พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 51 ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย กภ็ กิ ษุเปนผูมีปจเจกสจั จะบรรเทาแลว อยา งไรปจเจกสจั จะเปน อนั มาก เหลา ใดเหลาหนึ่งของสมณพราหมณเ ปน อันมากคือ สัจจะวาโลกเที่ยงบา ง โลกไมเที่ยงบา ง โลกมีท่สี ดุ บาง โลกไมม ีทส่ี ดุ บาง ชีพก็อนั นั้น สรีระก็อนั นัน้ บาง ชีพเปนอ่นื สรีระเปน อน่ื บางสตั วเ ม่ือตายไปยอมเปนอกี บา ง สตั วเมื่อตายไปยอ มไมเปนอกี มา สัตวเมอื่ ตายไปยอมเปน อีกก็มี ยอมไมเ ปนอกี ก็มบี าง สตั วเ มือ่ ตายไปยอ มเปนอีกกห็ ามิได ยอ มไมเปนอีกก็หามไิ ดบาง สจั จะเหลา นัน้ ทั้งหมดเปน ของอนั ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั นบ้ี รรเทาไดแลว กาํ จัดออกแลว สละไดแลว คลายไดแ ลว พน ไดแ ลว ละไดแ ลว สลดั ไดเ ฉพาะแลวดกู อนภิกษุทั้งหลาย ภกิ ษเุ ปน ผมู ีปจ เจกสัจจะอันบรรเทาไดแ ลว อยา งน้แี ล. ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย ก็ภิกษุเปน ผมู ีการแสวงหาอันสละไดแ ลว ดว ยดีอยางไร ภกิ ษุในธรรมวนิ ยั น้ี เปน ผูละการแสวงหากามไดแลว เปน ผูละการแสวงหาภพไดแ ลว เปน ผสู งบระงบั การแสวงหาพรหมจรรยไดแลวดูกอ นภิกษุทั้งหลาย ภิกษเุ ปน ผมู กี ารแสวงหาอนั สละไดแลว ดวยดีอยา งน้แี ล. ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย กภ็ ิกษเุ ปนผมู ีความดํารไิ มข ุนมวั อยา งไร ภิกษุในธรรมวินัยน้ี เปน ผลู ะความดํารใิ นกามไดแ ลว เปนผูล ะความดาํ ริในพยาบาทไดแ ลว เปนผูละความดาํ รใิ นวหิ งิ สาไดแลว ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลายภกิ ษเุ ปน ผมู คี วามดาํ ริไมข นุ มวั อยา งน้ีแล. ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย ก็ภิกษุเปน ผูม ีกายสังขารสงบระงับแลว อยางไรภิกษุในธรรมวนิ ัยน้ี บรรลุจตตุ ถฌาน ไมมที กุ ข ไมมสี ขุ เพราะละสขุ
พระสตุ ตนั ตปฎก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 52ละทุกขแ ละดับโสมนัสโทมนสั กอน ๆ ได มีอเุ บกขาเปนเหตใุ หสติบรสิ ุทธ์ิอยู ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย ภกิ ษุเปนผมู ีกายสังขารอนั สงบระงับ แลว อยางน้ีแล. ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย ก็ภกิ ษุเปน ผูม ีจติ อนั หลดุ พน แลว ดว ยดีอยางไรจิตของภิกษใุ นธรรมวนิ ัยน้ี เปนธรรมชาตหิ ลุดพน แลว จากราคะ หลดุพน แลว จากโทสะ หลุดพน แลวจากโมหะ ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย ภิกษุเปน ผมู ีจติ อันหลุดพน แลว ดวยดี อยางนีแ้ ล. ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย กภ็ กิ ษเุ ปน ผมู ีปญญาหลุดพน แลว ดว ยดอี ยางไรภกิ ษใุ นธรรมวินัยน้ี ยอมรูชัดวา ราคะเราละไดแ ลว ตดั รากไดขาดแลวทาํ ใหเปน เหมือนตาลยอดดว น ทําใหไมมี มอี นั ไมเกดิ ขน้ึ อีกตอ ไปเปนธรรมดา ยอ มรชู ดั วา โทสะเราละไดแลว ฯ ลฯ ยอ มรูช ดั วา โมหะเราละไดแลว ตดั รากไดข าดแลว ทําใหเ ปน เหมือนตาลยอดดว น ทําใหไ มมีมีอนั ไมเกิดอกี ตอไปเปนธรรมดา ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย ภิกษเุ ปน ผูมีปญ ญาอันหลดุ พน แลว ดว ยดี อยา งนีแ้ ล. ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย กพ็ ระอรยิ เจาเหลา ใดเหลาหน่ึงในอดตี กาลอยูอาศัยแลว ซ่งึ ธรรมเปนท่ีอยขู องพระอรยิ เจา ๑๐ ประการเหลา น้ีเทยี ว พระ-อรยิ เจา เหลา ใดเหลา หนง่ึ ในอนาคตกาล จักอยูอ าศัยซึง่ ธรรมเปน ท่ีอยขู องพระอริยเจา ๑๐ ประการเหลา น้นั เทยี ว พระอริยเจาเหลาใดเหลาหน่ึงในปจจบุ นั นี้ อยอู าศัยซง่ึ ธรรมเปน ทอ่ี ยขู องพระอรยิ เจา พระอริยเจาเหลา น้ันทง้ั หมด ยอมอยูอาศยั ซงึ่ ธรรมเปนทีอ่ ยูของพระอริยเจา ๑๐ ประการเหลา นเ้ี ทยี ว ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย ธรรมเปน ทอี่ ยขู องพระอรยิ เจา ทพี่ ระ-
พระสุตตันตปฎก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาที่ 53อรยิ เจาอยูอาศัยแลวกด็ ี กาํ ลังอยอู าศัยกด็ ี จักอยูอ าศยั กด็ ี ๑๐ ประการน้ีแล. จบทตุ ยิ อรยิ วสสตู รที่ ๑๐ จบนาถกรณวรรคท่ี ๒ อรรถกถาทุติยอรยิ วสสตู รท่ี ๑๐ ทุติยอรยิ วสสูตรท่ี ๑๐ พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ดังตอไปน้.ี ก็เพราะเหตุท่ีภกิ ษชุ าวกรุ รุ ฐั มปี ญญาลึกซึ้ง ขวนขวายกันในเวลาอันสมควร ฉะนัน้ พระผูม ีพระภาคเจา ตรสั พระสูตรนีท้ ีล่ กึ ซงึ้ นําไตรลักษณอนั ละเอียดออ นมาอยา งนั้นเหมอื นกนั เหมือนท่ีตรัสมหา-นิทานสูตรเปน ตน ในคมั ภรี ท ฆี นิกายเปนอาทแิ กภกิ ษเุ หลานั้น ฉะน้ันบรรดาบทเหลานนั้ บทวา ปจฺ งฺควปิ ปฺ หีโน ความวา ภิกษุเปนผูไมประกอบดว ยองค ๕ สิ้นอาสวะแลว อยูจ บพรหมจรรยแลว กําลังอยูจกั อยู เพราะฉะนัน้ ภกิ ษนุ ้จี ึงตรสั เรียกวา อริยวาส เพราะมีธรรมเคร่ืองอยสู าํ หรับพรอรยิ ะ เพราะเปนผลู ะองค ๕ ไดแลว ในบททั้งปวงกนัดังน.้ี บทวา เอว ภิกฺขเว ภิกฺขุ ฉฬงคฺ สมนฺนาคโต โหติ ความวายอ มเปน ผูประกอบดวยฉฬงั คุเบกขา ถามวา อะไรชอื่ วา ฉฬังคเุ บกขา-ธรรม ตอบวา ธรรมทงั้ หลายมญี าณเปน ตน เมื่อกลาววา ญาณ ยอ มไดก ิรยิ าจิตที่สัมปยุจดว ยญาณ ๔ ดวง เมอื่ กลา ววา ธรรมเปนเครอื่ งอยูติดตอกัน ก็ไดม หาจิต ๘ ดวง, เม่ือกลาวา ความรักความโกรธไมม ีก็ยอ มไดจ ิต ๑๐ ดวง โสมนสั สญาณ กไ็ ดดว ยอํานาจอาเสวนปจจัย.
พระสตุ ตันตปฎก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 54 บทวา สตารกฺเขน เจตสา ความวา กส็ ติของพระขณี าสพยอ มใหสาํ เร็จกจิ คอื หนา ทร่ี ักษาในทวารท้งั ๓ ทุกเวลา ดวยเหตุนน้ั นนั่ แลญาณทสั สนะของพระขีณาสพน้ัน ซง่ึ เดินยืนหลบั และต่นื ทา นจงึ เรยี กวายอ มปรากฏติดตอกัน มอี ยพู รอมแลว . บทวา ปถุ สุ มณพรฺ าหมฺ ณานไดแก ของสมณพราหมณเ ปน อนั มาก. กใ็ นคําวา ปถุ ุสมณพฺราหฺมณานน้ี ทีช่ อื่ วา สมณะ ไดแ กผถู ือบรรพชา. ท่ชี ื่อวา พราหมณ ไดแกผูกลาววา ทา นผูเ จรญิ . บทวา ปถุ ุปจเฺ จกสจจฺ านิ ไดแ ก สจั จะแตละแผนกเปนอันมาก.อธิบายวา สจั จะเปนอันมาก ที่ยดึ ถือกนั เปน แผนก ๆ อยา งน้วี า ความเหน็ น้ีเทา นั้นเปนสัจจะ บทวา นุณณฺ านิ แปลวา ถกู นําออกแลว .บทวา ปนณุ ณฺ านิ แปลวา ถูกนาํ ออกดวยดแี ลว . บทวา จตตฺ าน แปลวา อันเขาสละแลว . บทวา วนฺตานิ แปลวา คายเสยี แลว . บทวามตุ ฺตานิ ไดแก ตัดเคร่อื งผูกไดแ ลว . บทวา ปหนี านิ แปลวา อันละเสียแลว . บทวา ปฏินสิ ฺสฏ าน ไดแก สละคืนโดยทท่ี สั สนะเหลา น้นัจะไมขน้ึ สูจิตอีก. กบ็ ทเหลานนั้ ทกุ บทเปน ไวพจนข องความท่ีบุคคลสละความยึดถอื ท่ีคนยดึ ถืออยไู ดแ ลว. บทวา สมวยสฏเ สโน ความวา อวยา แปลวา ไมห ยอนสฏา แปลวา สละไดเเลว . การแสวงหาอันไมหยอน อนั สละไดแลวของภกิ ษุนั้นมีอยู เหตุน้ัน. ภกิ ษุน้นั ช่อื วา มีการแสวงหาไมหยอ น อันสละไดแ ลวดว ยดี อธบิ ายวา ผูแ สวงหาสัจจะอันตนสละแลวไดดวยดี.ดว ยบทวา ราคา จิตตฺ วิมุตตฺ จติ พนจากราคะเปน ตน ตรัสมรรคทาํกิจคือหนา ทส่ี าํ เรจ็ ดวยบทวา ราโค เม ปหโี น ราคะเราละไดแ ลว
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 55เปนตน ตรสั ผลดว ยปจจเวกขณญาณ. คาํ ที่เหลือในทท่ี ุกแหง งายท้งั นนั้แล. จบอรรถกถาทุตยิ อรยิ วสสูตรท่ี ๑๐ จบนาถกรณวรรคท่ี ๒ รวมพระสูตรทม่ี ใี นวรรคนี้ คือ ๑. เสนาสนสูตร ๒. อังคสตู ร ๓. สังโยชนสตู ร ๔. ขีลสูตร๕. อัปปมาทสูตร ๖. อาหุเนยยสตู ร ๗. ปฐมนาถสตู ร ๘. ทุติยนาถ-สตู ร ๙. ปฐมอรยิ วสสูตร ๑๐. ทตุ ิยอรยิ วสสตู ร.
พระสตุ ตันตปฎก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 56 มหาวรรคท่ี ๓ ๑. สหี สตู ร วาดวยกาํ ลงั ของพระตถาคต ๑๐ ประการ [๒๑] ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย ในเวลาเยน็ สีหมฤคราชยอมออกจากที่อาศัย คร้ันแลวยอ มเหยียดดดั ตวั คร้ันแลวยอ มเหลียวดทู ศิ ท้ังโดยรอบ คร้นั แลวยอ มบันลือสหี นาทสามครัง้ ครั้นแลว ยอ มหลีกไปเพ่อืหากิน ขอ นั้นเพราะเหตไุ ร เพราะมนั คิดวา เราอยา ไดยังสัตวตัวเล็ก ๆผไู ปในที่หากินอันไมส ม่าํ เสมอใหถงึ การถูกฆา เลย ดูกอ นภิกษุทัง้ หลายคําวา สีหะนีแ้ ล เปนชอื่ แหงพระตถาคตอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย การทีต่ ถาคตแสดงธรรมแกบ ริษัท เปน สีหนาทของตถาคต. ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย ตถาคตประกอบดวยกาํ ลังเหลาใด ยอ มปฏญิ าณฐานะของผูเ ปน โจก บนั ลอื สีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัทกาํ ลงั ของตถาคตมี ๑๐ ประการน้ี ๑๐ ประการเปน ไฉน ตถาคตยอ มรชู ัดซ่ึงฐานะ โดยเปน ฐานะ และอฐานะโดยเปนอฐานะในโลกน้ี ตามเปนจรงิดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย การท่ีตถาคตรูช ัดซงึ่ ฐานะโดยเปนฐานะ และอฐานะโดยเปนอฐานะตามเปน จริงน้ี เปนกําลงั ของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะของผเู ปนโจก บันลอื สหี นาทประกาศพรหมจักรในบรษิ ทั . อีกประการหน่งึ ตถาคตยอ มรูชัดซงึ่ วบิ ากแหงการยึดถอื การกระทําทง้ั ท่เี ปนอดีต อนาคต และปจจบุ ัน โดยฐานะ โดยเหตตุ ามเปนจริงดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย การที่ตถาคตรชู ัดซ่ึงวิบากแหงการยึดถือการกระทาํทเ่ี ปนอดีต อนาคต และปจจุบนั โดยฐานะ โดยเหตตุ ามท่ีเปน จรงิ น้ี
พระสุตตนั ตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 57เปน กําลังของตถาคต ท่ีตถาคตอาศยั ปฏญิ าณฐานะของผเู ปนโจก บันลอืสหี นาทประกาศพรหมจกั รในบรษิ ทั . อีกประการหนึง่ ตถาคตยอมรชู ดั ซงึ่ ปฏิปทาเครอื่ งใหถ ึงประโยชนท้งั ปวงตามเปน จริง ดูกอนภกิ ษุทัง้ หลาย การทีต่ ถาคตรชู ดั ซึ่งปฏปิ ทาเครอ่ื งใหถ งึ ซ่ึงประโยชนทัง้ ปวงตามเปนจริงน้ี เปนกาํ ลงั ของตถาคต ท่ีตถาคตอาศัยปฏญิ าณฐานะของผูเ ปน โจก บนั ลอื สหี นาทประกาศพรหม-จกั รในบรษิ ทั . อีกประการหน่งึ ตถาคตยอมรชู ัดซึง่ โลกอนั มธี าตุเปน อเนก มธี าตุตา ง ๆ ตามเปน จรงิ ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย การท่ีตถาคตรูชัดซง่ึ โลกอันมีธาตเุ ปน อเนก มีธาตตุ าง ๆ ตามเปน จริงนี้ เปนกําลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะของผเู ปน โจก บันลอื สหี นาทประกาศพรหม-จกั รในบรษิ ัท. อกี ประการหน่ึง ตถาคตยอมรูชัดซึ่งความท่ีสัตวท้ังหลายเปน ผมู ีอธั ยาศัยตา ง ๆ กันตามเปนจริง ดูกอนภิกษุท้งั หลาย การที่ตถาคตรชู ัดซง่ึ ความท่ีสัตวท ้งั หลายเปนผูม อี ัธยาศยั ตาง ๆ กันตามเปน จริงน้ี เปน กําลงัของตถาคต ทต่ี ถาคตอาศยั ปฏญิ าณฐานะของผเู ปน โจก บนั ลือสหี นาทประกาศพรหมจกั รในบริษัท. อีกประการหนึ่ง ตถาคตยอมรูช ัดซึ่งความหยอ นและยง่ิ แหง อนิ ทรยี ของสัตวอืน่ ของบคุ คลอนื่ ตามเปนจรงิ ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย การท่ีตถาคตรชู ดั ซ่ึงความหยอ นและยิง่ แหงอินทรียข องสัตวอ น่ื ของบุคคลอ่นื ตามเปนจริงน้ี เปนกําลังของตถาคต ทต่ี ถาคตอาศยั ปฏญิ าณฐานะของผูเ ปน โจกบันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษทั .
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 58 อกี ประการหน่ึง ตถาคตยอ มรชู ดั ซึง่ ความเศราหมอง ความผอ งแผว การออกแหงฌาน วโิ มกข สมาธิ และสมาบตั ิทั้งหลายตามเปน จริงดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย การทต่ี ถาคตรูช ดั ซง่ึ ความเศราหมอง ความผอ งแผวการออกแหงฌาน วิโมกข. สมาธิ และสมาบัติท้งั หลายจามเปน จริงนี้เปน กาํ ลังของตถาคต ทีต่ ถาคตอาศัยปฏญิ าณฐานะของผเู ปน โจก บันลอืสีหนาทประกาศพรหมจกั รในบรษิ ทั . อีกประการหนึ่ง ตถาคตยอมระลกึ ชาติกอ นไดเ ปนอันมาก คือชาติหนึ่งบาง สองชาติบา ง สามชาติบา ง ส่ีชาติบาง หา ชาตบิ า ง สบิ ชาติบา ง ย่ีสิบชาตบิ า ง สามสิบชาตบิ าง สี่สบิ ชาติบา ง หา สบิ ูชาติบาง รอ ยชาติบา ง พนั ชาติบา ง แสนชาติบา ง ตลอดสงั วัฏกัปเปน อันมากบางตลอดววิ ฎั กัปเปนอันมากบาง ตลอดสังวัฎกปั วิวฏั กปั เปนอนั มากบา งวาในภพโนน เรามีชื่ออยางน้ี มโี คตรอยางนี้ มีผิวพรรณอยางน้ี มีอาหารอยา งนี้ เสวยสุขเสวยทุกขอยางนี้ ๆ มีกําหนดอายเุ พียงเทาน้ี ครั้นจตุ ิจากภพนน้ั แลว ไดไปเกดิ ในภพโนน แมใ นภพนน้ั เราก็มชี ือ่ อยา งน้ีมีโคตรอยา งน้ี มีผิวพรรณอยา งน้ี มีอาหารอยา งนี้ เสวยสขุ เสวยทกุ ขอยา งน้ี ๆ มกี ําหนดอายเุ พียงเทาน้ี ครัน้ จุติจากภพนนั้ แลว ไดมาเกิดในภพน้ี ยอมระลกึ ถงึ ชาตกิ อ นไดเปน อันมาก พรอมท้ังอาการ พรอมท้ังอเุ ทศ ดว ยประการฉะนี้ ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย การที่ตถาคตระลกึ ถึงชาตกิ อนไดเ ปนอันมาก คือชาติหนง่ึ บา ง สองชาตบิ าง ฯลฯ ยอมระลกึถึงชาติกอนไดเ ปน อันมาก พรอ มทง้ั อาการ พรอ มทัง้ อุเทศ ดวยประการฉะน้ี เปน กาํ ลังของตถาคต ทต่ี ถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะของผเู ปน โจกบันลอื สีหนาทประกาศพรหมจกั รในบรษิ ัท.
พระสตุ ตันตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาที่ 59 อกี ประการหนึง่ ตถาคตยอ มเห็นหมสู ัตวผูก าํ ลงั จตุ ิ กําลังอปุ บัติเลว ประณตี มีผิวพรรณดี มผี วิ พรรณทราม ไดดี ตกยาก ดวยทพิ ยจักษอุ ันบรสิ ทุ ธิ์ลว งจกั ษมุ นษุ ย ยอ มรูชดั ซ่ึงหมูส ตั วผ เู ปนไปตามกรรมวา สัตวเ หลา นปี้ ระกอบดว ยกายทุจริต วจีทุจรติ มโนทุจริต ตเิ ตียนพระอริยเจา เปนมิจฉาทิฏฐิ ยดึ ถือการการทําดวยอาํ นาจมจิ ฉาทิฏฐิ เมือ่ตายไปยอมเขาถงึ อบาย ทุคติ วินิบาต นรก สว นสัตวเ หลานน้ั ประกอบดวยกายสุจริต วจสี จุ รติ มโนสจุ รติ ไมต เิ ตยี นพระอรยิ เจา เปนสัมมาทิฏฐิยดึ ถือการกระทําดวยอํานาจสัมมาทิฏฐิ เมอื่ ตายไปยอ มเขาถึงสุคติโลกสวรรค ตถาคตยอมเห็นหมสู ตั วผูกาํ ลังจุติ กาํ ลังอปุ บัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มผี ิวพรรณทราม ไดดี ตกยาก ดว ยทิพยจกั ษุอันบรสิ ุทธ์ิลว งจักษุมนุษย ยอ มรูชัดซึ่งหมสู ัตวผ ูเปนไปตามกรรม ดวยประการฉะนี้ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย การที่ตถาคตเหน็ สตั วผกู ําลงั จตุ ิ อปุ บตั ิ เลว ประณีตมผี วิ พรรดี มผี วิ พรรณทราม ไดดี ตกยาก ดว ยทิพยจักษุอนั บรสิ ุทธ์ิลวงจักมนุษย รูชดั ซง่ึ หมสู ัตวผ เู ปน ไปตามกรรม ฯลฯ นี้ เปนกาํ ลังของตถาคต ทตี่ ถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะของผเู ปนโจก บันลอื สหี นาทประกาศพรหมจกั รในบริษัท. อีกประการหนงึ่ ตถาคตกระทําใหแ จงซ่งึ เจโตวิมุตติ ปญญาวิมตุ ติอันหาอาสวะมิได เพราะอาสวะท้งั หลายสิ้นไป ดวยปญ ญาอันยิ่งเอง ในปจจบุ ัน เขา ถึงอยู ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย การทตี่ ถาคตกระทําใหแ จง ซง่ึเจโตวิมตุ ติ ปญญาวมิ ตุ ติ อันหาอาสวะมไิ ด เพราะอาสวะทั้งหลายส้นิ ไปดวยปญ ญาอนั ยิง่ เองในปจ จุบัน เขาถงึ อยู แมนี้ ก็เปนกําลังของตถาคต
พระสุตตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 60ทีต่ ถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะของผูเปนโจก บันลือสีหนาทประกาศพรหม-จกั รในบริษทั . ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย ตถาคตประกอบดว ยกาํ ลงั เหลา ใด ปฏญิ าณฐานะของผูเปน โจก บันลอื สีหนาทประกาศพรหมจักรในบรษิ ทั กาํ ลังของตถาคตเหลาน้นั ๑๐ ประการนีแ้ ล. จบสหี สตู รที่ ๑ มหาวรรคที่ ๓ อรรถกถาสีหสูตรที่ ๑ วรรคที่ ๓ สหี สูตรท่ี ๑ พึงทราบวินิจฉยั ดงั ตอ ไปนี.้ บทวา วิสมคเต ไดแก ผูไปในทีห่ าเหย่ืออนั ไมร าบเรียบ. บทวาสงฆฺ าต อาปาเทสึ แปลวา ใหถ ึงฆาต คือการถกู ฆา . จรงิ อยู ราชสหี น้นั มีความเอ็นดูในหมูสัตวเ ล็กๆ เพราะคนมีอาํ นาจมาก. เพราะฉะนั้นจึงคิดวา หมสู ตั วเ หลาใด อาจตัง้ อยูในฐานะเปน ศัตรู จําตอ งฆาหมสู ัตวเหลา นนั้ เสีย หมูสตั วเ หลาใดออ นกาํ ลัง ประสงคจะหนี หมสู ัตวเ หลาน้นักจ็ ักหนีไปเสยี จึงบันลือสหี นาทแลวออกไปลาเหยอ่ื . บทวา ตถาคตสฺเสตอธวิ จน ความวา ก็ผิวา พระตถาคตช่ือวา สหี ะ. เพราะทรงอดทนอยา งหนึง่ เพราะทรงฆา อยา งหน่ึง จงึ ทรงอดทนอิฏฐารมณแ ละอนิฏฐารมณทกุ อยาง และทรงฆาเสีย ดว ยทรงย่ํายวี าทะของเหลา ผูม ีวาทะเปนขาศึกทกุ คน. บทวา อิทนสฺส โหติ สีหนาทสฺมึ ไดแก นเี้ ปนสหี นาทคอื การบนั ลอื ท่ไี มมีความกลวั ของพระตถาคตน้ัน.
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 76ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี เปนผตู องสว นอาบตั ิไร ๆ อันเปน อกุศลดวยกาย เพ่อื นพรหมจารที ัง้ หลายผูเปนวญิ ใู ครค รวญแลว ไดกลา วกะภกิ ษนุ ัน้ อยา งนวี้ า ทานผูมีอายเุ ปน ผูตอ งแลว ซึ่งสวนอาบัตไิ ร ๆอันเปน อกุศลดว ยกาย เปนการดีหนอ ท่ีทานผูม อี ายจุ งละกายทุจรติบาํ เพญ็ กายสจุ รติ ภิกษนุ ้นั อนั เปนเพ่ือนพรหมจารที ้งั หลายผเู ปน วิญใู ครครวญแลว วากลา วอยู ยอมละกายทุจรติ บําเพญ็ กายสจุ รติ ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย ธรรมเหลานี้ เรียกวา อันบคุ คลพึงละดวยกาย ไมใ ชดว ยวาจา. ดกู อนภิกษทุ งั้ หลา กธ็ รรมอันบคุ คลพงึ ละดวยวาจา มใิ ชดวยกายเปน ไฉน ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวนิ ยั น้ี เปนผตู อ งสว นอาบตั ไิ ร ๆ อนั เปน อกุศลดวยวาจา เพือ่ นพรหมจารที ้ังหลายผูเ ปนวิญูใครค รวญแลว ไดกลา วกะภิกษุนัน้ อยา งนว้ี า ทานผูมีอายุเปน ผูตอ งแลวซึง่ สว นอาบตั ไิ ร ๆ อันเปนอกุศลดว ยวาจา เปน การดีหนอ ท่ที านผูมีอายุจงละวจีทุจรติ บําเพ็ญวจสี จุ ริต ภกิ ษุนนั้ อนั เพื่อนพรหมจารที ง้ั หลายผูเปน วญิ ูใครค รวญแลว วากลา วอยู ละวจที จุ ริต บาํ เพญ็ วจสี จุ ริตดกู อ นภิกษุท้ังหลาย ธรรมเหลา นี้ เรียกวา อนั บคุ คลพงึ ละดวยวาจา มิใชดว ยกาย. ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลา ก็ธรรมอันบคุ คลพึงละดวยกายไมได ละดวยวาจาไมไ ด พงึ เห็นชัดดวยปญญาแลวจงละได เปน ไฉน ดกู อนภิกษุทั้งหลาย โลภะอนั บุคคลพงึ ละดวยกายไมได ดว ยวาจาไมได พงึ เห็นชดัดวยปญ ญาแลวจงึ ละได โทสะ... โมหะ... โกธะ... อุปนาหะ...มักขะ... ปฬาสะ... มัจฉรยิ ะ... ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ความรษิ ยา
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 77อันชัว่ ชา อนั บุคคลพงึ ละดว ยกายไมไ ด ดวยวาจาไมได พงึ เหน็ ชดัดวยปญญาแลวจึงละได. ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย ก็ความริษยาอันชวั่ ชาเปนไฉน ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย คฤหบดถี อื บตุ รแหงคฤหบดใี นโลกนี้ ยอมสมบูรณดวยขา วเปลือก เงินหรือทอง ทาสหรือคนเขา ไปอาศยั ของคฤหบดี หรือบตุ รแหงคฤหบดีผูใ ดผหู นึ่ง ยอมคดิ อยา งน้วี า โอหนอ คฤหบดหี รือบตุ รแหงคฤหบดนี ้ี ไมพ งึ สมบูรณดว ยทรพั ย ขาวเปลือก เงินหรอื ทอง อนงึ่สมณะหรอื พราหมณเ ปนผูไ ดจวี ร บิณฑบาต เสนาสนะ และภสชั บริขารอนั เปน ปจจยั แกคนไข สมณะหรอื พราหมณผใู ดผหู นงึ่ ยอ มคิดอยา งนว้ี าโอหนอ ทานผูมอี ายุนี้ ไมพงึ ไดจ ีวร บณิ ฑบาต เสนาสนะ และเภสัชบริขารอันเปน ปจจัยแกค นไข ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย นเี้ รยี กวา ความ.ริษยาอันชั่วชา ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย ความรษิ ยาอันช่วั ชา อันบุคคลพงึละดว ยกายไมได ดวยวาจาไมได พึงเห็นชัดดวยปญ ญาแลวจงึ ละได. ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย ความปรารถนาอันชว่ั ชา อันบุคคลพงึ ละดว ยกายไมได ดว ยวาจาไมได พึงเห็นชัดดว ยปญ ญาแลว จงึ จะได ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย ก็ความปรารถนาอันชั่วชาเปน ไฉน ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลายบุคคลบางคนในโลกนี้ เปนผไู มม ีศรทั ธา ยอมปรารถนาวา คนทงั้ -หลายพึงรเู ราวา เปน ผูม ศี รทั ธา เปนผูทุศีล ยอมปรารถนาวา คนทั้งหลายพึงรูเราวา เปน ผมู ศี ีล เปน ผูไ ดสดบั นอ ย ยอ มปรารถนาวา คนท้ังหลายพึงรเู ราวา เปนผูไดส ดับมาก เปนผมู ีความยนิ ดใี นการคลกุ คลีดว ยหมคู ณะ ยอมปรารถนาวา คนทงั้ หลายพงึ รเู ราวา เปน ชอบสงัดเปนผูเ กียจคราน ยอ มปรารถนา คนทง้ั หลายพึงรูเราวา เปน ผู
พระสุตตนั ตปฎก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 78ปรารภความเพยี ร เปนผมู สี ติหลงลมื ยอมปรารถนาวา คนทงั้ หลายพงึ รเู ราวา เปน ผมู ีสติตงั้ ม่นั เปน ผูมใี จไมต ั้งมนั่ ยอ มปรารถนาวาคนทั้งหลายพงึ รูเราวา เปน ผูม ใี จต้ังมน่ั เปนผูมีปญ ญาทราม ยอ มปรารถนาวา คนท้งั หลายพึงรูเราวา เปน ผูมีปญญา เปนผยู ังไมส นิ้อาสวะ ยอมปรารถนาวา คนทง้ั หลายพงึ รูเราวา เปน ผูสน้ิ อาสวะดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย นเี้ รียกวาความปรารถนาอันชว่ั ชา ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย ความปรารถนาอนั ชัว่ ชา อนั บุคคลพงึ ละดวยกายไมไ ด ดว ยวาจาไมได พงึ เห็นชดั ดวยปญญาแลว จงึ ละได. ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย หากวา โลภะครอบงําภกิ ษนุ ้ันเปน ไป หากวาโทสะ โมหะ โกธะ อปุ นาหะ มักขะ ปฬาสะ มจั ฉรยิ ะ ความรษิ ยาอันช่วั ชา ความปรารถนาอนั ชัว่ ชา ครอบงําภกิ ษนุ ้นั เปนไป ภิกษุน้นัอันบุคคลพงึ รูอ ยา งน้ีวา โลภะยอ มไมม แี กท า นผูรู ฉันใด ทานผูมอี ายุน้ีหารฉู นั นัน้ ไม เพราะฉะนน้ั โลภะจงึ ครอบงาํ ทา นผมู ีอายนุ ี้ โทสะโมหะ . . . ความรษิ ยาอนั ชว่ั ชา ความปรารถนาอันช่ัวชา ยอมไมม แี กทา นผูรู ฉนั ใด ทานผมู ีอายุน้หี ารฉู ันนน้ั ไม เพราะฉะน้นั โทสะโมหะ... ความริษยาอนั ช่ัวชา ความปรารถนาอันชว่ั ชา จึงครอบงําทานผมู ีอายนุ .้ี ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย บทวาโลภะไมค รอบงําภกิ ษุน้ันเปนไป หาก-วา โทสะ โมหะ... ความริษยาอนั ชว่ั ชา ความปรารถนาอนั ชั่วชา ยอ มไมค รอบงาํ ภกิ ษนุ ั้นเปน ไป ภกิ ษุนั้นอันบคุ คลพงึ รูอยา งนว้ี า โลภะยอ มไมม ีแกทา นผูร ู ฉนั ใด ทานผูมอี ายนุ ย้ี อ มรชู ดั ฉนั นน้ั เพราะฉะนั้นโลภะจงึ ไมค รอบงําทา นผูมอี ายนุ ้ี โทสะ โมหะ... ความริษยาอันช่วั ชา
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 79ความปรารถนาอันช่วั ชา ยอมไมมแี กท า นผูรู ฉันใด ทานผมู ีอายุนย้ี อมรู ฉันน้ัน เพราะฉะนนั้ โทสะ โมหะ... ความริษยาอนั ชว่ั ชา ความปรารถนาอันชัว่ ชา จึงไมครอบงําทา นผูมีอายุน.้ี จบกายสตู รท่ี ๓ อรรถกถากายสูตรท่ี ๓ กายสตู รท่ี ๓ พึงทราบวนิ จิ ฉยั ดังตอไปนี้. บทวา อาปนฺโน โหติ กจฺ กิ าย เทส ความวา เปน ผูต อ งสว นแหงอาบัติบางอยา ง. บทวา อนวุ ิจจฺ ไดแก เขาไปพจิ ารณา คอื ดรู อบคอบแลว . บทวา กายทุจจฺ รติ ไดแ ก กายทจุ รติ ๓ อยาง. บทวาวจที จุ จฺ รติ ไดแ ก วจีทุจรติ ๔ อยาง. บทวา ปาปก า อสิ ฺสา ไดแกความรษิ ยาอนั ทราม. บทวา ปฺ าย ทิสวฺ า ทิสวฺ า ไดแก มองเหน็แลวพงึ ละเสียดวยมรรคปญญา พรอ มดว ยวิปสสนา. บทวา อิชฌฺ ติแปลวา สําเรจ็ พรอ ม. บทวา อุปวาสสฺส ไดแก ผเู ขาไปอาศยั อยู. บทวาอภภิ ยุ ฺย ไดแก ครอบงาํ ยํ่าย.ี บทวา อริ ิยติ ไดแก เปนไป. ในพระสตู รนี้ ตรสั มรรคพรอ มดว ยวปิ ส สนา. จบอรรถกถากายสตู รท่ี ๓ ๔. มหาจนุ ทสูตร วา ดว ยพระมหาจุนทะสอนภกิ ษุ [๒๔] สมยั หนง่ึ ทานพระมหาจุนทะ อยูท ชี่ าติวนั ในแควน เจตีณ ท่ีน้ันแล ทา นพระมหาจุนทะ เรยี กภกิ ษทุ ้ังหลายวา ดกู อนอาวุโส ภิกษุ
พระสุตตนั ตปฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 80ทง้ั หลาย ภิกษุทั้งหลายรบั คาํ ทา นพระมหาจุนทะแลว ทา นพระมหาจนุ ทะไดก ลา ววา ดกู อนอาวโุ สทง้ั หลาย ภิกษเุ มื่อกลาวอวดความรู ยอ มกลาววา เรารธู รรมนี้ เราเหน็ ธรรมน้ี ดังน้ี ดูกอนอาวโุ สทง้ั หลาย หากวาโลภะยอ มครอบงําภกิ ษนุ ั้นตง้ั อยู โทสะ โมหะ โกธะ อปุ นาหะ มกั ขะปฬาสะ มจั ฉริยะ ความรษิ ยาอนั ช่ัวชา ความปรารถนาอันชว่ั ชา ยอ มครอบงาํ ภกิ ษุนนั้ ต้ังอยู ภกิ ษุน้ันอนั บุคคลพึงรอู ยา งนวี้ า โลภะยอ มไมมแี กทา นผรู ู ฉนั ใด ทานผูมีอายุนห้ี ารูฉนั นั้นไม เพราะฉะน้นั โลภะจงึครอบงําทา นผมู อี ายนุ ตี้ ้ังอยู โทสะ โมหะ ... ความรษิ ยาอันช่ัวชาความปรารถนาอันชัว่ ชา ยอมไมม ีแกท านผรู ู ฉันใด ทานผูมีอายุน้ีหารูฉันนน้ั ไม เพราะฉะน้ัน โทสะ โมหะ ... ความรษิ ยาอนั ชั่วชา ความปรารถนาอนั ชัว่ ชา จงึ ครอบงาํ ทานผมู ีอายุนตี้ ั้งอย.ู ดูกอนอาวโุ สทงั้ หลาย ภิกษุเมอ่ื กลา วอวดภาวนา การอบรม ยอมกลาววา เราเปน ผมู ีกายอบรมแลว มีศีลอบรมแลว มจี ติ อบรมแลว มีปญญาอบรมแลว ดังน้ี ดูกอ นอาวโุ สทั้งหลาย หากวา โลภะยอมครอบงําภกิ ษนุ นั้ ต้ังอยู โทสะ โมหะ โกธะ อปุ นาหะ มกั ขะ ปฬาสะ มจั ฉริยะความริษยาอันชัว่ ชา ความปรารถนาอนั ชวั่ ชา ครอบงาํ ภกิ ษุนั้นตงั้ อยูภกิ ษุน้นั อนั บคุ คลพึงรอู ยางน้วี า โลภะยอมไมม ีแกท า นผรู ู ฉันใด ทานผูม ีอายุน้ีหารูฉนั นนั้ ไม เพราะฉะนั้น โลภะจงึ ครอบงําทา นผมู อี ายนุ ต้ี งั้ อยูโทสะ โมหะ ... ความริษยาอนั ชวั่ ชา ความปรารถนาอันชั่วชา ยอ มไมมีแกทานผรู ู ฉันใด ทา นผูม อี ายนุ ห้ี ารฉู นั นัน้ ไม โทสะ โมหะ... ความรษิ ยาอนั ชว่ั ชา ความปรารถนาอนั ชว่ั ชา จึงครอบงาํ ผนู ้ตี ัง้ อยู. ดูกอ นอาวุโสทัง้ หลาย ภกิ ษุเมือ่ กลาวอวดความรแู ละภาวนา
พระสุตตันตปฎก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 81ยอมกลาววา เรารธู รรมนี้ เราเห็นธรรมน้ี เราเปนผมู กี ายอบรมแลว มีศีลอันอบรมแลว มีจติ อันอบรมแลว มปี ญ ญาอนั อบรมแลว ดงั น้ีดกู อนอาวโุ สทง้ั หลาย หากวาโลภะครอบงาํ ภิกษุน้ันตั้งอยู โทสะ โมหะ... ความริษยาอนั ชวั่ ชา ความปรารถนาอันชวั่ ชา ครอบงาํ ภกิ ษุน้นั ต้งัอยู ภิกษนุ ้นั อันบุคคลพึงรอู ยา งน้ีวา โลภะยอ มไมม ีแกท านผูร ู ฉนั ใดทานผมู อี ายุนีห้ ารฉู ันน้ันไม เพราะฉะนั้น โลภะจงึ ครอบงาํ ทานผูมีอายนุ ้ีตง้ั อยู โทสะ โมหะ ... ความริษยาอนั ช่วั ชา ความปรารถนาอนั ชวั่ ชายอ มไมม ีแกทานผรู ู ฉันใด ทานผมู อี ายุนห้ี ารูฉ นั นั้นไม เพราะฉะนัน้โทสะ โมหะ... ความริษยาอันชั่วชา ความปรารถนาอันช่ัวชา จงึ ครอบงําทา นผมู อี ายนุ ต้ี ง้ั อย.ู ดกู อนอาวโุ สทัง้ หลาย เปรยี บเหมอื นบรุ ษุ เปนคนยากจน พงึ กลา วอวดความมงั่ มี เปน คนไมม ที รัพย พงึ กลา วอวดทรัพย เปน คนไมม ีโภคะพึงกลา วอวดโภคะ บรุ ุษนั้น เม่อื กิจอันจาํ ตอ งทาํ ดว ยทรัพยอ ยา งใดหน่งึ เกดิ ขึน้ ไมอ าจจะนําทรพั ย ขา วเปลอื ก เงนิ หรือทองออกใชจา ยไดคนทั้งหลายพงึ รูบ ุรษุ น้ันอยางน้วี า ทานผนู ี้เปนคนยากจน ยอ มกลาวอวดความม่งั มี เปน คนทีไ่ มม ีทรัพย ยอมกลา วอวดทรัพย เปนคนไมมีโภคะ. ยอ มกลา วอวดโภคะ ขอนัน้ เพราะเหตุไร เพราะทา นผูนี้ เมือ่ กิจอนั จําตองทาํ ดว ยทรพั ยอ ยา งใดอยา งหน่งึ เกิดขนึ้ ไมอาจจะนําทรัพย ขาวเปลือก เงินหรือทองออกใชจ ายได ฉันใด ดกู อนอาวุโสทง้ั หลาย ภกิ ษุกฉ็ ันน้ันเหมือนกนั เมือ่ กลา วอวดความรแู ละอวดภาวนา ยอมกลา ววาเรารูธ รรมน้ี เราเห็นธรรมนี้ เราเปนผมู ีกายอนั อบรมแลว มศี ีลอนัอบรมแลว มีจติ อันอบรมแลว มีปญ ญาอันอบรมแลว ดังนี้ ดูกอน
พระสุตตนั ตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 82อาวโุ สทัง้ หลาย หาวา โลภะครอบงําภิกษุนัน้ ต้ังอยู โทสะ โมหะ ...ความรษิ ยาอันชวั่ ชา ความปรารถนาอันช่ัวชา ครอบงาํ ภกิ ษนุ ัน้ ต้งั อยูภิกษนุ ั้นอนั บคุ คลพึงรูอ ยา งนีว้ า โลภะยอ มไมม แี กท า นผรู ู ฉนั ใด ทานผูมอี ายุน้ีหารูฉนั นนั้ ไม เพราะฉะน้นั โลภะจึงครอบงาํ ทา นผูมอี ายนุ ตี้ ัง้ อยูโทสะ โมหะ ... ความรษิ ยาอันชวั่ ชา ความปรารถนาอนั ชวั่ ชา ไมมีแกทานผรู ู ฉนั ใด ทา นผมู ีอายนุ ห้ี ารฉู นั นนั้ ไม เพราะฉะนน้ั โทสะโมหะ ... ความริษยาอนั ชัว่ ชา ความปรารถนาอนั ชวั่ ชา จงึ ครอบงาํ ทา นผมู ีอายนุ ตี้ ั้งอย.ู ดกู อ นอาวุโสทงั้ หลาย ภิกษุเมือ่ กลา วอวดความรู ยอมกลา ววาเรารูธรรมนี้ เราเห็นธรรมนี้ ดังน้ี หากวาโลภะไมครอบงําภกิ ษนุ น้ั ต้งั อยูโทสะ โมหะ ... ความรษิ ยาอันช่ัวชา ความปรารถนาอันช่ัวชา ไมครอบงําภกิ ษนุ ั้นตั้งอยู ภกิ ษนุ ั้นอันบคุ คลพึงรอู ยางนว้ี า โลภะยอมไมมีแกทา นผูรู ฉันใด ทานผมู ีอายุน้ยี อ มรูชัด ฉนั น้ัน เพราะฉะนั้น โลภะจงึ ไมครอบงําทานผูมีอายนุ ้ตี ัง้ อยู โทสะ โมหะ ... ความริษยาอนั ช่ัวชา ความปรารถนาอนั ช่วั ชา ยอมไมมแี กทา นผรู ู ฉันใด ทา นผูม อี ายุนย้ี อ มรูชัดฉันนน้ั เพราะฉะนั้น โทสะ โมหะ... ความริษยาอนั ชั่วชา ความปรารถนาอันช่ัวชา จงึ ไมค รอบงําทา นผมู อี ายุนี้ต้ังอย.ู ดกู อ นอาวุโสทั้งหลาย ภกิ ษุเม่ือกลาวอวดภาวนา ยอมกลาววาเราเปนผูมกี ายอนั อบรมแลว มศี ีลอนั อบรมแลว มีจิตอนั อบรมแลว มีปญญาอันอบรมแลว ดังน้ี หากวาโลภะไมพงึ ครอบงาํ ภิกษนุ ้ันต้ังอยูโทสะ โมหะ ... ความรษิ ยาอนั ชั่วชา ความปรารถนาอนั ช่วั ชา ไมครอบงาํ ภิกษุน้นั ตง้ั อยู ภิกษนุ นั้ อันบคุ คลพึงรอู ยางน้ีวา โลภะไมม แี กทา น
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 83ผูร ู ฉันใด ทา นผมู ีอายุนยี้ อ มรูช ดั ฉนั นนั้ เพราะฉะนั้น โลภะจึงไมครอบงําทา นผูมีอายนุ ตี้ ้ังอยู โทสะ โมหะ. . . . ความริษยาอนั ชัว่ ชาความปรารถนาอนั ชว่ั ชา ไมมแี กท านผูร ู ฉนั ใด ทา นผมู ีอายนุ ย้ี อ มรูชัดฉนั นนั้ เพราะฉะนน้ั โทสะ โมหะ .... ความริษยาอันชั่วชา ความปรารถนาอนั ช่ัวชา จงึ ไมครอบงาํ ทา นผูม อี ายุน้ตี ง้ั อยู. ดูกอนอาวุโสทัง้ หลาย ภกิ ษุเมื่อกลา วอวดความรแู ละอวดภาวนายอมกลาววา เรารูธ รรมน้ี เราเห็นธรรมน้ี เราเปน ผมู กี ายอันอบรมแลวมีศลี อันอบรมแลว มีจติ อันอบรบแลว มปี ญ ญาอนั อบรมแลว ดังนี้หากวา โลภะไมค รอบงําภิกษนุ นั้ ตั้งอยู โทสะ โมหะ ... ความรษิ ยาอันชั่วชา ความปรารถนาอนั ช่ัวชา ไมครอบงําภกิ ษุนนั้ ตั้งอยู ภิกษุนั้นอันบุคคลพึงรูอ ยา งนวี้ า โลภะไมม ีแกทานผูรู ฉันใด ทา นผมู ีอายุน้ียอ มรูชดั ฉนั นัน้ เพราะฉะนั้น โลภะจงึ ไมค รอบงาํ ทา นผูมีอายนุ ี้ต้งั อยู โทสะโมหะ.... ความรษิ ยาอนั ชัว่ ชา ความปรารถนาอนั ชัว่ ชา ไมมีแกท านผูรูฉันใด ทานผมู ีอายุนย้ี อ มรชู ดั ฉันนนั้ เพราะฉะนั้น โทสะ โมหะ ...ความรษิ ยาอันชวั่ ชา ความปรารถนาอันช่วั ชา จึงไมครอบงาํ ทา นผมู ีอายุนต้ี ัง้ อย.ู ดูกอนอาวุโสท้งั หลาย เปรียบเหมือนบุรษุ เปนคนมั่งค่ัง พึงกลาวอวดความมง่ั คั่ง เปน คนมีทรัพย พงึ กลาวอวดทรัพย เปนคนมโี ภคะพงึ กลาวอวดโภคะ บรุ ุษนนั้ เม่อื กิจท่จี าํ ตองทําดวยทรัพยอยา งใดอยา งหนง่ึ เกิดขน้ึ พงึ อาจนําเอาทรพั ย ขา วเปลอื ก เงินหรือทองใชจ ายไดคนท้ังหลายพงึ รูบ รุ ุษนัน้ วา ทา นผูมีเปนคนมั่งคัง่ จงึ กลา วความม่งั คงั่เปน คนมีทรัพย จงึ กลา วอวดทรพั ย เปนคนมโี ภคะ จึงกลา วอวดโภคะ
พระสุตตันตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 84ขอ นั้นเพราะเหตุไร เพราะทา นผมู ีอายุนี้ เม่อื กิจทจี่ ําตอ งทําดวยทรพั ยอยางใดอยา งหน่ึงเกดิ ขน้ึ ยอมอาจนําเอาทรพั ย ขา วเปลอื ก เงนิ หรือทองออกใชจายได ฉนั ใด ดูกอนอาวุโสทง้ั หลาย ภิกษุก็ฉนั นน้ั เหมอื นกนัเมื่อกลา วอวดความรแู ละอวดภาวนา ยอมกลาววา เรารูธ รรมน้ี เราเหน็ธรรมนี้ เราเปนผมู กี ายอันอบรมแลว มศี ลี อนั อบรมแลว มีจติ อนั อบรมแลว มีปญญาอนั อบรมแลว ดงั น้ี หากวา โลภะไมค รอบงาํ ภิกษนุ ้นั ตั้งอยูโทสะ โมหะ ... ความริษยาอนั ชวั่ ชา ความปรารถนาอนั ช่วั ชา ไมครอบงําภิกษนุ นั้ ตัง้ อยู ภิกษนุ น้ั อันบคุ คลพงึ รอู ยา งน้วี า โลภะไมมีแกทานผูรู ฉันใด ทา นผูมอี ายุนยี้ อมรูชดั ฉันน้นั เพราะฉะน้ัน โลภะจงึไมค รอบงําทานผูม ีอายนุ ้ตี ้ังอยู โทสะ โมหะ ... ความริษยาอันชวั่ ชาความปรารถนาอันชวั่ ชา ไมม แี กท านผูรู ฉนั ใด ทา นผูมอี ายนุ ีย้ อ มรูชัดฉนั นน้ั เพราะฉะนัน้ โทสะ โมหะ ... ความริษยาอนั ชั่วชา ความปรารถนาอนั ช่ัวชา จึงไมค รอบงําทานผมู อี ายนุ ้ตี ้งั อยู. จบมหาจุนทสตู รที่ ๔ อรรถกถาจนุ ทสตู รท่ี ๔ จุนทสตู รท่ี ๔ พึงทราบวินจิ ฉัยดงั ตอไปน.ี้ ทานพระมหาจนุ ทะ กลา วอาการแหงญาณทสั สนะ ดว ยบทวาชานามิม ธมมฺ น.ี้ ทานกลา ววาทะแมทั้ง ๒ รวมกันในวาระท่ี ๓แหง ภาวนาวาระ ดวยบทวา ภาวติ กาโยมฺหิ เปน ตน . กว็ าทะแมทัง้ ๓น้ันยอ มปฏญิ ญาพระอรหัตเหมือนกัน. บทวา อฑฺฒวาท วเทยฺย ความ
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 85วา พึงกลาวอวดวาฉนั เปนคนมีความม่ังคง่ั . บทวา อปุ นีหาตุ แปลวาเพื่อนาํ ออกให. จบอรรถกถาจนุ ทสูตรท่ี ๔ ๕. กสณิ สูตร วาดวยกสณิ ๑๐ [๒๕] ดูกอนภกิ ษุทัง้ หลาย บอเกิดแหง กสิณ ๑๐ ประการนี้ ๑๐ประการเปนไฉน คอื บุคคลผูหน่งึ ยอ มรชู ดั ซ่งึ ปฐวีกสณิ ในเบอื้ งบนเบือ้ งตํ่า เบื้องขวาง ไมม ีสอง หาปรมิ าณมิได บคุ คลผูห นึง่ ยอมรชู ดัซง่ึ อาโปกสิณ... บคุ คลผหู น่ึงยอ มรชู ดั ซง่ึ เตโชกสณิ ... บุคคลผหู น่ึงยอ มรชู ดั ซึ่ง วาโยกสณิ ... บคุ คลผหู น่งึ ยอมรชู ัดซ่ึง นีลกสิณ... บคุ คลผหู นึ่งยอ มรูชดั ซึง่ ปต กสณิ ... บุคคลผหู นง่ึ ยอมรูชดั ซ่ึง โลหติ กสิณ... บคุ คลผูหนงึ่ ยอมรชู ัดซึ่ง โอทาตกสิณ... บคุ คลผูหนึง่ ยอมรชู ดั ซึง่ อากาสกสิณ...บคุ คลผหู นง่ึ ยอมรชู ัดซ่งึ วิญญาณกสณิ ในเบอ้ื งบน เบอ้ื งตา่ํ เบ้ืองขวางไมมสี อง หาปรมิ าณไมได ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย บอเกดิ แหงกสิณ ๑๐ประการน้ีแล. จบกสิณสูตรท่ี ๕ อรรถกถากสิณสตู รท่ี ๕ กสิณสูตรท่ี ๕ พึงทราบวินจิ ฉยั ดงั ตอไปนี.้ ช่อื วา กสิณ เพราะอรรถกถาวา ทงั้ ส้นิ ชื่อวา อายตนะ เพราะอรรถวาเปน เขตแหง ธรรมทั้งหลายทมี่ ีกสณิ นัน้ เปน อารมณ หรอื เพราะอรรถวา ตั้ง
พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 86ไว. เหตุนั้น จงึ ช่ือวา กสิณายตนะ บอ เกดิ แหง อารมณท่เี ปนกสิณ. บทวาอทุ ฺธ ไดแ กแ หงนดูพ้นื อากาศเบ้อื งบน. บทวา อโธ ไดแก กม ดูพ้นื ดินเบือ้ งลาง. บทวา ตริ ิย ไดแกก ําหนดไปรอบ ๆ อยา งทงุ นา. จริงอยู พระ-โยคาวจรบางรูป เจริญกสิณเบ้ืองบนเทา นั้น บางรูปกเ็ บ้ืองลา ง บางรปู ก็กวาดไปอยา งน้ดี วยอาการนน้ั ๆ ไปรอบ ๆ เหมอื นตอ งการจะดรู ูปที่มีแสงสวา ง ดว ยเหตุนน้ั พระเถระจงึ กลา ววา ปวกี สิณเมโก สฺชานาติ อุทฺธอโธ ตริ ยิ . กบ็ ทวา อทวฺ ย น้ี ทานกลาวเพอ่ื กสิณอยา งหน่งึ ไมแ ปรเปนอยางอน่ื เหมือนอยา งวา เมอื่ พระโยคาวจรเขา ไปสนู าํ้ [อาโปกสิณ] ทุกทศิก็มีน้าํ อยา งเดยี ว ไมมอี ยา งอนื่ ฉันใด. ปฐวกี สณิ กฉ็ นั นัน้ เหมือนกนั ยอมเปน ปฐวกี สณิ อยา งเดยี ว ไมเจอื กสิณอยางอน่ื ในกสณิ ทง้ั ปวง ก็นยั น้ีเหมอื นกนั . คําวา อปฺปมาณ น้ี ทา นกลา วดว ยอํานาจแผก สิณนน้ั ๆ ไปไมม ีประมาณ. จริงอยู พระโยคาวจรเมอ่ื แผก สิณนั้นดว ยใจ ยอมแผไ ปทว่ั ทีเดยี ว ไมถ อื ประมาณวา นีเ้ ปน ตอนตนของกสิณนนั้ นีเ้ ปน ตอนกลาง.ในบทวา วญิ ิาณกสิณ นี้ วญิ ญาณเปน ไปในอากาศท่ีเพิกกสณิ จรงิอยา งน้นั วญิ ญาณอนั นนั้ ทานเรียกวาวญิ ญาณ. พงึ ทราบความเปนเบอ้ื งบน เบ้ืองลา ง เบ้ืองขวาง ในวิญญาณทเี่ ปนไปในวิญญาณกสณิ นั้นก็ดวยอาํ นาจอากาศท่ีเพกิ กสณิ . นเ้ี ปนความสังเขปในวญิ ญาณกสณิ นั้น.สว นกสณิ มีปฐวีกสิณเปนตน เหลาน้นั กก็ ลาวไวพสิ ดารแลวในคมั ภีรวสิ ุทธมิ รรค โดยนัยแหงกัมมัฏฐานภาวนาน้ันแล. จบอรรถกถากสณิ สูตรที่ ๕
พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 87 ๖. กาลสี ตู ร วา ดวยกาลีอบุ าสกิ าถามปญ หาทา นพระมหากัจจายนะ [๒๖] สมยั หนึง่ ทานพระมหากจั จายนะ อยูทภี่ เู ขาช่อื ปวัตตะใกลเ มอื งกุรรฆระ ในอวนั ตชี นบท คร้ังน้นั แล อุบาสิกาช่ือกาลีชาวเมืองกุรรฆระไดเขา ไปหาทา นพระมหากัจจายนะถึงทอ่ี ยู ไดอ ภวิ าททา นพระ-มหากัจจายนะแลว น่ัง ณ ท่คี วรสว นขางหน่งึ คร้นั แลว ไดถ ามทานพระ-มหากจั จยนะวา ทานเจา ขา พระผพู ระภาคเจา ไดต รสั พระพุทธพจนน ี้ไวในกมุ ารีปญหาวา การบรรลปุ ระโยชน เปน ความสงบแหง หทยั เราชาํ นะเสนา คือ กิเลสอันมรี ูปเปน ทีร่ กั เปน ท่ี ชืน่ ใจแลว เปน ผเู ดียวเพงอยู ไดร โู ดยลําดับซึ่ง ความสขุ เพราะฉะน้ัน เราจึงไมท าํ ความเปนเพอื่ น ดวยชน ความเปนเพอ่ื นกับดวยใคร ๆ ยอมไมถึง พรอมแกเ รา ดงั นี้. ทา นเจาขา เนื้อความแหงพระพทุ ธพจนท ี่พระผมู ีพระภาคเจาตรัสไวโดยยอ น้จี ะพงึ เห็นไดโ ดยพสิ ดารอยางไรหนอ. ทานพระมหากจั จายนะตอบวา ดกู อ นนอ งหญิง สมณพราหมณพวกหน่งึ ยังประโยชนทง้ั หลาย อันมีปฐวีกสิณสมาบตั เิ ปนอยา งยิ่งใหเ กดิเฉพาะแลว ความท่ีประโยชนมปี ฐวีกสิณสมาบตั ิเปน อยา งยง่ิ มีประมาณเทา ใด พระผูมพี ระภาคเจา ทรงรูแ ลวซ่งึ ความท่ีประโยชนม ปี ฐวีกสิณสมาบตั ิ
พระสุตตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 88เปนอยางย่งิ น้ัน คร้นั ทรงรูแลว ไดทรงเห็นเบ้อื งตน ๑ ไดทรงเหน็ โทษ๒ไดท รงเห็นธรรมเครอ่ื งสลัดออก๓ ไดท รงเห็นญาณทัสสนะวา เปน ทางและมิใชทาง๔ การบรรลุประโยชน เพราะเหตุทรงเหน็ เบอื้ งตน เพราะเหตทุ รงเหน็ โทษ เพราะเหตทุ รงเห็นธรรมเคร่ืองสลัดออก เพราะเหตุทรงเห็นญาณทัสสนะวา เปน ทางและมิใชทาง แหง ความที่ประโยชนม ีปฐวีกสิณสมาบัติเปน อยางย่งิ น้นั พระผูมีพระภาคเจา ทรงทราบแลววาเปนความสงบแหงหทยั . ดูกอนนองหญงิ สมณพราหมณพ วกหนง่ึ ยงั ประโยชนท งั้ หลายอนั มีอาโปกสณิ สมาบัติเปนอยา งยิ่งใหเกดิ เฉพาะแลว . ดูกอ นนอ งหญงิ สมณพราหมณพวกหนึ่ง ยังประโยชนทง้ั หลายอนั มเี ตโชกสณิ สมาบตั เิ ปนอยา งยิง่ ใหเ กิดเฉพาะแลว . ดกู อ นนองหญิง สมณพราหมณพวกหนง่ึ ยังประโยชนทั้งหลายอนั มีวาโยกสณิ สมาบตั ิเปนอยางยิง่ ใหเ กดิ เฉพาะแลว. ดกู อนนองหญิง สมณพราหมณพ วกหน่ึง ยงั ประโยชนท ้ังหลายอนั มีปต กสิณสมาบัตเิ ปน อยา งยิ่งใหเกิดเฉพาะแลว. ดกู อนนอ งหญิง สมณพราหมณพ วกหนงึ่ ยงั ประโยชนทัง้ หลายอันมีโลหติ กสิณสมาบัตเิ ปน อยางย่ิงใหเกดิ เฉพาะแลว. ดูกอนนอ งหญิง สมณพราหมณพวกหนงึ่ ยงั ประโยชนทงั้ หลายอันมโี อทาตกสณิ สมาบตั ิเปนอยางย่งิ ใหเ กิดเฉพาะแลว .๑. สมทุ ัยสจั . ๒. ทุกขสจั . ๓. นิโรธสัจ. ๔. มรรคสจั .
พระสตุ ตนั ตปฎก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 89 ดูกอนนองหญงิ สมณพราหมณพ วกหน่งึ ยงั ประโยชนท้ังหลายอนั มอี ากาสกสณิ สมาบตั เิ ปน อยางยงิ่ ใหเกดิ เฉพาะแลว . ดกู อ นนอ งหญิง สมณพราหมณพ วกหนง่ึ ยงั ประโยชนท้ังหลายอันมีวญิ ญาณกสณิ สมาบัติเปนอยางยงิ่ ใหเกดิ เฉพาะแลว ความที่ประโยชนมวี ญิ ญาณกสณิ สมาบตั เิ ปน อยา งยิ่ง มปี ระมาณเทาใด พระผมู ีพระภาคเจาทรงรูแลวซงึ่ ความท่ีประโยชนม ีวญิ ญาณกสิณสมาบตั ิเปนอยา งยิง่ นนั้ คร้นัทรงรแู ลว ไดทรงเห็นเบอื้ งตน ไดท รงเห็นโทษ ไดท รงเห็นธรรมเครอ่ื งสลดั ออก ไดทรงเหน็ ญาณทัสสนะวา เปน ทางและมิใชทาง การบรรลปุ ระโยชนเพราะเหตุทรงเหน็ เบ้อื งตน เพราะเหตุทรงเห็นโทษ เพราะเหตุทรงเห็นธรรมเครื่องสลดั ออก เพราะเหตทุ รงเหน็ ญาณทัสสนะวา เปนทางและมใิ ชท างแหง ความที่ประโยชนมีวญิ ญาณกสิณสมาบตั เิ ปน อยา งย่ิงนัน้ พระผมู พี ระภาคเจา ทรงทราบแลววา เปน ความสงบแหง หทัย. ดูกอนนอ งหญงิ พระพทุ ธพจนที่พระผูมีพระภาคเจา ตรัสไวแลวในกุมารีปญหาวา การบรรลุประโยชน เปน ความสงบแหงหทัย เรา ชาํ นะเสนา คือ กเิ ลสอันมรี ูปเปนท่ีรกั เปน ท่ีชน่ื ใจ แลว เปนผูเดยี วเพงอยู ไดรูโดยลาํ ดบั ซึง่ ความสุข เพราะฉะนนั้ เราจงึ ไมท ําความเปน เพ่อื นดวยชน ความเปนเพ่อื นดว ยใคร ๆ ยอมไมมีแกเ รา ดงั นี.้ เนื้อความแหงพระพทุ ธพจนท ี่ตรัสไวโดยยอ น้ี พึงเหน็ โดยพิสดารอยางนแ้ี ล. จบกาลีสูตรที่ ๖
พระสุตตันตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 90 อรรถกถากาลีสตู รที่ ๖ กาลสี ตู รท่ี ๖ พึงทราบวินจิ ฉยั ดังตอ ไปนี.้ บทวา กุมารปี ฺเหสุ ไดแ กใ นคาํ ถามของธิดามารผูยงั สาว. ตรสัพระอรหตั อยางเดียว ดวยบททง้ั สองวา อตฺถสฺส ปตตฺ ิ หทยสสฺ สนฺติการบรรลปุ ระโยชนเ ปนความสงบแหง พระหฤทยั . บทวา เสน ไดแ กกองทพั กเิ ลสมีราคะเปนตน . บทวา ปยสาตรปู ไดช่อื อยางนี้ กเ็ พราะกิเลสเกดิ ในวัตถทุ ้งั หลาย ทีน่ า รัก และนา ชื่นใจ. บทวา เอโกห ฌายีสุขมานุโพธึ ความวา เราผเู ดียวเทาน้นั (รจู กั กองทพั กิเลสอยางนี้แลว )จงึ เขาฌานตรัสรูไ ดโดยงา ย. บทวา สกขฺ ึ ความวา ไดแ ก ประจักษธ รรมที่ถึงความเปนประจักษพยาน. บทวา สกขฺ ี น สมฺปชชฺ ติ เกนจีเม ความวาเราไมม ีมิตรธรรมกับใคร ๆ. บทวา ปวีกสิณสมาปตฺตปิ รมา โข ภคนิ ิ เอเก สมณพฺราหมฺ ณาอตฺถาภนิ ิพพฺ ตเฺ ตสุ ความวา สมณพราหมณพวกหนึง่ ยึดถอื วา ปฐว-ีกสิณสมาบตั ิ เปนประโยชนอยางยิง่ สงู สุด จงึ ทาํ ใหเ กดิ . บทวา ยาวตา โขภคินิ ปวกี สิณสมาปตตฺ ิปรมตา ความวา ความท่ีประโยชนม ีปฐวีกสิณสมาบตั มิ ียอดสงู สุด ประมาณเพยี งใด. บทวา ตทภิ ฺาสิ ภควา ไดแ กพระผมู ีพระภาคเจา ไดทรงรชู ดั ซึง่ ปฐวกี สิณสมาบตั ินั้น ดวยความรูย่ิงซ่งึ ประโยชนน้นั ดวยพระปญญา. บทวา อาทิมททฺ สสฺ ไดแ ก ไดทรงเห็นสมุทยั สจั . บทวา อาทีนวมทฺทสฺส ไดแก ไดทรงเห็นทกุ ขสจั . บทวานิสฺสรณมททฺ สฺส ไดแก ไดทรงเหน็ นิโรธสจั . บทวา มคคฺ ามคฺคาณ-ทสสฺ นมททฺ สฺส ไดแก ทรงเห็นมรรคสัจ. บทวา อตถฺ สฺส ปตตฺ ิ ไดแก
พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 91การสอ งเสพประโยชน กลาวคอื พระอรหัต เพราะเหน็ สจั จะ ๔ เหลา นี้เปน ความสงบแหง พระหฤทัย เพราะความกระวนกระวายและความเรารอ นสงบไปหมด. จบอรรถกถากาลสี ตู รท่ี ๖ ๗. ปฐมมหาปญ หาสูตร วาดว ยปญหา อุเทศ ไวยากรณอยางละ ๑ ถงึ ๑๐ [๒๗] สมยั หนึ่ง พระผูม พี ระภาคเจา ประทับอยู ณ พระวิหารเชต-วนั อารามของอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี ใกลพ ระนครสาวัตถี คร้งั น้นั แล เปนเวลาเขา พระภกิ ษเุ ปน อนั มากนงุ สบงแลว ถือบาตรและจีวรเขา ไปบณิ ฑ-บาตในพระนครสาวตั ถี ลําดับนัน้ แล ภิกษเุ หลา นน้ั ไดมคี วามคิดดงั น้วี าการจะเทย่ี วไปบิณฑบาตในเมอื งสาวตั ถี กย็ ังเชา นกั ผฉิ ะนน้ั พวกเราพึงเขา ไปยงั อารามของพวกอญั ญเดียรถียปริพาชกเถดิ ครงั้ น้นั แล ภิกษุเหลา น้ันเขาไปยงั อารามของพวกอญั ญเดียรถียป รพิ าชก ไดปราศรยั กบัอญั ญเดยี รถียปริพาชกเหลานน้ั คร้ันผา นการปราศรยั พอใหร ะลกึ ถงึ กันไปแลว จงึ นัง่ ณ ทีค่ วรสว นขางหน่งึ พวกอญั ญเดยี รถียป ริพาชกไดกลา วกะภกิ ษเุ หลานั้นวา ดูกอ นทา นผูมีอายุท้ังหลาย พระสมณโคดมยอมทรงแสดงธรรมแกสาวกทง้ั หลายอยา งนี้วา ดกู อนภิกษุทัง้ หลาย มาเถิด เธอท้ังหลายพงึ รูย ง่ิ ธรรมทงั้ ปวง ครั้นรยู ิ่ง ๆ ธรรมทงั้ ปวงแลว จงอยูเถิด ดังนี้ดูกอนทานผมู ีอายุท้งั หลาย แมเ ราทัง้ หลายก็แสดงธรรมแกสาวกทั้งหลายเหลา นวี้ า ดกู อ นทานผมู ีอายุทั้งหลาย มาเถดิ ทา นท้ังหลายจงรูย ง่ิ ธรรมทง้ั ปวง คร้นั รูย่งิ ๆ ธรรมทงั้ ปวงแลว จงอยูเ ถดิ ดังนี้ ดูกอ นทานผมู ีอายทุ ้งั หลาย ในธรรมเทศนาหรือนุสาสนนี ี้ จะผิดแผกแตกตางกนั อยา งไรเลา คือธรรมเทศนากับธรรมเทศนา หรืออนสุ าสนกี บั อนุสาสนขี องพระ-
พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 92สมณโคดม หรือของพวกเรา ครั้งนน้ั แล ภิกษุเหลานนั้ ไมย ินดี ไมค ัดคา นภาษติ ของอัญญเดยี รถียป รพิ าชกเหลาน้ัน คร้ันแลว ลกุ จากอาสนะหลีกไปดว ยคิดวา เราทงั้ หลายจกั รทู ัว่ ถึงเน้ือความแหงภาษติ นีใ้ นสาํ นกั พระผมู ีพระภาคเจา. ครงั้ นั้นแล ภิกษุเหลาน้นั เท่ียวบิณฑบาตในนครสาวตั ถีแลวเวลาปจฉาภัตกลบั จากบิณฑบาตแลว เขา ไปเฝาพระผูมพี ระภาคเจา ณ ท่ีประทับ ถวายบงั คมพระผูมีพระภาคเจาแลวนงั่ ณ ทีค่ วรสวนขา งหนึ่งแลวไดก ราบทลู พระผูม พี ระภาคเจา วา ขาแตพ ระองคผูเจริญ เม่ือเชา นี้ขาพระองคท ัง้ หลายนุงสบงแลว ถือบาตรและจวี รเขาไปบิณฑบาตในนครสาวัตถี ขา แตพ ระองคผเู จรญิ พวกขา พระองคไ ดมคี วามคิดดงั นี้วา การจะเท่ยี วไปบิณฑบาตในนครสาวัตถี กย็ ังเชา นัก ผฉิ ะน้นั พวกเราพงึ เขา ไปยงั อารามของพวกอัญญเดียรถยี ปริพาชกเถิด พวกขาพระองคไ ดเ ขาไปยงัอารามของพวกอัญญเดยี รถียปรพิ าชก ไดป ราศรัยกับพวกอญั ญเดียรถยี ปริพาชกเหลาน้นั ครั้นผานการปราศรัยพอใหระลึกถงึ กนั แลว ไดนง่ั ณทีค่ วรสวนขางหนง่ึ ขาแตพระองคผูเจริญ อญั ญเดียรถียป รพิ าชกเหลา นัน้ไดกลา วกะขา พระองคท ั้งหลายวา ดกู อ นทา นผมู ีอายุทั้งหลาย พระสมณ-โคดมยอมทรงแสดงธรรมแกส าวกทงั้ หลายอยางน้ีวา ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลายมาเถดิ เธอทง้ั หลายจงรูยง่ิ ธรรมทั้งปวง ครน้ั รยู ่งิ ๆ ธรรมทง้ั ปวงแลวจงมาเถิด ดังน้ี ดูกอ นทา นผูมีอายทุ ้ังหลาย แมเราทัง้ หลายก็แสดงธรรมแกส าวกทั้งหลายอยา งนี้วา ดกู อนทา นผมู ีอายทุ ัง้ หลาย มาเถิด ทา นทงั้ หลายจงรูย่งิ ธรรมทง้ั ปวง ครนั้ รยู ิ่ง ๆ ธรรมทง้ั ปวงแลว จงอยูเถิดดงั น้ี ดูกอนทา นผมู ีอายทุ ง้ั หลาย ในธรรมเทศนาหรือนสุ าสนนี ีจ้ ะผดิแผกแตกตา งกนั อยางไรเลา คอื ธรรมเทศนากับธรรมเทศนา หรืออนุ-
พระสุตตันตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 93สาสนกี ับอนสุ าสนขี องพระโคดม หรอื ของพวกเรา ขา แตพระองคผเู จริญ คร้ังนน้ั แล ขา พระองคท ัง้ หลายไมไ ดยินดี ไมคดั คา นภาษิตของอญั ญเดยี รถยี ปรพิ าชกเหลา นั้น คร้ันแลวลกุ จากอาสนะหลีกไป ดวยคดิวา เราท้งั หลายจักรทู ่ัวถึงเน้อื ความแหงภาษติ น้ใี นสํานักของพระผมู ีพระ-ภาคเจา . พระผูมีพระภาคเจาตรัสวา ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย พวกอัญญเดียรถียปรพิ าชกมวี าทะอยางน้ี เธอท้งั หลายพึงถามอยางนว้ี า ดูกอนอาวโุ สทงั้ -หลาย ปญหา ๑ อุเทศ ๑ ไวยากรณ ๑ ปญ หา ๒ อุเทศ ๒ ไวยากรณ ๒ปญ หา ๓ อเุ ทศ ๓ ไวยากรณ ๓ ปญหา ๔ อุเทศ ๔ ไวยากรณ ๔ปญ หา ๕ อุเทศ ๕ ไวยากรณ ๕ ปญ หา ๖ อเุ ทศ ๔ ไวยากรณ ๖ปญหา ๗ อุเทศ ๗ ไวยากรณ ๗ ปญหา ๘ อุเทศ ๘ ไวยากรณ ๘ปญ หา ๙ อเุ ทศ ๙ ไวยากรณ ๙ ปญหา ๑๐ อุเทศ ๑๐ ไวยากรณ ๑๐เปน อยา งไร ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย พวกอัญญเดียรถยี ปรพิ าชกถูกถามอยางน้ีแลว จักไมย ังพยากรณใ หถ งึ พรอ มได จกั ถึงความลาํ บากแมอยา งยิง่ขอ นนั้ เพราะเหตุไร เพราะพวกอญั ญเดยี รถียป ริพาชกน้นั ถกู ถามในปญ หาอนั มิใชว ิสยั ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ในโลกนี้พรอ มทงั้ เทวโลก มารโลกพรหมโลก ในหมสู ตั วพรอ มท้งั สมณพราหมณ เทวดาและมนษุ ย เรายอมไมเ หน็ บคุ คลทจ่ี ะย่งิ ใหยินดไี ดดว ยการพยากรณปญ หาเหลานี้ เวนจากตถาคตหรือสาวกตถาคต หรือผทู ฟ่ี ง จากสาวกของตถาคตนี้ กค็ าํ ท่ีเรากลาววา ปญ หา ๑ อเุ ทศ ๑ ไวยากรณ ๑ ดังนี้ เราอาศัยอะไรกลาวแลว ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย ภิกษุเมื่อหนา ยโดยชอบ คลายกาํ หนดัโดยชอบ มีปกตเิ ห็นทส่ี ดุ โดยชอบ บรรลุประโยชนโดยชอบในธรรม
พระสตุ ตันตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 94อยางหน่ึง ยอ มเปนผูทาํ ทีส่ ดุ ทกุ ขไ ดใ นปจจบุ นั ในธรรมอยางหนึง่ เปนไฉน คือ สัตวทัง้ ปวงเปนผูมีอาหารเปน ทต่ี ้ัง ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย ภกิ ษุเม่อื หนา ยโดยชอบ คลายกําหนัดโดยชอบ หลุดพนโดยชอบ มีปกติเห็นทส่ี ดุ โดยชอบ บรรลุประโยชนโดยชอบ ในธรรมอยา งหนึ่งนีแ้ ล ยอ มเปน ผูท าํ ทส่ี ุดทกุ ขไดใ นปจจุบนั คําที่เรากลา ววา ปญ หา ๑ อเุ ทศ ๑ไวยากรณ ๑ ดงั น้ี เราอาศยั ขอน้ีกลา วแลว. กค็ าํ ท่เี รากลา ววา ปญ หา ๒ อเุ ทศ ๒ ไวยากรณ ๒ ดงั นี้ เราอาศยั อะไรกลา วแลว ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ภกิ ษเุ มอ่ื หนายโดยชอบ คลายกําหนดั โดยชอบ หลดุ พนโดยชอบ มีปกติเห็นทสี่ ุดโดยชอบ บรรลุประโยชนโดยชอบ ในธรรม ๒ อยา ง ยอมเปน ผูทาํ ที่สดุ ทุกขไดในปจจบุ นัในธรรม ๒ อยางเปนไฉน คอื ในนาม ๑ ในรปู ๑ ดกู อ นภิกษุทัง้ .หลาย ภิกษุเมอ่ื หนา ยโดยชอบ คลายกําหนัด โดยชอบ หลุดพน โดยชอบมปี กตเิ หน็ ท่สี ุดโดยชอบ บรรลุประโยชนโดยชอบ ในธรรม ๒ อยางน้ีแล ยอ มเปน ผูทําท่สี ดุ ทุกขไ ดในปจ จุบนั คาํ ทเี่ รากลาววา ปญหา ๒อุเทศ ๒ ไวยากรณ ๒ ดังนี้ เราอาศัยขอนี้กลาวแลว . ก็คาํ ทเ่ี รากลาววา ปญหา ๓ อเุ ทศ ๓ ไวยากรณ ๓ ดังนี้ เราอาศัยอะไรกลาวแลว ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย ภิกษเุ มือ่ หนา ยโดยชอบ คลายกําหนัดโดยชอบ หลุดพนโดยชอบ มีปกติเห็นท่ีสุดโดยชอบ บรรลุประโยชนโดยชอบ ในธรรม ๓ อยาง ยอ มเปนผูทาํ ที่สุดทกุ ขไดใ นปจ จุบนั ในธรรม ๓ อยา งเปนไฉน คือ ในเวทนา ๓ ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย ภกิ ษุเมอื่ หนา ยโดยชอบ คลายกาํ หนดั โดยชอบ หลุดพน โดยชอบ มปี กติเหน็ ทส่ี ุดโดยชอบ บรรลปุ ระโยชนโดยชอบ ในธรรม
พระสุตตันตปฎก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 95๓ อยางน้ีแล ยอ มเปนผทู าํ ที่สดุ ทกุ ขไดในปจจบุ ัน คาํ ทีเ่ รากลาววาปญ หา ๓ อุเทศ ๓ ไวยากรณ ๓ ดังนี้ เราอาศยั ขอนกี้ ลา วแลว. กค็ ําท่ีเรากลาววา ปญหา ๔ อุเทศ ๔ ไวยากรณ ดังนี้ เราอาศยั อะไรกลาวแลว ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ภิกษุเมอื่ หนา ยโดยชอบ คลายกาํ หนดั โดยชอบ หลดุ พน โดยชอบ มีปกตเิ หน็ ท่ีสดุ โดชอบ บรรลุประโยชนโดยชอบ ในธรรม ๔ อยา ง ยอมเปน ผูทาํ ทส่ี ุดทกุ ขไ ดใ นปจจบุ ัน ในธรรม ๔ อยางเปนไฉน คือ ในอาหาร ๔ ดูกอนภิกษุท้งั หลาย ภิกษุเมอ่ื หนายโดยชอบ คลายกาํ หนดั โดยชอบ หลุดพนโดยชอบ มีปกติเห็นท่ีสดุ โดยชอบ บรรลผุ ลโดยชอบ ในธรรม ๔ อยา งนี้แล ยอ มเปนผูทาํ ทสี่ ดุ ทกุ ขไ ดใ นปจจบุ นั คาํ ท่ีเรากลา ววา ปญหา ๔อเุ ทศ ๔ ไวยากรณ ๔ ดงั นี้ เราอาศยั ขอ นกี้ ลาวแลว . ก็คําท่เี รากลา ววา ปญหา ๕ อเุ ทศ ๕ ไวยากรณ ๕ ดงั นี้ เราอาศัยอะไรกลา วแลว ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเบอ่ื หนายโดยชอบ คลายกาํ หนัดโดยชอบ หลดุ พนโดยชอบ มปี กตเิ ห็นที่สดุ โดยชอบ บรรลุประโยชนโดยชอบ ในธรรม ๕ อยา ง ยอ มเปน ผูทาํ ทสี่ ุดทุกขไ ดในปจจุบนั ในธรรม ๕ อยางเปนไฉน คือ ในอปุ ทานขนั ธ ๕ ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย ภิกษเุ มอ่ื หนา ยโดยชอบ คลายกําหนดั โดยชอบ หลุดพนโดยชอบ มีปกติเห็นทีส่ ุดโดยชอบ บรรลปุ ระโยชนโ ดยชอบ ในธรรม๕ อยา งน้แี ล ยอมเปนผทู ําทส่ี ุดทุกขไดใ นปจ จุบนั คาํ ทเี่ รากลาววาปญ หา ๕ อเุ ทศ ๕ ไวยากรณ ๕ ดงั น้ี เราอาศัยขอ นก้ี ลา วแลว. ก็คําท่ีเรากลาววา ปญ หา ๖ อเุ ทศ ๖ ไวยากรณ ๖ ดงั นี้ เราอาศยั อะไรกลา วแลว ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ภกิ ษุเมือ่ หนา ยโดยชอบ คลาย
พระสุตตนั ตปฎก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 96กําหนัดโดยชอบ หลดุ พน โดยชอบ มีปกตเิ หน็ ทส่ี ดุ โดยชอบ บรรลุประโยชนโดยชอบ ในธรรม ๖ อยา ง ยอมเปนผูท าํ ทสี่ ดุ ทุกขไ ดในปจจุบัน ในธรรม ๖ อยางเปน ไฉน คือ ในอายตนะภายใน ๖ ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ภิกษุเมือ่ หนา ยโดยชอบ คลายกาํ หนดั โดยชอบ หลุดพน โดยชอบ มปี กติเห็นที่สดุ โดยชอบ บรรลุประโยชนโ ดยสอบ ในธรรม ๖อยางนแี้ ล ยอ มเปนผูท ําท่ีสุดทกุ ขไดใ นปจ จุบนั คําท่ีเรากลา ววา ปญ หา๖อเุ ทศ ๖ ไวยากรณ ๖ ดงั นี้ เราอาศัยขอน้กี ลา วแลว. กค็ าํ ทเี่ รากลา ววา ปญ หา ๗ อเุ ทศ ๗ ไวยากรณ ๗ ดังน้ี เราอาศัยอะไรกลา วแลว ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย ภิกษุเม่ือหนา ยโดยชอบ คลายกําหนดั โดยชอบ หลดุ พน โดยชอบ มีปกติเหน็ ทส่ี ดุ โดยชอบ บรรลุประโยชนโ ดยชอบ ในธรรม ๗ อยาง ยอ มเปนผทู ําทสี่ ดุ ทุกขไดใ นปจจุบัน ในธรรม ๗ อยา งเปนไฉน คอื ในวญิ ญาณฐติ ิ ๗ ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย ภกิ ษเุ บือ่ หนายโดยชอบ คลายกําหนดั โดยชอบ หลดุ พนโดยชอบ มปี กติเหน็ ทส่ี ดุ โดยชอบ บรรลุประโยชนโ ดยชอบ ในธรรม๗ อยางนแ้ี ล ยอมเปนผทู ําทส่ี ุดทุกขไดใ นปจ จบุ นั คําทเี่ รากลา ววาปญ หา ๗ อุเทศ ๗ ไวยากรณ ๗ ดงั นี้ เราอาศยั ขอ นกี้ ลา วแลว. ก็คําท่เี รากลา ววา ปญหา ๘ อเุ ทศ ๘ ไวยากรณ ๘ ดงั นี้ เราอาศยั อะไรกลาวแลว ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ภิกษุเมือ่ หนา ยโดยชอบ คลายกําหนดั โดยชอบ หลดุ พน โดยชอบ มปี กติเห็นท่สี ุดโดยชอบ บรรลุประโยชนโดยชอบ ในธรรม ๘ อยาง ยอมเปนผทู ําทส่ี ุดทุกขไดใ นปจจุบัน ในธรรม ๘ อยางเปน ไฉน คือ ในโลกธรรม ๘ ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย ภกิ ษเุ ม่ือหนายโดยชอบ คลายกําหนดั โดยชอบ หลุดพน โดยชอบ
พระสุตตันตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 97มีปกตเิ หน็ ทส่ี ุดโดยชอบ บรรลปุ ระโยชนโ ดยชอบ ในธรรม ๘ อยางน้ีแลยอ มเปน ผทู าํ ท่ีสดุ ทกุ ขไ ดในปจ จุบัน คําที่เรากลาววา ปญหา ๘ อุเทศ ๘ไวยากรณ ๘ ดังนี้ เราอาศยั ขอ นีก้ ลาวแลว. ก็คําทีเ่ รากลาววา ปญ หา ๙ อุเทศ ๙ ไวยากรณ ๙ ดงั น้ี เราอาศัยอะไรกลา วแลว ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย ภกิ ษเุ ม่ือหนา ยโดยชอบ คลายกําหนัดโดยชอบ หลุดพนโดยชอบ มปี กติเหน็ ทีส่ ดุ โดยชอม ในธรรม๙ อยาง ยอ มเปนผูทําทส่ี ดุ ทุกขไดในปจจบุ นั ในธรรม ๙ อยางเปน ไฉนคือในสตั ตาวาส ๙ ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย ภิกษเุ มอ่ื หนายโดยชอบ คลายกําหนดั โดยชอบ หลุดพนโดยชอบ มปี กตเิ ห็นทสี่ ดุ โดยชอบ บรรลุประโยชนโดยชอบ ในธรรม ๙ อยางนี้แล ยอมเปน ผทู ําท่สี ุดทุกขไดในปจจุบนั คําท่ีเรากลา ววา ปญหา ๙ อเุ ทศ ๙ ไวยากรณ ๙ ดังน้ีเราอาศัยขอน้กี ลา วแลว . ก็คาํ ท่เี รากลาววา ปญ หา ๑๐ อุเทศ ๑๐ ไวยากรณ ๑๐ ดงั นี้เราอาศัยอะไรกลาวแลว ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภกิ ษุเมอื่ หนา ยโดยชอบคลายกาํ หนัดโดยชอบ หลดุ พน โดยชอบ มีปกตเิ ห็นท่ีสุด โดยชอบ บรรลุผลประโยชนโดยชอบ ในธรรม ๑๐ อยาง ยอ มเปนผูทําทสี่ ดุ ทุกขไ ดในปจ จุบนั ในธรรม ๑๐ อยา งเปนไฉน คอื ในอกุศลกรรมบถ ๑๐ ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย ภกิ ษุเมอื่ หนายโดยชอบ คลายกําหนดั โดยชอบ หลดุ พนโดยชอบ มปี กตเิ หน็ ท่สี ดุ โดยชอบ บรรลปุ ระโยชนโ ดยชอบ ในธรรม๑๐ อยางน้ีแล ยอ มเปน ผูทาํ ท่สี ุดทุกขไดใ นปจ จบุ ัน คาํ ทเ่ี รากลาววาปญ หา ๑๐ อุเทศ ๑๐ ไวยากรณ ๑๐ ดังนี้ เราอาศัยขอ นกี้ ลา ววา . จบปฐมมหาปญ หาสูตรท่ี ๗
พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาที่ 98 อรรถกถาปฐมมหาปญหาสูตรที่ ๗ ปฐมมหาปญ หาสูตรท่ี ๗ พงึ ทราบวนิ จิ ฉัยดังตอไปน้ี. บทวา อภิชานาถ ไดแ ก รยู งิ่ ทําใหประจกั ษอย.ู บทวา อภิ ฺ ายแปลวา รูย ่งิ . บทวา อิธ แปลวา ในธรรมเทศนาหรืออนุสาสนีน้ี. บทวาธมมฺ เทสนาย วา ธมมฺ เทสน ความวา พวกเดียรถียกลา ววา พวกทานปรารถนาธรรมเทศนาของเรากบั พระธรรมเทศนาของพระสมณโคดม หรือพระธรรมเทศนาของพระสมณโคดมกับธรรมเทศนาของเรา แลวกลา ววาตา งกนั ก็ตา งกนั อยางไรเลา. แมใ นบทที่ ๒ กน็ ยั นี้เหมอื นกนั . ดงั นน้ัพวกเดียรถียเหลา น้นั จงึ ต้งั ลทั ธขิ องตนเทียบกบั พระศาสนาวามธี รุ ะเสมอกันเพยี งดวยคําพูด เหมือนต้งั แทง ทองท่กี ลวงไวฉะน้นั . บทวา เนว อภนิ นฺทึสุไดแก ไมรบั รองวาขอ นั้นเปนอยา งน้นั . บทวา น ปฏิกฺโกสสึ ุ ไดแ กไมป ฏเิ สธวา ขอนไ้ี มเปน อยา งนน้ั . เพราะเหตไุ ร. ไดยินวา พวกภิกษุเหลานน้ั ไมรับรอง ดว ยคดิ วา ข้ึนชอ่ื วาพวกเดียรถยี เปน พวกคนบอดรูห รือไมร .ู ก็พดู ไป. บทวา เนว สมปฺ ายิสสฺ นตฺ ิ ไดแก จักตอบไมได. บทวา อตุ ตฺ รปึ วฆิ าต ไดแก จกั ประสบทกุ ขย ิง่ ขึน้ เพราะตอบไมได. เม่อื พวกเดียรถียตอบไมไ ด กเ็ กดิ ทกุ ข. กค็ ําวา ต ในบาลวี า ยถาตภกิ ขฺ เว อวสิ ยสมฺ ึ น้ี เปนเพียงนิบาต. บทวา ยถา เปน คาํ กลา วถงึ เหตุ.อธิบายวา พวกเดยี รถยี ถูกถามปญ หาในสง่ิ ทีม่ ใิ ชว ิสยั เพราะเหตใุ ด.บทวา อโิ ต วา ปน สุตวฺ า แปลวา กห็ รอื วา ฟงจากศาสนาของเราน้.ีจริงอยู เขาฟง จากศาสนานี้ คอื จากพระตถาคตบาง จากสาวกของพระ-ตถาคตบา ง. บทวา อาราเธยฺเย แปลวา พงึ ยินด.ี พระผมู พี ระภาคเจา
พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 99ทรงแสดงวา ช่ือวา ความยินดีโดยประการอ่นื ไมม.ี บทวา เอกธมเฺ มแปลวา ในธรรมอยา งหนง่ึ . ทรงแสดงอเุ ทศดว ยบทน้.ี โดยปรนยั ทรงแสดงปญหาดว ยบทนี้ วา กตมสมฺ ึ เอกธมฺเม. ก็คําวา สพเฺ พ สตตฺ า อาหารฏติ ิกา น้ี เปน คําไวยากรณต อบในขอ น้ี.แมใ นปญหาทเ่ี หลือ กน็ ยั นี้เหมอื นกัน. กใ็ นคําวา สมมฺ า นพิ ฺพนิ ฺท-มาโน เปนตน ความวา เม่อื หนา ย คอื ถอนขึน้ ดว ยนิพพิทาวิปส สนา-ญาณ คลายกําหนดั ดว ยวิราคานปุ สสนาญาณ รูอ ุบายแหงการหลดุ พนแลว หลดุ พน ดวยปฏสิ งั ขานุปสสนาญาณ หรือหลดุ พน ดวยสามารถอธโิ มกข กระทาํ ความตกลงใจโดยชอบ คือโดยเหตุ โดยนยั . ชือ่ วามีปกตเิ หน็ ท่ีสุดโดยชอบ เพราะกาํ หนดดวยความเกดิ และความเสอื่ มแลวเหน็ เบ้อื งตนเบื้องปลาย. บทวา สมมฺ ตฺถาภสิ เมจจฺ ไดแ ก ตรสั รูประโยชนแหงสภาวะโดยชอบ ดวยญาณ. บทวา ทุกฺขสฺสนิตกโร โหติไดแ ก กระทาํ ทส่ี ดุ แหงวัฏทกุ ขท้ังส้นิ . บทวา สพเฺ พ สตฺตา ไดแ กสัตวทกุ ชนดิ ในภพทุกภพ มกี ามภพเปนตน มสี ัญญาภพเปน ตน. และมีเอกโวการภพเปน ตน . บทวา อาหารฏ ติ กิ า ไดแก สัตวท ้ังปวงช่ือวาอาหารฏั ฐิตกิ า เพราะดาํ รงชีวิตอยไู ดด วยอาหาร. ธรรมอยา งหนงึ่ ชอื่ วาอาหาร เพราะเปนเหตุตง้ั อยูแหงสตั วท้ังปวง ดวยประการฉะนี้ . ในธรรมอยา งหนงึ่ นนั้ . ถามวา กเ็ มอื่ เปน เชนนั้น คําใดตรัสวา เทพอสญั ญีสัตวไมมีเหตุ ไมม ีอาหาร ไมม ีผัสสะเปนตน คําน้นั กผ็ ิดมิใชหรอื . ตอบวาไมผ ิด. เพราะฌานของอสญั ญีสตั วเหลานนั้ ยอมเปน อาหาร. ถามวาแมเมอ่ื เปน เชน น้นั แมคาํ วา ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย อาหาร ๔ เหลานี้แมนี้ กผ็ ิดนะส.ิ ตอบวา ไมผิด. เพราะในพระสูตรนั้น ธรรมทง้ั หลาย
พระสุตตนั ตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 100ทม่ี ีลกั ษณะเปนอาหาร ตรสั วา อาหารโดยตรง. สวนในพระสตู รน้ีปจ จัยท้ังหลายตรัสวา อาหาร โดยออม. จริงอยู ปจ จัยแหงธรรมทั้งหมดควรไดช ่อื วา อาหาร ดว ยวา ปจ จัยนัน้ ยังผลใด ๆใหเกดิ ก็ชือ่ วา ยอมนําผลนั้น ๆ มา เพราะฉะนน้ั ปจ จัยทา นจงึ เรยี กวา อาหาร. ดว ยเหตนุ ้นันั่นแล พระผมู ีพระภาคเจา จงึ ตรสั วา ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย เรากลาววาแมอ วชิ ชาก็มอี าหาร ไมกลาววา ไมม ีอาหาร ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย อะไรเลา เปน อาหารของอวิชชา ควรจะกลา ววา นวิ รณ ๕. ในพระสตู รน้ี ทรงประสงคเอาปจ จยาหารน้ี. ก็เมื่อทรงถือเอาปจ จยาหารอยางหน่งึ แลว ทั้งอาหารโดยออ ม ท้ังอาหารโดยตรง ก็เปนอนั ทรงถอื เอาทง้ั หมดเลย. ในอสญั ญีภพนนั้ ก็ยอมไดปจ จยาหาร. เมอ่ื พระพุทธเจายงั ไมทรงอุบัติ สตั วท้ังหลายบวชในลัทธเิ ดียรถีย ทําบริกรรมในวาโยกสณิ ทําฌานใหบ งั เกดิออกจากฌานน้นั แลว เกิดชอบใจ พอใจวา จิตนห้ี นอ ไมม ีจติ เสยี ไดนาจะดี เพราะอาศัยจติ จึงเกดิ ทุกข มีการฆา การจองจําเปนตนเปนปจจัย เม่ือไมม ีจิต ทุกขน ัน้ ก็ไมม ี ดังนี้ แลว ยงั ไมเ ส่ือมฌาน ทํากาละ[ตาย] ก็บังเกิดในอสญั ญภี พ. อริ ิยาบถอนั ใด อนั ผูใ ดตง้ั ไวแลว ในมนุษยโลก ผูนน้ั บงั เกดิ ตามอริ ยิ าบถนนั้ เปนเสมอื นรูปจิตรกรรมต้งั อยู๕๐๐ กัป เปน เหมอื นนอนนานถงึ เพยี งน้ฉี ะนนั้ . เหลา สตั วเหน็ ปานนี้ก็ไดปจ จัยเปนอาหาร. จรงิ อยู สัตวเ หลานั้น เจรญิ ฌานใด ๆ เกดิ แลวฌานนั้นนั่นแหละเปน ปจจยั ของสตั วเหลา นัน้ . ลูกศรท่ียงิ ไป เพราะแรงเร็วแหงสายตราบใด แรงเร็วแหงสายยงั มอี ยู ลูกศรกย็ ังแลน ไปไดตราบนนั้ฉันใด ตราบใดท่ปี จ จัยแหงฌานยังมอี ยู ตราบนัน้ สตั วท งั้ หลายก็ตงั้อยไู ด ฉันนนั้ เม่ือปจ จยั แหง ฌานน้นั จบสนิ้ แลว สัตวเหลา น้นั กต็ กไป
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 595
Pages: