดียวกไ็ ด ๒ อยางก็ได ท้ังหมดก็ไดเ หมอื นกนั .
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 602
Pages: