พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 75ภกิ ษทุ ง้ั หลาย. ลาํ ดบั นนั้ แล พวกภิกษุชัน้ พระเถระไดดําริกันวา เราควรสงั คายนาพระธรรมและพระวินยั กนั ที่ไหน. ลาํ ดบั นัน้ พวกภิกษุชน้ั พระเถระไดดํารกิ ันวา กรงุ ราชคฤห มีอาหารบณิ ฑบาตมาก มเี สนาสนะเพียงพออยากระนนั้ เลย เราพงึ อยูจําพรรษาสังคายนาพระธรรมและพระวินัยในกรงุ ราชคฤหเถิด ภิกษุเหลาอนื่ ไมพึงเขา จาํ พรรษาในกรุงราชคฤห. ก็เพราะเหตไุ ร พระเถระเหลานนั้ จึงมีความดาํ ริดงั นี้ ? เพราะพระเถระเหลา นัน้ มีความดําริตรงกันวา การสังคายนาพระธรรมวินยั นี้เปน ถาวร-กรรมของเรา บคุ คลฝายตรงขา มบางคนจะพงึ เขาไปยังทามกลางสงฆแ ลวรื้อฟน ขึน้ ได. ลาํ ดบั นัน้ ทา นพระมหากสั สปะไดป ระกาศใหส งฆท ราบดวยญัตต-ิทุตยิ กรรมวาจาวา ดกู อนผมู อี ายทุ ง้ั หลาย ขอสงฆจงพึงขาพเจา ถา ความพรอมพร่งั ของสงฆถึงที่แลว สงฆพงึ สมมติภกิ ษุ ๕๐๐ รูปเหลาน้ี เปนผูอยูจาํ พรรษาในกรงุ ราชคฤห เพ่อื สงั คายนาพระธรรมและพระวนิ ัย ภกิ ษุอืน่ ๆ ไมพ งึ จาํ พรรษาในกรุงราชคฤห ดงั น้ี นเ้ี ปน ญัตติ ดูกอนทานผูมีอายทุ ้ังหลาย ขอสงฆจ งพึงขาพเจา สงฆสมมตภิ ิกษุ ๕๐๐ รูปเหลา นีว้ าภกิ ษุ ๕๐๐ รูปเหลาน้เี ปน ผูอยจู ําพรรษาในกรุงราชคฤห เพื่อสังคายนาพระธรรมและพระวินัย ภิกษุอืน่ ๆ ไมพ ึงจําพรรษาในกรงุ ราชคฤห ดังนี้การสมมติภกิ ษุ ๕๐๐ รปู เหลา นี้วา ภกิ ษุ ๕๐๐ รปู เหลานี้ เปนผูอยูจําพรรษาในกรุงราชคฤห เพ่ือสังคายนาพระธรรมและพระวนิ ัย ภกิ ษุอื่น ๆ ไมพงึ อยจู ําพรรษาในกรงุ ราชคฤห ดังนี้ ชอบแกท า นผใู ด ขอทา นผูน้ันพึงนงิ่ อยู ไมช อบแกท านผูใด ขอทานผนู ้นั พึงพดู ภิกษุ ๕๐๐ รูป
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 76เหลา นี้สงฆสมมติแลววา เปนผูอยูจาํ พรรษาในกรงุ ราชคฤห เพื่อสังคายนาพระธรรมและพระวนิ ัย ภกิ ษุอื่น ๆ ไมพ ึงอยูจาํ พรรษาในกรงุ ราชคฤหดงั น้ี การสมมตินสี้ มควรแกสงฆ ฉะนนั้ สงฆจงึ น่งิ อยู ขาพเจา ทรงความไวด ว ยอยางน.้ี กรรมวาจาน้ี พระมหากัสสปะกระทาํ ในวันท่ี ๒๑ หลงั จากพระตถาคตปรนิ ิพพาน. เพราะพระผมู ีพระภาคเจาปรินิพพานเวลาใกลรุงวนั วิสาขปูรณม.ี ครงั้ นัน้ พุทธบรษิ ัทไดบ ชู าพระพุทธสรรี ะซ่งึ มสี เี หมือนทอง ดวยของหอมและดอกไมเปนตนตลอด ๗ วัน . วันสาธุกฬี าไดม ีเปนเวลา ๗ วันเหมอื นกนั . ตอ จากน้นั ไฟที่จิตกาธารยังไมดับตลอด ๗ วนั . พวกมลั ล-กษตั ริยไดท ําลูกกรงหอกแลว บูชาพระบรมสารรี ิกธาตุ ในสนั ถาคารศาลาตลอด ๗ วนั ดงั นัน้ จงึ รวมวันได ๒๑ วนั . พุทธบรษิ ัทซง่ึ มโี ทณพราหมณเปน เจาหนาท่ี ไดจ ัดแบงพระบรมสารรี กิ ธาตทุ ้งั หลาย ในวนั ข้นึ ๕ คา่ํเดือน ๗ น่งั เอง. พระมหากัสสปะเลือกภกิ ษุท้งั หลาย เสรจ็ แลวจงึ สวดกรรมวาจาน้ี โดยนัยทีท่ านแจงความประพฤตอิ นั ไมสมควรทห่ี ลวงตาสุภัททะทําแลว แกภิกษสุ งฆจ าํ นวนมาก ซึ่งมาประชมุ กันในวันแบง พระบรมสารีรกิ ธาตนุ ัน้ . กแ็ ละครน้ั สวดกรรมวาจาน้แี ลว พระเถระจึงเดือนภกิ ษทุ ัง้ หลายใหทราบวา ดกู อ นทานผมู ีอายุท้งั หลาย บดั นขี้ า พเจาใหเวลาแกท า นทั้งหลายเปนเวลา ๔๐ วนั ตอจากนนั้ ไป ทา นจะกลาววา ขาพเจา ยังมีกงั วลเชน นี้อยู ไมไ ด เพราะฉะนั้น ภายใน ๔๐ วนั น้ี ทา นผใู ดมีกังวลเกี่ยวกบั โรคภยั ไขเจ็บกด็ ี มีกังวลเก่ยี วกับอาจารยและพระอุปช ฌายก ็ดี มกี ังวลเก่ียวกับ
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 77มารดาบิดาก็ดี หรือตอ งสมุ บาตรตอ งทาํ จวี รก็ดี ขอทา นผูนั้นจงตดั กงั วลน้นั ทาํ กิจท่ีควรทํานน้ั เสีย. ก็แลกลาวอยา งนีแ้ ลว พระเถระแวดลอ มไปดว ยบรษิ ัทของตนประมาณ ๕๐๐ รปู ไปยงั กรงุ ราชคฤห. แมพ ระเถระผูใ หญองคอน่ื ๆ ก็พาบรวิ ารของตน ๆ ไป ตา งกป็ ระสงคจะปลอบโยนมหาชนผูเปย มไปดว ยเศรา โศก จึงไปยังทศิ ทางนนั้ ๆ. ฝายพระปณุ ณเถระมีภิกษุเปน บริวารประมาณ ๗๐๐ รูป ไดอยูในเมืองกุสนิ ารานั่งเอง ดวยประสงคว า จะปลอบโยนมหาชนที่พากนั มายังทีป่ รนิ ิพพานของพระตถาคต. ฝายทานพระอานนทเ อง ทานกถ็ อื บาตรและจีวรของพระผมู ีพระภาคเจา แมเ สด็จปรินพิ พานแลว เหมือนเม่อื ยังไมเ สด็จปรินพิ พาน เดินทางไปยงั กรงุ สาวัตถีพรอมดวยภิกษุสงฆ ๕๐๐ รปู . แลเมื่อทานพระอานนทน น้ั กาํ ลังเดนิ ทาง ก็มภี ิกษผุ ูเปนบรวิ ารมากขึน้ ๆ จนนับไมได.ในสถานทท่ี ี่พระอานนทเ ดินทางไป ไดมีเสียงรํา่ ไหก นั องึ ม.ี่ เมื่อพระเถระถึงกรงุ สาวตั ถีแลว ผคู นชาวกรุงสาวตั ถไี ดทราบวา พระอานนทม าแลวก็พากนั ถือของหอมและดอกไมเ ปนตนไปตอ นรับ แลว รองไหร ําพนั วาขาแตพ ระอานนทผ เู จริญ เม่อื กอ นทา นมากบั พระผูมพี ระภาคเจา วันนี้ทา นทง้ิ พระผูม ีพระภาคเจาไวเสยี ทไ่ี หน จึงมาแตผเู ดยี ว ดังนี้เปน ตน .ไดม ีการรอ งไหอ ยางมากเหมือนในวนั เสด็จปรนิ พิ พานของพระผูมพี ระภาคเจา ฉะนน้ั . ไดยนิ วา ณ กรงุ สาวตั ถนี ้นั ทา นพระอานนทส ่ังสอนมหาชนใหเขาใจดวยธรรมกี ถาประกอบดว ยความไมเ ทยี่ ง เปน ตน แลวเขา สูพระวหิ ารเชตวนั ไหวพระคันธกฎุ ที ีพ่ ระทศพลประทับ เปดประตนู าํ เตยี งตง่ัออกปด กวาดพระคันธกฎุ ี ทง้ิ ขยะดอกไมแ หง แลว นาํ เตยี งต่ังเขา ไปต่ัง
พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 78ไวใ นท่ีเดมิ อีก ไดทาํ หนาที่ทกุ อยา งซ่งึ เปน วัตรทต่ี องปฏบิ ตั ใิ นเวลาท่ีพระผูมพี ระภาคเจา ดาํ รงพระชนมอยู และเมื่อทําหนาท่ีกไ็ หวพ ระคันธ-กฎุ ี ในเวลาทํากิจมกี วาดหองน้ําและต้งั น้ํา เปน ตน ไดท ําหนาทไ่ี ปพลางราํ พันไปพลาง โดยนยั เปน ตนวา ขาแตพระผูมพี ระภาคเจา เวลาน้ีเปนเวลาสรงนาํ้ ของพระองค มใิ ชหรอื ? เวลานเ้ี ปนเวลาแสดงธรรมเวลาน้เี ปนเวลาประทานโอวาทแกภกิ ษุท้งั หลาย เวลานีเ้ ปน เวลาสาํ เร็จสหี ไสยา เวลานีเ้ ปน เวลาชาํ ระพระพักตร มิใชหรอื ? เหตุทัง้ นีเ้ พราะพระอานนทน ั้นเปน ผมู ีความรกั ต้งั มั่นในพระผูมพี ระภาคเจา เพราะความเปนผูรูอมตรสซึ่งเปน ทร่ี วมพระพทุ ธคุณ และยงั มิไดเ ปน พระอรหันตทง่ั เปน ผูมจี ิตออนโยนที่เกิดดว ยเคยอุปการะกนั และกันมาหลายแสนชาต.ิเทวดาองคหนึง่ ไดทาํ ใหพ ระอานนทนนั้ สลดใจดวยคําพูดวา ขาแตพระอานนทผ เู จริญ ทานมวั มารําพนั อยอู ยา งน้ี จักปลอบโยนคนอื่น ๆไดอ ยา งไร. พระอานนทส ลดใจดว ยคาํ พูดของเทวดานน้ั แขง็ ใจด่มื ยาถา ยเจอื นาํ้ นมในวนั ที่ ๒ เพือ่ ทํากายซงึ่ มีธาตุหนกั ใหเ บา เพราะต้ังแตพระตถาคตเสด็จปรนิ ิพพาน ทา นตองยนื มากและนัง่ มาก จึงนง่ั อยแู ตในพระวหิ ารเชตวนั เทา นน้ั พระอานนทดื่มยาถา ยเจอื นํ้านมชนิดใด ทานหมายเอายาถายเจอื น้าํ นมชนิดนัน้ ไดกลาวกะเดก็ หนุมที่สุภมาณพใชไปวาดูกอนพอ หนมุ วันน้ียงั ไมเ หมาะ เพราะวนั นี้เราดมื่ ยาถาย ตอ พรุงนี้เราจงึ จะเขา ไป ดงั นี.้ ในวนั ท่ี ๒ พระอานนทมีพระเจตกเถระติดตามไปถกูสภุ มาณพถามปญหา ไดกลา วสตู รที่ ๑๐ ชือ่ สภุ สูตร ในคมั ภรี ท ีฆนกิ ายน.้ี พระอานนทเถระขอใหทําการปฏสิ งั ขรณส่ิงท่ชี าํ รดุ ทรดุ โทรมในพระเชตวันมหาวหิ าร เมอื่ ใกลวันเขา พรรษา ทานอําลาภกิ ษสุ งฆไ ป
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 79กรงุ ราชคฤห. แมภ ิกษผุ ูท ําสังคายนาเหลา อนื่ กไ็ ปเหมอื นกนั ความจรงิทา นหมายเอาภกิ ษเุ หลา นนั้ ที่ไปกรงุ ราชคฤหอยางนี้ กลาวคํานไี้ วว า ครัง้นัน้ แล ภิกษุชนั้ พระเถระไดไ ปกรงุ ราชคฤห เพื่อสังคายนาพระธรรมและพระวินยั . พระเถระ.เหลานน้ั ทําอุโบสถในวนั ขน้ึ ๑๕ คํา่ เดือน ๘ประชมุ เขาพรรษาในวันแรม ๑ คํ่า. ปฐมสงั คายนาเรม่ิ วันแรม ๕ ค่าํ เดอื น ๙ กโ็ ดยสมยั น้ันแล มวี ัดใหญ ๑๘ วดั ลอมรอบกรุงราชคฤห. วดัเหลา น้ันมีหยากเยื่อถูกทิง้ เรย่ี ราดไปทง้ั น้ัน เพราะในเวลาเสดจ็ ปรินพิ พานของพระผูมีพระภาคเจา ภกิ ษทุ ัง้ หมดตา งกถ็ อื บาตรจวี รของตน ๆ ท้ิงวดั และบรเิ วณไป. คร้งั น้ัน พระเถระทัง้ หลาย เม่ือจะทําขอ ตกลงเกี่ยวกบัการปฏสิ ังขรณว ดั เหลานน้ั ไดคดิ กันวา พวกเราตอ งทาํ การปฏสิ ังขรณส ง่ิชาํ รุดทรุดโทรมตลอดเดือนตนของพรรษา เพือ่ บชู าคาํ สอนของพระผูมีพระภาคเจา และเพื่อเปลอื้ งคาํ ติเตยี นของเดียรถยี . เพราะพวกเดียรถยี จะพึงกลาวติอยา งน้ีวา สาวกของพระสมณโคดมบํารุงวัดวาอารามแตเมอื่พระศาสดายงั มีพระชนมอยูเ ทานน้ั เมอื่ พระองคป รนิ พิ พานแลว กพ็ ากันทอดทง้ิ เสีย การบริจาคทรพั ยเปนจํานวนมากของตระกูลท้ังหลายยอมเสยีหายไปโดยทาํ นองนี.้ มคี าํ อธิบายวา ท่ีพระเถระท้งั หลายคิดกันกเ็ พอ่ื จะเปลอื้ งคําติเตียนของเดียรถยี เหลา นัน้ . ครัน้ คดิ อยางนีแ้ ลว จึงไดทาํ ขอตกลงกนั ซง่ึ ทานหมายเอาขอ ตกลงนนั้ กลาววา ครัง้ นั้นแล ภิกษุชน้ัพระเถระทงั้ หลายไดป รึกษากันวา ดูกอนทานผูมีอายทุ ้งั หลาย พระผูม ีพระภาคเจา ทรงสรรเสรญิ การปฏสิ งั ขรณเสนาสนะที่ชํารุดทรุดโทรมบัดนี้ เราทงั้ หลายจงทําการปฏิสังขรณส งิ่ ที่ชาํ รดุ ทรุดโทรมตลอดเดือนตน
พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 80พรรษา จักประชุมสังคายนาพระธรรมและพระวนิ ยั ในเดือนกลางพรรษา. ในวันที่ ๒ พระเถระเหลา นั้นไดไปยนื อยทู ี่ประตพู ระราชวงั .พระเจา อชาตศตั รเู สดจ็ มานมสั การแลว มพี ระราดาํ รัสถามถึงกิจท่ีพระองคทาํ วา พระผูเ ปน เจา ทง้ั หลาย มาธรุ ะอะไร เจา ขา ? พระเถระทง้ั หลายถวายพระพรใหทรงทราบถึงงานฝมือ เพือ่ ประโยชนแ กก ารปฏสิ งั ขรณว ดัใหญ ๑๘ วดั . พระเจาอชาตศตั รูไดพระราชทานคนท่ีทํางานฝม อื . พระเถระใหป ฏิสงั ขรณว ัดทง้ั หมดตลอดเดอื นตน ฤดูฝนเสรจ็ แลว ถวายพระพรแดพ ระเจาอชาตศัตรูวา ขอถวายพระพรมหาบพติ ร งานปฏิสงั ขรณวัดเสรจ็ แลว บดั นี้อาตมภาพท้งั หลาย จะทาํ การสงั คายนาพระธรรมและพระวนิ ยั . พระเจาอชาตศัตรูมีพระราชดํารสั วา ดีแลว เจา ขา พระคุณเจา ทง้ั หลายไมต อ งหนักใจ นิมนตทาํ เถิด การฝายอาณาจกั รขอใหเปนหนาทีข่ องโยม สวนการฝา ยธรรนจกั ร ขอใหเ ปน หนา ทขี่ องพระคณุ เจาทงั้ หลาย โยมจะตองทาํ อะไรบาง โปรดสงั่ มาเถดิ เจา ขา. พระเถระทัง้ -หลายถวายพระพรวา ขอถวายพระพรมหาบพิตร ขอพระองคไดโ ปรดใหทาํ ท่นี ง่ั ประชุมสาํ หรับภิกษุทง้ั หลายผทู ําสงั คายนา. จะทาํ ท่ไี หน เจา -ขา ? ขอถวายพระพรมหาบพิตร ควรทาํ ใกลประตถู า้ํ สตั ตบรรณ ขางภูเขาเวภาระ. พระเจา อชาตศตั รูมีพระราชกระแสวา เหมาะดี เจา ขาแลว โปรดใหส รา งมณฑปมเี ครื่องประดับวเิ ศษท่ีนา ชม มที รวดทรงสณั ฐานเชน อาคารอนั วษิ ณกุ รรมเทพบตุ รเนรมิตไว มฝี าเสาและบนั ไดจัดแบง ไวเปน อยางดี มีความงานวิจิตรไปดวยมาลากรรมและลดากรรมนานาชนิดพศิแลวประหนงึ่ วา จะครอบงาํ ความงามแหงพระตาํ หนกั ของพระราชา งามสงาเหมอื นจะเยยหยันความงามของเทพวมิ าน ปานประหน่ึงวา สถานเปน
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 81ที่รวมอยูของโชควาสนา ราวกะวา ทา ท่ีรวนลงของฝูงวหิ ค คือนยั นาแหงเทวดาและมนษุ ยทั้งหลาย เพียงดงั ภาพทงี่ ามตานารื่นรมยในโลก ซงึ่ประนวลไวในท่เี ดียวกนั มีเพดานงามยวนคาเหมอื นจะคายออกซงึ่ พวงดอกไมชนดิ ตา ง ๆ และไขม กุ ทห่ี อ ยอยู ดปู ระหนึง่ ฟน ระดับ ซึง่ ปรบัดว ยทบั ทมิ วจิ ิตรไปดว ยรตั นะตาง ๆ มีแทน ท่ีสําเรจ็ เรียบรอ ยดี ดว ยดอกไมบ ูชานานาชนิด ประดับ ใหวิจิตรละมา ยคลา ยพิมานพรหม โปรดใหปูลาดอาสนะอันเปน กัปปย ะ ๕๐๐ ท่ี มคี า นับมิได ในมหามณฑปนั้นสาํ หรบั ภกิ ษุ ๕๐๐ รูป ใหปลู าดที่นง่ั พระเถระ หนั หนาทางทิศเหนือหนั หลงั ทางทศิ ใต ใหปูลาดทน่ี ั่ง แสดงธรรมอันควรแกการประทับนง่ั ของพระพทุ ธเจาผูม ีบญุ หันหนา ทางทิศตะวนั ออก ในทา มกลางมณฑป วางพดั ทําดว ยงาชางไวบนธรรมาสนนัน้ แลว มรี ับสงั่ ใหแจงแกภ กิ ษสุ งฆว ากจิ ของโยมเสร็จแลว เจาขา . กแ็ ละในวันนน้ั ภกิ ษุบางพวกไดพ ูดพาดพงิ ถงึ ทา นพระอานนทอยางนี้วา ในหมูภกิ ษุนี้ มภี ิกษุรูปหนงึ่ เทีย่ วโชยกลนิ่ คาวอยู. พระอานนทเ ถระไดยนิ คํานัน้ แลว ถงึ ความสังเวชวา ภิกษรุ ปู อนื่ ทีช่ อ่ื วาเที่ยวโชยกลนิ่ คาว ไมมีในหมูภกิ ษุน้ี ภกิ ษเุ หลา นีค้ งพดู หมายถงึ เราเปน แน.ภิกษุบางพวกกลา วกะพระอานนทน้นั วา ดูกอนทา นอานนท การประชมุทําสังคายนาจักมใี นวนั พรงุ น้ี แตทา นยงั เปน พระเสขะ ยงั มกี ิจทจ่ี ะตอ งทําดว ยเหตุน้ันทานไมค วรเขาประชุม ทา นจงเปนผไู มป ระมาทเถิด. พระอานนทบรรลุพระอรหัต ครั้งนั้นแล ทานพระอานนทค ิดวา พรงุ นี้เปน วนั ประชุมทาํ สงั -คายนา การทเี่ รายงั เปน พระเสขะอยู จะเขาประชมุ ดว ยน้นั ไมสมควรแก
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 82เราเลย แลว ใหเวลาลวงไปดวยกายคตาสติกรรมฐาน ตลอดราตรีเปน สว นมากทีเดียว ในเวลาใกลร ุงของราตรกี ล็ งจากท่ีจงกรมเขา วิหาร เอนกายลงหมายจะนอน. เทาทงั้ สองพน จากพื้นแลว แตศ ีรษะยงั ไมทันถึงหมอนในระหวา งนีจ้ ติ พน จากอาสวะทง้ั หลาย ไมถ อื ม่นั ดวยอุปาทาน. พระอานนทเถระนี้ใหเ วลาลว งไปในภายนอก ดวยการจงกรม เมอ่ื ไมอาจใหคณุ วเิ ศษเกดิ ข้นึ ได กค็ ิดวา พระผมู พี ระภาคเจาไดตรัสกะเราไวมใิ ชหรือวา ดกู อ นอานนท เธอไดสรางบุญไวแลว จงหมัน่ บาํ เพ็ญเพยี รเถดิ ไมชา ก็จะเปน พระอรหันตดังน้ี ธรรมดาพระพทุ ธเจาท้งั หลายยอมไมต รสั ผดิพลาด แตเ ราปรารภความเพียรมากเกนิ ไป ฉะนั้น จิตของเราจึงฟงุ ซานทีนเ้ี ราจะประกอบความเพยี รพอดี ๆ คดิ ดงั นีแ้ ลว ลงจากทจี่ งกรม ยืนในทล่ี างเทา ลา งเทา เขาวิหาร นั่งบนเตียงคดิ วา จกั พักผอนสักหนอ ยแลว เอนกายบนเตียง เทาทั้งสองพน จากพื้น ศีรษะยงั ไมท นั ถงึ หมอนในระหวางนี้จติ พน จากอาสวะทั้งหลาย ไมถ อื มน่ั ดว ยอปุ าทาน. ความเปนพระอรหนั ตของพระอานนทเถระ เวน จากอิริยาบถ ๔ ฉะนั้น เม่อื มกี ารกลา วถามกนั ขึน้ วา ในศาสนานี้ ภกิ ษทุ ี่ไมนอน ไมนั่ง ไมยนื ไมเ ดนิจงกรม แตไดบรรลพุ ระอรหตั คือภิกษรุ ูปไหน ควรตอบวา คือ พระอานนทเถระ. คร้งั นั้น ในวนั ท่ี ๒ จากวันที่พระอานนทบรรลพุ ระอรหตั คอืวนั แรม ๕ คา่ํ พวกภกิ ษชุ ัน้ พระเถระฉันเสร็จแลว เกบ็ บาตรและจวี รแลว ประชุมกันในธรรมสภา. สมยั นั้นแล ทานพระอานนทไดเปนพระอรหันตไดไ ปสูทป่ี ระชุม. ทา นไปอยางไร. ทา นพระอานนทม ีความยินดีวา บดั นีเ้ ราเปนผูสมควรเขาทามกลางท่ปี ระชมุ แลว หมจวี รเฉวยี งบา
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 83ขางหนึง่ มีลกั ษณะเหมอื นลูกตาลสุกทหี่ ลน จากขัว้ มีลักษณะเหมอื นทับทมิ ทวี่ างไวบ นผากมั พลสีเหลอื ง มีลักษณะเหมือนดวงจนั ทรเ พญ็ ทล่ี อยเดนในทอ งนภากาศอันปราศจากเมฆ และมีลักษณะเหมือนดอกปทมุ มีเกสรและกลบี แดงเรอื่ กําลังแยมดว ยตองแสงอาทติ ยออน ๆ คลา ยจะบอกเรือ่ งทค่ี นบรรลพุ ระอรหัตดวยปากอันประเสรฐิ บรสิ ทุ ธผิ์ ุดผอ งมรี ศั มแี ละมีสริ ิ ไดไปสทู ่ีประชมุ สงฆ. ครัง้ น้นั ทา นพระมหากัสสปะพอเหน็ พระอานนทดังนั้น ไดมคี วามรสู ึกวา ทา นผเู จริญ พระอานนทบ รรลุพระอรหตั แลว งามจริง ๆ ถาพระศาสดายงั ดํารงพระชนมอยู พระองคก จ็ ะพึงประทานสาธกุ ารแกพระอานนทในวนั นี้แนแ ท บัดน้ีเราจะใหส าธกุ ารซึ่งพระศาสดาควรประทานแกพระอานนทน ัน้ ดังนี้แลว ไดใ หสาธุการ๓ คร้งั . สว นพระมัชฌมิ ภาณกาจารยกลา ววา พระอานนทเถระ ประสงคจะใหส งฆทราบเรือ่ งทีต่ นบรรลพุ ระอรหัต จงึ มไิ ดไ ปพรอมกับภกิ ษทุ ้งั หลายภกิ ษทุ ัง้ หลายเมอื่ นั่งบนอาสนะท่ถี ึงแกตน ๆ ตามลาํ ดบั อาวุโส กน็ ่งั เวนอาสนะของพระอานนทเถระไว. บรรดาภกิ ษเุ หลานั้น ภกิ ษุบางพวกถามวา น่นั อาสนะของใคร ? ไดร ับตอบวา ของพระอานนท. ภกิ ษุเหลา น้ันถามอกี วา พระอานนทไ ปไหนเสยี เลา ? สมัยนั้น พระอานนท-เถระคดิ วา บดั นเ้ี ปนเวลาทีเ่ ราควรจะไป ตอจากนั้น เมอื่ จะแสดงอานภุ าพของตน ทา นจงึ ดาํ ดินแลว แสดงตนบนอาสนะของตนทีเดยี ว.อาจารยอกี พวกหน่ึงกลา ววา พระอานนทไปทางอากาศแลว นั่งบนอาสนะของตน ดงั นี้ก็ม.ี อยา งไรกต็ าม การทท่ี า นพระมหากสั สปะเห็นพระอานนทแ ลว ใหส าธกุ าร เปนการเหมาะสมโดยประการท้งั ปวงทเี ดียว.
พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 84 เม่อื ทานพระอานนทม าอยา งแลว พระมหากัสสปเถระจงึปรึกษาหารือภิกษุทัง้ หลายวา ดกู อนทานผูม ีอายทุ ั้งหลาย เราทัง้ หลายจะสังคายนาอะไรกอน พระธรรมหรือพระวนิ ัย ? ภิกษทุ ้ังหลายกลาววาขาแตพระมหากสั สปะผเู จรญิ พระวนิ ัยเปน อายุของพระพุทธศาสนา เม่ือพระวินัยตัง้ อยู พระศาสนากช็ ื่อวา ยังดํารงอยู เพราะฉะน้ัน เราทง้ั หลายจงสังคายนาพระวนิ ัยกอ น พระมหากสั สปะถามวา เราจะจัดใหใครรับเปนธรุ ะ ? ทีป่ ระชุมตอบวาใหทา นพระอุบาลรี บั เปน ธรุ ะ ? ทานถามแยงวาพระอานนทไมส ามารถหรอื ? ท่ีประชมุ ชแ้ี จงวา ไมใชพ ระอานนทไมส ามารถ กแ็ ตวา เม่อื พระสัมมาสมั พทุ ธเจาครั้งดํารงพระชนมอยู ไดสถาปนาทา นพระอบุ าลไี วใ นเอตทัคคะ เพราะอาศยั การเลา เรียนวินยั วาดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย อบุ าลีเปนยอดแหง ภิกษุสาวกของเราผูทรงวินัย ดงั น้ีเพราะฉะนนั้ เราทัง้ หลายจงึ ตอ งถามพระอุบาลเี ถระ สังคายนาพระวนิ ัย.ลาํ ดับนั้น พระมหากัสสปเถระไดส มมติตนเองเพอ่ื ถามพระวนิ ัย แมพระอุบาลีเถระ ก็สมมติตนเองเพอื่ ตอบพระวนิ ยั ในการสมมตนิ ั้นมีบาลีดังตอไปนี้ ครง้ั นัน้ แล ทานพระมหากสั สปะไดเผดยี งวา ดกู อ นทานผูมอี ายุทั้งหลาย ขอสงฆจ งพงึ ขาพเจา ถา ความพรอ มพรง่ั ของสงฆถงึ ท่แี ลวขา พเจา จะขอถามวินยั กะพระอุบาล.ี แมท านพระอบุ าลกี ไ็ ดเผดยี งวาขา แตทา นผเู จริญทงั้ หลาย ขอสงฆจงพึงขาพเจา ถาความพรอ มพรง่ั ของสงฆถึงทแี่ ลว ขาพเจา อันทานพระมหากสั สปะถามวินัยแลว จะตอบครัน้ ทา นพระอบุ าลสี มมติตนอยางนี้แลวลุกจากอาสนะ หม จีวรเฉวียงบาขา งหน่งึ นมัสการภกิ ษุช้ันพระเถระแลว นัง่ บนธรรมาสนจับพดั งา. ลาํ ดับนน้ั
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 85พระมหากสั สปเถระนัง่ บนเถรอาสน ถามวินยั กะทา นพระอุบาลีวาดูกอ นอาวุโสอุบาลี ปฐมปาราชิก พระผูม พี ระภาคเจาทรงบัญญัติทีไ่ หน ? พระอุบาลีตอบวา ทรงบญั ญตั ทิ เ่ี มอื งเวลาลี เจา ขา.พระมหากัสสปะถามวา ทรงปรารภใคร ? พระอบุ าลีตอบวา ทรงปรารภพระสทุ ิน บุตรกลันทเศรษฐี. พระมหากสั สปะถามวา เรื่องอะไร ? พระอุบาลีตอบวา เรือ่ งเสพเมถนุ ธรรม. ครั้งน้ันแล ทา นพระมหากัสสปะถามทา นพระอุบาลที ง้ั วตั ถุ ถามท้งั นิทาน ถามทงั้ บคุ คลถามทัง้ มูลบญั ญัติ ถามทง้ั อนุบญั ญตั ิ ถามท้ังอาบตั ิ ถามท้ังอาบตั แิ หงปฐมปาราชกิ . ทานพระอบุ าลี อนั พระมหากัสสปะถามแลว ๆ ก็ไดต อบแลว. ถามวา ก็ในบาลีปฐมปาราชกิ ในวนิ ยั ปฎ กน้ี บทอะไร ๆ ทค่ี วรตัดออกหรือทค่ี วรเพม่ิ เขามา จะมบี า งหรอื ไมม เี ลย. ตอบวา บททค่ี วรตดั ออก ไมม ีเลย เพราะถือกนั วาบทท่ีควรตัดออกในภาษติ ของพระพทุ ธเจา ผูม บี ญุ จะมีไมไดเลย ดว ยวา พระตถาคตทง้ั หลายยอ มไมตรัสอกั ษรที่ไมมปี ระโยชนแ มแตตวั เดยี ว แตบ ทท่ีควรตัดออกในภาษติ ของพระสาวกท้ังหลายก็ดี ของเทวดาทัง้ หลายกด็ ี ยอมมบี าง พระธรรมสงั คาหกเถระทัง้ หลายไดต ัดบทนนั้ ออกแลว. สวนบทท่ีควรเพ่ิมเขา มา ยอ มมีไดแมใ นพุทธภาษิต สาวกภาษติ และเทวดาภาษติ ทัว่ ไป เพราะฉะน้นั บทใดควรเพิ่มเขา ในเทศนาใด พระธรรมสังคาหกเถระท้ังหลายกไ็ ดเ พิม่ บทนัน้เขามาแลว . ถามวา บทท่เี พ่ิมเขา มาน้ันไดแ กบ ทอะไรบา ง ? ตอบวาบททีเ่ พิ่มเขา มานน้ั ไดแ กบทที่เปนแตเพียงคาํ เชือ่ มความทอ นตนกับทอ นหลัง มีอาทิอยา งนวี้ า เตน สมเยน บาง เตน โข ปน สมเยน บาง
พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 86อถโข บา ง เอว วุตเฺ ต บาง เอตทโวจ บาง อนงึ่ พระธรรม-สงั คาหกเถระทัง้ หลาย ไดเพิ่มบททคี่ วรเพิ่มเขา มาอยางน้ีแลว ต้ังไวว าอิท ปมปาราชิก (สิกขาบทนีช้ อื่ ปฐมปาราชกิ ) เมอ่ื ปฐมปาราชกิข้นึ สูสังคายนาแลว พระอรหนั ต ๕๐๐ องค ก็ไดท ําคณสาธยาย (สวดเปนหมู ) โดยนัยทยี่ กขึ้นสสู งั คายนาวา เตน สมเยน พทุ ฺโธ ภควาเวรฺชาย วิหรติ เปนตน . ในเวลาที่พระอรหนั ต ๕๐๐ องคเ หลา น้ันเริ่มสวด แผนดนิ ใหญไ ดเปนเหมอื นใหสาธุการไหวจนถงึ นาํ้ รองแผน ดิน. พระธรรมสังคาหกเถระทัง้ หลาย ยกปาราชกิ ทเ่ี หลอื อยู ๓ สกิ ขาบทขึ้นสสู งั คายนาโดยนยั นเ้ี หมอื นกัน แลวตัง้ ไววา อิท ปาราชิกกณฑฺ กัณฑนีช้ ื่อปาราชิกกณั ฑ ตั้งสงั ฆาทเิ สส ๑๓ ไววา เตรสกณฺฑ ตงั้ สิกขาบท ๒ ไววา อนยิ ต ตั้งสกิ ขาบท ๓๐ ไวว า นิสสัคคียปาจติ ตยี ต้ังสกิ ขาบท ๙๒ ไววา ปาจติ ตีย ต้งั สกิ ขาบท ๔ ไวว า ปาฏเิ ทสนียะต้ังสกิ ขาบท ๗๕ ไวว า เสขิยะ ตั้งธรรม ๗ ประการไววา อธกิ รณสมถะระบสุ กิ ขาบท ๒๒๗ วา คมั ภีรม หาวภิ ังค ตั้งไวด ว ยประการฉะน.้ี แมในเวลาเสรจ็ การสังคายนาคมั ภรี มหาวิภังค แผนดนิ ใหญก ็ไดไหวโดยนัยกอนเหมือนกนั . ตอ จากนัน้ พระธรรมสังคาหกเถระทง้ั หลาย ไดต ้ังสกิ ขาบท ๘ในภิกขนุ วี ภิ ังคไ ววา กัณฑน้ีชื่อปาราชกิ ภัณฑ ตั้งสงั ฆาทเิ สส ๑๗สิกขาบทไววา น้สี ตั ตรสกณั ฑ ตง้ั นสิ สคั คียปาจติ ตีย ๓๐ สิกขาบทนี้ไวว า น้นี ิสสัคคยี ปาจิตตยี ตง้ั ปาจติ ตีย ๑๖๖ สกิ ขาบทไววา นป้ี าจิตตียต้ังปาฏเิ ทสนียะ ๘ สกิ ขาบทไววา นปี้ าฏิเทสนยี ะ ต้ังเสขยิ ะ ๗๕ สิกขาบทไววา นีเ้ สขิยะ ตั้งธรรม ๗ ประการไวว า น้อี ธกิ รณสมถะ ระบุ
พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 87สกิ ขาบท ๓๐๔ วา ภกิ ขุนวี ภิ ังค อยา งนีแ้ ลว ตั้งไววา วภิ ังคน ้ชี อ่ือภุ โตวิภงั ค มี ๖๔ ภาณวาร. แมใ นเวลาเสร็จการสงั คายนาคัมภีรอุภโตวภิ ังค แผนดนิ ใหญก ็ไดไหวโดยนัยทก่ี ลาวแลวเหมือนกนั . โดยอุบายวิธีน้แี หละ พระธรรมสังคาหกเถระท้ังหลาย ยกคมั ภีรขนั ธกะ (มหาวรรคและจลุ วรรค ) ซึง่ มีประมาณ ๘๐ ภาณวาร และคัมภีรบ ริวารซึง่ มปี ระมาณ ๒๕ ภาณวาร ข้นึ สสู ังคายนาแลว ต้ังไววาปฎกน้ชี อ่ื วนิ ัยปฎ ก. แมใ นเวลาเสร็จการสงั คายนาวินัยปฎก แผนดนิ ไดไหวตามนยั ทีก่ ลา วแลวนั่นแล. พระธรรมสงั คาหกเถระท้งั หลายไดม อบทานพระอุบาลใี หไ ปสอนลกู ศิษยข องทา น ในเวลาเสร็จการสงั คายนาวินยั ปฎ ก พระอุบาลีเถระ วางพัดงาลงจากธรรมาสน นมัสการภกิ ษุช้นั เถระทงั้ หลายแลวนงั่ บนอาสนะที่ถงึ แกตน. ครน้ั สงั คายนาพระวินัยเสร็จแลว ทา นพระมหากัสสปะประสงคจะสงั คายนาพระธรรมตอ ไป จึงถามภกิ ษทุ ้ังหลายวา เราทงั้ หลายผูจะสงั คายนาพระธรรม (สุตตนั ตปฎกและอภิธรรมปฎ ก) จะจัดใหใครรับเปนธุระสังคายนาพระธรรม ภิกษทุ ้ังหลายกลา ววา ใหท า นพระอานนท-เถระรับเปน ธุระ คร้ังนัน้ แล ทา นพระมหากัสสปะไดเ ผดียงวา ดูกอนทา นผูม อี ายุท้งั หลาย ขอสงฆจงพงึ ขาพเจา ถา ความพรอ มพรงั่ ของสงฆถึงท่ีแลว ขา พเจา จะขอถามพระธรรมกะพระอานนท. คร้ังนั้นแล ทานพระอานนทไดเผดียงวา ขา แตท า นผูเ จริญท้ังหลาย ขอสงฆจ งฟง ขาพเจาถาความพรอ มพรัง่ ของสงฆถ งึ ที่แลว ขา พเจาอันทา นพระมหากสั สปะถามพระธรรมแลว จะตอบ. ครั้งน้ันแล ทานพระอานนทล ุกจากอาสนะหมจีวรเฉวยี งบาขา งหน่ึง นมสั การภิกษุชนั้ พระเถระทงั้ หลายแลวนง่ั บน
พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 88ธรรมาสนจ บั พดั งา. คร้ังนน้ั แล ทา นพระมหากัสสปะถามภกิ ษุท้ังหลายวาดกู อ นอาวโุ สท้ังหลาย เราทั้งหลายจะสงั คายนาปฎ กไหนกอ น ? ภิกษุทง้ั หลายกลาววา สงั คายนาสตุ ตันปฎกกอ น พระมหากัลสปะถามวาในสุตตันตปฎ กมสี งั คีติ ๔ ประการ (คอื ทฆี สังคีติ การสงั คายนาทีฆนิกายมัชฌิมสงั คตี ิ การสงั คายนามัชฌิมนิกาย สังยุตตสังคตี ิ การสังคายนา-สังยุตตนิกาย องั คุตตรสังคีติ การสงั คายนาองั คุตตรนกิ าย สว นขทุ ทก-นิกาย มีวินยั ปฎ กรวมอยูดว ย จึงไมนบั ในทีน่ ้ี ) ในสังคีตเิ หลา นั้น เราทั้งหลายจะสงั คายนาสังคตี ไิ หนกอ น ? ภกิ ษุท้ังหลายกลา ววา สงั คายนาทฆี สงั คีติกอ น. พระมหากัสสปะถามวา ในทฆี สงั คตี ิ มีสูตร ๓๔ สตู รมวี รรค ๓ วรรค ในวรรคเหลานนั้ เราท้ังหลายจะสงั คายนาวรรคไหนกอน ? ภกิ ษุทงั้ หลายกลาววา สังคายนาสลี ขันธวรรคกอ น. พระมหา-กัสสปะถามวา ในสีลขันธวรรค มสี ตู ร ๑๓ สูตร ในสตู รเหลานนั้ เราท้ังหลายจะสงั คายนาสูตรไหนกอน ? ภิกษทุ ง้ั หลายกลา ววา ขาแตทานผูเจริญข้ึนชือ่ วา พรหมชาลสตู รประดับดว ยศลี ๓ ประเภท เปนสูตรกาํ จัดโทษมกี ารหลอกลวง และการพูดประจบประแจงซึ่งเปน มิจฉาชพี หลายอยางเปน ตน เปน สูตรปลดเปลอื้ งขา ยคือ ทิฏฐิ ๖๒ ทําหม่นื โลกธาตใุ หไ หวเราทงั้ หลายจงสังคายนาพรหมชาลสูตรนนั้ กอน. คร้ังน้ันแล ทานพระมหากัสสปะไดกลาวถามคํานก้ี ะทา นพระอานนทว า ดกู อนอาวุโสอานนท พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสพรหมชาลสูตรที่ไหน ? พระอานนทต อบวา ตรสั ณ พระตําหนกั ในพระราชอุทยานอมั พลัฏฐกิ า ระหวางกรงุ ราชคฤหแ ละเมอื งนาลนั ทา. พระมหากัสสปะถามวา ทรงปรารภใคร ? พระอานนทตอบวา ทรงปรารภสปุ ปยปริ-
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 89พาชกกบั พรหมทตั มาณพ. พระมหากสั สปะถามวา เรอื่ งอะไร ?พระอานนทตอบวา เรอ่ื งชมและต.ิ ครง้ั นนั้ แล ทา นพระมหากสั สปะถามท้ังนทิ าน ถามทงั้ บคุ คล แหงพรหมชาลสตู รกะทานพระอานนททานพระอานนทก็ไดตอบแลว . เมอ่ื ตอบเสรจ็ แลว พระอรหนั ต ๕๐๐องคไ คทาํ คณสาธยาย. และแผน ดนิ ไดไ หวตามนัยทกี่ ลา วแลวนัน่ แล. ครน้ั สังคายนาพรหมชาลสตู รอยา งน้แี ลว ตอ จากนั้น พระธรรมสังคาหกเถระท้งั หลายไดส งั คายนาสตู ร ๑๓ สตู ร ทั้งหมดรวมทั้งพรหม-ชาลสตู ร ตามลําดบั แหง ปจุ ฉาและวิสัชนา โดยนยั เปน ตน วา ดกู อนอาวโุ สอานนท วรรคนี้ช่อื สีลขันธวรรค. พระธรรมสงั คาหกเถระทัง้ หลาย สงั คายนาบาลปี ระมาณ ๖๔ ภาณวาร ประดับดวยสูตร ๖๔ สูตรจัดเปน ๓ วรรค อยา งนี้ คือ มหาวรรคตอจากสีลขันธวรรคนน้ั ปาฏกิ -วรรคตอ จากมหาวรรคนั้น แลว กลา ววา นิกายน้ชี ่ือทีฆนิกาย แลวมอบทา นพระอานนท ใหไ ปสอนลูกศษิ ยข องทาน. ตอ จากการสังคายนาคมั ภรี ทีฆนกิ ายนนั้ พระธรรมสงั คาหกเถระทัง้ หลายไดสังคายนามัชฌิมนิกายประมาณ ๘๐ ภาณวาร แลว มอบกะนสิ ติ ของพระธรรมเสนาบดีสารบี ตุ ร-เถระวา ทา นทงั้ หลาย จงบรหิ ารคมั ภรี ม ัชฌมิ นกิ ายนี้ . ตอ จากการสงั คายนาคมั ภีรมชั ฌมิ นิกายนนั้ พระธรรมสังคาหกเถระท้งั หลายไดสงั คายนาสังยตุ ตนกิ ายประมาณ ๑๐๐ ภาณวาร แลว มอบกะพระมหา-กสั สปเถระ ใหไ ปสอนลกู ศษิ ยข องทาน ตอจากการสงั คายนาคัมภรี สงั ยตุ ตนิกายนน้ั พระธรรมสงั คาหกเถระทัง้ หลายไดส ังคายนาอังคตุ ตร-นกิ ายประมาณ ๑๒๐ ภาณวาร แลวมอบกะพระอนรุ ทุ ธเถระ ใหไปสอนลูกศษิ ยของทานวา
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 90 คมั ภรี ธรรมสังคณี คัมภีรวภิ ังค คมั ภรี กถาวตั ถุ คมั ภีรปุคคลบญั ญัติ คัมภีร ธาตุกถา คัมภีรยมก คัมภีรป ฏฐาน ทาน เรยี กวา พระอภธิ รรม. ตอจากการสงั คายนาคมั ภีรอ ังคุตตรนิกายนนั้ พระธรรมสังคาหก-เถระทัง้ หลาย ไดส งั คายนาบาลพี ระอภธิ รรม ซึ่งเปน อารมณของญาณอันสขุ ุม อันบณั ฑิตทั้งหลายสรรเสริญแลวอยางนี้ แลวกลาววา ปฎกน้ีชอื่ อภธิ รรมปฎ ก พระอรหันต ๕๐๐ องคไ ดท าํ คณสาธยาย แผนดนิ ไดไหวตามนัยท่กี ลาวแลวน้ันแล. ตอจากการยังคายนาอภธิ รรมปฎกนน้ัพระธรรมสังคาหกเถระท้ังหลายไดสงั คายนาพระบาลี คือ ชาดก นทิ เทสปฏิสัมภิทามรรค อปทาน สุตตนิบาต ขทุ ทกปาฐะ ธรรมบท อุทานอิติวตุ ตกะ วมิ านวัตถุ เปตวัตถุ เถรคาถา เถรคี าถา พระทฆี ภาณ-กาจารยกลา ววา ประชุมคมั ภรี น ้ชี อื่ วา ขทุ ทกคนั ถะ และกลา ววาพระธรรมสังคาหกเถระ ยกสงั คายนาในอภิธรรมปฎกเหมอื นกนั . สวนพระมัชฌมิ ภาณกาจารยก ลาววา ขทุ ทกคนั ถะทั้งหมดน้กี ับจรยิ าปฎกและพทุ ธวงศ นบั เนือ่ งในสตุ ตนั ตปฎก. พระพุทธพจนแ มทัง้ หมดนี้ พงึ ทราบวามี ๑ คอื รส มี ๒ คือธรรมและวินัย มี ๓ คือ ปฐมพจน มชั ฌมิ พจน และปจ ฉมิ พจน มี ๓ดวยอาํ นาจแหงปฎ ก มี ๕ ดว ยอาํ นาจแหงนิกาย มี ๙ ดว ยอาํ นาจแหง องคมี ๘๔,๐๐๐ ดว ยอาํ นาจธรรมขันธ ดว ยประการฉะน้ี. พระพุทธพจน มี ๑ คือ รส นับอยา งไร ? จริงอยู คําใดที่พระผูมีพระภาคเจาไดตรัสรพู ระสมั มาสมั โพธญิ าณ อนั ยอดเยี่ยมแลว
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 91ทรงสงั่ สอนเทวดา มนุษย นาค และยกั ษเ ปน ตน กด็ ี ทรงพิจารณาอยูก็ดี ตลอดเวลา ๔๕ ป ในระหวางน้จี นตราบเทา เสด็จปรนิ ิพพานดวยอนปุ าทเิ สสนิพพานธาตุ ตรัสไว คาํ ท้ังหมดนัน้ มีรสเดยี ว คือวิมตุ ติรสนัน่ แล พระพทุ ธพจน มี ๑ คือ รส นับอยางน.ี้ พระพุทธพจน มี ๒ คือธรรมและวินัย นับอยา งไร ? จริงอยูพระพุทธพจนท ั้งหมดนี้ ยอ มนบั วาธรรมและวนิ ยั ในธรรมและวินยั นัน้วนิ ยั ปฎก ชื่อวาวินัย พระพุทธพจนท่เี หลอื ช่ือวา ธรรม. เพราะ-เหตนุ ้นั แล พระมหากสั สปะจึงกลาววา อยา กระนนั้ เลย เราทั้งหลายพงึ สงั คายนาพระธรรมและพระวนิ ยั และกลาววา ขา พเจาจะถามวินยั กะพระอุบาลี จะถามธรรมกะพระอานนท พระพุทธพจนม ี ๒ คือธรรมและวนิ ัย นบั อยางน้ี. พระพทุ ธพจนมี ๓ คอื ปฐมพจน มชั ฌมิ พจน และปจ ฉิมพจนนับอยางไร ? จรงิ อยู พระพุทธพจนท้ังหมดนม้ี ี ๓ ประเภท คือปฐมพทุ ธพจน มัชฌิมพุทธพจน ปจ ฉิมพทุ ธพจน. ใน ๓ ประเภทน้ีปฐมพทุ ธพจนไ ดแกพุทธพจนน ี้ คือ อเนกชาตสิ สาร สนธฺ าวิสฺส อนพิ ฺพสิ คหการ คเวสนโฺ ต ทกุ ฺขา ชาติ ปุนปปฺ ุน คหการก ทิฏโ สิ ปุน เคห น กาหสิ สพฺพา เต ผาสุกา ภคคฺ า คหกูฏ วสิ งขฺ ต วิสงฺขารคต จิตฺต ตณฺหาน ขยมชฺฌคา เราแสวงหาชา งผทู ําเรือนคอื อตั ภาพ เมอ่ื ไมพบ ไดทอ งเทย่ี วไปแลว สนิ้ สงสารนับดวยชาตมิ ิใชน อย ความเกดิ บอย ๆ เปน ทุกข
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 92ดกู อ นชา งผทู ําเรือนคืออตั ภาพ เราพบทา นแลว ทานจักทําเรือนคอือัตภาพของเราอกี ไมได โครงบา นของทานทั้งหมด เราทําลายแลวยอดแหง เรือนคอื อวิชชา เราร้อื แลว จิตของเราถึงพระนพิ พานแลวเราไดบ รรลุธรรมเปน ทสี่ ้นิ ไปแหงตัณหาท้ังหลายแลว . อาจารยบ างพวกกลาวอุทานคาถาในคมั ภีรข นั ธกะ มีคาํ วา ยทา หเวปาตภุ วนตฺ ิ ธมฺมา ในกาลใดแล ธรรมทั้งหลายยอมปรากฏ ดงั นี้ เปนตนวาเปน ปฐมพุทธพจน กอ็ ุทานคาถาน้ี พงึ ทราบวา เปนอุทานคาถาท่ีบงั เกิดแกพระผูม พี ระภาคเจา บรรลพุ ระสัพพญั ุตญาณแลว ทรงพจิ ารณาซง่ึปจจยาการ ดวยพระญาณท่สี าํ เรจ็ ดวยโสมนัสเวทนาในวันแรม ๑ ค่ําเดอื น ๖ก็คาํ ท่ีพระผมู พี ระภาคเจาตรัสในเวลาใกลเ สดจ็ ปรินิพพานวา ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย บัดน้เี ราขอเตือนเธอทงั้ หลาย สังขารท้ังหลายมคี วามเสอ่ื มไปเปน ธรรมดา เธอท้งั หลายจงยังสัมมาปฏบิ ตั ิใหถงึ พรอ มดว ยความไมประมาท ดงั นี้ เปน ปจ ฉิมพทุ ธพจน. คําทีพ่ ระผมู ีพระภาคเจา ตรัสระหวา งปฐมพจนแ ละปจฉมิ พจน ช่อื มชั ฌิมพจน. พุทธพจน ๓ ประเภทคือ ปฐมพุทธพจน มชั ฌิมพุทธพจน และปจ ฉมิ พทุ ธพจน นบั อยา งน้ี พุทธพจนม ี ๓ ดว ยอํานาจแหงปฎก นบั อยา งไร ? จรงิ อยู พระพุทธพจนท ั้งหมดนมี้ ี ๓ ประเภท คือ วนิ ัยปฎก สุตตันตปฎ ก อภธิ รรม-ปฎก. ใน ๓ ปฎ กนนั้ พระพุทธพจนน้ี คือ ปาตโิ มกขท ง้ั ๒ วิภงั คขนั ธกะ ๘๒ ปรวิ าร ๑๖ ชอ่ื วนิ ยั ปฎก เพราะรวมพระพุทธพจนท้งั หมดที่สงั คายนาในครัง้ ปฐมสังคายนา และท่ีสงั คายนาตอ มา. พระพุทธพจนท่ชี ื่อวา สตุ ตันตปฎ ก ไดแ กพ ระพทุ ธพจนต อ ไปนคี้ ือ ทีฆนิกาย มีจาํ นวน ๓๔ สูตร มพี รหมชาลสูตรเปนตน มชั ฌิมนิกาย มจี าํ นวน ๑๕๒
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 93สตู ร มีมูลปริยายสูตรเปนตน สงั ยตุ ตนกิ าย มจี าํ นวน ๗,๗๖๒ สูตรมโี อฆตรณสตู รเปนตน อังคตุ ตรนิกาย มจี ํานวน ๙,๕๕๐ สูตร มจี ิตต-ปรยิ าทานสูตรเปนตน ขทุ ทกนิกายมี ๑๕ ประเภท คอื ขุททกปาฐะธรรมบท อทุ าน อติ วิ ุตตก สตุ ตนิบาต วมิ านวตั ถุ เปตวตั ถุเถรคาถา เถรคี าถา ชาดก นทิ เทส ปฏิสมั ภิทา อปทาน พุทธวงศและจริยาปฎก. พระพุทธพจนทช่ี อ่ื วาอภธิ รรมปฎก ไดแ กพระพุทธพจนตอไปนี้ คอื ธรรมสังคณี วภิ งั ค ธาตุกถา บคุ คลบัญญัติ กถาวัตถุยมก ปฏฐาน. ใน ๓ ปฎ กนี้ ( อรรถาธิบายคําวาวนิ ัย ) วนิ ยั ศพั ทน ี้ บัณฑติ ผูรูอ รรถแหง วนิ ัยศัพท แปลความหมายวา วินยั เพราะมีนัยตางๆ เพราะมีนยั พิเศษ และเพราะควบคมุ กาย และวาจา. กใ็ นวินัยปฎกน้ี มีนัยตางๆ คือ มปี าตโิ มกขุทเทส ๕ อาบตั ิ ๗ กองมปี าราชิกเปน ตน มาติกาและวิภังคเ ปน ตนเปน ประเภท สวนนยั อนุบญั ญัติเปน นยั พิเศษ มีผลทําใหพ ระพทุ ธบญั ญัติเดมิ ตงึ ขน้ึ และหยอ นลง และวนิ ัยน้ี ยอมควบคุมกายและวาจา เพราะหามการประพฤตลิ วงทางกายและทางวาจา เพราะฉะน้นั ทา นจงึ แปลความหมายวา วนิ ัย เพราะมีนัยตา ง ๆ เพราะมีนยั พิเศษและเพราะควบคมุ กายและวาจา เพราะเหตุน้นัเพ่ือความเปน ผฉู ลาดในเน้อื ความของคําของวินยั นี้ ขา พเจา จงึ กลาววา
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 94 วินยั ศพั ทน้ี บัณฑติ ผรู ูอรรถแหงวินัยศัพท แปลความหมายวา วนิ ยั เพราะมนี ัยตา ง ๆ เพราะมนี ัยพิเศษ และเพราะควบคุมกาย และวาจา. ( อรรถาธิบายคาํ วาสูตร ) สว นสตุ ตศพั ทนอกน้ี ทา นแปลความหมาย วาสตู ร เพราะเปด เผยซึง่ ประโยชนท ้งั หลาย เพราะกลา วประโยชนไวเหมาะสม เพราะ เผลด็ ประโยชน เพราะหลัง่ ประโยชน เพราะปอ งกนั อยา งดี และเพราะมีสว น เสมอดวยสายบรรทดั . กพ็ ระสตู รนนั้ ยอมสองถงึ ประโยชนท้ังหลายอันตางดวยประโยชนตนและประโยชนผูอ น่ื เปน ตน . อน่ึง ประโยชนทงั้ หลาย พระผูมีพระภาคเจาตรัสไวดแี ลว ในปฎ กน้ี เพราะตรัสอนโุ ลมตามอัธยาศยั ของเวไนย. อนง่ึสตุ ตันตปฎกน้ี ยอ มเผล็ดประโยชนทง้ั หลาย อธบิ ายวา เผลด็ ผลเหมอื นขา วกลา เผล็ดผลฉะนนั้ . พระสตู รนย้ี อ มหล่ังประโยชนท้งั หลาย อธบิ ายวาเหมอื นโคนมหลั่งนาํ้ นมฉะน้นั . อนง่ึ พระสตู รน้ี ยอ มปองกนั อธิบายวายอ มรกั ษาประโยชนเ หลา นน้ั อยา งดี. อน่งึ พระสูตรน้ีมีสวนเสมอดวยสายบรรทัด เหมอื นอยางวา สายบรรทัดเปนเคร่อื งกาํ หนดของชางไมท้ังหลายฉนั ใด แมพ ระสูตรน้ีก็เปน เครือ่ งกาํ หนดของวญิ ูชนท้ังหลายฉนั นนั้เหมอื นอยางวา ดอกไมท ้งั หลายทีค่ มุ ไวดว ยดาย ยอมไมเรีย่ ราย ยอมไม
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 95กระจดั กระจายดวยลมฉันใด ประโยชนท ง้ั หลายที่รวบรวมไวด ว ยพระสตู รน้กี ็ฉนั นนั้ . เพราะฉะน้ัน เพ่อื ความเปน ผฉู ลาดในเนือ้ ความแหงคาํ ของสูตรน้ี ขา พเจาจงึ กลาววา สตุ ตศพั ทนี้ ทานแปลความหมายวาสูตร เพราะสองถึงประโยชนทงั้ หลาย เพราะ กลาวประโยชนไ วเ หมาะสม เพราะเผล็ด ประโยชน เพราะหลงั ประโยชน เพราะ ปอ งกันอยา งดี เพราะมีสว นเสมอดว ยสาย บรรทดั . ( อรรถาธิบายคาํ วาอภธิ รรม ) กธ็ รรมนอกนี้ ทานเรียกอภธิ รรม เพราะ พระผูม พี ระภาคเจาตรสั ไวใ นอภธิ รรมน้วี า เปน ธรรมทม่ี คี วามเจรญิ ทก่ี าํ หนดเปน มาตรฐาน ท่ีบุคคลบูชาแลว ท่ีตดั ขาด และเปนธรรมอันยงิ่ . อภิศัพทนย้ี อมปรากฏในความวา เจริญ ความวาอันบัณฑติ กาํ หนดเปน มาตรฐาน ความวา อนั บุคคลบูชาแลว ความวา ตดั ขาด และความวาเปน ธรรมอนั ย่ิง มปี ระโยคตวั อยางดังตอ ไปน้ี อภิศัพทม าในอรรถวา เจริญ ในประโยคมอี าทวิ า พาฬฺหา เมอาวโุ ส ดูกอนอาวโุ ส ทกุ ขเวทนาอยางแรงกลา ยอ มเจริญ กาํ เริบแกขา พเจา ยอมไมถอยลงเลย. อภิศัพทมาในอรรถวา อันบณั ฑิตกาํ หนด
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 96เปน มาตรฐาน ในประโยคมอี าทวิ า ยา ตา รตฺติโย อภิ ฺ าตาอภลิ กฺขติ า ราตรนี ้ันใด (วันจาตุททสี วนั ปณ ณรสี วันอัฏฐม)ี อนับณั ฑิตกาํ หนดรแู ลว (ดว ยความเต็มดวงของดวงจันทร และดวยความหมดดวงของดวงจนั ทร) อนั บัณฑิตกําหนดเปน มาตรฐานไวแ ลว (เพื่อสมาทานอโุ บสถ เพอื่ ฟงธรรม และเพ่อื ทาํ สกั การบูชาเปน ตน). อภศิ ัพทมาในอรรถวา อนั บคุ คลบชู าแลว ในประโยคมอี าทวิ า ราชาภริ าชามนชุ นิ ฺโท ขอพระองคจ งทรงเปนพระราชาอันพระราชาบชู าแลว จงเปนจอมคน. อภศิ พั ทม าในอรรถวา ตดั ขาด ในประโยคมีอาทิวา ปฏิพโลวิเนตุ อภิธมฺเม อภวิ ินเย เปนผูสามารถแนะนาํ ในอภธิ รรม ในอภวิ นิ ยั .อธบิ ายวา อฺ มฺ ฺสงกฺ รวริ หิเต ธมฺเม จ วนิ เย จ ในพระธรรมและในพระวนิ ยั ซงึ่ เวน จากการปะปนกันและกนั . อภศิ พั ทมาในอรรถวา ยิ่ง ในประโยคมีอาทิวา อภกิ ฺกนฺเตน วณเฺ ณน มผี ิวพรรณงามย่ิง.อนึ่ง แมธ รรมทัง้ หลายท่มี ีความเจริญ พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั ไวใ นพระอภิธรรมนี้ โดยนัยมอี าทวิ า รูปุปปฺ ตฺติยา มคคฺ ภาเวติ เมตตฺ า-สหคเตน เจตสา เอก ทสิ ผริตฺวา วิหรติ ภิกษุเจรญิ มรรคเพื่อเขา ถึงรปู ภพน้ี มีใจประกอบดวยเมตตาแผไ ปสูท ิศหน่ึงอยู. แมธ รรมท้ังหลายทีบ่ ณั ฑิตกําหนดเปนมาตรฐาน เพราะความเปนสภาพทีค่ วรกําหนดดวยอารมณเ ปน ตน ทา นกลาวไวโดยนยั มอี าทวิ า รปู ารมมฺ ณ วาสทฺทารมฺมณ วา มีรูปเปน อารมณ มีเสียงเปน อารมณ. แมธรรมทั้งหลายอันทานบูชาแลว ทา นกลา วไวโดยนยั มีอาทวิ า เสกฺขา ธมมฺ า อเสกขฺ าธมฺมา โลกุตตฺ รา ธมมฺ า เสกขธรรม อเสกขธรรม โลกตุ ตรธรรม.แมธรรมทั้งหลายท่ีตัดขาดแลว เพราะความเปนของทต่ี ัดขาดแลว ตาม
พระสุตตันตปฎก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 97สภาวะ. ทานกลา วไวโ ดยนยั มอี าทิวา ผสฺโส โหติ เวทนา โหติผัสสะมี เวทนามี แมธ รรมทั้งหลายอนั ย่ิง ทานกลาวไวโ ดยนยั มีอาทวิ ามหคคฺ ตา ธมมฺ า อปฺปมาณา ธมฺมา อนตุ ตฺ รา ธมมฺ า มหคั คตธรรมอัปปมาณธรรม อนุตตรธรรม เพราะเหตุนนั้ เพ่ือความเปนผฉู ลาดในเนื้อความของคาํ ของอภิธรรมน้ี ขา พเจาจึงกลาววา กธ็ รรมนอกนท้ี า นเรยี กวา อภิธรรม เพราะ พระผูมีพระภาคเจาตรัสไวในอภธิ รรมน้ีวา เปน ธรรมทม่ี ีความเจริญ ท่กี าํ หนดเปน มาตรฐาน ทีบ่ คุ คลบูชาแลว ทีต่ ัดขาด และ เปนธรรมยงิ่ . ก็ในปฎ กทง้ั หลายมีวินยั ปฎกเปนตน นี้ ปฎกใดยงั เหลอื อยู ผรู เู นอื้ ความของปฎ กเรียกปฎกน้นั วา ปฎ ก โดยเนอื้ ความวาปรยิ ัติและภาชนะ พงึ ทราบ วา มี ๓ มีวินยั เปนตน เพราะรวมเขา กบั ปฎ กศพั ทนั้น จริงอยู แมปรยิ ตั ทิ า นก็เรียกวา ปฎ ก ในประโยคมอี าทวิ า อยาถอืโดยอางปฎก. แมภ าชนะอยา งใดอยางหน่ึง ทา นเรียกวา ปฎ ก ในประโยคมีอาทิวา ครงั้ นัน้ บรุ ุษพึงถอื จอบและตะกราเดนิ มา. เพราะเหตุน้นับณั ฑิตผรู ูเนอ้ื ความของปฎกศพั ท จึงเรียกปฎกศพั ทว า ปฎ ก โดยเน้ือความวาปริยัตแิ ละภาชนะ.
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 98 บดั นี้พงึ ทราบวา มี ๓ มีวนิ ยั เปนตน เพราะรวมเขา กบั ปฎ กศพั ทนั้น พงึ ทราบวามี ๓ มวี นิ ยั เปน ตนเหลา นี้อยางนี้วา เพราะทาํ สมาสกับปฎกศพั ท ซ่งึ มเี น้อื ความ ๒ อยา งน้นั อยา งน้ี คอื วินยั ดวย วนิ ยั นัน้ เปนปฎกดว ย เพราะเปน ปริยัติ และเพราะเปนภาชนะแหง เน้ือความนน้ั ๆเพราะฉะนัน้ จึงช่อื วนิ ยั ปฎ ก โดยนยั ตามท่ีกลา วแลว พระสูตรดว ย พระสตู รนั้นเปนปฎ กดว ย เพราะฉะน้นั จงึ ช่ือวาสุตตนั ตปฎ ก อภธิ รรมดว ย อภิธรรมน้นั เปน ปฎ กดวย เพราะฉะนนั้ จึงชอ่ื วาอภธิ รรมปฎก กค็ รน้ั ทราบอยางน้แี ลว เพอื่ ความเปนผูฉลาดในประการตา ง ๆ ในปฎกทง้ั ๓ เหลานั้นอกี ครัง้ พงึ แสดงประเภทของเทศนา ประเภทของ ศาสนา ประเภทของกถา และลิกขา ปหานะ คัมภรี ภาพตามสมควรในปฎ ก เหลานัน้ ภิกษุยอมถงึ ซง่ึ ประเภทแหงการ เลา เรียนใด ซงึ สมบตั ใิ ด แมซ ง่ึ วิบัติใด ในปฎ กใด ดว ยอาการใด พึงแสดงซึง่ ประเภทแหงการเลาเรยี นทั้งหมดแมน ัน้ ดวยอาการน้ัน. ในคาถาเหลา น้ัน มคี ําอธบิ ายอยางแจมแจงและชัดเจน ดงั ตอ ไปน้ีจรงิ อยู ปฎ ก ๓ เหลา นัน้ ทานเรยี กตามลําดบั วา อาณาเทศนา โวหาร-เทศนา ปรมัตถเทศนา ยถาปราธศาสนา ยถานุโลมศาสนา ยถาธรรม-ศาสนา และสังวราสังวรกถา ทิฏฐิวินิเวฐนกถา นามรปู ปริจเฉทกถา.
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 99 ก็ในปฎก ๓ นี้ วนิ ยั ปฎ ก ทานเรียกวา อาณาเทศนา การเทศนาโดยอาํ นาจบงั คบั บญั ชา เพราะเปนปฎ กทีพระผูม พี ระภาคเจาผคู วรออกคําสั่ง ทรงแสดงแลว โดยความเปนเทศนาท่มี ากไปดว ยคําสั่ง. สตุ ตนั ตปฎกทานเรยี กวา โวหารเทศนา การเทศนาโดยบัญญตั ิ เพราะเปน ปฎกท่ีพระผมู ีพระภาคเจาผทู รงฉลาดในเชงิ สอน ทรงแสดงแลวโดยความเปนเทศนาท่มี ากไปดว ยคาํ สอน. อภิธรรมปฎ ก ทา นเรียกวา ปรมตั ถเทศนาการเทศนาโดยปรมตั ถ เพราะเปน ปฎ กทพ่ี ระผมู พี ระภาคเจาผูฉลาดในปรมตั ถ ทรงแสดงแลวโดยความเปนเทศนาท่มี ากไปดวยปรมัตถ. อนึง่ ปฎกท่ี ๑ (วินยั ปฎ ก ) ทานเรียกวา ยถาปราธศาสนา การสง่ั สอนตามความผิด เพราะอรรถวเิ คราะหว า สัตวท้งั หลายผมู ีความผิดมากมายเหลานัน้ ใด สัตวเหลา นัน้ อนั พระผูมีพระภาคเจา ทรงส่งั ตามความผิดในปฎ กน้ี. ปฎกที่ ๒ ( สุตตันตปฎ ก) ท่ที านเรียกวา ยถานโุ ลม-ศาสนา การส่ังสอนอนุโลมตามอัธยาศัย เพราะอรรถวเิ คราะหว า สตั วท้ังหลายผมู ีอธั ยาศยั อนสุ ยั และจรยิ าวมิ ุตติ มใิ ชนอ ย อนั พระผมู ีพระภาคเจาทรงสง่ั สอนแลวในปฎกน้ตี ามอนโุ ลม. ปฎกท่ี ๓ (อภิธรรมปฎก)ทานเรียกวา ยถาธรรมศาสนา การส่งั สอนตามปรมตั ถธรรม เพราะอรรถวเิ คราะหว า สตั วท ง้ั หลายผูมคี วามสาํ คญั ในสภาวะสักวา กองแหงปรมตั ถธรรมวา นเ่ี รา นัน่ ของเรา ดังน้ี อนั พระผูมพี ระภาคเจาทรงสงั่ สอนแลว ตานปรมัตถธรรมในปฎ กน้.ี อนึ่ง ปฎกท่ี ๑ ทานเรยี กวา สงั วราสงั วรกถา ดว ยอรรถวาสงั วราสงั วระอนั เปนปฏปิ กษตอการฝา ฝน อนั พระผูม ีพระภาคเจาตรสัแลว ในปฎกนี้. บทวา ส วราส วโร ไดแ ก สงั วรเลก็ และสงั วรใหญ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 100เหมือนกัมมากมั มะ การงานนอยและการงานใหญ และเหมอื นผลาผละผลไมนอ ยและผลไมใหญ. ปฎกท่ี ๒ ทา นเรยี กวา ทิฏฐวิ นิ เิ วฐนกถาคาํ บรรยายคลายทฏิ ฐิ ดวยอรรถวา การคลายทิฏฐอิ นั เปนปฏปิ กษตอ ทิฏฐิ๖๒ อนั พระผูมพี ระภาคเจาตรัสแลวในปฎ กนี.้ ปฎ กท่ี ๓ ทา นเรยี กวานามรูปปรจิ เฉทกถา คาํ บรรยายการกาํ หนดนามและรปู ดวยอรรถวาการกําหนดนามและรูปอนั เปน ปฏิปกษต อ กเิ ลสมรี าคะเปนตน อันพระผมู พี ระภาคเจา ตรัสแลว ในปฎ กน.้ี อนง่ึ พงึ ทราบสิกขา ๓ ปหานะ ๓ และคมั ภรี ภาวะ ๔ อยา ง ในปฎกท้ัง ๓ เหลาน้ี ดังตอไปน.้ี จรงิ อยา งนั้น อธิสีลสกิ ขา พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสไวโ ดยเฉพาะในวนิ ัยปฎก อธจิ ติ ตสิกขา ตรสั ไวโดยเฉพาะในสตุ ตนั ตปฎก อธปิ ญ ญาสกิ ขา ตรสั ไวโดยเฉพาะในอภธิ รรมปฎก. อนง่ึ การละกิเลสอยางหยาบ พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสไวใ นวินัยปฎ ก เพราะศีลเปนปฏปิ ก ษต อ กิเลสอยา งหยาบ. การละกิเลสอยางกลางตรัสไวในสุตตันตปฎก เพราะสมาธิเปนปฏปิ ก ษตอ กเิ ลสอยางกลาง. การละกเิ ลสอยา งละเอยี ด ตรสั ไวใ นอภธิ รรมปฎก เพราะปญ ญาเปน ปฏิปกษตอกเิ ลสอยา งละเอียด. อน่งึ การละกเิ ลสชั่วคราว ตรัสไวในปฎกท่ี ๑การละกิเลสดวยขมไว และการละกเิ ลสเด็ดขาด ตรัสไวใ นปฎกทงั้ ๒นอกน้ี. การละสงั กิเลสคือทจุ ริต ตรสั ไวใ นปฎ กที่ ๑ การละสังกเิ ลสคือตัณหา และทฏิ ฐิ ตรสั ไวในปฎกทั้ง ๒ นอกน้ี. ในปฎ ก ๓ นี้ พงึ ทราบวา แตละปฎกมคี ัมภีรภาวะ ทัง้ ๔ คอืความลึกซ้ึงโดยธรรม โดยอรรถ โดยเทศนา และโดยปฏิเวธ. ในคมั ภรี -ภาวะทั้ง ๔ นัน้ ธรรมไดแ กบ าลี อรรถไดแ กเนื้อความของบาลีนนั้ แหละ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 585
Pages: