Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_38

tripitaka_38

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:40

Description: tripitaka_38

Search

Read the Text Version

พระสุตตนั ตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 251 อรรถกถากากสูตรท่ี ๗ กากสูตรท่ี ๗ พึงทราบวินิจฉนั ดังตอไปน.้ี บทวา ธ สี ไดแ ก ผกู าํ จัดคณุ ไมเออื้ ถงึ คุณของใคร ๆ แมเขาเอามอื จับก็กาํ จดั เสยี ยังถายอจุ จาระรดบนศรี ษะ. บทวา ปคพโฺ ภ ไดแกประกอบดว ยความคะนอง ไรยางอาย. ตณั หาความอยาก ทา นเรียกวาตินตณิ ะ ในบทวา ตินฺตโิ ณ ประกอบดวยความอยากนัน้ หรอื มากดวยความนารังเกียจ. บทวา ลทุ ฺโท แปลวา หยาบชา . บทวา อการณุ ิโกแปลวา ไรก รุณา. บทวา ทพุ พฺ โล ไดแก ไมม ีกาํ ลังแรงนอ ย. บทวาโอรวิตา ไดแ ก บนิ ไปรอ งไป. บทวา เนจยิโก ไดแ ก ทาํ การสะสม. จบอรรถกถากากสูตรที่ ๗ ๘. นิคันถสตู ร๑ วา ดว ยอสทั ธรรม ๑๐ ประการของพวกนิครนถ [๗๘] ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย พวกนคิ รนถประกอบดวยอสัทธรรม๑๐ ประการ ๑๐ ประการเปน ไฉน คอื เปนผูไมม ศี รัทธา ๑ ทุศีล ๑ไมม คี วามละอาย ๑ ไมม คี วามเกรงกลัว ๑ ไมภ ักดีตอ สัตบุรุษ ๑ ยกตนขมผูอ่นื ๑ ยึดม่นั ความเหน็ ของตน ถอื สิง่ ทไ่ี มควรเก็บไว สละคนื ความยดึ ม่ันถือม่นั ดว ยความเห็นของตนไดยาก ๑ เปน คนลวงโลก ๑ ปรารถนาลามก ๑ มคี วามเหน็ ผิด ๑ ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย พวกนคิ รนถป ระกอบดว ยอสทั ธรรม ๑๐ ประการนี้แล. จบนิคันถสตู รที่ ๘๑. สูตรที่ ๘ ไมมีอรรถกถาอธิบาย.

พระสุตตันตปฎก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 252 ๙. อาฆาตวัตถสุ ตู ร วาดวยวตั ถแุ หง ความอาฆาต ๑๐ ประการ [๗๙] ดกู อนภิกษุท้งั หลาย วตั ถุแหงความอาฆาต ๑๐ ประการน้ี๑๐ ประการเปน ไฉน คือ บคุ คลยอ มผูกความอาฆาตวา บคุ คลโนน ไดประพฤตสิ ง่ิ อันไมเ ปน ประโยชนแกเ ราแลว ๑ กาํ ลังประพฤติสิ่งอันไมเปนประโยชนแกเรา ๑ จกั ประพฤติสง่ิ อนั ไมเ ปน ประโยชนแ กเรา ๑ ยอมผกู ความอาฆาตวา บุคคลโนน ไดป ระพฤติส่ิงอันไมเ ปนประโยชนแกผูท่ีเปนที่รกั ท่ชี อบใจของเราแลว ๑ กําลังประพฤติสง่ิ อันไมเ ปน ประโยชนแกผูท่ีเปน ทีร่ กั ท่ีชอบใจของเรา ๑ จกั ประพฤตสิ ิ่งอันไมเปนประโยชนแกผูท่เี ปนทรี่ กั ที่ชอบใจของเรา ๑ ยอมผกู ความอาฆาตวา บุคคลโนนไดป ระ-พฤติส่งิ อนั เปนประโยชนแ กผูทไี่ มเปน ทีร่ กั ไมเ ปน ท่ีชอบใจของเราแลว ๑กาํ ลงั ประพฤตสิ ิ่งอนั เปน ประโยชนแกผูทีไ่ มเปนทร่ี ักไมเปนที่ชอบใจของเรา ๑ จักประพฤตสิ งิ่ อนั เปน ประโยชนแกผทู ไี่ มเปนท่ีรักไมเปน ทชี่ อบใจของเรา ๑ ยอ มโกรธในท่ไี มค วร ๑ ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย วัตถแุ หง ความอาฆาต ๑๐ ประการน้แี ล. จบอาฆาตวตั ถสุ ตู รท่ี ๙ อรรถกถาอาฆาตวตั ถุสูตรท่ี ๙ อาฆาตวัตถุสูตรท่ี ๙ พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ดงั ตอ ไปนี้. บทวา อฏ าเน ไดแก ในทม่ี ใิ ชเหตุ จริงอยู เหตเุ ปนตนวา เขาไดประพฤติสิ่งทีไ่ มเ ปนประโยชนแกเรา จะพึงมีไดใ นความเปนไปของสงิ่ทีม่ จี ิตใจ หรือวา ในสงิ่ ทไี่ มมีจติ ใจเปนตนวา ตอไม แผน หนิ ยอมไมม ี

พระสตุ ตันตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 253เพราะฉะน้นั อาฆาตในขอ น้ี จงึ ชอ่ื วาอาฆาตในทีม่ ใิ ชเหตุ. คําที่เหลอืทุกแหง มีเนือ้ ความงา ยทง้ั นนั้ แล. จบอรรถกถาอาฆาตวัตถสุ ูตรที่ ๙ จบอากงั ขวรรคที่ ๓ ๑๐. อาฆาตปฏิวินยสตู ร๑ วาดว ยอบุ ายเปน เครื่องกําจดั ความอาฆาต๑๐ ประการ [๘๐] ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย อุบายเปนเคร่อื งจํากัดความอาฆาต ๑๐ประการน้ี ๑๐ ประการเปน ไฉน คือ บคุ คลยอมกาํ จดั ความอาฆาตวาบคุ คลไดป ระพฤตสิ ิง่ อนั ไมเปน ประโยชนแกเ ราแลว การประพฤตสิ ่งิ อันเปนประโยชนจะพึงไดในบคุ คลนี้แตท ่ไี หน ๑ บุคคลกําลงั ประพฤติส่ิงอนัไมเปน ประโยชนแ กเรา การประพฤตสิ ่งิ อนั เปน ประโยชนจ ะพึงไดใ นบคุ คลนีแ้ ตที่ไหน ๑ บุคคลจกั ประพฤติส่ิงอันไมเปน ประโยชนแกเรา การประพฤติส่ิงอันเปนประโยชนจะพงึ ไดในบุคคลนีแ้ ตท ีไ่ หน ๑ ยอ มกําจดัความอาฆาตวา บคุ คลไดป ระพฤตสิ ่ิงอันไมเ ปน ประโยชนแกผ ูท่เี ปนท่รี กัทช่ี อบใจของเราแลว การประพฤติสิง่ อันเปนประโยชนจ ะพงึ ไดใ นบคุ คลน้ีแตทไี่ หน ๑ กําลงั ประพฤติสิ่งอนั ไมเปน ประโยชนแกผูท เี่ ปน ท่ีรักท่ชี อบใจของเรา การประพฤตสิ ิ่งอนั เปน ประโยชนจะพงึ ไดใ นบคุ คลน้ีแตท ไ่ี หน ๑จักประพฤตสิ ่งิ อันไมเ ปนประโยชนแ กผทู ี่เปนที่รกั ทชี่ อบใจของเรา การประพฤติสิ่งอนั เปน ประโยชนจ ะพึงไดในบคุ คลนแี้ ตท ี่ไหน ๑ ยอ มกาํ จัดความอาฆาตวา บคุ คลไดประพฤติส่งิ อนั เปนประโยชนแกผูทไี่ มเ ปนท่ีรกั๑. สตู รที่ ๑๐ ไมมอี รรถกถาอธบิ าย.

พระสุตตันตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 254ไมเปนที่ชอบใจของเราแลว การประพฤตสิ ง่ิ อันไมเ ปนประโยชนจะพงึ ไดในบคุ คลนี้แตท ี่ไหน ๑ กําลงั ประพฤติสิง่ อนั เปน ประโยชนแกผ ทู ไี่ มเปนทรี่ ักไมเ ปน ทช่ี อบใจของเรา การประพฤตสิ ิง่ อนั ไมเปน ประโยชนจะพงึไดใ นบคุ คลนี้แตที่ไหน ๑ จักประพฤติสง่ิ อันเปนประโยชนแ กบคุ คลผไู มเปนที่รกั ไมเ ปนที่ชอบใจของเรา การประพฤตสิ ง่ิ อนั ไมเ ปนประโยชนจะพงึ ไดใ นบคุ คลน้แี ตทไ่ี หน ๑ ยอมไมโกรธในทีอ่ นั ไมควร ๑ ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย อุบายเปน เครอื่ งกําจัดความอาฆาต ๑๐ ประการนแี้ ล. จบอาฆาตปฎวิ นิ ยสูตรที่ ๑๐ จบอากงั ขวรรคท่ี ๓ รวมพระสูตรท่ีมใี นวรรคนี้ คอื ๑. อากังขสตู ร ๒. กณั ฎกสูตร ๓. อิฎฐสูตร ๔. วัตถสุ ูตร๕. มคิ สาลาสูตร ๖. อภพั พสูตร ๗. กากสตู ร ๘. นคิ ันถสตู ร๙. อาฆาตวตั ถุสตู ร ๑๐. อาฆาตปฏวิ นิ ยสตู ร.

พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 255 เถรวรรคที่ ๔ ๑. วาหนุ สูตร วาดว ยพระตถาคตสลัดออกจากธรรม ๑๐ ประการ ชอ่ื วา มีพระทัยปราศจากแดนกเิ ลส [๘๑] สมยั หนึ่ง พระผูมพี ระภาคเจาประทับอยูทฝ่ี ง สระโปกขรณีชอ่ื คัคครา ใกลจัมปานคร ครงั้ นั้นแล ทานพระวาหนุ ะ เขาไปเฝา พระผ-ูมีพระภาคเจาถงึ ที่ประทับ ถวายบงั คมแลวนั่ง ณ ที่ควรสว นขา งหนึง่ ครัน้แลว ไดท ูลถามพระผูมพี ระภาคเจา วา ขาแตพระองคผเู จริญ พระตถาคตสลัดออก ปราศจาก หลดุ พนจากธรรมเทาไรหนอ จงึ ช่ือวา มพี ระทยัปราศจากแดนกิเลสอยู พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ตอบวา ดูกอ นวาหนุ ะพระตถาคตสลดั ออก ปราศจาก หลดุ พน จากธรรม ๑๐ ประการแล จงึช่ือวา มพี ระทัยปราศจากแดนกเิ ลสอยู ๑๐ ประการเปนไฉน คอื พระ-ตถาคตสลัดออก ปราศจาก หลุดพนจากรูป ๑ จากเวทนา ๑ จากสญั ญา๑ จากสังขาร ๑ จากวิญญาณ ๑ จากชาติ ๑ จากชรา ๑ จากมรณะ ๑จากทุกข ๑ จากกเิ ลส ๑ จงึ ช่ือวา มีพระทัยปราศจากแดนกเิ ลสอยู ดกู อนวาหุนะ พระตถาคตสลดั ออก ปราศจาก หลดุ พนจากธรรม ๑๐ ประการนแี้ ล จึงช่ือวามพี ระทยั ปราศจากแดงกิเลสอยู เปรียบเหมือนดอกอบุ ลดอกปทุม หรือดอกปุณฑริก ท่ีเกิดในนาํ้ เจริญในนํา้ ขึ้นพนแลว จากน้าํ ไมเ ปรอะเปอ นดวยน้ําตงั้ อยูฉะนั้น. จบวาหุนสูตรท่ี ๑

พระสุตตนั ตปฎก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 256 เถรวรรคที่ ๔ อรรถกถาวาหนุ สูตรที่ ๑ วรรคท่ี ๔ วาหุนสตู รท่ี ๑ พึงทราบวินจิ ฉัยดงั ตอไปน้ี. บทวา วิมริยาทิกเตน ไดแ ก ทาํ ลายของเขตแหง กเิ ลส แลวทําไมใ หมีขอบเขต. จบอรรถกถาวาหุนสูตรท่ี ๑ ๒. อานันทสูตร วา ดวยภิกษปุ ระกอบดว ยธรรม ๑๐ ประการ จักเจรญิ งอกงามในธรรมวนิ ัยนี้ [๘๒] ครงั้ นัน้ แล ทา นพระอานนทเขา ไปเฝา พระผูมีพระภาคเจาถึงท่ปี ระทับ ถวายบงั คมแลว นง่ั ณ ท่คี วรสว นขางหน่งึ คร้ันแลวพระ-ผมู ีพระภาคเจาไดต รัสกะทานพระอานนทวา ดูกอ นอานนท ภิกษเุ ปนผูไมมีศรทั ธา จกั ถงึ ความเจรญิ งอกงามไพบูลยใ นธรรมวินัยน้ี ขอ นีไ้ มเปนฐานะทจี่ ะมไี ด ภิกษเุ ปน ผูทศุ ลี ... ภิกษุเปนผูมีการสดบั นอย ... ภิกษุเปน ผูวายาก...ภกิ ษเุ ปน ผูม ีมิตรชัว่ ...ภกิ ษเุ ปน ผเู กยี จคราน...ภิกษุเปนผูมีสติเลอะเลือน...ภกิ ษุเปนผไู มสันโดษ. . . ภกิ ษเุ ปน ผูม คี วามปรารถนาลามก ...ภิกษุเปน ผมู คี วามเหน็ ผิด จกั ถึงความเจรญิ งอกงามไพบูลยใ นธรรมวนิ ัยนี้ ขอนไี้ มเ ปนฐานะทจ่ี ะมไี ด ดกู อนอานนท ภิกษปุ ระกอบดวยธรรม ๑๐ ประการน้แี ล จกั ถึงความเจรญิ งอกงามไพบูลยในธรรมวนิ ัยนี้ ขอน้ไี มเ ปนฐานะที่จะมไี ด.

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 257 ดกู อ นอานนท ภิกษเุ ปนผูมศี รทั ธา จักถงึ ความงอกงามไพบูลยใ นธรรมวนิ ยั นี้ ขอ น้ีจงึ เปนฐานะท่ีมไี ด ภกิ ษุเปนผูมศี ลี ... ภิกษุเปนพหสู ูตทรงไวซ ่ึงสตุ ะ ...ภกิ ษุเปน ผมู ีมิตรดงี าม...ภิกษเุ ปนผปู รารภความเพยี ร... ภิกษเุ ปนผมู ีสติต้ังมั่น ... ภกิ ษเุ ปนผสู นั โดษ ... ภิกษุเปน ผมู คี วามปรารถนานอ ย ...ภกิ ษุเปน ผมู ีความเห็นชอบ จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลยในธรรมวนิ ยั น้ี ขอ นจี้ งึ เปนฐานะทมี่ ีได ดกู อนอานนท ภกิ ษุประกอบดวยธรรม ๑๐ ประการนี้แล จึงถึงความเจรญิ งอกงามไพบูลยใ นธรรมวินัยนี้ ขอนเ้ี ปน ฐานะที่มไี ด. จบอานันทสูตรท่ี ๒ อรรถกถาอานนั ทสตู รท่ี ๒ อานนั ทสตู รท่ี ๒ มีเนือ้ ความงา ยเหมือนกนั . จบอรรถกถาอานนั ทสูตรที่ ๒ ๓. ปณุ ณิยสตู รวาดวยธรรมเทศนาประกอบดว ยธรรม ๑๐ ประการ แจม แจงแกพระตถาคตโดยสวนเดียว [๘๓] คร้ังน้นั แล ทานพระปุณณยิ ะ เขา ไปเฝา พระผมู พี ระภาค-เจา ถงึ ที่ประทบั ถวายบงั คมแลว น่ัง ณ ทค่ี วรสวนขา งหนง่ึ คร้นั แลวไดทูลถามพระผมู พี ระภาคเจาวา ขาแตพระองคผ เู จริญ อะไรหนอเปนเหตุเปนปจจยั เครื่องใหพระธรรมเทศนาแจม แจงกะพระตถาคตในกาลบาง

พระสุตตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 258คราว ไมแจมแจง ในกาลบางคราว พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั วา ดกู อนปุณณิยะ ภิกษมุ ศี รทั ธา แตไ มเ ขา ไปหา พระธรรมเทศนาจงึ ไมแ จมแจงกะพระตถาคตกอ น แตใ นกาลใด ภิกษุมศี รัทธาและเขา ไปหา ในกาลน้นั พระธรรมเทศนาจึงจะแจม แจง กะพระตถาคต ดูกอ นปณุ ณยิ ยะ ภกิ ษุมศี รทั ธาและเขา ไปหา แตไ มเ ขา น่งั ใกล... เขา นงั่ ใกล แตไ มสอบถาม...สอบถาม แตไมเ งย่ี โสตลงฟง ธรรม... เงย่ี โสตลงฟง ธรรม แตฟ งแลวไมทรงจําธรรมไว... ฟงแลวทรงจาํ ธรรมไว แตไ มพิจารณาเนื้อความแหง ธรรมท่ีควรจําไว. ... พิจารณาเนอื้ ความแหงธรรมทท่ี รงจําไว แตไ มเปน ผรู ูอ รรถรธู รรมแลว ปฏบิ ตั ธิ รรมสมควรแกธรรม... รูอ รรถรูธรรมแลว ปฏบิ ัติธรรมสมควรแกธรรม แตไ มเ ปนผูม ีวาจางาม เจรจาถอยคาํไพเราะ ประกอบดว ยวาจาของชาวเมือง สละสลวย. ไมห ยาบคาย ใหร ูเนอ้ื ความไดแจมแจง ... เปนผมู วี าจางาม เจรจาถอ ยคําไพเราะ สละสลวยไมหยาบคาย ใหรูเนอ้ื ความไดแจมแจง แตไมเ ปน ผูช ี้แจงเพือ่ นพรหมจรรยทงั้ หลายใหเห็นแจง ใหส มาทาน ใหอาจหาญ ราเรงิ พระธรรม-เทศนาจงึ ไมแ จมแจง กะพระตถาคตกอน ดกู อนปุณณิยะ แตใ นกาลใดภิกษเุ ปนผมู ีศรัทธา เขาไปหา เขาน่ังใกล สอบถาม เง่ยี โสตลงฟงธรรมฟง แลว ทรงจําธรรมไว พิจารณาเน้อื ความแหงธรรมที่ทรงจาํ ไว รูอรรถรูธรรมแลวปฏิบัตธิ รรมสมควรแกธ รรม มวี าจางาม เจรจาถอ ยคาํ ไพเราะสละสลวย ไมหยาบคาย ใหร เู นอ้ื ความไดแ จม แจง เปน ผชู แ้ี จงเพอ่ื นพรหมจรรยใหเ หน็ แจง ใหสมาทาน ใหอาจหาญ รา เรงิ ในกาลนั้นพระธรรมเทศนาจงึ แจม แจงกะพระตถาคต ดกู อนปุณณิยะ พระธรรม-

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 259เทศนาประกอบดว ยธรรม ๑๐ ประการนี้แล จงึ แจม แจง กะพระตถาคตโดยสวนเดยี ว. จบปณุ ณยิ สูตรท่ี ๓ อรรถกถาปุณณยิ สูตรที่ ๓ ในปณุ ณยิ สูตที่ ๓ บทวา โน จ ปยริ ูปาสิตา แปลวา ไมบ ํารุง. จบอรรถกถาปณุ ณยิ สูตรท่ี ๓ ๔. พยากรณสตู ร วา ดวยภิกษุละธรรม ๑๐ ประการ จักถึงความเจรญิ งอกงามในธรรมวนิ ัยน้ี [๘๔] ณ ที่น้นั แล ทานพระมหาโมคคัลลานะ เรียกภกิ ษทุ ้ังหลายมาวา ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย ผมู ีอายเุ หลานน้ั กลา วรบั ทา นพระมหาโมคคลั -ลานะแลว ทา นพระมหาโมคคลั ลานะไดกลาวคาํ น้ีวา ดูกอ นผมู ีอายุทั้งหลายภิกษใุ นธรรมวนิ ยั นี้ ยอมพยากรณอรหตั ผลวา เราทรายชัดวา ชาติสนิ้แลว พรหมจรรยอยจู บแลว กจิ ท่คี วรทําทําเสรจ็ แลว กิจอื่นเพอ่ื ความ.เปนอยา งน้มี ไิ ดมี พระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตผไู ดฌาน ฉลาดในสมาบตั ิ ฉลาดในจติ ของผอู ื่น ฉลาดในการกําหนดรจู ิตของผูอ ่ืนยอมซกั ถาม สอบถาม ไลเ ลยี งภิกษนุ ้นั ภกิ ษุนั้นอันพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตผูไดฌ าน... ไลเลียงอยู ยอ มถึงความเปน ผเู ปลาไมม ีคณุ ไมเ จรญิ พนิ าศ ความไมเจริญและความพนิ าศ พระตถาคตหรอื สาวกของพระตถาคตผูไ ดฌ าน ฉลาดในจิตของผอู ืน่ ฉลาดในการกาํ หนดรูจติ ของผอู นื่ กําหนดรใู จดวยใจแลว กระทาํ ไวใ นใจซึง่ ภิกษุนั้นอยา งน้ีวา เพราะเหตุไรหนอ ทา นผนู ีจ้ ึงพยากรณอ รหตั ผลวา เราทราบวา

พระสุตตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 260ชาติส้ินแลว พรหมจรรยอ ยจู บแลว กิจทค่ี วรทําทาํ เสรจ็ แลว กิจอืน่ เพอ่ืความเปน อยา งนี้มิไดมี พระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตผไู ดฌาน...กําหนดรูใ จดวยใจแลว ยอ มทราบชัดภกิ ษนุ นั้ อยางนวี้ า ทานผูน้ีเปน ผูมกั โกรธ มใี จอันความโกรธกลุมรุมแลว อยูโดยมาก กค็ วามกลมุ รุมแหงความโกรธน้ี เปน ความเสอื่ มในธรรมวนิ ยั ที่พระตถาคตประกาศแลว ทา นผูน เี้ ปนผผู ูกโกรธไว มีใจอนั ความผูกโกรธไวกลมุ รุมอยโู ดยมาก ก็ความกลมุ รุมแหงความผกู โกรธนี้ เปนความเสื่อมในธรรมวินยั ที่พระตถาคตประกาศแลว ทานผูน้เี ปน ผูมคี วามลบหลู มใี จอนั ความลบหลกู ลมุ รุมอยูโดยมาก ก็ความกลุม รุมแหง ความลบหลนู ้ี เปน ความเสือ่ มในธรรมวินยัที่พระตถาคตประกาศแลว ทา นผูน้เี ปนผูตีเสมอ มีใจอนั ความตเี สมอกลุมรุมอยโู ดยมาก กค็ วามกลุมรุมแหง ความตีเสมอน้ี เปนความเส่ือมในธรรมวนิ ัยท่ีพระตถาคตประกาศแลว ทานผูนีเ้ ปน ผูมีความริษยา มีใจอันความรษิ ยากลมุ รุมอยมู าก ก็ความกลุมรุมแหง ความรษิ ยานี้ เปนความเสือ่ มในธรรมวินยั ท่พี ระตถาคตประกาศแลว ทานผนู ี้เปน ผูตระหน่ีมีใจอนั ความตระหนี่กลุมรุมอยโู ดยมาก ก็ความกลมุ รมุ แหง ความตระหนน่ี ี้เปนความเสือ่ มในธรรมวนิ ยั ทพ่ี ระตถาคตประกาศแลว ทา นผูน้เี ปนผูโออวด มใี จอันความโออวดกลุม รมุ อยโู ดยมาก กค็ วามกลมุ รมุ แหงความโออ วดน้ี เปนความเส่อื มในธรรมวนิ ยั ทพี่ ระตถาคตประกาศแลว ทานผนู เ้ี ปนผมู ีมารยาท มีใจอนั มารยากลมุ รมุ อยโู ดยมาก กค็ วามกลมุ รุมแหงมารยาน้ี เปน ความเส่อื มในธรรมวนิ ัยทพ่ี ระตถาคตประกาศแลว ทา นผูน้ีเปนผูมีความปรารถนาลามก มีใจอนั ความปรารถนาลามกกลุมรุมอยโู ดยมาก กค็ วามกลมุ รมุ แหง ความปรารถนาลามกนี้ เปน ความเสอ่ื มในธรรม

พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 261วนิ ยั ท่ีพระตถาคตประกาศแลว ทา นผนู ้ีเปน ผมู สี ตหิ ลงลมื ถงึ ความทอดทง้ิธรุ ะระหวา งคณุ วเิ ศษเบ้อื งบนดว ยการบรรลคุ ุณวิเศษเบื้องต่ํา กก็ ารถงึ ความทอดทิง้ ธุระในระหวา งน้ี เปนความเส่อื มในธรรมวนิ ัยทพี่ ระ-ตถาคตประกาศแลว ดูกอนทานผูมอี ายทุ ้ังหลาย ภิกษนุ ัน้ หนอ ไมล ะธรรม๑๐ ประการนแ้ี ลว จกั ถึงความเจริญงอกงามไพบลู ยใ นธรรมวนิ ยั น้ี ขอ น้ีไมเ ปน ฐานะที่จะมีได ดูกอ นทา นผมู อี ายทุ ั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอ ละธรรม๑๐ ประการนีแ้ ลว จักถงึ ความเจริญงอกงามไพบูลยใ นธรรมวนิ ยั นี้ ขอ น้ียอ มเปนฐานะทม่ี ไี ด. จบพยากรณสตู รที่ ๔ อรรถกถาพยากรณสตู รที่ ๔ พยากรณสตู รที่ ๔ พงึ ทราบวินจิ ฉัยดังตอไปนี้. บทวา ฌายี สมาปตตฺ กิ ุสโล ไดแ ก ผูถึงพรอมดว ยฌานทั้งหลายและผูฉลาดในสมาบตั ิ. บทวา อิรณิ  ไดแก ความเปลา ประโยชน. บทวาวจิ นิ  ไดแ ก ความเสาะคณุ ความไรคณุ . อกี นัยหนึง่ เปน ประหนงึ่ เขาถึงปา ใหญ ท่เี รยี กวาอริ ณิ ะ และชฏั ใหญ ทีเ่ รียกวา วจิ ินะ. บทวา อนยไดแ ก ความไมเจรญิ . บทวา พฺยสน ไดแก ความพนิ าศ. บทวาอนพฺยสน ไดแ ก ความไมเจริญ พินาศ. บทวา กึ นุ โข แปลวาเพราะเหตุไร. จบอรรถกถาพยากรณสูตรที่ ๔

พระสุตตนั ตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 262 ๕. กตั ถีสตู ร วาดว ยภิกษุละธรรม ๑๐ ประการจกั ถึงความเจรญิ งอกงามในธรรมวินยั [๘๕] สมัยหนึ่ง ทานพระมหาจุนทะ อยูที่สหชาติวนั ในแควนเจตี ณ ท่นี ัน้ แล ทานพระมหาจนุ ทะเรียกภกิ ษุทงั้ หลายวา ดูกอ นภิกษุท้งั หลายผมู อี ายุ ภิกษุเหลานั้นรับคําทา นพระมหาจนุ ทะแลว ทานพระ-มหาจนุ ทะไดกลา วคํานวี้ า ดกู อนทานผมู อี ายุท้งั หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวินัยนี้เปน ผมู ีปกตกิ ลาวโออวดในการบรรลุคณุ เศษทง้ั หลายวา เราเขา ปฐมฌานกไ็ ด ออกก็ได เขา ทตุ ิยฌานก็ได ออกกไ็ ด เขาตตยิ ฌานกไ็ ด ออกกไ็ ดเขา จตุตถฌานกไ็ ด ออกก็ได เขา อากาสานญั จายตนฌานก็ได ออกก็ไดเขา วิญญาณญั จายตนฌานก็ได ออกก็ได เขาอากิญจัญญายตนฌานก็ไดออกก็ได เขาเนวสญั ญานาสัญญายตนฌานกไ็ ด ออกก็ได เขาสญั ญา-เวทยิตนิโรธกไ็ ด ออกกไ็ ด. พระตถาคตหรอื สาวกของพระตถาคตผูไ ดฌาน ฉลาดในสมาบตั ิฉลาดในจิตของผอู ื่น ฉลาดในการกําหนดรูจ ิตของผูอ่นื ยอมไลเลยี งสอบถาม ซักถามภิกษนุ ้นั ภกิ ษุน้นั อนั พระตถาคตหรือสาวกของพระ-ตถาคตผไู ดฌาน... ไลเ ลียง สอบถาม ซกั ถาม ยอมถึงความเปนผเู ปลาไมม คี ณุ ไมเจริญ ถึงความพนิ าศ ถึงความไมเจริญและความพินาศพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตผูไดฌ าน ผูฉลาดในสมาบตั ิ ผูฉ ลาดในจติ ของผูอนื่ ผฉู ลาดในการกาํ หนดรูจ ติ ของผูอื่น กาํ หนดใจดว ยใจแลว กระทาํ ไวในใจซ่ึงภิกษนุ ัน้ อยา งนี้วา เพราะเหตุอะไรหนอทานผนู ี้จงึ เปน ผมู ีปกตกิ ลาวโออวดในการบรรลุคุณวิเศษทงั้ หลายวา เราเขาปฐมฌานกไ็ ด ออกก็ได ฯลฯ เราเขาสญั ญาเวทยิตนิโรธกไ็ ด ออกก็ได

พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 263พระตถาคตหรอื สาวกของพระตถาคตผูไดฌาน... กําหนดใจดวยใจอยางน้ีแลว ยอ มรูภ ิกษนุ ้นั อยางนว้ี า ทา นผูน เ้ี ปน ผกู ระทําศลี ใหขาด กระทําศลี ใหท ะลุ กระทําศีลใหต าง กระทาํ ศีลใหพ รอม ไมก ระทําความเพยี รติดตอ ไมประพฤตติดตอ ในศีลทัง้ หลาย ทานผูน้เี ปน ผูทศุ ลี ตลอดกาลนานก็ความเปนผูทุศีลนีแ้ ล เปนความเสอ่ื มในธรรมวนิ ยั ท่ีพระตถาคตทรงประกาศแลว ทา นผนู เ้ี ปนผไู มม ีศรัทธา มคี วามประพฤตไิ มส มควรกค็ วามเปนผูไ มม ีศรทั ธานแ้ี ล เปนความเส่อื มในธรรมวินัยทพ่ี ระตถาคตทรงประกาศแลว ทานผนู ี้เปน ผูมกี ารสดับนอย มีความประพฤตไิ มสมควรกค็ วามเปน ผูมกี ารสดบั นอยนี้แล เปนความเสอ่ื มในธรรมวินัยทีพ่ ระ-ตถาคตทรงประกาศแลว ทา นผูนเี้ ปนผวู า ยาก มีความประพฤติไมส มควรก็ความเปน ผูว ายากนแ้ี ล เปนความเสอ่ื มในธรรมวินัยทพี่ ระตถาคตทรงประกาศแลว ทานผูน ีเ้ ปน ผูมีมติ รชัว่ กค็ วามเปนผูมีมิตรช่ัวน้แี ล เปนความเส่ือมในธรรมวนิ ัยท่พี ระตถาคตทรงประกาศแลว ทา นผนู ้เี ปน ผูเกยี จครา น กค็ วามเปน ผูเกยี จครา นน้แี ล เปน ความเสือ่ มในธรรมวนิ ัยท่พี ระตถาคตทรงประกาศแลว ทานผนู ้เี ปน ผมู ีสติหลงลมื ก็ความเปน ผูมีสติหลงลมื นแ้ี ล เปนความเสื่อมในธรรมวนิ ัยทพ่ี ระตถาคตทรงประกาศแลว ทานผนู เ้ี ปนผหู ลอกลวง กค็ วามเปน ผูห ลอกลวงน้ีแล เปน ความเส่อื มในธรรมวินัยทีพ่ ระตถาคตทรงประกาศแลว ทา นผนู เี้ ปน ผูเ ล้ียงยากก็ความเปนผูเลีย้ งยากนแ้ี ล เปน ความเสอื่ มในธรรมวินัยทพี่ ระตถาคตทรงประกาศแลว ทานผูน ีเ้ ปน ผมู ีปญ ญาทราม กค็ วามเปน ผูมีปญ ญาทรามน้ีแลเปนความเสื่อมในธรรมวินัยท่พี ระตถาคตทรงประกาศแลว. ดูกอนทานผูมอี ายทุ งั้ หลาย เปรียบเสมือนสหายพงึ กลา วกะสหาย

พระสตุ ตันตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 264อยางน้วี า ดกู อนสหาย เม่อื ใด กจิ ทค่ี วรกระทําดว ยทรพั ยมอี ยแู กท า นทานพึงบอกเราใหทราบ เราจะใหทรพั ยแ กทา น สหายอกี ฝา ยหนงึ่ นั้นเมื่อมกี ิจท่ีควรกระทาํ ดวยทรัพยบ างอยา งเกิดขึน้ แลว จงึ บอกกบั สหายอยางนว้ี า ดูกอ นสหาย เราตอ งการทรัพย ขอทานจงใหท รัพยแ กเราสหายนั้นก็ตอบอยา งนีว้ า ดูกอ นสหาย ถาเชน นั้น ทานจงขดุ ลงไปในท่นี ้ีสหายอีกฝา ยหนึง่ นน้ั เม่ือขุดลงไปในทนี่ ัน้ ไมพงึ พบทรัพย จึงกลา วอยางน้วี า ดูกอนสหายทา นไดพ ดู พลอ ย ๆ กะเรา ไดกลา วคําเท็จกะเราวาทา นจงขดุ ลงไปในที่นี้ สหายนน้ั จึงพูดอยา งน้ีวา ดกู อ นสหาย เราหาไดพูดพลอย ๆ ไม หาไดกลา วคาํ เท็จไม ทานจงขุดลงไปในที่นเ้ี ถดิ สหายอีกฝา ยหน่ึงนัน้ เมอื่ ขดุ ลงไปแมใ นท่นี น้ั กย็ ังไมพบทรัพย จึงกลาวอยา งนี้วา ทานไดพดู พลอย ๆ กะเรา ไดก ลา วคาํ เท็จกะเราวา จงขดุ ลงไปในที่นี้สหายนัน้ ตอบอยา งนว้ี า เราหาไดพดู พลอ ย ๆ ไม หาไดกลา วคาํ เทจ็ ไมถาเชนน้นั ทานจงขดุ ลงไปในทนี่ ้ี สหายอีกฝายหนึ่งน้นั เมอ่ื ขุดลงไปแมใ นท่นี ัน้ กไ็ มพ บทรัพย จึงพดู อยางนวี้ า ดูกอ นสหาย ทานพดู พลอย ๆแกเรา ทา นไดก ลา วคาํ เท็จกะเราวา จงขุดลงไปในท่ีนี้ สหายนั้นกต็ อบอยา งนว้ี า ดกู อนสหาย เราหาไดพ ดู พลอย ๆ ไม หาไดกลาวคําเท็จไมแตว าเราถงึ ความเปนผมู ีจิตฟงุ ซานไป ซง่ึ มใิ ชกําหนดรดู ว ยใจ แมฉันใดดูกอ นทา นผมู อี ายทุ ง้ั หลาย ภิกษุก็ฉนั นัน้ เหมอื นดนั เปน ผมู ปี กติกลา วโออวดในคณุ วเิ ศษทั้งหลายวา เราเขา ปฐมฌานกไ็ ด ออกกไ็ ด. .. เขาสญั ญาเวทยิตนิโรธก็ได ออกกไ็ ด พระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตผูไดฌ าน ผฉู ลาดในสมาบตั ิ ผูฉ ลาดในจติ ของผอู ื่น ผูฉลาดในการกาํ หนดรูจิตของผอู ่นื ยอมไลเลียง สอบถาม ซกั ถามภกิ ษุน้ัน ภกิ ษุนั้นอัน

พระสตุ ตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 265พระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตผูไ ดฌ าน..ไลเลียง สอบถาม ซักถามอยู ยอ มถงึ ความเปนผเู ปลา ไมมีคุณ ไมเ จริญ พนิ าศ ความไมเจริญและความพนิ าศ พระตถาคตหรอื สาวกของพระตถาคตผไู ดฌาน ผฉู ลาดในสมาบตั ิ ผฉู ลาดในจติ ของผูอ ืน่ ผูฉลาดในอนั กาํ หนดรจู ติ ของผอู ่นืกําหนดใจดว ยใจแลว กระทาํ ไวในใจซ่งึ ภิกษนุ ้ันอยา งนีว้ า เพราะเหตุอะไรหนอ ทา นผูน ี้จึงเปน ผมู ปี กติกลาวโออวดในการบรรลคุ ุณวเิ ศษท้งั หลายวา เราเขาปฐมฌานกไ็ ด ออกกไ็ ด ฯลฯ เขา สญั ญาเวทยติ นิโรธกไ็ ด ออกก็ได พระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตผไู ดฌาน ผูฉลาดในสมาบตั ิ ผูฉลาดในจติ ของผอู น่ื ผฉู ลาดในการกําหนดรจู ิตของผูอ น่ืกาํ หนดใจดว ยใจแลว ยอมรูภ ิกษนุ ัน้ อยา งนวี้ า ทา นผนู ี้เปนผทู าํ ใหข าดทําใหทะลุ ทาํ ใหดาง ทาํ ใหพรอย ไมกระทําความเพยี รตดิ ตอ ไมป ระพฤติตดิ ตอในศลี ท้ังหลาย ทา นผูน เ้ี ปน ผทู ศุ ลี ตลอดกาลนาน กค็ วามเปน ผูทุศลี น้ีแล เปน ความเสือ่ มในธรรมวนิ ัยท่ีพระตถาคตประกาศแลว... ทานผนู เี้ ปนผูม ปี ญ ญาทราม ก็ความเปนผมู ปี ญ ญาทรามน้ีแล เปน ความเส่ือมในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแลว ดูกอ นทานผมู ีอายุทงั้ หลาย ภกิ ษุนั้นแล ไมล ะธรรม ๑๐ ประการนี้แลว จักถึงความเจริญงอกงามไพบลู ยในธรรมวนิ ัยน้ี ขอ นีม้ ใิ ชฐ านะที่จะมไี ดภ กิ ษุนัน้ แล ละธรรม ๑๐ ประการนี้แลว จึงจกั ถึงความเจริญงอกงามไพบลู ยใ นธรรมวนิ ัยนี้ อันเปนฐานะท่ีจะมไี ด. จบกตั ถีสตู รที่ ๕

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 266 อรรถกถากัตถสี ตู รท่ี ๕ กัตถีสูตรท่ี ๙ พึงทราบวนิ จิ ฉยั ดงั ตอ ไปน้.ี บทวา กตถฺ ี โหติ วกิ ตฺถี แปลวา เปน ผมู ปี กตพิ ดู มีปกตพิ ดู อวดยอ มพูดเปดเผย. บทวา น สตตการี แปลวา ไมท าํ ตอเนอื่ งกนั . จบอรรถกถากตั ตีสตู รที่ ๕ ๖. อญั ญสตู ร วาดวยภกิ ษลุ ะธรรม ๑๐ ประการ จงึ ถึงความเจริญงอกงาม ในธรรมวินยั น้ี [๘๖] สมัยหนึ่ง ทา นพระมหากสั สปะอยู ณ พระวิหารเวฬวุ นักลันทกนิวาปสถาน ใกลพ ระนครราชคฤห ณ ทนี่ ้ัน แล ทานพระมหา-กัสสปะเรยี กภกิ ษทุ ั้งหลายวา ดกู อนภกิ ษุทั้งหลายผมู อี ายุ ภกิ ษุเหลาน้ันรับคาํ ทานพระมหากัสสปะแลว ทา นพระมหากัสสปะไดกลาวคําน้ี วา ดกู อนทานผูมอี ายทุ ง้ั หลาย ภกิ ษุในธรรมวินยั นี้ ยอมพยากรณอ รหตั ผลวา เรารูชดั วา ชาติสิน้ แลว พรหมจรรยอ ยูจ บแลว กิจท่ีควรทาํ ทําเสร็จแลวกจิ อ่นื เพอ่ื ความเปนอยา งนีม้ ิไดม ี ดงั นี้ พระตถาคตหรือสาวกของพระ-ตถาคตผไู ดฌ าน ผูฉลาดในสมาบัติ ผูฉ ลาดในจิตของผูอนื่ ผูฉลาดในการกําหนดรจู ิตของผูอื่น ยอมไลเลยี ง สอบถาม ซกั ถามภิกษนุ ้นั ภิกษุน้นัอนั พระตถาคตหรอื สาวกของพระตถาคตผูไดฌาน ผูฉลาดในสมาบัติ ผูฉลาดในจติ ของผูอนื่ ผูฉลาดในการกาํ หนดรจู ิตของผูอ่นื ไลเ ลียง สอน-ถาม ซักถามอยู ยอมถึงความเปนผูเปลา ถึงความเปนผูไมมคี ุณ ถงึ ความไมเจริญ ถงึ ความพินาศ ถึงความไมเ จรญิ และความพินาศ พระตถาคต

พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 267หรอื สาวกของพระตถาคตผูไดฌาน ผูฉลาดในสมาบัติ ผฉู ลาดในจติ ของผูอ่ืน ผูฉลาดในการกําหนดรูจิตของผอู ืน่ กาํ หนดใจดว ยใจแลว กระทาํไวในใจซงึ่ ภิกษนุ นั้ อยา งนี้วา เพาะเหตุอะไรหนอ ทานผนู ้ีจงึ พยากรณอรหตั ผลวา เรายอมรูช ดั วา ชาตสิ นิ้ แลว . . . กจิ อนื่ เพ่ือความเปน อยา งนี้มไิ ดมี ดังน้ี พระตถาคตหรอื สาวกของพระตถาคตผูไดฌ าน... กําหนดใจดวยใจแลว ยอ มรภู กิ ษนุ น้ั อยา งนว้ี า ทา นผมู คี วามสําคัญผิด สาํ คัญผดิ โดยสัตยจรงิ มคี วามสําคัญในส่งิ ทีย่ งั ไมถ ึงวา ไดถงึ มีความสาํ คญั ในส่งิ ทไ่ี มไ ดก ระทาํ วากระทํา มีความสําคญั ในสง่ิ ทยี่ ังไมไ ดบรรลวุ าบรรลุจึงพยากรณอ รหตั ผลดวยดวยความสาํ คัญผิดวา เรารูชดั วา ชาตสิ ้นิ แลว . . .กจิ อน่ื เพ่ือความเปนอยา งน้ีมไิ ดมี ดงั น้ี พระตถาคตหรอื สาวกของพระ-ตถาคตผูไดฌ าน. . . กําหนดใจดวยใจแลว ยอมทาํ ไวใ นใจซ่ึงภกิ ษุนัน้อยา งนวี้ า เพราะอาศัยอะไรหนอ ทา นผูนจ้ี งึ มีความสาํ คญั ผดิ . . .พยากรณอรหัตผลดว ยความสําคญั ผดิ วา เรารชู ดั วา ชาตสิ ิ้นแลว . . . กจิ อ่นื เพอื่ความเปน อยางนี้มิไดมี ดังนี้ พระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตผไู ดฌาน... กําหนดใจดวยใจแลว ยอ มรภู กิ ษนุ น้ั อยา งน้วี า ทา นผนู ีม้ ีสุตะมาก ทรงสุตะ สัง่ สมสุตะ เปนผูไ ดส ดบั มามาก ทรงไวค ลองปาก ขึน้ ใจแทงตลอดดว ยดดี ว ยทฏิ ฐิ ซึ่งธรรมท้ังหลายอันงามในเบือ้ งตน งามในทา มกลาง งานในทีส่ ุด ประกาศพรหมจรรยพ รอ มท้งั อรรถทั้งพยญั ชนะบรสิ ทุ ธิ์ บริบูรณส นิ้ เชิง เพราะฉะนนั้ ทา นผนู จ้ี ึงมคี วามสําคญั ผดิ ...จึงพยากรณอ รหตั ผลดวยความสําคัญผดิ วา เรารชู ดั วา ชาติสิน้ แลว . . .กิจอ่ืนเพอื่ ความเปน อยา งนม้ี ิไดมี ดงั น้ี พระตถาคตหรอื สาวกของพระ-ตถาคตผูไดฌาน. . . กาํ หนดไจดว ยใจแลว ยอมรูภ กิ ษุนั้นอยา งน้วี า ทาน

พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 268ผูน ้ีมอี ภิชฌามาก มใี จอนั อภิชฌากลมุ รมุ อยูเ ปน สวนมาก ก็ความกลุมรมุแหง อภิชฌาน้ี เปนความเสอ่ื มในธรรมวินบั พระตถาคตประกาศแลวทานผูนเ้ี ปนผูพ ยาบาท มีใจอันพยาบาทกลุมรุมอยเู ปนสว นมาก ก็ความกลมุ รุมแหงพยาบาทนี้ เปน ความเสอื่ มในธรรมวินยั ที่พระตถาคตประกาศแลว ทานผนู ีเ้ ปน ผูม ถี ีนมิทธะ มีใจอันถีนมิทธะกลมุ รมุ อยูเปน สว นมากก็ความกลุม รุมแหงถนี มทิ ธะนี้ เปน ความเส่ือมในธรรมวนิ ัยทีพ่ ระตถาคตประกาศแลว ทานผนู ี้เปน ผูมจี ติ ฟงุ ซาน มใี จอนั ความฟงุ ซานกลมุ รมุอยเู ปนสวนมาก ก็ความกลมุ รุมแหง ความฟุง ซา นน้ี เปน ความเสอื่ มในธรรมวินัยทพ่ี ระตถาคตประกาศแลว ทา นผนู ้ีเปนผมู คี วามสงสัย มใี จอันความสงสัยกลุม รุมอยูเปน สว นมาก ก็ความกลุมรุมแหง ความสงสัยน้ี เปนความเสือ่ มในธรรมวินัยท่พี ระตถาคตประกาศแลว ทา นผูน ้ีเปน ผูช อบการงาน ยนิ ดใี นการงาน ประกอบเนอื ง ๆ ซึ่งความเปน ผูชอบการงานก็ความเปนผชู อบการงานน้ี เปน ความเส่ือมในธรรมวนิ ยั ท่พี ระตถาคตประกาศแลว ทานผนู ีเ้ ปน ผูช อบในการคยุ ผยู ินดีในการคุย ประกอบเนือง ๆซึง่ ความเปนผชู อบคยุ กค็ วามเปนผูชอบคุยน้ี เปนความเส่อื มในธรรมวนิ ยั ทีพ่ ระตถาคตประกาศแลว ทา นผูนีเ้ ปน ผชู อบการนอนหลบัยินดใี นการนอนหลับ ประกอบเนือง ๆ ซง่ึ ความเปนผชู อบนอนหลบัก็ความเปนผูชอบนอนหลับน้ี เปนความเสอ่ื มในธรรมวนิ ัยทพี่ ระตถาคตประกาศแลว ทานเปน ผูชอบความเปนผคู ลุกคลดี ว ยหมคู ณะ ยินดใี นความเปนผูคลุกคลีดว ยหมูค ณะ ประกอบเนือง ๆ ซ่ึงความเปนผชู อบคลุกลีดวยหมคู ณะ ก็ความเปน ผูชอบคลุกคลดี ว ยหมคู ณะนี้ เปน ความเส่ือมในธรรมวินัยท่พี ระตถาคตประกาศแลว ทานผูน ้เี ปน ผมู สี ติหลงลมื

พระสตุ ตันตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 269ถึงความทอดธรุ ะในระหวา งคณุ วิเศษเบื้องบน ดว ยการบรรลคุ ุณวเิ ศษเบื้องตา่ํ กค็ วามทอดธรุ ะในระหวางนี้ เปนความเสอื่ มในธรรมวินัยท่ีพระตถาคตประกาศแลว ดูกอ นทานมอี ายทุ งั้ หลาย ภิกษนุ น้ั หนอไมล ะธรรม ๑๐ ประการนี้แลว จกั ถงึ ความเจริญงอกงามไพบลู ยในธรรมวินยั นี้ขอนี้ไมเ ปนฐานะทีจ่ ะมไี ด ดกู อนทานผูมอี ายทุ ้งั หลาย ภกิ ษุนั้นหนอละธรรม ๑๐ ประการนีแ้ ลว จกั ถึงความเจรญิ งอกงามไพบูลย ในธรรมวินยั นี้ ขอน้ยี อมเปน ฐานะทมี่ ไี ด. จบอญั ญสตู รท่ี ๖ อรรถกถาอัญญสตู รที่ ๖ อัญญสตู รที่ ๖ พงึ ทราบวนิ ิจฉัยดงั ตอไปน.ี้ บทวา อธมิ านโิ ก ไดแก ประกอบดวยความสาํ คญั วาบรรลแุ ลวในธรรมท่ียังไมบ รรลุ. บทวา อธิมานสจโฺ จ ไดแ ก สาํ คญั วา บรรลแุ ลวจงึ กลาวโดยสัจจะ. จบอรรถกถาอัญญสูตรท่ี ๖ ๗. อธกิ รณสูตร วาดวยภิกษปุ ระกอบดว ยธรรม ๑๐ ประการ ยอมไมเ ปน อนั หนง่ึ อนั เดียวกัน [๘๗] ณ ทนี่ นั้ แล พระผมู ีพระภาคเจาทรงปรารภพระกาฬกภกิ ขุตรสั เรียกภกิ ษุทงั้ หลายวา ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย ภิกษเุ หลาน้นั ทลู รับพระ-ผมู ีพระภาคเจา แลว พระผมู ีพระภาคเจาไดตรสั พระดํารสั วา ดูกอนภกิ ษุ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 270ท้งั หลาย ภกิ ษุในธรรมวนิ ยั น้ี เปน ผูกอ อธกิ รณ ไมกลา วสรรเสริญการระงับอธกิ รณ แมข อ ทภ่ี ิกษุเปน ผกู ออธกิ รณ ไมก ลาวสรรเสรญิ การระงับอธิกรณ ยอมไมเ ปน ไปเพ่อื ความเปน ที่รัก ที่เคารพ ทยี่ กยอง ที่เสมอกนั เปนอันหนึ่งอนั เดียวกัน. อีกประการหนง่ึ ภกิ ษุไมเ ปน ผูใครในการศึกษา ไมกลาวสรร-เสริญการสมาทานในการศกึ ษา แมขอท่ภี ิกษุไมเ ปน ผูใ ครในการศึกษาไมกลา วสรรเสรญิ การสมาทานในการศกึ ษาน้ี ยอมไมเปน ไปเพือ่ ความเปนที่รกั ที่เคารพ ท่ียกยอง ทเี่ สมอกนั เปนอนั หน่ึงอันเดยี วกนั . อกี ประการหนึง่ ภกิ ษเุ ปน ผูมีความปรารถนาลามก ไมก ลาวสรร-เสริญการกําจัดความปรารถนา แมขอท่ภี กิ ษเุ ปน ผมู ีความปรารถนาลามกไมกลา วสรรเสริญการกาํ จดั ความปรารถนาน้ี ยอ มไมเปน ไปเพือ่ ความเปนที่รกั ทีเ่ คารพ ที่ยกยอง ที่เสมอกนั เปน อนั หนึ่งอันเดยี วกนั . อีกประการหนึง่ ภกิ ษเุ ปน ผูมกั โกรธ ไมกลา วสรรเสรญิ การกําจัดความโกรธ แมขอ ทภ่ี กิ ษุเปน ผูมกั โกรธ ไมก ลา วสรรเสริญการกําจดั ความโกรธนี้ ยอ มไมเ ปนไปเพอื่ ความเปน ทร่ี ัก ทีเ่ คารพ ท่ยี กยอ ง ทีเ่ สมอกันเปนอนั หน่งึ อันเดยี วกัน . อีกประการหน่ึง ภกิ ษุเปน ผลู บหลู ไมก ลาวสรรเสรญิ การกาํ จัดความลบหลู แมข อ ท่ีภกิ ษุเปน ผลู บหลู ไมกลา วสรรเสริญการกําจดั ความลบหลนู ี้ ยอมไมเปนไปเพอื่ ความเปนที่รกั ท่เี คารพ ทีย่ กยอง ทีเ่ สมอกนัเปน อนั หนึ่งอันเดยี วกัน. อีกประการหนง่ึ ภกิ ษุเปน ผูโออวด ไมกลา วสรรเสริญการกําจดัความโออ วด แมขอ ท่ภี กิ ษุเปนผโู ออวด ไมกลา วสรรเสรญิ การกาํ จัดความ

พระสตุ ตนั ตปฎก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาที่ 271โออวดน้ี ยอมไมเ ปนไปเพอ่ื ความเปน ทรี่ กั ท่เี คารพ ท่ียกยอ ง ท่ีเสมอกนัเปนอันหนงึ่ อันเดยี วกัน. อกี ประการหน่งึ ภกิ ษุเปน ผมู มี ายา ไมกลา วสรรเสริญการกําจัดมายา แมขอทภ่ี ิกษุเปนผมู ีมายา ไมก ลา วสรรเสรญิ การกําจดั มายานี้ ยอมไมเปนไปเพอ่ื ความเปนทรี่ ัก ที่เคารพ ที่ยกยอง ทีเ่ สมอกนั เปน อันหน่งึอันเดยี วกนั . อกี ประการหน่ึง ภกิ ษุไมเ ปน ผเู พงเล็งธรรมท้งั หลาย ไมกลา วสรรเสรญิ การเพง เล็งธรรม แมข อภิกษไุ มเ ปน ผเู พง เล็งธรรมทั้งหลายไมก ลา วสรรเสรญิ การเพง เล็งธรรมนี้ ยอ มไมเปน ไปเพ่อื ความเปน ท่รี ักทเ่ี คารพ ทย่ี กยอง ท่ีเสมอกัน เปนอนั หนึง่ อันเดยี วกัน . อีกประการหนงึ่ ภิกษุไมเ ปนผูห ลีกออกเรน อยู ไมก ลาวสรรเสรญิการหลีกออกเรน แมข อทีภ่ กิ ษไุ มเ ปน ผูหลีกออกเรน อยู ไมก ลาวสรรเสรญิการหลกี ออกเรน น้ี ยอ มไมเ ปนไปเพื่อความเปนทรี่ ัก ท่เี คารพ ท่ียกยอ งทเี่ สมอกนั เปนอนั หน่ึงอนั เดียวกนั . อีกประการหนงึ่ ภกิ ษุไมเ ปนผูก ระทําการปฏสิ นั ถารเพ่ือนพรหม-จรรยทง้ั หลาย ไมก ลา วสรรเสรญิ การกระทาํ ปฏิสันถาร แมข อ ท่ภี ิกษไุ มกระทําการปฏิสนั ถารเพอื่ นพรหมจรรยท ้ังหลาย ไมก ลา วสรรเสรญิ การกระทําปฏิสันถารน้ี ยอมไมเปน ไปเพอื่ ความเปนท่รี กั ท่ีเคารพท่ยี กยอ งท่ีเสมอกัน เปนอนั หนึง่ อันเดยี วกัน. ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ความปรารถนาพงึ บังเกดิ ข้ึนแกภ ิกษเุ หน็ ปานนีอ้ ยางนว้ี า โอหนอ ขอเพือ่ นพรหมจรรยท ั้งหลายพึงสกั การะ เคารพนบั ถือ บชู าเรา ดังนี้ แมถ งึ อยางน้นั เพื่อนพรหมจรรยท ั้งหลายกไ็ ม

พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 272สักการะ ไมเ คารพ ไมน บั ถอื ไมบูชาภกิ ษุนั้น ขอ นน้ั เพราะเหตไุ รเพราะเพ่ือนพรหมจรรยท ้ังหลายผเู ปนวญิ ู ยอ มพิจารณาเหน็ ซ่งึ อกุศล-ธรรมทงั้ หลายอนั ลามกที่ยงั ละไมไ ดของเธอ. ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย เปรยี บเหมือนความปรารถนาพงึ บงั เกิดข้นึ แกมา ตัวโงเ ขลาอยา งนีว้ า โอหนอ ขอมนษุ ยท ้ังหลายพงึ ตั้งเราไวใ นตาํ แหนงมา อาชาไนยเถดิ พงึ ใหเ รากินอาหารสาํ หรับมา อาชาไนยเถดิ และพึงขดั สีเราใหเ หมอื นมาอาชาไนยเถิด ดงั นี้ แมถึงอยา งน้นั มนษุ ยทั้งหลายกไ็ มต้งัมานัน้ ไวในตาํ แหนงมาอาชาไนย ไมใหก ินอาหารเหมอื นมา อาชาไนย ไมขัดสีใหเ หมอื นมา อาชาไนย ขอ น้ีเพราะเหตไุ ร เพราะมนุษยทั้งหลายผูเปนวิญพู ิจารณาเหน็ ความโออ วด ความโกง ความไมตรง ความคด ซง่ึ ยงัละไมไ ดข องมานน้ั แมฉ นั ใด ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ความปรารถนาพึงบังเกิดขน้ึ แกภิกษุเหน็ ปานนัน้ อยา งนว้ี า โอหนอ ขอเพื่อนพรหมจรรยทั้งหลายพงึ สักการะ เคารพ นับถอื บชู าเรา ดงั นี้ แมถ งึ อยา งนั้นเพือ่ นพรหมจรรยท ้ังหลายกไ็ มส ักการะ ไมเ คารพ ไมน ับถือ ไมบูชาภิกษุน้นั ขอ นั้นเพราะเหตุไร เพราะเพ่อื นพรหมจรรยทัง้ หลายผเู ปนวญิ ูยอ มพจิ ารณาเห็นอกุศลธรรมอันลามกซึ่งยังละไมไดข องภกิ ษนุ ้ัน ฉันน้ันเหมอื นกันแล. ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย สวนภิกษุในธรรมวนิ ัยน้ี เปน ผูไมก อ อธกิ รณกลาวสรรเสรญิ การระงับอธิกรณ แมข อทภ่ี กิ ษเุ ปนผกู ออธกิ รณ กลาวสรรเสรญิ การระงบั อธกิ รณนี้ ยอ มเปน ไปเพอื่ ความเปน ท่ีรัก ท่เี คารพทีย่ กยอง ท่เี สมอกัน เปนอนั หน่งึ อนั เดียวกัน.

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 273 อีกประการหนงึ่ ภกิ ษเุ ปน ผูใครในการศกึ ษา กลาวสรรเสรญิการสมาทานในการศกึ ษา แมขอทภ่ี ิกษุเปนผใู ครใ นการศึกษา กลา วสรรเสรญิ การสมาทานในการศึกษานี้ ยอมเปน ไปเพื่อความเปนที่รัก ที่เคารพ ทย่ี กยอง ทเ่ี สมอกนั เปน อันหนงึ่ อนั เดยี วกัน. อีกประการหน่ึง ภกิ ษุเปนผมู ีควานปรารถนานอย กลา วสรรเสรญิการกาํ จดั ความปรารถนา แมข อท่ีภิกษเุ ปน ผูมคี วามปรารถนานอ ย กลา วสรรเสรญิ การกําจดั ความปรารถนานี้ ยอ มเปนไปเพอ่ื ความเปน ที่รัก ท่ีเคารพ ที่ยกยอ ง ท่ีเสมอกัน เปนอนั หน่งึ อันเดียวกัน. อีกประการหนง่ึ ภกิ ษเุ ปนผูไ มโกรธ กลา วสรรเสริญการกําจัดความโกรธ แมข อทีภ่ ิกษเุ ปนผไู มโ กรธ กลา วสรรเสรญิ การกําจดั ความโกรธน้ี ยอ มเปนไปเพอ่ื ความเปนที่รกั ทีเ่ คารพ ทย่ี กยอ ง ทีเ่ สมอกนัเปน อันหนึง่ อันเดียวกัน. อกี ประการหนงึ่ ภิกษเุ ปน ผูไ มล บหลู กลา วสรรเสรญิ การกําจัดความลบหลู แมขอท่ีภิกษเุ ปนผูไ มล บหลู กลา วสรรเสริญการกาํ จดั ความลบหลูน้ี ยอมเปน ไปเพอื่ ความเปนท่รี กั ท่ีเคารพ ท่ยี กยอง ทีเ่ สมอกนัเปนอนั หนึ่งอันเดยี วกัน. อีกประการหนึ่ง ภิกษุเปนผไู มโ ออ วด กลา วสรรเสริญการกําจดัความโออ วด แมข อ ท่ีภกิ ษุเปนผูไมโ ออวด กลา วสรรเสรญิ การกําจดั ความโออ วดนี้ ยอมเปน ไปเพ่ือความเปนทรี่ กั ท่เี คารพ ทย่ี กยอง ที่เสมอกนัเปนอนั หนงึ่ อนั เดียวกนั . อีกประการหนึง่ ภกิ ษเุ ปน ผูไมมีมายา กลาวสรรเสรญิ การกาํ จดัมายา ขอท่ีภกิ ษุเปน ผูไมม มี ายา กลาวสรรเสริญการกาํ จดั มายาน้ี ยอม

พระสุตตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 274เปน ไปเพ่อื ความเปนท่รี ัก ทเ่ี คารพ ที่ยกยอง ทเี่ สมอกนั เปนอนั หนึง่อนั เดยี วกัน. อกี ประการหนึ่ง ภิกษเุ ปนผูเ พง เล็งธรรมทงั้ หลาย กลา วสรรเสรญิการเพง เล็งธรรมทั้งหลาย ขอ ที่ภิกษเุ ปนผเู พง เล็งธรรมทั้งหลาย กลา วสรรเสรญิ การเพงเล็งธรรมทั้งหลายน้ี ยอมเปนไปเพ่อื ความเปนที่รัก ท่ีเคารพ ท่ียกยอ ง ท่ีเสมอกนั เปนอนั หน่ึงอนั เดียวกนั . อีกประการหนึ่ง ภกิ ษุเปน ผูหลกี ออกเรน อยู กลาวสรรเสรญิ การหลกี ออกเรน แมข อทีภ่ ิกษุเปนผหู ลีกออกเรน อยู กลา วสรรเสรญิ การหลกีออกเรนน้ี ยอ มเปน ไปเพอ่ื ความเปน ที่รัก ท่เี คารพท่ียกยอง ท่ีเสมอกนัเปน อนั หน่งึ อนั เดียวกัน. อกี ประการหนงึ่ ภิกษเุ ปนผกู ระทาํ การปฏสิ ันถารเพอ่ื นพรหม-จรรยท ั้งหลาย กลาวสรรเสริญการกระทาํ ปฏสิ ันถาร แมขอ ทีภ่ ิกษุเปนผูกระทาํ ปฏสิ นั ถารเพ่ือนพรหมจรรยทัง้ หลาย กลาวสรรเสริญการกระทําปฏิสนั ถารน้ี ยอ มเปน ไปเพอ่ื ความเปนท่รี ัก ทเ่ี คารพ ทย่ี กยอง ที่เสมอกัน เปนอันหน่ึงอนั เดยี วกัน ดูกอนภิกษุท้งั หลาย ถึงความปรารถนาไมพงึ บงั เกิดข้นึ แกภ กิ ษเุ ห็นปานนอี้ ยา งนวี้ า โอหนอ ขอเพ่อื นพรหมจรรยทง้ั หลายพึงสักการะ เคารพ นบั ถอื บชู าเรา ดงั นี้ ถึงอยา งนัน้ เพอื่ นพรหมจรรยท งั้ หลายก็สกั การะ เคารพ นบั ถอื บชู าภกิ ษนุ ้นั ขอนั้นเพราะเหตไุ ร เพราะเพื่อนพรหมจรรยท้ังหลายผเู ปนวิญู ยอมพจิ ารณาเห็นอกุศลธรรมทั้งหลายอันลามกที่ละไดแ ลวของเธอ. ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย เปรียบเหมอื นความปรารถนาไมพึงบงั เกิดข้ึนแกม าอาชาไนยตัวเจริญอยา งนี้วา โอหนอ มนษุ ยทั้งหลายพึงตัง้ เราไวใ น

พระสุตตันตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 275ตําแหนง มา อาชาไนย และพงึ ขดั สเี ราใหเหมอื นขัดสมี าอาชาไนยเถิด แมถึงอยางนั้น มนษุ ยท ั้งหลายก็ยอมตั้งมา นนั้ ไวในตําแหนง มาอาชาไนย ยอมใหก ินอาหารสาํ หรับมา อาชาไนย ยอมขดั สีใหเ หมือนขดั สีมาอาชาไนย ขอนัน้ เพราะเหตุไร เพราะมนษุ ยท ง้ั หลายผูเปนวิญู ยอมเห็นความโออวดความโกง ความไมตรง ความคด ซ่งึ ละไดแ ลว ของมาน้ัน แมฉันใดดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย ถึงความปรารถนาไมพ ึงบงั เกิดข้นึ แกภ กิ ษุเห็นปานนี้อยา งนว้ี า โอหนอ ขอเพอื่ นพรหมจรรยท ้งั หลายพงึ สักการะ เคารพนับถือ บชู าเรา ดงั น้ี ถงึ อยา งน้นั เพอ่ื นพรหมจรรยทั้งหลายกส็ ักการะเคารพ นบั ถอื บูชาภิกษุน้นั ขอ นนั้ เพราะเหตไุ ร เพราะเพ่ือนพรหมจรรยทงั้ หลายผเู ปนวิญู ยอ มพจิ ารณาเห็นอกุศลธรรมอันลามกที่ละไดแ ลว ของเธอ ฉันนน้ั เหมอื นกันแล. จบอธิกรณสตู รท่ี ๗ อรรถกถาอธกิ รณสูตรที่ ๗ อธกิ รณสตู รที่ ๗ พงึ ทราบวนิ ิจฉัยดงั ตอ ไปนี้. บทวา อธิกรณโิ ก โหติ ไดแ ก เปน ผูกระทาํ อธกิ รณ. บทวาน ปย ตาย ไดแ ก ไมเปนไปเพอื่ เปน ผูน า รัก. บทวา น ครตุ าย ไดแกไมเ ปน ไปเพอ่ื ความนาเคารพ. บทวา น สามฺ าย ไดแ ก ไมเปน ไปเพ่อื สมานธรรม. บทวา น เอกีภาวาย ไดแก ไมเปนไปเพื่อไมมชี อ งวาง. บทวา ธมฺมาน น นิสามกชาติโย ไดแก ไมเ ปน ผูพ จิ ารณาโลกุตร-ธรรม ๙ เปนสภาพ ไมเ ปนผทู รงจําเปน สภาพ. บทวา น ปฏิสลลฺ าโน

พระสุตตันตปฎก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 276ไดแ ก ไมเ ปน ผหู ลกี เรน . บทวา สาเยฺยานิ ไดแก มคี วามอวดด.ี บทวากุเฏยยฺ านิ ไดแก มีความโกง. บทวา ชมิ เฺ หยฺยานิ ไดแ ก มีความไมตรง. บทวา วงเฺ กยยฺ านิ ไดแก มคี วามคด. จบอรรถกถาอธกิ รณสตู รท่ี ๗ ๘. พยสนสูตรวาดวยภกิ ษุกลา วโทษพระอรยิ ะ พึงถึงความพนิ าศ ๑๐ อยา ง [๘๘] ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย ภกิ ษุใดดา บริภาษเพื่อนพรหมจรรยทั้งหลาย กลาวโทษพระอริยะ ภกิ ษุนน้ั จะไมพ งึ ถงึ ความพนิ าศ ๑๐ อยางอยา งใดอยางหนง่ึ ขอนม้ี ใิ ชฐ านะ มใิ ชโ อกาส ความพินาศ ๑๐ อยา งเปนไฉน คือ ภกิ ษุนั้นไมบ รรลุธรรมท่ยี งั ไมบรรลุ ๑ เสื่อมจากธรรมทบ่ี รรลแุ ลว ๑ สัทธรรมของภกิ ษนุ ้ันยอ มไมผองแผว ๑ เปน ผเู ขาใจวาตนไดบรรลุในสทั ธรรมทง้ั หลาย ๑ เปนผูไ มยนิ ดปี ระพฤติพรหมจรรยตอ งอาบัตเิ ศราหมองอยางใดอยา งหนงึ่ ๑ ยอ มถกู โรคอยางหนัก ๑ ถึงความเปนบา มจี ติ ฟงุ ซา น ๑ เปน ผูหลงใหลกระทาํ กาละ ๑ เมื่อตายไปยอ มเขา ถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ๑ ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย ภกิ ษใุ ดดา บริภาษเพ่อื นพรหมจรรยท ้งั หลาว กลาวโทษพระอรยิ ะ ภกิ ษนุ ัน้ จะไมพึงถงึ ความฉิบหาย ๑๐ อยางนี้ อยา งใดอยา งหนึ่ง ขอน้มี ิใชฐานะ มิใชโอกาส. จบพยสนสตู รท่ี ๘

พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 277 อรรถกถาพยสนสตู รที่ ๘ พยสนสตู รท่ี ๘ พงึ ทราบวนิ ิจฉัยดังตอ ไปนี้. ในคําวา อกฺโกสกปรภิ าสโก อริยปุ วาที สพฺรหฺมจารนี  นพี้ ึงประกอบ สพรฺ หฺมจารี กับ อกโฺ กสนบท และ ปรภิ าสกบท. บทวาเปนผดู าสพรหมจารี เปน ผบู รภิ าษสพรหมจารี. ผูว า รา ยดว ยอันตมิ วตั ถุวาเราจักฆา คุณของพระอรยิ ะท้ังหลาย ยอ มช่ือวา อรยิ ปุ วาท.ี บทวาสทธฺ มฺมสสฺ น โวทายนฺตี ความวา สทั ธรรมคอื ศาสนาทน่ี บั ไดวาไตรสิกขาของภกิ ษุนั้น ยอมไมถึงความผองแผว . โรคเทา นั้นพงึ ทราบวาอาตงั กะ เพราะกระทาํ ใหช วี ิตลาํ บาก ในคําวา โรคตงฺก น.ี้ จบอรรถกถาพยสนสตู รที่ ๘ ๙. โกกาลกิ สตู ร วา ดวยพระโกกาลกิ ภิกษุ กลา วอาฆาตพระสารบี ตุ รและพระมหาโมคคัลลานะ [๘๙] ครัง้ น้นั แล ภกิ ษุ ชื่อ โกกาลิกา เขาไปพระผูมีพระ-ภาคเจา ยงั ท่ีประทับ ถวายบังคมพระผูมีพระภาคเจาแลว นงั่ ณ ท่ีควรสวนขา งหนึ่ง คร้ันแลวไดก ราบทลู พระผมู ีพระภาคเจาวา ขา แตพระองคผเู จริญ พระสารบี ุตรและโมคคลั ลานะเปนผมู คี วามปรารถนาลามกลุอาํ นาจแหง ความปรารถนาลมก พระผูมีพระภาคเจา ตรัสวา ดกู อ นโกกาลกิ ะ เธออยา กลา วนน้ั เธออยากลาวอยางนน้ั เธอจงยงั จติใหเ ล่อื มใสในสารีบตุ รและโมคคลั ลานะเถดิ เพราะสารีบุตรและโมคคัล-ลานะเปน ผูมศี ีลเปนทรี่ ัก.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 278 แมค รง้ั ที่ ๒ โกกาลิกภิกษุก็ไดก ราบทูลพระผมู ีพระภาคเจาวา ขาแตพ ระองคผ เู จรญิ พระผมู พี ระภาคเจาเปน ทต่ี งั้ แหง ศรทั ธาของขาพระ-องค เปน ผูมีพระพทุ ธพจนอนั ขา พระองคพึงเช่อื ถอื ไดก ็จริง ถงึ อยา งนน้ัพระสารบี ตุ รและพระโมคคลั ลานะก็เปนผูมคี วามปรารถนาลามก ลอุ าํ นาจแหง ความปรารถนาลามก พระเจา ขา. พ. ดกู อ นโกกาลกิ ะ เธออยากลาวอยา งนัน้ เธออยกู ลาวอยา งนนั้เธอจงยังจติ ใหเลอ่ื มใสในสารบี ุตรและโมคคัลลานะเถิด เพราะสารบี ุตรและโมคคัลลานะเปน ผมู ศี ีลเปน ทรี่ ัก. แมคร้ังท่ี ๓ โกกาลิกภกิ ษุไดกราบทลู พระผูมพี ระภาคเจาวา ขาแตพระองคผเู จริญ พระผมู ีพระภาคเจาเปนที่ตงั้ แหง ศรัทธาของขาพระองคเปน ผมู พี ระพทุ ธพจน อนั ขาพระองคพ ึงเช่อื ถอื ไดก จ็ ริง ถงึ อยางน้ันพระสารบี ตุ รและพระโมคคลั ลานะกเ็ ปน ผมู คี วามปรารถนาลามก ลอุ ํานาจแหงความปรารถนาลามก พระเจา ขา . พ. ดูกอ นโกกาลิกะ เธออยากลา วอยางนี้ เธออยา กลาวอยางนี้ เธอจงยงั จิตใหเ ล่อื มใสในสารีบุตรและโมคคัลลานะเถดิ เพราะสารบี ตุ รและโมคคัลลานะเปนผูมศี ีลเปนทรี่ ัก. ครั้งนน้ั แล โกกาลิกภิกษลุ กุ ข้นึ จากอาสนะ ถวายบังคมพระผูม ีพระภาคเจา กระทาํ ประทกั ษิณแลว หลีกไป เมื่อโกกาลกิ ภกิ ษหุ ลีกไปแลวไมน าน รา งกายมตี ุมเทาเมลด็ พนั ธผุ ักกาดเกดิ ข้นึ ท่ัวตัว ตมุ เหลา น้นัเทาเมลด็ ถ่ัวเขยี ว แลวกโ็ ตเทาเมลด็ ถว่ั ดํา แลว ก็โตเทา เมลด็ พุทราแลว ก็โตเทาเมล็ดกระเบา แลว ก็โดยเทาผลมะขามปอ ม แลวกโ็ ตเทาผลมะตูมออ น แลว ก็โดยเทา ผลมะตูแก แลว จงึ แตก หนองและเลือดหลัง่ ไหลออก ไดย นิ วา โกกาลิกภกิ ษุนนั้ นอนบนใบตองกลวั เหมอื นปลากิน

พระสตุ ตันตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 279ยาพิษ ครง้ั นน้ั แล ตุทปิ จ เจกพรหมเขาไปหาพระโกกาลกิ ะยงั ทอี่ ยู คร้ันแลวยนื อยูที่เวหาส ไดก ลาวกะโกกาลกิ ภกิ ษุวา ดกู อนโกกาลกิ ะ ทานจงยังจิตใหเ ล่อื มใสในพระสารีบุตรและพระโมคคลั ลานะเถิด เพราะพระ-สารบี ุตรและพระโมคคัลลานะเปนผูมศี ลี เปน ท่รี ัก โกกาลิกภกิ ษุถามวาดกู อ นทานผูมีอายุ ทานเปน ใคร. ตุ. เราเปน ตุติปจเจกพรหม. โก. ดูกอ นทา นผูม ีอายุ ทา นเปน ผทู ่พี ระผูม ีพระภาคเจาทรงพยา-กรณวาเปน อนาคามมี ิใชหรอื เม่อื เปน เชน นั้น ไฉนทา นจงึ มา ณ ทน่ี ี้อีกในบัดน้ี อน่งึ ทานจงเหน็ ความผิดนขี้ องทานเทาที่มอี ย.ู คร้ังนั้นแล ตทุ ิปจ เจกพรหมไดก ลา วกะโกกาสิกะภิกษดุ วยคาถาวา ผรุสวาจาเพยี งดังจอบ ซ่งึ เปน เคร่ืองตัดทอนตน ของคนพาล ผกู ลาวคาํ ชั่ว ยอ มเกดิ ขึ้นทป่ี ากของ บคุ คลผูเปน บุรษุ พาล ผูรดสรรเสรญิ ผทู ่คี วรติเตยี น หรือติเตียนคนท่ีควรสรรเสริญ ผนู ั้นชือ่ วาสะสมโทษ ไวด ว ยปาก ยอ มไมป ระสบความสขุ เพราะโทษนน้ั . การปราชยั ดว ยทรัพยในการเลน การพนัน ดวยตน เองจนหมดตัวน้ี เปน โทษมปี ระมาณนอยการท่ีบคุ คล ยังใจใหประทุษราย ในพระอรยิ เจา ผูดําเนินดแี ลว น้ี เปนโทษมากกวา บคุ คลตง้ั วาจาและใจอันเปนบาป แลว ติเตยี นพระอรยิ ะ ยอ มเขา ถึงนรกสิ้นหนง่ึ แสน นิรพั พุทกปั อกี ๓๖ นริ พั พุทะ และ ๕ อัพพุทะ. ครัง้ น้นั แล โกกาลิกภกิ ษไุ ดก ารทํากาละดว ยอาพาธนน้ั เองแลวเกิด










































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook