พระสุตตนั ตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 151มาก ไดเ ขา ไปเฝาพระผูมีพระภาคเจา ถงึ ท่ปี ระทบั ในวนั อโุ บสถ ถวายอภิวาทพระผูม พี ระภาคเจาแลว น่ัง ณ ทค่ี วรสวนขางหน่งึ พระผูม ีพระ-ภาคเจา ไดต รัสถามอุบาสกชาวสักกชนบทวา ดกู อนอบุ าสกชาวสกั กชนบททง้ั หลาย ทานทง้ั หลายยอมรกั ษาอุโบสถอันประกอบดวยองค ๘ แลหรอือบุ าสกชาวสกั กชนบทเหลานนั้ กราบทูลวา ขาแตพระองคผ ูเจริญ บางคราวขาพระองคท ้งั หลายยอ มรักษาอุโบสถอนั ประกอบดวยองค ๘ บางคราวไมไดรักษา พระพทุ ธเจา ขา. พ. ดูกอ นอบุ าสกชาวสกั กะท้ังหลาย ไมเปน ลาภของทานท้งั หลายเสยี แลว ทา นทง้ั หลายไมไ ดดีเสียแลว ทที่ า นท้งั หลายเม่อื ชวี ิตมภี ัยเพราะความโศก มภี ยั เพราะความตายอยอู ยา งนี้ บางคราวก็รักษาอุโบสถอันประกอบดว ยองค ๘ บางคราวก็ไมไดร กั ษา ดกู อนอุบาสกชาวสกั กะทั้งหลาย ทา นทั้งหลายจะสําคญั ความขอ นน้ั เปน ไฉน บุรุษในโลกนี้พึงยงั ทรัพยก ่งึ กหาปณะใหเกดิ ขึ้นทุก ๆ วัน ดว ยการงานอนั ชอบโดยไมแตะตอ งอกุศลเลย สมควรจะกลา วไดห รือไมวา เปน บุรษุ ฉลาดสมบรู ณดวยความหม่นั . อุ. สมควรกลาวไดอยา งนัน้ พระพุทธเจา ขา . พ. ดูกอ นอุบาสกชาวสกั กะทัง้ หลาย ทา นท้งั หลายจะสาํ คญั ความขอ นนั้ เปนไฉน บุรุษในโลกน้ีพึงยังทรพั ยก หาปณะหนงึ่ ใหเ กดิ ขึน้ ทุก ๆวนั ดว ยการงานอันชอบโดยไมแ ตะตองอกุศลเลย สมควรจะกลา วไดหรอื ไมวา เปน บุรษุ ผฉู ลาดสมบูรณดว ยความหมั่น. อุ. สมควรกลาวไดอยางนนั้ พระพทุ ธเจา ขา. พ. ดกู อนอุบาสกชาวสักกะท้งั หลาย ทา นทง้ั หลายจะสาํ คัญความ
พระสุตตนั ตปฎก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 152ขอ น้ันเปน ไฉน บรุ ษุ ในโลกน้ี พงึ ยงั ทรัพย ๒ กหาปณะ ๓ กหาปณะ๔ กหาปณะ ๕ กหาปณะ ๖ กหาปณะ ๗ กหาปณะ ๘ กหาปณะ๙ กหาปณะ ๑๐ กหาปณะ ๒๐ กหาปณะ ๓๐ กหาปณะ ๔๐ กหาปณะ๑๐๐ กหาปณะ ใหเกดิ ขึน้ ทุก ๆ วัน ดว ยการงานอันชอบ โดยไมแ ตะตองอกุศลเลย สมควรจะกลาวไดห รอื ไมว า เปนบุรุษผฉู ลาดสมบูรณดว ยความหมน่ั . อ.ุ สมควรกลาวไดอยา งนน้ั พระพทุ ธเจา ขา. พ. ดกู อนอุบาสกชาวสักกะทง้ั หลาย ทานทง้ั หลายจะสําคัญความขอนั้นเปน ไฉน บรุ ษุ น้ันเม่อื ยงั ทรัพย ๑๐๐ กหาปณะ ๑,๐๐๐ กหาปณะใหเ กดิ ขึน้ ทกุ ๆ วัน เก็บทรัพยท ีต่ นไดแ ลว ๆ ไว เปนผูม ีชวี ิตรอยปจะพึงประสบกองโภคสมบัติเปน อนั มาก บา งหรอื หนอ. อ.ุ พงึ เปน อยา งนนั้ ได พระพุทธเจา ขา . พ. ดกู อ นอุบาสกชาวสกั กะทั้งหลาย ทา นทั้งหลายสําคญั ความขอ นน้ั เปน ไฉน บรุ ุษนน้ั จะพงึ เสวยความสขุ โดยสว นเดียวอยู ๑ คืน ๑วันหรือก่งึ วนั อันมีโภคสมบตั เิ ปนเหตุ มโี ภคสมบตั เิ ปน แดนเกดิ มีโภคสมบตั ิเปน ทตี่ ั้ง บา งหรอื หนอ. อ.ุ มไิ ดเ ปน อยางนน้ั เลย พระพทุ ธเจาขา. พ. ขอน้ันเปน เพราะเหตุอะไร. อ.ุ ขาแตพ ระองคผเู จริญ เพราะกามทัง้ หลายเปนของไมเทีย่ งเปนของวา งเปลา เปนของหลอกลวง เปน ของมีความฉบิ หายไปเปนธรรมดา. พ. ดูกอ นอบุ าสกชาวสกั กะทงั้ หลาย สว นสาวกของเราในธรรม-
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 153วนิ ยั น้ี เปนผูไมประมาท มีความเพยี ร มใี จเดด็ เดีย่ ว ปฏบิ ตั ติ ามทเี่ ราพรํา่ สอนอยตู ลอด ๑๐ ป พึงเปน ผูเ สวยความสุขโดยสว นเดียวตลอดรอยปกม็ ี หมน่ื ปก็มี แสนปก็มี และสาวกของเรานั้นแล พึงเปนสกทาคามีก็มี เปน อนาคามกี ม็ ี เปนโสดาบนั ปฏิบตั ไิ มผ ดิ กม็ ี ดกู อ นอุบาสกชาวสักกะท้งั หลาย ๑๐ ปจ งยกไว สกวกของเราในธรรมวนิ ัยน้ี เปนผูไมประมาณ มีความเพียร มีใจเดด็ เด่ียว ปฏิบตั ติ ามทเ่ี ราพรํา่ สอนตลอด๙ ป ๘ ป ๗ ป ๕ ป ๔ ป ๓ ป ๒ ป ๑ ป พึงเปน ผเู สวยความสขุโดยสว นเดยี วตลอดรอ ยปก็มี หมนื่ ปกม็ ี แสนปกม็ ี และสาวกของเรานัน้ แล พึงเปนสกทาคามีกม็ ี พงึ เปนอนาคามกี ็มี เปนโสดาบันปฏิบตั ิไมผ ดิ ก็มี ดูกอ นอุบาสกชาวสักกะทง้ั หลาย ๑ ปจ งยกไว สาวกของเราในธรรมวนิ ยั น้ี เปนผูไมประมาท มคี วามเพียร มใี จเด็ดเดยี่ ว ปฏิบัติตามท่ีเราพร่าํ สอนตลอด ๑๐ เดือน พึงเปน ผูเสวยสุขโดยสว นเดยี วตลอดรอ ยปกม็ ี หม่ืนปกม็ ี แสนปก็มี และสาวกของเราน้นั แล พึงเปนสกทาคามีกม็ ี เปนอนาคามกี ็มี เปน โสดาบันปฏบิ ตั ิไมผ ดิ ก็มี ดูกอนอุบาสกชาวสกั กะทง้ั หลาย ๑๐ เดอื นจงยกไว สาวกของเราในธรรมวินัยนี้ เปนผไู มประ-มาท มีความเพียร มใี จเดด็ เดี่ยว ปฏิบตั ิตามที่เราพรํา่ สอนตลอด ๙ เดือน๘ เดอื น ๗ เดอื น ๖ เดือน ๕ เดอื น ๔ เดือน ๓ เดือน ๒ เดือน ๑ เดอื นก่ึงเดือน พงึ เปนผูเ สวยสุขโดยสว นเดยี วตลอดรอยปกม็ ี หม่ืนปก็มี แสนปก ็มี และสาวกของเรานน้ั แล พงึ เปน สกทาคามีก็มี เปน อนาคามีกม็ ี เปนโสดาบันปฏบิ ตั ไิ มผดิ ก็มี ดูกอนอุบาสกชาวสักกะทง้ั หลาย กง่ึ เดอื นจงยกไว สาวกของเราในธรรมวนิ ยั น้ี เปนผูไมประมาท มีความเพยี ร มใี จเด็ดเด่ยี ว ปฏิบตั ติ ามที่เราพร่ําสอนตลอด ๑๐ คือ ๑๐ วัน พึงเปน ผู
พระสุตตนั ตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 154เสวยสุขโดยสว นเดยี วตลอดรอยปก ม็ ี หมน่ื ปก ม็ ี แสนปก ็มี และสาวกของเรานัน้ แล พึงเปนสกทาคามกี ็มี เปน อนาคามกี ็มี เปน โสดาบันปฏบิ ตั ไิ มผิดกม็ ี ดกู อ นอบุ าสกชาวสักกะท้ังหลาย ๑๐ คืน ๑๐ วัน จงยกไว สาวกของเราในธรรมวนิ ัยนี้ เปน ผไู มประมาท มีความเพยี ร มีใจเดด็ เด่ียว ปฏบิ ตั ิตามที่เราพร่าํ สอนตลอด ๙ คืน ๙ วนั ๘ คนื ๘ วนั๗ คนื ๗ วัน ๖ คืน ๖ วัน ๕ คนื ๕ วัน ๔ คนื ๔ วัน ๓ คืน ๓ วนั๒ คนื ๒ วนั ๑ คืน ๑ วนั พงึ เปน ผเู สวยสุขโดยสว นเดยี วตลอดรอ ยปก็มี หมนื่ ปก็มี แสนปก็มี และสาวกของเรานน้ั แล พงึ เปนสกทาคามีกม็ ี เปนอนาคามีก็มี เปน โสดาบนั ปฏบิ ตั ไิ มผดิ กม็ ี ดกู อนอุบาสกชาวสกั กะทง้ั หลาย ไมเ ปนลาภของทานท้ังหลายเสยี แลว ทา นทัง้ หลายไมไดด ีแลวทท่ี านท้งั หลาย เมอื่ ชวี ิตมภี ยั เพราะความโศก มภี ยั เพราะความตายอยางนี้บางคราวก็รกั ษาอุโบสถอนั มีองค ๘ บางคราวก็ไมร กั ษา. อ.ุ ขาแตพ ระองคผ เู จริญ ขาพระองคเหลา น้ีจกั รกั ษาอุโบสถ อนัประกอบดวยองค ๘ ต้ังแตว นั นีเ้ ปน ตน ไป. จบสกั กสตู รท่ี ๖ อรรถกถาสักกสูตรที่ ๖ สักกสูตรที่ ๖ พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ดงั ตอไปน้ี. บทวา โสกลภเย แปลวา มีภัยเพราะความโศก. ปาฐะวา โสกภเยดังนี้บา ง. ในบทที่ ๒ ก็นยั นี้เหมือนกนั . บทวา เยน กมมฺ ฏ าเนนความวา บรรดาการงานท้งั หลายมีการไถ การคาขาย เปนตน การงานอยา งใดอยางหนึง่ . บทวา อนาปชฺช อกุสล ความวา ไมถ ึงอกศุ ลไร ๆ
พระสุตตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 155บทวา นิพฺพิเสยฺย ไดแ ก พงึ ใหเ กดิ ขึ้น ไมถึงใหเ สียไป. บทวา ทกฺโขแปลวา ผฉู ลาด. บทวา อฏุ านสมปฺ นฺโน ไดแก ผปู ระกอบดวยความขยันหมั่นเพยี ร. บทวา อล วจนาย แปลวา ควรท่จี ะกลา ว. บทวา เอกนตฺ -สุขปฏิส เวที วิหเรยยฺ ความวา รบั รูเสวยสุขทางกายและทางใจสว นเดียวดว ยญาณอยู. บทวา อนิจฺจา ไดแก มีแลวกไ็ มม ี. บทวา ตุจฉฺ า ไดแก เวน จากความช่ืนใจ. บทวา มสุ า ไดแก กามแมจ ะลว งประหนงึ่ วา เทีย่ ง งาม และสุข กไ็ มเ ปน อยางน้ัน เหตนุ ั้น จึงชอ่ื วา โมสธมฺมา ไดแก มอี นั เสยี ไปเปน สภาวะ เพราะฉะนั้น จึงทรงช้วี า อาศยั กามเหลานนั้ จงึ เกิดทกุ ข. บทวาโว ในคําวา อธิ โข ปน โว นีเ้ ปน เพยี งนิบาต. บทวา อปณฺณก วาโสตาปนฺโน ความวา หรอื วา เปนโสดาบนั ปฏบิ ัตไิ มผดิ โดยสว นเดยี ว.แมผนู ั้นทาํ ฌานใหเ กดิ แลว ก็ไปพรหมโลก หรอื เสวยสุขสวนเดียวในกามาพจรสวรรค ๖ ชัน้ อยู. ในพระสูตรน้ี พระศาสดาตรัสคุณของอุโบสถประกอบดวยองค ๘. จบอรรถกถาสกั กสูตรที่ ๖ ๗. มหาลสิ ูตร วา ดว ยเหตุแหงการทําบาปกรรมและกัลยาณกรรม [๔๗] สมยั หนงึ่ พระผมู ีพระภาคเจา ประทบั อยู ณ กฏู าคารศาลาปามหาวนั ใกลน ครเวสาลี คร้ันน้นั แล กษตั ริยล จิ ฉวพี ระนามวามหาลี ไดเสดจ็ เขาไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจาถงึ ท่ปี ระทบั ถวายบงั คมพระผมู ีพระ-ภาคเจาแลว ประทบั นงั่ ณ ท่ีควรสวนขา งหนึ่ง คร้ันแลวไดทลู ถามพระ-
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 156ผมู พี ระภาคเจาวา ขา แตพระองคผเู จรญิ อะไรหนอแลเปน เหตเุ ปน ปจจยัแหง การทาํ บาปกรรม แหงความเปนไปแหงบาปกรรม พระผูมีพระภาค-เจาตรัสตอบวา ดูกอ นมหาลี โลภะแลเปน เหตเุ ปนปจจัยแหง การทาํ บาปกรรม แหงความเปนไปแหง บาปกรรม ดูกอ นมหาลี จติ อันบุคคลตัง้ ไวโมหะแล... อโยนโิ สมนสิการแล... ดูกอ นมหาลี จิตอนั บุคคลตั้งไวผิดแล เปน เหตเุ ปนปจจัยแหง การทาํ บาปกรรม แหง ความเปนไปแหงบาปกรรม ดูกอ นมหาลี กเิ ลสมโี ลภะเปน ตนน้แี ล เปน เหตเุ ปนปจ จยัแหง การทําบาปกรรม แหงความเปน ไปแหงบาปกรรม. ม. ขาแตพ ระองคผูเ จรญิ กอ็ ะไรเปน เหตุเปน ปจ จยั แหงการทํากัลยาณ-กลั ยาณกรรม แหง ความเปน ไปแหงกลั ยาณกรรม. พ. ดูกอ นมหาลี อโลภะแลเปนเหตเุ ปนปจ จยั แหงการทํากัลยาณ-กรรม แหง ความเปน ไปแหงกัลยาณกรรม ดูกอนมหาลี อโทสะแล...อโมหะแล... โยนิโสมนสิการแล... ดูกอนมหาลี จติ อนั บุคคลต้งั ไวชอบแล เปนเหตเุ ปนปจจัยแหงการทํากัลยาณกรรม แหงความเปน ไปแหง กลั ยาณกรรม ดกู อนมหาลี ธรรมมอี โลภะเปน ตนน้ีแล เปนเหตุเปนปจจยั แหง การทํากัลยาณธรรม แหง ความเปนไปกลั ยาณธรรมดูกอ นมหาลี ถา ธรรม ๑๐ ประการน้แี ลไมพ ึงมีในโลก ชอ่ื วา ความประพฤตไิ มสม่ําเสมอ คอื ความประพฤตอิ ธรรม หรอื ความประพฤติสมํ่าเสมอ คือ ความประพฤตธิ รรม กจ็ ะไมพึงปรากฏในโลกน้ี ดกู อ นมหาลี กเ็ พราะธรรม ๑๐ ประการนมี้ ีพรอมอยใู นโลก ฉะนั้น ชือ่ วา ความประพฤตไิ มส มํา่ เสมอ คือ ความประพฤตอิ ธรรม หรือความประพฤติสมา่ํ เสมอ คอื ความประพฤตธิ รรม จึงปรากฏ (ในโลกน)้ี . จบมหาลสิ ูตรท่ี ๗
พระสุตตนั ตปฎก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 157 อรรถกถามหาลสิ ูตรท่ี ๗ มหาลสิ ตู รที่ ๗ พงึ ทราบวนิ จิ ฉัยดงั ตอ ไปนี.้ บทวา มิจฺฉาปณิหิต แปลวา ทเี่ ขาตัง้ ไวผ ิด. บทวา อธมฺมจริยาวสิ มจริยา ความวา พึงทรามวิสมจรยิ าความประพฤตไิ มเรยี บรอ ย กลาวคือ อธรรมจรยิ า ความประพฤติอธรรมได กด็ ว ยอํานาจอกุศลกรรมบถจรยิ านอกนี้กด็ วยอาํ นาจกุศลกรรมบถ. ในพระสูตรน้ี ตรสั เฉพาะวัฏฏะเทาน้ัน ดวยประการฉะนี้. จบอรรถกถามหาลิสตู รที่ ๗ ๘. อภิณหปจ จเวกขณธรรมสูตร วาดวยธรรมทีบ่ รรพชิตพึงพิจารณาเนือ่ ง ๆ ๑๐ ประการ [๔๘] ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ธรรม ๑๐ ประการน้ี อันบรรพชิตพงึ พิจารณาเนือง ๆ ๑๐ ประการเปนไฉน คอื บรรพชติ พึงพิจารณาเนือง ๆ วา เราเปนผมู เี พศตา งจากคฤหสั ถ ๑ บรรพชิตพึงพจิ ารณาเนอื งๆวา การเลยี้ งชีพของเราเนอ่ื งดว ยผอู ่นื ๑ บรรพชิตพึงพิจารณาเนอื ง ๆวา อากปั กิริยาอยางอน่ื อนั เราควรทาํ มอี ยู ๑ บรรพชิตพึงพจิ ารณาเนอื ง ๆ วา เรายอมติเตยี นตนเองไดโ ดยศีลหรอื ไม ๑ บรรพชิตพงึพิจารณาเนอื ง ๆ วา เพือ่ นพรหมจรรยท งั้ หลายผูเปนวิญูชนพิจารณาแลว ติเตียนเราไดโ ดยศลี หรอื ไม ๑ บรรพชิตพงึ พจิ ารณาเนอื ง ๆ วาเราจะตองพลดั พรากจากของรกั ของชอบใจทั้งส้ิน ๑ บรรพชิตพงึ พิจารณาเนอื ง ๆ วา. เราเปน ผมู ีกรรมเปนของของตน เปน ทายาทของกรรม มีกรรมเปน กําเนดิ มกี รรมเปนเผา พันธุ มีกรรมเปน ท่ีพ่งึ อาศัย เราจัก
พระสุตตนั ตปฎก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 158ทํากรรมใดดหี รอื ชวั่ ก็ตาม เราจกั ตองเปนผรู ับผลของกรรมน้นั ๑ บรรพ-ชิตพงึ พจิ ารณาเนืองๆ วา วนั คนื ลว งไป ๆ บดั น้ีเราทําอะไรอยู ๑ บรรพ-ชิตพงึ พจิ ารณาเนอื งๆ วา เรายอมยินดใี นเรือนวา งเปลาหรือไม ๑ บรรพ-ชิตพงึ พจิ ารณาเนอื ง ๆ วา ญาณทัสสนะวเิ ศษอันสามารถกาํ จดั กเิ ลส เปนอรยิ ะ คอื อตุ ตริมนุสสธรรม อันเราไดบ รรลุแลว มีอยหู รือหนอ ทเี่ ปนเหตใุ หเราผูอันเพอ่ื นพรหมจรรยถ ามแลว จกั ไมเ ปนผูเกอ เขินในกาลภายหลงั ๑ ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย ธรรม ๑๐ ประการนี้แล อนั บรรพชติ พึงพจิ ารณาเนอื ง ๆ. จบอภณิ หปจ จเวกขณธรรมสูตรท่ี ๘ อรรถกถาอภิณหปจจเวกขณธรรมสูตรท่ี ๘ อภณิ หปจ จเวกขณธรรมสูตรที่ ๘ พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ดังตอไปน.้ี บทวา ปพพฺ ชิเตน ไดแก ผลู ะฆราวาส การครองเรือนเขา ถึงการบวชในพระศาสนา. บทวา อภณิ ฺห แปลวา เนือง ๆ บอย ๆ. บทวาปจจฺ เวกขฺ ิตพฺพา แปลวา พึงสํารวจดู พึงกาํ หนดด.ู บทวา เววณณฺ ยิ แปลวา ความมเี พศตาง ความมีรปู ตาง ๆ ก็ความมีเพศตา งนน้ั มี ๒ อยาง คอื ความมีเพศตางโดยสรรี ะ ๑ ความมเี พศตา งโดยบริขาร ๑ บรรดาความมีเพศตาง ๒ อยา งนัน้ ความมเี พศตา งโดยสรรี ะ พึงทราบไดด ว ยการปลงผมและหนวด. ก็กอนบวช แมน ุงผาก็ตองใชผาดเี นือ้ ละเอียด ยอ มสตี างๆ แมบ ริโภคกต็ องกนิ รสอรอ ยตางๆใสภาชนะทองและเงนิ แมนอนนั่งกต็ อ งท่นี อนที่นัง่ อยา งดใี นหองสงา งามแมป ระกอบยาก็ตอ งใช เนยใส เนยขน เปน ตน ตง้ั แตบ วชแลว จาํ
พระสุตตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 159ตองนุงผาขาด ผา ปะ ผา ยอ มน้าํ ฝาด จําตอ งฉนั แตขา วคลุกในบาตรเหลก็หรือบาตรดนิ จําตอ งนอนแตบนเตยี งลาดดว ยหญา เปน ตน ในเสนาสนะมีโคนไมเปน อาทิ จําตองน่งั บนทอ นหนึง่ และเส่ือลาํ แพนเปน ตน จาํ ตอ งประกอบยาดว ยนา้ํ มตู รเนาเปน ตน. พึงทราบความมเี พศตา งโดยบรขิ ารในขอ นี้ ดวยประการฉะนี้. กม็ รรพชิตพจิ ารณาอยูอยางนี้ ยอมละโกปะความขดั ใจ และมานะความถือตวั เสียได. บทวา ปรปฏิพทฺธา เม ชวี ิกา ความวา บรรพชติ พงึ พจิ ารณาอยา งนีว้ า ความเปนอยูด วยปจจัย ๔ จําตอ งเกี่ยวเน่ืองในผูอ ืน่ อิริยาบถกส็ มควร อาชวี ะการเลี้ยงชพี ก็บริสทุ ธิ์ ท้ังเปนอนั เคารพยําเกรงบณิ ฑ-บาต ช่ือวาเปน ผบู ริโภคไมพ จิ ารณาในปจ จัย ๔ ก็หามไิ ด. บทวา อฺโ เม อากกโฺ ป กรณีโย ความวา บรรพชิตพงึ พิจารณาวาอากปั กิริยาเดนิ อนั ใดของเหลาคฤหสั ถ คือยา งกาวไมก าํ หนด โดยอาการยดื อกคอตัง้ อยางสงา งาม เราพึงทาํ อากัปกิรยิ าตางไปจากอากปั กิรยิ าของคฤหสั ถนนั้ เราพึงมีอนิ ทรยี ส งบ มใี จสงบ มองชั่วแอก ยา งกาวกาํ หนดแตน อย [ไมย า งกาวยาว] พงึ เดินไปเหมือนนําเกวยี นบรรทุกนา้ํ ไปในที่ขรขุ ระ. ดว ยวา บรรพชิตพจิ ารณาอยอู ยางนี้ ยอ มมอี ากัปกิรยิ าสมควรสิกขา ๓ ยอมบริบูรณ. ศพั ยว า กจฺจิ นุ โข รวมนบิ าตลงในความกําหนด. บทวา อตตฺ าไดแ ก จิต. บทวา สีลโต น อุปวทติ ไดแก ไมตาํ หนิตนเองเพราะศลี เปนปจจัยอยางนีว้ า ศีลของเราไมบริบูรณ. ดวยวา บรรพชติ พจิ ารณาอยอู ยางนี้ยอมต้งั หิริความละอายขน้ึ ภายใน. หิรินั้น กใ็ หส าํ เร็จความสํารวมในทวารทง้ั ๓. ความสาํ รวมในทวารทัง้ ๓ ยอ มเปนจตุปาริสทุ ะศีล บรรพ-ชติ ผูต้งั อยูในจตปุ ารสิ ุทธิศีล เจริญวปิ สสนาแลว ยอมยดึ พระอรหตั ไวได.
พระสุตตนั ตปฎก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 160 บทวา อนวุ จิ ฺจ วิฺญ สพรฺ หฺมจารี ความวา เหลา สพรหมจารผี ูประพฤติพรหมจรรยรว มกับผเู ปนบัณฑติ พจิ ารณาใครครวญแลว. ดว ยวาบรรพชิตพจิ ารณาอยูอยา งน้ี โอตตัปปะ ความเกรงกลัวบาปภายนอกยอ มต้ังข้ึน. โอตตปั ปะนนั้ ยอ มใหส าํ เร็จความสํารวมในทวารทัง้ ๓.ดังนัน้ จงึ ควรทราบโดยนยั ในลําดบั ถัดมาน้ันแล. บทวา นานาภาโว วินาภาโว ความวา ความเปน ตา ง ๆ เพราะเกิดมา ความพลดั พราก เพราะมรณะ. ดว ยวา บรรพชติ พิจารณาอยอู ยา งน้ี ชื่อวาไมมีอาการคือประมาทในทวารทง้ั ๓. มรณสั สติ ความระลึกถึงความตาย กเ็ ปน อนั ต้ังลงดว ยดี. ในบทวา กมฺมสสฺ โกมหฺ ิ เปนตน พึงทราบวนิ ิจฉัย ดังน้ี. กรรมเปน ของเรา คือเปน สมบตั ขิ องตน เหตนุ ัน้ เราจงึ เปนผมู กี รรมเปนของของเรา. ผลทีก่ รรมพึงให ชื่อวาผลทายะ ผลแหงกรรม ช่ือวากรรมทายะ ผลแหง กรรม เรายอ มรบั ผลแหง กรรมนนั้ เหตุนนั้ เราจึงเปนผูรบั ผลแหง กรรม. กรรมเปน กําเนิด คือเหตขุ องเรา เหตุนัน้ เราจงึ เปนผมู ีกรรมเปน กาํ เนิด. กรรมเปน เผาพนั ธุ เปน ญาตขิ องเรา เหตุนั้น เราจงึเปนผมู ีกรรมเปนเผาพนั ธุ. กรรมเปนท่พี งึ่ อาศยั ของเรา เหตุน้ัน เราจึงเปนผมู กี รรมเปนท่ีพึง่ อาศัย. บทวา ตสฺส ทายาโท ภวสิ สฺ ามิ ไดแก เราจกัเปนทายาท คือเปนผรู ับผลทีก่ รรมนั้นใหแ ลว . ดวยวา บรรพชติ พจิ ารณาถงึ ความทีเ่ รามีกรรมเปนของของตนอยูอยา งนี้ ยอ มไมช อ่ื วากระทาํ บาป. บทวา กถมฺภูตสฺส เม รตตฺ นิ ฺทิวา วีติปตนตฺ ิ ความวา คนื วนัลวงไป เปลย่ี นแปลงไป เราเปน อยางไร คอื เรากาํ ลังทาํ วัตรปฏิบัติอยูหรอื ๆ วาไมท าํ ทองบน พระพุธวจนะอยูห รือ ๆ วา ไมทอ งบน กาํ ลงั
พระสุตตันตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 161ทํากจิ กรรมในโยนิโสมนสกิ ารอยหู รอื ๆ วาไมทํา. ดว ยวา บรรพชิตพิจารณาอยอู ยางนี้ ความไมป ระมาท ยอ มบริบูรณ. บทวา สฺุ าคาเร อภริ มานิ ความวา เราแตผูเดียวอยูในทุกอริ ยิ าบถ ในโอกาสอนั สงดั ยงั ยนิ ดยี งิ่ อยูห รอื หนอ. ดว ยวา บรรพชติพิจารณาอยูอยา งน้ี กายวเิ วก ยอ มบรบิ ูรณ. บทวา อคุ ติ รมิ นุสสฺ ธมมฺ า ความวา ธรรมทงั้ หลายมฌี านเปนตนของทานผูไ ดฌาน และพระอรยิ ะ เปนมนษุ ยทยี่ ่งิ เปนมนุษยช นั้ อกุ ฤษฏหรอื ธรรมทั้งหลายทย่ี ่ิงยวด ทป่ี ระเสริฐกวามนุษยธรรม กลาวคือกศุ ลกรรมบถ ๑๐ มีอยู คอื เปน อยูใ นสันดานของเราหรอื . บทวา อลมริย-าณทสสฺ นวเิ สโส ความวา ช่อื วา ญาณ เพราะอรรถวา ใหเกิดมหัคต-ปญญาและโลกตุ รปญญา ชือ่ วา ทัสสนะ เพราะอรรถวา เห็นธรรมโดยทาํ ใหป ระจกั ษเหมอื นดงั เหน็ ดวยจกั ษุ เหตุนนั้ จงึ ชื่อวา ญาณทัสสนะ.ญาณทัสสนะอนั เปนอริยะ คือบริสุทธ์ิสูงสดุ เหตนุ ้ัน จึงชื่อวา อริยญาณ-ทสั สนะ. อรยิ ญาณทัสสนะอันอาจ คือเปน อริยสามารถกาํ จดั กเิ ลส มอี ยูในธรรมนนั้ หรือแกธ รรมนั้น เหตุนั้น ธรรมนน้ั จึงชอื่ วา อลมริย-ญาณทสั สนะ ไดแ กธ รรมของมนษุ ยผ ยู ่งิ ตางโดยฌานเปน ตน. อลมรยิ -ญาณทัสสนะนัน้ ดว ย วิเศษดว ย เหตุนั้น จึงช่ือวา อลมรยิ ญาณทสั สน-วิเสส. อกี นัยหนง่ึ คุณวเิ ศษ คอื ญาณทสั สนะอันบริสุทธิ์ สามารถกาํ จัดกเิ ลสไดน้นั นัน่ เอง เหตนุ นั้ จงึ ชือ่ วา อลมรยิ ญาณทัสสนวเิ สส ก็ได. บทวาอธิคโต ไดแก ความวเิ ศษทเ่ี ราไดไวแลว มอี ยูหรอื หนอ. บทวา โสหไดแก เรานน้ั มคี ณุ วิเศษอนั ไดไวแ ลว . บทวา ปจฉฺ ิเม กาเล ไดแก ในเวลานอนบนเตยี งสําหรบั . บทวา ปุฏโ ไดแก ถูกเพอ่ื นสพรหมจารี
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 162ถามถงึ คณุ วิเศษทบ่ี รรล.ุ บทวา น มงฺกุ ภวิสฺสามิ ไดแกเราจกั ไมเ ปน ผูคอตก หมดอาํ นาจ. ดวยวา บรรพชติ พิจารณาอยา งน้ี ยอมไมช่ือวาตายเปลา . จบอรรถกถาอภิณหปจจเวกขณธรรมสตู รท่ี ๘ ๙. สรรี ฏั ฐธรรมสตู ร วาดว ยธรรมท่ตี ง้ั อยใู นสรรี ะ ๑๐ ประการ [๔๙] ดกู อนภิกษุทัง้ หลาย ธรรมอันตงั้ อยูใ นสรรี ะ ๑๐ ประการนี้ อันบรรพชติ พงึ พิจารณาเนอื ง ๆ ๑๐ ประการเปน ไฉน คือ ความหนาว ๑ ความรอ น ๑ ความหิว ๑ ความกระหาย ๑ ความปวดอุจจาระ ๑ความปวดปสสาวะ ๑ ความสํารวมกาย ๑ ความสํารวมวาจา ๑ ความสาํ -รวมอาชพี ๑ ธรรมเปนเครือ่ งปรงุ แตง ภพตอไป ๑ ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลายธรรมอันตงั้ อยใู นสรีระ ๑๐ ประการนีแ้ ล อนั บรรพชิตพึงพิจารณาเนอ่ื งๆ. จบสรรี ัฏฐธรรมสูตรท่ี ๙ อรรถกถาสรรี ฏั ฐธรรมสูตรที่ ๙ สรรี ฏั ฐธรรมสตู รท่ี ๙ พงึ ทราบวนิ ิจฉัยดังตอ ไปนี.้ บทวา โปโนพฺภวโิ ก ไดแกผูใหเ กิดในภพอีก. บทวา ภวสงฺขาโรไดแ ก กรรมเครอื่ งแตง ภพ. ในพระสูตรนี้ ตรัสเฉพาะวฏั ฏะเทานั้น จบอรรถกถาสรีรัฏฐธรรมสูตรที่ ๙
พระสุตตันตปฎก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 163 ๑๐. ภัณฑนสตู ร วาดว ยธรรม ๑๐ ประการท่ีเปนเหตุใหไ มววิ าทกัน [๕๐] สมยั หน่งึ พระผูมพี ระภาคเจา ประทับอยู ณ พระวิหารเชต-วัน อารามของทานอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี ใกลพ ระนครสาวัตถี ก็สมัยน้ันแลภิกษุมากดว ยกนั กลบั จากบิณฑบาตในเวลาภายหลังภตั นง่ั ประชมุ กนั ที่หอฉัน เกิดหมายม่ันกอ ความทะเลาะวิวาทกันข้นึ ท่มิ แทงกนั และกนั ดว ยหอกคอื ปาก ครน้ั เวลาเยน็ พระผมู พี ระภาคเจาเสด็จออกจากท่ีเรน เสด็จเขาไปยงั หอฉัน แลวประทับนัง่ บนอาสนะที่ปูลาดไว ครนั้ แลวไดต รสั ถามภกิ ษุท้ังหลายวา ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย บดั น้ี เธอทง้ั หลายนง่ั ประชุมสนทนากันดวยเรอ่ื งอะไรหนอ และเรอ่ื งอะไรอันเธอท้งั หลายพักคา งไวใ นระหวา งภิกษเุ หลานน้ั กราบทูลวา ขา แตพ ระองคผเู จริญ ขอประทานพระวโรกาสขาพระองคทง้ั หลายกลับจากบิณฑบาตในเวลาภายหลังภตั น่ังประชมุ กันที่หอฉัน เกิดหมายม่นั กอ ความทะเลาะววิ าทกันขึน้ ท่มิ แทงกนั และกนัดวยหอกคือปากอยู. พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสวา ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย การทีเ่ ธอทง้ั หลายเกดิ ความหมายมั่นกอความทะเลาะววิ าทกนั ข้ึน ทิม่ แทงกนั และกันดวยหอกคอื ปากอยู นเ้ี ปน กรรมไมส มควรแกเ ธอทัง้ หลาย ผูเ ปนกุลบุตรออกบวชเปนบรรพชติ ดว ยศรัทธา ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย ธรรม ๑๐ ประ-การนี้ เปน ที่ตั้งแหงความระลกึ ถงึ กนั ทาํ ใหเ ปน ทร่ี ัก ทเี่ คารพกัน ยอ มเปน ไปเพ่อื ความสงเคราะหก ันและกนั ไมววิ าทกนั สามคั คีเปนอันหน่งึ อันเดยี วกัน ธรรม ๑๐ ประการเปนไฉน ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย ภกิ ษุในธรรมวนิ ยั นี้ เปนผูมศี ีล สาํ รวมแลว ในปาตโิ มกขสังวร ถงึ พรอ มดวยอาจาระ
พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 164และโคจร มปี กตเิ ห็นภยั ในโทษมีประมาณนอ ย สมาทานศกึ ษาอยูใ นสกิ ขาบททั้งหลาย ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย ขอ ท่ีภิกษเุ ปน ผูม ศี ีล ฯลฯ แมน ี้เปน ธรรมทตี่ ั้งแหง ความระลึกถึงกนั ทําใหเ ปน ท่ีรกั ท่ีเคารพกัน เปนไปเพื่อความสงเคราะหกันและกัน ไมว ิวาทกนั สามคั คเี ปน อนั หนงึ่ อนัเดยี วกนั . อกี ประการหนึง่ ภิกษุ เปนพหสู ูต ทรงสตุ ะ ส่ังสมสุตะ เปนผูไดสดบั มามาก ทรงไว คลอ งปาก ขนึ้ ใจ แทงตลอดดว ยดีดว ยทฏิ ฐิ ซงึ่ธรรมทัง้ หลายอนั งามในเบอื้ งตน งามในทามกลาง งามในท่ีสุด ประ-กาศพรหมจรรยพ รอมท้ังอรรถทงั้ พยัญชนะ บริสุทธิบ์ รบิ ูรณส ้ินเชิง ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย ขอ ทภี่ ิกษเุ ปน พหูสูต ฯ ล ฯ น้ีเปน ธรรมทต่ี ้งั แหงความระลึกถงึ กนั ทาํ ใหเ ปน ท่ีรัก ทเ่ี คารพกัน ยอ มเปน ไปเพอื่ ความสงเคราะหก ันและกนั ไมวิวาทกัน สามัคคีเปน อันหนงึ่ อนั เดยี วกนั . อีกประการหน่งึ ภกิ ษุ เปนผมู ีมติ รดี มีสหายดี มเี พ่ือนดี ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย ขอ ทภ่ี ิกษุเปน ผมู มี ิตรดี มีสหายดี มีเพ่ือนดนี ้ี เปนธรรมทีต่ ั้งแหงความระลกึ ถงึ กนั และกนั ทาํ ใหเ ปนที่รัก ทเี่ คารพกัน ยอ มเปนไปเพื่อละความสงเคราะหกันและกนั ไมว ิวาทกัน สามัคคเี ปนอนั หนงึ่ อนัเดียวกนั . อกี ประการหนง่ึ ภกิ ษุ เปนผูวา งาย ประกอบดว ยธรรมเครอื่ งทําใหเ ปน ผูว า งา ย เปน ผูอดทน มปี กตริ บั คาํ พรา่ํ สอนโดยเคารพ ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย ขอทภ่ี กิ ษุเปนผูวางาย ฯลฯ นี้ เปน ธรรมท่ตี ง้ั แหงความระลึกถึงกนั และกนั ทําใหเปนทีร่ ักทเี่ คารพกนั ยอมเปนไปเพอื่ ความสงเคราะหกันและกัน ไมว วิ าทกนั สามัคคเี ปน อนั หนึ่งอันเดยี วกนั .
พระสตุ ตนั ตปฎก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 165 อกี ประการหนง่ึ ภกิ ษุ เปน ผูขยนั ไมเกียจคราน ในกรณียกจิ ท้ังสูงทั้งตํา่ ของเพอ่ื นพรหมจรรยท ้งั หลาย ประกอบดวยปญญาเปน เคร่ืองพิจารณาอนั เปน อุบายในกรณียกิจนนั้ เปนผสู ามารถเพื่อทาํ เพ่อื จัดไดดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย ขอที่ภกิ ษเุ ปน ผูข ยนั ไมเกยี จครานในกรณยี กจิ ท้งั สงูทง้ั ตํ่าของเพือ่ นพรหมจรรยทง้ั หลาย ฯลฯ น้ี เปนธรรมทตี่ ง้ั แหงความระลกึ ถึงกนั และกนั ทาํ ใหเปน ท่ีรัก ทีเ่ คารพกนั ยอ มเปน ไปเพือ่ ความสงเคราะหก ันและกัน ไมว วิ าทกนั สามัคคีเปน อนั หนงึ่ อนั เดียวกนั . อีกประการหนึ่ง ภิกษุ มีความใครใ นธรรม เปน ผูฟงและแสดงธรรมอนั เปนทรี่ ัก มคี วามปราโมทยอ ยางย่งิ ในอภธิ รรม ในอภิวนิ ยั ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ขอทภ่ี กิ ษุเปนผมู ีความใครใ นธรรม ฯลฯ นี้ เปนธรรมท่ตี ้ังแหง ความระลึกถึงกันและกนั ทาํ ใหเปน ท่รี ัก ท่เี คารพกัน เปน ไปเพือ่ ความสงเคราะหกันและกนั ไมววิ าทกนั สามัคคีเปน อันหนึ่งอนั เดียวกนั . อีกประการหนึง่ ภกิ ษุ เปน ผปู รารภความเพยี รเพือ่ ละอกศุ ลธรรมทงั้ หลาย เพ่ือความถงึ พรอมแหงกุศลธรรมทั้งหลาย เปน ผูม ีกาํ ลงั มคี วามบากบ่นั มนั่ คง ไมท อดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ขอท่ีภิกษุเปนผปู รารภความเพยี ร ฯลฯ นี้ เปนธรรมทต่ี ง้ั แหง ความระลึกถึงกนั และกัน ทาํ ใหเปน ทร่ี ัก ทีเ่ คารพกนั ยอมเปนไปเพ่อื ความสงเคราะหกันและกนั ไมววิ าทกัน สามคั คเี ปนอันหนง่ึ อนั เดียวกนั . อกี ประการหนง่ึ ภกิ ษุ เปนผูส ันโดษ ดว ยจวี ร บิณฑบาต เสนาสนะเภสัชบรขิ ารอนั เปนปจจยั แกคนไข ตามมตี ามได ดูกอนภิกษุทงั้ หลายขอ ที่ภิกษุเปนผสู นั โดษดว ยจีวร บณิ ฑบาต เสนาสนะ และเภสชั บริขารอันเปน ปจ จัยของคนไขต ามมตี ามไดน ี้ เปน ธรรมท่ตี ้ังแหง ความระลึกถึงกัน
พระสุตตันตปฎก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 166และกัน ทาํ ใหเปนท่ีรกั ทเ่ี คารพกัน ยอ มเปน ไปเพอ่ื ความสงเคราะหกนั และกนั ไมวิวาทกนั สามัคคเี ปน อันหน่ึงอนั เดยี วกนั . อกี ประการหนงึ่ ภิกษุ เปน ผมู ีสติ คอื ประกอบดวยสตเิ ปน เครอื่ งรกั ษาตนอยางย่งิ ระลกึ นกึ ถงึ กิจทท่ี าํ และคําทพี่ ูดแมนานได ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย ขอ ที่ภิกษเุ ปนผมู ีสติ ฯลฯ น้ี เปนธรรมท่ีต้งั แหงความระลึกถงึกนั และกนั ทําใหเ ปนท่รี ัก ท่เี คารพกนั ยอ มเปน ไปเพื่อความสงเคราะหกนั และกัน ไมววิ าทกัน สามคั คีเปน อนั หนง่ึ อันเดียวกนั . อกี ประการหนึง่ ภิกษุ เปนผมู ปี ญ ญา คือ ประกอบดวยปญญาเครือ่ งพจิ ารณาเหน็ ความเกิด ดบั เปนอริยะ ชําแรกกิเลส ใหถ งึ ความสิน้ ทุกขโ ดยชอบ ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ขอ ทีภ่ ิกษเุ ปนผมู ปี ญญา ฯลฯ นี้เปน ธรรมทีต่ ้งั แหงความระลกึ ถงึ กนั และกนั ทาํ ใหเ ปนทร่ี กั ทเี่ คารพกนัยอมเปน ไปเพอื่ ความสงเคราะหกันและกนั ไมว ิวาทกนั สามคั คีเปน อันหนง่ึ อันเดยี วกนั . ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการนี้แล เปนทีต่ งั้ แหงความระลึกถงึ กันและกัน ทาํ ใหเ ปน ท่รี ักท่ีเคารพกนั ยอมเปนไปเพื่อความสงเคราะหกันและกนั ไมว ิวาทกนั สามคั คีเปนอนั หนง่ึ อันเดียวกนั . จบภณั ฑนสตู รท่ี ๑๐ จบอกั โกสวรรคที่ ๕
พระสุตตนั ตปฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 167 อรรถกถาภัณฑนสูตรท่ี ๑๐ ภัณฑนสูตรที่ ๑๐ พึงทราบวนิ ิจฉัยดงั ตอ ไปน.้ี พระผมู พี ระภาคเจาตรัสศลี พาหุสัจจะ วริ ยิ ะ สติ และปญญา คละกันทั้งโลกิยะทงั้ โลกตุ ระ. คาํ ที่เหลอื ในที่ทกุ แหง มใี จความงา ยทั้งนัน้ แล. จบอรรถกถาภณั ฑนสตู รที่ ๑๐ จบอักโกสวรรคท่ี ๕ จบปฐมปณ ณาสก รวมพระสูตรท่มี ใี นวรรคนี้ คือ ๑. ววิ าทสูตร ๒. ปฐมวิวาทมูลสูตร ๓. ทตุ ิยววิ าทมลู สตู ร๔. กสุ นิ าราสตู ร ๕. ปเวสนสตู ร ๖. สกั กสตู ร ๗. มหาลสิ ตู ร๘. อภิณหปจ จเวกขณธรรมสตู ร ๙. สรรี ัฏฐธรรมสูตร ๑๐. ภณั ฑนสูตร.
พระสุตตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 168 ทตุ ิยปณณาสก สจติ ตวรรคท่ี ๑ ๑. สจติ ตสูตร วา ดวยภกิ ษุพงึ เปนผูฉ ลาดในวาระจิตของตน [๕๑] สมยั หน่ึง พระผูม พี ระภาคเจาประทับอยู ณ พระวหิ ารเชตวนั อารามของทานอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี ใกลพ ระนครสาวัตถี ณ ท่ีน้ันแล พระผมู ีพระภาคเจาตรัสเรยี กภกิ ษุทง้ั หลายวา ดูกอนภิกษทุ ้งั หลายภกิ ษุเหลาน้ันทลู รับพระผมู ีพระภาคเจาแลว พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั วาดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย หากวา ภกิ ษุเปนผฉู ลาดในวาระจติ ของผูอ ่นื ไซรเมอ่ื เปนเชนน้นั เธอทัง้ หลายพึงศึกษาวา เธอท้ังหลายจักเปนผูฉ ลาดในวาระจติ ของตน ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย เธอท้ังหลายพงึ ศึกษาอยางนแ้ี ล. ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย ภกิ ษุยอมเปนผฉู ลาดในวาระจิตของตนอยางไร ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย เปรียบเหมอื นสตรหี รอื บุรุษทเ่ี ปน หนุมสาว มีปกติชอบแตงตวั สองดเู งาหนา ของตนในคันฉองอนั บริสทุ ธิ์หมดจดหรือในภาชนะนํา้ อนั ใส ถา เห็นธลุ หี รอื จุดดาํ ทห่ี นา นน้ั ก็พยายามเพ่อืขจดั ธลุ ีหรอื จะดาํ น้ันเสยี หากวาเขาไมเ ห็นธลุ หี รือจุดดําทีห่ นาน้ัน ก็ยอ มดใี จ มคี วามดาํ ริอันบริบูรณด วยเหตุน้ันแลวา เปนลาภของเราหนอหนา ของเราบริสุทธ์แิ ลว หนอ แมฉ นั ใด ดูกอ นภิกษุท้ังหลาย การพิจารณาของภิกษุวา เราเปน ผูมอี ภิชฌาอยโู ดยมากหรอื หนอ หรือวาเราไมเ ปนผมู ีอภชิ ฌาอยโู ดยมาก เราเปนผมู ีจิตพยาบาทอยโู ดยมากหรือหนอ หรอืวาเราไมเปนผูมีจิตไมพยาบาทอยูโดยมาก เราเปนผอู นั ถนี มิทธะกลมุ รุม
พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 169อยูโ ดยมากหรอื หนอ หรือวา เราเปนผูป ราศจากถีนมิทธะอยโู ดยมาก เราเปนผฟู ุง ซายอยูโดยมากหรือหนอ หรอื วาเปนผูไมฟุง ซานอยูโดยมากเราเปนผูม คี วามสงสยั อยโู ดยมากหรอื หนอ หรอื วาเราเปนผูพนความสงสยั ไดโ ดยมาก เราเปน ผโู กรธอยโู ดยมากหรอื หนอ หรอื วาเราเปนผูไมโกรธอยูโดยมาก เราเปนผมู จี ติ เศราหมองอยูโดยมากหรือหนอ หรือวา เราเปน ผูมจี ติ เศราหมองอยโู ดยมาก เราเปน ผมู กี ายอนั ปรารภแรงกลาอยโู ดยมากหรอื หนอ หรือวาเราเปน ผูม ีกายอนั มไิ ดปรารภแรงกลาอยูโดยมาก เราเปนผเู กยี จครานอยโู ดยมากหรือหนอ หรอื วาเราเปนผูปรารภความเพยี รอยโู ดยมาก เราเปน ผูมจี ิตไมต ั้งมน่ั อยูโดยมากหรอื หนอหรอื วา เราเปนผูมีจติ ต้งั มั่นอยูโดยมาก ดังน้ี ยอมเปน อุปการะมากในกุศลธรรมทั้งหลาย ฉันนนั้ เหมอื นกันแล. ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย ถาวาภิกษเุ ม่ือพิจารณาอยู ยอ มรอู ยางนี้วาเราเปนผมู อี ภิชฌาอยโู ดยมาก เปน ผมู จี ติ พยาบาทอยูโดยมาก เปน ผูอ ันถนี -มทิ ธะกลุมรุมอยโู ดยมาก เปน ผูฟุงซา นอยูโ ดยมาก เปน ผมู คี วามสงสยัอยโู ดยมาก เปนผูมคี วามโกรธอยโู ดยมาก เปน ผูม ีจติ เศราหมองอยูโดยมาก เปนผมู กี ายอันปรารภแรงกลาอยูโ ดยมาก เปน ผูเกียจครา นอยูโดยมาก เปน ผมู ีจิตไมต ้งั ม่นั อยูโดยมาก ดังนไ้ี ซร ภกิ ษนุ ั้นควรทาํ ความพอใจความพยายาม ความอตุ สาหะ ความขะมักเขมน ความไมทอ ถอย สติความสมั ปชญั ญะ ใหม ีความประมาณยง่ิ เพ่อื ละธรรมทงั้ หลาย ทีเ่ ปน บาปอกศุ ลเหลานัน้ . ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย เปรยี บเหมือนบคุ คลผูม ผี า อนั ไฟไหม หรือมีศรี ษะอนั ไฟไหม พงึ ทําความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความ
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 170ขะมักเขมน ความไมท อถอย สตแิ ละสมั ปชญั ญะ ใหมีประมาณย่งิ เพอ่ืดับไฟไหมผาหรือไฟไหมศ ีรษะนนั้ ฉนั ใด ภกิ ษุนนั้ กพ็ งึ ทําความพอใจความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขมน ความไมทอถอย สติและสัมปชญั ญะ ใหม ีประมาณยิง่ เพ่อื ละธรรมทง้ั หลายทเ่ี ปน บาปอกศุ ลเหลา นั้น ฉนั นั้นเหมอื นกนั . ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย กถ็ าวาภิกษุเม่ือพจิ ารณาอยู ยอมรูอยางนวี้ าเราเปน ผูไมม อี ภชิ ฌาอยูโดยมาก เปนผมู ีจิตไมพยาบาทอยโู ดยมาก เปนผูปราศจากถิน่ มิทธะอยูโดยมาก เปนผไู มฟุง ซานอยโู ดยมาก เปนผูขามพน ความสงสยั อยโู ดยมาก เปนผไู มโกรธอยโู ดยมาก เปน ผูมจี ติ ไมเ ศราหมองอยูโ ดยมาก เปนผูม ีกายอนั มไิ ดปรารภแรงกลาอยโู ดยมาก เปนผูปรารภความเพยี รอยูโดยมาก เปน ผมู ีจติ ตัง้ ม่ันอยโู ดยมาก ดังนไ้ี ซรภกิ ษนุ นั้ ควรต้ังอยูในกุศลธรรมเหลานัน้ แลว พึงทาํ ความเพียรเพอื่ ความส้นิ ไปแหง อาสวะท้ังหลายใหย่งิ ขึ้นไป. จบสจิตตสตู รที่ ๑ ทุตยิ ปณ ณาสก สจติ ตวรรคที่ ๑ อรรถกถาสจติ ตสูตรที่ ๑ ปณ ณาสกที่ ๒ สจิตตสูตรที่ ๑ พงึ ทราบวนิ จิ ฉัยดงั ตอ ไปน้ี. บทวา สจิตตฺ ปรยิ ายกสุ ลา แปลวา ผฉู ลาดในวาระจติ ของตน.บทวา รช ไดแ ก อุปกเิ ลสทจ่ี รมา. บทวา องคฺ ณ ไดแก มีจุดดําตาม
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 171ตัวเปนตน อนั เกดิ ในมุขนมิ ิตเงาหนานั้น. ทวา อาสวาน ขยาย ไดแกเพอ่ื ประโยชนแกพระอรหัต. จบอรรถกถาสจิตตสูตรที่ ๑ ๒. สาริปตุ ตสูตร๑ วาดวยภกิ ษุพงึ เปน ผฉู ลาดในวาระจิตของตน [๕๒] ณ ท่ีน้นั แล ทานพระสารบี ตุ รเรียกภิกษุทั้งหลายวา ดูกอ นทานผูม อี ายทุ ้ังหลาย ภกิ ษุเหลานนั้ รบั คาํ ทานพระสารบี ตุ รแลว ทานพระสารีบุตรไดก ลา ววา ดกู อ นทา นผูม ีอายุทง้ั หลาย ถาวา ภิกษไุ มเ ปนผฉู ลาดในวาระจิตของผอู ่นื ไซร เมื่อเปน อยางน้นั ภิกษุนัน้ พงึ ศกึ ษาวาเราจักเปน ผูฉลาดในวาระจิตของตน ดกู อ นทา นผมู ีอายุทงั้ หลาย ทา นท้งั หลายพงึ ศกึ ษาอยา งนี้แล. ดกู อนทา นผมู ีอายุท้ังหลาย ภิกษเุ ปน ผูฉ ลาดในวาระจติ ของตนอยางไร ดกู อนทา นผูม อี ายุทั้งหลาย เปรยี บเหมือนสตรหี รอื บรุ ุษทเี่ ปน หนุมสาวมปี กตชิ อบแตงตัว สอ งดูเงาหนา ของตนในคันฉอ งอนั บรสิ ุทธ์ิหมดจดหรอื ในภาชนะนา้ํ อันใส ถา เหน็ ธลุ หี รอื จุดดําทีห่ นา นนั้ กพ็ ยายามเพอ่ืขจดั ธลุ หี รือจดุ ดาํ นัน้ เสีย หากวาไมเหน็ ธุลีหรอื จุดดําที่หนานั้น ก็ยอ มดีใจ มีความดาํ ริอนั บรบิ ูรณด วยเหตุน้ันแลวา เปนลาภของเราหนอหนา ของเราบรสิ ุทธิแ์ ลว หนอ แมฉ ันใด ดูกอนทานผมู ีอายุทั้งหลาย การพิจารณาของภกิ ษุวา เราเปนผูมอี ภชิ ฌาอยูโดยมากหรอื หนอ หรอื วา เราเปน ผไู มมอี ภิชฌาอยูโดยมาก เราเปน ผูมจี ิตพยาบาทอยโู ดยมากหรือหนอ๑. สูตรที่ ๒ ไมมอี รรถกถาอธบิ าย.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 172หรือวา เราเปนผูมจี ิตไมพยาบาทอยูโดยมาก เราเปนผูอนั ถนี มิทธะกลุมรมุอยโู ดยมากหรอื หนอ หรือวา เราเปน ผปู ราศจากถ่ินมิทธะอยโู ดยมาก เราเปนผฟู ุงซานอยโู ดยมากหรือหนอ หรอื วา เราเปนผูไมฟ งุ ซา นอยูโ ดยมากเราเปน ผูมคี วามสงสัยอยูโดยมากหรอื หนอ หรือวาเราเปนผขู า มพนความสงสยั โดยมาก เราเปนผูม ีความโกรธอยูโดยมากหรือหนอ หรอื วา เราเปนผไู มม คี วามโกรธอยูโดยมาก เราเปน ผูมจี ติ เศราหมองอยโู ดยมากหรือหนอ หรอื วาเราเปนผมู จี ิตไมเศรา หมองอยโู ดยมาก เราเปนผูม กี ายอันปรารภแรงกลาอยูโดยมากหรือหนอ หรอื วา เราเปนผมู กี ายอนั มิไดปรารภแรงกลา อยโู ดยมาก เราเปนผเู กยี จครา นอยโู ดยมากหรอื หนอ หรอื วาเราเปนผปู รารภความเพยี รอยโู ดยมาก เราเปน ผมู จี ิตตงั้ มน่ั อยูโดยมากหรอืหนอ หรอื วาเราเปน ผมู ีจิตไมตง้ั มั่นอยูโดยมาก ดงั นี้ ยอมเปนอปุ การะมากในกุศลธรรมทงั้ หลาย ฉันนั้นเหมอื นกนั แล. ดกู อนทานผูม อี ายุทัง้ หลาย ถามวา ภิกษเุ ม่ือพิจารณาอยู ยอมรอู ยางนี้วา เราเปน ผมู อี ภชิ ฌาอยูโดยมาก ฯลฯ เปน ผูม ีจติ ไมต ้ังมั่นอยโู ดมากดงั นีไ้ ซร ภกิ ษนุ ้นั ควรทําความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะความขะมักเขมน ความไมท อ ถอย สตแิ ละสัมปชัญญะ ใหม ปี ระมาณย่ิงเพือ่ ละธรรมท้งั หลายทีเ่ ปนบาปอกุศลเหลา นั้น. ดูกอ นทา นผมู ีอายุทงั้ หลาย เปรยี บเหมือนบคุ คลผูมีผาอันไฟไหมหรอื มศี รี ษะอนั ไฟไหม พึงทําความพอใจ ความพยายาม ความอตุ สาหะความขะมักเขมน ความไมทอถอย สตแิ ละสมั ปชัญญะ ใหมีประมาณยิ่งเพ่อื ดบั ไฟไหมผา หรือไฟไหมศีรษะนน้ั ฉันใด ภกิ ษพุ ึงทําความพอใจความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขมน ความไมทอ ถอย สติ
พระสุตตันตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 173และสัมปชัญญะ ใหมปี ระมาณยง่ิ เพือ่ ละธรรมทั้งหลายทเ่ี ปนบาปอกศุ ลเหลา น้ัน ฉันนน้ั เหมือนกนั . ดกู อ นทา นผูมอี ายทุ ้ังหลาย ถา วา ภกิ ษเุ มอ่ื พจิ ารณาอยยู อ มรูอยางน้ีวา เราเปนผูไ มมอี ภิชฌาอยูโดยมาก ฯลฯ เปนผูมีจิตตั้งมัน่ อยูโดยมากดังนไ้ี ซร ภกิ ษนุ ัน้ ควรตง้ั อยูในกศุ ลธรรมเหลา นั้นแลว พงึ ทําความเพียรเพื่อความสิ้นไปแหงอาสวะท้ังหลายใหยง่ิ ในรปู . จบสาริปุตตสูตรท่ี ๒ ๓. ฐติ สิ ูตร วาดว ยพระผมู ีพระภาคเจา ทรงสรรเสริญความตั้งอยใู นกศุ ลธรรม [๕๓] ดกู อนภิกษุท้ังหลาย เราไมสรรเสริญแมซ ่งึ ความตงั้ อยใู นกุศลธรรมท้ังหลาย ไฉนจะสรรเสรญิ ความเสื่อมรอบในกุศลธรรมทงั้ หลายเลา ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย แตเราสรรเสรญิ ความเจริญในกศุ ลธรรมทัง้หลาย มิใชความต้งั อยู มใิ ชความเสื่อมในกศุ ลธรรม. ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ความเส่อื มในกศุ ลธรรมทงั้ หลาย มิใชความตัง้ อยู มิใชความเจริญอยา งไร ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย ภกิ ษุในธรรมวนิ ัยน้ีเปนผมู ศี รัทธา ศีล สตุ ะ จาคะ ปญญา ปฏภิ าณเทา ไร ธรรมเหลานัน้ของภกิ ษุน้ันยอ มไมต้งั อยู ยอ มไมเจริญขึน้ ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย เรากลาวขอนี้วา เปน ความเส่อื มใน กศุ ลธรรมท้งั หลา มิใชค วามตง้ั อยู มิอยูความเจริญ ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย ความเส่อื มในกุศลธรรมทงั้ หลายมีอยูมใิ ชค วามต้ังอยู มิใชค วามเจริญ อยางนีแ้ ล.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 174 ดกู อนภิกษุท้งั หลาย ความตง้ั อยใู นกศุ ลธรรมทง้ั หลาย มใิ ชค วามเสื่อม มิใชความเจรญิ อยา งไร ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยนี้เปนผมู ีศรัทธา ศลี สตุ ะ จาคะ ปญญา ปฏิภาณเทา ไร ธรรมเหลา นัน้ของภิกษุนัน้ ยอมไมเส่อื ม ยอมไมเ จริญข้นึ ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย เรากลาวขอนี้วา เปนความตงั้ อยูใ นกศุ ลธรรมท้ังหลาย มใิ ชค วามเสื่อม มใิ ชความเจริญ ดูกอ นภิกษุท้ังหลาย ความตง้ั อยูใ นกศุ ลธรรมทั้งหลาย มิใชความเสอ่ื ม มใิ ชความเจรญิ อยางนแ้ี ล. ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลายความเจริญในกุศลธรรมทัง้ หลาย มใิ ชค วามต้งั อยู มิใชค วามเสื่อมอยา งไร ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย ภกิ ษุในธรรมวนิ ัยน้ีเปนผมู ศี รทั ธา ศีล สตุ ะ จาคะ ปญ ญา ปฏภิ าณเทาไร ธรรมเหลา น้นั ของภกิ ษยุ อ มไมต ั้งอยู ยอ มไมเส่อื ม ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย เรากลา วขอนีว้ าเปนความเจริญในกุศลธรรมท้งั หลาย มิใชค วามตัง้ อยู มใิ ชความเสอ่ื มดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ความเจริญในกศุ ลธรรมท้ังหลาย มิใชความตงั้ อยูมใิ ชความเสื่อม อยา งนแ้ี ล ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย หากวา ภิกษไุ มเปนผูฉลาดในวาระจติ ของผูอนื่ ไซร เมื่อเปน อยา งนัน้ ภิกษนุ ้ันพงึ ศึกษาวาเราจกั เปน ผฉู ลาดในวาระจติ ของตน ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย เธอทง้ั หลายพงึ ศกึ ษาอยางน้แี ล. ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย กภ็ กิ ษุผฉู ลาดในวาระจิตของตนอยางไร ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย เปรยี บเหมอื นสตรหี รอื บรุ ุษทีเ่ ปน หนุม สาว มีปกติชอบแตง ตัว สองดเู งาหนาของตนในคันฉองอันบริสทุ ธห์ิ มดจด หรอื ในภาชนะนา้ํ อันใส ถา เห็นธลุ หี รือจดุ ดาํ ทห่ี นา นั้น ก็พยายามเพื่อขจัดธุลีหรือจดุ ดําน้ันเสีย ถาวาไมเ ห็นธุลหี รือจดุ ดาํ ท่หี นา น้ัน กย็ อมดใี จ มคี วาม
พระสตุ ตนั ตปฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 175ดําริอันบริบูรณดวยเหตนุ ้นั แลวา เปน ลาภของเราหนอ หนาของเราบริสทุ ธิ์แลวหนอ แมฉ นั ใด ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย การพจิ ารณาของภิกษุวา เราเปน ผูมอี ภชิ ฌาอยโู ดยมากหรอื หนอ หรอื วา เราเปน ผไู มม อี ภชิ ฌาอยโู ดยมาก เราเปน ผมู จี ิตไมต ัง้ มั่นอยโู ดยมากหรอื หนอ หรอื วาเราเปนผมู จี ติ ตัง้ มนั่ อยโู ดยมาก ดงั นี้ ยอมเปน อุปการะมากในกศุ ลธรรมท้ังหลายฉนั นัน้ เหมอื นกนั แล. ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย ถาวา ภกิ ษเุ มอื่ พจิ ารณาอยู ยอมรอู ยา งน้ีวาเราเปนผมู ีอภิชฌาอยูโ ดยมาก... เปน ผูม จี ิตไมตง้ั มั่นอยโู ดยมาก ดงั น้ไี ซรภกิ ษนุ ั้นควรทาํ ความพอใจ ความพยายาม ความอตุ สาหะ ความขะมักเขมน ความไมทอ ถอย สตแิ ละสัมปชัญญะ ใหม ปี ระมาณย่ิง เพอ่ื ละธรรมทง้ั หลายทีเ่ ปนยาปอกศุ ลเหลา นั้น ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย เปรยี บเหมอื นบุคคลมีผา อนั ไฟไหม หรือมีศรี ษะอนั ไฟไหม พึงทําความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขมน ความไมทอถอย สติและสัมปชัญญะ ใหม ปี ระมาณยิ่ง เพ่อื ดับไฟไหมผ า หรอื ไฟไหมศ รี ษะฉนั ใด ภิกษุนั้นพงึ ทาํ ความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมกั เขมน ความไมทอถอย สติและสมั ปชญั ญะ ใหมปี ระมาณย่ิงเพือ่ ละธรรมท้ังหลายที่เปนมาปอกศุ ลเหลา นน้ั ฉันนนั้ เหมอื นกนั ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย ก็ถา ภิกษุเมื่อพจิ ารณาอยู ยอ มรูอยางนวี้ า เราเปน ผไู มม ีอภชิ ฌาอยูโดยมาก... เปน ผมู ีจติ ต้งั ม่ันอยโู ดยมาก ดงั น้ีไซรภกิ ษนุ ั้นควรต้ังอยใู นกุศลธรรมเหลานน้ั แลว พงึ ทาํ ความเพียรเพือ่ ความส้ินไปแหงอาสวะทง้ั หลายใหย ิ่งขน้ึ ไป. จบฐิติสูตรท่ี ๓
พระสุตตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 176 อรรถกถาฐิติสตู รท่ี ๓ ฐติ ิสูตรที่ ๓ พึงทราบวนิ ิจฉยั ดังตอ ไปน้.ี บทวา ปฏภิ าเณน ไดแก ดวยการตงั้ ถอยคาํ ไว. จบอรรถกถาฐิติสูตรที่ ๓ ๔. สมถสตู ร วาดว ยสง่ิ ทค่ี วรเสพและไมค วรเสพ [๕๔] ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย หากวาภิกษุไมเปน ผูฉลาดในวาระจติของผอู ื่น เมอื่ เปนเชนน้ัน ภกิ ษนุ ้นั พึงศึกษาวา เราจกั เปนผูฉลาดในวาระจติ ของตน ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย เธอท้ังหลายพงึ ศกึ ษาอยา งนแ้ี ล. ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษเุ ปน ฉลาดในวาระจติ ของตนอยางไรดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย เปรียบเหมือนสตรีหรอื บรุ ุษทีเ่ ปน หนมุ สาว มปี กติชอบแตง ตัว สองดูเงาหนาของตนในคันฉอ งอันบรสิ ทุ ธหิ์ มดจด หรอื ในภาชนะนา้ํ อนั ใส ถา เหน็ ธลุ หี รือจดุ ดําท่หี นาน้นั กย็ อ มพยายามกาํ จดั ธุลีหรือจุดดาํ นั้นเสีย ถา ไมเหน็ ธลุ ีหรือจุดดําทห่ี นานนั้ ยอมดีใจ มคี วามดาํ ริอันบริบรู ณด วยเหตนุ ้นั แลวา เปนลาภของเราหนอ หนาของเราบริสทุ ธิ์แลวหนอ แมฉ ันใด ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย การพิจารณาของภิกษวุ า เราเปนผไู ดค วามสงบจติ ภายในหรอื หนอ หรอื วา ไมเปน ผูไดค วามสงบจติภายใน เราเปนผไู ดความเห็นแจงธรรมดวยปญ ญาอันย่ิงหรือหนอ หรอืวาเราไมเ ปน ผไู ดค วามเห็นแจงธรรมดวยปญ ญาอันยงิ่ ดงั นี้ ยอ มเปนอุปการะมากในกศุ ลธรรมท้งั หลาย ฉนั น้ันเหมอื นกนั แล.
พระสตุ ตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 177 ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย ถาวา ภกิ ษุพิจารณาอยยู อ มรูอยา งน้ีวา เราไดความสงบจิตภายใน ไมไดความเหน็ แจงธรรมดวยปญ ญาอันยิ่ง ดังน้ีไซรภิกษนุ นั้ ควรตั้งอยใู นความสงบจิตภายในแลว พึงทราบความเพยี รในความเหน็ แจง ธรรมดวยปญ ญาอันยง่ิ สมยั ตอ มา ภกิ ษนุ ั้นยอ มไดความสงบจติภายใน และไดความเห็นแจงธรรมดว ยปญญาอันย่งิ ดูกอ นภิกษุท้ังหลายกถ็ า ภิกษุพจิ ารณาอยู ยอมรอู ยา งน้วี า เราไดค วามเหน็ แจง ธรรมดว ยปญญาอันยิง ไมไ ดค วามสงบจิตภายใน ดงั นี้ไซร ภกิ ษุควรตัง้ อยใู นความเหน็แจงธรรมดวยปญ ญาอันยิ่งแลว พงึ ทาํ ความเพียรในความสงบจิตภายในสมยั ตอ มา ภิกษนุ นั้ ยอมไดค วามเหน็ แจงธรรมดวยปญ ญาอนั ยิง่ และไดความสงบจิตภายใน ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็ถา ภกิ ษุพจิ ารณาอยู ยอ มรูอยา งน้วี า เราไมไ ดค วามสงบจิตภายใน ไมไดค วามเหน็ แจง ธรรมดว ยปญ ญาอนั ย่งิ ดังนี้ไซร ภิกษนุ ัน้ ควรทําความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขมน ความไมทอถอย สติแลสัมปชัญญะ ใหมีประมาณยิ่ง เพอ่ื ไดซ่ึงกุศลธรรมเหลา นั้นน่นั เทยี ว. ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย เปรียบเหมือนบคุ คลผูมีผาถูกไฟไหมห รอื มีศีรษะถกู ไฟไหม พึงทาํ ความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมกั เขมน ความไมทอถอย สติและสมั ปชัญญะ ใหม ีประมาณยิ่งเพ่ือดับไฟไหมผ า หรอื ไฟไหมศีรษะนัน้ นัน่ เที่ยว แมฉ ันใด ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ภกิ ษนุ นั้ ควรทาํ ความพอใจ ความพยายาม ความอตุ สาหะความขะมกั เขมน ความไมท อ ถอย สตแิ ละสมั ปชัญญะ ใหม ีประมาณยง่ิเพื่อไดซ งึ่ กศุ ลธรรมเหลานน้ั น่นั เทียว ฉนั น้ันเหมือนกันแล. สมยั ตอ มา ภกิ ษุนน้ั ยอมไดความสงบจิตภายใน และไดค วามเหน็
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาที่ 178แจง ธรรมดว ยปญญาอันยิง่ ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย กถ็ าภิกษุทง้ั หลายพิจารณาอยู ยอ มรูอยา งนีว้ า เราไดค วามสงบจติ ภายใน ไดค วามเหน็ แจง ธรรมดวยปญญาอนั ยง่ิ ดังน้ไี ซร ภิกษนุ นั้ ควรต้ังอยใู นกศุ ลธรรมเหลา นัน้นัน่ แหละ แลวพงึ ทําความเพยี รใหย่งิ ขน้ึ ไป เพอ่ื ความสน้ิ ไปแหงอาสวะทั้งหลาย. ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย เรายอมกลา วแมซ ง่ึ จีวรโดยสว นสอง คือที่ควรเสพกม็ ี ท่ีไมควรเสพก็มี เรายอมกลาวแมซ ง่ึ บณิ ฑบาตโดยสวนสองคือ ที่ควรสพก็มี ทไี่ มควรเสพกม็ ี เรายอมกลา วแมซงึ่ เสนาสนะโดยสว นสอง คอื ทคี่ วรเสพก็มี ที่ไมค วรเสพก็มี เรายอ มากลาวแมซ่ึงบา นและนิคมโดยสวนสอง คอื ท่คี วรเสพก็มี ท่ีไมควรเสพกม็ ี เรายอ มกลา วแมซ ง่ึ ชนบทและประเทศโดยสว นสอง คือ ทีค่ วรเสพกม็ ี ทีไ่ มควรเสพก็มีเรายอ ม กลาวแมซ ่งึ บุคคลโดยสว นสอง คอื ทค่ี วรเสพก็มี ท่ไี มค วรเสพก็มี. ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย กค็ าํ ที่เรากลาววา เรายอ มกลา วแมซ ่ึงจีวรโดยสว นสอง คือ ที่ควรเสพกม็ ี ที่ไมควรเสพก็มี เราอาศัยอะไรกลา วแลวในจีวร ๒ อยา งนนั้ จีวรชนดิ ใดภิกษรุ วู า เมอ่ื เราเสพจีวรนี้แล อกุศล-ธรรมยอมเจรญิ ย่งิ กศุ ลธรรมยอ มเส่ือมไปจวี รเหน็ ปานนี้ไมค วรเสพจวี รใดภกิ ษุพงึ รูวา เม่ือเราเสพจีวรน้แี ล อกศุ ลธรรมยอมเสอ่ื มไป กศุ ลธรรมยอ มเจริญยง่ิ จวี รเห็นปานน้ีควรเสพ ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย ก็คําทีเ่ รากลาววา เรายอ มกลาวแมซ ึ่งจวี รโดยสว นสอง คือ ที่ควรเสพกม็ ีทไี่ มควรเสพก็มี ดังนี้ เขาอาศัยขอนี้กลาวแลว .
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 179 ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ก็คาํ ทเี่ รากลา ววา เรายอ มกลา วแมซ่ึงบณิ ฑบาตโดยสวนสอง คอื ท่ีควรเสพกม็ ี ทไี่ มควรเสพกม็ ี ดงั นี้ เราอาศยั อะไรกลาวแลว ในบิณฑบาต ๒ อยา งน้ัน บิณฑบาตใด ภกิ ษพุ งึ รูว า เม่ือเราเสพบณิ ฑบาตน้แี ล อกศุ ลธรรมยอ มเจริญย่งิ กศุ ลธรรมยอ มเสือ่ มไปบิณฑบาตเห็นปานน้ีไมควรเสพ บณิ ฑบาตใด ภกิ ษุพึงรวู า เมือ่ เราเสพบิณฑบาตนีแ้ ล อกุศลธรรมยอมเสอื่ มไป กุศลธรรมยอมเจรญิ ย่ิง บณิ ฑ-บาตเหน็ ปานนค้ี วรเสพ ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย กค็ ําที่เรากลาววา เรายอม-กลา วแมซ่ึงบิณฑบาตโดยสวนสอง คือ ทีค่ วรเสพกม็ ี ทไ่ี มควรเสพก็มีดังนี้ เราอาศัยขอน้ีกลาวแลว. ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย กค็ ําทเี่ รากลาววา เรายอมกลาวแมซง่ึ เสนา-สนะโดยสวนสอง คอื ทีค่ วรเสพกม็ ี ทไ่ี มควรเสพกม็ ี ดงั น้ี เราอาศัยอะไรกลาวแลว ในเสนาสนะ ๒ อยา งน้นั เสนาสนะใด ภิกษพุ งึ รวู าเมือ่ เราเสพเสนาสนะน้ีแล อกุศลธรรมยอ มเจริญยิ่ง กศุ ลธรรมยอ มเสอ่ื มไป เสนาสนะเห็นปานนี้ไมควรเสพ เสนาสนะใด ภกิ ษุพงึ รูวา เมอ่ืเราเสพเสนาสนะนแี้ ล อกุศลธรรมยอ มเสอื่ มไป กุศลธรรมยอมเจริญย่งิเสนาสนะเห็นปานน้ีควรเสพ ดกู อนภิกษุท้งั หลาย กค็ าํ ทเ่ี รากลา ววา เรายอมกลา วแมซ ึง่ เสนาสนะโดยสว นสอง คือ ทคี่ วรเสพกม็ ี ทไ่ี มควรเสพก็มี ดังน้ี เราอาศยั ขอ นี้กลา วแลว . ดกู อนภิกษุทงั้ หลาย กค็ ําทีเ่ รากลาววา เรายอ มกลาวแมซ ึง่ บา นและนคิ มโดยสวนสอง คือ ท่ีควรเสพก็มี ทไ่ี มค วรเสพกม็ ี ดงั น้ี เราอาศัยอะไรกลา วแลว ในบา นและนคิ มทง้ั สองอยางนน้ั บา นและนิคมใดภิกษุพงึ รูวา เมื่อเราเสพบา นและนิคมนแ้ี ล อกุศลธรรมยอมเจรญิ ยง่ิ
พระสุตตันตปฎก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 180กศุ ลธรรมยอมเส่อื มไป บานและนคิ มเห็นปานน้ีไมค วรเสพ บานและนิคมใด ภิกษพุ งึ รวู า เม่ือเราเสพบา นและนิคมนแ้ี ล อกุศลธรรมยอมเสื่อมไป กศุ ลธรรมยอมเจรญิ ย่งิ บา นและนคิ มเห็นปานนคี้ วรเสพ ดูกอนภกิ ษุทัง้ หลาย กค็ าํ ทีเ่ รากลา ววา เรายอ มกลา วแมซ ง่ึ บา นและนิคมโดยสว นสองคือ ทีค่ วรเสพก็มี ที่ไมควรเสพกม็ ี ดังนี้ เราอาศัยขอน้กี ลาวแลว. ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ก็คําทเ่ี รากลาววา เรากลาวแมซึ่งชนบทและประเทศโดยสวนสอง คอื ทค่ี วรเสพกม็ ี ทไ่ี มค วรเสพกม็ ี ดังนี้ เราอาศยัอะไรกลา วแลว ในชนบทและประเทศทั้งสองนั้น ชนบทและประเทศใดภิกษพุ งึ รวู า เมอื่ เราเสพชนบทและประเทศน้ีแล อกุศลธรรมยอมเจรญิ ย่ิงกุศลธรรมยอ มเส่ือมไป ชนบทและประเทศเหน็ ปานนีไ้ มควรเสพ ชนบทและประเทศใด ภิกษพุ ึงรูวา เม่ือเราเสพชนบทและประเทศน้ีแล อกุศล-ธรรมยอมเสือ่ มไป กุศลธรรมยอมเจริญยิ่ง ชนบทและประเทศเหน็ ปานนี้ควรเสพ ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย ก็คําทเี่ รากลา ววา เรากลาวแมซ่ึงชนบทและประเทศโดยสว นสอง คือ ที่ควรเสพก็มี ทไ่ี มค วรเสพกม็ ี ดงั น้ี เราอาศัยขอ นีก้ ลาวแลว . ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ก็คาํ ท่เี รากลา ววา เรากลาวแมซ ่ึงบุคคลโดยสว นสอง คอื ท่คี วรเสพกม็ ี ที่ไมค วรเสพกม็ ี ดังน้ี เราอาศัยอะไรกลาวแลว ในบคุ คลทง้ั สองนน้ั บุคคลใด ภกิ ษุพงึ รวู า เมื่อเราเสพบุคคลนี้แลอกุศลธรรมยอ มเจรญิ ยง่ิ กุศลธรรมยอมเสื่อมไป บคุ คลเห็นปานนไ้ี มค วรเสพ บุคคลใด ภกิ ษพุ ึงรูวา เม้อื เราเสพบคุ คลน้แี ล อกุศลธรรมยอ มเสอ่ื มไป กุศลธรรมยอ มเจรญิ ยง่ิ บคุ คลเห็นปานนี้ควรเสพ ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย
พระสุตตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 181กค็ ําท่เี รากลา ววา เรายอมกลา วแมซ่งึ บคุ คลโดยสวนสอง คอื ทคี่ วรเสพกม็ ี ทีไ่ มควรเสพก็มี ดงั น้ี เราอาศัยขอ นี้กลาวแลว . จบสมถสตู รท่ี ๔ อรรถกถาสมถสตู รที่ ๔ สมถสูตรท่ี ๔ พึงทราบวนิ จิ ฉัยดงั ตอ ไปนี.้ บทวา อธปิ ฺา ธมฺมวปิ สสฺ นาย ไดแก วปิ สนาท่กี ําหนดเอาสังขารเปนอารมณ จบอรรถกถาสมถสตู รที่ ๔ ๕. ปริหานสูตร๑ วาดวยภกิ ษุพึงเปนผูฉ ลาดในภาวะจิตของตน [๕๕] ณ ทีน่ น้ั แล ทา นพระสารบี ุตรไดเรียกภกิ ษุทั้งหลายวาดูกอ นอาวุโสทัง้ หลาย ภิกษุเหลา นน้ั รับคาํ ของทานพระสารีบตุ รแลว ทานพระสารีบุตรไดถามวา ดกู อนอาวโุ สทั้งหลาย พระผมู พี ระภาคเจา ยอมตรัสวา บุคคลผมู ีธรรมอนั เสอ่ื ม บคุ คลผูมีธรรมอนั ไมเ ส่ือม ดงั นี้ ดกู อ นอาวโุ สทั้งหลาย บคุ คลผูมธี รรมอันเสื่อม พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสแลวดว ยเหตมุ ีประมาณเทาไรหนอแล อน่ึง บคุ คลผมู ธี รรมอนั ไมเส่อื ม พระ-ผมู ีพระภาคเจาตรัสแลว ดวยเหตุมีประมาณเทา ไร ภิกษุเหลา นนั้ กลาววาขา แตอาวุโส กระผมท้งั หลายมาแตที่ไกลแล เพ่อื ทราบเนื้อความแหงภาษิตนีใ้ นสาํ นกั ของทานพระสารบี ุตร ขอเนือ้ ความแหง ภาษิตน้ีจงแจมแจง กะ๑. พระสตู รที่ ๕-๖-๗ ไมมีอรรถกถาอธบิ าย.
พระสุตตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 182ทา นพระสารบี ุตรเองเถิด ภกิ ษทุ งั้ หลายไดฟ ง ตอ ทานพระสารบี ตุ รแลวจักทรงจําไว ทานพระสารบี ตุ รกลาววา ดกู อนอาวุโสทงั้ หลาย ถา อยา งน้ันทา นท้ังหลายจงพึง จงใสใจใหด ี เราจักกลา ว ภกิ ษุเหลา นนั้ รับคาํ ทา นพระสารบี ตุ รแลว ทานพระสารบี ตุ รไดก ลา ววา ดกู อนอาวุโสทั้งหลายบุคคลผมู ธี รรมอันเสื่อม พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ไวแ ลวดวยเหตุมีประมาณเทา ไรหนอแล ดกู อนอาวโุ สท้ังหลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี ไมฟ ง ธรรมทีไ่ มเ คยฟง ๑ ธรรมทภ่ี กิ ษุนัน้ ฟง แลว ยอมถงึ ความเลอะเลอื น ๑ ธรรมท่ีภิกษุน้ันเคยถกู ตองดวยใจในกาลกอน ยอ มไมป รากฏแกเ ธอ ๑ ภิกษนุ ัน้ยอมไมร ูธรรมท่คี นยงั ไมรู๑ ดูกอ นอาวโุ สทง้ั หลาย บคุ คลผมู ธี รรมอนัเสอ่ื ม พระผูมพี ระภาคเจาตรัสไวแลวดวยเหตมุ ีประมาณเทาน้แี ล. ดกู อนอาวโุ สท้ังหลาย สว นบุคคลผูม ธี รรมอันไมเ ส่อื ม พระผูม-ีพระภาคเจาตรสั ไวดว ยเหตมุ ีประมาณเทา ไร ดกู อ นอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวนิ ยั นี้ ยอ มฟงธรรมทคี่ นไมเ คยฟง มา ๑ ธรรมทภ่ี กิ ษนุ ั้นเคยฟงแลว ยอมไมถงึ ความเลอะเลอื น ๑ ธรรมท่ภี กิ ษุน้นั เคยถูกตองดว ยใจในกาลกอ น ยอมปรากฏ ๑ ภิกษุนนั้ ยอมรธู รรมทค่ี นยังไมรู ๑ ดูกอ นอาวุโสท้งั หลาย บุคคลผมู ธี รรมอนั ไมเ สื่อม พระผมู ีพระภาคเจา ไดตรัสไวแ ลวดวยเหตุมีประมาณเทา นแี้ ล. ดกู อนอาวโุ สทั้งหลาย หากวาภกิ ษุไมเปน ผูฉลาดในวาระจิตของผูอื่นไซร เม่ือเปน เชน นน้ั ทา นทง้ั หลายพึงศกึ ษาวา เราท้ังหลายจกั เปนผฉู ลาดในวาระจิตของตน ดูกอนอาวุโสทง้ั หลาย ทานทง้ั หลายพงึ ศกึ ษาอยา งนี้แล.
พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 183 ดกู อนอาวโุ สทงั้ หลาย ภกิ ษุเปน ผูฉลาดในวาระจติ ของตนอยางไรดกู อ นอาวุโสท้งั หลาย เปรยี บเสมอื นสตรหี รอื บุรุษท่ีเปนหนุมสาว มปี กติชอบแตงตัว สองดเู งาหนาของตนในคันฉองอันบริสทุ ธิห์ มดจด หรือในภาชนะนํา้ อันใส ถา เห็นธลุ ีหรอื จุดดาํ ทห่ี นา น้นั ก็ยอมพยายามกําจัดธลุ ีหรอื จุดดาํ น้นั เสยี ถา ไมเหน็ ธลุ ีหรอื จุดดําทห่ี นา นนั้ ก็ยอ มดีใจ มคี วามดาํ ริอนั บริบูรณด วยเหตนุ ้ันนนั่ เทียววา เปน ลาภของเราแลว หนอ แมฉันใดดกู อนอาวุโสทั้งหลาย การพิจารณาของภิกษุวา เราเปน ผูไมม อี ภชิ ฌาอยูโดยมากหรอื หนอ ธรรมนมี้ ีอยูแกเราหรอื วา ไมมีหนอ เราเปนผมู จี ติ ไมพยาบาทอยูโดยมากหรือหนอ ธรรมนี้มีอยูแกเ ราหรือวาไมมีหนอ เราเปนผปู ราศจากถิ่นมิทธะอยูโดยมากหรือหนอ ธรรมนี้มีอยแู กเ ราหรอื วาไมม ีหนอ เราเปน ผูไ มฟ งุ ซานอยูโดยมากหรือหนอ ธรรมน้มี ีอยแู กเราหรอื ไมม หี นอ เราเปน ผขู ามพน ความสงสยั อยโู ดยมากหรอื หนอ ธรรมน้ีมีอยูแกเ ราหรอื วาไมมหี นอ เราเปนผูไ มมักโกรธอยูโ ดยมากหรอื หนอธรรมนี้มแี กเราหรอื วา ไมม ีหนอ เราเปนผมู ีจติ ไมเศรา หมองอยโู ดยมากหรอื หนอ ธรรมนมี้ ีอยูแกเ ราหรอื ไมมหี นอ เราเปนผูไ ดค วามปราโมทยในธรรมภายในหรอื หนอ ธรรมนม้ี อี ยแู กเ ราหรือวา ไมม หี นอ เราเปนผูไดความปราโมทยใ นธรรมภายในหรอื หนอ ธรรมนม้ี อี ยแู กเ ราหรอื วา ไมมีหนอ เราเปนผูไ ดค วามเห็นแจง ธรรมดว ยปญ ญาอนั ยง่ิ หรอื หนอ ธรรมนม้ี ีอยแู กเราหรือวาไมม หี นอ ดังน้ี เปน อปุ การะมากในกุศลธรรมทั้งหลายฉนั นั้นเหมอื นกันแล. ดูกอ นอาวโุ สท้ังหลาย ก็ถา ภกิ ษพุ ิจารณาอยู ยอ มไมพจิ ารณาเหน็กศุ ลธรรมเหลาน้แี มท้งั หมดในตนไซร ภิกษนุ ้นั ควรทาํ ความพอใจ ความ
พระสตุ ตันตปฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 184พยายาม ความอตุ สาหะ ความขะมักเขมน ความไมท อถอย สติและสมั ปชัญญะ ใหมีประมาณยง่ิ เพ่ือไดเฉพาะซึ่งกศุ ลธรรมเหลา นท้ี ้ังหมดนั่นเที่ยว ดูกอนอาวุโสท้งั หลาย เปรียบเหมอื นบุคคลผมู ีผา ถกู ไฟไหมหรือมีศีรษะถกู ไฟไหม ควรทาํ ความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะความขะมกั เขมน ความไมทอถอย สตแิ ละสัมปชัญญะ ใหมีประมาณย่ิงเพ่ือดบั ไฟไหมผ า หรอื ไฟไหมศรี ษะนั้นนั่นเทียว แมฉ นั ใด ภิกษุนน้ั ควรทําความพอใจ ความพยายาม ความอตุ สาหะ ความขะมกั เขมน ความไมทอ ถอย สตแิ ละสัมปชญั ญะ ใหมีประมาณยงิ่ เพอ่ื ไดเ ฉพาะซ่งึ กุศลธรรมเหลานี้ทั้งหมดนั่นเทียว ฉันนนั้ เหมอื นกนั แล. ดกู อ นอาวุโสทั้งหลาย แตถ า ภกิ ษุพจิ ารณาอยู ยอมพจิ ารณาเห็นกศุ ลธรรมบางอยา งในตน ยอมไมพ จิ ารณาเห็นกุศลธรรมบางอยางในตนไซร ภิกษนุ ั้นพึงต้ังอยูในกศุ ลธรรมท้งั หลายท่พี จิ ารณาเหน็ ในตนแลว พงึทาํ ความพอใจ ความพยายาม ความอตุ สาหะ ความขะมักเขมน ความไมทอถอย สตแิ ละสัมปชัญญะ ใหม ีประมาณยง่ิ เพอ่ื ไดเ ฉพาะซง่ึ กศุ ล-ธรรมทง้ั หลายท่ีไมพิจารณาเหน็ ในคนเหลา นัน้ . ดกู อนอาวโุ สทงั้ หลาย เปรยี บเหมอื นบุคคลผมู ีผาถูกไฟไหมห รือมีศีรษะถกู ไฟไหม ควรทาํ ความพอใจ ความพยายาม ความอตุ สาหะ ความขะมกั เขมน ความไมทอ ถอย สติและสมั ปชัญญะใหมีประมาณยง่ิ เพอื่ ดบัไฟไหมผาหรือไฟไหมศีรษะน้ันนัน่ เทียว แมฉนั ใด ดูกอนอาวโุ สทง้ั หลายภกิ ษนุ ้นั ควรต้ังอยูในกุศลธรรมทงั้ หลายที่พจิ ารณาเหน็ ในตนแลว ควรทาํความพอใจ ความพยายาม ความอตุ สาหะ ความขมกั เขมน ความไมทอถอย สตแิ ละสัมปชัญญะ ใหม ปี ระมาณยิ่ง เพอ่ื ไดเฉพาะซึง่ กุศลธรรม
พระสุตตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 185ทัง้ หลายที่ไมพ ิจารณาเห็นในคนเหลานั้น ฉันน้ันเหมอื นกันแล. ดูกอนอาวุโสทั้งหลาย กถ็ าภกิ ษพุ ิจารณาอยู ยอ มพิจารณาเหน็ กุศลธรรมเหลา น้แี มทัง้ หมดในตนไซร ภกิ ษุนนั้ ควรตั้งอยูใ นกศุ ลธรรมเหลานี้ทงั้ หมดนน่ั เทียว แลว พึงทําความเพียรใหย ิง่ ข้ึนไป เพื่อความส้นิ ไปแหงอาสวะท้งั หลาย. จบปรหิ านสตู รที่ ๕ ๖. ปฐมสญั ญาสตู ร วาดว ยการเจรญิ สญั ญา ๑๐ ประการ ทีม่ ีผลมาก มีอานสิ งสม าก [๕๖] ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย สัญญา ๑๐ ประการนี้ อนั บุคคลเจริญแลว ทําใหมากแลว ยอ มมีผลมาก มีอานสิ งสมาก หย่งั ลงสอู มตธรรมมอี มตธรรมเปน ที่สุด ๑๐ ประการเปนไฉน คืออสภุ สญั ญา ๑ มรณสญั ญา ๑อาหาเรปฏิกลุ สัญญา ๑ สพั พโลเกอนภริ ตสัญญา ๑ อนิจจสญั ญา ๑อนิจเจทุกขสัญญา ๑ ทกุ เขอนตั ตสญั ญา ๑ ปหานสัญญา ๑ วริ าคสญั ญา ๑นโิ รธสัญญา ๑ ดกู อนภกิ ษุทั้งหลายสญั ญา ๑๐ ประการนี้แล อนั บุคคลเจรญิ แลว ทาํ ใหมมี ากแลว ยอ มมผี ลมากมอี านสิ งสม าก หย่งั ลงสอู มตะมีอมตะเปนที่สุด. จบปฐมสญั ญาสตู รที่ ๖ ๗. ทุตยิ สญั ญาสูตรวา ดว ยการเจรญิ สญั ญา ๑๐ ประการ ทมี่ ีผลมาก มีอานิสงสมาก อีกนัยหนง่ึ [๕๗] ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย สญั ญา ๑๐ ประการน้ี อันบคุ คลเจรญิ
พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาที่ 186แลว ทาํ ใหมากแลว ยอ มมีผลมาก มีอานสิ งสม าก หยง่ั ลงสอู มตะ มอี มตะเปน ท่สี ดุ ๑๐ ประการเปน ไฉน คือ อนิจจสัญญา ๑ อนัตตสญั ญา ๑มรณสัญญา ๑ อาหาเรปฏกิ ลู สัญญา๑ สพั พโลเกอันภิรตสัญญา ๑ อฏั ฐิก-สัญญา ๑ ปุฬวุ กสญั ญา๑ วนิ ีลกสญั ญา ๑ วิฉิททกสัญญา ๑ อทุ ธมุ าตก-สัญญา ๑ ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย สัญญา ๑๐ ประการนีแ้ ล อนั บุคคลเจริญแลว ทาํ ใหม ากแลว ยอมมีผลมาก มีอานสิ งสมาก หย่งั ลงสอู มตะ มีอมตะเปนที่สุด. จบทตุ ยิ สญั ญาสูตรที่ ๗ ๘. มลู สตู ร วาดว ยธรรมทัง้ ปวงมีฉันทะเปน มูล มีนิพพานเปนทสี่ ุด [๕๘] ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย ถาพวกอญั ญเดยี รถยี ปรพิ าชกพงึ ถามอยางน้วี า ดูกอนอาวโุ สทง้ั หลาย ธรรมทง้ั ปวงมอี ะไรเปนมูล มอี ะไรเปนแดนเกดิ มอี ะไรเปนเหตเุ กดิ มอี ะไรเปน ท่ีประชมุ ลง มีอะไรเปนประมขุ มอี ะไรเปนใหญ มีอะไรเปนยงิ่ มอี ะไรเปนแกน มีอะไรเปนทิหย่งั ลง มีอะไรเปน ที่สุด เธอท้งั หลายถูกถามอยางนี้แลว จะพงึ พยากรณแกอ ัญญเดียรถยี ป ริพาชกเหลาน้นั วา อยางไร ภกิ ษเุ หลา น้ันกราบทูลวาขา แตพ ระองคผ เู จริญ ธรรมของขา พระองคท งั้ หลายมพี ระผูมีพระภาคเจาเปน มลู มีพระผมู พี ระภาคเจาเปน ผูน าํ มพี ระผมู พี ระภาคเจาเปน ทพี่ งึ่พระพทุ ธเจาขา ขอประทานพระวโรกาส ขอเน้ือความแหงภาษติ น้ีจงแจมแจง กะพระผมู พี ระภาคเจา เถิด ภกิ ษุทั้งหลายไดฟงตอ พระผมู ีพระภาคเจาแลว จกั ทรงจําไว พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสวา ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ถา
พระสุตตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 187เชนนน้ั เธอทง้ั หลายจงฟง จงใสใ จใหดี เราจกั กลา ว ภกิ ษเุ หลา นนั้ ทูลรับพระผมู ีพระภาคเจาแลว พระผูมพี ระภาคเจา ไดตรัสวา ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลายถา พวกอญั ญเดียรถียป รพิ าชกพงึ ถามอยางนี้วา ดกู อ นอาวุโสทัง้ หลายธรรมท้งั ปวงมอี ะไรเปน มลู มอี ะไรเปน แดนเกิด... มอี ะไรเปนท่ีหย่งั ลงมอี ะไรเปนที่สดุ เธอท้ังหลายถกู ถามอยา งนีแ้ ลว พึงพยากรณแ กอัญญ-เดยี รถยี ป ริพาชกเหลานนั้ อยา งนี้วา ดูกอ นอาวุโสทง้ั หลาย ธรรมทง้ั ปวงมฉี ันทะเปน มลู มีมนสกิ ารเปน แดนเกดิ มีผสั สะเปนเหตเุ กิด มเี วทนาเปนท่ีประชุมลง มสี มาธเิ ปนประมุข มีสติเปน ใหญ มปี ญ ญาเปนยิ่ง มีวิมุตติเปนแกน มอี มตะเปนท่ีหยง่ั ลง มีนิพพานเปนที่สุด ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย เธอทัง้ หลายถูกถามอยา งน้แี ลว พงึ พยากรณแกอ ญั ญเดยี รถียปรพิ าชกเหลาน้นั อยางน้แี ล. จบมลู สูตรท่ี ๘ อรรถกถามลู สตู รที่ ๘ มลู สตู รท่ี ๘ พึงทราบวินจิ ฉัยดงั ตอไปน.้ี ในบทวา อมโตคธา น้ี ตรัสอปุ าทิเสสนพิ พานธาตไุ ว. ในบทวานิพพฺ านปริโยสานา นี้ ตรสั อนปุ าทเิ สสนิพพานธาตไุ ว. ดวยวา ภิกษุบรรลุอนปุ าทิเสสนพิ พานแลว ยอมชอื่ วาบรรลุทส่ี ุดธรรมทุกอยาง บทท่ีเหลือ มขี อ ความกลา วไวแลว ในหนหลัง. จบอรรถกถามูลสูตรที่ ๘
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 188 ๙. ปพ พชิตสตู ร วาดว ยจิตของบรรพชิตทไี่ ดรบั การอบรมดีแลว ยอ มไดรบั ผล ๒ อยา ง [๕๙] ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนน้ั แหละ เธอท้ังหลายพงึศกึ ษาอยางนี้วา จิตของพวกเราจักเปน จติ ไดรบั อบรมแลว ดวยส่ิงสมควรแกบ รรพชา อกุศลธรรมอันลามกท่เี กดิ ขน้ึ แลว จกั ไมตรึงจติ ตงั้ อยู จิตของพวกเราจกั เปนจิตไดร บั อบรมแลว ดวยอนิจจสัญญา จติ ของพวกเราจักเปน จติ ไดรบั อบรมแลว ดวยอนัตตสัญญา จติ ของพวกเราจักเปนจติ ไดรบั อบรมแลวดว ยอสภุ สัญญา จิตของพวกเราจกั เปน จิตไดร ับอบรมแลวดว ยอาทีนวสัญญา จติ ของพวกเราจักเปนจติ รคู วามประพฤติชอบ และความประพฤตไิ มช อบของสตั วโลกแลว ไดรบั อบรมดว ยสญั ญานน้ั จติของพวกเราจกั เปน จติ รูความเจริญและความเสอ่ื มของสัตวโลกแลว ไดรับอบรมดวยสัญญานัน้ จติ ของพวกเราจกั เปน จิตรูความเกดิ และความดับแหงสังขารโลกแลว ไดรบั อบรมดว ยสญั ญานัน้ จิตของพวกเราจกั เปนจิตไดรบั อบรมแลวดว ยปหานสญั ญา จติ ของพวกเราจักเปนจิตไดร บั อบรมแลวดวยวริ าคสัญญา จติ ของพวกเราจักเปนจิตไดรับอบรมแลวดวยนิโรธ-สญั ญา ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย เธอทงั้ หลายพึงศกึ ษาอยา งนแี้ ล. ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย เมือ่ ใดแล จติ ของภกิ ษุเปน จิตไดร ับอบรมแลวดวยสง่ิ สมควรแกบรรพชา อกุศลธรรมอนั ลามกทเี่ กดิ ข้นึ แลวยอ มไมรดั รึงจิตต้ังอยู จติ ไดรับอบรมแลวดวยอนจิ จสัญญา จิตไดร ับอบรมแลวดว ยอนัตตสญั ญา จิตไดร บั อบรมแลว ดวยอสภุ สัญญา จติ ไดร ับอบรมแลวดวยอาทนี วสญั ญา จติ รูความพระพฤตชิ อบและความประพฤติไมชอบของสตั ว-
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาที่ 189โลกแลว ไดร บั อบรมแลวดว ยสญั ญาน้นั จิตรคู วามเจรญิ และความเสอ่ื มของสัตวโลกแลว ไดร ับอบรมแลว ดวยสัญญาน้ัน จิตรคู วามเกดิ และความดบั แหง สงั ขารโลกแลว ไดร ับอบรมแลว ดว ยสญั ญานัน้ จิตไดรบั อบรมดวยปหานสัญญา จิตไดร ับอบรมดวยวิราคสญั ญา และจติ ไดร ับอบรมดวยนโิ รธสัญญา เมอื่ น้ัน ภิกษุนน้ั พงึ หวังผลได ๒ อยา ง อยางใดอยา งหนึง่คือ อรหิ ัตผลในปจ จบุ นั หรือเมือ่ ยังมอี ปุ าทานเหลอื อยู เปนพระอนา-คามี. จบปพพชติ สูตรท่ี ๙ อรรถกถาปพ พชิตสูตรท่ี ๙ ปพ พชิตสูตรท่ี ๙ พึงทราบวินจิ ฉัยดังตอ ไปน.ี้ บทวา ตสฺมา แปลวา เพราะเหตุทีป่ ระโยชนแ หงสามญั ญผล[คุณเคร่ืองเปน สมณะ] ไมถ ึงพรอมแกผ ทู มี่ ีจติ มิไดสรางสมอยางน้ี ฉะน้นั .บทวา ยถาปพฺพชฺชา ปรจิ ิตฺจ โน จติ ฺต ภวิสสฺ ต.ิ ความวา สรางสมมาโดยสมควรแกการบวช จริงอยู คนเหลา ใดเหลาหน่งึ ชื่อวาบวชคนเหลานนั้ ท้งั หมด กป็ รารถนาพระอรหัต เพราะฉะน้นั จิตใดเขาสรา งสมอบรมมาเพ่อื ประโยชนแ กก ารบรรลพุ ระอรหัต จติ นน้ั พงึ ทราบวา ช่อื วา สรางสมมาโดยสมควรแกก ารบวช. เธอพึงศกึ ษาอยางนวี้ าจิตของเราจกั เปนเชน น้ี. บทวา โลกสฺส สมฺจ วสิ มจฺ ไดแกสุจริตและทจุ ริตของสตั วโลก. บทวา โลกสสฺ สนฺภวฺจ วิภวจฺ ไดแ กความเจรญิ และความเสอื่ มของสัตวโลกนน้ั อกี นัยหน่งึ สมบัติและวบิ ตั ิ.
พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 190กบ็ ทวา โลกสสฺ สมุทยจฺ อตฺถงคฺ มจฺ ตรสั หมายเอาสงั ขารโลก.อธบิ ายวา รูความเกิดและความแตกแหง ขนั ธทัง้ หลาย. จบอรรถกถาปพ พชิตสูตรที่ ๙ ๑๐. อาพาธสูตรวา ดว ยทรงแสดงสัญญา ๑๐ ประการแกพระคริ ิมานนทผ อู าพาธ [๖๐] สมยั หน่งึ พระผมู ีพระภาคเจาประทบั อยู ณ พระวหิ ารเชต-วัน อารามของทานอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี ใกลพ ระนครสาวัตถี ก็สมัยนัน้แล ทานพระคิริมานนทอาพาธ ไดรับทกุ ข เปน ไขห นัก ครัง้ นน้ั แลทา นพระอานนทเขาไปเฝา พระผูม พี ระภาคเจาถงึ ท่ปี ระทบั ถวายบังคมพระผูมีพระภาคเจา แลว น่งั ณ ทีค่ วรสวนขางหน่งึ ครั้นแลว ไดก ราบทลูพระผมู ีพระภาคเจา วา ขา แตพระองคผเู จรญิ ทานพระคริ มิ านนทอาพาธไดรบั ทกุ ขเปนไขหนัก ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผมู ีพระภาคเจาไดโปรดอนเุ คราะหเ สด็จเยย่ี มทา นพระคริ มิ านนทย งั ท่ีอยเู ถิด พระเจา ขา . พระผมู ีพระภาคเจาตรสั วา ดกู อ นอานนท ถา เธอพึงเขา ไปหาแลวกลาวสัญญา ๑๐ ประการแกค ิรมิ านนทภิกษุไซร ขอ ทีอ่ าพาธของคริ ิมา-นนทภ ิกษุจะพึงสงบระงับโดยพลนั เพราะไดฟงสัญญา ๑๐ประการนั้นเปน ฐานะทจี่ ะมไี ด สญั ญา ๑๐ ประการเปน ไฉน คือ อนจิ จสัญญา ๑อนัตตสญั ญา ๑ อสภุ สญั ญา ๑ อาทีนวสญั ญา ๑ ปหานสญั ญา ๑ วริ าคสัญญา ๑ นิโรธสญั ญา ๑ สัพพโลเกอนภริ ตสญั ญา ๑ สัพพสงั ขาเรสุ-อนิจจสัญญา ๑ อานาปานัสสติ ๑. ดกู อ นอานนท กอ็ นจิ จสญั ญาเปนไฉน ดูกอ นอานนท ภิกษใุ น
พระสุตตนั ตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 191ธรรมวินัยน้ี อยใู นปา กด็ ี อยูท่โี คนไมกด็ ี อยใู นเรือนวางเปลา กด็ ี ยอมพิจารณาเห็นดังน้ีวา รูปไมเ ท่ยี ง เวทนาไมเ ท่ยี ง สญั ญาไมเ ท่ียง สังขารทัง้ หลายไมเ ท่ยี ง วิญญาณไมเทย่ี ง ยอมพิจารณาเหน็ โดยความเปนของไมเทีย่ งในอปุ าทานขนั ธ ๕ เหลา น้ี ดวยประการอยางนี้ ดกู อ นอานนท นี้เรียกวาอนจิ จสญั ญา. ดกู อ นอานนท ก็ อนตั ตสญั ญา เปนไฉน ดกู อ นอานนท ภิกษใุ นธรรมวินัยนี้อยูใ นปา กด็ ี อยทู โี่ คนไมก ็ดี อยใู นเรือนวางเปลากด็ ี ยอ มพจิ ารณาเหน็ ดังนวี้ า จักษุเปน อนตั ตา รปู เปน อนัตตา หเู ปน อนตั ตาเสยี งเปน อนตั ตา จมูกเปนอนตั ตา กล่ินเปนอนตั ตา ลิ้นเปนอนัตตา รสเปนอนตั ตา กายเปน อนัตตา โผฎฐัพพะเปน อนัตตา ใจเปนอนัตตาธรรมารมณเปน อนตั ตา ยอ มพิจารณาเหน็ โดยความเปน อนตั ตาในอายตนะท้งั หลาย ทัง้ ภายในและภายนอก ๖ ประการเหลา น้ี ดว ยประการอยา งนี้ดกู อ นอานนท น้เี รียกวา อนัตตสัญญา. ดูกอนอานนท กอ็ สุภสญั ญาเปน ไฉน ดกู อนอานนท ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยน้ี ยอ มพจิ ารณาเห็นกายน้นี ั่นแล เบื้องบนแตพืน้ เทา ขึ้นไปเบือ้ งต่าํ แตปลายผมลงมา มหี นงั หมุ โดยรอบ เต็มดวยของไมสะอาด มีประการตา ง ๆ วา ในกายนีม้ ผี ม ขน เลบ็ ฟน หนัง เนอ้ื เอ็น กระดกูเย่ือในกระดกู มาม เน้ือหวั ใจ ตบั พงั ผืด ไต ปอด ไสใหญ ไสนอ ยอาหารใหม อาหารเกา ดี เสลด หนอง เลอื ด เหง่อื มันขน น้าํ ตาเปลวมนั นาํ้ ลา นา้ํ มกู ไขขอ มตู ร ยอ มพจิ ารณาเห็นโดยความเปนของไมงามในกายนี้ ดว ยประการดงั นี้ ดูกอนอานนท น้ีเรยี กวา อสุภสญั ญา. ดูกอ นอานนท กอ็ าทนี วสญั ญาเปนไฉน ดกู อ นอานนท ภกิ ษใุ นธรรมวินัยนี้ อยูใ นปา ก็ดี อยทู โี่ คนไมก ด็ ี อยูในเรอื นวางเปลา ก็ดี ยอ ม
พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 192พจิ ารณาเหน็ ดังนีว้ า กายนมี้ ีทกุ ขมาก มีโทษมาก เพราะฉะนน้ั อาพาธตาง ๆ จงึ เกิดข้ึนในกายน้ี คือ โรคตา โรคหู โรคจมกู โรคลนิ้ โรคกาย โรคศรี ษะ โรคท่ีใบหู โรคปาก โรคฟน โรคไอ โรคหืด โรคไขหวัด โรคไขพษิ โรคไขเชอื่ มซมึ โรคในทอ ง โรคลมสลบ โรคบดิโรคจกุ เสยี ด โรคลงราก โรคเรอ้ื น โรคฝ โรคกลาก โรคมองครอโรคลมบาหมู โรคหิดเปอย โรคหิดดาน โรคคิดทะราด หดู โรคละอองบวม โรคอาเจียนโลหติ โรคดีเดือด โรคเบาหวาน โรคเรมิ โรคพพุ องโรครดิ สดี วง อาพาธมีเสมหะเปน สมุฏฐาน อาพาธมีลมเปน สมุฏฐานอาพาพีไขสันนิบาต อาพาธอันเกดิ แตฤดูแปรปรวน อาพาธอันเกิดแตการบริหารไมส มํา่ เสมอ อาพาธอันเกิดแตค วามเพยี รเกินกําลงั อาพาธอัน เกดิ แตว ิบากของกรรม ความหนาว ความรอน ความหิว ความระหาย ปวดอุจจาระ ปวดปส สาวะ ยอมพิจารณาเห็นโดยความเปน โทษในกายนี้ ดวยประการดงั นี้ ดกู อ นอานนท นเ้ี รยี กวา อาทีนวสัญญา. ดูกอนอานนท ก็ปหานสัญญาเปน ไฉน ดกู อ นอานนท ภกิ ษใุ นธรรมวินยั น้ี ยอมไมยนิ ดี ยอมละ ยอมบรรเทา ยอมทาํ ใหหมดส้นิ ไปยอมทาํ ใหถงึ ความไมม ี ซงึ่ กามวติ กอันเกิดขึ้นแลว ยอมไมย ินดี ยอมละยอมบรรเทา ยอมทําใหหมดสนิ้ ไป ยอมทาํ ใหถงึ ความไมม ี ซ่งึ พยาบาทวิตกอนั เกิดข้ึนแลว ยอมไมย นิ ดี ยอมละ ยอมบรรเทา ยอ มทาํ ใหหมดส้ินไป ยอ มทาํ ใหถ ึงความไมม ี ซึ่งวิหงิ สาวติ กอนั เกดิ ข้นึ แลว ยอ มไมยินดียอ มละ ยอมบรรเทา ยอมทําใหหมดส้ินไป ยอมทําใหถงึ ความไมม ี ซง่ึอกศุ ลธรรมทัง้ หลายอันชั่วชา อันเกิดขน้ึ แลว เกดิ ขึน้ แลว ดูกอ นอานนทนเ้ี รยี กวา ปหานสญั ญา.
พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 193 ดูกอ นอานนท กว็ ริ าคสญั ญาเปนไฉน ดกู อ นอานนท ภิกษุในธรรมวนิ ัยนี้ อยูในปา ก็ดี อยูท โ่ี คนไมก ด็ ี อยใู นเรอื นวา งเปลาก็ดียอมพิจารณาเหน็ ดังนี้วา ธรรมชาติน่ันสงบ ธรรมชาตนิ ั่นประณตี คือธรรมเปน ทรี่ ะงับสังขารท้ังปวง ธรรมเปน ท่สี ละคืนอุปธทิ ง้ั ปวง ธรรมเปน ทส่ี ้นิ ไปแหง ตัณหา ธรรมเปนทส่ี ํารอกกเิ ลส ธรรมชาติเปนทดี่ ับกเิ ลสและกองทุกข ดูกอ นอานนท นเ้ี รียกวา วิราคสัญญา. ดกู อ นอานนท นโิ รธสญั ญาเปน ไฉน ดกู อนอานนท ภกิ ษุในธรรมวินัยน้ี อยใู นปา ก็ดี อยูท่ีโคนไมก ด็ ี อยใู นเรือนวางเปลาก็ดี ยอ มพจิ ารณาเห็นดังน้ีวา ธรรมชาติน่ันสงบ ธรรมชาติน่นั ประณีต คือธรรมเปน ทร่ี ะงับสงั ขารท้ังปวง ธรรมเปน ที่สละคืนอปุ ธิทั้งปวง ธรรมเปนท่สี น้ิ ไปแหง ตัณหา ธรรมเปนท่ีดบั โดยไมเ หลือ ธรรมชาตเิ ปนท่ดี บักิเลสและกองทุกข ดกู อนอานนท นีเ้ รียกวา นิโรธสญั ญา. ดกู อ นอานนท สพั พโลเกอนภิรตสัญญาเปน ไฉน ดูกอนอานนทภิกษใุ นธรรมวินยั น้ี ละอุบาย๑ และอปุ าทานในโลก อันเปนเหตตุ ั้งมน่ั ถอืมั่น และเปนอนุสัจแหง จิต ยอ มงดเวน ไมถ อื มั่น ดูกอ นอานนท นี้เรียกวาสพั พโลเกอนภริ ตสญั ญา. ดกู อ นอานนท สพั พสงั ขาเรสุอนจิ จสัญญาเปนไฉน ดกู อ นอานนท ภิกษุในธรรมวนิ ยั น้ี ยอมอึดอัด ยอมระอา ยอ มเกลียดชังแตสังขารทงั้ ปวง ดูกอนอานนท นเ้ี รียกวา สพั พสงั ขาเรสอุ นจิ จสัญญา. ดกู อ นอานนท อานาปานัสสติเปนไฉน ดกู อ นอานนท ภกิ ษใุ นธรรมวินยั น้ี อยใู นปา ก็ดี อยูที่โคนไมก ด็ ี อยใู นเรือนวา งเปลา กด็ ี น่งั๑. อุบาย คือ ตัณหาแลทิฏฐ,ิ อปุ าทาน คอื อปุ าทาน ๔.
พระสุตตันตปฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 194คูบัลลังก ต้ังกายใหตรง ดํารงสติไวเ ฉพาะหนา เธอเปน ผมู ีสติหายใจออก เปนผมู ีสติหายใจเขา เมอ่ื หายใจออกยาวกร็ ูช ดั วา หายใจออกยาวหรือเนื้อหายใจเขา ยาวก็รูชดั วา หายใจเขา ยาว เม่อื หายใจออกสั้นก็รชู ดั วาหายใจออกส้ัน หรือเมื่อหายใจเขา สน้ิ ก็รูชดั วา หายใจเขาสน้ั ยอ มศกึ ษาวา จกั เปน ผูกําหนดรกู ายทงั้ ปวง (ลมหายใจ) หายใจออก ยอมศึกษาวาจกั เปนผูก ําหนดรูก ายทงั้ ปวงหายใจเขา ยอ มศกึ ษาวา จักระงับกายสังขาร(ลมหายใจ) หายใจออก ยอมศกึ ษาวา จักระงบั กายสังขาร หายใจเขายอมศกึ ษาวา จักกาํ หนดรปู ต ิหายใจออก ยอมศึกษาวา จกั กาํ หนดรปู ติหายใจเขา ยอมศกึ ษาวา จกั กาํ หนดรจู ิตตสงั ขาร (เวทนา) หายใจออกยอมศกึ ษาวา จักกําหนดรจู ิตสงั ขารหายใจเขา ยอมศึกษาวา จักระงับจติ ตสงั ขารหายใจออก ยอ มศกึ ษาวา จักระงับจติ ตสงั ขารหายใจเขา ยอ มศกึ ษาวา จักกําหนดรูจติ หายใจออก ยอ มศึกษาวา จกั กาํ หนดรูจิตหายใจเขา ยอ มศกึ ษาวา จกั ยังจติ ใหบ ันเทงิ หายใจออก ยอ มศกึ ษาวา จกั ยงัจิตใหบ นั เทิงหายใจเขา ยอ มศกึ ษาวา จกั ตงั้ จิตใหม นั่ หายใจออก ยอ มศกึ ษาวา จักตงั้ จติ ใหม น่ั หายใจเขา ยอ มศกึ ษาวา จกั เปลอ้ื งจิตหายใจออกยอ มศึกษาวา จักเปล้อื งจิตหายใจเขา ยอ มศกึ ษาวา จกั เปน ผพู จิ ารณาเหน็ โดยความเปนของไมเ ทย่ี งหายใจออก ยอมศึกษาวา จกั เปนผูพจิ ารณาเหน็ โดยความเปน ของไมเ ท่ียงหายใจเขา ยอ มศึกษาวา จักเปน ผูพจิ ารณาเหน็ โดยดวยคลายกําหนดั หายใจออก ยอมศึกษาวา จักเปนผพู จิ ารณาเห็นโดยความคลายกําหนดั หายใจเขา ยอมศึกษาวา จกั เปน ผพู จิ ารณาเห็นโดยความดับสนทิ หายใจออก ยอ มศึกษาวา จกั เปนผพู จิ ารณาเหน็ โดยความดับสนิทหายใจเขา ยอ มศกึ ษาวา จักเปนผพู จิ ารณาเห็นโดยความสลดั คนื
พระสตุ ตนั ตปฎก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 195หายใจออก ยอมศึกษาวา จกั เปน ผูพจิ ารณาเหน็ โดยความสลดั คนื หายใจเขา ดูกอ นอานนท นี้เรยี กวา อานาปานสั สต.ิ ดกู อ นอานนท ถา เธอพงึ เขาไปหาแลว กลา วสญั ญา ๑๐ ประการนแี้ กค ิรมิ านนทภ กิ ษุไซร ขอ ท่ีอาพาธของคริ ิมานนทภ ิกษุจะพึงสงบระงบัโดยพลนั เพราะไดฟงสัญญา ๑๐ ประการนเ้ี ปน ฐานะทีจ่ ะมไี ด. ลาํ ดับนนั้ แล ทา นพระอานนทไดเรยี นสัญญา ๑๐ ประการนใ้ี นสาํ นักของพระผูมพี ระภาคเจา แลว ไดเขา ไปหาทานพระคิริมานนทยังที่อยูครนั้ แลว ไดกลาวสญั ญา ๑๐ ประการแกท า นพระคริ ิมานนท ครั้งนน้ั แลอาพาธน้ันของทานพระคริ ิมานนทส งบระงับโดยพลนั เพราะไดฟง สญั ญา๑๐ ประการนี้ ทานพระคริ มิ านนทหายจากอาพาธนั้น กแ็ ล อาพาธน้ันเปนโรคอันทานพระคิริมานนทละไดแ ลว ดว ยประการนนั้ แล. จบอาพาธสูตรท่ี ๑๐ จบสจิตตวรรคที่ ๑ อรรถกถาอาพาธสูตรที่ ๑๐ อาพาธสูตรที่ ๑๐ พงึ ทราบวนิ ิจฉัยดงั ตอ ไปน.้ี บทวา อนุกมปฺ อุปาทาย ไดแก ทรงอาศยั ความเอน็ ดูในพระคริ ิ-มานนทเถระ. พึงทราบโรคทงั้ หลาย มีโรคตาเปนตน ดว ยอาํ นาจวตั ถุจริงอยู ธรรมดาวาผูบงั เกดิ ความเล่อื มใสแลว ไมมโี รค. บทวา กณณฺ -โรโค ไดแก โรคหูสว นนอก. บทวา ปนาโส ไดแ กโ รคจมูกสวนนอก.บทวา รขสา ไดแ กโรคในทีใ่ ชเ ลบ็ ขีด. บทวา ปตตฺ สมุฏ านา ไดแกอาพาธทีเ่ กดิ จากด.ี เขาวา อาพาธเหลานนั้ มี ๓๒ อยาง. ถงึ ในอาพาธ
พระสุตตันตปฎก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาที่ 196ท่มี ีเสมหะเปนสมฏุ ฐานกน็ ัยนี้เหมือนกัน. บทวา อุตุปริณามชา ไดแกโรคทเี่ กดิ ดว ยรอ นจดั เย็นจดั เพราะเปล่ียนฤด.ู บทวา วสิ มปริหารชาไดแ ก อาพาธท่ีเกิดดว ยกายบรหิ ารอริ ยิ าบถไมสมํ่าเสมอ มยี นื นั่งนานเกินไปเปนตน . บทวา โอปกฺกมกิ า ไดแกอ าพาธทเี่ กดิ ดวยความพยายามเปดเปน ของผูอนื่ มีการฆา ฟน , จองจํา เปน ตน . บทวา กมมฺ วปิ ากชาไดแ ก อาพาธท่เี กิดจากวิบากของกรรมท่มี ีกาํ ลงั . บทวา สนฺต ไดแก คณุ -ชาตท่ชี อ่ื วาสนั ตะ เพราะกิเลสมรี าคะเปน ตนสงบ. ชอ่ื วา ปณีตะ เพราะอรรถวา ไมเดอื ดรอ น. คาํ ทเี่ หลอื ทกุ แหง มีใจความงา ยทั้งนั้นแล. จบอรรถกถาอาพาธสูตรที่ ๑๐ จบสจติ ตวรรคที่ ๑ รวมพระสตู รท่ีมใี นรรรคน้ี คอื ๑. สจติ ตสูตร ๒. สาริปุตตสตู ร ๓. ฐติ ิสตู ร ๔. สมถสูตร๕. ปริหานสตู ร ๖. ปฐมสัญญาสูตร ๗. ทุตยิ สัญญาสูตร ๘. มลู สตู ร๙. ปพ พชิตสตู ร ๑๐. อาพาธสตู ร.
พระสุตตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 197 ยมกวรรคท่ี ๒ ๑. อวิชชาสูตร วาดวยโพชฌงค ๗ เปนอาหารของวชิ ชาและวิมุตติ [๖๑] ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย เงอื่ นตนแหง อวิชชายอมไมปรากฏในกาลกอน แตน้ี อวชิ ชาไมมี แตภ ายหลงั จึงมี เพราะเหตนุ นั้ เราจึงกลา วคาํ นอ้ี ยา งนว้ี า กเ็ มื่อเปน เชน นนั้ อวิชชามขี อ น้เี ปนปจจยั จึงปรากฏ ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย เรายอมกลา วอวิชชาวามอี าหาร มิไดก ลา ววา ไมมีอาหารกอ็ ะไรเปนอาหารของอวชิ ชา ควรจะกลา ววา นวิ รณ ๕ แมนวิ รณ ๕ เราก็กลา ววา มอี าหาร มไิ ดก ลา ววา ไมหีอาหาร ก็อะไรเปนอาหารของนวิ รณ ๕ควรกลา ววา ทุจรติ ๓ แททุจริต ๓ เรากก็ ลา ววา มีอาหาร มิไดกลาววาไมม อี าหาร กอ็ ะไรเปนอาหารของทจุ ริต ๓ ควรกลาววา การไมส ํารวมอินทรยี แมก ารไมสาํ รวมอินทรยี เราก็กลา ววา มอี าหาร มไิ ดกลาววาไมมีอาหาร กอ็ ะไรเปน อาหารแหง การไมส าํ รวมอนิ ทรีย ควรกลาววาความไมม ีสติสัมปชญั ญะ แมค วามไมม สี ติสัมปชัญญะ เราก็กลา ววามีอาหาร มิไดกลาววาไมมีอาหาร กอ็ ะไรเปน อาหารของความไมมสี ติสัมปชัญญะ ควรกลาววา การกระทําไวในใจโดยไมแ ยบคาย แมก ารทําไวในใจโดยไมแยบคาย เรากก็ ลาววา มีอาหาร มไิ ดก ลา ววาไมม ีอาหาร กอ็ ะไรเปน อาหารของการทําไวใ นใจโดยไมแ ยบคาย ควรกลาววาความไมมศี รัทธา แมความไมม ศี รัทธา เรากก็ ลา ววา มอี าหาร มไิ ดก ลา ววา ไมมอี าหาร กอ็ ะไรเปนอาหารของความไมมีศรทั ธา ควรกลาววา กไ็ มฟ งสทั ธรรม แมการไมฟง สัทธรรม เรากก็ ลาววามอี าหาร มิไดกลาวไมม อี าหาร ก็อะไรเปน อาหารของการไมฟง สทั ธรรม ควรกลาววา การไมค บสปั บรุ ุษ ดกู อน
พระสตุ ตนั ตปฎก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 198ภกิ ษุทง้ั หลาย ดว ยประการดงั น้ี การไมคบสัปบุรุษที่บรบิ รู ณ ยอ มยังการไมฟ งสัทธรรมใหบริบูรณ การไมฟ ง สัทธรรมท่ีบริบูรณ ยอ มยังความไมมศี รทั ธาใหบ ริบรู ณ ความไมมีศรัทธาทบ่ี รบิ รู ณ ยอ มยังการทาํ ไวใ นใจโดยไมแ ยบคายใหบ ริบูรณ การทําไวใ นใจโดยไมแยบคายท่ีบรบิ รู ณยอมยงั ความไมม สี ตสิ มั ปชัญญะใหบ ริบรู ณ ความไมม สี ติสมั ปชัญญะที่บรบิ ูรณ ยอมยงั การไมส าํ รวมอินทรียใ หบริบูรณ การไมสาํ รวมอินทรียทีบ่ รบิ รู ณ ยอ มยงั ทุจรติ ๓ ใหบ รบิ รู ณ ทุจรติ ๓ ทบ่ี รบิ ูรณ ยอมยังนิวรณ ๕ ใหบ ริบรู ณ นวิ รณ ๕ ที่บริบูรณ ยอ มยังอวชิ ชาใหบริบูรณอวชิ ชานี้มอี าหารอยางนี้ และบริบรู ณอ ยางนี.้ ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย เปรยี บเหมอื นเมื่อฝนเมด็ หยาบตกลงเบื้องบนภเู ขา เมอ่ื ฝนตกหนัก ๆ อยู น้าํ นน้ั ไหลไปตามท่ีลุม ยอ มยังซอกเขาลําธาร และหว ยใหเตม็ ซอกเขา ลาํ ธาร และหว ยท่เี ต็ม ยอมยังหนองใหเตม็ หนองที่เต็มยอมยงั บงึ ใหเตม็ บึงทีเ่ ต็มยอ มยงั แมน ํา้ นอ ยใหเ ต็มแมน้าํ นอ ยทีเ่ ต็มยอ มยงั แมนํ้าใหญใหเ ต็ม แมน าํ้ ใหญท ่ีเต็มยอมยงั มหา-สมุทรสาครใหเ ตม็ มหาสมทุ รสาครนั้น มอี าหารอยางนี้ และเตม็ เปยมอยางน้ี แมฉ นั ใด ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย การไมคบสัปบรุ ุษที่บรบิ รู ณยอมยังการไมฟง สัทธรรมใหบ รบิ ูรณ. ..นิวรณ ๕ ที่บริบรู ณ ยอมยงัอวิชชาใหบ ริบรู ณ อวชิ ชานีม้ ีอาหารอยางน้ี และบรบิ ูรณอ ยา งน้ี ฉนั นัน้เหมือนกนั แล. ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย เรากลา ววชิ ชาและวมิ ุตตวิ า มีอาหาร มไิ ดกลาววา ไมม อี าหาร ก็อะไรเปน อาหารของวิชชาและวิมุตติ ควรกลา ววาโพชฌงค ๗ แมโ พชฌงค ๗ เรากค็ วรกลา ววามีอาหาร มิไดก ลา ววา
พระสุตตันตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 199ไมม ีอาหาร กอ็ ะไรเปนอาหารของโพชฌงค ๗ ควรกลาววา สติปฏ ฐาน ๔แมสติปฏ ฐาน ๔ เรากก็ ลาววา มีอาหาร มไิ ดกลา ววาไมม ีอะไร ก็อะไรเปนอาหารของสติปฏฐาน ๔ ควรกลาววา สจุ รติ ๓ แมส ุจริต ๓ เรากก็ ลา ววา มอี าหาร มิไดก ลาววา ไมมีอาหาร กอ็ ะไรเปนอาหารของสจุ รติ ๓ควรกลา ววา การสาํ รวมอินทรีย แมการสํารวมอนิ ทรยี เราก็กลาววามีอาหาร มิไดก ลา ววาไมม ีอาหาร กอ็ ะไรเปนอาหารของการสาํ รวมอินทรีย ควรกลาววา สตสิ มั ปชัญญะ แมส ติสมั ปชัญญะ เรากก็ ลา ววามีอาหาร มไิ ดกลาววาไมมอี าหาร กอ็ ะไรเปน อาหารของสติสมั ปชญั ญะควรกลาววา การทาํ ไวใ นใจโดยแยบคาย แมการทําไวใ นใจโดยแยบคายเราก็กลาววา มีอาหาร มไิ ดก ลา ววา ไมม ีอาหาร ก็อะไรเปนอาหารของการกระทําไวใ นใจโดยแยบคาย ควรกลาววา ศรัทธา แมศรัทธา เราก็กลา ววาอาหาร มไิ ดก ลา ววาไมมีอาหาร กอ็ ะไรเปน อาหารของศรทั ธา ควรกลา ววา การฟง สทั ธรรม แมการฟงสทั ธรรม เราก็กลาววา มีอาหาร มิไดกลาววา ไมมอี าหาร ก็อะไรเปน อาหารของการฟงสัทธรรม ควรกลาววาการคบสัปบรุ ุษ ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ดวยประการดังนี้ การคบสัปบรุ ษุทีบ่ ริบูรณ ยอ มยงั การฟงสัทธรรมใหบ ริบรู ณ การฟง สทั ธรรมทบ่ี ริบรู ณยอมยงั ศรทั ธาใหบ ริบรู ณ ศรทั ธาท่บี รบิ รู ณ ยอ มยงั การทาํ ไวใ นใจโดยแยบคายใหบริบรู ณ การทําไวในใจโดยแยบคายทบ่ี รบิ รู ณ ยอ มยังสติสัมปชัญญะใหบริบูรณ สตสิ ัมปชัญญะทีบ่ ริบรู ณ ยอ มยงั การสาํ รวมอินทรียใหบริบูรณ การสํารวมอนิ ทรียทบ่ี ริบูรณ ยอ มยงั สุจรติ ๓ ใหบรบิ ูรณสจุ ริต ๓ ทบี่ รบิ ูรณ ยอ มยังสตปิ ฏ ฐาน ๔ ใหบรบิ รู ณ สตปิ ฏฐาน ๔ที่บรบิ ูรณ ยอมยังโพชฌงค ๗ ใหบ รบิ รู ณ โพชฌงค ๗ ที่บริบูรณ
พระสุตตนั ตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 200ยอ มยงั วชิ ชาและวิมุตติใหบริบูรณ วชิ ชาและวมิ ุตตนิ ้ีมอี าหารอยางนี้และบรบิ ูรณอยา งนี.้ ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย เปรยี บเหมือนเมอื่ ฝนเมด็ หยาบตกลงเบอื้ งบนภเู ขา เมื่อฝนตกหนกั ๆอยู นํา้ นั้นไหลไปตามที่ลมุ ยอ มยังซอกเขา ลาํ ธารและหว ยใหเต็ม ซอกเขา ลาํ ธาร และหว ยทเี่ ต็ม ยอ มยงั หนองใหเตม็หนองทเ่ี ต็มยอ มยังบึงใหเ ต็ม บึงทีเ่ ตม็ ยอ มยงั แมน ้าํ นอ ยใหเต็ม แมน า้ํ นอ ยทเี่ ต็ม ยอ มยงั แมนา้ํ ใหญใ หเ ตม็ แมน้ําใหญทเี่ ตม็ ยอ มยังมหาสมทุ รสาครใหเตม็ มหาสมทุ รสาครน้นั มอี าหารอยา งน้ี และเต็มเปย มอยา งนี้ แมฉ ันใดดกู อ นภิกษุทั้งหลาย การคบสปั บรุ ษุ ที่บริบรู ณ ยอมยังการฟงสัทธรรมใหบริบรู ณ...โพชฌงค ๗ ท่บี ริบูรณ ยอมยังวชิ ชาและวิมุตตใิ หบรบิ ูรณวิชชาและวิมตุ ติน้ีมอี าหารอยา งนี้ และบริบรู ณอยา งนี้ ฉันนน้ั เหมือนกนัแล. จบอวิชชาสตู รท่ี ๑ ยมกวรรคที่ ๒ อรรถกถาอวชิ ชาสูตรท่ี ๑ วรรคที่ ๒ อวชิ ชาสูตรที่ ๑ พงึ ทราบวินิจฉยั ดงั ตอไปน้.ี บทวา สาหาร ไดแก มีปจจยั . บทวา วิชชฺ าวิมุตฺตึ ไดแ ก ผลญาณและสมั ปยตุ ธรรมที่เหลือ. บทวา โพชฌฺ งฺคา ไดแก องคแ หง ปญ ญาเคร่ืองตรัสรคู ือมรรค. จบอรรถกถาอวชิ ชาสตู รที่ ๑
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 595
Pages: