Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_11

tripitaka_11

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:39

Description: tripitaka_11

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 401หมายเอาภาวะที่อบุ ัตแิ ลวกอนทัง้ หมด. ก็ในท่ีน้ีมเี นอื้ ความดังน้วี า พระตถาคตอุบตั ิแลวในโลก. บทวา โส อิม โลก ความวา พระผูมีพระภาคเจา น้ันทรงทาํ โลกนี้ใหแจง . บัดน้ีจะแสดงคาํ ท่ีควรกลาว. บทวา สเทวก ความวา กบั เทวดาท้งั หลาย ชื่อสเทวกะ กับมาร ชื่อสมารกะ อยางเดียวกนั กับพรหม ช่ือสพรหมกะ กับสมณ-พราหมณท ง้ั หลาย ชอ่ื สัสสมณพราหมณ. ชอ่ื หมสู ตั ว เพราะเกิดทว่ั ซึ่งหมูสตั วน ้นั กับเทวดาและมนษุ ยทั้งหลาย ช่อื สเทวมนสุ สะ. ในบทเหลานน้ั ดวยคําวา สเทวกะ พงึ ทราบวา ถือเอากามาพจรเทพ๕ ชั้น. ดว ยคําวา สมารกะ พงึ ทราบวาถอื เอากามาพจรเทพช้ันที่ ๖.ดวยคาํ วา สพรหมกะ ถือเอาพรหมมีชัน้ พรหมกายกิ ะเปน ตน. ดวยคาํ วาสสั สมณพราหมณี ถอื เอาสมณพราหมณท เี่ ปน ขา ศึกและปจจามิตรตอพระศาสนา และถอื เอาสมณพราหมณท ่รี ะงับบาปลอยบาปไดแลว. ดวยคาํ วา ปชา ถือเอาสตั วโลก. ดว ยคําวา สเทวมนุสสะ ถอื เอาสมมติ-เทพและมนุษยท่เี หลือ. ดว ยบท ๓ บท ในที่น้ี พึงทราบวา ทานถอื เอาสัตวโลกกบั โอกาส-โลก. เฉพาะสตั วโลก ทา นถือเอาดว ยคาํ วา ปชา ดว ยบททง้ั ๒ ดว ยประการฉะน.ี้ อีกนยั หน่งึ ดว ยศพั ทว า สเทวกะ ทานถอื เอาอรปู าวจรเทวโลก.ดว ยศพั ทว า สมารกะ ทานถือเอาฉกามาวจรเทวโลก. ดวยศพั ทวาสพรหมกะ ทา นถือเอารูปพรหมเทวโลก. ดว ยศพั ทวา สสั สมณพราหมณีเปนตน ทานถอื เอามนษุ ยโลกกบั สมมติเทพทงั้ หลายโดยเปนบรษิ ัท ๔

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 402หรอื ถอื เอาสัตวโลกทั้งหมดทเ่ี หลือลง. อีกอยา งหนงึ่ ในบทเหลาน้ี ดวยคําวา สเทวกะ ทานกลา วถึงความท่พี ระผมู ีพระภาคเจา ทรงทาํ โลกท้ังปวงใหแ จงโดยกําหนดอยา งสูง.ลาํ ดับนั้น ชนเหลาใดมคี วามคิดวา วสวตั ดีมาร ผมู ีอานุภาพมาก เปน ใหญในสวรรคช ั้นกามาพจร. วสวัตดีมาร แมนั้น พระผูมพี ระภาคเจา ทรงทําใหแจง ดวยหรอื . เมื่อจะกาํ จัดความสงสยั ของชนเหลา น้นั ทา นจึงกลา ววา สมารก ดังน้ี . ก็ชนเหลา ใดมคี วามคิดวา พรหมผูม ีอานุภาพใหญ แผแสงสวางไปในพันจักรวาลดว ยองคุลีหนึ่ง__ ดวย ๒ องคลุ ี แผแสงสวา งไปในหม่นืจักรวาลดว ย ๑๐ องคุลี และเสวยสุขในฌานสมาบัตชิ ัน้ ยอดเยี่ยม พรหมแมนัน้ พระผมู ีพระภาคเจา ทรงทาํ ใหแจง ดวยหรอื เม่อื จะกําจดั ความสงสัยของชนเหลาน้ัน ทา นจึงกลาววา สพฺรหมฺ ก ดังน.ี้ ลาํ ดับนนั้ ชนเหลาใดคิดวา สมณพราหมณเ ปน อันมากท่ีเปนขาศกึตอพระศาสนา สมณพราหมณแ มเหลา น้ันพระผูมพี ระภาคเจา ทรงทาํ ใหแจงดวยหรือ เม่อื จะกําจัดความสงสยั ของชนเหลานั้น ทา นจึงกลาววาสสสฺ มณพฺราหมฺ ณึ ปช ดังนี.้ พระผมู พี ระภาคเจา คร้นั ทรงประกาศความท่ีพระองคทรงทําฐานะชัน้ สูงท้ังหลายใหแ จง แลว ลาํ ดบั นน้ั เม่ือจะทรงประกาศความท่พี ระองคทรงทําสตั วโลกท่เี หลือจนชั้นสมมติเทพและมนุษยท ่เี หลอื ลงทั้งหลายดวยกาํ หนดอยา งสูง จงึ ตรสั วา สเทวมนสุ ฺส ดังน้ี น้ีเปน ลําดบั การขยายความในทน่ี .ี้ กพ็ ระโบราณาจารยทงั้ หลายกลาววา บทวา สเทวก ไดแกโ ลก

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 403ท่เี หลอื ลงรวมทั้งเทวดาท้ังหลาย. บทวา สมารก ไดแ กโลกท่ีเหลอื ลงรวมทงั้ มาร. บทวา สพรฺ หมฺ ก ไดแ กโ ลกทีเ่ หลอื ลงรวมทงั้ พรหมทัง้ หลาย. โดยอธิบายอยา งน้ี เปนอันผนวกสัตวท เ่ี ขา ถึงภพ ๓ ทัง้ หมด ในบทท้ัง ๓ ดวยอาการ ๓. เมอ่ื จะถือเอาดวยบททั้ง ๒ อีก จงึ กลา ววาสสฺสมณพฺรหมฺ ณึ ปช สเทวมนสุ ฺส ดังน้ี . โดยอธิบายอยางน้ี เปนอนั ถือเอาสตั วโลกทเี่ ปนไตรธาตุนน่ั เทียวโดยอาการน้ัน ๆ ดว ยบทท้งั ๕. กใ็ นคําวา สย อภิฺ า สจฺฉิกตวฺ า ปเวเทติ น้ี มีวนิ จิ ฉยั วา บทวา สย ไดแกเ อง คอื ไมม ีผอู ่ืนแนะนํา. บทวา อภิฺา ไดแกดวยความรูย่ิง อธบิ ายวา รูดวยญาณอนั ยิ่ง. บทวา สจฉฺ กิ ตวฺ า ไดแ กท ําใหป ระจกั ษ. ดว ยบทนี้ เปนอนัปฏเิ สธความคาดคะเนเปนตน . บทวา ปเวเทติ ไดแกใหร ู ใหทราบ คอื ประกาศใหทราบกนั ทัว่ ไป. ขอ วา โส ธมฺม เทเสติ อาทกิ ลยฺ าณ ฯ เป ฯ ปริโยสานกลยฺ าณความวา พระผูม พี ระภาคเจาพระองคนน้ั ทรงอาศัยความเปนผกู รุณาในสตั วท งั้ หลาย แมท รงละซึง่ ความสขุ เกดิ แตว เิ วกแสดงธรรม และเม่อื ทรงแสดงธรรมนัน้ นอยก็ตาม มากก็ตาม ทรงแสดงชนดิ มคี วามงามในเบอื้ งตนเปนตน ท้ังน้ัน. อธิบายวา แมในเบอ้ื งตน ทรงแสดงทําใหง าม ไพเราะไมมโี ทษเลย แมในทา มกลาง แมใ นที่สดุ ก็ทรงแสดงทําใหงาม ไพเราะไมม ีโทษเลย.

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 404 ในขอทีก่ ลา วมาแลวน้นั เทศนามเี บ้ืองตนทา มกลางและทสี่ ดุ .ศาสนากม็ เี บอื้ งตน ทามกลางและที่สุด. จะกลา วเทศนากอ น. ในคาถาแมมี ๔ บาท บาทแรกช่อื วา เปน เบือ้ งตน. สองบาทตอ จากนั้นชอื่ วา เปนทา มกลาง. บาทเดียวในตอนทายช่อื วาเปนท่สี ุด. พระสตู รท่ีมอี นสุ นธิเดียว มีนทิ านเปน เบ้ืองตน มคี ําวา อิทมโวจเปน ทส่ี ดุ คาํ ระหวางเบื้องตน และท่ีสุดท้งั ๒ เปนทา มกลาง. พระสูตรทมี่ อี นสุ นธิมาก มีอนสุ นธิแรกเปน เบือ้ งตน มอี นสุ นธิในตอนทายเปนที่สดุ . อนสุ นธหิ นงึ่ หรอื สอง หรอื มากในทามกลาง เปนทา มกลางท้ังนน้ั . สาํ หรบั ศาสนา มศี ีลสมาธแิ ละวิปสสนาช่อื วาเปนเบอื้ งตน. สมจริงดงั ท่ีตรัสไววา กอ็ ะไรเปนเบ้ืองตนแหงกศุ ลธรรมท้ังหลาย ? ศีลทีบ่ รสิ ุทธ์ิดแี ละทิฏฐทิ ่ีตรงเปนเบ้อื งตน. กอ็ รยิ มรรคทีต่ รัสไวอ ยา งน้วี า ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย มชั ฌมิ าปฏปิ ทาที่ตถาคตตรัสรูด ว ยปญ ญาอนั ยิง่ แลว มีอยู ดงั นี้ ชือ่ วา เปน ทามกลาง. ผลและนพิ พานชื่อวา เปน ทีส่ ดุ . จริงอยู ผลทา นกลาววา เปน ท่ีสุด ในประโยคนีว้ า แนะ พราหมณเพราะเหตนุ นั้ แหละ ทานจงประพฤติพรหมจรรย นนั่ เปนสาระ น่นั เปนท่ีสดุ ดังนี้. นิพพานทา นกลาววา เปน ท่ีสุด ในประโยคนวี้ า ดูกอ นทานวิสาขะบุคคลอยูจ บพรหมจรรยซง่ึ หยั่งลงสนู ิพพาน มนี ิพพานเปน ทไี่ ปในเบื้องหนา มีนิพพานเปน ทสี่ ดุ . ในทน่ี ีท้ รงประสงคเบื้องตน ทา มกลาง ท่ีสดุ แหงเทศนา.

พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 405 จริงอยู พระผมู ีพระภาคเจา เม่ือทรงแสดงธรรม ทรงแสดงศลี ในเบ้ืองตน ทรงแสดงมรรคในทา มกลาง ทรงแสดงนิพพานในที่สดุ .ฉะนัน้ พระธรรมสงั คาหกาจารยจึงกลาววา พระผูมีพระภาคเจานั้นทรงแสดงธรรม งามในเบอ้ื งตน งามในทา มกลาง งามในทสี่ ดุ ดังน้ี. เพราะฉะน้ัน ธรรมกถึกแมอ่ืน เม่ือแสดงธรรม พงึ แสดงศีลในเบื้องตน แสดงมรรคในทามกลาง และแสดงนิพพานในท่สี ุด นเี้ ปน หลกั ของธรรมกถกึ . บทวา สาตถฺ  สพฺยฺชน ความวา ก็ผใู ดมีเทศนาเกยี่ วดวยการพรรณนาถงึ ขา วยาคูและภัตรหญิงและชายเปนตน ผนู ้ันชื่อวาแสดงเทศนาพรอมทง้ั อรรถก็หาไม แตพระผูมีพระภาคเจา ทรงละการแสดงอยา งนัน้ ทรงแสดงเทศนาเกย่ี วดว ยสติปฏ ฐาน ๔ เปนตน. ฉะนั้น ทา นจงึกลาววา ทรงแสดงพรอมทัง้ อรรถ ดงั น.้ี ก็เทศนาของผใู ดประกอบดว ยพยัญชนะเดยี วเปน ตน หรอื มพี ยญั ชนะหุบปากทง้ั หมด หรอื มีพยัญชนะเปดปากท้ังหมด และมกี ดปากทง้ั หมดเทศนาของผนู ั้นยอ มเปน เทศนาชื่อวาไมมีพยญั ชนะ เพราะพยญั ชนะไมบริบรู ณ ดุจภาษาของพวกมลิ ักขะ มเี ผาทมิฬะ เผา กริ าตะ และเผา ยวนะเปนตน. แตพ ระผูมีพระภาคเจา ไมท รงทาํ พยัญชนะ ๑๐ อยางทีก่ ลา วไวอยางนว้ี า สิถลิ ธนติ ทีฆะ รัสสะ ลหุ ครุ นิคคหิต สัมพนั ธ วิมุตและประเภทแหงความขยายของพยัญชนะ ดงั นไ้ี มใหป ะปนกนั ทรงแสดงธรรมทําพยัญชนะนนั่ แลใหบ รบิ ูรณ ฉะน้นั ทา นจึงกลา ววา ทรงแสดงธรรมพรอมทั้งพยัญชนะ ดงั น.้ี

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 406 บทวา เกวล ในบทวา เกวลปรปิ ณุ ณฺ  นี้เปนคําเรยี กความสน้ิ เชิง. บทวา ปรปิ ุณณฺ  เปนคาํ เรยี กความไมขาดไมเ กิน. อธบิ ายวา ทรงแสดงบรบิ ูรณทัง้ สิน้ ทเี ดียว แมเ ทศนาสวนหนึ่งทไ่ี มบ ริบรู ณก็ไมม .ี บณั ฑิตพึงทราบวา บริบรู ณส ้นิ เชงิ เพราะไมม คี ําทจี่ ะพึงเพิ่มเขาและตัดออก. บทวา ปรสิ ุทฺธ ไดแกไมมคี วามเศรา หมอง. ก็ผใู ดแสดงธรรมดวยคดิ วา เราจักไดล าภหรือสักการะเพราะอาศยัธรรมเทศนาน เทศนาของผูน้ันยอ มไมบริสุทธ.์ิ แตพ ระผมู ีพระภาคเจามไิ ดท รงเพงโลกามสิ มีพระหทยั ออ นโยนดว ยเมตตาภาวนาซึ่งแผป ระโยชนทรงแสดงดวยจิตท่ีดํารงอยโู ดยสภาพคอื การยกระดับใหสงู ขึ้น. ฉะน้ัน ทา นจึงกลา ววาทรงแสดงธรรมบริสทุ ธิ์. กใ็ นคําวา พรฺ หมฺ จรยิ  ปกาเสติ นี้ ศพั ทว า พรฺ หมฺ จรยิ นี้ ปรากฏในอรรถเหลานี้ คือ ทาน เวยยาวจั จะ ศลี สกิ ขาบท ๕ อัปปมัญญาเมถนุ วริ ัติ สทารสันโดษ วริ ิยะ องคอุโบสถ อริยมรรค ศาสนา. จริงอยู ทาน ทา นกลา ววา พรหมจรรย ในปุณณกชาดกน้วี า ก็อะไรเปนพรต อะไรเปนพรหมจรรยของทาน นีเ้ ปน วบิ ากของกรรมอะไรท่ีสงั่ สมดีแลว ความสําเร็จ ความรุงเรื่อง กาํ ลัง การเขาถงึ ความเพียร และ วมิ านใหญของทา นนี้ เปน ผลแหงกรรมอะไร ทา นผู ประเสรฐิ ขาพเจาและภรยิ าทั้ง ๒ เม่อื อยูในมนุษย- โลก ไดเ ปนผูมีศรัทธา เปนทานบดี เรือ่ งของเรา ในกาลน้ันไดเ ปน โรงดมื่ และสมณพราหมณท ั้งหลาย

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 407 ก็อิม่ หนํา กท็ านนั้นเปนพรต เปน พรหมจรรยข องเรา นีเ้ ปน วิบากแหง ทานที่ส่ังสมดีแลว ความสาํ เรจ็ ความรุงเร่ือง กาํ ลงั การเขาถึงความเพียรและวมิ าน ใหญของเรา นเ้ี ปนผลแหง ทานที่สงั่ สมดแี ลว ทา นผู แกลวกลา. เวยยาวจั จะ ทานกลาววา พรหมจรรย ฝนเรอ่ื งองั กรุ เปรตน้ีวา ฝา มือของทา นใหส ง่ิ ท่ีนา ใครด ว ยพรหมจรรยอ ะไร ฝามือของทา นหลง่ั มธุรสดวยพรหมจรรยอะไร บุญ สําเร็จในฝา มือของทา นดว ยพรหมจรรยอ ะไร ฝามอื ของขา พเจา ใหส ิง่ ทนี่ าใครดวยพรหมจรรยน น้ั ฝา มือ ของขา พเจา หล่งั มธรุ สดว ยพรหมจรรยน ้ัน บุญสาํ เรจ็ ในฝามอื ของขา พเจาดว ยพรหมจรรยน นั้ . ศีลสิกขาบท ๕ ทา นกลา ววา พรหมจรรย ในตติ ตชิ าดกนีว้ าอิท โข ต ภกิ ขฺ เว ติตตฺ ริ ิย นาม พรฺ หมฺ จริย อโหสิ ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย ศลี ๕ นน้ั แล ชื่อวา ติตติริยพรหมจรรย. อัปปมัญู า ๔ ทานกลา ววา พรหมจรรย ในมหาโควนิ ทสูตรน้ีวา ต โข ปน ปจฺ สิข พรฺ หมฺ จรยิ  เนว นิพฺพทิ าย น วิราคายน นไิ รธาย ยาเทว พรฺ หฺมโลกุปปตตฺ ิยา ดูกอนปญ จสิขเทพบุตรก็พรหมจรรยน นั้ แล ไมเปนไปเพ่ือนพิ พทิ า ไมเปน ไปเพ่อื วริ าคะ ไมเปน ไปเพือ่ นโิ รธ เปน ไปเพียงเพือ่ เขา ถงึ พรหมโลกเทานั้น. เมถุนวริ ตั ิ ทานกลา ววา พรหมจรรย ในสัลเลขสตู รน้ีวา ปเรอพรฺ หฺมจารโิ น ภวิสสฺ นตฺ ิ มยเมตฺถ พรฺ หฺมจาริโน ภวสิ ฺสาม คนเหลา

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 408อนื่ จักเปน ผไู มป ระพฤตพิ รหมจรรย เราท้ังหลายในท่ีน้ีจกั เปนผปู ระพฤติพรหมจรรย. สทารสันโดษ ทา นกลา ววา พรหมจรรย ในมหาธรรมปาลชาดกวา เราทงั้ หลายไมน อกใจภริยาทัง้ หลาย และภรยิ าทัง้ หลาย กไ็ มนอกใจพวกเรา เวน ภรยิ าเหลาน้ัน พวกเรา ประพฤตพิ รหมจรรย เพราะเหตนุ ัน้ แหละ พวกเรา จึงไมตายแตห นุม ๆ. ความเพียร ทานกลาววา พรหมจรรย ในโลมหังสนสูตรวา อภชิ านามิโข ปนาห สารีปุตตฺ จตรุ งฺคสมนนฺ าคต พฺรหฺมจริย จริตา ตปสฺสี สุทโหมิ ดกู อนสารบี ุตร เรานี่แหละรูช ดั ซ่ึงความประพฤติพรหมจรรยอ นัประกอบดว ยองค ๘ เรานแี่ หละเปนผมู ีความเพียรเครื่องเผากิเลส. อโุ บสถประกอบดว ยองค ๘ ทท่ี าํ ดวยอาํ นาจการฝก ตน ทา นกลา ววา พรหมจรรย ในนมิ ชิ าดกอยา งนว้ี า บุคคลเกิดเปน กษัตริยด วยพรหมจรรยอยางต่ํา เกดิ เปนเทวดาดวยพรหมจรรยอ ยา งกลาง และยอ ม บริสุทธิด์ ว ยพรหมจรรยอยา งสงู สดุ . อริยมรรค ทา นกลาววา พรหมจรรย ในมหาโควินทสูตรนั่นแลวา อิท โข ปน ปจฺ สขิ พฺรหมฺ จรยิ  เอกนตฺ นพิ ฺพทิ าย วิราคายฯ เป ฯ อยเมว อรโิ ย อฏ งคโิ ก มคโฺ ค ดูกอนปญจสขิ เทพบตุ รก็พรหมจรรยน ้ีแล เปน ไปเพ่อื นพิ พทิ าโดยสวนเดยี ว เปนไปเพ่ือวริ าคะเปนไปเพ่อื นโิ รธ..... พรหมจรรยนค้ี อื มรรคมีองค ๘ ทห่ี างไกลจากขา ศกึคอื กิเลสน้แี หละ.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 409 ศาสนาทง้ั ส้นิ ซึ่งสงเคราะหดว ยสกิ ขา ๓ ทานกลา ววา พรหมจรรย ในปาสาทกิ สูตรวา ตยทิ  พรฺ หฺมจริย อิทธฺ ฺเจว ผีตฺจวติ ถฺ ารกิ  พาหุชฺญ ปุถภุ ตู  ยาวเทว เทวมนสุ เฺ สหิ สปุ ปฺ กาสิตพรหมจรรยน้ีนัน้ สมบรู ณ มัง่ คง่ั แพรหลาย คนโดยมากเขาใจ มนั่ คงเพียงทเี่ ทวดาและมนษุ ยท ้งั หลายประกาศดแี ลว เทาน้นั . ก็ศาสนาทัง้ สนิ้ ซง่ึ สงเคราะหด วยสกิ ขา ๓ น้ีแหละทานประสงคว าพรหมจรรยใ นท่ีน้ี . เพราะฉะน้นั พงึ ทราบความในขอนอ้ี ยา งน้ีวา บทวาพฺรหมฺ จริย ปกาเสติ ความวา พระผมู ีพระภาคเจานั้นทรงแสดงธรรมงามในเบือ้ งตน ....... บริสุทธิ์. และเมอื่ ทรงแสดงอยา งน้ี ทรงประกาศพรหมจรรย คือศาสนาทง้ั ส้ินซึ่งสงเคราะหดวยสกิ ขา ๓. บทวา พฺรหฺมจรยิ  มอี ธิบายวา ความประพฤติเปนพรหม ดว ยอรรถวา ประเสรฐิ ท่ีสุด หรือความประพฤติของพระพุทธเจาเปนตน ผูเปนพรหม. บทวา ต ธมมฺ  ความวา ฟงธรรมทถี่ งึ พรอ มดวยประการดังกลาวแลว นั้น. บทวา คหปติ วา ความวา เพราะเหตไุ ร พระผมู ีพระภาคเจาจงึ ชี้คฤหบดีกอ น. เพราะจะกําจัดมานะอยางหนงึ่ เพราะคฤหบดมี ีจาํ นวนสูงอยา งหนงึ่ . จริงอยู โดยมากพวกทีอ่ อกจากขัตตยิ ตระกูลบวช ยอ มถือตวั เพราะอาศยั ชาติ. พวกท่ีออกจากตระกูลพราหมณบ วช ยอมถอื ตัวเพราะอาศัยมนต. พวกท่ีออกจากตระกลู ต่ําบวช ไมอ าจท่ีจะดํารงอยไู ดเพราะตนมีชาติแตกตางจากเขา. สวนพวกเดก็ คฤหบดี ไถพื้นทีไ่ รน า จนเหงื่อไหล

พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 410รกั แร ขเี้ กลือข้นึ หลัง ยอมกําจัดความถือตัวและเยอ หยิ่งเสียได. เพราะไมมคี วามถอื ตัวเชนนั้น เขาเหลาน้นั บวชแลว ไมท ําความถือตัวหรอื ความเยอหย่งิ เรยี นพระพุทธพจนตามกําลัง กระทาํ พระพุทธพจนน ้ันดว ยวปิ สสนา ยอมอาจท่จี ะดาํ รงอยูในความเปน พระอรหันตได. สว นผูท อี่ อกจากตระกูลนอกน้ีบวช มไี มมาก. แตท เ่ี ปน คฤหบดี มีมาก. ดงั นน้ั จงึชคี้ ฤหบดกี อ น เพราะจะกําจัดมานะ และเพราะมีจาํ นวนสูง ดังน้ี บทวา อฺตรสฺมึ วา ความวา ในตระกลู ใดตระกลู หน่งึบรรดาตระกลู นอกน.้ี บทวา ปจฺจาชาโต ไดแกเ กิดเฉพาะ. บทวา ตถาคเต สทฺธ ปฏิลภติ ความวา ฟงธรรมบรสิ ทุ ธ์ิยอมไดศ รัทธาในพระตถาคตผูเ ปนธรรมสามี วาพระผูมีพระภาคเจา พระองคน้นั เปน สมั มาสัมพทุ ธะหนอ. บทวา อติ ิ ปฏิสฺจกิ ขฺ ติ ไดแ กย อมพจิ ารณาอยา งน้.ี บทวา สมพฺ าโธ ฆราวาโส ความวา แมถ าวาผวั เมยี อยใู นเรอื น ๖๐ ศอก หรอื แมในที่ระหวา งรอ ยโยชนแ มอ ยา งนัน้ การครองเรอื นกค็ ับแคบอยนู ั้นเอง เพราะอรรถวา เขาเหลา น้ันมีกงั วลหว งใย. บทวา รชาปโถ ในมหาอรรถกถาแกวา ทเ่ี ปน ทตี่ ง้ั ข้ึนแหง ธุลีมีราคะเปน ตน . บางทา นกลาววา อาคมปโถ ทางเปนท่ีมา ดังนกี้ ม็ ี. ชือ่ วา อพโฺ ภกาโส ดว ยอรรถวา เปน เหมือนกลางแจง เพราะอรรถวา ไมต ดิ ขัด. จรงิ อยู บรรพชิตแมอ ยใู นท่ีปกปดมีเรอื นยอดปราสาทแกว และเทพวมิ านเปน ตน ซึ่งมีประตหู นาตางปด มิดชิด กไ็ มเ ก่ียวไมตอง ไมพัวพัน.

พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 411ฉะนน้ั ทานจงึ กลา ววา อพโฺ ภกาโส ปพฺพชฺชา ดงั นี้ . อีกอยางหน่ึง ฆราวาสช่ือวา คับแคบ เพราะไมม ีโอกาสทาํ กุศล ช่ือวา เปนทางมาแหงธลุ ี เพราะเปน ทปี่ ระชุมแหงธุลีคอื กิเกส ดจุ กองหยากเยื่อทไี่ มไดร กั ษา เปน ทีร่ วมแหง ธลุ ฉี ะนัน้ . บรรพชาเปนทางปลอดโปรงเพราะมีโอกาสทาํ กุศลตามสบาย. ในพระบาลีนวี้ า นยทิ  สกุ ร ฯ เป ฯ ปพฺพเชยฺย ดงั นี้ มีสงั เขปกถาดงั ตอไปนี้ : พรหมจรรยคือสกิ ขา ๓ ท่แี สดงแลว ชอ่ื วา พึงประพฤติใหบ รบิ ูรณโดยสว นเดยี ว เพราะไมทําใหข าดแมวนั เดยี ว ยงั จรมิ กจิตใหเอิบอมิ่ ได.ชอ่ื วา พึงประพฤตใิ หบ ริสุทธ์ิโดยสว นเดยี ว เพราะไมท าํ ใหแ ปดเปอ นดวยมลทนิ คือกเิ ลสแมวันเดียว ยงั จรมิ กจติ ใหเอิบอิม่ ได. บทวา สงขฺ ลิขติ  ความวา พึงประพฤตใิ หเหมือนสงั ขที่ขัดแลว คือใหมสี ว นเปรียบดว ยสังขท ล่ี างแลว . ก็พรหมจรรยน อ้ี นั ผูอยูครองเรือนอยใู นทามกลางแหง เรือนจะประพฤติใหบ รบิ รู ณบ รสิ ุทธโ์ิ ดยสว นเดยี วดุจสังขขัด ไมใ ชท ําไดงา ย ถากระไร เราพึงปลงผมและหนวด นุงหม ผากาสายะทสี่ มควรแกผูป ระพฤติพรหมจรรย เพราะยอ มดว ยน้ําฝาดและมสี ีเหลือง ออกจากเรือนบวชเปนผูไมมเี รือน. แลในขอ นี้ เพราะการงานมกี สกิ รรมและพาณิชกรรมเปน ตนท่ีเปน ประโยชนแกเรือน เรยี กวา การครองเรือน และการครองเรือนนนั้ ไมม ีในบรรพชา ฉะน้ัน บรรพชาพึงทราบวา ไมใชการครองเรอื นพรหมจรรยน นั้ ไมใ ชก ารครองเรอื น. บทวา ปพฺพเชยยฺ  ไดแกพงึ ปฏบิ ตั ิ.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 412 บทวา อปฺป วา ความวา กองโภคะตํ่ากวาจํานวนพัน ช่ือวานอย. ต้ังแตพนั หน่งึ ข้ึนไป ชอื่ วามาก. ญาตนิ ั่นแหละ ช่อื วาเครือญาติ เพราะอรรถวา เกีย่ วพนั . เครอื ญาติแมนน้ั ตา่ํ กวา ๒๐ ชอื่ วา นอย. ตง้ั แต ๒๐ ขน้ึ ไป ชื่อวามาก. บทวา ปาฏิโมกขฺ ส วรส วโุ ต ไดแกประกอบดว ยความสํารวมในปาตโิ มกข. บทวา อาจารโคจรสมฺปนฺโน ไดแกถึงพรอมดวยอาจาระและโคจร. บทวา อณมุ ตเฺ ตสุ คอื มีประมาณนอ ย. บทวา วชเฺ ชสุ ไดแ กใ นอกุศลธรรมทั้งหลาย. บทวา ภยทสฺสาวี คอื เห็นภัย. บทวา สมาทาย ไดแ กถอื เอาโดยชอบ. บทวา สกิ ฺขติ สิกฺขาปเทสุ ความวา สมาทานศกึ ษาสิกขาบทน้ัน ๆ ในสิกขาบทท้งั หลาย. นี้เปนความยอ ในขอ น้ี สว นความพิสดารไดกลา วไวแ ลวในวิสุทธิ-มรรค. ในพระบาลวี า กายกมฺมวจีกมฺเมน สมนนฺ าคโต กสุ เลนปรสิ ุทธฺ าชโี ว นี้ ความวา ก็เม่อื กายกรรมและวจกี รรมที่เปน กศุ ล พระผูมพี ระภาคเจาทรงถือเอาดวยศัพทว า อาจารโคจรแลวก็ตาม เพราะชอ่ื วาอาชีวปารสิ ุทธิศลี น้ี ยอ มไมเกดิ ในอากาศหรือที่ยอดไมเปน ตน แตเ กิดขึน้ ในกายทวารและวจที วารเทานน้ั ฉะน้นั ทา นจึงกลา ววา ประกอบดว ยกายกรรมและวจีกรรมอันเปน กุศล เพอื่ แสดงทวารทีเ่ กิดของอาชวี ปาริ-

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 413สทุ ธิศลี นั้น. แตเ พราะประกอบดวยอาชีวปารสิ ุทธิศลี น้นั ฉะน้ัน จงึ ชื่อวาเปนผูม ีอาชีพบรสิ ุทธ.ิ์ อีกอยางหน่งึ ทานกลา วอยางนี้ กโ็ ดยอาํ นาจมุณฑยิ ปุตตสูตร. จรงิอยู ในสูตรนี้ ทานกลาวไวว า ดูกอ นคฤหบดี กายกรรมท่ีเปนกุศล เปนไฉน ? ดกู อ นคฤหบดี แมอ าชวี ะทบี่ ริสุทธิ์ เรากก็ ลาวไวใ นศีล ดงั น้.ี กเ็ พราะผูป ฏิบัตปิ ระกอบดวยศลี นน้ั ฉะนัน้ พึงทราบวา เปน ผูมีอาชีพบริสทุ ธิ์. บทวา สลี สมปฺ นโฺ น ความวา เปนผถู ึงพรอมดว ยศลี ๓ อยา งทกี่ ลา วแลวในพรหมชาลสูตร. บทวา อนิ ฺทฺรเิ ยสุ คุตตฺ ทฺวาโร ความวา เปนผูป ด ทวารในอนิ ทรียทัง้ หลายซงึ่ มใี จเปน ท่ี ๖. บทวา สติสมปฺ ชฺเน สมนนฺ าคโต ความวา เปนผปู ระกอบดว ยสติและสมั ปชญั ญะในฐานะท้งั ๗ มีกา วไปและถอยกลับเปน ตน . บทวา สนตฺ ุฏโ ความวา ประกอบดวยสนั โดษ ๓ อยางในปจจยั ๔ ชื่อวา เปนผสู นั โดษ. พระผูมพี ระภาคเจาทรงวางหวั ขอ อยางนี้แลว เมื่อทรงแจกตามลาํ ดับจงึ ตรสั คาํ เปน ตน วา มหาบพิตร อยา งไร ภกิ ษจุ งึ ช่อื วา เปนผถู ึงพรอ มดว ยศีล. ในพระบาลนี น้ั บทวา อิท ปส ฺส โหติ สลี สฺมึ ความวา ศลีคอื เจตนางดเวน จากปาณาติบาตของภิกษุนนั้ แมน ี้ เปนศีลขอ ๑ ในศลี . อีกอยา งหนึง่ คําวา สลี สมฺ ึ น้ีเปนสัตตมวี ิภตั ติ ลงในอรรถแหงปฐมาวภิ ตั ต.ิ ก็ในมหาอรรถกถาทานกลาวเนอื้ ความนี้ทเี ดยี ววา ศลี คอื เจตนา































































พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 445หรอื รบั เอาจีวรเกาของภกิ ษเุ หลา นนั้ หรือเลือกเก็บผา ทไ่ี มมีชายจากกองหยากเยือ่ เปนตน แมเ อาผา เหลานนั้ มาทาํ เปนสงั ฆาฏิครอง กย็ งั เปน ผูสนั โดษอยนู น่ั เอง นเี้ ปน ยถาสารปุ ปสนั โดษในจีวรของเธอ. อนึ่ง ภกิ ษุในธรรมวนิ ยน้ี ไดบณิ ฑบาตเศรา หมองหรอื ประณีตเธอใชสอยบณิ ฑบาตนนั้ เทานนั้ ไมป รารถนาบิณฑบาตอื่น ถึงไดก ไ็ มรับนเี้ ปน ยถาลาภสันโดษในบณิ ฑบาตของเธอ. กภ็ ิกษใุ ดไดบณิ ฑบาตท่ไี มถูกกบั รางกายปกติ หรือไมถ กู กบั โรคของคน ซง่ึ เธอบริโภคแลวจะไมสบาย เธอใหบ ณิ ฑบาตน้นั แกภกิ ษุผชู อบพอกนั แมฉนั โภชนะทสี่ บายแตมอื ของภกิ ษนุ น้ั ทาํ สมณธรรมอยู กย็ ังเปน ผูสนั โดษอยนู ั่นเอง นีเ่ ปนยถาพลสันโดษในบณิ ฑบาตของเธอ. ภิกษอุ กี รูปหนึ่งไดบ ณิ ฑบาตประณตี จาํ นวนมาก เธอถวายบณิ ฑบาตน้นั แกพ ระเถระผบู วชนาน แกผูพหูสตู แกผ ูมลี าภนอย แกภกิ ษุไขเหมอื นจีวรนนั้ แมร ับเศษอาหารของภกิ ษนุ ้นั ๆ หรอื เท่ียวบณิ ฑบาตแลวฉันอาหารท่ีปนกนั ก็ยงั เปนผสู ันโดษอยนู ่ันเอง น้เี ปน ยถาสารุปปสนั โดษในบณิ ฑบาตของเธอ. อนึ่ง ภกิ ษุในธรรมวินยั น้ี ไดเ สนาสนะท่ีพอใจหรือไมพ อใจ ไมดใี จไมเ สยี ใจเพราะเสนาสนะนั้น ยินดตี ามทไ่ี ดเ ทา น้นั โดยที่สดุ แมเปนเครอื่ งปูลาดถักดว ยหญา น้เี ปนยถาลาภสนั โดษในเสนาสนะของเธอ. ก็ภกิ ษุใดไดเสนาสนะทีไ่ มถ ูกกบั รางกายปกติ หรอื ไมถ ูกกับโรคของตน ซง่ึ เมือ่ เธออยูจ ะไมส บาย เธอใหเ สนาสนะนัน้ แกภ กิ ษุผูช อบพอกันแมอยใู นเสนาสนะท่สี บายซ่งึ เปน ของภกิ ษนุ นั้ กย็ ังเปน ผูสนั โดษอยูนน่ั เองน้เี ปน ยถาพลสนั โดษในเสนาสนะของเธอ.

พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 446 ภิกษอุ กี รูปหนง่ึ มบี ญุ มาก ไดเ สนาสนะที่ประณีตจาํ นวนมาก มีถามณฑป เรือนยอดเปน ตน เธอใหเสนาสนะเหลานั้นแกพระเถระผูบวชนานผูพหูสูต ผูม ีลาภนอย และเปน ไข เหมือนจวี ร แมอ ยูในเสนาสนะแหงใดแหง หนึ่ง กย็ งั เปนผสู นั โดษอยูนนั่ เอง น้เี ปน ยถาสารปุ ปสันโดษในเสนาสนะของเธอ. กภ็ กิ ษใุ ดพจิ ารณาเหน็ อยางนี้วา ช่ือวา เสนาสนะชน้ั ดีเยีย่ มเปน ทตี่ งั้แหง ความประมาท นงั่ ในเสนาสนะนน้ั ยอ มงวงเหงาซบเซาหลับไป เม่ือตืน่ ขนึ้ อีกก็ครนุ คิดแตเรือ่ งกาม แลวไมร บั เสนาสนะเชนนัน้ แมถงึ แลวเธอหามเสนาสนะน้ัน แมอยูในทแี่ จงหรือโคนไมเปนตน ก็ยงั เปนผูสันโดษอยูนัน่ เอง แมน ก้ี เ็ ปนยถาสารุปปสันโดษในเสนาสนะ. อนึง่ ภกิ ษใุ นธรรมวินยั น้ี ไดเ ภสชั เศรา หมองหรอื ประณีต เธอยินดีตามทไี่ ดน ้นั ๆ เทา นั้น ไมป รารถนาเภสชั อนื่ ถงึ ไดก ็ไมรบั นี้เปนยถาลาภสนั โดษในคลิ านปจ จยั ของเธอ. กภ็ กิ ษใุ ดตองการน้ํามนั ไดน้าํ ออย เธอใหน า้ํ ออ ยนั้นแกภกิ ษุผูชอบพอกนั แลวถอื เอานํา้ มนั แตม ือของภิกษุนน้ั หรือแสวงหาของอน่ืน่ันเทยี ว แมเมอ่ื ไดเ ภสชั ก็ยงั เปนผูส ันโดษอยูนั่นเอง น้ีเปน ยถาพล-สนั โดษในคลิ านปจ จัยของเธอ. ภกิ ษอุ ีกรปู หน่งึ มีบุญมาก ไดเภสัชทีป่ ระณตี มีน้ํามัน น้าํ ออ ยเปนตน จํานวนมาก เธอใหเภสัชนั้นแกพระเถระผบู วชนาน ผพู หูสูต ผูมีลาภนอ ยและผูเปนไข เหมือนจวี ร แลวเยยี วยาอตั ตภาพดวยเภสชั อยางใดอยางหนึ่งทภ่ี ิกษุเหลา นนั้ นํามา กย็ ังเปนผสู ันโดษอยูน ้นั เอง. อนง่ึ ภกิ ษใุ ดวางสมอแชเ ย่ียวโคไวใ นภาชนะใบหนึ่ง มคี นมาบอก

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 447กลาวถงึ ของอรอ ย ๔ อยางในภาชนะหนง่ึ วา ถอื เอาเถิดทา นเจาขา ถาตองการ ดังนี้ เธอคดิ วา ถาโรคของเธอจะหายแมด วยของอรอ ยอยางใดอยางหน่ึงใน ๔ อยางนน้ั ถงึ อยางนน้ั ชอื่ วาสมอแชเยย่ี วโค พระพุทธเจาเปน ตน ทรงสรรเสริญแลว ดังน้ี หา มของอรอย ๔ อยาง ทําเภสชั ดวยสมอแชเ ยย่ี วโคเทา นัน้ ยอมเปน ผสู นั โดษอยางยง่ิ แท นี้เปนยถาสารปุ ป-สนั โดษในคลิ านปจจยั ของเธอ. ก็บริขาร ๘ คือ ไตรจวี ร บาตร มดี ตดั ไมชําระฟน เขม็ ประคดเอวและผา กรองนํา้ ยอมควรแกภกิ ษผุ ปู ระกอบดว ยความยินดีปจ จัยตามมีตามได ๑๒ อยา งน้.ี สมจริงดังทที่ า นกลา วไวว า ไตรจวี ร บาตร มดี เข็ม ประคดเอว รวมทั่งผา กรองนาํ้ เปน ๘ เหลา นี้ เปนบริขารของภกิ ษุผปู ระกอบความเพียร. บรขิ ารทง้ั หมดเหลาน้ัน เปนเคร่ืองบรหิ ารกายกไ็ ด เปนเคร่อื งบริหารทองกไ็ ด. บรหิ ารอยางไร ? จะพดู ถงึ จีวรกอน ภิกษุบริหารเล้ยี งดูกายในเวลานงุ หม จวี รเทยี่ วไปดงั นน้ั จีวรจึงช่อื วาเปนเครอื่ งบริหารกาย ภกิ ษบุ ริหารเลย้ี งดูทอ งในเวลาเอาชายจีวรกรองนํา้ แลวดม่ื และในเวลาเอาจวี รหอ ของขบเคี้ยวและผลไมนอยใหญ ดังนน้ั จีวรจึงช่อื วา เปนเครื่องบรหิ ารทอง. แมบ าตร ยอมเปน เคร่ืองบริหารกายในเวลาเอาบาตรนั้นตกั นํา้ อาบและในเวลาทําประพรมกุฎี ยอ มเปนเคร่ืองบรหิ ารทอ งในเวลารบั อาหารบรโิ ภค. แมมดี ยอ มเปน เครอ่ื งบริหารกายในเวลาตัดไมช าํ ระฟนดวยมีดนั้น

พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 448และในเวลาตกแตง เทา เตยี งและคนั กลด ยอ มเปนเครอ่ื งบริหารทองในเวลาตดั ออ ยและปอกมะพรา วเปนตน . แมเ ขม็ ยอ มเปนเคร่อื งบริหารกายในเวลาเย็บจวี ร ยอ มเปน เครอ่ื งบริหารทองในเวลาจม้ิ ขนมหรือผลไมก ิน. ประคดเอว ยอ มเปนเคร่ืองบริหารกายในเวลาพันกายเทีย่ วไปเปนเครอ่ื งบรหิ ารทองในเวลามดั ออ ยเปน ตนถอื เอา. ผากรองนาํ้ เปนเครื่องบรหิ ารกายในเวลาใชผากรองนํ้านัน้ กรองนา้ํ อาบ และในเวลาทําการประพรมเสนาสนะ เปน เคร่ืองบริหารทอ งในเวลากรองนํ้าดื่ม และในเวลาใชผ า กรองนา้ํ น้ันแหละใสง า ขา วสารและอาหารแขน เปน ตนฉัน. พึงทราบความท่ีบรขิ าร ๘ เปนบรขิ ารเทา น้ีกอน. ก็เคร่ืองปลู าดซึง่ ปไู วใ นทน่ี ั้น หรอื กญุ แจ ยอ มควรแกภ ิกษุผูม ีบริขาร ๙ อยา ง เขาไปสทู ่นี อน. ผาปูนัง่ หรอื ทอนหนงั ยอมควรแกภ กิ ษุผูมบี รขิ าร ๑๐ อยา ง. ไมเ ทาหรือหลอดนํา้ มัน ยอ มควรแกภิกษผุ มู บี รขิ าร ๑๑ อยา ง รมหรอื รองเทา ยอ มควรแกภ ิกษุผูมบี รขิ าร ๑๒ อยาง. กบ็ รรดาภิกษุเหลานี้ ภิกษุผมู ีบริขาร ๘ เทา นนั้ ชื่อวาผูส ันโดษนอกนช้ี ือ่ วา ไมส นั โดษ แตไมควรเรยี กวา มกั มาก เลย้ี งยาก. จริงอยู ภิกษเุ หลา น้ีเปนผมู กั นอ ยเทียว เปน ผูส ันโดษ เปน ผเู ล้ียงงาย เปนผูมคี วามประพฤติเบาพรอมเทยี ว แตพ ระผมู พี ระภาคเจา มไิ ดตรสั พระสตู รนสี้ าํ หรับภิกษเุ หลา นน้ั ตรสั สําหรับภกิ ษุผูมีบรขิ าร ๘ . ดวยวา ภิกษผุ ูมบี รขิ าร ๘ นนั้ เอามีดเลก็ และเขม็ ใสใ นผา กรองนํ้า

พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 449แลววางไวภ ายในบาตร คลอ งบาตรทจี่ ะงอยบา พนั กายที่ไตรจวี ร หลกีไปสบายตามปรารถนา. ไมมสี งิ่ ของทีช่ ่อื วาเธอจะตองกลับมาถอื เอา. เมือ่ จะทรงแสดงความที่ภิกษนุ ั้นเปน ผมู คี วามประพฤตเิ บาพรอมดวยประการฉะน้ี พระผูมีพระภาคเจา ไดตรสั วา ภกิ ษนุ ้ีเปนผสู นั โดษดว ยจีวรเครื่องบรหิ ารกายเปนตน. ในบทเหลานั้น บทวา กายปรหิ ารเิ กน ไดแ กจ วี รพอเปนเคร่ืองบรหิ ารกาย. บทวา กุจฉฺ ปิ ริหารเิ กน ไดแกจ ีวรพอเปน เคร่อื งบรหิ ารทอง. บทวา สมาทาเยว ปกกฺ มติ ความวา ถือเอาเพียงบริขาร ๘ น้ันทั้งหมดเทา นนั้ ทําใหติดตัวไป. ไมมีความหวงใยหรือผูกพันวา วหิ ารบรเิ วณ อปุ ฏฐากของเรา. เธอเหมอื นลกู ศรทห่ี ลดุ จากแลง และเหมอื นชา งซับมนั หลีกออกจากโขลง บรโิ ภคเสนาสนะตามทีป่ รารถนา เปนราวปา โคนไม เงื้อมเขาในปา รูปเดยี วเทานั้นยนื รูปเดียวเทานนั้ น่ัง รูปเดยี วไมม เี พื่อนในอิรยิ าบถทั้งปวง ยอ มถงึ ความเปนผูเหมอื นนอแรดที่ทา นพรรณนาไวอ ยางนี้วา ภกิ ษุยินดอี ยูดว ยปจ จัยตามมตี ามได ยอ มไปได ๔ ทิศ ไมตดิ ขัด อดกลน้ั ตอ อนั ตรายท้งั หลาย ไม หวาดหวั่น คนเดยี วเที่ยวไปเหมือนนอแรด ดังน.้ี บดั น้ี เมื่อจะยังเนือ้ ความน้ันใหส าํ เร็จดว ยอปุ มา จงึ ตรสั วาเสยยฺ ถาป เปนตน . ในบทเหลา น้นั บทวา ปกขฺ ี สกโุ ณ ไดแกน กมปี ก. บทวา เฑติ ไดแกบินไป.

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 450 ก็ความยอ ในเรอ่ื งน้ดี งั น.ี้ ธรรมดานกทัง้ หลายรวู า ทป่ี ระเทศโนนตนไมมผี ลสกุ แลว มาจากทศิ ตาง ๆ เจาจกิ กนิ ผลของตน ไมนั้นดวยกลีบเลบ็ และจะงอยปากเปน ตน นกเหลานั้นมิไดคดิ วา ผลไมน จ้ี กั มีสําหรับวันน้ี ผลไมนี้จักมสี าํ หรับวนั พรงุ นี้ และเม่ือผลไมส นิ้ แลว กม็ ไิ ดต้ังอารักขาตน ไมเลย มไิ ดว า งปก เล็บ หรอื จะงอยปากไวท่ีตนไมน นั้ โดยท่ีแทม ิไดส นใจในตน ไมน ้ันเลย ตวั ใดปรารถนาจะไปทศิ าภาคใด ๆ ตวัน้นั มแี ตป กของตวั เปนภาระบินไปตามทิศาภาคน้นั ๆ ภิกษุนก้ี อ็ ยางนน้ัเหมอื นกนั ไมเกยี่ วของ ไมสนใจ เม่อื จะหลกี ไปตามความตองการก็ถอื ไปไดเอง ดังน้แี ล. พระผมู ีพระภาคเจาทรงแสดงอะไร ดว ยคาํ วา โส อมิ ินา จดงั นีเ้ ปน ตน. ทรงแสดงปจจยั สมบัติของภิกษุผอู ยูป า . ภิกษุใดไมมปี จจยั ๔ เหลาน้ี การอยูป า ของภิกษุนัน้ ยอ มไมส ําเรจ็ภิกษนุ ้ันยอมจะถูกเปรยี บเปรยเทากบั สตั วด ิรจั ฉานหรอื พรานปา. เทวดาที่สิงสถติ อยูในปา ทาํ ใหไดยินเสยี งทีน่ า กลัววา การอยปู า ของภิกษุชว่ั เชน นี้จะมีประโยชนอ ะไร เอามือทบุ ศีรษะแลวหนีไป. โทษมใิ ชย ศ ยอ มระบือไปวา ภิกษุรปู โนนเขา ปา ไดการทํากรรมช่วั อยางนี้บางอยา งน้บี า ง. แตภ กิ ษุใดมีปจ จัย ๔ เหลา น้ี การอยปู าของภกิ ษนุ น้ั ยอ มสาํ เรจ็ .ดวยวา เธอพจิ ารณาศีลของตนอยู เมื่อไมเ หน็ ดา งพรอยอะไร ๆ ยังปตใิ หเกิดขนึ้ แลวพิจารณาปต ิน้นั โดยความสิ้นไปเสอื่ มไป ยอมหยั่งลงสูอริยภมู ิ.เทวดาทส่ี งิ สถติ อยใู นปา มคี วามพอใจพากนั สรรเสรญิ . ยศของภกิ ษนุ ี้ยอ มกระฉอ นไป เหมอื นหยาดนํา้ มนั ที่หยดลงในนํ้าฉะนั้น.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook