Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_13

tripitaka_13

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:39

Description: tripitaka_13

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 1 พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลมท่ี ๒ขอนอบนอมแดพระผูมพี ระภาคอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธเจาพระองคน ั้น ๑. มหาปทานสูตร เรื่องภกิ ษหุ ลายรูปประชมุ กัน [๑] ขาพเจาไดสดับมาอยา งนี:้ - สมยั หนึง่ พระผมู พี ระภาคประทบั อยู ณ กฏุ ี ใกลไมก มุ นาํ้ ณ พระ-วหิ ารเชตวัน อารามของทานอนาถปณ ฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถ.ี คร้ังน้นั ภกิ ษุมากรูป ในเวลาหลังอาหาร กลับจากบณิ ฑบาตแลวน่ังประชุมกันในโรงกลมใกลไมกุมนํ้า เกดิ สนทนาธรรมกนั ขนึ้ เกย่ี วดว ยบพุ เพนิวาสวา บพุ เพนิวาสแมเพราะเหตนุ ้ี บพุ เพนิวาสแมเ พราะเหตุนี้ ดังน้.ี พระผูมีพระภาคไดทรงสดับถอยคําเจรจาอนั นี้ของภกิ ษุเหลา นั้น ดว ยพระทิพยโสตธาตอุ นั บรสิ ทุ ธิ์ ลวงโสตของมนุษย. ลาํ ดับน้ัน พระผูม พี ระภาคเจาเสดจ็ ลกุ จากอาสนะ เสด็จเขาไปยังโรงกลมใกลไมกุมน้ํา ประทับนัง่ บนอาสนะทีป่ ูลาดไว พระผูมีพระภาคคร้นั ประทบันง่ั แลวถามภิกษทุ ง้ั หลายวาดกู รภกิ ษทุ ้งั หลาย บดั น้ี พวกเธอนั่งประชุมสนทนาอะไรกัน แมเพราะเหตนู ้ีเรือ่ งอะไรท่ีพวกเธอพดู คางไว เม่อื ตรสั อยา งนแี้ ลว

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 2ภิกษเุ หลา น้นั ไดกลาวทลู พระผูมพี ระภาควา ขา แตพ ระองคผูเจริญ พวกขาพระองค ในเวลาหลังอาหารกลบั จากบณิ ฑบาตแลว ไดน ง่ั ประชุมกันในโรงกลมใกลไมกมุ น้าํ แลวเกดิ สนทนาธรรมกนั ข้นึ เกีย่ วดวยบพุ เพนวิ าสวา . บพุ เพนิวาสแมเพราะเหตุน้ี บพุ เพนวิ าสแมเพราะเหตนุ ้ี ดังนี้ ขาแตพระองคผ ูเ จริญเร่อื งนแี้ ลทพ่ี วกขา พระองคพ ูดคางไว พอดพี ระองคเ สดจ็ มาถงึ . พระผูมพี ระภาคตรสั ถามวา ดกู รภกิ ษุทง้ั หลาย พวกเธอปรารถนาหรือไมท ่จี ะฟง ธรรมกี ถา ซง่ึ เก่ียวดว ยบพุ เพนิวาส ภกิ ษุเหลา นั้นกราบทูลวาขา แตพ ระผมู พี ระภาค เปน การสมควรแลว ที่พระผมู พี ระภาคจะพึงทรงกระทาํธรรมีกถาซ่ึงเกยี่ วดวยบุพเพนิวาส ขา แตพระสุคต เปนการสมควรแลว ท่ีพระผมู ีพระภาคจะพงึ ทรงกระทาํ ธรรมกี ถาซงึ่ เกี่ยวดวยบุพเพนวิ าส ภกิ ษทุ ง้ั หลายไดฟง พระดาํ รสั ของพระผมู ีพระภาคแลว จักไดทรงจําไว พระผูม ีพระภาคตรัสวาดูกรภกิ ษุทั้งหลาย ถาอยา งน้ันพวกเธอจงฟง จงใสใจใหด เี ถดิ เราจักกลา ว-ภกิ ษเุ หลานน้ั ทูลรบั พระผูมีพระภาคแลว พระผูม พี ระภาคไดต รสั พทุ ธพจนน ีว้ าดูกรภิกษุทง้ั หลายนับแตน ีไ้ ป ๙๑ กัป ท่ีพระผูม พี ระภาคอรหันตสมั มาสมั พุทธเจา พระนามวาวปิ ส สไี ดเ สดจ็ อบุ ัตขิ น้ึ ในโลก นบั แตน ้ไี ป ๓๑ กัป ท่ีพระผูมีพระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา พระนามวาสีขี ไดเสดจ็ อุบัติข้ึนในโลกในกัปที่ ๓๑ นน่ั เอง พระผูม พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธเจา พระนามวา เวสสภูไดเ สดจ็ อบุ ตั ขิ นึ้ ในโลก ดกู รภกิ ษทุ งั้ หลาย ในภัททกปั นีแ้ หละ พระผมู พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสัมพุทธเจา พระนามวากกสุ นั ธะ ไดเ สดจ็ อุบตั ิข้นึ ในโลกในภทั ทกปั นีแ้ หละ พระผมู พี ระภาคอรหนั ตสัมมาสัมพทุ ธเจา พระนามวาโกนาคมนะ ไดเ สด็จอุบบตั ขิ น้ึ ในโลก ในภทั ทกปั นแ้ี หละ พระผมู พี ระภาคอรหันตสมั มาสมั พุทธเจา พระนามวากัสสปะ ไดเสดจ็ อบุ ตั ขิ ้ึนในโลก ในภทั ทกัปนแี้ หละ เราผอู รหันตสัมมาสัมพุทธเจาในบดั น้อี ุบตั ขิ ้นึ แลว ในโลก.

พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 3 [๒] ดูกรภิกษทุ ง้ั หลาย พระผูมีพระภาคอรหันตสมั นาสัมพทุ ธเจาพระนามวาวปิ ส สี ไดเปน กษัตรยิ โดยพระชาติ ทรงอบุ ัติในขตั ติยสกุล พระผูมพี ระภาคอรหันตสัมมาสมั พทุ ธเจา พระนามวา สขิ ี ไดเ ปน กษัตริยโ ดยพระชาติทรงอุบตั ิในขตั ตยิ สกลุ พระผมู ีพระภาคอรหันตสมั มาสมั พทุ ธเจา พระนามวาเวสสภู ไดเปน กษัตริยโดยพระชาติ ทรงอบุ ัตใิ นขัตติยสกุล พระผูมพี ระภาคอรหันตสัมมาสัมพทุ ธเจา พระนามวา กกสุ นั ธะ. ไดเปน พราหมณโดยพระชาติทรงอุบตั ิในพราหมณสกุล พระผูมพี ระภาคอรหนั ตสัมมาสัมพุทธเจา พระนามวาโกนาคมนะ ไดเปน พราหมณโดยพระชาติ ทรงอบุ ตั ใิ นพราหมณสกุลพระผมู พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พุทธเจา พระนามวา กัสสปะ ไดเ ปน พราหมณโดยพระชาติ ทรงอบุ ัติในพราหมณสกุล ดกู รภิกษุทงั้ หลาย เราผูอ รหนั ตสมั มาสมั พุทธเจาในบดั น้ี ไดเปน กษตั รยิ โ ดยชาติ อบุ ตั ิในขตั ตยิ สกุล. [๓] ดูกรภิกษทุ งั้ หลาย พระผมู ีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาพระนามวาวปิ สสี เปน โกญฑญั ญโคตร พระผมู ีพระภาคอรหนั ตสัมมาสัมพุทธเจาพระนามวาสิขี เปน โกณฑัญญโคตร พระผูมพี ระภาคอรหันตสัมมาสัมพทุ ธเจาพระนามวา เวสสภู เปน โกณฑัญญโคตร พระผมู พี ระภาคอรหันตสนั มาสมั -พทุ ธเจา พระนามวา กกุสันธะ เปน กัสสปโคตร พระผูมพี ระภาคอรหันตสัมมาสัมพทุ ธเจา พระนามวาโกนาคมนะ เปนกัสสปโคตร พระผูมพี ระภาคอรหนั ต-สัมมาสัมพทุ ธเจา พระนามวา กสั สปะ เปนกัสสปโคตร ดกู รภกิ ษุทั้งหลายเราผอู รหนั ตสัมมาสมั พทุ ธเจาในบัดน้ี เปน โคตมโคตร. [๔] ดูกรภิกษุทงั้ หลาย พระชนมายขุ องพระผมู ีพระภาคอรหันตสมั มาสมั พุทธเจา พระนามวา วิปสสี ประมา ๘๐,๐๐๐ ป พระชนมายุของพระผูมีพระภาคอรหันตสมั มาสัมพทุ ธเจา พระนามวา สิขี ประมาณ ๗๐,๐๐๐ ปพระชนมายุของพระผูมพี ระภาคอรหันตสมั มาสัมพทุ ธเจา พระนามวาเวสสภู

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 4ประมาณ ๖๐,๐๐๐ ป พระชนมายขุ องพระผมู พี ระภาคอรหันตสมั มาสัมพุทธเจาพระนามวากกสุ นั ธะ ประมาณ ๔๐,๐๐๐ ป พระชนมายขุ องพระผมู พี ระภาคอรหนั ตสัมมาสัมพทุ ธเจา พระนามวาโกนาคมนะ ประมาณ ๓๐,๐๐๐ ปพระชนมายขุ องพระผูมพี ระภาคอรหันตสมั มาสมั พทุ ธเจา พระนามวากัสสปะประมาณ ๒๐,๐๐๐ ป ดกู รภิกษุทง้ั หลาย ชนมายุของเราในบดั น้มี ปี ระมาณไมมากคือนอยนิดเดยี วผูท ม่ี ชี ีวติ อยูอยางนานกเ็ พียง ๑๐๐ ป บางทกี ็นอ ยกวาบา ง มากกวาบาง. [๕] ดกู รภกิ ษทุ ้งั หลาย พระผมู พี ระภาคอรหนั ตสัมมาสัมพุทธเจาพระนามวาวิปสสี ตรสั รูท ค่ี วงไมแคฝอย พระผูม ีพระภาคอรหนั ตสัมมาสมัพทุ ธเจา พระนามวา สขิ ี ตรสั รูท่คี วงไมกมุ บก พระผมู ีพระภาคอรหันตสมั มาสัมพุทธเจา พระนามวาเวสสภู ตรสั รทู ี่ควงไมส าละ พระผมู พี ระภาคอรหันตสมั มาสัมพุทธเจา พระนามวา กกสุ ันธะ ตรัสรูทค่ี วงไมซึก พระผมู พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจัา พระนามวาโกนาคมนะ ตรัสรทู ่คี วงไมม ะเดื่อ พระผูมีพระภาคอรหนั ตสัมมาสมั พทุ ธเจา พระนามวา กัสสปะ ตรัสรทู คี่ วงไมไ ทรดูกรภกิ ษทุ ั้งหลาย เราผอู รหนั ตสัมมาสมั พุทธเจา ในบดั น้ี ตรสั รูท ีค่ วงไมโพธิ.์ [๖] ดกู รภิกษทุ ้ังหลาย พระผูมีพระภาคอรหนั ตสมั มาสัมพุทธเจาพระนามวา วิปส สี มีพระขณั ฑะและพระตสิ สะเปน คูพ ระอคั รสาวก ซ่งึ เปน คูอันเจรญิ พระผูม ีพระภาคอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธเจา พระนามวาสขิ ี มพี ระอภิภูและพระสัมภวะ เปน คูพระอัครสาวก ซงึ่ เปน คอู ันเจรญิ พระผูมีพระภาคอรหันตสมั มาสมั พทุ ธเจา พระนามวา เวสสภู มีพระโสณะและพระอตุ ตระ เปนคพู ระอคั รสาวกซงึ่ เปน คูอนั เจริญ พระผูมพี ระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาพระนามวากกสุ ันธะ มพี ระวิธรู ะ และพระสญั ชีวะเปน คพู ระอัครสาวก ซงึ่ เปนคูอนั เจริญ พระผมู ีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา พระนามวาโกนาคมนะ

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 5มพี ระภิยโยสะ และพระอุตตระ เปนคพู ระอัครสาวก ซ่ึงเปน คเู จรญิ พระผมู ีพระภาคอรหันตสมั มาสมั พทุ ธเจา พระนามวากสั สปะ มพี ระติสสะ และพระ-ภารทวาชะ เปนคพู ระอัครสาวก ซงึ่ เปน คอู ันเจริญ ดกู รภิกษุทั้งหลาย เราในบดั น้ีมสี ารีบตุ รและโมคคัลลานะ เปน คูอคั รสาวก ซง่ึ เปน คอู นั เจริญ. [๗] ดกู รภิกษทุ ง้ั หลาย การประชมุ กนั แหง สาวกของพระผูมพี ระภาคอรหนั ตสัมมาสัมพุทธเจาพระนามวา วปิ ส สี ไดมีสามครง้ั ครั้งหนง่ึ มพี ระสาวกประชมุ กันเปน จาํ นวนภกิ ษหุ กลานแปดแสนรูป อีกครง้ั หนึง่ มีพระสาวกประ-ชมุ กันเปน จาํ นวนภิกษแุ สนรูป อีกครัง้ หน่ึง มพี ระสาวกประชุมกนั เปนจาํ นวนภกิ ษแุ ปดหม่ืนรปู สาวกของพระผมู พี ระภาคอรหนั ตสัมมาพทุ ธเจา พระนามวาวปิ ส สี ซง่ึ ไดป ระชุมกันทั้งสามคร้งั นี้ ลวนเปนพระขณี าสพทง้ั สิน้ ดูกรภิกษุทงั้ หลาย การประชมุ กนั แหง พระสาวกของพระผูม ีพระภาคอรหนั ตสมั พทุ ธเจาพระนามวา สิขี ไดม สี ามคร้งั ครั้งหนงึ่ มีพระสาวกประชุมกนั เปนจาํ นวนภิกษุแสนรปู อกี ครง้ั หน่งึ มพี ระสาวกประชมุ กนั เปนจาํ นวนภิกษุแปดหม่นื รูป อีกครั้งหน่งึ มพี ระสาวกประชุมกันเปน จํานวนภกิ ษเุ จ็ดหมืน่ รูป ดกู รภกิ ษุทงั้ หลายพระสาวกของพระผมู ีพระภาคอรหนั ตสัมมาสมั พทุ ธเจาพระนามวา สขิ ี ซึ่งไดประชุมกนั ทง้ั สามคร้งั น้ี ลวนเปนพระขณี าสพทัง้ สนิ้ ดกู รภกิ ษทุ ัง้ หลาย การประชุมกันแหง พระสาวกของพระผมู พี ระภาคอรหันตสัมมาสมั พุทธเจา พระนามวา เวสสภู ไดมสี ามคร้งั คร้งั หนง่ึ มพี ระสาวกประชุมกนั เปน จาํ นวนภกิ ษแุ ปดหมน่ื รูป อกี คร้งั หนงึ่ มีพระสาวกประชมุ กนั เปน จาํ นวนภิกษุเจ็ดหม่ืนรปู อกีคร้งั หนง่ึ มีพระสาวกประชุมกนั เปน จํานวนภิกษหุ กหมืน่ รูป ดกู รภกิ ษุท้งั หลายพระสาวกของพระผมู พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พุทธเจาพระนามวาเวสสภู ซ่ึงไดประชมุ กนั ทัง้ สามครง้ั น้ี ลวนเปนพระขีณาสพท้งั สิ้น ดูกรภกิ ษุทง้ั หลาย การ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 6ประชุมกนั แหงพระสาวกของพระผมู ีพระภาคอรหันตสัมมาสมั พุทธเจา พระนามวากกุสันธะ ไดมคี รัง้ เดียว มจี าํ นวนภิกษุส่หี มืน่ รูป ดกู รภิกษุทง้ั หลาย พระสาวกของพระผมู พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสัมพุทธเจา พระนามวากุกสนั ธะ ซ่งึ ไดป ระ-ชุมกันคร้งั เดียวนี้ ลว นเปน พระขีณาสพทัง้ สน้ิ ดูกรภกิ ษุทั้งหลาย การประชุมกันแหง พระสาวกของพระผมู พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พุทธเจา พระนามวาโกนาคมนะไดมคี รงั้ เดยี ว มจี ํานวนภกิ ษสุ ามหมื่นรปู ดกู รภกิ ษทุ ้งั หลาย พระ-สาวกของพระผมู พี ระภาคอรหันตสมั มาสมั พุทธเจา พระนามวาโกนาคมนะ ซึ่งไดประชุมกนั ครงั้ เดียวน้ี ลวนเปนพระขณี าสพทงั้ สิ้น ดูกรภิกษุทัง้ หลาย การประชุมกนั แหงพระสาวกของพระผมู ีพระภาคอรหันตสมั มาสมั พทุ ธเจา พระ-นามวา กสั สปะ ไดมีครง้ั เดยี ว มจี ํานวนภกิ ษุสองหมนื่ รูป ดกู รภิกษทุ ้ังหลายพระสาวกของพระผูมพี ระภาคอรหนั ตสัมมาสมั พทุ ธเจา พระนามวากสั สปะท่ไี ดประชุมกันคร้ังเดียวน้ี ลวนเปน พระขีณาสพท้ังสิน้ ดกู รภกิ ษทุ ั้งหลายการประชุมกนั แหง สาวกของเราในบัดนี้ ไดมคี รัง้ เดยี ว มีจํานวนภิกษหุ น่งึ พนัสองรอ ยหา สิบรูป ดูกรภกิ ษุทั้งหลาย สาวกของเราซง่ึ ไดประชุมกนั ครั้งเดียวนี้ลวนเปนพระขณี าสพท้ังสน้ิ . [๘] ดูกรภกิ ษุทง้ั หลาย ภกิ ษผุ ูอปุ ฏฐากช่อื วาอโสกะ เปนอคั รอปุ ฏ -ฐากของพระผมู ีพระภาคอรหันตสัมมาสมั พทุ ธเจา พระนามวา วปิ ส สี ดูกรภิกษุทง้ั หลาย ภกิ ษุผูอุปฏ ฐากชอ่ื วาเขมังกระเปนอคั รอุปฏฐากของพระผมู ีพระภาค-อรหันตสมั มาสัมพุทธเจา พระนามวาสขิ ี ดกู รภกิ ษทุ ้งั หลาย ภิกษุผูอุปฏฐากชอ่ื วา อปุ สนั ตะ เปน อัครอปุ ฏ ฐากของพระผูมีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาพระนามวาเวสสภู ดูกรภกิ ษทุ ้ังหลาย ภิกษุผูอปุ ฏ ฐากชื่อวาวุฑฒชิ ะ เปน อคั รอุปฏ ฐากของพระผูมีพระภาคอรหันตสมั มาสัมพทุ ธเจา พระนามวากกสุ นั ธะดกู รภิกษทุ ง้ั หลาย ภกิ ษุผูอุปฏ ฐากชื่อวาโสตถชิ ะ เปน อคั รอุปฏฐากของพระผูมี

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 7พระภาคอรหันตสัมมาสมั พุทธเจา พระนามวา โกนาคมนะ ดูกรภกิ ษุท้ังหลายภิกษุผอู ปฏ ฐากชอื่ วา สัพพมิตตะ เปน อัครอุปฏฐากของพระผูมพี ระภาคอร-หนั ตสัมมาสัมพุทธเจา พระนามวากสั สปะ ดูกรภกิ ษุทั้งหลาย ภิกษผุ ูอ ปุ ฏฐากชอื่ วาอานนท ไดเ ปน อัครอปุ ฏฐากของเราในบัดน้.ี [๙] ดกู รภกิ ษุทงั้ หลาย พระราชาพระนามวา พนั ธมุ เปน พระชนกพระเทวีพระนามวา พนั ธมุ ดี เปนพระชนนีบงั เกิดเกลา ของพระผูมีพระภาคอร-หนั ตสัมมาสมั พุทธเจาพระนามวา วิปส สี พระนครชื่อวาพนั ธมุ ดไี ดเ ปนราชธานีของพระเจาพันธมุ พระราชาพระนามวา อรณุ เปน พระชนก พระเทวพิ ระนามวาปภาวดีเปน พระชนนีบังเกิดเกลาของพระผมู ีพระภาคอรหนั ตสัมมาสมั พุทธ-เจาพระนามวาสขิ ี พระนครชื่อวาอรุณวดี ไดเปน ราชธานขี องพระเจา อรณุ ะพระราชาพระนานวา สุปปตีตะ เปนพระชนก พระเทวพี ระนามวายสวด.ี เปนพระชนนีบงั เกิดเกลาของพระผมู ีพระภาคอรหันตสัมมาสมั พุทธเจา พระนามวาเวสสภู พระนครชื่อวา อโนมะ ไดเ ปน ราชธานขี องพระเจา สปุ ปตตี ะ พราหมณชือ่ วา อัคคทิ ตั ตะ เปนพระชนก พราหมณีช่อื วาวิสาขา เปน พระชนนบี งั เกิดเกลาของพระผูม พี ระภาคอรหันตสมั พทุ ธเจา พระนามวา กกสุ ันธะ ภกิ ษทุ ้ังหลาย ก็พระราชาพระนามวา เขมะ ไดมแี ลวโดยสมยั นนั้ แล พระนครช่ือวาเขมวดี ไดเ ปน ราชธานีของพระเจา เขมะ พราหมณชอื่ วายัญญตตั ตะ เปนพระชนก พราหมณีช่อื วาอุตตราเปนพระชนนีบังเกิดเกลา ของพระผูมพี ระภาค-อรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา พระนามวาโกนาคมนะ ก็พระราชาพระนามวาโสภะไดม ีแลวโดยสมยั นั้นแล พระนครชือ่ วาโสภวดี ไดเปนราชธานีของพระเจาโสภะ พราหมณช ือ่ วา พรหมทตั ตะ เปนพระชนก พราหมณชี อ่ื ธนวดี เปนพระ-ชนนบี งั เกดิ เกลาของพระผูมพี ระภาคอรหันตสัมมาสมั พุทธเจา พระนามวากัสสปะ ก็พระราชาพระนามวา กิงกี ไดม ีแลวโดยสมัยนนั้ แล พระนครช่อื

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 8วา พาราณสี ไดเปน ราชธานขี องพระเจากิงกี ดูกรภกิ ษุทงั้ หลาย พระราชาพระนามวา สุทโธทนะ เปน พระชนก พระเทวีพระนามวา มายา เปน พระชนนีบังเกิดเกลา ของเราในบดั นี้ พระนครชื่อวา กบิลพสั ดุไ ดเ ปนราชธานีของพระเจาสทุ โธทนะดว ยประการฉะนี.้ พระผูมพี ระภาคไดตรัสดง่ั นแ้ี ลว จึงเสดจ็ ลกุ จากอาสนะ ทรงเขาพระ-วหิ าร. [๑๐] ครั้งนั้นแล เม่ือพระผูม ีพระภาคเสดจ็ หลีกไปแลว ไมนาน ภิกษุเหลาน้นั ไดสนทนากนั ขึน้ ในระหวางนี้วา นา อศั จรรย ผูมีอายุทั้งหลาย ไมเคยมีแลว ผูมอี ายทุ ้งั หลาย พระตถาคตตองทรงมีฤทธม์ิ าก มีอานุภาพมาก จึงจักทรงระลึกไดถ ึงพระพทุ ธเจาท้งั หลายท่ีลว งไปแลว ซงึ่ ปรนิ ิพพานแลวตดั ธรรมเครื่องทําใหเนนิ่ ชา ไดแลว มวี ัฏฏะอนั ตัดแลว ทรงครอบงาํ วฏั ฏะแลว ลวงสรรพทุกขแ ลว แมโ ดยพระชาติ แมโดยพระนาม แมโ ดยพระโคตร แมโ ดยประมาณแหง พระชนมายุ แมโ ดยคแู หง พระสาวก แมโดยประชมุ แหงพระสาวกวา แมดวยเหตนุ ี้ พระผมู พี ระภาคเหลา น้ัน จึงไดม ีชาตเิ ชนนแี้ มด วยเหตนุ ี้ พระผูมีพระภาคเหลา น้ัน จงึ ไดม พี ระนามเชนนแี้ มด ว ยเหตุน้ี พระผูมีพระภาคเหลา นัน้ จึงไดม พี ระโคตรเชนนี้ แมดวยเหตุน้ี พระผูมีพระภาคเหลานัน้จงึ ไดม ศี ีลเชนนี้ แมด ว ยเหตนุ ี้ พระผมู พี ระภาคเหลา นั้นจึงไดมีธรรมเชน นี้แมดว ยเหตนุ ้ี พระผูมีพระภาคเหลา นน้ั จงึ ไดมีพระปญญาเชนนี้ แมด ว ยเหตุนี้พระผูม พี ระภาคเหลา นนั้ จงึ ไดม ีวิหารธรรมเชนน้ี แมดว ยเหตนุ ี้ พระผมู พี ระ-ภาคเหลานั้น จึงไดมีวมิ ุตตเิ ชน นี้ ทานผมู ีอายุทงั้ หลาย เปนอยา งไรหนอแลพระตถาคตพระองคเดียวจึงทรงแทงตลอดธรรมธาตนุ ี้ เพราะเหตุที่พระตถาคตทรงแทงตลอดธรรมธาตุแลว ฉะนนั้ จงึ ทรงระลกึ ไดถงึ พระพทุ ธเจา ทง้ั หลายที่ลว งไปแลว ซ่งึ ปรินิพพานแลว ทรงตัดธรรมเครอ่ื งทาํ ใหเนนิ่ ชาไดแลว

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 9ทรงตัดความหมนุ เวยี น (เวียนวา ยตายเกดิ ) ไดแ ลว ทรงครอบงําความหมนุเวียนแลว ทรงลวงทกุ ขไ ดท ุกชนดิ แลว แมโ ดยพระชาติ แมโดยพระนาม แมโดยพระโคตร แมโดยประมาณแหง พระชนมายุ แมโดยคูแหง พระสาวก แมโดยประชุมแหง สาวกวา แมด วยเหตุน้ี พระผูมพี ระภาคเหลาน้ันจงึ ไดมีพระชาติเชน น้ี มพี ระนามเชน น้ี มีพระโคตรเชนน้ี มีศลี เชนนี้ มีธรรมเชนนี้ มีพระปญ ญาเชนน้ี มีวหิ ารธรรมเชนน้ี มีวิมตุ ติเชน นี้ ดงั น้ี หรือวา เพราะความขอ น้ี พวกเทวดาไดก ราบทูลแดพระตถาคต พระตถาคตจึงทรงระลึกไดถงึ พระพทุ ธเจาทล่ี ว งไปแลว ซึ่งปรนิ ิพพานแลว ทรงตัดธรรมเครื่องทําใหเน่ินชาไดแ ลว ทรงตัดความหมุนเวียนไดแลว ทรงครอบงําความหมนุ เวยี นไดแลวทรงลว งทกุ ขไ ดท กุ อยางแลว แมโดยพระชาติ แมโ ดยพระนาม แมโดยพระโคตรแมโ ดยประมาณแหง พระชนมายุ แมโ ดยคูแหงพระสาวก แมโ ดยประชมุ แหงพระสาวกวา แมดว ยเหตนุ ี้ พระผมู ีพระภาคเหลาน้ันจงึ ไดมีพระชาติเชนนี้มพี ระนามเชนน้ี มพี ระโคตรเชนน้ี มีศลี เชนนี้ มีธรรมเชน น้ี มพี ระปญญาเชน น้ี มีวหิ ารธรรมเชนนี้ มวี มิ ุตตเิ ชนนี้ กภ็ ิกษเุ หลา นัน้ ยังคา งการสนทนากันอยูตรงนี้. [๑๑] ลําดับนนั้ พระผูมพี ระภาค เสด็จออกจากท่ีประทับพักผอ นในเวลาเยน็ เสด็จตรงไปยงั โรงกลมใกลหมไู มกุมนาํ้ แลว ประทบั น่ังบนอาสนะท่ีปูลาดไวแ ลวพระผูมพี ระภาคตรสั เรียกภิกษทุ ้ังหลายมาวา ดกู รภิกษุทงั้ หลายบัดนี้พวกเธอน่ังประชุมสนทนาอะไรกนั เร่อื งอะไรท่ีพวกเธอพูดคางไว เมื่อพระผูมพี ระภาคตรัสถามดังน้ี ภิกษเุ หลาน้ันไดก ราบทลู พระผมู พี ระภาควา ขาแตพระองคผูเจริญ เม่ือพระผูม ีพระภาคเสดจ็ หลกี ไปแลวไมน าน พวกขา พระองคไดสนทนากันขนึ้ ในระหวางนวี้ า นา อัศจรรย ทานผมู อี ายุท้ังหลาย ไมเ คยมีแลวทานผมู ีอายทุ ั้งหลาย พระตถาคตจะตองทรงมฤี ทธิม์ าก มีอานุภาพมาก จึงจกั ทรง

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 10ระลึกไดถ งึ พระพุทธเจาทง้ั หลายทลี่ ว งไปแลว ซ่ึงปรนิ พิ พานแลว ทรงตัดธรรมทีท่ ําใหเ นิน่ ชาไดแลว ทรงตดั ความหมนุ เวียนไดแ ลว ทรงครอบงําความหมุนเวยี นไดแ ลว ทรงลวงทกุ ขไ ดทุกอยางแลว แมโ ดยพระชาติ แมโดยพระนาม แมโดยพระโคตร แมโดยประมาณแหงพระชนมายุ แมโดยคูแหงพระสาวก แมโดยประชุมแหง พระสาวกวา แมด ว ยเหตนุ ี้ พระผมู พี ระภาคเหลาน้ัน จึงไดม พี ระชาตเิ ชน น้ี ฯลฯ มวี ิมุตตเิ ชนน้ี ทา นผมู อี ายุท้ังหลายเปนอยางไรหนอแล พระตถาคตพระองคเ ดยี ว จึงทรงแทงตลอดธรรมธาตนุ ี้เพราะเหตุทีพ่ ระตถาคตทรงแทงตลอดธรรมธาตแุ ลว ฉะน้นั จึงทรงระลกึ ไดถึงพระพทุ ธเจาทัง้ หลายท่ีลวงไปแลว ซงึ่ ปรินพิ พานแลว ตัดธรรมเครื่องทําใหเนิน่ ชา ไดแ ลว ทรงตดั ความหมนุ เวยี นไดแ ลว ทรงครอบงาํ ความหมุนเวยี นไดแลว ทรงลว งทกุ ขไดท ุกอยา งแลว แมโ ดยพระชาติ แมโ ดยพระนามแมโดยพระโคตร แมโดยประมาณแหง พระชนมายุ แมโ ดยคแู หง พระสาวกแมโ ดยประชมุ แหงพระสาวกวา แมด วยเหตุน้ี พระผูมพี ระภาคเหลานั้น จึงไดมพี ระชาติเชน น้ี มพี ระนามเชน น้ี มพี ระโคตรเชนน้ี มีศีลเชนนี้ มธี รรมเชน น้ีมีพระปญ ญาเชนนี้ มีวิหารธรรมเชน นี้ มวี มิ ุตติเชนน้ี หรอื วา เพราะความขอ นี้พวกเทวดาไดก ราบทลู แดพระตถาคต พระตถาคตจงึ ทรงระลึกไดถงึ พระพทุ ธเจาท้งั หลายท่ีลวงไปแลว ซ่งึ ปรินพิ พานแลว ตัดธรรมเคร่อื งทําใหเนนิ่ ชา ไดแ ลวตัดความหนนุ เวยี นไดแ ลว ทรงครอบงําความหมุนเวยี นไดแลว ทรงลว งความทุกขทุกอยางไดแ ลว แมโดยพระชาติ แมโดยพระนาม ฯ ล ฯ แมโดยประชุมแหงพระสาวกวา แมดวยเหตุน้ี พระผูมีพระภาคเหลา นั้น จึงไดม ีพระชาตเิ ชนน้ีมีพระนามเชน นี้ ฯ ล ฯ มวี ิมุตตเิ ชน นี้ ขา แตพ ระองคผ เู จรญิ เรือ่ งน้แี ลที่พวกขา พระองคพ ูดคางไว พอดีพระผมู พี ระภาคเสด็จมาถึง.

พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 11 พระผูมีพระภาคตรัสวา ดกู รภกิ ษทุ งั้ หลาย เพราะเหตทุ ่ตี ถาคตนแี่ หละแทงตลอดธรรมธาตุแลว ฉะนัน้ ตถาคตจงึ ระลึกไดถ งึ พระพทุ ธเจา ที่ลวงไปแลวซึ่งปรนิ ิพพานแลว ตดั ธรรมเครื่องทําใหเนน่ิ ชา ไดแลว มีวัฏฏะอนั ตัดแลวครอบงําวัฏฏะแลว แมโ ดยพระชาติ แมโดยพระนาม แมโดยพระโคตร แมโดยประมาณแหง พระชนมายุ แมโ ดยคูแหง พระสาวก แมโดยการประชุมกันแหง พระสาวกวา แมดวยเหตนุ ้ี พระผูมีพระภาคเหลาน้นั จึงไดม พี ระชาตเิ ชนนี้มพี ระนามเชนน้ี ฯลฯ มวี ิมตุ ติเชน น้ี ความขอ น้ี แมพ วกเทวดาก็ไดก ราบทลูแดต ถาคต ตถาคตจงึ ระลกึ ได ถงึ พระพทุ ธเจาท้งั หลายทล่ี ว งไปแลว ซ่ึงปรินพิ พานแลว ตัดธรรมเครอ่ื งทาํ ใหเน่นิ ชา ไดแ ลว มวี ฏั ฏะอันตัดแลว ครอบงําวฏั ฏะแลว ลวงสรรพทกุ ขแลว แมโ ดยพระชาติ แมโ ดยพระนาม ฯ ล ฯแมโดยการประชมุ กนั แหงพระสาวกวา แมดว ยเหตนุ ี้ พระผูม พี ระภาคเหลา นั้นจงึ ไดม ีพระชาตเิ ชน นี้ มีพระนามเชน น้ี มวี ิมุตติเชน นี้ ภกิ ษทุ ัง้ หลาย พวกเธอปรารถนาหรอื ไมทีจ่ ะฟง ธรรมีกถา ซ่ึงเกี่ยวดวยบุพเพนิวาสโดยยิ่งกวา ประมาณภกิ ษุเหลา นน้ั ไดกราบทูลวา ขาแตพ ระผูมพี ระภาค เปน กาลสมควรแลว ขา แตพระสุคต เปนกาลสมควรแลวท่ีพระผมู พี ระภาคจะพงึ ทรงการทําธรรมกี ถาซึ่งเก่ียวดวยบพุ เพนิวาส โดยยงิ่ กวา ประมาณ ภกิ ษทุ ้งั หลายไดฟ งพระดาํ รัสของพระผูม ีพระภาคแลว จักไดทรงจําไว. พระผูมีพระภาคตรสั วา ดูกรภิกษุทงั้ หลาย ถาอยา งน้ัน พวกเธอจงฟงจงใสใจใหดี เราจักกลาว ภิกษุเหลา นั้นทลู รบั พระผูม ีพระภาคแลว พระผมู ีพระภาคไดตรสั พระพุทธพจนน ว้ี า ดูกรภิกษทุ ้ังหลาย นบั แตน้ไี ป ๙๑ กัป พระผมู พี ระภาคอรหนั ต-สมั มาสัมพทุ ธเจา พระนามวา วปิ สสี เสดจ็ อุบตั แิ ลว ในโลก พระองคเ ปนกษตั รยิ โดยพระชาติ เสด็จอบุ ตั แิ ลวในขตั ติยสกลุ เปนโกณฑัญญะโดยพระโคตร

พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 12มพี ระชนมายุประมาณ ๘๐,๐๐๐ ป พระองคไดต รสั รูที่ควงไมแคฝอย มพี ระ-ขัณฑะและพระตสิ สะ เปน คพู ระอัครสาวก ซ่ึงเปน คอู ันเจริญ การประชุมแหงพระสาวกของพระผูม พี ระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา พระนามวา วิปส สี ไดมีแลวสามครั้ง ครัง้ หนึง่ มีพระสาวกประชมุ กนั เปนจาํ นวนภกิ ษหุ กลานแปดแสนรปู อกี ครง้ั หนึง่ มพี ระสาวกประชุมกนั เปน จํานวนภกิ ษุแสนรปู อีกครั้งหนง่ึ มพี ระสาวกประชุมกันเปนจาํ นวนภิกษแุ ปดหม่นื รปู ภิกษุท้ังหลายพระสาวกของพระผมู ีพระภาคอรหันตสมั มาสมั พุทธเจาพระนามวาวิปส สี ซง่ึ ไดประชมุ กนั ทงั้ สามครัง้ น้ี ลว นเปนพระขีณาสพท้ังสนิ้ ดูกรภกิ ษทุ งั้ หลาย ภกิ ษุผูอ ุปฏ ฐากช่ือวาอโสกะ ไดเ ปนอคั รอปุ ฏฐากของพระผูม ีพระภาคอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธเจาพระนามวา วปิ ส สี ดูกรภกิ ษุทง้ั หลาย พระราชาพระนามวา พนั ธมุเปนพระชนก พระเทวพี ระนามวาพนั ธมุ ดี เปนพระชนนี บังเกดิ เกลาของพระพทุ ธเจาพระนามวาวิปสสี พระนครชอ่ื วาพนั ธุมดี ไดเ ปนราชธานีของพระเจาพันธุม. วา ดวยพระโพธสิ ตั ว [๑๒] ดกู รภกิ ษทุ ง้ั หลาย ครงั้ น้นั แล พระโพธสิ ัตวพ ระนามวาวปิ ส สีจตุ จิ ากชนั้ ดุสิตแลว มพี ระสตสิ ัมปชญั ญะ เสดจ็ ลงสพู ระครรภของพระมารดาขอนี้เปนธรรมดาในเรื่องน.ี้ [๑๓] ดูกรภิกษุท้ังหลาย ธรรมดามอี ยดู งั น้ี เม่ือใดพระโพธสิ ัตวจุติจากช้ันดสุ ติ เสด็จลงสพู ระครรภข องพระมารดา เมื่อนน้ั ในโลกพรอ มทัง้เทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมูสตั วพ รอมทงั้ สมณพราหมณ เทวดาและมนุษย แสงสวางอันย่งิ ไมม ีประมาณปรากฏในโลก ลวงเทวานุภาพของเทวดาทัง้ หลาย ชองวา งซง่ึ อยทู ส่ี ดุ ในโลก มไิ ดถ ูกอะไรปกปด ไว ทมี่ ืดมิดก็ดี สถานที่

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 13ท่ีพระจันทรแ ละพระอาทิตยเ หลา น้ี ซง่ึ มีฤทธม์ิ ากมอี านุภาพมากปานน้สี องแสงไปไมถึงกด็ ี ในท่ีทง้ั สองแหง นัน้ แสงสวา งอันยง่ิ ไมม ีประมาณ ยอ มปรากฏลว งเทวานุภาพของเทวดาท้งั หลาย ถึงสตั วท งั้ หลายท่ีเกิดในสถานท่เี หลา น้นั ก็จํากนั และกันได ดว ยแสงนน้ั วา พอ ผูเ จริญ ไดยนิ วา ถงึ สัตวพ วกอืน่ ที่เกิดในน้ีก็มอี ยูเหมือนกนั ท้งั หมน่ื โลกธาตุน้ี ยอมหว่ันไหวสะเทือนสะทาน ทั้งแสงสวางอันย่ิงไมมปี ระมาณยอมปรากฏในโลกลว งเทวานุภาพของเทวดาทงั้ หลายขอน้ีเปน ธรรมดาในเรอ่ื งน้ี. [๑๔] ดูกรภกิ ษุทงั้ หลาย ธรรมดามอี ยูดังน้ี ในเวลาทีพ่ ระโพธิสัตวเสด็จลงสูพระครรภพระมารดา เทวบุตร ๔ องค ยอมเขาไปรกั ษาทศิ ท้ัง ๔โดยตัง้ ใจวาใคร ๆ คอื มนษุ ย หรอื อมนุษยก ็ตาม อยาเบียดเบียนพระโพธสิ ตั วหรอื พระมารดาของโพธิสตั วน นั้ ได ขอนี้เปน ธรรมดาในเรื่องน้.ี [๑๕] ดกู รภกิ ษุทัง้ หลาย ธรรมดามอี ยดู ังนี้ ในเวลาทพี่ ระโพธสิ ตั วเสดจ็ ลงสพู ระครรภของพระมารดา พระมารดาของพระโพธสิ ตั วโดยปรกติทรงศลี งดเวนจากการฆา สัตว ลดเวนจากการลักทรัพย งดเวน จากการประพฤติผิดในกาม งดเวน จากการกลาวเท็จ งดเวน จากการด่ืมน้ําเมา คือสรุ าและเมรัยอันเปน ฐานแหงความประมาท ขอน้เี ปนธรรมดาในเรือ่ งนี.้ [๑๖] ดูกรภิกษทุ ้งั หลาย ธรรมดามอี ยดู งั นี้ ในเวลาที่พระโพธิสัตวลงสพู ระครรภของพระมารดา พระมารดาของโพธิสตั วยอ มไมเ กดิ มนสั ซึง่เก่ียวดว ยกามคุณในบรุ ษุ ทงั้ หลาย พระมารดาของโพธสิ ัตวย อ มเปน หญิงท่ีบุรษุ ใด ๆ ซ่ึงมีจิตกาํ หนัดแลว จะลว งเกินไมได ขอ นี้เปน ธรรมดาในเรอ่ื งน.้ี [๑๗] ดูกรภกิ ษุทงั้ หลาย ธรรมดามอี ยดู งั นี้ ในเวลาท่พี ระโพธสิ ตั วเสด็จลงสพู ระครรภของพระมารดา พระมารดาของพระโพธิสัตวยอ มไดกามคุณ

พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 14๕ พระนางเพียบพรอมพร่งั พรอมดวยกามคุณ ๕ ไดรับบําเรออยู ขอนเ้ี ปนธรรมดาในเร่ืองนี้. [๑๘] ดูกรภิกษุทง้ั หลาย ธรรมดามอี ยดู งั น้ี ในเวลาท่ีพระโพธสิ ตั วเสดจ็ ลงสพู ระครรภของพระมารดา อาพาธใด ๆ ยอ มไมเ กดิ แกพระมารดาของของพระโพธิสตั วเลย พระมารดาของพระโพธิสตั วยอ มทรงสําราญ ไมลาํ บากกายและพระมารดาของพระโพธิสัตว ทอดพระเนตรเหน็ พระโพธสิ ัตวซ ึง่ เสดจ็อยูภาย ในพระครรภมีอวยั วะนอ ยใหญครบถวน มีอนิ ทรียไมบ กพรอ ง ดูกรภกิ ษุทั้งหลายเปรยี บเหมือนแกว ไพฑรู ยอ ันงาม เกิดเองอยางบรสิ ทุ ธ์ิ แปดเหล่ียมนายชา งเจียรไนดีแลว สกุ ใสแวววาว สมสวนทกุ อยาง มีดาย เขียว เหลอื ง แดงขาวหรอื นวลรอ ยอยใู นนัน้ . บุรษุ ผมู จี ักษุจะพงึ หยิบแกว ไพฑูรยน ีน้ ้ันวางไวใ นมอื แลวพิจารณาเห็นวา แกว ไพฑูรยนง้ี าม เกิดเองอยา งบริสทุ ธ์ิ แปดเหล่ยี มนายชางเจียรไนดีแลว สุกใสแวววาว สมสวนแวววาว สมสว นทุกอยาง มดี ายเขียว เหลือง แดง ขาว หรอื นวล รอ ยอยูในแกว ไพฑรู ยนนั้ แมฉันใด ดกู รภกิ ษทุ ้ังหลาย ฉันน้นั เหมอื นกนั แล ในเวลาทีพ่ ระโพธิสัตวเสด็จลงสูพ ระครรภของพระมารดา อาพาธใด ๆ ยอมไมเ กิดแกพระมารดาของพระโพธิสตั วเลยพระมารดาของพระโพธิสัตวทรงสําราญ ไมล าํ บากพระกาย และพระมารดาของพระโพธิสัตวย อมทอดพระเนตรเหน็ พระโพธิสตั วผูเสดจ็ อยู ณ ภายในพระครรภมีอวยั วะนอยใหญครบถวนมีอนิ ทรยี ไ มบ กพรอ ง ขอนเ้ี ปน ธรรมดาในเรื่องน้ี. [๑๙] ดกู รภิกษุทัง้ หลาย ธรรมดามอี ยดู ังน้ี ในเม่ือพระโพธสิ ัตวประสตู แิ ลวได ๗ วนั พระมารดาของพระโพธสิ ตั วยอมทิวงคตเสด็จเขา ถงึ ชน้ัดุสิต ขอ นเี้ ปนธรรมดาในเรือ่ งนี้. [๒๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมดามอี ยูดังน้ี หญงิ อ่ืน ๆ บรหิ ารครรภ๙ เดอื นบาง ๑๐ เดอื นบา ง จึงคลอด พระมารดาของพระโพธสิ ัตวห าเหมือน

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 15อยางนั้นไม พระมารดาของพระโพธิสัตวบ รหิ ารพระโพธสิ ัตวด ว ยพระครรภครบ ๑๐ เดือน ถวน จึงประสูติ ขอนี้เปนธรรมดาในเรื่องนี้. [๒๑] ดูกรภิกษทุ ั้งหลาย ธรรดามีอยดู ังน้ี พระมารดาของพระโพธิ-สัตวย อ มไมประสูติเหมือนหญิงอ่ืน ๆ ซงึ่ น่ังหรือนอนคลอด สวนพระมารดาของพระโพธิสตั วป ระทับยนื ประสูตพิ ระโพธิสัตว ขอนีเ้ ปนธรรดาในเรอื่ งน.้ี [๒๒] ดูกรภิกษทุ ้ังหลาย ธรรมดามอี ยูดังน้ี ในเวลาพระโพธิสตั วเสด็จประสูติจากพระครรภพ ระมารดา พวกเทวดารับกอ น พวกมนุษยรับทหี ลังขอน้เี ปนธรรมดาในเร่อื งน้ี. [๒๓] ดกู รภกิ ษทุ ัง้ หลาย ธรรมดามอี ยูดังนี้ ในเวลาท่พี ระโพธสิ ตั วเสดจ็ ประสตู จิ ากพระครรภพ ระมารดาและยังไมท ันถึงแผน ดนิ เทวบุตร ๔ องคประคองรบั พระโพธสิ ตั วนนั้ แลว วางไวเบือ้ งหนา พระมารดา กราบทลู วา ขอจงมีพระทยั ยินดเี ถดิ พระเทวี พระโอรสของพระองคท ่ีเกิดมีศกั ดใิ์ หญ นีเ้ ปนธรรมดาในเรอ่ื งนี้ . [๒๔] ดกู รภกิ ษุท้ังหลาย ธรรมดามอี ยูดงั น้ี ในเวลาท่พี ระโพธิสตั วเสด็จประสูติจากพระครรภพระมารดา เสดจ็ ประสูติอยางงา ยดายทเี ดียว ไมเปรอะเปอ นดวยน้าํ ไมเปรอะเปอ นดว ยเสมหะ ไมเปรอะเปอ นดวยโลหติ ไมเปรอะเปอ นดว ยส่งิ ไมสะอาดอยางใดอยา งหนึ่ง เปน ผูบรสิ ุทธิ์ผุดผอ ง ดูกรภกิ ษุท้ังหลาย แกว มณอี ันบุคคลวางลงไวใ นผากาสิกพสั ตร แกวมณียอ มไมทาํผากาสกิ พัสตรใหเ ปรอะเปอนเลย ถงึ แมผากาสกิ พสั ตรกไ็ มทําแกวมณใี หเปรอะเปอน เพราะเหตุไรจงึ เปนดงั น้ัน เพราะส่งิ ทง้ั สองเปน ของบรสิ ทุ ธ์แิ มฉันใด ดกู รภิกษุทัง้ หลาย ฉันนนั้ เหมอื นกันแล ในเวลาท่พี ระโพธิสัตวเ สดจ็ประสตู จิ ากพระครรภพ ระมารดากป็ ระสตู อิ ยางงายดายทเี ดียว ไมเ ปรอะเปอนดว ยนาํ้ ไมเ ปรอะเปอนดวยเสมหะ ไมเปรอะเปอ นดว ยโลหติ ไมเปรอะเปอน

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 16ดวยสิ่งไมสะอาด อยา งใดอยา งหนงึ่ เปนผูบริสุทธ์ิผดุ ผอ งขอ นเ้ี ปน ธรรมดาในเรอ่ื งน้ี. [๒๕] ดกู รภกิ ษทุ ง้ั หลาย ธรรมดามอี ยูดังน้ี ในเวลาที่พระโพธิสัตวเสด็จประสูตจิ ากพระครรภพระมารดา ธารนาํ้ ยอ มปรากฏจากอากาศสองธารเย็นธารหน่ึง รอนธารหนึง่ สําหรบั สนานพระโพธิสตั วแ ละพระมารดา ขอน้ีเปนธรรมดาในเรื่องนี้. [๒๖] ดกู รภิกษุทัง้ หลาย ธรรมดามีอยูดงั นี้ พระโพธสิ ัตวผปู ระสูตแิ ลวไดค รหู นง่ึ ประทับยืนดว ยพระบาททงั้ สองอนั สม่าํ เสมอ ผินพระพักตรทางดานทศิ อดุ ร เสดจ็ ดาํ เนินไปเจด็ กาว และเมื่อฝงู เทพดากนั้ เศวตฉตั รตามเสดจ็ อยูทรงเหลยี วแลดูท่วั ทกุ ทิศ เปลง วาจาวา เราเปน ยอดของโลก เราเปนใหญแ หงโลก เราเปน ผูป ระเสรฐิ แหง โลก ความเกดิ ของเราน้เี ปนครัง้ ท่สี ดุ บัดนีค้ วามเกิดอีกมไิ ดม ี ดังน้ี ขอ น้ีเปนธรรมดาในเร่ืองน้ี. [๒๗] ดูกรภิกษทุ ัง้ หลาย ธรรมดามีอยดู ังนี้ เมื่อใด พระโพธสิ ัตวเ สดจ็ประสูติจากพระครรภพ ระมารดา เมื่อน้นั ในโลกพรอ มท้งั เทวโลก มารโลกพรหมโลก ในหมูสัตวพ รอ มท้ังสมณพราหมณ เทวาและมนุษย แสงสวา งอนัยงิ่ ไมมีประมาณ ยอ มปรากฏลวงเทวานภุ าพของเทวดาท้งั หลาย ชอ งวางซง่ึ อยูทีส่ ุดโลกมิไดถ กู อะไรปกปด ทีม่ ดื มดิ ก็ดี สถานท่ีทพี่ ระจนั ทรและพระอาทิตยเหลา นซ้ี ่ึงมฤี ทธิม์ าก มีอานุภาพมากปานนสี้ องแสงไป ไมถึงกด็ ี ในท่ที ั้งสองแหง น้นั แสงสวา งอันยง่ิ ไมม ปี ระมาณ ยอ มปรากฏลว งเทวานภุ าพของเทวดาท้งัหลาย ถงึ สัตวท ง้ั หลายท่เี กิดในสถานทเ่ี หลานน้ั กจ็ าํ กันและกนั ได ดวยแสงสวางน้นั วา พอผูเจริญ ไดย นิ วาถงึ สัตวพวกอ่ืนทีเ่ กิดในนีก้ ็มีอยเู หมือนกนั และหม่ืนโลกธาตุน้ียอมหวน่ั ไหวสะเทอื นสะทาน ท้ังแสงสวา งอันยงิ่ ไมม ีประมาณ ยอ มปรากฏในโลกลวงเทวานุภาพของเทวดาทัง้ หลาย ขอนเ้ี ปน ธรรมดาในเรือ่ งน้.ี

พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 17 การพยากรณนมิ ิต [๒๘] ดกู รภกิ ษทุ งั้ หลาย กเ็ ม่ือพระวิปส สีราชกมุ ารประสูติแลว แลพวกอาํ มาตยไ ดกราบทลู แดพระเจาพันธมุ วา ขอเดชะ พระราชโอรสของพระ-องคป ระสูตแิ ลว ขอพระองคจ งทอดพระเนตรพระราชโอรสนัน้ เถดิ ภกิ ษุทงั้ หลาย พระเจา พันธมุ ไดท อดพระเนตรเหน็ พระวปิ สสรี าชกมุ าร แลว รบั สง่ัเรยี กพวกพราหมณผรู ูนมิ ติ มาแลว ตรัสวา ขอพวกพราหมณผรู นู มิ ิตผเู จรญิ จงตรวจดพู ระราชกุมารเถิด ภิกษทุ ้งั หลาย พวกพราหมณผรู ูนิมติ ไดเ ห็นพระวิ-ปส สรี าชกุมารนัน้ แลว ไดก ราบทูลพระเจาพันธมุ นั้นดงั นี้วา ขอเดชะ ขอพระองคจงดพี ระทัยเถิด พระราชโอรสของพระองคทป่ี ระสูติแลว มศี กั ดใ์ิ หญ ขาแตมหาราช เปน ลาภของพระองค ผูเปน เจาของสกุลอันเปนทบ่ี งั เกดิ แหง พระราชโอรส เห็นปานดังน้ี ขอเดชะ พระองคไ ดด แี ลว เพราะพระราชกุมารน้ีประกอบดว ยมหาปรุ สิ ลกั ษณะ ๓๒ ประการ ซึ่งมคี ติเปน สองเทานนั้ ไมเ ปนอยางอ่ืน คอื ถาครองเรอื นจะไดเ ปนพระเจาจักรพรรดผิ ูทรงธรรมเปน พระราชาโดยธรรม เปน ใหญใ นแผนดินมมี หาสมทุ ร ๔ เปนขอบเขต ทรงชนะแลว มรี าชอาณาจักรมั่นคง สมบูรณด ว ยแกว ๗ ประการ คือ จักรแกวชางแกว มา แกว แกว มณี นางแกว คฤหบดแี กว ปรณิ ายกแกว เปน ที่ ๗พระราชบตุ รของพระองคมีกวา พนั ลวนกลาหาญ มีรูปทรงสมเปนวรี กษัตรยิ สามารถยํา่ ยีเสนาของขา ศึกได พระองคทรงชํานะโดยธรรม มติ องใชอ าชญามิตองใชศาตรา ครอบครองแผนดนิ มีสาครเปน ของเขต ถา เสด็จออกผนวชเปน บรรพชติ จะไดเ ปนพระอรหนั ตสัมมาสมั พุทธเจา ทรงเปด หลังคาคอื กิเลสแลว ในโลก.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 18 ขอเดชะ ก็พระราชกมุ ารน้ปี ระกอบดวยมหาปรุ ิสลักษณะ ๓๒ ประการเหลาไหน อันเปนเหตุใหมีคติเปนสองเทา นน้ั ไมเ ปนอยา งอ่ืน คือ ถาครองเรอื นจกั ไดเ ปน พระเจาจกั รพรรดิผูทรงธรรม เปน พระราชาโดยธรรม เปนใหญในแผน ดนิ มมี หาสมุทร ๔ เปน ขอบเขต ทรงชนะแลวมพี ระราชอาณาจักรมั่นคงสมบรู ณด วยแกว ๗ ประการ คอื จกั รแกว ฯลฯ ครอบครองแผน ดนิ มีสาคร ๔ เปนขอบเขต ถา เสดจ็ ออกผนวชเปน บรรพชติ จะไดเ ปน พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา มหี ลังคาคอื กเิ ลสอนั เปด แลวในโลก. วา ดวยมหาปุรสิ ลักษณะ ๓๒ ประการ [๒๙] ๑. ขอเดชะ กพ็ ระราชกมุ ารนีม้ พี ระบาทประดิษฐานเปน อันดี (เรยี บเสมอ) ขา แตสมมติเทพ การท่พี ระราชกุมารนม้ี ีพระบาทประดษิ ฐานเปนอันดนี ้ี เปนมหาปุรสิ ลักษณะของมหาบุรษุนน้ั . ๒. ณ พนื้ ภายใตฝาพระบาททั้ง ๒ ของพระราชกุมารน้ี มีจกั รเกิดขึน้ มซี ่ีกาํ ขา งละพัน มีกง มดี มุ บริบูรณด วยอาการท้ังปวงขาแตสมมตเิ ทพ แมการที่พื้นภายใตฝา พระบาททั้ง ๒ ของพระราชกมุ ารนี้มีจักรเกิดขนึ้ มีซก่ี าํ ขา งละพนั มกี ง มีดุม บรบิ ูรณดวยอาการทง้ั ปวง นี้กเ็ ปน มหาปรุ ิสลกั ษณะของมหาบรุ ษุ น้ัน. ๓. มสี น พระบาทยาว. ๔. มีพระองคลุ ียาว. ๕. มีฝา พระหตั ถและฝาพระบาทออ นนุน. ๖. มฝี าพระหตั ถและฝา พระบาทมีลายดจุ ตาขาย.

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 19 ๗. มพี ระบาทเหมอื นสังขค วา่ํ . ๘. มีพระชงฆร เี รยี วดุจแขง เนื้อทราย. ๙. เสดจ็ สถติ ยนื อยูมไิ ดนอ มลง เอาฝา พระหตั ถทัง้ สองลบูคลาํ ไดถงึ พระชานทุ ง้ั สอง. ๑๐. มพี ระคยุ หะเรน อยูใ นฝก . ๑๐. มพี ระฉวีววรรณดจุ วรรณแหง ทองคํา คอื มพี ระตจะประ-ดจุ หุมดวยทอง. ๑๒. มพี ระฉวลี ะเอยี ด เพราะพระฉวลี ะเอยี ด ธลุ ลี ะอองจงึ มิติดอยูในพระกายได. ๑๓. มีพระโลมชาตเิ สนหนง่ึ ๆ เกดิ ในขุมละเสน ๆ. ๑๔. มพี ระโลมชาตทิ ม่ี ีปลายชอ ยขน้ึ ขา งบน มีสีเขียว มสี ีเหมอื นดอกอญั ชนั ขดเปน กุณฑลทักษณิ าวัฏ. ๑๕. มพี ระกายตรงเหมือนกายพรหม. ๑๖. มีพระมงั สะเต็มในท่ี ๗ สถาน. ๑๗. มีกึ่งพระกายทอนบนเหมอื นก่งึ กายทอนหนา ของราช-สีห. ๑๘. มีระหวางพระองั สะเตม็ . ๑๙. มปี ริมณฑลดจุ ไมนิโครธ วาของพระองคเ ทา กบั พระกายของพระองค พระกายของพระองคเ ทา กับวาของพระองค. ๒๐. มีลําพระศอกลมเทา กัน. ๒๑. มีปลายเสน ประสาทสําหรบั นํารสอาหารอันดี. ๒๒. มีพระหนุดุจคางราชสหี . ๒๓. มพี ระทนต ๔๐ ซี.่

พระสุตตันตปฎก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 20 ๒๔. มีพระทนตเรียบเสมอกนั . ๒๕. มีพระทนตไมหา ง. ๒๖. มีพระทาฐะขาวงาม. ๒๗. มพี ระชวิ หาใหญ. ๒๘. มีพระสรุ เสียงดุจเสียงแหง พรหม ตรัสมสี ําเนยี งดังนกการเวก. ๒๙. มีพระเนตรดําสนทิ . ๓๐. มีดวงพระเนตรดุจตาแหงโค. ๓๑. มพี ระอณุ ณาโลมบังเกิด ณ ระหวา งแหง พระขนง มีสขี าวออนควรเปรียบดว ยนุน. ๓๒. มพี ระเศยี รดจุ ประดับดวยกรอบพระพักตร ขา แตส มมติเทพ แมการที่พระราชกมุ ารนี้ มพี ระเศียรดุจประดบั ดวยกรอบพระพักตรน้ี กเ็ ปนมหาปุริสลักษณะของมหาบรุ ุษนั้น. [๓๐] ขอเดชะ พระราชกุมารน้ีประกอบดว ยมหาปุริสลกั ษณะ ๓๒ประการเหลานี้ ซ่ึงมคี ตเิ ปน สองเทา นั้น ไมเปนอยา งอื่น คือ ถา ครองเรือนจะไดเ ปน พระเจา จักรพรรดผิ ทู รงธรรม เปน พระราชาโดยธรรม เปน ใหญใ นแผน ดนิ มมี หาสมทุ ร ๔ เปน ขอบเขต ทรงชาํ นะแลว มีราชาอาณาจกั รมั่นคงสมบรู ณดว ยแกว ๗ ประการ คอื จกั รแกว ชางแกว มา แกว แกวมณี นางแกวคฤหบดีแกว ปรณิ ายกแกว เปนที่ ๗ พระราชบุตรของพระองคมกี วา พนัลว นกลาหาญ มีรปู ทรงสมเปน วรี กษตั ริย สามารถยา่ํ ยเี สนาของขา ศึกไดพระองคท รงชาํ นะโดยธรรม มิตองใชอ าชญา มติ องใชศาสตรา ครอบครองแผน ดนิ มสี าครเปนขอบเขต ถา เสด็จออกผนวชเปนบรรพชติ จะไดเปนพระอรหนั ตสัมมาสัมพทุ ธเจา ทรงเปด หลงั คาคอื กิเลสแลวในโลก.

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 21 เรอื่ งพระเจา พันธุมราช [๓๐] ดูกรภิกษุทงั้ หลาย ครั้งนั้นแล พระเจา พนั ธุมโปรดใหพวกพราหมณผรู ูน ิมิตนุงหมผา ใหมแ ลว เล้ยี งดูใหอ ่มิ หนําดวยสิ่งท่ีตองประสงคทุกส่งิ ภิกษุทัง้ หลาย ครั้งนน้ั แล พระเจาพันธุมรบั สั่งตัง้ พเี่ ล้ียงนางนมแกพระวิปสสีราชกุมาร หญงิ พวกหนงึ่ ใหเ สวยนํ้านม หญงิ พวกหนึง่ ใหส รงสนานหญิงพวกหนึง่ อุม หญิงพวกหน่งึ ใสส ะเอว. ดกู รภิกษุทัง้ หลาย ราชบรุ ษุ ท้ังหลาย ไดก ั้นเศวตฉัตรเพ่ือพระวปิ ส สีราชกมุ ารผปู ระสตู ิแลว น้ันทั้งกลางวันและกลางคืน ดว ยหวงั วา หนาว รอ นหญา ละออง หรือนาํ้ คา ง อยา ไดตอ งพระองค. ดกู รภิกษุทั้งหลาย กพ็ ระวปิ ส สีราชกุมารูผ ูประสตู ิแลว แล เปน ทีร่ กั เปนท่ีเจรญิ ใจของชนเปนอนั มาก ดอกอุบล ดอกประทุม หรือดอกปณุ ฑรกิ เปนท่รี ัก เปน ทเ่ี จรญิ ใจของชนเปนอนั มาก แมฉันใด พระวิปส สรี าชกมุ ารก็ไดเปนท่ีรัก เปน ทเ่ี จรญิ ใจของชนเปน อนั มาก ฉนั นัน้ เหมอื นกัน ไดยนิ วา พระ-วิปส สีราชกุมารนัน้ อันบคุ คลผลดั เปล่ียนกนั อุมใสส ะเอวอยูเสมอ. ดกู รภิกษทุ ั้งหลาย พระวปิ ส สีราชกุมารผปู ระสตู ิแลวแล เปน ผมู พี ระสรุ ะเสยี งกลมเกล้ียง ไพเราะ ออนหวาน และเปนที่ตงั้ แหงความรัก ภิกษทุ ้งัหลาย หมูนกการเวกบนหมิ วันตบรรพตมสี ําเนียงกลมเกล้ยี ง ไพเราะ ออนหวานและเปน ทีต่ ้ังแหงความปรีด์เิ ปรม ฉันใด ภกิ ษุทัง้ หลาย พระวปิ ส สรี าชกมุ ารก็ฉนั นน้ั เหมอื นกัน เปน ผูม พี ระสุระเสยี งกลมเกล้ียง ไพเราะ ออ นหวาน เปนทต่ี ้ังแหง ความรกั . ดูกรภิกษทุ ้ังหลาย ทพิ ยจักษอุ ันเกิดแตก รรมวิบาก อันเปนเหตุใหเหน็ ไดไ กลโดยรอบโยชนห นง่ึ ท้ังกลางวันและกลางคนื ไดปรากฏแกพ ระวิปส สีราชกุมารผปู ระสตู แิ ลว แล.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 22 ดกู รภิกษุทั้งหลาย ก็พระวปิ ส สรี าชกมุ ารผปู ระสูติแลวแล ไมก ะพรบิพระเนตรเพง แลดู ภิกษุท้ังหลาย พวกเทวดาช้นั ดาวดงึ ส ไมก ะพริบเนตรเพงแลดูแมฉ ันใด พระวปิ สสีราชกมุ าร ก็ฉันนนั้ เหมือนกัน ไมกะพรบิ พระเนตรเพง แลดู. ดูกรภิกษทุ ั้งหลาย สมญาวา วิปสสี ดงั นีแ้ ล ไดบ ังเกิดข้ึนแลวแกพระวปิ สสีราชกมุ ารผูป ระสูตแิ ลวแล. ดกู รภกิ ษุท้ังหลาย คร้ังนัน้ แล พระเจา พนั ธมุ ประทบั นัง่ ในศาลสําหรับพิพากษาคดี ใหพระวปิ สสรี าชกุมารมาน่ังบนพระเพลาไตส วนคดีอย.ู ดกู รภกิ ษทุ ั้งหลาย ไดย นิ วา พระวิปส สีราชกมุ ารประทับนัง่ บนพระเพลาของพระชนก ณ ศาลาสาํ หรบั พิพากษาคดีน้นั ทรงสอดสองพิจารณาคดีแลว ยอ มทรงทราบไดดว ยพระญาณ. ภิกษทุ ้ังหลาย ครง้ั นนั้ สมญาวา วิปสสีดังนีแ้ ล ไดบ งั เกดิ ขึ้นแลว แกพระวปิ ส สรี าชกมุ ารนั้น โดยย่งิ กวา ประมาณ ลาํ ดบัน้นั แล พระเจา พนั ธุมไดโ ปรดใหสรางปราสาทสําหรับพระวิปสสีราชกมุ าร ๓หลัง คอื หลงั หนึง่ สําหรบั ประทับในฤดฝู น หลังหนึง่ สําหรับประทับในฤดูหนาวอีกหลงั หน่ึงสาํ หรบั ประทบั ในฤดรู อน โปรดใหบ ํารุงพระราชกมุ ารดว ยเบญจ-กามคณุ ไดยินวา พระวปิ สสีราชกุมารไดรับการบํารงุ บาํ เรอดวยดนตรีไมมีบุรษุ ปนตลอด ๔ เดอื นในปราสาทสําหรับประทบั ในฤดฝู น ในบรรดาปราสาททง้ั ๓ หลังน้นั มไิ ดเสด็จลงสูปราสาทช้นั ลางเลย ดังนแ้ี ล. จบภาณวารทหี่ นึง่ [๓๒] ดูกรภกิ ษทุ ั้งหลาย ครั้งนแี้ ล โดยกาลลวงไปหลายป หลายรอ ยป หลายพันป พระวปิ ส สรี าชกมุ ารไดต รสั เรยี กนายสารถมี าส่ังวา นายสารถีผสู หาย เธอจงเทยี มยานท่ดี ี ๆ เราจะไปสวนเพื่อชมพ้นื ทอ่ี ันสวยสด ภิกษุ

พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 23ทงั้ หลาย นายสารถรี บั คาํ สัง่ ของพระวปิ ส สรี าชกุมารแลว เทยี มยานท่ีดี ๆ เสรจ็แลว จงึ กราบทลู แดพระวปิ สสีราชกมุ ารวา ขอเดชะ ขา พระพุทธเจา ไดเทยี มยานทีด่ ี ๆ เสรจ็ แลว บัดนี้ พระองคท รงกาํ หนดเวลาอันสมควรเถดิ . ดกู รภิกษทุ ั้งหลาย ครง้ั นน้ั แล พระวปิ ส สรี าชกมุ ารทรงยานอนั ดี เสดจ็ประพาสพระอุทยานพรอมกบั ยานที่ดี ๆ ท้งั หลาย พระวิปสสีราชกุมาร ขณะเสด็จประพาสพระอุทยาน ไดทอดพระเนตรชายชรา มซี ีโ่ ครงคดเหมือนกลอนหลังงอ ถอื ไมเ ทา เดินงก ๆ เงนิ่ ๆ กระสบั กระสาย หมดความหนุม แนนครั้นทอดพระเนตรแลว จงึ รับสง่ั ถามนายสารถีวา นายสารถีผสู หาย ก็ชายผนู ี้ถกู ใครทําอะไรให แมผ มของเขากไ็ มเหมอื นคนอื่น ๆ แมร างกายของเขากไ็ มเหมอื นของคนอ่ืน ๆ นายสารถกี ราบทลู วา ขอเดชะ นแ้ี ลเรียกวา คนชรา. นายสารถีผสู หาย นห้ี รือเรยี กวา คนชรา. ขอเดชะ น้ีแลเรียกวา คนชรา บัดนี้ เขาจักพึงมีชวี ิตอยไู ดไ มนาน. นายสารถี ถงึ ตัวเราจะตองมคี วามแกเปน ธรรมดา ไมล ว งพนความแกไปไดห รือ. ขอเดชะ พระองคแ ละขาพระพทุ ธเจา ลว นแตจ ะตอ งมีความแกเ ปนธรรมดา ไมล วงพน ความแกไ ปได. นายสารถผี ูสหาย ถาเชน น้ัน วันน้ีพอแลว สาํ หรบั ภมู ภิ าคแหง สวนเธอจงนาํ เรากลับสูว ังจากสวนน้ีเถิด. นายสารถรี ับส่งั ของพระวิปส สรี าชกมุ ารแลว ไดนําเสด็จกลับไปยังภายในบรุ ีจากพระอทุ ายานนั้น ๆ ดูกรภกิ ษทุ ้งั หลาย ไดยินวา คร้ังน้นั พระวปิ สสรี าชกุมารเสด็จถงึ วังแลว ทรงเปน ทุกขเ ศราพระทัยทรงพระดําริวา ผเู จรญิ ไดย ินวา ข้ึนชอื่ วา ความ

พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 24เกิดเปน ของนา รงั เกยี จ เพราะธรรมดาวา เมื่อความเกดิ มีอย.ู ความแกจ กั ปรากฏแกผ ทู ่เี กิดมาแลว . [๓๓] ดูกรภิกษทุ ้งั หลาย ครั้งนั้นแล พระเจาพนั ธุมรบั ส่ังหานายสารถีมาตรสั ถามวา นายสารถีผสู หาย ราชกมุ ารไดอภิรมยในภูมภิ าคแหงสวนแลหรอืนายสารถผี ูสหาย ราชกมุ ารพอพระทัยในภมู ิภาคแหงสวนแลหรอื นายสารถีกราบทูลวา ขอเดชะ พระราชกมุ ารมไิ ดทรงอภิรมยในภมู ภิ าคแหงพระอุทยานขอเดชะ. พระราชกมุ ารมไิ ดท รงพอพระทยั ในภมู ิภาคแหง พระอทุ ยาน ดังน้ี ตรัสถามตอ ไปวา ดกู รนายสารถีผสู หาย ก็ราชกุมารขณะเม่ือเสดจ็ ประพาสสวนไดทอดพระเนตรอะไรเขา . นายสารถีไดก ราบทูลวา ขอเดชะ พระราชกุมารขณะเมอ่ื เสด็จประพาสพระอทุ ยานไดทอดพระเนตรชายชรามซี ่ีโครงคดเหมอื นกลอน หลงั งอถือไมเ ทาเดนิ งก ๆ เงิ่น ๆ กระสับกระสาย หมดความหนุมแนน ครน้ั ไดทอดพระเนตรแลว ไดม รี บั สงั่ ถามขาพระพทุ ธเจาวา นายสารถผี สู หาย ก็ชายผูน ี้ถูกใครทําอะไรให แมผมของเขากไ็ มเหมือนของคนอ่ืน ๆ แมร า งกายของเขาก็ไมเ หมอื นของคนอ่นื ๆ เมอื่ ขา พระพุทธเจากราบทลู วา ขอเดชะ น้ีแล เรยี กวาคนชรา พระองคไดตรสั ถามยาํ้ วานายสารถผี ูส หาย นห้ี รือเรยี กวา คนชรา เมื่อขา พระพุทธเจากราบทลู วา ขอเดชะ น้ีแลเรยี กวาคนชรา บดั น้ีเขาจกั พึงมีชวี ติอยูไดไ มน าน พระราชกุมารไดตรัสถามวา นายสารถีผูสหาย ถงึ ตัวเราก็จะตอ งมีความแกเ ปนธรรมดาไมลวงพนความแกไ ปไดหรอื เม่ือขา พระพทุ ธเจากราบทูลวา ขอเดชะ. พระองคแ ละขา พระพทุ ธเจา ลว นแตจ ะตอ งมคี วามแกเปนธรรมดาไมลว งพน ความแกไปได พระองคต รสั สงั่ วา นายสารถีผสู หาย ถาเชน น้นัวนั นพ้ี อแลว สําหรับภูมภิ าคแหงสวน เธอจงนาํ เรากลับเขา วังจากสวนนี้ ขอเดชะขา พระพทุ ธเจารบั คาํ ส่ังของพระวปิ ส สีราชกมุ าร แลวไดน ําเสด็จกลบั เขา วงั จาก

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 25พระอทุ ยานนนั้ ขอเดชะ พระราชกมุ ารนั้นแล เสด็จถงึ วงั แลว ทรงเปน ทุกขเศรา พระทัยทรงพระดําริวา ผเู จรญิ ท้ังหลาย ไดย ินวา ขึน้ ชอื่ วา ความเกดิ เปนของนา รังเกยี จ เพราะธรรมดาวา เมือ่ ความเกิดมีอยู ความแกจ ักปรากฏแกผ ทู ่ีเกดิ มาแลว . ดูกรภกิ ษุทั้งหลาย ครั้งน้นั แล พระเจา พนั ธมุ ทรงดําริวา วิปสสีราช-กุมารไมเสวยราชเสยี เลยไมได วิปสสีราชกมุ ารอยา ออกผนวชเปน บรรพชิตเลยถอ ยคําของเนมิตตพราหมณอยาพงึ เปน ความจรงิ เลย. ดกู รภิกษทุ งั้ หลาย คร้งั นัน้ แล พระเจา พนั ธมุ รับส่งั ใหบ าํ รุงบาํ เรอพระวิปสสรี าชกุมารดว ยกามคณุ ๕ ย่งิ กวา แตกอ น โดยอาการทจ่ี ะใหพ ระวปิ สสีราชกมุ ารเสวยราชย โดยอาการทจี่ ะไมใ หพระวิปสสีราชกมุ ารเสด็จออกผนวชเปนบรรพชติ โดยอาการท่ีจะใหถ อยคาํ ของเนมิตตพราหมณเ ปนผิด ภกิ ษุทั้งหลาย ไดยินวา ครัง้ นนั้ พระวิปส สรี าชกมุ ารเพยี บพรอ มพร่งั พรอมดว ยกามคณุ ๕ ไดรบั การบาํ รุงบาํ เรออย.ู [๓๔] ดกู รภิกษทุ ง้ั หลาย ครง้ั น้นั แล โดยกาลลว งไปหลายป พระวปิ สสีราชกมุ าร ฯลฯ ภิกษทุ ั้งหลาย พระวิปส สีราชกุมาร ขณะเมื่อเสด็จประพาสพระอทุ ยาน ไดทอดพระเนตรคนเจ็บ ถึงความลําบาก เปนไขห นัก นอนจมอยใู นมตู รและกรสี ของตน คนอืน่ ๆ ตองชว ยพยุงใหล กุ ผูอ นื่ ตอ งชวยใหก ินครน้ั ทอดพระเนตรแลว จงึ รับสง่ั ถามนายสารถวี า นายสารถผี ูสหาย ก็ชายนี้ถูกใครทาํ อะไรให แมตาท้ังสองของเขากไ็ มเหมอื นของคนอ่นื ๆ แมศีรษะของเขากไ็ มเหมือนของคนอืน่ ๆ. นายสารถีกราบทูลวา ขอเดชะ น้ีแลเรียกวา คนเจ็บ. นายสารถผี ูส หาย นหี้ รือเรียกวา คนเจ็บ. ขอเดชะ นีแ้ ลเรยี กวา คนเจบ็ ไฉนเลา เขาจะพึงหายจากความเจบ็ นนั้ ได.

พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 26 นายสารถีผสู หาย ถงึ ตัวเราก็จะตองมีความเจบ็ เปน ธรรมดา ไมลวงพนความเจบ็ ไปไดห รือ. ขอเดชะ พระองคและขา พระพทุ ธเจา ลว นจะตองมคี วามเจบ็ เปนธรรมดาไมล ว งพน ความเจ็บไปได. นายสารถผี ูสหาย ถาเชน นนั้ วันน้พี อแลวสาํ หรับ ภูมภิ าคแหงสวน เธอจงนําเรากลับ ไปวงั จากสวนนี้เถดิ . นายสารถรี บั สงั่ ของพระวิปส สีราชกมุ ารแลว ไดนาํ เสด็จกลับไปยังวงัจากพระอทุ ยานน้ัน ๆ ดูกรภกิ ษทุ งั้ หลาย ไดย นิ วา ครัง้ นัน้ พระวปิ ส สรี าชกมุ ารเสดจ็ ถึงวังแลว ทรงเปน ทกุ ขเ ศรา พระทยั ทรงพระดํารวิ า ผเู จริญ ไดยินวา ขึน้ ช่ือวา ความเกดิ เปน ของนารังเกยี จ เพราะธรรมดาวา เมื่อความเกิดมีอยู ความแกจกั ปรากฏความเจ็บจกั ปรากฏ แกผทู เ่ี กดิ มาแลว . [๓๕] ดกู รภิกษุทง้ั หลาย ครงั้ น้ันแล พระเจา พนั ธมุ รับสั่งหานายสารถมี าตรัสถามวา นายสารถีผูสหาย ราชกมุ ารไดอภิรมยใ นภมู ภิ าคแหงสวนแลหรอื นายสารถผี ูสหาย ราชกุมารพอพระทยั ในภมู ภิ าคแหง สวนแลหรอื นายสารถกี ราบทลู วา ขอเดชะ พระราชกุมารมไิ ดท รงอภริ มยใ นภูมภิ าคแหง พระ -อุทยาน ขอเดชะ พระราชกุมารมไิ ดท รงพอพระทัยในภมู ภิ าคแหงพระอุทยานดงั น้ี ตรัสถามตอไปวา นายสารถีผสู หาย ก็ราชกุมารขณะเมื่อเสดจ็ ประพาสสวนไดท อดพระเนตรอะไรเขา. นายสารถีกราบทูลวา ขอเดชะ พระราชกุมารขณะเมื่อเสดจ็ ประพาสพระอุทยาน ไดท อดพระเนตรคนเจบ็ ถึงความลาํ บาก เปนไขหนัก นอนจมอยูในมูตรและกรีสของตน บคุ คลอน่ื ๆ ตองชว ยพยุงใหลุก ผูอื่นตองชว ยใหกินคร้ันทอดพระเนตรแลว ไดรบั สง่ั ถามขาพระพทุ ธเจา วา นายสารถีผสู หาย

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 27ชายคนนี้ถกู ใครทําอะไรให แมตาทัง้ สองของเขากไ็ มเหมอื นของคนอืน่ ๆ แมศรีษะของเขาก็ไมเ หมือนของคนอ่นื ๆ เมอื่ ขาพระพทุ ธะจากราบทูลวา ขอเดชะน้ีแลเรียกวา คนเจ็บ พระองคไ ดตรัสถามย้ําวา นายสารถีผูสหาย นห้ี รอื เรียกวา คนเจ็บ เมือ่ ขาพระพุทธเจากราบทูลวา ขอเดชะ น้ีแลเรียกวา คนเจบ็ ไฉนเลา เขาจะพงึ หายจากความเจ็บนัน้ ได พระราชกมุ ารไดตรัสถามวา นายสารถีผูสหาย แมถ ึงตัวเราก็จะตองมีความเจ็บเปน ธรรมดา ไมลว งพน ความเจบ็ ไปไดหรอื แตพ อขา พระพทุ ธเจา กราบทูลวา ขอเดชะ พระองคและขาพระพทุ ธเจาลว นแตจะตองมีความเจบ็ ปวยเปน ธรรมดา ไมล ว งพนความเจ็บปวยไปไดพระองคต รัสส่ังวา นายสารถผี ูสหาย ถา เชน นั้น วนั นี้พอแลวสาํ หรบั ภมู ภิ าคแหงสวน เธอจงนาํ เรากลับไปวงั จากสวนน้ี ขอเดชะ ขา พระพทุ ธเจารับคําสั่งของพระวิปส สรี าชกุมารแลว ไดนําเสด็จกลับไปวงั จากพระอุทยานนน้ั ขอเดชะพระราชกมุ ารนน้ั แล เสด็จถึงวังแลว ทรงเปน ทกุ ขเศรา พระทยั ทรงพระดาํ ริวา ผูเ จริญ ไดย นิ วา ขนึ้ ชอื่ วา ความเกดิ เปนของนารงั เกยี จ เพราะธรรมดาวาเม่ือความเกดิ มอี ยู ความแกจ ักปรากฏ ความเจ็บปว ยจักปรากฏแกผทู ่ีเกิดมาแลว . ดูกรภิกษุทงั้ หลาย ครงั้ นั้นแล พระเจา พันธุมทรงพระดาํ ริวา วปิ สส-ีราชกุมาร อยาไมเ สวยราชยเ สยี เลย วิปส สีราชกุมารอยาออกผนวชเปนบรรพชติเลย ถอ ยคําของเนมิตตพราหมณอยา พึงเปน ความจริงเลย. ดูกรภกิ ษุทง้ั หลาย ครัง้ น้ันแล พระเจาพันธมุ รบั สง่ั ใหบ ํารุงบาํ เรอพระวปิ ส สรี าชกุมารดว ยกามคุณ ๕ ยิ่งกวาแตก อน โดยอาการท่จี ะใหพระวปิ สสีราชกุมารเสวยราชย โดยอาการทจี่ ะไมใ หพ ระวปิ สสรี าชกมุ ารเสดจ็ ออกผนวชเปน บรรพชติ โดยอาการที่จะใหถ อ ยคําของเนมติ ตพราหมณเปนผดิ ภิกษทุ งั้หลาย ไดยินวา ครั้งนน้ั พระวิปส สีราชกมุ ารเพยี บพรอมดว ยกามคณุ ๕ ไดรบัการบาํ รงุ บาํ เรออยู ฯลฯ

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 28 พระวปิ สสรี าชกุมารเหน็ เทวทูต [๓๖] ดูกรภกิ ษทุ ้ังหลาย พระวปิ ส สรี าชกมุ ารขณะเม่ือเสดจ็ ประพาสพระอทุ ยานไดท อดพระเนตรหมมู หาชนประชุมกัน และวอทีท่ ําดวยผาสตี าง ๆครนั้ ทอดพระเนตรแลว จงึ รับสัง่ ถามนายสารถีวา นายสารถีผูสหาย หมูม หา-ชนเขาประชุมกันทาํ ไม และเขาทาํ วอดว ยผาสีตา งๆ กันทําไม นายสารถีไดกราบทลู วา ขอเดชะ นีแ้ ลเรียกวา คนตาย พระวิปสสีราชกุมารไดตรัสสั่งวา นายสารถี ถาเชนน้ัน เธอจงขบั รถไปทางคนตายนน้ั . ดูกรภกิ ษุท้งั หลาย นายสารถรี บั คําสัง่ ของพระปสสรี าชกุมารแลว ไดขบั รถไปทางคนตายนน้ั ภิกษทุ ั้งหลาย พระวิปสสรี าชกุมารไดทอดพระเนตรคนตายไปแลว ไดต รสั เรียกนายสารถมี ารบั สัง่ ถามวา นายสารถีผูสหาย นหี้ รอืเรียกวาคนตาย. นายสารถีกราบทลู วา ขอเดชะ นแ้ี ลเรียกวา คนตาย บัดนี้ มารดาบิดาหรือญาติสาโลหิตอื่น ๆ จกั ไมเ หน็ เขา แมเ ขากจ็ กั ไมเ ห็นมารดาบิดาหรือญาติสาโลหติ อืน่ ๆ. นายสารถีผสู หาย ถงึ ตัวเรากจ็ ะตอ งมีความตายเปนธรรดา ไมลวงพนความตายไปไดหรอื พระเจา แผน ดิน พระเทวี หรอื พระญาตสิ าโลหิตอน่ื ๆจักไมเ ห็นเราหรือ แมเรากจ็ ักไมเ ห็นพระเจาแผน ดิน พระเทวี หรอื พระญาติสาโลหติ อื่น ๆ หรอื . ขอเดชะ พระองคแ ละขา พระพุทธเจาลวนแตจ ะตอ งมีความตายเปนธรรมดา ไมลวงพนความตายไปได พระเจาแผน ดิน พระเทวี หรอื พระญาติสาโลหติ อ่นื ๆ จกั ไมเหน็ พระองค แมพ ระองคกจ็ ะไมเห็น พระเจา แผนดนิพระเทวีหรอื พระญาติสาโลหติ อน่ื ๆ นายสารถีผูสหาย ถาเชน น้นั วนั นพ้ี อแลวสาํ หรับภมู ิภาคแหง สวน เธอจงนาํ เรากลบั ไปวังจากสวนน้ีเถดิ .

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 29 ดกู รภิกษทุ ง้ั หลาย นายสารถรี ับคาํ ส่ังของพระวปิ สสีราชกมุ ารแลว ไดนําเสด็จกลบั ไปวังจากอุทยานนน้ั . ดูกรภกิ ษุท้งั หลาย ไดยนิ วา คร้งั นนั้ พระวิปสสีราชกมุ ารเสด็จถงึ วงัแลว ทรงเปนทกุ ขเศราพระทยั ทรงพระดาํ รวิ า ผเู จรญิ ไดยินวา ขนึ้ ชอื่ วาความเกดิ เปนของนารงั เกยี จ เพราะธรรมดาวา เมือ่ ความเกิดมีอยู ความแกจักปรากฏความเจ็บจักปรากฏ ความตายจกั ปรากฏแกผูทเ่ี กดิ มาแลว . [๓๗] ดกู รภกิ ษทุ ้ังหลาย ครง้ั น้ันแล พระเจา พนั ธุมรับสง่ั หานายสารถีมาตรสั ถามวา นายสารถีผสู หาย ราชกมุ ารไดทรงอภิรมยใ นภมู ิภาคแหงสวนแลหรอื นายสารถผี ูส หาย ราชกมุ ารพอพระทยั ในภูมิภาคแหงสวนแลหรือนายสารถกี ราบทลู วา ขอเดชะ พระราชกมุ ารมไิ ดท รงอภิรมยใ นภมู ิภาคแหงพระอุทยาน ขอเดชะ พระราชกุมารมไิ ดทรงพอพระทยั ในภูมิภาคแหง พระ-อุทยานดงั นี้ ตรสั ถามตอ ไปวา นายสารถีผูสหาย กร็ าชกุมารขณะเมอ่ื เสร็จประพาสสวนไดท อดพระเนตรอะไรเขา. นายสารถีกราบทูลวา ขอเดชะ พระราชกุมารขณะเม่ือเสดจ็ ประพาสพระอทุ ยาน ไดทอดพระเนตรหมมู หาชนประชมุ กนั และวอทท่ี ําดว ยผา สีตา ง ๆแลวไดต รสั ถามขา พระพุทธเจา วา นายสารถผี สู หาย หมมู หาชนประชมุ กนั ทาํ ไมเขากระทาํ วอดว ยผาสีตาง ๆ กันทําไม เมื่อขา พระพทุ ธเจากราบทลู วา นแี้ ลเรยี กวา คนตาย พระองคไดต รสั ส่งั วา นายสารถผี ูสหาย ถา เชน นนั้ เธอจงขับรถไปทางคนตายนน้ั ขอเดชะ. ขา พระพุทธเจา รับคําสงั่ ของพระวิปส สีราชกุมารแลว ไดขับรถไปทางคนตายนนั้ ขอเดชะ พระราชกุมารไดท อดพระเนตรคนตายเขา แลวไดตรัสถามขาพระพทุ ธเจา วา นายสารถผี สู หาย น้ีหรือเรยี กวาคนตาย เมอ่ื ขาพระพทุ ธเจา กราบทลู วา ขอเดชะ น้ีแลเรยี กวาคนตายบัดนมี้ ารดาบดิ าและญาตสิ าโลหติ อืน่ ๆ จักไมเห็นเขา แมเ ขากจ็ กั ไมเ หน็ มารดา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 30บิดาหรอื ญาติสาโลหิตอนื่ ๆ ดังน้ี พระองคไดต รสั ถามวา นายสารถีผสู หายถึงตวั เรากจ็ ะตอ งมีความตายเปนธรรมดา ไมลว งพนความตายไปไดห รอืพระเจา แผนดิน พระเทวี หรอื พระญาตสิ าโลหิตอ่ืน ๆ จกั ไมเ ห็นเราหรอื แมเ รากจ็ กั ไมเห็นพระเจาแผนดนิ พระเทวีหรอื พระญาติสาโลหติ อ่นื ๆ หรอื เมอื่ขา พระพทุ ธเจา กราบทลู วา ขอเดชะ พระองคและขาพระพุทธเจาลว นแตจ ะตองมคี วามตายเปน ธรรมดา ไมล ว งพนความตายไปได พระเจา แผนดนิพระเทวี หรอื พระญาตสิ าโลหิตอน่ื ๆ จักไมเหน็ พระองค แมพระองคก็จกั ไมเห็นพระเจาแผน ดิน พระเทวี หรอื พระญาตสิ าโลหติ อน่ื ๆ ดังนี้ พระองคตรสัสงั่ วา นายสารถีผูสหาย ถา เชนนั้น วันนีพ้ อแลว สําหรบั ภมู ิภาคแหง สวน เธอจงนาํ เรากลบั ไปวงั จากสวนนี้ ขอเดชะ ขาพระพุทธเจา รับคําสั่งของพระวปิ สสีราชกุมารแลว ไดนําเสด็จกลบั ไปวงั จากพระอทุ ยานนน้ั ขอเดชะ พระราชกมุ ารน้ันแล เสด็จถึงวังแลวทรงเปน ทกุ ขเ ศรา พระทยั ทรงพระดาํ รวิ า ผเู จรญิไดย นิ วา ขน้ึ ชือ่ วา ความเกิดเปนของนา รังเกียจ เพราะเมอื่ ความเกดิ มีอยูความแกจ กั ปรากฏ ความเจ็บจักปรากฏ ความตายจักปรากฏ แกผทู ีเ่ กดิ มาแลว . ดูกรภิกษุท้ังหลาย ครัง้ นั้นแล พระเจาพันธุมทรงพระดําริวา วปิ ส สีราชกุมารอยาไมพงึ เสวยราชยเลย วปิ ส สรี าชกุมารอยา ออกผนวชเปนบรรพชติเลย ถอ ยคําของเนมติ ตพราหมณท งั้ หลายอยา เปนความจรงิ เลย. ดูกรภิกษทุ ้ังหลาย ครัง้ นน้ั แล พระเจาพนั ธุมไดรับสงั่ ใหบ ํารงุ บาํ เรอพระวปิ ส สีราชกมุ ารดวยกามคณุ ๕ ยง่ิ กวาแตกอน โดยอาการทีจ่ ะใหพระวปิ ส สีราชกมุ ารเสวยราชย โดยอาการท่จี ะไมใหพ ระวิปส สรี าชกุมารเสดจ็ ออกผนวชเปน บรรพชติ โดยอาการที่จะใหถ อ ยคาํ ของเนมติ ตพราหมณเ ปน ผดิ ภกิ ษุท้ังหลาย ไดย นิ วา ครง้ั น้ัน พระวปิ สสีราชกุมารเพยี บพรอ ม พรัง่ พรอมดวยกามคณุ ๕ ไดร ับการบํารงุ บําเรออย.ู

พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 31 [๓๘] ดกู รภกิ ษทุ ้งั หลาย คร้ังนัน้ แล โดยกาลลวงไปหลายป หลายรอ ยป หลายพนั ป พระวปิ ส สีราชกมุ ารไดต รสั เรียกนายสารถีมาส่ังวา นายสารถีผสู หาย เธอจงเทยี มยานทด่ี ี ๆ เราจะไปในสวนเพื่อชมพ้ืนท่ีอนั สวยสด ภกิ ษุทัง้ หลาย นายสารถีรบั คําสั่งของพระวปิ สสีราชกมุ ารแลว เทียมยานท่ีดี ๆเสรจ็ แลว ไดก ราบทูลแดพ ระวิปส สรี าชกุมารวา ขอเดชะ ขาพระพทุ ธเจาเทยี มยานทีด่ ี ๆ เสรจ็ แลว บัดนี้ พระองคทรงกาํ หนดเวลาอันสมควรเถิด. ดกู รภกิ ษทุ ้งั หลาย คร้งั นนั้ แล พระวิปสสีราชกมุ ารทรงยานที่ดีเสดจ็ประพาสพระอทุ ยานพรอ มกบั ยานที่ดี ๆ ทงั้ หลาย ภิกษุท้ังหลาย พระวปิ ส สีราชกมุ ารขณะเมอ่ื เสด็จประพาสพระอุทยานไดทอดพระเนตรบรุ ษุ บรรพชติศีรษะโลน นงุ หม ผากาสาวพสั ตร คร้นั ทอดพระเนตรแลว จงึ รับสัง่ ถามนายสารถวี า นายสารถีผูสหาย บรุ ุษนถี้ ูกใครทําอะไรให แมศีรษะของเขากไ็ มเหมอื นคนอน่ื ๆ แมผ า ทง้ั หลายของเขากไ็ มเ หมือนคนอนื่ ๆ นายสารถีกราบทูลวา ขอเดชะ นแี้ ลเรียกวา บรรพชิต. นายสารถีผูสหาย นหี้ รือเรยี กวา บรรพชติ . ขอเดชะ นี้แลเรียกวา บรรพชิต การประพฤติธรรมเปนความดี การประพฤตสิ ม่าํ เสมอเปน ความดี การพระพฤติกศุ ลเปนความดี การกระทําบุญเปน ความดี การไมเ บยี ดเบยี นเปนความดี การอนุเคราะหแ กห มสู ัตวเปนความดี. นายสารถผี ูส หาย ดลี ะ ทบี่ คุ คลนน้ั ไดนามวา บรรพชติ การประพฤติธรรมเปน ความดี การพระพฤตสิ ม่ําเสมอเปนความดี การประพฤตกิ ุศลเปนความดี การกระทําบุญเปนความดี การไมเบยี ดเบียนเปนความดี การอนเุ คราะหแกห มสู ตั วเ ปน ความดี นายสารถีผูส หาย ถา เชนน้นั เธอจงขบั รถไปทางบรรพชิตนน้ั .

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 32 ดูกรภิกษทุ ง้ั หลาย นายสารถีรบั คําสั่งของพระวิปสสรี าชกุมารแลวขบั รถไปทางบรรพชติ น้นั . ดูกรภิกษุทั้งหลาย คร้ังน้ันแล พระวปิ สสีราชกมุ ารไดตรสั ถามบรรพชิตน้นั วา สหาย ทา นถูกใครทําอะไรให แมศ ีรษะของทานกไ็ มเ หมือนของคนอ่ืนๆแมผ าทง้ั หลายของทานกไ็ มเหมอื นของคนอ่ืน ๆ. บรรพชติ น้นั ไดท ูลวา ขอถวายพระพร อาตมภาพแลชื่อบรรพชิต. สหาย ก็ทา นหรอื ช่ือบรรพชิต. ขอถวายพระพร อาตมภาพชื่อบรรพชติ การประพฤตธิ รรมเปนความดี การประพฤตสิ มาํ่ เสมอเปนความดี การประพฤตกิ ุศลเปน ความดี การกระทําบญุ เปนความดี การไมเบยี ดเบียนเปน ความดี การอนุเคราะหแ กหมูสตั วเปนความดี. ดีละสหาย ทีท่ า นไดนามวา บรรพชิต การประพฤตธิ รรมเปนความดีการประพฤติสมาํ่ เสมอเปนความดี การพระพฤติกุศลเปน ความดี การกระทาํ บญุเปนความดี การไมเ บียดเบียนเปนความดี การอนุเคราะหแกห มูส ัตวเ ปนความด.ี ดูกรภิกษุทง้ั หลาย ครงั้ นน้ั แล พระวปิ ส สรี าชกมุ ารไดตรสั เรยี กนายสารถมี าสงั่ วา นายสารถีผูส หาย ถา เชนนน้ั เธอจงนาํ รถกลับไปวงั จากสวนน้ีแหละ สวนเราจักปลงผมและหนวด นงุ หมผา กาสาวพสั ตร ออกบวชเปนบรรพชิต ณ สวนนแี้ หละ. พระวปิ สสีราชกุมารทรงผนวช ดูกรภกิ ษทุ ้ังหลาย นายสารถรี ับคาํ ส่งั ของพระวปิ สสีราชกุมารแลวไดพ ารถกลบั ไปยงั วงั จากสวนนนั้ สวนพระวิปส สรี าชกุมารไดทรงปลงพระเกศาและพระมัสสุ ทรงครองผากาสาวพสั ตร. เสดจ็ ออกทรงผนวชเปนบรรพชติแลว ณ พระอุทยานน้นั เอง.




































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook