พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 251 บทวา กรหจิ เปน ไวพจนของบทวา กทาจิ นัน้ เอง. บทวา ทฆี สฺส อทธฺ โุ น ไดแกแ หงกาลนาน. บทวา อจฺจเยน ไดแ กโ ดยลว งไป. บทวา ส วฏฏ ติ ไดแกยอมพนิ าศ. บทวา เยภุยฺเยน ตรัสหมายเอาสัตวพ วกท่ีเหลอื จากพวกท่ีบังเกดิในพรหมโลกช้ันสงู หรือในอรูปพรหม. ที่ช่ือวา สาํ เร็จทางใจ เพราะบงั เกิดดวยฌานจติ . ท่ีช่ือวา มปี ต ิเปน ภักษา เพราะสัตวเ หลาน้ันมปี ติเปนภักษา คือเปนอาหาร. ทีช่ ือ่ วา มีรัศมีในตวั เอง เพราะสัตวเหลา นัน้ มีรศั มเี ปนของตวั เอง. ทชี่ ่อื วา ผเู ท่ียวไปในอากาศ เพราะเที่ยวไปในอากาศ. ทีช่ อื่ วา สภุ ฏายิโน เพราะอยูใ นสถานท่อี นั สวยงาม มอี ทุ ยานวมิ าน และตน กัลปพฤกษเ ปน ตน. อีกอยางหนึง่ ทช่ี ื่อวา สุภฏายโิ นเพราะเปนผูสวยงาม คือมผี าและอาภรณอันนา รื่นรมยใ จอย.ู บทวา จรี ทีฆมทฺธาน ความวา กําหนดอยา งสงู สุดตลอด ๘ กลั ป. บทวา วิวฏฏ ติ ไดแ ก ตงั้ อยูดวยดี. บทวา สุ ฺ พฺรหมฺ วมิ าน ความวา ชื่อวา วาง เพราะไมม ีสัตวบงั เกิดตามปกติ ภูมิอันเปน ที่สถติ ของพวกพรหม ยอมบงั เกดิ . ผูสรางกด็ ี ผูใชใ หสรา งกด็ ี ซง่ึ วมิ านพรหมนัน้ ยอมไมม ี. แตรตั นภมู อิ ันมอี ุตุเปนสมฏุ ฐาน ยอมบังเกิดเพราะกรรมเปนปจจัย ตามนัยทกี่ ลา วแลว ในวิสทุ ธิมรรค. และในรตั นภูมนิ ้ี ยอ มบังเกดิ อทุ ยานและตนกลั ปพฤกษเปน ตน ในสถานท่สี ัตวบ ังเกิดตามปกตนิ น่ั เอง ครัง้ นัน้ สัตวท้ังหลาย
พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 252ยอ มเกิดตดิ ใจในสถานที่อยูต ามปกติ สัตวเ หลาน้ันเจริญปฐมฌานแลว ลงจากสถานทอ่ี ยนู ั้น เพราะฉะนน้ั พระผมู พี ระภาคเจาจงึ ตรสั วา ครงั้ นนั้สัตวผ ูใดผหู น่ึง ดังนี้เปนตน . บทวา อายุกฺขยา วา ปุ ฺ กฺขยา วา ความวา สัตวเ หลาใดทาํ บุญกรรมไวมากแลว ไปบงั เกดิ ในเทวโลก ท่ีมีอายุนอ ยแหงใดแหง หน่งึสัตวเหลา นั้นไมอ าจดํารงอยตู ลอดอายุ ดวยกาํ ลงั บุญของตน แตจ ะจุติโดยประมาณอายุของเทวโลกนัน้ เอง ฉะนนั้ จงึ เรยี กวา จุติเพราะสิน้ อายบุ า งสว นสตั วเ หลาใด ทาํ บญุ กรรมไวนอ ยแลวไปบงั เกดิ ในเทวโลกท่ีมีอายุยนืสัตวเ หลานนั้ ไมอ าจดํารงอยูไดต ลอดอายุ ยอ มจุตเิ สยี ในระหวาง เพราะฉะน้นั เรยี กวา จุติเพราะส้นิ บญุ บา ง. บทวา ทีฆมทฺธาน ตฏิ ติ ความวา ตลอดกัลปหรือกงึ่ กัลป. บทวา อนภริ ติ ความวา ปรารถนาใหสัตวแ มอ น่ื มา. ก็ความระอาอนั ประกอบดว ยปฏฆิ ะ ไมม ีในพรหมโลก. บทวา ปริตสสฺ นา ความวา ความยงุ ยากใจ ความกระสับกระสา ย ก็ความดิ้นรนนี้นั้น มี ๔ อยางคือ ๑. ตาสตสฺสนา ความดนิ้ รนเพราะความสะดงุ ๒. ตณฺหาตสสฺ นา ความดนิ้ รนเพราะตณั หา ๓. ทฏิ ติ สสฺ นา ความด้ินรนเพราะทฏิ ฐิ ๔. าณตสสฺ นา ความด้นิ รนเพราะญาณ ในความดนิ้ รน ๔ อยา งนนั้ อาศยั ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ รูสึกกลวั รสู ึกนา กลวั สยอง ขนลกุ จติ สะดงุ หวาดหวัน่ ดงั น้ี น้ีชอื่ วาความด้นิ รนเพราะความสะดงุ .
พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 253 ความดิ้นรนวา โอหนอ แมส ตั วเหลา อื่นกพ็ ึงมาเปนอยา งนี้ ดงั น้ีน้ชี ือ่ วา ความด้ินรนเพราะตณั หา. ความสะดุง ความดน้ิ รนน่ันแล ดังน้ี นชี้ อ่ื วา ความดนิ้ รนเพราะทฏิ ฐ.ิ ความด้นิ รนวา แมค นเหลานั้นฟง พระธรรมเทศนาของพระตถาคตแลว โดยมากถึงความกลวั ความสังเวชหวาดเสยี ว ดังนี้ นช้ี อ่ื วา ความดน้ิ รนเพราะญาณ. ก็ในทนี่ ี้ ยอ มควรทงั้ ความดิน้ รนเพราะตัณหาทงั้ ความด้ินรนเพราะทิฏฐ.ิ กค็ าํ วา วมิ านพรหม ในพระบาลีนี้ มไิ ดต รสั วา วา งเปลา เพราะมสี ัตวผ ูบงั เกิดอยกู อนแลว. บทวา อปุ ฺปชชฺ นตฺ ิ ความวา เขา ไปดว ยการอบุ ัต.ิ บทวา สหพยฺ ต ความวา ภาวะรว มกัน. บทวา อภิภู ความวา เปนผขู ม วา เราเปนผูเจริญท่สี ดุ . บทวา อนภิภโู ต ความวา คนเหลาอื่นขมไมได. บทวา อฺ ทตฺถุ เปนนบิ าตในอรรถวา ถอ งแท. ทช่ี ่ือวา ทโส โดยการเห็น.อธิบายวา เราเหน็ ทกุ อยา ง. บทวา วสวตฺตี ความวา เราทาํ ชนท้ังปวงใหอ ยใู นอํานาจ. บทวา อสิ ฺสโร กตฺตา นิมฺมติ า ความวา เราเปนใหญใ นโลกเราเปน ผสู รางโลก และเนรมิตแผนดิน ปา หิมพานต ภูเขาสิเนรุ จักรวาลมหาสมุทร พระจันทร และพระอาทติ ย.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 254 บทวา เสฏโ สชฺชติ า ความวา ยอมสําคัญวา เราเปน ผสู งู สุดและเปนผูจดั โลก คอื เราเปน ผจู าํ แนกสตั วท ้งั หลาย อยางนว้ี า ทา นจงชอื่วา กษตั รยิ พราหมณ แพศย ศูทร คฤหัสถ บรรพชิต โดยที่สุด ทา นจงชอ่ื วา อูฐ จงชอื่ วา โค ดังน้ี . บทวา วสี ปตา ภตู ภพฺยาน ความวา ยอมสําคญั วา เราช่อื วาเปนผูมอี ํานาจ เพราะเปน ผูส งั่ สมอํานาจไว เราเปนบดิ าของเหลาสตั วท ่ีเปนแลว และของเหลา สตั วท ่ีกําลังจะเปน . บรรดาเหลาสตั ว ๒ ประเภทนัน้ เหลา สตั วพวกอณั ฑชะ และชลาพชุ ะ อยภู ายในกะเปาะไข และอยภู ายในมดลกู ช่ือวา กําลงั จะเปนดังแตเ วลาท่อี อกภายนอกชอื่ วา เปนแลว. เหลาสตั วพวกสังเสทชะ ในขณะจติ ดวงแรก ช่ือวา กาํ ลังจะเปน ตัง้ แตจ ิตดวงท่ี ๒ ไป ช่ือวา เปนแลว. เหลา สัตวพวกโอปปาติกะ ในอิริยาบถแรก ช่ือวา กาํ ลงั จะเปนต้งั แตอ ริ ิยาบถท่ี ๒ ไป พงึ ทราบวา ชือ่ วา เปนแลว . ยอมสําคัญวา เราเปน บดิ าของเหลา สตั วทเ่ี ปนแลว และของเหลาสตั วทีก่ าํ ลังจะเปน ดวยความสาํ คญั วา สตั วเ หลาน้ันทัง้ หมด เปน บุตรของเรา. บดั นี้ พระผูมีพระภาคเจา มีพระประสงคจะใหเ น้ือความสําเร็จโดยการสราง จึงทรงทําปฏิญญาวา สตั วเ หลาน้ี เราเนรมติ แลว จึงตรัสพระบาลีมอี าทวิ า ขอน้ันเพราะเหตุไร ? บทวา อติ ถฺ ตตฺ ความวา เปน อยา งน้ี อธิบายวา เปน พรหม. บทวา อิมนิ า มย ความวา สัตวเหลานน้ั แมจุติ แมอ บุ ัติดว ยกรรมของตน ๆ แตโ ดยเพียงท่สี ําคัญไปอยา งเดยี วเทา น้ัน กส็ าํ คญั วา พวก
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 255เราอันพระพรหมผูเจรญิ เนรมติ แลว ตา งกพ็ ากนั นอ มตวั ลงไปแทบบาทมูลของพระพรหมนนั้ ทีเดยี ว ดจุ ลิม่ สลักทคี่ ดโดยชอ งทีค่ ดฉะนัน้ . บทวา วณฺณวนฺตตโร จ ความวา มผี วิ พรรณงามกวา อธบิ ายวามรี ูปงาม นาเลอ่ื มใส. บทวา มเหสกฺขตโร ความวา มียศใหญก วา ดวยอิสรยิ ยศ และบริวารยศ. บทวา าน โข ปเนต ความวา ขอน้ีเปน เหตุทจี่ ะมไี ด. ทีต่ รสัดงั นีห้ มายถึงสัตวผูนัน้ วา สตั วผูนั้นจุตจิ ากชั้นนั้นแลว ไมไปในโลกอน่ืยอ มมาในโลกนเ้ี ทา นนั้ . บทวา อคารสฺมา ไดแ กจากเรอื น. บทวา อนคาริย ไดแ กบรรพชา. จรงิ อยู บรรพชา ทา นเรียกวาอนคาริยะ เพราะไมม ีการงาน มกี ารทาํ นา และเลี้ยงโคเปน ตน ที่เปนประโยชนเกอ้ื กลู แกเรือน. บทวา ปพพฺ ชติ ไดแ กเขาถงึ . บทวา ตโต ปร นานสุ สฺ รติ ความวา ระลกึ ไมไดเ กนิ กวาขนั ธท่ีเคยอยูอ าศัยน้ัน เมอื่ ไมอ าจระลกึ ได กต็ ้งั อยใู นขนั ธท อ่ี าศยั นัน้ ยึดถอืเปน ทิฏฐิ. ในคาํ วา นิจฺโจ เปน ตน ความวา สตั วเหลา นั้น เมื่อไมเ ห็นความเกดิ ของพระพรหมน้นั จึงกลาววา ยัง่ ยืน เม่อื ไมเหน็ ความตาย จงึกลาววา มน่ั คง. เพราะมีอยูทุกเม่อื จึงกลาววา ยัง่ ยืน. เพราะไมม คี วามแปรปรวนแมโ ดยชรา จงึ กลาววา มีความไมแ ปรปรวนเปน ธรรมดา.คําท่ีเหลอื ในวาระนี้ งา ยทงั้ นน้ั ดังน้แี ล.
พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 256 ในวาระท่ี ๒ มีวนิ ิจฉยั ดงั ตอ ไปน้ี พวกเทวดาทชี่ อื่ วา ขฑิ ฑาปโฑสกิ ะ เพราะเสยี หาย คอื พินาศดว ยการเลน . นักเขยี นเขียนบาลีเปน ปทูสกิ า กม็ ี. บาลวี า ปทูสกิ า น้นัไมมีในอรรถกถา. บทวา อติเวล ความวา เกินกาล คอื นานเกนิ ไป. บทวา หสฺสขฑิ ฑฺ ารตธิ มฺมสมาปนนฺ า ความวา หมกมนุ คือฝก ใฝอยแู ตในความรนื่ รมย คือการสรวลเส และความรนื่ รมยค อื การเลนหัว อธบิ ายวา ฝก ใฝอยูกับความสขุ อนั เกดิ แตก ารเลน การสรวลเสและความสุข ท่เี ปนกฬี าทางกายทางวาจา เปน ผูมคี วามพรอมเพรยี งดว ยความรน่ื รมยมีประการดงั กลา วแลวอยู. บทวา สติ ปมสุ ฺสติ ความวา ลืมนกึ ถึงของเคย้ี ว และของบริโภค. ไดย ินวา เทวดาพวกขฑิ ฑาปโทสิกะเหลานั้น เลน นกั ษัตรดวยสริ ิสมบตั ิอันใหญของตน ทไ่ี ดม าดว ยบุญวเิ ศษ เพราะความที่ตนมีสมบตั ิใหน ้นั จงึ ไมรวู า เราบรโิ ภคอาหารแลวหรือยัง ครนั้ เลยเวลาอาหารม้ือหนึ่งไป ท้ังเค้ยี วกนิ ทัง้ ด่มื อยูไมข าดระยะ กจ็ ตุ ทิ ันที ตงั้ อยูไมไดเพราะเหตไุ ร ? เพราะเตโชธาตุอันเกดิ แตกรรมแรง. ก็มนษุ ยทงั้ หลายมีเตโชธาตอุ ันเกดิ แตกรรมออ น มีกรัชกายแข็งแรง และเมือ่ เตโชธาตุของมนษุ ยเหลา นนั้ ออ น กรชั กายแขง็ แรง แมเลยเวลาอาหารไปถงึ ๗วัน กอ็ าจใชนา้ํ รอนและขา วตมใสเปน ตน บาํ รุงรา งกายได. สวนพวกเทวดามเี ตโชธาตแุ รง กรัชกายออ นแอ เทวดาเหลานัน้ เลยเวลาอาหารม้อื เดยี วเทา นั้น ก็ไมอาจจะดาํ รงอยูได เหมือนดอกปทุมหรือดอกอุบลที่
พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 257บุคคลวางไวบนแผนหนิ อนั รอนในเวลาเทยี่ งวนั แหงฤดรู อ น ตกเย็น แมจะตกั นํ้ารดต้ังรอ ยหมอ ก็ไมเปนปกติได ยอ มพินาศไปถา ยเดยี ว ฉันใดเทวดาพวกขฑิ ฑาปโทสกิ ะ แมจ ะเค้ียว แมจะดม่ื อยไู มข าดระยะในภายหลงัก็จุตทิ นั ที ตัง้ อยูไมไ ด. เพราะเหตนุ ้นั พระผูมพี ระภาคเจา จึงตรสั วาเพราะลืมสติ เทวดาเหลา น้ัน จึงจตุ ิจากชั้นนั้น ดงั น.ี้ ถามวา ก็เทวดาเหลา นั้น เปนพวกไหน ? ตอบวา ในอรรถกถามิไดมกี ารวจิ ารณไ วว า เปน พวกชือ่ น.ี้ แตเพราะไดกลาวไวโดยไมตางกันวา เหลาเทวดามเี ตโชธาตุอันเกิดแตกรรมแรง มีกรชั กายออนแอ ดังน้ี เทวดาพวกใดพวกหนึ่ง ซึง่ อาศยั กวฬิงกา-ราหาร เลีย้ งชีพ ทาํ อยอู ยางน้ี เทวดาเหลา นน้ั แหละ. พงึ ทราบวา จตุ ิดงั น.ี้ แตอาจารยบ างพวกกลา ววา เทวดาช้ันนมิ มานรดี และชัน้ ปรนิมมิต-วสวัตดี คือเทวดาพวกขิฑฑาปโทสกิ ะนั้น ดว ยวา เทวดาพวกนท้ี า นเรยี กวาขิฑฑาปโทสกิ ะ ดวยเหตุเพียงเสียเพราะการเลนเทา นั้น. คาํ ทเี่ หลือในวาระน้ี พึงทราบตามนยั แรกนน้ั แล. ในวาระท่ี ๓ มวี ินิจฉัยดังตอไปนี้ พวกเทวดาท่ชี ่ือวา มโนปโทสกิ ะ เพราะถกู ใจลงโทษ คอื ทําใหฉิบหาย ทาํ ใหพ ินาศ เทวดาพวกน้ี เปน เทวดาชั้นจาตุมหาราช. ไดยนิ วา บรรดาเทวดาเหลา นัน้ เทพบตุ รองคหน่งึ คิดวา จักเลนนกั ษตั ร จงึ เดนิ ทางไปดว ยรถพรอมทั้งบรวิ าร. คร้ังนน้ั เทพบตุ รองคอ่ืนเมือ่ ออกไปเห็นเทพบตุ รองคนน้ั ไปขา งหนา กโ็ กรธกลา ววา ชางกระไรชาวเราเอย เทพบตุ รองคน ี้ชางตระหนี่ ไดพ บผหู นึง่ ราวกะวาไมเคยพบไปเหมอื นกับจะยดื และเหมือนกบั จะแตก ดวยความอิ่มใจ. ฝา ยเทพบตุ ร
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 258องคทีไ่ ปขางหนาเหลยี วกลับมาเห็นเทพบตุ รองคนน้ั โกรธ ข้ึนชื่อวา คนโกรธกนั ยอมรไู ดง า ย จึงรวู า เทพบุตรองคน นั้ โกรธ กเ็ ลยโกรธตอบวาทา นโกรธเรา จักทําอะไรเราได สมบัติน้เี ราไดม าดว ยอํานาจบญุ มีทานศีล เปนตน มใิ ชไดมาดวยอาํ นาจของทาน. ถา เมอ่ื เทพบตุ รองคห นง่ึ โกรธอีกองคไมโ กรธกย็ งั คุมอยูได. แตเ มอื่ โกรธทั้ง ๒ ฝา ย ความโกรธของฝา ยหนึง่ ยอมเปน ปจจยั แกอ กี ฝายหนง่ึ ความโกรธของฝายแมน ั้น กเ็ ปนปจ จัยแกอ ีกฝายหนง่ึ ฉะน้นั ทง้ั ๒ ฝายจึงจตุ ทิ ้งั ๆ ท่นี างสนมกํานลั พากนัคร่ําครวญอยนู ่ันเอง. นี้เปนเรอื่ งธรรมดาในการโกรธของพวกเทวดาคําที่เหลอื พึงทราบตามนยั ที่กลาวนัน่ แล. ในวาระของนักตรึก มวี นิ จิ ฉยั ดงั ตอ ไปน้ี สมณะหรอื พราหมณผ ตู รกึ น้ี ยอ มเห็นความแตก ทําลายของจักษุเปนตน แตเพราะเหตทุ ีจ่ ิตดวงแรก ๆ พอใหป จจัยแกดวงหลัง ๆ จึงดับไปฉะน้นั จงึ ไมเห็นความแตกทําลายของจิต ซึ่งแมจ ะมีกําลงั กวาการแตกทําลายของจักษุ เปนตน . สมณะหรอื พราหมณผ ูต รกึ นน้ั เมือ่ ไมเห็นความแตกทาํ ลายของจิตน้นั จงึ ยดึ ถือวา เมื่ออตั ตภาพน้ีแตกทําลายแลว จิตยอมไปในอตั ตภาพอ่ืนเหมอื นอยางนกละตน ไมต นหนึ่งแลวไปจบั ทีต่ นอ่นื ฉะนัน้จงึ กลาวอยางน้ี. คาํ ที่เหลอื ในวาระน้ี พึงทราบตามนัยท่ีกลา วแลวนั่นแล บทวา อนตฺ านนตฺ ิกา ความวา มีวาทะวา โลกมีทสี่ ดุ และไมม ที สี่ ดุอธิบายวา มวี าทะเปนไปปรารภโลกวา มที ส่ี ดุ ก็มี ไมม ที ่สี ุดก็มี บางที่มีที่สดุ และไมม ที ส่ี ดุ มีท่สี ดุ กไ็ มใช ไมม ีที่สุดกไ็ มใ ช. บทวา อนฺตสฺ ี โลกสฺมึ วหิ รติ ความวา สมณะหรอื พราหมณ
พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 259มิไดขยายปฏิภาคนมิ ติ ไปถึงขอบจกั รวาล ยึดถอื เอาขอบจักรวาลนน้ั วาเปนโลก จึงมคี วามสําคัญในโลกวา มที ี่สุดอยู แตในกสิณท่ีขยายออกไปถึงขอบจักรวาล มีความสาํ คัญวา โลกไมมที สี่ ดุ อนงึ่ มไิ ดข ยายไปดา นบนและดานลา งขยายไปแตดานขวาง จงึ มีความสาํ คัญในโลกวา ดานบนและดา นลาง มีที่สุด มคี วามสาํ คญั ในโลกวา ดา นขวางไมม ีท่สี ุด. วาทะของสมณะหรือพราหมณพวกตรกึ พึงทราบตามนัยท่กี ลาวแลวน่ันแล. วาทะทั้ง ๔ อยา งนี้ จัดเขา ในปพุ พันตกัปปกวาทะ เพราะยึดถอืดว ยทฏิ ฐิ ตามทาํ นองท่ีตนเคยเห็นแลว น่ันเอง. ที่ช่อื วา อมรา เพราะไมต าย. อมรานัน้ คือ อะไร ? คือความเห็นและวาทะของคนผูเ ห็นไป ซง่ึ เวน จากความสิ้นสุดโดยนัยมีอาทวิ า ความเห็นของเราอยางนี้ก็มิใช ดงั น้.ี ท่ชี อ่ื วา วิกเฺ ขโป เพราะดน้ิ ไปมีอยา งตาง ๆ. ที่ช่อื วา อมราวิกฺเขโป เพราะทิฏฐแิ ละวาจาดิน้ ไดไ มต ายตัว. สมณะหรือพราหมณ ชอ่ื วา อมราวกิ เขปกะ เพราะมที ฏิ ฐิและวาจาดิน้ ไดไ มต ายตวั . อกี นัยหนง่ึ ปลาชนดิ หนง่ึ ช่ืออมรา แปลวาปลาไหล. ปลาไหลนัน้ เมอื่ แลน ไปในนํา้ ดวยการผดุ ข้นึ และดาํ ลงเปนตน ใคร ๆ ไมอาจจับได แมวาทะนก้ี ็เหมือนอยางนน้ั แลน ไปขางโนน ขางน้ี ไมเขา ถงึ อาการท่ีจะจบั ไว เพราะเหตนุ ั้น จึงเรยี กวา อมราวิกเขปะ. สมณะหรอื พราหมณทีช่ ่ือวา อมราวิกเขปกะ เพราะมที ฏิ ฐแิ ละวาจาดิน้ ไดเ หมือนปลาไหล
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 260 บทวา อทิ กุสลนฺติ ยถาภตู นปฺปชานาติ ความวา ไมร กู ุศล-กรรมบถ ๑๐ ตามความเปน จริง. แมใ นฝายอกุศล กป็ ระสงคเ อาอกศุ ล-กรรมบถ ๑๐ นน่ั เอง. บทวา โส มมสฺส วฆิ าโต ความวา พงึ เปนความเดือนรอ นคือ พึงเปนความทุกขแ กเ รา เพราะเกดิ ความรอนใจวา เรากลา วเท็จเสียแลว . บทวา โส มมสสฺ อนฺตราโย ความวา ความรอ นใจน้นั พึงเปนอันตรายแกสวรรคแ ละมรรคของเรา. บทวา มุสาวาทภยา มสุ าวาทปริเชคจุ ฺฉา ความวา เพราะความเกรงกลวั และเพราะความละอายในการพูดเท็จ บทวา วาจาวกิ ฺเขป อาปชชฺ ติ ความวา จงึ กลา ววาจาดน้ิ ไดไมตายตัว คือดิ้นไปไมมที ส่ี ดุ . ในคําวา เอวนตฺ ปิ เม โน ดังน้เี ปน ตน มีวนิ จิ ฉัยดังตอไปน้ี คําวา ความเหน็ ของเราวา อยา งน้กี ม็ ิใช ดังน้ี เปน คาํ ด้นิ ไดไมแนนอน. คําวา ความเหน็ ของเราวา อยา งนั้นก็มิใช ทานปฏิเสธวาทะวาเที่ยง ที่กลา วไววา อัตตาและโลกเทยี่ ง คําวา ความเห็นของเราวา อยา งอนื่ ก็มิใช ทานปฏเิ สธวาทะวาเที่ยงบางอยาง วาไมเ ทีย่ งบางอยาง ท่ีกลาวไวโดยประการอน่ื จากความเที่ยง. คําวา ความเหน็ ของเราวา ไมใชก็มใิ ช ทานปฏเิ สธวาทะวาขาดสูญ ท่กี ลาวไววา เบอื้ งหนา แตค วามตาย สตั วไมม .ี
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 261 คําวา ความเหน็ ของเรามิใชไมใ ชก็มิใช ทานปฏเิ สธวาทะของนกั ตรกึ ทก่ี ลา วไวว า เปนกไ็ มใช ไมเ ปนกไ็ มใช. กบ็ ุคคลผูมีความเห็นดิน้ ไดไ มตายตัวน้ี ถูกถามวา นเี้ ปน กุศลหรอือกศุ ล ยอ มไมต อบอะไร ๆ หรือถกู ถามวา นีเ้ ปน กศุ ลหรือ ก็กลาววาความเห็นของเราวา อยางนีก้ ม็ ิใช. ลาํ ดับนน้ั เมอ่ื เขากลาววา อะไรเปนกุศล กก็ ลา ววา ความเห็นของเราวา อยา งน้นั ก็มิใช เมือ่ เขากลา ววาอยา งอน่ื จากทงั้ ๒ อยา งหรอื ก็กลา ววา ความเห็นของเราวา อยางอ่ืนก็มใิ ช. ลาํ ดบั นัน้ เม่ือเขากลา ววา ลทั ธขิ องทา นวา ไมใชท ั้ง ๓ อยางหรอื ก็กลาววา ความเหน็ ของเราวา ไมใ ชกม็ ใิ ช. ลาํ ดบั น้ัน เมอื่ เขากลาววา ลัทธขิ องทา นวา ไมใชก ม็ ใิ ชห รือ ก็กลา วด้นิ ไปอยา งนีเ้ ลยวาความเห็นของเราวา มใิ ชไ มใ ชก ็มใิ ช ดงั นี้ ไมต ้งั อยูแ มในฝายหน่งึ . บทวา ฉนฺโท วา ราโค วา ความวา แมเม่ือไมย นื ยัน กร็ ีบตอบกุศลนั่นแหละวา เปน กศุ ล ตอบอกุศลนั่นแหละวาเปน อกศุ ล แลว ถามบัณฑิตเหลาอน่ื วา ทเ่ี ราตอบคนชือ่ โนน ไปอยางน้ี คําตอบนน้ั ตอบดีแลว หรือ ? เม่ือบัณฑิตเหลา นน้ั ตอบวา ตอบดแี ลว พอ มหาจาํ เริญกุศลน่ันแหละทานตอบวา กศุ ล อกศุ ลน่ันแหละทา นก็ตอบวา อกุศล กจ็ ะพึงมคี วามพอใจบาง ความตดิ ใจบา งในขอน้ี อยา งน้วี า บัณฑิตเชน กับเราไมมี. ก็ในพระบาลนี ้ี ความพอใจ ไดแกความคดิ ใจอยา งเพลา ความติดใจ ไดแ กค วามตดิ ใจอยางแรง. บทวา โทโส วา ปฏิโฆ วา ความวา แมท เ่ี ปนกศุ ล ก็ตอบวาเปน อกศุ ล หรอื ทเ่ี ปนอกศุ ล ก็ตอบวา เปน กศุ ล ดังน้ี แลว ถามบณั ฑิตเหลา อื่น เมื่อบัณฑติ เหลานั้นตอบวา ทา นตอบไมดี กจ็ ะพึงมีความ
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 262เคืองใจบา ง ความขดั ใจบาง แกเราในขอนั้นวา เรอ่ื งแมเ พยี งเทา นี้เรากไ็ มรู. แมใ นพระบาลนี ้ี ความเคอื งใจ ไดแ กค วามโกรธอยางเพลาความขัดใจ ไดแ กความโกรธอยางแรง. บทวา ต มมสสฺ อุปาทาน โส มมสฺส วฆิ าโต ความวาความพอใจและความตดิ ใจทั้ง ๒ นนั้ จะพึงเปน อุปาทานของเรา ความเคืองใจและความขดั ใจทั้ง ๒ จะพงึ เปน ความเดือดรอนแกเ รา หรือทง้ั ๒ อยา ง เปน อปุ าทานดว ยอํานาจความยึดมัน่ เปน ความลําบากใจดวยอาํ นาจความกระทบ. จริงอยู ความติดใจยอมจับอารมณ โดยความที่ไมอยากจะปลอ ย เหมือนปลงิ เกาะ. ความเคืองใจยอมจับอารมณ โดยความท่ีอยากจะใหพินาศ เหมอื นอสรพษิ และทัง้ ๒ น้ี ยอมทําใหเ ดือดรอนดวยอรรถวา แผดเผาทงั้ นัน้ ฉะน้นั ทานจงึ กลาววา เปนอปุ าทานและวา เปนความลําบากใจ. คําที่เหลอื เหมอื นกบั วาระแรกน่นั แล. บทวา ปณฺฑติ า ความวา ผูประกอบดว ยคณุ เครอื่ งเปนบัณฑิต. บทวา นปิ ณุ า ความวา ผูเจริญดวยปญญาอันละเอียดสขุ ุมสามารถแทงตลอดอรรถอนั พเิ ศษซ่ึงละเอียดสขุ ุม. บทวา กตปรปฺปวาทา ความวา เขา ใจการโตว าทะและคนุ เคยการโตกบั ฝา ยอน่ื . บทวา วาลเวธิรปู า ความวา เชน กบั นายขมังธนู ยงิ ถกู ขนทราย. บทวา เต ภินฺทนฺตา มฺเ ความวา สมณพราหมณเ หลา นั้นยอ มเท่ียวไปราวกับจะทาํ ลายทฏิ ฐิของตนเหลาอน่ื แมส ุขมุ ดว ยกําลังปญ ญาของตน ดจุ นายขมงั ธนยู ิงถกู ขนทรายฉะน้นั . บทวา เต ม ตตถฺ ความวา สมณพราหมณเ หลาน้ัน ซักไซ
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 263ไลเลยี ง สอบสวนเราในขอ ทีเ่ ปนกุศลและอกศุ ลนน้ั ๆ. บทวา สมนยุ ุ เฺ ชยยฺ ุ ความวา พึงถามถึงลทั ธวิ า ทานจงกลาวลัทธขิ องตนวา อะไรเปน กศุ ล อะไรเปนอกุศล. บทวา สมนุคฺคาเหยยฺ ุ ความวา เมือ่ ตอบไปวา เรอื่ งชือ่ นี้เปนกศุ ล เปนอกศุ ล ก็จะพึงถามถงึ เหตุวา ทา นใหถ อื ความขอนีด้ วยเหตุอะไร. บทวา สมนุภาเสยฺยุ ความวา เม่อื ตอบเหตไุ ปวา ดวยเหตุชื่อนี้ก็จะพึงขอโทษซกั ไซอ ยา งน้ีวา ทานยังไมร เู หตนุ ี้ ทานก็จงถือเอาขอ น้ีจงละขอน้ีเสยี . บทวา น สมฺปาเยยฺยุ ความวา เราก็จะพงึ ใหคาํ ตอบเขาไมไดคือไมอาจจะกลา วตอบเขาได. บทวา โส มมสสฺ วิฆาโต ความวา ช่อื วา แมจ ะพูดซา้ํ ซากกโ็ ตต อบเขาไมไดน้ัน จะพึงเปนความลาํ บากใจ คอื เปน ทุกข เพราะทําใหร ิมฝป าก เพดาน ลิน้ และคอแหง ทเี ดยี ว แกเรา. คําท่เี หลือแมในวาระที่ ๓ น้ี เหมอื นกับวาระแรกนัน้ เอง. บทวา มนโฺ ท ความวา มปี ญญาออ น. คํานี้เปน ช่ือของคนไมมีปญ ญาน่ันเอง. บทวา โมมูโห ความวา เปนคนมัวเมามากมาย. สตั ว ทา นประสงคเ อาวา ตถาคโต ในคําวา โหติ ตถาคโต เปนตน . คําทเี่ หลือในวาระที่ แมน ้ี งา ยทง้ั นัน้ . อมราวิกเขปกะ ทั้ง ๔ แมเ หลานี้ จดั เขา ในปุพพันตกัปปกวาทะเพราะสมณพราหมณเ หลา นัน้ ยดึ ถือความเห็นตามทาํ นองแหง ธรรมทเ่ี ปน
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 264ไปกอนน่ันเอง. ความเห็นวา อตั ตาและโลกเกิดขนึ้ ลอย ๆ ช่อื วา อธจิ จสมปุ บนั นะ.สมณพราหมณ ทชี่ ่ือวา อธจิ จสมุปปนนกิ ะ เพราะมคี วามเหน็ วา อัตตาและโลกเกดิ ขึ้นลอย ๆ. บทวา อธจิ จฺ สมปุ ปฺ นนฺ ความวา เกดิ ข้นึ โดยไมมเี หตุ. คําวา อสฺีสตตฺ า น้ีเปนหัวขอเทศนา. ความวา มอี ัตตภาพสกั แตว ารูป เพราะไมม จี ิตเกดิ ขนึ้ . พงึ ทราบความอุบัตขิ องพวกอสัญญสี ัตวเ หลา นนั้ อยา งน้.ี กบ็ ุคคลบางคนบวชในลทั ธเิ ดยี รถยี แ ลว ทําบรกิ รรมในวาโยกสณิยงั จตตุ ถฌานใหบงั เกิด ออกจากฌานแลว เห็นโทษในจติ วา เม่อื มจี ติยอ มมที กุ ข เพราะถกู ตัดมือเปน ตน และมีภัยทง้ั ปวง พอกนั ทีดว ยจติ นี้ความไมม จี ติ สงบแท ครั้นเห็นโทษในจิตอยา งนแ้ี ลว เปนผมู ฌี านไมเ สือ่ มถอย ทํากาละแลว ไปบงั เกดิ ในพวกอสญั ญสี ัตว จติ ของบคุ คลนัน้ ยอ มกลับมาในโลกนี้ ดว ยความดับแหง จุติจิต. ในพวกอสัญญสี ตั วน้นั ปรากฏแตเพยี งรปู ขนั ธเ ทาน้ัน. ธรรมดาวา ลกู ศรท่ถี กู ซัดขน้ึ ไปดวยกําลงั สายธนูยอมไปในอากาศเทากาํ ลงั สายธนนู นั้ เอง ฉันใด อสญั ญสี ตั วเ หลาน้ันในชน้ั อสญั ญสี ตั วน ั้น ถูกซัดไปดว ยกาํ ลังแหง ฌาน เกิดขนึ้ แลว กจ็ ะดํารงอยูไดตลอดกาลเทาทก่ี าํ ลงั ฌานมอี ยูเทานั้น ฉนั นั้นนัน่ แล. แตเ มือ่ กําลังฌานเสือ่ มถอย รูปขนั ธใ นชั้นอสัญญสี ตั วน ้นั กจ็ ะอันตรธาน ปฏสิ นธิสญั ญายอ มเกดิ ข้ึนในโลกน้ี ก็เพราะสญั ญาท่เี กดิ ขนึ้ ในโลกน้ีนน้ั เปน เหตุใหป รากฏการจุตขิ องอสญั ญีสตั วเ หลานนั้ ในช้นั อสัญญสี ตั วน้ัน ฉะนน้ั จงึตรสั ตอไปวา ก็และเทวดาเหลานัน้ ยอ มจุติจากช้ันนัน้ เพราะความเกดิ
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 265ขึน้ แหงสัญญา. บทวา สนตฺ ตาย ความวา เพ่อื ความสงบ. คาํ ทีเ่ หลอื ในวาระนี้ งายทงั้ นน้ั . แมวาทะของนักตรึก กพ็ ึงทราบตามนัยทก่ี ลาวแลว ดังนแ้ี ล. พระผูมพี ระภาคเจา ครน้ั แสดงปพุ พันตกปั ปก ทฏิ ฐิ ๑๘ ประการอยา งนี้แลว บดั นมี้ พี ระประสงคจะทรงแสดงอปรนั ตกปั ปกทิฏฐิ ๔๔ ประ-การ จงึ ตรสั พระบาลีมอี าทิวา ดูกอนภิกษุท้งั หลาย มีสมณพราหมณพวกหน่ึง ดังน.้ี ในพระบาลนี ้ัน สมณพราหมณทช่ี อ่ื วา อปรันตกปั ปกะ เพราะกําหนดอปรนั ตะ กลาวคอื ขันธสวนอนาคต ยึดถือ. อีกอยางหนึ่ง ทีช่ ือ่ วาอปรนั ตกปั ปกะ เพราะมีการกาํ หนดขันธสว นอนาคต. แมคาํ ท่เี หลือกพ็ งึ ทราบตามนยั ท่ีกลาวแลว ในเบื้องตน ดวยประการฉะน้.ี บทวา อุทฺธมาฆตนกิ า ความวา ความตาย เรยี กวา อาฆาตนะสมณพราหมณท ชี่ ่อื วา อทุ ธฺ มาฆตนิกา เพราะกลา วอัตตาเบือ้ งหนา แตความตาย. วาทะทีเ่ ปน ไปวา มสี ัญญา ช่ือสัญญีวาทะ. ในคําวา อตั ตาทีม่ รี ปู เปน ตน มวี นิ จิ ฉัยดังตอไปนี้ ยอมบัญญตั ิอัตตานั้นวา เบอื้ งหนาแตความตาย อัตตาที่มรี ูป ยั่งยืนมสี ญั ญา ดังนี้ เพราะยดึ ถอื รปู กสิณวา เปนอตั ตา และยึดถอื สญั ญา ทเ่ี ปนไปในรูปกสณิ น้นั วาเปน สญั ญาของอัตตาน้นั หรือเพราะเพียงแตนึกเอาเทานั้น ดจุ พวกนอกศาสนามีอาชีวกเปน ตน. ในพระบาลีนั้น บทวา อโรโค ความวา เที่ยง.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 266 อนึง่ ยอ มบญั ญัติอัตตานน้ั วา อัตตาท่ไี มม รี ูปมีสญั ญา ดังน้ี เพราะยึดถอื นมิ ิตแหงอรปู สมาบตั วิ าเปนอัตตา และยึดถอื สญั ญาแหงสมาบัติวาเปน สญั ญาของอตั ตานนั้ หรอื เพราะเพียงแตน ึกเอาเทานั้น ดจุ พวกนอกศาสนามีนคิ รนถเ ปนตน . สวนขอ ท่ี ๓ เปนทิฏฐิทเี่ ปน ไปดวยอาํ นาจความยึดถอื ระคนกนั . ขอ ท่ี ๔ เปน ทิฏฐทิ เ่ี ปน ไปดวยความยดึ ถือโดยนึกเอาเทา น้ัน. จตกุ กะท่ี ๒ พงึ ทราบตามนยั ท่ีกลา วแลว ในอนั ตานันติกวาทะนัน่ -แล. ในจตกุ กะท่ี ๓ พึงทราบวา อตั ตาชอ่ื วา มีสญั ญาอยางเดียวกัน ดวยอํานาจแหงผูไดสมาบัติ อตั ตาช่อื วา มีสัญญาตา งกัน ดวยอํานาจแหงผูไมไ ดส มาบตั ิ อัตตาชอ่ื วามสี ญั ญานิดหนอย ดวยอํานาจแหงกสณิ นดิหนอย อตั ตาชอื่ วามีสัญญาหาประมาณมิได ดวยอาํ นาจแหงกสิณอนัไพบูลย. สว นในจตุกกะที่ ๔ อธบิ ายวา บคุ คลมที พิ ยจกั ษุ เหน็ สตั วผ ูบังเกิดในตกิ ฌานภูมิและจตกุ กฌานภูมิ ยอมยดึ ถือวา อัตตามสี ขุ อยางเดียว เห็นสัตวบงั เกิดในนรก ยอมยึดถือวา อตั ตามที กุ ขอยางเดียว เห็นสัตวบงั เกิดในหมมู นุษย ยอ มยดึ ถอื วา อัตตามีทั้งสขุ ทั้งทกุ ข เหน็ สตั วบังเกิดในเทพชนั้ เวหัปผละ ยอมยึดถอื วา อตั ตามที กุ ขกม็ ใิ ช มีสขุ กม็ ใิ ช. โดยเฉพาะอยา งย่ิง พวกทีไ่ ดปพุ เพนิวาสานุสสตญิ าณ เปน พวกปุพพนั ตกปั ปกะ พวกทไี่ ดทพิ ยจักษุ เปน พวกอปรนั ตกัปปกะ ดังนแี้ ล อสญั ญีวาทะ บัณฑติ พงึ ทราบดวยอาํ นาจตกุ กะท้ัง ๒ ทีก่ ลา วไวขางตนในสัญญวี าทะ.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย สีลขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 267 เนวสัญญนี าสัญญีวาทะ ก็เหมอื นกัน. ก็เพยี งแตในสัญญีวาทะน้นั ทิฏฐิเหลานน้ั ของพวกทถ่ี ือวา อตั ตามีสัญญา, นอสัญญวี าทะ และเนวสญั ญีนาสัญญีวาทะน้ี ทิฏฐิเหลานนั้พวกทถ่ี ือวา อัตตาไมม สี ญั ญา และวา อตั ตามีสัญญากม็ ใิ ช ไมม ีสัญญาก็มใิ ช. ในทิฏฐิเหลา นั้น พึงตรวจสอบเหตุการณ ไมใ ชโ ดยสว นเดยี ว.ขา พเจา ไดกลาวไวแลววา ความยึดถือแมของคนผูมีทฏิ ฐิ ก็เชน เดยี วกับกระเชา ของคนบา. ในอจุ เฉทวาทะ มวี นิ ิจฉัยดังตอไปน้ี บทวา สโต ไดแกย ังมอี ยู. บทวา อจุ เฺ ฉท ไดแกค วามขาดสูญ. บทวา วนิ าส ไดแกความไมพบปะ. บทวา วภิ ว ไดแกไ ปปราศจากภพ. คําเหลาน้ีทัง้ หมด เปนไวพจนของกันและกันทัง้ นน้ั . ในอุจเฉทวาทะนนั้ มีตนทถ่ี ืออุจเฉททฏิ ฐิอยู ๒ พวก คือผไู ดปพุ เพนิวาสานสุ สติญาณ ๑ ผูไมไดปุพเพนวิ าสานุสสตญิ าณ ๑ ผทู ่ไี ดปพุ เพนวิ าสานสุ สตญิ าณ เมือ่ ระลึกตาม มที ิพยจักษุ เห็นจตุ ิไมเห็นอบุ ัติอีกอยา งหนึ่ง ผูใดสามารถเหน็ เพยี งจตุ เิ ทา นน้ั ไมเหน็ อบุ ตั ิ ผูนนั้ ช่ือวายดึ ถอื อจุ เฉททิฏฐ.ิ ผทู ่ไี มไ ดปุพเพนวิ าสานุสสติญาณ คิดวา ใครเลา จะรูปรโลก ยอมยึดถือความขาดสญู เพราะคา ท่ีตนเปน ผูตองการกามสุข หรือเพราะการนึกเอาเองเปน ตนวา สัตวท ้ังหลาย ก็เหมือนกับใบไมท่ีหลนจากตน ไม
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย สลี ขันธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 297สัมผสั ถกู ตอ งกรรมที่อํานวยผลแลว จกั ทาํ ใหสุดสนิ้ ดวยศีล ดวยพรตดว ยตบะ หรือดวยพรหมจรรยนี้ ไมม ีในทีน่ ัน้ สขุ ทกุ ขทาํ ใหส้นิ สดุ ไดเหมือนดวงของใหหมดดว ยทะนาน ยอ มไมม ีในสงสารดวยอาการอยางนเ้ี ลยไมม ีความเสอ่ื มความเจริญ ไมม ีการเลอ่ื นขึน้ เลื่อนลง พาลและบณั ฑิตเรรอ น ทอ งเที่ยวไป จกั ทําท่ีสุดทกุ ขไ ด เหมอื นกลมุ ดา ยทีบ่ คุ คลขวา งไปยอ มคลข่ี ยายไปเอง ฉะนัน้ ดงั น้ี ขา แตพ ระองคผูเจรญิ เมื่อหมอ มฉันถามถงึ สามัญญผลท่ีเหน็ ประจกั ษ ครูมักขลโิ คสาลกลบั พยากรณถงึ ความบริ-สุทธ์ดิ วยการเวียนวา ย เหมือนเขาถามถึงมะมว ง ตอบขนุนสํามะลอ หรอืเขาถามถงึ ขนนุ สํามะลอ ตอบมะมวง แมฉนั ใด ขา แตพ ระองคผูเจริญ เมอ่ืหมอ มฉันถามถึงสามัญญผลทเ่ี หน็ ประจักษ ครมู ักขลิโคสาลกลบั พยากรณถึงความบรสิ ุทธดิ์ ว ยการเวยี นวา ย ฉันนัน้ ทีเดียว ขา แตพระองคผ ูเ จรญิหมอ มฉนั ไดมีความดําริวา ไฉนคนอยา งเราจะพึงมุงรกุ รานสมณะหรอืพราหมณผูอยใู นราชอาณาเขต ดังน้ี แลว ไมย นิ ดี ไมคดั คา นภาษติ ของครูมกั ขลิโคศาล ไมพอใจ กม็ ิไดเปลงวาจาแสดงความไมพอใจ ไมเช่ือถือไมค ดั คา นวาจานน้ั เลย ลกุ จากทนี่ ัง่ หลกี ไป. (๙๖) ขาแตพระองคผูเจรญิ สมัยหนึง่ ณ กรุงราชคฤหน ี้ หมอ มฉันเขาไปหาครูอชติ เกสกมั พล ถงึ ที่อยู ๆ ล ฯ ครัน้ แลว หมอมฉนั ไดกลา วคํานี้กะครูอชิตเกสกัมพลวา ทา นอชิตผเู จริญ ศิลปศาสตรเ ปนอนั มากเหลานี้ คือ พลชาง พลมา ฯ ล ฯ คนเหลา นนั้ ยอมอาศยั ผลแหง ศลิ ปศาสตรทเ่ี ห็นประจักษ เลย้ี งชพี ในปจ จบุ นั ดว ยผลแหง ศลิ ปศาสตรน ้ัน เขายอ มบาํ รงุ ตน มารดาบิดา บุตรภริยา มติ ร สหาย ใหเ ปน สุขอ่ิมหนาํ สาํ ราญบาํ เพญ็ ทักษณิ าทานอันมผี ลอยางสูง เปน ไปเพอ่ื ใหไดอ ารมณดี มีสุขเปน
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 298ผล ใหเ กดิ ในสวรรค ในสมณพราหมณท ้ังหลาย ฉันใด ทานอาจทําใหรถู งึ สามัญญผลทเ่ี หน็ ประจกั ษในปจจบุ นั เหมอื นฉนั นน้ั ไดหรือไม เม่อืหมอมฉันกลา วอยางน้ี ครูอชิตเกสกัมพลไดกลาวคาํ น้กี ะหมอมฉนั วามหาบพติ ร ทานไมมผี ล การบชู าไมมผี ล การเซน สรวงไมม ีผล ผลวิบากแหงกรรมที่ทําดที าํ ชว่ั ไมม ี โลกน้ไี มม ี โลกอน่ื ไมมี มารดาบิดาไมม ีคุณสัตวผเู กดิ ผดุ ขน้ึ ไมมี สมณพราหมณผ ูด ําเนินชอบปฏิบัตชิ อบ ซ่ึงกระทาํโลกนีแ้ ละโลกอื่นใหแ จง ดวยปญญาอนั ยง่ิ เอง แลวสอนผูอ่ืนใหร ูแ จงไมมใี นโลก คนเรานเ้ี ปนแตป ระชมุ มหาภูตทัง้ ๔ เมือ่ ทํากาลกริ ิยา ธาตุดินไปตานธาตดุ ิน ธาตนุ าํ้ ไปตามธาตุน้ํา ธาตุไฟไปตามธาตไุ ฟ ธาตุลมไปตามธาตุลม อนิ ทรียท้ังหลายยอ มเลื่อนลอยไปในอากาศ คนทั้งหลายมีเตยี งเปนท่ี ๕ จะหามเขาไป รางกายปรากฏอยแู ตปาชา กลายเปน กระดูกมีสดี ุจสีนกพิราบ การเชน สรวงมเี ถาเปน ทส่ี ดุ ทานน้ีคนเขลาบญั ญตั ิไวคําของคนบางพวกพูดวา มผี ล ๆ ลว นเปนคาํ เปลา คาํ เทจ็ คําเพอเพราะกายสลาย ทง้ั พาลทงั้ บณั ฑิตยอ มขาดสญู พินาศสิน้ เบ้อื งหนา แตตาย ยอมไมเกดิ ดังน.้ี ขา แตพระองคผ เู จริญ เม่ือหมอมฉนั ถามถงึ สามญั ญผลทีเ่ หน็ประจกั ษ ครูอชติ เกสกมั พลกลับตอบถึงความชาดสูญ เหมอื นเขาถามถงึมะมว ง ตอบขนนุ สาํ มะลอ หรือเขาถามถงึ ขนุนสํามะลอ ตอบมะมวงแมฉนั ใด ขา แตพ ระองคผ เู จรญิ เมือ่ หมอ มฉันถามถงึ สามัญญผลท่ีเห็นประจักษ ครอู ชิตเกสกัมพลกลบั ตอบถึงความขาดสญู ฉนั น้นั ทีเดยี วขา แตพ ระองคผ ูเจริญ หมอ มฉนั ไดมคี วามดําริวา ไฉนคนอยางเราจะพึงมงุรุกรานสมณะ หรือพราหมณผอู ยใู นราชอาณาเขต ดงั น้ี แลวไมย นิ ดี ไมคัดคา นภาษิตของครูอชติ เกสกมั พล ไมพอใจ ก็มิไดเ ปลงวาจาแสดงความ
พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นิกาย สลี ขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 299ไมพอใจ ไมเชื่อถือ ไมคัดคานวาจานน้ั เลย ลกุ จากที่นง่ั หลกี ไป. (๙๗) ขา แตพระองคผ เู จริญ สมยั หนงึ่ ณ กรงุ ราชคฤหนี้ หมอมฉันเขา ไปหาครปู กุทธกัจจายนะถงึ ท่อี ยู ฯลฯ ครน้ั แลวหมอ มฉันไดกลาวคําน้ีกะครปู กุทธกัจจายนะวา ทานกัจจายนะผูเจริญ ศิลปศาสตรเ ปนอันมากเหลาน้ี คอื พลชาง พลมา ฯ ล ฯ คนเหลานน้ั ยอ มอาศัยผลแหงศลิ ปศาสตรท เ่ี หน็ ประจักษเ ลยี้ งชีพในปจ จุบนั ดวยผลแหงศิลปศาสตรน้ันเขายอมบาํ รงุ ตน มารดาบิดา บตุ รภรยิ า มิตร สหาย ใหเปน สขุ อิม่ หนําสําราญ บาํ เพ็ญทกั ษิณาทานอันมผี ลอยา งสูง เปน ไปเพ่อื ใหไดอ ารมณด ีมสี ุขเปนผล ใหเกดิ ในสวรรค ในสมณพราหมณท ั้งหลาย ฉันใด ทานอาจทําใหร ถู งึ สามญั ญผลทเ่ี ห็นประจกั ษในปจจบุ ัน เหมือนฉนั นั้นไดหรอื ไมเม่ือหมอ มฉนั กลาวอยางน้ี ครปู กุทธกัจจายนะ ไดกลาวคําน้ีกะหมอ มฉนั วามหาบพิตร สภาวะ ๗ กองเหลานี้ ไมมใี ครทํา ไมมแี บบอยางอนั ใครทาํไมมีใครเนรมติ ไมม ใี ครใหเนรมิต เปนสภาพยง่ั ยืน ตัง้ ม่ันดจุ ยอดภูเขาต้งั ม่ันดจุ เสาระเนยี ด สภาวะ ๗ กองเหลานัน้ ไมหวนั่ ไหว ไมแ ปรปรวนไมเบียดเบยี นกันและกัน ไมอาจใหเกดิ สุขหรือทกุ ข หรอื ท้งั สขุ และทุกขแกกันและกัน สภาวะ ๗ กองเปน ไฉน คอื กองดนิ กองน้ํา กองไฟกองลม สขุ ทกุ ข ชีวะเปน ท่ี ๗ สภาวะ ๗ กองน้ี ไมมใี ครทํา ไมม แี บบอยางอนั ใครทํา ไมม ใี ครเนรมิต เปนสภาพยั่งยืน ตงั้ มน่ั ดุจยอดภเู ขาตัง้ มันดจุ เสาระเนียด สภาวะ ๗ กองเหลา นัน้ ไมหว่ันไหว ไมแ ปรปรวนไมเ บียดเบียนกนั และกนั ไมอาจใหเ กิดสุขหรอื ทกุ ข หรือท้งั สขุ และทกุ ขแกก นั และกนั ผูฆ า เองกด็ ี ผใู ชใ หฆาก็ดี ผไู ดย ินกด็ ี ผูกลา วใหไดยนิ ก็ดีผูเขาใจความกด็ ี ผทู ําใหเขาใจความกด็ ี ไมม ีในสภาวะ ๗ กองนนั้ ดวยวา
พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย สีลขนั ธวรรค เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 300บคุ คลจะเอาศาสตราอยา งคมตัดศีรษะกัน ไมช ือ่ วาใคร ๆ ปลงชีวติ ใคร ๆเปน แตศ าตราสอดเขา ไปตามชองแหงสภาวะ ๗ กองเทานั้น ดงั นี้ ขาแตพระองคผ เู จริญ หมอ มฉนั ถามถึงสามญั ญผลทเ่ี ห็นประจกั ษ ครูปกุทธกจั -จายนะกลบั เอาเร่อื งอนื่ มาพยากรณ เหมอื นเขาถามถงึ มะมว ง ตอบขนุนสาํ มะลอ หรอื เขาถามถึงขนุนสํามะลอ ตอบมะมวง แมฉันใด ขา แตพระองคผเู จริญ เมอ่ื หมอมฉนั ถามถึงสามญั ญผลทเี่ ห็นประจกั ษ ครูปกุทธ-กัจจายนะกลบั เอาเรอื่ งอ่นื มาพยากรณ ฉันน้ันทเี ดยี ว ขาแตพ ระองคผู-เจรญิ หมอ มฉันไดม ีความดําริวา ไฉนคนอยา งเราจะพึงมงุ รุกรานสมณะหรอื พราหมณผ ูอยใู นราชอาณาเขต ดงั น้ี แลวไมย นิ ดี ไมค ัดคานภาษติของครูปกทุ ธกัจจายนะ ไมพอใจ ก็มิไดเปลงวาจาแสดงความไมพ อใจไมเชอื่ ถอื ไมค ัดคานวาจาน้ันเลย ลกุ จากที่นงั่ หลีกไป. (๙๘) ขา แตพ ระองคผูเ จริญ สมัยหน่ึง ณ กรุงราชคฤหน ้ี หมอมฉนั เขา ไปหาครนู คิ รนถนาฏบตุ รถึงท่ีอยู ฯ ล ฯ ครนั้ แลว หมอ มฉันไดกลา วคํานก้ี ะครูนิครนถนาฏบุตรวา ทา นอคั คิเวสสนะผูเจริญ ศลิ ปศาสตรเ ปนอันมากเหลาน้ี คอื พลชา ง พลมา ฯ ล คนเหลาน้ันยอ มอาศัยผลแหงศิลปศาสตรท ่เี ห็นประจกั ษเ ล้ียงชีพในปจจุบัน ดวยผลแหง ศลิ ปศาสตรน ัน้เขายอมบาํ รุงตน มารดาบดิ า บุตรภรยิ า มิตร สหาย ใหเ ปน สขุ อิ่มหนําสําราญ บําเพ็ญทกั ษิณาทานอันมีผลอยา งสูง เปน ไปเพ่อื ใหไ ดอ ารมณดีมสี ขุ เปน ผล ใหเกิดในสวรรค ในสมณพราหมณทั้งหลาย ฉนั ใด ทานอาจทาํ ใหรถู ึงสามญั ผลทเ่ี หน็ ประจกั ษใ นปจจุบัน เหมือนฉนั นน้ั ไดห รือไมเมือ่ หมอ มฉันกลาวอยางน้ี ครูนคิ รนถนาฏบุตรไดกลาวคาํ นก้ี ะหมอ มฉนั วามหาบพิตร นิครนถในโลกน้ี เปน ผสู งั วรแลวดว ยสงั วร ๔ ประการ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 585
Pages: