พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 457 พระขีณาสพตองอาบตั ิ ก็ในบทวา ตานิ อาปชชฺ ติป วฏุ าตปิ นี้ มอี ธิบายวา พระ-ขณี าสพไมตอ งอาบัตทิ ่เี ปนโลกวัชชะเลย จะตอ งก็แตอาบัตทิ เี่ ปน ปณณตั ติวัชชะเทา นัน้ และเมอ่ื ตองกต็ อ งทางกายบาง ทางวาจาบา ง ทางใจบาง คือ เมอ่ืตองทางกาย ก็ตอ งกฏุ กิ ารสิกขาบทและสหไสยลกิ ขาบทเปนตน เมอ่ื ตอ งทางวาจา ก็ตองสัญจรติ ตสิกขาบท และปทโสธัมมสกิ ขาบทเปน ตน เมอ่ื ตอ งทางใจก็ตอง (เพราะ) รับรูปย ะ. แมในบทที่เหลือก็มีนยั นแ้ี ล. บทวา น หิเมตถฺ ภกิ ขฺ เว อภพพฺ ตา วตุ ฺตา ความวา ดูกอ นภกิ ษุท้ังหสาย ก็ในทีน่ ้ีเราตถาคตมไิ ดกลาววา พระอรยิ บคุ คลไมค วรทง้ั ในการตองและการออกจากอาบัตเิ ห็นปานน.้ี บทวา อาทิพรฺ หฺมจรยิ กานิ ความวา สกิ ขาบทที่เปนมหาศีล ๔ซงึ่ เปน เบ้อื งตน ของมรรคพรหมจรรย. บทวา พรฺ หฺมจริยสารปุ ปฺ านิความวา สิกขาบททีเ่ ปน มหาศลี เหลานั้นแล เหมาะสม คือ สมควรแกมรรคพรหมจรรยท ่ี ๔. บทวา ตฺตถฺ ไดแ ก ในสกิ ขาบทเหลา น้ัน. ลกั ษณะพระโสดาบนั บทวา ธวุ สีโล แปลวา ผูมีศีลประจาํ . บทวา ติ สโี ล แปลวาผมู ีศีลมั่นคง. บทวา โสตาปนโฺ น ไดเ เก ผูเขาถึงผล ดวยมรรคที่เรยี กวา โสตะ. บทวา อวนิ ิปาตธมโฺ ม ไดแก มีอันไมต กไปในอบาย ๔เปนสภาพ. บทวา นิยโต ไดแก ผูเท่ยี งดว ยคณุ ธรรมเครื่องกาํ หนด คือโสดาปตตมิ รรค. บทวา สมฺโพธิปรายโน ไดแกมปี ญญาเครื่องตรสั รพู รอมคอื มรรค ๓ เบอ้ื งสูง ทีเ่ ปน ไปในเบอื้ งหนา .
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 458 ลักษณะพระสกทาคามี บทวา ตนุตฺตา แปลวา เพราะ (กเิ ลสท้งั หลาย) เบาบาง. อธบิ ายวากิเลสท้ังหลายมรี าคะเปน ตน ของพระสกทาคามีเบาบางไมแนนหนา เปรยี บ-เหมือนชน้ั แผน เมฆและเปรยี บเหมอื นปก แมลงวนั . ลักษณะของพระอนาคามี บทวา โอรมฺภาคยิ าน ไดแก เปนไปในสว นเบื้องตา่ํ . บทวาส โยชนาน ไดแ ก สังโยชน (เครอ่ื งผูกทั้งหลาย).บทวา ปรกิ ฺขยา แปลวาเพราะความสิน้ ไป. บทวา โอปปาติโก โหติ ไดแ ก เปน ผอู บุ ตั ิขนึ้ .บทวา ตตถฺ ปรนิ พิ ฺพายี ไดแก มอี ันไมล งมาเกดิ ในภพช้ันตํ่า ๆ จะปรนิ ิพพานในภพช้นั สูงนั้นแล. บทวา อนาวตฺติธมฺโม ไดแก มอี นั ไมหวนกลบั มาอีกเปน ธรรมดา ดว ยอํานาจกําเนดิ และคติ. ผูทําไดเ ปนบางสว น - ผทู าํ ไดสมบรู ณ ในบทวา ปเทส ปเทสฺการี เปนตน มอี ธิบายวา พระโสดาบนัพระสกทาคามี และพระอนาคามี ชือ่ วา เปน บุคคลผมู ีปกติทาํ ไดเ ปนบางสวนคือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี และพระอนาคามนี น้ั ทําไตรสกิ ขาใหสมบูรณไดเปนบางสวนเทา นนั้ (สวน) พระอรหนั ต ชอื่ วา เปนผมู ปี กตทิ ําใหบรบิ ูรณคอื พระอรหนั ตน้นั ทาํ ไตรสกิ ขาใหส มบูรณไดบ ริบูรณท ีเดียว. บทวาอวฌฺ านิ คือ ไมเ ปลา อธิบายวา มีผล มกี ําไร. แมใ นสตู รนี้ พระผมู ีพระภาคเจากต็ รัสสิกขา ๓ ไวคละกัน. จบอรรถกถาทุติยเสขสูตรท่ี ๖
พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 459 ๗. ตติยเสขสตู ร วาดวยเสขบคุ คล [๕๒๗] ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย สิกขาบทที่สําคญั ๑๕๐ น้ี ยอมมาสูอุทเทสทกุ ก่ึงเดอื น ฯลฯ* นีแ้ ล สิกขา ๓ ท่ีสกิ ขาบททั้งปวงนัน่ รวมกนั อยู ภกิ ษุทง้ั หลาย ภิกษุในพระธรรมวนิ ัยน้ี ทเี่ ปน ผูท ําใหบ รบิ รู ณในศีลทําพอประมาณในสมาธิและในปญญา ฯลฯ สมาทานศึกษาอยใู นสิกขาบททั้งหลาย ภกิ ษนุ ัน้ เพราะสนิ้ สังโยชน ๓ เปนสตั ตักขตั ตุปรมะ เวียนวายตายเกดิ ไปในเทวโลกและมนุษยโลก ๗ ชาตเิ ปนอยางมาก ก็ทาํ ที่สดุ ทกุ ข(คือทาํ ทกุ ขใหส ิ้น. สาํ เรจ็ พระอรหัต) ได เปน โกลงั โกละ เวียนวา ยตายเกดิ ไป ๒ หรอื ๓ ชาติ กท็ ําท่สี ุดทุกขได เปนเอกพชี ี เกิดเปนมนษุ ยอีกชาตเิ ดยี ว ก็ทาํ ท่ีสุดทุกขได ภกิ ษุนน้ั เพราะสนิ้ สังโยชน ๓ ราคะโทสะโมหะเบาบาง เปนสกทาคามี มาสูโ ลกน้ีอีกคราวเดยี วกท็ าํ ที่สุดทุกขไ ด ภิกษุท้ังหลาย อน่ึง ภกิ ษใุ นพระธรรมวินัยน้ี ท่เี ปนผทู าํ ใหบ รบิ รู ณในศลี และในสมาธิ ทาํ พอประมาณในปญญา ฯลฯ สมาทานศึกษาอยใู นสิกขาบทท้ังหลาย ภกิ ษนุ ้ัน เพราะส้นิ สังโยชนเบอ้ื งตํา่ เปน อทุ ธังโสโต-อกนิฏฐคามี (ผูมกี ระแสในเบ้ืองบนไปถงึ อกนิฏฐภพ) เปน สสังขาร-ปรินพิ พายี (ผปู รินพิ พานดว ยตอ งใชความเพียรเรย่ี วแรง) เปน อสังขาร-ปรนิ ิพพายี (ผูปรินิพพานดวยไมต องใชค วามเพียรนกั ) เปน อุปหจั จ-ปรนิ ิพพายี (ผปู รนิ พิ พานเมือ่ อายพุ น ก่ึงแลว จวนถงึ ท่ีสดุ ) เปน อันตรา-ปรินิพพายี (ผปู รนิ พิ พานในระหวางอายยุ งั ไมถ งึ กึ่ง)* ความพิสดารเหมอื น ทุติยเสขสูตร
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 460 ภกิ ษุทัง้ หลาย อนงึ่ ภิกษใุ นพระธรรมวนิ ัยน้ี ท่ีเปน ผูท ําใหบ รบิ รู ณทง้ั ในศลี ทั้งในสมาธิ ทง้ั ในปญ ญา ฯลฯ สมาทานศกึ ษาอยูในสิกขาบทท้ังหลาย ภิกษุนนั้ กระทาํ ใหแจงซ่งึ เจโตวมิ ุตติปญญาวมิ ตุ ติอนั หาอาสวะมไิ ดเพราะสิน้ อาสวะ ดว ยปญ ญาอนั ย่ิงดว ยตนเองสําเร็จอยูในปจ จบุ ันน้ี อยางนแี้ ล ภิกษทุ งั้ หลาย ภิกษุผทู ําไดเ พยี งเอกเทศ ยอ มทําไดด ีเพียงเอกเทศ ผทู ําไดบริบรู ณ ยอ มทําไดดีบรบิ ูรณ เราจงึ กลาววา สกิ ขาบททัง้ หลายหาเปน หมันไม. จบตติยเสขสูตรที่ ๓ อรรถกถาตตยิ เสขสตู ร พงึ ทราบวินิจฉัยในตติยเสขสตู รท่ี ๗ ดังตอ ไปน้ี :- พระโสดาบัน บทวา โกล โกโล ไดแก (พระโสดาบนั ) ไปจากตระกูลสูตระกูล.กใ็ นบทวา. ตระกลู นี้ ทา นประสงคเ อา ภพ เพราะเหตนุ ้นั แมใ นบทวา๒ หรือ ๓ ตระกูล นี้ พึงทราบความหมายวา ๒ หรือ ๓ ภพ. จรงิ อยูพระโสดาบันนี้ยอ มทองเที่ยวไป ๒ ภพบา ง ๓ ภพบาง หรืออยา งสงู ทสี่ ดุ ก็ ๖ภพ เพราะเหตุน้นั พึงเหน็ วิกปั (ขอ กาํ หนด) ในบทน้อี ยางนีว้ า ๒ ภพบา ง๓ ภพบาง ๔ ภพบา ง ๕ ภพบา ง ๖ ภพบาง. พระสกทาคามี บทวา เอกวีชี มรี ปู วเิ คราะหวา พชื ของภพหนึง่ เทา น้นั ของพระ-อริยะนมี้ อี ยู เหตนุ น้ั พระอรยิ ะนจี้ งึ ชื่อวา เอกวีชี (ผมู ีพืชครัง้ เดียว).
พระสุตตนั ตปฎก องั คตุ รนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 461 พระอนาคามี ในบทวา อทุ ฺธ โสโต เปนตน อธบิ ายวา พระอนาคามปี ระเภทอุทธงั โสโตอกนิฏฐคามี มกี ระแสในเบื้องบนและไปถึงอกนิฏฐภพก็มี ๑พระอนาคามีประเภทอทุ ธงั โสโตนอกนฏิ ฐคามี มกี ระแสในเบ้ืองบนแตไปไมถงึ อกนิฏฐภพ กม็ ี ๑ พระอนาคามปี ระเภทนอทุ ธงั โสโตอกนฏิ ฐคามีไมม ีกระแสในเบอ้ื งบนแตไปถึงอกนฏิ ฐภพ กม็ ี ๑ พระอนาคามีประเภทนอทุ ธังโสโตนอกนฏิ ฐคามี ไมมีกระแสในเบอ้ื งบนและไปไมถ งึ อกนฏิ ฐภพก็มี ๑. บรรดาพระอนาคามี ๔ จาํ พวกนั้น พระอนาคามีใดไดบรรลอุ นาคา-มผิ ลในโลกน้ีแลว บงั เกดิ ในช้นั สทุ ธาวาสมีชัน้ อวิหาเปน ตน ดํารงอยูในชัน้ อวิหาน้ัน จนตราบสน้ิ อายแุ ลว ก็บังเกิดในช้นั สทุ ธาวาสชั้นสงู ๆขน้ึ ไปถงึ สทุ ธาวาสชนั้อกนิฏฐะ พระอนาคามนี ช้ี ือ่ วา อทุ ธงั โสโตอนฏิ ฐคามี. สว นพระอนาคามใี ดบังเกดิ ในสุทธาวาสช้ันอวหิ าเปนตน (แต) ไมปรนิ ิพพานในสทุ ธาวาสชน้ั น้นั ไปปรินพิ พานในพรหมโลกชัน้ สงู ๆ ขึน้ ไปโดยยังไมถ งึ สทุ ธาวาสชน้ั อกนิฏฐะ พระอนาคามนี ช้ี ่อื วา อุทธงั โสโตนอก-นฏิ ฐคามี. พระอนาคามใี ดจุติจากโลกน้ีแลว ไปบงั เกิดในสุทธาวาสช้ันอกนฏิ ฐะเลยทีเดยี ว พระอนาคามนี ีช้ ือ่ วา นอทุ ธงั โสโตอกนิฏฐคามี. สวนพระอนาคามใี ดบังเกิดในสทุ ธาวาสชน้ั ใดชนั้ หน่งึ ในบรรดาสทุ ธา-วาส ๔ มอี วหิ าเปนตน แลวปรินพิ พานในสทุ ธาวาสชนั้ น้นั แล พระอนาคามีนี้ช่ือวา นอทุ ธงั โสโตนอลนฏิ ฐคามี. สว นพระอนาคามผี อู ุบตั ิในพรหมโลกชนั้ ใดชน้ั หนง่ึ แลว บรรล-ุอรหตั ผลดวยจิตท่ีเปน สสงั ขารและเปนสปั ปโยค พระอนาคามนี ้ชี ่ือวา สสังขารปรินพิ พายี.
พระสุตตันตปฎก อังคุตรนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 462 พระอนาคามผี ูบรรลุอรหตั ผล ดว ยจติ ทเี่ ปนอสงั ขารเปน อสัปปโยคพระอนาคามนี ช้ี ่ือวา อสงั ขารปรนิ ิพพายี. พระอนาคามใี ดบงั เกิดในสทุ ธาวาสช้ันอวหิ า ซึ่งมอี ายุ ๑,๐๐๐ กปัผานพนไปได ๑๐๐ กปั แรก ก็บรรลอุ รหัตผล พระอนาคามนี ีช้ อื่ วา อุปหัจจปรนิ ิพพายี. แมใ นสุทธาวาสชนั้ อตปั ปาเปน ตน กม็ นี ัยน้ีแล. บทวา อนฺตราปรนิ พฺพายี ความวา พระอนาคามใี ด อายุยังไมทนั เลยคร่ึงไปกป็ รนิ พิ พาน พระอนาคามีน้ันมี ๓ ประเภท คอื อันดบั แรกพระอนาคามีทานหนึง่ บังเกิดในสทุ ธาวาสชนั้ อวิหาซงึ่ มอี ายุ ๑,๐๐๐ กัปเเลวก็บรรลุอรหตั ผลในวนั ที่บังเกดิ น้นั เอง หากวา มไิ ดบ รรลุอรหตั ผลในวันทตี่ นบงั เกิด แตวา ไดบรรลใุ นทส่ี ุด ๑๐๐ กปั แรก พระอนาคามนี ้ชี ่อื วา อนั ตราปรินพิ พายี ประเภทที่ ๑. พระอนาคามอี กี ทา นหนง่ึ ไมสามารถบรรลุอรหัตผลไดอยา งนน้ั(แตว า ) ไดบรรลใุ นทส่ี ดุ ๒๐๐ กปั พระอนาคามีน้ีชื่อวา อันตราปรนิ ิพพายีประเภทที่ ๒. พระอนาคามอี ีกทานหนึ่ง แมใ นท่สี ุด ๒๐๐ กปั อยา งนัน้ กไ็ มส ามารถ(บรรลุอรหัตผล) ได (แตวา) ไดบ รรลุในทส่ี ดุ ๔๐๐ กปั พระอนาคามนี ี้ชือ่ วา อนั ตราปรนิ พิ พายี ประเภทที่ ๓. บททเ่ี หลอื มีนัยดังกลา วแลวแล. พระโสดาบัน ๒๔ เปน ตน อนงึ่ นักศึกษาพงึ ดํารงอยใู นฐานะน้ี แลว กลาวถงึ พระโสดาบนั ๒๔จําพวก พระสกทาคามี ๑๒ จําพวก พระอนาคามี ๔๘ จาํ พวก และพระ-อรหนั ต ๑๒ จําพวก. อธิบายวา ในศาสนาน้ี มธี รุ ะ ๒ คอื สทั ธาธรุ ะ ๑ปญ ญาธรุ ะ ๑ มีปฏปิ ทา ๔ มีทุกขาปฏิปทาทนั ธาภิญญา เปน ตน.
พระสุตตันตปฎก องั คุตรนิกาย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 463 ในสัทธาธุระ กบั ปญ ญาธรุ ะนน้ั พระโสดาบนั บคุ คลทานหน่ึงยึดม่ันดวยสัทธาธุระจนไดบ รรสุโสดาปตติผล บงั เกดิ ในภพหนง่ึ แลว ทาํ ทส่ี ดุทุกขไ ด พระโสดาบนั บุคคลทา นนจี้ ัดเปนเอกพีชปี ระเภทหนึง่ พระโสดาบนับคุ คลประเภทเอกพชี นี นั้ มี ๔ ประเภทดว ยอาํ นาจปฏปิ ทา. พระโสดาบันบคุ คลประเภทเอกพชี ผี ยู ดึ มั่น ดว ยสัทธาธรุ ะนเ้ี ปนฉนั ใด แมท า นทย่ี ดึ มัน่ ดว ยปญญาธุระก็เปน ฉนั นั้น รวมเปนวาพระโสดาบันบคุ คลประเภทเอกพีชีมี ๘ประเภท. พระโสดาบันประเภท โกล โกละ และพระโสดาบันประเภทสตั ตักขตั ตุปรมะ กเ็ หมือนกัน คอื มีประเภทละ ๘ รวมเปนวา พระโสดาบันเหลา นีม้ ี ๒๔ ประเภท. ในวิโมกขทง้ั ๓ พระสกทาคามบี ุคคลผบู รรลภุ มู ิ ของพระสกทาคามีก็มี ๔ ดว ยอํานาจปฏปิ ทา ๔ อนงึ่ พระสกทาคามบี คุ คลผบู รรลุภมู ิของพระสกทาคามี ดวยอนิมติ วิโมกขก็มี ๔ ผูบ รรลภุ ูมขิ องพระสกทาคามี ดวยอัปปณิหิตวิโมกขก็มี ๔ รวมเปน วา พระสกทาคามเี หลาน้ี มี ๑๒ ประเภท. สว นในพรหมโลกชน้ั อวหิ า พระอนาคามีมีอยู ๕ คือ พระอนาคามีประเภทอันตราปรินิพพายีมี ๓ พระอนาคามีประเภทอุปหจั จปรนิ ิพพายีมี ๑ พระอนาคามปี ระเภทอทุ ธังโสโตอกนฏิ ฐคามมี ี ๑. พระอนาคามีเหลาน้ันแยกเปน ๑๐ คอื พระอนาคามปี ระเภท อสงั ขารปรนิ ิพพายมี ี ๕พระอนาคามีประเภทสสังขารปรินพิ พายีอกี ๕. ในสุทธาวาสชัน้ อตปั ปาเปน ตน ก็มจี ํานวนเทากัน แตในสทุ ธาวาสช้ันอกนิฏฐะ พระอนาคามีประเภทอทุ ธังโสโตไมม .ี เพราะฉะน้ัน ในสุทธาวาส ชัน้ อกนิฏฐะน้นั จึงมีพระอนาคามี ๘ คอื พระอนาคามปี ระเภท สสังขารปรนิ ิพพายมี ี ๔ พระ-อนาคามปี ระเภทอสงั ขารปรินพิ พายีมี ๔ (เหมอื นกัน ) รวมเปน วา
พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 464พระอนาคามเี หลาน้มี ที ้งั หมด ๔๘. แมพ ระอรหนั ต กพ็ ึงทราบวา มี ๑๒เหมือนพระสกทาคาม.ี แมในสูตรน้ี พระผมู ีพระภารเจา ก็ตรสั สิกขา ๓ไวคละกัน. จบอรรถกถาตตยิ าเสขสูตรท่ี ๗ ๘. จตตุ ถเสขสตุ ร วาดวยเสขบุคคล [๕๒๘] ดูกอนภิกษุท้งั หลาย สิกขาบทท่สี ําคัญ ๑๕๐ นี้ ยอมมาสูอุทเทสทกุ กึ่งเดอื น ฯลฯ นแี้ ล สิกขา ๓ ทส่ี กิ ขาบททงั้ ปวงนั่นรวมกันอยู ภิกษทุ ั้งหลาย ภิกษใุ นพระธรรมวินัยน้ี ทเี่ ปน ผูทาํ ใหบ รบิ รู ณท ัง้ในศีล ท้ังในสมาธิ ทง้ั ในปญ ญา ฯลฯ สมาทานศกึ ษาอยูในสิกขาบทท้งั หลาย ภิกษุนน้ั กระทําใหแ จง ซ่งึ เจโตวิมตุ ตปิ ญญาวิมตุ ติ ฯลฯ ในปจ จุบันน้ีหรือไมเปน พระอรหันต เพราะส้ินสังโยชนเ บอื้ งต่ํา ๕ เธอเปนอันตราปรนิ ิพพาย.ี . อุทธงั โสโตอกนฏิ ฐคามี หรอื ไมเปน ถงึ นนั่ เพราะสนิ้สงั โยชน ๓ ราคะโทสะโมหะเบาบาง เธอเปน สกทาคาม.ี .. หรือไมเปนถึงนัน่ เพราะส้ินสงั โยชน ๓ เธอเปนเอกพชี ี โกลงั โกละ สัตตกั ขัตตุปรมะ. อยา งนแ้ี ล ภกิ ษทุ ัง้ หลาย ภิกษุผูไดเ พียงเอกเทศ ฯลฯ หาเปนหมันไม. จบจตุตถเสขาสตู รท่ี ๘ี
พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 465 อรรถกถาจตุตถเสขสูตร พงึ ทราบวินจิ ฉัยในจตตุ ถเสขสตู รที่ ๘ ดังตอไปน้ี :- บทวา ต วา ปน อนภิสมภฺ ว อปปฺ ฏวิ ชิ ฌฺ ความวาพระอนาคามยี งั ไมบ รรลุ ยังไมแทงตลอดอรหตั ผลน้ัน. นักศึกษาพึงทราบความหมายในทที่ ุกแหง (ทีม่ ีคาํ วา ต วา ปน อนภสิ มภฺ ว อปปฺ ฏวิ ชิ ฺฌ )โดยนยั น.ี้ แมในสูตรนี้ พระผูมีพระภาคเจาตรัสสิกขา ๓ อยางไวค ละกนัทเี ดียว. จบอรรถกถาจตุตถเสขสตู รที่ ๘ ๙. ปฐมสิกขาสูตร วา ดวยไตรสกิ ขา [๕๒๙] ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย สกิ ขา ๓ น้ี สิกขา ๓ คอื อะไรบา งคืออธิสีลสิกขา อธิจิตตสกิ ขา อธปิ ญญาสกิ ขา อธสิ ลี สิกขานอ้ี ยา งไร ภิกษใุ นพระธรรมวินยั น้ีเปน ผูม ศี ลี ฯลฯสมาทานศกึ ษาอยใู นสกิ ขาบททัง้ หลาย นเ้ี รียกวา อธสิ ีลสกิ ขา อธจิ ติ ตสิกขาเปน อยางไร ? ภิกษุในพระธรรมวินัยน้ี สงดั จากกาม...จากอกศุ ลกรรมท้งั หลาย เขาปฐมฌาน ฯลฯ เขา จตุตถฌาน... น้ีเรยี กอธจิ ติ ตสกิ ขา อธิปญญาสิกขาเปนอยางไร ? ภกิ ษุในพระธรรมวินัยน้รี ตู ามจริงวานท่ี ุกข ฯลฯ น่ที กุ ขนิโรธคามินีปฏิปทา น้เี รียกวาอธิปญญาสกิ ขา ภิกษทุ ้ังหลาย นแ้ี ล สิกขา ๓. จบปฐมสกิ ขาสูตรท่ี ๙
พระสตุ ตันตปฎก อังคตุ รนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 466 อรรถกถาปฐมสิกขาสูตร ในสูตรที่ ๙ มีความหมายงายทงั้ นัน้ . แมในสูตรน้ี พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสสิกขา ๓ ไวป นกนั แล. จบอรรถกถาปฐมสิกขาสูตรที่ ๙ ๑๐. ทตุ ยิ สกิ ขาสูตร วา ดวยไตรสิกขา [๕๓๐] (สตู รน้ี ตอนตน เหมอื นสูตรกอน ตางกันแตตอนแก อธิ-ปญ ญาสิกขา คอื สตู รกอนแสดงอริยสัจเปน อธปิ ญ ญาสิกขา สว นสตู รน้ีแสดงพระอรหัต เปน อธิปญ ญาสิกขา และมนี คิ มคาถาดงั น)้ี อธปิ ญญาสกิ ขาเปนอยางไร ? ภิกษุในพระธรรมวนิ ยั นี้ กระทาํใหแ จง ซึ่งเจโตวมิ ตุ ติปญ ญาวิมุตติ ฯลฯ ในปจ จบุ ันนี้ นเ้ี รียกวาอธปิ ญ ญา-สิกขา ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย นแ้ี ลสกิ ขา ๓ ผูมคี วามเพียร มีกาํ ลัง มปี ญ ญา มี ความพนิ ิจ มีสติ รักษาอันทรยี พึงประพฤติ อธิศลี อธิจิต และอธิปญ ญา กอ นอยางใด ภายหลงั กอ็ ยา งน้ัน ภายหลงั อยา งใด กอนก็อยา งนั้น ตํ่าอยา งใด สงู ก็อยางนนั้
พระสุตตันตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 467 สงู อยา งใด ต่ํากอ็ ยางน้นั กลางวนั อยาง ใด กลางคนื ก็อยางนน้ั กลางคนื อยา งใด กลางวันกอ็ ยา งน้นั ครอบงําทิศทั้งปวง ดว ยสมาธิอันหาประมาณมไิ ด. บัณฑติ ท้ังหลายกลาววา ผูนน้ั ดาํ เนิน เสขปฏิปทา มคี วามประพฤติหมดจดดี กลา ววา ผูนนั้ เปน ผูตรสั รู เปนปราชญ ปฏบิ ตั สิ ําเรจ็ ในโลก เพราะวญิ ญาณดับ ความพนแหง ใจของผูวมิ ตุ เพราะส้นิ ตัณหา ยอมมเี หมอื นความดับแหง ตะเกยี ง (เพราะสน้ิ เช้อื เพลิง) ฉะนนั้ . จบทตุ ิยสกิ ขาสูตรที่ ๑๐ อรรถกถาทุตยิ สิกขาสตู ร พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ในทตุ ยิ สิกขาสตู รที่ ๑๐ ดังตอ ไปน้ี :- ในบทวา อาสวาน ขยา นี้ มีอธบิ ายวา อรหตั มรรค ชื่อวาอธิปญญาสิกขา. สว นผลไมค วรกลา ววา สกิ ขา เพราะเกิดข้นึ แกบ คุ คลผูไดศ ึกษาสกิ ขาแลว. บทวา ยถา ปุเร ตถา ปจฉฺ า ความวา ในตอนตน ทา นศึกษาในสกิ ขา ๓ อยา ง ภายหลงั ก็ศกึ ษาอยางน้นั เหมอื นกัน. แมในบทที่ ๒ กม็ นี ยัน้แี ล. บทวา ยถา อโธ ตถา อทุ ฺธ ความวา ทา นพจิ ารณาเหน็ กาย
พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 468เบ้อื งตํ่า ดว ยสามารถแหง อสภุ ะอยางใด กพ็ จิ ารณาเหน็ กายเบอื้ งสูงอยางนน้ัเหมือนกนั . แมใ นบทที่ ๒ กม็ ีนยั น้ีเหมือนกนั . บทวา ยถา ทิวา ตถารตฺตึ ความวา ในเวลากลางวันทา นศกึ ษาสิขา ๓ อยา ง แมในเวลากลางคืนก็ศึกษาอยา งนั้นเหมือนกัน. บทว1 อภิภุยยฺ ทิสา สพพฺ า ความวาครอบงําทศิ ท้งั ปวง คอื ครอบงํา ดวยอาํ นาจแหงอารมณ. บทวา อปปฺ มาณ-สมาธินา คอื ดวยสมาธอิ นั สัมปยุตดว ยอรหตั มรรค. บทวา เสกฺข ไดแ กผูยังศึกษาอยู คอื ผยู งั มกี จิ ทีจ่ ะตอ งทําอย.ู บทวา ปฏปิ ท ไดแ กผูปฏิบัต.ิบทวา ส สุทธฺ จาริน ไดแ ก ผูม จี รณะบริสุทธ์ิดี คือ ผูมีศลี บรสิ ทุ ธ์.ิ บทวาสมฺพุทธฺ ไดแกผ ูต รสั รูสัจจะ ๔. บทวา ธรี ปฏิปทนตฺ คุ . ความวาเปนปราชญ คือผถู ึงพรอ มดวยปญ ญาเปน เคร่อื งทรงจํา ดวยอาํ นาจแหง ปญ ญาเคร่อื งทรงจํา ในขันธธาตุ และอายตนะ เปน ผถู ึงท่ีสุดแหงวัตรปฏิบตั ิ. บทวา วิฺ าณสฺส ไดแ ก แหง จริมกวญิ ญาณ (จิตดวงสุดทา ย).บทวา ตณหฺ กขฺ ยวิมุตตฺ ิโน ไดแ ก ผปู ระกอบดว ย อรหตั ผลวิมตุ ติ กลาวคอืความหลดุ พน เพราะส้นิ ตณั หา. บทวา ปชฺโชตสฺเสว นิพฺพาน หมายความวาเปรยี บเหมอื นการดับไปของดวงประทีป. บทวา วโิ มกฺโข โหติ เจตโสความวา ความหลดุ คือ ความพน ไดแ ก ภาวะคอื ความไมเปนไปแหงจิตมีอย.ู อธบิ ายวา ก็ความหลุดพนไปแหงจติ ทีเ่ ปรยี บเหมือนการดบั ไปของดวงประทีปยอ มมี แกพ ระขณี าสพผหู ลดุ พนเพราะสิน้ ตัณหา เพราะจริมก-วิญญาณดับไป สถานทที่ ่พี ระขณี าสพไปก็ไมป รากฏ ทานเปนผเู ขา ถงึ ความเปนผหู าบญั ญตั มิ ิไดเ ลย. จบอรรถกถาทตุ ยิ สกิ ขาสูตรที่ ๑๐
พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 469 ๑๑. ปงกธาสตู ร วาดวยผูสรรเสริญและไมส รรเสริญ [๕๓๑] สมยั หนึง่ พระผมู ีพระภาคเจา เสดจ็ จารกิ ไปในประเทศ-โกศล พรอมดว ยภกิ ษุสงฆหมูใหญ ถึงตาํ บลปง กธา ประทบั พักที่นน่ัคราวนัน้ ภกิ ษุกัสสปโคตรเปน เจาอาวาสในตําบลน้นั ทนี่ นั่ พระผมู พี ระ-ภาคเจาทรงสอนภกิ ษทุ งั้ หลายใหเ หน็ แจงใหส มาทานใหอาจหาญรา เรงิ ดวยธรรมมกี ถาประกอบดวยสกิ ขาบท เม่อื พระองคท รงสอนภกิ ษใุ หเ ห็นแจง ...อยูภิกษกุ สั สปโคตรเกดิ ความไมพ อใจขึ้นวา สมณะนี้ขัดเกลายงิ่ นัก พระผมู ีพระภาคเจาประทบั สําราญพระอริ ิยาบถ ณ ตําบลปงกธาตามพระอธั ยาศัยแลว เสด็จจาริกไปโดยลําดบั ถึงกรุงราชคฤห ประทบั ณภูเขาคชิ กูฏ ฝา ยภิกษกุ ัสสปโคตร เม่ือพระผมู ีพระภาคเจาเสดจ็ ไปแลวไมนานเกิดรอนรําคาญใจไดคิดขึน้ วา เราเสีย ๆ แลว เราไดช ่วั แลว ซ่ึงเมอ่ื พระผมู -ีพระภาคเจา ทรงสอนภกิ ษุทั้งหลายใหเ หน็ แจงสมาทาน อาจหาญรา เริง ดว ยธรรม-มีกถาประกอบดวยสกิ ขาบท เราเกดิ ความไมพ อใจข้นึ วา สมณะนีข้ ดั เกลายงิ่ นักอยา กระนน้ั เลย เราไปเฝา สารภาพโทษเถดิ ครน้ั ตกลงใจแลว จงึ เกบ็ งาํ เสนาสนะถอื บาตรจีวรไปกรงุ ราชคฤห ถงึ ภเู ขาคชิ ฌกฏู เขา เฝาพระผูมีพระภาคเจา ถวายอภวิ าทแลวนง่ั ณ ที่ควรสวนหนึ่ง กราบทูลวา ขา แตพระองคผ ูเจรญิ เมือ่ครั้งท่ีพระผูมีพระภาคเจา ประทับพกั ณ ตาํ บลปง กธา ประเทศโกศล ทีน่ ่นัพระผมู พี ระภาคเจาทรงสอนภิกษทุ ้งั หลายใหเห็นแจง สมาทาน อาจหาญราเรงิดวยธรรมีกถาประกอบดวยสิกขาบท เมอื่ ทรงสอนภิกษ.ุ ..อยู ขา พระพุทธเจา
พระสุตตนั ตปฎก องั คุตรนิกาย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 470เกิดความไมพอใจขึ้นวา สมณะนีข้ ัดเกลายง่ิ นกั คราวนน้ั พระองคป ระทบั สําราญพระอริ ิยาบถ ณ ตาํ บลปงกธาตามพระอธั ยาศัยแลว เสด็จจารกิ มากรุงราชคฤหพอเสด็จแลว ไมนานขา พระพทุ ธเจาก็รูสึกรอนราํ คาญใจไดค ิดวา เราเสียๆ แลวเราไดช วั่ แลว ซ่งึ เม่ือพระผมู ีพระภาคเจาทรงสอนภกิ ษทุ ั้งหลายใหเ หน็ แจงสมาทานอาจหาญราเรงิ ดวยธรรมีกถาประกอบดวยสกิ ขาบทอยู เราเกิดความไมพอใจขึ้นวา สมณะนข้ี ดั เกลายิ่งนัก อยากระนัน้ เลย เราไปเฝา สารภาพโทษเถิดดงั น้ี ขาแตพระองคผ เู จริญ ความผดิ (ฐานนึกลว งเกิน) ไดเ กดิ แกขาพระ-พทุ ธเจา แลว โดยท่ีเขลา โดยทหี่ ลง โดยท่ีไมฉลาด ซ่งึ เม่อื พระผูมพี ระภาคเจาทรงสอน...อยู ขา พระพุทธเจาเกดิ ความไมพอใจขน้ึ วา สมณะนี้ขดั เกลายง่ิ นกัขอพระผูม ีพระภาคเจา ทรงรับโทษโดยความเปนโทษ เพอ่ื ขา พระพุทธเจาจะสังวรตอ ไปเถิด. พ. ตรัสวา จรงิ ละ กัสสป ความผดิ ไดเ กดิ แกท า นแลว โดยที่เขลาโดยท่ีหลง โดยทไี่ มฉลาด ซ่งึ เมื่อเราสอน ...อยู ทานไดเ กิดความไมพอใจข้นึ วา สมณะน้ีเครงเกินไป เมอ่ื ทานเหน็ ความผดิ แลวทาํ คืนตามวิธีท่ีชอบเรารับโทษโดยความเปนโทษ อนั การท่ีเหน็ ความผิดแลว ทําคนื ตามวิธีทช่ี อบถึงความสังวรตอไป นนั่ เปน ความเจริญในวินัยของพระอริย. แนะกสั สป ถาภิกษเุ ถระกด็ ี ภกิ ษมุ ัชฌิมะก็ดี ภิกษนุ วกะก็ดีเปน ผูไ มใ ครศึกษา ไมกลาวคุณแหง การบําเพญ็ สิกขา ไมชักชวนภิกษอุ ื่น ๆที่ไมใครศึกษาใหศกึ ษา ไมยกยองภิกษุอ่ืน ๆ ที่ใครศ กึ ษา โดยทจี่ รงิ ทแ่ี ทตามเวลาอันควร กสั สป เราไมส รรเสริญภกิ ษุเถระ ภิกษุมัชฌมิ ะและภกิ ษนุ วกะรปู นีเ้ ลย เพราะเหตุอะไร เพราะเหตวุ า (ถาเราสรรเสริญ) ภกิ ษุอืน่ ๆ รูวา พระศาสดาสรรเสรญิ ภกิ ษุรูปนัน้ ก็จะพากันคบภกิ ษรุ ปู นน้ั ภกิ ษุเหลาใดคบภกิ ษุรูปน้นั ภกิ ษเุ หลา นนั้ ก็จะถงึ ทิฏฐานุคติ (ไดเ ย่ียงอยาง) ของภิกษรุ ปู นั้น ซ่ึงจะเปน ทางเกิดส่งิ อนั ไมเ ปนประโยชน เกดิ ทุกขแกภิกษุผคู บ
พระสุตตันตปฎก อังคตุ รนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 471ตลอดกาลนาน เพราะเหตุนั้น เราจงึ ไมส รรเสริญภิกษรุ ูปนั้น จะเปนเถระมัชฌมิ ะ นวกะก็ตาม แตถาภกิ ษุเถระก็ดี ภิกษุมัชฌมิ ะกด็ ี ภกิ ษุนวกะกด็ ี เปน ผูใ ครศึกษา กลา วคณุ แหง การบําเพญ็ สิกขา ชกั ชวนภกิ ษุอื่น ๆ ท่ไี มใ ครศ กึ ษาใหศกึ ษา ยกยอ งภิกษอุ ่นื ๆ ทีใ่ ครศ ึกษา โดยที่จรงิ ท่ีแทตามเวลาอนั ควรเราสรรเสริญภกิ ษุเถระ ภกิ ษุมชั ฌิมะ และภกิ ษุนวกะ เชนนี้ เพราะเหตอุ ะไรเพราะเหตวุ า ภกิ ษอุ น่ื ๆ รวู าพระศาสดาสรรเสริญเธอ กจ็ ะพงึ คบเธอ ภกิ ษุเหลาใดคบเธอ ภกิ ษเุ หลานั้นกจ็ ะพึงไดเ ยี่ยงอยางของเธอ ซ่งึ จะพึงเปน ทางเกิดประโยชน เกิดสุขแกภ ิกษุผูคบตลอดกาลนาน เพราะเหตุน้นั เราจงึสรรเสรญิ ภกิ ษเุ ชนนน้ั จะเปน เถระ มัชฌมิ ะ นวกะกต็ าม. จบปงกธาสูตรท่ี ๑๑ จบสมณวรรคที่ ๔ อรรถกถาปงกธาสตู ร พึงทราบวินิจฉยั ในปงกธาสูตรที่ ๑๑ ดงั ตอไปน้ี :- บทวา ป กธา นาม โกสลาน นิคโม ความวา นิคมในโกสลรัฐทม่ี ีช่อื อยา งนวี้ า ปง กธา. บทวา อาวาสิโก ความวา ภกิ ษุเจาอาวาสรางอาวาสหลงั ใหม ๆ ข้ึน บาํ รุงรักษาอาวาสหลงั เกาๆ. บทวา สกิ ขฺ าปทปฏิส -ยตุ ตฺ าย ไดแ ก ปฏสิ งั ยตุ ดวยบทกลาวคือสิกขา อธิบายวา ประกอบดว ยสิกขา ๓. บทวา สนฺทสฺเสติ ไดแ ก ทรงใหภ ิกษุท้งั หลายเหน็ เหมอื นอยูพรอมหนา. บทวา สมาทเปติ ไดแ กใหภ ิกษุทง้ั หลายถอื เอา. บทวา สมตุ เฺ ต
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 472เชติ คอื ใหภ กิ ษทุ ง้ั หลายอาจหาญ. บทวา สมปฺ ห เสติ คอื ตรัสสรรเสรญิทําภิกษทุ ง้ั หลายใหผ อ งใส ดวยคณุ ทต่ี นไดแลว. บทวา อธสิ ลเฺ ลขติ ไดแ กสมณะน้ียอ มขดั เกลาเหลือเกิน อธบิ ายวา สมณะนีย้ อ มกลาวธรรมที่ละเอียดๆทาํ ใหละเมยี ดละไมเหลอื เกนิ . บทวา อจฺจโย คือ ความผิด. บทวา ม อจจฺ คฺคมา คอื ลว งเกนิ เราไดแ กข ม เรา เปนไป. บทวา อหุเทว อกขฺ นฺติ ความวา ความไมอดกล้นัไดมีแลวทเี ดยี ว. บทวา อหุ อปปฺ จจฺ โย ความวา อาการไมยินดีไดม แี ลว.บทวา ปฏิคฺคณหฺ าตุ ความวา ขอพระผูม พี ระภาคเจาจงอดโทษ. บทวาอายตึ ส วราย คอื เพื่อประโยชนแ กค วามสํารวมในอนาคต อธบิ ายวา เพื่อตองการจะไมท ําความผิด คือโทษ ไดแ ก ความพลงั้ พลาด เห็นปานนี้อกี .บทวา ตคฆฺ เปนนบิ าตโดยสว นเดียว. บทวา ยถาธมมฺ ปฏกิ โรสิ คือ ธรรมดาํ รงอยโู ดยประการใดเธอกท็ าํ โดยประการนัน้ มคี าํ อธิบายวา ใหอ ดโทษ. บทวา ต เต มยปฏิคคฺ ณฺหาม ความวา เราทั้งหลายยอมยกโทษน้ันใหเธอ. บทวา วุฑฒิเหสา กสสฺ ป อรยิ สสฺ วนิ เย ความวา ดกู อ นกัสสปะ นีช้ ่อื วา เปนความเจรญิ ในศาสนาของพระผมู ีพระภาคพุทธเจา. ถามวา ความเจริญเปนไฉน ? ตอบวา การเห็นโทษวาเปน โทษแลว ทําคนื ตามธรรมถึงความสํารวมตอ ไป. ก็ พระผมู พี ระภาคเจาเม่อื จะทรงทาํ เทศนาใหเปน ปคุ คลาธิษฐาน จงึตรัสวา โย อจจฺ ย อรยิ สสฺ ทิสวฺ า ยถาธมมฺ ปฏกิ โรติ อายตึ ส วรอาปชชฺ ติ แปลวา ผใู ดเหน็ โทษโดยความเปน โทษ กระทาํ คืนตามธรรมเนยี มยอมถงึ ความสํารวมตอไป ดังน้.ี
พระสุตตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 473 บทวา น สิกฺขากาโม ความวา ภกิ ษุไมต องการ คอื ไมป รารถนาไดแก ไมกระหยิม่ ใจตอสกิ ขา ๓. บทวา สิกขาสมาทานสฺส คอื แหงการบําเพ็ญสิกขาใหบ ริบูรณ. บทวา น วณณฺ วาที คือ ไมกลา วคณุ . บทวากาเลน คือ โดยกาลอันเหมาะสม. บทที่เหลือในสูตรนม้ี คี วามหมาย งายทั้งน้นั แล. จบอรรถกถาปง กธาสูตรท่ี ๑๐ จบสมณวรรควรรณนาท่ี ๔ รวมพระสตู รท่ีมใี นวรรคน้ี คือ ๑. สมณสูตร ๒. คัทรภสูตร ๓. เขตตสตู ร ๔. วัชชปี ตุ ตสูตร๕. ปฐมเสขสูตร ๖. ทุติยเสขสูตร ๗. ตตยิ เสขสตู ร ๘. จตุตถเสขสูตร๙. ปฐมสิกขาสตู ร ๑๐. ทตุ ิยสกิ ขาสตู ร ๑๑. ปง กธาสูตร และอรรถกถา
พระสตุ ตันตปฎก อังคุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 474 โลณผลวรรคที่ ๕ ๑.อัจจายกิ สตู ร วาดว ยกิจรีบดวนของชาวนาและภกิ ษุ [๕๓๒] ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย อัจจายกิ กรณียะ (กจิ ทีต่ อ งรีบทาํ )ของคฤหบดชี าวนา ๓ นี้ อัจจายกิ กรณยี ะ ๓ คืออะไรบา ง คอื คฤหบดีชาวนารบี ๆ ไถคราดพน้ื ท่ีนาใหดี ครน้ั แลวรบี ๆ ปลกู พืช ครน้ั แลวรีบ ๆไขนํ้าเขาบา ง ไขนา้ํ ออกบาง น้ีแล อัจจายกิ กรณียะ ของคฤหบดีชาวนา ๓แตวาคฤหบดีชาวนานน้ั ไมม ฤี ทธห์ิ รืออานภุ าพท่ีจะบันดาลใหขา วงอกในวนั น้ีต้ังทองพรุงนี้ สุกมะรนื นี้ ทถ่ี ูกยอ มมีสมยั ท่ีขา วนัน้ เปล่ยี นสภาพไปตามฤดูยอมจะงอกบาง ต้ังทอ งบาง สกุ บา ง ฉนั เดยี วกันน่ันแล ภกิ ษุทงั้ หลาย อัจจายิกกรณยี ะของภกิ ษุ ๓ นี้คอื อะไรบาง คอื การบําเพ็ญอธิสีลสิกขา การบาํ เพ็ญอธจิ ติ ตสิกขา การบาํ เพญ็อธิปญญาสกิ ขา นแ้ี ล อัจจายิกกรณียะของภกิ ษุ ๓ แตภกิ ษนุ นั้ ไมมฤี ทธิ์หรอือานุภาพท่ีจะบันดาลใหจิตของตนเลกิ ยดึ ถอื หลุดพน จากอาสวะ ในวันน้ี หรอืพรงุ น้ี หรือมะรืนนไ้ี ด ทถี่ กู ยอมมสี มัย ท่ีเมือ่ ภิกษุน้ันศึกษาอธิศลี ไปศึกษาอธจิ ติ ไป ศึกษาอธปิ ญญาไป จติ ยอมจะเลกิ ยดึ ถอื หลุดพน จากอาสวะได เพราะเหตุน้นั ทานท้ังหลายพงึ สําเหนียกในขอนวี้ า ฉันทะของเราในการบําเพ็ญอธิสลี สิกขา อธจิ ิตตสกิ ขา และอธิปญ ญาสกิ ขาตองกลา แข็งภกิ ษุท้งั หลาย ทานทั้งหลายพงึ สําเหนยี กอยา งน้ีแล. จบอัจจายิกสตู รที่ ๑
พระสุตตนั ตปฎก อังคตุ รนิกาย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 475 โลณผลวรรควรรณนาที่ ๕ อรรถกถาอัจจายกิ สูตร พึงทราบวินิจฉยั ในอัจจายิกสตู รท่ี ๑ ดงั ตอไปน้ี :- บทวา อจจฺ ายกิ านิ แปลวา รีบดว น. บทวา กรณยี านิ แปลวากิจท่ีตองทําอยางแนแ ท ก็ธุระใดไมตอ งทาํ เปนการแนแท ธรุ ะน้นั เรียกวากจิ(งานอดิเรก) ธุระทต่ี องทําเปน การแนแทช่อื วา กรณียะ (งานประจํา). บทวาสีฆสีฆ แปลวา โดยเรว็ ๆ. บทวา ต ในคาํ วา ตสสฺ โข ต น้ี เปนเพยี งนบิ าต. บทวา นตฺถิ สา อิทธฺ ิ วา อานภุ าโว วา ความวาฤทธน์ิ ้นั หรืออานุภาพนั้นไมม .ี บทวา อตุ ฺตรเสวฺ ไดแ ก ในวนั ที่ ๓ (วันมะรืน). บทวา อตุ ุ-ปริณามนี ิ ไดแ ก ธญั ชาตทิ ง้ั หลายไดค วามเปลี่ยนแปลงฤด.ู บทวา ชายนตฺ ิปไดแก มีหนอ สขี าวงอกออกในวันท่ี ๓ เม่อื ครบ ๗ วัน หนอ กก็ ลบั เปน สีเขียว.บทวา คพภฺ นิ ีป โหนฺติ ความวา ถงึ เวลาเดือนครึง่ ก็ตง้ั ทอ ง. บทวาปจนฺตปิ ความวา ถงึ เวลา ๓ เดือนกส็ กุ . บดั นี้ เพราะเหตุที่ พระพุทธเจาทง้ั หลายไมม ีความตอ งการดว ยคฤหบดีหรอื ดวยขา วกลา แตที่ทรงนาํ อปุ มาน้ัน ๆ มาก็เพ่อื จะทรงแสดงบคุ คลหรืออรรถทเี่ หมาะสมกบั เทศนานัน้ ในศาสนา ฉะนั้น เม่ือจะทรงแสดงความหมายท่ีพระองคทรงประสงคจะแสดง (ซง่ึ เปนเหตใุ ห) นาํ อปุ มานน้ั มาจึงตรสั คาํ วา เอวเมว โข เปนตน. สูตรน้ัน เมือ่ วาโดยอรรถ งา ยทง้ั นน้ั แล.ก็ สิกขา พระผูม พี ระภาคเจาก็ตรัสไวคละกัน แมในสูตรนี้. จบอรรถกถาอจั จายิกสูตรที่ ๑
พระสตุ ตันตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 476 ๒. วิวติ ตสูตร วา ดวยความสงดั จากกิเลส ๓ อยา ง [๕๓๓] ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย ปริพาชกทง้ั หลายผถู ือลทั ธอิ ่ืน ยอมบัญญตั ปิ วิเวก (ความสงบสงัด) ๓ นี้ ปวเิ วก ๓ คอื อะไร คือ จีวรปวิเวก(ความสงบสงัดเนอื่ งดวยผานุงหม ) บิณฑบาตปวิเวก (ความสงบสงดั เน่ืองดว ยอาหาร) เสนาสนปวิเวก (ความสงบสงดั เน่ืองดวยที่อยูอาศัย) บรรดาปวเิ วก ๓ น้ัน ในจวี รปวเิ วก พวกปรพิ าชกบญั ญัติผา ดงั นี้คอื เขาใช (สาณ) ผาทาํ ดว ยเปลือกปานบาง (มสาณ) ผาทําดวยเปลือกปานแกมดา ยบา ง (ฉวทุสสฺ ) ผา หอศพบาง (ป สกุ ลู ) ผา ทีเ่ ขาทงิ้ แลวบาง(ตริ ฏี ก) เปลอื กไมบ า ง (อชิน) หนงั สัตวบาง (อชนิ กฺขปิ า) หนงั สัตวมเี ลบ็ ติดบาง (กสุ จีร) คากรองบา ง (วากจรี ) เปลือกไมก รองบา ง (ผลกจรี )ผลไมก รองบาง (เกสกมฺพล) ผากมั พลทําดวยผมคนบา ง (วาลกมฺพล)ผา กมั พลทาํ ดว ยขนหางสัตวบา ง (อลุ กู ปกฺข) ปกนกเคา บา ง ในบณิ ฑบาตปวเิ วก เขาบญั ญตั ิอาหารดงั นี้ คอื (สากภกฺขา)กนิ ผกั บา ง (สามากภกขฺ า) กินขาวฟางบา ง (นวิ ารภกขฺ า) กินลูกเดอื ยบา ง(ทททฺ ลุ ภกขฺ า) กินกากหนงั (ทช่ี า งหนงั ขดู ท้ิง) บาง (หฏภกฺขา)กนิ ยางไมบ าง (กณภกขฺ า) กนิ รําขา วบา ง (อาจามภกฺขา) กนิ ขาวตงั บาง(ป ฺ ากภกขฺ า) กินงาปนบาง (ติณภกฺขา) กินหญา บาง (โคมยภกขฺ า)กินมูลโคบาง (วนมลู ผลาหาร) กนิ เงาและผลไมปา บาง (ปวตฺตผลโภช)ีกนิ ผลไมท่มี อี ยู (ในพน้ื เมือง) บา ง ยังชีพใหเ ปนไป
พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 477 ในเสนาสนปวเิ วก เขาบญั ญตั ิทอี่ ยดู ังนี้ คอื (อรฺ) ปา(รุกขฺ มูล)โคนไม (สุสาน) ปา ชา (วนปตถฺ ) ปาสูง (อพโภกาส) กลางแจง(ปลาลปุ ฺช) กองฟาง (ภุสาคาร) โรงแกลบ ภิกษทุ ั้งหลาย พวกปรพิ าชกผูถอื ลัทธิอ่นื บญั ญัติปวิเวก ๓ นแี้ ล สวนปวิเวก ๓ ตอไปน้ี เปนปวเิ วกของภิกษุในพระธรรมวนิ ัยน้ีปวเิ วกของภกิ ษุ ๓ คอื อะไรบาง คือ ภิกษุในพระธรรมวนิ ัยน้เี ปน ผูมีศลีละความทศุ ีล และสงบสงดั จากความทุศลี นน้ั ๑ เปนผูมีความเหน็ ชอบ ละ-ความเห็นผดิ และสงบสงดั จากความเหน็ ผิดน้นั ๑ เปน ขีณาสพ ละอาสวะทั้งหลาย และสงบสงัดจากอาสวะท้งั หลายเหลาน้นั ๑ เมือ่ ภกิ ษุเปน ผมู ีศีล ฯลฯและสงบสงัดจากอาสวะทงั้ หลายเหลาน้ันแลว ภกิ ษุนี้เราเรยี กวา เปน ผูถ งึ ยอดถึงแกน บริสทุ ธ์ิ ต้ังอยใู นสาระ ภิกษทุ ้งั หลาย เปรยี บเหมือนนาขา วสาลีของคฤหบดีชาวนามีผลไดท ี่แลว คฤหบดชี าวนากร็ ีบ ๆ เก่ยี วขา วนน้ั ครัน้ แลว กร็ บี ๆ เกบ็ ขนมาข้ึนลานตง้ั นวด สงฟาง ปดขา วลีบ สาดแลว สี ซอม ฝด เม่ือเชนน้ี ขาวเปลือกของคฤหบดชี าวนาน้นั กเ็ ปน ถงึ ทีส่ ุด ถึงแกน สะอาด เปนขา วสาร ฉนั ใดกด็ ีภิกษุเปน ผูมีศลี ฯลฯ และสงบสงัดจากอาสวะท้ังหลายเหลานั้นแลว ภิกษนุ ้ีเราเรยี กวา เปน ผถู งึ ยอด ถงึ แกน บริสุทธ์ิ ต้ังอยใู นสาระ ฉนั น้ันเหมอื นกันแล. จบวิวติ ตสตู รท่ี ๒
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 478 อรรถกถาวิวติ ตสตู ร พึงทราบวนิ จิ ฉยั ในววิ ติ ตสูตรที่ ๒ ดังตอ ไปน้ี :- บทวา จวี รปวิเวก ไดแ ก ความสงัดจากกิเลสทเ่ี กิดข้นึ เพราะอาศัยจวี ร. แมใ นสองบททเ่ี หลือ กม็ นี ยั อยางเดยี วกันน้แี ล. บทวาสาณานิ ไดแ กผ าท่ที อดว ยปา น. บทวา มสาณานิ ไดแ ก ผามเี นอื้ ปนกนั .บทวา ฉวทุสฺสานิ ไดแก ผา ทที่ ิง้ จากรางของคนตาย. หรือผา นงุ ทท่ี ําโดยกรองหญาเอรกะเปนตน . บทวา ป สกุ ูลานิ ไดแก ผา ไมมีชายทท่ี ิง้ ไวบนแผนดิน. บทวา ตริ ีฏกานิ ไดแกผ าเปลอื กไม. บทวา อชินจมฺมานิไดแ ก หนังเสือเหลือง. บทวา อชนิ กฺขิป ไดแ ก หนังเสือเหลอื งน้นั แลที่ผา กลาง อาจารยบางพวกกลา ววา สหขุรก หนังเสือทมี่ ีเล็บติด ดงั น้ีบาง.บทวา กสุ จีร ไดแก จวี รทถี่ ักหญา คาทํา. แมใ นผา คากรองและผา เปลือกไมก็มีนัย นแี้ ล. บทวา เกสกมฺพล ไดแก ผากัมพลที่ทําดว ยผมมนุษย.บทวา วาลกมฺพล ไดแก ผากัมพลทที่ าํ ดว ยหางมา เปน ตน . บทวาอลุ ูกปกฺขิก ไดแก ผา นุงทีท่ ําโดยปก นกฮูก. บทวา สากภกขฺ า ไดแกมี ผักสดเปน ภักษา. บทวา สามากภกขฺ าไดแก มีขาวฟา งเปน ภกั ษา. ในบทวา นิวาระ เปนตน วีหชิ าตทิ ี่งอกข้นึ เองในปา ช่ือวา นวิ าระ (ลูกเดอื ย). บทวา ททฺทุล ไดแก เศษเนอื้ ทพ่ี วกชางหนังแลห นังแลวทง้ิ ไว. ยางเหนยี วก็ดี สาหรายก็ดี ยางไมมีตน กรรณกิ ารเปน ตน ก็ดี เรยี กวา หฏะ. บทวา กณ แปลวา ราํ ขา ว. บทวา อาจาโมไดแก ขาวตังทต่ี ิดหมอ ขาว เดียรถียทัง้ หลายเกบ็ เอาขา วตงั นัน้ ในท่ที เี่ ขาทงิ้ ไวแ ลว เค้ียวกิน. อาจารยบ างพวกกลาววา โอทนกฺชยิ ดังนบี้ าง. งาปน
พระสุตตันตปฎก องั คตุ รนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 479เปน ตน กป็ รากฏชัดแลว แล. บทวา ปวตฺตผลโภชี ไดแก มปี กตบิ รโิ ภคผลไมทห่ี ลน เอง. บทวา ภุสาคาร ไดแ ก โรงแกลบ. บทวา สีลวา ไดแก ประกอบดว ยปารสิ ทุ ธิศีล ๔. บทวาทสุ ฺสลี จฺ สสฺ ปหนี โหติ ความวา ทุศีล ๕ เปน อนั ภิกษุนั้นละไดแ ลว.บทวา สมฺมาทฏิ โิ ก ไดแ กเ ปนผมู ีทิฏฐิ (ความเหน็ ) ตามความเปน จรงิ .บทวา มิจฉฺ าทิฏ ิ ไดแก เปน ผมู ีทฏิ ฐไิ มเ ปนไปตามความเปน จรงิ . บทวาอาสวา ไดแ ก อาสวะ ๔. บทวา อคฺคปปฺ ตโต ไดแก ถงึ ยอดศลี . บทวาสารปฺปตฺโต ไดแ ก ถงึ สลี สาระ (แกน คือศีล). บทวา สุทโฺ ธ แปลวาบริสุทธ.์ิ บทวา สาเร ปติฏ ิโต ไดแกตัง้ ม่นั อยูในสารธรรม คือ ศลี สมาธิและปญ ญา. บทวา เสยฺยถาปห เทา กบั ยถา นาม (ช่อื ฉันใด). บทวา สมปฺ นฺนคือ บรบิ รู ณ ไดแก เต็มดวยขาวสาลสี ุก. บทวา ส ฆราเปยฺย ไดแกชาวนาพงึ ใหข นมา. บทวา อุพพฺ หาเปยยฺ ไดแ ก พึงใหน ํามาสลู าน.บทวา ภสุ กิ แปลวา แกลบ. บทวา โกฏฏาเปยฺย ไดแก พงึ ใหเทลงไปในครก แลวเอาสากตํา. บทวา อคฺคปปฺ ตฺตานิ ไดแก (ธญั ชาติท้งั หลาย)ถงึ ความเปน ขา วงาม. แมใ นบทวา สารปฺปตตฺ านิ เปน ตน ก็มีนัยนแ้ี ล.สวนบททเ่ี หลือมคี วามหมายงา ยทงั้ นน้ั . สว นคาํ ใดที่ตรัสไวในสตู รนี้วา ความทุศลี ภกิ ษุนัน้ ละไดแลว และมจิ ฉาทิฏฐภิ กิ ษนุ ัน้ ก็ละไดแ ลว ดงั น้ี คํานน้ั พึงทราบวา พระผมู ีพระภาคเจาตรัสหมายเอาความทุศลี และมิจฉาทิฏฐิอันภกิ ษลุ ะไดแ ลวดวยโสดาปตต-ิมรรค. จบอรรถกถาวิวิตตสตู รท่ี ๒
พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 480 ๓. สรทสตู ร วา ดวยการละสงั โยชน ๓ ดว ยธรรมจกั ษุ [๕๓๔] ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย ในหนา สารท ทอ งฟา แจม ปราศจากเมฆดวงอาทิตยส องฟา ขจดั ความมืดในอากาศส้นิ ท้ังสวาง ทงั้ สกุ ใส ทง้ั รุง เรอื งฉนั ใด ภิกษุทั้งหลาย เม่อื ธรรมจักษุ (ดวงตาคือปญญาเห็นธรรม) อัน-ปราศจากธุลไี มม ีมลทิน (คือกเิ ลส) เกดิ ขน้ึ แกอริยสาวก ก็ฉนั นน้ั เหมอื นกนัพรอ มกับเกดิ ความเห็นขนึ้ นนั้ สังโยชน ๓ คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกจิ ฉาสลี ัพพตปรามาส อรยิ สาวกยอ มละได ตอไป เธอออกจากธรรมอีก ๒ประการ คอื อภชิ ฌา และพยาบาท. เธอสงัดจากกาม...จากอกุศลธรรมท้งั หลายเขาปฐมฌาน อันมีวติ ก มีวจิ าร มปี ติและสุขเกิดแตวเิ วก. ภกิ ษุท้ังหลายถา อรยิ สาวกทํากาลกิริยา (ตาย) ในสมยั นั้น สังโยชนซงึ่ เปนเหตทุ ําใหอริยสาวกผตู ดิ อยมู าสูโลกนี้อกี ยอ มไมมี... จบสรทสตู รท่ี ๓ อรรถกถาสรทสตู ร พึงทราบวนิ ิจฉัยในสรทสตู รท่ี ๓ ดงั ตอไปน้ี :- บทวา วทิ เฺ ธ คอื ปลอดโปรงเพราะปราศจากเมฆ. บทวา เทเวคอื อากาศ. บทวา อภวิ ิหจจฺ คือ กําจัด. บทวา ยโต คอื ในกาลใด.บทวา วริ ช คอื ปราศจากธุลมี ีธลุ ีคอื ราคะเปนตน ท่ีชอื่ วา ปราศจากมลทนิเพราะมลทนิ เหลา น้นั แล ปราศจากไปแลว . บทวา ธมฺมจกขฺ ุ ไดแ ก จักษุ
พระสตุ ตนั ตปฎก อังคุตรนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 481คอื โสดาปต ตมิ รรค ซึ่งกําหนดธรรมคอื สจั จะ ๔. บทวา นตถฺ ิ ต ส โยชนความวา พระอริยสาวกน้นั ไมมีสังโยชน ๒ อยา งแล (อภิชฌา และพยาบาท).อนงึ่ ในสตู รนอกนที้ า นกลาววา ไมมี กเ็ พราะไมส ามารถจะนํามาสูโลกน้ีไดอีก.แทจรงิ ในสตู รนี้ พระผูมพี ระภาคเจาตรสั หมายถึงพระอนาคามี. จบอรรถกถาสรทสูตรที่ ๓ ๔. ปรสิ าสูตร วาดว ยบรษิ ทั ๓ จําพวก [๕๓๕] ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย บริษทั ๓ นี้ บรษิ ัท ๓ คืออะไร คอื(อคคฺ วตี ปริสา) บริษัทท่ีมีแตคนดี (วคคฺ า ปริสา) บริษทั ที่เปนพรรค(คอื แตกกนั ) (สมคคฺ า ปริสา) บริษัทท่ีสามัคคกี นั บรษิ ทั ทมี่ แี ตคนดี เปน อยางไร ? ในบรษิ ัทใด ภกิ ษุผใู หญ ๆไมเปน ผสู ะสมบริขาร ไมย อหยอน (ในการบาํ เพ็ญสิกขา) ทอดธรุ ะในทางต่ําทราม มุงไปในทางปวเิ วก ปรารภความเพยี รเพื่อธรรมท่ียงั ไมถ งึ เพื่อบรรลธุ รรมทีย่ งั ไมบ รรลุ เพอื่ ทําใหแ จงซง่ึ ธรรมท่ยี งั มไิ ดท ําใหแ จง ปจฉมิ า-ชนตา (ประชมุ ชนผเู กดิ มาภายหลงั ) ไดเยี่ยงอยา งภิกษผุ ใู หญเ หลา น้นั กพ็ ากนั เปน ผไู มส ะสมบริขาร ไมย อ หยอ น (ในการบาํ เพญ็ สิกขา) ฯลฯ เพอื่ ทาํใหแจง ซึง่ ธรรมทย่ี ังมิไดท ําใหแ จง บริษทั นเ้ี รียกวา บรษิ ัทท่มี แี ตค นดี บรษิ ทั ทีเ่ ปน พรรค เปนอยา งไร ? ในบรษิ ัทใด ภกิ ษทุ ้งั หลายเกดิ แกงแยง ทะเลาะวิวาทกนั ท่มิ แทงกนั และกนั ดวยหอกคือปาก บริษทั นี้เรียกวา บริษทั ทเ่ี ปนพรรค
พระสตุ ตันตปฎก อังคุตรนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 482 บรษิ ทั ทีส่ ามคั คีกัน เปน อยา งไร ? ในบริษัทใด ภกิ ษุทัง้ หลายพรอมเพรียงกนั ช่ืนบานตอกัน ไมว ิวาทกนั (กลมเกลียวเปนอนั หนงึ่ อันเดยี วกนั ) เปน ประหนึง่ วา นมประสมกบั นํา้ มองดูกันและกนั ดวยปย จักษุ(คอื สายตาของคนทรี่ ักใครกัน) บริษทั นเี้ รียกวา บรษิ ัทที่สามคั คกี นั ภิกษุทง้ั หลาย ในสมยั ใด ภิกษุทัง้ หลายพรอมเพรียงกัน ฯลฯ มองดูกันและกนั ดว ยปยจักษุ ในสมัยนนั้ ภกิ ษทุ ง้ั หลายยอมไดบ ญุ มาก ในสมยั นน้ัภิกษุทัง้ หลายชื่อวาอยอู ยา งพรหม คอื อยดู ว ยมุทิตา (พรหมวหิ าร) อันเปนเครอื่ งพนแหง ใจ (จากรษิ ยา) ปตยิ อมเกดิ แกผ ปู ราโมทยยนิ ดี กายของผมู ีใจปต ิยอมระงบั ผูม กี ายรํางบั ยอ มเสวยสุข จติ ของผูมสี ุขยอมเปนสมาธิ ภิกษทุ ัง้ หลาย เปรียบเหมอื นเม่อื ฝนเม็ดหนาตกบนภูเขา นาํ้ นน้ั ไหลไปตามที่ลุม ยังซอกเขาและลาํ รางทางนํ้าใหเ ตม็ ซอกเขาและลาํ รางทางน้าํเตม็ แลว ยอมยังหนองใหเตม็ หนองเต็มแลว ยอมยงั บึงใหเ ต็ม บึงเต็มแลวยอ มยงั คลองใหเ ตม็ คลองเต็มแลว ยอ มยงั แมนาํ้ ใหเ ตม็ แมน ํา้ เตม็ แลวยอ มยังทะเลใหเ ต็มฉันใดก็ดี ในสมัยใด ภิกษทุ ง้ั หลายพรอ มเพรียงกนั ฯลฯมองดูกันและกันดว ยปยจกั ษุ ในสมัยน้นั ภกิ ษทุ ้งั หลายยอ มไดบ ญุ มาก ฯลฯจิตของผมู สี ุขยอ มเปนสมาธิ ฉนั นั้นเหมือนกัน ภิกษุท้ังหลาย น้แี ล บริษทั ๓. จบปรสิ าสตู รที่ ๔
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคุตรนิกาย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 483 อรรถกถาปริสาสตู ร พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ในปรสิ าสตู รท่ี ๔ ดงั ตอไปนี้ :- บทวา พาหุลฺลกิ า น โหนฺติ ความวา ไมเ ปนผมู กั มากดวยปจ จัย. บทวา น สาถลิกา คือ ไมรับสกิ ขา ๓ ทําใหยอหยอ น. บทวาโอกกฺ มเน นิกขฺ ติ ตฺธรุ า ความวา นิวรณ ๕ เรยี กวา โอกกมนะ เพราะหมายความวา ทาํ ใหตกต่าํ (ภิกษุผูเ ถระ) เปนผทู อดท้ิงธรุ ะในนิวรณซ ่ึงทําใหตกต่าํ เหลานน้ั . บทวา ปวิเวเก ปุพพฺ งคฺ มา ความวา เปน หัวหนาในวเิ วก ๓ อยา ง กลาวคอื กายวิเวก จิตตวิเวก และอุปธิวิเวก. บทวาวิรยิ อารภนฺติ ไดแ ก เรมิ่ ความเพียรทง้ั ๒ อยา ง. บทวา อปปฺ ตฺตสฺสไดแก ไมบ รรลุคณุ วเิ ศษ กลา วคอื ฌาน วิปสสนา มรรค และผล. แมในสองบททเ่ี หลอื ก็มีนยั นีแ้ ล. บทวา ปจฺฉิมา ชนตา ไดแก ประชมุ ชนภายหลงั มีสัทธวิ ิหาริกและอันเตวาสิกเปนตน. บทวา ทิฏานุคตึ อาปชฺชติ ความวา ทาํ ตามทีอ่ ุปชฌายแ ละอาจารยไ ดท ํามาแลว. ประชุมชนภายหลงั น้ชี ือ่ วา ถึงการดําเนินไปตามสิง่ ที่ประชุมชนนัน้ ไดเหน็ มาแลว ในอุปช ฌายอ าจารย. บทวา อยวุจจฺ ติ ภกิ ขฺ เว อคฺควตี ปรสิ า ความวา ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย บริษทั น้ีเรียกวา บริษัททมี่ ีแตค นดี. บทวา ภณฑฺ นชาตา แปลวา เกิดการบาดหมางกัน. บทวากลหชาตา แปลวา เกดิ การทะเลาะกนั กส็ วนเบือ้ งตนของการทะเลาะกันชอื่ วา การบาดหมางในสตู รน้.ี การลว งเกนิ กนั ดวยอาํ นาจ (ถึงขนาด) จับมือกันเปน ตน ชอ่ื วา การทะเลาะกัน. บทวา วิวาทาปนนฺ า ไดแ ก ถงึ การ
พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 484ทุมเถยี งกัน. บทวา มขุ สตตฺ ีหิ ความวา วาจาทีห่ ยาบคายเรียกวา หอกคือปาก เพราะหมายความวา ทม่ิ แทงคุณ (ภกิ ษุทัง้ หลายทิม่ แทงกนั และกนั )ดว ยหอกคอื ปากเหลานั้น บทวา วิตทฺ นตฺ า วิหรนตฺ ิ คือ เทย่ี วท่มิ แทงกัน. บทวา สมคคฺ า แปลวา พรอ มเพรยี งกัน. บทวา สมโฺ มทมานาไดแกมีความบันเทงิ เปนไปพรอ ม. บทวา ขโี รทกภี ตู า ไดแ ก (เขา กันได)เปนเหมอื นนาํ้ กบั นํา้ นม. บทวา ปย จกขฺ ูหิ ไดแ ก ดว ยจักษอุ ันเจือดวยเมตตาที่สงบเยน็ . บทวา ปติ ชายติ ไดแก ปต ิ ๕ ชนดิ เกดิ ข้นึ . บทวา กาโยปสสฺ มฺภติ ความวา ทง้ั นามกาย ท้ังรูปกาย เปนอันปราศจากความกระวนกระวาย. บทวา ปสสฺ ทธฺ กาโย ไดแก มกี ายไมก ระสบั กระสาย. บทวาสุข เวทิยติ ไดแก เสวยสขุ ทงั้ ทางกายและทางใจ. บทวา สมาธยิ ติความวา ก็จติ (ของภกิ ษุผมู คี วามสุข) ยอ มต้งั ม่นั อยใู นอารมณ. บทวา ถุลฺลผุสิตเก ไดแ ก ฝนเมด็ ใหญ. ในบทวา ปพพฺ ต-กนฺทรปทรสาขา นี้ พงึ ทราบวินิจฉัยดังน้ี ทช่ี อ่ื วา กนั ทระ ไดแก สว น(หนึ่ง) ของภเู ขาท่ถี ูกนาํ้ ซ่ึงไดนามวา ก เซาะแลว คือทําลายแลว ท่ีชาวโลกเรียกวา นติ ัมพะ (ไหลเขา) บาง นทนี ิกุญชะ (โตรกแมน้ํา) บาง. ทีช่ ือ่ วาปทระ ไดแ ก ภูมิประเทศทแ่ี ตกระแหงในเมื่อฝนไมตกเปนเวลาคร่ึงเดือน.ทีช่ อ่ื วา สาขา ไดแ ก ลาํ รางเลก็ ทางสําหรับนาํ้ ไหลไปสูห นอง. ท่ชี อื่ วากุสพุ ภฺ า ไดแก หนอง. ท่ีชอ่ื วา มหาโสพภฺ า ไดแ ก บึง. ทีช่ ือ่ วากนุ ฺนที ไดแก แมน ้าํ นอ ย. ทชี่ ่อื วา มหานที ไดแก แมน า้ํ ใหญ มีแมนา้ํ คงคาและยมุนาเปนตน . จบอรรถกถาปรสิ าสตู รที่ ๔
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 485 ๕. ปฐมอาชานียสูตร วา ดวยองค ๓ ของมา ตน และของภกิ ษุ [๕๓๖] ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย มาอาชาไนย ตัวประเสริฐของพระ-ราชา ประกอบพรอ มดว ยองค ๓ จงึ เปน พาหนะคคู วรแกพ ระราชา เปน มา ตนเทา กบั วา เปนองคาพยพของพระราชาทีเดยี ว องค ๓ คอื อะไร คือสีงาม ๑กําลงั ดี ๑ มีฝเทา ๑ มา อาชาไนยตัวประเสริฐของพระราชา ประกอบพรอมดว ยองค ๓ น้ีแล จึงเปนพาหนะคูควรแกพระราชาเปน มาตน เทา กบั วา เปนองคาพยพของพระราชาทเี ดยี ว ฉนั เดียวกนั นั้นแล ภกิ ษทุ งั้ หลาย ภกิ ษุผปู ระกอบพรอมดวยองค ๓จงึ เปน (อาหุเนยฺโย) ผูควรของคํานับ (ปาหุเนยฺโย) ผคู วรของตอ นรับ(ทกขฺ ิเณยโฺ ย) ผูค วรของทําบญุ (อชฺ ลกิ ฺรณีโย) ผคู วรทาํ อญั ชลี (อนตุ ตฺ รปฺุญกฺเขตตฺ โลกสสฺ ) เปนนาบญุ ของโลก ไมม ีนาบุญอน่ื ยิง่ กวา องค ๓คอื อะไร คือวรรณะงาม ๑ เขม แข็ง ๑ มเี ชาว ๑ ภกิ ษุวรรณะงาม เปนอยา งไร ? ภิกษุในพระธรรมวนิ ัยน้เี ปน ผมู ศี ีลสาํ รวมในพระปาฏโิ มกข ถึงพรอมดว ยมรรยาทและโคจร เห็นภัยในโทษมาตรวา นอย สมาทานศึกษาอยูในสกิ ขาบทท้ังหลาย อยางนเ้ี รยี กวา ภกิ ษุวรรณะงาม ภิกษเุ ขมแขง็ เปน อยา งไร ? ภกิ ษใุ นพระธรรมวนิ ัยนีท้ าํ ความเพียรเพอื่ ละอกศุ ลธรรม บําเพ็ญกุศลธรรม แขง็ ขนั บากบ่นั ม่ันคงไมท อดธรุ ะในกศุ ลธรรมทงั้ หลาย อยา งนี้เรียกวา ภิกษเุ ขม แข็ง
พระสตุ ตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 486 ภิกษุมีเชาว เปนอยางไร ? ภิกษุในพระธรรมวนิ ัยนีร้ ทู ว่ั ถึงตามจรงิ วา นี่ทุกข ฯลฯ น่ที ุกขนิโรธคามนิ ปี ฏปิ ทา อยางน้ี เรียกวา ภกิ ษมุ ีเชาว ภิกษทุ ้ังหลาย ภิกษุผูประกอบพรอมดวยองค ๓ นีแ้ ล จึงเปน ผคู วรของคาํ นับ ฯลฯ ไมมีนาบญุ อันยง่ิ กวา . จบปฐมอาชานียสตู รที่ ๕ อรรถกถาปฐมอาชานียสูตร พึงทราบวินิจฉยั ในปฐมอาชานยี สตู รท่ี ๕ ดังตอ ไปน;ี้ - บทวา องเฺ คหิ คอื ดว ยองคคณุ ทงั้ หลาย. บทวา ราชารโหคอื (มา อาชาไนย) สมควร คือ เหมาะสมแกพระราชา. บทวา ราชโภคโฺ คคอื เปน มา ตนของพระราชา. บทวา รโฺ องคฺ ไดแ ก ถึงการนับวาเปนอังคาพยพของพระราชา เพราะมเี ทาหนา และเทา หลงั เปนตน สมสวน.บทวา วณฺณสมปนฺโน ไดแ กถ ึงพรอมดว ยสรี า งกาย. บทวา พลสมฺปนโฺ นไดแ ก สมบรู ณดว ยกําลงั กาย. บทวา ชวสมฺปนโฺ น ไดแก เพียบพรอ มดว ยพลังความเร็ว. บทวา อาหุเนยฺโย ไดแ ก เปน ผูสมควรรับบณิ ฑบาต กลา วคือของท่ีเขานาํ มาบูชา. บทวา ปาหุเนยโฺ ย ไดแ ก เปนผูส มควร (ทีจ่ ะรบั )ภัตรท่จี ดั ไวต อนรับแขก. บทวา ทกฺขเิ ณยโฺ ย ไดแก เปนผูสมควรแกทักษณิ า กลาวคือของทเี่ ขาถวายดวยศรัทธา ดว ยอํานาจสละทานวตั ถุ ๑๐ อยา ง.บทวา อชฺ ลิกรณีโย ไดแก เปนผสู มควรแกก ารประคองอัญชลี. บทวาอนุตตฺ ร ปุ ฺกเฺ ขตตฺ โลกสสฺ ไดแก เปนสถานที่งอกงามแหง บุญของชาวโลกทง้ั หมด ไมม ที ่ีใดเสมอเหมอื น.
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 487 บทวา วณณฺ สมปฺ นโฺ น ไดแ กถงึ พรอมดวยวรรณะคอื คณุ . บทวาพลสมฺปนฺโน ไดแ กสมบรู ณด ว ยพลังวิริยะ. บทวา ชวสมฺปนโฺ น ไดแกเพียบพรอมดวยกาํ ลงั ญาณ. บทวา ถามวา ไดแ ก ถงึ พรอมดวยกาํ ลงัแหงญาณ. บทวา ทฬหฺ ปรกฺกโม ไดแก มีความบากบ่นั ม่นั คง. บทวาอนกิ ฺขติ ฺตธุโร ไดแก ไมวางธรุ ะ คือ ปฏิบัติไปดว ยคดิ อยางน้ีวา เราไมบรรลอุ รหัตผลซึ่งเปน ผลอันเลิศแลว จักไมท อดทิ้งธุระ คือ ความเพยี ร. ในสตู รน้ี โสดาปต ติมรรคพระผูมีพระภาคเจา ตรสั ไวด วยอาํ นาจสจั จะ๔ และความเปน ผูเพยี บพรอ มดว ยความเร็วแหง ญาณ ตรัสไวแลวดวยโสดา-ปต ติมรรคแล. จบอรรถกถาปฐมอาชานียสตู รท่ี ๕ ๖. ทตุ ยิ อาชานียสตู ร วาดว ยองค ๓ ของมาตนและของภิกษุ [๕๓๗] (เหมอื นสตู รกอน ตางกันแตต อนแก ภิกษุมเี ชาว สูตรกอ นแกเปนภิกษรุ อู รยิ สัจ ซงึ่ ทา นวา เปน พระโสดาบนั สตู รนี้แกเปนพระอนาคามีดงั นี้ ) ฯลฯ ภิกษมุ ีเชาวเปนอยางไร ? ภกิ ษใุ นพระธรรมวนิ ัยน้ี เพราะสนิ้โอรัมภาคิยสงั โยชน (สงั โยชนเ บ้อื งต่าํ ) ๕ เปน โอปปาตกิ ะ ปรินพิ พานในโลกท่เี กิดนน้ั มีอันไมก ลับจากโลกน้นั เปน ธรรมดา อยา งน้ีเรยี กวา ภกิ ษมุ เี ชาว. จบทตุ ิยอาชานยี สูตรท่ี ๖
พระสุตตันตปฎก องั คตุ รนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 488 อรรถกถาอาชานยี สตู ร ในสตู รที่ ๖ มรรค ๓ ผล ๓ พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสไวแ ลว และความเปน ผถู งึ พรอมดว ยความเร็วแหงญาณ พระผูม พี ระภาคเจากต็ รัสไวแ ลวดวยมรรค ๓ ผล ๓. จบอรรถกถาทตุ ยิ อาชานยี สูตรที่ ๖ ๗. ตติยอาชานียสตู ร วา ดว ยองค ๓ ของมา ตนและของภิกษุ[๕๓๘] (สตู รนก้ี เ็ หมอื นกนั ตางกนั แตแ กภ กิ ษมุ เี ชาว เปน พระ-อรหนั ต ดังน)้ี ฯลฯภิกษุมีเชาวเปน อยางไร ? ภิกษุในพระธรรมวินัยนก้ี ระทาํ ใหแ จง ซึ่งเจโตวิมตุ ติปญญาวิมตุ ติ ฯล ฯ ในปจจบุ ันนี้ อยางนเี้ รยี กวา ภิกษุมเี ชาว. จบตติยอาชานียสูตรท่ี ๗ อรรถกถาตตยิ อาชานยี สูตร ในสตู รที่ ๗ อรหตั ผล พระผมู ีพระภาคเจาตรัสไวแลว มรรคกจิพระผมู พี ระภาคเจาตรัสไวแ ลว ดวยอรหตั ผลน่ันเอง. สวนผลไมค วรเรยี กวาเชาว เพราะเกิดขึ้นไดดวยเชาว ท่ีแลนไปแลว. จบอรรถกถาตติยอาชานยี สูตรที่ ๗
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 489 ๘. นวสูตร วาดวยบคุ คลทเ่ี ปรียบไดก ับผา เปลือกไม ๓ ชนิด [๕๓๙] ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย ผาเปลือกไม แมใ หมกส็ ีทราม สัมผสั -หยาบ และราคาถูก แมก ลางใหมก ลางเกากส็ ีทราม สัมผัสหยาบ และราคาถกูแมเกาแลวก็สีทราม สัมผสั หยาบ และราคาถกู ผา เปลือกไมที่ครํา่ ครา แลวเขาก็ทําเปน ผา เช็ดหมอ ขา วบา ง ทงิ้ เสยี ที่กองขยะบา งฉันใด ฉนั นัน้ น่นั แหละ ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภกิ ษนุ วกะกด็ ี ภิกษุมชั ฌิมะก็ดีภกิ ษเุ ถระกด็ ี ถา เปนผทู ศุ ลี มธี รรมอันเลว เรากลา วความทศุ ีลมธี รรมเลวน้ีในความมีสีทรามของภกิ ษุ กลา วบคุ คลน้วี าเหมอื นผาเปลือกไมมีสที รามฉะนน้ั อนง่ึ ชนเหลา ใดคบหาสมาคม ทําตามเยีย่ งอยา งภิกษนุ ้นั ขอ นัน้ยอ มเปนไปเพ่ือสง่ิ อนั ไมเกอ้ื กลู เพอ่ื ทกุ ขแกชนเหลา นั้น ตลอดกาลนาน เรากลาวการคบหาสมาคมทําตามเยย่ี งอยา งทเี่ ปน เหตใุ หเกดิ ส่ิงอนั ไมเกือ้ กลู เกิดทกุ ขน ี้ในความมีสัมผัสหยาบของภิกษุ กลาวบุคคลนี้วา ดจุ ผา เปลือกไมมีสัมผสั หยาบฉะนั้น อน่ึง ภิกษนุ นั้ รับจีวร บณิ ฑบาต เสนาสนะ คิลานปจ จยั ... ของชนเหลาใด ขอน้ัน ยอมไมเ ปนการมีผลานิสงสมากแกชนเหลานั้น เรากลา วการรบั ปจ จัยอนั ไมเ ปนการมีผลานิสงสม ากแกทายกนี้ ในความมรี าคาถกู ของภกิ ษุ กลาวบคุ คลนี้วาเปน ดังผา เปลือกไมมรี าคาถูกฉะน้ัน อนง่ึ ภกิ ษเุ ถระชนดิ นั้น กลา วอะไรในทามกลางสงฆ ภิกษุท้ังหลายกก็ ลาวเอาวา ประโยชนอ ะไรดว ยถอ ยคําของทา นผูโ งเขลาอยา งทา นก็เผยอจะพดู ดวย ภกิ ษุเถระนัน้ โกรธนอ ยใจ ก็จะใชถ อ ยคําชนดิ ท่เี ปนเหตใุ หสงฆล งอกุ -เขปนียกรรม (คอื หา มไมใ หต ดิ ตอเกยี่ วขอ งกบั ภิกษุท้งั หลาย) เหมอื นเขาท้ิงผา เปลอื กไมเ กาเสียทีก่ องขยะฉะน้ัน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 602
Pages: