Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_11

tripitaka_11

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:39

Description: tripitaka_11

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 223 บทวา นิมติ ตฺ  ไดแ กต ําราทายนมิ ติ . ไดย นิ วา พระเจาปณฑรุ าช ทรงกาํ แกวมกุ ดาไว ๓ ดวง แลวตรัสถามหมอดูนิมิตวา อะไรอยใู นกาํ มอื ของฉนั ? หมอดนู มิ ติ ผูนนั้เหลยี วดูขา งโนนขา งนี้ และในเวลานน้ั แมลงวนั ถกู จ้ิงจกคาบแลวหลดุ ไปเขาจงึ กราบทลู วา แกวมุกดา ตรสั ถามตอ ไปวา ก่ดี วง ? เขาไดย ินเสียงไกขนั ๓ ครั้ง จงึ กราบทลู วา ๓ ดวง. สมณพราหมณผ เู จรญิ บางพวกทายนิมิตอา งตําราทายนมิ ติ นัน้ ๆ อยูอยา งนี้. บทวา อุปปฺ าต ไดแ กท ายวตั ถุใหญ ๆ เชน อสนบี าต เปนตนตกลงมา. ก็สมณพราหมณบ างพวกเห็นดงั น้นั แลว ทาํ นายอางวา จักมีเรื่องน้ี จกั เปนอยางน้ี. บทวา สุปน  ไดแกสมณพราหมณบ างพวกประกอบเนอื ง ๆ ซง่ึการทาํ นายฝนโดยนัยมีอาทิวา ผฝู น เวลาเชา จะมีผลอยา งนี้ ผฝู น ดังน้ีจะมีเร่ืองช่ือนี้ ดงั นี้อย.ู บทวา ลกฺขณ ไดแ กต ําราทายลกั ษณะมอี าทวิ า ผูทีป่ ระกอบดวยลักษณะนี้ จะเปนพระราชา ดว ยลักษณะน้ี จะเปนอปุ ราช. บทวา มสู กิ จฺฉินนฺ  ไดแ กตาํ ราทํานายหนูกัดผา . กเ็ มอื่ ผาแมถ กูหนูนั้นคาบมาหรือไมคาบมากต็ าม กัดอยางน้ตี ้ังแตท ีน่ ้ีไป สมณพราหณบางพวกกท็ ํานายอางวา จะมีเรื่องชือ่ น้ี. บทวา อคคฺ โิ หม ไดแกพ ธิ ีบชู าไฟวา เมอื่ ใชฟ น อยา งน้ี บูชาไฟอยางนี้ จะมผี ลชอ่ื น้ี. แมพิธเี บกิ แวน เวยี นเทียนเปน ตน กค็ อื พิธบี ูชาไฟนนั่ เอง ตรสัไวแ ผนกหนึง่ ดว ยสามารถแหงความเปนไปอยา งน้วี า เมื่อใชแ วนเวยี น

พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 224เทยี นเห็นปานน้ี ใชว ตั ถุมรี าํ เปนตน เชนนบ้ี ูชาไฟ จะมผี ลชือ่ น้.ี บทวา กโณ ในพิธีนัน้ ไดแ กรําขาว. บทวา ตณฺฑลุ ไดแ กขาวสารแหงขาวสาลีเปนตน และแหงตณิ ชาติทัง้ หลาย. บทวา สปปฺ  ไดแ กเ นยโคเปนตน. บทวา เตล ไดแ กน ้ํามันงาเปน ตน . กก็ ารอมเมล็ดพันธผุ กั กาดเปนตน พนเขาในไฟ หรือการรายเวทเปา เขา ในไฟ ช่อื วา ทําพธิ เี สกเปาบชู าไฟ. การบชู ายัญดว ยโลหติ แหงรากขวญั และเขา เบื้องขวาเปน ตน ช่ือวาบชู าดว ยโลหติ . บทวา องคฺ วิชฺชา ไดแกข อแรก พูดถงึ อวยั วะโดยไดเหน็ อวยั วะกอ น แลว จึงพยากรณ ในท่ีนีต้ รสั ถงึ วชิ าดอู วัยวะ โดยไดเ ห็นกระดูกน้วิ มอื แลว รา ยเวทพยากรณว า กลุ บตุ รนี้มที รพั ยห รอื ไม หรอื มีสิริหรอื ไมดงั นี้เปนตน. บทวา วตถฺ ุวชิ ชฺ า ไดแ กวชิ าหมอดู กาํ หนดคุณและโทษแหงปลูกเรอื นและพน้ื ที่สวนเปน ตน . แมไ ดเ ห็นความตางแหง ดนิ เปน ตน ก็รา ยเวทเหน็ คุณและโทษ ในใตพน้ื ปฐพี ในอากาศ ประมาณ ๓๐ ศอกและในพื้นที่ประมาณ ๘๐ ศอก. บทวา เขตฺตวิชฺชา ไดแกวชิ านติ ศิ าสตร มอี พั เภยยศาสตรมาสรุ ักขศาสตรและราชศาสตรเ ปนตน. บทวา สิววชิ ชฺ า ไดแกวชิ าวาดว ยการเขา ไปทาํ ความสงบในปาชาอาจารยบางทา นกลา ววา เปน วชิ ารูเสียงหอนของสุนขั จงิ้ จอกกม็ ี.

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 225 บทวา ภตู วิชชฺ า ไดแ กมนตของหมอผ.ี บทวา ภูริวชิ ฺชา ไดแ กม นตท่คี นอยูในบา นเรอื นจะตองเรียนไว. บทวา อหวิ ิชชฺ า ไดแกวชิ ารกั ษาคนถูกงกู ดั และวชิ าเรยี กงู. บทวา วสิ วชิ ชฺ า ไดแ กว ิชาทใ่ี ชรักษาพษิ เกา หรือรกั ษาพิษใหมหรอื ใชทาํ พิษอยางอน่ื . บทวา วจิ ฉฺ ิกวชิ ชฺ า ไดแ กว ิชารักษาแมลงปอ งตอย. แมในวิชาวา ดวยหนู กน็ ัยนี้แหละ. บทวา สกณุ วชิ ชฺ า ไดแกร เู สยี งนก โดยรเู สยี งรองและการไปเปน ตน ของสตั วม ปี ก และไมมปี ก และสัตว ๒ เทา ๔ เทา. บทวา วายสวิชชฺ า ไดแกร ูเสยี งรองของกา. ความรนู น้ั เปนตาํ ราแผนกหนงึ่ ทเี ดียว ฉะนนั้ จึงไดตรัสไวแ ผนกหนง่ึ . บทวา ปกกฺ ชฌฺ าน ไดแกว ชิ าแกคิด อธบิ ายวา เปนความรูในสงิ่ ทีต่ นไมเ ห็น ในบดั นี้ เปนไปอยา งนีว้ า คนนี้จกั เปน อยไู ดเทา นี้คนนีเ้ ทา นี.้ บทวา สวปริตตฺ าน ไดแกวิชาแคลว คลาด คือ เปน วิชาทาํ ใหลกู ศรไมมาถกู ตนได. บทวา มิคจกฺก นี้ ตรสั รวมสตั วท ุกชนิด โดยทร่ี ูเสยี งรองของนกและสัตว ๔ เทาทั้งหมด. ในการทายลักษณะแกว มณีเปน ตน มีอธิบายดงั นี้ สมณพราหมณบ างพวกประกอบเนือง ๆ ซง่ึ การทายลักษณะแกวมณีเปน ตน ดวยอํานาจสแี ละสณั ฐานเปน ตน อยางนว้ี า แกว มณอี ยางน้ีดี

พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 226อยา งนี้ไมดี เปนเหตุ ไมเ ปนเหตุ ใหเ จา ของปราศจากโรคและมีความยงิ ใหญเปนตน . ในการทายลักษณะน้นั คําวา อาวธุ  ไดแกเ วน ของมีคมมดี าบเปน ตน นอกน้ันชือ่ วา อาวธุ . แมการทายลักษณะหญงิ เปนตน กพ็ ึงทราบโดยความเจรญิ และความเสือ่ มของตระกลู ทห่ี ญงิ ชายเปนตน เหลา นน้ั อยู. สวนในการทายลกั ษณะแพะเปน ตน พงึ ทราบความตา งกนั ดังนีว้ าเนือ้ ของสัตวมแี พะเปนตน อยางนค้ี วรกนิ อยา งน้ไี มค วรกนิ . อน่ึง ในการทายลักษณะเห้ยี นี้ พึงทราบความตางกันแมใ นภาพจติ รกรรมและเครอ่ื งประดบั เปน ตน แมดงั น้ีวา เมอื่ มีเห้ียอยางนี้ จะมผี ลอนั น้ี. และในขอ นี้ มีเรอ่ื งดงั ตอไปนี.้ ไดยนิ วา ทวี่ ัดแหง หน่งึ เขาเขยี นภาพจติ รกรรม เปนรปู เห้ียกาํ ลังพนไฟ ตัง้ แตน ั้นมาภิกษทุ ้งั หลายเกดิ ทะเลาะกนั ใหญ. ภิกษุอาคนั ตุกะรูปหน่ึง เหน็ ภาพนัน้ เขา จงึ ลบเสีย ต้งั แตน น้ั มา การทะเลาะกเ็ บาลง. การทายลักษณะชอ ฟา พึงทราบโดยเปนชอฟาเคร่อื งประดบั บางชอฟา เรอื นบา ง. การทายลกั ษณะเตา ก็เชน เดียวกบั การทายลักษณะเหีย้ นัน่ เอง. การทายลกั ษณะเนือ้ ตรสั รวมสตั วทุกชนดิ โดยลักษณะของสัตว๔ เทาทั้งหมด. คําวา รฺ นิยฺยาน ภวสิ สฺ ติ ไดแ กพยากรณการเสด็จประพาสของพระราชาท้ังหลายอยา งนว้ี า พระราชาพระองคโนนจักเสดจ็ ออกโดย

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 227วนั โนน โดยฤกษโ นน. ทุกบทมีนยั ดังน้ี จงึ อธิบายในบทนี้บทเดยี ว. สว นบทวา อนยิ ฺยาน ในทีน่ ี้อยางเดียว ไดแ กก ารทพี่ ระราชาเสด็จไปพกั แรมแลวกลบั มา. คาํ วา พระราชาภายในจกั เขาประชดิ พระราชาภายนอกจักถอยความวา พยากรณก ารเขาประชดิ และการถอยของพระราชาทง้ั หลายอยางนี้วา พระราชาของพวกเราภายในพระนครจักเขาประชิดพระราชาภายนอกผเู ปน ขา ศึก ลาํ ดบั นน้ั พระราชาภายนอกพระองคนัน้ จกั ถอย. แมในบททสี่ อง ก็นยั นแี้ หละ. ความชนะและความแพปรากฏแลวเทียว. เร่อื งจนั ทรคราสเปน ตน พึงทราบโดยพยากรณวา ราหจู กั ถึงจันทรในวนั โนน. อน่งึ แมด าวนกั ษตั รรวมจับดาวอังคารเปน ตน กช็ ่อืนักษตั รคราสน่ันเอง. บทวา อกุ ฺกาปาโต ไดแ กคบไฟตกจากอากาศ. บทวา ทิสาฑาโห ไดแกท ิศมดื คลมุ ราวกะอากูลดวยเปลวไฟและเปลวควันเปน ตน. บทวา เทวทุนฺทภุ ิ ไดแ กเ มฆคํารามหนา แลง . บทวา อคุ ฺคมน ไดแ กข้นึ . บทวา โอคคฺ มน ไดแ กต ก. บทวา สงกฺ เิ ลส แปลวา ไมบ ริสุทธิ์. บทวา โวหาน แปลวา บริสทุ ธิ.์ บทวา เอว วปิ าโก ความวา จักนําสุขและทุกขต า ง ๆ อยา งนี้มาใหแ กโลก. บทวา สุวฏุ  ิกา ความวา ฝนตกตอ งตามฤดกู าล.

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 228 บทวา ทพุ พฺ ฏุ  กิ า ความวา ฝนตกเปน ครัง้ คราว อธิบายวาฝนนอย. บทวา มทุ ฺธา ทานกลา วถึงการนับดวยหวั แมมอื . บทวา คณนา ไดแ กการนบั ไมข าดสาย. บทวา สงขฺ าน ไดแกก ารนับรวมโดยการบวกและการคูณเปน ตน .ผทู ชี่ าํ นาญการนับรวมนัน้ พอเหน็ ตนไม ก็รูไดวา ในตน น้มี ใี บเทานี้. บทวา กาเวยฺย ความวา กิริยาทก่ี วีทั้ง ๔ พวก ดงั ท่ตี รัสไวดงั น้วี า ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย กวีมี ๔ พวกเหลา นี้ คอื จนิ ตากวี สตุ กวีอรรถกวี ปฏภิ าณกวี ดังน้ี แตงกาพยเ พ่ือเล้ียงชีพ โดยความคดิ ของตนบา ง โดยสดบั เพราะไดฟ ง เรื่องมอี าทิวา ไดมีพระราชาพระนามเวสสันดร ดังน้ีบา ง โดยเนื้อความอยา งนี้วา เร่อื งนี้มีเนื้อความอยางนี้เราจกั แตงเร่ืองนั้นอยา งน้ี ดังนบ้ี าง โดยปฏิภาณทเ่ี กิดขน้ึ ตามเหตุการณอยา งนีว้ า เราไดเห็นเหตุการณบางอยา ง จักแตง กาพยใหเขา กันไดก ับเรื่องนน้ั บา ง. เร่ืองท่เี ก่ยี วกบั โลกขาพเจา ไดกลา วแลว เทยี ว. ทีช่ ื่อวา ใหฤ กษอ าวาหมงคล ไดแ กใหฤ กษท ําพธิ ีอาวาหมงคลวาทานทง้ั หลายจงนาํ เจา สาวจากตระกูลโนน มาใหเจา บาวผนู ีโ้ ดยฤกษโนน . บทวา ววิ าห ความวา ใหฤกษท ําพิธีววิ าหมงคลวา ทานท้งั หลายจงนาํ เจาสาวนีไ้ ปใหเ จาบาวโนน โดยฤกษโนน เขาจกั มคี วามเจรญิ . บทวา ส วทน ความวา ท่ชี อื่ วา ฤกษส ง ตวั ไดแกพิธีทาํ ใหคูบ าวสาวปรองดองกันอยางน้ีวา วนั นฤี้ กษดี เธอท้ัง ๒ จงปรองดองกันในวนั นีแ้ หละ เธอทง้ั ๒ จกั ไมห ยา รางกัน ดว ยประการฉะนี้. ทชี่ อ่ื วา ววิ ทน ไดแ กถ าสามภี รรยาประสงคจ ะหยารางกัน ก็ดูฤกษ

พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 229ทาํ พธิ ีหยารา งอยา งนีว้ า ทา นจงหยา ขาดกันในวันน้ีแหละ ทา นจักไมร ว มกนั อีก ดวยประการฉะน้.ี บทวา สงกฺ ิรณ ความวา ดูฤกษใ หร วบรวมทรพั ยอ ยางนีว้ าทรพั ยท ใ่ี หก ูยมื กด็ ี เปน หนกี้ ็ดี ทา นจงเรยี กเกบ็ เสียในวนั นี้ เพราะทรัพยท ี่เรยี กเก็บในวนั น้ีนนั้ จกั ถาวร. บทวา วกิ ิรณ ความวา ดูฤกษหาประโยชนเองหรือใหค นอน่ื หาประโยชนอ ยางน้ีวา ถา ทา นตอ งการจะหาประโยชนดว ยการลงทนุ และใหกยู ืมเปน ตน ทรพั ยท่ีหาประโยชนในวันนจี้ ะเพ่มิ เปน ๒ เทา ๔ เทา . บทวา สภุ คกรณ ความวา ดฤู กษทาํ ใหเ ปน ท่รี กั ทช่ี อบใจหรอื ทําใหม ีสริ .ิ บทวา ทพุ ฺภคกรณ ความตรงกนั ขา มกบั บท สภุ คกรณ นั้น. บทวา วิรุทธฺ คพภฺ กรณ ความวา กระทาํ ครรภท ีต่ ก ทที่ าํ ลายทแี่ ทง ที่ตาย อธบิ ายวา ใหยาเพอื่ ไมใ หแมเสียหายตอไป. ก็ครรภย อ มพนิ าศดวยเหตุ ๓ อยาง คือ ลม เชือ้ โรค กรรม.ในครรภพนิ าศ ๓ อยางนัน้ เม่อื ครรภพนิ าศดวยลม ตอ งใหยาเย็น ๆสําหรบั ระงับ เมอื่ พินาศดวยเช้อื โรค ตองตอตา นเช้อื โรค แตเมือ่ พินาศดว ยกรรม แมพระพทุ ธเจา ทัง้ หลายกไ็ มอ าจจะหามได. บทวา ชิวฺหานพิ นฺธน ไดแกร า ยมนตผ ูกลิ้นไว. บทวา หนสุ  หนน ไดแกรา ยมนตผ กู ปาก ผกู ไวอ ยา งท่ีไมสามารถจะใหคางเคลื่อนไหวได. บทวา หตถฺ าภชิ ปฺปน ไดแกร า ยมนตท าํ ใหม อื ท้งั ๒ สน่ั รวั .ไดยินวา เม่อื ยนื อยูภายใน ๗ กา ว รา ยมนตนั้นแลว อีกคนหนึง่ จะมอื

พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 230สน่ั รัว พลิกไปมา. บทวา กณณฺ ชปปฺ น ไดแ กร ายเวท ทาํ ใหห ูท้งั ๒ ไมไ ดยินเสียง.ไดยนิ วา รา ยมนตน ัน้ แลว กลา วตามประสงคใ นโรงศาล ฝายปรปก ษไมไดยินเสียงน้นั ดงั นน้ั จึงไมอ าจโตต อบไดเตม็ ที.่ บทวา อาทาสปหฺ  ไดแ กเชิญเทวดาลงในกระจก แลว ถามปญหา. บทวา กมุ ารีปฺห ไดแกเชิญเทวดาเขา ในรางของเดก็ สาว แลวถามปญหา. บทวา เทวปฺห ไดเเกเชญิ เทวดาเขา ในรา งของนางทาสี แลวถามปญหา. บทวา อาทจิ จฺ ุปฏาน ไดแ กบําเรอพระอาทติ ยเพ่ือประโยชนในการดาํ รงชพี . บทวา มหตปุ ฏาน ไดแ กบ าํ เรอทาวมหาพรหมเพือ่ ประโยชนอยางเดียวกัน. บทวา อพฺภชุ ชฺ ลน ไดแกร า ยมนตพ นเปลวไฟออกจากปาก. บทวา สริ ิวฺหายน ไดแ กเชิญขวญั เขาตวั อยา งนวี้ า ขวญั เอยจงมาอยูในรา งเราเอย. บทวา สนฺติกมมฺ  ไดแ กไ ปเทวสถานทาํ พิธสี ญั ญาบนบาน ซง่ึจะตองทําในเวลาทส่ี ําเร็จวา ถา เรื่องนจ้ี กั สําเร็จแกข าพเจา ขาพเจาจกัแกบ นแกท า น ดว ยสงิ่ นี้ ๆ. และเมอ่ื เร่อื งนน้ั สาํ เร็จแลว กระทาํ ตามน้นัชอื่ วา ทาํ พธิ แี กบน. บทวา ภรู กิ มฺม ไดแกสอนการใชมนตที่ผูอ ยใู นบานเรอื นจะ

พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 231ตอ งเรียน. ในขอ วา วสสฺ กมฺม โวสฺสกมฺม น้ี บทวา วสโฺ ส ไดแกชาย บทวา โวสโฺ ส ไดแ กบ ณั เฑาะก. การทาํ บัณเฑาะกใหเปนชายชือ่ วสั สกรรม การทาํ ชายใหเปนบัณเฑาะก ช่ือ โวสสกรรม ดว ยประการฉะน้ี. กเ็ มอ่ื ทาํ ดงั น้ัน ยอมใหถึงเพียงภาวะทต่ี ดั เทา นั้น ไมอ าจทาํ ใหเพศหายไปได บทวา วตถฺ กุ มฺม ไดแกท ําพธิ ีสรางเรอื นในพืน้ ทท่ี ยี่ งัมไิ ดต กแตง. บทวา วตฺถปุ ริกรณ ไดแ กก ลา ววา ทา นท้ังหลายจงนาํ สงิ่ น้ี ๆ มาดงั นีแ้ ลว ทาํ พิธบี วงสรวงพน้ื ท.ี่ บทวา อาจมน ไดแกใชน้าํ ลา งปากใหสะอาด. บทวา นหฺ าปน ไดแกอ าบนาํ้ มนตใ หค นอื่น. บทวา ชูหน ไดแ กท าํ พธิ บี ชู าไฟ เพ่อื ประโยชนแกพวกเขา. บทวา วมน ไดแกท าํ ยาสาํ รอก. แมใ นการปรุงยาถาย กน็ ัยน้ีเหมือนกัน. บทวา อทุ ธฺ วเิ รจน ไดแกปรงุ ยาถายโรคเบอื้ งบน. บทวา อโธวเิ รจน ไดแ กป รงุ ยาถา ยโรคเบอ้ื งลา ง. บทวา สีสวเิ รจน ไดแ กปรุงยาแกป วดศีรษะ. บทวา กณณฺ เตล ไดแกหงุ น้าํ มนั ยาเพ่ือสมานหู หรอื เพื่อบําบดัแผล. บทวา เนตตฺ ปฺปาน ไดแ กนํา้ มนั หยอดตา. บทวา นตถฺ ุกมมฺ  ไดแกใ ชน ้ํามนั ปรงุ เปน ยานัตถ.ุ บทวา อฺชน ไดแกป รงุ ยาทากดั เปนดางสามารถลอกได ๒

พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 232หรือ ๓ ชั้น. บทวา ปจฺจฺชน ไดแ กปรุงยาเยน็ ระงบั . บทวา สาลากยิ  ไดแกเครือ่ งมือของจักษุแพทย บทวา สลลฺ กตฺตยิ  ไดแกเ ครอ่ื งมอื ของศลั ยแพทย. กจิ กรรมของแพทยรักษาโรคเด็ก เรียกวา กุมารเวชกรรม. ดว ยคาํ วา มูลเภสชฺชาน อนุปปฺ ทาน (ใสยา) น้ี พระผูม ีพระภาคเจา ทรงแสดงถงึ กายบําบัด. บทวา โอสธนี  ปฏโิ มกโฺ ข ไดแกใสด า งเปนตน เมอื่ แผลไดที่ควรแกดางเปนตนนน้ั กเ็ อาตางเปนตนนั้นออกไป. จบมหาศลี เพยี งเทา นี้ พระผมู พี ระภาคเจา คร้ัน ทรงพรรณนาศีล ๓ ประการโดยพสิ ดารโดยอนุสนธิ แหง คาํ สรรเสรญิ ท่ีพรหมทตั มาณพกลาว ดว ยประการฉะนี้แลว บัดนี้ ทรงเรมิ่ ประกาศความวางเปลาโดยนยั มีอาทวิ า ดกู อนภิกษุท้ังหลาย ยังมธี รรมอื่น ๆ ทีล่ ึกซ้งึ เห็นไดยาก รูต ามไดย าก ดงั น้ีโดยอนสุ นธแิ หงคาํ สรรเสรญิ ท่ภี กิ ษสุ งฆก ลา ว. คําวา ธรรม ในพระบาลนี ัน้ ความวา ธรรมศพั ท เปนไปในอรรถทงั้ หลายมอี าทิอยา งน้ี คอื คุณธรรม เทศนาธรรม ปริยตั ธิ รรมนิสตั ตธรรม. จรงิ อยู ธรรมศัพทเปนไปในคณุ ธรรม เชน ในประโยคมีอาทิวา ธรรมแลอธรรมทั้ง ๒ หามผี ลเสมอกนั ไม อธรรม นาํ สัตวไ ปนรก ธรรมใหสัตวถ งึ สคุ ติ.

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 233 เปน ไปในเทศนาธรรม เชน ในประโยคมีอาทิวา ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย เราจักแสดงธรรมอันงามในเบ้อื งตน . . . . . . แกเธอท้ังหลาย. เปน ไปในปริยัตธิ รรม เชน ในประโยคมอี าทิวา ภิกษุในพระธรรมวินัยน้ี ยอ มเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ. เปน ไปในนิสัตตธรรม เชนในประโยคมีอาทิวา กใ็ นสมัยนนั้ แลธรรมมีอยู คือ ขนั ธทัง้ หลายมอี ยู. ก็ในพระบาลนี ี้ ธรรมศัพทเ ปนไปในคณุ ธรรม. เพราะฉะนั้นพงึ เหน็ ความในพระบาลนี อ้ี ยา งนว้ี า ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย ตถาคตยังมคี ุณอ่นื ๆ อกี . บทวา คมฺภรี า ความวา มีท่ตี ง้ั อนั ญาณของบคุ คลอน่ื หยง่ั ไมไดยกเวน ตถาคต เหมอื นมหาสมทุ รอันปลายจะงอยปากยงุ หย่ังไมถ ึงฉะนั้น. ทชี่ ื่อวา เหน็ ไดย าก เพราะลกึ ซง่ึ นงั่ เอง. ทีช่ ื่อวา ไดยาก เพราะเห็นไดย ากนน่ั เอง. ท่ีชือ่ วา สงบ เพราะดับความเรารอ นทงั้ หมด. กช็ อื่ วา สงบ แมเ พราะเปนไปในอารมณท่สี งบ. ท่ีช่อื วา ประณตี เพราะทาํ ใหไ มรจู ักอมิ่ ดจุ โภชนะทีม่ รี สอรอย ทชี่ ่อื วา คาดคะเนเอาไมได เพราะจะใชการคะเนเอาไมได เหตุเปนวสิ ัยแหง ญาณอนั สูงสุด. ท่ชี ื่อวา ละเอียด เพราะมสี ภาพละเอยี ดออ น. ท่ชี ื่อวา รไู ดเฉพาะบณั ฑิต เพราะบณั ฑิตเทาน้ันพึงรู เหตุมิใชวสิ ยั ของพวกพาล. ขอ วา เย ตถาคโต สย อภิฺ า สจฺฉกิ ตฺวา ปเวเทติ ความวา

พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 234ซง่ึ เปน คณุ ธรรมทต่ี ถาคตเปนผทู ่ีมิใชมบี คุ คลอ่ืนแนะนาํ ก็ทาํ ใหป ระจกั ษดวยพระปรีชาญาณอันวเิ ศษยง่ิ เอาทเี ดยี ว แลวสอนผอู นื่ ใหรแู จง คอืแสดง กลา ว ประกาศ. บทวา เยหิ ความวา ดวยคุณธรรมเหลาใด. บทวา ยถาภจุ จฺ  แปลวา ตามเปน จรงิ . ขอวา วณฺณ สมมฺ า วทมานา วเทยยฺ ุ ความวา ผูประสงคจะกลาวสรรเสริญตถาคต พึงกลา วไดโดยชอบ อธิบายวา อาจกลาวไดไมบกพรอ ง. ถามวา ก็และธรรมที่พระผมู พี ระภาคเจา ทรงสรรเสรญิ อยางน้ีนน้ัไดแ กอ ะไร ? ตอบวา ไดแ กพ ระสัพพัญตุ ญาณ. ถามวา ถา อยางน้นั ทําไมถึงทรงทานิเทศเปน พหวุ จนะ. ตอบวา เพราะประกอบดว ยจิตมากดวง และมีอารมณม ากมาย. จริงอยู พระสพั พญั ตุ ญาณนั้น ไดใ นมหากริ ิยาจิตท่ีเปนญาณ-สัมปยตุ ๔ ดวง. และธรรมอะไร ๆ ที่ไมช ่อื วา เปน อารมณของพระสัพ-พญั ุตญาณน้ัน หามไิ ด. สมดังคําท่ีพระสารบี ุตรกลาวไวเ ปนตน วา ช่ือวาพระสัพพัญตุ ญาณ เพราะรูธรรมทั้งหมด กลาวคือ ธรรมสว นอดีตอนาคต และปจจุบัน ชอื่ วา อนาวรณญาณ เพราะไมม เี คร่ืองขัดขอ งในพระญาณน้นั . ทรงทํานิเทศเปน พหวุ จนะ เพราะประกอบดวยจติ มากดวง และเพราะมีอารมณม ากมายดว ยอํานาจทเ่ี กิดข้นึ บอย ๆ ดวยประการฉะนั้นแล. สว นคําวา อเฺ ว น้เี ปน คํากําหนดไวใ นพระบาลีน้ี พงึ ประกอบ

พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 235กบั บททุกบทอยา งนว้ี า ธรรมเหลาอ่ืนมใิ ชธ รรมมีเวนจากปาณาตบิ าตเปน ตน ลึกซึง้ จริง ๆ ไมใชต้ืน. กส็ าวกบารมญี าณลึกซึ้ง แตปจ เจกโพธญิ าณยังลกึ ซ้ึงกวา นนั้ฉะน้นั จึงไมมคี ํากาํ หนดไวใ นสาวกบารมญี าณน้ัน และพระสัพพญั ตุ -ญาณยงั ลึกซง้ึ กวา ปจ เจกโพธญิ าณนนั้ ฉะนั้น จึงไมมีคํากาํ หนดไวใ นปจ เจกโพธิญาณนนั้ สวนญาณอื่นทลี่ ึกซ้งึ กวาพระสพั พญั ตุ ญาณนี้ไมม ีฉะนั้น จงึ ไดค ํากําหนดวา ลึกซ้งึ ทเี ดยี ว. พงึ ทราบคําท้งั หมดวา เหน็ไดยาก รตู ามไดยาก เหมอื นอยางนัน้ . ก็คาํ ถามในบทวา กตเม จ เต ภิกฺขเว นี้ เปนคาํ ถามเพือ่ประสงคจ ะแกธ รรมเหลา นน้ั . ในคําเปน ตนวา สนตฺ ิ ภกิ ฺขเว เอเก สมณพฺราหมฺ ณา ดังน้ีเปน คาํ ตอบคาํ ถาม. หากจะมีคาํ ถามวา กเ็ หตุไรจึงทรงเรม่ิ คําคอบคาํ ถามนอ้ี ยางนี้ ? ตอบวา การท่พี ระพทุ ธเจา ทง้ั หลาย ทรงถึงฐานะ ๔ ประการแลวทรงบนั ลือเปนการยง่ิ ใหญ พระปรีชาญาณก็ตดิ ตามทา ความท่ีพระพุทธญาณยงิ่ ใหญย อ มปรากฏ พระธรรมเทศนาลกึ ซึ้ง ตรงึ ตราไวดว ยพระไตรลักษณ ประกอบดวยสุญญตา. ฐานะ ๔ ประการอะไรบา ง ? คอื ทรงบัญญัตพิ ระวินัย ประการ ๑ ทรงกําหนดธรรมอนั เปนภูมิพเิ ศษ ประการ ๑ ทรงจําแนกปจจยาการ ประการ ๑ ทรงรูถึงลัทธอิ น่ืประการ ๑.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 236 เพราะฉะนนั้ ธรรมดาวา การทรงบัญญตั สิ กิ ขาบท ในเมอื่ เรื่องลงกันไดอยางนว้ี า นี้โทษเบา นโ้ี ทษหนัก นี้เปนความผดิ แกไ ขไมไ ด นี้เปนอาบัติ น้ีไมเปน อาบัติ นเี้ ปนอาบัติถึงชนั้ เด็ดขาด นี้เปน อาบตั ถิ งึขัน้ อยูกรรม นเี้ ปนอาบัตขิ นั้ แสดง น้ีเปนโลกวชั ชะ นี้เปนปณ ณตั ตวิ ชั ชะควรบญั ญตั ิขอนี้เขา ในเรื่องน้ี ดังน้ี ในการทรงบัญญตั สิ กิ ขาบทนัน้ ผอู ่ืนไมมีปรชี าสามารถ เรอื่ งน้ีมใิ ชวิสยั ของผูอืน่ เปน วิสัยของพระตถาคตเทา น้นั . ดังนน้ั การท่พี ระพทุ ธเจา ทั้งหลายทรงถึงฐานะ คอื ทรงบัญญัติพระวนิ ัยดังนี้ ทรงบนั ลือจงึ เปนการยงิ่ ใหญ พระปรีชาญาณกต็ ิดตามมาประกอบดวยสุญญตา ดงั นีแ้ ล. อนง่ึ คนเหลาอืน่ ไมมปี รีชาสามารถจะกลา วจําแนกอภธิ รรมปฎ กสมันตปฏ ฐานอนันตนยั ๒๔ ประการวา ช่อื วา สติปฏฐาน ๔ ช่อื วาอรยิ มรรคมีองค ๘ ชอ่ื วา ขนั ธ ๕ ช่อื วา อายตนะ ๑๒ ช่ือวา ธาตุ ๑๘ช่ือวา อริยสจั ๔ ช่อื วา อนิ ทรีย ๒๒ ช่ือวา เหตุ ๙ ชอ่ื วา อาหาร ๔ชือ่ วา ผสั สะ ๗ ช่ือวา เวทนา ๗ ชอ่ื วา สัญญา ๗ ช่อื วา เจตนา ๗ชอื่ วา จิต ๗ ในธรรมเหลานี้ ชื่อวา กามาวจรธรรมเทา นี้ ช่อื วารูปาวจรปรยิ าปนธรรมเทาน้ี ช่ือวา อรูปาวจรอปริยาปนธรรมเทาน้ี ชอื่ วาโลกยิ ธรรมเทาน้ี ช่อื วา โลกตุ ตรธรรมเทานี้ ดังนี้. เร่อื งนี้มใิ ชว สิ ัยของผอู ่ืน เปน วิสัยของพระตถาคตเทานนั้ . ดังน้นั พระพทุ ธเจาทงั้ หลายทรงถึงฐานะ คอื ทรงกาํ หนดธรรมอันเปนภูมพิ เิ ศษ ทรงบนั ลือจงึ เปนการย่ิงใหญ พระปรีชาญาณก็ตดิ ตามมา ประกอบดว ยสุญญตา ดังน้ีแล อนง่ึ อวชิ ชาน้ีใดเปนปจ จยั แกส งั ขารท้งั หลาย โดยอาการ ๙ อยา งคือ อวิชชานนั้ เปนปจ จยั โดยภาวะที่เกิดข้นึ ๑ เปน ปจ จยั โดยภาวะทีเ่ ปน

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 237ไป ๑ เปนปจจยั โดยภาวะทเ่ี ปนนมิ ติ ๑ เปนปจจยั โดยความประมวลมา ๑โดยเปนความประกอบรว ม ๑ โดยเปนความกังวล ๑ โดยเปนสมุทยั ๑โดยเปน เหตุ ๑ โดยเปน ปจ จัย ๑ อนงึ่ สงั ขารเปนตน ก็เปนปจจยั แกวิญญาณเปนตน โดยอาการ๙ อยาง ดงั ทพ่ี ระสารีบตุ รกลาวไวว า ปญ ญาในการกาํ หนดปจ จยัชื่อธัมมฏั ฐิตญิ าณ อยา งไร ? คอื อวชิ ชาเปนทตี่ ง้ั แหงความเกิดของสงั ขาร ๑ เปน ท่ีตั้งแหงความเปนไปของสังขาร ๑ เปน ท่ีต้งั แหงนิมิตของสงั ขาร ๑ เปน ทต่ี ้งั แหง ความประมวลมาของสังขาร ๑ เปนทตี่ ัง้ แหงการประกอบรว มของสังขาร ๑ เปน ทีต่ ัง้ แหงความกังวลของสังขาร ๑เปน ที่ตั้งแหงสมทุ ยั ของสังขาร ๑ เปน ท่ีตัง้ แหงเหตุของสังขาร ๑ เปนท่ีตง้ั แหงปจ จัยของสงั ขาร ๑ อวชิ ชาเปนปจ จยั โดยอาการ ๙ อยางนี้ สงั ขารเปนธรรมที่อาศัยกนั เกดิ ขัน้ ธรรมท้งั ๒ ประการน้ี เปนปจ จยั และเกดิแตป จ จยั ปญ ญาในการกาํ หนดปจจยั ดังกลาวน้ี ช่อื ธัมมฏั ฐิตญิ าณทัง้ อดตี กาล ท้งั อนาคตกาล อวชิ ชาเปนที่ตัง้ แหงความเกดิ ขึ้นของสงั ขาร ๑เปนทต่ี ั้งแหง ปจจยั ของสังขาร ๑ อวชิ ชาเปนปจ จยั โดยอาการ ๙ อยางน้ีสงั ขารเปนธรรมท่อี าศัยกันเกิดขนึ้ ธรรมทัง้ ๒ ประการน้ี เปนปจจัยและเกดิ แตปจจยั ปญ ญาในการกําหนดปจ จยั ดังกลาวนี้ ช่ือธมั มัฏฐติ ญิ าณชาตเิ ปน ทต่ี ั้งแหงความเกิดของชรามรณะ ๑ และเปนทีต่ งั้ แหง ปจ จยั ของชรามรณะ ๑ ชาติเปนปจจยั โดยอาการ ๙ อยา งน้ี ชรามรณะเกดิ แตปจ จัยธรรมท้งั ๒ ประการนี้ เปน ปจ จัยและเกดิ แตปจจัย ปญ ญาในการกาํ หนดปจจยั ดังกลาวนี้ ชอ่ื ธัมมฏั ฐิติญาณ ดงั นี.้ คนเหลาอ่นื ไมมีปรีชาสามารถที่จะกลาวจําแนกปฏจิ จสมุปบาทอนั มีวัฏฏะ ๓ มกี าล ๓ มสี นธิ ๓ มี

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 238สงั เขป ๔ มอี าการ ๒๐ ซ่ึงเปน ไปโดยความเปน ปจจยั โดยประการนั้น ๆแกธ รรมนนั้ ๆ ดังพรรณนามาฉะนไี้ ด น้มี ิใชว สิ ัยของผอู นื่ เปนวิสัยของพระตถาคตเทานั้น. ดงั นนั้ พระพทุ ธเจา ทัง้ หลายทรงถึงฐานะคือปจจยาการ ทรงบนั ลอื จึงเปนการยิง่ ใหญ พระปรีชาญาณก็ตดิ ตามมาประกอบดวยสญุ ญตา ดังน้ีแล. อน่ึง คนพวกท่ชี อื่ วา สสั สตวาทะ มี ๔ คนพวกท่ชี ่ือวา เอกัจจสสั สตวาทะ มี ๔ คนพวกท่ีช่อื วา อนั ตาอันติกะ มี ๔ คนพวกที่ชอ่ื วา อมราวกิ เขปะ มี ๔ คนพวกท่ีชอื่ วา อธิจจสมปุ ปน นกิ ะ มี ๒ คนพวกท่ีชื่อวา สญั ญีวาทะ มี ๑๖ คนพวกทช่ี ่อื วา อสญั ญีวาทะ มี ๘ คนพวกที่ชือ่ วา เนวสัญญนี าสญั ญีวาทะ มี ๘ คนพวกท่ีชือ่ วา อุจเฉทวาทะ มี ๗ คนพวกทีช่ ื่อวา ทิฏฐธมั มนพิ พานวาทะ มี ๕ คนเหลาน้ันอาศัยทิฏฐนิ ี้แลว ยดึ ถอื ทิฏฐิน้ี ฉะนน้ั จงึ รวมเปนทิฏฐิ ๖๒ คนเหลา อืน่ ไมม ปี รชี าสามารถทจ่ี ะกลา วทาํ ลายทิฏฐเิ หลาน้ันสะสางไมใหร กได น้มี ิใชวสิ ยั ของผูอ่นื เปน วิสยั ของพระตถาคตเทาน้นัดังน้นั พระพทุ ธเจา ทั้งหลาย ทรงรูถึงฐานะขอ ท่เี ปนลทั ธิอน่ื ดงั นีแ้ ลวทรงบันลือจงึ เปนการย่งิ ใหญ จัดเขา เปนพระปรีชาญาณยอมติดตามมาความท่ีพระพทุ ธญาณยิ่งใหญก็ปรากฏ เทศนายอ มลึกซึง้ ตรึงตราไวดวยลกั ษณะ ๓ ประกอบดวยสุญญตา ดงั นีแ้ ล.

พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 239 แตในที่นี้ ไดฐานะคือลทั ธิอื่น ฉะนนั้ พระผูมีพระภาคเจา ผูเปนธรรมราชา เมือ่ ทรงติดตามฐานะคือลัทธอิ ่นื เพอื่ ทรงแสดงความที่พระสัพพญั ตุ ญาณยงิ่ ใหญ และเพ่อื ทรงประกอบสุญญตาดว ยพระธรรมเทศนาจึงทรงเร่มิ คาํ ถามและตอบอยา งน้วี า ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย มสี มณพราหมณพวกหนง่ึ ดังนี.้ ในพระบาลนี ้ัน บทวา สนตฺ ิ ความวา มปี รากฏเกดิ ขึน้ . บทวา ภกิ ขฺ เว เปน คาํ อาลปนะ. บทวา เอเก ก็คอื บางพวก. บทวา สมณพรฺ าหฺมณา ความวา ทีช่ ื่อวา สมณะ. เพราะความเขา บวช ที่ช่อื วา พราหมณ โดยกาํ เนิด. อีกอยางหนงึ่ โลกสมมติอยา งน้วี า สมณะบา ง พราหมณบา ง. สมณพราหมณ ช่อื วา ปุพฺพนฺตกปฺปกา เพราะกาํ หนด คือ แยกขันธส วนอดีตแลวยดึ ถือ. อีกอยา งหนึง่ ชอ่ื วา ปุพฺพนฺตกปปฺ กา เพราะการกําหนดขนั ธส วนอดีต มีอยแู กส มณพราหมณเ หลา นั้น. ศัพทว า อนโฺ ต นีใ้ นพระบาลนี นั้ ใชใ นอรรถ คอื ลําไสใ หญภายใน ขอบเขต เลว สดุ สว น. จริงอยู อนฺต ศัพท ใชใ นอรรถวา ลําไสใหญ เชนในประโยคมอี าทิวา อนตฺ ปโู ร อทุ รปูโร เต็มไส เต็มทอ ง. ใชในอรรถวา ภายใน เชนในประโยคมอี าทิวา จรนฺติ โลเก ปริวารฉนนฺ า อนฺโต อสุทฺธา พหิ โสภมานา คนผูไ มสํารวม ภายในไมบรสิ ทุ ธ์ิ

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 240 งามแตภ ายนอก แวดลอมดวยบรวิ าร เที่ยวไปในโลก. ใชในอรรถวา ขอบเขต เชนในประโยคมีอาทวิ า กายพนฺธนสสฺ อนโฺ ต ชิรติ สา หริตนฺต วา ปถนฺต วาขอบประคดเอวเกา ไฟนั้น มาถึงเขตของเขยี วก็ดี เขตทางกด็ .ี ใชใ นอรรถวา เลว เชนในประโยคมีอาทิวา อนตฺ มิท ภิกฺขเว ชีวิกาน ยททิ  ปณโฺ ฑลฺย ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย บรรดาการเล้ียงชีพทงั้ หลาย การเลยี้ งชีพดว ยบิณฑบาตนีเ้ ลว. ใชในอรรถวา สดุ เชนในประโยคมีอาทิวา เอเสวนฺโต ทุกฺขสสฺน้แี หละเปนท่ีสุดแหง ทุกข. จริงอยู ความสนิ้ ไปแหงปจจัยทง้ั ปวง เปน สว นสดุ ทา นเรียกวาที่สดุ แหงทกุ ข. ใชใ นอรรถวา สวนอน่ื เชน ในประโยคมอี าทิวา เอเสวโฺ ต ทกุ ฺขสฺส นีเ่ ปนสวนอืน่ ของทุกข. อนงึ่ สวนอน่ืของทกุ ขทน่ี ับวาเปน ปจจยั ทกุ อยา งเรียกวา สว นสุด. ใชในอรรถวา สวนเชนในประโยคมอี าทิวา สกฺกาโย โข อาวุโส เอโก อนโฺ ต ดกู อนอาวโุ ส สักกายะแล เปนสวนหน่ึง. แมใ นท่ีนี้ อนตฺ ศัพท นน้ี น้ั ก็เปน ไปในอรรถวา สวน. แม กปฺป ศัพท กเ็ ปน ไปในอรรถหลายอยา ง เชน อายกุ ัป

พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 241เลสกปั และวนิ ัยกปั เปนตน อยางนวี้ า ตฏิ  ตุ ภนฺเต ภควา กปฺปขาแตพ ระองคผ ูเ จรญิ ขอพระผมู ีพระภาคเจาจงดาํ รงพระชนมอ ยูต ลอดกปัเถดิ อตถฺ ิ กปโป นิปชฺชิตุ มีเลสเพอ่ื จะนอน กปปฺ กเตน อกปปฺ กตส สิพพฺ ติ  โหติ จวี รท่ียังไมไดทําเครอ่ื งหมายไว เย็บกับจวี รท่ที ําเครอ่ื งหมายไวแลว . ในท่ีน้ีพงึ ทราบวา เปน ไปในอรรถวา ตัณหาและทิฏฐิ.ขอ นี้แมพระสารบี ุตรกไ็ ดกลาวไววา โดยอทุ านวา กปฺโป กปั ปะ มี๒ อยาง คอื ตณั หากปั ปะ ขอกาํ หนดคือตัณหา และทฏิ ฐกิ ัปปะขอ กําหนดคือทิฏฐิ ฉะนนั้ พึงทราบความในคําวา ปพุ พฺ นฺตกปปฺ กา น้ีอยา งน้วี า สมณพราหมณเ หลา ใด กาํ หนดขนั ธส ว นอดตี โดยเปน ตณั หาและทฏิ ฐิ ตั้งอยูแลว เหตุนัน้ สมณพราหมณเหลาน้นั ชอ่ื วา ปพุ พนฺต-กปฺปก า ผูกาํ หนดขนั ธส วนอดีต. ที่ช่ือวา ปุพพฺ นฺตานทุ ิฏโิ น เพราะสมณพราหมณเ หลานนั้ ผูกําหนดขันธส ว นอดตี ตั้งอยอู ยา งนี้ มคี วามเห็นไปตามขนั ธสวนอดีตน่นั เองโดยท่ีเกดิ ขึ้นบอย ๆ. สมณพราหมณเ หลา นน้ั ผมู ที ฏิ ฐอิ ยา งนี้ เมอ่ื มาปรารภอาศยั อา งอิงขนั ธส ว นอดตี นนั้ ทําแมคนอ่นื ใหเ หน็ ไปดว ยกลาวคาํ แสดงทฏิ ฐหิ ลายอยาง ดวยเหตุ ๑๘ ประการ ดังน.้ี บรรดาบทเหลา น้ัน บทวา อเนกวิหิตานิ ไดแ กห ลายอยา ง. บทวา อธิมตุ ติปพานิ ไดแกบทท่ีเปน ช่ือ. อกี อยา งหนึง่ ทฏิ ฐิ เรียกวา อธิมตุ ติ เพราะเปน ไปครอบงําอรรถทเี่ ปนจรงิ ไมถือเอาตามสภาวะทเ่ี ปนจริง. บทแหง อธมิ ตุ ติทง้ั หลายชื่อวา อธิมตุ ตปิ ทานิ ไดแ กค ําท่ีแสดงทิฏฐ.ิ บทวา อฏ ารสหิ วตฺถหู ิ ไดแ กโดยเหตุ ๑๘ ประการ.

พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 242 บัดน้ี พระผูมีพระภาคเจาตรสั คาํ มอี าทิวา สนตฺ ิ ภิกฺขเว เพอ่ืตรสั ถามโดยนัยมีอาทิวา เต จ โภนฺโต แลว จําแนกแสดงวัตถุเหลานนั้เพอ่ื ประสงคจ ะแสดงวัตถุ ๑๘ ทสี่ มณพราหมณเหลาน้นั กลา วยํา้ . ในพระบาลีน้นั ทชี่ ่ือวา วาทะ เพราะเปนเครื่องกลา ว. คําวาวาทะ น้ี เปนชือ่ แหง ทิฏฐ.ิ ท่ีชื่อวา สสั สตวาทะ เพราะมวี าทะวาเทย่ี ง. อธิบายวา เปนพวกมีความเห็นวา เทยี่ ง. แมบ ทอนื่ ๆ นอกจากนี้ ที่มรี ูปอยา งนี้ ก็พงึ ทราบความโดยนยันี้แหละ. คาํ วา สสสฺ ต อตตฺ านฺจ โลกฺจ ความวา ยึดขันธมรี ปู เปน ตนอยางใดอยางหน่งึ วาเปนอัตตาและวาเปน โลก แลว บญั ญัติอตั ตาและโลกนนั้ วา ย่ังยืน ไมตาย เท่ียง ม่ันคง ดังที่ตรสั ไววา บัญญตั ิรปู วาเปนอตั ตาและโลก บญั ญัติอัตตาและโลกวาเท่ยี ง อนึ่ง บัญญัตเิ วทนา สญั ญาสังขาร วิญญาณ วา เปน อตั ตาและโลก บัญญัตอิ ัตตาและโลกวาเท่ยี ง. ในคาํ มีอาทวิ า อาตปฺปมนฺวาย มอี ธิบายวา ความเพยี รชอื่ วาอาตัปปะ. โดยภาวะท่ยี งั กเิ ลสใหเรารอ น ความเพียรน้ันแหละ ชอ่ื วาปธานะ โดยเปน ความต้ังมน่ั ชอื่ วา อนโุ ยคะ โดยที่ประกอบอยบู อ ย ๆความวา เปนไปตาม คอื อาศยั คอื พ่ึงพงิ ความเพียรท้งั ๓ ประเภทดังพรรณนามาฉะน้ี. ความไมอ ยปู ราศแหงสติ เรยี กวา ความไมประมาท บทวา สมฺมามนสกิ าโร มอี ธิบายวา มนสิการโดยอบุ าย คอืมนสิการคร้ังแรก โดยความไดแกปญญา.

พระสุตตันตปฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 243 ก็ ปุพเพนวิ าสานุสสติญาณ สําเรจ็ แกผ ูท่ีต้งั อยใู นมนสกิ ารใดมนสกิ ารนีท้ านประสงคเอาวา มนสกิ าร ในท่ีน้ี. ฉะนั้น ในพระบาลนี ้ีจงึ มคี วามยอดงั น้วี า อาศยั ความเพยี ร สติ และปญ ญา. บทวา ตถารูป ความวา มชี าตอิ ยางน้ัน. บทวา เจโตสมาธึ ความวา ความตงั้ ม่นั แหง จติ . บทวา ผุสติ ความวา ประสบ คอื ไดเ ฉพาะ. ขอ วา ยถา สมาหิเต จิตฺเต ความวา สมาธิซง่ึ เปน เหตตุ ั้งจิตไวชอบ คอื ต้งั ไวดว ยด.ี ความแหง บทวา อเนกวิหติ  ปพุ เฺ พนิวาส เปนตน ขา พเจา กลาวไวแ ลว ในวสิ ทุ ธมิ รรค. คาํ วา โส เอวมาห ความวา เขาเปนผูถ งึ พรอ มดวยอานุภาพแหง ฌานอยา งนี้ มีทฏิ ฐิ จึงกลา วอยางน้ี . บทวา วโฺ ฌ ความวา ไมม ผี ล คอื ไมใ หกาํ เนดิ แกใ คร ๆ ดจุสตั วเ ล้ยี งเปนหมันและตาลเปน หมนั เปนตน ฉะนัน้ ดวยบทวา วฺโฌ นี้เขาจึงปฏเิ สธภาวะที่จะใหก าํ เนิดรปู เปน ตนแหงคุณวิเศษมีฌานเปน ตน ท่ียดึ ถือวา เปนอัตตาและเปนโลก. ทชี่ ื่อวา กฏู ฏโ เพราะตัง้ ม่นั ดจุ ยอดภเู ขา. ขอ วา เอสิกฏาย ิโต ความวา ต้ังม่นั เปน เหมือนเสาระเนยี ดที่ต้ังอยู เหตุนน้ั จงึ ชอื่ วา เอสกิ ฏายิฏ โิ ต. อธบิ ายวา เสาระเนยี ดท่ฝี งแนนยอมตงั้ ม่นั ไมห ว่ันไหว ฉันใด อตั ตาและโลกกต็ ้ังมน่ั เหมือนฉนั น้นั . ดว ยบททัง้ สอง ยอมแสดงวา โลกไมพ ินาศ. แตอ าจารยบางพวกกลา วเปน พระบาลวี า อสี กิ ฏายฏิ  ิโต แลวกลา ววา ตัง้ อยูดุจไสห ญา

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 244ปลอ ง. ในคําของอาจารยบ างพวกนั้น มอี ธิบายดงั นีว้ า คาํ ทกี่ ลา ววายอมเกดิ น้ัน มอี ยู ยอ มออกไปดจุ ไสออกจากหญาปลองตั้งอยู เพราะเหตุทีต่ งั้ อยดู จุ ไสห ญาปลอ งตั้งอยู ฉะนน้ั สตั วเ หลา นน้ั จึงแลน ไป คอืจากภพนไี้ ปในภพอ่ืน. บทวา ส สรนตฺ ิ ความวา ทองเทีย่ วไป ๆ มา ๆ. บทวา จวนตฺ ิ ความวา ถงึ การนับอยา งนี.้ บทวา อปุ ปชชฺ นตฺ ิ ก็เหมอื นกนั . แตใ นอรรถกถาทา นกลาววา ดว ยการท่ีทา นไดก ลา วไวใ นเบือ้ งตนวา โลกและอัตตาเทีย่ ง ดังน้ี มาบัดนีก้ ลับกลาววา สวนสัตวเ หลานัน้ยอมแลน ไป ดงั นีเ้ ปนตน สมณะ หรอื พราหมณผ ูม ที ฏิ ฐินี้ ชื่อวา ยอ มทําลายวาทะของตนดว ยตนเอง ชอื่ วา ความเห็นของผมู ที ิฏฐิ ไมเนอ่ื งกันหวนั่ ไหวเหมือนหลักท่ปี ก ประจําในกองแกลบ และในความเหน็ น้ี ยอมมีท้ังดีทัง้ ไมดี เหมือนชน้ิ ขนมคถู และโคมัยเปน ตน ในกระเชาของคนบา บทวา สสสฺ ติ ในคาํ วา อตฺถิ เตฺวว สสสฺ ติสม น้ี มีความวา ยอ มสาํ คัญ แผนดินใหญ วา เท่ียง เพราะมีอยูเปน นิจ แมภเู ขาสิเนรุพระจนั ทร พระอาทิตย ก็สําคัญอยา งน้ัน ฉะนน้ั เมอ่ื สําคญั อัตตาเสมอดว ยสิง่ เหลา นัน้ จงึ กลา ววา แตส ่ิงทเ่ี ที่ยงเสมอคงมอี ยูแท ดังน้.ี บดั น้ี สมณะหรอื พราหมณผมู ีทฏิ ฐิ เม่อื จะแสดงเหตเุ พอ่ื ใหสําเรจ็ปฏิญญาวา อตั ตาและโลกเท่ยี งดังนเ้ี ปน ตน จงึ กลา วคาํ มีอาทวิ า ขอนั้นเพราะเหตุไร เพราะขา พเจาอาศัยความเพยี ร ดังนี้. ในพระบาลนี นั้ คําวา อิมินามห เอต ชานามิ ความวา สมณะ

พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 245หรอื พราหมณผูมีทิฏฐยิ อ มแสดงวาดว ยการบรรลคุ ุณวิเศษนี้ ขา พเจา จงึ รูดงั น้โี ดยประจักษ มใิ ชขา พเจากลาวโดยเพยี งความเช่ืออยา งเดยี ว ดงั น.้ีก็ ม อกั ษร ในพระบาลวี า อิมินา มห เอต ชานามิ นี้ ทา นกลา วเพื่อทาํ บทสนธิ. คําวา อิท ภิกขฺ เว ปม าน ความวา บรรดาฐานะทั้ง ๔ ท่ีตรัสไวด ว ยศัพทวา ดว ยเหตุ ๔ อยา ง นเี้ ปน ฐานะที่ ๑ อธิบายวา การระลกึ ชาตไิ ดเ พียงแสนชาตดิ งั น้ี เปนเหตทุ ่ี ๑. แมในวาทะทงั่ ๒ ขา งตนกน็ ยั นแ้ี หละ. กว็ าระน้ี ตรัสโดยระลกึ ไดแสนชาติอยางเดยี ว. ๒ วาระนอกนี้ตรัสโดยระลึกได ๑๐ ถงึ ๔๐ สังวัฏฏกัป และววิ ฏั ฏกปั . จริงอยู เดยี รถียผูม ีปญ ญานอย ระลึกได ประมาณแสนชาติ ผมู ีปญญาปานกลาง ระลกึ ได ๑๐ สังวฏั ฏกัป และวิวัฏฏกัป ผมู ีปญ ญาหลักแหลม ระลึกได ๔๐ สังวัฏฏกัป และวิวัฏฏกัป ไมเ กินกวา น้ัน. ในวาระท่ี ๔ มีวนิ จิ ฉยั ดงั ตอไปน้.ี สมณะหรือพราหมณบ างคน ที่ชื่อวา ตกฺกี เพราะชางตรึก อีกนยั หนึ่ง ชื่อวา ตกกฺ ี เพราะวา มคี วามตรกึ คําวา ตกฺกี น้เี ปนชอ่ื ของคนชางตรึกตรองแลว ยึดถือเปน ทิฏฐ.ิ ทชี่ อ่ื วา วิม สี เพราะประกอบดวยปญญาพิจารณา. ชอื่ วา การชั่งใจการชอบใจ การถูกใจดวยปญ ญาพจิ ารณา. เหมือนอยา งวา บุรษุ ใชไมเทาลองหย่งั นํา้ ดูแลวจึงลง ฉันใด ผูท่ีช่งั ใจชอมใจ ถูกใจแลว จึงลงความเห็น นนั้ พึงทราบวา ชอื่ วา วิม สี เหมอื นฉนั นัน้ . บทวา ตกกฺ ปรยิ าหต ความวา กาํ หนดเอาดว ยความตรกึ อธิบายวา

พระสุตตันตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 246ตรกึ ไปตามทางนน้ั ๆ. บทวา วิม สานุจริต ความวา ดําเนินตามปญญาพจิ ารณา มีประการท่ีกลาวแลว นั้น. บทวา สย ปาฏภิ าณ ความวา เกิดแตป ฏิภาณของตนเทานน้ั . บทวา เอวมาห ความวา ยึดสัสสตทิฏฐิ จึงกลา วอยางน้ี. ในพระบาลีนัน้ นกั ตรกึ มี ๔ จําพวก คือ ๑. อนุสฺสติโก นกึ ตามท่ีไดฟง เร่อื งราวมา ๒. ชาติสสฺ โร นกึ โดยระลกึ ชาตไิ ด ๓. ลาภี นึกเอาแตท นี่ กึ ได ๔. สุทฺธตกกฺ โิ ก นกึ เอาลอย ๆ ใน ๔ จําพวกน้ัน ผูใดฟง เรอื่ งราวมาวา ไดมีพระราชาพระนามวาเวสสนั ดร ดงั นี้เปน ตน แลว กน็ กึ เอาวา ดวยเหตนุ ้ันแหละ ถาพระผูม ีพระภาคเจา คอื พระเวสสนั ดร อตั ตาก็เท่ยี ง ดังนี้ ถือเปน ทฏิ ฐิ ผนู ี้ชอ่ื วา นึกตามทไ่ี ดฟง เรอื่ งราวมา. ผทู ีร่ ะลกึ ชาตไิ ด ๒ - ๓ ชาติ แลวนกึ เอาวา เมื่อกอ น เรานีแ่ หละไดมีมาแลวในทช่ี ื่อโนน ฉะนัน้ อตั ตาจงึ เที่ยงดงั น้ี ชือ่ วา นกึ โดยระลกึชาติได. อนง่ึ ผูใดนึกเอาวา อตั ตาของเราในบัดน้ี มีความสุขอยูฉนั ใดแมใ นอดีตก็ไดม คี วามสุขมาแลว แมใ นอนาคตก็จกั มีความสุขเหมือนฉนั นนั้ ถอื เปนทิฏฐิโดยทไี่ ดแกต วั ผูน้ชี ือ่ วา นกึ เอาแตท นี่ ึกได. อนงึ่ ผูท ย่ี ดึ ถอื โดยเพียงแตนกึ เอาเองเทานน้ั วา เมื่อเปน อยา งน้ีกจ็ ะเปน อยางนี้ ดงั นี้ ช่อื วา นกึ เอาลอย ๆ.

พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 247 คาํ วา เอเตส วา อฺตเรน ความวา ดวยเหตุ ๔ อยางเหลาน้ีอยางใดอยางหนึ่ง คอื อยา งเดียวบา ง ๒ อยา งบาง ๓ อยางบาง. คําวา นตถฺ ิ อโิ ต พหทิ ฺธา ความวา พระผูมีพระภาคเจา ทรงบันลือสหี นาททใ่ี คร ๆ จะคัดคานไมไ ดว า ก็เหตอุ ืน่ แมสกั อยางนอกจากเหตุเหลา นี้ ไมม เี พ่ือจะบัญญัตวิ า เทย่ี ง. คาํ วา ตยทิ  ภิกขฺ เว ตถาตโต ปชานาติ ความวา ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย เรือ่ งนี้น้ัน คือ ทิฏฐทิ ง้ั ๔ ประการ ตถาคตยอ มรโู ดยประการตาง ๆ. ลาํ ดับนนั้ เม่ือจะทรงแสดงอาการคือการทรงรูชดั นั้น จึงตรสั พระบาลีมอี าทวิ า ฐานะเปน ที่ต้ังแหงทิฏฐเิ หลานี้ ดงั นี้:- ในพระบาลนี ้ัน ทิฏฐินัน่ แหละ ชื่อวา ฐานะเปนท่ีตง้ั แหง ทิฏฐ.ิอกี อยา งหนึง่ แมเหตุแหงทฏิ ฐิทัง้ หลาย ก็ชอื่ วาฐานะเปนที่ตงั้ แหงทิฏฐิเหมอื นกนั ดังทพ่ี ระสารบี ุตรกลา วไวว า ฐานะเปน ท่ีตัง้ แหงทิฏฐิ ๘ อยางอะไรบาง ? คอื ขันธบา ง อวชิ ชาบา ง ผสั สะบา ง สญั ญาบาง วิตกบางอโยนโิ สมนสกิ ารบาง ปาปมิตรบาง การฟงมาจากคนอนื่ บาง แตละอยา งเปนฐานะเปนทต่ี ง้ั แหง ทฏิ ฐิ เพราะฉะนัน้ ขันธเปน เหตเุ ปนปจ จัย ดวยอรรถวา เปน สมฏุ ฐานเพอ่ื ความเกิดข้นึ แหงทฏิ ฐทิ ง้ั หลาย ขนั ธบา ง เปนฐานะ เปน ทีต่ ้งั แหงทิฏฐิอยา งน.้ี อวชิ ชาเปนเหตุ ฯลฯ ปาปมติ รเปนเหตุ ฯ ล ฯ เสียงเลาลอื จากคนอื่นเปนปจจัย ดวยอรรถวา เปนสมุฏฐานเพ่อื ความเกดิ ข้นึ แหง ทิฏฐทิ งั้ หลาย เสยี งเลาลือจากคนอื่นเปนฐานะเปนท่ีต้ังแหง ทฏิ ฐอิ ยา งน้ี. คาํ วา เอว คหิตา ความวา ฐานะเปนที่ต้งั แหง ทฏิ ฐเิ บื้องตน

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 248กลาวคือ ทฏิ ฐิ ท่ีบุคคลถอื ไว ยดึ ไว คือ เปนไปแลว อยา งนว้ี า อัตตาและโลกเที่ยง. คาํ วา เอวฺ ปรามฏ า ความวา ยึดไวบ อย ๆ เพราะความเปน ผูมีจติ ไมส งสยั ช่อื วา ยดึ ม่ันแลว คอื ใหส ําเร็จวา นี้เทา นนั้ จรงิ อยางอนื่เปลา . สว นฐานะเปนทตี่ ัง้ แหงทิฏฐกิ ลาวคือ เหตุ เม่อื ถอื ไวดวยประการใดยอมยงั ทิฏฐิท้ังหลายใหต ัง้ ขน้ึ อนั บุคคลถอื ไวแ ลว ดว ยประการนั้น โดยเปนอารมณ โดยเปน ความเปน ไป และโดยการสอ งเสพ ยดึ มนั่ ไว ดว ยการถือบอย ๆ เพราะเหน็ วา ไมม ีโทษ. คําวา เอว คติกา ความวา มนี ิรยคติ ติรจั ฉานคติ และเปตวิสัยคติอยา งใดอยา งหน่งึ อยางน้.ี คาํ วา เอว อภสิ มปฺ รายา นเี้ ปนไวพจนข องบทแรกน่ันเอง มีคาํอธิบายวา มโี ลกนแ้ี ละโลกอน่ื อยา งน.้ี คาํ วา ตจฺ ตถาคโต ปชานาติ ความวา ใชว าตถาคตจะรูชดัเฉพาะทิฏฐิพรอมทั้งเหตุ พรอมท้งั คติ แตอยางเดียวกห็ ามไิ ด ท่จี ริงตถาคตยอมรูช ัดทง้ั หมดนนั้ และรูชัดซึง่ ศีล สมาธิ และพระสพั พัญุต-ญาณ ซ่ึงเปนคณุ ธรรมยง่ิ ข้ึนไปกวา น้ัน. คาํ วา ตจฺ ปชาน น ปรามสติ ความวา ก็แมจ ะรูชัดคณุ วิเศษยอดเย่ยี มอยางน้ีนน้ั แตก็ไมย ึดมน่ั ดว ยความยึดมัน่ คอื ตณั หาทิฏฐิมานะวา เรารชู ัด. คําวา อปรามสโต จสฺส ปจจฺ ตฺตฺเจว นิพพฺ ุติ วิทติ า ความวาและเม่อื ไมย ึดม่ันอยางนี้ ตถาคตก็รคู วามดบั สนทิ แหง กิเลส คอื ความยึดม่นั เหลานั้นเองทีเดียว ถอื ดวยตนนนั่ เอง เพราะความไมย ดึ มน่ั เปน ปจ จัย.

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 249ทรงแสดงวา ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย นิพพานของตถาคตปรากฏแลว . บดั น้ี เพอ่ื จะทรงแสดงขอ ปฏบิ ตั ิทพี่ ระตถาคตทรงปฏบิ ตั ิแลว เปนเหตุใหท รงบรรลคุ วามดับสนทิ นนั้ พวกเดยี รถยี ยนิ ดแี ลว ในเวทนาเหลาใด ยอมเขาไปสกู ารยดึ ถอื ทิฏฐิวา เราจกั เปน ผูมีความสขุ ในทีน่ ี้ เราจกั เปนผูม คี วามสุขในธรรมนี้ ดังนี้ เม่ือจะตรัสบอกกรรมฐาน โดยเวทนาเหลา น้นั แหละ จึงตรัสพระบาลมี ีอาทิวา เวทนาน สมุทยฺจ ดังน้ี. ในพระบาลีนนั้ คําวา ยถาภูต วทิ ิตวฺ า ความวา เพราะอวิชชาเกิดเวทนาจึงเกิด ฉะนน้ั บคุ คลยอมเห็นความเกดิ แหง เวทนาขันธดว ยอรรถคือความเกิดแหง ปจจยั เวทนาเกิดเพราะตัณหาเกดิ เพราะกรรมเกดิเพราะผัสสะเกิด แมเมอื่ เหน็ ลกั ษณะแหงความบงั เกิด ช่อื วา ยอ มเหน็ความเกดิ แหง เวทนาขนั ธ รูตามเปน จริง ซ่งึ ความเกิดแหง เวทนา โดยลกั ษณะท้งั ๕ น้ี เพราะอวชิ ชาดับ เวทนาจึงดับ เพราะตณั หาดบั เพราะกรรมดับ เพราะผัสสะดบั เวทนาจึงดบั ฉะนน้ั บุคคลยอมเห็นความส้นิไปแหงเวทนาขันธ ดวยอรรถคอื ความดบั แหง ปจ จยั แมเ มอ่ื เหน็ ลักษณะแปรปรวน ชื่อวา ยอมเหน็ ความเสือ่ มแหงเวทนาขนั ธ รูตามเปน จรงิซงึ่ การถึงความต้งั อยูไ มไดแ หงเวทนาท้ังหลาย โดยลักษณะทั้ง ๕ นี้อาศยั เวทนาใดเกิดสุข โสมนัส น้ีเปนอสั สาทะแหงเวทนา รูตามเปนจรงิซึง่ อสั สาทะแหงเวทนาดังนี้ เวทนาไมเท่ียง เปนทกุ ข มีความแปรปรวนเปนธรรมดาใด น้ีเปนอาทนี พแหงเวทนา รตู ามเปนจรงิ ซ่ึงอาทนี พแหง เวทนาดงั กลา วน้ี การกําจดั ฉนั ทราคะ การละฉันทราคะ ในเวทนาใดน้เี ปนเหตุเครอ่ื งออกไปแหงเวทนา รูตามเปน จรงิ ซึ่งเหตเุ ครอ่ื งออกไปแหง เวทนา ดงั กลา วมาน้ี.

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 250 ดกู อนภิกษุทัง้ หลาย เพราะมฉี ันทราคะไปปราศแลว ตถาคตจึงไมยดึ ถือ จึงหลุดพน เมอ่ื ยังมีอปุ าทานใดอยู บคุ คลก็พึงยดึ ถอื ธรรมอะไร ๆ และขนั ธก็จะพึงมีเพราะยึดถอื ไว ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ตถาคตไมยึดถือธรรมอะไร ๆ เพราะไมมีอปุ าทานน้นั เทียว จงึ หลุดพน แลว ดงั นี.้ คําวา อิเม โข เต ภกิ ฺขเว ความวา ธรรมคอื พระสัพพญั ุตญาณเหลาใด ทต่ี ถาคตไดแ สดงไวแ ลว แกเ ธอทัง้ หลาย อยา งนีว้ า เราไดถ ามแลววา กธ็ รรมเหลานี้น้ัน ท่ลี ึกซงึ้ เปน ไฉน ? ดูกอนภิกษทุ ้ังหลายธรรมเหลา นีน้ ้ันแล และตถาคตยอมรชู ดั ขอ นัน้ และรชู ดั ยิง่ กวาน้ันดว ยดังน้ี ธรรมเหลา น้ัน พึงทราบวาลกึ ซึ้งเห็นไดยาก ฯ ล ฯ รูไ ดเฉพาะบัณฑิต ซ่ึงเปน เหตใุ หปถุ ชุ นและพระอริยบคุ คล มพี ระโสดาบนั เปน ตนผูใ ดผหู นึง่ ไมอ าจจะกลา วสรรเสรญิ ตถาคตตามเปนจริงได ทีจ่ รงิ ตถาคตเทา นนั้ เมือ่ กลา วสรรเสริญตามเปนจรงิ ก็จะพงึ กลา วไดโ ดยชอบฉะน้ันแล. พระผมู พี ระภาคเจา แมเม่ือตรัสอธบิ ายอยางนี้ กต็ รสั ถามเฉพาะสัพพัญุตญาณ แมเมอ่ื จะมอบให กม็ อบเฉพาะพระสพั พัญุตญาณนนั้แตไ ดทรงจําแนกทฏิ ฐิไวในระหวาง ฉะนน้ั แล. วรรณนาภาณวาร ท่ี ๑ จบ. ในพระบาลนี น้ั บทวา เอกจจฺ สสสฺ ตกิ า ความวา มีวาทะวาบางอยางเท่ยี ง. พวกทมี่ ีวาทะวา บางอยางเที่ยง มี ๒ จําพวก คอื พวกทมี่ ีวาทะวาบางอยางของสตั วเที่ยง ๑ พวกท่ีมีวาทะวา บางอยางของสังขารเทีย่ ง ๑ ในทีน่ ท้ี า นถือเอาทัง้ ๒ จําพวกทีเดียว. บทวา ย เปน เพียงนบิ าต. บทวา กทาจิ ความวา ในกาลบางคราว.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook