Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_34

tripitaka_34

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:35

Description: tripitaka_34

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 153 อรรถกถาทูตสตู ร พึงทราบวนิ ิจฉยั ในทตู สตู รที่ ๖ ดงั ตอ ไปนี้:- เทวทตู บทวา เทวทูตานิ ไดแก เทวทูตทั้งหลาย. ก็ในบทวา เทวทตู านินม้ี คี วามหมายของคาํ ดังตอไปนี้ มจั จุชอ่ื วา เทวะ ทูตของเทวะนัน้ ช่ือวาเทวทูต อธิบายวา คนแก คนเจบ็ และคนตาย เรียกวา เทวทูต เพราะเปนเหมอื นเตือนอยวู า บดั นี้ ทา นกาํ ลังเขา ไปใกลค วามตาย โดยมงุ หมายจะใหเ กิดความสังเวช. อนึง่ ชื่อวา เทวทูต เพราะหมายความวา เปนทตู เหมือนเทวดาบาง.อธบิ ายวา เม่ือเทวดาตกแตงประดับประดา แลว ยืนพดู อยใู นอากาศวา ทา นจักตายในวันโนน คาํ พูดของเทวดาน้นั คนตอ งเช่ือ ฉนั ใด แมคนแก คนเจ็บและคนตาย กฉ็ นั น้ันเหมอื นกัน เมือ่ ปรากฏกเ็ ปนเหมือนเตอื นอยูวา แมทา นกม็ ีอยางนีเ้ ปนธรรมดา และคําพูดนน้ั ของคนแก คนเจบ็ และคนตายเหลานั้นก็เปน เหมือนคาํ พยากรณข องเทวดา เพราะไมเ ปลยี่ นแปลงไปเปน อยา งอ่นื เลยเพราะเหตนุ ัน้ จงึ ช่ือวา เทวทูต เพราะเปนทตู เหมือนเทวดา. อีกอยา งหน่งึ ชอ่ื วา เปนเทวทูต เพราะเปนทูตของวสิ ทุ ธิเทพก็ไดอธบิ ายวา พระโพธสิ ตั วทกุ องค เหน็ คนแก คนเจบ็ คนตาย และนักบวชเทา นัน้ กถ็ งึ ความสังเวชแลวออกบวช. คนแก คนเจบ็ คนตาย และนักบวชชอื่ วา เทวทตู เพราะเปนทูตของวิสทุ ธเิ ทพท้ังหลายบา ง ดงั พรรณนามาน.้ี แตใ นสตู รนี้ ทา นกลาววา เทวทูตานิ เพราะลิงควปิ ล ลาส.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 154 พญายมถามเทวทตู ถามวา เพราะเหตุไร พระผมู พี ระภาคเจา จึงทรงเริ่มคําวา กาเยนทุจฺจรติ  เปน ตน ไว ? ตอบวา เพื่อทรงแสดงถึงกรรมของผเู ขา ถึงฐานะที่เปน เหตุ (ใหพ ญายม) ซักถามถึงฐานะของเทวทูตทงั้ หลาย. จริงอยู สัตวน ีย้ อมบงั เกิดในนรกดว ยกรรมน.้ี พญายมราช ยอมซกั ถามเทวทูตท้ังหลาย. บรรดาบทเหลานน้ั บทวา กาเยน ทจุ ฺจรติ  จรติความวา ประพฤติทจุ ริต ๓ อยา งทางกายทวาร. บทวา วาจาย ความวาประพฤตทิ จุ รติ ๔ อยา งทางวจีทวาร. บทวา มนสา ความวา ประพฤติทจุ ริต ๓ อยางทางมโนทวาร. นายนริ ยบาลมีจริงหรือไม ? ในบทวา ตเมน ภิกขฺ เว นิรยปาลา นี้ พึงทราบวินิจฉัยดงั ตอไปน้ีพระเถระบางพวกกลาววา นายนริ ยบาลไมมีหรอก กรรมตางหากเปน เหมอื นหุนยนตสรา งเหตุการณข ้ึน. คํานัน้ ถูกคดั คา นไวในคมั ภรี อภิธรรมแลว แลโดยนัยเปนตนวา ในนรกมนี ายนริ ยบาล และวา ใชแลว ผสู รางเหตกุ ารณกม็ ีอยู เปรียบเหมือนในมนุษยโลก ผสู รา งเหตุการณ คอื กรรม มอี ยูฉนั ใดในนรก นายนิรยบาล ก็มีอยฉู ันนัน้ เหมอื นกัน. พญายมคือเวมานกิ เปรต บทวา ยมสสฺ รโฺ  ความวา พญาเวมานิกเปรต ชอ่ื วา พญายมเวลาหนง่ึ เสวยสมบตั มิ ีตนกลั ปพฤกษท ิพย อทุ ยานทพิ ย และเหลานางฟอ นทิพย เปน ตน ในวมิ านทิพย เวลาหนึ่ง เสวยผลของกรรม. พญายมผตู ง้ั๑. ปาฐะวา เทวตานุยฺ ชฺ นฏ านุปกฺกมทสสฺ นตฺถ ฉบบั พมา เปน เทวทูตานยุ ุชฺ นฏ านปุ กฺกมกมมฺ ทสสฺ นฺต ว แปลตามฉบับพมา.

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 155อยูใ นธรรม มีอย.ู และพญายมอยางน้ัน ก็มไิ ดมีอยูแตพระองคเ ดียว แตวามีอยูถ ึง ๔ พระองค ที่ ๔ ประต.ู อธิบายศัพท อมตั เตยยะ อพรหมัญญะ บทวา อมตเฺ ตยโฺ ย ความวา บคุ คลผูเ ก้ือกูลแกม ารดา ชอ่ื วามตั เตยยะ อธิบายวา เปนผูปฏิบตั ิชอบในมารดา ผูไมเ กอื้ กูลแกมารดา ชื่อวาอมัตเตยยะ อธิบายวา ผูป ฏิบัติผิดในมารดา. แมในบทที่เหลือกม็ นี ัยนีแ้ ล. ในบทวา อพฺรหมฺ โฺ  นี้ มีอธบิ ายวา พระขีณาสพชือ่ วาเปนพราหมณ บุคคลผูป ฏิบัติผิดในพราหมณเหลา นั้น ช่อื วา อพรหมญั ญะ. บทวา สมนยุ ุชฺ ติ ความวา พญายมใหน ําระเบียบในการซกั ถามมาซกั ถาม. แตเ มือ่ ใหย ืนยันลทั ธิ ชอ่ื วา ซักไซ. เมอื่ ถามถึงเหตุ ชอื่ วาซกั ฟอก. ดวยบทวา นาททฺ ส (ขาพเจา มิไดเ ห็น) สตั วนรกกลาวอยางน้ันหมายถงึ วา ไมม ีเทวทูตอะไร ๆ ทถ่ี ูกสงไปในสํานกั ของตน. พญายมเตอื น ครงั้ นั้น พญายมทราบวา ผูนีย้ งั กาํ หนดความหมายของคาํ พูดไมไดตอ งการจะใหเขากาํ หนด จงึ กลา วคําเปน ตนวา อมฺโภ ดังนก้ี ะเขา. บรรดาบทเหลาน้นั บทวา ชณิ ฺณ ไดแก ทรดุ โทรมเพราะชรา. บทวาโคปานสวิ งฺก ไดแ ก โกง เหมอื นกลอนเรือน. บทวา โภคฺค ไดแ กงุมลง. พญายมแสดงถงึ ภาวะทบ่ี คุ คลนัน้ (มหี ลงั ) โกงนน่ั แล ดวยบทวาโภคคฺ  แมน ี้.

พระสุตตนั ตปฎ ก อังคุตรนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 156 บทวา ทณฑฺ ปรายน คือ มไี มเ ทาเปน ทีพ่ ่งึ ไดแก มไี มเ ทาเปนเพอื่ น. บทวา ปเวธมาน แปลวา ส่ันอย.ู บทวา อาตุร ไดแ กอาดรู เพราะชรา. บทวา ขณฺฑทนตฺ  ไดแ ก ชอ่ื วามีฟนหัก เพราะอานุภาพของชรา. บทวา ปลติ เกส แปลวา มผี มขาว (หงอก). บทวา วลิ ูน ไดแ กศรี ษะลาน เหมือนถกู ใครถอนเอาผมไป. บทวา ขลิตสิร ไดแ ก ศีรษะลานมาก. บทวา วลิต ไดแก เกิดร้วิ รอย. บทวา ติลกาหตคตฺต ไดแกมีตวั ลายพรอ ยไปดว ยจดุ ขาวจุดดํา. บทวา ชราธมฺโม ความวา มชี ราเปนสภาพคือไมพ น จากชราไปได ธรรมดาวาชรายอ มเปนไปในภายในตัวเรามีเองแมใ นสองบทตอมาวา พยฺ าธธิ มฺโม มรณธมฺโม ก็มนี ัยความหมายอยางเดียวกนั น้ีแล. เทวทตู ท่ี ๑ ในบทวา ปม เทวทตู  สมนยุ ุฺชิตวฺ า นี้ พึงทราบอธิบายดงั ตอ ไปนี้ ธรรมดาวา สัตวผ ูทรุดโทรมเพราะชรายอมกลา วโดยใจความอยางน้ีวา ดเู ถดิ ทานผูเจริญทั้งหลาย แมขาพเจากไ็ ดเปนหนมุ สมบูรณด ว ยพลังขาพลงั แขน และความวอ งไวเหมือนทานมาแลว (แตวา) ความสมบูรณดวยพลงัและความวองไวเหลานัน้ ของขา พเจาน้นั หายไปหมดแลว แมมอื และเทาของขา พเจากไ็ มท ําหนาท่ีของมอื และเทา ขา พเจากลายมาเปน คนอยางนกี้ ็เพราะไมพนจากชรา ก็แลไมใ ชแ ตเฉพาะขาพเจาเทา นัน้ ถึงพวกทานก็ไมพ นจากชราไปไดเ หมอื นกัน เหมอื นอยา งวา ชรามาแกขา พเจาฉันใด ชราก็จกั มา

พระสุตตนั ตปฎก อังคุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 157แมแกพ วกทา นฉนั นน้ั เพราะชราน้ันมาอยา งที่กลาวมานี้ ในวันขา งหนา นน่ั แลขอใหท า นท้ังหลายจงทาํ แตค วามดีเถิด. ดวยเหตนุ ัน้ สัตวผ ูทรุดโทรมเพราะชรานน้ั จงึ ชื่อวา เปน เทวทตู . เทวทตู ท่ี ๒ บทวา อาพาธกิ  แปลวา คนเจ็บ. บทวา ทกุ ขิต แปลวามีทุกข. บทวา พาฬฺหคิลาน แปลวา เปน ไขห นกั เหลอื ประมาณ. แมในท่ีนี้ ธรรมดาวา สตั วผ ูเจบ็ ปวยยอมกลาวโดยใจความอยา งนวี้ า ดเู ถิด ทานผเู จริญท้ังหลาย แมขาพเจา ก็เปนคนไมม ีโรคะเหมือนพวกทานมาแลว แตวาบัดนี้ ขาพเจาน้นั ถกู ความเจบ็ ปว ยครอบงาํ จมอยูก บั ปส สาวะอจุ จาระของตนแมแตจ ะ (ยันกาย) ลกุ ขน้ึ กย็ งั ไมส ามารถ มือเทาของขาพเจา แมจ ะมีอยูกท็ าํ หนาท่ีของมือเทาไมได ขา พเจา กลายเปนคนเชน น้ีกเ็ พราะไมพ นไปจากพยาธิ (ความเจบ็ ไข) กแ็ ลไมใ ชแตเ ฉพาะขา พเจา เทานัน้ แมพ วกทา นก็ไมพนจากพยาธเิ หมือนกนั เหมอื นอยา งวา พยาธมิ าแกข า พเจา ฉนั ใด พยาธิก็จักมาแมแ กพวกทาน ฉันนนั้ เพราะพยาธนิ นั้ มาอยางที่กลาวมานี้ในวนั ขา งหนา แน ขอใหทา นท้งั หลายจงทาํ แตค วามดเี ถิด. เพราะเหตุนน้ั สัตวผเู จบ็ปว ยนนั้ จึงชอื่ วา เปนเทวทตู . เทวทตู ที่ ๓ ในบทวา เอกาหมต เปน ตน พึงทราบวินจิ ฉยั ดงั ตอ ไปนี้สัตวน ั้นตายไดว ันเดียว เพราะเหตุนัน้ จึงช่ือวา เอกาหมตะ. (ทานไมเ ห็น)สตั วตายในวันเดยี วน้ัน (หรือ). แมในสองบทตอมา (คอื ทฺวีหมต วา ตหี มตวา) ก็มนี ยั นี้แล. ซากศพ ชอ่ื วา อุทธุมาตกะ เพราะข้ึนพองโดยภาวะทอี่ ืด สูงขึน้ ตามลาํ ดับนบั ตั้งแตส ิ้นชวี ิตไป เหมอื นสูบท่ีเตม็ ดวยลมฉะนน้ั .

พระสตุ ตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 158 ซากศพท่มี สี ี (เขยี ว) ขึน้ ปริไปทั่ว เรยี กวา วนิ ีละ วินลี ะนน้ั เองชอ่ื วา วนิ ีลกะ. (ทา นไมเ หน็ ) ซากศพท่เี ขียวคล้าํ นน้ั (หรอื ). อกี อยา งหน่งึซากศพท่ีเขียวคล้ํานั้น นบั วา นารงั เกยี จเพราะเปน ของนา เกลยี ด. บทวาวปิ พุ ฺพก ไดแ ก ซากศพท่มี นี ้าํ เหลืองไหลเยิ้ม. อธิบายวา ซากศพท่ีเปรอะเปอนไปดวยน้ําเหลืองท่ีไหลออกจากทท่ี ีแ่ ตกปริ. ในบทวา ตตยิ  เทวทูต น้ี มอี ธิบายวา ธรรมดาวา สัตวต ายยอ มบอกเปนความหมาย อยา งนว้ี า ดูเถิด ทานผเู จรญิ ทงั้ หลาย (จงด)ู ขา พเจาถูกทอดทงิ้ ไวในปา ชา ผีดิบ ถงึ ความเปน สภาพท่ีพองอดื เปนตน กข็ า พเจากลายเปน เชนนก้ี เ็ พราะไมพน จากความตาย ก็แลไมใชแตเฉพาะขาพเจา เทานนั้แมพ วกทา นก็ไมพ นจากความตายเหมอื นกนั เหมอื นอยา งวา ความตายมาแกข าพเจา ฉันใด กจ็ ักมาแกพวกทา น ฉันนน้ั เพราะความตายนน้ั จะมาอยา งที่กลา วมานใ้ี นวันขางหนาแน ขอใหท านทั้งหลายจงทาํ แตค วามดีเถดิ .ดว ยเหตนุ น้ั สัตวตายน้ันจงึ จดั เปนเทวทตู . ใครถกู ถามถึงเทวทูต - ใครไมถ กู ถาม ถามวา กก็ ารถามถงึ เทวทูตน้ี ใครได ใครไมไ ด (ใครถูกถามใครไมถกู ถาม). ตอบวา บคุ คลใดทําบาปไวม าก บคุ คลนัน้ (ตายแลว ) ไปเกิดในนรกทันที. แตบุคคลใดทาํ บาปไวน ิดหนอ ย บุคคลนัน้ ยอมได (ถูกถาม). อุปมาเหมอื น ราชบรุ ษุ จบั โจรไดพรอ มของกลาง ยอ มทาํ โทษที่ควรทําทันที ไมตอ งวนิ จิ ฉยั ละ แตผูที่เขาสงสัยจับได เขาจะนาํ ไปยังท่สี าํ หรบัวินิจฉัย. บคุ คลนั้นยอมไดรบั การวินจิ ฉยั ฉนั ใด ขอ อปุ ไมยนกี้ ฉ็ ันนนั้ .เพราะผูท ่ีมบี าปกรรมนิดหนอยยอ มระลึกไดตามธรรมดาของตนเองบาง ถูกเตือนใหระลกึ จึงระลึกไดบ า ง.

พระสุตตันตปฎ ก องั คุตรนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 159 ตวั อยางผูท่ีระลึกไดต ามธรรมดาของตน ในการระลกึ ไดเ องและถูกเตอื นใหระลกึ นั้น มีตัวอยา งดังตอ ไปน้ี ทมิฬชือ่ ทีฆชยันตะระลกึ ไดเ องตามธรรมดาของตน. เลากนั วา ทมฬิน้ันเอาผา แดงบชู าอากาสเจดีย (เจดียระฟา) ท่ีสมุ นคิรมิ หาวิหาร ตอมา (ตายไป)บังเกดิ ในทใี่ กลอ ุสสุทนรก ไดฟ งเสียงเปลวไฟ๑ จึงหวนระลกึ ถงึ ผา (แดง)ท่ตี นเอาบูชา (อากาสเจดยี ) เขาจงึ (จตุ ิ) ไปบังเกดิ ในสวรรค. มอี กี คนหน่งึ ถวายผา สาฎกเนือ้ เกลี้ยงแกภิกษหุ นมุ ผเู ปนบตุ ร เวลาทีท่ อดผา ไวแทบเทา (พระลกู ชาย) ก็ถือเอานิมติ ในเสียง วาแผน ผา ๆ ได.ตอมา บรุ ษุ น้ัน (กต็ ายไป) บังเกดิ ในทใ่ี กลอสุ สุทนรก หวนระลึกถงึผาสาฎกนัน้ ได เพราะ (ไดยิน) เสียงเปลวไฟ จึง (จตุ )ิ ไปบงั เกดิ ในสวรรค. ชนท้ังหลาย ผเู กิดในนรกระลกึ ถึงกุศลกรรมไดตามธรรมดาของตนแลว (จตุ ิไป) บงั เกดิ ในสวรรค ดังพรรณนามานี้กอ น. สว นสัตวผ ูร ะลกึ ไมไดตามธรรมดาของตน พญายมยอมถามถงึเทวทตู ๓. บรรดาสตั วเหลานนั้ ลางตนระลกึ ไดเ พียงเทวทูตที่ ๑ เทา นั้น(แต) ลางคนระลกึ ไดถ งึ เทวทูตท่ี ๒ และท่ี ๓. สัตวใ ดระลึกไมไ ดดวยเทวทตู ทง้ั ๓ พญายมจะเตอื นสตั วนั้นใหระลกึ ไดเ อง. ตวั อยา งผูถกู เตอื น เลากันมาวา อํามาตยค นหน่งึ บูชาพระมหาเจดยี  ดวยดอกมะลิ ๑ หมอแลว ไดแบง สว นบุญใหแกพ ญายม. นายนิรยบาลทง้ั หลายไดน ําเขาผูบ ังเกดิ ในนรกดว ยอกุศลกรรมไปยังสํานกั พญายม. เม่ือเขาระลกึ ถงึ กุศลไมไดด ว ยเทวทูตทั้ง ๓ พญายมจงึ ตรวจดูเอง พลางเตอื นเขาใหร ะลกึ วา ทานไดบูชาพระ-มหาเจดียด วยดอกมะลิ ๑ หมอ แลวไดแ บงสวนบญุ ใหเรามิใชหรอื ?๑. ปาฐะวา ชาลสททฺ  ฉบับพมาเปน อคฺคชิ าลสทฺท แปลตามฉบับพมา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 160 เวลานั้น เขาก็ระลกึ ได (ข้นึ มาทันทจี ึงจตุ ิ) ไปบงั เกดิ ยงั เทวโลกฝา ยพญายม แมต รวจดดู ว ยพระองคเ องแลว เม่ือไมเ หน็ ก็จะทรงนงิ่ เสยี ดวยทรงดาํ ริวา สัตวน จ้ี กั เสวยทกุ ขมหนั ต. การลงโทษในนรก บทวา ตตตฺ  อโยขีล ความวา นายนิรยบาลท้งั หลายจบั อัตภาพ(สูงใหญ) ประมาณ ๓ คาวตุ ใหนอนหงายบนพนื้ โลหะที่ไฟลกุ โชนแลวเอาหลาวเหล็กขนาดเทาตน ตาลแทงเขา ไปที่มือขวา ท่มี ือซายเปน ตน (กท็ าํ )เหมือนกนั . นายนริ ยบาลจะจับสตั วนรกน้นั ใหน อนควา่ํ หนา บาง ตะแคงซา ยบาง ตะแคงขวาบาง เหมือนใหนอนหงายแลวลงโทษฉันนั้นเหมอื นกัน. บทวา ส เวเสตวฺ า ความวา (นายนริ ยบาล) จับอตั ภาพประมาณ๓ คาวุตใหน อนบนพืน้ โลหะทไี่ ฟลุกโชน. บทวา กุ ารหี ิ ความวาถากดว ยผ่งึ ใหญข นาดเทาหลงั คาเรือนดา นหนึ่ง. เลอื ดไหลนองเปนแมน้ําเปลวไฟลกุ โชนจากพื้นโลหะไปตดิ ที่ทีถ่ กู ถาก. ทกุ ขมหนั ตเ กิดขึน้ (แกสัตวนรก) สว นนายนิรยบาลทง้ั หลาย เมอื่ ถากก็ถากใหเปน ๘ เหล่ยี มบาง ๖เหลีย่ มบา ง เหมือนตเี สน บนั ทัดถากไม. บทวา วาสหี ิ คอื ดว ยมดี ท้งั หลายมีขนาดเทากระดง ใหญ. บทวา รเถ โยเชตฺวา ความวา (นายนริ ยบาลทงั้ หลาย) เทยี มสตั วน รกน้ันใหลากรถพรอมกบั แอก เชอื ก แปรก ลอรถ ทบู และปฏกั ซ่งึมไี ฟลุกโพลงรอบดา น. บทวา มหนตฺ  คอื มปี ระมาณเทาเรือนยอดขนาดใหญ.บทวา อาโรเปนตฺ ิ ความวา ตดี วยฆอ นเหล็กทไี่ ฟลกุ โชติชว ง แลว บังคับใหขึน้ (ภูเขาไฟ). บทวา สกปึ  อทุ ธฺ  ความวา สัตวน รกน้นั (ถกู ไฟเผาไหม)พลา นขนึ้ ขา งบน จมลงขางลาง และลอยขวาง คลายกบั ขา วสารที่ใสลงไปใน

พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 161หมอท่ีเดอื ดพลาน ฉะนน้ั . บทวา มหานริ เย คือ ในอเวจีมหานรก. บทวา ภาคโส มิโต คอื (มหานรก) แบง ไวเปนสวนๆ. บทวาปรยิ นโฺ ต คือ ถูกลอมไว. บทวา อยสา คอื ถูกปด ขา งบนดว ยแผนเหล็ก.บทวา สมนตฺ า โยชนสต ผรติ ฺวา ติฏติ ความวา เปลวไฟ พวยพงุไปอยอู ยา งนัน้ . เม่ือสัตวนรกนั้นยืนดอู ยูในที่ ๑๐๐ โยชน โดยรอบ นัยนต ากจ็ ะถลนออกมาเหมอื นกอนเนื้อ ๒ กอ นฉะนั้น. บทวา หนี กายปู คา ความวา เขาถึงกาํ เนิดทตี่ ํา่ . บทวา อปุ าทาเนไดแกใ นปาชฎั คือตัณหาและทิฏฐ.ิ บทวา ชาติมรณสมฺภเว ไดแ ก เปนเหตุแหง ชาติและมรณะ. บทวา อนุปาทา ไดแกเพราะไมย ดึ ม่ันดวยอุปาทาน ๔.บทวา ชาตมิ รณสงขฺ เย ความวา หลุดพนในเพราะนิพพาน อนั เปน แดนสน้ิไปของชาตแิ ละมรณะ. บทวา ทิฎ ธมมฺ าภินพิ ฺพตุ า ความวา ดบั สนิทแลว ในเพราะดบั กิเลสทั้งหมดในทฏิ ฐธรรม คอื ในอัตภาพนี้นั่นแล. บทวา สพฺพ ทกุ ขฺ อุปจจฺ คุ ความวา ลวงเลยวฏั ทุกขทัง้ หมด. จบอรรถกถาทูตสวรรคที่ ๖

พระสตุ ตนั ตปฎก องั คตุ รนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 162 ๗. ปฐมราชสูตร วาดวยทาวโลกบาลตรวจโลก [๔๗๖] ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ในดิถที ่ี ๘ แหงปกษ พวกอาํ มาตยบริวารของมหาราชทง้ั สเ่ี ทยี่ วดโู ลกน้ี ดิถีที่ ๑๔ แหง ปกษ พวกบุตรของมหาราชท้ังสี่ เท่ียวดโู ลกนี้ วนั อโุ บสถ ๑๕ ค่าํ นั้น มหาราชทง้ั สี่ เท่ียวดูโลกน้ดี วยตนเอง (เพอื่ สาํ รวจ) วา ในหมูม นษุ ย คนทเี่ กอื้ กูลมารดาบดิ าบาํ รงุ สมณพราหมณ ออนนอมตอ ผใู หญใ นสกุล อธิษฐานอุโบสถ ถือปฎิชาครอโุ บสถ ทําบญุ มีจํานวนมากอยูหรอื ถาในหมมู นษุ ย คนท่เี กอื้ กูลมารดาบิดา ฯลฯ ทาํ บุญมจี าํ นวนนอ ย มหาราชทงั้ ส่ีกบ็ อกแกค ณะเทวดาดาวดงึ สผนู ง่ั ประชุมในสธุ มั มาสภาวา ขา แตท า นผูน ริ ทุกขทัง้ หลาย ในหมูมนษุ ย คนทเ่ี กอื้ กลู มารดาบิดา ฯลฯ ทาํ บุญมีจํานวนนอย เพราะขอทบ่ี อกนัน้คณะเทวดาดาวดึงสกเ็ สยี ใจ (บนกนั ) วา ทพิ ยกายจักเบาบางเสยี ละหนออสุรกายจักเต็มไป แตถ าในหมมู นุษย คนที่เก้ือกลู มารดาบดิ า ฯลฯ ทาํ บุญมจี ํานวนมาก มหาราชทัง้ ส่กี ็บอกแกคณะเทวดาดาวดึงส ณ สุธรรมสภาวาขาแตทานผนู ิรทุกขท ัง้ หลาย ในหมมู นษุ ย คนทเี่ กื้อกูลมารดาบดิ า ฯลฯทาํ บุญมีจาํ นวนมาก เพราะขอทีบ่ อกนั้น คณะเทวดาดาวดงึ สก ็ชืน่ ชม (แสดงความยินด)ี วา ทพิ ยกายจักบรบิ รู ณล ะพอคุณ อสุรกายจกั เบาบาง. จบปฐมราชสูตรท่ี ๗

Edited by Foxit Reader Copyright(C) by Foxit Software Company,2005-2006 For Evaluation Only. พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 163 อรรถกถาปฐมราชสูตร พงึ ทราบวินจิ ฉัยในปฐมราชสูตรที่ ๗ ดังตอไปนี:้ - เทวดาตรวจดโู ลกมนุษย บทวา อมจจฺ า ปารสิ ชชฺ า ไดแกป ารจิ าริกเทวดา (เทวดารบั ใช) .บทวา อมิ  โลก อนุวิจรนตฺ ิ ความวา ไดย นิ วา ในวัน ๘ คา่ํ ทา วสักกเทวราชทรงบญั ชาทาวมหาราชาทัง้ ๔ วา ทา นทง้ั หลาย วนั นเี้ ปน วนั ๘ ค่าํทานทั้งหลายจงทองเทย่ี วไปยังมนุษยโลก แลว จดเอาช่ือและโคตรของมนุษยทที่ ําบญุ มา. ทาวมหาราชทง้ั ๔ น้นั กก็ ลับไปบัญชาบรวิ ารของตนวา ไปเถิดทา นท้งั หลาย ทานจงทองเทยี่ วไปยังมนุษยโลก เขยี นชื่อและโคตรของมนษุ ยท ่ีทําบุญลงในแผนทองแลว นํามาเถิด. บริวารเหลา นนั้ ทําตามคาํ บญั ชานน้ัดวยเหตนุ ้นั พระผูม ีพระภาคเจา จึงตรัสวา อมิ  โลก อนุวจิ รนฺติ ดงั นี.้บทวา กจฺจิ พหู เปน ตน พระผมู พี ระภาคเจาตรัสไว เพื่อแสดงอาการตรวจตราดขู องเทวดาเหลาน้นั . จริงอยู เทวดาท้งั หลายทอ งเทีย่ วไปตรวจตราดูโดยอาการดงั กลาวมาน้ี. การรักษาอโุ บสถ บรรดาบทเหลา น้นั บทวา อุโปสถ อปุ วสนฺติ ความวา มนษุ ยทั้งหลายอธิษฐานองคอุโบสถเดอื นละ ๘ คร้งั . บทวา ปฏชิ าคโรนตฺ ิ ความวาทาํ การ (รักษา) ปฏชิ าครอุโบสถ. ชนท้งั หลายเมอ่ื ทาํ การ (รักษา) ปฏิชาคร

Edited by Foxit Reader Copyright(C) by Foxit Software Company,2005-2006 For Evaluation Only. พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 164อุโบสถน้ัน ยอมทาํ ดวยการรบั และการสงวนั อุโบสถ ๔ วนั ในกึง่ เดือนหน่ึง(คือ) เมื่อจะรับอุโบสถวัน ๕ คาํ่ ก็ตองเปนผูร ักษาอโุ บสถในวนั ๔ คํ่าเมื่อจะสงอโุ บสถกส็ ง ในวัน ๖ คาํ่ . เม่อื จะรบั อโุ บสถวนั ๘ ค่าํ กต็ อ งเปนผูรักษาอุโบสถในวนั ๗ ค่ํา เม่ือจะสงอุโบสถก็สงในวนั ๙ คํ่า. เมอ่ื จะรับอโุ บสถวนั ๑๔ คา่ํ กต็ องเปน ผรู ักษาอุโบสถในวนั ๑๓ คาํ่ เมื่อจะสงอโุ บสถกส็ ง ในวัน ๑๕ ค่ํา. เม่อื จะรบั อโุ บสถวัน ๑๕ ค่าํ ก็ตองเปน ผูรักษาอโุ บสถในวัน ๑๔ คาํ่ เม่ือจะสงอโุ บสถกส็ งในวันแรม ๑ ค่ํา. บทวา ปุ ฺ านิ กโรนตฺ ิ ความวา มนุษยทั้งหลายทาํ บญุ มีประการตาง ๆ มีการถงึ สรณะ รับนิจศีล บชู าดวยดอกไม ฟง ธรรม ตามประทีปพนั ดวง และสรา งวิหารเปนตน . เทวดาเหลา นั้น ทอ งเที่ยวไปอยา งน้ีแลว เขยี นชือ่ และโคตรของมนุษยผทู ําบุญลงบนแผน ทอง แลว นาํ มาถวายทา วมหาราชทัง้ ๔. บทวา ปตุ ฺตา อิม โลก อนวุ ิจรนฺติ ความวา (โอรสของทา วมหาราชทัง้ ๔) ทอ งเท่ียวไป (ตรวจดู) เพราะถกู ทาวมหาราชทง้ั ๔สงไปตามนัยกอนนนั้ และ บทวา ตทหุ แปลวา ในวนั นน้ั . บทวา อโุ ปสเถแปลวา ในวนั อุโบสถ. บทวา สเจ ภิกฺขเว อปปฺ กา โหนตฺ ิ ความวา บริษทัอาํ มาตยข องทา วนหาราชทงั้ ๔ เขาไปยังคาม นิคม และราชธานีเหลาน้นั ๆ. ก็เทวดาทีอ่ าศยั อยตู ามคาม นิคม และราชธานีเหลาน้ัน ๆ ทราบวา อํามาตยของทา วมหาราชทง้ั หลายมาแลว ตางก็พากนั ถือเคร่ืองบรรณาการไปยงั สาํ นักของเทวดาเหลาน้นั .

พระสุตตนั ตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 165 เทวดาอาํ มาตยเหลา น้นั รับเครือ่ งบรรณาการแลว กถ็ ามถึงการทําบญุ ของมนษุ ยท ้งั หลาย ตามนัยทก่ี ลาวไวว า ทานผนู ิรทุกขท้ังหลาย มนุษยจาํ นวนมากยังเกอื้ กลู มารดาอยหู รอื ? เมื่อเทวดาประจาํ คาม นคิ ม และราชธานีรายงานวา ใชแลว ทา นผูน ริ ทกุ ข ในหมูบ านนี้ คนโนน และคนโนน ยังทาํ บญุอยู กจ็ ดชอื่ และโคตรของมนษุ ยเหลาน้นั ไวแลว ไปในท่อี ื่น. ตอมาในวนั ๑๔ คํ่า แมบ ุตรของทาวมหาราชทั้ง ๔ กถ็ อื เอาแผนทองนน้ั แลวทองเที่ยวไป จดช่ือและโคตรตามนัยนัน้ นน่ั แล. ในวัน ๑๕ คํ่า อนัเปน วนั อุโบสถนนั้ ทา วมหาราชทัง้ ๔ กจ็ ดชอื่ และโคตรลงไปในแผน ทองนน้ันั่นแลว ตามนยั นั้น. ทาวมหาราชทัง้ ๔ นัน้ ทราบวา เวลานี้มมี นษุ ยนอยเวลานมี้ ีมนษุ ยมาก ตามจํานวนแผน ทอง. พระผูมีพระภาคเจา ทรงหมายเอาขอน้นั จึงตรัสคําเปนตน วา สเจ ภิกฺขเว อปฺปกา โหนฺติ มนุสสฺ า ดังนี.้ เทวดาชั้นดาวดงึ ส บทวา เทวาน ตาวตสึ าน ความวา เทวดาทัง้ หลายไดน ามอยา งนี้วา (ดาวดงึ ส) เพราะอาศัยเทพบตุ ร ๓๓ องค ผูเ กิดครง้ั แรก. สว นกถาวาดวยการอบุ ตั ิของเทวดาเหลาน้นั ไดอธิบายไวแ ลว อยา งพิสดารในอรรถกถาสักกปญ หสตู รในทีฆนกิ าย. บทวา เตน คือ เพราะการบอกน้ัน หรือเพราะมนษุ ยผูท ําบุญมนี อ ยน้นั . บทวา ทพิ ฺพา วต โภ กายา ปริหายสิ ฺสนตฺ ิความวา เพราะเทพบุตรใหมๆไมป รากฏ หมูเทวดาก็จกั เสอ่ื มส้นิ ไป เทวนครกวางยาวประมาณหน่งึ หม่ืนโยชน อันนา รนื่ รมย ก็จกั วางเปลา. บทวาปริปรู ิสสฺ นฺติ อสรุ กายา ความวา อบาย ๔ จกั เตม็ แนน. ดว ยเหตุนี้

พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 166เทวดาชนั้ ดาวดงึ ส จึงเสยี ใจวา พวกเราจกั ไมไ ดเลน นกั ษตั ร ทามกลางหมูเทวดาในเทวนครที่เคยเตม็ แนน. แมใ นสุกปก ษก พ็ งึ ทราบความหมายโดยอบุ ายนี้แล. พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั วา ภตู ปพุ ฺพ ภกิ ขฺ เว สกฺโก เทวานมนิ ฺโทดงั น้ี ทรงหมายถงึ เวลาทีพ่ ระองคเ ปนทา วสักกเทวราช. อกี อยา งหนง่ึ ทานกลา ววา พระผมู ีพระภาคเจาตรัสหมายถงึ อธั ยาศัยของทาวสกั กะพระองคห นึ่งบทวา อนุนยมาโน แปลวา เตือนใหร สู กึ . บทวา ตาย เวลาย คอืในกาลนัน้ . นพิ ทั ธอโุ บสถ ในบทวา ปาฏิหาริย ปกฺ ขฺจ นี้ พึงทราบวนิ ิจฉัยดงั ตอ ไปนี้อโุ บสถท่รี กั ษาติดตอกันตลอดไตรมาสภายในพรรษา ชือ่ วา ปาฏิหาริยปก ขอุโบสถ. เม่อื ไมส ามารถ (จะรกั ษา) อโุ บสถตลอดไตรมาสนน้ั ได อโุ บสถทีร่ กั ษาประจําตลอดเดือนหนึ่งในระหวางวนั ปวารณาทงั้ ๒ บาง เมือ่ ไมส ามารถ(จะรกั ษา) อุโบสถประจาํ ตลอดเดือนหนึง่ น้ันได (อุโบสถ) ก่งึ เดือนหนึง่ต้ังแตว ันปวารณาแรกบาง ก็ช่อื วา ปาฎิหาริยปกขอโุ บสถเหมือนกนั . บทวาอฏ งฺคสุสมาคต แปลวา ประกอบดวยองคคุณ ๘. บทวา โยปสสฺมาทโิ ส นโร ความวา สตั วแ มใดพงึ เปน เชน เรา. เลา กนั วา ทา วสกั กะทราบคณุ ของอุโบสถมปี ระการดงั กลาวแลว จึงละสมบัติในเทวโลกไปเขา จําอุโบสถเดอื นละ ๘ วัน. อีกนยั หน่ึง บทวา โยปสสฺ มาทโิ ส นโร ความวา สตั วแมใดพงึ เปนเชน เรา. อธิบายวา พึงปรารถนาเพ่อื ไดรบั มหาสมบตั .ิ ในขอนมี้ ีอธิบายดังนี้วา ก็บคุ คลสามารถทีจ่ ะไดร ับสมบตั ิของทา วสักกะดวยอุโบสถกรรม.เห็นปานน้ี.

พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนกิ าย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 167 อธบิ ายบทวา วสุ ติ วา เปนตน บทวา วุสติ วา ไดแ ก มกี ารอยจู บแลว. บทวา กตกรณโี ยไดแก ทาํ กิจท่ีควรทําดวยมรรค ๔ อยู. บทวา โอหติ ภาโร ไดแ กปลงขันธภาระ กิเลสภาระและอภสิ ังขารภาระอยู. บทวา อนปุ ฺปตตฺ สทตฺโถความวา อรหัตผลเรียกวา ประโยชนข องตน บรรลุประโยชนของตนนั้น.บทวา ปรกิ ฺขีณภวส โยชโน ความวา ชอื่ วามีสงั โยชนเ คร่อื งผกู สตั วไ วใ นภพหมดส้ินแลว เพราะสังโยชนท ีเ่ ปนเหตใุ หผูกสตั ว แลวฉุดคราไปในภพทง้ั หลายสิน้ แลว . บทวา สมมฺ ทฺ าวมิ ุตฺโต ความวา หลดุ พนเพราะรูโดยเหตุ โดยนยั โดยการณะ. บทวา กลฺล วจนาย แปลวา ควรเพอ่ื จะกลาว. บทวา โยปสสฺมาทิโส นโร ความวา แมบ คุ คลใดจะพงึ เปน พระขีณาสพเชนกับเรา บคุ คลแมนน้ั พึงเขา จําอโุ บสถเห็นปานนี้ คือ เมอ่ื รูคุณของอโุ บสถกรรมพึงอยอู ยางน.้ีอีกนัยหน่ึง บทวา โยปสฺส มาทโิ ส นโร ความวา สัตวแ มใ ดพงึ เปนเชน กับเรา. อธบิ ายวา พงึ ปรารถนาเพอ่ื ไดรับมหาสมบัต.ิ ในบทนีม้ อี ธิบายดงั นี้วา กบ็ คุ คลสามารถทจี่ ะไดร ับสมบัติของพระขณี าสพ ดวยอุโบสถกรรมเหน็ ปานนี้. จบอรรถกถาราชสตู รท่ี ๗

พระสตุ ตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 168 ๘. ทตุ ยิ ราชสตู ร* วา ดวยการกลาวคาถาผดิ ฐาน และถกู ฐาน [๔๗๗] ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย เรือ่ งเคยมมี าแลว ทา วสกั กะจอมเทวดาเม่อื จะปลกุ ใจเหลาเทวดาดาวดึงส จึงภาษิตคาถาน้ใี นเวลานัน้ วา แมผใู ดพงึ เปน เชน ดงั ขา พเจา ผนู ้นั ก็พงึ ถอื อโุ บสถประกอบดวยองค ๘ ในดถิ ี ที่ ๑๔ ท่ี ๑๕ และท่ี ๘ แหง ปก ษ และถอื อุโบสถปาฏิหาริยปกษเ ถิด ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย กแ็ ลคาถาน้ันนั่น ทา วสักกะจอมเทวดาขับไมเขาที ไมเ ปนการขับดแี ลว กลาวไมเ หมาะ ไมเปน สภุ าษติ นั่นเพราะเหตุอะไรเพราะทาวสักกะจอมเทวดายังไมปราศจากราคะ...โทสะ...โมหะ สว นภกิ ษุผูเ ปน พระอรหนั ตสิน้ อาสวะแลว สําเรจ็ แลว ทํากจิ ทค่ี วรทําแลว ปลงภาระแลว เสรจ็ ประโยชนต นแลว ส้ินเครือ่ งรอยรัดไวในภพแลว หลดุ พน ดวยความรูช อบแลว จึงควรกลาวคาถานน่ั วา แมผ ูใดพงึ เปน เชนดงั ขา พเจา ผนู น้ั กพ็ ึงถอื อโุ บสถประกอบดว ยองค ๘ ในดิถี ที่ ๑๔ ท่ี ๑๕ และท่ี ๘ แหง ปก ษ และถอื อโุ บสถปาฏหิ ารยิ ปกษเ ถิด.นนั่ เพราะเหตุอะไร เพราะภกิ ษุนนั้ ปราศจากราคะ...โทสะ...โมหะแลว ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย เรอ่ื งเคยมีมาแลว ทา วสกั กะจอมเทวดา เม่อื จะปลุกใจเหลาเทวดาดาวดึงส จึงภาษติ คาถานีใ้ นเวลานน้ั วา* สตู รท่ี ๘ งา ยทัง้ น้นั ขอความบางสวนขยายความไวในอรรถกถาสูตรท่ี ๗ แลว

พระสุตตันตปฎก องั คุตรนิกาย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 169 แมผใู ดพึงเปน เชนขา พเจา ฯลฯ และ ถืออุโบสถปาฏหิ าริยปก ษเ ถดิ . กแ็ ลคาถานั้นน่ันทา วสักกะจอมเทวดาขับไมเ ขา ที ไมเ ปน การขบั ดีแลวกลา วไมเหมาะ ไมเปน สุภาษิต น่ันเพราะเหตุอะไร เพราะทาวสักกะจอมเทวดายังไมพ น จาก (ชาติ) ความเกิด (ชรา) ความแก (มรณะ) ความตาย (โสกะ)ความโศก (ปริเทวะ) ความคร่ําครวญ (ทุกขะ) ความทกุ ขกาย (โทมนัสสะ)ความทกุ ขใจ (อุปายาสะ) ความคับแคนใจ เรากลา ววายังไมพนทกุ ข สวนภิกษผุ ูเปนพระอรหันตสนิ้ อาสวะแลว ฯลฯ หลุดพนดวยความรชู อบแลว จึงควรกลา วคาถานัน่ วา แมผใู ดพงึ เปน เซนดงั ขา พเจา ฯลฯ และถอื อุโบสถปาฏหิ าริยปกษเถดิ .นนั่ เพราะเหตอุ ะไร เพราะภิกษนุ นั้ พน แลว จาก (ชาติ) ความเกิด ฯลฯ(อุปายาสะ) ความคบั แคน ใจ เรากลา ววาพนแลวจากทกุ ข. จบทุติยราชสูตรท่ี ๘ ๙.สุขมุ าลสตู ร วา ดว ยสุขมุ าลชาติ และความเมา ๓ ประการ [๔๗๘] ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย เราเปนสขุ ุมาล สุขุมาลยิ่ง สุขุมาลโดยสว นเดยี ว เราจะเลาใหฟง ในพระราชนเิ วศน พระบดิ าของเรา โปรดใหสรา งสระโบกขรณี สระหนง่ึ ปลูกอุบล สระหน่ึงปลูกปทุม สระหนง่ึ ปลูก

พระสุตตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 170บณุ ฑรกิ ๑ เพ่อื เราโดยเฉพาะ อนงึ่ เรามิใชใชแตจันทนกาสี ผา โพกของเรากเ็ ปน ผากาสี เสื้อกก็ าสี ผา นุง ก็กาสี ผา หมกก็ าส๒ี อนึ่ง เศวตฉตั ร เขาก้ันใหเ ราทง้ั กลางคืน ทง้ั กลางวนั เพอื่ วามิใหตองหนาว รอน ละออง หญานํ้าคา ง เรามปี ราสาท ๓ หลงั หลงั หนง่ึ สาํ หรับอยฤู ดหู นาว หลังหน่งึ สาํ หรบัอยฤู ดูรอน หลงั หนง่ึ สาํ หรับอยูฤดูฝน๓ เรานนั้ อนั นางนกั ดนตรไี มม ีบุรษุปนบําเรออยูในปราสาทฤดฝู นตลอด ๔ เดือนฤดฝู น มไิ ดลงไปภายลางปราสาทเลย ในพระราชนเิ วศนแ หงพระบดิ าเรา ใหขา วสาลกี บั เนื้อแกท าส กรรมกรและคนอาศยั เทากบั ในนเิ วศนผ อู ืน่ ๆ ทีใ่ หขาวปลายเปน สองกบั นาํ้ ผกั ดองแกทาส กรรมกร และคนอาศัย ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย เรานนั้ เพียบพรอมไปดว ยฤทธิ์เหน็ ปานนี้และความสขุ มุ าลเหลือเกินถงึ เชน น้ี ก็ยงั ไดค ิดวา ปถุ ชุ นผูมไิ ดสดับ ตวั เองกม็ อี ันจะตอ งแก ไมลว งพนความแกไ ปได แตเห็นคนอน่ื แกแลว อึดอัด ระอาชงิ ชงั ลืมตวั เสยี ทเี ดียว ถึงตัวเราเลา กม็ ีอนั จะตอ งแก ไมล ว งพน ความแกไปได กแ็ ตว า ขอซ่ึงเราเองก็เปน คนมอี นั จะตอ งแก ไมล วงพน ความแกไ ปไดอยูเหมือนกัน เหน็ คนอ่ืนแกแ ลว จะพงึ อึดอัด ระอา ชงิ ชัง น่นั ไมส มควรแกเราเลย ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เมือ่ เราพจิ ารณาเหน็ อยูเชนนี้ ความเมาในความหนุมไดห ายไปหมด ปถุ ชุ นผมู ิไดส ดับ ตวั เองก็มีอันจะตองเจบ็ ไข ไมลวงพน ความเจบ็ ไขไปได แตเห็นคนอน่ื เจ็บไขแลว อดึ อัด ระอา ชงิ ชัง ลืมตวั เสยี ทีเดียว๑. อุบล บวั สายหลากสี ปทมุ บัวกา นสแี ดง (บัวหลวง) บณุ ฑรกิ บวั กา นสีขาว๒. กาสี เปนชื่อแควน ซึ่งมเี มอื งพาราณสีเปนเมอื งหลวง สินคาของแควนน้ี มีหลายอยางขนึ้ ชื่อและราคาสูงในสมัยน้นั ซ่ึงคนชนั้ สุขุมาลนิยมใช ๓. ตามน้แี สดงวา คร้ังนน้ั นบั ฤดหู นาวเปนตนป ฤดฝู นเปนปลายป เพราะฉะนัน้ พรรษา (ฝนหรอื ฤดูฝน) จึงแปลวาป

พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 171ถึงตัวเราเลา กม็ อี ันจะตอ งเจบ็ ไข ไมล วงพนความเจ็บไขไ บได ก็แตวา ขอซงึ่ เราเองกเ็ ปน คนมอี ันจะตอ งเจบ็ ไข ไมล ว งพนความเจ็บไขไ ปไดอ ยูเหมือน-กัน เหน็ คนอื่นเจบ็ ไขแลว จะพงึ อึดอัด ระอา ชิงชัง นั่นไมส มควรแกเราเลย ภกิ ษุท้งั หลาย เมอ่ื เราพิจารณาเหน็ อยูเชนนี้ ความเมาในความไมมีโรคไดห ายไปหมด ปถุ ชุ นผูมไี ดส ดบั ตัวเองก็มีอนั จะตองตาย ไมล ว งพนความตายไปไดแตเ ห็นคนอืน่ ตายแลว อดึ อดั ระอา ชงิ ชงั ลมื ตวั เสียทเี ดียว ถึงตวั เราเลาก็มีอนั ละตอ งตาย ไมล วงพน ความตายไปได ก็แตว าขอซงึ่ เราเองกเ็ ปน คนมีอนั จะตอ งตาย ไมล ว งพน ความตายไปไดอยเู หมอื นกัน เหน็ คนอ่นื ตายแลวจะพึงอึดอดั ระอา ชงิ ชงั นน่ั ไมส มควรแกเราเลย ภกิ ษุท้ังหลาย เมือ่ เราพจิ ารณาเหน็ อยูเ ชน น้ี ความเมาในชวี ิต (ความเปน อยู) ไดหายไปหมด ดกู อนภิกษุท้งั หลาย ความเมา ๓ น้ี ๓ คืออะไร คอื ความเมาในความหนุม ๑ ความเมาในความไมม โี รค ๑ ความเมาในชีวิต ๑. ปุถชุ นผูมิไดส ดับ ทีเ่ มาในความหนมุ กด็ ี เมาในความไมมีโรคก็ดีและเมาในชวี ิตก็ดี ยอ มประพฤตทิ จุ ริตดวยกาย ดวยวาจาและดว ยใจ ปถุ ชุ นนน้ัครนั้ ประพฤติทจุ รติ ดวยกาย ดว ยวาจาและดวยใจแลว เพราะกายแตกตายไปยอ มเขา ถงึ อบายทุคติวินบิ าตนรก ภกิ ษุผเู มาในความหนุมกด็ ี เมาในความไมม ีโรคก็ดแี ละเมาในชวี ิตกด็ ี ยอ มลาสกิ ขากลบั เปนหนี เพศ** เพศทราม เพศต่าํ คือเพศฆราวาส.

พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 172 ปุถุชนทง้ั หลายก็เปนตามธรรมดาคือมีอนั จะตองเจบ็ มอี ันจะตองแกและมีอนัจะตอ งตาย แตเกลยี ดชงั (คนอนื่ ) ท่ีเปน ตามธรรมดาน้นั ขอซึ่งเราจะพงึ เกลียดชงั สภาพอนั -น้นั ในสัตวทัง้ หลาย ผมู อี ันจะตองเปนอยางน้นั นั่นไมสมควรแกเ ราผซู ง่ึ มอี นัเปนอยอู ยา งนน้ั เหมอื นกัน เม่อื เราเหน็ อยอู ยา งนนั้ ไดรธู รรมอันไมมอี ุปธแิ ลว ความเมาอนั ใดในความไมม โี รค ในความหนมุ และในชีวติเราครอบงําความเมาท้งั ปวงนน้ั เสีย ไดเ ห็นเนกขัมมะ ( การออกจากกาม) วาเปนความเกษม (ปลอดโปรง) ความอุตสาหะ(ในเนกขัมมะ) จึงไดม ีแกเราผเู ห็นพระ-นิพพานอยจู าํ เพาะหนา เด๋ียวนเ้ี ราเปนคนไมค วรจะเสพกามทง้ั หลายแลว เราจักเปน ผไู มถ อยกลับ มีพรหมจรรยเปนเบอ้ื งหนา. จบสขุ ุมาลสูตรท่ี ๙

พระสุตตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 173 อรรถกถาสุขุมาลสูตร พงึ ทราบวินิจฉยั ในอรรถกถาสุขุมาลสตู รที่ ๙ ดังตอ ไปน:้ี - สขุ มุ าลชาติ บทวา สุขุมาโล คอื (เราตถาคต) เปน ผูไมม ที ุกข. บทวาปรมสขุ มุ าโล คอื เปน ผูไมม ีทุกขอ ยางยงิ่ . บทวา อจฺจนตฺ สุขมุ าโลคือ เปนผไู มม ีทกุ ขต ลอดกาล. พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสคํานี้ เพราะทรงหมายถึงวา พระองคไ มม ที กุ ข นับต้ังแตเสดจ็ อบุ ัตใิ นเมืองกบิลพสั ด.ุ แตในเวลาทที่ รงบาํ เพ็ญทกุ รกริ ิยา ทกุ ขทีพ่ ระองคเสวยไมมที สี่ ุด. บทวา เอถตฺถา คือ ในสระโบกขรณีแหงหนึ่ง. บทวา อุปปฺ ลวปปฺ ติ ความวา เขาปลูกอบุ ลเขียวไว. สระโบกขรณีน้ัน ดาดาษดวยปาดอกอบุ ลเขียว. บทวา ปทุม ไดแ ก บวั ขาว. บทวา ปุณฑริก *ไดแ ก บวั แดง. สระโบกขรณีท้ังสองสระนอกนี้ ดาดาษไปดวยบัวขาวและบวั แดงดงั พรรณนามาน้.ี วิสสุกรรมเทพบุตรสรา งสระโบกขรณี ดงั ไดสดับมา ในเวลาที่พระโพธิสัตวม พี ระชนมายไุ ด ๗-๘ พรรษาพระราชา (สทุ โธทนะ) ตรสั ถามอํามาตยทัง้ หลายวา พวกเดก็ เล็ก ๆ ชอบเลนกีฬาประเภทไหน. อํามาตยทั้งหลายกราบทูลวา ชอบเลนนํ้า พระเจาขา.จากนั้น พระราชารบั ส่งั ใหประชมุ กรรมกรขดุ ดนิ แลวใหเลือกเอาทส่ี ําหรบัสรา งสระโบกขรณ.ี* บาลีวา ปทุม ไดแ ก บวั แดง ปณุ ฑริก ไดแก บวั ขาว.

พระสตุ ตนั ตปฎก องั คตุ รนิกาย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 174 เวลานน้ั ทาวสกั กเทวราชทรงใครค รวญดทู รงทราบความเปนไปนนั้แลว ทรงดาํ ริวา เครือ่ งใชข องมนุษยไ มสมควรแกพระโพธสิ ตั วเลย เครอื่ งใชทพิ ย (ตา งหาก) จงึ สมควร ดังน้ี แลว ตรัสเรียกวสิ สุกรรมเทพบุตรมาตรสั วาไปเถดิ พอ พอจงสรางสระโบกขรณใี นสนามเลนของพระมหาสัตว. วสิ สุกรรมเทพบตุ รทูลถามวา จะใหมีลักษณะอยางไร พระเจา ขา . ทาวสกั กะรับสงั่ วา สระโบกขรณตี อ งไมมโี คลนเลน เกล่ือนกลนดว ยแกว มณี แกว มกุ ดา และแกวประพาฬ ลอมรอบดว ยกาํ แพงแกว ๗ ประการพรอ มมลู ดวยบนั ไดทม่ี ีขัน้ บันไดทําดวยทอง เงิน และแกวมณี มีราวบนั ไดทาํ ดว ยแกวมณี มซี มุ บนั ไดทําดวยแกวประพาฬ และในสระนีต้ องมเี รอื ทาํ ดวยทอง เงิน แกว มณี และแกวประพาฬ ในเรอื ทองตอ งมบี ัลลังกเงนิ ในเรอื เงนิตอ งมีบลั ลังกทอง ในเรือแกว มณีตอ งมีบลั ลงั กแกวประพาฬ ในเรอื แกว ประพาฬตอ งมบี ัลลังกแ กว มณี ตอ งมีทะนานตกั นาํ้ ทาํ ดว ยทอง เงนิ แกว มณี และแกว ประพาฬ และสระโบกขรณตี องดาดาษดวยปทมุ ๕ ชนดิ . วสิ สกุ รรมเทพบตุ รรับพระบัญชาทา วสักกเทวราชวา ได พระเจา ขา ดังนี้ แลว ลงมาตอนกลางคืนสรา งสระโบกขรณีโดยทาํ นองนั้นน่นั แล ในทีท่ ี่พระราชารบั ส่ังใหเ ลอื กเอา. ถามวา กส็ ระโบกขรณีเหลานัน้ ไมม โี คลนเลนมิใชหรอื แลว ปทมุทั้งหลายบานในสระนี้ไดอ ยา งไร. ตอบวา ไดย ินวา วสิ สุกรรมเทพบุตรน้ันสรา งเรอื ลําเลก็ ๆ ทที่ ําดว ยทอง เงิน แกว มณี และแกว ประพาฬไวต ามท่ตี า ง ๆในสระโบกขรณเี หลานั้น แลวอธษิ ฐานวา เรือเหลานี้จงเตม็ ดว ยโคลนเลนเถิดและขอบวั ๕ ชนดิ จงบานในเรอื น้ีเถดิ . บวั ๕ ชนิด ก็บานแลว

พระสตุ ตันตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 175ดว ยประการดังพรรณนามาฉะนี.้ ละอองเกษรก็ฟงุ . หมูภ มร ๕ ชนิดก็พากนับินเคลาคลงึ . วิสสุกรรมเทพบตุ รสรา งสระโบกขรณีเหลานัน้ เสร็จอยางน้แี ลวก็กลับไปยงั เทวบรุ ีตามเดมิ . ครนั้ ราตรสี วา ง มหาชนเหน็ แลว ก็คดิ กันวา สระโบกขรณีคงจกั มใี ครนริ มติ ถวายพระมหาบรุ ษุ เปนแน จึงพากันไปกราบทลู ใหพระราชาทรงทราบ.พระราชามีมหาชนหอ มลอม เสด็จไปทอดพระเนตรดสู ระโบกขรณกี ท็ รงโสมนัสวา สระโบกขรณีเหลา นี้ เทวดาคงจักนิรมติ ขึน้ ดว ยบญุ ฤทธแิ์ หงโอรสของเรา. ตง้ั แตน ้ันมา พระมหาบุรษุ ก็เสดจ็ ไปทรงเลนน้ํา. บทวา ยาวเทว ในบทวา ยาวเทว มมฺตถาย น้ี เปนคํากําหนดถงึ เขตแดนแหงการประกอบ อธิบายวา เพยี งเพ่ือประโยชนแกเราเทา น้ันไมม ีเหตอุ ยางอืน่ ในเรื่องน.ี้ บทวา น โข ปนสสฺ าห ตดั บทเปน น โขปนสฺส อห . บทวา กาสกิ  จนฺทน ไดแ กไ มจนั ทนแควนกาสี เนอ้ืละเอยี ดออ น. บทวา กาสกิ  สุ เม ต ภิกขฺ เว เวน ความวาดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย แมผ าโพกศีรษะของเรา ก็เปน ผา แควนกาสี. ก็คําวาสุ และ ต ในบทวา กาสกิ  สุ เม ต เวน นเ้ี ปนเพียงนิบาต.บทวา เม เปนฉัฎฐวี ิภตั ิ. พระผมู พี ระภาคเจา ทรงแสดงวา ผา โพกศรี ษะของเราตถาคตเน้ือละเอียดแท. บทวา กาสิกา กจฺ ุกา ไดแก แมฉลองพระองค ก็เปนฉลองพระองคช นิดละเอยี ดออ น.๑ บทวา เสตจฺฉตตฺ  ธารยิ ติความวา ตงั้ เศวตฉตั รของมนษุ ย ทัง้ เศวตฉัตรทิพย ก็กั้นอยูเหนือศีรษะดว ยเหมือนกนั . บทวา มา น สติ  วา ความวา ขอความหนาวหรือความรอ นเปนตน อยางใดอยางหน่งึ อยาไดสมั ผสั พระโพธิสัตวน่ันเลย.๑. ปาฐะวา ปารปุ นกจฺ โุ ก จ สสี กจฺ โุ ก จ ฉบบั พมาเปน ปารปุ นกจฺ ุโกป สณฺนกญจโกจ แปลตามฉบบั พมา .

พระสุตตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 176 การสรา งปราสาท ๓ ฤดู บทวา ตโย ปาสาทา อเหส ความวา ไดย นิ วา เมอื่ พระ-โพธิสตั วป ระสตู แิ ลว มพี ระขนมายไุ ด ๑๖ พรรษา พระเจาสทุ โธทนะทรงดาํ ริวาจักใหสรา งปราสาทสําหรับพระราชโอรสประทับอยู จงึ รบั ส่ังใหช างไมม าประชุมพรอ มกนั แลว รบั ส่ังใหทําโครงรา งปราสาท ๙ ชน้ั ตามฤกษยามดีแลวใหส รา งปราสาท ๓ หลัง พระผมู ีพระภาคเจา ทรงหมายเอาปราสาทท้งั ๓ หลงัน้ัน จึงตรสั คาํ นี้วา ตโย ปาสาทา อเหสุ . ในบทวา เหมนตฺ ิโก เปน ตน มีอธิบายวา ปราสาทหลงั ท่ีทรงประทบั อยูไ ดอ ยางสาํ ราญในฤดูเหมันต ช่อื วา เหมันติกปราสาท (ปราสาทหลังท่ีประทบั อยใู นฤดูเหมันต) . แมในสองบทนอกนก้ี ม็ ีนยั น้แี ล. กใ็ นบทเหลานี้ มีความหมายของคาํ ดังนี้ การอยใู นฤดูเหมันต ชือ่ วา เหมันตะปราสาทชอื่ วา เหมันติกะ เพราะเหมาะสมกบั ฤดูเหมนั ต. แมใ นสองบทนอกนี้ก็มนี ยั นีแ้ ล. ปราสาทฤดูหนาว บรรดาปราสาทท้ัง ๓ หลงั น้นั ปราสาทในฤดเู หมันตมี ๙ ชั้น ก็แลชัน้(แตล ะช้ัน) ของปราสาทน้นั ไดตาํ่ ลงตาํ่ ลง (ตามลําดบั ) กเ็ พื่อใหรับไออุนประตูและหนาตา งท่ปี ราสาทหลังนั้นก็มีบานตดิ สนทิ ดไี มม ชี อ ง ชางไมทั้งหลายแมเ ม่อื ทําจติ รกรรมกเ็ ขยี นเปนกองไฟลุกสวางอยูในชน้ั น้นั ๆ กเ็ คร่อื งลาดพื้นในปราสาทนี้ทําจากผา กมั พล. ผามา น เพดาน ผา นุง ผา หม และผาโพกศรี ษะกเ็ หมอื นกนั (คอื ทําจากผา กัมพล). หนา ตา งก็เปดในตอนกลางวนัแลวปด ในตอนกลางคนื เพ่ือใหรับความรอ น.

พระสุตตนั ตปฎก องั คุตรนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 177 ปราสาทฤดรู อน ปราสาทฤดรู อ นมี ๕ ช้ัน. กช็ ้ัน (แตล ะช้ัน) ในปราสาทนี้ (ยก)สูง ไมคับแคบเพอื่ ใหรับไอความเย็น. ประตแู ละหนาตา งปด ไมส นทิ นักมชี อ ง และติดตาขา ย. ในงานจิตรกรรม เขาไดเขยี นเปน ดอกอุบล ดอกปทุมและดอกบณุ ฑริกไว. ก็เครอื่ งลาดพ้นื ในปราสาทนี้ทาํ จากผาเปลอื กไม ผา มา นเพดาน ผา นงุ ผาหม และผาโพกศีรษะ (กท็ าํ จากเปลอื กไม) เหมือนกนั .และตรงท่ีใกลหนา ตา งในปราสาทนี้ พวกชา งไมกต็ ัง้ ตุมไว๙ ตมุ ใสน้าํ จนเตม็แลว เอาดอกบัวเขยี วเปน ตน คลมุ ไว. เขาทํานา้ํ ตกไวตามทีเ่ หลา นนั้ เปน เหตใุ หสายนํา้ ไหลออกมาเหมอื นเมื่อฝนตก ภายปราสาทเขาวางรางไมท่มี โี คลนใสอยูเต็มไวใ นทีน่ นั้ ๆ แลว ปลูกบวั เบญจวรรณไว. บนยอดปราสาทกผ็ ูกเชอื กหนงั กระบอื แหง ไว ใชเ คร่ืองยนตยกกอนหินขึน้ สงู จนกระทั่งถงึ หลงั คาแลวเปนเหตุใหสายน้าํ ไหลออกเหมือนเมื่อคราวฝนตก เสียงน้าํ ไหลจะเปน เหมอื นเสียงฟา รอง ก็ประตแู ละหนาตางในปราสาทหลังนปี้ ด ไวใ นเวลากลางวันแลวเปดในเวลากลางคนื . ปราสาทฤดูฝน ปราสาทฤดูฝนมี ๗ ช้ัน. กช็ น้ั (แตล ะชน้ั ) ในปราสาทหลังน้ีไมส งูเกนิ ไปและไมต า่ํ เกินไป เพ่ือตองการใหไ ดรับอากาศทงั้ ๒ ฤดู (เย็นและรอน)ประตูกบั หนาตา งลางบานกป็ ด สนิทดี ลางบานก็หา ง. แมจิตรกรรมในปราสาทนั้น ในท่ลี างแหง ก็ทาํ เปน กองไฟลกุ โชน ในที่ลางแหงก็ทําเปน สระธรรมชาต.ิก็ผา มผี าลาดพืน้ เปน ตนในปราสาทหลังน้ี กป็ นกันทั้งสองชนดิ คอื ทง้ั ผากมั พลและผาเปลอื กไม. ประตกู ับหนา ตางลางบานก็เปด ตอนกลางคืนแลวปดตอนกลางวัน ลางบานกเ็ ปดตอนกลางวนั แลว ปดตอนกลางคนื . ปราสาททง้ั๓ หลัง สวนสูงมีขนาดเทา กัน. แตมคี วามแตกตา งกันในเรอ่ื งชน้ั .

พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนกิ าย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 178 พระโพธสิ ตั วแสดงศลิ ปะ เมอื่ สรางปราสาทสําเรจ็ ลงอยา งน้ีแลว พระราชาทรงดําริวา โอรสของเราเจริญวยั แลว เราจกั ใหยกเศวตฉัตรข้ึนเพอื่ เขา แลว คอยดสู ิรริ าชสมบตั ิ.พระองคจงึ ทรงสง พระราชสาสน ไปถงึ เจาศากยะท้ังหลายวา โอรสของหมอมฉนั เจริญวยั แลว หมอมฉนั จักสถาปนาเขาไวใ นราชสมบตั ิ ขอเจาศากยะทัง้ ปวงจงสง เจาหญงิ ผเู จรญิ วัยในวังของตน ๆ ไปยังราชมณเฑียรน้ีเถดิ . เจาศากยะเหลานน้ั ไดสดบั พระราชสาสนแลว ตา งทรงดําริวา พระ-กุมารสมบูรณด ว ยพระรูปนา ทศั นาเทา นัน้ (แตวา ) ไมทรงรศู ลิ ปะอะไร ๆ เลยจักไมสามารถเลี้ยงดูพระวรชายาไดหรอก พวกเราจกั ไมย อมยกลกู สาวให. พระราชาทรงสดับขาวนัน้ แลวไดเสดจ็ ไปยงั สาํ นักพระราชโอรสแลว ตรัสบอก. พระโพธสิ ัตวกราบทูลวา ขาแตพระบิดา หมอ มฉนั ควรจะแสดงศลิ ปะอะไร พระราชาตรสั วา ลูกควรยกสหสั สถามธนู (ธนูทห่ี นกั ตองใชแรงคน๑,๐๐๐) ขึน้ นะลกู . ถา อยา งนน้ั ขอพระองคจงทรงใหน าํ มา. พระราชารับสั่งใหน ําธนูมาใหพระราชโอรส. ธนูน้ันใชคน ๑,๐๐๐ คนยกข้นึ ใชค น ๑,๐๐๐คนยกลง. พระมหาบุรุษใหน าํ ธนมู าแลว ประทับน่ังบนบลั ลงั ก ทรงเก่ยี วสายไวท่พี ระปาทังคฏุ ฐะ (นว้ิ โปง พระบาท) แลว ดงึ มา ทรงเอาพระปาทังคฎุ ฐะ(นวิ้ โปงพระบาท) นนั่ เองนาํ ธนูมาแลว จับคันธนดู ว ยพระหัตถซา ย ทรงเหนยี่ วสายมาดว ยพระหตั ถขวา ท่วั ท้งั พระนครถึงอาการตกตะลงึ . และเมื่อมีใครถามวา เสียงอะไร ? เจา ศากยะทง้ั หลายกต็ อบกนั วา ฟา ฝนคาํ ราม. ทนี นั้คนอกี พวกหนง่ึ กต็ อบวา พวกทานไมรูห รอื ไมใ ชฟา ฝนคํารามหรอก นน่ั เปน

พระสุตตนั ตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 179เสียงปลอ ยสายธนขู องพระราชกุมาร เผาองั ครี สผทู รงยกธนทู ตี่ อ งใชแรงคนถงึ๑,๐๐๐ คน แลว ทรงข้ึนสาย. เจา ศากยะทงั้ หลาย ตา งกม็ พี ระทัยชนื่ ชมดว ยการแสดงศลิ ปะเพยี งเทาน้นั . พระมหาบุรุษกราบทลู พระราชบิดาวา หมอมฉนั ควรจะทาํ อะไรอยางอน่ื อีกไหม ? พระราชาตรสั ตอบวา ลกู ควรเอาลูกศรยิงแผน เหล็กหนาประมาณ๘ น้ิวใหท ะล.ุ พระมหาบรุ ุษยงิ ทะลุแผนเหลก็ น้นั แลวกราบทลู วา หมอมฉนั ควรจะทาํ อะไรอยางอ่ืนอีกไหม ? พระราชาตรสั ตอบวา ลกู ควรยิงแผน กระดานไมป ระดูหนา ๔ นวิ้ใหท ะลุ. พระมหาบรุ ุษยิงทะลแุ ผนกระดานน้นั แลวกราบทลู วา หมอมฉันควรจะทําอะไรอยางอนื่ อกี ไหม ? พระราชาตรัสตอบวา ลกู ควรยงิ แผน กระดานไมมะเดอ่ื หนา ๑ คืบใหท ะล.ุ พระมหาบรุ ษุ ยงิ แผนกระดานไมมะเดอ่ื น้ันแลว กราบทลู วาหมอมฉันควรจะทาํ อะไรอยา งอืน่ อกี ไหม ? พระราชาตรัสตอบวา ลูกควรยิงแผนกระดานท่ีผูกติดไวท เี่ ครื่องยนต๑๐๐ แผนใหทะล.ุ พระมหาบุรษุ ยิงทะลุแผน กระดาน ๑๐๐ แผน นนั้ แลว กราบทูลวาหมอ มฉนั ควรจะทําอะไรอยา งอน่ื อีกไหม ? พระราชาตรสั ตอบวา ลกู ควรยิงหนังกระบือแหงหนา ๖๐ ช้ันใหทะล.ุ พระมหาบรุ ษุ ยิงทะลุหนงั กระบอื แหงแมน นั้ แลว กราบทลู วา หมอมฉันควรทําอะไรอยา งอื่นอกี ไหม ?

พระสุตตนั ตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 180 ลาํ ดับนนั้ เจาศากยะทั้งหลาย กบ็ อก (ใหย ิง) เกวยี นบรรทุกทรายเปนตน . พระมหาสัตวย ิงทะลทุ ั้งเกวียนบรรทุกทรายท้งั เกวยี นบรรทกุ ฟางแลวยงิ ลูกศรลงไปในนํ้าลกึ ประมาณ ๑ อสุ ภะ (และ) ยิงขน้ึ ไปบนบกไกลประมาณ๘ อุสภะ. ทนี น้ั เจา ศากยะท้งั หลาย ก็กราบทูลพระมหาสตั วน น้ั วา บดั นี้พระองคค วรยิงขนทรายใหท ะลุ โดยมีมะเขอื เปนเคร่อื งหมาย. พระมหาสัตวตรสั วา ถา อยางนนั้ ทา นท้ังหลายจงใหผ ูก (ขนทราย). เจา ศากยะท้ังหลายก็สัง่ วา พอ ท้ังหลาย พวกพอ จงมาชวยกนั ใหผูก๑(ขนทราย) คือพวกหน่งึ จงผกู ไว๒ ในระยะทางระหวางเสยี งกึกกอ ง คือพวกหนึ่งจงเดนิ ทางลว งหนา ไป ผกู ไว๓ ในระยะทางคาวตุ หนึ่ง พวกหนง่ึ จงเดนิทางลว งหนาไป ผกู ไวในระยะทางก่ึงโยชน พวกหนง่ึ จงเดนิ ทางลว งหนา ไปผูกไว๔ ในระยะทาง ๑ โยชน. พระมหาสัตวใหผ กู ขนทรายในระยะทางไกลประมาณ ๑ โยชน โดยมีมะเขอื เปน เครือ่ งหมาย แลว ยิงลกู ศรไปในทศิ ทั้งหลาย ซ่งึ หนาแนนดว ยแผนเมฆ ในยามราตรีที่มดื สนทิ . ลูกศรวิ่งไปผา ขนทรายในระยะทางไกลประมาณ๑ โยชน แลว (ตกลง) แทงทะลแุ ผนดนิ ไป และไมใชวามแี ตยิงลูกศรเพยี งเทา นี้ อยา งเดียวเทา น้ัน. กว็ นั นน้ั พระมหาสัตวทรงแสดงศิลปะทม่ี ีอยูในโลกครบทกุ ชนดิ .๕เจาศากยะท้ังหลาย ตกแตง พระธิดาของตน ๆแลว สงไปถวาย. นางระบาํ ไดมีจาํ นวนถึง ๔๐,๐๐๐ นาง. พระมหาบรุ ุษประทบั อยใู นปราสาททง้ั ๓ หลงั ดจุดงั เทพบตุ ร.๑. ปาฐะวา วิชฌฺ ตุ ฉบนั พมา เปน พชฌฺ ตุ แปลตามฉบบั พมา .๒. ๓. ๔. ปาฐะวา วชิ ฌฺ ตุ ฉบบั พมา เปน พนธฺ นฺตุ แปลตามฉบับพมา .๕. ปาฐะวา โลเก วตตฺ มานิ สปิ ปฺ  ฉบบั พมาเปน โลเก วตตฺ มานสิปฺป .

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 181 ในปราสาทไมมีผชู ายเลย บทวา นปิ ปฺ ุรเิ สหิ ตรุ เิ ยหิ ความวา ดนตรที ่ีปราศจากบุรษุ .และในปราสาทน้ี ไมใชว าการดนตรเี ทาน้นั ที่ไมม ีบุรษุ (เลน ) ก็หามิได.แมวา สถานที่ทุกแหงก็ไมม บี ุรษุ ประจาํ ดวยเหมือนกนั . แมค นเฝาประตกู เ็ ปนสตรีอกี เชน กนั . พวกทท่ี ํางานในคราวถวายการสรงสนานเปน ตน ก็เปน สตรีดว ยเหมือนกนั เลากันวา พระราชาทรงดํารวิ า ความรังเกยี จ จะเกดิ ข้ึน แกลกู ชายของเราผเู สวยสขุ สมบตั ิจากอิสริยยศเห็นปานนัน้ อยู เพราะไดเ ห็นบรุ ษุขอความรงั เกียจน้ันอยาไดมแี กลูกของเราเลย ดงั น้แี ลว จึงทรงแตง ตั้งสตรีไวในทุกหนาที.่ บทวา ปริจารยมาโน ความวา บนั เทิงใจอย.ู พระโพธสิ ัตวมิไดเ สด็จลงช้ันลา งเลย บทวา น เหฏ าปาสาท โอโรหามิ ความวา เราตถาคตมไิ ดลงจากปราสาทไปขา งลางเลย เพราะเหตนุ ้ัน บุรษุ สกั คนหน่งึ (แมก ระทง่ั เด็ก)ไวผมจุกก็ไมไดเ ห็นเราตถาคตเลยตลอด ๔ เดือน. บทวา ยถา คือ โดยนิยามใด. บทวา ทาสกมมฺ กรโปรสิ สสฺ ไดแก ทาส กรรมกรทไี่ ดร ับการเล้ียงดว ยคาอาหารประจาํ วัน และคนท่อี าศัยอยกู นิ (ตลอดไป). บทวากณาชก ไดแ กข า วปนปลายขา ว. บทวา วลิ งคฺ ทุติย ไดแก มนี ํา้ ผักดองเปนท่ี ๒. บทวา เอวรปู าย อิทฺธิยา ไดแ ก ผูป ระกอบดวยบุญฤทธิ์ มกี ําเนิดอยา งน้ี. บทวา เอวรเู ปน จ สขุ มุ าเลน ไดแก และผูป ระกอบดวยความเปน ผูไมมที กุ ขม กี าํ เนิดอยางน้.ี ปาฐะเปน สุขุมาเลน ดังนกี้ ็มี.

พระสตุ ตันตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 182 เหตุผลที่ตรสั สขุ สมบัติของพระองค พระตถาคตตรัสเลาถึงสริ สิ มบัติของพระองค ดวยฐานะเพยี งเทา น้ีดงั พรรณนามาน้ี และเมื่อตรัสเลา กห็ าไดต รสั เลา เพือ่ ความลาํ พองพระทัยไม.แตต รสั เลาเพ่ือทรงแสดงถึงลักษณะของความไมป ระมาทน่ันเองวา เราตถาคตสถิตอยูใ นสมบตั ิ แมเหน็ ปานน้ี ก็ยงั ไมป ระมาทเลย. ดวยเหตุนนั้ แล พระองคจึงตรสั คําวา อสสฺ ุตวา โข ปถุ ุชชฺ โน เปน ตน. บรรดาบทเหลา นัน้บทวา ปร ไดแก บุคคลอน่ื . บทวา ชิณณฺ  ไดแกท รดุ โทรมเพราะชรา.บทวา อฎฎิยติ ไดแ ก เปน ผเู ออื มระอา. บทวา หรายติ ไดแ ก ทําความละอาย คอื ละอายใจ. บทวา ชคิ ุจฺฉติ ไดแก เกดิ ความรังเกยี จขึ้นเหมอื นไดเหน็ ของไมสะอาด. บทวา อตตฺ าน เยว อติสิตวฺ า ความวา อดึ อดั ระอาลมื ตนวามีชราเปน ธรรมดา. บทวา ชราธมโฺ ม ไดแ ก มีชราเปนสภาพ.บทวา ชร อนตโี ต ความวา เราตถาคตไมพนชราไปได ยังคงเปนไปอย.ูภายในชรา. บทวา อิติ ปฏิสจฺ ิกฺขโต ไดแ ก ผูพิจารณาเหน็ อยูอ ยา งน้ี. ความเมา ๓ อยา ง ความเมาเพราะมานะทีอ่ าศยั ความเปน หนมุ เกดิ ข้นึ ชอื่ วา โยพพนมทะ.บทวา สพฺพโส ปหยี ิ ความวา พระผมู ีพระภาคเจา ทรงแสดงความเมาทล่ี ะไดแ ลว โดยอาการทงั้ ปวงใหเ ปน เหมือนวา ละไดแ ลวดวยมรรค. แตนกั ศึกษาพงึ ทราบวา ความเมาน้ไี มใชล ะไดด ว ยมรรค พระผูม พี ระภาคเจาตรัสวา ละไดด ว ยการพิจารณา (วปิ ส สนา). เพราะวาเทวดาทง้ั หลายแสดงบุคคลผูประสบกับชรา แกพ ระโพธิสตั ว. ตัง้ แตน ้นั มาจนกระท่งั ไดเ ปน พระอรหันต ช่ือวา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 183ความเมาในความเปนหนมุ ไมเ กิดขึน้ แกพระมหาสัตวเลยในระหวา ง. แมใ นสองบททเ่ี หลอื ก็มีนยั นแี้ ล. อนึ่ง ในสองบททเี่ หลอื น้มี อี ธิบายดงั ตอ ไปน้ีความเมาดวยอํานาจมานะทีเ่ กดิ ขึ้นเพราะอาศยั ความไมม ีโรควา เราเปน คนไมมีโรค ชื่อวา อโรคยมทะ. ความเมาดว ยอํานาจมานะทเี่ กิดขน้ึ เพราะอาศัยชีวติ วา เราเปน อยมู าไดน าน ชอ่ื วา ชีวิตมทะ. บทวา สิกขฺ  ปจฺจกขฺ ายไดแ ก บอกคนื สิกขา. บทวา หนี ายาวตฺตติ ไดแ ก เวยี นมาเพื่อภาวะทีเ่ ลวคือ เพื่อเปน คฤหสั ถอ นั เปน ภาวะทต่ี ่าํ . บทวา ยถาธมมฺ า ไดแก มีสภาวะเปนอยางใดดว ยสภาวะทงั้ หลายมคี วามเจบ็ ปวยเปน ตน . บทวา ตถาสนฺตา มีอธิบายวา เปนผมู คี วามเจ็บปว ยเปน ตน เปน สภาวะทีไ่ มแ ปรผนั เหมือนทมี่ ีอยูน่ันแหละ. บทวาชคิ จุ ฉฺ นฺติ ไดแ ก รงั เกยี จบคุ คลอืน่ . บทวา มม เอว วิหารโิ น ความวาเมื่อเราตถาคตอยดู วยอาการอยา งน้ี คอื ดว ยการอยอู ยา งนารังเกียจ ความรังเกยี จอยางนี้ พงึ เปน ของไมเหมาะสมคอื ไมส มควร. บทวา โสห เอว วิหรนฺโต ความวา เราตถาคตนน้ั อยอู ยางน้ีคือ (อยูอ ยาง) ไมรังเกียจบุคคลอืน่ . อกี อยา งหน่ึง (เราตถาคตนน้ั ) อยูอยา งน้ี คือ อยโู ดยมกี ารพิจารณาเปน ธรรมเคร่ืองอยนู .้ี บทวา ตวฺ าธมมฺ  นริ ปู ธึ ความวา ทราบธรรมคอื พระนพิ พานซ่งึ เวน จากอปุ ธทิ งั้ ปวง.บทวา สพเฺ พ มเท อภโิ ภสฺมิ ความวา เราตถาคตครอบงาํ คือ กา วลวงความเมาหมดท้ัง ๓ อยาง. บทวา เนกขฺ มฺเม ทฏุ เขมต ความวา เห็นภาวะท่เี กษมในพระนิพพาน. ปาฐะเปน เนกฺขมฺม ทฏ ุ เขมโต กม็ .ี ความหมายก็คอื วา เหน็ เนกขัมมะโดยความเปนสภาวะท่ีเกษม.

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคุตรนิกาย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 184 บทวา ตสสฺ เม อหุ อสุ ฺสาโห ความวา เมือ่ เรานัน้ เห็นพระนิพพาน กลา วคือเนกขมั มะน้ันอยางแจมแจง จึงไดม ีความอตุ สาหะหมายความวา ไดม ีความพยายาม. บทวา นาห ภพฺโพ เอตรหิ กามานิ ปฏิเสวิตุ ความวาบัดน้ี เราตถาคตไมควรท่จี ะเสพกามท้งั สองอยาง. บทวา อนวิ ตตฺ ิ ภวิสสฺ ามิความวา เราตถาคตจักไมหวนกลบั คือ จกั ไมถอยกลบั จากบรรพชาและจากสัพพัญุตญาณ. บทวา พรฺ หฺมจรยิ ปรายโน ความวา เราตถาคตกลายเปนผูม มี รรคพรหมจรรยเ ปน ทไี่ ปในเบอื้ งหนา แลว. พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสถงึ ความเพยี รที่เปน เหตใุ หพ ระองคไดบ รรลุณ บัลลังกใตตน มหาโพธิดวยคาถาเหลา นด้ี ังวา มาน.้ี จบอรรถกถาสขุ มุ าลสูตรท่ี ๙ ๑๐. อธิปไตยสตู ร วา ดว ยอธปิ ไตย ๓ [๔๗๙] ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย อธปิ ไตย ๓ น้ี ๓ คอื อะไร คืออัตตาธิปไตย โลกาธปิ ไตย ธรรมาธปิ ไตย. ก็อัตตาธปิ ไตย เปน อยา งไร ภิกษใุ นพระธรรมวินยั นี้ อยูป า ก็ดีอยโู คนไมก ด็ ี อยใู นเรือนวางกด็ ี พิจารณาเหน็ อยา งน้วี า กเ็ ราออกจากเรือนบวชเปน บรรพชติ มิใชเ พอื่ จีวร มิใชเ พอื่ บณิ ฑบาต มิใชเ พอ่ื เสนาสนะเปนเหตมุ ใิ ชเ พ่ือความมีและไมม อี ยา งนนั้ ทแี่ ท เราเปนผอู ันความเกิด
































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook