พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 301นคิ รนถเปน ผูส ังวรแลวดวยสังวร ๔ ประการ เปนไฉน มหาบพติ รนคิ รนถในโลกน้ี เปนผหู า มนาํ้ ทง้ั ปวง ๑ เปนผูประกอบดวยน้าํ ท้ังปวง ๑เปนผกู ําจัดดว ยนาํ้ ทง้ั ปวง ๑ เปนผูประพรมดวยนํ้าทั้งปวง ๑ นิครนถเปนผสู งั วรแลวดว ยสงั วร ๔ ประการ อยางนี้แล มหาบพติ ร เพราะเหตุที่นคิ รนถเปน ผูส ังวรแลวดวยสังวร ๔ ประการอยางนี้ บณั ฑิตจึงเรยี กวาเปนผมู ีตนถึงท่สี ุดแลว มตี นสาํ รวมแลว มีตนต้งั มน่ั แลว ดงั น้ี ขา แตพระองคผูเจริญ เมอ่ื หมอ มฉันถามถงึ สามญั ญผลท่ีเห็นประจักษ ครูนคิ รนถ-นาฏบตุ ร กลบั ตอบถึงสงั วร ๔ ประการ ฉะนี้ เหมือนเขาถามถงึ มะมวงตอบขนุนสาํ มะลอ หรอื เขาถามถงึ ขนุนสํามะลอ ตอบมะมว ง แมฉ นั ใดขาแตพ ระองคผเู จริญ เมือหมอ มฉนั ถามถึงสามญั ญผลท่เี ห็นประจกั ษ ครูนคิ รนถนาฏบุตรกลบั ตอบถึงสังวร ๔ ประการ ฉนั นนั้ ทีเดยี ว ขาแตพระองคผูเจรญิ หมอ มฉนั ไดมีความดํารวิ า ไฉนคนอยางเราจะพงึ มุงรุกรานสมณะหรือพราหมณผอู ยใู นราชอาณาเขต ดังนี้ แลว ไมย ินดี ไมค ัดคานภาษิตของครนู คิ รนถนาฏบตุ ร ไมพ อใจ กม็ ไิ ดเปลงวาจาแสดงความไมพอใจ ไมเ ชอ่ื ถือ ไมคัดคานวาจานั้นเลย ลกุ จากที่นง่ั หลกี ไป. (๙๙) ขา แตพระองคผูเ จรญิ สมยั หนงึ่ ณ กรุงราชคฤหน้ี หมอ มฉนั เขา ไปหาครสู ญชยั เวลัฏฐบตุ รถงึ ทอี่ ยู ฯ ล ฯ คร้ันแลวหมอ มฉนั ไดก ลา วคํานี้กะครูสญชัยเวลฏั ฐบตุ รวา ทา นสญชัยผเู จริญ ศิลปศาสตรเ ปนอนัมากเหลานี้ คอื พลชา ง พลมา ฯ ล ๆ คนเหลาน้นั ยอมอาศยั ผลแหงศิลปศาสตรท ่ีเห็นประจกั ษเ ลย้ี งชีพในปจ จบุ ัน ดว ยผลแหง ศลิ ปศาสตรน้ัน เขายอ มบํารุงตน มารดาบิดา บตุ รภรยิ า มิตร สหาย ใหเ ปนสุขอ่ิมหนาํ สาํ ราญ บําเพ็ญทกั ษณิ าทานอนั ทผ่ี ลอยา งสงู เปนไปเพื่อใหไ ด
พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 302อารมณด ี มสี ขุ เปน ผล ใหเ กดิ ในสวรรค ในสมณพราหมณท ั้งหลาย ฉันใดทา นอาจทาํ ใหร ูถึงสามญั ญผลทีเ่ ห็นประจกั ษในปจ จบุ ัน เหมอื นฉันนน้ั ไดหรือไม เมื่อหมอมฉนั กลา วอยางนี้ ครูสญชยั เวลัฏฐบตุ รไดกลา วคํานี้กะหมอ มฉนั วา ถามหาบพิตรตรสั ถามอาตมภาพวา โลกอ่ืนมีอยหู รอื ถาอาตมภาพมคี วามเหน็ วามี กจ็ ะพงึ ทลู ตอบวา มี ความเห็นของอาตมภาพวาอยา งนี้กม็ ิใช อยางนน้ั กม็ ใิ ช อยางอนื่ กม็ ิใช ไมใชก ม็ ใิ ช มิใชไมใชกม็ ิใชถามหาบพติ รตรสั ถามอาตมภาพวา โลกอืน่ ไมม หี รือ ถา อาตมภาพมีความเห็นวา ไมม ี กจ็ ะพึงทูลตอบวาไมม.ี ...ถา มหาบพิตรตรัสถามวา โลกอื่นมดี ว ยไมมดี ว ยหรอื ถา อาตมภาพมีความเห็นวา มดี วยไมมีดว ย ก็จะพงึ ทูลตอบวา มีดว ยไมม ีดว ย... ถามหาบพิตรตรสั ถามวา โลกอ่นื มีกม็ ใิ ช ไมม ีกม็ ิใชหรือ ถาอาตมภาพมีความเห็นวา มีกม็ ใิ ช ไมมกี ็มิใช กจ็ ะพึงทลูตอบวา มกี ็มใิ ช ไมม ีกม็ ิใช....ถามหาบพิตรตรัสถามวา สตั วผ ูเกิดผดุ ขน้ึ มีหรือ ถา อาตมภาพมีความเหน็ วา มี ก็จะพงึ ทลู ตอบวามี.. .ถามหาบพิตรตรสั ถามวา สตั วผูเกิดผดุ ขนึ้ ไมมหี รอื ถาอาตมภาพมคี วามเห็นวา ไมมีก็จะพงึ ทูลตอบวาไมม .ี ...ถา มหาบพิตรตรสั ถามวา สตั วผ เู กิดผดุ ข้นึ ไมม ีดวยหรือ ถาอาตมภาพมคี วามเหน็ วา มดี ว ยไมม ดี ว ย กจ็ ะพึงทลู ตอบวามีดวยไมม ีดว ย....ถา มหาบพิตรตรสั ถามวา สัตวผูเกดิ ผุดขนึ้ มีกม็ ิใช ไมมีกม็ ิใชห รอื ถาอาตมภาพมคี วามเห็นวา มีก็มใิ ช ไมมีก็มิใช กจ็ ะพึงทูลตอบวา มกี ็มใิ ช ไมม ีกม็ ิใช. ...ถา มหาบพิตรตรัสถามวา ผลวิบากแหง กรรมทท่ี ําดที าํ ช่วั มอี ยูห รือ ถาอาตมภาพมีความเหน็ วา มี กจ็ ะพึงทลู ตอบวาม.ี . .ถามหาบพิตรตรสั ถามวา ผลวิบากแหงกรรมท่ที าํ ดที าํ ช่วั ไมม ีหรอื ถาอาตมภาพมคี วามเหน็ วา ไมม ี กจ็ ะพึงทูลตอบวา ไมม .ี .. ถามหาบพิตรตรัส
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 303ถามวา ผลวิบากแหง กรรมทีท่ าํ ดที ําช่ัวมีดวยไมม ีดว ยหรือ ถา อาตมภาพมีความเห็นวา มีดวย ไมม ีดวย กจ็ ะพึงทลู ตอบวา มดี วย ไมมดี ว ย ถามหาบพติ รตรัสถามวา ผลวิบากแหงกรรมท่ที าํ ดที ําช่ัวมีกม็ ใิ ช ไมมกี ็มิใชหรือ ถา อาตมภาพมคี วามเหน็ วา มกี ็มิใช ไมม ีก็มใิ ช ก็จะพงึ ทูลตอบวามกี ็มิใช ไมม กี ็มิใช....ถา มหาบพิตรตรัสถามวา สตั วเ บอ้ื งหนาแตต ายเกดิ อีกหรอื ถา อาตมภาพมคี วามเห็นวา เกดิ อกี กจ็ ะพึงทูลตอบวา เกิดอกี... ถา มหาบพติ รตรัสถามวา สตั วเบ้ืองหนา แตต าย ไมเกิดหรือ ถา อาตม-ภาพมคี วามเห็นวา ไมเกิด ก็จะพึงทลู ตอบวา ไมเ กดิ .. .ถา มหาบพติ รตรสัถามวา สตั วเบื้องหนา แตตายเกิดดวย ไมเ กดิ ดว ยหรอื ถา อาตมภาพมีความเห็นวา เกิดดว ยไมเ กิดดวย กจ็ ะพึงทูลตอบวา เกดิ ดว ย ไมเ กดิ ดว ย... ถามหาบพิตรตรสั ถานวา สัตวเบอ้ื งหนาแคท าย เกิดก็มใิ ช ไมเ กิดก็มใิ ชห รอื ถา อาตมภาพมีความเหน็ วา เกดิ ก็มิใช ไมเกิดกม็ ใิ ช กจ็ ะพงึทลู ตอบวา เกดิ กม็ ิใช ไมเกิดก็มิใช. .. อาตมภาพมคี วามเหน็ วา อยางนี้ก็มใิ ช อยา งนัน้ ก็มิใช อยางอืน่ ก็มใิ ช ไมใชก็มใิ ช มิใชไมใชกม็ ิใช ดงั นี้ขาแตพ ระองคผ ูเ จรญิ เมื่อหมอ มฉนั ถามถึงสามัญญผลทเี่ ห็นประจักษ ครูสญชัยเวลฏั ฐบตุ รกลับตอบสา ยไปฉะน้ี เหมือนเขาถามถงึ มะมวง ตอบขนนุ สํามะลอ หรอื เขาถามถึงขนุนสาํ มะลอ ตอบมะมว ง แมฉ ันใด ขาแตพระองคผ เู จริญ เม่ือหมอมฉันถามถึงสามญั ผลที่เห็นประจักษ ครสู ญชัย-เวลัฏฐบุตรกลบั ตอบสายไป ฉันนั้นทเี ดียว ขา แตพ ระองคผ เู จรญิ หมอ มฉันไดม ีความดํารวิ า บรรดาสมณพราหมณเ หลาน้ี ครสู ญชัยเวลัฏฐบุตรนี้ โงก วาเขาท้ังหมด งมงายกวาเขาทง้ั หมด เพราะเมื่อหมอมฉนั ถามถงึสามัญญผลท่เี ห็นประจกั ษอยางไร จงึ กลบั ตอบสายไป หมอ มฉนั ไดมีความ
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 304ดํารวิ า ไฉนคนอยา งเราจะพึงมงุ รุกรานสมณะหรือพราหมณ ผูอยูในราช-อาณาเขต ดังนี้ แลว ไมย ินดี ไมค ัดคานภาษติ ของครูสญชยั เวลฏั ฐบตุ รไมพอใจ กม็ ไิ ดเ ปลงวาจาแสดงความไมพอใจ ไมเ ช่อื ถอื ไมค ัดคานวาจาน้ันเลย ลุกจากทีน่ ง่ั หลกี ไป. (๑๐๐) ขาแตพระองคผเู จรญิ ขา พระองคนัน้ ขอทูลถามพระผูมีพระภาคเจาบา งวา ศลิ ปศาสตรเ ปนอนั มากเหลา น้ี คือ ทหารชาง ทหารมา ทหารรถ ทหารธนู ทหารเชญิ ธง ทหารจัดกระบวนทัพ ทหารหนวยสง เสบียง พวกอุคคราชบุตร ทหารหนวยอาสา แมท พั นายกองหนว ยทหารหาญ ทหารสวมเกราะหนงั ทหารรับใช หนว ยทาํ ขนม หนว ยซกั ฟอก หนวยตัดผม หนวยทาํ ครัว ชางดอกไม ชา งยอ ม ชางทอ ชางจักสาน ชา งหมอ นักคํานวณ พวกนบั คะแนน หรือศิลปศาสตรเ ปนอันมาก แมอ ยา งอ่ืนใด ท่มี คี ติเหมอื นอยางน้ี คนเหลา นนั้ ยอมอาศยั ผลแหง ศลิ ปศาสตรที่เห็นประจักษเ ล้ียงชพี ในปจ จบุ ัน ดว ยผลแหง ศิลป -ศาสตรน ั้น เขายอมบํารุงตน มารดาบดิ า บุตรภรยิ า มติ ร สหาย ใหเ ปนสุขอ่มิ หนาํ สาํ ราญ บาํ เพญ็ ทักษณิ าทานอนั มีผลอยา งสูง เปนไปเพ่ือใหไ ดอารมณด ี มีสุขเปนผล ใหเกิดในสวรรค ในสมณพราหมณทั้งหลาย ฉนั ใดขา แตพระองคผเู จรญิ พระองคอาจทาํ ใหร ูสามัญญผลทเี่ หน็ ประจักษในปจจบุ ันเหมอื นฉันนัน้ ไดหรอื ไม. พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสตอบวา อาจอยมู หาบพิตร แตใ นขอนี้ตถาคตจะขอยอนถามมหาบพิตรกอ น โปรดตรสั ตอบตามทีพ่ อพระทัยมหาบพิตรจะทรงเขาพระทัยความขอ นัน้ เปนไฉน สมมตวิ า มหาบพิตรพึงมบี รุ ษุ ผเู ปน ทาสกรรมกร มปี กตติ ืน่ กอ นนอนทหี ลัง คอยฟง พระบญั ชาวา
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 305จะโปรดใหทําอะไร ประพฤตถิ ูกพระทยั พูดจาไพเราะ คอยเฝาสงั เกตพระพักตร เขาจะมีความคิดเห็นอยางนว้ี า คติของบุญ วิบากของบุญนา อัศจรรยนัก ไมเ คยมมี า ความจรงิ พระเจา แผนดนิ มคธพระนามวาอชาตศตั รเู วเทหบิ ุตร พระองคนี้ เปนมนษุ ย แมเ รากเ็ ปน มนุษย แตพระองคท านทรงเอิบอิ่ม พรัง่ พรอ ม ไดรบั บาํ เรออยดู ว ยเบญจกามคุณประหนึ่งเทพเจา สว นเราสิเปน ทาสรบั ใชข องพระองคทานตอ งต่ืนกอ นนอนทหี ลัง ตองคอยฟงพระบญั ชาวา จะโปรดใหทําอะไร ตองประพฤติใหถ กู พระทยั ตองพูดจาไพเราะ ตอ งคอยเฝา สังเกตพระพกั ตร เราพงึทาํ บญุ จะไดเปนเหมอื นพระองคท า น อยา กระน้นั เลย เราพึงปลงผมและหนวด นุงหม ผากาสาวพัสตร ออกบวชเปนบรรพชติ สมยั ตอมา เขาปลงผมและหนวด นงุ หม ผากาสาวพสั ตร ออกบวชเปน บรรพชิต ครั้นบวชแลว เปน ผูสาํ รวมกาย สํารวมวาจา สํารวมใจอยู สนั โดษดวยความมีเพยี งอาหาร และผา ปดกายเปน อยา งย่งิ ยินดยี ง่ิ ในความสงดั ถา พวกราชบรุ ุษพึงกราบทูลถงึ พฤตกิ ารณของเขาอยางนวี้ า ขอเดชะ ขอพระองคพงึ ทรงทราบเถดิ บรุ ุษผเู ปนทาสกรรมกรของพระองค ผูต่นื กอนนอนทหี ลงั คอยฟง พระบญั ชาวา จะโปรดใหทําอะไร ประพฤติถูกพระทยัพูดจาไพเราะ คอยเฝาสงั เกตพระพกั ตรอยูน นั้ เขาปลงผมและหนวดนงุ หม ผา กาสาวพัสตร ออกบวชเปน บรรพชิต เมอ่ื บวชแลว เปน ผูสํารวมกาย สาํ รวมวาจา สํารวมใจอยู สนั โดษดว ยความมเี พยี งอาหารเละผาปดกายเปนอยางย่ิง ยินดียิง่ ในความสงัด มหาบพิตรจะพงึ ตรัสอยางน้เี ทียวหรือวา พอ มหาจาํ เริญคนนั้นของขา มาสิ จงมาเปนทาสเปนกรรมกรของขา จงตื่นกอนนอนทหี ลัง จงคอยฟง บัญชาวา จะใหท าํ อะไร
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 306ประพฤติใหถูกใจ พดู ไพเราะ คอยเฝาสงั เกตดหู นา ขาอีกตามเดมิ . พระเจาอชาตศตั รูทูลวา จะเปนเชน นน้ั ไมไ ดเลย พระเจา ขา อนั ท่ีจริงขาพระองคเ สยี อกี ควรจะไหวเขา ควรจะลกุ รับเขา ควรจะเชอ้ื เชญิใหเ ขานัง่ ควรจะบาํ รุงเขาดวยจวี ร บิณฑบาต เสนาสนะ และคลิ านปจ จัยเภสชั บรขิ าร ควรจะจัดการรกั ษาปองกันคุมครองเขาอยางเปน ธรรม. มหาบพติ ร พระองคจ ะทรงเขาพระทัยความขอ นน้ั เปน ไฉน ถาเมอื่เปน เชน นน้ั สามัญญผลที่เหน็ ประจักษจะมหี รอื ไม. ขา แตพระองคผเู จรญิ เม่อื เปน เชนนัน้ สามัญญผลท่เี หน็ ประจกั ษมีอยูอ ยา งแนแ ท. มหาบพติ ร นแ่ี หละสามญั ญผลที่เหน็ ประจักษในปจ จุบัน ซงึ่ ตถาคตทาํ ใหร ูเปน ขอ แรก. (๑๐๑) ขาแตพระองคผ ูเจริญ พระองคอ าจทําใหร ูสามัญญผลที่เห็นประจักษในปจจบุ นั แมขอ อืน่ ใหเ หมือนอยา งนัน้ ไดหรอื ไม. อาจอยู มหาบพิตร แตใ นขอนตี้ ถาคตจกั ขอยอ นถามมหาบพิตรกอ นโปรดตรัสตอบตามทพ่ี อพระทัย มหาบพิตร พระองคจะทรงเขาพระทัยความขอนัน้ เปนไฉน สมมติวา มหาบพติ รพึงมีบุรษุ เปน ชาวนา คฤหบดีซึง่ เสียภาษีอากรเพิ่มพูนพระราชทรพั ย เขาจะพงึ คิดเห็นอยา งน้วี า คติของบุญ วบิ ากของบญุ นา อศั จรรยน กั ไมเคยมมี า ความจริงพระเจาแผนดนิ มคธพระนามวา อชาตศัตรูเวเทหิบตุ ร พระองคน เี้ ปนมนษุ ยแมเรากเ็ ปนมนุษย แตพระองคทา นทรงเอิบอมิ่ พรง่ั พรอม บําเรออยดู ว ยเบญจกามคุณดุจเทพเจา สวนเราสเิ ปนชาวนาคฤหบดี ตอ งเสียภาษีอาการเพมิ่ พนู พระราชทรพั ย เราพึงทําบุญจะไดเปน เหมือนพระองคท าน อยา
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 307กระน้ันเลย เราพงึ ปลงผมและหนวด นงุ หม ผากาสาวพัสตร ออกบวชเปนบรรพชิต สมยั ตอมา เขาละกองโภคสมบตั นิ อ ยใหญ ละเครือญาตนิ อ ยใหญปลงผมและหนวด นุงหมผา กาสาวพสั ตร ออกบวชเปนบรรพชติ เมื่อบวชแลว เปนผสู าํ รวมกาย สาํ รวมวาจา สาํ รวมใจอยู สันโดษดวยความมีเพยี งอาหารและผา ปดกายเปนอยา งย่งิ ยินดยี ิ่งในความสงดั ถา พวกราชบรุ ษุ พงึ กราบทลู พฤตกิ ารณข องเขาอยางน้วี า ขอเดชะ ขอพระองคพ ึงทรงทราบเถดิ บุรษุ ผูเปน ชาวนาคฤหบดี ซ่ึงเสียภาษีอากรเพิ่มพูนพระราชทรัพยข องพระองคอยูน้ัน เขาปลงผมและหนวด นุง หม ผา กาสาวพัสตรออกบวชเปนบรรพชติ เมื่อบวชแลว เขาเปน ผูส ํารวมกาย สํารวมวาจาสาํ รวมใจอยู สนั โดษดวยความมเี พยี งอาหารและผา ปด กายเปน อยา งย่งิยนิ ดยี ่ิงในความสงัด มหาบพติ รจะพงึ ตรัสอยางนเี้ ทียวหรือวา พอมหา-จาํ เรญิ คนนัน้ ของขา มาสิ จงเปน ชาวนาคฤหบดี เสยี ภาษอี ากรเพม่ิ พนูทรัพยอ กี ตามเดิม. จะเปน เชนนนั้ ไมไ ดเลย พระเจาขา อันท่จี รงิ หมอ มฉนั เสียอกี ควรจะไหวเขา ควรลกุ รับเขา ควรจะเชอ้ื เชิญเขาใหนัง่ ควรจะบาํ รงุ เขาดว ยจวี ร บิณฑบาต เสนาสนะ และคลิ านปจ จัยเภสัชบรขิ าร ควรจะจัดการรักษาปอ งกนั คมุ ครองเขาอยา งเปน ธรรม. มหาบพิตร พระองคจ ะทรงเขา พระทยั ความขอนั้นเปน ไฉน ถา เม่อืเปนเชน นัน้ สามัญญผลทเ่ี ห็นประจักษจะมีหรอื ไม. ขา แตพระองคผูเ จรญิ เมอื่ เปนเชนนัน้ สามญั ญผลทเี่ ห็นประจกั ษมอี ยอู ยางแนแท. มหาบพิตร นแ้ี หละสามัญญผลที่เห็นประจกั ษใ นปจ จุบนั ซึ่งตถาคต
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 308ทาํ ใหร ถู วายมหาบพิตรเปนขอท่ี ๒. (๑๐๒) ขา แตพระองคผ ูเ จรญิ พระองคอาจทําใหร ูสามญั ญผลทเ่ี ห็นประจักษใ นปจ จบุ ันแมข อ อ่นื ทงั้ ดยี ่ิงกวา ท้ังประณตี กวา สามญั ญผลที่เหน็ ประจกั ษเหลานี้ ไดหรือไม. อาจอยู มหาบพติ ร ถา อยางนนั้ มหาบพิตรจงคอยสดับ จงต้ังพระทยั ใหด ี ตถาคตจกั แสดง. คร้ันพระเจา แผนดนิ มคธพระนามวา อชาตศตั รูเวเทหบิ ตุ ร ทูลสนองพระพุทธพจนแ ลว พระผูม ีพระภาคเจา ไดตรสั พระพุทธพจนน้วี ามหาบพิตร พระตถาคตเสด็จอบุ ตั ิในโลกนี้ เปนพระอรหันต ตรสั รูเองโดยชอบ ถึงพรอ มดวยวชิ ชาและจรณะ เสดจ็ ไปดแี ลว ทรงรโู ลก เปนสารถีฝกบรุ ุษทคี่ วรฝก ไมม ีผอู นื่ ยิง่ กวา เปน ศาสดาของเทวดาและมนษุ ยทง้ั หลาย เปน ผเู บิกบานแลว เปน ผูจําแนกพระธรรม พระตถาคตพระองคน ้นั ทรงทาํ โลกนี้ พรอมทง้ั เทวโลก มารโลก พรหมโลก ใหแจงชดั ดว ยพระปญญาอนั ยง่ิ ของพระองคแลว ทรงสอนหมสู ัตวพ รอมทั้งสมณพราหมณ เทวดาและมนษุ ยใ หรตู าม ทรงแสดงธรรมงามในเบ้อื งตนงามในทามกลาง งามในทส่ี ุด ทรงประกาศพรหมจรรยอ ันบรสิ ทุ ธ์พิ รอมท้ังอรรถ ทง้ั พยญั ชนะ บริบรู ณสิ้นเชิง คฤหบดี บตุ รคฤหบดี หรอื ผูเกิดภายหลงั ในตระกลู ใดตระกลู หนึ่ง ยอ มฟงธรรมนนั้ คร้นั ฟงแลว ไดศรทั ธาในพระตถาคต เม่ือไดศ รัทธาแลว ยอมเหน็ ตระหนักวา ฆราวาสคับแคบ เปนทางมาแหง ธุลี บรรพชาเปน ทางปลอดโปรง การท่บี ุคคลผูครองเรือนจะประพฤติพรหมจรรยใ หบรบิ ูรณบ รสิ ุทธ์ิโดยสว นเดยี ว ดจุ สงั ขขดั ไมใชทําไดงา ย อยากระนน้ั เลย เราพึงปลงผมและหนวด นงุ หมผากาสาว-
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 309พัสตร ออกบวชเปน บรรพชิต สมยั ตอ มา เขาละกองโภคสมบัตนิ อ ยใหญละเครือญาตินอ ยใหญ ปลงผมและหนวด นงุ หม ผากาสาวพสั ตร ออกบวชเปน บรรพชติ เมือ่ บวชแลว สํารวมระวงั ในพระปาติโมกข ถึงพรอมดวยมรรยาทและโคจร มีปรกติเหน็ ภัยในโทษเพียงเลก็ นอ ย สมาทานศึกษาอยูในสกิ ขาบททงั้ หลาย ประกอบดว ยกายกรรมวจกี รรมท่ีเปนกศุ ลมอี าชพี บริสุทธิ์ ถึงพรอ มดว ยศลี คมุ ครองทวารในอนิ ทรยี ท ั้งหลายประกอบดว ยสตสิ มั ปชญั ญะ เปน ผสู ันโดษ. จุลศีล (๑๐๓) มหาบพิตร อยางไรภกิ ษจุ งึ ช่ือวาเปน ผถู งึ พรอ มดว ยศีล ๑. ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยนี้ ละการฆา สัตว เวน ขาดจากการฆา สัตววางไม วางมดี มคี วามละอาย มีความเอ็นดู มีความกรุณาหวังประโยชนแกส ัตวท้งั ปวงอยู แมข อนีก้ ็เปนศีลของเธอประการหนง่ึ . ๒. เธอละการลกั ทรัพย เวนขาดจากการลกั ทรัพย รบั แตข องที่เขาให ตอ งการแตของท่เี ขาให ไมป ระพฤติตนเปน ขโมย เปน ผสู ะอาดอยูแมขอน้กี ็เปน ศีลของเธอประการหนึ่ง. ๓. เธอละกรรมเปน ขาศกึ แกพ รหมจรรย ประพฤติพรหมจรรยประพฤติหางไกล เวน ขาดจากเมถุน อนั เปนเรื่องของชาวบาน แมขอ น้กี ็เปนศลี ของเธอประการหนงึ่ . ๔. เธอละการพดู เท็จ เวนขาดจากการพูดเท็จ พูดแตค ําจริงดํารงคาํ สัตย มีถอ ยคําเปน หลกั ฐาน ควรเชอ่ื ได ไมพ ูดลวงโลก แมขอนี้ก็เปนศลี ของเธอประการหน่ึง.
พระสุตตันตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 310 ๕. เธอละคําสอ เสียด เวนขาดจากคําสอ เสยี ด ฟง จากขางนแี้ ลวไมไ ปบอกขางโนน เพ่ือใหคนหมนู ้ีแตกรา วกนั หรอื ฟงจากขา งโนนแลวไมม าบอกขา งนี้ เพ่ือใหคนหมูโ นน แตกราวกัน สมานคนทแ่ี ตกรา วกนัแลว บาง สงเสรมิ คนท่พี รอมเพรยี งกันแลวบา ง ชอบคนผูพ รอมเพรียงกันยินดคี นผพู รอมเพรยี งกนั เพลิดเพลินคนผูพรอมเพรียงกัน กลา วแตคาํที่ทาํ ใหคนพรอมเพรยี งกนั แมขอ นีก้ ็เปน ศลี ของเธอประการหน่งึ . ๖. เธอละคาํ หยาบ เวนขาดจากคําหยาบ กลาวแตค ําทไ่ี มม โี ทษเพราะหู ชวนใหรกั จักใจ เปนของชาวเมือง คนสวนมากรกั ใคร พอใจแมข อนก้ี เ็ ปนศลี ของเธอประการหนึง่ . ๗. เธอละคาํ เพอเจอ เวน ขาดจากคําเพอเจอ พูดถกู กาล พูดจรงิพูดเปนอรรถ พดู เปนธรรม พดู เปน วนิ ัย พูดมีหลัก มที ี่อา ง มีท่ีสดุประกอบดว ยประโยชน โดยกาลอนั ควร แมข อ นก้ี เ็ ปน ศีลของเธอประการหนึง่ . ๘. เธอเวน ขาดจากการพรากพืชคาม และภูตคาม. ๙. เธอฉันหนเดยี ว เวนการฉนั ในราตรี งดเวน การฉันในเวลาวกิ าล. ๑๐. เธอเวน ขาดจากการฟอนราํ ขบั รอ ง ประโคมดนตรี และดกู ารเลน อันเปน ขาศึกแกก ศุ ล. ๑๑. เธอเวนขาดจากการทดั ทรงประดบั และตกแตง รา งกาย ดว ยดอกไม ของหอม และเครอ่ื งประเทืองผวิ อันเปน ฐานแหง การแตง ตัว. ๑๒. เธอเวน ขาดจากการน่งั นอนบนท่ีนัง่ ทีน่ อนอนั สูงใหญ. ๑๓. เธอเวนขาดจากการรบั ทองและเงนิ .
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 311 ๑๔. เธอเวนขาดจากการรับธัญญาหารดบิ . ๑๕. เธอเวน ขาดจากการรบั เน้ือดิบ. ๑๖. เธอเวน ขาดจากการรบั สตรี และกมุ าร.ี ๑๗. เธอเวนขาดจากการรบั ทาสี และทาส. ๑๘. เธอเวนขาดจากการรับแพะ และแกะ. ๑๙. เธอเวนขาดจากการรบั ไก เละสกุ ร. ๒๐. เธอเวนขาดจากการรบั ชาง โค มา และลา. ๒๑. เธอเวน ขาดจากการรบั ไรน า และทีด่ นิ . ๒๒. เธอเวนขาดจากการประกอบทูตกรรม และการรับใช. ๒๓. เธอเวนขาดจากการซื้อ การขาย. ๒๔. เธอเวนขาดจากการโกงดว ยตาช่ัง การโกงดวยของปลอมและการโกงดวยเคร่อื งตวงวดั . ๒๕. เธอเวนขาดจากการรับสนิ บน การลอลวง และการตลบ-ตะแลง. ๒๖. เธอเวน ขาดจากการตัด การฆา การจองจาํ การตีชิง การปลน และกรรโชก แมขอนก้ี เ็ ปน ศลี ของเธอประการหน่งึ . จบจุลศลี มชั ฌมิ ศีล (๑๐๔) ๑. ภิกษเุ วน ขาดจากการพรากพชื คาม และภูตคาม เชนอยา งท่ีสมณพราหมณผูเจริญบางจําพวก ฉันโภชนะที่เขาใหด วยศรัทธาแลว ยงั ประกอบการพรากพืชคามและภตู คามเห็นปานน้ี คือพืชเกิดแต
พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 312เงา พืชเกิดแตล าํ ตน พืชเกดิ แตผ ล พชื เกดิ แตย อด พชื เกดิ แตเมล็ดเปน ทคี่ รบหา แมข อนี้กเ็ ปนศีลของเธอประการหน่ึง. (๑๐๕) ๒. ภกิ ษุเวนขาดจากการบรโิ ภคของทีท่ าํ การสะสมไวเชนอยางที่สมณพราหมณผ เู จรญิ บางจําพวก ฉันโภชนะท่เี ขาใหด ว ยศรัทธาแลว ยังประกอบการบริโภคของท่ีทาํ การสะสมไวเ ห็นปานน้ี คือ สะสมขา วสะสมน้าํ สะสมผา สะสมยาน สะสมทนี่ อน สะสมของหอม สะสมอามสิแมขอ นกี้ ็เปนศลี ของเธอประการหน่ึง. (๑๐๖) ๓. ภิกษเุ วน ขาดจากการดูการเลน อนั เปน ขาศกึ แกกศุ ล เชน อยางท่ีสมณพราหมณผ เู จรญิ บางจาํ พวก ฉันโภชนะท่เี ขาใหดวยศรทั ธาแลว ยังขวนขวายดูการเลนอนั เปนขา ศึกแกกศุ ลเหน็ ปานน้ี คอืการฟอนรํา การขบั รอง การประโคม มหรสพ มีการรําเปน ตน การเลา นิยาย การเลน ปรบมอื การเลน ปลกุ ผี การเลนตีกลอง ฉากบานเมอื งท่สี วยงาม การเลนของคนจณั ฑาล การเลนไมส ูง การเลนหนาศพ ชนชา งชนมา ชนกระบอื ชนโค ชนแพะ ชนแกะ ชนไก รบนกกระทาราํ กระบ่กี ระบอง ชกมวย มวยปลาํ้ การรบ การตรวจพล การจดักระบวนทัพ กองทัพ แมขอนี้กเ็ ปน ศลี ของเธอประการหนึง่ (๑๐๗) ๔. ภิกษเุ วน ขาดจากการขวนขวายเลนการพนันอนั เปนทตี่ ้ังแหงความประมาท เชน อยางสมณพราหมณผเู จริญบางจําพวก ฉนัโภชนะท่ีเขาใหดว ยศรัทธาแลว ยงั ขวนขวายเลนการพนัน อนั เปนทต่ี ้งัแหง ความประมาทเห็นปานน้ี คือ เลนหมากรุกแถวละ ๘ ตา แถวละ๑๐ ตา เลน หมากเก็บ เลนดวด เลนหมากไหว เลนโยนบว ง เลน ไมห ่งึเลนกําทาย เลน สะกา เลนเปา ใบไม เลน ไถนอย ๆ เลนหกคะเมน
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 313เลน กังหนั เลน ตวงทราย เลน รถนอ ย ๆ เลนธนูนอ ย ๆ เลน เขยี นทายกนั เลน ทายใจ เลนเลียนคนพกิ าร แมข อ นีก้ เ็ ปนศีลของเธอประการหนึ่ง. (๑๐๘) ๕. ภกิ ษุเวนขาดจากการนงั่ นอนบนท่นี ่ังทีน่ อนอันสงู ใหญเชน อยา งที่สมณพราหมณผ เู จรญิ บางจาํ พวก ฉนั โภชนะที่เขาใหดวยศรัทธาแลว ยงั น่ังนอนบนทนี่ ง่ั ทน่ี อนอันสูงใหเ หน็ ปานน้ี คอื เตียงมีเทา เกินประมาณ เตยี งมีเทา ทําเปนรูปสัตวรา ย ผา โกเชาวขนยาว เครอื่ งลาดท่ีทําดว ยขนแกะวจิ ิตรดว ยลวดลาย เคร่อื งลาดทท่ี าํ ดว ยขนแกะสขี าว เคร่ืองลาดทม่ี สี ณั ฐานเปนชอดอกไม เคร่อื งลาดที่ยัดนนุ เครือ่ งลาดขนแกะวิจิตรดวยรปู สตั วร าย มีสหี ะและเสือเปน ตน เครื่องลาดขนแกะมขี นตัง้เครื่องลาดขนแกะมีขนขา งเดยี ว เครอื่ งลาดทองและเงนิ แกมไหม เคร่ืองลาดไหมขลิบทองและเคร่อื งลาดขนแกะจนุ างฟอ น ๑๖ คน เครอ่ื งลาดหลังชาง เครอ่ื งลาดหลงั มา เครื่องลาดในรถ เครอื่ งลาดที่ทาํ ดวยหนงั สตั วชอ่ื อชนิ ะ อนั มีขนออนนมุ เคร่อื งลาดอยา งดที ําดว ยหนังชะมด เครอื่ งลาดมเี พดาน เครื่องลาดมหี มอนขาง แมขอ นีก้ เ็ ปนศีลของเธอประการหนึ่ง. (๑๐๙) ๖. ภกิ ษเุ วน ขาดจากการประกอบการประดับตกแตงรา งกายอันเปน ฐานแหง การแตง ตวั เชนอยา งทส่ี มณพราหมณผูเ จริญบางจําพวก ฉนั โภชนะทเี่ ขาใหด วยศรทั ธาแลว ยงั ขวนขวายประกอบการประดบั ตกแตง รา งกาย อันเปน ฐานแหง การแตง ตวั เห็นปานนี้ คือ อบตวัไคลอวยั วะ อาบน้าํ หอม นวด สอ งกระจก แตม ตา ทดั ดอกไม ประ-เทืองผวิ ผดั หนา ทาปาก ประดบั ขอมอื สวมเกยี้ ว ใชไมเทา ใชก ลกั ยาใชดาบ ใชข รรค ใชร ม สวมรองเทาประดับวจิ ติ ร ติดกรอบหนา ปก ปน
พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 314ใชพ ดั วาลวชี นี นงุ หมผาขาว นงุ หม ผา มชี าย แมขอ นกี้ เ็ ปนศีลของเธอประการหนึ่ง. (๑๑๐) ๗. ภิกษเุ วน ขาดจากตริ จั ฉานกถา เชน อยางท่สี มณ-พราหมณผ เู จรญิ บางจาํ พวก ฉันโภชนะทีเ่ ขาใหด ว ยศรทั ธาแลว ยงั ประ-กอบตริ จั ฉานกถาเห็นปานนี้ คอื พดู เรื่องพระราชา เรอ่ื งโจร เรื่องมหาอํามาตย เรื่องกองทพั เรอ่ื งภยั เร่ืองรบ เรือ่ งขา ว เรอื่ งน้ํา เรอ่ื งผา เรื่องทีน่ อน เรอื่ งดอกไม เร่อื งของหอม เรื่องญาติ เรื่องยานเรอ่ื งบา น เรือ่ งนคิ ม เรื่องนคร เรื่องชนบท เรอ่ื งสตรี เรื่องบรุ ษุเรือ่ งคนกลา หาญ เรื่องตรอก เรื่องทานํ้า เร่ืองคนทีล่ วงลับไปแลว เรื่องเบด็ เตล็ด เรื่องโลก เร่ืองทะเล เร่ืองความเจริญและความเสื่อมดวยประการนัน้ ๆ แมข อนีก้ ็เปนศลี ของเธอประการหนึง่ . (๑๑๑) ๘. ภิกษุเวนขาดจากการกลา วคาํ แกง แยง กนั เชน อยา งทีส่ มณพราหมณผเู จริญบางจําพวก ฉันโภชนะท่ีเขาใหดวยศรัทธาแลวยงั ขวนขวายกลาวถอ ยคาํ แกงแยง กันเห็นปานน้ี เชนวา ทา นไมร ทู ่วั ถึงธรรมวนิ ยั นี้ ขา พเจารูตัวถึง ทา นจักรูทว่ั ถงึ ธรรมวินยั นไี้ ดอ ยางไร ทา นปฏบิ ตั ิผิด ขาพเจาปฏิบตั ิถกู ถอยคําของขา พเจา เปน ประโยชน ของทา นไมเ ปน ประโยชน คําทค่ี วรจะกลาวกอน ทานกลบั กลา วภายหลัง คาํ ที่ควรจะกลาวภายหลงั ทานกลบั กลา วกอน ขอ ทีท่ านเคยชาํ่ ชองมา ผันแปรไปแลว ขาพเจา จับผิดวาทะของทานไดแ ลว ขาพเจา ขม ทา นไดแ ลวทานจงถอนวาทะเสีย มฉิ ะน้นั จงแกไขเสีย ถา สามารถ แมข อ น้ีกเ็ ปน ศลีของเธอประการหน่งึ . (๑๑๒) ๙. ภิกษเุ วนขาดจากการประกอบทูตกรรม และการรับ
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 315ใช เชนอยา งทีส่ มณพราหมณผ ูเ จรญิ บางจาํ พวก ฉันโภชนะท่ีเขาใหดว ยศรัทธาแลว ยงั ขวนขวายประกอบทตู กรรมและการรบั ใชเหน็ ปานน้ี คือรับเปนทูตของพระราชา ราชมหาอาํ มาตย กษัตริย พราหมณ คฤหบดีและกุมารวา ทานจงไปในที่น้ี ทา นจงไปในที่โนน ทา นจงนําเอาสง่ิ นี้ไปทา นจงนาํ เอาสง่ิ นใ้ี นท่โี นนมา ดังน้ี แมข อ นกี้ เ็ ปน ศลี ของเธอประการหนงึ่ . (๑๑๓) ๑๐. ภิกษุเวนขาดจากการพูดหลอกลวง และการพูดเลยี บเคยี ง เชนอยา งทส่ี มณพราหมณผ เู จริญบางจาํ พวก ฉันโภชนะที่เขาใหด วยศรัทธาแลว ยงั พดู หลอกลวง พูดเลยี บเคียง พูดหวา นลอม พูดและเลม็ แสวงหาลาภดว ยลาภ แมขอ นกี้ เ็ ปนศีลของเธอประการหนงึ่ . จบมชั ฌิมศีล มหาศีล (๑๑๔ ) ๑. ภิกษุเวน ขาดจากการเลย้ี งชีพโดยทางผดิ ดวยติรจั ฉาน-วชิ า เชนอยา งท่สี มณพราหมณผูเจริญบางจาํ พวก ฉันโภชนะที่เขาใหด ว ยศรทั ธาแลว ยงั เลี้ยงชพี โดยทางผิดดว ยติรัจฉานวิชาเหน็ ปานนี้ คอื ทายอวัยวะ ทายนิมติ ทายฟาผาเปน ตน ทาํ นายฝน ทาํ นายลกั ษณะ ทํานายหนกู ัดผา ทาํ พธิ ีบูชาไฟ ทาํ พธิ ีเบิกแวน เวยี นเทยี น ทาํ พิธซี ัดแกลบบชู าไฟ ทําพธิ ีซดั ราํ บชู าไฟ ทําพธิ ีซดั ขาวสารบชู าไฟ ทาํ พิธีเติมเนยบูชาไฟ ทาํ พิธเี ติมน้าํ มันบูชาไฟ ทาํ พธิ ีเสกเปา บชู าไฟ ทําพลีกรรมดว ยโลหติ เปน หมอดอู วยั วะ ดูลักษณะท่ีบา น ดูลักษณะทน่ี า เปน หมอปลกุ เสก เปนหมอผี เปน หมอลงเลขยันตคุมกันบานเรือน เปน หมองู
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 316เปน หมอยาพิษ เปนหมอแมลงปอ ง เปนหมอรกั ษาแผลหนกู ดั เปน หมอทายเสยี งนก เปน หมอทายเสียงกา เปน หมอทายอายุ เปนหมอเสกกันลูกศร เปนหมอทายเสยี งสัตว แมขอ น้ีกเ็ ปน ศีลของเธอประการหนึง่ (๑๑๕) ๒. ภกิ ษเุ วน ขาดจากการเลี้ยงชพี โดยทางผดิ ดว ยตริ ัจฉาน-วชิ า เชนอยา งที่สมณพราหมณผ เู จริญบางจําพวก ฉันโภชนะท่เี ขาใหด วยศรทั ธาแลว ยังเลย้ี งชพี โดยทางผิดดวยตริ จั ฉานวิชาเห็นปานน้ี คอืทายลกั ษณะแกวมณี ทายลกั ษณะผา ทายลกั ษณะไมพลอง ทายลกั ษณะศาตรา ทายลกั ษณะดาบ ทายลกั ษณะศร ทายลกั ษณะธนู ทายลักษณะอาวธุ ทายลักษณะสตรี ทายลักษณะบรุ ษุ ทายลกั ษณะกมุ าร ทายลักษณะกมุ ารี ทายลกั ษณะทาส ทายลักษณะทาสี ทายลักษณะชา ง ทายลกั ษณะมา ทายลักษณะกระบอื ทายลกั ษณะโคอสุ ภะ ทายลักษณะโค ทายลักณะแพะ ทายลักษณะแกะ ทายลักษณะไก ทายลักษณะนกกระทําทายลกั ษณะเหี้ย ทายลักษณะตนุ ทายลกั ษณะเตา ทายลกั ษณะมฤคแมข อนี้กเ็ ปน ศีลของเธอประการหน่ึง. (๑๑๖) ๓. ภกิ ษเุ วนขาดจากการเล้ียงชพี โดยทางผิดดว ยติรจั ฉาน-วิชา เชนอยางทีส่ มณพราหมณผูเจริญบางจําพวก ฉนั โภชนะทีเ่ ขาใหดว ยศรัทธาแลว ยังเลี้ยงชพี โดยทางผิดดวยตริ จั ฉานวชิ าเหน็ ปานนี้ คือดูฤกษย าตราทพั วาพระราชาจกั ยกออก พระราชาจกั ไมยกออก พระราชาภายในจกั ยกเขาประชดิ พระราชาภายนอกจักถอย พระราชาภายนอกจกั ยกเขา ประชิด พระราชาภายในจักถอย พระราชาภายในจักมีชยัพระราชาภายนอกจักปราชัย พระราชาภายนอกจกั มชี ัย พระราชาภายในจกั รปราชัย พระราชาองคน ้ีจกั มชี ยั พระราชาองคน จ้ี กั ปราชัย เพราะเหตนุ ้ี ๆ
พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 317แมข อนี้กเ็ ปน ศลี ของเธอประการหน่ึง. (๑๑๗) ๔. ภิกษุเวน ขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผดิ ดว ยติรจั ฉาน-วชิ า เชนอยา งท่ีสมณพราหมณบ างจําพวก ฉันโภชนะทเ่ี ขาใหด ว ยศรัทธาแลว ยังเลย้ี งชีพโดยทางผดิ ดวยดิรจั ฉานวิชาเห็นปานน้ี คือ พยากรณว าจกั มจี นั ทรคราส จกั มีสุรยิ คราส จกั มีนักษตั รคราส ดวงจนั ทรดวงอาทิตยจกั เดินถกู ทาง ดวงจนั ทรด วงอาทติ ยจ กั เดนิ ผิดทาง ดาวนกั ษตั รจกั เดินถกู ทาง ดาวนกั ษตั รจกั เดนิ ผิดทาง จกั มีอกุ กาบาต จักมีดาวหาง จักมีแผน ดินไหว จักมีฟา รอ ง ดวงจนั ทรดวงอาทิตยและดาวนกั ษตั รจกั ขน้ึดวงจันทรด วงอาทิตยและดาวนกั ษัตรจกั ตก ดวงจนั ทรด วงอาทิตยแ ละดาวนักษัตรจกั มวั หมอง ดวงจันทรด วงอาทติ ยและดาวนักษัตรจักกระจา งจันทรคราสจักมีผลเปนอยา งนี้ สุรยิ คราสจกั มีผลเปน อยา งนี้ นกั ษตั รคราสจกั มผี ลเปน อยางนี้ ดวงจันทรด วงอาทิตยเดนิ ถกู ทางจกั มีผลเปนอยา งนี้ดวงจันทรด วงอาทิตยเ ดินผดิ ทางจักมีผลเปนอยางนี้ ดาวนกั ษตั รเดนิ ถูกทางจักมผี ลเปน อยางนี้ ดาวนกั ษัตรเดินผิดทางจกั มีผลเปน อยา งน้ี มีอุกกา-บาตจกั มผี ลเปนอยา งนี้ มดี าวหางจกั มีผลเปนอยางนี้ แผนดนิ ไหวจักมผี ลเปนอยา งนี้ ฟา รองจกั มีผลเปนอยางน้ี ดวงจนั ทรด วงอาทิตยและดาวนักษตั รขึน้ จักมีผลเปนอยางนี้ ดวงจนั ทรดวงอาทติ ยแ ละดาวนกั ษัตรตกจกั มผี ลเปน อยางน้ี ดวงจนั ทรดวงอาทติ ยและดาวนักษตั รมัวหมองจักมผี ลเปน อยางน้ี ดวงจนั ทรด วงอาทติ ยและดาวนกั ษัตรกระจางจกั มีผลเปนอยางน้ี แมขอน้ีกเ็ ปน ศลี ของเธอประการหน่ึง. (๑๑๘) ๕. ภิกษุเวน ขาดจากการเลย้ี งชพี โดยทางผดิ ดวยตริ จั ฉานวชิ า เชนอยางที่สมณพราหมณผ ูเจริญบางจําพวก ฉนั โภชนะทเ่ี ขาใหดวย
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 318ศรัทธาแลว ยังเลีย้ งชพี โดยทางผดิ ดว ยตริ จั ฉานวชิ าเหน็ ปานน้ี คอืพยากรณว า จักมฝี นดี จกั มฝี นแลง จกั มีภกิ ษาหาไดงา ย จกั มภี กิ ษาหาไดยาก จักมีความเกษม จกั มีภยั จักเกดิ โรค จกั มคี วามสาํ ราญหาโรคมิได หรอื นบั คะแนนคาํ นวณ นับประมวลแตง กาพย โลกายตศาสตรแมขอน้ีกเ็ ปนศลี ของเธอประการหน่งึ . (๑๑๙) ๖. ภกิ ษุเวนขาดจากการเลี้ยงชพี โดยทางผดิ ดว ยติรจั ฉาน-วชิ า เชนอยา งทส่ี มณพราหมณผ ูเจริญบางจําพวก ฉันโภชนะทเี่ ขาใหดวยศรทั ธาแลว ยังเล้ยี งชีพโดยทางผิดดวยติรจั ฉานวิชาเหน็ ปานนี้ คือ ใหฤกษอ าวาหมงคล ใหฤ กษว วิ าหมงคล ดฤู กษเรียงหมอน ดฤู กษหยารา งดฤู กษเก็บทรัพย ดูฤกษจ า ยทรัพย ดูโชคดี ดูเคราะห ใหย าผดุงครรภรา ยมนตใหลนิ้ กระดาง รา ยมนตใ หค างแขง็ รา ยมนตไ หมือส่ัน รา ยมนตใหหไู มไดย ินเสยี ง เปน หมอทรงกระจก เปน หมอทรงหญงิ สาว เปนหมอทรงเจา บวงสรวงพระอาทติ ย บวงสรวงทา วมหาพรหม รา ยมนตพ น ไฟทําพธิ ีเชิญขวัญ แมข อ น้กี ็เปนศลี ของเธอประการหนึ่ง. (๑๒๐) ๗. ภิกษุเวนขาดจากการเล้ยี งชพี โดยทางผิดดว ยติรจั ฉาน-วิชา เชนอยา งท่สี มณพราหมณผ เู จรญิ บางจาํ พวก ฉันโภชนะที่เขาใหด วยศรทั ธาแลว ยังเล้ยี งชพี โดยทางผดิ ดว ยตริ จั ฉานวชิ าเหน็ ปานนี้ คือ ทาํพิธบี นบาน ทําพธิ แี กบน รา ยมนตขับผี สอนมนตป อ งกนั บานเรอื นทาํ กะเทยใหก ลับเปน ชาย ทาํ ชายใหกลายเปนกะเทย ทําพธิ ีปลูกเรอื นทาํ พธิ บี วงสรวงพนื้ ท่ี พน นํา้ มนต รดนํา้ มนต ทําพธิ ีบูชาไฟ ปรงุ ยาสาํ รอก ปรงุ ยาถาย ปรุงยาถา ยโทษเบื้องบน ปรงุ ยาถา ยโทษเบือ้ งลา งปรงุ ยาแกปวดศีรษะ หุงน้ํามันหยอดหู ปรงุ ยาตา ปรุงยานตั ถุ ปรุงยา
พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 319ทากดั ปรงุ ยาทาสมาน ปายยาตา ทําการผา ตัด รกั ษาเด็ก ชะแผลแมข อ นี้กเ็ ปนศลี ของเธอประการหน่ึง. (๑๒๑) มหาบพติ ร ภกิ ษสุ มบรู ณด ว ยศีลอยางน้ี ยอมไมประสบภยั แตไหน ๆ เลย เพราะศีลสังวรนน้ั เปรยี บเหมอื นกษัตรยิ ผไู ดมุรธาภิเษกกาํ จัดราชศัตรไู ดแลว ยอ มไมประสบภยั แตไ หน ๆ เพราะราชศตั รนู ้ันมหาบพติ ร ภิกษกุ ฉ็ นั นน้ั นน่ั แล สมบูรณด วยศีลอยา งนแ้ี ลว ยอ มไมประสบภัยแตไ หน ๆ เพราะศีลสงั วรน้ัน ภกิ ษสุ มบูรณดวยอรยิ ศลี ขนั ธนี้ยอ มไดเสวยสขุ อนั ปราศจากโทษในภายใน มหาบพิตร ภกิ ษุช่ือวาเปนผูถงึ พรอมดว ยศีล ดวยประการดงั กลา วมาน้ีแล. จบมหาศีล อินทรียสังวร (๑๒๒) มหาบพิตร อยางไร ภิกษชุ ื่อวา เปน ผูคมุ ครองทวารในอินทรียท ั้งหลาย. มหาบพติ ร ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยนี้ เหน็ รูปดว ยจักษุแลว ไมถือนิมิตไมถ อื อนุพยญั ชนะ เธอยอ มปฏิบตั ิเพื่อสํารวมจักขนุ ทรีย ทีเ่ ม่ือไมสาํ รวมแลว จะเปนเหตุใหอ กุศลธรรมอันลามก คืออภชิ ฌาและโทมนสั ครอบงํานน้ั ชอ่ื วา รักษาจกั ขนุ ทรยี ชื่อวาถึงความสํารวมในจกั ขุนทรยี ภกิ ษุฟงเสียงดว ยโสต................ดมกลน่ิ ดว ยฆานะ...............ลิ้มรสดวยชวิ หา................ ถูกตองโผฏฐพั พะดว ยกาย................. รูเ เจงธรรมารมณด วยใจแลว ไมถอื นิมิต ไมถืออนุพยญั ชนะ เธอยอมปฏิบัตเิ พือ่ สาํ รวมมนินทรยี
พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 320ที่เมือ่ ไมสํารวมแลว จะเปนเหตใุ หอกุศลธรรมอนั ลามก คืออภิชฌาและโทมนัสครอบงาํ นนั้ ชื่อวา รกั ษามนนิ ทรยี ชอ่ื วา ถึงความสํารวมในมนนิ ทรยี ภกิ ษุประกอบดว ยอินทรียส งั วรอันเปนอรยิ ะเชน น้ี ยอมไดเสวยสขุ อนั ไมระคนดวยกเิ ลสในภายใน มหาบพิตร ภิกษชุ อ่ื วา เปน ผคู มุ ครองทวารในอนิ ทรียท ั้งหลาย ดว ยประการดังกลา วมาน้ีแล. (๑๒๓) มหาบพิตร อยางไร ภิกษุช่ือวา เปน ผปู ระกอบดว ยสติสัมปชัญญะ. มหาบพิตร ภิกษุในธรรมวนิ ยั นี้ ยอมทาํ ความรูส ึกตัวในการกา วในการถอย ในการแล ในการเหลียว ในการคเู ขา ในการเหยยี ดออกในการทรงสังฆาฏิ บาตร และจวี ร ในการฉัน ในการดม่ื ในการเคีย้ วในการลม ในการถายอุจจาระปส สาวะ ยอ มทาํ ความรูสึกตัวในการเดนิการยืน การนั่ง การหลับ การตนื่ การพูด การนิง่ มหาบพิตร ภิกษุช่ือวา เปนผูประกอบดว ยสตสิ ัมปชญั ญะ ดว ยประการดังกลาวมาน้ีแล. (๑๒๔) มหาบพิตร อยา งไร ภกิ ษชุ ือ่ วา เปน ผสู นั โดษ. มหาบพิตร ภิกษุในธรรมวนิ ยั น้ี เปน ผสู ันโดษดว ยจวี รเปนเคร่อื งบริหารกาย ดว ยบณิ ฑบาตเปน เครือ่ งบริหารทอ ง เธอจะไปทางทิสาภาคใด ๆ ก็ถือไปไดเอง มหาบพิตร นกมีปกจะบินไปทางทิสาภาคใด ๆ ก็มแี ตปกของตัวเปนภาระบนิ ไปฉนั ใด ภิกษกุ ็ฉันนน้ั แล เปนผูสนั โดษดว ยจีวรเปน เครอื่ งบรหิ ารกาย ดวยบิณฑบาตเปน เครื่องบรหิ ารทอง เธอจะไปทางทิสาภาคใด ๆ กถ็ อื ไปไดเอง มหาบพติ ร ภกิ ษุช่อื วาเปน ผูส ันโดษ ดว ยประการดังกลาวมาน้แี ล. (๑๒๕) ภกิ ษนุ ้นั ประกอบดว ยศลี ขนั ธ อินทรยี ส ังวร สตสิ มั ป-
พระสุตตันตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 321ชัญญะ และสันโดษอันเปนอริยะเชนนีแ้ ลว ยอมเสพเสนาสนะอนั สงัดคอื ปา โคนไม ภเู ขา ซอกเขา ถาํ้ ปาชา ปาชฏั ทแ่ี จง ลอมฟางในกาลภายหลงั ภัต เธอกลบั จากบณิ ฑบาตแลว นั่งขัดสมาธิ ต้ังกายตรงดํารงสตไิ วเฉพาะหนา เธอละความเพง เลง็ ในโลก มใี จปราศจากความเพงเลง็ อยู ยอมชาํ ระจติ ใหบริสุทธจิ์ ากความเพง เล็งได ละความประทุษรายคอื พยาบาท ไมค ดิ พยาบาท มคี วามกรุณา หวงั ประโยชนแ กส ตั วท ้ังปวงอยู ยอมชําระจติ ใหบ ริสุทธ์ิจากความประทษุ รายคือพยาบาทได ละถ่นิ มทิ ธะแลว เปนผูปราศจากถนี มิทธะ มีความกําหนดหมายอยูท ีแ่ สงสวา ง มสี ติสัมปชัญญะอยู ยอ มชําระจติ ใหบ รสิ ทุ ธิ์จากถีนมิทธะได ละอทุ ธจั จกุกกจุ จะแลว เปน ผไู มฟงุ ซาน มจี ติ สงบอยู ณ ภายใน ยอ มชําระจิตใหบ ริสุทธ์ิจากอทุ ธจั จกกุ กจุ จะได ละวิจิกจิ ฉาแลว เปนผขู ามวิจกิ จิ ฉา ไมม คี วามคลางแคลงในกุศลธรรมท้งั หลายอยู ยอมชาํ ระจิตใหบ รสิ ุทธิ์จากวจิ กิ จิ ฉาได. (๑๒๖) มหาบพิตร เปรยี บเหมอื นบรุ ษุ จะพึงกูหนี้ ไปประกอบการงาน การงานของเขาจะพึงสาํ เรจ็ ผล เขาจะพึงใชหน้ีท่เี ปนตน ทุนเดมิใหหมดสนิ และทรพั ยท ่ีเปน กาํ ไรของเขาจะพึงมเี หลืออยสู าํ หรับเลย้ี งภรยิ าเขาพงึ มคี วามคิดอยางนีว้ า เม่ือกอนเรากูหนไี้ ปประกอบการงาน บัดน้ีการงานของเราสําเรจ็ ผลแลว เราไดใชห น้ีที่เปนตนทนุ เดิมใหห มดสิ้นแลวและทรพั ยท เ่ี ปนกําไรของเรา ยงั มีเหลืออยสู ําหรับเลย้ี งภรยิ า ดังน้ี เขาจะพงึ ไดความปราโมทยถ ึงความโสมนสั มีความไมมีหนน้ี ้นั เปน เหตุ ฉนั ใด. มหาบพติ ร เปรยี บเหมือนบรุ ษุ จะพึงเปน ผมู ีอาพาธ ถงึ ความลําบากเจ็บหนัก บรโิ ภคอาหารไมไ ด และไมม ีกาํ ลงั กาย สมยั ตอ มา เขาพงึ
พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 322หายจากอาพาธนั้น บรโิ ภคอาหารได และมีกําลงั กาย เขาจะพึงคดิ อยางน้ีวา เมื่อกอนเราเปนผมู ีอาพาธ ถึงความลาํ บาก เจบ็ หนกั บริโภคอาหารไมไ ด และไมมีกําลังกาย บดั นี้ เราหายจากอาพาธน้นั แลว บริโภคอาหารได และมกี ําลังกาย ดงั นี้ เขาจะพึงไดค วามปราโมทย ถงึ ความโสมนัส มคี วามไมม ีโรคนั้นเปน เหตุ ฉนั ใด. มหาบพิตร เปรียบเหมือนบุรษุ จะพึงถกู จําอยใู นเรือนจาํ สมัยตอ มา เขาพึงพนจากเรือนจาํ นนั้ โดยสวัสดี ไมม ภี ัย ไมตองเสยี ทรพั ยอะไร ๆ เลย เขาจะพึงคดิ อยางนี้วา เมอ่ื กอนเราถูกจองจาํ อยใู นเรอื นจําบัดนเ้ี ราพนจากเรือนจําน้ันโดยสวสั ดี ไมมีภยั แลว และเราไมตองเสยี ทรัพยอะไร ๆ เลย ดังน้ี เขาจะพงึ ไดค วามปราโมทย ถงึ ความโสมนสั มกี ารพนจากเรอื นจํานั้นเปน เหตุ ฉันใด. มหาบพติ ร เปรยี บเหมือนบรุ ษุ จะพงึ เปน ทาส ไมไดพึ่งตวั เองพง่ึ ผูอื่น ไปไหนตามความพอใจไมไ ด สมัยตอ มา เขาพึงพนจากความเปนทาสนน้ั พึง่ ตวั เอง ไมต องพงึ่ ผอู ืน่ เปนไทยแกตัว ไปไหนไดตามความพอใจ เขาจะพงึ มีความคิดอยา งน้ีวา เมื่อกอ นเราเปนทาส พงึ่ ตัวเองไมได ตองพึ่งผูอื่น ไปไหนตามความพอใจไมได บดั นี้เราพน จากความเปนทาสน้ันแลว พ่ึงตวั เอง ไมตอ งพ่งึ ผูอ่ืน เปนไทยแกต ัว ไปไหนไดตามความพอใจ ดังนี้ เขาจะพงึ ไดความปราโมทย ถึงความโสมนสัมีความเปนไทยแกตัวนนั้ เปนเหตุ ฉันใด. มหาบพิตร เปรียบเหมือนบรุ ษุ มีทรัพย มีโภคสมบัติ พึงเดินทางไกลกนั ดาร หาอาหารไดย าก มภี ัยเฉพาะหนา สมัยตอมา เขาพึงขามพนทางกันดารนัน้ ได บรรลุถึงหมบู านอันเกษม ปลอดภยั โดยสวัสดี
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 323เขาจะพงึ มคี วามคิดอยา งนวี้ า เมอื่ กอนเรามที รัพย มโี ภคสมบัติ เดนิ ทางไกลกันดาร หาอาหารไดย าก มภี ัยเฉพาะหนา บดั นี้ เราขา มพนทางกนั ดารน้นั บรรลถุ ึงหมูบ า นอันเกษม ปลอดภัย โดยสวัสดีแลว ดงั นี้เขาจะพึงไดความปราโมทย ถงึ ความโสมนัส มภี ูมสิ ถานอันเกษมน้ันเปนเหตุ ฉนั ใด. มหาบพิตร ภิกษุพจิ ารณาเหน็ นิวรณ ๕ ประการเหลา น้ี ท่ยี ังละไมไ ดในตนเหมือนหน้ี เหมือนโรค เหมือนเรอื นจํา เหมอื นความเปนทาส เหมอื นทางไกลกันดาร และเธอพิจารณาเห็นนวิ รณ ๕ ประการที่ละไดแ ลว ในตน เหมอื นความไมมหี นี้ เหมอื นความไมม โี รค เหมอื นการพน จากเรือนจาํ เหมอื นความเปนไทยแกตน เหมอื นภมู ิสถานอันเกษมฉนั นัน้ แล. (๑๒๗) เมอ่ื เธอพิจารณาเหน็ นิวรณ ๕ ประการเหลานี้ท่ลี ะไดแลวในตน ยอ มเกดิ ปราโมทย เมอื่ ปราโมทยแ ลว ยอ มเกดิ ปติ เมื่อมปี ติในใจ กายยอมสงบ เธอมกี ายสงบแลว ยอมไดเ สวยสขุ เมอ่ื มีสขุจิตยอมต้งั ม่นั เธอสงดั จากกาม สงดั จากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌานมีวิตก มีวิจาร มีปต ิและสขุ เกิดแตวเิ วกอยู เธอทาํ กายนแ้ี หละใหช ุมชน่ืเอิบอม่ิ ซาบซานดวยปต ิ และสุขเกิดแตวเิ วก ไมม ีสว นใด ๆ แหงกายของเธอทว่ั ทงั้ ตัวทป่ี ติและสขุ เกิดแตวเิ วกจะไมถ กู ตอ ง. มหาบพติ ร เปรียบเหมอื นพนักงานสรงสนาน หรอื ลูกมือพนักงานสรงสนานผูฉลาด จะพงึ ใสผ งอาบนาํ้ ลงในภาชนะสําริด แลว พรมดวยนาํ้หมกั ไว ตกเวลาเยน็ กอนผงอาบน้าํ ซึง่ ยางซึมไปจบั ตดิ กันทวั่ ทั้งหมดยอมไมกระจายออกฉนั ใด ภกิ ษุกฉ็ นั นัน้ แล ทาํ กายน้แี หละใหชมุ ชนื่
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 324เอบิ อ่ิม ซาบซา น ดว ยปต ิและสุขเกดิ แตว เิ วก ไมม สี วนใด ๆ แหง กายของเธอทวั่ ทั้งตวั ทปี่ ต ิและสขุ เกดิ แตวเิ วกจะไมถ กู ตอ ง. มหาบพติ ร นแ้ี หละสามัญญผลท่ีเหน็ ประจกั ษ ทัง้ ดียงิ่ กวา ท้งั ประณีตกวา สามัญญผลทีเ่ หน็ ประจักษขอกอ น ๆ. (๑๒๘) มหาบพิตร อกี ประการหน่ึง ภิกษุบรรลุทุติยฌานมีความผอ งใสแหงใจในภายในเปน ธรรมเอกผุดข้ึน เพราะวิตก วจิ ารสงบไป ไมมวี ิตก ไมมวี จิ าร มีปต ิ และสขุ เกดิ แตส มาธอิ ยู เธอทาํ กายน้แี หละ ใหช ุม ชน่ื เอิบอิ่ม ซาบซา น ดว ยปต ิและสขุ เกดิ แตส มาธิ ไมม ีสว นใด ๆ แหง กายของเธอทว่ั ทง้ั ตัว ที่ปต แิ ละสขุ เกิดแตสมาธจิ ะไมถ ูกตอง. มหาบพิตร เปรียบเหมือนหวงนํา้ ลึก มนี ้าํ ปน ปวน ไมม ที างท่ีนาํ้จะไหลมาได ทง้ั ในดา นตะวนั ออก ดานใต ดา นตะวันตก ดา นเหนอืทง้ั ฝนก็ไมตกเพม่ิ ตามฤดกู าล แตส ายน้าํ เย็น พขุ นึ้ จากหว งนํ้าน้ันแลวจะพงึ ทาํ หอ งนาํ้ น้ันแหละใหชมุ ชน่ื เอบิ อ่ิม ซาบซานดว ยนา้ํ เยน็ ไมมีเอกเทศไหน ๆ แหงหวงนํ้านั้นทง้ั หมด ทน่ี ํา้ เย็นจะไมพึงถูกตอ งฉนั ใดภิกษุกฉ็ นั น้ันแล ยอ มทาํ กายน้ีแหละใหชุมชนื่ เอิบอมิ่ ซาบซา นดวยปติและสขุ เกิดแตส มาธิ ไมมสี วนใด ๆ แหงกายของเธอทัว่ ทงั้ ตวั ทป่ี ต ิและสุขเกิดแตส มาธิจะไมถ กู ตอ ง มหาบพติ ร นี้แหละสามญั ญผลทเ่ี หน็ ประจกั ษทง้ั ดยี ่ิงกวา ท้งั ประณตี กวาสามัญญผลทีเ่ ห็นประจกั ษข อกอ น ๆ. (๑๒๙) มหาบพติ ร อกี ประการหนึ่ง ภิกษมุ อี เุ บกขา มสี ติมสี มั ปชญั ญะ เสวยสุขดวยนามกายเพราะปต ิสนิ้ ไป บรรลุตติยฌาน ท่ีพระอรยิ ะทง้ั หลายสรรเสรญิ วา ผไู ดฌ านนี้เปน ผมู ีอุเบกขา มีสติอยูเปนสุข เธอทาํ กายน้ใี หชมุ ชน่ื เอิบอ่ิม ซาบซา นดวยสขุ อันปราศจากปติ
พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 325ไมมสี ว นใด ๆ แหง กายของเธอทั่วท้ังตัว ท่สี ุขอันปราศจากปติจะไมถ ูกตอ ง. มหาบพติ ร เปรยี บเหมอื นในกอบวั ขาบ ในกอบัวหลวง หรือในกอบัวขาว ดอกบัวขาบ ดอกบวั หลวง หรือดอกบัวขาว บางเหลาซึ่งเกดิ ในน้ํา เจรญิ ในนา้ํ ยงั ไมพนนาํ้ จมอยูใ นนา้ํ นาํ้ หลอเล้ียงไว ดอกบัวเหลานัน้ ชมุ ชื่น เอบิ อาบซาบซมึ ดวยนํา้ เยน็ ตลอดยอดตลอดเงา ไมมีสวนใด ๆ แหงดอกบวั ขาบ ดอกบัวหลวง หรอื ดอกบวั ขาว ทว่ั ทุกสว น ท่ีน้าํ เย็นจะไมพ ึงถูกตองฉนั ใด ภิกษกุ ฉ็ ันนั้นแล ยอ มทาํ กายน้ีแหละใหชุมชื่น เอิบอมิ่ ซาบซานดวยสขุ อันปราศจากปตไิ มม สี วนใด ๆ แหงกายของเธอทัว่ ทงั้ ตัว ที่สุขอันปราศจากปติจะไมถ กู ตอ ง มหาบพิตร น้ีแหละสามัญผลท่ีเห็นประจักษ ทง้ั ดยี ิง่ กวา ทง้ั ประณตี กวา สามญั ญผลท่ีเห็นประจกั ษขอกอน ๆ. (๑๓๐) มหาบพติ ร อกี ประการหน่ึง ภกิ ษุบรรลุจตตุ ถฌาน ไมมสี ขุ ไมมีทุกข เพราะละสขุ ละทกุ ข และดับโสมนสั โทมนัสกอน ๆ ไดมีอเุ บกขาเปน เหตุใหส ตบิ ริสุทธิอ์ ยู เธอน่ังแผไปทวั่ กายน้แี หละดวยใจอันบรสิ ทุ ธิผ์ องแผว ไมมีสว นใด ๆ แหงกายของเธอทั่วทงั้ ตัว ทีใ่ จอันบรสิ ุทธิผ์ อ งแผว จะไมถกู ตอ ง. มหาบพิตร เปรยี บเหมอื นบรุ ษุ จะพงึ นง่ั คลุมตวั ตลอดศีรษะดว ยผาขาว ไมม สี วนใด ๆ แหงกายทุก ๆ สวนของเขาทผี่ า ขาวจะไมถูกตอ งฉันใด ภกิ ษกุ ็ฉนั น้ันแล เธอนัง่ แผไปทวั่ กายนแ้ี หละดว ยใจอนั บรสิ ุทธิ์ผอ งแผว ไมมีสว นใด ๆ แหงกายของเธอท่ัวทั้งตวั ทใี่ จอันบริสทุ ธิ์ผอ งแผวจะไมถูกตอง มหาบพติ ร นีแ้ หละสามญั ญผลที่เหน็ ประจกั ษ ทง้ั ดียิ่งกวา ทงั้ ประณตี กวาสามญั ญผลที่เห็นประจกั ษขอ กอน ๆ.
พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 326 (๑๓๑) ภิกษุนน้ั เมือ่ จติ เปนสมาธิ บรสิ ุทธ์ิ ผองแผว ไมมีกเิ ลสปราศจากอปุ กิเลส ออ น ควรแกก ารงาน ตง้ั ม่นั ไมห วั่นไหว อยา งน้ียอ มโนมนอมจิตไปเพอื่ ญาณทสั สนะ เธอยอ มรชู ดั อยา งนีว้ า กายของเรานี้แล มีรูป ประกอบดว ยมหาภูต ๔ เกดิ แตม ารดาบิดา เติบโตขึ้นดว ยขา วสุกและขนมสด ไมเ ท่ียง ตองอบ ตอ งนวดฟน มอี นั ทําลาย และกระจดั กระจายเปน ธรรมดา และวญิ ญาณของเราน้ี กอ็ าศัยอยูในกายน้ีเนือ่ งอยใู นกายน.้ี มหาบพติ ร เปรียบเหมอื นแกว ไพฑูรยอ ันงาม เกิดเอง ๘ เหลี่ยมนายชางเจยี ระไนดีแลว สุกใสแวววาว สมสวนทกุ อยา ง มีดายเขยี ว เหลืองแดง ขาว หรอื นวลรอ ยอยใู นนน้ั บรุ ษุ มจี ักษุจะพงึ หยิบแกว ไพฑูรยน้ันวางไวใ นมอื แลว พิจารณาเหน็ วา แกว ไพฑรู ยนี้งาม เกิดเอง บริสุทธิ์๘ เหลีย่ ม นายชา งเจียระไนดแี ลว สกุ ใสแวววาว สมสว นทกุ อยาง มีดา ยเขียว เหลือง แดง ขาว หรือนวลรอ ยอยใู นน้ันฉนั ใด ภกิ ษกุ ็ฉนั น้ันแล เมือ่ จิตเปน สมาธิ บริสุทธผ์ิ อ งแผว ไมมกี เิ ลส ปราศจากอุปกเิ ลสออน ควรแกการงาน ตงั้ ม่นั ไมห วนั่ ไหว อยา งน้ี ยอมโนม นอ มจิตไปเพ่ือญาณทัสสนะ เธอยอมรูช ัดอยางน้วี า กายของเราน้แี ล มีรูปประกอบดวยมหาภตู ๔ เกดิ แตม ารดาบดิ า เตบิ โตขึน้ ดวยขาวสุกและขนมสดไมเ ที่ยง ตองอบ ตอ งนวดฟน มีอันทําลาย และกระจดั กระจายเปนธรรมดา และวญิ ญาณของเราน้กี ็อาศัยอยูในกายนี้ เนื่องอยใู นกายนี้มหาบพิตร นแ้ี หละสามัญญผลที่เห็นประจักษ ท้งั ดยี ิง่ กวา ท้งั ประณตี กวาสามญั ญผลท่ีเห็นประจกั ษข อ กอน ๆ. (๑๓๒) ภิกษุนั้น เมือ่ จติ เปนสมาธิ บรสิ ทุ ธิ์ ผอ งแผว ไมมีกิเลส
พระสุตตันตปฎก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 327ปราศจากอุปกิเลส ออน ควรแกการงาน ตง้ั มนั่ ไมหวน่ั ไหวอยา งนี้ยอ มโนม นอ มจติ ไปเพื่อนริ มติ รูป อันเกิดแตใ จ คอื นิรมติ กายอนื่ จากกายนี้ มรี ปู เกิดแตใจ มอี วัยวะนอ ยใหญค รบถวน มีอนิ ทรียไมบกพรอ ง. มหาบพิตร เปรียบเหมอื นบรุ ุษจะพงึ ชักไสอ อกจากหญาปลอง เขาจะพึงคดิ อยา งน้ีวา นห้ี ญาปลอ ง น้ีไส หญา ปลองอยา งหนึ่ง ไสอยา งหน่งึแตกไ็ สช กั ออกจากหญาปลองนั่นเอง อีกนยั หน่งึ เปรียบเหมือนบรุ ุษจะพงึ ชกั ดาบออกจากฝก เขาจะพึงคดิ อยา งนว้ี า นดี้ าบ นฝ้ี ก ดาบอยา งหน่ึงฝกอยางหนึง่ แตก็ดาบชักออกจากฝก นนั่ เอง อีกนัยหนึ่ง เปรยี บเหมือนบรุ ษุจะพึงยกงูออกจากขอ ง เขาจะพงึ คิดอยางนี้วา นีง้ ู น้ีของ งอู ยางหนึ่งของอยา งหนง่ึ แตก ง็ ูยกออกจากของน่นั เองฉนั ใด ภกิ ษกุ ฉ็ ันน้นั แลเมือ่ จติ เปน สมาธิ บริสทุ ธิ์ ผอ งแผว ไมม ีกิเลส ปราศจากอุปกเิ ลส ออ นควรแกการงาน ตัง้ มน่ั ไมห ว่นั ไหวอยางน้ี เธอยอมโนมนอมจิตไปเพื่อนิรมติ รูป อนั เกดิ แตใจ คือนริ มิตกายอื่นจากกายน้ี มรี ูปเกิดแตใ จ มีอวยั วะนอยใหญครบถว น มอี นิ ทรยี ไมบ กพรอง มหาบพติ ร นีแ้ หละสามญั ญผลทีเ่ ห็นประจกั ษ ทั้งดยี ่งิ กวา ท้ังประณตี กวา สามญั ญผลทเี่ หน็ประจักษข อกอ น ๆ. (๑๓๓) ภกิ ษนุ นั้ เมื่อจติ เปนสมาธิ บริสทุ ธ์ิ ผอ งแผว ไมมกี ิเลสปราศจากอุปกิเลส ออ น ควรแกก ารงาน ตง้ั มน่ั ไมห วนั่ ไหวอยางนี้ยอ มโนม นอ มจิตไปเพ่ือแสดงฤทธิ์ เธอบรรลุอทิ ธวิ ิธีหลายประการ คอืคนเดยี วเปนหลายคนก็ได หลายคนเปนคนเดียวก็ได ทาํ ใหป รากฏกไ็ ดทาํ ใหหายไปกไ็ ด กะลฝุ ากําแพงภูเขาไปไดไ มติดขดั เหมือนไปในทว่ี างกไ็ ดผุดขนึ้ ดําลง แมใ นแผนดินเหมือนในนา้ํ กไ็ ด เดินบนนา้ํ ไมแ ตกเหมอื น
พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 328เดนิ บนแผน ดนิ ก็ได เหาะไปในอากาศเหมือนนกกไ็ ด ลบู คลําพระจันทรพระอาทติ ยซ ง่ึ มฤี ทธิม์ ีอานุภาพมาก ดวยฝา มือก็ได ใชอํานาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได. มหาบพติ ร เปรยี บเหมอื นชางหมอ หรอื ลกู มือของชา งหมอ ผฉู ลาดเมอ่ื นวดดินดีแลว ตอ งการภาชนะชนดิ ใด ๆ พึงทาํ ภาชนะชนดิ นัน้ ๆใหส ําเรจ็ ได อกี นยั หนง่ึ เปรียบเหมอื นชางงา หรอื ลูกมือของชา งงาผฉู ลาด เมอ่ื แตง งาดแี ลว ตองการเคร่อื งงาชนดิ ใด ๆ พงึ ทาํ เครื่องงาชนิดนน้ั ๆ ใหส ําเรจ็ ได อกี นยั หนง่ึ เปรียบเหมอื นชางทอง หรือลูกมอืของชา งทองผฉู ลาด เมือ่ หลอมทองดแี ลว ตองการทองรปู พรรณชนดิใด ๆ พงึ ทําทองชนิดนัน้ ๆ ใหส ําเร็จไดฉันใด ภกิ ษกุ ็ฉนั นนั้ แล เมอ่ืจิตเปนสมาธิ บรสิ ุทธ์ิ ผองแผว ไมม ีกิเลส ปราศจากอุปกเิ ลส ออ นควรแกการงาน ตัง้ ม่นั ไมห ว่ันไหวอยา งน้ี ยอ มโนมนอ มจติ ไปเพื่อแสดงฤทธ์ิ เธอบรรลุอทิ ธิวิธหี ลายประการ คอื คนเดยี วเปน หลายคนก็ไดหลายคนเปนคนเดียวกไ็ ด ทําใหป รากฏกไ็ ดท ําใหห ายไปกไ็ ดท ะลุฝากําแพงภูเขาไปไดไ มต ดิ ขัด เหมือนไปในทว่ี า งกไ็ ด ผดุ ขึน้ ดําลงในแผน ดินเหมือนในน้ําก็ได เดินบนนํ้าไมแ ตกเหมือนเดินบนแผน ดนิ ก็ได เหาะไปในอากาศเหมอื นนกก็ได ลบู คลําพระจนั ทรพ ระอาทิตยซึ่งมีฤทธ์ิมอี านุภาพมากดวยฝา มอื ก็ได ใชอาํ นาจทางกายไปตลอดพรหมโลกกไ็ ด มหาบพติ รน้แี หละสามัญผลที่เห็นประจักษ ทั้งดยี งิ่ กวา ทั้งประณตี กวาสามัญญผลที่เหน็ ประจักษขอ กอ น ๆ. (๑๓๔) ภกิ ษนุ ั้น เมือ่ จิตเปนสมาธิ บริสุทธ์ิ ผอ งแผว ไมมกี เิ ลสปราศจากอปุ กเิ ลส ออ น ควรแกก ารงาน ต้งั ม่นั ไมห วัน่ ไหวอยา งนี้
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 329ยอ มโนม นอ มจติ ไปเพื่อทิพยโสต เธอยอ มไดยนิ เสียง ๒ ชนดิ คือ เสยี งทพิ ย และเสยี งมนษุ ย ท้งั ที่อยไู กล และใกล ดว ยทพิ ยโสต อนั บรสิ ทุ ธิ์ลวงโสตของมนุษย. มหาบพิตร เปรียบเหมือนบรุ ุษเดินทางไกล เขาจะพึงไดยนิ เสียงกลองบาง เสียงตะโพนบาง เสียงสงั ขบ าง เสยี งบัณเฑาะวบาง เสียงเปง มางบาง เขาจะพึงเขาใจวา เสยี งกลองดงั นีบ้ าง เสียงตะโพนดังน้บี า งเสยี งสังขดงั นี้บา ง เสยี งบัณเฑาะวดังน้บี า ง เสยี งเปงมางดังน้ีบางฉนั ใดภกิ ษกุ ฉ็ ันนน้ั แล เมอ่ื จติ เปน สมาธิ บรสิ ทุ ธิ์ ผอ งแผว ไมมกี ิเลส ปราศจากอุปกเิ ลส ออน ควรแกก ารงาน ตงั้ ม่ัน ไมห ว่ันไหวอยางนี้ ยอมโนม นอ มจิตไปเพ่อื ทพิ ยโสต เธอยอ มไดย นิ เสียง ๒ ชนิด คอื เสียงทพิ ยและเสยี งมนุษย ทัง้ ทอ่ี ยไู กลและอยใู กล ดว ยทิพยโสต อันบรสิ ุทธิ์ ลวงโสตของมนุษย มหาบพติ ร นแ้ี หละสามญั ญผลทเี่ หน็ ประจักษ ท้ังดยี ิ่งกวา ทั้งประณตี วา สามัญญผลทเี่ ห็นประจกั ษขอกอน ๆ. (๑๓๕) ภกิ ษุน้ัน เม่อื จิตเปนสมาธิ บริสทุ ธิ์ ผอ งแผว ไมม ีกิเลสปราศจากอุปกเิ ลส ออ น ควรแกการงาน ต้งั ม่นั ไมห วัน่ ไหวอยา งนี้ยอมโนมนอมจติ ไปเพอ่ื เจโตปรญิ าณ เธอยอมกาํ หนดรใู จของสัตวอ นื่ของบุคคลอน่ื ดวยใจ คอื จติ มีราคะ ก็รูวาจติ มรี าคะ หรือจติ ปราศจากราคะก็รวู า จิตปราศจากราคะ จิตมโี ทสะ กร็ ูวา จติ มโี ทสะ หรือจติ ปราศจากโทสะกร็ ูวา จติ ปราศจากโทสะ จติ มีโมหะ กร็ วู าจติ มโี มหะ หรอื จิตปราศจากโมหะ กร็ ูว าจติ ปราศจากโมหะ จิตหดหู ก็รวู า จติ หดหู หรอื จติ ฟงุ ซา นก็รูวา จติ ฟงุ ซาน จติ เปน มหรคต ก็รวู าจิตเปนมหรคต หรือจิตไมเปนมหรคต ก็รูว า จิตไมเ ปน มหรคต จิตมจี ติ อื่นยิง่ กวา กร็ วู าจติ มจี ติ อน่ื
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 330ย่ิงกวา หรอื จิตไมม ีจติ อื่นย่ิงกวา ก็รวู าจิตไมม จี ติ อืน่ ย่ิงกวา จิตเปนสมาธิ ก็รวู า จิตเปนสมาธิ หรอื จติ ไมเ ปนสมาธิ กร็ ูวาจิตไมเ ปนสมาธิจติ หลุดพน ก็รูวา จิตหลุดพน หรอื จิตไมห ลุดพน ก็รวู าจติ ไมห ลดุ พน . มหาบพิตร เปรียบเหมอื นหญงิ สาวชายหนมุ ทีช่ อบการแตงตวัเม่ือสอ งดเู งาหนา ของตนในกระจก อันบริสทุ ธ์ิสะอาด หรอื ในภาชนะน้ําอันใส หนามไี ฝ กจ็ ะพึงรูวา หนามีไฝ หรือหนาไมม ไี ฝ ก็จะพึงรวู าหนาไมมไี ฝฉันใด ภิกษุก็ฉนั น้ันแล เมือ่ จิตเปนสมาธิ บริสทุ ธิ์ ผอ งแผวไมมกี ิเลส ปราศจากอุปกิเลส ออน ควรแกก ารงาน ตงั้ มนั่ ไมหวั่นไหวอยา งนี้ ยอ มโนม นอ มจิตไปเพอ่ื เจโตปรยิ ญาณ เธอยอ มกําหนดรูใ จของสัตวอ น่ื ของบุคคลอ่นื ดว ยใจ คอื จิตมรี าคะ ก็รูวาจิตมีราคะ หรอื จติปราศจากราคะ ก็รวู า จติ ปราศจากราคะ จติ มีโทสะ ก็รวู าจติ มีโทสะหรอื จติ ปราศจากโทสะ กร็ วู าจิตปราศจากโทสะ จติ มโี มหะ ก็รวู าจติ มีโมหะ หรอื จิตปราศจากโมหะ ก็รวู าจิตปราศจากโมหะ จติ หดหู กร็ วู าจิตหดหู หรอื จิตฟงุ ซาน ก็รวู า จิตฟงุ ซา น จิตเปน มหรคต ก็รวู าจิตเปนมหรคต หรือจติ ไมเปน มหรคต กร็ วู า จิตไมเ ปน มหรคต จติ มจี ิตอื่นยิง่ กวา ก็รวู าจติ มจี ิตอน่ื ยิง่ กวา หรือจิตไมมจี ติ อืน่ ย่ิงกวา ก็รวู าจติ ไมมีจิตอืน่ ยงิ่ กวา จติ เปนสมาธิ ก็รูวาจิตเปน สมาธิ หรือจติ ไมเ ปนสมาธิกร็ วู า จติ ไมเ ปน สมาธิ จติ หลุดพน กร็ ูวาจติ หลดุ พน หรือจิตไมหลุดพนก็รวู าจิตไมหลดุ พน มหาบพติ ร นแ้ี หละสามัญญผลท่ีเห็นประจักษ ท้งัดียงิ่ กวา ทัง้ ประณีตกวา สามัญญผลท่เี ห็นประจกั ษข อกอน ๆ. (๑๓๖) ภกิ ษนุ นั้ เมอ่ื จติ เปนสมาธิ บริสุทธิ์ ผองแผว ไมม ีกิเลส ปราศจากอุปกเิ ลส ออ น ควรแกก ารงาน ต้ังมน่ั ไมห วนั่ ไหว
พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 331อยางนี้ ยอมโนมนอ มจิตไปเพื่อบุพเพนิวาสานุสสตญิ าณ เธอยอมระลกึชาตกิ อนได เปนอนั มาก คือระลึกได ชาติหนง่ึ บา ง สองชาติบา งสามชาตบิ า ง สช่ี าตบิ า ง หา ชาตบิ าง สบิ ชาตบิ า ง ย่สี ิบชาตบิ า ง สามสบิชาติบา ง สสี่ บิ ชาติบา ง หาสบิ ชาติบาง รอยชาติบา ง พันชาตบิ าง แสนชาตบิ าง ตลอดหลายสังวัฏฏกปั บา ง ตลอดหลายวิวฏั ฏกัปบา ง ตลอดหลายสงั วัฏฏวิวฏั ฏกปั บาง วา ในภพโนนเรามีชอ่ื อยางนัน้ มโี คตรอยา งน้นัมผี ิวพรรณอยา งน้ัน มีอาหารอยา งนัน้ เสวยสขุ เสวยทุกขอยา งนัน้ ๆ มีกาํ หนดอายุเพียงเทา นัน้ คร้นั จุติจากภพน่นั แลวไดไ ปเกดิ ในภพโนน แมในภพนน้ั เราก็ไดม ชี ื่ออยางนัน้ มีโคตรอยางนนั้ มผี ิวพรรณอยา งน้ันมอี าหารอยางนัน้ เสวยสุขเสวยทกุ ขอยางนนั้ ๆ มกี าํ หนดอายเุ พยี งเทานนั้คร้ันจุตจิ ากภพนนั้ แลว ไดม าเกิดในภพนี้ เธอยอมระลกึ ถึงชาตกิ อนไดเปน อันมาก พรอ มทงั้ อาการ พรอ มทัง้ อเุ ทศ ดวยประการฉะน้.ี มหาบพิตร เปรียบเหมือนบุรษุ จะพึงจากบานตนไปบานอืน่ แลวจากบานแมน นั้ ไปยงั บา นอนื่ อีก จากบา นนนั้ กลับมาสูบ านของตนตามเดิมเขาจะพึงระลึกไดอ ยางนี้วา เราไดจากบา นของเราไปบานโนน ในบานน้ัน เราไดย ืนอยางนนั้ ไดน ั่งอยางน้นั ไดพ ูดอยางน้ัน ไดน ิง่ อยางน้ันเราไดจากบานแมน น้ั ไปยงั บา นโนน แมใ นบานน้นั เราก็ไดย ืนอยา งนน้ัไดน ่ังอยา งน้ัน ไดพ ดู อยา งน้ัน ไดนง่ิ อยางนัน้ แลวเรากลับจากบานน้ันมาสูบ านของตนตามเดมิ ดงั นี้ ฉนั ใด ภิกษกุ ฉ็ นั น้นั แล เมอื่ จิตเปนสมาธิ บริสทุ ธ์ิ ผอ งแผว ไมมกี ิเลส ปราศจากอปุ กิเลส ออน ควรแกการงาน ตัง้ ม่ัน ไมหวน่ั ไหวอยางน้ี ยอมโนมนอมจติ ไปเพ่ือบุพเพนวิ าสานสุ -สตญิ าณ เธอยอ มระลกึ ถงึ ชาติกอนไดเ ปน อนั มาก คือ ระลึกไดช าตหิ นงึ่
พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 332บาง สองชาตบิ าง สามชาตบิ าง สี่ชาตบิ า ง หา ชาตบิ า ง สิบชาตบิ างยี่สบิ ชาติบาง สามสิบชาตบิ า ง ส่สี ิบชาติบาง หาสิบชาติบา ง รอ ยชาตบิ างพันชาติบาง แสนชาติบาง ตลอดหลายสังวฏั ฏกัปบาง ตลอดหลายววิ ัฏฏกัปบาง ตลอดหลายสังวัฏฏวิวฏั ฏกัปบา ง วา ในภพโนน เรามชี ือ่ อยางน้ัน มีโคตรอยา งนน้ั มผี วิ พรรณอยา งน้ัน มอี าหารอยา งนั้น เสวยสุขเสวยทุกขอยางน้ัน ๆ มกี ําหนดอายเุ พียงเทานน้ั คร้ันจตุ ิจากภพนั้นแลว ไดไ ปเกิดในภพโนน แมใ นภพนน้ั เราก็มีชอ่ื อยางนั้น มีโคตรอยางน้นั มีผิวพรรณอยา งน้นั มีอาหารอยา งนั้น เสวยสขุ เสวยทกุ ขอยา งน้นั ๆ มกี าํ หนดอายุเพยี งเทาน้นั ครน้ั จตุ จิ ากภพนนั้ แลว ไดมาเกดิ ในภพน้ี เธอยอ มระลกึถึงชาตกิ อนไดเ ปน อนั มาก พรอ มท้ังอาการ พรอมทง้ั อเุ ทศ ดว ยประการฉะนี้ มหาบพติ ร น้แี หละสามญั ญผลท่ีเหน็ ประจกั ษ ทัง้ ดยี ิง่ กวา ทัง้ประณีตกวา สามัญญผลท่เี หน็ ประจักษขอกอน ๆ. (๑๓๗) ภิกษนุ ัน้ เม่ือจิตเปนสมาธิ บรสิ ทุ ธ์ิ ผองแผว ไมม กี เิ ลสปราศจากอุปกเิ ลส ออน ควรแกก ารงาน ต้ังมั่น ไมหวั่นไหวอยา งน้ี ยอ มโนมนอ มจติ ไปเพ่อื รจู ุติและอปุ บตั ิของสัตวทั้งหลาย เธอเห็นหมสู ัตวทก่ี ําลังจุติ กําลังอปุ บตั ิ เลว ประณีต มีผวิ พรรณดี มีผวิ พรรณทราม ไดดี ตกยากดวยทพิ ยจกั ษอุ ันบริสุทธ์ิ ลวงจกั ษุของมนษุ ย ยอ มรชู ัดซึง่ หมสู ตั วผ ูเปนไปตามกรรมวา สัตวเหลา นีป้ ระกอบดวยกายทุจรติ วจที จุ ริต มโนทุจริต ตเิ ตียนพระอริยเจา เปนมจิ ฉาทฏิ ฐิ ยึดถอื การกระทําดวยอาํ นาจมจิ ฉาทฏิ ฐิ เบื้องหนา แตต ายเพราะกายแตก เขายอ มเขาถึงอุบาย ทคุ ติ วินบิ าต นรกสว นสัตวเหลา นี้ประกอบดว ยกายสุจรติ วจีสจุ ริต มโนสุจริต ไมต เิ ตียนพระอริยเจา เปน สมั มาทิฏฐิ ยดึ ถอื การกระทาํ ดวยอํานาจสัมมาทฏิ ฐิ
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 333เบ้ืองหนา แตตายเพราะกายแตก เขายอมเขาถงึ สุคตโิ ลกสวรรค ดงั น้ี เธอยอมเหน็ หมสู ตั วท ่กี ําลังจุติ กาํ ลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผวิ พรรณดีมีผวิ พรรณทราม ไดด ี ตกยาก ดว ยทพิ ยจกั ษอุ นั บรสิ ทุ ธ์ิ ลวงจักษุของมนษุ ย ยอมรชู ัดซึ่งหมสู ัตวผูเ ปนไปตามกรรม ดว ยประการฉะน.ี้ มหาบพติ ร เปรียบเหมอื นปราสาทตงั้ อยทู ามกลางทาง ๓ แพรงบรุ ุษผูมจี กั ษุยนื อยูบ นปราสาทน้นั จะพึงเห็นหมชู นกาํ ลงั เขา บานบา ง ออกจากบา นบาง เดินอยูต ามถนนบา ง นงั่ อยูทามกลางทาง ๓ แพรง บา งเขาจะพึงรูว า คนเหลานีเ้ ขา บาน คนเหลานอ้ี อกนอกบาน คนเหลา นี้เดนิ ตามถนน คนเหลานี้น่ังอยทู า มกลางทาง ๓ แพรงฉันใด ภกิ ษุกฉ็ นั นัน้แล เมื่อจิตเปน สมาธิ บริสุทธิ์ ผองแผว ไมมกี ิเลส ปราศจากอุปกิเลสออ น ควรแกการงาน ตง้ั ม่นั ไมห ว่นั ไหวอยา งนี้ ยอ มโนมนอมจติ ไปเพอื่รจู ุติและอปุ บตั ขิ องสัตวท ัง้ หลาย เธอเหน็ หมสู ตั วท ่กี ําลังจุติ กําลงั อปุ บตั ิเลว ประณีต มีผวิ พรรณดี มผี วิ พรรณทราม ไดด ี ตกยา ดวยทิพย-จักษอุ นั บรสิ ุทธ์ิ ลวงจกั ษขุ องมนษุ ย ยอมรูชัดซ่งึ หมูสัตวผูเปนไปตามกรรมวา สตั วเหลา น้ีประกอบดวยกายทจุ รติ วจีทุจริต มโนทจุ ริต ตเิ ตียนพระอรยิ เจา เปนมิจฉาทิฏฐิ ยึดถอื การกระทําดว ยอํานาจมจิ ฉาทฏิ ฐิเบอ้ื งหนา แตตายเพราะกายแตก เขายอมเขาถึงอบาย ทุคติ วนิ ิบาต นรกสวนสตั วเ หลา น้ี ประกอบดวยกายสุจริต วจสี ุจรติ มโนสจุ ริต ไมติเตียนพระอรยิ เจา เปน สัมมาทิฏฐิ ยดึ ถือการกระทําดวยอํานาจสมั มาทฏิ ฐิเบ้อื งหนาแตต ายเพราะกายแตก เขายอ มเขาถงึ สคุ ตโิ ลกสวรรค ดงั น้ี เธอยอ มเหน็ หมูส ตั วท่กี าํ ลงั จุติ กําลังอปุ บัติ เลว ประณตี มผี วิ พรรณดีมีผวิ พรรณทราม ไดด ี ตกยาก ดว ยทิพยจักษอุ นั บริสทุ ธิ์ ลวงจกั ษุ
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 334ของมนษุ ย ยอมรชู ดั ซึ่งหมูสตั วผ เู ปน ไปตามกรรม ดว ยประการฉะน.้ี มหาบพิตร น้แี หละสามญั ญผลที่เห็นประจกั ษ ทงั้ ดยี ิ่งกวา ทัง้ ประณีตกวาสามัญญผลท่ีเหน็ ประจักษขอกอ น ๆ. (๑๓๘) ภิกษุนั้น เม่ือจติ เปน สมาธิ บริสุทธ์ิ ผองแผว ไมมีกเิ ลสปราศจากอปุ กิเลส ออน ควรแกก ารงาน ต้ังมัน่ ไมหว่นั ไหวอยา งนี้ยอมโนม นอ มจิตไปเพ่ืออาสวักขยญาณ ยอ มรชู ดั ตามเปน จริงวา นที้ กุ ขน้ีทุกขสมทุ ัย นท้ี กุ ขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามนิ ปี ฏิปทา ยอมรูช ดั ตามเปนจรงิ วา เหลา นอี้ าสวะ นี้อาสวสมุทัย นอ้ี าสวนิโรธ นอ้ี าสวนิโรธคามนิ ี-ปฏิปทา เม่อื เธอรเู หน็ อยา งนี้ จิตยอมหลดุ พน แมจ ากกามาสวะ แมจ ากภวาสวะ แมจากอวิชชาสวะ เม่ือจิตหลุดพนแลว กม็ ญี าณรวู า หลดุ พนแลว รชู ัดวา ชาติสิน้ แลว พรหมจรรยอยูจ บแลว กจิ ที่ควรทําทําเสร็จแลวกจิ อน่ื เพื่อความเปน อยางน้ีมิไดมี. มหาบพติ ร เปรยี บเหมอื นสระนํา้ บนยอดเขา ใสสะอาด ไมขนุ มวับรุ ษุ ผูมจี กั ษยุ นื อยบู นขอบสระจะพงึ เหน็ หอยโขง และหอยกาบบา ง กอ นกรวดและกอ นหนิ บาง ฝูงปลาบา ง กําลงั วายอยูบา ง หยดุ อยูบ าง ในสระนํา้ น้ัน เขาจะพงึ คิดอยางนวี้ า สระนา้ํ นใ้ี สสะอาดไมขุน มัว หอยโขงและหอยกาบบาง กอ นกรวดและกอ นหินบาง ฝูงปลาบาง เหลา น้กี าํ ลงัวายอยูบาง กาํ ลังหยดุ อยบู า ง ในสระนาํ้ นนั้ ดังนี้ ฉันใด ภิกษุก็ฉนันั้นแล เมอื่ จติ เปนสมาธิ บรสิ ุทธ์ิ ผอ งแผว ไมม กี ิเสส ปราศจากอปุ กเิ ลสออน ควรแกการงาน ตั้งม่ัน ไมหวัน่ ไหวอยา งน้ี ยอมโนม นอมจติ ไปเพ่ืออาสวกั ขยญาณ ยอมรชู ดั ตามความเปน จริงวา นท้ี กุ ข นีท้ ุกขสมทุ ยันท้ี ุกขนโิ รธ นท้ี ุกขนิโรธคามินีปฏปิ ทา ยอมรูช ดั ตามเปนจรงิ วา เหลา นี้
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 335อาสวะ นอ้ี าสวสมทุ ัย นี้อาสวนโิ รธ นอ้ี าสวนโิ รธคามินีปฏิปทา เมื่อเธอรูเ ห็นอยา งนี้ จติ ยอ มหลุดพน แมจ ากกามาสวะ แมจ ากภวาสวะแมจ ากอวชิ ชาสวะ เมอื่ จติ หลุดพนแลว ก็มีญาณรวู า หลดุ พนแลว รชู ัดวา ชาตสิ ้ินแลว พรหมจรรยอยูจบแลว กจิ ทีค่ วรทาํ ทาํ เสร็จแลว กิจอื่นเพือ่ ความเปน อยางนม้ี ไิ ดมี มหาบพิตร นี้แหละสามัญญผลที่เห็นประจกั ษท้ังดียิง่ กวา ทั้งประณีตกวา สามญั ญผลทเี่ ห็นประจกั ษข อ กอนๆ. มหาบพติ รก็สามญั ญผลทเ่ี หน็ ประจักษขออน่ื ท่ีดยี ง่ิ กวา หรอื ประณีตกวาเสามญั ญผลที่เหน็ ประจักษข อ น้ี ยอมไมม.ี (๑๓๙) เมอื่ พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสอยา งนี้แลว พระเจาอชาต-ศัตรูเวเทหิบตุ ร เจาแผน ดินมคธ ไดกราบทูลพระผมู ีพระภาคเจา วาขาแตพระองคผูเจรญิ ภาษิตของพระองคไ พเราะจบั ใจยงิ่ นัก เปรยี บเหมือนหงายของทคี่ ว่าํ เปด ของทป่ี ด บอกทางแกค นหลงทาง หรือสองประทีปในที่มืด ดวยคดิ วา ผมู จี ักษุจักเหน็ รูป ดังนี้ ฉนั ใด พระผมู ีพระภาคเจาทรงประกาศพระธรรมโดยอเนกปริยาย ฉนั นนั้ เหมอื นกัน ขา แตพระองคผเู จรญิ ขา พระองคขอถงึ พระผูม ีพระภาคเจา พระธรรม และพระสงฆวาเปน สรณะ ขอพระผมู ีพระภาคเจา โปรดทรงจาํ ขา พระองค วา เปนอบุ าสกผถู ึงสรณะตลอดชวี ิต ตง้ั แตวันนี้เปนตนไป โทษไดครอบงําขา พระองคซ่ึงเปนคนเขลา คนหลง ไมฉลาด ขาพระองคไดปลงพระชนมชีพพระบิดา ผูดาํ รงธรรม เปน พระราชาโดยธรรม เพราะปรารถนาความเปนใหญ ขอพระผมู พี ระภาคเจา โปรดทรงรับทราบความผิดของขาพระองคโดยเปน ความผิดจรงิ เพอ่ื สาํ รวมตอ ไป พระผมู พี ระภาคเจาตรัสตอบวา จริง มหาบพติ ร ความผิดไดครอบงาํ มหาบพติ รซงึ่ เปน คน
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 336เขลา คนหลง ไมฉลาด มหาบพติ ร ไดปลงพระชนมชีพพระบดิ าผดู ํารงธรรม เปน พระราชาโดยธรรม เพราะปรารถนาความเปน ใหญ แตเ พราะมหาบพิตรทรงเหน็ ความผิดโดยเปนความผดิ จรงิ แลว ทรงสารภาพตามเปน จรงิ ฉะนัน้ ตถาคตขอรบั ทราบความผิดของมหาบพติ ร ก็การทบี่ คุ คลเหน็ ความผดิ โดยเปนความผดิ จริง แลวสารภาพตามเปน จรงิ รบั สังวรตอ ไป นีเ้ ปนวัฒนธรรมในวินยั ของพระอรยิ ะแล. (๑๔๐) เม่ือพระผมู ีพระภาคเจาตรสั อยา งนแี้ ลว พระเจาอชาต-ศตั รูเวเทหิบตุ ร เจา แผน ดนิ มคธ ไดกราบทูลพระผมู พี ระภาคเจาวาขา แตพ ระองคผเู จรญิ ถาเชน นนั้ ขา พระองคมีกิจมาก มกี รณียะมากขอทลู ลาไปในบดั น้ี พระผมู ีพระภาคเจาตรสั วา ขอมหาบพติ รจงทรงทราบเวลา ณ บัดน้เี ถดิ ลําดับนัน้ พระเจาอชาตศตั รูเวเทหิบุตร เจาแผน ดินมคธ ทรงเพลดิ เพลิน ยินดภี าษติ ของพระผมู พี ระภาคเจา ลกุ จากอาสนะถวายบังคมพระผูมพี ระภาคเจา ทรงกระทาํ ประทักษณิ แลวเสดจ็ ไป. ตอจากน้นั พระผมู พี ระภาคเจาตรสั กะภกิ ษทุ ง้ั หลายวา ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย พระราชาพระองคน ถ้ี ูกขดุ เสียแลว พระราชาพระองคน ี้ถูกขจัดเสียแลว หากทาวเธอจักไมป ลงพระชนมชพี พระบดิ าผูด าํ รงธรรมเปน พระราชาโดยธรรมไซร ธรรมจกั ษอุ ันปราศจากธลุ ี ปราศจากมลทนิจกั เกิดขึน้ แกท า วเธอ ณ ท่ปี ระทับนี้ทเี ดยี ว พระผมู ีพระภาคเจาไดตรสั คําเปน ไวยากรณน แ้ี ลวภกิ ษเุ หลา น้นั ชื่นชมยินดภี าษิตของพระผมู พี ระภาคเจาแลว แล. จบสามัญญผลสูตร ที่ ๒
พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 337 ๒. อรรถกถาสามญั ญผลสตู ร พระบาลีสามญั ญผลสูตรวา เอวมเฺ ม สตุ เอก สมย ภควา ราชคเหดังนี้ เปนตน. ในพระบาลีนน้ั มีการพรรณนาตามลาํ ดับบทดังตอ ไปนี้ บทวา ราชคเห ความวา ในพระนครซึ่งมชี ื่ออยางน้นั จริงอยูพระนครนัน้ เรียกกนั วา ราชคฤห เพราะพระเจามันธาตรุ าช และทา นมหาโควนิ ทเ ปน ตน ครอบครอง. ก็ในคาํ วา ราชคฤหน ม้ี ีนกั ปราชญอ นั ๆ พรรณนาไวม ากมาย จะมปี ระโยชนอ ะไร ดว ยคําเหลา น้นั เพราะคํานั้น เปนเพยี งชอ่ื ของเมอื งเทานน้ั . พระนครราชคฤหน ี้ เปน เมืองทัง้ ในพทุ ธกาล ทั้งในจักรพรรดิ-กาล สว นในกาลทเ่ี หลอื เปน เมืองรา ง พวกยักษค รอบครอง เปน ปาที่อยูอาศัยของยกั ษเหลานนั้ . คําวา วหิ รติ น้ี ตามธรรมดาเปนคาํ แสดงถึงความพรอมเพรยี งดว ยวิหารธรรมอยางใดอยา งหนง่ึ ในบรรดาอิริยาบถวหิ ารทิพพวหิ ารพรหมวหิ ารและอรยิ วหิ าร. แตใ นท่ีน้ี แสดงถงึ การยนื เดิน น่งั นอน ซง่ึ เปน อริ ยิ าบถที่ผลดั เปลย่ี นกันเทา นน้ั ฉะนัน้ พระผูม พี ระภาคเจา จะประทับยนื กต็ ามเสด็จดาํ เนนิ ไปก็ตาม ประทบั น่ังกต็ าม บรรทมก็ตาม พงึ ทราบวๆ วหิ รติประทับอยู ทงั้ นน้ั . ดวยวา พระองคท รงบาํ บดั ความลาํ บากแหงอริ ยิ าบถหน่งึดวยอริ ิยาบถหนงึ่ ทรงบริหารอตั ตภาพมิใหท รงลาํ บากพระวรกาย ฉะนั้น
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 338จึงเรียกวา วิหรติ แปลวา ประทับตามสบาย. คําวา ชีวกสฺส โกมารภจจฺ สฺส อมพฺ วเน นี้ เปนคาํ แสดงแหลงที่พาํ นักใกลก รุงราชคฤหน ้ัน พอท่จี ะเขา ไปอาศัยบิณฑบาตได เพราะฉะน้นัในขอน้ีพงึ ทราบเน้อื ความอยางน้วี า คําวา ราชคเห วิหรติ ชวี กสฺสโกมารภจจฺ สฺส อมฺพวเน ความวา ประทบั อยู ณ สวนอัมพวันของหมอชีวกโกมารภัจ กรุงราชคฤห เพราะคํานเ้ี ปน สัตตมวี ิภัตติ ลงในอรรถวา ใกล. ในพระบาลีนนั้ ท่ชี อ่ื วา ชีวก ดว ยอรรถวา ยังเปน อยู ทีช่ ื่อวาโกมารภัจ ดว ยอรรถวา พระราชกุมารทรงชบุ เลย้ี ง. เหมือนอยางทีเ่ ลากนั วา พระอภยั ราชกมุ าร เสด็จไปพบทารกเขารบั ส่งั ถามวา \"อะไรนั่นพนาย ทฝี่ ูงกาลอมอย\"ู ทูลวา \"ทารก พระเจาขา\"\"ยังเปนอยหู รอื \" \"ยงั เปน อยู พระเจา ขา\" \" ถาอยางนน้ั จงนาํ ทารกนนั้ เขา ไปภายในเมืองแลวมอบใหแมน มทง้ั หลายเลย้ี งดไู ว.\" คนท้งั หลายจึงไดต งั้ ช่อื ทารกนน้ั วา ชวี ก เพราะยังเปน อยู และตั้งช่ือวา โกมารภัจ เพราะพระราชกุมารทรงชุบเลยี้ ง. น่เี ปน ความยอ ในเรอ่ื งน้ี สวนความพิสดารเรอ่ื งหมอชวี ก มาแลวในขันธกะน่นั แล แมก ถาท่วี นิ ิจฉยั เร่ืองหมอชีวกน้ี กไ็ ดก ลา วไวแลวในอรรถกถาวินัย ชอ่ื สมนั ตปาสาทิกา. กห็ มอชวี กนี้ สมยั หนึง่ ทาํ ใหพ ระวรกายของพระผูม พี ระภาคเจาซ่ึงหมักหมมดว ยโรค ใหห ายเปนปรกติแลว ถวายผา คหู นึ่ง ซง่ึ ทอจากแควนสีพี พระพทุ ธองคทรงอนโุ มทนา เวลาอนโุ มทนาการถวายผา จบลง หมอชีวกตง้ั อยูในโสดาปต ตผิ ล จึงคดิ วา เราควรจะไปเฝา ดูแลพระ
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 339พุทธเจา วันละ ๒ - ๓ ครง้ั . กเ็ ขาคชิ ฌกูฏน้ีและพระวหิ ารเวฬุวันอยูไ กลเหลอื เกนิ . แตสวนอมั พวนั ของเราใกลกวา อยากระน้ันเลย เราจะสรางวิหารถวายแดพระผูมีพระภาคเจา ในสวนอัมพวันของเราน้.ีหมอชีวกน้นั จึงสรางทอ่ี ยกู ลางคนื ท่ีอยูก ลางวัน ท่พี กั กฎุ ี และมณฑปเปน ตน แลว ใหสรา งพระคันธกุฎที ่ีสมควรแดพระผมู ีพระภาคเจา ในสวนอัมพวนั นั้น ใหสรางกาํ แพง มสี ีเหมอื นผา แดง สูง ๑๘ ศอก ลอ มสวนอัมพวัน เล้ยี งดภู กิ ษสุ งฆ มีพระพุทธเจาเปนประธาน ดว ยจีวรและภตั ตาหาร ไดหลั่งน้าํ ทักษโิ ณทก มอบถวายสวนอมั พวนั เปนพระวิหารแลว. คําวา ชวี กสสฺ โกมารภจจฺ สสฺ อมฺพวเน ทา นกลาวหมายเอาพระวิหาร ดังกลาวมานนั้ . บทวา ราชา ในบททั้งหลาย มีบทวา ราชา เปน ตน ความวาชือ่ วา ราชา ดว ยอรรถวา ทาํ มหาชนใหยนิ ดหี รอื ใหเ จรญิ ดวยอสิ รยิ สมบตั ิของตน หรือดว ยสงั คหวตั ถุ ๔ ประการ. ชือ่ วา มาคโธ ดว ยอรรถวา เปน ใหญเหนอื ชาวมคธ. ชื่อวา อชาตสตตฺ ุ ดว ยอรรถวา เนมิตตกาจารยท ั้งหลายชแ้ี จงไวว า ยงั ไมทันเกดิ กจ็ กั เปน ศัตรูแกพระราชา. ไดยนิ วา เมอ่ื พระเจา อชาตศัตรู ยังอยูในพระครรภ พระเทวเี กดิการแพทองถงึ ขนาดอยางน้ีวา โอ หนอ เราพงึ ดื่มโลหิตพระพาหาเบือ้ งขวาของพระราชา. พระนางมีพระดําริวา การแพท อ งเกิดขน้ึ ในฐานะอันหนัก ไมอ าจบอกใหใครทราบได เม่ือไมอ าจบอกได จึงซูบผอมผิวพรรณซดี ลง. พระราชาตรัสถามพระนางวา \"แนะ นางผเู จรญิ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 585
Pages: