พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 77ทาํ ใหเ ปนกอง ไดแกท ําใหเปน กอ น. แมใ นวจที วาร และมโนทวาร ก็มนี ัยน้ีเหมือนกัน. บทวา สพยฺ าปชฌฺ โลก ไดแก สัตวโ ลกผูมที กุ ข. บทวาสพยฺ าปชฺฌา ผสฺสา ผุสนฺติ ความวา ผสั สะทเี่ ปน ผลมที กุ ข ยอมถกู ตอ ง.บทวา สพฺยาปชฌฺ เวทน . เวทยิ ติ ความวา เสวยเวทนาทีเ่ ปนผลมีทกุ ขอธบิ ายวา เสวยความเจ็บไขและอาพาธ คือหมดความสดชนื่ . บทวา เสยฺยถาป สตตฺ า เนรยิกา มีอธบิ ายวา เขายอ มเสวยเวทนาเหมอื นสัตวท ัง้ หลาย ผเู กดิ ในนรก เสวยแตเวทนาทเี่ ปน ทกุ ขโ ดยสวนเดยี ว ฉะนัน้ . ถามวา กน็ รกนนั้ ไมมอี เุ บกขาเวทนาหรือ. ตอบวา มี แตเวทนานนั้ อยูในฐานะเปนอพั โพหาริก เพราะทุกขเวทนามีพลงั มาก. ดว ยเหตุดงั พรรณนามานี้ เปนอันพระองคท รงนํานรกนน่ั แหละมาเปรยี บเทียบกับนรก.ไดยินวา น้ชี อื่ ปฏภิ าคอปุ มา ในขอ นนั้ . แมในบทวา เสยยฺ ถาป เทวา สภุ กณิ หฺ า นี้ พระผูมีพระภาคเจาทรงนําเอาเทวโลกน้นั แหละ มาเปรียบเทียบกบั เทวโลก. กเ็ พราะวิบากของฌานทีม่ ีปต ิ ยอมเปน ไป ในพรหมโลกช้นั ตํ่า สวนวบิ ากของฌานทีไ่ มมปี ต ิมแี ตสุขอยา งเดยี วจะเปนไป ในพรหมช้นั สภุ กณิ หะ ฉะนั้น พระผูมพี ระ-ภาคเจา จึงตรัสสภุ กณิ หพรหม ไมท รงถือพรหมช้ันตาํ่ เหลาน้ัน. ดวยประการดงั พรรณนามาน้ี แมอุปมานี้ในขอน้นั ก็พงึ ทราบวา เปนปฏิภาคอปุ มา. บทวา โวกิณฺณสุขทุกฺข ไดแ ก เวทนาทม่ี สี ขุ และทกุ ขคลุกเคลากนั ไป. บทวา เสยยฺ ถาป มนุสสฺ า ความวา แทจ รงิ มนุษยท ัง้ หลาย ยอ มมสี ุข มีทุกข ตามกาลตามเวลา. บทวา เอกจฺเจ จ เทวา ไดแ ก เทวดาชัน้ กามาวจร. แมเ ทวดาช้ันกามาวจรเหลา นั้น กม็ ีสขุ มีทุกข ตามกาลเวลา.เพราะเทวดาชน้ั กามาวจรผตู ํา่ ศักดิ์กวา เหลาน้นั จะตองลกุ จากอาสนะ จะตองหลีกออกจากทาง จะตอ งเปล้อื งผา หมออก จะตองทําอญั ชลกี รรม เพราะ
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คุตรนิกาย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 78เหน็ เทวดาทีม่ ศี ักดส์ิ ูงกวา กจิ กรรมแมท ัง้ หมดนั้น ยอ มชือ่ วาเปนทุกข. บทวาเอกจฺเจ จ วนิ ิปาติกา ไดแ ก เวมานกิ เปรต. กเ็ ปรตเหลานัน้ ยอ มเสวยสมบัติตามกาลเวลา เสวยกรรมตามกาลเวลา เพราะฉะนน้ั จึงชือ่ วา มีสุขมีทกุ ขคลุกเคลา กนั ไปทีเดียว. ดว ยประการดงั พรรณนามาน้ี สุจริต ๓ อยา งในพระสูตรนี้ พึงทราบวา พระองคต รสั ใหเจอื กัน ไป ทัง้ ที่เปนโลกยิ ะและโลกุตระ. จบอรรถกถาสงั ขารสตู รที่ ๓ ๔. พหกุ ารสูตร วาดวยผมู ีอปุ การะมาก ๓ จาํ พวก [๔๖๓] ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย บุคคล (อาจารย) ๓ น้ี เปนผูมีอุปการะมากแกบคุ คล (ศิษย) บคุ คล (อาจารย) ๓ นี้คือใคร คือ บุคคล(ศิษย) อาศยั บุคคล (อาจารย) ใด จงึ ไดถ งึ พระพทุ ธเจา ... พระธรรม ...พระสงฆเปน สรณะ บุคคล (อาจารย) น้ี เปน ผูมีอปุ การะมากแกบ ุคคล(ศิษย) น้ี อนง่ึ อีก ภกิ ษุทงั้ หลาย บคุ คล (ศิษย) อาศัยบคุ คล (อาจารย) ใดจงึ รูต ามจรงิ วา นท่ี ุกข ... นีเ่ หตุเกดิ ทุกข ... น่คี วามดับทุกข ... นขี่ อปฏิบตั ิใหถึงความดบั ทุกข บคุ คล (อาจารย) น่ี เปน ผมู ีอปุ การะมากแกบุคคล(ศิษย) น้ี
พระสุตตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 79 อน่งึ อีก ภิกษุทง้ั หลาย บคุ คล (ศิษย) อาศยั บุคคล (อาจารย) ใดจึงกระทําใหแจง เขาถงึ พรอ มซงึ่ เจโตวิมตุ ติ ปญ ญาวิมตุ ติอนั หาอาสวะมไิ ด เพราะสิ้นอาสวะทงั้ หลาย ดว ยความรูย ิ่งดว ยตนเองอยูใ นปจ จบุ นั นี่ บคุ คล (อาจารย)นเี่ ปน ผูมอี ุปการะมากแกบ ุคคล (ศษิ ย) น้ี ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย เรากลา ววา บคุ คลอืน่ จะมอี ปุ การะมากแกบ คุ คล(ศษิ ย) นี้ ยิง่ กวาบคุ คล ๓ น่ไี มมี อน่ึง เรากลาววา บคุ คล (ศษิ ย) น้ีจะทําการสนองคุณแกบุคคล (อาจารย) ๓ นีไ้ มไดง า ยเลย แตเ พียงดวยการกราบ ลกุ รบั ทําอัญชลี สามีจกิ รรม และคอยใหจ วี ร บณิ ฑบาต เสนาสนะและยาแกไ ข. จบพหุการสูตรท่ี ๔ อรรถกถาพหกุ ารสูตร พึงทราบวินิจฉยั ในพหุการสตู รท่ี ๔ ดังตอไปนี้ :- บทวา ตโยเม ภิกฺขเว ปุคคฺ ลา ไดแ กบคุ คลผูเปน อาจารย ๓จําพวก. บทวา ปคุ คฺ ลสฺส พพุการา ไดแ ก ผมู ีอุปการะมากแกค นผเู ปนอนั เตวาสิก บทวา พุทธฺ ไดแ ก พระสัพพญั พู ทุ ธเจา. บทวา สรณคโต โหติ ความวา ถึงพระพทุ ธเจาวา เปนทพ่ี ่งึ . บทวา ธมฺม ไดแ กนวโลกตุ รธรรม พรอ มท้ังแบบแผน (พระปรยิ ัตธิ รรม). บทวา ส ฆ ไดแ กชุมนมุ พระอรยิ บคุ คล ๘ จําพวก. กก็ ารถงึ สรณะน้ี พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั ไว ดว ยสามารถแหงบุคคลผูไ มเ คยถงึ สรณะ คอื ผูไ มเ คยทําความเชอ่ื มั่น. เปนอันวา อาจารย ๓ จําพวก
พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 80คอื ผใู หสรณะ ๑ ผใู หถ งึ โสดาปต ตมิ รรค ๑ ผใู หถึงพระอรหตั มรรค ๑มาแลว ในพระสูตรน้ี วา มีอปุ การะมาก. อาจารย ๕ จาํ พวกคอื อาจารยผใู หบรรพชา ๑ อาจารยผ ูให (บอก) พทุ ธพจน ๑ กรรมวาจาจาริย ๑ อาจารยผูใ หบ รรลุสกทาคามมิ รรค ๑ อาจารยผใู หบรรลอุ นาคามมิ รรค ๑ ไมไดมาแลว ในสูตรนี้. ถามวา อาจารยเหลานน้ั ไมม อี ุปการะมากหรือ. ตอบวา ไมใ ชไมม ีอุปการะมาก แตพระธรรมเทศนาน้กี ําหนดไว๒ สวน เพราะฉะน้นั อาจารยเหลา นนั้ แมทัง้ หมด ช่อื วามีอุปการะมาก. ในบรรดาคุณธรรมเหลานัน้ ผูไ มไ ดทาํ อภินเิ วส (บญุ ญาธกิ าร) ไว ยอมเหมาะในการถึงสรณคมนเ ทา นั้น. สว นจตปุ าริสทุ ธิศลี กสิณบรกิ รรม และวิปส สนา-ญาณ เปนคุณธรรมท่อี าศัยปฐมมรรค. (สว น) มรรคและผลเบือ้ งสูงท้ัง ๒อยาง พึงทราบวา อาศัยอรหตั มรรค. บทวา อมิ นิ า ปุคฺคเลน ไดแกบคุ คลผูเ ปนอันเตวาสิกน้ี. บทวาน สปุ ฺปฏิการ วทามิ ความวา เราตถาคตกลา ว การทาํ การตอบแทนวาไมใ ชเปนของที่ทาํ ไดงาย. พึงทราบอธิบายอยา งนี้วา จริงอยู บรรดาอภิวาทนกรรมเปน ตน อันเตวาสกิ เม่ือหมอบลงไหวด ว ยเบญจางคประดษิ ฐ หลายรอยครัง้ หลายพนั ครง้ั ลุกจากอาสนะไปตอ นรับ (อาจารย) ในขณะทีเ่ หน็ ทุกครั้งประนมมือ ทําสามจี กิ รรมที่สมควร ถวายจวี ร ๑๐๐ ผืน ๑,๐๐๐ ผืน ถวายบณิ ฑบาต ๑๐๐ ครง้ั ๑,๐๐๐ คร้ัง ทุกวนั สรา งท่อี ยลู วนไปดวยแกว ๗ ประการโดยมจี ักรวาลเปน ขอบเขต (และ) ถวายเภสัชนานัปการ มีเนยใส เนยขนเปนตน เปนประจํา ชอ่ื วา ยงั ไมส ามารถจะทําการตอบแทนอปุ การะทอ่ี าจารยทาํ แลว (ใหหมด) ได. จบอรรถกถาพหกุ ารสูตรท่ี ๔
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 81 ๕. วชิรสตู ร วาดวยผมู จี ิตเหมือนแผลเกา - ฟาแลบ - เพชร [๔๖๔] ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย บคุ คล ๓ นี้ มอี ยใู นโลก บคุ คล ๓เปนไฉน คอื บุคคลทม่ี จี ติ เหมอื นแผล บุคคลมีจิตเหมอื นสายฟาบคุ คลมจี ติ เหมือนเพชร กบ็ ุคคลมจี ิตเหมือนแผลเปน อยา งไร. ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย บคุ คลลางคนในโลกนี้ เปน คนขีโ้ กรธมีความแคน มาก ถกู เขาวาหนอ ยก็ขัดเคอื งขงึ้ เคยี ด เงา งอด ทาํ ความกําเริบ ความราย และความเดอื ดดาลใหป รากฏเหมอื นอยางแผลราย ถกู ไมหรือกระเบื้องเขากย็ ่งิ มีหนองไหลฉันใด บคุ คลลางคนในโลกนี้ เปน คนขโ้ี กรธ มีความแคนมาก ถกู เขาวาหนอ ยก็ขดั เคืองข้งึ เคียด เงางอด ทาํ ความกําเรบิ ความรายและความเดือดดาลใหปรากฏฉนั นน้ัน่ี เราเรียกวา บุคคลผมู จี ิตเหมอื นแผล กบ็ ุคคลมจี ิตเหมือนสายฟา เปนอยางไร. ดกู อนภิกษุท้งั หลาย บุคคลลางคนในโลกนี้ รตู ามจรงิ วา นีท่ กุ ข ... นเ่ี หตเุ กิดทกุ ข ... นค่ี วามดับทุกข... นขี่ อ ปฏิบัติใหถ ึงความดับทกุ ข เหมอื นอยางคนตาดี พึงเห็นรูปทั้งหลายไดใ นระหวางฟาแลบในกลางคนื มดื ต้อื ฉนั ใด บคุ คลลางคนในโลกนี้ รูต ามจริงวา นีท่ ุกข ฯลฯ นข่ี อปฏิบัติใหถึงความดับทกุ ขฉนั น้ัน นี่ เราเรยี กวา บุคคลมีจิตเหมอื นสายฟา กบ็ คุ คลมจี ิตเหมือนเพชรอยางไร. ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย บุคคลลางคนในโลกน้ี กระทาํ ใหแจงเขา ถึงพรอมซง่ึ เจโตวมิ ุตติ ปญ ญาวิมตุ ตอิ ันหาอาสวะมิได เพราะสิ้นอาสวะทง้ั หลาย ดวยความรยู ิ่งดว ยตนเองอยใู นปจจบุ ันนี้
พระสุตตันตปฎ ก องั คุตรนิกาย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 82เหมอื นอยางแกวหรอื หนิ ที่ไมถกู เพชรเจาะเสยี เลยยอ มไมม ฉี นั ใด บคุ คลลางคนในโลกนกี้ ระทําใหแจง ฯลฯ ในปจจบุ นั น่ฉี นั นนั้ นเี้ ราเรยี กวา บุคคลมีจิตเหมอื นเพซร นแี้ ล ภกิ ษุทัง้ หลาย บุคคล ๓ มีอยูในโลก. จบวชิรสูตรท่ี ๕ อรรถกถาวชิรสตู ร พึงทราบวนิ จิ ฉัยในวชิรสตู รท่ี ๕ ดังตอไปน้ี :- บทวา อรุกูปมจิตฺโต ไดแก มจี ิต เชนกบั แผลเร้ือรงั . บทวาวชิ ฺชปู มจิตฺโต ไดเ เก มีจติ เชน กบั สายฟา เพราะสอ งสวา งชวั่ เวลาเล็กนอ ย.บทวา วชิรปู มจติ ฺโต ไดแกมจี ติ เชนกบั เพชร เพราะสามารถทาํ การโคนรากเงาของกเิ ลสท้งั หลายได. บทวา อภิสชชฺ ติ แปลวา ขอ งอย.ู บทวากุปปฺ ติ แปลวา ยอ มกาํ เริบ ดว ยสามารถแหงความโกรธ. บทวา พยฺ าปชชฺ ติความวา ละสภาพปกติ คือเปนของเนา. บทวา ปติตถฺ ยิ ติ ไดแ กยอ มถงึความหงุดหงดิ คือความกระดาง. บทวา โกป ไดแก ความโกรธมกี าํ ลังทราม.บทวา โทส ไดแ ก โทษะ ที่มีกาํ ลังมากกวา ความหงดุ หงดิ น้นั ดว ยสามารถแหง ความประทษุ ราย. บทวา อปฺปจจฺ ย ไดแ กโทมนัส ทีเ่ ปนอาการแหงความไมพอใจ. บทวา ทฏุ ารโุ ก ไดแกแ ผลเร้อื รัง. บทวา กฏเน ไดแกปลายไมเทา. บทวา กถเลน ไดแก กระเบื้อง. บทวา อาสว เนติ ไดแกไหลตดิ ตอ กนั ไป. อธิบายวา แผลเร้อื รงั จะหลั่งออกซง่ึ ของ ๓ อยา งนีค้ ือหนอง เลือด และเยือ่ ตามธรรมดาของตนอยูแ ลว แตเ ม่อื ถูกกระทบเขา
พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 83จะหล่ังสิง่ เหลา นน้ั ออกยิง่ ข้นึ . ในบทวา เอวเมว โข นี้ มีขอ เปรยี บเทยี บดังตอ ไปน้ี กค็ นมกั โกรธ พึงเห็นเหมอื นแผลรา ย. จรณะ (พฤตกิ รรม) ของคนมกั โกรธ พึงเหน็ เหมือนการหลั่ง (ของไมสะอาด) ของแผลรายนน้ั ออกไปตามธรรมดาของตนบาง จรณะ (พฤตกิ รรม) ของเขาผดู รุ า ย พงึ เหน็ เหมอื นการหลงั่ (ของไมสะอาด) ของซากศพทข่ี ึน้ พองออกไปตามธรรมดาของตนบา งคําพูดเล็กนอย กพ็ ึงเห็นเหมือนถูกกระทบดวยไมห รอื กระเบ้ือง ภาวะทเี่ ขาจะลําพองมากยงิ่ ข้นึ วา คนผนู ้ี (กลา ) พูดเชนน้ี กบั คนเชนเรา พึงเหน็ เหมือนการไหลออกมากยง่ิ ขึ้นแหงแผลเรือ้ รงั . บทวา รตฺตนฺธการติมสิ สฺ าย ความวา ในยามราตรี คอื ในเวลาที่มดื สนทิ เพราะกระทําความมืด โดยหา มไมใหจักษวุ ิญญาณเกดิ ขึน้ . บทวาวชิ ฺชนฺตริกาย ไดแกในขณะท่ีฟา แลบ. แมใ นขอนี้ กม็ ีขอ เปรียบเทยี บดังตอไปนี้ กพ็ ระโยคาวจร พึงเห็นเหมือน บรุ ุษผมู ตี าดี. กเิ ลสที่โสดาปตติมรรคฆา พงึ เห็นเหมอื นความมดื กาลเวลาทพ่ี ระโสดาปต ติมรรคเกดิ ขึ้น พงึ เห็นเหมอื นการแลบของสายฟา การเหน็ พระนิพพานในขณะแหงโสดาปตตมิ รรคพึงเห็นเหมอื นการเห็นรปู ไดรอบดานของบรุ ุษผูม ีจกั ษใุ นระหวา งฟาแลบ กิเลสท่สี กทาคามมิ รรคฆา พึงเห็นเหมอื นการกําจดั ความมดื ไดอีกครง้ั การบงั เกิดข้นึ แหงสกทาคามมิ คั คญาณ พงึ เห็นเหมอื นการแลบของสายฟาอีกครงั้ หน่ึงการเหน็ พระนิพพาน ในขณะแหงสกทาคามิมรรค พึงเห็นเหมอื นการเห็นรปูไดโดยรอบ แหงบรุ ุษผมู ีตาดี ในระหวางฟา แลบ กิเลสท่อี นาคามมิ รรคฆาเหมอื นการกาํ จัดความมืดมนอันธการอีกครั้ง ความเกิดขึน้ แหง อนาคามิมคั ค-ญาณ. พึงเหน็ เหมอื นการแลบของสายฟาอกี ครง้ั . การเหน็ พระนพิ พานในขณะแหงอนาคามิมรรค พงึ เห็นเหมือนการเหน็ รูปโดยรอบดาน แหงบรุ ุษผูมีตาดี ในระหวางฟา แลบ.
พระสตุ ตนั ตปฎก อังคุตรนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 84 แมใ นภาวะท่บี ุคคลมจี ติ เปรยี บดวยเพชร กม็ ีขอเปรียบเทยี บดงั ตอไปนี้จริงอยู อรหตั มคั คญาณ พงึ เหน็ เหมือนเพชร. กิเลสท้ังหลายที่พระอรหัตมคั ค-ญาณตดั แลว พงึ เห็นเหมือนกระเปาะแกวมณี หรือกระเปาะหิน ภาวะทีก่ ิเลสท้ังหลาย ท่ีพระอรหัตมคั คญาณจะตัดไมข าดไมมี พงึ เห็นเหมอื นภาวะทเ่ี พชรจะไมตดั กระเปาะแกว หรือกระเปาะหินไปไมมี การทีก่ เิ ลสทพี่ ระอรหัตมัคค-ญาณตัดไดแลว จะไมก ลับเกิดขน้ึ อกี พงึ เหน็ เหมือนการทก่ี ระเปาะแกว หรือกระเปาะหนิ ที่ถกู เพชรตดั แลว จะไมก ลบั เต็มข้นึ มาอกี ฉะนนั้ แล. จบอรรถกถาวชิรสูตรท่ี ๕ ๖. เสวิตัพพสูตร วาดว ยผูควรคบและไมค วรคบ [๔๖๕] ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย บุคคล ๓ นี้ มอี ยใู นโลก บคุ คล ๓คอื ใคร คอื บคุ คลที่ไมค วรเสพไมควรคบไมค วรเขา ใกลก ็มี บคุ คลทค่ี วรเสพควรคบควรเขาใกลก็มี บุคคลทคี่ วรสกั การะเคารพแลว จึงเสพ จึงคบ จึงเขาใกลก ็มี บุคคลที่ไมค วรเสพ ไมควรคบ ไมค วรเขาใกลเ ปนอยา งไร ? บุคคลลางคนในโลกน้ี เปนผูด อ ย โดยศลี โดยสมาธิโดยปญ ญา บคุ คลเชนนี้ ไมควรเสพ ไมค วรคบ ไมควรเขาใกล เวน แตเ อ็นดู เวน แตอ นุเคราะห บคุ คลทค่ี วรเสพ ควรคบ ควรเขาใกลเปน อยา งไร ? บุคคลลางคนในโลกน้ีเปนผูเชนเดยี วกนั โดยศีลโดยสมาธโิ ดยปญ ญา บุคคลเชน น้ีควรเสพ ควรคบ ควรเขา ใกล นนั่ เพราะเหตอุ ะไร ? เพราะเม่ือเราเปนผูเสมอกันโดยศีล ... โดยสมาธิ ... โดยปญ ญาแลว สลี กถา (การพดู กนั ถึง
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 85เร่อื งศีล) ... สมาธกิ ถา (การพูดกันถงึ เรือ่ งสมาธ)ิ ... ปญญากถา (การพูดถงึ เรอ่ื งปญญา) ก็จักมดี วย การพูดกนั ของเรานั้นจกั ไปกันไดด วย การพูดกันของเรานนั้ จกั เปน ความผาสกุ ดว ย เพราะเหตนุ นั้ บคุ คลเชนน้ี จงึ ควรเสพควรคบ ควรเขาใกล บุคคลท่ีควรสกั การะเคารพแลว จงึ เสพจึงคบจึงเขา ใกล เปนอยา งไรบุคคลลางคนในโลกนี้ เปน ผยู ิง่ โดยศลี โดยสมาธิ โดยปญ ญา บุคคลเชน น้ีควรสกั การะเคารพแลวจึงเสพ จงึ คบ จึงเขาใกล น่ันเพราะเหตอุ ะไร เพราะเราจะไดท าํ กองศีล ... กองสมาธิ ... กองปญญาท่ยี งั ไมบริบูรณใ หบ รบิ ูรณบ า งจะไดประคบั ประคอง กองศลี ... กองสมาธิ ... กองปญ ญาที่บริบูรณแ ลว ไวไดดว ยความฉลาดในธรรมนนั้ ๆ บาง เพราะเหตนุ ัน้ บุคคลเชนน้ี จึงควรสกั การะเคารพแลว จงึ เสพ จึงคบ จงึ เขา ใกล น้ีแล ภิกษทุ ั้งหลาย บคุ คล ๓ มีอยูใ นโลก พระผมู พี ระภาคเจา ผูพระสคุ ตศาสดา ไดตรสั พระธรรมเทศนาไวยากรณภาษิตน้แี ลว ครน้ั แลวจึงตรสั นิคมคาถาประพนั ธ นีอ้ กี วา คนผูคบคนทราม ยอ มเส่ือม สวน คนผูคบคนเสมอกัน ไมเ สือ่ มในกาลไหนๆ ผูคบคนทปี่ ระเสรฐิ กวา ยอ มเจรญิ เรว็ เพราะฉะนนั้ จึงควรคบคนทย่ี ิง่ กวา ตน. จบเสวติ ัพพสูตรที่ ๖
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 86 อรรถกถาเสวิตัพพสตู ร พึงทราบวนิ ิจฉัยในเสวิตพั พสตู รท่ี ๖ ดงั ตอไปน้ี:- บทวา เสวิตพโฺ พ ไดแก พึงเขาไปหา. บทวา ภชติ พฺโพ ไดแกพึงสนิทสนม. บทวา ปยริ ปู าสิตพโฺ พ ไดแก พงึ เขาไปบอ ย ๆ ดวยการน่งั ในที่ใกล. บทวา สกฺกตวฺ า ครุกตฺวา ความวา ทําท้ังสักการะและความเคารพ. ในบทวา หโี น โหติ สีเลน เปน ตน พงึ ทราบความต่าํ (กวา กัน )โดยเทียบเคยี งกัน. อธบิ ายวา ในบรรดาคนเหลานัน้ ผรู ักษาศีล ๑๐ ไมค วรคบคนรักษาศลี ๕. ผรู ักษาจาตปุ ารสิ ุทธิศีล ไมค วรคบคนรกั ษาศีล ๑๐. บทวาอฺ ตฺร อนุทยา อิตร อนุกมปฺ า ความวา นอกจากจะเอน็ ดูจะอนุเคราะห. เพราะวา เพอ่ื ประโยชนต นแลว กไ็ มค วรคบคนเชนน.ี้ แตจะเขา ไปหาเขา โดยความเอ็นดู โดยอนเุ คราะหก ค็ วร. บทวา สีลสามฺ คตาน สต ความวา แกเ ราทัง้ หลายผถู งึ ความเปน ผูมศี ีลเสมอกนั มอี ย.ู บทวา สลี กกา จ โน ภวสิ ฺสติ ความวา กถาปรารภศลี นั่นแหละจักมแี กเราทั้งหลาย ผูมศี ลี เสมอกนั อยางน.้ี บทวา สา จโน ปวตฺตนี ภวิสฺสติ ความวา กถาของพวกเราทั้งหลาย ทพี่ ดู กันแมตลอดวันน้นั จักดาํ เนินไป คือไมข าดระยะ. บทวา สา จ โน ผาสุ ภวิสฺสติความวา และสีลกถาที่ดาํ เนนิ ไปตลอดท้ังวันนน้ั จกั เปน การอยูอ ยางสําราญของเราทั้งหลาย. แมในสมาธปิ ญญากถา กม็ ีนัยเหมือนกนั นแี้ หละ. บทวา สลี กฺขนธ ไดแกกองศีล. บุคคลเวน ธรรมท่ีไมเ ปนสปั ปายะของศีล คอื ไมเปนอุปการะแกศลี ซองเสพ (ประพฤต)ิ ธรรมท่ีเปนสัปปายะ
พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนกิ าย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 87คือธรรมที่เปนอุปการะแกศีล ชอื่ วา อนเุ คราะหสีลขนั ธ ดว ยปญ ญาในท่ีนัน้ ๆ ในบทวา ตตฺถ ตตถฺ ปฺาย อนุคฺคเหสสฺ ามิ นี้. แมในสมาธขิ นั ธ และปญญาขนั ธ กม็ นี ยั นีเ้ หมือนกัน. บทวา นหิ ียติ ความวา บุคคลเม่อื คบหาคนทีเ่ ลวกวา ตนยอมเส่ือมคือยอมเสียหาย ตดิ ตอ กันเร่ือยไป เหมอื นนํา้ ที่เทไป ในหมอกรองนํ้าดาง.บทวา ตุลฺยเสวี ไดแ กคบคนท่ีเสมอกบั ตน. บทวา เสฏ มุปนม ไดแกนอ มเขา ไปหาผปู ระเสรฐิ . บทวา อเุ ทติ ขิปปฺ ความวา ยอ มเจรญิเร็วทเี ดียว. บทวา ตสฺมา อตตฺ โน อุตฺตรึ ภเชถ ความวา เพราะเหตุทบี่ ุคคลผนู อมตนเขา ไปหาบคุ คลผปู ระเสรฐิ ยอมเจริญเรว็ ฉะนน้ั จงึ ควรคบคนทย่ี ิ่งกวา คอื คนทสี่ งู กวา ไดแกคนท่ีประเสริฐกวา ตน. จบอรรถกถาเสวติ ัพพสตู รท่ี ๖ ๗. ชิคุจฉติ พั พสตู ร วาดว ยบคุ คลท่คี วรคบและไมควรคบ [๔๖๖] ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย บุคคล ๓ นี้ มอี ยูใ นโลก บุคคล ๓คือใคร คอื บคุ คลที่ควรเกลยี ด ไมค วรเสพ ไมค วรคบ ไมค วรเขา ใกลกม็ ีบคุ คลที่ควรเฉย ๆ เสยี ไมค วรเสพ ไมค วรคบ ไมค วรเขา ใกลกม็ ี บคุ คลท่ีควรเสพ ควรคบ ควรเขา ใกลก็มี บุคคลท่ีควรเกลยี ด ไมควรเสพ ไมค วรคบ ไมควรเขา ใกลเปนอยา งไร ? บุคคลลางคนในโลกนเ้ี ปน ผูท ุศีลมธี รรมอันลามก (มกี ารกระทํา)ไมสะอาด มีความประพฤตินารงั เกียจ มกี ารงานอนั ปกปด ไมเปน สมณะ แต
พระสุตตันตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 88ปฏญิ ญาวา เปนสมณะ ไมเปนพรหมจารี แตป ฏิญญาวา เปน พรหมจารี เปนคนเนาใน เปยกชน้ื รกเรือ้ (ดวยกเิ ลสโทษ) บคุ คลเชนน้ีควรเกลียด ไมควรเสพไมค วรคบไมควรเขา ใกล น่ันเพราะเหตอุ ะไร ? เพราะถึงแมผูคบจะไมเ อาเยี่ยงของบุคคลชนดิ นั้น แตก จ็ ะมีกิตตศิ ัพทอันเลวฟุงไปวา เปนคนมีมติ รชว่ั มีสหายเลว มีเพอ่ื นทราม งูท่จี มคถู ยอ มไมกัดกจ็ ริงอยู ถึงกระน้ันมนั ก็ทาํ ผูจบั ใหเ ปอ น ฉันใดกด็ ี ถงึ แมผูคบจะไมเ อาเยย่ี งของบุคคลชนดิ นั้นแตก ็จะมีกติ ตศิ ัพทอันเลวฟงุ ไปวา เปน คนมมี ิตรชั่ว มีสหายเลว มเี พ่ือนทรามฉันนน้ั เหมือนกัน เพราะเหตนุ นั้ บคุ คลเชนนน้ั จงึ ควรเกลยี ด ไมค วรเสพไมค วรคบ ไมค วรเขา ใกล บุคคลท่คี วรเฉย ๆ เสยี ไมควรเสพ ไมควรคบ ไมควรเขา ใกลเปนอยางไร บคุ คลลางคนในโลกน้ี เปน คนขีโ้ กรธ มคี วามแคนมาก ถูกเขาวาหนอย กข็ ัดเคืองขง้ึ เคียดเงา งอด. ทําความกําเริบความรายและความเดือดดาลใหปรากฏ เหมือนแผลรายถูกไมห รือกระเบอ้ื งเขายงิ่ หนองไหล ... เหมอื นฟนไมต ณิ ฑกุ ะถูกครูดดวยไมหรือกระเบ้ือง ย่งิ สง เสียงจิจฏิ ะๆ ... เหมอื นหลมุ คูถถูกรันดว ยไมห รอื กระเบือ้ งยิ่งเหม็นฉันใด บุคคลลางคนในโลกนเี้ ปนคนข้โี กรธ มีความแคน มาก ถูกเขาวาหนอ ย ก็ขดั เคืองข้ึงเคยี ดเงา งอด ทําความกาํ เริบความราย และความเดือดดาลใหป รากฏฉันน้นั บุคคลเชนน้ี ภกิ ษุทั้งหลาย ควรเฉย ๆ เสยี ไมควรเสพ ไมค วรคบ ไมค วรเขา ใกส นัน่ เพราะเหตุอะไร เพราะ (เกรงวา) เขาจะดา เราบาง จะตะเพิดเราบาง จะทาํ เราใหเสอ่ื มเสียบาง เพราะเหตนุ ัน้ บุคคลชนิดน้ี จงึ ควรเฉย ๆ เสยี ฯลฯ กบ็ คุ คลทีค่ วรเสพ ควรคบ ควรเขา ใกลเปนอยางไร ? บคุ คลลางคนในโลกน้ีเปน ผูมีศีล มธี รรมอันงาม บคุ คลอยางนี้ ควรเสพ ควรคบ ควรเขาใกล นั่นเพราะเหตอุ ะไร เพราะถึงแมผ คู บจะไมเอาเยยี่ งบุคคลเชนนนั้
พระสุตตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 89แตกจ็ ะมีกิตติศพั ทอันงามขจรไปวา เปน คนมีมิตรดี มสี หายดี มเี พ่อื นดีเพราะเหตนุ ั้น บคุ คลอยา งน้จี ึงควรเสพ ควรคบ ควรเขาใกล นี้แล ภิกษทุ ั้งหลาย บุคคล ๓ มอี ยูใ นโลก. พระผมู ีพระภาคเจาตรัสนคิ มคาถาวา คนผคู บคนทราม ยอ มเส่ือม สวน คนผคู บคนเสมอกนั ไมเลือ่ มในกาลไหนๆ ผูค บคนทีป่ ระเสรฐิ กวา ยอ มเจริญเรว็ เพราะฉะน้นั จึงควรคบคนท่ยี ง่ิ กวาตน. จบชคิ จุ ฉติ พั พสตู รท่ี ๗ อรรถกถาชิคุจฉิตัพพสูตร พึงทราบวนิ จิ ฉัยในชคิ ุจฉิตพั พสูตรที่ ๗ ดงั ตอไปน้ี :- บทวา ชคิ ุจฺฉติ พฺโพ ความวา บคุ คลท่ใี คร ๆ พึงรังเกยี จเหมอื นคูถฉะนนั้ . บทวา อถโข น เทา กบั อถโข อสฺส. บทวา กิตฺติสทโฺ ทคอื เสียงที่กลา วขานกัน. ในบทวา เอวเมว โข น้ี พึงทราบขอเปรียบเทยี บดงั ตอ ไปน้ี ความเปนผทู ุศลี พึงเหน็ เหมือนหลุมคูถ. บุคคลผูทุศลี พงึ เหน็เหมือนงเู รือน ตัวตกลงไปในหลมุ คูถฉะนน้ั ภาวะที่บคุ คลพึงจะคบหาบคุ คลผทู ุศีล (แต) ไมท าํ ตามบคุ คลผูทุศลี นนั้ พึงเหน็ เหมอื นภาวะทบ่ี คุ คลถกู งทู ่ีเขายกข้นึ จากหลุมคถู ไตข้ึนสูรางกาย แตไมก ดั ฉะนั้น เวลาทบ่ี ุคคลคบหาผูทศุ ลี จนชือ่ เสียงทไี่ มด ีระบอื ไปท่วั พงึ ทราบเหมอื นเวลาท่เี ขาถกู งูตวั เปอ นคูถแลว กดั เอาฉะนนั้ . บทวา ตณิ ฑกุ าลาต ไดแ ก ดนุ ฟน ไมม ะพลบั .บทวา ภิยฺโยโส มตฺตาย จิจิฏายติ ความวา กด็ นุ ฟนไมมะพลบั น้ัน เมอื่
พระสุตตนั ตปฎก อังคุตรนิกาย ตกิ นิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาท่ี 90ถกู เผาตามปกติสะเกด็ จะกระเด็นหลุดออกสงเสียงดงั จิจิฏะ จจิ ิฏะ. อธิบายวาแตด ุนฟน ทถ่ี ูกเคาะจะสง เสียงดังกวา มาก. บทวา เอวเมว โข ความวา บุคคลผูมักโกรธก็ฉันนน้ั เหมือนกนั แลคือ แมต ามธรรมดาของตนกเ็ ปนผไู มสงบ ดุรายเท่ียวไป. แตในเวลาท่ไี ดฟ งคําพดู (วา กลา ว) แมเพียงเล็กนอ ย ก็กลับเทีย่ วเกรีย้ วกราดดุรายย่งิ ข้ึนไปอกี วาคนนี้ พูดอยางน้ี ๆ กบั คนเชน เราได.๑ บทวา คูถกโู ป ไดแก หลุมที่เต็มไปดว ยคูถ หรอื หลุมคูถน่นั แล. กใ็ นที่น้ี พึงทราบการเปรยี บเทียบโดยนยักอ นนนั้ แล. บทวา ตสมฺ า เอวรโู ป ปุคฺคโล อชณเุ ปกฺ ขติ พโฺ พ น เสวิ-ตพโฺ พ ความวา เพราะเหตทุ ่บี ุคคลผูม กั โกรธ เมื่อใครคบหาใกลชิดก็โกรธ(เขา) เหมือนกัน ยอ มโกรธ แมกะบคุ คลท่ีดา ยอ นใหวา คนผนู ี้มีประโยชนอะไร ฉะนนั้ เขาจงึ เปน เหมือนไฟไหมฟ าง ท่ที กุ คนควรวางเฉยไมค วรเขา ไปคบหาสมาคม. ทา นกลาวอธบิ ายไวอ ยา งไร ? ทา นกลา วอธบิ ายไววา บคุ คลทเ่ี ขา ไปใกลไฟไหมฟางจนเกนิ ไปจะรอ น รา งกายของเขาจะพลอยถกู ไหมไปดวย บคุ คลทีถ่ อยออกหา งมากเกินไปจะ (ไม) รอ น ความหนาวของเขาก็ยงั ไมห าย สวนบุคคลทผี่ ิงไฟอยใู นระยะพอดี ไมเ ขา ใกลจ นเกินไป(และ) ไมถ อยออกหา งจนเกนิ ไป ความหนาวกจ็ ะหาย เพราะฉะนน้ั บุคคลผมู ักโกรธเปน เหมือนไฟไหมฟ าง จึงควรถูกวางเฉยเสยี โดยการวางตัวเปนกลาง ไมควรท่ใี คร ๆ จะเสพ ไมควรทใี่ คร ๆ จะคบหา ไมควรท่ีใคร ๆจะเขา ไปนั่งใกล๑. ปาฐะวา เอวเมว โกธโนติ อตคฺ โน ธมมฺ ตายป อฏุ โิ ต จณฑฺ ิกโต หุตวฺ า จรต.ิอปฺปมตฺคก ปน วจน วุตตฺ กาเล มาทิส นาม เอว วทติ เอว วทตติ ิ อติ เรกตร อุฏ ิโตจณฺฑิกโต หุตฺวา กุชฌฺ ต.ิ ฉบับพมาเปน เอวเมว โกธโน อตฺตโน ธมมฺ ตายป อทุ ฺธโตจณฑฺ กิ โต หตุ วา จรติ อปปฺ มตตฺ ก ปน วจน สุตกาเล มาทสิ นาม เอว วทติ เอววทตตี ิ อติเรกตร อุทธฺ โต จณฺฑิกโต หุตวา จรติ แปลตามฉบบั พมา .
พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนาที่ 91 บทวา กลฺยาณมติ โฺ ต ไดแก มิตรผสู ะอาด. บทวา กลยฺ าณ-สหาโย ไดแ ก สหายผูส ะอาด. ทช่ี ือ่ วา สหาย ไดแกผมู ีปกตไิ ปรว มกันและเทีย่ วไปรว มกัน. บทวา กลยฺ าณสมปฺ วงโฺ ก ไดแ ก ผูโอนไปในกลั ยาณมติ รท้งั หลาย คือ ในบุคคลผสู ะอาด อธิบายวา ผมู ีใจนอ มโนมเหน่ียวนําไปในกัลยาณมติ รนัน้ . จบอรรถกถาชิคจุ ฉติ พั พสตู รที่ ๗ ๘. คูถภาณีสตู ร วาดว ยผูพูด ๓ จาํ พวก [๔๖๗] ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย บุคคล ๓ นี้ มีอยใู นโลก บคุ คล ๓คอื ใคร คอื คถู ภาณี (คนพดู เหม็น) ปุปผภาณี (คนพูดหอม) มธุภาณี(คนพูดหวาน) บคุ คลคถู ภาณเี ปน อยางไร บคุ คลลางคนในโลกน้ี เขา สภากด็ ี เขาชมุ นุมชนกด็ ี เขา หมูญ าตกิ ด็ ี เขาหมูข า ราชการก็ดี เขา หมเู จา กด็ ี ถูกนาํ ตัวไปซักถามเปน พยานวา \"มา บุรุษผเู จรญิ ทา นรอู นั ใดจงบอกอนั นนั้ \" บคุ คลนั้น ไมรู กลา ววารูบ าง รู กลาววาไมร บู า ง ไมเหน็ กลา ววาเหน็ บา ง เห็นกลาววา ไมเ หน็ บา ง เปนผกู ลา วเท็จทั้งรู เพราะเห็นแกตนบาง เพราะเหน็แกค นอื่นบา ง เพราะเห็นแกล าภผลเล็กนอยบา ง ดังน้ี นี่ ภกิ ษทุ งั้ หลายเราเรียกวา บคุ คลคถู ภาณี กบ็ คุ คลปุปผภาณเี ปน อยางไร บคุ คลลางคนในโลกนี้ เขาสภาก็ดฯี ลฯถกู นําตวั ไปซักถามเปน พยาน ฯลฯ บุคคลนั้นไมร ู ก็กลา ววา ไมร ู รู กก็ ลาว
พระสุตตันตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 92วารู ไมเ ห็น ก็กลา ววา ไมเห็น เหน็ กก็ ลาววาเห็น ไมเ ปน ผูก ลา วเทจ็ ท้งั รูเพราะเหน็ แกต นบางฯลฯ ดังน้ี น่ี ภิกษุท้งั หลาย เราเรียกวา บุคคลปปุ ผภาณี กบ็ ุคคลมธภุ าณีเปนอยางไร บุคคลลางตนในโลกน้ี เปนผูละวาจาหยาบ เวน จากวาจาหยาบแลว วาจาใดไมมโี ทษ สบายหู นา ดูดดื่มจับใจเปน คําชาวเมอื ง เปนทใ่ี คร ... ที่พอใจแหงชนมาก เปน ผูก ลา ววาจาอยางนนั้น่ี ภิกษทุ ้ังหลาย เราเรยี กวา บคุ คลมธุภาณี น้ีแล ภกิ ษุทัง้ หลาย บุคคล ๓ มีอยใู นโลก. จบคูถภาณสี ตู รท่ี ๘ อรรถกถาคูถภาณสี ตู ร พึงทราบวินิจฉัยในคูถภาณสี ูตรที่ ๘ ดังตอ ไปนี้ :- บคุ คลใด กลา วถอ ยคาํ สงกล่นิ เหม็นเหมือนคูถ บุคคลน้ัน ชื่อวาคูถภาณ.ี บุคคลใด กลาวถอ ยคาํ สงกล่ินหอมเหมือนดอกไม บคุ คลนัน้ชอ่ื วา ปปุ ผภาณ.ี บคุ คลใด กลาวถอ ยคําออนหวานเหมือนน้าํ ผึ้ง บุคคลน้ันชอ่ื วา มธุภาณ.ี บทวา สภาคโต คอื อยูในสภา. บทวา ปริสคโต คอื อยใู นหมูชาวบา น. บทวา าตมิ ชฺฌคโต คืออยูในทา มกลางทายาททัง้ หลาย. บทวาปคู มชฺฌคโต คืออยใู นทา มกลางเสนาท้งั หลาย. บทวา ราชกุลมชฌฺ คโตคอื อยใู นทามกลางราชตระกูล คือ ในทอ งพระโรง สาํ หรับวินิจฉยั ของหลวง.
พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 93บทวา อภินีโต คอื ถูกนาํ ไปเพ่อื ตองการจะซกั ถาม. บทวา สกขฺ ิปฏุ โ คือถกู เขาอา งใหเปนพยาน แลวซกั . บทวา เอว โภ ปรุ สิ น้ี เปน อาลปนะ.บทวา อตฺตเหตุ วา ปรเหตุ วา ไดแก เพราะเหตแุ หง อวัยวะ มีมอืและเทา เปนตน ของตนหรอื ของบคุ คลอ่นื . ลาภ ทา นประสงคเอาวา อามิสในบทวา อามิสกิ จฺ กิ ฺขเหตุ วา น้ี. บทวา กิ จฺ ิกฺข ไดแก สงิ่ ของนดิ ๆ หนอ ย ๆ คอื ของเล็กนอ ย อธิบายวา เหตแุ หง อามิส โดยท่ีสดุ แมเพยี งนกกระทา นกคมุ กอนเนยใส และกอนเนยขน เปนตน. บทวาสมุปชานมุสา ภาสติ า โหติ ความวา กลา วมุสาวาททัง้ ทร่ี ู ๆ. โทษเรยี กวา เอละ ในบทวา เนลา. วาจา ชือ่ วา เนลาเพราะหมายความวา ไมมโี ทษ อธิบายวา หมดโทษ. วาจาไมมีโทษเหมือนศลีทพ่ี ระผูม พี ระภาคเจาตรัสไว ในคาถาน้วี า. เนลงโฺ ค เสตปจฉฺ าโท. วาจา ชื่อวา กณั ณสุขา ไดแกว าจาที่สบายหู เพราะมีพยัญชนะไพเราะ. วาจานั้น ไมใหเ กิดการเสียดแทงหู เหมือนใชเ ขม็ แทงฉะนน้ั . วาจา ชือ่ วา เปมนียา เพราะหมายความวา ใหเ กดิ ความรัก ไมใ หเกดิ ความโกรธ ทั่วทง้ั รา งกาย เพราะมีอรรถไพเราะฉะนั้น. วาจา ช่ือวา หทยงั คมา เพราะหมายความวา ถงึ ใจคอื ไมกระทบกระทง่ั เขาไปสจู ติ โดยสะดวก วาจา ชื่อวา โปรี เพราะหมายความวา มใี นเมือง เพราะบรบิ รู ณดว ยคุณ. อนึง่ วาจา ชื่อวา โปรี เพราะหมายความวา ละเอียดออ นดีเหมอื นนารีทีเ่ จรญิ เติบโตในเมอื ง ฉะนัน้ . อน่งึ วาจา ช่อื วา โปรี เพราะหมายความวา เปน วาจาของชาวเมือง อธิบายวา เปนวาจาของคนที่อยใู นเมอื ง.จรงิ อยู ชาวเมอื งยอมมีถอ ยคําเหมาะสม คอื เรียกคนวัยปนู พอวา คุณพอเรียกคนวัยปูนพชี่ ายหรือนอ งชายวา พี่ชาย นอ งชาย.
พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนิกาย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 94 ดว ยวา ถอ ยคาํ ชนดิ นี้ ชื่อวา พหชุ นกันตา เพราะหมายความวาเปน วาจาทช่ี นเปนอันมากรกั ใคร. วาจา ชอ่ื วา พหุชนมนาปา เพราะหมายความวา เปน ทชี่ อบใจคือทําความเจริญใจใหแกช นเปนอนั มาก เพราะเปน วาจาทชี่ นเปน อนั มากรักใครนนั่ เอง. จบอรรถกถาคูถภาณีสตู รท่ี ๘ ๙. อันธสูตร วา ดวยคนตาบอด - ตาเดียว - สองตา [๔๖๘] ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย บุคคล ๓ มีอยใู นโลก บุคคล ๓คอื ใคร ? คือ (อนธฺ ) คนบอด (เอกจกขฺ )ุ คนตาเดยี ว (ทวฺ ิจกขฺ ุ) คนสองตา กบ็ คุ คลบอดเปนอยา งไร ? บคุ คลลางคนในโลกน้ี ไมม ดี วงตา(คือปญ ญา) ทเ่ี ปน เหตจุ ะใหไดโภคทรัพยอ นั ยังไมไ ดก ด็ ี เปนเหตจุ ะท่ีโภคทรพั ยทไ่ี ดแลว ใหท วีขึน้ ก็ดี ท้ังไมมีดวงตา (คอื ปญญา) ทเี่ ปน เหตจุ ะใหรธู รรมทั้งหลายอนั เปน กศุ ลและอกศุ ล ... อนั มโี ทษและไมมีโทษ ... อันหยาบและละเอียด ... อันเปน ฝายดําและฝา ยขาว น่ี ภกิ ษุทั้งหลาย เราเรยี กวาบคุ คลบอด. ก็บุคคลตาเดยี วเปนอยางไร ? บุคคลลางคนในโลกน้ี มีดวงตาท่ีเปน เหตจุ ะใหไดโ ภคทรพั ยอ นั ยงั ไมไดก ็ดี เปนเหตจุ ะทาํ โภคทรัพยท่ไี ดแ ลวใหทวีข้นึ กด็ ี แตไมม ดี วงตาท่ีเปนเหตจุ ะใหร ูธ รรมทัง้ หลายอนั เปนกุศลและอกุศล ฯลฯ น่ี ภกิ ษทุ ัง้ หลาย เราเรียกวา บุคคลตาเดียว.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 95 ก็บคุ คลสองตาเปนอยา งไร บคุ คลลางคนในโลกนี้ มีดวงตาทีเ่ ปนเหตุจะใหไ ดโ ภคทรัพย ฯลฯ ท้งั มดี วงตาที่เปนเหตุจะใหร ูธ รรมทัง้ หลาย ฯลฯน่ี ภิกษทุ ัง้ หลาย เราเรียกวา บคุ คลสองตา. น้แี ล ภกิ ษุท้งั หลาย บุคคล ๓ มอี ยใู นโลก. (นคิ มคาถา) คนตาบอดมืด เคราะหร ายทัง้ ๒ ทาง คอื โภคทรพั ยอยา งท่ีวากไ็ มมี ความดกี ็ ไมทาํ . สวนอีกคนหนึ่งน้ี เรยี กวา บุคคล ตาเดยี ว ไมเ กย่ี วในเรอื่ งธรรม และ อธรรม แสวงหาแตโภคทรพั ย เปน คน ครองกามทฉ่ี ลาดรวบรวมทรัพย ดวยการ ขโมย การโกงและการปล้ินปลอ น บุคคล ตาเดียวน้นั จากโลกน้ี ไปนรก ยอ มเดือด- รอน. สว นผูที่เรียกวา คนสองตา เปน บุคคลประเสรฐิ ใหท รพั ยท ่ีไดดว ยความ ขยนั จากกองโภคะท่ีตนหาไดโ ดยชอบ (เปน ทาน) มคี วามคิดสูง มใี จไมเคลอื บ- แคลง ยอมเขา ถึงฐานะอันเจริญ ซึ่งเปน ฐานะทถี่ ึงแลวไมเ ศราใจ.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 96 ควรหลีกคนบอดและคนตาเดียวเสยี ใหไกล ควรคบแตคนสองตาซ่ึงเปนบุคคล ประเสริฐ. จบอนั ธสูตรท่ี ๙ อรรถกถาอันธสตู ร พึงทราบวินิจฉัยในอันธสูตรท่ี ๙ ดังตอ ไปน้ี :- บทวา จกฺขุ น โหติ ไดแกไ มม ีปญญาจกั ษ.ุ บทวา ผาตึกเรยยฺ ความวา พึงทาํ โภคะ (ท่ไี ดม าแลว) ใหคงอยู คือ ใหเจรญิบทวา สาวชชฺ านวชฺเช ไดแ ก ธรรมทีม่ โี ทษ และไมม ีโทษ บทวาหนี ปปฺ ณเี ต ไดแก ธรรมขนั้ ตํ่า และขั้นสูง. บทวา กณฺหสกุ ฺกสปปฺ ฏภิ าเคความวา ธรรมดาํ และธรรมขาวนั่นเอง พระผูมีพระภาคเจาตรสั วา มีความเปนปฏภิ าคกนั โดยเปน ปฏปิ ก ษต อ กัน เพราะขัดขวางกนั และกัน. กใ็ นบทน้ีมีความยอ ดังตอ ไปน้ี บคุ คลพงึ รูจ ักกศุ ลธรรมวา เปน กุศลธรรม. พงึ รูจักอกศุ ลธรรมวา เปนอกุศลธรรม. แมในบทมีอาทวิ า ธรรมท่ีมโี ทษเปน ตนกม็ นี ัย นแ้ี ล. สว นในธรรมทม่ี ีความเปนปฏภิ าคกนั ทง้ั ธรรมดําและธรรมขาวธรรมดํา บคุ คลพึงรวู า มีความเปน ปฏิภาคกับธรรมขาว ธรรมขาว บคุ คลพึงรวู า เปน ปฏภิ าคกับธรรมดาํ ดว ยปญ ญาจักษุใด จกั ษแุ มเห็นปานนน้ั ของบคุ คลน้ันไมม ี นักศึกษาพงึ ทราบความหมาย แมในวาระทเี่ หลือโดยนัย
พระสตุ ตนั ตปฎก อังคุตรนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ที่ 97ดังกลาวมานีแ้ ล. บทวา น เจว โภคา ตถารปู า ความวา แมโ ภคะชนิดนัน้ ยอ มไมม ีแกบุคคลนน้ั . บทวา น จ ปุ ฺ านิ กพุ ฺพติ ความวา และเขายอ มไมทาํ บุญ. ดว ยคํามีประมาณเทาน้ี เปนอนั ตรัสถงึ ความไมม ีแหง จักษุท่ีเปนเหตุใหโ ภคะเกดิ ขน้ึ และจักษทุ ท่ี ําใหเ กิดญาณ (ปญญาจกั ษุ). บทวาอภุ ยตถฺ กลิคฺคโห ไดแ ก ถอื ผดิ อธบิ ายวา ถอื พลาดในโลกทัง้ ๒ คือในโลกน้ี และในโลกหนา. อีกอยา งหน่งึ บทวา อภุ ยตถฺ กลิคฺคโห คือถือประโยชนทั้ง ๒ คือทีเ่ ปน ไปในทิฎฐธรรม และสมั ปรายภพวาเปนโทษอธิบายวา ถือเปนความผิด. บทวา ธมฺมามฺเมน ไดแก ดวยธรรมคอืกศุ ลกรรมบถ ๑๐ บาง ดวยธรรมคอื อกศุ ลกรรมบถ ๑๐ บา ง. บทวาสโ ไดแก มกั โอ. บทวา โภคานิ ปริเยสติ คอื แสวงหาโภคะทง้ั หลาย. บทวา เถยเฺ ยน กฏู กมฺเมน มุสาวาเทน จภู ย ความวา แสวงหาโภคะทั้งหลายดว ยกรรมท้ังสอง ในบรรดากรรมมไี ถยกรรมเปน ตน . ถามวาแสวงหาดว ยกรรมทงั้ สองอยา งไร. ตอบวา อยางนีค้ ือ แสวงหาโภคะทั้งหลายดว ยไถยกรรม (การลักขโมย) และกูฏกรรม (การฉอ โกง) ไดแก แสวงหาดวยไถยกรรมและมสุ าวาท และแสวงหาดว ยกฏู กรรม และมุสาวาท. บทวาสงฺฆาตุ แปลวา เพือ่ รวบรวม. บทวา ธมฺมลทเฺ ธหิ ไดแ ก ที่ไดมาโดยไมใหเ สียธรรม คอื กศุ ลกรรมบถสิบ. บทวา อฏุ านาธคิ ต คือ ทไี่ ดมาดว ยความเพียร. บทวา อพยฺ คฺคมานโส คือมจี ิตปราศจากวจิ ิกจิ ฉา. บทวาภททฺ ก าน คอื สถานทีท่ ่ดี ีที่สุด ไดแ ก เทวสถาน. บทวา น โสจติคอื ไมเ ศรา โศกดวยความเศราโศกภายใน ในทีใ่ ด. จบอรรถกถาอันธสูตรท่ี ๙
พระสุตตันตปฎก อังคุตรนกิ าย ตกิ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 98 ๑๐. อวกชุ ชติ สตู ร วาดวยผูม ีปญญา ๓ จาํ พวก [๔๖๙] ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย บคุ คล ๓ น้ี มีอยูในโลก บคุ คล ๓คือใคร คอื บุคคลปญญาดังหมอ คว่ํา บคุ คลปญญาดงั หนาตกั บคุ คลปญ ญามาก บคุ คลปญญาดงั หมอคว่ําเปนอยางไร. บุคคลลางคนในโลกนไ้ี ปวัดเพอ่ื ฟง ธรรมในสาํ นกั ภกิ ษุท้ังหลายเนอื ง ๆ ภิกษุทง้ั หลายแสดงธรรมอนั งามในเบอ้ื งตน อันงามในทามกลาง อันงามในท่สี ุด ประกาศพรหมจรรยพรอมทัง้อรรถทั้งพยัญชนะแจมแจงเตม็ ท่ีแกบ ุคคลนั้น เขานงั่ ณ ทน่ี ง่ั นั้นไมใ สใจถงึเบอ้ื งตน ... ทา มกลาง ... ทสี่ ุดแหง (ธรรม) กถาน้ันเลย แมลกุ ไปจากทน่ี ง่ั นนั้ แลว กไ็ มใ สใจถงึ ... เปรียบเหมือนหมอควาํ่ นา้ํ ท่บี คุ คลราดลงไปบนหมอ นน้ั ยอมไหลไปไมข งั อยู ฉันใด บคุ คลลางคนในโลกนี้ ไปวัดเพ่ือฟงธรรมในสาํ นักภิกษุทั้งหลายเนือง ๆ ฯลฯ ก็ไมใสใ จถงึ ... ฉนั นน้ั นี่ ภิกษุทัง้ หลาย เราเรียกวา บคุ คลปญญาดังหมอคว่ํา ก็บุคคลปญญาดังหนาตกั เปนอยา งไร. บคุ คลลางคนในโลกนี้ ไปวดัเพ่ือฟงธรรมในสํานกั ภิกษุทงั้ หลายเนือง ๆ ภกิ ษุทัง้ หลายแสดงธรรมอันงามในเบอื้ งตน อนั งามในทา มกลาง อนั งามในทสี่ ุด ประกาศพรหมจรรยพรอ มทั้งอรรถทง้ั พยญั ชนะแจมแจง เตม็ ทแี่ กบคุ คลนนั้ เขาน่ัง ณ ทีน่ ัง่ นัน้ ใสใจท้ังเบ้ืองตน ... ทัง้ ทามกลาง ... ทงั้ ทสี่ ดุ แหง (ธรรม) กถานนั้ ลกุ จากท่นี งั่ นั้นแลวไมใ สใ จ ... เปรยี บเหมือนของเค้ียวตา ง ๆ วางรายอยูบนหนา ตกั ของคนเชน งา ขา วสาร แปง พุทรา คนนั้นเผลอตัวลกุ ขนึ้ จากทีน่ งั่ น้นั ( ของ
พระสุตตนั ตปฎก อังคุตรนกิ าย ติกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 99เคี้ยวนนั้ ) ก็ตกเกล่ือนไป ฉันใด บุคคลลางคนในโลกน้ี ไปวดั เพอ่ื ฟง ธรรมในสํานกั ภิกษุทั้งหลายเนอื ง ๆ ฯลฯ ลุกจากทีน่ ั่งนัน้ แลวไมใ สใจ ... ฉนั นน้ันี่ ภิกษทุ ้งั หลาย เราเรยี กวา บคุ คลปญญาดงั หนาตกั กแ็ ล บคุ คลปญ ญามากเปน อยางไร. บคุ คลลางคนในโลกน้ี ไปวัดเพอ่ืฟงธรรมในสํานกั ภกิ ษทุ ัง้ หลายเนอื ง ๆ ฯลฯ เขานั่ง ณ ท่นี ง่ั น้นั ใสใ จทง้ัเบ้อื งตน ... ทั้งทามกลาง ... ทั้งทส่ี ดุ แหง (ธรรม) กถาน้นั แมล กุ ไปจากทนี่ ่งั น้ันแลว ก็ใสใจไวท ั้งเบอื้ งตน ... ท้งั ทามกลาง ... ทงั้ ท่สี ดุ แหง (ธรรม)กถานัน้ เปรยี บเหมอื นหมอ หงาย นํ้าท่ีบคุ คลเทลงไปในหมอ นัน้ ยอมขังอยูไมไหลไป ฉันใด บคุ คลลางคนในโลกน้ี ไปวัดเพือ่ ฟง ธรรมในสํานักภกิ ษุท้ังหลายเนือง ๆ ฯลฯ ทง้ั ท่ีสุดแหง (ธรรม) กถานน้ั ฉันนน้ั นี่ ภกิ ษุทั้งหลาย เราเรียกวา บคุ คลปญ ญามาก นแี้ ล ภิกษุท้งั หลาย บุคคล ๓ มอี ยูในโลก. คนปญ ญาดงั หมอคว่ํา โง ทึบ แม หากไป (ฟง ธรรม) ในสํานักภิกษุทั้งหลาย เนือง ๆ คนชนดิ นั้น กไ็ มอ าจเรยี นเอา เบ้อื งตน ทา มกลาง และทส่ี ดุ แหง (ธรรม) กถาได เพราะปญ ญาของเขาไมม .ี คนปญญาดงั หนา ตัก เรากลาววา ดกี วา คนปญ ญาดงั หมอ คว่ํานัน่ ถา แมไ ป (ฟงธรรม) ในสาํ นกั ภกิ ษทุ งั้ หลายเนอื งๆ คนเชนนน้ั นัง่ ณ ท่นี ่งั นัน้ เรียนพยัญชนะ ไดท้ังเบ้อื งตน ทงั้ ทามกลาง ทงั้ ท่ีสดุ แหง
พระสตุ ตันตปฎก อังคตุ รนกิ าย ติกนิบาต เลม ๑ ภาค ๓ - หนา ท่ี 100 (ธรรม) กถาน้นั ลุกไปแลวไมรู เพราะ ความจําของเขาฟน เฟอน. สวนบุคคลปญ ญามาก เรากลาววา ดกี วาคนปญญาดงั หนาตกั นน่ั ถา แมไ ป (ฟง ธรรม) ในสาํ นกั ภกิ ษุทั้งหลายเนือง ๆ คนเชนน้นั น่ัง ณ ทน่ี งั่ นน้ั เรยี นพยญั ชนะ ไดท้งั เบอ้ื งตน ทงั้ ทามกลาง ทัง้ ท่ีสดุ แหง (ธรรม) กถาแลวทรงจาํ ไวไ ด เปนคนมี ความคดิ ประเสริฐ มใี จไมเ คลือบแคลง ปฏบิ ัตธิ รรมสมควรแกธรรม พึงกระทํา ท่ีสดุ ทุกขไ ด. จบอวกุชชติ สูตรท่ี ๑๐ จบปุคคลวรรคท่ี ๓ อรรถกถาอวกุชชติ สูตร พึงทราบวนิ จิ ฉัยในอวกชุ ชติ สูตรท่ี ๑๐ ดงั ตอ ไปนี้ :- บทวา อวกุชชฺ ปฺโญฺ ไดแก มปี ญญาเหมอื นกบั หมอควํ่าปากลง.บทวา อจุ ฺฉงฺคปโฺ ไดแ ก มีปญ ญาเหมือนกับตัก. บทวา ปถุ ปุ ฺโไดแก มีปญญากวา งขวาง. ในบทวา อาทิกลฺยาณ เปนตน พงึ ทราบวินจิ ฉยั ดงั ตอ ไปนี้ การ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 602
Pages: