พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 451 ในบทเหลา นั้น บทวา ววิ ิตตฺ ความวา วาง อธิบายวา มีเสยี งเงยี บคือไมคอยดงั นัก. จริงอยู ในวิภงั คปกรณท านกลาวหมายถึงความสงัดน้ีไววา บทวา ววิ ติ ฺต ความวา แมห ากวา มีเสนาสนะอยูในทใี่ กล และเสนาสนะนั้นไมพ ลุกพลานดวยคฤหสั ถบ างบรรพชิตบาง เพราะเหตุนั้นเสนาสนะนนั้ ชื่อวา สงดั . ชื่อวา เสนาสนะ เพราะอรรถวา เปน ท่ีนอนดว ย เปนทีน่ ัง่ ดว ย.คํานเ้ี ปนชื่อของเตียงและตัง่ เปนตน . เพราะเหตุนน้ั พระผูมีพระภาคเจาจงึ ตรัสไวว า บทวา เสนาสนะ ไดแ กเ ตียงกด็ ี ตั่งก็ดี ฟกู กด็ ี หมอนกด็ ีวหิ ารก็ดี เพิงก็ดี ปราสาทกด็ ี เรือนโลน กด็ ี ถ้ําก็ดี ปอ มก็ดี โรงกลมกด็ ี ทเี่ รนก็ดี กอไผก ด็ ี โคนไมก็ดี มณฑปกด็ ี ช่อื วา เสนาสนะ ก็หรอื วาภกิ ษุเปลย่ี นอิรยิ าบถในทใ่ี ด ท่นี ้ันท้งั หมด ชื่อวาเสนาสนะ. อกี อยา งหน่ึง เสนาสนะนี้ คือ วหิ าร เพิง ปราสาท เรือนโลนถ้ํา ช่ือวา เสนาสนะประเภทท่ีอยู. เสนาสนะนี้ คอื เตียง ตัง่ ฟกู หมอน ช่ือวา เสนาสนะสําหรับเตยี งตั่ง. เสนาสนะน้ี คอื ปลอกหมอน ทอ นหนงั เคร่อื งปลู าดท่ถี กั ดวยหญา เคร่ืองปูลาดท่ีทําดว ยใบไม ชอ่ื วา เสนาสนะเปนเคร่ืองลาด. เสนาสนะซงึ่ เปนทีเ่ ปลย่ี นอริ ยิ าบถของภิกษทุ ั้งหลายนี้ ชือ่ วาเสนาสนะตามโอกาส. เสนาสนะมี ๔ อยาง ดวยประการฉะน้ี. เสนาสนะท้ังหมดน้ันทา นสงเคราะหดว ยศพั ทว าเสนาสนะนนั่ เทียว. กพ็ ระผูมีพระภาคเจา เมือ่ ทรงแสดงเสนาสนะทีส่ มควรแกภิกษุผูไป
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 452ใน ๔ ทศิ เหมือนนกนั้น ดังน้ี ตรัสพระพุทธพจนมอี าทวิ า อรฺรุกฺขมลู ดังนี.้ ในบทเหลานัน้ บทวา อรฺ ไดแกป าที่อยูนอกเขตเมือง ทัง้ หมดนี้ ชือ่ วาปา ปานสี้ ําหรบั ภกิ ษุณที ง้ั หลาย ดวยประการฉะน้.ี เสนาสนะทท่ี งั้ อยทู ี่สุดชวั่ ๕๐๐ ธนู ช่อื วา ปา ก็เสนาสนะปานี้สมควรแกภกิ ษนุ ้ี ดวยประการฉะนี้. ลกั ษณะของปา นนั้ กลา วไวแ ลวในธุดงคนิทเทสในวสิ ุทธมิ รรค. บทวา รุกฺขมูล ไดแกโคนไมท ี่สงดั มรี มเงาสนทิ แหง ใดแหงหนึ่ง. บทวา ปพฺพต ไดแกศ ลิ า. ก็เมือ่ ภิกษุใชน้ําในบอ น้ํา ณ ท่นี ัน้แลวนง่ั ทีเ่ งาไมร ม เย็น เมอื่ ทิศตาง ๆ ปรากฏ ลมเย็นพดั มา จิตยอ มมีอารมณเปนหนง่ึ . ดว ยบทวา กนฺทร ทา นเรยี กนา้ํ วา ประเทศแหง ภูเขาทนี่ ํา้ เซาะ นาํ้ทําลาย ซึ่งทา นเรยี กวา นทตี ุมพะบา ง นทกี ญุ ชะบาง. กใ็ นทีน่ ้นั มีทรายเหมือนแผนเงนิ . ปา ชฏั ขา งบนเหมือนเพดานแกวมณี. นํา้ เชน กับกองแกวมณไี หลไป. เม่ือภกิ ษลุ งซอกนํ้าอยางนี้ ดม่ื น้าํ แลวทาํ รางกายใหเย็นกอ ทรายข้ึน ปลู าดผาบังสกุ ลุ นัง่ บาํ เพ็ญสมณธรรม จติ ยอมมอี ารมณเปน หนึ่ง. บทวา คริ คิ หุ ไดแกช องใหญร ะหวา งภูเขา ๒ ลกู หรอื ชองใหญเหมือนอโุ มงคภ เู ขาลกู หนง่ึ . ลักษณะของปา ชา กลาวแลว ในวสิ ทุ ธิ-มรรค. บทวา วนปตฺถ ไดแ กที่เลยเขตบา น มิไดเปนทไ่ี ถทหี่ วา นของมนษุ ยท ้งั หลาย. เพราะเหตนุ ั้นนั่นแล ทานจงึ กลา ววา คาํ วา วนปตฺถ .
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 453นเี้ ปน ช่อื ของเสนาสนะทไ่ี กล ดงั นี้เปนตน. บทวา อพฺโภกาส ไดแกท ีไ่ มไดม ุงบงั . กเ็ ม่ือภกิ ษปุ ระสงคจ ะทํากลดอยูในทนี่ ีก้ ็ได. บทวา ปลาสปุ ชฺ ไดแกก องฟาง. ก็ภิกษดุ งึ ฟางออกจากกองฟางใหญ ทาํ ท่ีอยูอ าศยั เหมอื นทเี่ รนในเงือ้ มเขา. บางทเี อาฟางใสข า งบนกอไมพมุ ไมเปนตน นงั่ บําเพ็ญสมณ-ธรรมอยภู ายใต ทา นกลาวหมายเอาทีน่ น้ั . บทวา ปจฺฉาภตตฺ ไดแ กภายหลงั อาหาร. บทวา ปณ ฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ไดแกก ลบั จากการแสวงหาบณิ ฑบาต. บทวา ปลฺลงกฺ ไดแกน่งั ขัดสมาธิ. บทวา อาภชุ ิตวฺ า ไดแ กป ระสานไว. บทวา อชุ ุ กาย ปณธิ าย ไดแก ตง้ั กายทอนบนใหต รง ใหท่ีสุดทอทส่ี ุดกระดกู สันหลงั ๑๘ ขอ ประชิดกัน. ดว ยวา เมือ่ นง่ั อยา งนี้ หนังเนอ้ื และเอน็ ทั้งหลายไมตึง. เม่ือเปนเชนน้ี เวทนาท่ีจะพงึ เกดิ ขึ้นในทุก ๆ ขณะ เพราะหนังเน้อื เอน็ ตงึ เปนปจจัย ก็ไมเกดิ ข้นึ แกภ กิ ษนุ ้นั เมอ่ื เวทนาเหลานั้นไมเ กดิ ข้ึน จติ ยอ มมีอารมณเ ปนหนึง่ กรรมฐานยอมไมต กถอย ยอมเขาถึงความเจรญิ งอกงามไพบูลย. บทวา ปริมุข สตี อปุ กฺ เปตวฺ า ความวา ตั้งสตมิ ุง ตรงตอกรรมฐาน หรอื ตั้งกรรมฐานไวตรงหนา . เพราะเหตุน้ันนั่นแล ในวิภงั คจงึ กลา วไวว า สติน้ียอมเปน อันตง้ั ม่ันจดจอ อยูตรงปลายจมกู หรอื แถว ๆ
พระสุตตันตปฎก ทีฆนิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 454หนา เหตุนน้ั ทา นจงึ กลา ววา ดํารงสตไิ วต รงหนา ดังน้.ี อีกอยางหน่งึ ในขอ นพ้ี ึงทราบเนอื้ ความโดยนัยท่กี ลาวแลวในปฏสิ มั ภทิ าอยา งนี้วา บทวา ปริ มอี รรถวา กาํ หนด บทวา มขุ มอี รรถวานาํ ออก บทวา สติ มอี รรถวา เขา ไปตั้งมัน่ เพราะเหตุน้นั ทา นจึงกลา วคําวา ปรมิ ขุ สตึ ดังนี้ . รวมความในคาํ น้นั วา ทําสติใหเ ปน ที่กําหนด เปน ทอ่ี อกไป. ในบทวา อภชิ ฺฌ โลเก นี้ อปุ าทานขนั ธ ๕ ชื่อวา โลก ดว ยอรรถวา สลาย เพราะฉะนัน้ ในบทนี้จงึ มเี น้ือความดงั นวี้ า ละราคะ คอืขม กามฉันทะในอปุ าทานขนั ธ ๕ ได. บทวา วคิ ตาภชิ ฺเฌน ความวา มคี วามเพงเล็งไปปราศแลว เพราะละไดโ ดยวกิ ขัมภนปหาน เชนกับจกั ษุวิญญาณ บทวา อภชิ ฺฌาย จติ ตฺ ปรโิ สเธติ ความวา เปลอ้ื งจติ จากความเพง เลง็ อธิบายวา ความเพง เล็งน้ันพนไป และครั้นพนไปแลวไมมาจับจติ อีกไดดวยประการใด เธอยอมทาํ ดว ยประการน้นั แมใ นบทวา พฺยาปาทปโทสมปฺ หาย เปน ตน กน็ ยั น้ีแหละ. ช่ือวา พยาปาทะ ดว ยอรรถวา จติ ยอ มพยาบาทดวยโทสจิตน้ีคอื ละปกติเดิม เหมอื นขนมกุมมาสบดู เปนตน. ชอื่ วา ปโทสะ ดว ยอรรถวา ประทุษรา ยถึงพิการ หรือทาํ ผอู ่นืใหเดอื นรอ น คือพนิ าศ. กท็ งั้ ๒ คาํ นเ้ี ปนช่ือของความโกรธนัน่ เอง. ความท่ี จติ เปนไข ชอื่ วา ถีนะ. ความท่ีเจตสิกเปน ไข ช่อื วา มทิ ธะ ถีนะและมทิ ธะ ชอื่ วาถนี มทิ ธะ.
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 455 บทวา อาโลกสฺ ี ความวา ประกอบดวยสัญญาอันบริสุทธ์ิปราศจากนิวรณ เพราะสามารถกาํ หนดรูแ สงสวางท่ีเหน็ ทงั้ กลางคืนทัง้กลางวนั . บทวา สโต สมปฺ ชาโน ไดแ กป ระกอบดว ยสตแิ ละดวยญาณ. คําท้ัง ๒ นี้ ทา นกลา วแลวเพราะเปนอุปการะแกอาโลกสัญญา. ความฟงุ ซา นและความรําคาญ ช่อื วา อทุ ธจั จกกุ กุจจะ บทวา ตณิ ฺณวจิ ิกจิ ฺโฉ ไดแกขา ม คือกา วลวงวิจิกจิ ฉาตงั้ อย.ู ช่ือวา ไมม คี วามคลางแคลง ดวยอรรถวา ไมเปนไปอยา งนว้ี านอี้ ยางไร น้ีอยางไร. บทวา กุสเลสุ ธมเฺ มสุ ไดแ กในธรรมท้ังหลายทีไ่ มมโี ทษ.อธิบายวา ไมสงสัย คือไมก ังขาอยา งนวี้ า ธรรมเหลา น้หี นอแลเปน กุศลธรรมเหลาน้เี ปน กศุ ลไดอยา งไร. น้ีเปนความยอในขอน้ี กค็ ําใดทค่ี วรจะกลา วในนิวรณเ หลาน้ี โดยจาํ แนกใจความของคาํ และลกั ษณะเปนตนคาํ นัน้ ทงั้ หมดกลา วไวแลวในวสิ ทุ ธิมรรค. กใ็ นอปุ มาทีท่ านกลาวไววา เสยฺยถาป มหารา นนั้ มวี นิ จิ ฉัยดงั ตอไปน้ี บทวา อิณ อาทาย ไดแ กถ ือเอาทรพั ยเ พอ่ื ความเจรญิ . บทวา พฺยนตฺ ีกเรยยฺ ความวา พงึ ทําหนน้ี ัน้ ใหห มดไป คือพึงทาํ มิใหห นี้เหลาน้ันเหลืออยูเพยี งกากะณึกหนึ่ง อธบิ ายวา พึงใชใหหมดเลย. บทวา ตโตนทิ าน ไดแกม คี วามไมม หี น้ีเปน มูลเหต.ุ จริงอยู เม่ือเขารําพึงอยวู า เราไมมีหนี้ ยอ มไดความปราโมทย
พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 456เปน กาํ ลัง ยอ มไดค วามดีใจ เพราะเหตุน้นั ทา นจงึ กลา ววา ลเภถปาโมชฺช อธิคจฺเฉยฺย โสมนสสฺ ดงั นี้ . ช่อื วา อาพาธ ดวยอรรถวา ตัดอริ ิยาบถ ๔ เหมือนตัดดวยเลื่อยเบียดเบียนอยูเ พราะเกิดเวทนาท่เี ปน ขาศึก. ชอ่ื วา อาพาธิก ดวยอรรถวา มีอาพาธ. ชอื่ วา ถงึ ความลําบาก เพราะความลาํ บากซง่ึ เกิดแตอ าพาธนัน้ . บทวา อธมิ ตฺตคิลาโน ไดแกเจ็บหนัก บทวา นจฉฺ าเทยยฺ ไดแกไ มพงึ ชอบใจ เพราะมีพยาธหิ นกั ย่ิงครอบงาํ อยแู ลว . บทวา พลมตตฺ า ไดแกม ีกําลังนั่นเอง อธบิ ายวา เขามกี าํ ลังกาย. บทวา ตโตนทิ าน ไดแ กมีความไมมีโรคเปน ตนเหต.ุ ก็เม่ือเขารําพึงอยวู า เราไมม โี รค ทงั้ ความปราโมทยและโสมนสั น้ันยอมมที ัง้ ค.ู เพราะเหตนุ ้นั ทานจงกลา ววา ลเภถ ปาโมชชฺ อธิคจเฺ ฉยฺยโสมนสฺส ดังน้ี. บทวา น จสฺส กิ จฺ ิ โภคาน วโย ความวา ไมม คี วามเส่อื มโภคะแมเ พียงกากะณกึ หนงึ่ . บทวา ตโตนิทาน ไดแกมกี ารไมพ น จากเคร่ืองผูกมัดเปน ตน เหต.ุ คําทเ่ี หลือพงึ ประกอบในบททั้งหมด ตามนัยทีก่ ลา วแลวน่นั แหละ. บทวา อนตฺตาธีโน ไดเ เกไมเ ปน ทพี่ งึ่ ในตน จะทําอะไร ๆตามความพอใจของตนไมไ ด. บทวา ปราธโี น ไดแกต องพง่ึ คนอ่ืน เปน ไปตามความพอใจของคนอ่ืนเทา นน้ั .
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 457 บทวา น กาเยน กามงคฺ โม ความวา เขาประสงคจ ะไปโดยทิศาภาคใด กไ็ ปโดยทิศาภาคนั้นไมได. บทวา ทาสพยฺ า ไดแกจากความเปน ทาส. บทวา ภุชสิ โฺ ส ไดแกเปน ตวั ของตัวเอง. บทวา ตโตนทิ าน ไดแ กมคี วามเปนไทเปน ตน เหต.ุ บทวา กนตฺ ารทฺธานมคคฺ ไดแ กทางไกลกนั ดาร อธิบายวาทางไกลไมม นี ํา้ . บทวา ตโตนิทาน ไดแกม พี ื้นทท่ี ่ีปลอดภยั เปนตนเหต.ุ ในคําวา อเิ ม ปฺจ นวิ รเณ อปฺปหเี น นี้ พระผมู ีพระภาคเจา ทรงแสดงกามฉนั ทท่ียงั ละไมไดเ หมอื นหน้ี แสดงนิวรณท เ่ี หลอื ทําใหเปน เหมือนโรคเปน ตน ในขอน้นั มีอปุ มาดังนี้ ก็ผใู ดกหู น้คี นอน่ื แลว ยอมพนิ าศ ผูน้ันแมถกู เจาหนที้ วงวา จงใชหนี้ แมพ ดู คาํ หยาบ แมถกู จองจาํ แมถ ูกฆา ก็ไมอาจจะโตต อบอะไรไดยอ มอดกลน้ั ทุกอยาง ดวยวา หน้ีของเขานัน้ เปน เหตใุ หอดกลั้น ผูท่ตี ดิ วัตถุดวยกามฉนั ทะกฉ็ ันนั้น ยอ มยดื วตั ถุน้นั ดว ยเครอื่ งยดึ คือตัณหา เขาแมถูกกลา วคําหยาบ แมถ กู จองจาํ แมถ ูกฆา ยอมอดกลน้ั ทุกอยาง. ดวยวากามฉันทะของเขานน้ั เปนเหตุใหอ ดกลัน้ เหมือนกามฉันทะของหญิงทง้ั หลายทถี่ กู เจา ของเรอื นฆา พึงเห็นกามฉันทะเหมอื นหนี้ ดว ยประการฉะน้ีแล. เหมือนอยางวา คนกระสับกระสา ยเพราะโรคดี แมเ มื่อเขาใหน าํ้ผง้ึ และนา้ํ ตาลกรวดเปน ตน ก็ไมไดรสของของหวานเหลานนั้ ยอ มบน วาขม ขม เทานน้ั เพราะตนกระสับกระสา ยดวยโรคดีฉันใด ผมู จี ติ พยาบาท
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 458ก็ฉันนั้นเหมือนกัน แมอ าจารยและอปุ ช ฌายผูหวงั ดวี ากลาวเพียงเล็กนอ ยกไ็ มรบั โอวาท กลาววา ทา นท้งั หลายวนุ วายเหลอื เกนิ เปนตน ลาสกิ ขาบทไป เขาไมไ ดรสของพระศาสนาประเภทสขุ ในฌานเปน ตน เพราะเปนผูกระสับกระสายดว ยความโกรธ เหมอื นบรุ ษุ นัน้ ไมไดร สของของหวานมีนํา้ ผ้ึงและน้ําตาลกรวดเปน ตน เพราะเปนผกู ระสบั กระสา ยเพราะโรคดีพงึ เห็นความพยาบาทเหมอื นโรค ดวยประการฉะน้ีแล. เหมอื นอยางคนท่ีถกู จองจาํ ในเรือนจาํ ในวันนักขัตฤกษ ยอ มไมเห็นเบอื้ งตน ทามกลาง ท่ีสุดของนกั ขัตฤกษเลย ครนั้ รุง ขึน้ เขาพนเรือนจาํ แมไ ดฟงคาํ เปนตนวา โอ เมื่อวานนกั ขัตฤกษน าพอใจ ฟอนรําขับรอ งนา พอใจ ดงั นี้ ก็ใหค าํ ตอบไมไ ด. เพราะเหตอุ ะไร ? เพราะไมไดดูนกั ษัตรฉันใด ภกิ ษถุ ูกถนี มิทธะครอบงาํ ก็ฉันนนั้ เม่ือการฟง ธรรมแมม ีนัยวิจติ รกาํ ลังดาํ เนินไป ยอมไมร ูเบ้ืองตน ทามกลาง ทีส่ ุดของธรรมนนั้ เธอแมนนั้ เม่ือปรากฏการฟง ธรรมขน้ึ แลว ผูค นพากนั สรรเสริญการฟง ธรรมวา โอ การฟงธรรม โอ เหตผุ ล โอ อุปมา ถึงฟงก็ใหค าํ ตอบไมไ ด. เพราะเหตไุ ร. เพราะอาํ นาจถีนมทิ ธะทาํ ใหฟ ง ธรรมไมรูเ รื่อง.พึงเหน็ ถีนมิทธะเหมือนเรอื นจาํ ดว ยประการฉะน.ี้ เหมือนอยางทาสแมเลน นักษตั รอยู นายกลาววา มีงานทตี่ อ งทาํรบี ดวนชือ่ นี้ เจาจงรีบไปทน่ี ้นั ถา ไมไป เราจะตัดมือและเทา หรือหูและจมูกของเจา เขารบี ไปทันที ยอมไมไ ดชมเบ้อื งตน ทา มกลางและที่สดุของงานนักษัตร. เพราะเหตุไร. เพราะมคี นอนื่ เปนทพ่ี ึง่ ฉนั ใด ภิกษผุ ูไมรูท่วั ถงึ พระวินัยก็ฉันนัน้ แมเ ขา ปาเพ่อื ตองการวิเวก เม่อื เกดิ ความสําคัญในกัปปยมังสะอยางใดอยา งหนง่ึ โดยทส่ี ดุ วาเปน อกัปปย มังสะ ตอ ง
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 459ละวเิ วกไปสาํ นกั พระวินยั ธรเพอื่ ชาํ ระศลี ยอมไมไดเ สวยสขุ อนั เกดิ แตวิเวก. เพราะเหตุไร. เพราะถกู อทุ ธจั จกุกกุจจะครอบงาํ พึงเห็นอทุ ธจั จ-กกุ กุจจะเหมอื นความเปน ทาส ดวยประการฉะน้แี ล. เหมือนอยางบุรุษเดนิ ทางไกลทีก่ ันดาร ไดเหน็ โอกาสทมี่ นุษยท้งั หลายถกู พวกโจรปลน และถกู ฆา พอไดย นิ เสยี งทอ นไมก็ดี เสยี งนกกด็ ี ยอ มระแวงสงสัยวา พวกโจรมาแลว เดินไปบาง ยืนอยูบาง กลับเสียบาง ทีท่ ี่มาจากทไ่ี ปแลวมมี ากกวา เขายอมถงึ ท่ีปลอดภัยโดยยากโดยฝด เคือง หรือไมถ ึงเลยฉนั ใด คนทเี่ กดิ วจิ กิ ิจฉาในฐานะ ๘ กฉ็ นั น้ันสงสยั โดยนัยเปน ตน วา พระพุทธเจามหี รือไมม หี นอ ลงั เลแลว ไมอ าจจะยึดถอื ดวยศรทั ธา เม่อื ไมอาจ ยอ มไมบรรลมุ รรคหรอื ผลได. ดงั น้นัเหมอื นในทางไกลทกี่ ันดาร ยอมมีความหวาดระแวงบอ ย ๆ วา พวกโจรมีไมมี ทาํ ใหจ ิตไมเ ช่อื มีความหวาดกลวั เกดิ ขนึ้ ยอ มทําอนั ตรายแกก ารถงึมที ่ปี ลอดภัยฉนั ใด แมวิจกิ ิจฉากฉ็ ันน้ัน ทําใหเกดิ ความหวาดระแวงบอย ๆ โดยนยั วา พระพทุ ธเจามีหรอื ไมม หี นอ ดงั นี้เปนตน ไมม่นั ใจสะดุงกลัว ยอ มทาํ อนั ตรายแกการเขาถงึ อรยิ ภมู ิ พึงเหน็ วจิ กิ จิ ฉาเหมอื นทางไกลท่ีกนั ดาร ดวยประการฉะน.ี้ บดั น้ี พระผูมีพระภาคเจาทรงแสดงเปรยี บเทยี บผทู ีล่ ะกามฉนั ท-นิวรณไดวา เหมือนคนไมมีหนี้ ผูทลี่ ะนวิ รณทเี่ หลอื ไดว า เหมอื นคนไมม โี รคเปน ตน ในพระบาลีน้วี า เสยยฺ ถาป มหาราช อานณฺย ดังน้.ี ในขอนนั้ มอี ปุ มาดงั น.้ี เหมือนอยางวา บุรษุ กหู นี้แลว ประกอบการงาน ถงึ ความรํ่ารวยคิดวา ชือ่ วาหน้ีนีเ้ ปน มลู แหง ความกงั วล จงึ ใชห นี้พรอ มท้ังดอกเบี้ย
พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 460แลว ฉีกหนังสือสัญญากูเ สีย เมื่อเปนเชนนั้น ไมมใี ครสงคนไปทวงเขาตัง้ แตนน้ั นา หนังสอื สัญญากกู ไ็ มม ี เขาแมเหน็ เจาหน้ที ง้ั หลาย ถาประ-สงคจะตอ นรับกล็ กุ จากอาสนะ ถาไมประสงคก ็ไมล กุ . เพราะเหตุไร ?เพราะมิไดค ิดตอมไิ ดเ ก่ียวของกบั เจา หนีเ้ หลาน้ัน ฉันใด ภกิ ษุ (ผปู ฏบิ ัติ)กฉ็ ันนั้นเหมือนกนั คิดวา ชื่อวากามฉนั ทะน้ี เปนมูลแหง ความกังวลจึงเจรญิ ธรรม ๖ ประการแลวละกามฉนั ทนิวรณเสยี . กธ็ รรม ๖ ประการเหลาน้ัน เราจักพรรณนาในมหาสติปฏ ฐานสตู ร. เมื่อภิกษุนัน้ ละกามฉนั ทะไดอยา งนี้ ยอ มไมก ลัวไมสะดุง เหมอื นบรุ ษุ ผูปลดหนีแ้ ลว เห็นเจาหนท้ี ง้ั หลายยอ มไมก ลวั ไมส ะดงุ ฉนั ใด ยอ มไมมคี วามเกย่ี วขอ ง ไมมีความผกู พันในวตั ถุของผูอืน่ ฉันนนั้ เหมือนกันเม่อื เหน็ รปู แมเปนทิพย กเิ ลสกไ็ มกําเริบ. เพราะฉะน้นั พระผูมพี ระ-ภาคเจาจงึ ตรสั การละกามฉนั ทะไดเ หมอื นความไมมีหน้ี. เหมอื นอยา งบุรษุ ผูกระสับกระสา ยเพราะโรคดนี น้ั ทาํ โรคนนั้ ใหส งบดว ยการปรุงยา ตง้ั แตนนั้ กไ็ ดร สแหงนาํ้ ผ้งึ และนํ้าตาลกรวดเปน ตน ฉันใดภกิ ษกุ ็ฉันนัน้ เหมอื นกนั คิดวา ชื่อวา พยาบาทน้ี กระทําความพนิ าศจึงเจริญธรรม ๖ ประการ ละพยาบาทนวิ รณได. เราจกั พรรณนาธรรม๖ ประการในนิวรณทงั้ หมด ในมหาสตปิ ฏฐานสูตรนัน่ แล. กธ็ รรม๖ ประการเหลานน้ั มิใชเจริญเพ่อื ละถนี มิทธะเปนตนอยา งเดียว เราจกัพรรณนานวิ รณเหลา นน้ั ทงั้ หมดในมหาสตปิ ฏฐานสตู รนั้นแหละ. ภิกษนุ ั้นละพยาบาทไดอยา งน้ีแลว รับสิกขาบททั้งหลายมอี าจารบัญญตั ิเปน ตนอยา งเตม็ ใจดวยเศียรเกลา สนใจศกึ ษาอยู เหมอื นบรุ ุษหายจากโรคดีแลวยอ มรบั ประทานรสน้าํ ผึง้ และนํา้ ตาลกรวดเปน ตน อยางเตม็ ใจ. เพราะฉะนนั้
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 461พระผูมีพระภาคเจาจงึ ตรสั การละพยาบาทเหมือนหายโรค. บุรษุ ผถู กู ขังในเรือนจาํ ในวันนกั ษัตรนนั้ ในวันนักษัตรตอมาเขาคิดวา แมเ มือ่ กอ นเราถกู จาํ เพราะโทษที่ประมาท ไมไดช มนกั ษัตรเพราะเหตุน้นั บดั น้เี ราจกั ไมประมาท ดงั น้ี เปน ผไู มป ระมาทอยา งที่ศัตรทู ั้งหลายของเขาไมไ ดโอกาส จงึ ไดชมนักษัตรเปลง อทุ านวา โอนกั ษตั ร ดังนี้ ฉนั ใด ภิกษกุ ฉ็ ันน้ัน คดิ วา ช่ือวา ถนี มทิ ธะนท้ี าํ ความพินาศใหญ จงึ เจริญ ธรรม ๖ ประการ ยอ มละถนี มทิ ธนิวรณได เธอละถีนมิทธะไดอ ยา งนแี้ ลว ไดชมเบ้อื งตน ทา มกลางและทส่ี ุดแหง นักษัตรคอื ธรรม บรรลุพระอรหตั พรอมดว ยปฏิสมั ภทิ าทงั้ หลาย เหมือนอยา งบุรษุ ท่ีพนจากการจองจํา ไดชมเบือ้ งตนทามกลางและทส่ี ุดแหงนกั ษัตรทัง้ ๗ วนั . เพราะฉะนนั้ พระผูมพี ระภาคเจา จึงตรัสการละถนี มิทธะไดวาเหมอื นพนจากจองจาํ . เหมือนอยางวา ทาสเขาไปอาศยั มติ รบางคน ใหท รัพยแ กนายทั้งหลายแลวทาํ คนใหเปนไท ต้งั แตน้นั ตนปรารถนาสง่ิ ใด ก็ทาํ ส่ิงนัน้ฉนั ใด ภกิ ษกุ ็ฉันน้ันเหมอื นกัน คิดวา ชื่อวา อทุ ธจั จกกุ กุจจะน้ที าํ ความพนิ าศใหญ จึงเจริญธรรม ๖ ประการ ยอ มละอทุ ธจั จกุกกจุ จะได. เธอละอทุ ธจั จกกุ กจุ จะไดอ ยา งนแ้ี ลว ยอมดาํ เนนิ สเู นกขมั มปฎิปทาไดต ามสบาย. อทุ ธจั จกกุ กุจจะไมสามารถใหเธอกลับจากเนกขัมมปฏปิ ทานนั้ ไดโดยพลการ. เหมอื นอยา งบรุ ุษผเู ปน ไท ปรารถนาสิง่ ใด กท็ าํ สิ่งนั้นไมบรารถนาส่ิงใด กไ็ มทาํ ส่ิงน้นั . ไมมใี คร ๆ จะใหเ ขากลับจากความเปน ไทน้นั โดยพลการได. เพราะฉะน้ัน พระผมู ีพระภาคเจาจึงตรัสการละอทุ ธัจจกกุ กุจจะวา เหมือนความเปน ไท.
พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 462 เหมือนอยา งบุรุษมกี ําลงั ถอื เอาทรพั ยท มี่ สี าระตดิ มือ เตรยี มอาวุธพรอ มดวยบริวารเดนิ ทางกนั ดาร พวกโจรเห็นเขาแตไ กล พงึ หนีไป.เขาขา มพนทางกันดารนัน้ โดยสวสั ดี ถงึ แดนเกษม มีความรา เริงยนิ ดีฉันใด ภกิ ษกุ ็ฉันน้ันเหมอื นกนั คดิ วา ช่ือวา วิจิกิจฉานี้ทาํ ความพินาศจึงเจริญธรรม ๖ ประการ ยอ มละวิจกิ จิ ฉาได เธอละวิจกิ จิ ฉาไดอยางนี้แลว ขามกนั ดารแหง ทุจริตได บรรลุพระอมตมหานพิ พานอนั เปน ภูมิที่เกษมสาํ ราญอยางยงิ่ เหมือนบรุ ษุ ผมู ีกาํ ลงั เตรยี มอาวธุ พรอมดว ยบริวารปลอดภัย ไมส นใจพวกโจรเหมอื นหญา ออกไปถงึ ภูมอิ ันเปน ทปี่ ลอดภยัโดยความสวัสดี. เพราะฉะน้นั พระผูมพี ระภาคเจาจงึ ตรัสการละวิจิกิจฉาไวเหมอื นภมู อิ นั เปน แดนเกษม. บทวา ปาโมชฺช ชายติ ความวา เกดิ อาการยนิ ดี. บทวา ปมทุ ติ สฺส ปติ ชายติ ความวา ปต ิเกิดทวมท่วั สรรี ะของผูทย่ี ินดี. บทวา ปติมนสสฺ กาโย ปสฺสมฺภติ ความวา นามกายของบุคคลผมู ีจิตสมั ปยตุ ดวยปต ิ ยอมสงบ คือปราศจากความกระวนกระวาย. บทวา สขุ เวเทติ ความวา ยอมเสวยสขุ ทัง้ ทางกายทางใจ บทวา จิตฺต สมาธยิ ติ ความวา จติ ของผูทมี่ สี ขุ ดว ยเนกขัมมสุขนี้ยอ มตั้งม่ันดว ยอาํ นาจอุปจารฌานก็มี ดวยอํานาจอปั ปนาฌานกม็ ี. กค็ ําวา โส วิวจิ ฺเจว กาเมหิ ฯ เปฯ ปมชฌฺ าน อุปสมฺปชฺชวหิ รติ ดังนี้ เปนตน พึงทราบวา พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสเพ่อื แสดงคณุวเิ ศษเบื้องสงู ในเมอ่ื จิตต้งั มนั่ ดว ยอปุ จารสมาธิ และเพอ่ื แสดงประเภทของ
พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 463สมาธินนั้ ในเมอ่ื จิตต้งั มนั่ ดวยอัปปนาสมาธ.ิ บทวา อิมเมว กาย ไดแ กกรชกายน.้ี บทวา อภิสนเฺ ทติ ไดแกเ อบิ อาบ ไหลไป คือทาํ ปต ิสขุ ท่ีเปนไปในท่ที ้งั ปวง. บทวา ปรสิ นฺเทติ ไดแกซ านไปโดยรอบ. บทวา ปรปิ เู รติ ไดแ กเตม็ เหมือนสูบดว ยลม. บทวา ปริปผู รติ ไดแกแ ผไ ปโดยรอบ. บทวา สพฺพาวโต กายสฺส ความวา กายของภิกษุ (ผูไดฌ าน)นนั้ ทุกสวน ไมมีฐานะท่ีตรงไหนเลยในกายท่ีมใี จครองและยังมสี ันตตเิ ปนไปอยแู มส กั นอ ยหนง่ึ ตามผวิ เนื้อและโลหิต ทค่ี วามสุขในปฐมฌานจะไมถกู ตอ ง. บทวา ทกโฺ ข ไดแ กผูฉลาด สามารถเพื่อจะทํา เพื่อจะประกอบเพอ่ื จะอาบไลซ่งึ ผงสําหรบั อาบน้าํ . บทวา ก สถาเล ไดแกในภาชนะที่ทําดวยโลหะอยา งใดอยา งหนึ่ง.ภาชนะดินเปนของไมทน เมื่อใชอ าบยอ มแตก ฉะน้นั จงึ ไมทรงยกภาชนะดินขึ้นแสดง. บทวา ปริปโฺ ผสกปริโผสก ไดแ กรดแลว รดเลา . บทวา สนเฺ นยยฺ ไดแ กถ อื ภาชนะสัมฤทธดิ์ วยม้อื ซาย วกั นาํ้ พอประมาณดว ยมอื ขวา ลบู ตัวอยู ทําการวักทีละฟายมอื . บทวา เสฺนหานคุ ตา ไดแ กความเอิบอาบของนา้ํ แผซา นไป. บทวา เสฺนหปเรตา ไดแกเ อบิ อาบดวยความซาบซานของนํ้า.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 464 บทวา สนฺตรพาหิรา ไดแกค วามเอิบอาบของนํา้ ถูกตอ ง พรอ มทง้ั ภายในและภายนอกทกุ สว น. บทวา น จ ปคฺฆรติ ความวา มใิ ชน ํ้าจะหยดออกทลี ะหยาด ๆนํา้ น้ันอาจวักดว ยมอื ก็ได ดว ยองคุลี ๒-๓ องคุลีก็ได แมดว ยชายพกก็ทาํ ได. อุปมาความสขุ ในทตุ ิยฌาน มวี ินจิ ฉยั ดงั ตอ ไปนี้ บทวา อุพฺภิโตทโก ความวา นํา้ กระจาย. อธิบายวา ไมใชน ้าํที่แตกขางลางแลวพลงุ ขึ้น แตเ ปนนา้ํ ที่เกดิ ข้นึ ในภายในน่นั เอง. บทวา อายมุข ไดแ กทางเปนทม่ี า. บทวา เทโว ไดแ กเมฆ. บทวา กาเลน กาล แปลวา ทกุ ๆ เวลา อธบิ ายวา ทกุ ก่ึงเดือนหรอื ทุก ๑๐ วัน. บทวา ธาร แปลวา สายฝน. บทวา อนุปฺปเวจฺเฉยฺย ความวา ฝนไมห ลงั่ คือไมต ก. บทวา สตี า วาริธารา อพุ ภฺ ิชชฺ ิตวฺ า ความวา นาํ้ เย็นทาํ หวงน้าํใหเต็มเกดิ ขึ้น. จริงอยู น้ําท่พี ลุง ขึ้นขา งลาง ครั้นพลงุ ข้นึ แลว ยอมทา นํา้ ทแ่ี ตกใหกระเพอื่ ม. นํ้าท่ีไหลมาแตท ศิ ท้ัง ๔ ยอ มทาํ นํ้าใหกระเพอ่ื มดวยใบไมเ กาหญาไมแ ละทอ นไมเ ปนตน. นาํ้ ฝนยอ มทานาํ้ ใหกระเพือ่ มดวยสายน้ําท่ตี กลงมาและฟองนํา้ . น้ําทีเ่ กิดข้ึน จมอยูอ ยา งนั้นแหละเหมือนเนรมติ ดวยฤทธิ์
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 465แผไ ปสูประเทศนี้ จะวา ไมแ ผไ ปสปู ระเทศนไ้ี มม .ี ช่อื วาโอกาสท่ีนํา้ นัน้ไมถ ูกตองไมมี ดังนี้แล. ในเร่ืองนน้ี ัน้ กรชกายเหมอื นหว งน้าํ . สุขในทตุ ิยฌานเหมอื นนาํ้ .คาํ ท่ีเหลือพงึ ทราบตามนัยมีในกอนน้นั แหละ. อปุ มาความสุขในตตยิ ฌาน มีวนิ จิ ฉยั ดังตอไปนี้ ชื่อวา อปุ ปฺ ลนิ ี ดว ยอรรถวา เปนทมี่ ดี อกอบุ ล แมใ นสองบททีเ่ หลอื ก็นยั นแี้ หละ. กใ็ นเรอื่ งอปุ มานี้ บรรดาอุบลขาวอบุ ลแดงและอุบลขาบ อุบลอยางใดอยางหน่งึ ช่อื วา อุบลน่ันเอง ดอกบัวทมี่ กี ลีบหยอนรอ ยช่อื บุณฑรกิ ทมี่ กี ลบี ถงึ รอ ยชือ่ ปทมุ อกี อยา งหนึง่ เวน บวั ทีก่ ําหนดกลบีเสยี บัวขาวชอ่ื ปทมุ บัวแดงชือ่ บณุ ฑรกิ ในเรอื่ งบวั นม้ี วี นิ จิ ฉัยเทา น้ีแล. บทวา อทุ กานคุ คฺ ตานิ ไดแ กยังไมข ้นึ พน น้ํา. บทวา อนโฺ ตนิมคุ ฺคโปสนิ ี ความวา จมอยูในพื้นนาํ้ น่นั เอง อันน้ําเลี้ยงไว ยังงอกงามได คาํ ทีเ่ หลอื พึงทราบตามนัยมใี นกอนน้นั แหละ. อปุ มาความสขุ ในจตุตถฌาน มีวนิ ิจฉยั ดังตอ ไปน้ี ในบทวา ปริสทุ ฺเธน เจตสา ปรโิ ยทาเตน น้ี พึงทราบวา ชอื่ วาบริสทุ ธ์ิ เพราะอรรถวา ไมม อี ปุ กิเลส ชือ่ วา ผองแผว เพราะอรรถวาผองใส. บทวา โอทาเตน วตเฺ ถน น้ี ตรสั หมายความถึงฤดูแผไป. จรงิ อยู ความแผไปของฤดู ยอ มไมมีดวยผาเกา . ความแผไ ปของฤดยู อ มมีกําลงั ดว ยผาสะอาดท่ีซักในขณะน้นั . กด็ ว ยอุปมาน้ี กรชกายเหมอื นผา ความสขุ ในจตตุ ถฌานเหมอื นความแผไ ปของฤด.ู เพราะฉะนั้น
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 466เมือ่ บุรษุ อาบนํา้ ดแี ลว เอาผาสะอาดคลุมตลอดศีรษะ ไออนุ แตศีรษะยอมแผไปท่วั ผา ท้ังผนื ทเี ดยี ว ไมมีสว นไร ๆ ของผา ทไ่ี ออุน จะไมถ ูกตอ งฉันใด กรชกายของภิกษกุ ็ฉนั นน้ั ไมม ีสว นไร ๆ ทคี่ วามสขุ ในจตุตถฌานจะไมถ กู ตอ ง ในขอ น้ีพงึ เห็นเนอ้ื ความอยา งนี้ ดวยประการฉะน้.ี กก็ ารพรรณนาตามลําดับบทและนัยแหงภาวนาของฌาน ๔ เหลา นี้กลา วไวแลว ในวิสุทธิมรรค ฉะนั้น จะไมกลาวใหพ ิสดารในที่น้ี. กด็ ว ยเหตุเพยี งเทา นี้ ภิกษุนี้ บณั ฑิตพงึ ทราบวา เปน ผไู ดร ปู ฌานเทา น้นั ยังหาไดอ รูปฌานไม. ดว ยวา เวนความเปนผชู าํ นาญในสมาบัติทั้ง ๘ โดยอาการ ๑๔ เสียแลว การบรรลุอภิญญาชั้นสูงจะมไี มไ ด แตใ นพระบาลมี าเฉพาะรปู ฌานเทา น้ัน จงึ ควรนาํ อรูปฌานมากลา วดว ย. ภิกษนุ ้ัน ในคาํ วา โส เอว สมาหเิ ต จิตเฺ ต ฯเปฯ อาเนชฺ ป-ฺปตเฺ ต น้ี พระผูมีพระภาคเจา ทรงแสคงวา ไดแกภกิ ษุผูมคี วามชํานาญในสมาบัติ ๘ โดยอาการ ๑๔ อนั เธอไดส งั่ สมแลว . คาํ ท่เี หลอื ในพระบาลีน้ี พงึ ทราบตามนยั ทก่ี ลาวแลวในวิสทุ ธิมรรคน่ันแล. ในพระบาลีวา าณทสสฺ นาย จติ ฺต อภนิ ีหรติ นี้ คาํ วา ญาณ-ทัสสนะ ทานกลา วหมายถงึ มรรคญาณก็ไค ผลญาณกไ็ ด สพั พัญตุ ญาณก็ได ปจจเวกขณญาณกไ็ ด วปิ สสนาญาณก็ได. กม็ รรคญาณ ทานเรยี กวา ญาณทสัสนะ ในพระบาลนี ีว้ า ดูกอ นอาวโุ ส ยอมประพฤติพรหมจรรยในพระผมู ีพระภาคเจา เพอ่ื ความบริสุทธิ์แหงญาณทสัสนะหรือหนอแล. ผลญาณ ทานเรยี กวา ญาณทัสสนะ ในพระบาลีนวี้ า อุตตริ-
พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 467มนสุ สธรรมอ่ืนนี้ คือญาณทัสสนะวิเศษทคี่ วรแกพ ระอรยิ ะ เปนผาสวุ หิ ารซึ่งเราบรรลุแลว . สัพพญั ุตญาณ ทา นเรยี กวา ญาณทสั สนะ ในพระบาลีนว้ี าญาณทัสสนะเกดิ ข้ึนแลวแมแกพ ระผูมพี ระภาคเจาแลวา อาฬารดาบสกาลามโคตร ทํากาละได ๗ วนั . ปจจเวกขณญาณ ทานเรยี กวา ญาณทสั สนะ ในพระบาลนี ีว้ ากญ็ าณทัสสนะเกิดขนึ้ แลวแกเ รา วมิ ุตขิ องเราไมก าํ เรบิ ชาตนิ เ้ี ปน ชาติสดุ ทา ย. แตค ําวา าณทสฺสนาย จิตฺต ในทนี่ ้ที านกลา วหมายถึงญาณ-ทัสสนะทีเ่ ปน ตัววิปสสนาญาณ. บทวา อภนิ หี รติ ความวา ทําใหน อ มไป ใหโ อนไป ใหเงื้อมไปเพื่อเกดิ วปิ ส สนาญาณ. เนื้อความของบทวา รปู เปนตน ไดกลาวไวแลวทั้งน้ัน. บทวา โอทนกมุ ฺมาสุปจโย ความวา เติบโตข้นึ เจริญขึ้นดว ยขาวสกุ และขนมกมุ มาส. บทวา อนจิ ฺจจุ ฺฉาทนปริมททฺ นเภทนวิทธ สนธมโฺ ม ความวา มีความไมเ ทย่ี งเปนธรรมดา เพราะอรรถวา มแี ลว หามไี ม มอี ันตอ งขดั สเี ปนธรรมดา เพราะตอ งลบู ไลตัวเพื่อตองการกําจดั กล่นิ เหมน็ มอี นั ตอ งนวดฟนเปน ธรรมดา เพราะตอ งนวดเลก็ นอ ยเพื่อบรรเทาความปวดเม่อื ยของอวัยวะนอยใหญ หรอื มอี นั ตอ งนวดฟน เปนธรรมดา เพราะในเวลาเปนเดก็ เขาใหน อนบนขาทัง้ ๒ แลวหยอดยาตาและบบี นวดเปนตน เพอื่ ใหอวยั วะ
พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 468ทคี่ ดมีทรวดทรงไมดนี น้ั ๆ เพราะอยใู นครรภ ใหไ ดทรวดทรง แมบรหิ ารอยา งนี้ ก็ยงั แตกกระจดั กระจายเปนธรรมดา ยอมแตกไป ยอ มกระจายไปรา งกายมีสภาพอยางน้ี ดวยประการฉะน้ี. ในบทวา รูป จาตุมฺมหาภูติโก เปนตน นนั้ ทานกลา วความเกิดข้นึ ดว ยบท ๖ บท กลาวความดับไปดว ยบท ๒ หลงั พรอ มดว ยอนจิ จ-บท. บทวา เอตถฺ นสิ ฺสิต เอตถฺ ปฏพิ ทธฺ ความวา อาศยั ดวย คดิเนอ่ื งดว ย ในกายอันประกอบดวยมหาภูต ๔ น.้ี บทวา สโุ ภ แปลวา งาม. บทวา ชาติมา ไดแกต ัง้ ข้ึนดวยอาการอนั บรสิ ทุ ธิ์. บทวา สุปรกิ มฺมกโต ไดแ กน ายชา งเจยี ระไนอยางดี เอาหนิ และกรวดออกหมด. บทวา อจโฺ ฉ แปลวา ผวิ บาง. บทวา วปิ ฺปสนโฺ น แปลวา ใสดี. บทวา สพพฺ าการสมปฺ นฺโน ความวา ถึงพรอ มดวยอาการทุกอยา งมีการลา งเปน ตน . ดว ยบทวา นลี เปน ตน ทานแสดงความเพียบพรอ มดวยสี. จรงิ อยู ดา ยท่รี อยแลว ยอ มปรากฏอยูเชนน้นั . ในบทวา เอวเมว โข นี้ พึงทราบการเทยี บเคียงดว ยอปุ มา ดังน.ี้ กก็ รชกายเหมอื นแกว มณี วปิ สสนาญาณเหมอื นดา ยทรี่ อยไว ภิกษุผูไดว ปิ ส สนาเหมือนบรุ ุษตาดี เวลาที่กายอนประกอบดว ยมหาภูต ๔ ปรากฏ
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 469แจงแกภ ิกษุผนู ั่งพิจารณาวิปส สนาญาณ เหมือนเวลาท่ีแกว มณีปรากฏแจงแกนายชางผูเอาแกว มณีไวใ นมือพิจารณาอยูวา นแ้ี ลแกว มณีเวลาท่ีหมวด๕ แหง ผสั สะซงึ่ มีวิปส สนานัน้ เปนอารมณกด็ ี จิตและเจตสิกทั้งปวงกด็ ีวปิ ส สนาญาณนัน่ เองกด็ ี ปรากฏแจงแกภ กิ ษุผนู ั่งพิจารณาวิปสสนาญาณเหมือนเวลาท่ดี ายปรากฏแจง วา นีด้ ายเขารอ ยไวในแกวมณีนัน้ . วิปส สนาญาณนี้ อยูใ นลาํ ดบั แหง มรรคญาณ แมเ มือ่ เปนเชน น้ันเพราะวปิ สสนาญาณน้ไี มม อี ันตรายวาระในเม่ือเริ่มอภญิ ญาวาระแลว ฉะนนั้ทา นจึงแสดงในทีน่ ้ีทีเดียว. อน่ึง เพราะเมอื่ ภกิ ษไุ มท าํ การพจิ ารณาโดยอนจิ จลกั ษณะเปน ตนไดย ินเสียงทน่ี ากลัวดวยทพิ โสต ระลึกถึงขนั ธท ่ีนา กลวั ดวยบพุ เพนวิ าสา-นุสสติ ไดเ หน็ รูปทนี่ ากลัวดว ยทิพยจักษุ ความกลวั และความสะดงุ ยอมเกิดข้นึ อาการทน่ี า กลัวดงั กลาวนี้ ยอมไมเ กดิ ข้ึนแกภ ิกษผุ ทู าํ การพจิ ารณาโดยอนจิ จลกั ษณะเปนตน ฉะนัน้ ทานจงึ แสดงวปิ สสนาญาณน้ีในทน่ี ้ีทเี ดยี ว แมเพือ่ แสดงเหตทุ ีบ่ รรเทาความกลวั ของภิกษผุ ูบรรลอุ ภญิ ญาใหพรอมมลู . อกี อยา งหนง่ึ เพราะขึ้นชอื่ วา ความสุขในวิปสสนานี้ เปน เครือ่ งยังสขุ ในมรรคผลใหพ รอ มมูล เปน ของเฉพาะตวั เปนสามญั ญผล ฉะนัน้ทานจึงแสดงวิปสสนาญาณน้ีในที่น้ีแตต น ทเี ดยี ว. บทวา มโนมย แปลวา บงั เกิดดว ยใจ. บทวา สพพฺ งคฺ ปจฺจงฺค แปลวา ประกอบดวยอวัยวะนอ ยใหญทกุ สวน.
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 470 บทวา อหนี ินฺทฺรยิ ไดแ กมีอินทรียไ มบกพรอ งโดยทรวดทรง จริงอยู รปู ทผ่ี มู ฤี ทธนิ์ ริ มติ ถา ผูมฤี ทธิข์ าว แมร ปู ท่ีนริ มติ นัน้ ก็ขาวถาผมู ีฤทธ์ไิ มไดเ จาะหู แมรปู ท่นี ิรมิตนน้ั ก็มไิ ดเ จาะหู รปู นิรมิตยอ มเปนเหมอื นผูนริ มติ นัน้ ทุกประการทเี ดยี วอยา งน้ี ดว ยประการฉะน.้ี จริงอยู แมอ ปุ มา ๓ อยา ง มีชกั ไสออกจากหญาปลองเปนตนทานกลาวเพอ่ื แสดงความเหมอื นกนั นน่ั เอง. ก็ไสภายในหญา ปลองน้นักเ็ ทากับหญา ปลองน่นั เอง ดาบกเ็ ทา กบั ฝกนัน่ เอง. ทฝ่ี ก เปน เกลยี วดาบกเ็ ปน เกลียวดวย คนจึงใสเขา ไปได ท่ีฝก แบน ดาบก็แบน คําวา กรณฺฑา แมน ี้ เปนชอ่ื ของคราบงู ไมใ ชเ ปน ชือ่ ของขวดที่เปนเกลยี ว. จริงอยู คราบงูยอ มเทา กบั ตวั งูนั่นเอง. ในอุปมาน้นั ทา นแสดงวาเหมือนชักงจู ากคราบดว ยมือวา บรุ ษุ พึงชกั งูออกจากคราบ ดงั น้ี ก็จริง ถงึ อยา งน้ันกพ็ ึงทราบวา ชกั รูปนริ มตินน้ั ออกดว ยจิตน้ันเอง. ก็ชอื่ วางูนี้ดาํ รงอยใู นชาตขิ องตน อาศัยระหวา งไมห รอื ระหวางตนไม ลอกคราบเกา ซ่ึงเหมอื นรัดลาํ ตัวอยู ดวยเรย่ี วแรงกลา วคอื พยายามดึงลาํ ตัวออกจากคราบ งยู อ มลอกคราบไดเองดวยเหตุ ๘ ประการเหลา นี้ดวยประการฉะน้ี ไมอ าจลอกคราบไดด วยเหตุอื่นจาก อยา งนัน้ เพราะ-ฉะน้นั พึงทราบวา คําน้ที านกลาวหมายเอาการลอกดว ยจติ . ดว ยประการฉะนี้ สรีระของภกิ ษนุ กี้ ็เชนเดยี วกบั หญา ปลองเปน ตนรูปนริ มิตก็เชนเดียวกับไสหญาปลองเปนตน นี้เปน การเทียบเคียงดวย
พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 471อุปมาในขอ น้ี ดว ยประการฉะน.้ี ก็วธิ นี ิรมติ ในเร่ืองน้ีและกถาวาดวยอภิญญา ๕ มอี ทิ ธวิ ธิ ีเปน ตนแตท ีอ่ ืน่ กลาวไวพิสดารในวสิ ทุ ธิมรรคโดยอาการทัง้ ปวง ฉะนั้น พึงทราบตามนยั ท่กี ลา วแลว ในทีน่ ้นั เถดิ . ดว ยวา เพียงอุปมาเทา น้ันก็เกนิ ไปในท่ีน้ี . ในพระบาลีน้นั ภกิ ษุผูไดอทิ ธิวธิ ญาณ พึงเห็นเหมือนชางหมอผูฉลาดเปนตน . อิทธวิ ธิ ญาณ พึงเหน็ เหมอื นดินเหนยี วท่ีนวดไวอ ยา งด.ีการแสดงฤทธ์ิไดตาง ๆ ของภิกษุน้ัน พึงเหน็ เหมือนการทาํ ภาชนะชนิดตาง ๆ ทป่ี รารถนาแลว ๆ. อปุ มาทพิ โสตธาตุ มวี ินิจฉยั ดงั ตอ ไปนี้ เพราะทางไกลทก่ี ันดาร ยอมเปน ทีร่ ังเกียจ มีภยั เฉพาะหนา ผทู ่ีไมไ วใจระแวงในทางนน้ั ไมอ าจกําหนดไดว า นเ้ี สียงกลอง น้เี สียงตะโพนฉะนัน้ เมื่อจะแสดงทางทปี่ ลอดภัย จึงกลา ววา ผเู ดนิ ทางไกล โดยไมใชศัพทวากนั ดาร. ก็ทางที่ปลอดภัย คนเอาผา คลมุ ศรี ษะคอ ย ๆ เดนิ ไป ยอ มกาํ หนดเสียงตาง ๆ ดงั กลาวแลว ไดส บาย พงึ ทราบวา เวลาทเ่ี สยี งทพิ ยและเสียงมนษุ ยท ้ังไกลและใกลปรากฏแกพ ระโยคี เหมือนเวลาท่ีเสยี งนั้น ๆ ปรากฏดวยอํานาจการกําหนดเสยี งไดอยางสบายนนั้ . อปุ มาเจโตปรยิ ญาณ มวี ินจิ ฉัยดงั ตอ ไปน้ี บทวา ทหโร แปลวา หนุม. บทวา ยวุ า ไดแ กประกอบดว ยความเปนหนมุ . บทวา มณฺฑนฺชาตโิ ก ความวา แมเปนคนหนุม กไ็ มเกยี จครา น
พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 472ไมใชค นมีผาและรางกายมอมแมม มีปรกตติ กแตง จริง ๆ อาบน้าํ วนั ละ๒-๓ ครั้ง มีปรกตินุงหมผาสะอาดและตกแตงอยูเสมอ. บทวา สกณกิ ความวา มตี าํ หนิอยางใดอยา งหน่งึ มไี ฝดาํ หนาเปนแผลและฝรายเปนตน. ในพระบาลนี ้ัน พงึ ทราบวา จติ ๑๖ อยา งของผูอน่ื ยอมปรากฏแกภิกษผุ ูน่งั โนมจติ ไปดวยเจโตปรยิ ญาณ เหมือนตาํ หนิในหนา ยอ มปรากฏแกห นุมสาวทพี่ จิ ารณาเงาหนา ฉะนนั้ . อุปมาบพุ เพนิวาสญาณ มีวนิ จิ ฉัยดังตอ ไปน้ี กิริยาท่ที าในวนั นัน้ ยอ มปรากฏ ฉะนน้ั ๓ บานทไี่ ปในวันนั้นนนั่ เทียว เปน อันกาํ หนดแลว . ในพระบาลนี ั้น ภกิ ษุผูไดบ ุพเพนวิ าสญาณ พงึ เหน็ เหมอื นบุรษุ ผูไ ป๓ บาน ภพ ๓ พงึ เหน็ เหมอื นบา น ๓ ตาํ บล ภาวะแหง กิริยาท่ที าํ ในภพ ๓ปรากฏแกภกิ ษุผูนง่ั โนม จติ ไปเพ่อื บพุ เพนวิ าสญาณ พงึ เห็นเหมอื นความแจม แจงแหงกิริยาท่ีทําในวนั นน้ั ในบา นท้งั ๓ ตาํ บลของบุรุษนน้ั . อุปมาทิพยจักษุ มวี ินจิ ฉยั ดงั ตอไปนี้ บทวา วถี ึ สจฺ รนเฺ ต ไดแกเ ทยี วไปเทียวมา ปาฐะวา วถี ึ จรนเฺ ตกม็ ี. ความอยา งเดยี วกนั นี้แหละ. ในพระบาลนี ้ัน กรชกายของภิกษุนี้ พงึ เหน็ เหมอื นปราสาทในทาง ๓ แพรง ทามกลางนคร ภิกษผุ ูบ รรลทุ พิ ยจักษุนแ้ี หละ พึงเหน็ เหมอื นคนตาดียนื อยบู นปราสาท สัตวท เี่ ขาไปในครรภมารดาดว ยอํานาจจุติและปฏิสนธิ พึงเหน็ เหมอื นคนท่เี ขาเรอื น สัตวทตี่ ลอดจากครรภม ารดาพึงเห็นเหมือนคนทีอ่ อกจากเรอื น สัตวท ีส่ ัญจรไป ๆ มา ๆ พงึ เห็นเหมอื น
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 473คนท่สี ัญจรไปตามถนนตา งๆ สัตวท บี่ งั เกดิ ในท่ีนน้ั ๆ ในภพทงั้ ๓ พึงเหน็เหมือนคนที่นง่ั อยทู ีท่ าง ๓ แพรงในทา มกลางซึง่ เปนที่โลงแจง ขางหนาเวลาทีเ่ หลาสตั วผ บู ังเกิดในภพท้งั ๓ ปรากฏแจง ชดั แกภ ิกษุผนู ่งั โนมจติ ไปเพ่อื ทิพยจกั ษุญาณ พงึ เหน็ เหมอื นเวลาท่มี นุษยเหลา น้ันปรากฏแจงชดั แกบุรษุ ผยู นื อยูบ นพ้ืนปราสาท. กก็ ารเทียบเคียงน้ี ทานกลา วไวเ พ่อื เทศนาสะดวกเทา นั้น. แตในอรปู ฌานไมม ีอารมณของทิพยจกั ษ.ุ ในพระบาลีวา ภิกษุนน้ั เม่อื จิตต้ังมน่ั อยา งน้ี น้ี พงึ ทราบวา จติ ในจตุตถฌานซ่งึ เปน บาทแหงวปิ ส สนา. บทวา อาสวาน ขยาณาย ความวา เพือ่ ใหเกดิ อาสวักขยญาณ.ก็ชื่อวา อาสวกั ขยะ ในที่น้ี ทานเรยี กวา มรรคบา ง ผลบาง นิพพานบา งภังคะบาง. จรงิ อยู มรรค ทา นเรียกวา อาสวักขยะ ในบาลีน้ีวา ขเย ยาณอนปุ ปฺ าเท าณ ญาณในมรรค ญาณในความไมเ กิดขนึ้ . ผล ทานเรยี กวา อาสวกั ขยะ ในบาลนี ้ีวา อาสวาน ขยา สมโณโหติ ยอ มเปน สมณะเพราะอาสวะทัง้ หลายส้ินไป. นพิ พาน ทานเรียกวา อาสวักขยะ ในคาถาน้ีวา ปรวชฺชานปุ สสฺ สิ สฺ นจิ จฺ อุชฌฺ านสฺ โิ น อาสวา ตสสฺ วฑฺฒนตฺ ิ อารา โส อาสวกฺขยา คนทีค่ อยจองโทษผอู ่นื มงุ แตจะยกโทษอยเู ปน นจิ อาสวะของเขายอมเจรญิ เขายอ มไกลจากนพิ พาน. ภงั คะ ทา นเรยี กวา อาสวกั ขยะ ในบาลีน้ีวา อาสวาน ขโย วโยเภโท อนจิ จฺ ตา อนตฺ รธาน อาสวะท้ังหลายสิ้นไป เสอ่ื มไป แตกไปไมเ ทีย่ ง สูญหาย.
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 474 แตในทน่ี ้ี ทา นประสงคเอานพิ พาน แมอ รหัตตมรรคกใ็ ชไ ดเหมอื นกนั . บทวา จติ ฺต อภินีหรติ ความวา ทาํ วิปส สนาจิตใหนอมไปใหโนม ไป ใหเง้ือมไปสอู าสวกั ขยญาณนั้น. ในคําวา โส อิท ทกุ ขฺ เปน ตน ความวา รูชัดซึ่งทุกขสจั แมทง้ั หมดวามความเปนจริง โดยแทงตลอดลกั ษณะพรอ มทง้ั กิจวา ทกุ ขมีประมาณเทาน้ี ย่งิ ไปกวาน้ไี มม ี และรชู ัดซง่ึ ตณั หาอันเปน เหตุใหเกดิ ทุกขน้ันวา น้เี หตใุ หเ กิดทุกข และรชู ดั ซง่ึ ฐานะทท่ี ุกขแ ละทกุ ขสมุทัยท้งั ๒น้นั ถึงแลว ดบั ไป คือความไมเปนไป ความดบั แหงทุกขแ ละทุกขสมทุ ัยเหลานั้นวา นี้ความดบั แหง ทุกข และรูชดั ซง่ึ อริยมรรคอนั ยังทกุ ขนโิ รธนน้ั ใหถ ึงพรอมตามความเปน จรงิ โดยแทงตลอดลักษณะพรอมทง้ั กิจวาน้ขี อปฏิบัตใิ หถ งึ ความดับทุกข. ครนั้ ทรงแสดงสจั จะโดยสรปุ อยางน้แี ลว เมอ่ื จะทรงแสดงย้ําอกีบรรยายหน่ึงโดยเปน กิเลส จงึ ตรัสคําเปน ตน วา อเิ น อาสวา ดังน.ี้ บทวา ตสฺส เอว ชานโต เอว ปสสฺ โต ความวา เม่ือภกิ ษุน้นัรเู หน็ อยอู ยางน้ี จงึ ตรสั มรรคถึงท่ีสุดพรอมดวยวปิ สสนา. บทวา กามาสวา แปลวา จากอาสวะคอื กาม. ดวยบทวา วิมุจจฺ ติ นี้ ทรงแสดงมรรคขณะ. ดว ยบทวา วิมตุ ตฺ สมฺ ึ น้ี ทรงแสดงผลขณะ. ดว ยบทวา วิมุตฺตมิติ าณ โหติ นี้ ทรงแสดงปจ จเวกขณญาณ. ดวยบทวา ขณี า ชาติเปนตน ทรงแสดงภมู ขิ องปจ จเวกขณญาณนั้น.
พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 475 ดว ยวา พระขณี าสพเม่ือพจิ ารณาดวยญาณนน้ั ยอมรชู ัดวา ชาติสิน้ แลว เปน ตน. ถามวา ก็ชาตไิ หนของภกิ ษุนน้ั ส้ินแลว และภกิ ษนุ ้นั จะรชู ดั ขอ นนั้ไดอยา งไร. แกว า ชาติท่ีเปนอดตี ของภิกษนุ ัน้ ยงั ไมสน้ิ กอ น เพราะสิ้นไปแลวในกาลกอนเทยี ว. ชาติทเ่ี ปน อนาคตก็ยงั ไมสิน้ เพราะไมม คี วามพยายามในอนาคต. ชาติทเ่ี ปนปจจบุ นั ยงั ไมส น้ิ เพราะขันธบัญจกของภกิ ษุน้นัยังมอี ย.ู แตชาตใิ ดพงึ เกดิ ข้นึ เพราะมรรคยังมไิ ดอ บรม ตางโดยประเภทคอื ขนั ธบัญจก ๑ และ ๔ และ ๕ ในเอกโวการภพจตุโวการภพและปญ จ-โวการภพ ชาตนิ ้นั ช่ือวา ส้นิ แลว เพราะถึงความไมเกดิ ขึน้ ตอไปเปนธรรมดา เพราะมรรคอบรมแลว. ภกิ ษุน้นั พิจารณากเิ ลสท่ตี นละไดดว ยมรรคภาวนา เม่ือรวู า กรรมแมย งั มอี ยู ก็ไมท ําปฏิสนธิตอ ไป เพราะไมมีกิเลส ดงั น้ี ชือ่ วา ยอมรูชัดซึง่ ชาตนิ ัน้ . บทวา วสุ ิต แปลวา อยูแลว อยูจ บแลว. บทวา พรฺ หมฺ จริย ไดแกม รรคพรหมจรรย. พระเสขะ ๗ จําพวก รวนทั้งกลั ยาณปุถชุ นทั้งหลาย ชื่อวา กาํ ลงั อยูพรหมจรรย. พระขณี าสพชือ่ วา อยูจ บพรหมจรรยแลว. เพราะฉะนน้ัพระขณี าสพนน้ั เมอ่ื พจิ ารณาถงึ การอยูประพฤตพิ รหมจรรยของตน ยอมรูชดั วา พรหมจรรยเ ราอยจู บแลว. บทวา กต กรณยี ความวา กิจ ๑๖ อยาง คือ ปริญญากจิปหานกจิ สัจฉิกิริยากจิ และภาวนากิจ ดว ยมรรค ๔ ในสจั จะ สําเรจ็แลว อธบิ ายวา กเิ ลสอนั มรรคนนั้ ๆ พึงละ เธอละไดแลว เหตุแหง ทุกข
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 476เธอตัดขาดแลว. จริงอยู กัลยาณปุถุชนเปน ตน ยังกระทาํ กิจนน้ั พระขีณาสพกระทํากรณียกิจเสร็จแลว เพราะฉะน้ัน พระขีณาสพนัน้ เม่อื พิจารณากรณียกิจทตี่ นทําแลว ยอมรชู ัดวา กิจที่ควรทําเราทําเสร็จแลว บทวา นาปร อิตถฺ ตฺตาย ความวา ยอมรูชดั วา กิจคือมรรคภาวนาเพื่อความเปนอยางนี้ คือเพอ่ื ความเปน กจิ ๑๖ อยา ง หรอื เพ่อื ความส้นิ ไปแหง กเิ ลสอยางนอี้ ีก ในบัดนไี้ มมีแกเรา. อกี อยางหนึง่ บทวา อิตถฺ ตตฺ าย ความวา ยอมรูชัดวา ขนั ธสันดานอื่นจากความเปนอยา งนคี้ อื จากขันธสันดานทก่ี ําลังเปนไปในบดั นี้ น้ีคือมีประการอยา งนี้ ไมม แี กเ รา กเ็ บญจขันธเ หลานี้เรากําหนดรแู ลว ตั้งอยูเหมอื นตนไมขาดราก เบญจขนั ธเหลาน้นั จักดบั เหมอื นไฟไมม เี ธอ และจักถึงความไมมีบัญญัตเิ พราะจรมิ กจิตดับ. บทวา ปพพฺ ตสงฺเขเป แปลวา บนยอดภูเขา. บทวา อนาวโิ ล แปลวา ไมม เี ปอกตม. หอยโขงและหอยกาบท้ังหลาย ชอ่ื วา สิปปส มั พุกะ กอนกรวดและกระเบอ้ื งถว ยทงั้ หลาย ชอื่ วา สกั ขรกถละ. ช่ือวา มจั ฉคมุ พะ ดวยอรรถวา ฝงู คือกลมุ ปลาทงั้ หลาย. ในคาํ วา ติฏ นตฺ ป จรนตฺ ป นี้ ความวา กอนกรวดและกระเบือ้ งถวยอยเู ฉย ๆ ฝา ยฝงู ปลานอกนวี้ า ยอยกู ็มี หยดุ อยูกม็ ี. เหมอื นอยา งวาในโคท้งั หลายทีย่ ่ืนอยกู ม็ ี จอมอยกู ็มี มีอยรู วม ๆ กนั โคเหลา นีเ้ ทีย่ วไปฉะนั้น แมโ คนอกน้ี เขาก็เรียกวา เท่ียวไป เพราะกาํ หนดเอาโคท่ีกาํ ลงัเท่ยี ว ฉันใด แมห อยและฝงู ปลาท้งั ๒ นอกน้ี กเ็ รียกวา หยดอยู
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 477เพราะกําหนดเอากอนกรวดและกระเบอ้ื งถว ยท่อี ยเู ฉย ๆ แมกอ นกรวดและกระเบื้องถว ย ก็เรยี กวา เท่ียวไป เพราะกาํ หนดเอาหอยและฝงู ปลาทง้ั ๒นอกนที้ ี่วายอยู ฉันนนั้ . ในอาสวักขยญาณนั้นมีอปุ มาวา เวลาทสี่ ัจจะ ๔ ปรากฏชัดแกภิกษุผูนั่งนอ มจติ ไปเพ่ืออาสวกั ขยะ พึงเห็นเหมอื นเวลาที่หอยโขงและหอยกาบเปนตนปรากฏแกค นตาดียื่นดูอยูรมิ ฝง ฉะนน้ั ดว ยคําอธิบายเพยี งเทานี้ เปนอนั แสดงไขญาณ ๑๐ คอื วปิ สสนา-ญาณ มโนมยญาณ อทิ ธิวธิ ญาณ ทพิ โสตญาณ เจโตปรยิ ญาณ บพุ เพ-นิวาสญาณ ญาณคคู ืออนาคตงั สญาณและยถากมั มุปคญาณ ซง่ึ สาํ เร็จโดยเปนทิพยจกั ษุ ทพิ ยจักษญุ าณ อาสวกั ขยญาณ. พึงทราบการจาํ แนกอารมณของญาณ ๑๐ เหลา น้นั ดงั ตอไปนี้ โนญาณ ๑๐ เหลาน้ัน วิปส สนาญาณมอี ารมณ ๗ อยาง คอืปรติ ตารมณ มหคั คตารมณ อดีตารมณ อนาคตารมณ ปจ จบุ ันนารมณอชั ฌตั ตารมณ พหทิ ธารมณ. มโนมยญาณทําเพียงรปู ายตนะทน่ี ริ มติ แลว เทานน้ั ใหเ ปนอารมณฉะนนั้ จงึ เปนปรติ ตารมณ ปจ จบุ ันนารมณ และพหิทธารมณ. อาสวักขยญาณ เปน อปั ปมาณารมณ พหิทธารมณ และอวตั ตพั -พารมณ. ประเภทของอารมณทเ่ี หลือ กลา วไวแลวในวิสทุ ธิมรรค. บทวา อตุ ฺตริตร วา ปณีตตร วา ความวา พระผมู พี ระภาคเจาทรงใหเทศนาจบลงดวยยอดคือพระอรหัตวา ชอื่ วาสามัญญผลท่ีประเสรฐิกวาน้ี โดยปริยายอยา งใดอยา งหน่ึง ไมม .ี
พระสุตตันตปฎก ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 478 พระราชาทรงถวายสาธกุ ารทุก ๆ ตอน ทรงสดับเบื้องตนทามกลางและท่ีสุดแหงพระพุทธพจนโ ดยเคารพ มพี ระดํารวิ า กเ็ ราถามปญหาเหลานก้ี ะสมณพราหมณเ ปนอันมากนานหนอ ไมไ ดสาระอะไร ๆ เลยเหมือนตําแกลบ พระผูมพี ระภาคเจามคี ุณสมบตั ินา อศั จรรย ทรงวสิ ชั นาปญ หาเหลาน้ี แกเ ราทาํ ความสวางไสว เหมือนทรงสอ งแสงประทีปพันดวงเราถูกลวงมใิ หร ูคุณานุภาพของพระทศพลมาต้งั นาน ดังนี้ มพี ระสรรี ะอันปติ ๕ อยางซ่งึ เกดิ ขึ้นดว ยการระลกึ ถงึ พระพุทธคณุ สมั ผัสแลว เมอ่ืจะทรงเผยความเล่อื มใสของพระองค จงึ ทรงประกาศพระองคเ ปนอบุ าสก.เพอื่ จะแสดงความขอน้นั ทานจึงเรมิ่ ตนวา เอว วุตเฺ ต ราชา ดงั นี้ . บรรดาบทเหลานั้น อภิกกฺ นฺต ศพั ท ในคําวา อภิกฺกนตฺ ภนฺเต นี้ปรากฏในอรรถวา ส้ินไป ดี งาม และนายนิ ดยี ่งิ . ก็ อภกิ กฺ นฺต ศพั ทน ้ี ปรากฏในอรรถวา ส้ินไป ดังในบาลีมีอาทิวาอภิกฺกนตฺ า ภนฺเต รตตฺ ิ นิกขฺ นฺโต ปโม ยาโม จริ นสิ นิ โฺ น ภกิ ขฺ ุสงโฺ ฆราตรีสน้ิ ไปแลว พระเจาขา ปฐมยามผานไปแลว ภกิ ษสุ งฆน่ังอยนู านแลว ดังน้ี. ในความดี ดงั ในบาลีมีอาทวิ า อย อเิ มส จตนุ ฺน ปคุ ฺคลานอภกิ กฺ นฺตตโร จ ปณตี ตโร จ ผนู ี้ดีกวาและประณตี กวา บุคคล ๔ เหลาดังน.้ี ในความงาม ดงั ในคาถามอี าทิวา โก เม วนฺทติ ปาทานิ อิทธฺ ยิ า ยสสา ชล อภกิ ฺกนเฺ ตน วณฺเณน สพฺพา โอภาสย ทิสา ใครรงุ เร่อื งดว ยฤทธิ์ ดวยยศ มวี รรณะงามนกั ยงั ทศิ ทั้งปวงใหส วางไสว ไหวเ ทาของเรา ดังน้ี .
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 479 ในความวา นา ยินดียงิ่ ดงั ในบาลีมีอาทวิ า นายินดีนกั ทา นพระโคดมผูเจริญ ดังน้ี. แมใ นทีน่ ้ี กป็ รากฏในอรรถวา นา ยนิ ดียิ่งนน่ั แหละ และเพราะปรากฏวา ในอรรถวา นายนิ ดยี ง่ิ ฉะนน้ั พึงทราบวา เทา กับรบั สัง่ วาดแี ลว ดีแลว พระเจาขา ดงั น้ี. กเ็ นอ้ื ความวา อภกิ กฺ นฺต ภนฺเต อภิกฺกนฺต ภนเฺ ต นี้ บณั ฑติ พึงทราบวา พระเจาอชาตศัตรตู รัส ๒ คร้งั โดยความเลอ่ื มใสในพระพุทธพจนนี้ โดยลกั ษณะนี้วา ผูรูพ ึงกลา วซํ้าในขณะกลัว ขณะโกรธ ขณะสรรเสรญิขณะรีบดวน ขณะตน่ื เตน ขณะราเริง ขณะโศกเศรา และขณะเล่ือมใสดังน้ี และโดยความสรรเสริญ. อกี อยางหน่งึ บทวา อภิกฺกนฺต มอี ธบิ ายวา นาใครนกั นาปรารถนาย่งิ นา พอใจย่ิง ดยี ิ่ง. ในพระบาลีนี้ พระเจา อชาตศตั รู ทรงชืน่ ชมพระเทศนาดว ยอภิกฺนนฺต ศพั ท ศพั ทห น่งึ ทรงชน่ื ชมความเลอื่ มใสของพระองคด ว ยอภกิ กฺ นฺต ศัพท อกี ศพั ทหนึ่ง. ก็ในพระบาลีนี้มอี ธบิ ายดงั นว้ี า จับใจจรงิ พระเจาขา เพราะพระธรรมเทศนาของพระผูมีพระภาคเจานายนิ ดีย่ิงนกั พระเจาขา เพราะขาพระองคอ าศยั พระธรรมเทศนา จึงเลอื่ มใส. อกี อยา งหนงึ่ พระเจา อชาตศตั รทู รงช่นื ชมพระดํารัสของพระผูมีพระภาคเจานนั่ แล หมายถงึ ประโยชน ๒ อยาง คอื พระดาํ รัสของพระผมู ีพระภาคเจาดีนักเพราะทําโทษใหพ ินาศ ดีนกั เพราะใหบ รรลคุ ุณ. อนึ่ง พงึ ประกอบความดวยเหตอุ ยา งนีเ้ ปนตน วา พระดํารสั ของพระผูมพี ระภาคเจาดนี กั เพราะ
พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 480 ๑. ใหเ กิดศรัทธา ๒. ใหเกดิ ปญ ญา ๓. พรอ มดวยอรรถ ๔. พรอมดว ยพยัญชนะ ๕. มีบทงาย ๖. มีอรรถลึกซง้ึ ๗. สบายหู ๘. จับใจ ๙. ไมย กตน ๑๐. ไมขม ทาน ๑๑. เยือกเย็นดวยกรณุ า ๑๒. ผอ งแผวดวยปญญา ๑๓. เปนคลองธรรมนาร่นื รมย ๑๔. นาขบคดิ ๑๕. ฟงไดงาย ๑๖. ทดลองทาํ ตามไดป ระโยชน แมย่ิงไปกวานนั้ ยังทรงชนื่ ชมพระเทศนานน่ั แหละ ดว ยอปุ มา ๔อยา ง. ในอปุ มา ๘ อยางนั้น บทวา นกิ ฺกชุ ชฺ ติ . ความวา ตัง้ เอาปากลงหรือทง้ั ปากไวขา งลา ง. บทวา อุกฺกชุ เฺ ชยฺย ความวา ทาํ ใหม ปี ากขึ้นขา งบน. บทวา ปฏจิ ฺฉนฺน ความวา ปดดว ยหญาและใบไมเปน ตน . บทวา วิวเรยยฺ แปลวา เพิกขน้ึ .
พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 481 บทวา มูฬฺหสฺส วา แปลวา แกค นหลงทศิ บทวา มคคฺ อาจกิ เฺ ขยยฺ ความวา จูงมอื ไปบอกวา น่ที าง. บทวา อนฺธกาเร ความวา ในความมือมอี งค ๔ คอื วนั แรม ๑๔คํา่ ๑ เทยี่ งคนื ๑ ไพรสณฑท บึ ๑ กอ นเมฆบงั ๑. เนอ้ื ความของบททยี่ ากมีเพียงเทา น้.ี สว นอธบิ ายประกอบมีดังน้ี ใคร ๆ หงายภาชนะท่คี วํ่าไว ฉนั ใดพระผมู ีพระภาคเจา ยงั เราผหู นั หลงั ใหพระสทั ธรรม ตกลงไปในอสัทธรรมใหหลุดพน จากอสัทธรรมได ฉันนัน้ ใคร ๆ เปด ของท่ีปด ฉันใด พระผมู พี ระภาคเจาทรงเปดพระศาสนา ซึง่ ถกู รกชฏั คือมิจฉาทิฏฐิปด ไวต ง้ัแตครงั้ ศาสนาของพระผมู ีพระภาคเจากสั สปอันตรธานไป ฉันนนั้ ใคร ๆบอกทางแกค นหลง ฉันใด พระผูม พี ระภาคเจาทรงทาํ ทางสวรรคทางนพิ พานใหแจง แกเ ราผูเดนิ ทางผิด ฉันน้นั ใคร ๆ สอ งประทปี นํา้ มนั ในทม่ี อื ฉนั ใด พระผูมีพระภาคเจาของเราผูทรงไวซง่ึ ประทีปคอื เทศนาอันขจดั เสยี ซ่ึงความมดื คอื โมหะทปี่ ดบงั พระรตั นตรยั นน้ั ทรงประกาศพระธรรมโดยอเนกปรยิ าย เพราะทรงประกาศโดยปรยิ ายเหลานี้ แกเราผูจมอยูในความมืดคอื โมหะ ไมเ ห็นรปู รตั นะมพี ระพุทธรัตนะเปน ตน ฉันนัน้ . พระเจา อชาตศัตรูทรงช่นื ชมพระเทศนาอยางน้แี ลว มีพระทยัเล่อื มใสในพระรัตนตรัย ดวยพระเทศนานี้ เมื่อจะทรงทาํ อาการทเี่ ล่ือมใสจงึ มีพระดาํ รัสวา เอสาห เปน ตน ในพระบาลนี ้นั บทวา เอสาห ตัดบทเปน เอโส อห . บทวา ภควนตฺ คจฉฺ ามิ ความวา ขา พระองคขอถงึ คือคบ สอ งเสพ เขา ไปน่งั ใกล เขา ใจดวยความประสงคน วี้ า พระผูม พี ระ
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 482ภาคเจา เปน ที่พง่ึ เปน ท่ยี ึดหนว ง เปนผขู จัดไขใ จ เปนผูจดั แจงประโยชนของเรา. กธ็ าตเุ หลา ใดมีเนือ้ ความวา ไป แมค วามรกู ็เปนเน้อื ความของธาตุเหลา น้นั เพราะฉะนน้ั เนอ้ื ความของบทวา คจฺฉามิ ขา พระองคขอถึง นี้ ทานจงึ กลา วอยา งนี้ทเี ดยี ววา ชานามิ พชุ ฌฺ ามิ ขาพระองครูเขาใจ ดงั นี้. ก็ในคาํ วา ธมฺมจฺ ภิกฺขสุ งฆฺ ฺจ น้ี มวี ินิจฉัยดงั ตอไปน้ี ชือ่ วา พระธรรม ดวยอรรถวา ทรงไวซ ่ึงผูบรรลุมรรคแลว ทาํนิโรธใหเปน แจงแลว และปฏิบตั ติ ามท่พี ระผมู ีพระภาคเจาทรงพรํ่าสอนมิใหตกไปในอบายท้ังหลาย. พระธรรมน้ัน โดยอรรถก็คืออรยิ มรรคและนพิ พาน. สมจรงิ ดงั ท่ีพระผมู ีพระภาคเจา ตรัสไวว า ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลายธรรมเหลา ใดทีเ่ ปน สงั ขตะ อรยิ มรรคมีองค ๘ ตถาคตกลาววา เปน ยอดของธรรมเหลา นน้ั ดังน้.ี พึงทราบความพสิ ดาร. และมใิ ชแ ตอ รยิ มรรคและนิพพานอยางเดยี วเทานั้นทีเ่ ปนพระธรรมแมปริยัตติธรรมกบั อรยิ ผลทัง้ หลาย ก็เปน พระธรรมโดยแทแล. สมจริงดงั ทกี่ ลา วไวใ นฉัตตมาณวกวมิ าน วา เธอจงเขาถึงพระธรรมนี้ ซึ่งเปนเครือ่ งสาํ รอกราคะ ไมห ว่ันไหว ไมเ ศราโศก เปน อสงั ขตพรรม ไมป ฏิกูล มีรสเอมโอช ซือ่ ตรง บณั ฑิตจําแนกไวด ีแลว วาเปน สรณะทม่ี ปี ระโยชน. ก็ในคาถานี้ ทว่ี าเปน เครือ่ งสาํ รอกราคะ ทานกลาวหมายเอามรรค.ที่วา ไมหว่ันไหว ไมเ ศราโศก หมายเอาผล. ทว่ี า เปนอสงั ขตธรรม หมาย
พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 483เอานพิ พาน. ทว่ี าไมปฏกิ ลู มีรสเอนโอช ซง่ึ ตรง บัณฑติ จาํ แนกไวดีแลวหมายเอาธรรมขันธท ั้งหมดทจ่ี ําแนกไวโ ดยปฎก ๓. ช่ือวา พระสงฆ คอื ผทู ่เี ขากันไดโ ดยการรวมกนั ดวยทฏิ ฐแิ ละศลีพระสงฆน้นั โดยอรรถก็คือหมแู หง พระอรยิ บคุ คล ๘. สมจรงิ ดงั ทก่ี ลาวไวใ นวิมานวัตถุนนั้ แหละวา ก็ทานทีบ่ คุ คลถวายแลวในบญุ เขตใด ทานกลา ววา มี ผลมาก บญุ เขตน้นั คือคแู หง บุรุษ ๔ ผูสะอาด และ จําแนกรายบุคคลเปน ๘ ซึง่ เปน ผเู ห็นธรรม เธอจง เขาถึงพระสงฆน้ีวาเปนสรณะทมี่ ปี ระโยชน. หมูแหงภิกษุทั้งหลาย ชอื่ วาภิกษสุ งฆ. พระราชาทรงประกาศการถงึ สรณะ ๓ ดวยคําเพียงเทา น้ี. เพ่อื ความเปนผฉู ลาดในสรณคมนเหลานนั้ บัดนพี้ งึ ทราบวิธีน้วี าสรณะ สรณคมน ผูท ่เี ขาถึงสรณะ ประเภทแหงสรณคมน ผลแหงสรณ-คมน ความเศราหมอง และการแตกทาํ ลาย. ขอนีเ้ ปนอยา งไร ? จะขยายความโดยอรรถแหงบทกอน. ช่อื วา สรณะ ดวยอรรถวา เบยี ดเบียน อธบิ ายวา ฆา เบียดเบยี นทําใหพนิ าศ ซึง่ ความกลัว ความสะดงุ ความทุกข ทคุ ติ ความเศราหมองทกุ ดา น ดวยการเขา ถงึ สรณะนัน้ แหละ. คําวา สรณะน้เี ปน ช่ือของพระรตั นตรยั นนั่ เอง. อกี อยา งหน่ึง ช่ือวา พทุ ธะ ดว ยอรรถวา กาํ จัดภัยของสตั วท งั้ หลายเหตใุ หด าํ เนนิ ไปในสงิ่ ทเ่ี ปนประโยชน และใหหนั กลับจากส่งิ ทีไ่ มเ ปน
พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 484ประโยชน. ชือ่ วา ธรรม ดว ยอรรถวา กําจดั ภยั ของสัตวท ั้งหลาย เหตใุ หขามกันดารคอื ภพได และใหค วามแชม ช่นื . ชอื่ วา สงฆ ดว ยอรรถวา กําจัดภยั ของสัตวท ั้งหลาย เหตุทําสิง่ ที่ทาํ แมน อ ยใหไ ดผ ลไพบูล. เพราะฉะน้นั พระรัตนตรยั จงึ ชอ่ื วา เปนสรณะโดยปริยายน้ี. จติ ตุปบาทที่ดําเนนิ ไปโดยอาการมีพระรัตนตรยั น้ันเปนเบ้อื งหนามกี เิ ลสอันความเลือ่ มใสและความเคารพในพระรตั นตรัยนั้นกําจัดแลวชือ่ วาสรณคมน. สัตวผูมพี ระรตั นตรยั นนั้ พรอ มแลว ยอ มถึงสรณะ อธบิ ายวา ยอมเขาถึงอยา งน้วี า รัตนะ ๓ เหลา นั้นเปน ท่ีพงึ่ ของเรา เหลา นเ้ี ปน ทน่ี ับถือของเรา ดังนี้ ดวยจิตตปุ บาทมปี ระการดงั กลา วแลว . พึงทราบ ๓ อยางนี้คือ สรณะ ๑ สรณคมน ๑ และผเู ขาถึงสรณะ ๑ เทา นีก้ อน. กใ็ นประเภทแหงสรณคมน มวี ินจิ ฉัยดังตอไปน้ี สรณคมนม ี ๒ อยาง คือ โลกุตตรสรณคมนและโลกยิ สรณคมน.ใน ๒ อยางน้ัน โลกุตตรสรณคมน วา โดยอารมณม ีนิพพานเปนอารมณยอมสําเร็จดวยตัดขาดอุปกิเลสของสรณคมน ในมัคคขณะแหง พระอริย-บคุ คลผูเหน็ สัจจะแลว วาโดยกจิ ยอ มสําเร็จในพระรัตนตรยั แมท ้ังสิ้น.โลกยิ สรณคมน วา โดยอารมณมีพระพทุ ธคณุ เปนตน เปนอารมณ ยอ มสาํ เร็จดวยการขม อปุ กเิ ลสของสรณคมนของปถุ ชุ นทง้ั หลาย. โลกยิ สรณคมนนั้นวาโดยอรรถไดแกการไดเ ฉพาะซ่งึ ศรัทธาในวตั ถทุ ้ังหลาย มีพระพุทธเจา
พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 485เปน ตน และสัมมาทฏิ ฐิ ซงึ่ มศี รทั ธาเปน มูล ท่ที านเรียกวา ทิฏชุ กุ รรมในบญุ กริ ิยาวัตถุ ๑๐ ประการ. โลกยิ สรณคมนน ี้นัน้ จาํ แนกเปน ๘ อยา ง คือ โดยมอบกายถวายชีวติ ๑ โดยมพี ระรัตนตรัยนน้ั เปนเบื้องหนา ๑ โดยมอบตัวเปน ศิษย ๑โดยความนอบนอ ม ๑. ใน ๔ อยางนน้ั ที่ชอื่ วามอบกายถวายชีวติ ไดแ กการสละตนแกพระพุทธเจาเปน ตน อยา งนีว้ า ตงั้ แตว นั น้เี ปน ตนไป ขาพเจา ขอมอบตนแดพระพุทธเจา แดพ ระธรรม แดพ ระสงฆ. ทช่ี อ่ื วามพี ระรตั นตรยั นัน้ เปน เบอื้ งหนา ไดแกค วามเปนผมู ีพระรัตนตรยั เปน เบ้ืองหนาอยา งน้ีวา ต้งั แตวนั น้ีเปน ตน ไป ขอทา นทั้งหลายโปรดทรงจําขา พเจาวา ขา พเจา เปน ผูม ีพระพทุ ธเจา มีพระธรรม และมพี ระสงฆเปน ทไ่ี ปในเบอื้ งหนา . ทช่ี อื่ วามอบตวั เปนศิษย ไดแ กเขา ถึงความเปน ศษิ ยอยา งน้วี า ต้งั แตวันนเี้ ปน ตน ไป ขอทา นทัง้ หลายโปรดทรงจําขาพเจา วา ขาพเจา เปนอนั เตวาสกิ ของพระพุทธเจา ของพระธรรม ของพระสงฆ. ทช่ี ื่อวา ความนอบนอ ม ไดแ กการเคารพอยางยง่ิ ในพระพุทธเจาเปนตน อยางนวี้ า ตง้ั แตว นั น้เี ปน ตน ไป ขอทา นท้งั หลายโปรดทรงจําขาพเจา วา ขา พเจา จะกระทาํ การกราบไหว การลกุ รับ อญั ชลกี รรมสามจี กิ รรม แดวตั ถทุ งั้ ๓ มพี ระพทุ ธเจาเปนตนเทานนั้ . ก็เม่อื กระทาํ อาการ ๔ อยางนแี้ มอยางใดอยา งหนึง่ ยอ มเปน อันถอื เอาสรณะแลว โดยแท. อกี อยางหน่ึง พึงทราบการมอบกายถวายชีวิตแมอยางนวี้ า ขาพเจา
พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 486สละตนแดพระผูมีพระภาคเจา สละตนแดพ ระธรรม แดพระสงฆขา พเจา สละชีวิต ขา พเจาสละตนแนนอน สละชีวติ แนน อน ขาพเจาถึงพระพุทธเจาเปนทีพ่ ่งึ ตลอดชวี ติ พระพุทธเจาเปนทพ่ี ง่ึ เปน ทเี่ รน ภยัเปน ทป่ี องกนั ภัยของขาพเจา . การมอบตนเปน ศิษย พึงทราบเหมอื นการถงึ สรณะของพระมหา-กัสสปะแมอยางน้วี า ขาพเจา พงึ เหน็ พระศาสดาหนอ พึงเห็นพระผมู ีพระภาคเจา นน่ั เทียว ขาพเจา พึงเห็นพระสคุ ตหนอ พึงเหน็ พระผูมีพระภาคเจา นนั่ เทียว ขา พเจาพึงเหน็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจาหนอ พงึ เห็นพระผมู ีพระภาคเจา น่นั เท่ียว. ความมพี ระรัตนตรยั น้ันเปน เบอื้ งหนา พึงทราบเหมอื นการถึงสรณะของอาฬวกยกั ษเ ปน ตน อยา งนีว้ า ขา พเจา นัน้ จักเท่ียวไปจากบาน น้นั สบู านนี้ จากเมอื ง นน้ั สเู มอื งน้ี นมสั การพระสัมพุทธเจา และความ เปนธรรมท่ีดขี องพระธรรม. ความนอบนอ ม พงึ ทราบแมอ ยางนี้วา ครัง้ นนั้ แล พราหมณช่อืพรหมายุ ลุกจากอาสนะ หม ผาเฉวียงบา ขางหนงึ่ หมอบลงท่พี ระยุคลบาทของพระผูม ีพระภาคเจา ดวยศรี ษะ ใชปากจมุ พิตพระยคุ ลบาทของพระผูม พี ระภาคเจา และใชมอื ทัง้ ๒ นวดฟน พรอมกับประกาศช่ือวาขา แตพ ระโคดมผูเจรญิ ขาพระองคเ ปน พราหมณช อ่ื พรหมายุ ขา แตพ ระโคดมผเู จรญิ ขาพระองคเปนพราหมณชอ่ื พรหมายุ ดังน.้ี ก็การนอบนอ มน้ีนน้ั มี ๔ อยา ง คอื เพราะเปนญาติ ๑ เพราะกลวั ๑ เพราะเปน อาจารย ๑ และเพราะถอื วาเปน ทกั ขิไณยบคุ คล ๑
พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 487 ใน ๔ อยา งนัน้ เพราะนอบนอมวาเปน ทกั ขไิ ณยบุคคล จดั เปนสรณคมน นอกนไี้ มใช. จริงอยู เพราะการนบั ถือพระรตั นตรยั อยางประเสรฐิ น่ันแหละบคุ คลยอ มถือสรณะได และขาดได เพราะฉะน้ัน ผใู ดทเี่ ปน ศากยะก็ตามโกลิยะก็ตาม ไหวดวยคดิ วา พระพุทธเจา เปน ญาติของเรา ดังนี้ ยอมไมเปน การถอื สรณะเลย หรือผูใ ดไหวดว ยความกลวั วา พระสมณโคดมเปนผูที่พระราชาทรงบูชา มีอานภุ าพมาก เมอื่ เราไมไ หว จะพงึ ทาํ แมค วามพินาศให ดังนี้ ยอ มไมเ ปนการถอื สรณะเลย หรอื ผูใดระลกึ ถึงมนตอะไร ๆที่คนเรียนในสาํ นกั ของพระผูมพี ระภาคเจา ในกาลเปนพระโพธิสตั ว หรอืในกาลเปน พระพทุ ธเจา เรยี นอนศุ าสนีเหน็ ปานนวี้ า บณั ฑติ อยคู รองเรอื น พงึ แบง ทรัพยเ ปน ๔ สว น พึง ใชสอยสวน ๑ พงึ ประกอบการงาน ๒ สว น พึงเก็บ สวนที่ ๔ ไว เผื่อจักมีอันตราย ดังนแ้ี ลวไหวด วยคิดวา อาจารยของเรา ดงั น้ี ยอมไมเปน การถือสรณะเลย. แตผูใดไหวดวยคิดวา ทานผนู ้ีเปนทกั ขิไณยบคุ คลเลศิ ในโลก ดังน้ี ผูน ้นั แหละไดถอื สรณะแลว . ก็เมอื่ อบุ าสกหรืออบุ าสกิ าผูถือสรณะอยางนแี้ ลว ถงึ ไหวญ าติแมบวชในอัญญเดยี รถีย ดวยคดิ วา ผูน้ีเปนญาติของเรา ดงั น้ี ยอมไมขาดสรณคมน ไมจ าํ เปนตองกลา วถงึ ผูท่ีไมไดบ วช. ผูไ หวพ ระราชาโดยความกลวั ก็เหมือนกนั เพราะพระราชานั้น เม่ือใครไมไ หว จะพงึ ทําแมความพินาศใหก็ได เพราะเปนผทู ี่รัฐบูชาแลว ดังน้ี. ถึงไหวแมเดยี รถยี ผ ูส อนศลิ ปะคนใดคนหน่ึง ดวยคดิ วา ผูนี้เปน อาจารยข องเรา ดังน้ี ก็ไมข าด
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 488สรณคมน. พึงทราบประเภทแหง สรณคมน ดว ยประการฉะน้ี. กใ็ นท่ีนี้ สรณคมนท เ่ี ปนโลกุตตระ มีสามัญญผล ๔ เปนวบิ ากผลมีความสน้ิ ไปแหงทุกขทง้ั ปวงเปน อานสิ งั สผล. สมจริงดงั ที่กลาวไวว า สว นผใู ดยดึ เอาพระพุทธเจา พระธรรม และพระ สงฆเ ปนสรณะ ผูน้นั เห็นอริยสัจ ๔ ดวยปญญาอนั ชอบ คือเหน็ ทกุ ข เหตุเกดิ แหง ทุกข ความลวงพน ทุกข และมรรคซึง่ ประกอบดว ยองค ๘ อันประเสรฐิ อันเปนทางถงึ ความดบั ทุกข สรณะนน้ั ของผูนน้ั เปน สรณะอันเกษม เปนสรณะสงู สดุ บคุ คลอาศัยสรณะ นีแ้ ลว ยอมหลดุ พนจากทุกขท ง้ั ปวงได ดงั นี.้ อีกอยา งหนงึ่ พึงทราบอานสิ ังสผลแหงสรณคมนน ี้ แมโดยการท่ีเขาไมเ ขา ถงึ ภาวะมีนิจจสญั ญาเปน ตน. สมจริงดงั ท่ีกลา วไวว า ไมเ ปนฐานะ ไมเปน โอกาสทบ่ี คุ คลผถู งึ พรอ มดวยทฏิ ฐิจะพงึ ยึดถอื สงั ขารอะไร ๆโดยเปน ของเท่ียง ยดึ ถอื สงั ขารอะไร ๆ วาเปน สุข ยดึ ถือธรรมอะไร ๆวา เปนตวั คน ฆา มารดา ฆา บดิ า ฆาพระอรหันต มีจิตประทุษรายพระตถาคตทําใหหอพระโลหิต ทาํ ลายสงฆ อทุ ศิ ศาสดาอน่ื นั่นไมใชฐ านะท่ีจะมีได. ก็สรณคมนท เ่ี ปนโลกิยะ มภี วสมบตั บิ าง โภคสมบตั บิ าง เปน ผลแนน อน. สมจริงดังทีก่ ลา วไวว า ชนเหลา ใดเหลาหน่ึงถึงพระพุทธเจาวา เปนท่ีพ่งึ ชน เหลา นนั้ จกั ไมไ ปอบายภมู ิ ละกายมนุษยแลว จกั ยัง เทวกายใหบรบิ ูรณ ดังน้ี.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 585
Pages: