Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_38

tripitaka_38

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:40

Description: tripitaka_38

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 351 ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย บคุ คลผูมคี วามดาํ ริชอบ ถายความดาํ ริผิดออก . . . ดูกอนภิกษุท้งั หลาย บคุ คลผมู กี ารเจรจาชอบ ถายการเจรจาผดิออก . . . ดกู อนภิกษุท้งั หลาย บคุ คลผมู กี ารงานชอบ ถายการงานผิดออก . . . ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย บคุ คลผมู กี ารเล้ยี งชพี ชอบ ถา ยการเลีย้ งชพีผิดออก . . . ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย บุคคลผมู คี วามพยายามชอบ ถา ยความพยายามผิดออก . . . ดกู อนภิกษุทงั้ หลาย บุคคลผมู คี วามระลึกชอบ ถา ยความระลึกผดิออก . . . ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย บคุ คลผูมคี วามตั้งใจม่ันชอบ ถายความต้ังใจมน่ั ผิดออก. . . ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย บุคคลผูมีความรูชอบ ถายความรูผิดออก . . . ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย บุคคลผูมคี วามหลดุ พนชอบ ถายความหลุดพนผิดออก และถา ยอกศุ ลธรรมอันลามกมิใชน อ ย ที่เกดิ ข้ึนเพราะความหลุดพนผิดเปนปจ จัยออก สว นกุศลธรรมมิใชน อย ยอมถึงความเจริญบริบูรณ เพราะความหลุดพนชอบเปนปจจยั . ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย ยาถายอนั เปนของพระอรยิ ะน้ีนั้นแล ท่ีสําเร็๗ผลอยางเดียว ไมเ สยี ผล ท่ีสัตวท ้งั หลายผูมีความเกดิ เปน ธรรมดาอาศัยแลว ยอ มพนจากความเกดิ ผมู คี วามแกเปนธรรมดา ยอ มพนจากความแก

พระสุตตันตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 352ผมู ีความตายเปน ธรรมดา ยอ มพนจากความตาย ผูมีความโศก ความรํา่ ไรความทกุ ข ความโทมนสั และความคับแคนใจเปน ธรรมดา ยอมพน จากความโศก ความรา่ํ ไร ความทกุ ข ความโทมนัส และความคับแคน ใจได. จบตกิ ิจฉสูตรท่ี ๘ อรรถกถาตกิ จิ ฉสตู รที่ ๘ ติกิจฉสูตรท่ี ๘ พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ดงั ตอ ไปน้.ี บทวา วิเรจน ไดแก ยาถา ยโทษออก. บทวา วิรติ า โหติ ไดแกกําจดั ออก. จบอรรถกถาตกิ จิ ฉสตู รท่ี ๘ ๙. วมนสตู ร วา ดวยยาสาํ รอกของพระอริยะ [๑๐๙] ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย นายแพทยทงั้ หลายยอ มใหยาสาํ รอกเพอ่ื บาํ บัดอาพาธมีดเี ปนสมฏุ ฐานบา ง เพื่อบาํ บัดอาพาธมีเสมหะเปน สมุฏ-ฐานบาง เพ่อื บําบดั อาพาธมีลมเปน สมฏุ ฐานบา ง ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลายยาสาํ รอกนั่นมอี ยู เรามไิ ดกลาววา ไมม ี ก็แตว า ยาสํารอกนีน้ ั้นแล ยอ มสําเรจ็ ผลบาง ยอ มเสียผลบาง ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย ก็เราจกั แสดงยาสาํ รอกอนั เปน ของพระอริยะที่สาํ เรจ็ ผลอยา งเดียว ไมเ สียผล ท่ีสตั วท ้งั หลายผมู ีความเกดิ เปนธรรมดาอาศยั แลว ยอมพน จากความเกดิ ผูมีความแกเ ปนธรรมดา ยอ มพน จากความแก ผมู คี วามตายเปน ธรรมดา ยอมพนจากความตาย ผมู คี วามโศก ความร่ําไร ความทกุ ข ความโทมนสั และความ

พระสุตตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 353คับแคนใจเปนธรรมดา ยอมพน จากความโศก ความร่ําไร ความทกุ ขความโทมนสั และความคับแคนใจได เธอทงั้ หลายจงฟง ยาสาํ รอกนั้น จงใสใจใหด ี เราจกั กลาว ภิกษุเหลา นัน้ ทลู รบั พระผูมพี ระภาคเจา แลว พระ-ผมู พี ระภาคเจาไดตรัสวา ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ยาสํารอกอนั เปนของพระอริยะ ท่ีสําเร็จผลอยา งเดียว ไมเสียผล ท่สี ตั วท้ังหลายผูมีความเกิดเปนธรรมดาอาศยั แลว ยอ มพนจากความเกดิ ฯลฯ ความโศก ความร่ําไร ความทกุ ข ความโทมนสั และความคับแคนใจเปน ไฉน ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย บคุ คลผมู คี วามเหน็ ชอบ ยอมสาํ รอกความเหน็ ผิดไดและสาํ รอกอกศุ ลธรรมอันลามกมิใชนอย ที่เกดิ ข้นึ เพราะความเห็นผิดเปน ปจจยัสว นกุศลธรรมมิใชนอย ยอ มถงึ ความเจรญิ บรบิ ูรณ เพราะความเห็นชอบเปนปจ จยั . ดูกอนภิกษุท้ังหลาย บคุ คลผูความดํารชิ อบ ยอมสาํ รอกความดาํ ริผิดได . . . ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย บุคคลผมู ีการเจรจาชอบ ยอมสํารอกการเจรจาผดิ ได. . . ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย บคุ คลผูมกี ารงานชอบ ยอ มสํารอกการงานผดิ ได . . . ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย บุคคลผูมีการเลีย้ งชีพชอบ ยอมสาํ รอกการเล้ียงชีพผดิ ได . . . ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย บคุ คลผมู ีความพยายามชอบ ยอมสํารอกความพยายามผดิ ได . . .













































พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 376 ชนเหลา ใดประพฤติตามธรรมในธรรม อันพระตถา- คตตรสั แลวโดยชอบ ชนเหลา นัน้ จักขา มพนวัฏฏะ อันเปนบวงมารท่ีขามพนไดแ สนยาก แลวจักถงึ ฝง โนน คือนพิ พาน บณั ฑิตละธรรมดาํ เสวยแลว พงึ ยงั ธรรมขาวใหเ จริญ บัณฑติ ละกามท้ังหลายแลว เปน ผูไมมีกงั วล ออกจากความอาลยั อาศัยธรรมท่ีไมมี ความอาลยั พงึ ปรารถนาความยินดียิง่ ในวิเวก ที่ ยินดไี ดแ สนยาก บณั ฑิตพงึ ชําระตนใหผองแผว จากเครอื่ งเศรา หมองจติ ทง้ั หลาย บัณฑติ เหลาใด อบรมโดยชอบในองคธรรมเปน เครื่องตรสั รทู ั้งหลาย ไมถ ือมน่ั แลว ยินดีในนพิ พาน เปนที่สละความถือม่ัน บัณฑิตเหลา นน้ั สนิ้ อาสวะ มีความรงุ เร่อื ง ดบั สนิท แลว ในโลก. จบสคารวสตู รที่ ๕ อรรถกถาสคารวสูตรท่ี ๕ สคารวสตู รที่ ๕ พึงทราบวนิ ิจฉยั ดังตอ ไปนี้. บทวา โอรมิ  ตีร ไดแก โลกยิ ะ ชอ่ื วาฝง น้ี. บทวา ปาริม ตีรไดแ ก โลกุตระ ช่ือวาฝง โนน . บทวา ปารคามิโน ไดแ ก ผูถึงพระนพิ พาน. บทวา ตีรเนวาน-ุธารติ ไดแ ก ว่ิงแลน ไปสฝู ง คือ สกั กายทิฏฐ.ิ บทวา ธมเฺ ม ธมมฺ านุวตฺติโน

พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 377ความวา ประพฤติธรรมตามสมควรในโลกตุ รธรรม ๙ ท่ีตรัสไวแ ลว โดยชอบ ไดแกป ระพฤตติ ามขอปฏิบัตเิ บือ้ งตน พรอมกับศลี ทเี่ หมาะสมแกธรรมนัน้ . บทวา มจฺจตุ เฺ ธยฺย สทุ ตุ ฺตร ไดแ ก ขามวัฏฏะท่เี ปนไปในภมู ิ ๓อันเปนทตี่ ง้ั แหง มัจจุมาร ทข่ี ามไดแสนยาก. บทวา ปารเมสฺสนตฺ ิ ไดแกจกั บรรลุพระนพิ พาน. บทวา โอกา อโนกนาคมมฺ ไดแก อาศยั วิวัฎฏะจากวัฏฏะ. บทวา วิเวเก ยตฺถ ทรู ม แปลวา พึงปรารถนาความยนิ ดียิง่ ในกายวิเวก จิตตวเิ วกและอุปธิวิเวก ซ่งึ ยนิ ดยี ิง่ ไดยาก. บทวา หติ วฺ ากาเม ไดแ ก ละกามแมท ง้ั สอง. บทวา อกิฺจโน แปลวากิเลสเคร่ืองกงั วล.บทวา อาทานปฏนิ ิสสฺ คเฺ ค ไดแ ก ในพระนพิ พาน กลา วคอื การสละคืนความยึดมัน่ . บทวา อนุปาทาย เย รตา ความวา ชนเหลาใดไมยึดถอื แมส ิง่ ไร ๆ ดวยอปุ าทาน ๔ ยินดยี ิง่ แลว . บทวา ปรินิพฺพตุ า ไดแกชนเหลา นั้น พงึ ทราบวา ชอื่ วา ปรินพิ พานแลวดว ยปรินิพพานท่หี าปจจัยมิได. จบอรรถกถาสคารวสูตรท่ี ๕ ๖. โอริมสูตร วาดวยฝง นแี้ ละฝง โนน [๑๑๘] ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย เราจักแสดงฝง นี้และฝงโนนแกเ ธอทงั้ หลาย เธอทง้ั หลายจงฟง จงใสใจใหดี เราจกั กลา ว ภิกษุเหลา น้นัทูลรบั แดพ ระผมู พี ระภาคเจาแลว พระผูม พี ระภาคเจา ไดตรัสวา ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย ฝง นี้เปนไฉน และฝง โนนเปน ไฉน ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลายมจิ ฉาทิฏฐิเปนฝงน้ี สัมมาทิฏฐเิ ปน ฝง โนน ฯลฯ มจิ ฉาวมิ ตุ เิ ปน ฝง นี้

พระสุตตนั ตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 378สัมมาวมิ ตุ ติเปนฝง โนน ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย นี้แลเปนฝง น้ี น้เี ปนฝง โนน . บรรดามนุษยท้ังหลาย เหลา ชนที่ไปถึงฝง โนน มีประมาณนอ ย สวนหมสู ตั วน อกนเ้ี ลาะไปตามฝงทงั้ นั้น สว นชนเหลา ใดเปน ผูประพฤติตามธรรม ใน ธรรมอนั พระตถาคตตรัสแลวโดยชอบ ชนเหลาน้นั จกั ขา มพน วัฏฎะอันเปนบว งมาร ที่ขา มพนไดแ สน ยาก แลว จกั ถงึ ฝง โนน คอื นิพพาน บัณฑติ ละธรรม ดาํ เสียแลว พงึ ยังธรรมขาวใหเจริญ บัณฑิตละกาม ท้ังหลายแลว เปนผไู มม กี งั วล ออกจากความอาลัย อาศยั ธรรมท่ไี มม ีความอาลัย ปรารถนาควานยนิ ดียิง่ ในวเิ วกที่ยนิ ดไี ดแสนยาก บัณฑิตพึงยงั ตนใหผอ ง แผว จากเครือ่ งเศราหมองจติ ทั้งหลาย บณั ฑิตเหลา ใด อบรมจติ แลวโดยชอบ ในองคธรรมเปนเครื่องตรัสรู ท้งั หลาย ไมถือมัน่ แลว ยินดใี นนิพพานเปน ทส่ี ละ ความถอื มน่ั บัณฑิตเหลานน้ั ส้นิ อาสวะ มคี วาม รุงเรื่อง ดบั สนิทแลว ในโลก. จบโอริมสูตรท่ี ๖ อรรถกถาโอรมิ สตู รที่ ๖ โอริมสตู รที่ ๖ ทรงแสดงแกภิกษทุ ั้งหลาย. จบอรรถกถาโอริมสูตรที่ ๖

พระสตุ ตันตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 379 ๗. ปฐมปจ โจโรหณีสตู ร วา ดวยพิธีปลงบาปของพระอริยะ [๑๑๙] กโ็ ดยสมยั น้ันแล พราหมณช่ือวา ชาณสุ โสณี สนานเกลาในวันอุโบสถ นุง หม ผา ไหมทง้ั คอู นั ใหม ถอื กาํ หญา คาสดไปยืนอยูณ ทคี่ วรสว นขา งหนง่ึ ในทีไ่ มไ กลพระผมู พี ระภาคเจา พระผูมพี ระภาคเจาไดทอดพระเนตรเห็นชาณสุ โสณพี ราหมณ ผูสนานเกลา ในวันอุโบสถ นุงหมผาไหมท้ังคูอนั ใหม ถือกาํ หญา คาสดยนื อยู ณ ท่คี วรสว นขางหนงึ่ ในที่ไมไกล ครั้นแลวไดตรัสถามชาณสุ โสณพี ราหมณวา ดูกอนพราหมณเพราะเหตุไรหนอ ทา นจงึ สนานเกลาในวันอุโบสถ นงุ หม ผา ไหมทง้ั คูอันใหม ถือกําหญา คาสดมายนื อยู ณ ทคี่ วรสวนขา งหน่ึง วันนี้เปนวนั อะไรของสกลุ พราหมณ ชาณสุ โสณีพราหมณก ราบทลู วา ขาแตพระโคดมผเู จรญิวนั นี้เปนวนั ปลงบาปของสกุลพราหมณ. พ. ดกู อ นพราหมณ กพ็ ิธปี ลงบาปของพราหมณทงั้ หลาย ยอมมีดวยประการไรเลา. ชา. ขาแตพระโคดมผเู จริญ พราหมณทั้งหลายในโลกนี้ ในวันอโุ บสถ สนานเกลา นงุ หม ผาไหมทัง้ คอู ันใหม ทาแผน ดินดว ยโคมยั อันสด ลาดดว ยหญาคาท่เี ขยี วสดแลว สาํ เร็จการนอนระหวา งกองทรายและเรอื นไฟ พราหมณเ หลาน้ันยอมลุกขึ้นประนมอญั ชลี นมสั การไฟ ๓ คร้งัในราตรนี ้นั ดว ยการกลา ววา ขา พเจาทง้ั หลายขอปลงบาปกะทานผูเ จริญขาพเจา ทั้งหลายขอปลงบาปกะทา นผูเจรญิ ดงั นี้ และยอ มยงั ไฟใหอิม่ หนาํดวยเนยใส น้ํามัน และเนยขน อนั เพียงพอ และโดยลวงราตรนี ้ันไป ก็

พระสุตตนั ตปฎก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาที่ 380เล้ยี งพราหมณทั้งหลายใหอ ่ิมหนาํ ดว ยขาทนียโภชนียาหารอนั ประณตี ขาแตพระโคดมผเู จรญิ พธิ ปี ลงบาปของพราหมณทั้งหลาย ยอมมีดวยประการอยา งน.ี้ พ. ดูกอ นพราหมณ พธิ ปี ลงบาปของพราหมณท ั้งหลายยอ มมโี ดยประการอยา งอ่ืน สว นพิธปี ลงบาปในวินยั ของพระอรยิ ะยอ มมีโดยประการอยางอนื่ . ชา. ขาแตพระโคดมผเู จริญ พิธีปลงบาปในวนิ ัยของพระอรยิ ะยอมมีอยางไรเลา ขอประทานพระวโรกาส ขอพระโคดมผูเจริญ โปรดทรงแสดงธรรมโดยประการท่เี ปน พธิ ปี ลงบาป ในวินัยของพระอรยิ ะแกขาพระองคด ว ยเถิด. พ. ดูกอนพราหมณ ถา เชน น้ัน ทานจงฟง จงใสใจใหด ี เราจกั กลา ว. ชาณุสโสณีพราหมณท ูลรบั แดพ ระผมู ีพระภาคเจาแลว พระผูมพี ระ-ภาคเจา ไดต รัสวา ดูกอ นพราหมณ อรยิ สาวกในธรรมวินัยน้ี ยอมพิจารณาเหน็ ดงั นวี้ า วบิ ากแหง มจิ ฉาทิฏฐิ เปนสิ่งท่ชี ั่วชา ท้งั ในปจจบุ ันทัง้ ในสมั ปรายภพ อรยิ สาวกนั้นคร้นั พิจารณาเห็นดงั นี้แลว ยอมละมิจฉาทิฏฐยิ อมปลงบาปจากมจิ ฉาทิฏฐิ ยอมพิจารณาเหน็ ดังนีว้ า วบิ ากแหงมจิ ฉาสังกัปปะเปนสง่ิ ท่ชี ว่ั ชาท้ังในปจจบุ นั ท้ังในสมั ปรายภพ คร้นั พจิ ารณาเหน็ ดังน้แี ลวยอ มละมจิ ฉาสงั กปั ปะ ยอมปลงบาปจากมจิ ฉาสงั กปั ปะ ยอ มพจิ ารณาเห็นดังน้วี า วบิ ากแหงมิจฉาวาจา เปนส่งิ ทีช่ ว่ั ชาท้ังในปจ จุบนั ท้งั ในสัมปราย-ภพ คร้นั พิจารณาเหน็ ดงั นี้แลว ยอ มละมจิ ฉาวาจา ยอ มปลงบาปจากมิจฉา-วาจา ยอมพจิ ารณาเห็นดังน้วี า วิบากแหงมิจฉากัมมันตะ เปน สิ่งทช่ี ัว่ ชา

พระสุตตันตปฎก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 381ทง้ั ในปจจบุ นั ทัง้ ในสัมปรายภพ ครัน้ พิจารณาเห็นดังนี้แลว ยอ มละมจิ ฉา-กมั มันตะ ยอมปลงบาปจากมิจฉากัมมันตะ ยอมพิจารณาเห็นดังนวี้ าวบิ ากแหง มจิ ฉาอาชวี ะ เปนสิ่งทีช่ ่ัวชา ทั้งในปจ จุบนั ทั้งในสมั ปรายภพ ครน้ัพิจารณาเห็นดังน้แี ลว ยอมละมจิ ฉาอาชวี ะ ยอมปลงบาปจากมิจฉาอาชวี ะยอมพิจารณาเหน็ ดงั นีว้ า วิบากแหงมจิ ฉาวายามะ เปน สงิ่ ทชี่ ัว่ ชา ทัง้ ในปจจุบนั ทั้งในสัมปรายภพ คร้ันพิจารณาเหน็ ดังน้แี ลว ยอมละมิจฉาวายามะยอ มปลงบาปจากมจิ ฉาวายามะ ยอมพิจารณาเห็นดังนว้ี า วบิ ากแหงมจิ ฉา-สติ เปนสิ่งทช่ี ว่ั ชาทงั้ ในปจ จบุ ันท้งั ในสมั ปรายภพ ครั้นพิจารณาเหน็ ดังน้ีแลว ยอมละมิจฉาสติ ยอ มปลงบาปจากมจิ ฉาสติ ยอมพิจารณาเหน็ ดงั นี้วาวบิ ากแหงมิจฉาสมาธิ เปนส่ิงที่ชัว่ ชา ทั้งในปจ จุบันท้งั ในสัมปรายภพ คร้นัพจิ ารณาเหน็ ดงั นแี้ ลว ยอ มละมจิ ฉาสมาธิ ยอมปลงบาปจากมิจฉาสมาธิยอมพิจารณาเหน็ ดังนี้วา วบิ ากแหง มิจฉาญาณะ เปน ส่ิงที่ช่ัวชาท้งั ในปจ จุบันทั้งในสัมปรายภพ ครัน้ พจิ ารณาเหน็ ดงั นี้แลว ยอ มละมจิ ฉาญาณะยอมปลงบาปจากมิจฉาญาณะ ยอมพิจารณาเห็นดังนีว้ า วิบากแหง มจิ ฉา-วมิ ตุ ติ เปนสงิ่ ท่ีช่วั ชา ท้ังในปจ จบุ ันทัง้ ในสัมปรายภพ คร้ันพิจารณาเห็นดงั น้ีแลว ยอ มมิจฉาวิมตุ ติ ยอ มปลงบาปจากมิจฉาวิมตุ ติ ดูกอนพราหมณ พธิ ปี ลงบาปในวนิ ยั แหง พระอริยะ ยอมมดี ว ยประการอยา งนีแ้ ล. ชาณุสโสณีพราหมณกราบทลู วา ขา แตพระโคดมผูเจริญ พิธีปลงบาปของพราหมณท้ังหลายยอมมีโดยประการอยางอืน่ สวนพิธีปลงบาปในวนิ ัยของพระอรยิ ะ ยอมมโี ดยประการอยางอืน่ ขา แตพระโคดมผเู จรญิก็พิธีปลงบาปของพราหมณท ้งั หลาย ยอ มไมถ งึ เสยี้ วท่ี ๑๖ แหง พิธปี ลงบาป

พระสุตตนั ตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 382ในวินัยแหง พระอริยะน้ี ขาแตพ ระโคดมผูเจรญิ ภาษิตของพระองคแ จมแจงยง่ิ นัก ฯลฯขอพระโคดมผูเจริญ โปรดทรงจําขาพระองควาเปนอบุ าสกผูถึงสรณะตลอดชวี ติ ต้ังแตวันนี้เปน ตน ไป. จบปฐมปจโจโรหณสี ตู รที่ ๗ อรรถกถาปฐมปจ โจโรหณีสตู รที่ ๗ ปฐมปจ โจโรหณสี ตู รที่ ๗ พึงทราบวินิจฉยั ดังตอไปน.ี้ บทวา ปจโฺ จโรหณี ไดแ ก การลอยบาป. บทวา ปตฺถรติ ฺวา ไดแก ลาด. บทวา อนตฺ รา จ เวล อนฺตรา จ อคฺยาคาร ไดแก ระหวา งกองทราย และเรือนไฟ. จบอรรถกถาปฐมปจ โจโรหณสี ูตรที่ ๗ ๘. ทุติยปจ โจโรหณีสูตร วาดวยพิธีปลงบาปของพระอรยิ ะ [๑๒๐] ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย เราจักแสดง พิธีปลงบาปอันเปนอรยิ ะ แกเธอท้ังหลาย เธอทั้งหลายจงฟง พิธปี ลงบาปอนั เปน อรยิ ะน้ัน จงใสใจใหดี เราจักกลา ว ภิกษเุ หลา นัน้ ทลู รับแดพระผมู ีพระภาคเจา แลวพระผมู พี ระภาคเจาไดตรัสวา ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย ก็พธิ ีปลงบาปอันเปนอรยิ ะเปนไฉน ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ยอ มพจิ ารณาเหน็ ดงั นี้วา วบิ ากแหง มจิ ฉาทฏิ ฐแิ ล เปน สิง่ ทีช่ ่ัวชาทง้ั ในปจ จุบนั ทัง้ ในสมั ปรายภพ อรยิ สาวกนน้ั คร้ันพิจารณาเหน็ ดังนแ้ี ลว ยอมละมจิ ฉาทฏิ ฐิยอ มปลงบาปจากมิจฉาทิฏฐิ ยอ มพจิ ารณาเหน็ ดังน้วี า วิบากแหงมจิ ฉา-สงั กัปปะ.... แหงมจิ ฉาวาจา... แหงมจิ ฉากมั มันตะ.... แหงมิจฉาอาชวี ะ...

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 383แหง มิจฉาวายามะ.... แหง มจิ ฉาสติ... แหง มิจฉาสมาธ.ิ .. แหงมจิ ฉาญาณะ...แหงมจิ ฉาวิมตุ ตแิ ล เปน ส่ิงท่ชี ัว่ ชา ทั่งในปจจบุ นั ท้ังในสมั ปรายภพ อรยิ -สาวกน้นั ครนั้ พจิ ารณาเห็นดงั น้แี ลว ยอมละมิจฉาวิมตุ ติ ยอมปลงบาปจากมิจฉาวิมตุ ติ ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย ขอนเี้ รากลา ววา เปน พธิ ีปลงบาปอันเปนอรยิ ะ. จบทตุ ิยปจ โจโรหณีสูตรท่ี ๘ อรรถกถาทุตยิ ปจ โจโรหณสี ตู รที่ ๘ สตู รที่ ๘ ทตุ ิยปจโจโรหณี ทรงแสดงแกภิกษสุ งฆ คําท่เี หลอืทุกแหง มีเน้ือความงายท้งั นั้นแล. จบอรรถกถาทุตยิ ปจโจโรหณสี ตู รท่ี ๘ จบปจโจโรหณีวรรคท่ี ๒ ๙. ปุพพังคสตู ร๑ วาดวยสมั มาทิฏฐเิ ปน นมิ ิตเบอื้ งตน แหง กศุ ลธรรมทง้ั หลาย [๑๒๐] ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย สิ่งทีเ่ รม่ิ ตน เปน นมิ ติ เบือ้ งตนแหงดวงอาทติ ยเมื่อจะอุทัย คอื แสงเงินแสงทอง ฉนั ใด ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลายสิ่งท่เี ร่ิมตน เปนนิมติ เบอ้ื งตน แหง กุศลธรรมท้งั หลาย คอื สมั มาทิฏฐิ ฉันน้นัเหมอื นกนั แล ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย สมั มาสังกปั ปะยอมเพยี งพอแกบุคคลผูมีสัมมาทิฏฐิ สัมมาวาจายอมเพียงพอแกบ ุคคลผูมีสัมมาสงั กัปปะ สมั มา-กมั มนั ตะยอมเพียงพอแกบ คุ คลผูมีสัมมาวาจา สัมมาอาชวี ะยอมเพยี งพอ๑. สูตรที่ ๙ - ๑๐ ไมม อี รรถกถาอธิบาย.

พระสตุ ตนั ตปฎก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 384แกบ คุ คลผมู ีสัมมากมั มันตะ สมั มาวายามะยอมเพยี งพอแกบคุ คลผมู สี มั มา-อาชวี ะ สัมมาสตยิ อมเพยี งพอแกบุคคลผูมีสัมมาวายามะ สมั มาสมาธิยอ มเพียงพอแกบ คุ คลผมู ีสัมมาสติ สมั มาญาณะยอมเพยี งพอแกบ คุ คลผูมีสมั มาสมาธิ สมั มาวมิ ตุ ตยิ อมเพียงพอแกบ คุ คลผูมสี ัมมาญาณะ. จบปุพพังคสูตรท่ี ๙ ๑๐. อาสวสตู ร วาดว ยบคุ คลเจรญิ ธรรม ๑๐ ประการใหม ากยอมสน้ิ อาสวะ [๑๒๒] ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลาย ธรรม ๑๐ ประการนี้ อนั บคุ คลเจริญแลว ทําใหมากแลว ยอมเปนไปเพ่ือความสนิ้ ไปแหงอาสวะท้งั หลายธรรม ๑๐ ประการเปนไฉน คอื สมั มาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สมั มาวาจาสัมมากัมมนั ตะ สมั มาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สมั มาสมาธิสัมมาญาณะ สมั มาวิมตุ ติ ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย ธรรม ๑๐ ประการนีแ้ ลอันบคุ คลเจรญิ แลว ทําใหม ากแลว ยอ มเปน ไปเพื่อความส้ินไปแหงอาสวะทง้ั หลาย. จบอาสวสูตรที่ ๑๐ จบปจโจโรหณวี รรคที่ ๒ รวมพระสตู รท่ีมีในวรรคน้ี คอื ๑. ปฐมอธรรมสูตร ๒. ทตุ ยิ อธรรมสตู ร ๓. ตติยอธรรมสูตร๔. อาชนิ สตู ร ๕.สคารวสูตร ๖. โอริมสูตร ๗. ปฐมปจโจโรหณสี ตู ร๘.ทตุ ิยปจโจโรหณีสูตร ๙.ปุพพังคสูตร ๑๐. อาสวสตู ร.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 385 ปาริสุทธิวรรคที่ ๓ ๑. ปริสทุ ธสิ ูตร วาดวยธรรม ๑๐ ที่เวน จากสุคตวินยั แลว ไมมี [๑๒๓] ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย ธรรม ๑๐ ประการน้ี เปน ธรรมบรสิ ุทธผ์ิ ดุ ผอง เวน จากสุคตวนิ ยั แลวยอมไมมี ธรรม ๑๐ ประการเปน ไฉนคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสงั กปั ปะ สัมมาวาจา สมั มากมั มนั ตะ สมั มาอาชีวะสัมมาวายามะ สมั มาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาญาณะ สมั มาวิมุตติ ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย ธรรม ๑๐ ประการนีแ้ ล เปน ธรรมบรสิ ทุ ธ์ิผดุ ผอง เวนจากสุคตวนิ ยั แลวยอมไมมี. จบปริสทุ ธสิ ตู รที่ ๑ ปาริสุทธวิ รรคที่ ๓ อรรถกถาปริสุทธสิ ูตรที่ ๑ ปาริสุทธวิ รรคท่ี ๓ ปรสิ ทุ ธิสูตรที่ ๑ พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ดงั ตอ ไปน.้ี บทวา ปรสิ ทุ ฺธา ไดแก ไรม ลทนิ . บทวา ปรโิ ยทาตา ไดแ กประภัสสร เปน แดนซานแหงรศั ม.ี จบอรรถกถาปริสทุ ธสิ ูตรที่ ๑ ๒. อปุ ปนนสูตร วา ดวยธรรม ๑๐ ทเ่ี วน จากสุคตวนิ ยั แลวยอ มไมเ กดิ ขนึ้ [๑๒๔] ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย ธรรมทัง้ หลาย ๑๐ ประการนี้ ทีย่ ัง

พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาที่ 386ไมเกิดขึ้น เวนจากสคุ ตวินัยแลว ยอมไมเ กิดขน้ึ ธรรม ๑๐ ประการเปนไฉน คือ สัมมาทฏิ ฐิ ฯลฯ สัมมาวิมุตติ ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย ธรรม ๑๐ประการนแ้ี ล ท่ียังไมเกดิ ยอ มเกิดขนึ้ เวน จากสคุ ตวินยั แลวยอมไมเกดิ ข้ึน. จบอุปปน นสูตรที่ ๒ อรรถกถาอปุ ปน นสตู รท่ี ๒ เปนตน สตู รที่ ๒ เปนตน มเี น้ือความงา ยท้ังนั้นแล. จบอรรถกถาอปุ ปน นสตู รท่ี ๒ เปนตน จบอรรถกถาปาริสุทธิวรรคท่ี ๓ ๓. มหัปผลสูตร๑ วาดวยธรรม ๑๐ ทีม่ ผี ลมากมอี านิสงสมาก เวนจากสุคตวินยั แลวไมมี [๑๒๕] ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย ธรรม ๑๐ ประการน้ี เปน ธรรมมีผลมากมอี านสิ งสม าก เวน จากสุคตวนิ ัยแลวยอมไมม ี ธรรม ๑๐ ประการเปน ไฉน คือ สัมมาทฏิ ฐิ ฯลฯ สัมมาวิมุตติ ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย ธรรม๑๐ ประการน้แี ล เปน ธรรมมผี ลมาก มีอานิสงสมาก เวนสคุ ตวนิ ัยแลวยอมไมม.ี จบมหปั ผลสตู รท่ี ๓ ๔. ปรโิ ยสานสูตรวา ดวยธรรม ๑๐ ประการทีก่ าํ จดั ราคะ โทสะ โมหะ เปนทสี่ ดุ [๑๒๖] ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการน้ี เปน ธรรมมี๑. สูตรท่ี ๓ - ๑๑ ไมมอี รรถกถาอธิบาย.

พระสุตตนั ตปฎก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 387การกาํ จัดราคะเปน ท่ีสุด มีการกําจดั โทสะเปน ทส่ี ุด มีการกําจัดโมหะเปนทสี่ ดุ เวน จากสคุ ตวินยั แลวยอมไมมี ธรรม ๑๐ ประการเปนไฉนคือ สมั มาทฏิ ฐิ ฯลฯ สมั มาวิมตุ ติ ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย ธรรม ๑๐ประการนี้แล เปน ธรรมมกี ารกําจดั ราคะเปน ท่สี ุด มีการกําจัดโทสะเปนทีส่ ดุ มีการกาํ จดั โมหะเปนทสี่ ุด นอกจากสคุ ตวินัยแลวยอ มไมม .ี จบปริโยสานสตู รท่ี ๔ ๕. เอกันตสตู ร วาดว ยธรรม ๑๐ ประการเปน ไปเพอ่ื ความตรัสรู [๑๒๗] ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการนี้ ยอ มเปนไปเพ่ือความเบือ่ หนา ยโดยสว นเดยี ว เพ่ือความคลายกําหนัด เพ่ือความดับเพอ่ื ควานสงบ เพอ่ื ความรยู งิ่ เพ่ือตรสั รู เพ่ือนิพพาน เวนจากสคุ ติวนิ ัยแลว ยอมไมมี ธรรม ๑๐ ประการเปน ไฉน คือ สมั มาทิฏฐิ ฯลฯสัมมาวมิ ตุ ติ ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย ธรรม ๑๐ ประการน้ีแล ยอมเปน ไปเพ่อื ความเบอื่ หนา ยโดยสว นเดียว เพ่อื ความคลายกาํ หนัด เพอ่ื ความดับเพ่อื ความสงบ เพ่ือความรยู ิง่ เพอ่ื ตรัสรู เพอื่ นิพพาน เวน จากสุคต-วินยั แลวยอ มไมมี. จบเอกนั ตสูตรท่ี ๕ ๖. ปฐมภาวิตสูตร วา ดว ยธรรม ๑๐ ประการ ท่ีบุคคลเจริญทําใหม ากแลว ท่ยี งั ไมเ กดิ ยอ มเกดิ ขึ้น [๑๒๘] ดกู อนภิกษุทัง้ หลาย ธรรม ๑๐ ประการน้ี อนั บุคคล

พระสุตตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 388เจรญิ แลว ทําใหม ากแลว ทย่ี งั ไมเ กิดยอมเกดิ ข้นึ เวน จากสคุ ตวินัยแลวยอมไมมี ธรรม ๑๐ ประการเปน ไฉน คอื สมั มาทฏิ ฐิ ฯลฯ สัมมาวิมตุ ติดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย ธรรม ๑๐ ประการนี้แล อนั บุคคลเจริญแลว ทาํใหม ากแลว ทีย่ งั ไมเกดิ ยอมเกดิ ขึน้ เวน จากสคุ ตวินยั แลวยอมไมมี. จบปฐมภาวิตสูตรท่ี ๖ ๗. ทุติยภาวิตสตู ร วา ดวยธรรม ๑๐ ท่ีมผี ลมากมอี านิสงสม าก [๑๒๙] ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย ธรรม ๑๐ ประการน้ี อันบุคคลเจรญิ แลว ทาํ ใหมากแลว ยอ มเปนธรรมมีผลมาก เวน จากสุคตวินัยแลวยอมไมม ี ธรรม ๑๐ ประการเปน ไฉน คอื สัมมาทฏิ ฐฯิ ลฯ สมั มาวิมตุ ติดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย ธรรม ๑๐ ประการนี้แล อนั บุคคลเจริญแลว ทาํใหม ากแลว ยอ มเปนธรรมมผี ลมาก มอี านิสงสมาก เวนจากสุคตวนิ ยัแลวยอ มไมมี. จบทุตยิ ภาวิตสตู รท่ี ๗ ๘. ตตยิ ภาวิตสูตร วาดว ยธรรม ๑๐ ประการท่ีบุคคลเจรญิ แลว กําจัดราคะ โทสะ โมหะได [๑๓๐] ดูกอนภกิ ษุทัง้ หลาย ธรรม ๑๐ ประการน้ี อันบุคคลเจริญแลว ทาํ ใหมากแลว ยอ มเปนธรรมมีการกําจัดราคะเปน ทส่ี ุด มีการกําจัด โทสะเปน ทสี่ ดุ มกี ารกําจดั โมหะเปนที่สดุ เวน จากสุคตวนิ ัยแลวยอมไมม ี ธรรม ๑๐ ประการเปนไฉน คอื สมั มาทฏิ ฐิ ฯลฯ สมั มาวมิ ุตติดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการเปน ไฉน คอื สัมมาทฏิ ฐิ ฯลฯ

พระสุตตันตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 389สัมมาวิมุตติ ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการนแ้ี ล อนั บุคคลเจริญแลว ทําใหม ากแลว ยอ มเปน ธรรมมีการกาํ จดั ราคะเปนท่ีสดุ มีการกาํ จัดโทสะเปนที่สุด มีการกาํ จัดโมหะเปนทีส่ ดุ เวนจากสคุ ตวินยั แลวยอมไมม .ี จบตตยิ ภาวิตสูตรที่ ๘ ๙. จตตุ ถภาวติ สูตร วาดวยธรรม ๑๐ ประการ ทบ่ี คุ คลเจริญแลวเปน ไปเพ่ือตรสั รู [๑๓๑] ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย ธรรม ๑๐ ประการนี้ อนั บุคคลเจริญแลว ทาํ ใหม ากแลว ยอมเปนไปเพอื่ ความเบื่อหนายโดยสว นเดยี วเพือ่ ความคลายกําหนดั เพ่ือความดับ เพอ่ื ความสงบ เพอ่ื ความรยู ิง่เพือ่ ตรัสรู เพือ่ นิพพาน เวนจากสคุ ตวินยั แลว ยอ มไมม ี ธรรม ๑๐ประการเปนไฉน คอื สัมมาทฏิ ฐิ ฯลฯ สัมมาวิมตุ ติ ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลายธรรม ๑๐ ประการน้แี ล อันบุคคลเจริญแลว ทาํ ใหม ากแลว ยอมเปนไปเพอื่ ความเบอ่ื หนายโดยสว นเดยี ว เพ่อื ความคลายกําหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพ่ือความรยู ง่ิ เพื่อตรัสรู เพ่ือนพิ พาน เวน จากสุคตวนิ ัยแลวยอมไมมี. จบจตุตถภาวติ สตู รที่ ๙ ๑๐. มจิ ฉตั ตสูตร วาดว ยมิจฉตั ตธรรม ๑๐ ประการ [๑๓๒] ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย มิจฉัตตะ (ความผิด) ๑๐ ประการน้ี๑๐ ประการเปนไฉน คือ มจิ ฉาทฏิ ฐิ ๑ มิจฉาสังกปั ปะ ๑ มจิ ฉาวาจา ๑

พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 390มจิ ฉากมั มนั ตะ ๑ มจิ ฉาอาชวี ะ ๑ มจิ ฉาวายามะ ๑ มิจฉาสติ ๑ มจิ ฉา-สมาธิ ๑ มิจฉาญาณะ ๑ มิจฉาวิมุตติ ๑ ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย มิจฉัตตะ๑๐ ประการน้ีแล. จบมจิ ฉตั ตสตู รท่ี ๑๐ ๑๑. สัมมตั ตสูตร วา ดวยสัมมตั ตธรรม ๑๐ ประการ [๑๓๓] ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย สัมมตั ตะ (ความเปน ชอบ) ๑๐ประการนี้ ๑๐ ประการเปน ไฉน คือ สัมมาทฏิ ฐิ ๑ สมั มาสงั กปั ปะ ๑สัมมาวาจา ๑ สัมมากมั มนั ตะ ๑ สัมมาอาชีวะ ๑ สัมมาวายามะ ๑ สัมมา-สติ ๑ สัมมาสมาธิ ๑ สัมมาญาณะ ๑ สัมมาวิมุตติ ๑ ดกู อนภิกษทุ ้งั หลายสัมมัตตะ ๑๐ ประการนีแ้ ล. จบสมั มตั ตสูตรที่ ๑๑ จบปารสิ ทุ ธิวรรคท่ี ๓ รวมพระสูตรทมี่ ใี นวรรคนี้ ๑. ปริสทุ ธิสตู ร ๒. อปุ ปน นสูตร ๓. มหปั ผลสูตร ๔. ปริโย-สานสูตร ๕. เอกันตสูตร ๖. ปฐมภาวิตสตู ร ๗. ทุติยภาวิตสูตร๘. ตตยิ ภาวิตสตู ร ๙. จตตุ ถภาวติ สตู ร ๑๐. มจิ ฉัตตสูตร ๑๑. สมั มัตต-สูตร.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 391 สาธุวรรคท่ี ๔ ๑. สาธสุ ตู ร วา ดวยส่ิงดีและไมดี [๑๓๔] ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย เราจกั แสดงส่ิงทดี่ แี ละสง่ิ ที่ไมดี แกเธอทัง้ หลาย เธอท้งั หลายจงพึง จงใสใจใหดี เราจกั กลา ว ภกิ ษุเหลา นัน้ทลู รับพระผมู พี ระภาคเจา แลว พระผูมีพระภาคเจา ไดต รสั วา ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย กส็ งิ่ ทไี่ มดีเปน ไฉน มจิ ฉาทฏิ ฐิ ความเห็นผดิ มจิ ฉาสงั กปั ปะความดําริผดิ มิจฉาวาจา เจรจาผิด มิจฉากมั มันตะ การงานผดิ มจิ ฉา-อาชวี ะ เล้ยี งชพี ผดิ มจิ ฉาวายามะ ความพยายามผิ มิจฉาสติ ระลกึ ผดิมิจฉาสมาธิ ต้งั ใจผิด มจิ ฉาญาณะ รผู ดิ มจิ ฉาวิมตุ ติ ความหลดุ พน ผดิน้เี รยี กวา สิ่งทไ่ี มดี ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย สิ่งท่ีดเี ปน ไฉน สมั มาทฏิ ฐิความเหน็ ชอบ สมั มาสงั กัปปะ ความดาํ รชิ อบ สมั มาวาจา เจรจาชอบสัมมากัมมนั ตะ การงานชอบ สมั มาอาชีวะ เลี้ยงชพี ชอบ สัมมาวายามะความเพียรชอบ สมั มาสติ ระลกึ ชอบ สมั มาสมาธิ ต้ังใจชอบ สัมมา-ญาณะ ความรูชอบ สมั มาวมิ ุตติ ความหลุดพน ชอบ นีเ้ รยี กวาสงิ ที่ดี. จบสาธุสูตรที่ ๑ สาธวุ รรคที่ ๔ อรรถกถาสาธสุ ูตรท่ี ๑ วรรคที่ ๔ สาธสุ ูตรท่ี ๑ บทวา สาธุ ไดแ ก เจริญ สละสลวย. จบอรรถกถาสาธุสูตรที่ ๑

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 392 ๒. อรยิ ธรรมสูตร วาดว ยอรยิ ธรรมและอนรยิ ธรรม [๑๓๕] ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย เราจักแสดง อริยธรรม และ อนรยิ -ธรรม แกเธอทง้ั หลาย เธอทั้งหลายจงฟง จงใสใ จใหดี เราจักกลา วภกิ ษเุ หลา นัน้ ทลู รับพระผูม ีพระภาคเจา แลว พระผมู พี ระภาคเจาไดต รัสวาดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย กอ็ นรยิ ธรรมเปนไฉน มิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ มิจฉา-วิมุตติ น้ีเรียกวาอนรยิ ธรรม ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย กอ็ รยิ ธรรมเปนไฉนสมั มาทฏิ ฐิ ฯลฯ สัมมาวิมุตติ นี้เรียกวา อริยธรรม. จบอรยิ ธรรมสตู รที่ ๒ อรรถกถาอริยธรรมสตู รที่ ๒ เปนตน สูตรท่ี ๒ เปนตน มีเนอ้ื ความงายเหมอื นกนั แล. จบอรรถกถาสาธวุ รรคที่ ๔ ๓. กุสลสตู ร วาดวยอกศุ ลธรรมและอกศุ ลธรรม [๑๓๖] ดูกอนภิกษุท้ังหลาย เราจักแสดงกศุ ลธรรมและอกศุ ล-ธรรม แกเธอท้ังหลาย เธอทั้งหลายจงพึง จงใสใจใหด ี เราจักกลา วภกิ ษเุ หลานน้ั ทูลรับพระผมู พี ระภาคเจา แลว พระผูมพี ระภาคเจา ไดต รสั วาดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย กอกุศลธรรมเปนไฉน มิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ มจิ ฉา-วิมุตติ นีเ้ รียกวาอกศุ ลธรรม ดูกอ นภิกษุท้ังหลาย ก็กุศลธรรมเปนไฉนสัมมาทฏิ ฐิ ฯลฯ สัมมาวมิ ุตติ นี้เรียกวา กุศลธรรม. จบกุสลสูตรท่ี ๓

พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 393 ๔. อรรถสูตร วาดว ยประโยชนและส่ิงไมเปน ประโยชน [๑๓๗] ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย เราจักแสดงประโยชนแ ละสิง่ ไมเปนประโยชนแกเ ธอท้งั หลาย เธอทง้ั หลายจงฟง จงใสใจใหดี เราจกั กลา วภกิ ษเุ หลา นั้นทลู รบั พระผูมีพระภาคเจาแลว พระผูมพี ระภาคเจาไดต รสั วาดูกอนภิกษทุ ัง้ หลาย กส็ ่งิ ไมเปนประโยชนเปน ไฉน มจิ ฉาทิฏฐิ ฯลฯมิจฉาวมิ ตุ ติ นเี้ รียกวา สิ่งไมเปน ประโยชน ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย ก็ประโยชนเปน ไฉน สมั มาทฏิ ฐิ ฯลฯ สัมมาวิมตุ ติ น้เี รยี กวาประโยชน. จบอรรถสูตรท่ี ๔ ๕. ธรรมสตู ร วาดวยธรรมและอธรรม [๑๓๘] ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย เราจักแสดงธรรมและอธรรม แกเธอทั้งหลาย เธอทัง้ หลายจงฟง จงใสใจใหด ี เราจกั กลาว ภิกษเุ หลา น้นัทูลรับพระผูม พี ระภาคเจา แลว พระผมู ีพระภาคเจาไดตรสั วา ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย ก็อธรรมเปนไฉน มจิ ฉาทิฏฐิ ฯลฯ มจิ ฉาวิมุตติ นีเ้ รียกวาอธรรม ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ก็ธรรมเปนไฉน สัมมาทฏิ ฐิ ฯลฯสัมมาวิมุตติ นีเ้ รียกวาธรรม. จบธรรมสูตรท่ี ๕ ๖. อาสวธรรมสตู ร วา ดวยธรรมทมี่ ีอาสวะและไมมอี าสวะ [๑๓๙] ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย เราจกั แสดงธรรมทม่ี ีอาสวะ และ

พระสุตตันตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 394ธรรมที่ไมมีอาสวะแกเ ธอท้ังหลาย เธอทง้ั หลายจงพึง จงใสใจใหดี เราจกั กลา ว ภิกษเุ หลา น้ันทลู รับพระผมู พี ระภาคเจาแลว พระผมู พี ระภาคเจาไดต รสั วา ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย กธ็ รรมที่มอี าสวะเปนไฉน มิจฉาทิฏฐิฯลฯ มจิ ฉาวิมุตติ น้ีเรยี กวาธรรมทม่ี อี าสวะ ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย ก็ธรรมท่ไี มมอี าสวะเปน ไฉน สัมมาทฏิ ฐิ ฯลฯ สัมมาวมิ ุตติ นเี้ รยี กวาธรรมที่ไมม ีอาสวะ. จบอาสวธรรมสูตรท่ี ๖ ๗. สาวัชชธรรมสูตร วาดวยธรรมท่ีมโี ทษและไมมโี ทษ [๑๔๐] ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย เราจกั แสดงธรรมท่มี ีโทษและธรรมทีไ่ มมีโทษแกเ ธอทงั้ หลาย เธอท้งั หลายจงฟง จงใสใจใหดเี ราจกั กลา วภกิ ษุเหลา นั้นทูลรบั พระผูม ีพระภาคเจาแลว พระผมู ีพระภาคเจา ไดต รสั วาดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย กธ็ รรมท่ีมีโทษเปน ไฉน มจิ ฉาทิฏฐิ ฯลฯ มิจฉา-วิมุตติ นี้เรยี กวา ธรรมทีม่ โี ทษ ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย ก็ธรรมท่ีไมม โี ทษเปนไฉน สัมมาทฏิ ฐิ ฯลฯ สมั มาวมิ ตุ ติ น้เี รยี กวา ธรรมท่ไี มม ีโทษ. จบสาวัชชธรรมสูตรที่ ๗ ๘. ตปนยิ ธรรมสูตร วา ดว ยธรรมเปนที่ต้งั แหงความเรา รอ นและไมเ รารอน [๑๔๑] ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย เราจกั แสดงธรรมอนั เปนทีต่ ้ังแหงความเรารอน และธรรมอันไมเ ปนทตี่ ง้ั แหง ความเรารอน แกเธอทัง้ หลาย

พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 395เธอทง้ั หลายจงฟง จงใสใจใหดี เราจกั กลา ว ภิกษุเหลานนั้ ทลู รับพระ-ผูมีพระภาคเจา แลว พระผูมีพระภาคเจาไดตรสั วา ดกู อ นภิกษุทง้ั หลายกธ็ รรมอนั เปน ที่ตั้งแหง ความเรารอ นเปนไฉน มิจฉาทฏิ ฐิ ฯลฯ มจิ ฉา-วิมุตติ นเี้ รียกวา ธรรมอนั เปนที่ตั้งแหงความเรา รอ น ดกู อ นภิกษุทั้งหลายกธ็ รรมอนั ไมเ ปนทต่ี ง้ั แหง ความเรารอ นเปนไฉน สมั มาทิฏฐิ ฯลฯสมั มาวมิ ตุ ติ น้ีเรียกวาธรรมอันไมเ ปน ทีต่ ั้งแหง ความเรารอน. จบตปนยิ ธรรมสตู รที่ ๘ ๙. อาจยคามิธรรมสูตร วาดว ยธรรมท่เี ปน ไปเพ่ือสั่งสมกเิ ลสและไมส ั่งสมกเิ ลส [๑๔๒] ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย เราจกั แสดงธรรมอันเปนไปเพอื่สัง่ สมกเิ ลส และธรรมอนั ไมเปนไปเพือ่ สั่งสมกิเลส แกเ ธอทง้ั หลาย เธอทง้ั หลายจงฟง จงใสใจใหดี เราจักกลาว ภิกษเุ หลาน้นั ทูลรบั พระผูมีพระภาคเจา แลว พระผมู พี ระภาคเจาไดตรัสวา ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย ก็ธรรมอันเปน ไปเพ่ือสั่งสมกเิ ลสเปน ไฉน มิจฉาทฏิ ฐิ ฯลฯ มิจฉาวมิ ตุ ตินเ้ี รยี กวาธรรมอันเปน ไปเพอ่ื สั่งสมกเิ ลส ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย กธ็ รรมอนั ไมเปน ไปเพื่อสั่งสมกเิ ลสเปนไฉน สมั มาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาวิมตุ ติ นี้เรยี กวา ธรรมอนั ไมเ ปนไปเพื่อสง่ั สมกิเลส. จบอาจยคามิธรรมสตู รที่ ๙ ๑๐. ทกุ ขุทรยธรรมสูตร วาดว ยธรรมทม่ี ที กุ ขแ ละสุขเปนกาํ ไร [๑๔๓] ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย เราจกั แสดงธรรมมีทุกขเ ปนกําไร

พระสุตตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 396และธรรมมีสุขเปน กาํ ไรแกเ ธอท้งั หลาย เธอทัง้ หลายจงฟง จงใสใจใหด ีเราจักกลาว ภิกษุเหลาน้ันทูลรบั พระผมู พี ระภาคเจาแลว พระผมู พี ระภาคเจา ไดตรัสวา ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย ก็ธรรมมที ุกขเ ปนกาํ ไรเปนไฉนมจิ ฉาทิฏฐิ ฯลฯ มิจฉาวิมุตติ นเ้ี รียกวาธรรมมที กุ ขเ ปนกําไร ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย กธ็ รรมมีสุขเปน กําไรเปน ไฉน สัมมาทฏิ ฐิ ฯลฯ สัมมาวมิ ตุ ติ นเ้ี รยี กธรรมมีสุขเปน กําไร. จบทุกขทุ รยธรรมสูตรที่ ๑๐ ๑๑. ทุกขวปิ ากธรรมสูตร วา ดว ยธรรมทม่ี ที ุกขแ ละสุขเปน วบิ าก [๑๔๔] ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย เราจกั แสดงธรรมมีทุกขเปน วิบากและธรรมมีสุขเปนวบิ ากแกเธอทัง้ หลาย เธอท้งั หลายจงฟง จงใสใ จใหด ีเราจกั กลาว ภกิ ษเุ หลา นั้นทลู รับพระผูมพี ระภาคเจาแลว พระผมู พี ระ-ภาคเจา ไดตรัสวา ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ธรรมมที กุ ขเ ปน วิบากเปน ไฉนมิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ มิจฉาวิมตุ ติ น้ีเรยี กวา ธรรมมีทุกขเ ปนวบิ าก ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย กธ็ รรมมสี ขุ เปนวิบากเปน ไฉน สมั มาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาวิมุตติ นเ้ี รียกวาธรรมมสี ขุ เปนวิบาก. จบทุกขวิปากธรรมสตู รที่ ๑๑ จบสาธุวรรคท่ี ๔

พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 397 รวมพระสตู รที่มใี นวรรคน้ี คือ ๑. สาธุสตู ร ๒. อรยิ ธรรมสูตร ๓. กสุ ลสูตร ๔. อรรถสตู ร๕. ธรรมสูตร ๖. อาสวธรรมสตู ร ๗. สาวชั ชธรรมสูตร ๘. ตปนยิ -ธรรมสูตร ๙. อาจยคามิธรรมสตู ร ๑๐. ทุกขทุ รยธรรมสูตร ๑๑. ทกุ ข-วปิ ากธรรมสูตร.

พระสุตตนั ตปฎก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 398 อริยมรรควรรคที่ ๕ ๑. อรยิ มรรคสตู ร วา ดว ยธรรมทเ่ี ปน อริยมรรคและไมเปน อรยิ มรรค [๑๔๕] ดูกอนภิกษุท้ังหลาย เราจักแสดงธรรมทีเ่ ปน อริยมรรคและธรรมทมี่ ิใชอรยิ มรรคแกเธอท้ังหลาย เธอทั้งหลายจงฟง จงใสใ จใหด ีเราจักกลา ว ภิกษเุ หลา น้ันทลู รบั พระผูมีพระภาคเจา แลว พระผมู พี ระ-ภาคเจา ไดตรสั วา ดกู อนภิกษุท้ังหลาย กธ็ รรมท่ีมใิ ชอ ริยมรรคเปนไฉนมิจฉาทิฏฐิ ฯล ฯ มิจฉาวมิ ุตติ น้เี รยี กวาธรรมท่มี ใิ ชอริยมรรค ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย กธ็ รรมทเ่ี ปนอริยมรรคเปน ไฉน สัมมาทิฏฐิ ฯลฯสัมมาวิมตุ ติ น้ีเรยี กวา ธรรมทีเ่ ปนอรยิ มรรค. จบอรยิ มรรคสตู รที่ ๑ ๒. กณั หมรรคสูตร วาดวยธรรมทเ่ี ปนมรรคดาํ และมรรคขาว [๑๔๖] ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย เราจักแสดงธรรมท่เี ปน มรรคาดําและธรรมทเี่ ปนบรรดาชาวแกเธอท้ังหลาย เธอทงั้ หลายจงฟง จงใสใจใหด ีเราจกั กลาว ภิกษุเหลา น้ันทูลรบั พระผมู พี ระภาคเจา แลว พระผทู ่ีพระ-ภาคเจา ไดตรัสวา ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย ธรรมท่เี ปน มรรคาดาํ เปนไฉนมจิ ฉาทิฏฐิ ฯลฯ มจิ ฉาวมิ ตุ ติ นีเ้ รยี กวาธรรมทเี่ ปนมรรคาดาํ ดูกอนภิกษทุ ัง้ หลาย กธ็ รรมทเ่ี ปน มรรคาขาวเปนไฉน สมั มาทิฏฐิ ฯลฯสมั มาวิมุตติ นเี้ รียกวา ธรรมทเี่ ปน บรรดาขาว. จบกัณหมรรคสูตรท่ี ๒

พระสุตตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 399 ๓. สทั ธรรมสูตร วา ดวยสัทธรรมและอสทั ธรรม [๑๔๗] ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย เราจักแสดงสทั ธรรมและอสทั ธรรมแกเธอทัง้ หลาย เธอทัง้ หลายจงฟง จงใสใ จใหดี เราจกั กลา ว ภิกษุเหลา นั้นทลู รบั พระผมู พี ระภาคเจา แลว พระผมู พี ระภาคเจาไดตรสั วา ดู-กอนภกิ ษุทัง้ หลาย กอ็ สทั ธรรมเปนไฉน มิจฉาทฏิ ฐิ ฯ ลฯ มจิ ฉาวมิ ุตตินี้เรยี กวา อสทั ธรรม ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย กส็ ทั ธรรมเปนไฉน สัมมา-ทฏิ ฐิ ฯล ฯ สัมมาวิมุตติ นีเ้ รยี กวาสทั ธรรม. จบสัทธรรมสตู รที่ ๓ ๔. สปั ปุริสธรรมสตู ร วา ดว ยสัปปุรสิ ธรรมและอสปั ปรุ สิ ธรรม [๑๔๘] ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย เราจกั แสดงสัปปุรสิ ธรรมและอสัป-ปรุ ิสธรรมแกเธอทงั้ หลาย เธอท้งั หลายจงฟง จงใสใ จใหดี เราจักกลาวภกิ ษเุ หลา นั้นทูลรับพระผูมพี ระภาคเจาแลว พระผมู พี ระภาคเจา ไดตรัสวาดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย ก็อสปั ปุรสิ ธรรมเปนไฉน มจิ ฉาทฏิ ฐิ ฯลฯ มจิ ฉาวิมตุ ติน้ีเรียกวา อสปั ปุริสธรรม ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย กส็ ัปปุรสิ ธรรมเปน ไฉนสัมมาทฏิ ฐิ ฯลฯ สมั มาวิมตุ ติ น้เี รยี กวาสัปปุรสิ ธรรม จบสปั ปุรสิ ธรรมสตู รที่ ๔ ๕. อุปปาเทตัพพธรรมสูตร วา ดว ยธรรมท่ีควรใหเกดิ ข้ึนและธรรมที่ไมควรใหเ กดิ ขึน้ [๑๔๙] ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย เราจกั แสดงธรรมทคี่ วรใหเ กิดข้ึน

พระสุตตนั ตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 400และธรรมทไี่ มค วรใหเกดิ ขึ้นแกเ ธอท้งั หลาย เธอท้งั หลายจงฟง จงใสใ จใหด ีเราจกั กลา ว ภกิ ษุเหลา นัน้ ทูลรบั พระผูม พี ระภาคเจาแลว พระผูม ีพระภาคเจา ไดตรัสวา ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย กธ็ รรมท่ีไมค วรใหเกิดขึ้นเปน ไฉนมิจฉาทิฏฐิ ฯล ฯ มจิ ฉาวมิ ุตติ น้เี รยี กวาธรรมท่ไี มค วรใหเกิดขึน้ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย กธ็ รรมทีค่ วรใหเกิดข้นึ เปนไฉน สัมมาทฏิ ฐิ ฯลฯสมั มาวิมตุ ติ น้ีเรยี กวา ธรรมทีค่ วรใหเ กิดข้นึ . จบอปุ ปาเทตัพพธรรมสตู รท่ี ๕ ๖. อาเสวติ ัพพธรรมสตู ร วาดวยธรรมท่ีควรเสพและธรรมท่ีไมควรเสพ [๑๕๐] ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย เราจกั แสดงธรรมที่ควรเสพและธรรมท่ไี มควรเสพแกเธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงพงึ จงใสใ จใหดีเราจักกลาว ภิกษเุ หลาน้นั ทลู รับพระผูมพี ระภาคเจา แลว พระผูมพี ระ-ภาคเจา ไดตรัสวา ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย กธ็ รรมทีไ่ มควรเสพเปน ไฉนมจิ ฉาทฏิ ฐิ ฯลฯ มิจฉาวมิ ตุ ติ น้ีเรยี กวา ธรรมที่ไมค วรเสพ ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย กธ็ รรมท่คี วรเสพเปน ไฉน สมั มาทฏิ ฐิ ฯลฯ สัมมาวิมตุ ตินเี้ รียกวา ธรรมท่ีควรเสพ. จบอาเสวติ ัพพธรรมสตู รท่ี ๖ ๗. ภาเวตพั พธรรมสตู ร วาดว ยธรรมทีค่ วรเจริญและธรรมที่ไมค วรเจริญ [๑๕๑] ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลา เราจกั แสดงธรรมทีค่ วรใหเจรญิและธรรมท่ีไมควรใหเ จริญแกเธอท้ังหลาย เธอทัง้ หลายจงฟง จงใสใ จ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook