Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_38

tripitaka_38

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:40

Description: tripitaka_38

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 501วาดว ยผปู ระกอบดว ยธรรม ๓๐ ประการเปนพาลหรอื เปนบัณฑิต ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย บคุ คลผปู ระกอบดว ยธรรม ๓๐ ประการ พึงทราบวาเปน คนพาล ธรรม ๓๐ ประการเปนไฉน คือเปน ผูฆ าสตั วตนเอง ฯลฯ พอใจในความเหน็ ผิด ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย บคุ คลผูป ระกอบดวยธรรม ๓๐ ประการนีแ้ ล พึงทราบวา เปนคนพาล. ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย บุคคลผูประกอบดว ยธรรม ๓๐ ประการ พงึทราบวา เปนบณั ฑิต ธรรม ๓๐ ประการเปน ไฉน คือเปนผเู วนขาดจากการฆาสตั วด วยตนเอง ฯลฯ พอใจในความเปนชอบ ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลายบคุ คลผูป ระกอบดว ยธรรม ๓๐ ประการนแ้ี ล พึงทราบวา เปน บัณฑติ .วาดว ยผปู ระกอบดว ยธรรม ๔๐ ประการเปน พาลหรอื เปนบณั ฑติ ดูกอนภิกษุท้ังหลาย บุคคลผูประกอบดว ยธรรม ๔๐ ประการพึงทราบวา เปน คนพาล ธรรม ๔๐ ประการเปน ไฉน คอื เปน ผูฆ าสัตวดวยตนเอง ฯลฯ กลา วสรรเสริญความเหน็ ผดิ ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลายบคุ คลผูประกอบดว ยธรรม ๔๐ ประการน้แี ล พงึ ทราบวา เปนคนพาล. ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย บคุ คลผูป ระกอบดว ยธรรม ๔๐ ประการ พงึทราบวาเปน บณั ฑติ ธรรม ๔๐ ประการเปนไฉน คอื เปน ผเู วนขาดจากการฆาสัตวดว ยตนเอง ฯลฯ กลาวสรรเสรญิ ความเหน็ ชอบ ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย บคุ คลผปู ระกอบดวยธรรม ๔๐ ประการน้ีแล พึงทราบวา เปนบัณฑติ . จบตติยวรรคท่ี ๓

พระสุตตันตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 502(พงึ ทราบการนับจํานวนพระสูตรในวรรคท่ี ๔ ท่ี ๕ ดวยอาํ นาจไปยาล) [๒๐๔] ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย ธรรม ๑๐ ประการ อนั บคุ คลควรเจริญเพอื่ รูย งิ่ ซ่งึ ราคะ ธรรม ๑๐ ประการเปน ไฉน คอื อสภุ สัญญา ๑มรณสัญญา ๑ อาหาร ปฏกิ ลู สัญญา ๑ สัพพโลเก อนภิรตสัญญา ๑อนิจจสัญญา ๑ อนจิ เจ ทกุ ขสญั ญา ๑ ทุกเข อนตั ตสัญญา ๑ ปหาน-สัญญา ๑ วิราคสัญญา ๑ ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย ธรรม ๑๐ ประการน้ีอนั บคุ คลควรเจรญิ เพือ่ รยู ง่ิ ซ่ึงราคะ. [๒๐๕] ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย ธรรม ๑๐ ประการ อันบุคคลควรเจริญเพื่อรูยงิ่ ซงึ่ ราคะ ธรรม ๑๐ ประการเปน ไฉน คืออนิจจสญั ญา ๑อนตั ตสัญญา ๑ อาหาเร ปฏิกูลสัญญา ๑ สัพพโลเก อนภิรตสญั ญา ๑อฏั ฐกิ สญั ญา ๑ ปุฬุวกสัญญา ๑ วนิ ลี กสญั ญา ๑ วิปพุ พกสัญญา ๑ วจิ -ฉทิ ทกสญั ญา ๑ อุทธุมาตกสญั ญา ๑ ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย ธรรม ๑๐ ประ-การนี้ อันบุคคลควรอบรม เพือ่ รยู ิ่งซง่ึ ราคะ. [๒๐๖] ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย ธรรม ๑๐ ประการ อันบุคคลควรเจริญ เพอ่ื รยู ง่ิ ซึ่งราคะ ธรรม ๑๐ ประการเปน ไฉน คือ สัมมาทฏิ ฐิ ๑สมั มาสงั กัปปะ ๑ สมั มาวาจา ๑ สัมมากมั มนั ตะ ๑ สมั มาอาชวี ะ ๑สมั มาวายามะ ๑ สัมมาสติ ๑ สมั มาสมาธิ ๑ สัมมาญาณะ ๑ สมั มาวมิ ตุ ติ ๑ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย ธรรม ๑๐ ประการนี้ อนั บุคคลควรเจรญิ เพ่ือรูยงิ่ซ่ึงราคะ. [๒๐๗] ดกู อนภิกษุท้ังหลาย ธรรม ๑๐ ประการ อันบุคคลควรเจรญิ เพอ่ื ความกําหนดรู เพ่อื ความหมดส้ินไป เพอื่ ละ เพือ่ ความส้นิ ไปเพ่อื ความเสือ่ มไป เพ่อื ความคลายไป เพื่อดบั เพ่อื สงบระงบั เพ่อื สละ

พระสุตตนั ตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 503เพ่อื ความสลัดออกไปซึง่ ราคะ ธรรม ๑๐ ประการเปนไฉน คือสมั มาทิฏฐิ...สัมมาวมิ ุตติ ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย ธรรม ๑๐ ประการน้แี ล อนั บคุ คลควรเจริญเพื่อกาํ หนดรู เพอ่ื ความหมดสน้ิ ไป เพือ่ ละ เพ่ือความสนิ้ ไปเพอื่ ควานเส่อื มไป เพือ่ ความคลายไป เพอ่ื ดับ เพ่อื สงบระงบั เพอ่ื สละเพ่ือสลัดออกไปซึง่ ราคะ. ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการ อันบคุ คลควรเจริญเพ่อืความรยู ิ่ง เพอื่ กําหนดรู เพื่อความหมดส้นิ ไป เพื่อละ เพ่ือความส้ินไปเพอื่ ความเสอ่ื มไป เพื่อความคลายไป เพ่ือดบั เพื่อสงบระงบั เพือ่ สละเพอื่ ความสลดั ออกไปซึ่ง โทสะ โมหะ โกธะ อุปนาหะ มักขะ ปลาสะอสิ สา มัจฉริยะ มายา สาเถยยะ ถัมภะ สารัมภะ มานะ อตมิ านะ มทะปมาทะ ธรรม ๑๐ ประการเปน ไฉน คอื สมั มาทฏิ ฐิ... สัมมาวมิ ุตติดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย ธรรม ๑๐ ประการนีแ้ ล อันบุคคลควรเจรญิ เพอื่ความรยู ง่ิ เพอื่ กาํ หนดรู เพ่อื ความหมดสิ้นไป เพอ่ื ละ เพื่อความสน้ิ ไปเพอ่ื ความเส่ือมไป เพ่ือความคลายไป เพ่อื ดับ เพ่ือสงบระงบั เพือ่ สละเพ่ือความสลดั ออกไปซงึ่ โทสะ โมหะ โกธะ อปุ นาหะ มักขะ ปลาสะอสิ สา มัจฉริยะ มายา สาเถยยะ ถมั ภะ สารมั ภะ มานะ อตมิ านะ มทะปมาทะ. จบปญจมปณณาสก จบทสกนบิ าต













































พระสตุ ตนั ตปฎก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 526 นอ มตอทา น ขาพเจาท้ังหลายรชู ัดเหตุน้ัน ๆ ได เพราะอาศัยการเพง ของทา น. จบอเสขสตู รที่ ๙ อรรถกถาอเสกขสูตรท่ี ๙ อเสกขสตู รที่ ๙ มวี ินจิ ฉยั ดังตอ ไปน.ี้ บทวา โทณยิ า พนโฺ ธ ความวา มา กระจอกที่เขาผูกไวใ กลรางขา วเหนยี ว. บทวา อนนฺตร กริตวฺ า ความวา กระทํา (ราคะ) ไวในภายใน. บทวา ฌายติ ความวา ยอมคดิ . บทวา ปชฺฌายติ ความวายอ มเพง ฌานมปี ระการตาง ๆ ขา งโนนบางขางน้.ี บทวา นิชฺฌายติความวา ยอมเพงฌานเปนนติ ย โดยไมมีระหวา งคน่ั . คาํ วา ปวมิ ปฺ นสิ สฺ าย ฌายติ นี้ พระผมู ีพระภาคเจาตรัสดวยสามารถบุคคลผูย งั ยนิ ดอี ยูในสมาบตั .ิ เพราะวา ปฐวธี าตนุ ี้ ชอื่ วา เปน สว นเลก็ นอ ย อนั บุคคลกระทําแลว เพราะตนยังยนิ ดีอยูในสมาบตั ิ แมใ นอาโปธาตเุ ปน ตน ก็นยั นี้เหมือนกัน. คําวา กถจฺ สนธฺ อาชานยี ฌายติ  โหติ ความวา มา สินธพผรู เู หตอุ ันสมควรและไมสมควร คิดอยางไร. ในคําเปนอาทวิ า ยถา อณิ พึงทราบอธิบายวา มาอาชาไนยยอมมองเหน็ การตกตอง กลาวคือการลงแสตรงหนา ตน กระทําใหเปน เสมอื นหนี้ เสมอื นถกู จองจาํ เสมอื นเสื่อมเสยีเสมอื นความผิดมาก กลา วคือโทษ. บทวา เนว ปวึ นสิ ฺสาย ฌายติ ความวา บรุ ุษอาชาไนยนั้นยอมไมเพง ดว ยสัญญาในฌานอนั ประกอบดว ยองค ๔ และองค ๕ อนั มีปฐวีธาตเุ ปน อารมณ เพราะไมย ินดคี วามสขุ ในสมาบัติ ยอ มเพง อารมณ

พระสุตตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 527ทปี่ รากฏชดั วา บรุ ษุ นี้ ชื่อวาบุรษุ อาชาไนย เพราะไมมคี วามยนิ ดีเลย.ยอ มเพง ดว ยผลสมบตั ิ อนั มพี ระนพิ พานเปนอารมณ. บทวา ปวยิ ปวสี ฺา วภิ ตู า โหติ ความวา ความสําคญั ในฌานมอี งค ๔ หรือฌานมีองค ๕ มปี ฐวีธาตเุ ปน อารมณเกดิ ขึน้ แลว ยอมเปน ธรรมชาติแจม แจง คือปรากฏแลว. กใ็ นพระสตู รน้มี ีอาทวิ า ขา แตพ ระองคผูเจรญิรปู สญั ญาปรากฏชัด อัฏฐกิ สญั ญาไมปรากฏชัดดงั น้ี เปน อันทานพระสันธะกลาวถงึ ความทปี่ ฐวีธาตุปรากฏชัด เพราะยังมกี ารกา วลว ง. ก็ในพระสตู รน้ี รปู สัญญาน้ันชอื่ วา ปรากฏชัด เพราะเปนธรรมชาติทเ่ี หน็ ไดโ ดยความเปนของไมเทย่ี ง เปน ทกุ ข และเปน อนัตตา ดวยอํานาจแหงวิปส สนา.แมในอาโปสัญญาเปนตน ก็นยั นี้เหมอื นกัน. ในพระสตู รนีไ้ มตรัสการกา วลวง ดวยอํานาจสมาบัติ แตตรัสการกาวลวง ดวยอํานาจวปิ ส สนาวาระเหมอื นในหนหลงั ดวยประการฉะน.้ี บทวา เอว ฌายี ความวา บรุ ุษอาชาไนยเพงอยูดว ยผลสมาบัติ อันเกิดมาตามลาํ ดับแหงวปิ สสนาอยางน.ี้ จบอรรถกถาอเสกขสูตรที่ ๙ ๑๐. โมรนวิ าปนสูตรวา ดวยผปู ระกอบดว ยธรรม ๓ ประการ เปน ผมู คี วามสําเร็จลวงสวน [๒๑๗] สมัยหนง่ึ พระผมู ีพระภาคเจาประทบั อยู ณ ปริพาชกา-ราม อันเปน ทใ่ี หเ หยือ่ แกน กยูง ใกลก รุงราชคฤห ณ ที่น้นั แล พระผมู ี-พระภาคเจาไดตรัสเรียกภกิ ษทุ ้ังหลายวา ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย ภิกษุเหลา นน้ัทลู รบั พระผูมีพระภาคเจา แลว พระผูมพี ระภาคเจาไดตรัสวา ดูกอนภกิ ษุ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 528ทัง้ หลาย ภกิ ษปุ ระกอบดว ยธรรม ๓ ประการ ยอ มเปนผมู คี วามสาํ เร็จลวงสว น มีความเกษมจากโยคะลวงสว น มีพรหมจรรยล วงสวน มีทีส่ ดุลว งสว น เปน ผปู ระเสรฐิ สดุ กวา เทวดาและมนุษยทั้งหลาย ธรรม ๓ประการเปนไฉน คือ ศีลขันธอ นั เปนของพระอเสขะ ๑ สมาธิขนั ธอนัเปน ของพระอเสขะ ๑ ปญ ญาขนั ธอันเปน ของพระอเสขะ ๑ ดกู อนภิกษุท้งั หลาย ภิกษุผูป ระกอบดวยธรรม ๓ ประการแ้ี ล ยอมเปน ผูมีความสําเรจ็ ลว งสว น มคี วามเกษมจากโยคะลวงสว น มีพรหมจรรยล วงสว นมที ่สี ุดลวงสว น เปนผูประเสริฐสุดกวา เทวดาและมนุษยท้งั หลาย. ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย ภิกษุผูประกอบดวยธรรม ๓ ประการแมอ่ืนอกียอมเปนผมู ีความสาํ เร็จลวงสวน มคี วามเกษมจากโยคะลว งสวน มีพรหม-จรรยล ว งสว น เปน ผปู ระเสรฐิ สดุ กวา เทวดาและมนุษยท้ังหลาย ธรรม ๓ประการเปนไฉน คอื อทิ ธิปาฏิหาริย ๑ อาเทสนาปาฏิหาริย ๑ อนสุ าสน-ีปาฏหิ าริย ๑ ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย ภิกษุผูป ระกอบดวยธรรม ๓ ประการนแี้ ล ยอ มเปน ผมู ีความสาํ เรจ็ ลว งสวน มีความเกษมจากโยคะลวงสวนมีพรหมจรรยล ว งสว น มที ่สี ดุ ลวงสวน เปน ผูประเสริฐสุดกวา เทวดาและมนษุ ยท้ังหลาย. ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ภิกษผุ ูป ระกอบดว ยธรรม ๓ ประการแมอ ื่นอีกยอมเปนผูม คี วามสําเร็จลวงสวน มคี วามเกษมจากโยคะลวงสว น มีพรหม-จรรยล วงสวน เปนผปู ระเสรฐิ สดุ กวา เทวดาและมนุษยท้ังหลาย ธรรม ๓ประการเปนไฉน คือ สมั มาทฏิ ฐิ ๑ สมั มาญาณะ ๑ สัมมาวมิ ุตติ ๑ ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย ภกิ ษุผูป ระกอบดว ยธรรม ๓ ประการนี้แล ยอมเปน ผมู ี

พระสุตตันตปฎก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 529ความสําเร็จลวงสวน มีความเกษมจากโยคะลว งสว น มพี รหมจรรยลว งสว นมที ี่สดุ ลว งสวน เปน ผูประเสรฐิ สดุ กวา เทวดาและมนุษยท ั้งหลาย. ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย ภกิ ษุผปู ระกอบดว ยธรรม ๒ ประการเปนผูมีความสําคัญลว งสว น มีความเกษมจากโยคะลวงสว น มพี รหมจรรยลวงสวน มที ่สี ดุ ลวงสว น เปนผปู ระเสรฐิ สุดกวา เทวดาและมนุษยท้ังหลายธรรม ๒ ประการเปนไฉน คือ วชิ ชา ๑ จรณะ ๑ ดกู อ นภิกษุทัง้ หลายภกิ ษผุ ูประกอบดว ยธรรม ๒ ประการนแ้ี ล ยอมเปน ผมู ีความสาํ เร็จลวงสว นมคี วามเกษมจากโยคะลว งสวน มพี รหมจรรยลว งสวน มีท่ีสดุ ลว งสว นเปน ผูประเสริฐสดุ กวา เทวดาและมนุษยทัง้ หลาย ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย แมสนงั กมุ ารพรหมก็ไดก ลาวคาถานไี้ ววา ในหมชู นที่ยังรงั เกยี จกนั ดวยโคตร กษตั ริยเ ปน ผปู ระเสรฐิ สุด ทานผูสมบูรณดว ยวชิ ชาและจรณะ เปน ผูประเสรฐิ สดุ กวา เทวดาและมนุษยท ้งั หลาย. ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลาย กค็ าถานนี้ ัน้ สนงั กมุ ารพรหมรอ ยกรองไวถูกแลว มิใชรอ ยกรองไวผ ิด กลา วไวช อบแลว มิใชก ลาวไมชอบ ประกอบดว ยประโยชน มิใชไมประกอบดวยประโยชน เราเห็นดวย ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย แมเราก็กลาวอยางนี้วา ในหมูชนท่ียังรงั เกยี จกนั ดวยโคตร กษตั ริยเ ปน ผปู ระเสรฐิ สดุ ทา นผสู มบรู ณด วยวชิ ชาและจรณะ เปนผูประเสริฐสดุ กวา เทวดาและมนษุ ยท ้งั หลาย. จบโมรนิวาปนสตู รท่ี ๑๐ จบนิสสายวรรคท่ี ๑

พระสุตตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 530 อรรถกถาโมรนิวาปนสตู รท่ี ๑๐ โมรนิวาปนสตู รท่ี ๑๐ มีวินิจฉัยดังตอ ไปน.้ี บทวา อจจฺ นตฺ นฏิ โ  พึงทราบวิเคราะหวา พระนิพพาน กลา วคอือัจจันตะ เพราะลว งเลยท่ีสุดแลว มีความไมพินาศเปนธรรม คอื นิฏฐาความสําเรจ็ ของภกิ ษุใด เพราะเหตุนนั้ ภกิ ษุนั้น ช่อื วา อจจฺ นตฺ นิฏโ ผมู คี วามสาํ เร็จลวงสว น. บทที่เหลือพึงทราบโดยนัยนี้. บทวา ชเนตสมฺ ึ ไดแ ก ในหมูช น อธิบายวา ในหมสู ตั ว. บทวาเย โคตตฺ ปฏิสารโิ น ความวา ชนเหลา ใด ยอมระลกึ รงั เกยี จในสกลุ นนั้วา เราเปน สกุลโคตมะ เราเปนสกุลกัสสปะ ดงั นี้ ในบรรดาการระลกึรงั เกยี จดวยสกลุ เหลานั้น สกลุ กษตั รยิ ประเสริฐที่สดุ ในโลก. บทวาอนมุ ตา มยา ความวา คาถาทสี่ นงั กุมารพรหมแสดง เทยี บไดก ับสัพพัญ-ตุ ญาณของเรา เราก็อนญุ าต. บทที่เหลอื ในท่ที ั้งปวงมีอรรถงายทง้ั น้ัน. จบอรรถกถาโมรนวิ าปนสูตรท่ี ๑๐ จบนสิ สายวรรคท่ี ๑ รวมพระสูตรทมี่ ใี นวรรคนี้ คือ ๑. กิมตั ถยิ สูตร ๒. เจตนาสตู ร ๓. ปฐมอปุ นิสาสูตร ๔. ทตุ ิย-อปุ นิสาสตู ร ๕. ตติยอปุ นิสาสูตร ๖. พยสนสูตร ๗. สญั ญาสูตร๘. มนสิการสตู ร ๙. อเสขสตู ร ๑๐. โมรนวิ าปนสตู ร.

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาที่ 531 ทตุ ิยวรรคที่ ๒ ๑. ปฐมมหานามสูตร วาดว ยศากยะมหานามะทูลถามถึงธรรมเปนเครอื่ งอยู [๒๑๘] สมัยหน่งึ พระผมู ีพระภาคเจาประทบั อยู ณ นโิ ครธารามใกลก รุงกบิลพสั ดุ แควนสักกะ ก็สมยั นัน้ แล ภิกษุเปน อนั มาก กระทาํจีวรกรรมเพอื่ พระผูมีพระภาคเจา ดวยหวงั วา พระผมู ีพระภาคเจา ผมู ีจวี รสําเร็จแลว จักเสดจ็ จารกิ โดยลวงไป ๓ เดอื น เจา ศากยะพระนามวา มหา-นามะไดทรงทราบขา ววา ภกิ ษเุ ปนอันมากกระทาํ จีวรกรรมเพ่อื พระผูม-ีพระภาคเจา ดวยหวงั วา พระผูม พี ระภาคเจาผมู ีจวี รสําเรจ็ แลว จกั เสด็จจารกิ โดยลวงไป ๓ เดอื น คร้งั น้ันแล เจาศากยะพระนามวามหานามะเสด็จเขา ไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจา ถงึ ทีป่ ระทับ ทรงถวายอภวิ าทพระผูม-ีพระภาคเจาแลว ประทับนงั่ ณ ท่ีควรสวนขางหนึ่ง ครน้ั แลวไดตรัสทูลถามพระผมู ีพระภาคเจา วา ขา แตพ ระองคผเู จริญ หมอมฉันทราบขา วดังนีว้ าภกิ ษเุ ปน อันมากกระทําจีวรกรรมเพอื่ พระผมู พี ระภาคเจา ดว ยหวงั วา พระ-ผมู พี ระภาคเจามจี ีวรสาํ เร็จแลว จักเสดจ็ จารกิ โดยลวงไป ๓ เดือน ดังนี้ขา แตพ ระองคผ เู จรญิ หมอมฉันผูอยดู ว ยธรรมเคร่อื งอยูต า ง ๆ จะพงึ อยูดว ยธรรมเครื่องอยูอะไร พระเจาขา. พระผูม ีพระภาคเจา ตรัสวา ดีละ ๆ มหาบพิตร การทีม่ หาบพิตรเสดจ็ เขา มาหาตถาคตแลว ตรสั ถามวา ขา แตพระองคผ ูเ จรญิ หมอมฉนั ผูอ ยูดว ยธรรมเคร่อื งอยตู าง ๆ จึงพงึ อยูดวยธรรมเครือ่ งอยูอ ะไร ดังนี้ เปนการสมควรแกม หาบพิตรผูเปนกลุ บตุ ร ดูกอ นมหาบพติ ร กลุ บตุ รผมู ี

พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 532ศรัทธายอ มเปน ผบู ริบูรณ ผูไมม ีศรัทธายอมไมเปนผูบ รบิ รู ณ ผูปรารภความเพียรยอมเปน ผูบ ริบูรณ ผูเกียจครานยอ มไมเปนผูบรบิ ูรณ ผูมีสติตัง้ มั่นยอมเปนผบู ริบรู ณ ผูมีสติหลงลืมยอมไมเปน ผูบริบรู ณ ผูมีจติ ต้ังมั่นยอมเปน ผบู รบิ รู ณ ผูไมมีจิตตง้ั ม่ันยอมไมเ ปนผูบริบูรณ ผมู ปี ญ ญายอมเปน ผูบริบูรณ ผูมีปญ ญาทรามยอมไมเปนผูบริบูรณ ดกู อ นมหาบพติ รมหาบพิตรทรงต้ังอยใู นธรรม ๕ ประการนี้แลว พงึ ทรงเจริญธรรม ๖ประการใหย ่งิ ข้นึ ไป ดูกอนมหาบพิตร ในธรรม ๖ ประการน้ี มหาบพติ รถึงทรงระลกึ ถึงพระตถาคตวา แมเพราะเหตนุ ้ี ๆ พระผูม ีพระภาคเจาพระองคน น้ั เปนพระอรหนั ต ตรัสรูเองโดยชอบ ถงึ พรอมดว ยวชิ ชาและจรณะ เสดจ็ ไปดแี ลว ทรงรูแ จง โลก เปน สารถฝี ก บรุ ุษ เปน ศาสดาของเทวดาและมนุษยทัง้ หลาย เปนผูเบิกบานแลว เปน ผจู ําแนกธรรมดกู อ นมหาบพติ ร สมยั ใดอริยสาวกระลกึ ถึงตถาคต สมัยนน้ั จิตของอริย-สาวกนน้ั ยอมไมถ กู ราคะกลมุ รมุ ไมถกู โทสะกลมุ รมุ ไมถูกโมหะกลมุ รุมสมัยนน้ั จิตของอริยสาวกน้นั ยอมดาํ เนนิ ไปตรง ดกู อ นมหาบพติ ร อรยิ -สาวกผูมจี ติ ดาํ เนนิ ไปตรงเพราะปรารภตถาคต ยอมไดค วามรูอรรถ ยอ มไดความรูธ รรม ยอ มไดความปราโมทยอ นั ประกอบดวยธรรม ปต ยิ อมเกดิ แกอ รยิ สาวกผมู คี วามปราโมทย กายของอริยสาวกผมู ใี จประกอบดวยปต ยิ อมสงบ อริยสาวกผมู ีกายสงบยอ มเสวยสขุ จติ ของอริยสาวกผูมีสุขยอ มต้ังมน่ั ดกู อ นมหาบพิตร อรยิ สาวกนอ้ี าตมภาพกลา ววา เปนผูถ ึงความสงบอยใู นหมูสัตวผูถ งึ ความไมสงบ เปน ผูไมมคี วามพยาบาทอยูในหมูส ตั วผ มู คี วามพยาบาท เปน ผถู งึ พรอมดว ยกระแสธรรมเจรญิ พุทธา-นสุ สต.ิ

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 533 ดูกอนมหาบพติ ร อกี ประการหน่ึง มหาบพิตรพงึ ทรงระลึกถึงธรรมวา พระธรรมอนั พระผพู ระภาคเจา ตรัสดีแลว อนั บุคคลพงึ เห็นเอง ไมประกอบดวยกาล ควรเรยี กใหม าดู ควรนอมเขา มาในตน อนั วญิ ชู นพงึ รูเฉพาะตน ดูกอนมหาบพติ ร สมยั ใด อริยสาวกระลึกถึงพระธรรมสมยั น้นั จิตของอริยสาวกนน้ั ยอ มไมถกู ราคะกลุมรุม ไมถ กู โทสะกลมุ รุมไมถ ูกโมหะกลมุ รุม สมยั นนั้ จติ ของอรยิ สาวกน้ันยอมดําเนนิ ไปตรงเพราะปรารภพระธรรม ยอ มไดความรอู รรถ ยอ มไดค วามรธู รรม ยอมไดค วามปราโมทยอันประกอบดวยธรรม ปตยิ อ มเถิดแกอรยิ สาวกผมู ีความปรา-โมทย กายของอรยิ สาวกผูมใี จประกอบดว ยปตยิ อ มสงบ อริยสาวกผูมีกายสงบยอมเสวยสุข จติ ของอริยสาวกผูม ีสขุ ยอมตงั้ มนั่ ดกู อ นมหาบพติ รอริยสาวกนีอ้ าตมภาพกลาววา เปน ผูถึงความสงบในหมสู ตั วผูถ ึงความไมส งบ เปนผไู มม ีความพยาบาทอยูในหมสู ัตวผมู คี วามพยาบาท เปนผถู งึพรอ มดว ยพระแสธรรมเจริญธัมมานสุ สต.ิ ดกู อ นมหาบพติ ร อีกประการหน่งึ มหาบพติ รพงึ ระลกึ ถึงพระสงฆวา พระสงฆส าวกของพระผมู ีพระภาคเจา เปน ผูปฏิบตั ดิ แี ลวผูปฏบิ ัติตรง ปฏิบตั ิเปนธรรม ปฏิบตั ชิ อบ นค้ี ือคูบุรษุ ๔ บรุ ษุ บคุ คล ๘นพ่ี ระสงฆส าวกของพระผูมีพระภาคเจา เปน ผคู วรของคาํ นบั ควรของตอนรบั ควรของทําบญุ ควรกระทาํ อญั ชลี เปน นาบุญของโลก ไมม ีนาบุญอนื่ ยิ่งกวา ดกู อ นมหาบพิตร สมัยใด อริยสาวกระลึกถงึ พระสงฆสมยั นัน้ จติ ของอรยิ สาวกน้นั ยอ มไมถูกราคะกลมุ รุม ไมถกู โทสะกลมุ รุมไมถกู โมหะกลมุ รุม สมยั นัน้ จติ ของอริยสาวกนัน้ ยอมดําเนินไปตรง

พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาที่ 534ดูกอนมหาบพิตร อริยสาวกผมู จี ติ ดาํ เนนิ ไปตรงเพราะปรารภพระสงฆยอมไดค วามรอู รรถ ยอมไดความรูธรรม ยอ มไดค วามปราโมทยอ นัประกอบดว ยธรรม ปต ยิ อมเกดิ แกอ รยิ สาวกผมู คี วามปราโมทย กายของอรยิ สาวกผูมีใจประกอบดว ยปตยิ อมสงบ อรยิ สาวกผูมกี ายสงบแลว ยอ มเสวยสุข จิตของอริยสาวกผมู สี ขุ ยอมตง้ั มัน่ ดกู อ นมหาบพติ ร อรยิ สาวกน้ีอาตมภาพกลาววา เปนผถู ึงความสงบอยใู นหมสู ัตวผูถึงความไมส งบเปนผูไ มมีความพยาบาทอยูในหมูส ัตวผ มู คี วามพยาบาท เปน ผูถึงพรอมดวยกระแสธรรมเจริญสังฆานสุ สต.ิ ดกู อนมหาบพติ ร อกี ประการหนงึ่ มหาบพิตรพงึ ทรงระลกึ ถึงศีลของตนวา ไมขาด ไมท ะลุ ไมดา ง ไมพรอย เปนไท วญิ ชู นสรรเสรญิอันตณั หาและทฏิ ฐลิ ูบคลําไมไ ด เปน ไปเพื่อสมาธิ ดูกอ นมหาบพติ รสมยั ใด อริยสาวกระลกึ ถึงศีล สมยั นน้ั จติ ของอริยสวกน้นั ยอ มไมถ กูราคะกลมุ รมุ ไมถ ูกโทสะกลุม รุม ไมถ ูกโมหะกลมุ รุม สมยั นั้น จติ ของอริยสาวกนนั้ ยอ มดําเนินไปตรง ดกู อนมหาบพิตร อรยิ สาวกผมู จี ิตดาํ เนินไปตรงเพราะปรารภศลี ยอ มไดความรอู รรถ ยอ มไดตามรธู รรม ยอ มไดความปราโมทยอ ันประกอบดวยธรรม ปติยอ มเกิดแกอรยิ สาวกผมู ีความปราโมทย กายของอริยสาวกผูม ีใจประกอบดวยปติยอ มสงบ อรยิ สาวกผูมกี ายสงบแลว ยอ มเสวยสขุ จิตของอริยสาวกผูม ีสขุ ยอมตั้งมั่น ดกู อนมหา-บพิตร อริยสาวกน้อี าตมภาพกลา ววา เปนผูถงึ ความสงบอยใู นหมูส ัตวผ ูถึงความไมสงบ เปน ผไู มมคี วามพยาบาทอยูในสตั วผ ูมีความพยาบาทเปน ผูถึงพรอ มดว ยกระแสธรรมเจริญสีลานสุ สต.ิ

พระสุตตนั ตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 535 ดูกอ นมหาบพิตร อีกประการหน่งึ มหาบพิตรถงึ ทรงระลึกถึงจาคะของตนวา เปน ลาภของเราหนอ ท่เี รามจี ิตปราศจากมลทนิ คอื ความตระหน่ี มจี าคะอนั ปลอยแลว มีฝา มอื อันชมุ ยนิ ดีแลว ในการสละ ควรแกการขอ ยนิ ดใี นการจาํ แนกทาน อยคู รองเรอื น ในหมูสตั วผ ูถกู มลทินคอื ความตระหนก่ี ลมุ รุม ดกู อ นมหาพิตร สมยั ใด อริยสาวกระลึกถึงจาคะสมัยน้ัน จติ ของอรยิ สาวกน้ันยอมไมถ กู ราคะกลุมรุม ไมถูกโทสะกลมุ รมุไมถกู โมหะกลุมรุม สมัยนน้ั จิตของสาวกน้ันยอ มดาํ เนนิ ไปตรง ดกู อ นมหาบพติ ร อรยิ สาวกผูม จี ิตดําเนินไปตรงเพราะปรารภจาคะ ยอมไดความรูอ รรถ ยอมไดค วามรธู รรม ยอ มไดค วามปราโมทยอ ันประกอบดวยธรรม ปต ยิ อ มเกดิ แกอรยิ สาวกผูมคี วามปราโมทย กายของอรยิ สาวกผูมีใจประกอบดวยปต ยิ อ มสงบ อริยสาวกผูมีกายสงบแลว ยอมเสวยสขุ จติของอรยิ สาวกผูมสี ขุ ยอมตง้ั มน่ั ดกู อนมหาบพิตร อรยิ สาวกนอ้ี าตมภาพกลาววา เปน ผถู งึ ความสงบอยใู นหมูส ตั วผ ถู ึงความไมสงบ เปนผไู มมีความพยาบาทอยใู นหมสู ัตวทม่ี คี วามพยาบาท เปน ผถู งึ พรอ มดว ยกระแสธรรมเจรญิ จาคานสุ สติ. ดกู อ นมหาบพิตร อกี ประการหนึ่ง มหาบพิตรพงึ ทรงระลกึ ถงึเทวดาท้งั หลายวา เทวดาชนั้ จาตุมหาราชมอี ยู เทวดาช้ันดาวดึงสมีอยูเทวดาชัน้ ยามามีอยู เทวดาชนั้ ดุสิตมีอยู เทวดาชั้นนิมมานรดมี อี ยู เทวดาชน้ั ปรนิมมิตวสวตั ดีมอี ยู เทวดาชั้นพรหมกายมอี ยู เทวดาช้ันที่สงู ในรูปกวา น้ันมีอยู เทวดาเหลา นนั้ ประกอบดว ยศรทั ธาเชนใด จุติจากโลกน้ีแลว ไปบังเกิดในเทวโลกชั้นนนั้ ๆ แมเรากม็ ศี รทั ธาเชนน้นั อยู เทวดาเหลานน้ั ประกอบดวยศลี เชน ใด จตุ ิจากโลกนี้แลวไปบงั เกดิ ในเทวโลก

พระสุตตนั ตปฎก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 536ชั้นนั้นๆ แมเ ราก็มศี ลี เชน นน้ั เทวดาเหลานัน้ ประกอบดว ยสุตะเชน ใดจุตจิ ากกโลกนีแ้ ลวไปบงั เกิดในเทวโลกชัน้ นั้น ๆ แมเ ราก็มสี ุตะเชน นัน้เทวดาเหลานน้ั ประกอบดว ยจาคะเชนใด จุตจิ ากโลกน้ีแลว ไปบงั เกิดในเทวโลกชนั้ นัน้ ๆ แมเรากม็ จี าคะเชน น้ัน เทวดาเหลา นัน้ ประกอบดว ยปญ ญาเชน ใด จุติจากโลกนแ้ี ลวไปบงั เกดิ ในเทวโลกชัน้ น้ัน ๆ แมเ ราก็มีปญ ญาเชนน้นั ดูกอนมหาบพิตร สมัยใด อริยสาวกระลึกถงึ ศรัทธา ศลีสุตะ จาคะและปญ ญา ของตนและของเทวดาเหลา นนั้ สมยั นัน้ จิตของอรยิ สาวกนัน้ ยอมไมถกู ราคะกลุมรุม ไมถ ูกโทสะกลมุ รุม ไมถกู โมหะกลมุ รุม สมัยนั้น จิตของอริยสาวกนั้นยอมดาํ เนินไปตรง ดูกอ นมหา-บพติ ร อริยสาวกผูม จี ติ ดาํ เนินไปตรงเพราะปรารภเทวดาท้ังหลาย ยอมไดความรูอ รรถ ยอ มไดค วามรธู รรม ยอ มไดค วามปราโมทยอันประกอบดวยธรรม ปต ยิ อมเกิดแกอ รยิ สาวกผูมคี วามปราโมทย กายของอริยสาวกผูมใี จประกอบดวยปตยิ อมสงบ อรยิ สาวกผมู ีกายสงบแลว ยอ มเสวยสุขจิตของอรยิ สาวกผูมีสุขยอมต้ังมั่น ดกู อ นมหาบพติ ร อรยิ สาวกน้ีอาตมภาพกลา ววา เปน ผูถงึ ความสงบอยูใ นหมูส ัตวผูถึงความไมส งบ เปนผไู มม ีความพยาบาทอยูในหมสู ัตวผ ูมคี วามพยาบาท เปน ผถู งึ พรอมดว ยกระแสธรรมเจรญิ เทวดานสุ สติ ดังนี้แล. จบปฐมมหานามสตู รที่ ๑

พระสุตตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 537 ทุตยิ วรรคท่ี ๒ ๑. อรรถกถาปฐมมหานามสูตร วรรคท่ี ๒ ปฐมมหานามสูตรท่ี ๑ มีวนิ จิ ฉยั ดังตอไปนี.้ บทวา นานาวิหาเรหิ วิหรต ความวา ช่ือวา ธรรมเปน เครอื่ งอยูประจําสาํ หรบั คฤหัสถ มิไดม อี ยางเดียว เพราะเหตนุ ้ัน เจา มหานามศากยะจึงทูลถามวา เมื่อหมอ มฉนั อยูด วยธรรมเปนเคร่อื งอยไู มป ระจาํ . ดวยบทวาเกน วหิ าเรน เจามหานามศากยะ ทูลถามวา หมอ มฉนั พึงอยดู ว ยธรรมเปน เคร่ืองอยูป ระจําอยา งไหน พระเจา ขา . บทวา อาราธโก ไดแก ผทู าํใหถ ึงพรอมผูบรบิ รู ณ. บทวา ธมมฺ โสตสมาปนฺโน พทุ ฺธานุสฺสตึ ภาเวติความวา ผูถ ึงพรอ มดวยกระแสธรรมแลว ยอมเจรญิ พทุ ธานสุ สต.ิ จบอรรถกถาปฐมมหานามสตู รที่ ๑ ๒. ทตุ ิยมหานามสตู ร วาดว ยเจา ศากยะมหานามะทูลถามถงึ ธรรมเปนเคร่ืองอยู [๒๑๙] สมัยหน่ึง พระผูม ีพระภาคเจาประทบั อยู ณ นิโครธารามใกลก รุงกบลิ พัสดุ แควน สกั กะ ก็สมยั นนั้ แล เจา ศากยะพระนามวามหา-นามะ ทรงหายจากประชวร คือหายจากภาวะที่ประชวรไมน าน กส็ มยั นั้นภกิ ษุเปน อันมากกระทําจวี รกรรมเพ่อื พระผูม พี ระภาคเจา ดว ยหวังวาพระผูมพี ระภาคเจาผูมจี ีวรสําเรจ็ แลว จกั เสด็จจาริกโดยกาลลวงไป ๓เดือน เจา ศากยะพระนามวามหานามะไดท รงสดับขา ววา ภิกษเุ ปน อันมากกระทําจวี รกรรมเพ่ือพระผูมีพระภาคเจา ดว ยหวงั วา พระผูมพี ระภาคเจา

พระสตุ ตนั ตปฎก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 538ผูมีจวี รสาํ เรว็ แลว จักเสด็จจาริกโดยลว งไป ๓ เดือน ครั้งน้ันแล เจา -ศากยะพระนามวา มหานามะ เสดจ็ เขาไปเฝา พระผูมีพระภาคเจา ถึงที่ประทับทรงถวายบังคมพระผูมพี ระภาคเจา แลว ประทับน่ัง ณ ท่คี วรสว นขา งหน่งึครน้ั แลว ไดท ลู ถามพระผูมีพระภาคเจา วา ขา แตพระองคผ ูเจรญิ หมอมฉันไดท ราบขาวมาดังนีว้ า ภกิ ษเุ ปนอันมากกระทาํ จวี รกรรมเพ่อื พระผมู -ีพระภาคเจา ดว ยหวังวา พระผมู พี ระภาคเจาผูมีจีวรสาํ เร็จแลว จกั เสดจ็จารกิ โดยลว งไป ๓ เดอื น ดงั นี้ ขา แตพ ระองคผูเจริญ หมอมฉนั ผอู ยูดวยธรรมเครื่องอยตู าง ๆ พึงอยดู วยธรรมเครอื่ งอยอู ะไร พระเจาขา . พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั วา ดีละๆ มหาบพิตร การที่มหาบพติ รเสดจ็ เขา มาหาตถาคตแลวตรสั ถามวา ขา แตพระองคผูเจริญ หมอมฉันผูอยูดว ยธรรมเคร่ืองอยูต าง ๆ พงึ อยดู วยธรรมเครือ่ งอยูอ ะไร ดังน้ี เปนการสมควรแกม หาบพิตรผเู ปน กุลบตุ ร ดกู อ นมหาบพติ ร กลุ บุตรผูมีศรทั ธายอมเปน ผูบ รบิ รู ณ ผูไมมศี รทั ธา ยอมไมเปนผูบรบิ ูรณ ผปู รารภความเพยี รยอ มเปน ผบู ริบรู ณ ผูเ กียจครา นยอมไมเปนผูบ รบิ ูรณ ผมู สี ติต้งั ม่ันยอมเปน ผบู ริบูรณ ผูมสี ติหลงลืมยอมไมเปนผูบ รู ณ ผมู จี ติ ต้งั มนั่ยอมเปนผูบริบูรณ ผไู มมีจติ ตงั้ มั่นยอ มไมเปน ผูบรบิ รู ณ ผมู ีปญ ญายอ มเปน ผบู ริบรู ณ ผมู ีปญ ญาทราม ยอ มไมเ ปนผูบ รบิ ูรณ ดูกอ นมหาบพิตร มหาบพิตรทรงต้งั อยูในธรรม ๕ ประการนแ้ี ลวพงึ เจริญธรรม ๖ ประการใหย ง่ิ ขน้ึ ไป ดกู อ นมหาบพิตร ในธรรม ๖ประการน้ี พงึ ทรงระลึกถึงพระตถาคตวา แมเพราะเหตุนี้ ๆ พระผมู ี-พระภาคเจาพระองคน น้ั ฯลฯ เปนผูเบิกบานแลว เปน ผจู ําแนกธรรมดูกอนมหาบพิตร สมยั ใด อริยสาวกระลกึ ถึงพระตถาคต สมัยน้นั จติ

พระสตุ ตันตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 539ของอริยสาวกนนั้ ยอ มไมถกู ราคะกลุมรุม ไมถ ูกโทสะกลุมรมุ ไมถกู โมหะกลมุ รมุ สมัยนัน้ จิตของอรยิ สาวกน้ันยอมดําเนินไปตรง ดกู อนมหาบพติ รอรยิ สารกผมู จี ติ ดาํ เนนิ ไปตรงเพราะปรารภพระตถาคต ยอ มไดค วามรูอรรถยอ มไดค วามรธู รรม ยอมไดค วามปราโมทยอ ันประกอบดวยธรรม ปติยอมเกดิ แกอริยสาวกผมู ีความปราโมทย กายของอริยสาวกผูมใี จประกอบดว ยปต ิยอ มสงบ อริยสาวกผูมีกายสงบแลว ยอมเสวยสขุ จติ ของอรยิ สาวกผมู ีสขุ ยอมต้ังมน่ั ดูกอ นมหาบพติ ร มหาบพิตรพงึ เสด็จดําเนินเจริญก็ไดพงึ ประทับยนื เจรญิ ก็ได พึงประทบั น่งั เจริญก็ได พึงบรรทมเจรญิ ก็ได พงึทรงประกอบการงานเจรญิ กไ็ ด พงึ ประทบั บนท่ีนอนอันเบยี ดเสยี ดดว ยพระโอรสและพระธดิ าเจรญิ ก็ได ซ่ึงพุทธานสุ สตินี้แล. ดกู อ นมหาบพติ ร อกี ประการหนง่ึ มหาบพติ รพึงทรงระลกึ ถงึพระธรรม... ดกู อ นมหาบพิตร อกี ประการหน่งึ มหาบพติ รพงึ ทรงระลกึ ถึงพระสงฆ. .. ดกู อนมหาบพติ ร อกี ประการหน่ึง มหาบพิตรพึงทรงระลกึ ถงึศีลของตน... ดกู อนมหาบพติ ร อกี ประการหนึ่ง มหาบพิตรพึงทรงระลกึ ถึงจาคะของตน. . . ดูกอ นมหาบพติ ร อกี ประการหนึง่ มหาบพติ รพึงทรงระลึกถึงเทวดาทงั้ หลายวา เทวดาช้ันจาตุมหาราชมีอยู เทวดาช้ันดาวดงึ สม อี ยู . . .เทวดาผูสูงขน้ึ ไปกวา นัน้ มอี ยู เทวดาเหลา น้ันประกอบดวยศรทั ธาเชนใดจุติจากโลกนแ้ี ลวไปบงั เกิดในเทวโลกช้นั นนั้ ๆ แมเ ราก็มศี รัทธาเชนน้นั

พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 540เทวดาเหลาน้นั ประกอบดว ยศลี . . . สุตะ. . . จาคะ . . . ปญ ญาเชนใด จตุ ิจากโลกนีแ้ ลว ไปบังเกดิ ในเทวโลกชนั้ นนั้ ๆ แมเราก็มปี ญญาเชน นัน้ดกู อนมหาบพติ ร สมัยใด อริยสาวกระลึกถึงศรัทธา ศีล สตุ ะ จาคะและปญ ญา ของตนและของเทวดาเหลานั้น สมัยน้ัน จิตของอรยิ สาวกน้นั ยอมไมถ ูกราคะกลมุ รมุ ไมถูกโทสะกลมุ รมุ ไมถกู โมหะกลุม รมุ สมยั น้ันจิตของอรยิ สาวกนนั้ ยอ มดําเนินไปตรง ดกู อนมหาบพติ ร อริยสาวกผูม ีจติ ดาํ เนนิ ไปตรงเพราะปรารภเทวดาทงั้ หลาย ยอ มไดค วามรูอรรถ ยอ มไดความรธู รรม ยอมไดค วามปราโมทยอันประกอบดว ยธรรม ปตยิ อ มเกดิ แกอ รยิ สาวกผมู คี วามปราโมทย กายของอรยิ สาวกผูมใี จประกอบดว ยปติยอมสงบ อรยิ สาวกผมู กี ายสงบยอมเสวยสุข จิตของอริยสาวกผมู สี ุขยอมตง้ั มั่น ดูกอนมหาบพิตร มหาบพิตรพึงเสดจ็ ดาํ เนินเจริญก็ได พึงประทับยนื เจรญิ กไ็ ด พงึ ประทับนง่ั เจริญกไ็ ด พงึ บรรทมเจรญิ ก็ได พึงทรงประกอบการงานเจรญิ ก็ได พงึ ประทบั บนทน่ี อนอนั เบยี ดเสยี ดดวยพระโอรสและพระธิดาเจริญกไ็ ด ซง่ึ เทวตานสุ สตนิ แ้ี ล. จบทตุ ยิ มหานามสตู รท่ี ๒ อรรถกถาทุตยิ มหานามสตู รที่ ๒ ทตุ ิยมหานามสตู รที่ ๒ มีวินจิ ฉัยดังตอ ไปน้.ี บทวา คลิ านา วุฏ ิโต ความวา เจามหานามศากยะประชวรแลวหายประชวร. จบอรรถกถาทุตยิ มหานามสูตรที่ ๒

พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 541 ๓. นันทิยสูตร วาดว ยเจาศากยะนนั ทยิ ะทลู ถามถงึ ธรรมเปน เคร่อื งอยู [๒๒๐] สมยั หน่งึ พระผมู พี ระภาคเจาประทับอยู ณ นโิ ครธารามใกลก รุงกบิลพสั ดุ แควนสกั กะ ก็สมัยน้นั แล พระผูมีพระภาคเจามีพระ-ประสงคจ ะเขาจาํ พรรษา ณ กรงุ สาวัตถี เจา ศากยะพระนามวานันทยิ ะไดทรงทรามขาววา พระผมู พี ระภาคเจามพี ระประสงคจะเขาจาํ พรรษา ณกรุงสาวตั ถี ครัง้ น้นั แล เจา ศากยะพระนามวา นันทิยะทรงมีพระดาํ รวิ าไฉนหนอ แมเราก็พึงเขา จาํ พรรษา ณ กรงุ สาวัตถี เราจักประกอบการงานและจักไดเ ฝา พระผูมพี ระภาคเจา ตามกาลอันสมควร กรงุ สาวตั ถนี ัน้ . ครัง้ นั้นแล พระผูมีพระภาคเจาทรงจําพรรษา ณ กรุงสาวัตถี เจาศากยะพระนามวานนั ทิยะ กเ็ ขาจําพรรษา ณ กรงุ สาวัตถี ไดท รงประกอบการงาน และไดเ ฝาพระผมู พี ระภาคเจา ตามกาลอนั สมควร ณ กรงุ สาวตั ถีนัน้ กส็ มัยนนั้ แล ภิกษุเปน อนั มากยอมกระทําจวี รกรรมเพือ่ พระผูมี-พระภาคเจา ดวยหวงั วา พระผมู ีพระภาคเจาผมู ีจวี รสาํ เรจ็ แลว จักเสด็จจารกิ โดยลวงไป ๓ เดอื น เจา ศากยะพระนามวา นนั ทยิ ะไดท รงทราบขา ววา ภกิ ษุเปนอนั มากกระทาํ จีวรกรรมเพ่ือพระผมู ีพระภาคเจา ดวยหวังวา พระผูมีพระภาคเจาผมู ีจวี รสาํ เร็จแลว จกั เสด็จจาริกโดยลวงไป ๓เดือน ครง้ั นนั้ แล เจาศากยะพระนามวา นนั ทิยะ ไดเขาไปเฝาพระผมู ี-พระภาคเจา ถึงทีป่ ระทับ ทรงถวายบังคมแลวประทับน่งั ณ ทค่ี วรสว นขางหน่ึง คร้นั แลวไดท ูลถามพระผมู พี ระภาคเจาวา ขาแตพ ระองคผูเ จรญิหมอมฉนั ไดทราบขาวมาวา ภกิ ษเุ ปนอนั มากกระทําจวี รกรรมเพือ่ พระผมู -ีพระภาคเจา ดวยหวังวา พระผูมีพระภาคเจาผมู ีจวี รสาํ เร็จแลว จกั เสดจ็

พระสุตตนั ตปฎก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 542จารกิ โดยลว งไป ๓ เดอื น ขาแตพระองคผ เู จริญ หมอมฉนั ผูอยดู วยธรรมเคร่อื งอยูต าง ๆ พงึ อยดู วยธรรมเครื่องอยูอ ะไร พระเจาขา . พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั วา ดลี ะๆ บพิตร การที่บพิตรเสด็จมาหาตถาคต แลวตรสั ถามวา ขา แตพ ระองคผูเ จริญ หมอ มฉันผอู ยูดวยธรรมเคร่อื งอยูต า ง ๆ พึงอยดู วยธรรมเครอ่ื งอยูอะไร ดังน้ี เปนการสมควรแกบพิตรผูเ ปน กลุ บตุ รแล ดกู อนบพิตร กุลบุตรผี มู ีศรัทธายอ มเปนผูบรบิ ูรณ ผไู มมีศรทั ธายอ มไมเปนผูบริบรู ณ ผมู ศี ีลยอมเปน ผูบรบิ รู ณผูท ศุ ีลยอมไมเ ปน ผูบรบิ ูรณ ผูปรารภความเพียรยอ มเปน ผูบริบูรณ ผูเกียจครา นยอมไมเปน ผูบ รบิ รู ณ ผูมีสตติ ั้งมนั่ ยอ มเปนผบู ริบูรณ ผูมสี ติหลงลมื ยอ มไมเ ปน ผูบริบรู ณ ผมู ีสมาธิยอ มเปนผูบริบูรณ ผไู มมีสมาธิยอมไมเปนผบู รบิ ูรณ ผมู ปี ญญายอมเปน ผบู ริบูรณ ผูมปี ญญาทรามยอมไมเปนผบู รบิ รู ณ ดกู อนบพิตร บพติ รทรงตั้งอยูในธรรม ๖ ประการน้ีแลว พึงเขา ไปต้งั สติไวภ ายในธรรม ๕ ประการ ดูกอนบพติ ร ในธรรม๕ ประการนี้ บพิตรพึงทรงระลกึ ถึงพระตถาคตวา แมดว ยเหตุนี้ ๆพระผูมพี ระภาคเจา พระองคนน้ั เปนพระอรหนั ต. . . เปนผูเ บกิ บานแลวเปน ผูจําแนกธรรม ดกู อนบพติ ร บพติ รพึงเขาไปตง้ั สตไิ วใ นภายในปรารภพระตถาคต ดว ยประการดงั นีแ้ ล. อกี ประการหนึ่ง บพิตรพงึ ทรงระลึกถึงพระธรรมวา พระธรรมอันพระผมู พี ระภาคเจาตรสั ดีแลว ... อันวิญูชนพงึ รเู ฉพาะตน ดกู อนบพติ ร บพติ รพงึ เขาไปต้งั สติไวในภายใน ปรารภพระธรรมดว ยประการดังนแี้ ล.

พระสุตตันตปฎก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 543 อีกประการหน่งึ บพิตรพงึ ทรงระลกึ ถึงกลั ยาณมิตรทัง้ หลายวาเปนลาภของเราหนอ เราไดดีแลวหนอ ทเี่ รามีกัลยาณมติ รผเู อน็ ดู ผใู ครประโยชน ผกู ลา วสอน ผพู ร่าํ สอน ดกู อนบพติ ร บพิตรพึงเขา ไปตง้ั สติไวในภายใน ปรารภกลั ยาณมิตรดวยประการนี้แล. อกี ประการหน่งึ บพิตรพงึ ทรงระลกึ ถงึ จาคะของตนวา เปน ลาภของเราหนอ เราไดดีแลว หนอ ท่เี รามีจิตปราศจากมลทินคอื ความตระหนี่มีจาคะอันปลอ ยแลว มฝี ามืออนั ชุม ยนิ ดีในการสละ ควรแกการขอยินดีในการจําแนกทาน อยูค รองเรอื น ในหมสู ตั วผ ูถกู มลทินคือความตระหนี่ กลมุ รุมแลว ดกู อ นบพติ ร บพิตรพงึ เขาไปต้ังสติไวในภายในปรารภจาคะดว ยประการดังน้แี ล. อีกประการหนึง่ บพิตรพึงทรงระลกึ ถงึ เทวดาทง้ั หลายวา เทวดาเหลา น้นั ไดกาวลว งความเปนสหายแหงเทวดาผมู ีคาํ ขา วเปนภักษาแลว เขาถึงการอนั สําเรจ็ ดวยใจอยางใดอยา งหนง่ึ เทวดาเหลาน้นั ยอ มไมพจิ ารณาเหน็ กจิ ท่ีควรทําของตน หรอื การส่งั สมกิจท่ตี นทําแลว ดูกอนบพติ ร ภกิ ษุผเู ปนอสมยวมิ ุตยอมพจิ ารณากิจทไ่ี มควรทาํ ของตน หรือการสั่งสมกิจท่ีทาํ แลว แมฉ ันใด ดูกอนบพิตร เทวดาเหลาใด กาวลวงซึ่งความเปนสหายแหงเทวดาผูมีคาํ ขาวเปนภกั ษา เขา ถึงกายอนั สาํ เร็จดวยใจอยางใดอยางหนงึ่ เทวดาเหลาน้นั ยอมไมพ จิ ารณาเห็นกจิ ที่ควรทําของตน หรอืการสั่งสมกจิ ทต่ี นทําแลว ฉันน้นั เหมือนกนั แล ดกู อ นบพิตร บพิตรพึงเขาไปตง้ั สตไิ วใ นภายใน ปรารภเทวดาท้งั หลาย ดว ยประการดงั นแี้ ล. ดกู อ นบพติ ร อรยิ สาวกผูประกอบดว ยธรรม ๑๑ ประการนี้ ยอมละซ่ึงอกศุ ลธรรมท้ังหลายอันลามกไมถอื มั่น ดกู อ นบพิตร หมอ ที่ควํ่า

พระสุตตนั ตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 544ยอ มไมกลับ ถกู ตองสง่ิ ทีค่ ายแลว ไฟทีไ่ หมลามไปจากหญา ยอ มไหมของที่ควรไหม ยอมไมกลับมาไหมสงิ่ ทไี่ หมแลว แมฉันใด อริยสาวกผปู ระกอบดว ยธรรม ๑๑ ประการน้ี ยอ มละอกศุ ลธรรมทัง้ หลายอนั ลามก ยอมไมถือมั่น (อกศุ ลธรรมอันช่วั ชาเหลา น้นั ) ฉันน้ันเหมอื นกันแล. จบนนั ทยิ สตู รท่ี ๓ อรรถกถานนั ทิยสูตรที่ ๓ นนั ทยิ สูตรที่ ๓ มีวินิจฉัยดังตอไปน้.ี บทวา กลยฺ าณมิตฺเต แปลวา ซึ่งมติ รดีทัง้ หลาย. ในพระสตู รน้ีพระผูมพี ระภาคเจาตรสั สงั ฆานุสสติ ดว ยอาํ นาจแหง กัลยาณมิตรดว ยประการฉะนี้. บทวา กวฬิงกฺ ารภกขฺ าน ไดแก ของเทวดาชนั้ กามาวจร.บทวา อสมยวิมุตฺโต ความวา พระขณี าสพผูหลุดพน แลวดว ยอสมย-วิมุตต.ิ จบอรรถกถานันทิยสูตรที่ ๓ ๔. สภุ ตู สิ ูตร วาดวยลักษณะแหง ศรัทธา [๒๒๑] ครัง้ นน้ั แล ทานพระสุภตู กิ บั สัทธภิกษุ เขา ไปเฝา พระ-ผูม ีพระภาคเจาถึงที่ประทบั ถวายบังคมพระผมู พี ระภาคเจา แลวน่ัง ณ ท่ีควรสวนขางหนง่ึ ครน้ั แลว พระผูมพี ระภาคเจา ไดตรสั ถามทา นพระสภุ ตู ิวา ดกู อนสุภูติ ภิกษนุ ี้ช่ือไร ทานพระสุภูติกราบทลู วา ขา แตพระองค

พระสตุ ตันตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 545ผเู จริญ ภกิ ษนุ ชี้ ่อื วา สัทธะ เปนบุตรอุบาสกผมู ีศรัทธา ออกบวชเปนบรรพชติ ดว ยศรัทธา พระเจาขา. พ. ดูกอนสภุ ตู ิ กส็ ัทธภิกษุนเ้ี ปนบุตรของอบุ าสกผูมีศรทั ธาออกบวชเปนบรรพชิตดวยศรทั ธา ยอมเห็นพรอมในลกั ษณะของพระผูม ีศรัทธาท้งั หลายแลหรือ. ส.ุ ขาแตพ ระผมู ีพระภาคเจา บัดนีเ้ ปน การสมควรทรงแสดงลกั ษณะของผูมศี รัทธานน้ั ขา แตพ ระสคุ ต บดั นเ้ี ปนกาลสมควรแสดงลักษณะของผูมีศรทั ธานน้ั ขอพระผูมีพระภาคเจา ตรัสลกั ษณะแหงศรัทธาของผมู ีศรทั ธาเถดิ ขาพระองคจักทราบบัดนี้วา ภกิ ษนุ ี้จักเหน็ พรอมในลักษณะของผูมศี รัทธาท้งั หลายหรือไม. พ. ดูกอ นสภุ ตู ิ ถาอยา งน้นั เธอจงฟง จงใสใจใหด ี เราจักกลาวทา นพระสภุ ตู ิทูลรบั พระผูม พี ระภาคเจา พระผูมีพระภาคเจาตรสั วา ดูกอนสภุ ูติ ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยนี้ เปนผมู ศี ีล สาํ รวมแลว ในปาติโมกขสังวรถึงพรอมดว ยอาจาระและโคจร มปี กตเิ หน็ ภยั ในโทษทั้งหลายมปี ระมาณนอย สมาทานศึกษาอยูในสกิ ขาบทท้งั หลาย ดกู อนสภุ ตู ิ ขอที่ภิกษเุ ปนผมู ศี ีล ฯลฯ สมาทานศกึ ษาอยใู นสกิ ขาบทท้งั หลาย แมนี้ กเ็ ปน ลกั ษณะแหง ศรัทธาของผมู ีศรทั ธา. อีกประการหนึง่ ภกิ ษุเปนผูม สี ุตะมาก ทรงสุตะ ส่ังสมสตุ ะ เปนผไู ดส ดบั มามาก ทรงไว คลอ งปาก ขน้ึ ใจ แทงตลอดดวยดดี วยทิฏฐิ ซง่ึธรรมท้ังหลายอันงามในเบ้อื งตน งามในทามกลาง งามในทส่ี ุด ประกาศพรหมจรรย พรอมทง้ั อรรถ พรอ มทงั้ พยญั ชนะ บรสิ ุทธบิ์ ริบูรณส ิน้ เชิง

พระสุตตันตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 546ดกู อ นสภุ ตู ิ ขอ ทีภ่ กิ ษเุ ปนผมู สี ุตะมาก ฯลฯ แทงตลอดดวยดีดว ยทิฏฐิแมน ้ี กเ็ ปนลักษณะแหงศรทั ธาของผมู ศี รัทธา. อกี ประการหน่ึง ภกิ ษุเปนผูมติ รดี มสี หายดี มีเพือ่ นดี ดกู อ นสุภูติ ขอ ทภ่ี ิกษเุ ปน ผูมมี ิตรดี มสี หายดี มีเพอ่ื นดี แมน้ี ก็เปน ลกั ษณะแหงศรทั ธาของผมู ีศรัทธา. อีกประการหนง่ึ ภิกษุเปน ผวู า งา ย ประกอบดวยธรรมเครือ่ งกระ-ทําใหเ ปนผูว างา ย เปนผอู ดทน เปน ผูรบั อนศุ าสนียโดยเคารพ ดกู อ นสุภตู ิ ขอ ที่ภิกษเุ ปนผูวา งา ย เปนผปู ระกอบดวยธรรมเคร่ืองกระทําใหเปนผูวา งา ย เปน ผูอดทน เปน ผรู บั อนศุ าสนียโ ดยเคารพแมน้ี กเ็ ปนลักษณะแหงศรัทธาของผมู ีศรทั ธา. อกี ประการหน่ึง ภิกษุเปน ผูขยนั ไมเ กียจคราน ในกรณยี กจิ ท้งั สูงและตา่ํ ของเพอ่ื นสพรหมจารที ้งั หลาย ประกอบดวยปญญาเปนเคร่ืองพิจารณาอนั เปน อบุ ายในกรณยี กิจนนั้ อาจทาํ อาจจัดได ดกู อ นสภุ ูติขอท่ีภิกษเุ ปนผูข ยนั ไมเกียจคราน ฯลฯ อาจทํา อาจจัดได แมนี้ก็เปน ลักษณะแหง ศรัทธาของผูม ีศรทั ธา. อกี ประการหนง่ึ ภกิ ษเุ ปนผูใครธ รรม กลา วคาํ เปนทร่ี ัก เปนผูมีความปราโมทยอ ยางย่ิงในธรรมอนั ยิ่ง ในวนิ ัยอนั ยิ่ง ดูกอ นสภุ ตู ิ ขอ ที่ภกิ ษุเปนผใู ครธ รรม เปนผกู ลา วคาํ อนั เปน ทรี่ กั มีความปราโมทยอยา งย่ิงในธรรมอนั ยิง่ ในวินัยอนั ยง่ิ แมน้ี ก็เปนลกั ษณะแหง ศรัทธาของผูมีศรัทธา. อีกประการหนึง่ ภิกษเุ ปน ผูป รารภความเพียร เพื่อละอกศุ ลธรรมเพอื่ ยงั อกศุ ลธรรมใหถ ึงพรอม เปน ผมู กี าํ ลัง มีความบากบ่นั ม่นั คง ไม

พระสุตตันตปฎก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 547ทอดธุระในกศุ ลธรรม ดูกอนสภุ ูติ ขอ ทีภ่ กิ ษปุ รารภความเพยี ร ฯลฯแมน ้ี ก็ เปน ลกั ษณะแหงศรทั ธา ของผมู ศี รทั ธา. อีกประการหนงึ่ ภิกษุเปน ผไู ดตามปรารถนา ไดโ ดยไมยาก ไดโดยลําบาก ซึ่งฌาน ๔ อนั มใี นจติ อันยิ่ง เปน เคร่อื งอยูเปน สุขในปจจุบนัดกู อ นสภุ ตู ิ ขอ ทีภ่ กิ ษุเปนผูไ ดต ามปรารถนา ไดโดยยาก ไดโดยไมลาํ บาก ซง่ึ ฌาน ๔ อนั มใี นจติ อนั ยิง่ เปน เครือ่ งอยเู ปนสขุ ในปจ จุบนัแมน ี้ ก็ เปนลักษณะแหงศรทั ธา ของผูมศี รัทธา. อีกประการหน่งึ ภิกษรุ ะลึกถงึ ชาติกอนไดเปนอันมาก คอื ระลึกไดช าติหน่ึงบาง สองชาติบาง สามชาติบา ง สี่ชาตบิ า ง หาชาติบางสบิ ชาติบา ง ยส่ี ิบชาติบาง สามสบิ ชาติบาง สี่สบิ ชาติบาง หาสิบชาตบิ างรอ ยชาติบา ง พันชาติบา ง แสนชาติบา ง ตลอดสังวฏั กัปเปน อนั มากบางตลอดววิ ฏั กัปเปนอันมากบาง ตลอดสงั วฏั วิวฏั กปั เปนอนั มากบางวา ในภพโนน เราไดม ีช่ืออยา งนน้ั มโี คตรอยางนัน้ มผี วิ พรรณอยา งนัน้ มอี าหารอยางน้นั เสวยสขุ เสวยทกุ ขอ ยา งน้นั ๆ มกี ําหนดอายุเพยี งเทา นนั้ ครนั้จุตจิ ากภพนนั้ แลว ไดไปเกิดในภพโนน แมในภพนนั้ เรากไ็ ดมีชื่ออยางนน้ั มโี คตรอยางนั้น มีผวิ พรรณอยา งนนั้ เสวยสุข มอี าหารอยา งนนั้ เสวยทกุ ขอยางนนั้ ๆ มกี าํ หนดอายุเพียงเทานนั้ คร้ันจตุ ิจากภพนั้นแลว ไดม าเกิดในภพนี้ เธอยอ มระลกึ ถงึ ชาตกิ อนไดเ ปนอันมากพรอมท้งั อาการ พรอมท้ังอทุ เทส ดวยประการฉะน้ี ดกู อ นสภุ ตู ิ ขอที่ภิกษุระลึกถงึ ชาตกิ อ นไดเปนอันมาก คอื ระลกึ ไดช าติหน่ึงบาง สองชาติบาง ฯลฯ เธอยอมระลกึ ถงึ ชาตกิ อนไดเปน อนั มาก พรอ มทั้งอาการ

พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 548พรอ มทัง้ อุเทส ดวยประการฉะน้ี แมน ้ี ก็เปน ลกั ษณะแหงศรัทธาของผูมีศรัทธา. อีกประการหนึ่ง ภิกษเุ ห็นหมสู ัตวก าํ ลังจุติ กาํ ลงั อปุ บตั ิ เลวประณีต มผี ิวพรรณดี ผวิ พรรณทราม ไดด ี ตกยาก ดวยทิพยจักษุอนับรสิ ุทธ์ลิ วงจกั ษุของมนษุ ย ยอมรชู ัดซ่งึ หมูสตั วผูเปน ไปตามกรรมวาสัตวเหลา น้ันประกอบดวยกายทจุ รติ วจที จุ ริต มโนทจุ ริต ติเตียนพระอริยเจา เปน มิจฉาทฏิ ฐิ ยดึ ถือการกระทําดวยอํานาจมจิ ฉาทิฏฐิ เมอ่ืตายไป จึงตองเขา ถงึ อบาย ทุคติ วินิบาต นรก สว นสัตวเ หลา นี้ประกอบดวยกายสุจรติ วจสี จุ รติ มโนสจุ ริต ไมต เิ ตยี นพระอรยิ เจาเปน สัมมาทฏิ ฐิ เมอื่ ตายไป จึงเขาถงึ สคุ ติโลกสวรรค เธอยอมเห็นหมูสตั วที่กําลังจุติ กาํ ลังอปุ บตั ิ เลว ประณตี มผี ิวพรรณดี มผี วิ พรรณทรามไดด ี ตกยาก ดว ยทิพยจกั ษุอนั บรสิ ุทธลิ์ วงจกั ษขุ องมนษุ ย ยอมรูชดั ซงึ่หมูส ตั วผเู ปน ไปตามกรรม ดว ยประการฉะน้ี ดกู อ นสภุ ูติ ขอ ท่ภี ิกษเุ หน็หมสู ตั วท ก่ี าํ ลงั จุติ กาํ ลงั อปุ บตั ิ เลว ประณีต มีผวิ พรรณดี มีผิวพรรณทราม ไดด ี ตกยาก ดวยทิพยจักษุอันบริสุทธิล์ วงจกั ษขุ องมนษุ ย ฯลฯยอมรูช ดั ซึง่ หมสู ตั วผเู ปนไปตามกรรม ดวยประการฉะน้ี แมน ี้ ก็เปนลักษณะแหงศรัทธาของผูมีศรัทธา. อีกประการหนึง่ ภกิ ษุทาํ ใหแ จง ซ่งึ เจโตวิมตุ ติ ปญ ญาวิมตุ ติ อันหาอาสวะมไิ ด เพราะอาสวะท้งั หลายส้ินไป ดวยปญญาอนั ยงิ่ เองในปจจ-ุบันเขาถึงอยู ดกู อนสุภตู ิ ขอ ทภี่ กิ ษุทําใหแจงซึ่งเจโตวิมุตติ ปญญาวิมตุ ติอันหาอาสวะมิได เพระอาสวะทัง้ หลายส้ินไป ดวยปญญาอนั ยงิ่ เองในปจจุบนั เขา ถึงอยู แมน้ี ก็เปน ลกั ษณะแหงศรัทธาของผูมศี รทั ธา.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 549 เมอื่ พระผูมีพระภาคเจาตรัสแลว อยางน้ี ทา นพระสภุ ตู ิ ไดก ราบทลูพระผมู ีพระภาคเจา วา ขาแตพ ระองคผ ูเ จริญ ลกั ษณะศรัทธาของผมู ีศรทั ธา ทพ่ี ระผมู ีพระภาคเจา ตรัสน้นี ั้น มพี รอมอยูแกภ ิกษนุ ้ี และภิกษุนยี้ อมเหน็ พรอมในลกั ษณะศรทั ธาของผูม ศี รัทธาเหลาน้ี ขา แตพระองคผูเจริญ ภิกษนุ ้เี ปนผมู ีศีล... สมาทานศกึ ษาอยูในสกิ ขาบทท้ังหลายภกิ ษุนีเ้ ปน ผมู สี ตุ ะมาก... ประกาศพรหมจรรยพรอมทง้ั อรรถ พรอ มทง้ัพยัญชนะ บริสทุ ธบ์ิ ริบรู ณส ้นิ เชิง ภิกษนุ เี้ ปน ผูมมี ิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี ภิกษุนี้เปน ผวู า งา ย ประกอบดวยธรรมเครอ่ื งกระทาํ ใหเปน ผูวางาย เปน ผูอ ดทน เปน ผรู บั เอาอนุศาสนยี โดยเคารพ ภกิ ษนุ เ้ี ปนผขู ยันไมเกียจครา นในกรณียกจิ ทงั้ หลายท้งั สงู และตาํ่ ของเพอ่ื นพรหมจรรยท้งั -หลาย เปน ผูประกอบดวยปญญาเปน เคร่อื งพิจารณาอนั เปนอบุ ายในกรณีย-กิจน้นั อาจทํา อาจจัดได ภกิ ษุน้เี ปนผูใ ครในธรรม กลา วคําอันเปนทีร่ กั เปน ผูมีความปราโมทยย ่ิง ในธรรมอนั ย่ิง ในวนิ ัยอนั ยง่ิ ภกิ ษนุ ้เี ปนผูปรารภความเพียร มกี าํ ลัง มคี วามบากบัน่ มัน่ คง ไมท อดธุระในกศุ ล-ธรรม ภิกษนุ ี้เปน ผูไ ดต ามปรารถนา ไดโ ดยไมยาก ไดโดยไมลําบาก ซึ่งฌาณ ๔ อันมีในจิตอนั ยิง่ เปนเคร่อื งอยูเปน สุขในปจจบุ ัน ภิกษนุ ี้ยอมระลกึ ถึงชาติกอ นไดเ ปน อันมาก คือ ระลกึ ไดช าติหนึ่งบาง สองชาติบางฯลฯ เธอระลกึ ถึงชาตกิ อ นไดเ ปนอันมาก พรอมท้ังอาการ พรอมทั้งอุทเทส ดว ยประการฉะนี้ ภิกษนุ ้พี ิจารณาเหน็ หมสู ัตวผกู ําลังจตุ ิ กาํ ลังอปุ บตั ิ เลว ประณตี มผี ิวพรรณดี มผี วิ พรรณทราม ไดด ี ตกยาก ดว ยทิพยจักษุอันบริสุทธล์ิ วงจกั ษขุ องมนษุ ย ฯลฯ เธอยอมรชู ดั ซงึ่ หมูสัตวผเู ปนไปตามกรรม ดวยประการฉะน้ี ภกิ ษุน้ยี อมทาํ ใหแ จงซึง่ เจโตวิมุติ ปญ ญา-

พระสุตตันตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 550วมิ ตุ ติ อนั หาอาสวะมิได เพราะอาสวะทง้ั หลายสน้ิ ไป ดว ยปญญาอันย่งิ เองในปจจบุ ันเขาถงึ อยู ขา แตพ ระองคผเู จริญ ลกั ษณะศรทั ธาของผูมศี รัทธาทพี่ ระผูมีพระภาคเจา ตรัสแลวน้ี มีพรอ มอยูแ กภ กิ ษนุ ี้ อน่ึง ภกิ ษุนจ้ี กัปรากฏในลกั ษณะศรัทธาของผมู ีศรัทธาเหลา น้ี พระเจา ขา. พ. ดลี ะ ๆ สภุ ตู ิ ดกู อนสภุ ูติ ถาเชนนั้น เธอพงึ อยูกับสทั ธภิกษุนเ้ี ถดิ ดูกอ นสภุ ตู ิ อนึ่ง เธอพึงหวงั จะมาเยีย่ มเยยี นตถาคตในกาลใด ในกาลนั้น เธอกบั สัทธภิกษุนี้พึงเขามาเย่ยี มเยยี นตถาคตเถดิ . จบสภุ ตู สิ ูตรท่ี ๔ อรรถกถาสภุ ูติสตู รที่ ๔ สุภตู สิ ตู รท่ี ๔ มีวนิ จิ ฉัยดังตอ ไปน้ี. พระศาสดาแมทรงทราบอยู กต็ รสั ถามวา ดูกอนสภุ ตู ิ ภกิ ษุนี้ ช่อื ไรดังน้ี พระสุภตู ิ กราบทลู วา ภิกษุช่ือวาสทั ธะ เปน บุตรของอุบาสกผูมีศรทั ธา หมายถงึ ทา นอนาถบิณฑกิ คฤหบดี ดว ยวา สทั ธภกิ ษุน้นั เปนบตุ รของอนาถบณิ ฑกิ คฤหบดี บวชในสาํ นัก (พระสภุ ตู ิ) ผูเปน อาของตน. ลําดบั นนั้ พระสุภตู ิเถระ ไดพาสัทธภกิ ษุไปเฝา พระศาสดา. บทวาสทธฺ าปทาเนสุ ความวา ในอปทาน คือลกั ษณะของบคุ คลผมู ีศรัทธาทง้ั หลาย. จบอรรถกถาสุภตู ิสูตรที่ ๔


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook