พระสุตตนั ตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 533บทวา ตทฺธมิ ตุ โฺ ต ไดแ กนอมใจไปในฌานนั้นแหละ. บทวา ตพพฺ หลุ วิ หารีไดแก อยกู ับฌานน้ันเปนสวนมาก. บทวา สหพยฺ ต อปุ ปชชฺ ติ ไดแกเขา ถงึ ความเปน สหาย อธิบายวา ยอมบังเกดิ ในเทวโลกนัน้ . คาํ มีอาทวิ า นิรยมฺป คจฺฉติ พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสหมายถงึ การไปนรกนน้ั ดวยสามารถแหงปรยิ ายอ่ืน เพราะไมพ น จากนรกเปนตน ไปไดเพราะวา เขาไมมอี กศุ ลกรรมท่มี กี ําลงั มากกวาอุปจารฌาน ซึง่ จะเปน เหตุใหเกดิ ในอบายติดตอกนั . บทวา ภควโต ปน สาวโก ไดแ กพ ระสาวกองคใดองคห นึง่ บรรดาพระสาวกผเู ปน พระโสดาบัน พระสกทาคามี และพระอนาคามที ัง้ หลาย. บทวา ตสฺมึเยว ภเว ไดแก ในอรูปภพนน่ั เอง.บทวา ปรนิ ิพฺพายติ ความวา จะปรินิพพาน ดว ยปรนิ พิ พานท่ีหาปจ จัยมิได.ความเพียรเปนเครือ่ งประกอบอยา งยิง่ ชือ่ วา อธิปฺปายาโส คําที่เหลอื ในพระสูตรน้ี พงึ ทราบตามนัยที่กลาวมาแลว นนั่ แล. อนึ่ง ในพระสูตรน้ี ฌานที่จะเปน เหตใุ หอุปบัติ พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั ไวสําหรบั ปถุ ชุ น สําหรับพระอรยิ สาวก ตรสั ท้งั ความทเ่ี ปน เหตใุ หอ ุปบตั นิ ่ันเอง ทง้ั ฌานท่เี ปน บาทแหงวปิ สสนาดวย. จบอรรถกถาอาเนญชสตู รท่ี ๔ ๕. อยสูตร วาดว ยวบิ ตั ิ ๓ และสมั ปทา ๓ [๕๕๗] ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย วิบตั ิ (ความเสยี ) ๓ น้ี วิบตั ิ ๓ คอือะไร คอื สีลวิบตั ิ (ความเสียทางศีล) จติ ตวิบตั ิ (ความเสียทางจติ ) ทฏิ ฐิ-วบิ ัติ (ความเสียทางทฏิ ฐิ)
พระสุตตนั ตปฎก อังคุตรนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 534 สีลวิบัตเิ ปน อยา งไร ? คนลางคนในโลกน้ี เปน คนมักทําปาณาติบาตอทินนาทาน กาเมสุมจิ ฉาจาร มักพูดมสุ าวาท ปส ุณาวาจา (คาํ สอเสยี ด)ผรสุ วาจา (คาํ หยาบ) สมั ผัปปลาป (คําเหลวไหล) นเี่ รียกวา สีลวบิ ัติ จติ ตวบิ ัตเิ ปนอยางไร ? คนลางคนในโลกนี้ เปน คนมอี ภิชฌา(เห็นแกไ ด) มใี จพยาบาท นเ่ี รียกวา จิตตวิบัติ ทฏิ ฐิวบิ ตั เิ ปนอยา งไร ? คนลางคนในโลกนี้ เปนมิจฉาทฎิ ฐิมคี วามเหน็ วิปรติ (ผดิ จากคลองธรรม) วา (๑) ทานไมม ผี ล (๒) การบชู าไมม ผี ล (๓) การบวงสรวงไมมผี ล (๔) ผลวบิ ากของกรรมดแี ละชัว่ ไมม ี (๕)โลกนีไ้ มมี (๖) โลกอ่นื ไมม ี (๗) มารดาไมมี (๘) บิดาไมม ี (๙) สตั วทีเ่ ปน โอปปาตกิ ะไมม ี (๑๐) สมณพราหมณผ ูดาํ เนนิ ถูกทางผปู ฏบิ ัตชิ อบท่ีกระทาํ ใหแ จงดว ยปญ ญาอนั ย่งิ ดว ยตนเองแลว สอนโลกน้แี ละโลกอ่นื ใหรูไมม ใี นโลก นีเ่ รียกวา ทิฏฐวิ ิบตั ิ สตั วท ้งั หลายเพราะกายแตกไปยอมเขา ถงึ อบายทคุ ตวิ ินบิ าตนรก เหตุ-สลี วิบตั ิบาง เหตจุ ติ ตวิบัตบิ าง เหตทุ ิฏฐิวิบตั บิ าง น้ีแล ภกิ ษุทัง้ หลาย วบิ ัติ ๓ ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย สัมปทา (ความถงึ พรอม) ๓ น้ี สัมปทา ๓คอื อะไร คอื สีลสมั ปทา จติ ตสมั ปทา ทิฏฐสิ มั ปทา สีลสัมปทาเปน อยางไร ? คนลางคนในโลกน้เี ปนผูเวนจากปาณา-ตบิ าต อทินนาทาน กาเมสมุ ิจฉาจาร เวน จากมสุ าวาท ปสณุ าวาจา ผรุสวาจาสมั ผัปปลาป นี้เรียกวาสลี สัมปทา จิตตสมั ปทาเปน อยา งไร ? คนลางคนในโลกน้ไี มมอี ภิชฌา ไมม ีใจพยาบาท นเี่ รียกวา จติ ตสัมปทา
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 535 ทฏิ ฐิสมั ปทาเปนอยา งไร ? คนลางคนในโลกนี้ เปน สัมมาทิฏฐิมีความเห็นไมวปิ ริตวา (๑) ทานมีผล (๒) การบชู ามผี ล (๓) การบวงสรวงมผี ล (๔) ผลวิบากของกรรมดแี ละช่วั มี (๕) โลกนม้ี ี (๖) โลกอน่ื มี (๗)มารดามี (๘) บดิ ามี (๙) สัตวทีเ่ ปนโอปปาตกิ ะมี (๑๐) สมณพราหมณผูดําเนินถูกทาง ผูป ฏบิ ตั ิชอบ ท่ีกระทาํ ใหแจงดวยปญญาอนั ยง่ิ ดว ยตนเองแลว สอนโลกน้ีและโลกอ่ืนใหรมู อี ยูใ นโลก น่เี รียกวาทฏิ ฐิสัมปทา สตั วทัง้ หลายเพราะกายแตกตายไป ยอ มเขา ถงึ สคุ ตโิ ลกสวรรค เหตุ-สลี สมั ปทาบา ง เหตจุ ติ ตสมั ปทาบาง เหตทุ ิฏฐิสัมปทาบาง นแ้ี ล ภกิ ษุท้ังหลาย สมั ปทา ๓. จบอยสตู รที่ ๕ อรรถกถาอยสตู ร พงึ ทราบวนิ จิ ฉัยในอยสูตรที่ ๕ ดงั ตอไปนี้ :- บทวา สีลวปิ ตตฺ ิ ไดแก อาการท่ศี ีลวิบตั ิ. แมใ นบทที่เหลอื กม็ นี ัยนี้แหละ. ดว ยบทวา นตฺถิ ทินฺน พระผูม พี ระภาคเจา ตรสั หมายเอาความที่ทานท่ีใหแ ลว ไมม ีผล. การบูชาใหญ เรียกวา ยิฏะ. ลาภสักการะทเ่ี พยี งพอทรงประสงคเ อาวา หุตะ. มจิ ฉาทฏิ ฐิบคุ คล หา มยฏิ ะ และหตุ ะ ท้ังสองนน้ั วา ไมมผี ลเลย. บทวา สุกฏทกุ ฺกฏาน ไดแ ก กรรมท่ที าํ ดแี ละทําช่วัอธิบายวา ไดแ กกุศลกรรม และอกุศลกรรม. ดว ยบทวา ผล วปิ าโกมจิ ฉาทฏิ ฐบิ คุ คลกลาวสง่ิ ท่เี รยี กวา ผล หรือ วิบาก วา ไมม .ี
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 536 บทวา นตฺถิ อย โลโก ความวา โลกนีไ้ มม สี ําหรับผทู ี่ตัง้ อยูในโลกหนา . บทวา นตถฺ ิ ปโร โลโก ความวา โลกหนาไมม ีแมส ําหรับผูต ัง้ อยใู นโลกน.ี้ มิจฉาทิฏฐบิ ุคคล แสดงวา สตั วทัง้ หมด (ตายแลว ) ยอมขาดสญู ในโลกนั้น ๆ นัน่ เอง. ดวยบทวา นตฺถิ มาตา นตถฺ ิ ปตามจิ ฉาทิฏฐบิ ุคคล กลาวโดยสามารถแหง การปฏบิ ตั ิชอบ และการปฏิบัติผิดในมารดา บดิ า เหลา นนั้ วา ไมม ีผล. บทวา นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกาความวา ขนึ้ ชื่อวาสัตว ท่ีจะจุตแิ ลวเกดิ ไมม ี. ความบริบรู ณ ช่ือวา สมฺปทาความท่ีศลี บริบรู ณไ มบ กพรอ ง ช่อื วา สลี สมั ปทา. แมในบทท้งั สองที่เหลอืก็มนี ัยนเี้ หมอื นกนั . บทวา อตฺถิ ทินฺน เปนตน นักศึกษาพึงถือเอาโดยนัยท่ตี รงขามกบั ท่ีกลาวมาแลว. จบอรรถกถาอยสตู รที่ ๕ ๖. อปณณกสูตร วา ดว ยวบิ ตั ิ ๓ และสมั ปทา ๓ [๕๕๘] ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย วิบตั ิ ๓ น้ี วบิ ตั ิ ๓ คอื อะไร คือสีลวบิ ตั ิ จิตตวิบตั ิ ทิฏฐิวบิ ตั ิ สลี วบิ ัตเิ ปน อยางไร ? คนลางคนในโลกนี้ เปน ผูมกั ทําปาณาตบิ าตฯลฯ สมั ผัปปลาป นีเ้ รยี กวา สีลวิบตั ิ จติ ตวบิ ัติเปนอยางไร ? คนลางคนในโลกนีเ้ ปน ผูมอี ภิชฌา มใี จพยาบาท นี่เรยี กวา จติ ตวิบัติ
พระสตุ ตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 537 ทิฏฐิวบิ ตั ิเปน อยางไร ? คนลางคนในโลกนีเ้ ปน มจิ ฉาทฏิ ฐิ มคี วามเหน็ วปิ ริตวา (๑) ทานไมมีผล ฯลฯ สอนโลกน้แี ละโลกอ่ืนใหร ูไมม ใี นโลกนเ่ี รยี กวา ทิฏฐิวบิ ัติ สัตวท ้งั หลายเพราะกายแตกตายไป ยอมเขา ถึงอบายทคุ ติวนิ บิ าตนรกเหตสุ ลี วบิ ตั บิ า ง เหตุจติ ตวบิ ัตบิ า ง เหตุทิฏฐวิ บิ ตั ิบาง เปรียบเหมือนลกู บาศกซดั ข้ึนแลว ยอ มกลับมาตั้งอยูโ ดยทีใ่ ด ๆ ก็กลบั มาตงั้ อยอู ยางดี ฉันใด สัตวทั้งหลายเพราะกายแตกตายไป ฯลฯ เหตทุ ฏิ ฐิวบิ ัติบาง ฉันน้นั เหมือนกัน นแี้ ล ภิกษทุ งั้ หลาย วิบตั ิ ๓ ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย สัมปทา ๓ นี้ สมั ปทา ๓ คอื อะไรบา ง คือสลี สัมปทา จติ ตสัมปทา ทิฏฐสิ ัมปทา สีลสมั ปทาเปนอยา งไร ? คนลางคนในโลกนเี้ ปนผูเ วนจากปาณา-ตบิ าต ฯลฯ สมั ผัปปลาป น่ีเรียกวา สลี สัมปทา จติ ตสัมปทาเปน อยางไร ? คนลางคนในโลกนเี้ ปน ผไู มม ีอภิชฌาไมม ีใจพยาบาท นเี่ รียกวา จติ ตสมั ปทา ทฏิ ฐิสมั ปทาเปน อยา งไร ? คนลางคนในโลกน้เี ปนสัมมาทิฏฐิ มีความเหน็ ไมวิปรติ วา (๑) ทานมผี ล ฯลฯ สอนโลกนี้และโลกอ่นื ใหรู มอี ยูในโลก น่เี รียกวา ทิฏฐิสัมปทา สตั วท ัง้ หลายเพราะกายแตกตายไปยอ มเขาถงึ สุคติโลกสวรรค เหตุสีลสมั ปทาบา ง เหตุจิตตสัมปทาบา ง เหตทุ ิฏฐิสมั ปทาบา ง เปรียบเหมือนลูกบาศก ซดั ขึ้นแลว ยอมกลบั มาตั้งอยโู ดยทีใ่ ด ๆ ก็กลับมาตัง้ อยอู ยางดีฉนั ใด สตั วท ้งั หลายเพราะกายแตกตายไป ฯลฯ เหตทุ ฏิ ฐิสัมปทาบาง ฉันน้นัเหมือนกนั น้ีแล ภิกษทุ ัง้ หลาย สัมปทา ๓ จบอปณ ณกสตู รท่ี ๖
พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 538 อรรถกถาอปณ ณกสูตร พงึ ทราบวินจิ ฉัยในอปณณกสูตรที่ ๖ ดงั ตอ ไปนี้ :- บทวา อปณฺณโก มณิ ไดแกล กู บาศก (ลกู สะกา) อันประกอบแลวดว ย เหล่ียม ๖ เหล่ียม. บทวา สุคตึ สคฺค ไดแก โลกคอื สวรรคในบรรดาสวรรค ๖ ชน้ั มชี น้ั จาตุมหาราชิกาเปน ตน อยางใดอยา งหนงึ่ .ในพระสตู รนี้ ตรัสธรรมท้ังสองประการ คือศีลและสมั มาทฏิ ฐิ คลกุ เคลา กนั ไป จบอรรถกถาอปณ ณกสูตรท่ี ๖ ๗. กัมมนั ตสูตร วาดว ยเรือ่ งวิบัติ ๓ และสมั ปทา ๓ [๕๕๙] ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย วิบัติ ๓ น้ี วิบตั ิ ๓ คอื อะไรบา งคอื กมั มันตวบิ ตั ิ (ความเสยี ทางการงาน) อาชีววบิ ตั ิ (ความเสยี ทางอาชพี )ทิฏฐวิ บิ ัติ (ความเสยี ทางความเหน็ ) กัมมันตวิบัตเิ ปน อยา งไร ? คนลางคนในโลกน้ีเปน ผูมักทําปาณา-ติบาต ฯลฯ สัมผัปปลาป น่ีเรียกวา กัมมันตวิบตั ิ อาชีววิบตั เิ ปนอยา งไร ? คนลางคนในโลกนีเ้ ปนผูหาเลี้ยงชีพในทางผิด สําเร็จความเปนอยูโ ดยมจิ ฉาอาชีวะ น่ีเรียกวา อาชีววิบตั ิ ทิฏฐิวิบตั ิเปนอยางไร ? คนลางคนในโลกนี้เปนมจิ ฉาทฏิ ฐิ มีความเหน็ วปิ ริตวา ฯลฯ (๑) ทานไมมีผล ฯลฯ สอนโลกนีแ้ ละโลกอื่นใหรู ไมมีในโลก น่เี รยี กวา ทฏิ ฐิวบิ ตั ิ
พระสุตตันตปฎ ก องั คุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 539 นีแ้ ล ภกิ ษุทงั้ หลาย วิบัติ ๓ ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย สมั ปทา ๓ น้ี สมั ปทา ๓ คืออะไรบา ง คอืกมั มันตสัมปทา (ความดที างการงาน) อาชวี สัมปทา (ความดีทางอาชีพ)ทฏิ ฐสิ มั ปทา (ความดที างความเห็น) กัมมันตสัมปทาเปนอยา งไร ? คนลางคนในโลกนี้เปน ผูเวนจากปาณาตบิ าต ฯลฯ สัมผัปปลาป นีเ่ รียกวา กมั มันตสมั ปทา อาชวี สมั ปทาเปนอยางไร ? คนลางคนในโลกนี้เปน ผหู าเลี้ยงชีพในทางชอบ สําเร็จความเปน อยูโ ดยสมั มาอาชีวะ น่ีเรียกวา อาชวี สัมปทา ทิฏฐิสัมปทาเปน อยางไร ? คนลางคนในโลกน้เี ปนสมั มาทิฏฐิ มีความเหน็ ไมวิปรติ วา ทานมผี ล ฯลฯ สอนโลกนีแ้ ละโลกอนื่ ใหรูมี อยใู นโลกนเี่ รียกวา ทฏิ ฐิสัมปทา. นแี้ ล ภกิ ษทุ ัง้ หลาย สมั ปทา ๓ จบกมั มนั ตสูตรท่ี ๗* ๘. ปฐมโสเจยยสูตร วาดวยความสะอาด ๓ อยาง [๕๖๐] ดูกอนภิกษุท้งั หลาย โสไจยะ(ความสะอาด) ๓ นี้ โสไจยะ๓ คอื อะไรบาง คือ กายโสไจยะ (ความสะอาดทางกาย) วจโี สไจยะ(ความสะอาดทางวาจา) มโนโสไจยะ (ความสะอาดทางใจ) กายโสไจยะเปน อยางไร ? คนลางคนในโลกนี้เปน ผูเวน จากปาณา-ตบิ าต อทนิ นาทาน กาเมสุมิจฉาจาร น่ีเรียกวา กายโสไจยะ* กัมมนั ตสูตรท่ี ๗. มเี นื้อความงา ยทั้งนนั้
พระสุตตันตปฎก อังคตุ รนิกาย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 540 วจีโสไจยะเปน อยา งไร ? คนลางคนในโลกน้เี ปน ผเู วนจากมุสาวาทปส ณุ าวาจา ผรุสวาจา สัมผัปปลาป น่ีเรยี กวา วจีโสไจยะ มโนโสไจยะเปนอยางไร ? คนลางคนในโลกนเี้ ปนผูไ มม อี ภิชฌาไมมใี จพยาบาท เปน สมั มาทิฏฐิ นเ่ี รยี กวา มโนโสไจยะ นแ้ี ล ภกิ ษุท้ังหลาย โสไจยะ ๓. จบปฐมโสเจยยสูตรท่ี ๘ อรรถกถาโสเจยยสตู ร พึงทราบวนิ จิ ฉยั ในปฐมโสเจยยสูตรที่ ๘ ดงั ตอ ไปน้ี :- ความสะอาด ชือ่ วา โสเจยฺย . ความสะอาดใน กายทวาร ชื่อวากายโสเจยยฺ . แมใ นบททัง้ สองท่เี หลอื ก็มีนัยนแี้ หละ. กใ็ นพระสตู ร ๔ สูตรเหลาน้ี ตามลําดบั พระผูมีพระภาคเจา ตรัสขอปฏิบตั สิ ําหรับผคู รองเรือนไวแ ลว. ถงึ พระอริยบุคคลผเู ปน โสดาบัน และพระสกทาคามี กใ็ ชได. จบอรรถกถาปฐมโสเจยยสตู รท่ี ๘ ๙. ทตุ ยิ โสเจยยสูตร วาดว ยความสะอาด ๓ อยาง [๕๖๑] ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย โสไจยะ ๓นี้ โสไจยะ ๓ คอื อะไรบางคอื กายโสไจยะ วจีโสไจยะ มโนโสไจยะ กายโสไจยะเปน อยา งไร ? ภิกษใุ นพระธรรมวินัยน้เี ปน ผูเวน จากปาณาติบาต เวนจากอทินนาทาน เวน จากอพรหมจรรย (เมถุน) น่ีเรียกวากายโสไจยะ
พระสุตตนั ตปฎก อังคุตรนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 541 วจโี สไจยะเปนอยา งไร ? ภิกษใุ นพระธรรมวินยั นเ้ี ปน ผูเวนจากมุสาวาท เวน จากปส ณุ าวาจา เวนจากผรุสวาจา เวน จากสมั ผัปปลาป น่เี รยี กวาวจีโสไจยะ มโนโสไจยะเปน อยางไร ? ภกิ ษุในพระธรรมวนิ ัยนี้ (นวิ รณ ๕คอื ) กามฉันทะ (ความพอใจในกาม) กด็ ี พยาบาท (ความปองรา ย) ก็ดีถนี มิทธะ (ความทอ แทแ ละความงวง) ก็ดี อทุ ธจั จกุกกุจจะ (ความฟงุ ซานและความราํ คาญใจ) กด็ ี วิจิกจิ ฉา (ความเคลือบแคลง ลงั เล) ก็ดีมอี ยใู นใจ ก็รวู า กามฉนั ทะ ฯลฯ วจิ กิ จิ ฉา มอี ยูในใจของตน กามฉันทะฯลฯ วิจิกจิ ฉา ไมมอี ยูในใจ ก็รวู า กามฉันทะ ฯลฯ วิจิกิจฉา ไมมีอยูใ นใจของตน ยอมรูทางเกิดแหงกามฉันทะ ฯลฯ วิจิกิจฉาทยี่ งั ไมเ กดิ รูว ธิ ีละกามฉันทะ ฯลฯ วจิ กิ จิ ฉาทเี่ กดิ แลว และรูอบุ ายทาํ กามฉันทะ ฯลฯ วจิ ิกจิ ฉาท่ีละไดแ ลวมใิ หเ กดิ ตอ ไปดว ย น่ีเรยี กวา มโนโสไจยะ. เหลานแี้ ล ภกิ ษุทั้งหลาย โสไจยะ คือความสะอาด ๓ อยาง. บคุ คลผูสะอาดทางกาย สะอาดทาง วาจา สะอาดทางใจ ไมม อี าสวะ เปนคน สะอาดพรอ มดว ยคณุ ธรรมของคนสะอาด ปราชญท ้งั หลายกลา วบุคคลนนั้ วา ผูล า ง- บาปแลว. จบทุตยิ โสเจยยสูตรท่ี ๙
พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนิกาย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 542 อรรถกถาทุตยิ โสเจยยสตู ร พึงทราบวินิจฉัยในทุติยโสเจยยสตู รที่ ๙ ดังตอไปน้ี:- บทวา อชฺฌตตฺ ไดแกที่เปนไปในภายในแนนอน. นวิ รณ คอืกามฉันทะ ชอ่ื วา กามฉนั ทะ. แมในนวิ รณมีพยาบาทเปนตน กม็ ีนยั น้ีเหมือนกัน. คําที่เหลอื ในพระสตู รน้ี มีนัยดังกลา วแลวในหนหลังนน่ั แล. สว นในคาถา บทวา กายสจุ ึ ไดแกความสะอาดในกายทวาร หรอื ความสะอาดทางกาย. แมใ นบททัง้ สองทเี่ หลือ ก็มนี ยั นี้เหมือนกนั . บทวา นินฺหาตปาปกความวา ลา งคอื ชาํ ระบาปทงั้ หมดแลว ดํารงอย.ู ทัง้ โดยพระสูตรน้ี ท้งั โดยพระคาถา พระผูมีพระภาคเจาตรสั ถงึ พระขีณาสพอยางเดยี ว ฉะน้ีแล. จบอรรถกถาโสเจยยสตู รที่ ๙ ๑๐. โมเนยยสูตร วาดวยความเปน มุนี ๓ อยาง [๕๖๒] ดูกอนภิกษทุ ้งั หลายโมไนยะ (ความเปนมนุ ี คือนักปราชญ)๓นี้ โมไนยะ ๓ คืออะไรบา ง คอื กายโมไนยะ (ความเปน ปราชญทางกาย)วจีโมไนยะ (ความเปนปราชญทางวาจา) มโนโมไนยะ (ความเปนปราชญท างใจ) กายโมไนยะเปน อยา งไร ? ภิกษใุ นพระธรรมวินยั น้เี ปนผเู วน จากปาณาตบิ าต เวนจากอทินนาทาน เวนจากอพรหมจรรย นีเ้ รียกวา กาย-โมไนยะ
พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 543 วจีโมไนยะเปนอยา งไร ? ภกิ ษุในพระธรรมวนิ ยั น้ีเปน ผเู วน จากมุสาวาท เวน จากปส ณุ าวาจา เวนจากผรสุ วาจา เวน จากสัมผปั ปลาป นเ้ี รยี กวาวจโี มไนยะ มโนโมไนยะเปนอยางไร ? ภกิ ษใุ นพระธรรมวนิ ยั นกี้ ระทําใหแจงซ่ึงเจโตวมิ ุตติปญญาวิมตุ ตอิ ันหาอาสวะมิได เพราะสิน้ อาสวะท้งั หลาย ดว ยปญ ญาอนั ยิง่ ดวยตนเองสาํ เร็จอยูในปจจุบนั น่ี น้เี รียกวามโนโมไนยะ นีแ้ ล ภกิ ษทุ ง้ั หลาย โมไนยะ ๓. นิคมคาถา บคุ คลผูเปน ปราชญทางกาย เปน ปราชญทางวาจา เปนปราชญทางใจ หา อาสวะมไิ ด เปนปราชญพ รอมดวยคณุ ธรรมของปราชญ บัณฑิตกลาวบุคคลน้ัน วา ผูละบาปหมด. จบโมเนยยสตู รที่ ๑๐ จบอาปายิกวรรคที่ ๑ อรรถกถาโมเนยยสตู ร พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ในโมเนยยสตู รที่ ๑๐ ดังตอ ไปน้ี :- ความเปนมุนี ช่ือวา โมเนยยะ. ความเปน มนุ ี คือความเปน สาธุชนไดแ กค วามเปน บณั ฑติ ในกายทวาร ช่ือวา กายโมเนยยะ. แมในบททง้ั สองที่เหลือ กม็ นี ยั นเ้ี หมือนกนั . บทวา อิท วจุ จฺ ติ ภกิ ขฺ เว กายโมเนยยฺ
พระสุตตันตปฎก องั คุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 544ความวา จรงิ อยู การละกายทจุ รติ ๓ อยา งน้ี ชื่อวา กายโมเนยยะ. อนึ่งแมก ายสจุ ริต ๓ อยา ง กช็ อ่ื วา กายโมเนยยะ. ญาณทม่ี กี ายเปนอารมณ กช็ ื่อวากายโมเนยยะเหมือนกัน. การกําหนดรูกาย กช็ ่อื วา กายโมเนยยะ. มรรคท่ีสหรคตดวยปริญญา กช็ ื่อวา กายโมเนยยะ. การละฉันทราคะทางกายกช็ ่อื วา กายโมเนยยะ. การดับกายสังขาร และการเขาจตุตถฌาน ก็ชอ่ื วากายโมเนยยะ แมในวจโี มเนยยะ กม็ ีนัยนี้เหมือนกัน. สวนในวจีโมเนยยะ และมโนโมเนยยะ น้ีมีความแตกตา งกนัดงั ตอไปนี้ ในทีน่ ้ัน พึงทราบการเขา ทตุ ิยฌาน คอื การดับวจีสงั ขารวา ช่ือวาวจีโมเนยยะ เหมอื นการเขาจตุตถฌานในท่ีน.้ี คร้นั ทราบเน้อื ความในมโน-โมเนยยะ โดยนัยแมน ี้แลว ก็ควรทราบ การเขา สญั ญาเวทยติ นโิ รธ คอื การดบั จิตสงั ขารวา ช่อื วา มโนโมเนยยะ. บทวา กายมนุ ึ ไดแ กผ ูร ู คอื ผูส งู สดุ ไดแ กผูบ รสิ ทุ ธใ์ิ นกายทวารหรือผรู ูทางกาย. แมใ นบทท้ังสองท่ีเหลือ ก็มีนัยนีเ้ หมอื นกัน. บทวาสพพฺ ปปฺ หายิน ไดแ กพระขีณาสพ. เพราะวา พระขณี าสพช่ือวา สัพพปหายี(ผลู ะไดท้งั หมด) ฉะนแี้ ล. จบอรรถกถาโมเนยยสูตรที่ ๑๐ จบอาปายกิ วรรควรรณนาที่ ๒ รวมพระสตู รที่มีในวรรคนี้ คอื ๑. อาปายกิ สตู ร ๒. ทุลลภสตู ร ๓. อปั ปเมยยสูตร ๔. อาเนญช-สตู ร ๕. อยสูตร ๖. อปณณกสตู ร ๗. กัมมนั ตสตู ร ๘. ปฐมโสเจยยสตู ร๙. ทตุ ยิ โสเจยยสตู ร ๑๐. โมเนยยสตู ร และอรรถกถา.
พระสุตตนั ตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 545 กสุ ินาวรรคที่ ๓ ๑. กุสนิ ารสตู ร วาดว ยบณิ ฑบาตทม่ี ีผลมาก [๕๖๓] สมยั หนงึ่ พระผมู พี ระภาคเจา ประทับ ณ ราวปาชือ่ พลิหรณะ ใกลพระนครกุสินารา ฯลฯ ตรสั พระธรรมเทศนาวา ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย ภิกษุในพระธรรมวินยั นเี้ ขาไปอาศัยหมบู า นหรอื ตาํ บลแหง ใดแหง หนึง่ อยู คฤหบดหี รือบตุ รคฤหบดเี ขา ไปหาภกิ ษนุ ้ันนมิ นตร บั อาหารเชา ภกิ ษุจํานงอยูรบั นิมนต เม่ือลวงราตรีนั้น เวลาเชา เธอครองสบงแลว ถือบาตรและจีวรไปเรอื นของคฤหบดหี รือบุตรคฤหบดีนน้ัถงึ แลว น่ัง ณ อาสนะท่ีเขาจัดไว คฤหบดหี รือบตุ รคฤหบดี องั คาสเธอดว ยขาทนยี ะ (ของเค้ยี ว) โภชนียะ (ของกนิ ) อนั ประณตี ดว ยมอื ตน จนอม่ิ หนําพอเพียง เธอนึกชมวา ดีจรงิ คฤหบดหี รอื บตุ รคฤหบดผี ูน้ี เลยี้ งเราดวยขาทนียะโภชนียะอนั ประณีต ดว ยมือตน จนอ่มิ หนาํ พอเพียง นึกหวังตอ ไปวาโอหนอ คฤหบดีหรอื บุตรคฤหบดนี ี้ แมต อไปพึงเลีย้ งเราดว ยขาทนียะโภชนียะอันประณีตอยา งนี้ ดว ยมือตน จนอ่มิ หนาํ พอเพียงเถิด เธอติดใจหมกมนุ พัวพนัไมเ หน็ สวนทเ่ี ปนโทษ ไมมีปญญาสลัดออก ฉันบณิ ฑบาตน้ัน เธอตรกึ กามวิตกบาง ตรกึ พยาบาทวติ กบา ง ตรึกวหิ งิ สาวิตกบา ง ณ อาสนะท่ีน่งั ฉนั นนั้ภิกษทุ ้ังหลาย ทานท่ีใหแกภ กิ ษุชนิดนี้ เราหากลา ววา มผี ลมากไม เพราะเหตุอะไร เพราะภกิ ษเุ ปนผูมวั เมาอยู
พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 546 ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย ภกิ ษใุ นพระธรรมวนิ ัยนเี้ ขาไปอาศัยหมูบา นหรอื ตําบลแหง ใดแหงหนง่ึ อยู คฤหบดีหรอื บุตรคฤหบดเี ขาไปหาภิกษุน้นันิมนตรบั อาหารเชา ฯลฯ คฤหบดหี รอื บตุ รคฤหบดนี ัน้ องั คาสเธอดวยขาทนยี ะโภชนยี ะอนั ประณีต ดว ยมอื ตน จนอิ่มหนําพอเพียง เธอไมนึกชมวา ดจี ริงฯลฯ จนอิม่ หนาํ พอเพียง ไมน กึ หวงั ตอ ไปวา โอหนอ ฯลฯ จนอม่ิ หนาํ พอเพียงเถดิ เธอไมตดิ ใจหมกมุนพัวพัน เหน็ สว นท่ีเปนโทษ มีปญญาสลัดออกไดฉนั บิณฑบาตน้นั เธอตรึกเนกขมั มวติ ก (ตรกึ ในทางพรากจากกาม) บางอพยาบาทวติ ก (ตรึกในทางไมพ ยาบาท) บาง อวหิ ิงสาวิตก (ตรกึ ในทางไมเบียดเบยี น) บา ง ณ อาสนะท่ีนงั่ ฉนั นัน้ ภิกษทุ ง้ั หลาย ทานทใี่ หแกภิกษุเชนน้ี เรากลาววา มผี ลมาก เพราะเหตุอะไร เพราะภิกษเุ ปนผูไ มม ัวเมาอยู. จบกสุ นิ ารสูตรท่ี ๑ กสุ ินารวรรควรรณนาที่ ๓ อรรถกถากสุ ินารสตู ร พึงทราบวินิจฉัยในกสุ นิ ารสูตรท่ี ๑ แหงวรรคที่ ๓ ดังตอไปนี้ :- บทวา กสุ ินารย ไดแ กใ นพระนครทีม่ ชี ือ่ อยา งนี.้ บทวา พลหิ ร-เณ วนสณฺเฑ ไดแกใ นไพรสณฑท่ีมีชือ่ อยางนี.้ ไดยนิ วา คนทงั้ หลายนาํพลกี รรมไป เพอื่ ทําพลีกรรมแกภ ตู ที่ไพรสณฑน้นั เพราะฉะนั้นไพรสณฑน ั้นชนทง้ั หลายจงึ เรยี กวา พลิหรณะ. บทวา อากงฺขมาโน ไดแกปรารถนาอย.ูบทวา สหตฺถา ไดแก ดว ยมอื ของตน. บทวา สมฺปวาเรติ ความวาหา มดว ยวาจาวา พอแลว พอแลว และดว ยการไหวมือ.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 547 บทวา สาธุ วต มาย ความวา ดีจริงหนอ (คหบดหี รือบตุ รแหง คหบดี) น้ี เลีย้ งเราใหอ มิ่ หนําสาํ ราญ. บทวา คธโิ ต ความวา ตดิ ใจดวยความยนิ ดีดว ยอํานาจตณั หา. บทวา มจุ ฉโิ ต ไดแก สยบแลวดว ยความสยบดวยอาํ นาจแหง ตณั หาน้นั เอง. บทวา อชโฺ ฌปนฺโน ความวากลนื ลงไปใหเ สร็จสน้ิ ดวยอาํ นาจแหงตัณหา. บทวา อนสิ ฺสรณปโฺ ความวา ภกิ ษผุ ลู ะฉนั ทราคะแลว ฉันภัตโดยฉดุ ตนออกจากความติดในรสจงึ จะชอ่ื วา ผมู ีปญ ญาเปน เครื่องสลดั ออก ภิกษุนไ้ี มเ ปนเชน นัน้ เธอยงั มีฉันทราคะอยู ฉนั อาหาร เพราะฉะน้ัน จึงชือ่ วา อนิสสฺ รณปโฺ (ผไู มมปี ญ ญาเปนเครือ่ งสลดั ออก). ธรรมฝา ยขาวบณั ฑติ พงึ ทราบ โดยผิดจากปริยายดังกลาวแลว . อน่ึง ในพระสูตรนี้พงึ ทราบวา พระองคตรัสเนกขมั ม-วติ กเปน ตน คละกันไปฉะน้แี ล. จบอรรถกถากุสนิ ารสูตรท่ี ๑ ๒. ภัณฑนสตู ร วาดวยเหตแุ หง ความบาดหมาง ๓ อยา ง [๕๖๔] ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย ภกิ ษุในทิศใด เกดิ แกง แยง ทะเลาะวิวาทกัน ทิ่มแทงกันและกันดวยหอกคอื ปาก แมแตนกึ ถึงทิศนน้ั กไ็ มเ ปนท่ีผาสกุ แกเรา ไมต อ งกลาวไปถึงการทภี่ กิ ษุเปนเชนน้นั เราแนใจวาเธอเหลานน้ั ละท้งิ ธรรม ๓ ประการ มวั ประกอบธรรม ๓ ประการ ละทิ้งธรรม๓ ประการคืออะไร คือ เนกขัมมวิตก อพยาบาทวิตก อวิหิงสาวิตก มัว-ประกอบธรรม ๓ ประการคอื อะไร คือ กามวิตก พยาบาทวิตก วหิ ิงสาวิตกภกิ ษุท้งั หลาย ในทศิ ใด ภิกษเุ กดิ แกง แยง ทะเลาะวิวาทกัน ทมิ่ แทงกนั และกัน
พระสตุ ตนั ตปฎก องั คตุ รนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 548ดว ยหอกคอื ปาก แมแตน ึกถึงทิศนน้ั กไ็ มเปน ทผี่ าสุกแกเ รา ไมตองกลา วไปถึงในการท่ีภกิ ษเุ ปน เชนน้ัน เราแนใ จวา เธอเหลา นน้ั ละท้ิงธรรม ๓ ประการนี้มวั ประกอบธรรม ๓ ประการน้ี ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย ในทศิ ใด ภกิ ษุพรอมเพรยี งกนั ชืน่ บานตอกันไมววิ าทกนั (กลมเกลยี วเปน อันหนึง่ อันเดยี วกัน) เปนประหนงึ่ วา นมประสมกบั นา้ํ มองดูกันและกันดว ยปยจกั ษุ (คอื สายตาของคนที่รกั ใครก ัน ) แมเ ราไปทางทิศนัน้ ก็เปน ที่ผาสุกแกเรา ไมต องกลาวเพยี งนกึ ในการที่ภกิ ษเุ ปนเชนนนั้ เราแนใ จวา เธอเหลานนั้ ละธรรม ๓ ประการเสยี ได ประกอบธรรม๓ ประการอยูม าก ละธรรม ๓ ประการคืออะไร คือ กามวิตก พยาบาทวติ กวิหิงสาวติ ก ประกอบธรรม ๓ ประการคอื อะไร คอื เนกขัมมวิตก อพยาบาท-วติ ก อวิหงิ สาวิตก ภกิ ษุทัง้ หลา ในทิศใด ภกิ ษพุ รอมเพรยี งกนั ชน่ื บานตอกนั ไมววิ าทกนั (กลมเกลยี วเปน อนั หน่ึงอันเดยี วกนั ) เปน ประหนง่ึ วานมประสมกบั น้ํา มองดูกันและกันดว ยปย จกั ษุ แมเ ราไปทางทิศน้นั กเ็ ปนที่ผาสกุ แกเ รา ไมตองกลา วเพยี งนกึ ในการท่ภี ิกษเุ ปนเชนนั้น เราแนใจวาเธอเหลาน้ันละธรรม ๓ ประการนีเ้ สียได ประกอบธรรม ๓ ประการน้อี ยมู าก. จบภณั ฑนสูตรที่ ๒ อรรถกถาภัณฑนสตู ร พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ในภณั ฑนสูตรท่ี ๒ ดงั ตอ ไปน้ี :- บทวา ปชหึสุ แปลวา ยอ มละได. บทวา พหุลมก สุ ไดแกกระทําบอ ย ๆ. แมใ นพระสตู รน้ี พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั วิตก ๓ แมเ หลา น้ีคละกนั ไป. จบอรรถกถาภัณฑสูตรที่ ๒
พระสตุ ตันตปฎก อังคุตรนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 549 ๓. โคตมสูตร วาดวยอาการทพ่ี ระพทุ ธเจา ทรงแสดงธรรม ๓ อยาง [๕๖๕] สมัยหน่งึ พระผูม ีพระภาคเจาประทับ ณ โคตมกเจดยี ใกลพ ระนครเวสาลี ฯลฯ ตรสั พระธรรมเทศนาวา ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย (๑) เราแสดงธรรมเพอ่ื ความรูยงิ่ เหน็ จรงิ มิใชเพ่ือความไมรยู ิ่งเห็นจริง (๒) เราแสดงธรรมประกอบดวยเหตุ มใิ ชไรเหตุ(๓) เราแสดงธรรมมีปาฏิหารยิ (คือความอัศจรรยทผี่ ปู ฏบิ ัตติ าม ยอ มไดรบั ผลสมแกค วามปฏบิ ตั )ิ มใิ ชไมมีปาฏหิ ารยิ ภกิ ษทุ งั้ หลาย เม่ือเราแสดงธรรมเพื่อความรูยง่ิ เห็นจรงิ มิใชเพ่อื ความไมร ูย ิง่ เหน็ จริง แสดงธรรมประกอบดว ยเหตุ มิใชไรเ หตุ แสดงธรรมมปี าฏหิ ารยิ มใิ ชไมมีปาฏหิ ารยิ (เชนน้ัน) โอวาทานุศาสนีของเรา จึงควรท่ีบคุ คลจะพึงประพฤติกระทําตามและควรทที่ านทั้งหลาย จะยนิ ดี จะมีใจเปน ของตน จะโสมนสั วา พระผูม ีพระภาคเจา เปนผูตรัสรเู องโดยชอบแลว พระธรรมอนั พระผูมีพระภาคเจาตรสัดแี ลว พระสงฆเ ปน ผูปฏบิ ัติดีแลว. พระผมู พี ระภาคเจาตรัสพระธรรมเทศนานแ้ี ลว ภกิ ษเุ หลา นั้นช่นื ชมยนิ ดภี าษิตของพระผมู พี ระภาคเจายิง่ นกั กแ็ ลเมือ่ พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสไวยากรณเทศนานี้อยู สหสั สโี ลกธาตุ ไดห วนั่ ไหวแลว. จบโคตมสูตรท่ี ๓
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 550 อรรถกถาโคตมกเจติยสตู ร* พงึ ทราบวนิ จิ ฉัยในโคตมกเจตยิ สูตรที่ ๓ ดังตอ ไปน:ี้ - บทวา โคตมเก เจติเย ไดแกใ นทีอ่ าศยั (เทวสถาน) ของโคตมก-ยกั ษ. อธบิ ายวา ในปฐมโพธกิ าล โดยมาก พระตถาคตเจาประทบั อยูท ่ีเทวาลยั เทาน้นั เปน เวลาถึง ๒๐ พรรษาอยางนี้ คอื บางครงั้ ท่ีจาปาลเจดยี บางคร้ังท่ีสารนั ททเจดยี บางคร้งั ทพ่ี หุปตุ ตเจดีย บางครั้งท่สี ตั ตมั พเจดยี แตในเวลาน้ี พระองคทรงอาศัยเมืองเวสาลี ประทับอยูแลว ในเทวสถานของโคตมกยกั ษ. ดวยเหตุนั้น พระธรรมสังคาหกาจารยจ ึงกลา ววา โคตมเกเจติเย ดงั น.ี้ บทวา เอตทโวจ นี้ ความวา พระผมู ีพระภาคเจา ไดต รสั คํานี้คอื พระสตู ร มอี าทวิ า อภิฺายาห ดังนี้. ก็แลในการบังเกดิ ขึ้นแหงเนื้อความ พระสตู รนี้ พึงทราบวา พระผูม ีพระภาคเจาตรัสไวแลว. ถามวาในการบังเกิดขนึ้ แตเ นื้อความไหน. ตอบวา ในการบงั เกิดขึน้ แหง เนอ้ื ความในมูลปรยิ ายสูตร. ไดท ราบวา พราหมณบรรพชิต จํานวนมาก เกดิ เมาความรขู น้ึเพราะอาศัยพระพทุ ธพจนท ีต่ นเคยเรยี นแลว ไมยอมไปโรงฟงธรรมดวยคดิ วาพระสมั มาสมั พทุ ธเจา เมือ่ จะตรสั ก็ตรสั คาํ ที่พวกเรารูแลวเทา น้ัน ไมต รัสคําที่พวกเรายงั ไมร ู ดังน.ี้ ภิกษุทง้ั หลายกราบทลู (ความนัน้ ) แกพ ระตถาคตเจาแลว พระศาสดาตรัสใหเ รียกภิกษเุ หลานน้ั มา ทรงถอื เอามุขปฏิญญา (การรับปากของภกิ ษเุ หลานั้น) แลวทรงแสดงมูลปรยิ ายสูตร ภกิ ษุเหลา นัน้ ไมไ ดเหน็ ท่ีมาทไี่ ป ของพระธรรมเทศนาเลย เม่ือไมเ ห็นกพ็ ากันคิดวา พระสัมมา-* พระสูตรเปน โคตมสูตร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 602
Pages: