พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 101[คอื ตอ งจตุ ิไป] เหมอื นลูกศรทส่ี ้ินแรงเร็วฉะนนั้ ถามวา สตั วน รกเหลาใด ทานกลา ววา มิใชอาศยั ผลแหง ความหมัน่ เปนอยู มิใชอ าศยั ผลแหง บุตรเปนอยู สตั วนรกเหลานนั้ มีอะไรเปนอาหาร. ตอบวา สตั วน รกเหลา น้นั มีกรรมอยางเดียวเปน อาหาร. ถามวา อาหารมี ๕ หรอื ตอบวาไมค วรพดู วา อาหารมี ๕ อาหารมีไมถ ึง ๕. ถามวา ปจจัยเปนอาหารมใิ ชหรือ. ตอบวา ทานกลา วไวอยา งนว้ี า เพราะฉะนน้ั สตั วท้งั หลายบังเกดิในนรกเพราะกรรมใด กรรมนั้นน่ันแหละเปนอาหาร เพราะเปนปจ จัยแหงการตง้ั อยูไดแ หง สัตวเหลาน้นั เพราะเหตนุ น้ั ทา นหมายเอากรรมใดจงึ กลา วคําน้ี สตั วนรกจะยังไมท ํากาละ ตราบเทาท่บี าปกรรมนน้ั ยงั ไมสน้ิ . แมป รารภกวฬิงการาหาร อาหารคอื คาํ ขาว กไ็ มค วรขัดแยง กนั ในเร่อื งอาหารนี้. ความจริง แมน ํา้ ลายทเ่ี กดิ ขึน้ ในปาก กส็ ําเร็จกจิ เปนอาหารสาํ หรบั สตั วเ หลาน้ัน. ดว ยวา นํ้าลายก็เปนทุกขเวทนียปจ จยั ปจ จัยท่ใี หเสวยทุกขใ นนรก เปน สุขเวทนยี ปจ จัย ปจ จัยท่ใี หเ สวยสขุ ในสวรรค.ดวยเหตนุ ้ี ในกามภพจึงมีอาหาร ๔ โดยตรง, ในบรรดารูปภพและอรูปภพ เวนอสญั ญภพ อาหาร ๓ ยอมมีแกพรหมทเ่ี หลอื , ปจ จยาหารยอ มมแี กอสัญญสตั วแ ละสตั วท่เี หลอื เพราะเหตนุ ัน้ จงึ ควรทราบวาสัตวทัง้ หมดต้งั อยไู ดด วยอาหาร โดยทาํ นองน.้ี ในเร่อื งอาหารนนั้ พงึทาํ การประกอบความในทที่ ุกแหง โดยอํานาจสจั จะ ๔ อยา งนวี้ า อาหาร๔ หรือปจจยาหารอยางใดอยา งหน่ึง เปนทุกขสจั . ตัณหากอน ๆ ซึง่ มีอาหารเปนสมฏุ ฐาน เปน สมทุ ยั สจั . ความไมเปน ไปแหงสจั จะท้งั ๒เปนนิโรธสัจ. ปญ ญาทร่ี อบรูน ิโรธสจั เปนมรรคสัจ. จบอรรถกถาปฐมมหาปญหาสูตรที่ ๗
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 102 ๘. ทุตยิ มหาปญ หาสตู ร วา ดว ยอบุ าสกชาวเมอื งกชงั คละถามปญ หากชงั คลาภกิ ษุณี [๒๘] สมัยหนง่ึ พระผูมีพระภาคเจาประทบั อยู ณ ปาไผ ใกลก ชัง-คลนคร ครั้งน้ันแล อุบาสกชาวเมืองกชงั คละมากดว ยกนั เขา ไปหากชงั คลาภิกษณุ ีถงึ ทีอ่ ยู อภวิ าทกชงั คลาภิกษุณแี ลว น่ัง ณ ท่คี วรสวนขางหนงึ่ ครั้นแลว ไดถามกชังคลาภกิ ษุณีวา ขาแตแมเจา พระดาํ รัสท่ีพระผมู พี ระภาคเจา ไดต รัสไวใ นมหาปญ หาทง้ั หลายวา ปญ หา ๑ อเุ ทศ๑ไวยากรณ ๑ ปญหา ๒ อเุ ทศ ๒ ไวยากรณ ๒ ปญหา ๓ อุเทศ ๓ไวยากรณ ๓ ปญ หา ๔ อุเทศ ๔ ไวยากรณ ๔ ปญหา ๕ อเุ ทศ ๕ไวยากรณ ๕ ปญ หา ๖ อุเทศ ๖ ไวยากรณ ๖ ปญ หา ๗ อุเทศ ๗ไวยากรณ ๗ ปญ หา ๘ อุเทศ ๘ ไวยากรณ ๘ ปญหา ๙ อเุ ทศ ๙ไวยากรณ ๙ ปญ หา ๑๐ อเุ ทศ ๑๐ ไวยากรณ ๑๐ ดังนี้ ขา แตแ มเ จาเน้ือความแหงพระดาํ รัสพระผมู ีพระภาคเจาตรสั โดยยอน้ี จะพึงเห็นโดยพิสดารไดอ ยางไรหนอ. กชังคลภกิ ษณุ ตี อบวา ดูกอนทา นผูมอี ายุท้ังหลาย พระดํารัสน้ีเราไดส ดับรบั ฟงหาแลว ในทเี่ ฉพาะพระพกั ตรของพระผูมพี ระภาคเจาก็หามไิ ด เราไดส ดบั รบั ฟง มาแลว ในทีเ่ ฉพาะหนาของภิกษทุ ั้งหลายผสู ําเร็จทางใจก็หามิได ก็แตวา เนอื้ ความในพระพุทธภาษิตน้ยี อมปรากฏแกเ ราอยา งไร ทา นท้ังหลายจงฟงเทอ ความแหง พระพทุ ธภาษติ นั้นอยา งนน้ั จงทาํ ไวใ นใจใหดี เราจักกลา ว พวกอบุ าสกชาวเมืองกชงั คละรบั คําของกชังคลาภกิ ษณุ ีแลว กชังคลาภิกษณุ ีไดกลา ววา กพ็ ระดาํ รสั ที่พระผูมพี ระภาคเจา ไดตรัสแลว วา ปญหา ๑ อเุ ทศ ๑ ไวยากรณ ๑
พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 103ดังน้ี พระองคท รงอาศยั อะไรตรัสแลว ดกู อ นผูมีอายุทงั้ หลาย ภิกษเุ ม่ือหนา ยโดยชอบ คลายกําหนัดโดยชอบ หลุดพน โดยชอบ มปี กติเห็นทีส่ ดุ โดยชอบ บรรลุประโยชนโดยชอบ ในธรรมอยา ง ๑ ยอมเปนผูทําทีส่ ุดทุกขไดใ นปจจบุ ัน ในธรรมอยาง ๑ เปน ไฉน คอื สัตวทั้งปวงมีอาหารเปนท่ีตง้ั ดกู อ นผูมอี ายทุ ั้งหลาย ภกิ ษเุ มื่อหนา ยโดยชอบ คลายกําหนดั โดยชอบ หลดุ พนโดยชอบ มีปกตเิ หน็ ทส่ี ุดโดยชอบ บรรลุประโยชนโดยชอบ ในธรรมอยา ง ๑ นี้แล ยอ มเปน ผทู าํ ทส่ี ุดทุกขไดในปจจุบนั พระดาํ รัสทพี่ ระผูมพี ระภาคเจา ตรัสแลววา ปญหา ๑ อุเทศ ๑ไวยากรณ ๑ ดังน้ี พระองคทรงอาศัยขอนน้ี ตี้ รัสแลว. กพ็ ระดาํ รสั ทพี่ ระองคตรัสวา ปญ หา ๒ อเุ ทศ ๒ ไวยากรณ ๒ดงั น้ี พระองคท รงอาศัยอะไรตรสั แลว ดูกอนผูม อี ายทุ ้ังหลาย ภกิ ษุเมื่อหนา ยโดยชอบ คลายกําหนัดโดยชอบ หลดุ พนโดยชอบ มปี กตเิ หน็ทส่ี ุดโยชอบ บรรลุประโยชนโ ดยชอบ ในธรรม ๒ อยา ง ยอมเปนผทู าํ ท่สี ดุ ทกุ ขไดในปจ จุบนั ในธรรม ๒ อยางเปนไฉน คอื ในนาม ๑ในรูป ๑. กพ็ ระดํารสั ท่พี ระผูมพี ระภาคเจาตรสั วา ปญหา ๓ อุเทศ ๓ไวยากรณ ๓ ดงั น้ี พระองคท รงอาศยั อะไรตรัสแลว ดูกอนผมุ ีอายุท้งั หลาย ภกิ ษเุ มอื่ หนา ยโดยชอบ คลายกาํ หนดั โดยชอบ หลุดพน โดยชอบ มีปกตเิ หน็ ทีส่ ุดโดยชอบ บรรลุประโยชนโ ดยชอบ ในธรรม ๓อยา ง ยอ มเปน ผทู าํ ท่ีสดุ ทกุ ขไ ดในปจจบุ ัน ในธรรม ๓ อยางเปน ไฉนคือ ในเวทนา ๓. ก็พระดาํ รัสท่ีพระผมู ีพระภาคเจาตรัสวา ปญหา ๔ อุเทศ ๔
พระสุตตันตปฎก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 104ไวยากรณ ๔ ดงั น้ี พระองคท รงอาศัยอะไรตรัสแลว ดูกอนทา นผมู ีอายุทงั้ หลาย ภกิ ษผุ มู จี ิตอนั อบรมดแี ลว โดยชอบ มีปกตเิ หน็ ทส่ี ดุ โดยชอบบรรลปุ ระโยชนโดยชอบ ในธรรม ๔ อยาง ยอ มเปนผทู าํ ทส่ี ุดทุกขไ ดในปจจบุ นั ในธรรม ๔ อยา งเปนไฉน คือ ในสตปิ ฏ ฐาน ๔ ดกู อนผูมอี ายทุ งั้ หลาย ภกิ ษุผูมจี ิตอนั อบรมดีแลว โดยชอบ มปี กตเิ หน็ ทส่ี ดุโดยชอบ ในธรรม ๔ อยางนีแ้ ล ยอ มเปนผทู ําที่สดุ ทุกขไดใ นปจจุบันพระดํารัสที่พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั วา ปญหา ๔ อเุ ทศ ๔ ไวยากรณ ๔ดังน้ี พระองคทรงอาศยั ขอน้ตี รัสแลว . พระดํารัสที่พระผูม พี ระภาคเจา ตรัสวา ปญ หา ๕ อุเทศ ๕ไวยากรณ ๕ ดังนี้ พระองคท รงอาศยั อะไรตรสั แลว ดกู อนผมู ีอายุทัง้ หลาย ภิกษุผูม จี ิตอันจิตดแี ลวโดยชอบ มีปกตเิ หน็ ทีส่ ุดโดยชอบบรรลุประโยชนโดยชอบ ในธรรม ๕ ยอมเปน ผูทําทีส่ ุดทุกขไดในปจ จุบัน ในธรรม ๕ อยา งเปน ไฉน คอื ในอนิ ทรีย ๕.... ในธรรม ๖อยา งเปน ไฉน คือ ในนสิ สรณียธาตุ ๖. .. ในธรรม ๗ อยา งเปน ไฉนคอื ในโพชฌงค ๗ ... ในธรรม ๘ อยา งเปน ไฉน คอื ในอริยมรรคมีองค ๘ ... ดูกอนผมู อี ายุท้ังหลาย ภกิ ษผุ มู จี ติ อันอบรมดแี ลว โดยชอบมีปกติเห็นทสี่ ดุ โดยชอบ บรรลปุ ระโยชนโดยชอบ ในธรรม ๘ อยางนี้แล ยอมเปน ผทู าํ ท่ีสุดทกุ ขไ ดใ นปจจบุ ัน พระดาํ รัสทพี่ ระผูมีพระภาคเจาตรสั วา ปญ หา ๘ อุเทศ ๘ ไวยากรณ ๘ ดงั น้ี พระองคท รงอาศัยขอ นตี้ รัสแลว . ก็พระดาํ รัสที่พระผมู ีพระภาคเจาตรัสวา ปญ หา ๙ อุเทศ ๙ไวยากรณ ๙ ดังนี้ พระองคท รงอาศยั อะไรตรสั แลว ดูกอนมอี ุเทศทั้งหลาย
พระสุตตนั ตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาที่ 105ภกิ ษุเมื่อหนายโดยชอบ คลายกําหนัดโดยชอบ หลุดพนโดยชอบมปี กตเิ ห็นทีส่ ุดโดยชอบ บรรลุประโยชนโดยชอบ ในธรรม ๙ อยา งยอมเปน ผูทําที่สุดทุกขไ ดในปจ จบุ นั ในธรรม ๙ อยางเปน ไฉน คือในสัตตาวาส ๙ ดกู อ นผมู อี ายุทงั้ หลาย ภิกษุเม่ือหนา ยโดยชอบ คลายกําหนดั โดยชอบ มปี กตเิ ห็นที่สดุ โดยชอบ บรรลปุ ระโยชนโ ดยชอบในธรรม ๙ อยา งน้แี ล ยอ มเปนผูทําที่สุดทุกขไ ดใ นปจ จุบัน พระดาํ รสัที่พระผมู พี ระภาคเจาตรสั วา ปญหา ๙ อุเทศ ๙ ไวยากรณ ๙ ดังน้ีพระองคท รงอาศัยขอนตี้ รัสแลว ฯ กพ็ ระดํารัสที่พระผูมีพระภาคเจา ตรัสวา ปญหา ๑๐ อุเทศ ๑๐ไวยากรณ ๑๐ ดังนี้ พระองคทรงอาศัยอะไรตรสั แลว ดูกอ นผูมีอายุทง้ั หลาย ภกิ ษุผูมจี ติ อนั อบรมดีแลวโดยชอบ มีปกติเหน็ ท่ีสดุ โดยชอบบรรลุประโยชนโดยชอบ ในธรรม ๑๐ อยาง ยอ มเปนผทู ําทส่ี ดุ ทุกขไ ดในปจจุบนั ในธรรม ๑๐ อยา งเปน ไฉน คอื ในกศุ ลธรรม ๑๐ ดกู อ นผูม ีอายุทัง้ หลาย ภกิ ษผุ มู ีจิตอันอบรมดแี ลวโดยชอบ มปี กติเห็นที่สุดโดยชอบ บรรลุประโยชนโดยชอบ ในธรรม ๑๐ อยางนแี้ ล ยอมเปนผทู าํ ทสี่ ดุ ทุกขไ ดใ นปจ จุบัน พระดํารัสท่ีพระผูม ีพระภาคเจา ตรัสวาปญ หา ๑๐ อเุ ทศ ๑๐ ไวยากรณ ๑๐ ดงั น้ี พระองคทรงอาศัยขอน้ีตรสั แลว. ดูกอ นผมู อี ายุทงั้ หลาย พระดํารสั ท่ีพระผูมพี ระภาคเจา ตรัสในมหาปญหาทงั้ หลายวา ปญ หา ๑ อุเทศ ๑ ไวยากรณ ๑ ฯลฯ ปญหา ๑๐อุเทศ ๑๐ ไวยากรณ ๑๐ เรายอ มรทู ัว่ ถงึ เนื้อความแหง พระดํารัสท่ีพระผมู ีพระภาคเจาตรสั ไวโดยยอน้ี โดยพิสดารอยางนี้ ดังนแี้ ล ดูกอ น
พระสุตตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาที่ 106ผูมอี ายุท้ังหลาย ก็แล ทา นทัง้ หลายจํานงอยู พึงเขา ไปเฝา พระผูม ีพระ-ภาคเจา แลว ทลู สอบถามความขอน้ี พระผมู ีพระภาคเจาของเราทรงพยากรณอยางใด ทานท้ังหลายพงึ ทรงจาํ ความนน้ั ไวอ ยางนัน้ เถดิ . พวกอุบาสกชาวเมอื งชังคละรบั คําวา อยางนั้นแมเ จา แลว ชน่ื ชมอนโุ มทนาภาษิตของกชังคลาภิกษุณี ลุกจากอาสนะ อภวิ าทกชงั คลาภิกษณุ ีทาํ ประทักษณิ แลว ไดเ ขา ไปเฝา พระผูมพี ระภาคเจาถงึ ทป่ี ระทบั ถวายบงั คมพระผมู พี ระภาคเจา แลว นงั่ ณ ทีค่ วรสวนขางหน่ึง คร้นั แลว จงึ กราบทลูถอยคําทสี่ นทนากับกชังคลาภกิ ษุณีน้นั ท้งั หมดแดพ ระผมู ีพระภาคเจา. พระผูม พี ระภาคเจา ตรัสวา ดีละ ๆ คหบดที ง้ั หลาย กชงั คลา-ภิกษณุ ีเปน บณั ฑิต มปี ญญามาก ดูกอนคหบดที ้งั หลาย ถาแมทานทง้ั หลายพึงเขามาหาเราแลว ถามเนื้อความน้ีไซร แมเ ราก็พึงพยากรณเนื้อความเหมือนอยางที่กชังคลาภิกษุณพี ยากรณแ ลว และเนือ้ ความของคาํ นนั้คอื น้แี หละ ทา นทั้งหลายพงึ ทรงจาํ เนือ้ ความไวอยางน้ันแหละ. จบทตุ ิยมหาปญหาสูตรที่ ๘ อรรถกถาทตุ ิยมหาปญ หาสูตรท่ี ๘ ทตุ ยิ มหาปญ หาสูตรที่ ๘ พงึ ทราบวินจิ ฉยั ดังตอไปนี้. บทวา กชงฺคลาย ไดแก นครมีชอ่ื อยา งน.ี้ บทวา กชงคฺ ลาแปลวา ชาวกชังคลานคร. บทวา มหาปเฺ หสุ ไดแก ปญ หาที่กาํ หนดขอความใหญ ๆ. บทวา ยถาเมตถฺ ขายติ ความวา ปรากฏแกขา พเจาในขอนี้โดยประการใด. บทวา สมมฺ าสุภาวิตจติ ฺโต ไดแก ผมู ีจิตอบรมดวยดี โดยเหตุ โดยนัย. บทวา เอโส เจว ตสสฺ อตฺโถ ความวา ปญหา
พระสตุ ตันตปฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 107เปน ตน วา จตตฺ าโร ธมมฺ า ธรรม ๔ ประการ พระผมู ีพระภาคเจาทรงวสิ ชั นา วา จตตฺ าโร อาหารา อาหาร ๔ อยาง ดังนีเ้ ปน ตนก็จรงิ อยู ถึงอยางน้นั เพราะเหตนุ ้เี ม่ือกาํ หนดรูอาหาร ๔ แลว สตปิ ฏ-ฐาน ๔ ก็เปน อนั อบรมแลว และเมือ่ อบรมสติปฏ ฐาน ๔ แลว อาหาร๔ กเ็ ปนอันกําหนดรูแลว ฉะนั้น ในปญ หาขอ น้ี จึงตางกนั แตเ พยี งพยัญ-ชนะเพราะความงดงามแหง เทศนาเทา น้ัน สวนใจความก็อนั เดยี วกนั น้นัเอง ในธรรมมอี นิ ทรยี เ ปน ตน ก็นยั นเี้ หมือนกัน. ดว ยเหตนุ น้ั ตรสั วาน้นั น่นั แล เปนใจความแหง ภาษิตสังเขปของตถาคตนั้น. จรงิ อยู วา โดยความแมท้ัง ๒ คาํ น้ัน ก็เปน เหมือนนทองทก่ี ลวงในภายในฉะน้นั . จบอรรถกถาทุตยิ มหาปญ หาสูตรที่ ๘ ๙. ปฐมโกสลสูตร วาดวยพระผมู พี ระภาคเจา ทรงแกค ํากลาวตู ของสมระพราหมณนอกศาสนา [๒๙] ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย กาสีและโกศลชนบทมปี ระมาณเทา ใดแวน แควน ของพระเจาปเสนทิโกศลมปี ระมาณเทา ใด พระเจาปเสนทโิ กศลประชาชนกลาววาเปนผูเลิศในกาสีและโกศลชนบท และแวน แควนประ-มาณเทานน้ั ดูกอนภิกษทุ ัง้ หลาย ความเปนอยา งอื่นมีอยโู ดยแท ความแปรปรวนมีอยแู มแกพ ระเจา ปเสนทโิ กศล ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย อริยสาวกผูไดส ดบั เหน็ อยอู ยา งนี้ ยอมหนา ยแมใ นความดํารงอยใู นสมบตั ินั้น เมอื่หนายในความดํารงอยูในสมบตั นิ ั้น ยอ มคลายกาํ หนดั ในความเลิศแหงสมบัติ จะปวยกลา วไปไยในสง่ิ ท่ีเลวเลา.
พระสุตตันตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 108 ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย ดวงจันทรและดวงอาทติ ยยอ มหมุนเวยี นสองทศิ ใหไ พโรจนอ ยใู นทีม่ ีประมาณเทาใด โลกธาตพุ นั หนง่ึ มีอยใู นทม่ี ีประ-มาณเทานั้น ในโลกธาตพุ นั หน่ึงนน้ั ดวงจันทรพ นั ดวง ดวงอาทติ ยพนั ดวง ขุนเขาสเิ นรุหนึง่ พนั ชมพทู วปี พนั ทวปี อมรโคยานพนั ทวีปอตุ ตรกรุ ุพันทวีป ปพุ พวเิ ทหะพันทวปี มหาสมุทรสีพ่ ัน เทวโลกชัน้ มหาราชสพ่ี ัน ชันจาตุมหาราชิกาหน่ึงพนั ช้ันดาวดึงสห นง่ึ พันชัน้ ยามาหนง่ึ พนั ชนั้ ดุสิตหน่ึงพนั ชั้นนมิ มานรดหี นึ่งพัน ชนั้ ปรนมิ มิต-วสวัตดหี นึง่ พนั ชัน้ พรหมโลกหน่ึงพัน ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย พนั โลก-ธาตมุ ีประมาณเทา ใด ทา วมหาพรหม โลกกลา ววาเปนเลศิ ในพนั โลกธาตุน้นั ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ความเปนอยา งอน่ื มอี ยู ความแปรปรวนกม็ อี ยแู มแกท า วมหาพรหม ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย อรยิ สาวกผูไดส ดบั เหน็ อยูอยางน้ียอ มหนา ยแมใ นพนั โลกธาตุนัน้ เมื่อหนายในพนั โลกธาตุนัน้ ยอ มคลายกําหนัดในความเปนผเู ลิศ จะปว ยกลา วไปไยในส่ิงท่ีเลวเลา . ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย สมยั ที่โลกนพี้ ินาศมอี ยู ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลายเมื่อโลกพนิ าศอยู สัตวท ง้ั หลายยอมเปน ไปในพรหมโลก ช้ันอาภสั สระโดยมาก สัตวเ หลาน้ันเปนผสู าํ เร็จแลวดวยใจ มีปตเิ ปน ภกั ษา มีแสงสวา งในตอ ง เทีย่ วไปไดในอากาศ มปี กตดิ าํ รงอยูไดดว ยดี ยอ มดาํ รงอยูในพรหมโลกช้นั อาภัสสระนนั้ ตลอดกาลยืดยาวนาน ดกู อนภิกษุทั้งหลายเม่ือโลกพินาศอยู อาภสั สรเทพทง้ั หลาย โลกกลา ววา เปนผูเลิศ ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย ความเปน อยา งอื่นมอี ยแู ท ความแปรปรวนก็มีแมแ กลาภสั สรเทพทงั้ หลาย ดกู อนภิกษุท้งั หลาย อริยสาวกผไู ดส ดบั เหน็ อยูอยา งนี้ ยอมหนายแมในพรหมโลกช้ันอาภัสสระน้นั เมือ่ หนา ยในพรหมโลกช้นั
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 109อาภสั สระนน้ั ยอ มคลายกําหนดั ในความเปน ผูเลศิ จะปวยกลา วไปไยในส่ิงทเี่ ลวเลา . ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย บอเกิดแหงกสณิ ๑๐ ประการนี้ ๑๐ ประการเปน ไฉน คอื บคุ คลผูหนึ่ง ยอมจําปฐวีกสิณในเบ้ืองบน เบอ้ื งต่าํ เบือ้ งขวาง ไมม สี อง หาประมาณมิได บคุ คลผูหน่งึ ยอมจาํ อาโปกสณิ ... บคุ คลผหู นึ่งยอ มจาํ เตโชกสณิ ... บุคคลผหู นง่ึ ยอมจาํ วาโยกสณิ ... บคุ คลผหู นึง่ยอมจาํ นีลกสณิ ... บคุ คลผูห นง่ึ ยอ มจําปตกสณิ ... บุคคลผูหน่ึงยอมจําโลหิตกสิณ ... บคุ คลผูหน่ึงยอ มจําโอทาตกสิณ... บคุ คลผหู น่ึงยอ มจําอากาสกสิณ ... บคุ คลผหู นึ่งยอมจาํ วิญญาณกสณิ ในเบอ้ื งบน เบ้อื งต่าํเบ้อื งขวาง ไมม สี อง หาประมาณมิได ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย บอเกิดแหงกสิณ ๑๐ ประการนแ้ี ล ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย บรรดาบอ เกิดแหงกสณิ ๑๐ประการน้ี วญิ ญาณกสณิ ในเบื้องบน เบื้องต่ํา เบื้องขวาง ไมมสี องหาประมาณมไิ ด ทบี่ คุ คลผูหนึ่งจาํ ได เปน ยอด สตั วท้งั หลาย แมผ มู ีสัญญาอยางนี้แลมอี ยู ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย ความเปน อยา งอ่ืนมอี ยูแทความแปรปรวนกม็ ีอยูแกส ตั วท้งั หลายแมม สี ญั ญาอยางนีแ้ ล ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย อรยิ สาวกผูไ ดสดบั เห็นอยา งน้ี ยอ มหนายแมในบอเกดิ แหงกสณิ เมื่อหนา ยในบอเกดิ แหง กสณิ นั้น ยอมคลายกําหนัดในสิ่งท่ีเลศิจะปวยกลา วไปไยในสิง่ ที่เลวเลา . ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย อภิภายตนะ ๘ ประการนี้ ๘ ประการเปนไฉนคือคนหนึง่ มีรูปสญั ญาในภายใน เห็นรูปทัง้ หลายในภายนอกเลก็ นอย ทง้ั ท่ีผวิ พรรณดี ทัง้ ทม่ี ผี วิ พรรณทราม ก็มีสญั ญาอยา งนี้วา เรารเู ราเห็นยา่ํ ยีรูปเหลา น้ัน นีเ้ ปน อภภิ ายตนะประการท่ี ๑.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 110 คนหน่ึงมรี ปู สัญญาภายใน เหน็ รปู ทง้ั หลายในภายนอกไมม ปี ระมาณท้ังทีม่ ีผิวพรรณดี ทัง้ ทมี่ ีผิวพรรณทราม ก็มสี ัญญาอยา งนว้ี า เรารูเราเหน็ย่าํ ยีรูปเหลา นั้น น้ีเปน อภภิ ายตนะประการที่ ๒. คนหนง่ึ มอี รูปสัญญาในภายใน เห็นรปู ทง้ั หลายในภายนอกเล็กนอ ยทงั้ ที่มีผิวพรรณดี ท้งั ท่ีมผี วิ พรรณทราม กม็ ีสัญญาอยางนี้วา เรารเู ราเห็นย่าํ ยรี ูปเหลาน้ัน น้ีเปนอภภิ ายตนะประการที่ ๓. คนหนง่ึ มอี รปู สัญญาในภายใน เห็นรปู ท้งั หลายในภายนอกไมม ีประมาณ ทง้ั ท่มี ผี ิวพรรณดี ท้ังทมี่ ีผวิ พรรณทราม ก็มสี ัญญาอยางนว้ี าเรารเู ราเหน็ ยาํ่ ยรี ูปเหลา นัน้ นี้เปนอภภิ ายตนะประการที่ ๔. คนหนงึ่ มีอรูปสัญญาในภายใน เห็นรูปทงั้ หลายในภายนอกเขียวมีสีเขยี ว รศั มีเขียว แสงสวา งเขยี ว เปรียบเหมอื นดอกผกั ตบเขยี ว มีสีเขยี วรศั มเี ขยี ว แสงสวางเขยี ว ฉันใด หรือเปรียบเหมือนผา เมอื งพาราณสี มีเนือ้ เกลย้ี งเกลาทงั้ สองขาง เขยี ว มสี ีเขียว รศั มเี ขยี ว แสงสวา งเขยี ว ฉนั ใดคนหนงึ่ มีอรูปสญั ญาในภายใน เห็นรูปท้งั หลายในภายนอกเขียว มีสีเขยี วรัศมเี ขยี ว แสงสวา งเขียว กม็ ีสัญญาอยา งนี้วา เรารูเราเหน็ ยา่ํ ยีรปู เหลานนั้ ฉนั นั้น น้เี ปนอภิภายตนะประการที่ ๕. คนหนึง่ มอี รปู สัญญาในภายใน เหน็ รูปทงั้ หลายในภายนอกเหลอื ง มีสีเหลือง รศั มเี หลอื ง แสงสวา งเหลอื ง เปรยี บเหมอื นดอกกรรณกิ ารเหลอื งมสี ีเหลือง มีรศั มเี หลอื ง แสงสวา งเหลอื ง ฉันใด หรอื เปรียบเหมอื นผาเมืองพาราณสี มีเนอื้ เกลย้ี งเกลาทง้ั สองขา ง เหลือง มีสเี หลอื ง มรี ัศมีเหลอื ง แสงสวา งเหลอื ง ฉนั ใด คนหนึ่งมีอรปู สัญญาในภายใน เหน็ รปูทั้งหลายในภายนอกเหลอื ง มีสีเหลอื ง มีรศั มเี หลอื ง แสงสวางเหลือง
พระสุตตันตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 111ก็มีสัญญาอยา งน้วี า เรารเู ราเห็นยํ่ายีรปู เหลา นั้น ฉนั นัน้ นี้เปนอภิภายตนะประการ ๖. คนหน่ึงมีอรูปสัญญาในภายใน เห็นรูปทัง้ หลายในภายนอกแดง มีสีแดง รศั มีแดง แสงสวางแดง เปรยี บเหมอื นดอกเสงแดง มีสแี ดง รัศมีแดง แสงสวางแดง ฉนั ใด หรือเปรียบเหมอื นผา เมืองพาราณสี มีเน้ือเกลี้ยงเกลาทัง้ สองขาง แดง รศั มแี ดง แสงสวางแดง ฉนั ใด คนหนึ่งมอี รูปสัญญาในภายใน เหน็ รูปทงั้ หลายในภายนอกแดง มีสแี ดง มีรัศมีแดง แสงสวางแดง ก็มีสญั ญาอยางนีว้ า เรารเู ราเห็นยํา่ ยรี ปู เหลา น้นัฉันนนั้ นีเ้ ปน อภิภายตนะประการที่ ๗. คนหนงึ่ มีอรูปสัญญาในภายใน เหน็ รูปท้ังหลายในภายนอกขาวมีสีขาว รศั มีขาว แสงสวางขาว เปรียบเหมอื นดาวประกายพฤกษขาว มีสขี าว มรี ัศมีขาว แสงสวา งขาว ฉันใด หรอื เปรียบเหมอื นผาเมืองพาราณสีมีเนื้อเกล้ยี งเกลาทั้งสองขา ง ขาว มีสขี าว รัศมีขาว แสงสวา งขาว ฉันใดคนหน่ึงมอี รูปสญั ญาในภายใน เหน็ รูปทั้งหลายในภายนอกขาว มสี ขี าว รัศมีขาว แสงสวา งขาง ก็มสี ัญญาอยา งนว้ี า เรารูเ ราเห็นยํา่ ยรี ูปเหลา น้นั ฉนั นั้นน้ีเปนอภิภายตนะประการที่ ๘. ดูกอนภิกษุท้ังหลาย อภิภายตนะ ๘ ประ-การนแี้ ล บรรดาอภิภายตนะ ๘ ประการนี้ อภิภายตนะประการที่ ๘ คือคนหนงึ่ มอี รูปสญั ญาในภายใน เหน็ รูปท้ังหลายในภายนอกขาว มีสีขาวมรี ัศมีขาว แสงสวา งขาว กม็ สี ญั ญาอยางน้ีวา เรารเู ราเหน็ ยํ่ายีรปู เหลานน้ั นี้เปนเลิศ ดกู อนภิกษุทั้งหลาย สตั วทง้ั หลายแมผ ูมสี ญั ญาอยา งน้ีแลมีอยู ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย ความเปนอยา งอน่ื มอี ยูแท ความแปรปรวนมอี ยแู กส ตั วท ้งั หลายแมม ีสญั ญาอยา งนี้ ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย อริยสาวกผู
พระสตุ ตันตปฎก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 112ไดส ดบั เห็นอยูอยางน้ี ยอ มหนา ยแมในอภิภายตนะนั้น เมือ่ หนายในอภิภายตนะน้ัน ยอ มคลายกําหนดั ในส่งิ ท่เี ลศิ จะปว ยกลาวไปไยในส่งิ ที่เลวเลา . ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย ปฏปิ ทา ๔ ประการนี้ ๔ ประการเปนไฉน คือปฏบิ ัตลิ ําบากทั้งรไู ดช า ๑ ปฏบิ ัตลิ ําบากแตรูไดเร็ว ๑ ปฏบิ ตั สิ ะดวกแตร ูไดชา ๑ ปฏิบตั สิ ะดวกทั้งรูไ ดเรว็ ๑ ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ปฏปิ ทา ๔ประการนี้แล ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย บรรดาปฏปิ ทา ๔ ประการนี้ ปฏิบตั ิสะดวกทง้ั รูไดเ ร็วเปนเลศิ ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย สัตวท ้ังหลายแมผ ูป ฏบิ ตั ิอยางนแี้ ลมีอยู ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย ความเปนอยางอน่ื มีอยแู ท ความแปร-ปรวนมอี ยแู กส ัตวทัง้ หลายแมปฏิบัติอยางน้ี ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย อรยิ -สาวกผไู ดสดบั เห็นอยูอ ยางนี้ ยอมหนายแมใ นปฏปิ ทานนั้ เมื่อหนายในปฏปิ ทานนั้ ยอ มคลายกําหนัดในสิ่งทีเ่ ลศิ จะปว ยกลา วไปไยสิ่งท่ีเลวเลา . ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย สญั ญา ๔ ประการน้ี ๔ ประการเปนไฉนคือ คนหนง่ึ ยอมจําปริตตารมณ๑ คนหนึง่ ยอ มจํามหัคคตารมณ๒ คนหนง่ึยอ มจาํ อปั ปมาณารมณ๓ คนหน่ึงยอมจาํ อากญิ จญั ญายตนะ๔วา หนอยหน่ึงไมม ี ดงั น้ี ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย สญั ญา ๔ ประการน้แี ล ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย บรรดาสญั ญา ๔ ประการน้ี อากิญจญั ญายตนะที่คนหน่ึงจําไดวาหนอยหนึ่งไมม ี ดงั นี้ เปนเลศิ ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย สัตวท ั้งหลายแมมีสัญญาอยา งน้แี ลมีอยู ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย ความเปนอยา งอนื่ มีอยแู ทความแปรปรวนมอี ยูแกสัตวท ง้ั หลายแมผูมีสัญญาอยางน้ี ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย อรยิ สาวกผไู ดสดับเหน็ อยอู ยา งนี้ ยอมหนา ยแมใ นสญั ญานนั้ เม่อื๑. กามาวจรสัญญา. ๒. รูปาวจรสัญญา. ๓. โลกุตรสญั ญา. ๔. อากิญจญั ญายตนะ.
พระสุตตนั ตปฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 113หนา ยในสญั ญานน้ั ยอมคลายกําหนดั ในส่ิงที่เลิศ จะปวยกลา วไปไยในสง่ิท่เี ลาเลา. ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย บรรดาทฏิ ฐนิ อกศาสนา ทฏิ ฐวิ า ถา เราจกั ไมไดม ีแลวไซร อตั ภาพนีไ้ มพงึ มแี กเ รา ถาเราจักไมมีไซร ความหวงในอะไรจกั ไมมแี กเรา ดงั น้ี เปน เลศิ ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย ผูม ที ฏิ ฐอิ ยางนพ้ี ึงหวังขอน้ไี ดว า ความท่ีใจไมชอบในภพจกั ไมม ีแกเ ขา และความทใ่ี จชอบในความดับภพจักไมม แี กเขา ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย สัตวท งั้ หลายผูมีทิฏฐิอยางนี้แลมอี ยู ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย ความเปนอยางอืน่ มีอยแู ท ความแปรปรวนมีอยแู กส ัตวท ้งั หลายผูมที ิฏฐอิ ยางนี้ ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย อริยสาวกผไู ดสดับเห็นอยูอยา งน้ี ยอมหนายแมในทิฏฐนิ ั้น เมื่อหนา ยในทิฏฐิน้ันยอ มคลายกําหนัดในสิง่ ท่ีเลิศ จะปว ยกลา วไปไยในส่งิ ทเ่ี ลาเลา. ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย สมณพราหมณพวกหน่งึ ยอ มบญั ญัตคิ วามหมดจดในสตั วผูสูงสดุ มีอยู ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย ผทู ่กี า วลวงอากิญจัญญายตนะโดยประการทั้งปวงเขาถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะอยนู ั้น เลิศกวา บรรดาสมณพราหมณผ ูบัญญัตคิ วามหมดจดในสตั วผ ูสงู สุด สมณพราหมณเหลานั้นรูยิง่ แลว ซงึ่ เนวสญั ญานาสญั ญายตนะน้ัน ยอ มแสดงธรรมเพื่อทําใหแ จงซ่ึงเนวสัญญานาสัญญายตนะน้นั ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย สัตวท งั้ หลายแมผ ูมีวาทะอยา งนแ้ี ลมอี ยู ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย ความเปน อยา งอน่ื มอี ยูแทความแปรปรวนมีอยูแมแกสตั วท ้ังหลายผูม วี าทะอยางน้ี ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั -หลาย อริยสาวกผไู ดสดับเหน็ อยูอยางนี้ ยอ มหนายแมในเนวสัญญา-นาสัญญายตนะนัน้ เม่อื หนา ยยอมคลายกาํ หนดั ในสิ่งท่ีเลิศ จะปวยกลาวไปไยในสง่ิ ที่เลวเลา.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 114 ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย สมณพราหมณพวกหนึง่ บัญญัตินิพพานอนั ยอดยง่ิ ในปจ จบุ ันมีอยู ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ความหลดุ พนเพราะไมถ อื ม่ันเพราะรูความเกดิ ความดบั คุณ โทษ และอุบายเคร่อื งสลดั ออกแหงผสั สายตนะ ๖ ประการ เลศิ กวา การบัญญัตินิพพานอนั ยอดย่ิงในปจ จบุ นัแหงสมณพราหมณ ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย สมณพราหมณพ วกหนึ่งยอมกลาวตูเราผมู ีวาทะอยางนี้ ผกู ลา วอยา งน้ี ดว ยคาํ ไมจริง ดวยคาํ เปลา ดว ยคําเทจ็ดวยคําไมเปนจริงวา พระสมณโคดมไมบญั ญตั ิความกาํ หนดรูกามท้งั หลายไมบัญญัติความกาํ หนดรรู ูปทง้ั หลาย ไมบญั ญัตคิ วามกาํ หนดรูเ วทนาท้งั -หลาย ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย เรายอ มบญั ญัตคิ วามกาํ หนดรูกามทงั้ หลายดว ยยอ มบัญญัตคิ วามกําหนดรูรูปทัง้ หลายดว ย ยอ มบญั ญัติความกําหนดรูเวทนาทัง้ หลายดวย เราเปน ผูหายหิวแลว ดับแลว เย็นแลว ยอมบญั ญตั ิอนุปาทาปรนิ ิพพานในปจจุบนั . จบปฐมโกสลสตู รท่ี ๙ อรรถกถาปฐมโกสลสูตรที่ ๙ ปฐมโกสลสูตรที่ ๙ พึงทราบวนิ ิจฉัยดังตอ ไปน้ี. บทวา ยาวตา แปลวา มีประมาณเทาใด. บทวา กาสีโกสลาไดแก ชาวแควนกาสีและโกศล. บทวา อตฺเถว อฺ ถตฺต แปลวา ความเปน อยา งอ่ืนมีอยู. บทวา อตฺถิ วปิ รณิ าโม แปลวา แมความแปรปรวนมีอยู. บทวา ตสฺมปึ นิพพฺ นิ ทฺ ติ ไดแก ยอ มระอาในภาวะแมนัน้ ทตี่ งั้อยดู ว ยสมบัต.ิ บทวา อคเฺ ค วริ ชฺชติ ไดแก ยอมคลายกําหนดั แมในภาวะเปน พระเจา โกศลอนั เลิศดวยสมบัติ. บทวา ปเคว หีนสฺมึ
พระสุตตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 115ความวา จะปว ยกลาวไปไยในกามคุณ ๕ ของเหลา มนษุ ยน อกน้ี ที่ทรามกวา อยา งแรกน้นั แล. บทวา มโนมยา แปลวา อนั บังเกดิ ดวยใจท่ีสัมปยตุ ดว ยฌาน. บทวา พาราณเสยฺยก แปลวา อนั เกิดขน้ึ ในกรงุ พาราณสี. จริงอยูในกรงุ พาราณสีนั้น แมฝ า ยกอ็ อ น กลุมเสนดายก็ดี การทอก็ดี ก็ทาํกนั ดว ยความฉลาด แมนํ้ากส็ ะอาด จดื สนทิ . บทวา อภุ โตภาควมิ ฏไดแก ปรากฏวาเกลยี้ งเกลาทัง้ ๒ หนา ละมนุ ละไม สดใส. ตรสั ปฏิปทา ๔คละกันทง้ั โลกิยะและโลกตุ ระ. บรรดาสญั ญาท้ังหลาย สญั ญาที่ ๑ คอื กามาวจรสัญญา สญั ญาที่ ๒คือ รปู าวจรสัญญา สัญญาท่ี ๓ คือ โลกุตรสัญญา สญั ญาที่ ๔ คือ อากิญ-จัญญายตนสญั ญา. แตเพราะเหตทุ ่สี ัญญานนั้ ชักมาวา เปนยอด มไิ ดท รงบญั ญตั ิสญั ญาอื่นนอกจากน้นั ฉะน้ัน จงึ ตรสั วาเลศิ . บทวา พาหิรกานไดแ ก ทิฏฐิท่ีเปน ไปภายนอกพระศาสนา. บทวา โน จสฺส โน จ เม สยิ าความวา ถา เราไมไ ดม ีมาแลวในอดีต แมป จจุบนั อตั ภาพน้ขี องเรา กไ็ มพงึ ม.ี บทวา ภวสิ สฺ ามิ น เม ภวิสสฺ ติ ความวา แมถาในอนาคต เราจักไมมีไซร ความกังวลอะไรของเรา กจ็ ักไมม.ี บทวา อคเฺ ค วิรชชฺ ติ ไดแ ก ยอมคลายความกําหนัดในอุจเฉท-ทฏิ ฐ.ิ จรงิ อยู อจุ เฉททฏิ ฐิ ชอ่ื วา เปน เลิศเพราะเปน เครอื่ งเผาพระนิพพานในพระศาสนานี้. บทวา ปรมยกฺขวิสุทธฺ ึ ไดแก ความหมดจดในสัตวสูงสดุคําน้เี ปน ชือ่ ของเนวสญั ญานาสัญญายตนสมาบัติ. แทจ รงิ อากญิ จญั ญาย-ตนะ ชอ่ื วาเลศิ เพราะเปน ปทฏั ฐานแหงวปิ สสนา เนวสัญญานา-สญั ญายตนะช่ือวา เลศิ เพราะมีอายยุ นื แล.
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 116 บทวา ปรมทิฏ ธมมฺ นิพฺพาน แปลวา นพิ พานอันยอดยิ่งในอัตภาพนีน้ ่แี ล. บทวา อนุปาทาวโิ มกโฺ ข ไดแ ก ความหลดุ พน แหง จติ เพราะไมย ึดมน่ั ดว ยอุปาทาน ๔. คาํ นีเ้ ปนชอื่ ของพระอรหตั . บทวา ปริฺ ไดแ ก การกาวลวง. ในคาํ น้ัน พระผมู พี ระภาคเจา ทรงบัญญัติการกําหนดรูกามท้งั หลายดวยปฐมฌาน ทรงบญั ญตั กิ ารกําหนดรูร ูปทั้ง-หลาย ดว ยอรปู าวจรฌานทง้ั หลาย ทรงบญั ญตั ิการกาํ หนดรเู วทนาทง้ั หลายดวยอนุปาทาปรินพิ พาน. กพ็ ระนิพพาน ชือ่ วา กําหนดรูเ วทนาทั้งหลายเพราะละเวทนาไดห มด. บทวา อนุปาทาปรนิ พิ พฺ าน ไดแ ก อปจ จยปร-ินพิ พาน นิพพานทหี่ าปจ จยั มไิ ด. แตพ ระผูมพี ระภาคเจาเม่ือตรสั พระ-สูตรนี้ ทรงเหน็ ภกิ ษุ ๕๐๐ รูป อยากสกึ จงึ ตรสั เพื่อบรรเทาความอยากสึกของภิกษเุ หลานน้ั . ภกิ ษุแมเหลานน้ั บรรเทาความอยากสกึ ไดแ ลวชาํ ระญาณตามกระแสเทศนา กเ็ ปน โสดาบัน ตอ มา เจรญิ วิปส สนา ก็บรรลพุ ระอรหตั แล. จบอรรถกถาปฐมโกสลสตู รท่ี ๙ ๑๐. ทุติยโกสลสูตร วา ดวยพระเจา ปเสนทโิ กศล ทรงนอบนอ มตอ พระผูมพี ระภาคเจา [๓๐] สมยั หนงึ่ พระผมู พี ระภาคเจาประทับอยู ณ พระวิหารเชตวัน อารามของทา นอนาถบิณฑกิ เศรษฐี ใกลพ ระนครสาวตั ถี กโ็ ดยสมยั น้นั แล พระเจา ปเสนทโิ กศลเสด็จกลับจากการรบชนะสงครามมาแลวมีพระราชประสงคอ นั ไดแ ลว ครง้ั น้นั แล พระเจา ปเสนทโิ กศลไดเ สด็จ
พระสุตตนั ตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 117ไปยงั อาราม เสด็จไปโดยพระราชยานเทา ทย่ี านจะไปได เสดจ็ ลงจากยานแลว เสดจ็ ไปดว ยพระบาทเขาไปสอู าราม. กโ็ ดยสมัยนน้ั ภกิ ษุมากรูปเดนิ จงกรมอยใู นทีแ่ จง คร้ังนน้ั แลพระเจาปเสนทิโกศลไดเ สดจ็ เขาไปหาภิกษุเหลา น้นั แลวไดตรสั ถามวา ขา-แตท านผูเ จริญ บดั น้ี พระผมู พี ระภาคอรหนั ตสัมมาสัมพทุ ธเจาประทับอยใู นท่ไี หนหนอ ดว ยวา ดิฉันประสงคจะเฝา พระผูมีพระภาคอรหนั ตสัมมา-สัมพุทธเจา ภกิ ษุเหลา นัน้ ทลู วา ขอถวายพระพร ขอมหาบพิตรจงเงียบเสยี งเสดจ็ เขา ไปยงั พระวหิ ารซ่ึงมีประตูปดนัน้ แลว ไมร บี ดวน เสดจ็เขาไปยังระเบียง ทรงกระแอม ทรงเคาะอกเลาประตเู ถดิ พระผมู พี ระภาค-เจา จักทรงเปดประตรู ับ ขอถวายพระพร ครง้ั น้ันแล พระเจาปเสนทโิ กศลทรงเงียบเสียง เสด็จเขา ไปยงั วิหารที่มปี ระตปู ด น้ัน คร้ันแลวมไิ ดท รงรบี ดวน เสดจ็ เขาไปยังระเบียงแลว ทรงกระแอม ทรงเคาะอกเลาประตูพระผมู พี ระภาคเจาทรงเปด ประตูรบั คร้ังน้นั แล พระเจาปเสนทิโกศลเสด็จเขาไปสวู ิหาร ซบพระเศยี รลงที่พระบาททั้งคขู องพระผูมีพระภาคเจาทรงจบุ พระบาททงั้ สองของพระผมู ีพระภาคเจาดว ยพระโอษฐ ทรงนวดดวยพระหัตถท งั้ สอง และทรงประกาศพระนามวา ขา แตพ ระองคผูเ จรญิหมอ มฉันคอื พระเจา ปเสนทโิ กศล หมอ มฉันคอื พระเจา ปเสนทโิ กศล. พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั ถามวา ดูกอ นมหาบพติ ร มหาบพติ รทรงเห็นอาํ นาจประโยชนอะไรเลา จึงทรงทําความนบนอบอยางยิ่ง มอบถวายความนับถืออนั ประกอบดวยเมตตาเหน็ ปานนี้ ในสรรี ะน้.ี พระเจา ปเสนทิโกศลกราบทูลวา ขาแตพระองคผ เู จรญิ หมอ มฉนัเหน็ ความกตญั กู ตเวที จึงทําความนบนอบอยางยิ่ง ถวายความนับถอื
พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 118อันประกอบดว ยเมตตาเหน็ ปานน้ี ในพระผูมพี ระภาคเจา เพราะพระผมู ีพระภาคเจาทรงปฏิบัตเิ พอ่ื ประโยชนแ กช นหมมู าก เพือ่ ความสขุ แกชนหมูมาก เพ่ือเก้ือกลู แกชนหมมู าก ทรงยังชนหมูม ากใหด ํารงอยใู นอรยิ ญาย-ธรรม คอื ความเปนผูม ีกลั ยาณธรรม ความเปน ผมู กี ุศลธรรม ขา แตพ ระ-องคผูเ จรญิ หมอ มอันเห็นอาํ นาจประโยชนแมนแี้ ล จงึ ทาํ ความนอบนอ มอยา งย่งิ ถวายความนับถืออันประกอบดวยเมตตาเหน็ ปานน้ี ในพระผูมี-พระภาคเจา . อีกประการหนง่ึ พระผูมีพระภาคเจา ทรงเปน ผูมีศลี มีศีลอันเจริญมศี ีลอันประเสรฐิ มศี ีลเปนกุศล ทรงเปน ผปู ระกอบแลว ดว ยกุศลศลี ขาแตพระองคเ จรญิ หมอมฉนั เหน็ อาํ นาจประโยชนแมน แี้ ล จงึ ทาํ ความนอบ-นอ มอยางยิง่ ถวายความนบั ถอื อนั ประกอบดวยเมตตาเห็นปานนี้ ในพระ-มีพระภาคเจา. อีกประการหนงึ่ พระผมู ีพระภาคเจา ทรงถือการอยูปา เปน วัตร ทรงเสพเสนาสนะอันสงัดซ่งึ ต้งั อยแู นวปา ตลอดกาลนาน ขา แตพระองคผูเจริญ หมอ มฉนั เห็นอาํ นาจประโยชนแมน แ้ี ล จงึ ทาํ ความนอบนอ มอยา งยงิ่ ถวายความนับถอื อนั ประกอบดวยเมตตาเห็นปานน้ี ในพระผูมีพระ-ภาคเจา . อกี ประการหน่งึ พระผูมีพระภาคเจาทรงสนั โดษดวยจวี ร บิณฑบาตเสนาสนะและเภสชั บริขารอันเปนปจ จยั แกค นไข ตามมีตามได ขาแตพระองคผเู จริญ หมอมฉนั เหน็ อาํ นาจประโยชนแมน ีแ้ ล จึงทําความนอบนอ มอยา งย่งิ ถวายความนับถืออันประกอบดวยเมตตาเห็นปานนี้ ในพระผมู พี ระภาคเจา .
พระสตุ ตนั ตปฎก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 119 อกี ประการหนงึ่ พระผูมพี ระภาคเจา ทรงเปนผคู วรของคํานบัเปน ผูควรของตอนรบั เปนผูควรของทาํ บญุ เปนผคู วรทําอัญชลี ทรงเปน นาบญุ ของโลก ไมม ีนาบญุ อืน่ ยิ่งกวา ขา แตพระองคผ เู จริญ หมอมฉนั เหน็ อํานาจประโยชนแมน ี้แล จงึ ทาํ ความนอบนอมอยา งย่งิ ถวายความนับถืออนั ประกอบดวยเมตตาเห็นปานน้ี ในพระผมู พี ระภาคเจา. อกี ประการหนงึ่ พระผูมพี ระภาคเจา ทรงเปน ผูไ ดตามความปรารถนา ไดโดยไมย าก ไมลาํ บาก ซึ่งกถาเปน เครอื่ งขัดเกลาอยา งยิง่เปน ท่สี บายแหงการเท่ียวไปแหง จติ คอื อัปปจ ฉกถา สนั ตุฏฐกิ ถา ปวิเวก-กถา อสังสคั คกถา วิรยิ ารมั ภกถา สีลกถา สมาธกิ ถา ปญญากถาวมิ ตุ ตญิ าณทสั สนกถา ขา แตพ ระองคผ ูเจรญิ หมอมฉันเหน็ อาํ นาจประโยชนแมน ี้แล จึงทําความนอบนอมอยางยงิ่ ถวายความนบั ถืออนัประกอบดวยเมตตาเหน็ ปานนี้ ในพระผูมพี ระภาคเจา. อกี ประการหนงึ่ พระผูมีพระภาคเจา ทรงเปน ผไู ดต ามความปรารถนา ไดโ ดยไมย าก ไมล าํ บาก ซงึ่ ฌาน ๔ อนั มใี นจติ ยิ่ง เปนเครื่องอยูเปนสขุ ในปจจบุ นั ขา แตพ ระองคผเู จริญ หมอ มฉนั เห็นอํานาจประโยชนแ มนแี้ ล จงึ ทาํ ความนอบนอมอยางย่ิง ถวายความนับถือประ-กอบดวยเมตตาเหน็ ปานน้ี ในพระผูมพี ระภาคเจา . อกี ประการหนง่ึ พระผมู พี ระภาคเจาทรงระลึกชาติกอ นไดเ ปนอันมาก คือ ชาตหิ นึง่ บา ง สองชาตบิ าง สามชาตบิ า ง ส่ีชาติบา ง หา ชาติบา ง สิบชาติบา ง ยสี่ ิบชาตบิ าง สามสบิ ชาตบิ าง ส่สี บิ ชาติบา ง หาสิบชาตบิ าง รอ ยชาติบาง พันชาติบา ง แสนชาตบิ า ง ตลอดสังวัฏกปั เปนอันมากบาง ตลอดวิวฏั กปั เปนอนั มากบาง ตลอดสังวัฏวิวัฏกัปเปน อันมาก
พระสุตตนั ตปฎก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 120บา งวา ในภพโนน เรามชี ื่ออยา งนี้ มโี คตรอยา งนี้ มีผิวพรรณอยางนี้มอี าหารอยา งน้ี เสวยสุข เสวยทกุ ขอ ยางน้ี มกี าํ หนดอายุเพียงเทา นี้ครั้นจตุ ิจากภพนน้ั แลว ไดไปเกดิ ในภพโนน แมใ นภพนั้น เราก็เปนผูมชี ื่ออยางน้ี มโี คตรอยา งนี้ มผี ิวพรรณอยา งน้ี มีอาหารอยางนี้ เสวย-สขุ เสวยทุกขอ ยางนี้ มกี ําหนดอายุเพียงเทา น้ี ครั้นจตุ ิจากภพนั้นแลว ไดมาเกดิ ในภพนี้ ทรงระลกึ ชาติกอนไดเ ปน อนั มาก พรอ มท้งั อาการ พรอมทงั้ อเุ ทศ ดวยประการฉะนี้ ขา แตพระองคผ เู จริญ หมอมฉันเหน็ อํานาจประโยชนแ มน แี้ ล จึงทําความนอบนอ มอยางย่งิ ถวายความนับถอื อนัประการดว ยเมตตาเห็นปานนี้ ในพระผูม พี ระภาคเจา . อกี ประการหน่ึง พระผมู พี ระภาคเจายอ มทรงเหน็ หมูส ตั วผูก ําลงั จตุ ิกาํ ลงั อปุ บตั ิ เลว ประณีต มีผวิ พรรณดี มผี ิวพรรณทราม ไดดี ตกยากดวยทิพยจักษอุ นั บรสิ ทุ ธิล์ วงจกั ษุมนษุ ย ยอ มทรงรูช ดั ซ่ึงหมูสตั วผูเปนไปตามกรรมวา สตั วเหลา นปี้ ระกอบดว ยกายทจุ ริต วจที จุ ริต มโนทจุ ริตตเิ ตยี นพระอรยิ เจา เปนมจิ ฉาทฏิ ฐิ ยึดถอื การกระทาํ ดวยอํานาจมจิ ฉาทิฏฐิเม่อื ตายไป ยอมเขาถงึ อบาย ทุคติ วินิบาต นรก สว นสัตวเหลานป้ี ระ-กอบดว ยกายสุจรติ วจสี จุ รติ มโนสุจรติ ไมต เิ ตียนพระอรยิ เจา เปนสมั มาทิฏฐิ ยึดถือการกระทําดวยอํานาจสมั มาทิฏฐิ เม่อื ตายไป ยอ มเขาถงึสุคติโลกสวรรค ยอ มทรงเหน็ หมสู ตั วผ ูก าํ ลงั จตุ ิ กําลงั อปุ บตั ิ เลว ประ-ณีต มผี ิวพรรณดี มีผวิ พรรณทราม ไดด ี ตกยาก ดว ยทิพยจกั ษุอันบรสิ ุทธ์ิลว งจักษมุ นษุ ย ยอ มทรงรชู ดั ซง่ึ หมสู ัตวผ ูเ ปนไปตามกรรมดวยประการฉะน้ี ขา แตพ ระองคผ ูเจรญิ หมอมฉนั เห็นอํานาจประโยชนแมนี้
พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 121แล จึงทําความนอบนอมอยางยง่ิ ถวายความนบั ถืออันประกอบดว ยเมตตาเห็นปานนี้ ในพระผมู ีพระภาคเจา. อีกประการหนึ่ง พระผูม ีพระภาคเจา ทรงทําใหแ จง ซ่งึ เจโตวิมุตติปญญาวิมตุ ติ อนั หาอาสวะมไิ ด เพราะอาสวะทัง้ หลายส้ินไป ดวยพระปญ ญาอนั ยง่ิ เองในปจจบุ นั เขาถงึ อยู ขา พระองคเห็นอํานาจประโยชนแมน แี้ ลจงึ ทําความนอบนอมอยางยิง่ ถวายความนบั ถืออนั ประกอบดวยเมตตาเหน็ปานน้ี ในพระผมู ีพระภาคเจา . ขาแตพระองคผเู จริญ หมอมฉันเปนผมู กี ิจมาก มีกรณียะมาก ขอถวายบังคมลาไป ณ บัดนี้ พระผูมีพระภาคเจา ตรัสวา ดกู อ นมหาบพติ รขอมหาบพิตรทรงสาํ คญั กาลอนั ควรในบัดนี้เถดิ ครง้ั นน้ั แล พระเจาปเสนทิโกศลเสดจ็ ลุกขึน้ จากอาสน ถวายบงั คมพระผมู พี ระภาคเจา ทรงทาํ ประทกั ษิณแลว เสดจ็ กลับไป. จบทุตยิ โกสลสูตรที่ ๑๐ จบมหาวรรคที่ ๓ อรรถกถาทุตยิ โกสลสูตรท่ี ๑๐ ทุตยิ โกสลสูตรที่ ๑๐ พึงทราบวนิ ิจฉยั ดงั ตอ ไปน.้ี บทวา อยุ โฺ ยธิกาย นิวตโฺ ต โหติ ความวา เสดจ็ กลับจากการรบ.บทวา ลทธฺ าธปิ ฺปาโย ความวา ไดยินวา พระเจามหาโกศล เมอื่ ถวายพระธิดาแกพระเจาพิมพิสาร ก็พระราชทานหมบู า นกาสคี าม ซึง่ มรี ายไดจาํ นวนหนึง่ แสน ระหวางแควนของพระราชาทง้ั สองแกพระธดิ า. เม่อืพระเจาอชาตศตั รปู ลงพระชนมพระชนกแลว แมพ ระมารดาของพระองค
พระสุตตันตปฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 122ไมน านนักกท็ ิวงคตดวยความเศราโศกเหตวุ ิปโยคถงึ พระราชสวามี. คร้ังนั้น พระเจา ปเสนทิโกศล ทรงดาํ รวิ า พระเจา อชาตศตั รปู ลงพระชนมพ ระ-ชนกชนนี กาสีคามก็ควรตกเปนสมบตั ิของพระบิดาเรา จงึ ทรงสรางหอรบเพ่ือตอ งการกาสคี ามนั้น. ดงั นัน้ เพ่อื ประสงคห มบู านนน้ั พระเจา ลุงและพระเจาหลาน ทงั้ สองพระองค จึงทรงยกจตรุ คนิ ีเสนากองทพั ๒ เหลาออกรบกัน . ในสงครามนนั้ พระเจา ปเสนทโิ กศล ทรงพายแพ ๒ ครั้ง จงึเสดจ็ กลับเขาพระนคร ครงั้ ท่ี ๓ ทรงดํารวิ า เราจะพงึ ชนะไดอยา งไรหนอทรงรูอาการที่ควรรบดว ยวธิ สี อดแนม. จึงทรงแสดงกองทัพลอ มทง้ั สองขางจบั พระเจา อชาตศตั รไู วไ ดในทนั ที จึงทรงไดชื่อวา ทรงสมพระประ-สงค เพราะทรงไดช ัยชนะสมประสงค. บทวา เยนาราโม เตน ปายาสิ ความวา ทรงใหต้งั คา ยฉลองชยั นอกพระนคร ทรงพระดําริวา ชาวพระนครประดับประดาพระนครอยเู พยี งใด เราจักถวายบงั คมพระศาสดาเพียงนัน้ ก็ตั้งแตเ วลาที่เขาพระ-นครแลว กจ็ ะเน่นิ ชา ทรงมีหมอู าํ มาตยแ วดลอม แลว เสดจ็ ไปทางพระ-อาราม แลวเสดจ็ เขาไปยงั พระอาราม. ถามวา เสด็จเขาไปเวลาไร ตอบวา เมอ่ื พระสมั มาสัมพุทธเจาประทานโอวาทแกเ หลาภกิ ษุ ผูก ลบั จากบิณฑบาตเสด็จเขาพระคันธกฎุ ี และเม่ือภิกษุสงฆรบั พระโอวาทแลว เขาไปยังท่ีพกั กลางคืนและท่ีพักกลางวันของตน ๆ. บทวา จงฺกมนตฺ ิ ถามวา ภิกษุทั้งหลายกาํ ลงั จงกรมกนั ในเวลานน้ั เพราะเหตุไร. ตอบวา ภกิ ษเุ หลานัน้ จงกรมกนั เวลากลางวนั เพ่ือบรรเทาถนี มทิ ธะความงว งเหงาหาวนอน ซึง่ มีการฉนั โภชนะอันประณตีเปน ปจจยั . จริงอยู เหลา ภกิ ษเุ ชนนนั้ จงกรมภายหลงั ฉันอาหารอาบน้าํ
พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 123ชําระทั่วตัวแลว จึงนัง่ กระทําสมณธรรม จิตจึงจะมีอารมณเ ปน อนัเดยี ว. บทวา เยน เต ภกิ ขฺ ู ความวา นยั วาพระเจาปเสนทิโกศลนั้นทรงดําริวา พระสคุ ตประทับอยูไหน เสดจ็ มาตรวจดทู ว่ั บรเิ วณดว ยมพี ระ-ประสงคจ ะเขาไปทูลถาม ทอดพระเนตรเหน็ เหลาภกิ ษผุ ูถ อื บงั สุกลุ ิกธดุ งคกาํ ลงั จงกรม ณ ทจี่ งกรมใหญ เหมือนชางในปา จงึ เสด็จเขาไปหาภิกษุเหลา นนั้ . ทา นหมายเอาขอนนั้ จึงกลาวคํานี้ไว. บทวา ทสฺสนกามา แปลวา ตองการจะเฝา . ภิกษุทง้ั หลายหมายเอาพระคันธกุฎี จึงกลาววา วหิ าโร พระวหิ าร. บทวา อตรมาโน แปลวาไมร บี ดว น อธบิ ายวา คอ ยๆ วางพระบาทลงบนท่พี อควรแกพ ระบาท มิ-ใหทรายอันเปรียบดว ยแกวมกุ ดา หรือเถายา งทรายอันเรียบเสมอกันดีตองเสยี หาย. บทวา อาฬินฺท ไดแ ก ระเบยี ง. บทวา อคฺคฬ ไดแก บานประตูบทวา อุกฺกาสิตวฺ า แปลวา ทาํ เสียงกระแอม. บทวา อาโกเฏหิ ทานอธิบายวา เอาปลายเลบ็ เคาะคอย ๆ ใกล ๆ ชอ งดาลนิดหนอย. เขาวา พวกอมนษุ ย เคาะประตสู งู เกนิ ไป พวกฑฆี ชาติ [เชน งู] เคาะตาํ่ เกนิ ไป พระเจาปเสนทิโกสลเคาะอยา งนัน้ พงึ ทรงเคาะตรงกลางใกลช องดาล เพราะฉะนั้นอาจารยบางพวกแสดงกลาววา นเ้ี ปน ธรรมเนยี มการเคาะประตู. บทวา วิวริ ภควา ทฺวาร ความวา พระผมู ีพระภาคเจา ไมเ สด็จลกุ ขนึ้ไปเปดพระทวาร แตทรงเหยียบพระหตั ถต รัสวา เปดได. แตน ้นั พระผูมี-พระภาคเจา ทรงพระดําริวา เมอ่ื พระองคใหท านมาหลายโกฏิกัป ไมเ คยทํางานเปดประตูดว ยมือตนเอง พระทวารเปดเอง แตเ พราะเหตุที่พระทวารนนั้ เปด ดวยพระหฤทัยของพระผมู พี ระภาคเจา ฉะน้ัน จงึ ควรกลาววา ววิ ริภควา ทวฺ าร พระผูมีพระภาคเจา (มิไดเสดจ็ ลุกขึน้ ไป) ทรงเปด พระทวาร.
พระสุตตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 124บทวา เมตตฺ ปู หาร ไดแ ก การนอ มเขา ไปทางกายและวาจาอนั ประกอบดวยเมตตา. บทวา กตฺตุ ความวา กพ็ ระราชาพระองคน ้ี แตกอนทรงมพี ระสรรี ะอวน เสวยขาวสกุ ทะนานหนงึ่ . ครัน้ นั้น พระผมู พี ระภาคเจาทรงประทานโอวาทแกท า วเธออยา งนี้วา .มนชุ สสฺ สทา สติมโต มตฺต ชานโต ลทฺธโภชเนตนุกสฺส ภวนฺติ เวทนา สณิก ชีรติ อายปุ าลยคนผูมีสตทิ ุกเมอ่ื รูจ ักประมาณในโภชนะทีไ่ ดแลว เขากม็ ีเวทนาเบาบาง อาหารทบ่ี ริโภค ก็คอ ย ๆยอย รกั ษาอายุไวไ ด.ทา วเธอต้งั อยใู นพระโอวาทนี้ ลดอาหารทีละนอ ย ๆ ทกุ ๆ วัน จนคงทอี่ ยู ตรงทมี่ ีขาวสุกหนึง่ ทะนานเปนอยา งสงู มาโดยลําดบั แมพ ระวรกายของทาวเธอกเ็ บามน่ั คง ทาวเธอทรงหมายเอาอปุ การะทีพ่ ระผมู ีพระภาค-เจา ทรงกระทําแลว นั้นจึงกราบทลู วา พระเจา ขา ขาพระองคเ หน็ ความกตัญกู ตเวทแี ล. บทวา อริยาเย ไดแ ก มรรคพรอ มกบั วปิ สสนา.บทวา พทุ ฺธสีโล ไดแ ก ผมู ศี ีลอนั จาํ เริญ. บทวา อรยิ สีโล ไดแ ก ผูประกอบดว ยศลี อันมิใชของปุถุชน. บทวา กุสลสโี ล ไดแก ผูป ระกอบดวยศลี ทัง้ หลายอนั ไมม ีโทษ. บทวา อารฺโก ความวา ทาวเธอเมื่อทรงแสดงวา พระผูม พี ระภาคเจา แมเกิดกเ็ กิดในปา แมตรสั รูก็ตรัสรูใ นปา แมอ ยใู นพระคนั ธกฎุ ีเฉกเชน เทพวมิ าน กป็ ระทับอยูในปา เหมอื นกัน จงึ กราบทูลอยา งน้.ี คําทเี่ หลอื ในทุก ๆ บท มขี อ ความงายทั้งนนั้ แล.จบอรรถกถาทุติยโกสลสูตรท่ี ๑๐จบมหาวรรคท่ี ๓
พระสตุ ตันตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 125 รวมพระสูตรที่มใี นวรรคนี้ คอื ๑. สีหสตู ร ๒. อธมิ ตุ ติสูตร ๓. กายสตู ร ๔. จนุ ทสตู ร๕. กสณิ สูตร ๖. กาลสี ตู ร ๗. ปฐมมหาปญ หาสตู ร ๘. ทตุ ยิ มหา-ปญหาสตู ร ๙. ปฐมโกสลสูตร ๑๐. ทุตยิ โกสลสตู ร.
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 126 อปุ าลิวรรคที่ ๔ ๑. ปฐมอปุ าลิสตู ร วาดวยพระผูมีพระภาคเจาทรงอาศยั ประโยชน ๑๐ ประการ ทรงบัญญตั ิสกิ ขาบทและแสดงปาตโิ มกข [๓๑] ... ครั้งน้นั แล ทานพระอุบาลไี ดเขาไปเฝาพระผมู พี ระภาคเจา ถึงทป่ี ระทบั ถวายบงั คมพระผูมพี ระภาคเจา แลว นงั่ ณ ท่ีควรสว นขา งหนงึ่ คร้นั แลวไดท ลู ถามพระผูม ีพระภาคเจา เจา ขา แตพระองคผ เู จริญพระตถาคตทรงอาศัยอาํ นาจประโยชนเ ทาไรหนอแล จึงทรงบัญญัติสกิ ขาบท ทรงแสดงปาติโมกขแกสาวกทั้งหลาย. พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ตอบวา ดูกอนอบุ าลี ตถาคตอาศยั อํานาจประโยชน ๑๐ ประการแล จึงบัญญัตสิ ิกขาบท แสดงปาตโิ มกขแ กส าวกทัง้ หลาย. ๑๐ ประการเปน ไฉน คอื เพื่อความตงั้ อยดู ว ยดีแหงสงฆ ๑เพอ่ื ความอยสู ําราญแหงสงฆ ๑ เพอ่ื ขมบุคคลผเู กอยาก ๑ เพอ่ื การอยูสําราญแหงภกิ ษทุ ้งั หลายผมู ศี ลี เปน ที่รกั ๑ เพอ่ื ปองกันอาสวะทง้ั หลายอนั เปน ไปในปจจุบัน ๑ เพ่อื กําจัดอาสวะท้งั หลายอันเปน ไปในสมั ปราย-ภพ ๑ เพ่ือความเลอ่ื มใสแหง บุคคลทงั้ หลายผยู ังไมเลอื่ มใส ๑ เพอ่ื ความเจริญย่ิงแหงความเล่ือมใสของบคุ คลทง้ั หลายผูเลอื่ มใสแลว ๑ เพอื่ ความตั้งมน่ั แหง สทั ธรรม ๑ เพอื่ อนุเคราะหวินยั ๑ ดกู อนอุบาลี ตถาคตอาศัยอํานาจประโยชน ๑๐ ประการน้ีแล จึงบัญญตั ิสกิ ขาบท แสดงปาติโมกขแ กสาวกท้งั หลาย. จบปฐมอุปาลสิ ตู รที่ ๑
พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 127 อุปาลิวรรคท่ี ๔ อรรถกถาปฐมอปุ าลสิ ูตรที่ ๑ วรรคที่ ๔ อุปาลสิ ตู รที่ ๑ พึงทราบวนิ จิ ฉยั ดังตอ ไปน.้ี ช่อื วา สงฺฆสฏุ ตุ าย ไดแ ก ความท่สี งฆร บั วาดี คือความที่สงฆรบั รองดว ยคําทนี่ ารกั วา สุฏุ ภนฺเต ดลี ะ ขาพเจา ขา เหมอื นในอนาคตสถานวา สุฏ ุ เทว ดลี ะเทวะ. กส็ งฆใ ดรับรองพระดํารัสของพระตถาคตอันนนั้ ยอ มเปนไปเพ่ือประโยชน เพือ่ ความสุขแกสงฆนั้นตลอดกาลเพราะฉะนัน้ พระผมู พี ระภาคเจา ทรงบัญญัตสิ ิกขาบท กเ็ พอ่ื สงฆรบั รองดวยคาํ ทน่ี า รกั วา สุฏุ ภนฺเต ดลี ะพระเจา ขา พระผมู พี ระภาคเจาครัน้ ทรงแสดงโทษในการไมรับรอง และอานสิ งสใ นการรบั รองแลวเมือ่ ทรงกระทาํ ใหแจมแจง ขอ ความนว้ี า มิไดทรงถอื อาํ นาจโดยพลการจงึ ตรสั วา สงฆฺ สุฏ ตุ าย. บทวา สงฆฺ ผาสตุ าย ไดแ ก เพ่ือความผาสุกเพอ่ื ความมชี วี ติ รวมกนั แหง สงฆ อธบิ ายวา เพ่ือประโยชนแ กการอยูเปน สุข. บทวา ทุมฺมงฺกนู นคิ คฺ หาย ความวา บคุ คลผทู ุศีล ช่อื วา ผเู กอยาก. คนเหลา ใด แมถูกเขาทําใหถงึ ความเกอ เขิน ก็ไมท ุกขรอน หรอืกระทาํ การลวงละเมดิ สกิ ขาบท หรือทําแลว กไ็ มล ะอาย เพื่อประโยชนแ กการขม บคุ คลเหลา นั้น. จรงิ อยู ภกิ ษุเหลานน้ั เมือ่ สกิ ขาบทมีอยู ก็จักเบยี ดเบียนสงฆว า พวกทา นเห็นอะไร ไดย นิ อะไร พวกผมทําอะไรพวกทานจึงยกอาบตั ิอันไหน ในวตั ถอุ ันไหนขนึ้ มาขม พวกผม กเ็ ม่ือสิกขาบทมอี ยู สงฆจ ักแสดงสิกขาบทแกภ ิกษุเหลานนั้ ขมโดยสหธรรมดว ยเหตนุ ั้น จึงตรสั วา ทมุ มฺ งฺกูน ปคุ ฺคลาน นิคคฺ หาย เพือ่ ขมบุคคล
พระสุตตนั ตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 128ผเู กอยาก. บทวา เปสลาน ไดแ ก เพ่ือประโยชนแกก ารอยูผ าสกุ ของเหลา ภกิ ษุผมู ีศลี เปน ทีร่ กั . จรงิ อยู ภิกษผุ ูศลี เปน ท่รี กั ไมรูขอ ทีค่ วรทาํและไมค วรทํา ขอที่มีโทษและไมม โี ทษและขอบเขต พยายามทาํ ไตรสิกขาใหบ รบิ ูรณยอ มลาํ บาก แกภิกษเุ หลาน้นั รูขอท่มี ีโทษและไมมโี ทษและขอบเขต พยายามทําไตรสกิ ขาใหบ รบิ ูรณย อมไมล ําบาก ดว ยเหตนุ น้ัการบัญญัตสิ กิ ขาบทจึงเปน ไปเพ่อื อยเู ปนสุขแหง ภกิ ษเุ หลาน้นั หรอื การขม บุคคลผเู กอยากน่ันแหละเปน การอยูเปนสขุ แหงภิกษุเหลา นั้น อาศัยบุคคลผูเกอยาก อโุ บสถและปวารณากต็ งั้ อยูไมได สงั ฆกรรมกเ็ ปน ไปไมได ไมมคี วามสามคั คีกัน ภกิ ษทุ ัง้ หลายทีม่ อี ารมณมาก ก็ประกอบอุเทศเปน ตนไมไ ด ตอ เมื่อบุคคลผูท ศุ ลี ถูกขมเสียแลว อปุ ท วะนแี้ มท ั้งหมดกไ็ มม ี แตน ้ันภกิ ษผุ ูน ารักยอ มละผาสกุ . ในคาํ วา เปสลาน ภกิ ขฺ ูนผาสวุ หิ าราย น้ี พึงทรามความสองสว น ดวยประการฉะน.้ี บทวา ทิฏธมมฺ ิกาน อาสวาน ส วราย ความวา ทกุ ขพ เิ ศษมีการประหารดวยฝา มือ ประหารดว ยทอ นไม ประหารดว ยศสั ตรา ตดั มอืตดั เทา เสอื่ มเกยี รติ เส่ือมยศ และความรอ นใจ เปน ผตู ัง้ อยูใ นความไมสงั วร พงึ ถึงในอัตภาพนนั้ เทานั้น ชอื่ วาอาสวะทีเ่ ปน ในปจ จุบนัเพ่อื ปองกันปด กั้น คือสกดั ทางมาแหง อาสวะทเ่ี ปน ไปในปจ จุบันนั้น.บทวา สมปฺ รายิกาน ความวา ทุกขพเิ ศษอันมีบาปกรรมที่ทาํ แลว เปนมลู อนั ผตู ้งั อยใู นความไมสงั วร พงึ ถงึ ในอบาย มีนรกเปนตน ในภพภายหนา ชอ่ื วา อาสวะท่ีเปนในภายหนา เพ่อื ประโยชนแกก ารระงับอาสวะทเี่ ปน ไปในภายภาคหนาเหลานัน้ .
พระสุตตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 129 บทวา อปปฺ สนนฺ าน ความวา เม่ือมกี ารบญั ญตั สิ ิกขาบท มนษุ ยแมเ หลา ใดท่ีเปน บณั ฑิตทยี่ งั ไมเ ล่อื มใส รกู ารบญั ญัติสิกขาบท หรอื เห็นภิกษปุ ฏบิ ัติสิกขาบทตามทที่ รงบญั ญัติ มนุษยเหลา น้ยี อ มถงึ ความเลือ่ มใสวา สมณะเหลา นี้งดเวน จากฐานทตี่ ัง้ แหง ความรกั ความโกรธความหลงแหงมหาชนในโลกอยู ช่ือวากระทาํ กิจทที่ ําไดยากหนอ เหน็ คมั ภรี ในพระวินัยปฎกก็เลอื่ มใส เหมอื นกตเวทพิ ราหมณผูม ิจฉาทิฏฐิ ดวยเหตนุ ัน้พระผมู ีพระภาคเจา จึงตรัสวา อปปฺ สนฺนาน ปสาทาย เพ่อื ความเลื่อมใสแหง บคุ คลผูย งั ไมเลอ่ื มใส. บทวา ปสนนฺ าน ความวา กลุ บตุ รแมเหลา ใดเลอื่ มใสในพระ-ศาสนาแลว กลุ บตุ รแมเ หลานั้นรกู ารบญั ญัติสกิ ขาบท หรือเหน็ ภิกษุปฏิบตั ิตามสกิ ขาบทท่ีทรงบญั ญัติ ยอมเลื่อมใสย่งิ ๆ ขึน้ ไปวา โด พระผูเปน เจาทีฉ่ นั หนเดยี ว รักษาพรหมจรยิ สงั วรจนตลอดชีวิต ชอื่ วา กระทํากจิ ที่ทําไดยากหนอ ดว ยเหตนุ นั้ พระผูมีพระภาคเจาจึงตรัสวา ปสนฺนานภยิ โฺ ยภาวาย เพอ่ื ความเลอื่ มใสยิง่ ๆ ข้ึนไปของคนที่เลอื่ มใสแลว . บทวา สทธฺ มมฺ ฏิตยิ า ความวา สทั ธรรมมี ๓ อยา ง คอื ปริ-ยตั ตสิ ทั ธรรม ปฏปิ ตติสัทธรรม อธคิ มสัทธรรม. บรรดาสทั ธรรม ๓อยา งนัน้ พุทธวจนะแมท ง้ั ส้ิน ชือ่ วา ปริยัตติสัทธรรม สัทธรรมนี้คอืธุองคค ณุ ๑๓ จารติ ศลี วาริตศีล สมาธิ วิปสสนา ชื่อวา ปฏปิ ตต-ิสทั ธรรม. โลกุตรธรรม ๙ ชอ่ื วา อธิคมสทั ธรรม. สทั ธรรมนน้ั แมท้ังหมด เพราะเหตุท่เี มื่อมบี ัญญตั ิสกิ ขาบท ภิกษทุ ัง้ หลายยอ มเรยี นสกิ ขาบทวภิ ังคแหง สิกบทน้นั และพระพุทธวจนะอ่ืน เพ่ือสองความสกิ ขาบทและวภิ ังคน น้ั และเมอ่ื ปฏบิ ตั ิสิกขาบทตามท่ีทรงบัญญัติ บําเพ็ญขอ ปฏบิ ัติยอมบรรลุโลกุตรธรรมพพ่ี งึ บรรลดุ วยขอ ปฏบิ ัติ ฉะนัน้ พระสทั ธรรมจงึ
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 130ดาํ รงอยูย งั่ ยืนเพราะการบัญญตั สิ ิกขาบท ดว ยเหตนุ ้นั พระผูมพี ระภาคเจาจึงตรสั วา สทฺธมมฺ ฏิตยิ า เพือ่ ความตั้งม่นั แหง พระสัทธรรม. บทวา วินยานคุ ฺคหาย ความวา เมือ่ มกี ารบัญญัตสิ กิ ขาบท กเ็ ปนอนั อนเุ คราะหอุปถมั ภค ้าํ ชวู ินัย แมท งั้ ๔ อยาง คอื สงั วรวนิ ัย ปหานวินยัสมถวินยั บญั ญัตวิ ินยั เหตนุ ้นั พระผมู ีพระภาคเจาจึงตรัสวา วนิ ยา-นุคฺคหาย เพ่ืออนเุ คราะหพระวินยั . จบอรรถกถาปฐมอุปาลสิ ูตรท่ี ๑ ๒. ทุตยิ อปุ าลิสูตร วาดวยการหยดุ สวดปาตโิ มกข ๑๐ ประการ อุ. ขาแตพระองคผูเจรญิ การหยุดสวดปาตโิ มกขมกี ี่ประการพระเจา ขา . พ. ดกู อ นอบุ าลี การหยุดสวดปาติโมกขมี ๑๐ ประการ ๑๐ ประการเปน ไฉน คือ ภกิ ษุผตู องปาราชิกนัง่ อยูในบรษิ ทั น้ัน ๑ กถาปรารภปาราชกิ เปนเรอ่ื งยงั ทําคา งอยู ๑ อนปุ สัมบันน่งั อยใู นบรษิ ัทน้นั ๑กถาปรารภอนปุ สมั บนั เปน เรอื่ งยงั ทําคางอยู ๑ ผูบอกลาสิกขานัง่ อยูในบริษทั นน้ั ๑ กถาปรารภผบู อกลาสิกขา เปนเรื่องยังทําคางอยู ๑บัณเฑาะกน งั่ อยใู นบรษิ ัทน้นั ๑ กถาปรารภบัณเฑาะก เปนเร่อื งยังทําคา งอยู ๑ ผปู ระทษุ รายนางภิกษุณนี ัง่ อยูในบริษทั นั้น ๑ กถาปรารภผูประทษุ -รา ยภกิ ษณุ ี เปน เรื่องยงั ทําคา งอยู ๑ ดกู อนอบุ าลี การหยุดสวดปาติโมกขมี ๑๐ ประการนแี้ ล. จบทุตยิ อปุ าลิสูตรที่ ๒
พระสุตตันตปฎก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 131 อรรถกถาทุติยอปุ ลิสูตรท่ี ๒ ทตุ ยิ อปุ าลิสูตรท่ี ๒ พึงทราบวินิจฉัยดังตอไปน้.ี บทวา ปาราชิโก ไดแก ผตู อ งอาบัติปาราชกิ . บทวา ปาราชิกกถาวิปฺปกตา โหติ ความวา เรอื่ งอยางนี้วา บุคคลช่ือโนนตองอาบตั ปิ าราชิกหรือหนอ เปน อนั เรมิ่ ไวแลวยงั ไมจ บ ในบททั้งปวงก็นยั นีเ้ หมอื นกนั . จบอรรถกถาทุติยอุปาลิสตู รที่ ๒ ๓. อพุ พาหสูตร วาดวยภกิ ษุประกอบดวยธรรม ๑๐ ประการ สงฆพึงสมมติ ใหรอ้ื ฟน อธิกรณ [๓๒] อุ. ขาแตพ ระองคผ เู จริญ ภกิ ษปุ ระกอบดว ยธรรมเทาไรหนอแล สงฆพ ึงสมมติเพือ่ ใหเปน ผรู อื้ ฟน อธกิ รณ. พ. ดูกอ นอบุ าลี ภกิ ษุผปู ระกอบธรรม ๑๐ ประการแล สงฆพงึ สมมตเิ พ่อื ใหเปน ผูร อื้ ฟน อธิกรณ ๑๐ ประการเปนไฉน คือ ภิกษุในธรรมวนิ ยั นี้ เปน ผูมีศลี สํารวมแลวในปาติโมกขสงั วร ถึงพรอมดวยอาจาระและโคจร มปี กติเหน็ ภัยในโทษทงั้ หลายอันมีประมาณนอย สมา-ทานศกึ ษาอยูในสกิ ขาบทท้งั หลาย ๑ เปน พหูสตู ร ทรงสตุ ะ ส่งั สมสตุ ะเปนผูสดบั มาก ทรงไว คลองปาก ขึ้นใจ แทงตลอดดวยดีดว ยทิฏฐิ ซง่ึธรรมอนั งามในเบ้อื งตน งามในทา มกลาง งามในท่สี ุด ประกาศพรหม-จรรย พรอ มทงั้ อรรถ พรอมทัง้ พยญั ชนะ บริสทุ ธ์ิบริบรู ณส้ินเชิง ๑ปาตโิ มกขทง้ั สองเปนอุเทศอนั ภิกษุนน้ั จาํ ดแี ลว จําแนกดแี ลว กลา วดแี ลวโดยพสิ ดาร วนิ ิจฉยั ดีแลวโดยสตู ร โดยอนพุ ยญั ชนะ ๑ อน่งึ ภิกษุนนั้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 595
Pages: