Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_38

tripitaka_38

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:40

Description: tripitaka_38

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 301กลา วสรรเสรญิ เสียงเบา แมไ ฉนเขาทราบบริษัทผมู เี สยี งเบา พึงสาํ คญั ที่จะเขามาหา ลาํ ดับนั้น ปรพิ าชกเหลา นัน้ ไดน่ิงอยู ทา นอนาถบณิ ฑิก-คฤหบดีเขา ไปหาปริพาชกเหลานั้นถงึ ท่อี ยู ไดสนทนาปราศรัยกับพวกอญั ญเดียรถยี ป รพิ าชก ครัน้ ผานการปราศรัยพอใหร ะลกึ ถึงกนั ไปแลว นงั่ณ ทีค่ วรสว นขา งหนง่ึ ครั้นแลว อญั ญเดียรถียปริพาชกเหลาน้นั ไดกลา วกะทา นอนาถบณิ ฑิกคฤหบดวี า ดูกอ นคฤหบดี ขอทานจงบอก พระ-สมณโคดมมีทฏิ ฐิอยางไร อนาถบิณฑิกคฤหบดตี อบวา ขาแตท า นผูเจรญิทงั้ หลาย ขา พเจา ไมทราบทิฏฐิทงั้ หมดของพระผูมพี ระภาคเจา. ป. ดกู อ นคฤหบดี นยั วา บัดน้ที า นไมทรามทฏิ ฐิทัง้ หมดของพระสมณโคดม ขอทา นจงบอก ภิกษทุ ั้งหลายมที ฏิ ฐิอยา งไร. อ. ขาแตทา นผเู จรญิ ทงั้ หลาย ขา พเจา ไมท ราบทิฏฐิท้งั หมด แมของภิกษทุ งั้ หลาย. ป. ดกู อนคฤหบดี นยั วา ทา นไมท ราบทิฏฐทิ ้ังหมดของพระสมณ-โคดม ทั้งไมทราบทฏิ ฐิทง้ั หมดของพวกภิกษุ ดวยประการดงั น้ี ขอทานจงบอก ตัวทา นมีทฏิ ฐิอยา งไร. ขา แตทา นผูเจริญทง้ั หลาย การท่ขี า พเจา บอกทิฏฐขิ องขาพเจาวา มีทฏิ ฐอิ ยางใดนี้ไมอยาก เชิญทานท้ังหลายบอกทิฏฐิของตนเสยี กอ น ขา พเจาจงึ จะบอกทิฏฐขิ องขาพเจา วา มีทิฏฐอิ ยา งใดในภายหลงั ซง่ึ เปนการทําไมยาก. เมอ่ื ทา นอนาถบิณฑกิ คฤหบดีกลา วอยางนี้แลว ปรพิ าชกหนึ่งไดกลาวกะทา นอนาถบิณฑิกคฤหบดวี า ดูกอนคฤหบดี เรามีทิฏฐิอยา งน้วี าโลกเทยี่ ง สิ่งนเ้ี ทา น้ันจริง ส่ิงอ่ืนเปลา .

พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาที่ 302 ปรพิ าชกอกี คนหน่ึงไดกลา วกะอนาถบิณฑกิ คฤหบดีวา ดกู อนคฤหบดี เรามีทฏิ ฐอิ ยา งนวี้ า โลกไมเ ทยี่ ง สง่ิ นเี้ ทา นนั้ จรงิ สิง่ อน่ื เปลาแมปริพาชกอีกคนหน่งึ ไดกลาวกะอนาถบิณฑกิ คฤหบดวี า โลกมีท่ีสดุ ....อกี คนหนงึ่ พดู วา โลกไมมที ี่สุด... อีกคนหน่งึ พดู วา ชีพก็อันนน้ั สรรี ะก็อนั น้ัน... อกี คนหน่งึ พูดวา ชพี อยา งหน่ึง สรีระกอ็ ยา งหน่งึ ... อกี คนหน่งึพูดวา สัตวเ มอื่ ตายแลวยอมเปน อกี ... อกี คนหนง่ึ พูดวา สัตวเมอื่ ตายแลวยอมไมเปน อกี ... อีกคนหน่ึงพดู วา สัตวเมอ่ื ตายแลว ยอมเปนอกี ก็มีไมเ ปน อีกกม็ .ี .. อีกคนหน่งึ พูดวา ดูกอนคฤหบดี เรามีทฏิ ฐิ อยางน้วี าสัตวเมอ่ื ตายแลว ยอ มเปน อีกหามไิ ด ไมเ ปน อีกหามิได สง่ิ นี้เทานั้นจริงสิ่งอน่ื เปลา . เมอ่ื ปริพาชกกลา วอยางนแี้ ลว ทานอนาถบณิ ฑิกคฤหบดีไดกลา วกะปริพาชกเหลานั้นวา ขา แตทา นผเู จริญท้งั หลาย ทา นผูม อี ายไุ ดกลา วอยางนี้วา ดกู อ นคฤหบดี เรามีทิฏฐิอยา งน้วี า โลกเท่ยี ง สง่ิ นเี้ ทานน้ัจริง สงิ่ อื่นเปลา ทฏิ ฐิของทานผมู ีอายุนี้ เกดิ ข้นึ เพราะทาํ ไวใ นใจโดยไมแยบคายของตน หรอื เพราะโฆษณาของผูอื่นเปน ปจ จยั กท็ ิฏฐนิ น้ัเกดิ ขนึ้ แลว อันปจ จยั ปรงุ แตงแลว อนั ปจ จยั กอ ขึ้นแลว เกดิ ขึน้ เพราะอาศัยปจจยั ก็สงิ่ ใดส่งิ หน่ึงทีเกดิ ขนึ้ แลว อนั ปจจยั ปรุงแตงแลว อันปจ จยักอข้ึนแลว เกิดขึ้นเพราะอาศยั ปจ จยั สงิ่ นน้ั ไมเทยี่ ง ส่งิ ใดไมเ ทยี่ ง สิ่งน้นัเปน ทกุ ข สิง่ ใดเปน ทกุ ข ทานผูมีอายุนั้นเปนผูต ิดสิง่ น่นั แหละ ทานผูมอี ายุน้ันเขาถงึ ส่ิงน้นั แหละ แมทา นผมู ีอายุรูปใดกลา วอยา งนวี้ า ดกู อ นคฤหบดีเรามที ิฏฐอิ ยางน้วี า โลกไมเท่ยี ง ส่ิงนีเ้ ทา น้นั จรงิ สิง่ อื่นเปลา ทิฏฐิของทานผมู ีอายแุ มน ี้ กเ็ กดิ ขึ้นเพราะเหตุแหง การกระทําไวใ นใจโดยไม

พระสุตตนั ตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาที่ 303แยบคายของตน หรอื เพราะการโฆษณาของผอู ืน่ เปน ปจจัย ก็ทฏิ ฐนิ นั้เกิดขึน้ แลว อันอาศัยปจ จัยปรุงแตงแลว อนั ปจ จยั กอ ขึ้นแลว เกดิ ข้ึนเพราะอาศัยปจจยั กส็ ิ่งใดส่งิ หนงึ่ ที่เกิดขึ้นแลว อนั ปจจัยปรงุ แตงแลวเกดิ ขึ้นเพราะอาศยั ปจ จัย ส่งิ นั้นไมเท่ียง ส่ิงใดไมเท่ียง สงิ่ นั้นเปนทุกขสงิ่ ใดเปน ทุกข ทา นผมู อี ายุนน้ั เปนผตู ดิ สิง่ นั้นแหละ ทานผมู อี ายนุ ัน้เปนผูเขาถงึ สิง่ นน้ั แหละ แมท านผูม อี ายรุ ูปใดกลา วอยางน้วี า ดูกอ นคฤหบดี เรามีทฏิ ฐิอยางน้ีวา โลกมที ี่สุด... โลกไมมีที่สุด... ชีพอันน้นัสรรี ะกอ นน้นั ... ชีพอยา งหน่ึง สรรี ะกอ็ ยางหนึ่ง... สัตวเมือ่ ตายแลวยอมเปนอีก... สัตวเมื่อตายแลวยอ มไมเ ปนอีก... สัตวเ ม่อื ตายแลว ยอมเปนอีกก็มี ยอมไมเปน อีกกม็ .ี .. สัตวเมือ่ ตายแลว ยอ มเปนอกี ก็หามไิ ด ยอมไมเปนอีกก็หามไิ ด สง่ิ นี้เทานั้นจริง สงิ่ อืน่ เปลา ทฏิ ฐิของทา นผมู อี ายนุ ้ีเกิดข้นึ เพราะเหตแุ หง การกระทาํ ไวใ นใจโดยไมแ ยบคายของตน หรือเพราะการโฆษณาของผูอ ่นื เปน ปจ จัย ก็ทฏิ ฐนิ นั้ เกิดขน้ึ แลว อนั ปจจยัปรุงแตง แลว อันปจ จยั กอขึ้นแลว เกิดข้นึ เพราะอาศยั ปจ จยั ก็ส่งิ ใดส่ิงหนึ่งทีเ่ กดิ ขน้ึ แลว อนั ปจจัยปรุงแตง แลว อนั ปจ จยั กอขึน้ แลว เกิดขึ้นเพราะอาศยั ปจจัย สิ่งนัน้ ไมเ ทย่ี ง ส่ิงใดไมเ ท่ยี ง สง่ิ นัน้ เปนทุกข สิง่ ใดเปนทกุ ข ทา นผมู อี ายุน้ันเปนผตู ิดสิง่ นนั้ แหละ ทา นผมู อี ายุน้ันเขา ถึงสงิ่ นัน้ แหละ. เมื่อทา นอนาถบณิ ฑิกคฤหบดกี ลาวอยางน้ีแลว ปรพิ าชกเหลา นั้นไดก ลาวกะทา นอนาถบณิ ฑิกคฤหบดวี า ดูกอ นคฤหบดี พวกเราท้ังหมดบอกทฏิ ฐขิ องตนแลว ขอทานจงบอก ทานมที ฏิ ฐอิ ยางไร. อ. ขา แตท านผูเ จรญิ ทงั้ หลาย กส็ ่งิ ใดสงิ่ หน่งึ ที่เกดิ ขึ้นแลว อัน

พระสตุ ตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 304ปจ จัยปรงุ แตงแลว อันปจ จยั กอขนึ้ แลว เกดิ ขน้ึ เพราะอาศยั ปจจยั สง่ิ น้ันไมเทีย่ ง สง่ิ ใดไมเ ท่ยี ง สงิ่ นัน้ เปน ทุกข สงิ่ ใดเปน ทุกข ขา พเจามคี วามเห็นสิ่งนน้ั อยางน้วี า นน่ั ไมใ ชข องเรา นั่นไมเปนเรา นัน่ ไมใ ชตวั ตนของเรา. ป. ดกู อ นคฤหบดี สิ่งใดส่งิ หนงึ่ ทเ่ี กดิ ขนึ้ แลว อนั ปจ จัยปรุงแตง แลว อนั ปจ จัยกอ ขนึ้ แลว เกิดข้ึนเพราะอาศัยปจ จัย ส่งิ นน้ั ไมเ ที่ยงสิง่ ใดไมเทยี่ ง สง่ิ นนั้ เปน ทุกข ทานเปนผูติดสิง่ น้นั แหละ ทานเขา ถึงสิ่งน้นั แหละ. อ. ก็ส่งิ ใดส่ิงหน่ึงทีเ่ กิดข้นึ แลว อันปจ จัยปรงุ แตงแลว อันปจ จยักอขึ้นแลว เกดิ ขนึ้ เพราะอาศยั ปจจยั ส่งิ นนั้ ไมเที่ยง ส่ิงใดไมเ ทีย่ งสงิ่ น้นั เปน ทุกข สิ่งใดเปน ทกุ ข ขา พเจาเหน็ สิง่ นน้ั ดวยปญญาอนั ชอบตามความเปนจริงอยา งน้ีวา น่นั ไมใชของเรา นนั่ ไมเปน เรา นนั่ ไมใชตวั ตนของเรา ทง้ั รูช ัดอุบายเปน เครอ่ื งสลดั ออกซ่ึงสิง่ น้ันอยางยอดเยี่ยมตามเปน จรงิ . เมือ่ ทา นอนาถบิณฑกิ คฤหบดีกลาวอยางนแี้ ลว ปรพิ าชกเหลานนั้พากันนง่ั น่งิ เกอเขิน คอตก กม หนา ซบเซา โตต อบไมได ทานอนาถบิณฑกิ คฤหบดีทราบปริพาชกเหลาน้นั เปน ผนู งิ่ เกอเขนิ คอตกกมหนา ซบเซา โตต อบไมได แลวลกุ จากอาสนะเขาไปเฝาพระผูมีพระ-ภาคเจา ถงึ ท่ีประทบั ถวายบงั คมพระผมู พี ระภาคเจา แลว น่ัง ณ ทคี่ วรสวนขางหนึง่ คร้นั แลว ไดกราบทูลถึงเรอ่ื งที่สนทนากบั อญั ญเดยี รถยี ปรพิ าชกเหลา นนั้ ทั้งหมด แดพ ระผมู ีพระภาคเจา ใหท รงทราบทกุ ประการพระผูมพี ระภาคเจา ตรสั วา ดลี ะ ๆ คฤหบดี ทา นพงึ ขมขพ่ี วกโมฆบุรุษ

พระสตุ ตันตปฎ ก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 305เหลานน้ั ใหเ ปน การขมขี่ดวยดี โดยกาลอนั ควร โดยชอบธรรมอยา งน้แี ลลําดบั น้นั พระผมู พี ระภาคเจาทรงช้แี จงทานอนาถบิณฑกิ คฤหบดใี หเห็นแจง ใหสมาทาน ใหอ าจหาญ รา เริงดวยธรรมีกถาแลว ทา นอนาถบิณฑิก-คฤหบดีอนั พระผูมพี ระภาคเจา ทรงชี้แจงใหเ ห็นแจง ใหส มาทาน ใหอ าจหาญ ราเริง ดวยธรรมมีกถาแลว ลกุ จากทน่ี ่ัง ถวายบังคมลาพระผมู -ีพระภาคเจา กระทําประทกั ษิณแลวหลกี ไป เมือ่ ทา นอนาถบณิ ฑิกคฤหบดีหลกี ไปไมนาน พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั เรยี กภิกษทุ ้งั หลายวา ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย ภิกษใุ ดแลเปน ผมู ธี รรมอันไมห วั่นไหวในธรรมวนิ ัยตลอดกาลนาน ภิกษแุ มนน้ั พงึ ขมข่ีอญั ญเดยี รถยี  ปรพิ าชกเหลาน้นั ใหเปนการขม ข่ีดวยดโี ดยชอบธรรมอยา งนี้ เหมอื นทานอนาถบณิ ฑกิ คฤหบดีขม ข่แี ลวฉะนนั้ . จบทฏิ ฐิสตู รท่ี ๓ อรรถกถาทิฏฐิสูตรที่ ๓ ทฏิ ฐิสตู รที่ ๓ พึงทราบวนิ ิจฉัยดงั ตอไปน้.ี บทวา สณฺ เปสุ ไดแ ก ทางแหงการดําเนนิ บาง ทางแหงคาํพดู บา ง. บทวา อปสฺ ททฺ วินตี า ไดแก ผอู ันพระศาสดาผมู ีพระสุรเสยี งนอ ย ตรัสแตพ อประมาณ ทรงแนะนาํ แลว . บทวา ปรโฆสปจฺจยา วาไดแก หรอื วา เพราะถอยคาํ ของบุคคลอ่ืนเปนเหตุ. บทวา เจตยิตาไดแ ก กาํ หนดแลว . บทวา มงกฺ ุภูตา ไดแ ก เสยี ใจ หมดอํานาจบทวา ปตฺตกฺขนฺธา แปลวา คอตก. บทวา สหธมฺเมน ไดแ ก โดยถอ ยคําทีม่ เี หตุมกี ารณ. จบอรรถกถาทิฏฐิสตู รที่ ๓

พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 306 ๔. วชั ชยิ สตู ร วา ดว ยวัชชยิ มาหติ คฤหบดีขม ขอ่ี ัญญเดียรถยี ปริพาชก [๙๔] สมยั หนงึ่ พระผูมีพระภาคเจา ประทับผทู ี่ฝง สระโบกขรณีชื่อคคั ครา ใกลเ มืองจัมปา ครง้ั นัน้ แล วัชชิยมาหิตคฤหบดี ไดออกจากเมอื งจมั ปาแตยงั วนั เพอ่ื เฝา พระผมู ีพระภาคเจา ลําดับน้ัน วัชชิย-มาหิตคฤหบดีไดม ีความคดิ วา มใิ ชเ วลาเพ่ือจะเฝา พระผูมพี ระภาคเจา กอ น-เพราะพระผมู พี ระภาคเจา ยังทรงหลีกเรนอยู มใิ ชก าลเพอื่ จะเย่ยี มภกิ ษุทั้งหลายผูย ังใจใหเจรญิ เพราะภกิ ษุทัง้ หลายผูยังใจใหเ จรญิ ยังหลกี เรน อยูอยา กระน้ันเลย เราพงึ เขาไปยังอารามของอญั ญเดียรถยี ปริพาชกเถดิลาํ ดับน้ัน วัชชิยหาหิตคฤหบดไี ดเขาไปยังอารามของอัญญเดยี รถยี ป รพิ าชกก็สมนั น้ันแล พวกอญั ญเดยี รถียป รพิ าชกกําลังรวมประชมุ กนั บันลือเสยี งเอ็ดอึง นั่งพดู กนั ถึงดิรจั ฉานกถาหลายอยาง พวกเขาเหน็ วชั ชิยมาหติ -คฤหบดี กาํ ลังเดนิ ทางมาแตไ กล ครน้ั แลวจึงยังกันและกนั ใหห ยดุ ดว ยกลา ววา ทานทัง้ หลายจงเบาเสียง อยาไดเ ปลง เสยี ง วัชชยิ มาหิตคฤหบดีคนน้ีเปนสาวกของพระสมณโคดม กําลังเดินมา วชั ชยิ มาหติ คฤหบดีนเี้ ปน สาวกคนหน่งึ ในบรรดาคฤหสั ถผ นู งุ หมผา ขาวซึ่งเปน สาวกของพระสมณโคดมอาศยั อยูในเมอื งจมั ปา ก็ทา นเหลา นัน้ เปน ผใู ครใ นเสยี งเบา ไดรับแนะนําในทางเสยี งเบา กลาวสรรเสริญเสยี งเบา แมไ ฉน เขาทราบบริษัทผมู ีเสียงเบา พงึ สาํ คัญที่จะเขามาหา ลาํ ดบั นนั้ ปริพาชกเหลานน้ั ไดน่งิ อยู วชั ชิย-มาหิตคฤหบดกี เ็ ขา ไปหาพวกปรพิ าชกถึงท่ีอยู คร้นั แลว ไดสนทนาปราศรัยกับปริพาชกเหลา นั้น ครั้นผา นการสนทนาปราศรัยพอใหระลึกถงึ กันไปแลว จึงน่ัง ณ ทีค่ วรสวนขางหน่ึง อัญญเดยี รถยี ป ริพาชกเหลาน้ันได

พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 307กลา วกะทานวัชชิยมาหติ คฤหบดวี า ดูกอ นคฤหบดี ไดย ินวา พระมหา-สมณโคดมทรงติเตียนตบะทั้งหมด เขา ไปดา เขา ไปวารายผูมีตบะ ผูที่เล้ียงชพี ดว ยอาการเศราหมองท้งั หมด โดยสวนเดียวจรงิ หรอื . วัชชยิ มาหิตคฤหบดีตอบวา ขา แตท า นผเู จรญิ ทั้งหลาย พระผูม-ีพระภาคเจาทรงตเิ ตียนตบะท้งั หมดหามไิ ด เขา ไปดา เขา ไปวารา ยผูมีตบะผูท เี่ ลย้ี งชพี ดวยอาการเศราหมองทงั้ หมด โดยสวนเดียวก็หามไิ ด พระผ-ูมีพระภาคเจา ทรงติเตียนผูทค่ี วรตเิ ตยี น ทรงสรรเสรญิ ผูที่ควรสรรเสริญเพราะพระผมู ีพระภาคเจาทรงติเตียนผทู ี่ควรตเิ ตียนอยู ทรงสรรเสริญผูที่ควรสรรเสริญอยู พระผมู พี ระภาคเจา ทรงมีปกติตรัสแยกกัน ในเรื่องนี้พระผมู ีพระภาคเจา นน้ั มิใชท ่ีปกติตรัสโดยสวนเดยี ว. เม่อื วชั ชยิ มาหติ คฤหบดีกลาวอยางนแ้ี ลว ปริพาชกคนหน่ึง จึงพูดกะวัชชยิ มาหติ คฤหบดวี า ทานหยดุ กอน คฤหบดี พระสมณโคดมที่ทา นกลาวสรรเสรญิ เปนผแู นะนาํ ในทางฉิบหาย เปน ผไู มม ีบญั ญตั .ิ ว. ทานผูเ จริญ แมใ นเรอ่ื งน้ีขา พเจา จะกลา วกะทานผูมีอายทุ ง้ั หลายโดยชอบธรรม พระผูมีพระภาคเจาทรงบัญญตั วิ า ส่ิงนีเ้ ปนกศุ ล ส่ิงน้ีเปนอกศุ ล เมื่อพระผูม พี ระภาคเจา ทรงบญั ญัตสิ ิ่งทีเ่ ปนกุศลและอกุศลไวดงั น้ี จงึ ช่ือวาทรงเปนผมู บี ญั ญัติ พระผมู พี ระภาคเจา นัน้ มใิ ชผูแนะนําในทางฉบิ หาย ไมใชผไู มม ีบัญญตั ิ. เมือ่ วัชชยิ มาหิตคฤหบดีกลา วอยา งนีแ้ ลว ปรพิ าชกท้ังหลายไดเปนผนู งั่ นิง่ เกอเขนิ คอตก กม หนา ซบเซา โตต อบไมไ ด ลําดบั นั้นวชั ชยิ มาหิตคฤหบดที ราบวา ปรพิ าชกเหลา นน้ั เปน ผนู ิง่ เกอเขิน คอตก

พระสตุ ตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 308กมหนา ซบเซา โตตอบไมได แลว ลกุ จากอาสวะ เขาไปเฝาพระผูม-ีภาคเจา ถงึ ทีป่ ระทับ ถวายบังคมพระผมู ีพระภาคเจาแลว นั่ง ณ ทีค่ วรสว นขา งหนึ่ง ครัน้ แลว ไดกราบทูลเรอ่ื งท่ีสนทนากบั อญั ญเดียรถยี ป ริพาชกเหลา นนั้ ทง้ั หมด แตพระผูมีพระภาคเจา ใหท รงทราบทกุ ประการ. พระผูม ีพระภาคเจาตรสั วา ดลี ะ ดลี ะ คฤหบดี ทานพงึ ขมขี่พวกโมฆบรุ ุษใหเปนการขม ขด่ี วยดี โดยกาลอนั ควร โดยชอบธรรมอยา งนี้แลดูกอ นคฤหบดี เราไมกลา วตบะท้ังหมดวา ควรบําเพญ็ เราไมก ลา วตบะทั้งหมดวา ไมค วรบาํ เพ็ญ เราไมก ลา วการสมาทานท้ังหมดวา ควรสมาทานเราไมกลาวการสมาทานทง้ั หมดวา ไมค วรสมาทาน เราไมกลาวการเรม่ิ ตง้ัความเพียรทั้งหมดวา ควรเรมิ่ ตั้งความเพียร เราไมกลาวการเร่มิ ตง้ั ความเพยี รท้ังหมดวา ไมควรเริม่ ต้งั ความเพยี ร เราไมกลา วการสละทั้งหมดวาควรสละ เราไมก ลา วการสละท้งั หมดวา ไมค วรสละ เราไมก ลา วการหลุดพน ทั้งหมดวา ควรหลุดพน เราไมกลาวการหลุดพนท้ังหมดวาไมควรหลดุ พน ดูกอ นคฤหบดี เมอื่ บคุ คลบาํ เพ็ญตบะอนั ใดอยู อกศุ ล-ธรรมท้ังหลายยอ มเจรญิ กศุ ลธรรมทง้ั หลายยอมเสอื่ มไป เรากลาวตบะเหน็ ปานน้ันวา ไมควรบําเพญ็ กเ็ ม่อื บุคคลบาํ เพ็ญตบะอันใดอยู อกศุ ล-ธรรมท้งั หลายยอมเสอ่ื มไป กุศลธรรมทง้ั หลายยอ มเจรญิ ยงิ่ เรากลาวตบะเหน็ ปานน้นั วาควรบาํ เพญ็ เมอื่ บคุ คลสมาทานการสมาทานอันใดอยูอกุศล-ธรรมทัง้ หลายยอ มเจรญิ กุศลธรรมทั้งหลายยอมเส่ือมไป เรากลาวการสมาทานเห็นปานนัน้ วา ไมควรสมาทาน เมือ่ บคุ คลสมาทานการสมาทานอนั ใดอยู อกุศลธรรมทง้ั หลายยอมเสอื่ มไป กุศลธรรมทัง้ หลายยอ มเจริญย่ิง

พระสุตตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 309เรากลา วการสมาทานเห็นปานนัน้ วา ควรสมาทาน เมื่อบุคคลเร่มิ ตัง้ ความเพยี รอันใดอยู อกศุ ลธรรมทั้งหลายยอมเจรญิ ยิ่ง กศุ ลธรรมท้ังหลายยอมเสื่อมไป เรากลาวการเร่ิมตั้งความเพยี รเหน็ ปานน้นั วา ไมควรเร่ิมตั้ง เมื่อบคุ คลเริ่มตัง้ ความเพยี รอนั ใดอยู อกุศลธรรมท้งั หลายยอ มเส่อื มไป กุศล-ธรรมทง้ั หลายยอมเจรญิ ยิ่ง เรากลาวการเร่มิ ต้ังความเพียรเหน็ ปานนัน้ วาควรเริม่ ตั้ง เม่อื บคุ คลสละซ่งึ การสละอันใดอยู อกศุ ลธรรมทง้ั หลาย ยอมเจริญยิง่ กุศลธรรมทง้ั หลายยอมเสื่อมไป เรากลา วการสละเหน็ ปานนั้นวา ไมควรสละ เม่ือบคุ คลสละการสละอันใดอยู อกศุ ลธรรมทั้งหลายยอ มเส่ือมไป กศุ ลธรรมท้ังหลายยอมเจริญยง่ิ เรากลา วการสละเหน็ ปานนั้นวา ควรสละ เม่อื บคุ คลหลุดพน การหลดุ พน อนั ใดอยู อกศุ ลธรรมทัง้ หลายยอ มเจริญยง่ิ กศุ ลธรรมท้ังหลายยอมเสื่อมไป เรากลาวการหลดุ พน เห็นปานน้ันวาไมควรหลุดพน เมือ่ บุคคลหลดุ พน การหลดุ พน อนั ใดอยู อกุศลธรรมทง้ั หลายยอมเสอ่ื มไป กุศลธรรมทงั้ หลายยอ มเจริญยิ่ง เรากลา วการหลุดพนเหน็ ปานนัน้ วา ควรหลดุ พน ลาํ ดับนัน้ วชั ชยิ มาหิตคฤหบดีอันพระ-ผมู พี ระภาคเจา ทรงชี้แจงใหเ หน็ แจง ใหสมาทาน ใหอ าจหาญ ราเรงิ ดวยธรรมีกถาแลว ลกุ จากทีน่ ั่ง ถวายบงั คมพระผมู พี ระภาคเจา กระทําประทักษณิ แลว หลีกไป เมอื่ วชั ชิยมาหิตคฤบดหี ลกี ไปไมน าน พระผมู -ีพระภาคเจา ตรสั กะภกิ ษุทัง้ หลายวา ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย ภิกษใุ ดแลผมู ีกเิ ลสเพียงดงั วา ธุลีในปญญาจักษุนอ ยในธรรมวนิ ัยน้ตี ลอดกาลนานภิกษุแมน ั้น พึงขม ขอี่ ญั ญเดียรถยี ปรพิ าชกทง้ั หลายใหเ ปนการขมข่ดี ว ยดี โดยชอบธรรม เหมือนอยา งวัชชยิ มาหติ คฤหบดีขม ขีแ่ ลว ฉะนนั้ . จบวชั ชิยสตู รที่ ๔

พระสตุ ตนั ตปฎก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 310 อรรถกถาวชั ชยิ สูตรท่ี ๔ วชั ชยิ สูตรที่ ๔ พงึ ทราบวินจิ ฉัยดงั ตอ ไปน.้ี คฤหบดีมีช่ืออยา งนีว้ า วชั ชยิ มาหติ ะ. บทวา สพฺพ ตป ความวามีการกระทํากิจทที่ าํ ไดยากเปน ตบะทุกอยาง. บทวา สพฺพ ตปสสฺ ึ ไดแ กผอู าศัยตบะทุกอยา ง. บทวา ลูขาชวี ึ ไดแ ก ประกอบเนอื ง ๆ ซึ่งการเลย้ี งชพี ดวยการการทาํ กจิ ทที่ ําไดยาก. บทวา คารยฺห แปลวา ผคู วรตเิ ตยี น. ทวา ปส สิย แปลวา ผูควรสรรเสรญิ . บทวา เวนยิโก ไดแก ผทู ีต่ นเองมิไดแ นะนาํ แตบุคคลอืน่ แนะนํา. บทวา อปฺปฺ ตฺตโิ กความวา ไมอาจบญั ญตั ิสงิ่ ไร ๆ. อกี นัยหน่งึ บทวา เวนยิโก แปลวาผทู าํ สัตวใหพินาศ. บทวา อปปฺ ฺตฺตโิ ก ไดแ ก บัญญัตพิ ระนพิ พานท่ีไมประจกั ษ ไมอาจบัญญตั สิ ิง่ ไร ๆ ในสัสสตทิฏฐิเปน ตน . บทวา น โสภควา เวนยิโก ความวา พระผูมีพระภาคเจานั้น ทรงรตู ามความเปนจริงอยางน้ี ทรงบัญญตั กิ ศุ ลอกุศล ไมใชผ อู นื่ จะพงึ แนะนํา ไมใชผ อู นื่ใหศึกษา อธบิ ายวา พระผมู พี ระภาคเจา มิใชผูทาํ สตั วใ หพ นิ าศ ทรงแนะนาํ ดว ยดี ทรงใหศ ึกษาดว ยดี ทรงแนะนาํ สตั ว เพราะทรงบญั ญัตธิ รรมทท่ี รงอาศัยบัญญัติอยา งมีสติ ทานแสดงวา ขอบญั ญัตขิ องพระผูมีพระ-ภาคเจา นั้น เปน ขอ บัญญตั ทิ ่ดี ีทง้ั นั้น. บทวา วมิ ตุ ตฺ ึ วมิ ุจจฺ โต อกสุ ลา ธมมฺ า ความวา อกศุ ลธรรมท้ังหลาย ชื่อวา ยอ มเจริญแกจติ ทนี่ อมไปสูอธิมตุ ติ คอื มิจฉาทฏิ ฐิ. ทรงหมายเอาขอนน้ั จงึ ตรสั คําน.ี้ แตความหลดุ พนแหง จิตในพระศาสนา ยอ มไมแ ลน ไปสูสงั ขตธรรม เพราะเหตนุ น้ั วิมุตตคิ วามหลดุ พน จงึ เปนปจจัยแกก ศุ ลธรรมเทาน้ัน. จบอรรถกถาวชั ชยิ สตู รท่ี ๔

พระสตุ ตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 311 ๕. อุตตยิ สูตร วา ดว ยพระผูมีพระภาคเจา ทรงแสดงธรรมแกสาวกเพอื่ ความรยู งิ่ [๙๕] ครั้งนัน้ แล อตุ ติยปริพาชกเขาไปเฝา พระผูมีพระภาคเจาถงึ ท่ีประทบั ไดป ราศรัยกับพระผูมีพระภาคเจา ครนั้ ผา นการปราศรยั พอใหร ะลึกถงึ กนั ไปแลว จงึ นง่ั ณ ท่คี วรสว นขา งหน่งึ ครั้นแลว ไดท ูลถามพระผมู ีพระภาคเจา วา ทานโคดมผูเ จรญิ โลกเท่ยี ง สิง่ นีเ้ ทา นนั้ จริงส่งิ อน่ื เปลา หรือหนอ พระผูม ีพระภาคเจา ตรัสตอบวา ดกู อนอุตตยิ ะขอ นีเ้ ราไมพยากรณ. อุ. ทา นโคดมผเู จรญิ กโ็ ลกไมเท่ยี ง สิง่ นี้เทานนั้ จริง ส่ิงอืน่ เปลาหรือ. พ. ดูกอ นอตุ ตยิ ะ แมขอ น้ีเราไมพยากรณ. อุ. ทา นโคดมผเู จรญิ โลกมที ่ีสดุ ...โลกไมมีท่สี ุด...ชีพอันน้นัสรรี ะก็อนั นั้น. . .ชีพอยา งหนึ่ง สรีระก็อยา งหน่งึ ...สตั วเ มอ่ื ตายแลวยอ มเปนอกี . . . สัตวเ มอ่ื ตายแลวยอ มไมเปนอกี . . . สัตวเ มอ่ื ตายแลวยอ มเปนอกี ก็มี ไมเ ปน อกี กม็ .ี . .สตั วเ มื่อตายแลว ยอมเปนอกี ก็หามิได ยอ มไมเ ปนอกี ก็หามไิ ด สิ่งนเ้ี ทา นั้นจริง สง่ิ อน่ื เปลา หรือ. พ. ดูกอ นอตุ ตยิ ะ แมขอน้เี รากไ็ มพยากรณ. อุ. ทา นถูกเราถามวา ทานโคดมผูเจรญิ ก็โลกไมเทย่ี ง ส่งิ น้ีเทา นัน้ จริง สง่ิ อ่ืนเปลาหรอื หนอ ก็ตรัสตอบวา ดกู อนอตุ ตยิ ะ ขอ น้ีเราก็ไมพยากรณ เม่อื ถูกถามวา ทานโคดมผเู จรญิ กโ็ ลกไมเท่ียง สงิ่ น้เี ทาน้นัหญิง สิง่ อื่นเปลา หรือ กต็ รัสตอบวา ดกู อนอตุ ตยิ ะ ขอนีเ้ ราไมพยากรณเม่อื ถูกถามวา ทา นโคดมผูเจริญ โลกมีท่ีสดุ ...โลกไมม ีทส่ี ุด...ชพี อนั นนั้สรรี ะก็อนั นั้น.. .ชพี อยา งหนึง่ สรีระก็อยา งหนงึ่ ...สตั วเม่ือตายแลว

พระสตุ ตันตปฎ ก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 312ยอ มเปน อีก . . . สตั วเ ม่ือตายแลวยอมไมเปน อกี . . . สัตวเมื่อตายแลวยอมเปน อกี ก็มี ยอมไมเปนอีกก็มี...สัตวเมอื่ ตายแลวยอ มเปนอกี กห็ ามไิ ดยอ มไมเ ปน อกี กห็ ามไิ ด สิง่ น้เี ทา นนั้ จรงิ สิง่ อนื่ เปลาหรือหนอ ก็ตรสัตอบวา ดูกอ นอุตติยะ แมอันนี้เราก็ไมพยากรณ เมอ่ื เปน เชนน้ี ทา นโคดมผเู จริญจะพยากรณในทางไหน. พ. ดกู อ นอตุ ตยิ ะ เรายอ มแสดงธรรมแกสาวกทัง้ หลายเพ่อื ความรูยิ่ง เพอื่ ความหมดจดแหง สัตวท งั้ หลาย เพ่อื กาวลวงเสยี ซง่ึ ความโศกและความรํา่ ไร เพื่อความดบั สูญแหงทกุ ขและโทมนัส เพ่ือบรรลุญายธรรมเพือ่ กระทาํ ใหแจงซงึ่ พระนิพพาน. อุ. ดวยขอท่ีพระโคดมผูเ จรญิ ไดทรงแสดงธรรมแกส าวกท้ังหลายเพื่อความรยู ิ่ง เพือ่ ความหมดจดแหงสัตวท้ังหลาย. . .เพอื่ กระทาํ ใหแ จงซง่ึ พระนพิ พานนั้น โลกทง้ั หมดหรือถึงหนง่ึ หรอื สามสว นจกั ออกไปจากทกุ ขได เม่อื อุตติยปรพิ าชกกราบทลู อยา งนี้ พระผมู พี ระภาคเจาไดทรงนง่ิ เสีย ลาํ ดบั น้ันแล ทา นพระอานนทไ ดมคี วามคิดวา อตุ ตยิ ปริพาชกอยา ไดทฏิ ฐอิ ันลามกอยางน้วี า พระสมณโคดมถกู เราถามปญ หาเฉพาะหนาทั้งปวง ยอมเลยี่ ง ไมท รงวิสัชนา หรอื วสิ ชั นาไมไดแนน อน เพราะทิฏฐิอนั ลามกนน้ั จะพึงเปน ไปเพือ่ สิ่งมใิ ชประโยชนเ ก้อื กลู เพือ่ ทกุ ขต ลอดกาลนาน แกอ ตุ ตยิ ปรพิ าชก ลําดบั นัน้ แล ทา นพระอานนทไ ดกลา วกะอตุ ตยิ ปริพาชกวา ดูกอ นอาวุโสอุตติยะ ถา เชนนัน้ เราจกั อุปมาแกท านวญิ บู รุ ุษบางพวกในโลกน้ี ยอมรอู รรถแหงภาษติ ไดด วยอปุ มา ดูกอ นอาวโุ สอตุ ตยิ ะ เปรียบเหมือนนครอันต้งั อยูชายแดนของพระราชา นครน้นั มีปอมมั่นคง มกี าํ แพงและประตมู ั่นคง มีประตูเดียว นายประตูในนครนน้ั เปน บัณฑิต ฉลาด มปี ญญา หามคนท่ไี มร จู ักเขา ไป ใหค น

พระสตุ ตันตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 313ท่ีรูจ กั เขา ไป เขาเดนิ เลียบไปตามทางเลยี บกาํ แพงโดยรอบนครนั้น ไมพึงเห็นท่ตี อ แหงกาํ แพงหรือชองแหง กาํ แพง แมโ ดยท่ีสุดพอแมวออกไดและเขายอมไมม คี วามรอู ยางนวี้ า สตั วมีประมาณเทา นี้ เขา มาสูนครน้ีหรอื ออกไป โดยทแ่ี ท เขายอมมีความรูใ นเรือ่ งนัน้ อยา งนี้วา สตั วต วัใหญ ๆ บางเหลา ยอ มเขา มาสนู ครนหี้ รอื ยอมออกไป สัตวท ้ังหมดน้ันยอมเขา มาหรือออกไปทางประตนู ี้ แมฉ นั ใด ดูกอนอาวุโสอุตติยะ พระ-ตถาคตก็ฉนั นั้นเหมอื นกนั มิไดท รงมคี วามขวนขวายอยา งนี้วา โลกท้ังหมดหรอื กึง่ หนงึ่ หรือสามสว นจักออกไปจากทุกข โดยท่ีแท พระตถาคตทรงมีพระญาณอยางน้ีวา สัตวเหลาใดเหลาหนึง่ ออกไปแลว หรอื กาํ ลงัออกไป หรือจกั ออกไปจากโลก สัตวทง้ั หมดน้ันละนวิ รณ อนั เปนเครือ่ งเศรา หมองใจ อันทาํ ปญญาใหทรุ พล ๕ ประการแลว เปนผมู จี ิตตงั้ ม่นั แลวดวยดใี นสติปฏฐาน ๔ เจริญโพชฌงค ๗ ประการตามเปน จริงแลว สตั วเหลา นัน้ ออกไปแลว หรอื กําลงั ออกไป หรือจักออกไปจากโลกดว ยอาการอยา งน้ี ดกู อนอาวโุ สอุตติยะ ทา นไดทูลถามปญ หานี้กะพระผูม ีพระภาค-เจา ขอ ใด ปญหาขอนั้น ทานไดท ลู ถามพระผมู ีพระภาคเจา โดยปริยายอนื่ฉะน้ัน พระผมู พี ระภาคเจาจึงไมทรงพยากรณปญหาน้นั แกท า น. จบอตุ ตยิ สูตรท่ี ๕ อรรถกถาอุตตยิ สูตรท่ี ๕ อุตติยสตู รท่ี ๕ พึงทราบวนิ จิ ฉยั ดังตอ ไปน้ี. บทวา ตณุ หฺ ี อโหสิ ความวา อุตตยิ ปริพาชาตง้ั อยใู นสตั ตูปลัทธิลัทธวิ ามีสัตว จึงถามในขอ ท่ีไมค วรถาม เหตนุ ้ันจงึ นิง่ เสยี . บทวา สพฺพ

พระสุตตนั ตปฎก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 314สามกุ กฺ  สิก วต เม ความวา พระสมณโคดมถกู เราถามคําถามสงู สุดแหง บรรดาคาํ ถามทุกอยาง ก็น่ิงไมต อบ คงจะไมอาจไมส ามารถจะตอบแนแท ทา นอยาไดม ีความเห็นชัว่ ๆ อยางท่ีวา มานเ้ี ลย. บทวา ตทสสฺ ไดแ กทฏิ ฐนิ ั้นพึงเกิดขึ้นอยา งน.ี้ บทวา ปจจฺ นฺติม ความวา เพราะเหตุท่ีหอรบและกาํ แพงเปนตนของนครในมชั ฌิมประเทศจะม่ันคงหรือออนแอ ก็หรือวาจะไมเปน ทอ่ี ันโจรรงั เกยี จโดยประการทั้งปวง ฉะนนั้ ไมท รงถือเอาขอนัน้ จงึ ตรัสวาปจจฺ นฺติม นคร . บทวา พฬหฺ ทฺทาล แปลวา มกี ําแพงแขง็ แรง. บทวาพฬฺหปาการโตรณ ไดแ ก มีกําแพงแขง็ แรง และมบี านประตูแขง็ แรง.เพราะเหตไุ รจงึ ตรสั วา มปี ระตเู ดียว เพราะวาในนครท่มี ีประตมู าก จําจะตองมีตนรกั ษาประตทู ่ฉี ลาดมากคน ประตเู ดียวคนเดียวก็พอ. กค็ นอืน่ผเู สมอดว ยปญญาของพระตถาคตไมม ี เพราะฉะน้นั จงึ กลา ววา มปี ระตูเดียว เพ่อื จะแสดงความเปรยี บเทยี บขอที่พระศาสดาทรงเปน บณั ฑติ และทรงเปนดจุ ผเู ฝาประตฉู ะนัน้ . บทวา ปณฺฑโิ ต ไดแ กผ ูป ระกอบดว ยความเปน บณั ฑิต. บทวาพยตโฺ ต ไดแก ผปู ระกอบดว ยความเปนผูสามารถ. บทวา เมธาวี ไดแกผูป ระกอบดว ยเมธา กลา วคอื ปญ ญารคู วามอุบตั ิแหง ฐานะ. บทวา อน-ุปรยิ ายปถ ไดแก ทางกาํ แพงท่ีมีชอื่ วา เฉลียง. บทวา ปาการสนธิไดแก ที่ทไี่ มม ีอิฐ ๒ แผน . บทวา ปากาวิวร ไดแก ทชี่ อ งของกําแพง. บทวา ตเทเวต ปหฺ  ความวา อตุ ตยิ ปริพาชก ถามซ้ําปญหาท่ถี ามไวโ ดยนยั วา โลกเท่ียงเปนตน แลว หยดุ เสยี อนั น้ันแหละ ดว ยบทวา

พระสตุ ตันตปฎก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 315สพโฺ พ จ เตน โลโก พระเถระแสดงวา อุตติยปริพาชก ต้งั อยใู นสัตตปู -ลัทธิ จึงถามโดยอาการอยางอน่ื . จบอรรถกถาอุตติยสตู รท่ี ๕ ๖. โกกนทุ สตู ร วา ดวยพระอานนทต อบปญหาโกกนุทปรพิ าชก [๙๖] สมัยหนงึ่ ทานพระอานนท อยูทีต่ โปทาราม ใกลพ ระนครราชคฤห คร้งั น้นั แล ทานพระอานนท ลกุ ขน้ึ แลวในเวลาใกลรุง แหงราตรี ไดไ ปยงั แมน ้าํ ตโปทาเพื่อสรงนาํ้ ครัน้ สรงน้ําท่ีแมนาํ้ ตโปทาแลวกลบั ขึน้ มา มจี วี รผนื เดยี ว ไดย นื ผ่ึงตัวอยู แมโ กกนุทปริพาชกลกุ ขึน้ในเวลาใกลรงุ แหงราตรี ไดไปยังแมน าํ้ ตโปทาเพ่ืออาบน้าํ โกกนทุ -ปริพาชกไดเหน็ ทานพระอานนทเ ดินมาแตไ กลเทย่ี ว ครั้นแลว ไดถามทา นพระอานนทว า ดูกอนอาวโุ ส ใครอยูในที่น้ี ทา นพระอานนทตอบวาดกู อ นอาวโุ ส เราเปนภกิ ษ.ุ โก. ดูกอ นอาวโุ ส ภิกษุพวกไหน. อา. ดูกอ นอาวุโส เราเปน พวกสมณศากยบตุ ร. โก. ขา พเจา พงึ ถามขอขอ งใจบางอยางกะทา น หากทานจะใหโอกาสเพ่ือแกป ญหา. อา. เชิญทา นถามเถดิ อาวโุ ส เราฟง แลว จักกลา วแก. โก. ทา นผูเจริญมคี วามเห็นอยางนีว้ า โลกเทยี่ ง สิง่ นเ้ี ทา นัน้ จริงสงิ่ อน่ื เปลา หรือหนอ. อา. ดกู อนอาวุโส เรามไิ ดความเห็นอยา งนั้น.

พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 316 โก. ทา นผเู จรญิ มคี วามเห็นอยา งนี้หรอื วา โลกไมเ ทย่ี ง สงิ่ น้ีเทานั้นจริง สิ่งอ่นื เปลา หรอื หนอ. อา. ดูกอ นอาวุโส เรามไิ ดมคี วามเหน็ อยา งนั้น. โก. ทานผูเจริญมคี วามเหน็ อยา งนหี้ รอื วา โลกไมเทย่ี ง สงิ่ น้ีเทา นัน้ จรงิ สิ่งอื่นเปลา หรือหนอ. อา. ดูกอ นอาวุโส เรามไิ ดม ีความเหน็ อยางน้นั . โก. ทานผเู จริญมคี วามเหน็ อยา งน้วี า โลกมที ่ีสดุ . . .โลกไมมีที่สดุ ...ชพี อนั นน้ั สรรี ะกอ นก็อันน้ัน...ชีพอยา งหน่งึ สรีระกอ็ ยางหน่งึ ...สัตวเมอื่ ตายแลว ยอมเปน อกี . . . สตั วเ มื่อตายแลว ยอมไมเปน อีก . . . สัตวเมอ่ื ตายแลว ยอ มเปน อกี ก็มี ยอมไมเปนอีกกม็ .ี . .สตั วเม่ือตายแลวยอมเปนอีกกห็ ามไิ ด ยอมไมเ ปนอีกก็หามิได สง่ิ น้เี ทา น้นั จริง สิ่งอ่ืนเปลา หรอืหนอ. อา. ดูกอนอาวุโส เรามไิ ดม ีความเหน็ อยา งนน้ั . โก. ถา อยา งนนั้ ทานผูเจรญิ ยอมไมรู ไมเห็นนะ ซ.ิ อา. ดกู อนอาวุโส เราไมร ูไมเห็นหามิได เรารอู ยู เหน็ อย.ู โก. ดูกอนทานผูเจรญิ ทานถูกขา พเจาถามวา ทา นผูเจรญิ มีความเหน็ อยางน้ีหรอื วา โลกเท่ียง ส่งิ น้ีเทาน้นั จรงิ สิ่งอน่ื เปลาหรอื หนอกก็ ลา ววา ดกู อ นอาวโุ ส เรามิไดมีความเหน็ อยางน้นั เมอ่ื ถูกถามวาทานผูเ จรญิ ความเห็นอยางน้ีหรอื วา โลกไมเ ท่ยี ง สิง่ นีเ้ ทา น้ันจรงิ สง่ิอืน่ เปลา หรอื หนอ กก็ ลา ววา ดกู อนอาวุโส เรามิไดม คี วามเหน็ อยางนั้นเมอ่ื ถูกถามวา ทา นผเู จรญิ มคี วามเห็นอยา งนหี้ รือวา โลกมีท่สี ดุ ...โลกไมม ที ี่สุด...ชีพอันน้นั สรีระกอ็ ันนั้น...ชีพอยางหนึ่ง... สรรี ะก็อยา ง

พระสุตตันตปฎก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 317หน่ึง. . .สัตวเ มื่อตายแลวยอ มเปน อกี ...สตั วเ มอื่ ตายแลวยอมไมเปน อกี ...สตั วเ มอ่ื ตายแลว ยอ มเปนอีกกม็ ี ยอ มไมเ ปนอีกกม็ ี. . .สตั วเ มื่อตายแลวยอมเปน อกี ก็หามไิ ด ยอ มไมเปน อีกกห็ ามิได ส่ิงนี้เทานั้นจริง สงิ่ อนื่เปลา หรือหนอ กก็ ลา ววา ดูกอนอาวโุ ส เรามิไดมีความเหน็ อยา งนน้ัเมื่อถกู ถามวา ถาอยา งนั้น ทานผูเ จรญิ ยอ มไมร ู ไมเ ห็นละซิ กก็ ลา วาดกู อนอาวุโส เรายอมไมร ู ไมเ หน็ หามิได เรารอู ย.ู .. เหน็ อยู ดกู อ นอาวโุ สก็อรรถแหง ภาษิตนีจ้ ะพึงเห็นไดอยางไรเลา. อา. ดกู อ นอาวุโส ขอน้วี า โลกเท่ยี ง สง่ิ นี้เทานัน้ จริง สิ่งอืน่เปลา เปน ทิฏฐิอยา งหนึง่ ขอนี้วา โลกไมเ ทีย่ ง สิง่ น้ีเทา น้ันจริง ส่งิอ่ืนเปลา เปนทฏิ ฐิอยางหนึง่ ขอ นวี้ า โลกมที ีส่ ดุ ...โลกไมม ีทีส่ ดุ ...ชีพอนั นัน้ สรีระกอ็ ันน้นั ...ชีพอยา งหนึง่ สรรี ะกอ็ ยางหนึง่ ...สัตวเมือ่ดแู ลวยอ มเปน อีก . . . สตั วเ มือ่ ตายแลวยอ มไมเ ปนอีก...สตั วเ มื่อตายแลวยอ มเปนอกี กม็ ี ยอ มไมเปนอกี ก็ม.ี ..สัตวเ มอื่ ตายแลวยอมเปนอกี กห็ ามไิ ดยอ มเปนอกี กห็ ามไิ ด สงิ่ นีเ้ ทา นน้ั จรงิ สิง่ อืน่ เปลา ก็เปนทฏิ ฐอิ ยางหน่งึ ดูกอนอาวุโส ทฏิ ฐกิ ด็ ี เหตทุ ี่ตั้งทฏิ ฐกิ ็ดี ทต่ี ัง้ มั่นแหง ทฏิ ฐกิ ็ดีทต่ี ้ังข้นึ โดยรอบแหง ทฏิ ฐิก็ดี ความเพิกถอนทฏิ ฐกิ ็ดี มีประมาณเทา ใดเรายอ มรู ยอมเหน็ ทฏิ ฐิเปน ตนน้นั มีประมาณเทา น้ัน เรารูทิฏฐิเปน ตนนัน้ จงึ กลา ววา เรารูอ ยู เราเห็นทฏิ ฐิเปนตนตน นัน้ จงึ กลาววา เราเห็นอยู เราจะกลา ววา เราไมรู ไมเ หน็ อยา งไรได ดูกอ นอาวโุ ส เรารูอ ยูเห็นอยู. โก. ทานผมู ีอายชุ ื่อไร และเพอื่ นพรหมจารที ั้งหลายยอมเรยี กทา นผมู ีอายุวาอยางไร.

พระสุตตันตปฎก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 318 อา. ดกู อนอาวุโส เรามีช่อื วา อานนท และเพ่ือนพรหมจารีทัง้ หลาย เรียกเราวา อานนท. โก. ขา แตท า นผเู จริญ ขาพเจาสนทนาอยูกบั ทา นอาจารยผ ใู หญไมร ูเลยวาเปน ทา นพระอานนท กถ็ า วาขาพเจา พึงรูวา นี้คอื ทา นพระ-อานนทไซร ขาพเจา กไ็ มพึงกลา วโตต อบถึงเทานี้ ขอทา นพระอานนทจงอดโทษแกข า พเจา ดว ยเถิด. จบโกกนุทสูตรท่ี ๖ อรรถกถาโกกนุทสูตรที่ ๖ ใน โกกนุทสูตรที่ ๖ พงึ ทราบวนิ จิ ฉัยดงั ตอไปน.ี้ บทวา ปพุ พฺ าปยมาโน ไดแก ทําตวั ใหปราศจากนาํ้ เชน กบั กอนอาบ. ศพั ทว า เกฺวตฺถ อาวโุ ส ตดั บทวา โก เอตฺถ อาวโุ ส. บทวายาวตา อาวโุ ส ทิฏ ิ ความวา ชอ่ื วาทิฏฐิ ๖๒ อยาง มอี ยเู ทา ใด. บทวายาวตา ทิฏ ิฏาน ความวา ฐานแหงทิฏฐิ ๘ อยา ง มีประมาณอยา งนี้คือ ขนั ธเปนฐานทิฏฐกิ ม็ ี อวิชชากม็ ี ผสั สะก็มี สญั ญากม็ ี วติ กก็มีอโยนิโสมนสกิ ารกม็ ี ปาปมิตรกม็ ี ปรโตโฆสะ การชักชวนของคนอน่ืกม็ ี ชือ่ วาเหตุแหงทิฏฐิ. บทวา อธิฏาน ไดแ ก ทต่ี ั้งมั่นแหง ทฏิ ฐิคํานีเ้ ปนช่อื ของทิฏฐทิ ีต่ ัง้ มนั่ ครอบงาํ เปน ไป. บทวา ทิฏิปรยิ ฏุ าน ไดแ ก ความกลุมรมุ แหงทฏิ ฐิที่ทา นกลาวไวอยางนี้วา คอื ๑. ทิฏฐิคือทฏิ ฐิคตะ (ความเห็น) ๒. ทฏิ ฐคิ หนะ ชัฏคอืทิฏฐิ ๓. ทฏิ ฐิกนั ตาระ กนั ดารคือทิฏฐิ ๔. ทิฏฐิวิสกู ะ ขาศกึ คือทิฏฐิ๕. ทิฏฐิวิปผนั ทติ ะ ความดิน้ รนคอื ทฏิ ฐิ ๖. ทิฏฐสิ งั โยชน สงั โยชน

พระสุตตนั ตปฎก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 319คือทิฏฐิ ๗. ทิฏฐสิ ัลละ ลูกศรคอื ทฏิ ฐิ ๘. ทฏิ ฐสิ มั พาธะ ความคับแคบคือทิฏฐิ ๙.ทิฏฐิปลโิ พธะ เครือ่ งกังวลคอื ทฏิ ฐิ ๑๐. ทิฏฐพิ นั ธนะ เครือ่ งผูกคอื ทิฏฐิ ๑๑. ทฏิ ฐปิ ปาตะ เหวคอื ทฏิ ฐิ ๑๒. ทฏิ ฐานสุ ยั อนสุ ยั คือทฏิ ฐิ ๑๓. ทฏิ ฐสิ นั ตาปะ เครือ่ งเผาคือทฏิ ฐิ ๑๔. ทิฏฐปิ ริฬาหะ เคร่อื งเรา รอ นคือทิฏฐิ ๑๕. ทฏิ ฐคิ นั ถะ เครือ่ งรอยคอื ทิฏฐิ ๑๖. ทิฏปุ าทานอุปาทานคือทฏิ ฐิ ๑๗. ทิฏฐาภินิเวสะ ความยดึ มัน่ คอื ทิฏฐิ ๑๘. ทฏิ ฐิปรามาส ความจบั ตอ งคอื ทฏิ ฐ.ิ คาํ วา สมุฏฐาน เปน ไวพจนของทฏิ ฐิฐานะนน่ั แล. สมจริงดังทีท่ านกลาวไวว า ขนั ธเ ปน ปจ จัย เพราะอรรถวายึดฐานะแหงทิฏฐติ ้งั ข้ึน. ทุกบทพงึ ใหพ ิสดาร. ก็โสดาปต ติมรรค ช่อื วาทิฏฐสิ มคุ -ฆาตะ เพราะถอนทฏิ ฐทิ กุ อยา งไดเดด็ ขาด. บทวา ตมห ไดแก เรารูทฏิ ฐิน้ันไดท กุ อยาง. บทวา กฺยาห วกขฺ ามิ แปลวา เรากลา วเพราะเหตุไร. จบอรรถกถาโกกนุทสูตรท่ี ๖ ๗. อาหเุ นยยสตู ร วาดว ยภกิ ษุประกอบดว ยธรรม ๑๐ ประการเปนผูค วรของคํานบั [๙๗] ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย ภกิ ษผุ ูประกอบดวยธรรม ๑๐ ประ-การ เปน ผูควรของคํานบั เปน ผคู วรของตอ นรับ เปน ผคู วรของทําบุญเปน ผคู วรกระทําอญั ชลี เปน นาบุญของโลก ไมม ีนาบญุ อ่นื ยิง่ ไปกวาธรรม ๑๐ ประการเปนไฉน ดูกอนภิกษทุ ัง้ หลาย ภิกษุในธรรมวนิ ัยน้ีเปนผูมีศีล สาํ รวมแลวในปาตโิ มกขสังวร ถงึ พรอมแลว ดว ยอาจาระและโคจร มปี กติเห็นภยั ในโทษอนั มีประมาณนอย สมาทานศกึ ษาอยใู นสิกขาบทท้ังหลาย ๑ เปน พหสู ูต ทรงสตุ ะ สั่งสมสตุ ะ เปนผไู ดสดบั

พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 320มามาก ทรงไว คลอ งปาก ขนึ้ ใจ แทงตลอดดวยดดี วยทฏิ ฐิ ซึ่งธรรมทั้งหลายอันงามในเบือ้ งตน งามในทามกลาง งามในทีส่ ุด ประกาศพรหมจรรย พรอมทั้งอรรถท้งั พยญั ชนะ อนั บริสทุ ธ์บิ ริบูรณส น้ิ เชิง ๑เปน ผูมคี นดเี ปน มติ ร มีคนดเี ปนสหาย มีคนดีเปน เพอ่ื น ๑ เปน สมั มาทฏิ ฐิประกอบดว ยความเห็นอันชอบ ๑ ยอมแสดงฤทธ์ิไดห ลายประการ คอืคนเดยี วเปน หลายคนก็ได หลายคนเปนคนเดียวกไ็ ด ทาํ ใหปรากฏกไ็ ดทาํ ใหห ายไปก็ได ทะลฝุ า กําแพง ภูเขาไปไดไ มติดขดั เหมือนไปในอากาศก็ได ผุดข้นึ ดําลงแมในแผนดนิ เหมอื นในน้ําก็ได เดนิ ไปบนนํ้าไมแยกเหมือนเดินบนแผนดนิ ก็ได เหาะไปในอากาศเหมือนนกก็ได ลูบคลาํพระจนั ทรแ ละพระอาทิตยซ่งึ มฤี ทธิม์ ีอานุภาพมากดว ยฝามือก็ได ใชอ ํานาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได ๑ ยอมไดย ินเสยี ง ๒ อยา ง คือ เสยี งทพิ ยและเสียงมนษุ ย ทั้งท่อี ยูไกลและใกล ดว ยทิพยโสตอันบรสิ ทุ ธ์ิลวงโสตของมนุษย ๑ ยอ มกําหนดรใู จของสัตวอ ืน่ ของบคุ คลอนื่ ไดด วยใจ คอืจิตมรี าคะ กร็ วู าจติ มีราคะ หรอื จติ ปราศจากราคะ ก็รูวาจติ ปราศจากราคะจิตมีโทสะ ก็รวู า จิตมโี ทสะ หรอื จิตปราศจากโทสะ ก็รวู า จิตปราศจากโทสะ จติ มโี มหะ กร็ วู า จิตมีโมหะ หรอื จิตปราศจากโมหะ ก็รูว าจติปราศจากโมหะ จติ หดหูก ็รวู า จติ หดหู หรอื จติ ฟงุ ซาน กร็ วู าจิตฟงุ ซานจิตเปนมหคั ตะ กร็ วู าจิตเปนมหคั ตะ หรอื จิตไมเ ปนมหัคตะ กร็ ูวา จติ ไมเปน มหคั ตะ จติ มจี ติ อน่ื ยงิ่ กวา กร็ ูว า จิตมจี ิตอื่นย่ิงกวา หรือจติ ไมมจี ิตอื่นยิง่ กวา ก็รวู าจิตไมม ีจิตอนื่ ย่งิ กวา จติ เปน สมาธิ กร็ ูวา จิตเปนสมาธิหรือจติ ไมเ ปน สมาธิ กร็ ูวาจิตไมเ ปน สมาธิ จิตหลดุ พน กร็ ูว า จติ หลดุ พนหรือจติ ไมห ลุดพน ก็รวู าจติ ไมหลดุ พน ๑ ยอมระลกึ ถึงชาตกิ อนไดเ ปน

พระสตุ ตนั ตปฎก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 321อันมาก คือ ระลึกไดชาติหน่ึงบา ง สองชาติบา ง สามชาตบิ า ง สช่ี าตบิ า งหาชาติบาง สิบชาตบิ า ง ยี่สบิ ชาติบาง สามสิบชาตบิ าง ส่ีสบิ ชาตบิ างหา สิบชาติบาง รอ ยชาตบิ าง พันชาติบาง แสนชาติบาง ตลอดสงั วฏั กปัเปน อนั มากบาง ตลอดววิ ัฏกปั เปน อันมากบา ง ตลอดสงั วัฏวิวัฏกัปเปนอนัมากบางวา ในภพโนน เรามชี ่ืออยางนน้ั มีโคตรอยางนัน้ มผี วิ พรรณอยางนัน้ มีอาหารอยางนนั้ เสวยสขุ เสวยทุกขอ ยางน้นั ๆ มีกาํ หนดอายุเพียงเทานนั้ ครน้ั จตุ ิจากภพนัน้ แลว ไดไ ปเกดิ ในภพโนน แมใ นภพนน้ัเราก็มีช่ืออยา งนน้ั มโี คตรอยางน้นั มผี ิวพรรณอยา งน้นั มีอาหารอยา งนัน้ เสวยสุขเสวยทุกขอ ยา งนนั้ ๆ มกี าํ หนดอายุเพียงเทา นน้ั คร้นั จตุ ิจากภพน้นั แลวไดมาเกิดในภพน้ี ยอมระลกึ ถึงชาติกอนไดเ ปนอนั มากพรอมท้ังอาการ พรอมทั้งอเุ ทศ ดว ยประการฉะนี้ ๑ ยอมเหน็ หมูสตั วท ี่กําลังจุติ กาํ ลังอปุ บตั ิ เลว ประณตี มีผิวพรรณดี มีผวิ พรรณทราม ไดด ีตกยาก ดว ยทพิ ยจักษอุ นั บริสุทธิ์ลว งจักษุของมนษุ ย ยอมรูชัดซ่ึงหมสู ตั วผเู ปนไปตามกรรมวา สตั วเหลา นี้ประกอบดวยกายทจุ ริต วจที จุ ริต มโน-ทจุ รติ ติเตียนพระอรยิ เจา เปน มจิ ฉาทฏิ ฐิ ยึดถอื การกระทาํ ดว ยอาํ นาจมจิ ฉาทฏิ ฐิ เม่อื ตายไปเขาจงึ เขา ถึงอบาย ทคุ ติ วนิ บิ าต นรก สว นสตั วเหลา น้ี ประกอบดวยกายสุจริต วจีสจุ รติ มโนสุจริต ไมต เิ ตยี นพระอริยเจาเปน สมั มาทิฏฐิ ยดึ ถอื การกระทาํ ดว ยอาํ นาจสมั มาทฏิ ฐิ เมอื่ ตายไป เขาจงึเขาถงึ สคุ ติโลกสวรรค ยอมเหน็ หมสู ตั วผกู าํ ลงั จตุ ิ กําลังอุปบตั ิ เลวประณตี มีผวิ พรรณดี มีผวิ พรรณทราม ไดดี ตกยาก ดวยทพิ ยจักษุอนั บริสุทธิล์ วงจักษุของมนษุ ย ยอมรชู ัดซงึ่ หมูสัตวผูเ ปน ไปตามกรรมดว ยประการฉะนี้ ๑ ยอมทาํ ใหแจง ซ่ึงเจโตวิมตุ ติ ปญ ญาวิมุตติ อนั หาอาสวะมิได

พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 322เพราะอาสวะทั้งหลายสิน้ ไป ดวยปญ ญาอันยิง่ เองในปจจบุ นั เขาถงึ อยู ๑ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย ภกิ ษผุ ูป ระกอบดว ยธรรม ๑๐ ประการนี้แล ยอมเปน ผคู วรของคําน้ี เปนผูควรของตอนรับ เปน ผคู วรของทาํ บญุ เปนผูควรทาํ อญั ชลี เปน นาบญุ ของโลก ไมม นี าบญุ อ่ืนย่ิงกวา. จบอาหุเนยยสตู รท่ี ๗ อรรถกถาอาหเุ นยยสตู รที่ ๗ ในอาหุเนยยสูตรที่ ๗ บทวา สมฺมาทิฏ ิโก ไดแกผูมีความเห็นตามเปนจริง. จบอรรถกถาอาหเุ นยยสูตรที่ ๗ ๘. เถรสูตร วาดวยภกิ ษุเถระประกอบดว ยธรรม ๑๐ ประการ ยอ มอยสู ําราญ [๙๘] ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ภกิ ษผุ ูเถระประกอบดวยธรรม ๑๐ประการ จะอยใู นทศิ ใด ๆ ยอ มอยสู ําราญโดยแท ๑๐ ประการเปน ไฉนคอื ภกิ ษุเปนเถระรัตตญั ู บวชมานาน ๑ เปน ผมู ีศีลสมาทานศกึ ษาอยูในสิกขาบททั้งหลาย ๑ เปนพหสู ูต ทรงสุตะ สัง่ สมสตุ ะ เปน ผไู ดสดบั มามาก ทรงไว คลอ งปากขึ้นใจ แทงตลอดดวยดดี วยทฏิ ฐิ ซงึ่ ธรรมอนั งามในเบือ้ งตน งามในทามกลาง งามในทสี่ ุด ประกาศพรหมจรรยพ รอมท้งัอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธ์บิ รบิ ูรณส้ินเชงิ ๑ จาํ ปาติโมกขท งั้ สองดว ยดโี ดยพสิ ดาร จําแนกดว ยดี ใหเปน ไปไดดวยดี วินิจฉยั ไดแลว โดยสูตร โดยอนุ-พยญั ชนะ ๑ เปนผูฉลาดในการระงับอธกิ รณท่เี กิดขน้ึ ๑ เปน ผูใครธ รรม

พระสตุ ตนั ตปฎก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 323รักการฟง ธรรม การแสดงธรรม มคี วามปราโมทยยง่ิ ในธรรมอนั ย่ิง ในวินัยอันย่ิง ๑ เปนผูสนั โดษดว ยจวี ร บณิ ฑบาต เสนาสนะ และคิลานปจ จัยเภสัชบริขารตามมีตามได ๑ เปน ผปู ระกอบดว ยอาการอนั นาเลื่อมใส ในการกา วไปและถอ ยกลับ แมนง่ั ในละแวกบานสาํ รวมแลว ดว ยดี ๑ เปนผูไดตามปรารถนา ไดโ ดยไมย าก ไมลาํ บาก ซึ่งฌาน ๔ อนั มีในจิตย่ิง เปนเคร่ืองอยูเปน สุขในปจจบุ นั ๑ ยอมทาํ ใหแ จงซ่ึงเจโตวมิ ุตติ ปญญาวิมุตติอันหาอาสวะมไิ ด เพราะอาสวะทงั้ หลายสิน้ ไปดว ยปญญาอนั ยง่ิ ดว ยตนเองในปจ จุบนั เขาถงึ อยู ๑ ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย ภิกษผุ ูเถระประกอบดวยธรรม ๑๐ ประการน้ีแล จะอยใู นทศิ ใด ๆ ยอ มอยสู ํารายโดยแท. จบเถรสูตรท่ี ๘ อรรถกถาเถรสูตรท่ี ๘ เถรสูตรที่ ๘ พึงทราบวินิจฉยั ดงั ตอ ไปนี.้ บทวา อธกิ รณสมุปฺปาทวูปสมกสุ โล ไดแก เปนผฉู ลาดในความระงบั ความเกิดขึน้ เพราะจบั มลู แหงอธิกรณ ๔ ไดแ ลวระงับเสยี . จบอรรถกถาเถรสตู รท่ี ๘ ๙. อุปาลสิ ูตร วาดวยพระอุบาลีทูลขอไปอยูเ สนาสนะปา พระผูม ีพระภาคเจา ไมทรงอนุญาต [๙๙] คร้ังน้นั แล ทา นพระอุบาลี เขา ไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจายังท่ีประทับ ถวายบงั คมแลว นั่ง ณ ทคี่ วรสวนขา งหน่งึ คร้ันแลว ไดก ราบ

พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 324ทูลพระผูมพี ระภาคเจาวา ขา แตพระองคผ เู จริญ ขา พระองคปรารถนาเพ่อืซองเสพเสนาสนะ คอื ปา และราวปาอนั สงัด พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั วา ดูกอ นอุบาลี เสนาสนะ คือ ปาและราวปา อันสงดั อยลู าํ บาก ทาํ ความวิเวกไดย ากยากที่จะอภิรมยในการอยผู เู ดยี ว ปา ทั้งหลายเหน็ จะนาํ ใจของภกิ ษุผูไ มไดสมาธิไปเสยี ดกู อนอุบาลี ผใู ดพึงกลา วอยา งน้ีวา เราเมอ่ื ไมไดสมาธิจักซอ งเสพเสนาสนะคือปาและราวปา อนั สงัด ผูน้ันจําตอ งหวังขอน้ี คอื จกั จมลงหรอื จกั ฟุงซา น ดกู อนอุบาลี เปรียบเหมอื นมหี วงนํ้าใหญอยู มชี างใหญส ูง ๗ ศอก หรอื ๗ ศอกกง่ึ มาถึงเขา ชางตวั น้นั พึงคิดอยา งนว้ี าไฉนหนอ เราลงสหู ว งนา้ํ นี้แลว พึงขดั ถหู ลงั เลน บาง คร้นั แลว จงึ อาบดื่ม ขน้ึ มา กลับไปตามตอ งการ ชา งนั้นลงสหู วงนา้ํ น้นั แลวพงึ ขัดถูหูเลนบาง ขัดถูหลงั เลน บาง ครนั้ แลว จึงอาบ ดม่ื ขึ้นมา แลวกลบั ไปตามตอ งการ ขอ น้นั เพราะเหตไุ ร เพราะวาชา งน้นั เปน สัตวม ีรางกายใหญ ยอมไดการลงในนํ้าลึก คร้ันกระตา ยหรอื เสอื ปลามาถึง (หวงนํ้านัน้ ) เขากระตายหรือเสอื ปลาพงึ คดิ อยางนว้ี า เราเปน อะไร และชา งใหญเปนอะไรไฉนหนอ เราพึงลงสหู ว งน้ํานแี้ ลวจงึ ขดั ถูหเู ลนบาง พึงขัดถูหลงั เลน บางครนั้ แลว จึงอาบ ดืม่ ข้ึนมา แลว กลับไปตามตองการ กระตา ยหรือเสือปลานน้ั ก็ลงสูหว งน้ํานนั้ โดยพลนั ไมท ันไดพ จิ ารณา กระตายหรอื เสือปลานน้ัจาํ ตอ งหวังขอ น้ี คอื จกั จมลงหรอื จักลอยขน้ึ ขอ นนั้ เพราะเหตไุ ร เพราะวา กระตา ยหรือเสอื ปลานน้ั เปนสตั วมีรางการเลก็ ยอ มไมไดการลงในหวงนา้ํ ลึก แมฉันใด ดกู อ นอบุ าลี ผใู ดพงึ กลา วอยางนี้วา เราเม่อื ไมไ ดส มาธิจกั ซองเสพเสนาสนะคือปาและราวปาอันสงดั ผนู ัน้ จําตองหวงั ขอ น้ี คือจกั จมลงหรอื ฟุงซาน ฉันนัน้ เหมือนกัน.

พระสุตตันตปฎก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 325 ดูกอนอุบาลี เปรียบเหมอื นเดก็ ออ นนอนหงาย ยอมเลน มตู รและคูถของตน ดูกอ นอบุ าลี เธอจะสาํ คญั ความขอนั้นเปน ไฉน การเลน นี้เปน การเลนของเดก็ ออนอยางเต็มท่สี ิ้นเชิงมใิ ชหรอื ทา นพระอุบาลกี ราบทลู วา เปน อยา งน้นั พระเจา ขา. พ. ดูกอ นอบุ าลี สมัยตอ มา เดก็ นน้ั แล อาศยั ความเจริญ อาศยัความแกกลาแหงอินทรยี  ยอมเลนเครอ่ื งเลนท้งั หลายท่ีเปน ของเลน ของพวกเด็ก ๆ คือเลนไถนอย ๆ เลน ตีไมห่งึ เลน กังหนั ไม เลน กงั หนั ใบไมเลนตวงทราย เลน รถนอย ๆ เลนธนนู อ ย ๆ ดูกอ นอบุ าลี เธอจะสําคญัความขอน้นั เปน ไฉน การเลนน้ี เปนการเลนดีย่ิงกวา และประณตี กวาการเลนที่มใี นครัง้ กอนมใิ ชห รอื . อ.ุ เปนอยา งนัน้ พระเจา ขา. พ. ดกู อ นอุบาลี สมยั ตอ มา เดก็ นน้ั แล อาศยั ความเจรญิ อาศยัความแกกลาแหง อนิ ทรีย เปน ผเู อบิ อมิ่ พร่ังพรอ มดว ยกามคณุ ๕ บําเรออยูดว ยรปู ท้ังหลาย อนั บคุ คลพงึ รไู ดด วยจักษุ อนั นาปรารถนา นา ใคร นาพอใจ นกั รกั ย่ัวยวนชวนใหก ําหนัด ดว ยเสยี งทั้งหลายอนั บุคคลพงึ รดู วยหู ....ดวยกล่นิ ทง้ั หลายอนั บคุ คลพงึ รดู ว ยจมกู ... ดวยรสทั้งหลายอันบุคคลพึงรูดว ยลน้ิ ... ดวยโผฏฐัพพะทัง้ หลายอนั บคุ คลพงึ รดู ว ยกาย อันนาปรารถนานาใคร นาพอใจ นารกั ย่วั ยวนชวนใหกําหนดั ดูกอ นอบุ าลี เธอจะสําคญั ความขอ นน้ั เปนไฉน การเลนน้ี เปน การเลน ที่ดียิ่งกวา และประณีตกวาการเลน ท่ีมใี นคร้ังกอ นมใิ ชห รือ. อุ. เปน อยา งนัน้ พระเจา ขา พ. ดกู อนอบุ าลี กพ็ ระตถาคตเสดจ็ อุบัตใิ นโลกน้ี เปน พระอรหนั ต

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 326ตรสั รูเองโดยชอบ ถึงพรอมดว ยวิชชาและจรณะ เสดจ็ ไปดีแลว ทรงรูแจงโลก เปนสารถีฝกบรุ ุษท่ีควรฝกไมมผี อู ่ืนยิง่ กวา เปนศาสดาของเทวดาและมนษุ ยทั้งหลาย เปนผูเบกิ บานแลว เปน ผูจาํ แนกธรรม พระตถาคตพระองคนนั้ ทรงทาํ โลกนพี้ รอมทัง้ เทวโลก มารโลก พรหมโลก ใหแจงชัดดวยพระปญญาอนั ยิ่งของพระองคเ องแลว ทรงสอนหมูสัตวพ รอ มทัง้ สมณพราหมณ เทวดาและมนษุ ยใหร ูต าม ทรงแสดงธรรมอนั งามในเบื้องตน งามในทามกลาง งามในทสี่ ดุ ประกาศพรหมจรรยพ รอ มทั้งอรรถพรอ มทั้งพยัญชนะบริสุทธบ์ิ ริบรู ณส ้นิ เชิง คฤหบดี บุตรแหงคฤหบดี หรือผเู กดิ มาในภายหลังในตระกูลใดกลู หนงึ่ ยอ มฟง ธรรมนั้นแลวไดศ รัทธาในตถาคต ประกอบดว ยการไดศ รัทธาแลว ยอมพิจารณาเหน็ ดงั นว้ี า ฆราวาสคบั แคบ เปน ทางมาแหงธุลี บรรพชาเปน ทางปลอดโปรง การท่บี ุคคลผูอ ยูครองเรือนจะประพฤติพรหมจรรยใหบ รบิ รู ณบริสทุ ธโ์ิ ดยสวนเดียวดุจสงั ขท ี่ขดั แลว ไมใ ชท าํ ไดง าย ถากระไร เราพึงปลงผมและหนวดครองผา กาสายะออกบวชเปนบรรพชติ เถิด สมยั ตอมาเขาละกองโภคสมบัตนิ อ ยใหญ ละเครือญาตินอ ยใหญ แลว ปลงผมและหนวด ครองผา กาสายะออกบวชเปน บรรพชิต เมอ่ื บวชแลว เปนผถู ึงพรอมดวยสกิ ขาและอาชีพเสมอดวยภิกษทุ ง้ั หลาย ละปาณาติบาต เวนขาดจากปาณาตบิ าต วางทัณฑะ วางศัสตรา มคี วามละอาย มคี วามเอ็นดูมีความกรุณา หวังประโยชนเ ก้ือกลู แกส ตั วทงั้ ปวงอยู ละอทินนาทานเวนขาดจากอทนิ นาทาน รบั แตของท่เี ขาให ตองการแตของทเี่ ขาให ไมประพฤตติ นเปน ขโมย เปน ผสู ะอาดอยู ละอพรหมจรรย ประพฤติพรหมจรรย ประพฤตหิ างไกล เวนจากเมถุนธรรมอันเปนกจิ ของชาวบา น

พระสุตตันตปฎ ก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 327ละมสุ าวาท เวนขาดจากมุสาวาท พูดแตค าํ จริง ดาํ รงคําสตั ย พดู เปน หลกัฐาน ควรเธอถือได ไมพดู ลวงโลก ละวาจาสอเสยี ด เวนขาดจากวาจาสอเสียด ฟง ขางนแ้ี ลวไมไปบอกขา งโนน เพือ่ ใหค นหมูน้ีแตกรา วกนั หรอื ฟงขา งโนน แลวไมมาบอกขางนี้ เพอื่ ใหค นหมูโนน แตกรา วกนั สมานคนท่แี ตกรา วกนั แลว บา ง สงเสริมคนท่พี รอ มเพรยี งกันแลว บาง ชอบคนผพู รอ มเพรยี งกัน ยินดีในคนผูพรอมเพรยี งกัน เพลดิ เพลนิ ในคนผูพรอมเพรียงกัน กลา วแตค าํ ทท่ี ําใหค นพรอ มเพรียงกนั ละวาจาหยาบ เวนขาดจากวาจาหยาบ กลา วแตค ําที่ไมม ีโทษ เพราะหู ชวนใหร ัก จบั ใจ เปน ของชาวเมอื งคนสว นมากรกั ใครพอใจ ละคําเพอเจอ เวนขาดจากคาํ เพอ เจอ พดู ถกู กาลพดู แตคําที่เปนจริง พูดอิงอรรถ พูดอิงธรรม พูดองิ วินัย พดู แตค าํ มีหลกั ฐาน มีทอี่ างอิง มที ีก่ ําหนด ประกอบดว ยประโยชน โดยกาลอนั ควรภกิ ษุนั้น เวน ขาดจากการพรากพืชคามและภูตคาม ฉนั หนเดยี ว เวน การฉนั ในราตรีงดการฉนั ในเวลาวิกาล เวนขาดจากการฟอ นราํ ขบั รองการประ-โคมดนตรแี ละการดูการเลน อันเปนขา ศกึ แกกศุ ล เวน ขาดจากการทัดทรงประดบั และตกแตง รางกายดวยดอกไมข องหอมและเครื่องประเทอื งผิวอันเปน ฐานะแหง การแตง ตวั เวนขาดจากการนัง่ การนอนบนท่นี ัง่ ที่นอนอันสงู ใหญ เวนขาดจากการรับทองและเงนิ เวน ขาดจากการรับธญั ญาหารดบิ เวนขาดจากการรับเนอ้ื ดิบ เวน จากการรบั สตรีและกมุ ารี เวนขาดจากการรับทาสแี ละทาส เวน ขาดจากการรบั แพะและแกะ เวน ขาดจากการรบไกและสกุ ร เวนขาดจากการรบั ไรน าและทดี่ นิ เวน ขาดจากการประกอบทตู กรรมและการรับใช เวน ขาดจากการซื้อการขาย เวน ขาดจากการฉอ -โกงดว ยตาช่งั การฉอโกงดว ยของปลอม และการฉอ โกงดวยเครอ่ื งตวงวัด

พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 328เวน ขาดจากการรับสนิ บน การลอ ลวง และการตลบแตลง เวนขาดจากการตัด การฆา การจองจํา การตชี ิง การปลน และกรรโชก ภิกษุนั้น เปน ผูสนั โดษดวยจีวรเปน เครือ่ งบรหิ ารกาย ดว ยบณิ ฑบาตเปน เครอ่ื งบรหิ ารทอง ซง่ึ ตนจะไปทางทิศาภาคใด ๆ ก็ถอื ไปไดเอง นกมปี กจะบินไปทางทศิ าภาคใด ๆ ก็มีปกของตวั เปนภาระบนิ ไป ฉนั ใด ภกิ ษเุ ปน ผสู ันโดษดว ยจีวรเปนเคร่ืองบรหิ ารกาย ดวยบณิ ฑบาตเปนเครื่องบรหิ ารทอ ง ซ่งึตนจะไปทางทศิ าภาคใด ๆ กถ็ ือไปไดเอง ฉันนั้นเหมือนกนั ภิกษุนนั้เปนผูประกอบดว ยศีลขันธอ นั เปนอรยิ ะน้ี ยอมไดเ สวยสุขอนั ไมม ีโทษเฉพาะตน. ภิกษนุ นั้ เหน็ รปู ดว ยจักษแุ ลว ไมถ ือนมิ ติ ไมถอื อนุพยัญชนะ ยอมปฏบิ ัตเิ พ่ือสาํ รวมจักขนุ ทรยี  ที่เม่อื ไมส ํารวมแลว จะเปน เหตใุ หอกศุ ล-ธรรมอนั ลามก คอื อภิชฌาและโทมนสั ครอบงําได ชอ่ื วายอ มรักษาจกั ขนุ ทรีย ชือ่ วา ยอ มถึงความสาํ รวมในจกั ขนุ ทรยี  ฟง เสยี งดว ยหู....ดมกลิน่ ดว ยจมกู .. . ล้ิมรสดว ยลนิ้ .. . ถกู ตองโผฏฐัพพะดวยกาย... รูแจง ธรรมารมณด วยใจแลว ไมถอื นิมติ ไมถืออนพุ ยญั ชนะ ยอ มปฏิบตั ิเพื่อสํารวมมนินทรยี  ท่เี ม่อื ไมส ํารวมแลว จะเปน เหตุใหอกุศลธรรมอันลามก คอื อภชิ ฌาและโทมนสั ครอบงาํ ได ชื่อวา ยอมรกั ษามนินทรยี ชื่อวายอ มถงึ ความสาํ รวมในมนินทรยี  ภิกษุนั้นเปนผูประกอบดวยอนิ ทรียสงั วรอนั เปน อริยะน้ี ยอมไดเสวยสขุ อันไมร ะคนดว ยกเิ ลสเฉพาะตน. ภิกษุนนั้ ยอ มทาํ ความรสู ึกตวั ในการกา วไป ในการถอยกลบั ยอมทําความรสู ึกตัวในการแล ในการเหลยี ว ยอ มทําความรูส ึกตวั ในการคูเขาในการเหยยี ดออก ยอมทาํ ความรสู ึกตัวในการทรงสังฆาฏิ บาตร และจวี ร

พระสตุ ตันตปฎก องั คุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 329ยอ มทาํ ความรสู กึ ตัวในการฉัน การดืม่ การเค้ยี ว การลิม้ ยอ มทาํ ความรสู ึกตัวในการถา ยอุจจาระ ปสสาวะ ยอ มทาํ ความรูส ึกตวั ในการเดิน การยืน การนงั่ การหลับ การตน่ื การพดู การนิ่ง ภิกษนุ น้ั ประกอบดวยศลี ขันธอ นั เปนอริยะนี้ ประกอบดวยอินทรียส งั วรอันเปนอรยิ ะน้ีและประกอบดว ยสตสิ ัมปชญั ญะอันเปนอรยิ ะนี้ ยอ มซอ งเสพเสนาสนะอนัสงัด คือ ปา โคนไม ภูเขา ซอกเขา ถํา้ ปาชา ปาชฏั ทแ่ี จง ลอมฟางภิกษุน้นั อยูปา อยโู คนไม หรอื อยูเ รือนวางเปลา ยอมน่งั คูบลั ลังก ตง้ั กายตรง ดํารงสตเิ ฉพาะหนา ภิกษุน้นั ละความโลภในโลกแลว มจี ติ ปราศจากความโลภอยู ยอมชําระจิตใหบรสิ ุทธจิ์ ากความโลภ ละความประทษุ รายคอื พยาบาท ไมค ดิ พยาบาท มีความกรณุ า หวงั ประโยชนเกื้อกูลสัตวทัง้ ปวงอยู ยอมชําระจติ ใหบริสุทธิ์จากความประทุษรา ย คือ พยาบาทละถนี มิทธะแลว เปน ผปู ราศจากถนี มทิ ธะ มคี วามกาํ หนดหมายอยทู ี่แสงสวา ง มสี ติสัมปชัญญะอยู ยอมชําระจติ ใหบรสิ ทุ ธ์จิ ากถีนมทิ ธะ ละอุทธัจจกกุ กุจจะแลว เปน ผูไมฟุง ซา น มจี ติ สงบ ณ ภายในอยู ยอมชําระจติ ใหบ รสิ ทุ ธจิ์ ากอทุ ธัจจกกุ กจุ าจะ ละวิจกิ ิจฉาแลว เปนผขู ามพนวิจกิ จิ ฉาไมม คี วามสงสยั ในกศุ ลธรรมทงั้ หลายอยู ยอมชําระจติ ใหบริสุทธ์จิ ากวิจิกิจฉา. ภิกษุนน้ั คร้นั ละนิวรณอนั เปนเครื่องเศรา หมองใจ อันทาํ ปญญาใหทุรพล ๕ ประการน้ีไดแลว สงัดจากกาม สงัดจากลกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มวี ติ กวิจาร มีปต แิ ละสุขเกิดแตว เิ วกอยู ดูกอนลุบาลี เธอจะสําคญั ความขอน้นั เปน ไฉน การอยูเชนนี้ เปนการอยูท่ีดียงิ่ กวา และประณีตกวา การอยูอนั มีในกอนมใิ ชห รอื .

พระสตุ ตนั ตปฎ ก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาที่ 330 อ.ุ เปน อยา งนน้ั พระเจาขา . พ. ดกู อนอบุ าลี สาวกทั้งหลายของเราพิจารณาเหน็ อยูซ่งึ ธรรมแมน้ี (วามีอยู) ในตน จงึ ซองเสพเสนาสนะคือปาและราวปา อนั สงัดแตว า สาวกเหลา นนั้ ยงั ไมบรรลุประโยชนของตนโดยลําดบั กอ น. ดกู อนอุบาลี อกี ประการหน่งึ ภกิ ษุบรรลุทุตยิ ฌาน มีความผอ งใสแหง จติ ในภายใน เปนธรรมเอกผดุ ข้นึ ไมม วี ติ ก ไมม ีวจิ าร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปต ิและสขุ อันเกดิ แตสมาธิอยู ดกู อนอุบาลี เธอจะสาํ คัญความขอน้นั เปน ไฉน การอยเู ชน นนั้ เปนการอยูที่ดยี ิ่งกวา และประณีตกวา การอยูอ ันมใี นกอ นมิใชหรือ. อุ. เปน อยางน้ัน พระเจา ขา. พ. ดกู อ นอุบาลี สาวกทั้งหลายของเราพิจารณาเห็นอยซู งึ่ ธรรมแมน ี้ (วา มอี ยู) ในตน จงึ ซอ งเสพเสนาสนะคือปา และราวปาอนั สงัดแตวา สาวกเหลาน้นั ยงั ไมบรรลุประโยชนของตนโดยลําดับกอ น ดูกอนอบุ าลี อีกประการหนึ่ง ภกิ ษุมอี ุเบกขา มสี ติสัมปชญั ญะเสวยสุขดว ยนามกาย เพราะปต สิ ้นิ ไป บรรลตุ ตยิ ฌานทีพ่ ระอรยิ เจาทงั้ หลายสรรเสริญวา ผไู ดฌ านนี้เปนผมู อี ุเบกขา มีสติ อยูเปน สุข ดกู อนอุบาลี เธอจะสาํ คญั ความขอ น้ันเปน ไฉน การอยูเชน นเ้ี ปนการอยูทด่ี ียง่ิกวา ประณีตกวา การอยอู ันมีในกอ นมใิ ชห รือ. อุ. เปนอยา งนั้น พระเจาขา . พ. ดูกอ นอุบาลี สาวกท้งั หลายของเราพิจารณาเห็นอยซู ึ่งธรรมแมน ้ี (วา มีอยู ) ในตน จงึ ซองเสพเสนาสนะ คือ ปาและราวปา อนั สงัดแตวา สาวกเหลา นน้ั ยังไมบ รรลปุ ระโยชนข องตนโดยลาํ ดบั กอน.

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 331 ดูกอนอบุ าลี อกี ประการหน่งึ ภิกษุบรรลุจตุตถฌาน ไมม ที ุกขไมม ีสุข เพราะละสขุ ละทุกขแ ละดับโสมนัสโทมนสั กอ นๆ ได มอี ุเบกขาเปนเหตุใหสติบรสิ ุทธอ์ิ ยู ดูกอ นอบุ าลี เธอจะสาํ คัญความขอ นน้ั เปนไฉนการอยูเชนนี้ เปนการอยทู ด่ี ยี ่ิงกวา และประณีตกวาการอยูอนั มีในกอ นมิใชหรือ. อุ. เปน อยางนั้น พระเจา ขา. พ. ดกู อนอบุ าลี สาวกท้ังหลายของเราพจิ ารณาเห็นอยูซ ่ึงธรรมแมนี้ (วามอี ย)ู ในตน จงึ ซองเสพเสนาสนะ คอื ปาและราวปาอนั สงัดแตว าสาวกเหลาน้ันยังไมบรรลปุ ระโยชนข องตนโดยลําดบั กอ น. ดูกอนอบุ าลี อีกประการหน่งึ เพราะกา วลว งรูปสญั ญา เพราะดับปฏฆิ สัญญาเสยี ได เพราะไมใสใ จถงึ มานตั ตสัญญาโดยประการทง้ั ปวงภกิ ษจุ ึงบรรลอุ ากาสานญั จายตนฌาน โดยคํานึงวา อากาศไมมีท่สี ุด ดังน้ีดกู อ นอบุ าลี เธอจะสําคญั ความขอ นน้ั เปน ไฉน การอยูเชน น้ี เปน การอยูท่ีดยี ง่ิ กวาและประณีตกวาการอยูอันมีในกอ นมใิ ชห รอื . อุ. เปนอยางน้นั พระเจา ขา. พ. ดกู อนอุบาลี สาวกทั้งหลายของเราพจิ ารณาเหน็ อยูซ่ึงธรรมแมนี้ (วา มอี ยู) ในตน จึงซอ งเสพเสนาสนะ คอื ปา และราวปา อันสงดัแตว าสาวกเหลา นนั้ ยงั ไมบ รรลุประโยชนข องตนโดยลําดับกอน. ดกู อ นอบุ าลี อีกประการหนง่ึ เพราะกา วลว งอากาสานญั จายตน-ฌานโดยประการทัง้ ปวง ภิกษจุ ึงบรรลวุ ิญญาณญั จายตนฌาน โดยคาํ นึงวา วญิ ญาณไมมีที่สดุ ดงั นี้ ...เพราะกา วลวงวิญญาณัญจายตนฌานโดยประการทงั้ ปวง ภิกษุจงึ บรรลอุ ากิญจัญญายตนฌาน โดยคาํ นงึ วา หนอ ย

พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 332หน่งึ ไมมี ดังน้ี ...เพราะกา วลว งอากญิ จัญญายตนฌานโดยประการท้งั ปวงภิกษุจึงบรรลเุ นวสัญญานาสญั ญายตนฌาน โดยคํานึงวา ธรรมชาตนิ ี้สงดัธรรมชาตินี้ประณีต ดงั นี้ ดูกอ นอบุ าลี เธอจะสําคญั ความขอนัน้ เปนไฉนการอยเู ชน นี้ เปน การอยูย่งิ กวา และประณีตกวาการอยอู นั มีในกอนมใิ ชหรือ. อุ. เปนอยา งนัน้ พระเจาขา . พ. ดูกอนอุบาลี สาวกทั้งหลายของเราพิจารณาเห็นอยูซ่ึงธรรมแมน ้ี (วามอี ย)ู ในตน จงึ ซองเสพเสนาสนะ คือ ปา และราวปา อันสงดัแตว า สาวกเหลานั้นยงั ไมบรรลุประโยชนของตนโดยลาํ ดับกอ น. ดูกอนอุบาลี อีกประการหน่ึง เพราะกา วลวงเนวสญั ญานาสัญญาย-คนฌานโดยประการท้งั ปวง ภิกษุจึงบรรลุสัญญาเวทยติ นิโรธสมาบัติอยูและอาสวะของภกิ ษนุ นั้ เปนกิเลสหมดส้ินไปแลว เพราะเหน็ ดวยปญ ญาดูกอนอุบาลี เธอจะสาํ คัญควานขอ นัน้ เปนไฉน การอยเู ชน นี้ เปนการอยทู ี่ดียงิ่ กวา และประณีตกวา การอยูอันมใี นกอ นมิใชห รอื . อ.ุ เปนอยา งนัน้ พระเจาขา. พ. ดกู อ นอุบาลี สาวกท้งั หลายของเราพจิ ารณาเห็นอยูซึ่งธรรมแมนี้ (วา มอี ยู) ในตน จงึ ซองเสพเสนาสนะ คอื ปาและราวปา อนั สงดัแตว า สาวกเหลานั้นยังไมบรรลปุ ระโยชนข องตนโดยลําดับกอน ดกู อ นอุบาลี เธอจงอยใู นสงฆเถดิ เมื่อเธออยูในสงฆ ความสาํ ราญจักม.ี จบอุปาลสิ ูตรที่ ๙

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 333 อรรถกถาอุปาลิสูตรท่ี ๙ อุปาลสิ ูตรที่ ๙ พึงทราบวนิ ิจฉัยดงั ตอไปน้ี. บทวา ทุรภิสมภฺ วานิ หิ ไดแ ก มีไดยาก หาไดย าก. ทานอธบิ ายวาผมู ศี กั ดน์ิ อ ยไมอ าจทจี่ ะยดึ ไวได. บทวา อรฺ วนปตถฺ านิ ความวา ปาใหญและปาทึบ ชอื่ วา อรัญญะ เพราะสาํ เรจ็ องคข องความเปนปา. ชื่อวาวนปตถะ เพราะเลยละแวกบาน เปน สถานท่ีหมคู นไมเ ขาไปใกล. บทวาปนตฺ านิ ไดแก ไกลเหลือเกิน. บทวา ทุกกฺ ร ปวิเวก ไดแก กายวิเวกทที่ ํายาก. บทวา ทุรภิรม ไดแ ก ไมใ ชย นิ ดีไดง า ย ๆ. บทวา เอกตเฺ ตแปลวา ในความเปนผอู ยผู เู ดยี ว. ทรงแสดงอะไร. ทรงแสดงวา แมเมอื่กระทํากายวเิ วกไดแ ลว ก็ยากท่ีจะใหจ ติ ยนิ ดใี นเสนาสนะนัน้ . จริงอยูโลกนม้ี ีของเปน คู ๆกันเปน ที่ยินด.ี บทวา หรนตฺ ิ มฺเ ไดแ กเ หมอื นนาํ ไป เหมือนสีไป. บทวา มโน ไดแ ก จติ . บทวา สมาธึ อลภมานสสฺไดแก ผูไมไ ดอ ุปจารสมาธิหรืออัปปนาสมาธิ. ทรงแสดงอะไร. ทรงแสดงวา วนะทัง้ หลาย เหมือนจะกระทาํ จติ ของภกิ ษุเชน น้ีใหฟ งุ ซา นดวยส่งิ ใบหญา และเน้ือ เปน ตน และสง่ิ นากลัวมีอยา งตา ง ๆ. บทวาส สที ิสฺสติ ไดแก จกั จมลงดว ยกามวติ ก. บทวา อปุ ปฺ ล วิสสฺ ติ ไดแ กจักลอยขึ้นเบอื้ งบนดว ยพยาบาทวติ กและวหิ งิ สาวติ ก. บทวา กณณฺ สนฺโธวกิ  ไดแ ก เลนลา งหู. บทวา ปฏ สิ นโฺ ธวกิ ไดแ ก เลนลา งหลัง. ทงั้ สองอยางนัน้ การจบั งวงและรดนํ้าท่หี ูสองขางช่ือวา กัณณสันโธวิกะ รดน้าํ ทห่ี ลัง ชอื่ วา ปฏ ฐิสันโธวิกะ. บทวา คาธวนิ ทฺ ติ ไดแก ไดท่ีพงึ่ .

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาที่ 334 บทวา โก จาห โก จ หตถฺ นิ าโค ความวา เราเปน อะไร พระยา-ชางเปน อะไร ดว ยวา ท้ังเราทง้ั พระยาชา งนี้ ก็เปน สัตวด ริ ัจฉาน ทงั้ พระ-ยาชา งนี้ก็ ๔ เทา ทั้งเราก็ ๔ เทา แมเราทัง้ สองกเ็ สมอ ๆ กันมใิ ชหรอื .บทวา วงฺก ไดแ ก ไถนอ ย ๆ สาํ หรับเดก็ เลน . บทวา ฆฏกิ  ไดแ กเครื่องเลน ไมส ั้นประหารดวยไมย าว (ไมห ่งึ ). บทวา โมกฺขขกิ  ไดแกเครอ่ื งเลนเวยี นไปรอบ ๆ ทานอธิบายวา เครอ่ื งเลน ที่จบั หางไวบ นอากาศวางหวั ลงดิน หมุนเวยี นไปทง้ั ขางลางขา งบน(กังหันไม) . บทวา จงิ ฺคลุ ิกไดแ ก เคร่อื งเลนมลี อ ทีท่ าํ ดว ยใบตาลเปน ตน หมนุ ไปไดเ พราะลมดี(กังหนั ใบไม) . ทะนานใบ ไมเรียกวา ปต ตาฬหกะ พวกเดก็ ๆเอาใบไมตา งทะนานนัน้ ตวงทรายเลน . บทวา รถก ไดแ กรถนอย ๆ. บทวา ธนุกไดแ ก ธนนู อ ย ๆ. คําวา โว ในคาํ วา อิธ โข ปน โว เปนเพยี งนิบาต. อธิบายวาในโลกน้แี ล. บทวา องิ ฺฆ ในคาํ วา องิ ฆฺ ตวฺ  อปุ าลิ สงเฺ ฆ วิหราหิ น้ีเปน นบิ าตลงในอรรถวา เตอื น ดว ยเหตุนน้ั พระผมู พี ระภาคเจาจงึ ทรงเตือนพระเถระ เพ่อื ประโยชนแ กก ารอยูทามกลางสงฆ มิใชท รงอนญุ าตการอยปู า แกพ ระเถระนนั้ . เพราะเหตุไร. เพราะพระศาสดาทรงพระดาํ ริวา ไดยินวา พระเถระอยูใ นเสนาสนะปา จักบําเพ็ญได แตวาสธรุ ะอยางเดยี ว (วิปส สนาธรุ ะ) บําเพญ็ คันถธรุ ะไมได แตพ ระเถระเมือ่ อยูท า ม-กลางสงฆบ ําเพญ็ ธรุ ะแมท ้งั สองน้ีได แลวจกั บรรลพุ ระอรหัต ทัง้ จักเปนหัวหนา ในฝายวินัยปฎ ก ดงั นี้น้นั จําเราจกั กลาวความปรารถนาแตกอ นและบุญเกาของเธอ จักสถาปนาภิกษนุ ี้ไวในตาํ แหนงเปนเลศิ ของเหลา ภิกษุ

พระสุตตันตปฎก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 335ผูทรงวินยั ในทา มกลางบริษทั เมื่อทรงเหน็ ความขอ น้ี จงึ ไมท รงอนญุ าตการอยปู า แกพ ระเถระ. จบอรรถกถาอปุ าลสิ ูตรที่ ๙ ๑๐. อภพั พสตู ร วา ดวยบุคคลละธรรม ๑๐ ประการไมไ ด เปน ผไู มค วร ทําใหแ จงอรหตั [๑๐๐] ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย บุคคลยงั ละธรรม ๑๐ ประการนี้ไมไดแลว กเ็ ปน ผไู มควรเพื่อทาํ ใหแ จงซึ่งอรหัต ธรรม ๑๐ ประการเปนไฉนคอื ราคะ ๑ โทสะ ๑ โมหะ ๑ โกธะ ๑ อปุ นาหะ ๑ มกั ขะ ๑ ปฬาสะ ๑อสิ สา ๑ มัจฉรยิ ะ ๑ มานะ ๑ ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย บคุ คลยงั ละธรรม๑๐ ประการนแี้ ลไมได กเ็ ปน ผูไมควรเพอ่ื ทําใหแ จงซ่งึ อรหัต ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย บุคคลละธรรม ๑๐ ประการน้ไี ดแ ลว จึงเปนผคู วรเพอ่ื ทําใหแจงซงึ่ อรหตั ธรรม ๑๐ ประการเปนไฉน คือ ราคะ๑ โทสะ ๑ โมหะ ๑โกธะ ๑ อปุ นาหะ ๑ มกั ขะ ๑ ปฬาสะ ๑ อสิ สา ๑ มจั ฉรยิ ะ ๑ มานะ๑ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย บคุ คลละธรรม ๑๐ ประการน้แี ลไดแ ลว จงึ เปน ผูควรเพือ่ ทาํ ใหแจงซ่งึ อรหัต. จบอภพั พสตู รที่ ๑๐ จบอุบาสกวรรคที่ ๕

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 336 อรรถกถาอภัพพสูตรที่ ๑๐ อภัพพสตู รท่ี ๑๐ มเี นอ้ื ความงา ยทงั้ น้นั แล. จบอรรถกถาอภัพพสูตรที่ ๑๐ จบอุบาสกวรรคที่ ๕ จบทตุ ยิ ปณณาสก รวมพระสตู รทม่ี ีในวรรคน้ี คือ ๑. กามโภคสี ูตร ๒. เวรสตู ร ๓. ทฏิ ฐิสตู ร ๔. วัช-ชิยสตู ร ๕. อุตติยสูตร ๖. โกกนุทสตู ร ๗. อาหเุ นยยสตู ร๘. เถรสตู ร ๙. อุปาลสิ ตู ร ๑๐. อภัพพสตู ร. จบทตุ ยิ ปณณาสก

พระสุตตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 337 ตติยปณณาสก สมณสญั ญาวรรคท่ี ๑ ๑. สมณสญั ญาสูตร วา ดว ยภิกษุเจริญสมณสัญญา ๓ ประการแลว ยอ มยังธรรม ๗ ประการใหบริบูรณ [๑๐๑] ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย สมณสัญญา ๓ ประการ อนั ภกิ ษุเจรญิ แลว ทําใหมากแลว ยอมยังธรรม ๗ ประการใหบริบูรณ สมณ-สัญญา ๓ ประการเปนไฉน คือ สมณสญั ญาวา เราเปน ผมู ีเพศตางจากคฤหสั ถ ๑ ชวี ติ ของเราเนือ่ งดว ยผูอ ืน่ ๑ มรรยาทอยางอนื่ อันเราควรทํามีอยู ๑ ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย สมณสัญญา ๓ ประการนแ้ี ล อันภกิ ษุเจริญแลว ทาํ ใหม ากแลว ยอมยงั ธรรม ๗ ประการใหบริบูรณ ธรรม๗ ประการเปน ไฉน คอื ภิกษเุ ปน ผูมปี กตทิ ําติดตอ เปนนติ ย เปน ผูมีความประพฤตติ ดิ ตอเปน นติ ยใ นศลี ทั้งหลาย ๑ เปน ผไู มโลภมาก ๑เปน ผไู มพ ยาบาท ๑ เปนผไู มถ อื ตัว ๑ เปน ผูใ ครในการศึกษา ๑ เปนผูมกี ารพิจารณาในปจ จัยทงั้ หลายอนั เปนบริขารแหงชีวิตวา ปจจยั เหลานี้มีประโยชนเ ชนน้ี แลว จึงบรโิ ภค ๑ เปนผปู รารภความเพยี ร ๑ ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย สมณสัญญา ๗ ประการน้แี ล อันภกิ ษุเจริญแลว ทําใหมากแลว ยอ มยงั ธรรม ๗ ประการน้ใี หบ ริบรู ณ. จบสมณสญั ญาสูตรที่ ๑

พระสตุ ตันตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 338 ตติยปณณาสก สมณสัญญาวรรคที่ ๑ อรรถกถาสมณสญั ญาสตู รที่ ๑ สมณสัญญาสูตรท่ี ๑ พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ดงั ตอ ไปนี.้ บทวา สมณสฺา ไดแก ความสาํ คญั ทเ่ี กดิ ขึ้นแกสมณะทงั้ หลาย.บทวา. สตตการี ไดแ ก ทําไมม ีระหวา ง. บทวา อพฺยาปชโฺ ฌ ไดแกไรท ุกข. บทวา อิจฺจตฺถนตฺ สิ สฺ โหติ ความวา สมณสญั ญา ยอมมแี กภกิ ษุนนั้ ในปจจยั เครอื่ งปรุงแตง ชีวิต อยา งนีว้ า เหลานเ้ี ปนปจ จัย เพื่อส่ิงนี.้ อธบิ ายวา ภกิ ษุบริโภคปจจยั ทพี่ จิ ารณาแลว . จบอรรถกถาสมณสัญญาสูตรที่ ๑ ๒. โพชฌงคสูตรวาดว ยภกิ ษเุ จรญิ โพชฌงค ๗ แลว ยอ มยงั วิชชา ๓ ใหบ ริบรู ณ [๑๐๒] ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย โพชฌงค ๗ ประการน้ี อันภกิ ษุเจรญิ แลว ทําใหม ากแลว ยอ มยงั วชิ ชา ๓ ประการใหบริบรู ณ โพชฌงค๗ ประการเปนไฉน คือ สติสัมโพชฌงค ๑ ธมั มวิจยสมั โพชฌงค ๑วิริสมั โพชฌงค ๑ ปต สิ ัมโพชฌงค ๑ ปสสัทธสิ มั โพชฌงค ๑ สมาธ-ิสัมโพชฌงค ๑ อเุ บกขาสมั โพชฌงค ๑ ดกู อนภิกษุทัง้ หลาย โพชฌงค๗ ประการนีแ้ ล อันภกิ ษเุ จรญิ แลว ทาํ ใหม ากแลว ยอมยังวชิ ชา๓ ประการใหบ ริบูรณ วิชชา ๓ ประการเปนไฉน คอื ภกิ ษุในธรรมวนิ ัยน้ี ยอมระลึกถึงชาตกิ อ นไดเ ปนอนั มาก คือ ระลกึ ไดหนง่ึ ชาตบิ า ง

พระสตุ ตันตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 339สองชาติบาง ฯลฯ ยอ มระลึกถงึ ชาติกอ นไดเปน อันมาก พรอมทง้ั อาการพรอมทั้งอเุ ทศ ดวยประการฉะนี้ ๑ ยอ มเหน็ หมูสตั วท งั้ ทกี่ ําลงั จตุ ิ กาํ ลังอปุ บัติ เลว ประณีต มผี ิวพรรณดี มผี วิ พรรณทราม ไดด ี ตกยาก ดว ยทิพยจักษอุ ันบริสทุ ธ์ลิ วงจกั ษุมนุษย ฯ ลฯ ยอ มรูชดั ซ่ึงหมูสตั วผ ูเปนไปตามกรรมดว ยประการฉะนี้ ๑ ยอมทําใหแจงซ่ึงเจโตวมิ ตุ ติ ปญ ญาวิมตุ ติอันหาอาสวะมิได เพราะอาสวะท้งั หลายสน้ิ ไป ดวยปญญาอันยง่ิ เองในปจจบุ นั เขา ถงึ อยู ๑ ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย โพชฌงค ๗ ประการน้แี ลอนั ภิกษุเจริญแลว ทําใหม ากแลว ยอมยงั วิชชา ๓ ประการน้ใี หบ ริบูรณ. จบโพชฌงคสตู รท่ี ๒ อรรถกถาโพชฌงคสูตรที่ ๒ โพชณงคสตู รที่ ๒ มเี นื้อความงายทั้งนั้น. จบอรรถกถาโพชฌงคสูตรที่ ๒ ๓. มจิ ฉัตตสตู ร ภิกษุอาศยั มจิ ฉตั ตะ ๑๐ จงึ พลาดจากสวรรคและมรรคผล [๑๐๓] ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย เพราะอาศยั มิจฉัตตะ จงึ มกี ารพลาดจากสวรรคแ ละมรรคผล ไมม ีการบรรลุสวรรคและมรรคผล เพราะอาศัยมิจฉตั ตะอยางไร จึงมกี ารพลาดจากสวรรคแ ละมรรคผล ไมม ีการบรรลุสวรรคและมรรคผล ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย บคุ คลผมู ีความเหน็ ผิดยอมมคี วามดํารผิ ิด ผมู คี วามดํารผิ ิด ยอมมีวาจาผิด ผูมวี าจาผิด ยอมมีการงานผิด ผมู ีการงานผดิ ยอมมีการเล้ยี งชีพผดิ ผมู ีการเลยี้ งชพี ผดิ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 340ยอ มมีความพยายามผิด ผมู ีความพยายามผิด ยอมมีความระลึกผดิ ผมู ีความระลึกผดิ ยอ มมคี วามตั้งใจผิด ผมู คี วามตงั้ ใจผดิ ยอ มมคี วามรผู ิดผูมคี วามรผู ิด ยอมมีความหลดุ พนผดิ ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย เพราะอาศัยมจิ ฉตั ตะอยา งน้ีแล จึงมีการพลาดจากสวรรคและมรรคผล ไมม ีการบรรลุสวรรคแ ละมรรคผล จบมจิ ฉัตตสูตรที่ ๓ อรรถกถามิจฉตั ตสูตรที่ ๓ มิจฉัตตสูตรท่ี ๓ พงึ ทราบวนิ ิจฉัยดงั ตอ ไปน้ี. บทวา วิราธนา โหติ ความวา พลาดจากสวรรคและมรรค ยอ มมี.บทวา โน อาราธนา ความวา ความสําเร็จผลก็ไมมี ความทาํ ใหบรบิ ูรณ ก็ไมม.ี บทวา ปโหติ แปลวา ยอมเปน ไป. จบอรรถกถามจิ ฉัตตสตู รที่ ๓ ๔. สัมมตั ตสูตรวาดวยภกิ ษอุ าศัยสัมมตั ตะ ๑๐ จงึ บรรลุสวรรคและมรรคผล/H4> [๑๐๔] ดกู อนภิกษุทัง้ หลาย เพราะอาศยั สมั มตั ตะ จึงมีการบรรลสุ วรรคแ ละมรรคผล ไมมกี ารพลาดจากสวรรคและมรรคผล เพราะอาศยั สัมมัตตะอยางไร จึงมีการบรรลสุ วรรคและมรรคผล ไมม กี ารพลาดจากสวรรคแ ละมรรคผล ดูกอนภิกษุท้งั หลาย บุคคลผูม คี วามเหน็ ชอบยอ มมกี ารงานชอบ ผมู ีการงานชอบ ยอ มมีการเล้ยี งชพี ชอบ ผมู ีการ

พระสุตตนั ตปฎก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 341เลี้ยงชพี ชอบ ยอมมคี วามพยายามชอบ ผมู ีความพยายามชอบ ยอ มมคี วามระลกึ ชอบ ผูม ีความระลกึ ชอบ ยอมมคี วามตง้ั ใจชอบ ผมู คี วามต้งั ใจชอบยอมมคี วามรชู อบ ผูมคี วามรชู อบ ยอ มมีความหลุดพน ชอบ ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย เพราะอาศัยสมั มัตตะ จึงมีการบรรลุสวรรคแ ละมรรคผล ไมม ีการพลาดจากสวรรคแ ละมรรคผล ดวยประการอยางน้ี ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย ปรุ สิ บุคคลผูมีความเห็นผดิ มีความดาํ ริผิดมวี าจาผิด มีการงานผดิ มีการเล้ยี งชีพผดิ มีความพยายามผดิ มีความระลกึ ผิด มคี วามตั้งใจผิด มีความรผู ิด มคี วามหลดุ พน ผิด สมาทานกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ใหบริบรู ณตามความเหน็ อยา งไรแลวเจตนา ความปรารถนา ความต้ังใจ และสังขารเหลา ใด ธรรมเหลา นั้นท้งั หมด ยอมเปนไปเพ่ือผลท่ีไมน าปรารถนา ไมน า ใคร ไมน าพอใจไมเ กอ้ื กูล เปนทุกข ขอ นัน้ เพราะเหตไุ ร เพราะเปน ทฏิ ฐอิ นั ชว่ั ชา . ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย เปรยี บเหมอื นพชื สะเดา พืชบวบขม หรือพืชนํา้ เตาชม อนั บุคคลเพาะแลวในแผนดินทีช่ มุ ชื้น ยอมเขาไปจับรสดินและรสนาํ้ อนั ใด รสดินและรสนาํ้ ทง้ั หมดนัน้ ยอ มเปนไปเพอ่ื ความเปนรสขม เปนรสเผ็ดรอน เปนรสไมน ายินดี ขอ นน้ั เปนเพราะเหตไุ ร เพราะพชื เปน ของไมด ี แมฉ ันใด ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย ปุริสบุคคลผูมคี วามเห็นผดิ มคี วามดํารผิ ดิ มีวาจาผดิ มีการงานผดิ มีการเลี้ยงชีพผดิมคี วามพยายามผิด มีความระลกึ ผดิ มีความตง้ั ใจผดิ มคี วามรูผ ิด มคี วามหลุดพน ผดิ สมาทานกายกรรม วจกี รรม มโนกรรม ใหบริบรู ณต ามความเหน็ อยางไรแลว เจตนา ความปรารถนา ตามตง้ั ใจ และสังขารเหลาใด ธรรมเหลา นั้นท้งั หมด ยอมเปนไปเพอื่ ผลที่ไมนา ปรารถนา

พระสุตตันตปฎ ก องั คุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 342ไมน าใคร ไมนา พอใจ ไมเ กื้อกลู เปนทกุ ข ขอ น้นั เปนเพราะเหตไุ รเพราะเปนทิฏฐิทชี่ ัว่ ชา ฉันน้นั เหมอื นกนั . ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ปรุ ิสบคุ คลผูมีความเห็นชอบ มคี วามดํารชิ อบมวี าจาชอบ มีการงานชอบ มกี ารเล้ียงชีพชอบ มคี วามพยายามชอบมคี วามระลึกชอบ มคี วามต้งั ใจชอบ มีความรูชอบ มคี วามหลดุ พน ชอบสมาทานกายกรรม วจกี รรม มโนกรรม ใหบรบิ ูรณตามความเหน็ อยา งไรแลว เจตนา ความปรารถนา ความตง้ั ใจ และสงั ขารเหลา ใด ธรรมเหลานน้ั ท้งั หมด ยอ มเปน ไปเพอื่ ผลท่ีนาปรารถนา นาใคร นา พอใจความเกอื้ กลู เปนสุข ขอ นั้นเปนเพราะเหตไุ ร เพราะเปน ทิฏฐทิ ่ีเจริญ. ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย เปรียบเหมือนพืชออ ย พชื ขาวสาลี หรือพืชองุน อนั บุคคลเพาะลงแลว ในแผน ดนิ ทชี่ ุมชื้น ยอมเขา ไปจับรสดินและรสน้าํ อันใด รสดินและรสนาํ้ ท้งั หมดนนั้ ยอ มเปน ไปเพ่ือความเปน รสท่นี ายนิ ดี เปนรสหวาน เปน รสอนั นาช่ืนใจ ขอนั้นเพราะเหตุไรเพราะพืชเปนของดี แมฉ ันใด ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ปรุ สิ บุคคลผูม คี วามเหน็ ชอบ มคี วามดาํ รชิ อบ มวี าจาชอบ มีการงานชอบ มกี ารเลี้ยงชีพชอบมคี วามพยายามชอบ มคี วามระลึกชอบ มคี วามตัง้ ใจชอบ มคี วามรชู อบมคี วามหลดุ พน ชอบ สมาทานกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ใหบ รบิ รู ณตามความเหน็ อยางไรแลว เจตนา ความปรารถนา ความตั้งใจ และสังขารเหลาใด ธรรมเหลา นัน้ ทง้ั หมด ยอ มเปน ไปเพ่ือผลอนั นาปรารถนานา ใคร นา พอใจ เกอื้ กลู เปนสขุ ขอ น้นั เพราะเหตุไร เพราะทฏิ ฐิเปน ของเจรญิ ฉนั นนั้ เหมอื นกนั แล. จบสมั มตั ตสตู รที่ ๔

พระสตุ ตันตปฎก องั คตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 343 อรรถกถาสมั มัตตสูตรที่ ๔ สัมมัตตสตู รที่ ๔ พงึ ทราบวนิ ิจฉัยดังตอ ไปน.ี้ บทวา ยถาทฏิ  สิ มตฺต สมาทินนฺ  ไดแ ก สมาทานใหสมบูรณการยึดไวหมด ตามสมควรแกท ิฏฐิ บทวา เจตนา ไดแก เจตนาที่บังเกิดในทวารทัง้ ๓ ยดึ ม่ันแลว. บทวา ปฏนา ไดแ ก ความปรารถนาท่ีปรารถนาไวอ ยา งนวี้ า ขอเราพึงเปนเหน็ ปานนี.้ บทวา ปณิธิ ไดแ กการตัง้ จติ วา เราจกั เปนเทวะ หรือเทพองคหนงึ่ . บทวา สงขฺ ารา ไดแก สังขารท่ปี ระกอบพรอ มแลว . จบอรรถกถาสัมมัตตสูตรท่ี ๔ ๕. อวชิ ชาวิชชาสตู ร วา ดว ยอวิชชาและวิชชา [๑๐๕] ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย อวชิ ชาเปนประธานแหงการเขาถึงอกศุ ลธรรมทัง้ หลาย ความไมละอายบาป ความไมก ลวั บาป เปนของมมี าตามอวิชชานน้ั ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย บคุ คลผมู อี วชิ ชาไมเหน็ แจงยอมมคี วามเหน็ ผดิ ผมู ีความเห็นผิด ยอมมคี วามดําริผดิ ผมู ีความดาํ รผิ ดิยอมมวี าจาผดิ ผูมวี าจาผดิ ยอมมกี ารงานผดิ ผมู ีการงานผดิ ยอ มมีการเลีย้ งชีพผิด ผูมีการเลี้ยงชพี ผิด ยอมมคี วามพยายามผิด ผมู ีความพยายามผิดยอ มมคี วามระลึกผิด ผูม ีความระลกึ ผิด ยอ มมคี วามต้ังใจผิด ผูมีความตั้งใจผดิ ยอ มมีความรูผิด ผูมคี วามรูผดิ ยอมมีความหลุดพนผิด. ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย วชิ ชา เปนประธานแหง การเขาถงึ กุศลธรรมทั้งหลาย หริ แิ ละโอตตปั ปะเปนของมมี าตามวิชชานน้ั ดูกอนภิกษุทัง้ หลายบคุ คลผูมีวชิ ชาเห็นแจง ยอมมีความเหน็ ชอบ ผมู ีความเห็นชอบ ยอ ม

พระสุตตันตปฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนาท่ี 344มีความดาํ ริชอบ ผูมคี วามดําริชอบ ยอ มมีวาจาชอบ ผูมวี าจาชอบ ยอมมีการงานชอบ ผูมีการงานชอบ ยอมมกี ารเล้ยี งชีพชอบ ผมู กี ารเล้ยี งชีพชอบ ยอมมีความพยายามชอบ ผมู คี วามพยายามชอบ ยอ มมคี วามระลึกชอบ ผูมคี วามระลึกชอบ ยอ มมคี วามตง้ั ใจชอบ ผูมีความตัง้ ใจชอบยอ มมคี วามรูชอบ ผูมีความรชู อบ ยอ มมคี วามหลุดพนชอบ. อวิชชาวิชชาสตู รท่ี ๕ อรรถกถาอวชิ ชาวิชชาสูตรท่ี ๕ อวิชชาวิชชาสตู รที่ ๕ พงึ ทราบวินิจฉยั ดงั ตอ ไปน.้ี อวิชชา ชื่อวาเปนหัวหนา เพราะอรรถวา ดาํ เนินไปกอ น. บทวาอนวฺ เทว ไดแก ตดิ ตามไป. จบอรรถกถาอวิชชาวชิ ชาสูตรท่ี ๕ ๖. นชิ ชรวัตถสุ ตู ร วาดว ยเหตแุ หงการเส่ือมไป ๑๐ ประการ [๑๐๖] ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย เหตแุ หง การเสื่อมไปมี ๑๐ ประการน้ี๑๐ ประการเปน ไฉน ดูกอ นภิกษุท้ังหลาย บคุ คลผมู ีความเหน็ ชอบ ยอ มมคี วามเห็นผิดเสื่อมไป มอี กศุ ลบาปกรรมเปน อันมากท่ีเกิดขึน้ เพราะความเห็นผดิ เปน ปจจัยเส่อื มไป และกศุ ลธรรมเปน อันมาก ยอ มถงึ ความเจรญิบรบิ ูรณ เพราะความเห็นชอบเปนปจ จัย. ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย บุคคลผูมคี วามดํารชิ อบ ยอมมีความดาํ ริผิดเสื่อมไป มีอกศุ ลบาปธรรมเปน อนั มากที่เกดิ ข้ึนเพราะความดําริผดิ เปนปจจยั เสอ่ื มไป และกศุ ลธรรมเปนอนั มากยอ มถงึ ความเจริญบริบูรณ เพราะความดาํ รชิ อบเปน ปจ จยั .

พระสตุ ตนั ตปฎก อังคตุ รนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ท่ี 345 ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย บคุ คลผูมีวาจาชอบ ยอมมวี าจาผดิ เสือ่ มไป...และกศุ ลธรรมเปน อนั มากยอ มถึงความเจริญบริบรู ณ เพราะวาจาชอบเปนปจจยั . ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย บุคคลผมู กี ารงานชอบ ยอมมกี ารงานเสอื่ มไป... และกุศลธรรมเปนอันมากยอมถึงความเจรญิ บริบรู ณ เพราะการงานชอบเปน ปจ จัย. ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย บคุ คลผูม กี ารเลี้ยงชพี ชอบ ยอ มมกี ารเล้ยี งชีพผดิ เสื่อมไป... และกุศลธรรมเปน อนั มาก ยอมถึงความเจริญบรบิ ูรณเพราะการเลี้ยงชพี ชอบเปนปจจยั . ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย บุคคลผมู คี วามพยายามชอบ ยอมมีความพยายามผิดเสอื่ มไป.. และกศุ ลธรรมเห็นอนั มากยอ มถงึ ความเจริญบริบูรณเพราะความพยายามชอบเปน ปจจยั . ดูกอ นภิกษุท้ังหลาย บุคคลผมู ีความระลกึ ชอบ ยอมมคี วามระลึกผิดเสอ่ื มไป... และกุศลธรรมเปน อนั มากยอมถึงความเจรญิ บริบูรณ เพราะความระลึกชอบเปน ปจจัย. ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย บคุ คลผูมคี วามตง้ั ใจชอบ ยอ มมีความตง้ั ใจผิดเสอื่ มไป... และกุศลธรรมเปนอันมากยอ มถงึ ความเจรญิ บริบรู ณ เพราะความตัง้ ใจชอบเปนปจจยั . ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย บคุ คลผูมคี วามรูช อบ ยอมมีความรผู ดิ เส่ือมไปมอี กศุ บาปธรรมเปน อนั มากท่ีเกิดขึน้ เพราะความรูผิดเปน ปจจยั เสื่อมไปและกศุ ลธรรมเปน อันมากยอ มถงึ ความเจรญิ บรบิ รู ณ เพราะความรูชอบเปน ปจ จัย.

พระสุตตันตปฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 346 ดกู อนภิกษุท้ังหลาย บุคคลผูม คี วามหลดุ พนชอบ ยอมมีความหลุดพนผิดเสือ่ มไป มอี กศุ ลบาปธรรมเปนอันมากทเี่ กิดขึน้ เพราะความหลดุ พน ผดิ เปนปจจัยเสอ่ื มไป และกศุ ลธรรมเปน อนั มากยอ มถงึ ความเจริญบริบรู ณ เพราะความหลดุ พน ชอบเปนปจ จัย ดกู อนภิกษุท้ังหลายเหตุแหง การเสือ่ มไปมี ๑๐ ประการนแ้ี ล. จบนชิ ชรวัตถสุ ูตรท่ี ๖ อรรถกถานิชชรวัตถุสูตรท่ี ๖ นชิ ชรวตั ถสุ ูตรที่ ๖ พึงทราบวนิ ิจฉยั ดงั ตอไปน้ี. บทวา นิชฺชรวตฺถูนิ ไดแก เหตแุ หงการเสอ่ื มไป. บทวา มิจฉฺ า-ทฏิ  ิ นชิ ชฺ ณิ ฺณา โหติ ความวา มิจฉาทฏิ ฐิท่ีถงึ ความเสอ่ื มไป แมเพราะวิปส สนาอยางตํ่า อนั ทา นละไดแ ลวอยางน.้ี ถามวา เพราะเหตุไรทานจงึ ถอื เอาอีก. ตอบวา เพราะมิจฉาทฏิ ฐนิ นั้ ทานยังถอนไมข าด.ดวยวา มจิ ฉาทิฏฐิ แมย งั ถอนไดไมข าดดว ยวิปสสนากจ็ ริง ถงึ อยา งน้นัมรรคเกดิ ข้นึ กถ็ อนมิจฉาทิฏฐไิ ดข าด คือ ไมใ หเกดิ ขนึ้ อีก เพราะฉะน้นัทา นจึงถือเอาอกี . ในบททกุ บทก็พงึ ทราบตามนัยอยางน.ี้ อนึ่ง ในสตู รนี้ ธรรม ๖๔ ยอ มถงึ ความเจรญิ บรบิ รู ณ เพราะสัมมาวิมตุ ตเิ ปนปจ จยั คอื ธรรม ๖๔ ไดแกใ นขณะแหงโสดาปต ตมิ รรคจติสัทธนิ ทรยี ย อ มบริบรู ณ เพราะอรรถวา นอมใจไป วริ ยิ นิ ทรียบ ริบูรณเพราะอรรถวา ประคองใจ สตนิ ทรยี บริบรู ณ เพราะอรรถวา เขาไปต้ังไว สมาธนิ ทรียบริบรู ณ เพราะอรรถวา ไมฟ งุ ซา น ปญ ญินทรยี บรบิ รู ณเพราะอรรถวา เหน็ มนนิ ทรยี บ ริบูรณ เพราะอรรถวา รแู จง โสมนสั -

พระสุตตนั ตปฎก องั คตุ รนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ที่ 347สนิ ทรยี บรบิ ูรณ เพราะอรรถวา ไหลอาบไป ชวี ติ ินทรยี บ รบิ รู ณ เพราะอรรถวา มสี ันตตทิ ่สี ืบตอ เปน ไปเปนใหญ ฯลฯ ในขณะแหง อรหตั ผลจติสัทธินทรยี บ รบิ รู ณ เพราะอรรถวา นอ มใจเช่อื ฯลฯ ชีวติ นิ ทรยี บริบูรณเพราะอรรถวา มีสันตติสบื ตอท่ีเปน ไปเปนใหญ ธรรม ๖๔ คอื มรรค ๔ผล ๔ อยางละ ๘ ๆ ยอ มถึงความบริบูรณ ดวยประการดังกลา วมาฉะน้ี. จบอรรถกถานชิ ชรวัตถสุ ูตรที่ ๖ ๗. โธวนสตู ร วา ดวยการลางของพระอรยิ ะ [๑๐๗] ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ในทกั ษิณาชนบท มธี รรมเนียมการลา งกระดกู แหงญาตผิ ตู าย ในธรรมเนยี มการลางกระดูกนั้น มีขา วบางนาํ้ บา ง ของขบเคย้ี วบา ง ของบริโภคบา ง เคร่ืองล้ิมบา ง เครื่องดื่มบางการฟอนบาง เพลงขับบา ง การประโคมบาง ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ธรรม-เนียมการลา งนนั้ มีอยู เรามิไดก ลาววา ไมมี แตว า การลา งน้นั แลเปนของเลว เปนของชาวบา น เปน ของปุถุชน ไมเปน ของพระอรยิ ะ ไมประกอบดวยประโยชน ยอ มไมเ ปน ไปเพอ่ื ความเบ่อื หนา ย เพอ่ื ความคลายกําหนัดเพือ่ ความดับ เพื่อความสงบ เพ่ือความรยู ง่ิ เพือ่ ตรสั รู เพื่อนพิ พานดกู อนภิกษุท้งั หลาย กเ็ ราจกั แสดงการลางอันเปน ของพระอรยิ ะ ซง่ึ เปนไปเพ่อื ความเบือ่ หนา ย เพือ่ ความคลายกาํ หนดั เพื่อความดบั เพอื่ ความสงบ เพื่อความรูยงิ่ เพื่อตรสั รู เพื่อนิพพานโดยสวนเดียว ท่ีสัตวทง้ั -หลายมคี วามเกดิ เปน ธรรมดาอาศยั แลว ยอมพนจากความเกิด ผูมีความแกเปน ธรรมดา ยอมพน จากความแก ผมู คี วามตายเปน ธรรมดา ยอม

พระสุตตันตปฎ ก อังคุตรนกิ าย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนา ที่ 348พน จากความตาย ผมู คี วามโศก ความรา่ํ ไร ความทุกข ความโทมนัสและความคับแคนใจเปนธรรมดา ยอ มพนจากความโศก ความราํ่ ไรความทุกข ความโทมนัส และความคับแคนใจ เธอท้งั หลายจงฟง จงใสใจใหดี เราจักกลาว ภกิ ษุเหลาน้ันทลู รับพระผูม ีพระภาคเจาแลว พระ-ผพู ระภาคเจา ตรัสวา ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ก็การลางที่เปนของพระอริยะยอมเปน ไปเพอื่ ความเบือ่ หนาย เพือ่ ความคลายกําหนดั เพื่อความดบัเพือ่ ความสงบ เพือ่ ความรยู ิ่ง เพ่ือตรัสรู เพ่อื นพิ พานโดยสวนเดียว ทีส่ ตั วท้งั หลายผูมีความเกิดเปน ธรรมดาอาศัยแลว ยอมพน จากความเกิด . . .จากความโศก ความรํา่ ไร ความทกุ ข ความโทมนสั และความดับแคน ใจไดนั้น เปน ไฉน ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย บุคคลผูมีความเห็นชอบ ยอ มลางความเห็นผดิ ลา งอกศุ ลบาปธรรมเปน อนั มาก ท่เี กดิ ขึ้นเพราะความเห็นผดิเปนปจ จัย และกุศลธรรมเปนอนั มาก ยอ มถึงความเจรญิ บริบูรณ เพราะความเห็นชอบเปน ปจจัย. ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย บุคคลผูมคี วามดํารชิ อบ ยอ มลางความดาํ ริผิด . . . ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย บคุ คลผมู ีวาจาชอบ ยอ มลางวาจาผิด. . . ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย บุคคลผูมกี ารงานชอบ ยอมลา งการงานผดิ . . . ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย บคุ คลผมู กี ารเล้ียงชพี ชอบ ยอ มลางการเลีย้ งชพี ผิด... ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย บคุ คลผมู คี วามพยายามชอบ ยอมลางความพยายามผดิ . ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย บคุ คลผูม ีความพยายามชอบ ยอมลา งความผิด. . .

พระสตุ ตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนบิ าต เลม ๕ - หนาท่ี 349 ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย บุคคลผูม ีความตง้ั ใจชอบ ยอ มลา งความตง้ั ใจผดิ . . . ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย บุคคลผูมคี วามรชู อบ ยอ มลา งความรูผิด. . . ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย บุคคลผมู ีความหลุดพนชอบ ยอมลางความหลดุ พนผดิ ลางอกุศลบาปธรรมเปนอันมาก ทเี่ กิดขน้ึ เพราะความหลุดพนผดิ เปน ปจ จยั และกศุ ลธรรมเปน อนั มาก ยอมถึงความเจรญิ บริบูรณเพราะความหลดุ พน ชอบเปนปจจัย. ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย การลางทเ่ี ปนของพระอริยะนี้นั้นแล ยอ มเปน ไปเพือ่ ความเบอ่ื หนาย เพือ่ ความคลายกําหนัด เพอื่ ความดับ เพอ่ืความสงบ เพ่อื ความรยู งิ่ เพ่อื ตรสั รู เพ่อื นิพพาน โดยสว นเดยี ว ท่ีสตั วทงั้ หลายผูมคี วามเกดิ เปน ธรรมดาอาศยั แลว ยอมพนจากความเกดิ ผูมีความแกเปนธรรมดา ยอมพน จากความแก ผูมีความตายเปน ธรรมดายอมพน จากความตาย ผมู ีความโศก ความรํา่ ไร ความทุกข ความโทมนสัและความคับแคน ใจเปน ธรรมดา ยอมพน จากความโศก ความรา่ํ ไร ความทกุ ข ความโทมนสั และความคบั แคนใจได. จบโธวนสูตรท่ี ๗ อรรถกถาโธวนสตู รท่ี ๗ โธวนสูตรท่ี ๗ พงึ ทราบวินิจฉัยดังตอไปน.ี้ บทวา โธวน ไดแ ก ลา งกระดกู . จริงอยู ในชนบทนนั้ ผูค นท้ังหลาย เมอ่ื ญาติตายกไ็ มเผา แตข ดุ หลมุ ฝง ดิน. คร้นั แลวจงึ นํากระดูกท่ีผแุ ลวของญาติเหลานน้ั มาลา งแลว ยกขนึ้ วางเรียงกัน ตง้ั บชู าดว ยของหอมและดอกไมเ ปน ตน เมือ่ คราวนกั ขตั ฤกษ นาํ กระดูกเหลาน้นั มาแลวกร็ องไหคร่ําครวญ ตอนัน้ กเ็ ลน นกั ขัตฤกษกัน. จบอรรถกถาโธวนสตู รที่ ๗

พระสตุ ตันตปฎ ก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เลม ๕ - หนา ท่ี 350 ๘. ติกจิ ฉสตู ร วา ดว ยยาถา ยของพระอริยะ [๑๐๘] ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย แพทยทง้ั หลายยอ มใหย าถา ย เพอ่ืบาํ บัดอาพาธอนั มดี ีเปนสมุฏฐานบา ง เพอ่ื บาํ บดั อาพาธอนั มีเสมหะเปนสมฏุ ฐานบา ง เพ่อื บําบัดอาพาธอนั มลี มเปน สมุฏฐานบาง ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย ยาถา ยนน่ั มีอยู เรามิไดก ลา ววา ไมม ี กแ็ ตว ายาถา ยนีน้ ้นั แลยอ มสาํ เรจ็ บาง ยอมเสยี ผลบา ง ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย ก็เราจกั แสดงยาถา ยอนั เปน ของพระอรยิ ะ ทส่ี ําเรจ็ ผลอยางเดียว ไมเสยี ผล ท่ีสตั วทงั้ หลายพระผมู ีความเกิดเปน ธรรมดาอาศยั แลว ยอ มพนจากความเกิด ผูมีความแกเปนธรรมดา ยอมพน จากความแก ผมู คี วามตายเปน ธรรมดายอมพน จากความตาย ผูมีความโศก ความรํ่าไร ความทุกข ความโทมนัส และความคบั แคน ใจเปน ธรรมดา ยอมพนจากความโศก ความร่าํ ไร ความทุกข ความโทมนสั และความคับแคน ใจ เธอทัง้ หลายจงฟงยาถา ยน้นั จงใสใจใหด ี เราจกั กลา ว ภกิ ษุเหลา นัน้ ทูลรับพระ-ผูมีพระภาคเจา พระผูม ีพระภาคเจา ไดต รสั วา ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย ยาถายอันเปนของพระอรยิ ะ ทสี่ ําเรจ็ ผลอยางเดียว ไมเสยี ผล ท่สี ัตวท้งั หลายผมู ีความเกดิ เปนธรรมดาอาศยั แลว ยอมพน จากความเกิด. . . จากความโศก ความร่าํ ไร ความทุกข ความโทมนัส และความคบั แคน ใจเปนไฉนดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย บคุ คลผูมคี วามเหน็ ชอบ ถายความเหน็ ผดิ ออก และถายอกุศลธรรมอันลามกมใิ ชน อ ย ที่เกดิ ข้ึนเพราะความเห็นผิดเปนปจ จัยออก สวนกศุ ลธรรมทั้งหลายมิใชน อ ย ยอมถงึ ความเจริญบริบรู ณ เพราะความเหน็ ชอบเปน ปจจยั .


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook