พระอภธิ รรมปฎ ก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 251 ก็วิการรูปทงั้ ๓ เหลาน้ีไมล ะซึ่งกนั และกนั เม่ือความเปนอยางนั้นมอี ยู บณั ฑิตพงึ ทราบความตา งกันแหงรปู ทงั้ ๓ เหลา น้ัน อยางนว้ี า ภาวะที่เบา คอื ความไมเ ชอ่ื งชาแหงรปู ทงั้ หลาย มีอาการเปน ไปไดเร็วเหมือนคนไมมีโรค มสี มุฏฐานเกิดแตป จ จยั ซึ่งเปน ปฏิปก ษต อ ธาตุกาํ เรบิ ซึ่งทําใหรปู เชอื่ งชาอนั ใด วกิ ารรูปน้นั ช่ือวา ลหุตารูป. ความที่รปู ทั้งหลายมีความออนดุจหนังท่ขี ยําไวด ีแลว มีอาการทาํ ใหอ อ นเปนไปตามอาํ นาจในการกระทาํ ท้ังปวงไดต าง ๆ กัน มสี มุฏฐานเกดิ แตป จจยั ซึ่งเปน ปฏปิ กษต อธาตกุ ําเรบิ อนั ทําใหรูปแข็ง อนั ใด วิการรูปนัน้ ชอ่ื วา มทุ ตุ ารูป. แตค วามทร่ี ูปท้ังหลายควรแกการงานเหมอื นทองคําท่หี ลอมไวด ีแลว มอี าการคลอยตามในการกระทาํ ของสรีระ มสี มฏุ ฐานเกดิ แตป จ จัยซงึ่ เปน ปฏปิ กษต อธาตกุ าํ เรบิ อันทําใหรปู ไมคลอยตามของการกระทาํ ในสรรี ะ อันใด วกิ ารรปู นนั้ ช่อื วา กรรมมัญญตารปู . อนึง่ วกิ ารรปู แมท้งั ๓ นั่นยอ มอาจเพอื่ ทําการงานได ก็หาไม รูปที่เกิดจากอาหารเปนตน (คอื เกดิ แตจติ และอุตดุ ว ย) เทา นน้ั ยอ มทําการงานได.จรงิ อยา งนั้น พวกพระโยคีจึงพูดกันวา วันนพ้ี วกเราไดอาหารเปนสัปปายะกายของเราจงึ เบาออ นควรแกการงาน วนั น้พี วกเราไดอ ุตุสปั ปายะ วนั นจี้ ิตของพวกเราจึงสงบ กายของพวกเราเบาออนควรแกก ารงาน ดงั นี้. อรรถกถาอปุ จยะและสัตตตินิทเทส พึงทราบวนิ จิ ฉัยในนิทเทสแหง อปุ จยะและสนั ตติตอไป. บทวา อายตนาน (อายตนะทั้งหลาย) ไดแ ก รปู ายตนะ ๑๐ ท้งั กง่ึ(คือ ๑๐ กบั ครง่ึ หนงึ่ ). บทวา อาจโย (ความสง่ั สม) ไดแ ก ความบังเกิดขึน้ . บทวา โส รูปสสฺ อปุ จโย (นั้นเปนความเกิดแหงรปู ) ไดแก
พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 252ความเกิดส่งั สมแหง อายตนะอนั เกดิ ข้นึ บอ ย ๆ อนั ใด อนั นั้นแหละ ช่อื วาความเกดิ สั่งสมแหง รูป อธบิ ายวา ยอ มเติบโตขนึ้ . ความเกิดส่งั สมแหงรปูอนั ใด อนั น้นั เปน สันตติ (ความสบื ตอ) ของรปู เพราะฉะน้ัน ความเจริญของรปู ทงั้ หลายอันสัง่ สมแลวดว ยอาการอยางนี้ อันใด ในเวลาท่ีรปู เปน ไปยงิ่ กวานัน้ ความเจริญนั้น ชอ่ื วา สนั ตติของรปู คือความเปน ไปของรปู .เหมอื นอยางวา เมือ่ บคุ คลขดุ หลุมใกลฝง แมนํ้า ความส่ังสมเกดิ ขน้ึ เหมอื นเวลาทน่ี า้ํ ไหลไปยงั หลมุ . ความเกิดขึ้นเจริญแลว เหมือนเวลาท่นี า้ํ เตม็ หลมุพงึ ทราบวาสันตตเิ ปน ไปดุจเวลาท่นี ํา้ ไหลทว มไปฉะนั้น. ถามวา ดว ยนิทเทสคําวา โย อายตนาน อาจโย เปน ตน อยางน้ีพระผูมีพระภาคเจาตรสั ไวอ ยางไร ? ตอบวา พระองคต รัสความเร่มิ เกดิ ดว ยอายตนะ ตรัสอายตนะดวยความเริ่มเกิด เปนอันตรัสความเรมิ่ เกดิ และตรสัอายตนะนนั่ แหละไวแ ลว. ถามวา เมื่อเปนอยางนนั้ พระองคตรัสไวอ ยางไร ? ตอบวา พระองคต รสั ถงึ ความเรม่ิ เกดิ ความส่ังสม ความเกิด ความเจริญของสนั ตตริ ูปท้ัง ๔. จริงอยู เม่ือวาโดยอรรถ รปู ทง้ั ๒ แมน้ี (อุปจยะ สนั ตติ) เปน ชอ่ืของรปู ท่ีเกดิ เทานั้น แตว าโดยความตา งกันแหงอาการ และดว ยอํานาจแหงเวไนยสัตว พระผูม ีพระภาคเจา จงึ ทรงทาํ อุทเทสและนิทเทสดว ยคําวา อุปจโยสนตฺ ติ แตเพราะในอทุ เทสน้ี ไมมีความแตกตางกนั โดยอรรถ ฉะน้นั จึงตรัสไวใ นนิทเทสวา โย อายตนาน อาจโย โส รปู สฺส อปุ จโยโย รูปสสฺ อุปจโย โส รปู สฺส สนตฺ ติ (ความส่งั สมแหง อายตนะท้งัหลาย อนั ใด อันนั้นเปนความเกิดแหงรปู ความเกิดแหง รปู อันใด อันนนั้ เปนความสบื ตอ แหง รูป) ดังนี้.
พระอภธิ รรมปฎ ก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 253 อนง่ึ เพราะรปู นี้แมท ั้ง ๒ (อุปจยะและสนั ตติ) เปนชือ่ ของรปู ที่เกิดอยา งเดยี วกัน ฉะนั้นในนทิ เทสน้ี บัณฑติ พึงทราบ (ลกั ขณาทิจตุกะของรูปท้งั ๒ นั้น) วา อาจยลกขฺ โณ รปู สฺส อปุ จโย อุปจยรปู มีความเรม่ิ เกิดเปนลักษณะปพุ พฺ นตฺ โต รปู าน อุมฺมุชชฺ าปนรโส มกี ารยังรูปท้งั หลายใหเกดิ ดจุ ขันธอนั เปนสว นเบือ้ งตน เปน รส นยิ าตนปจจฺ ปุ ฏาโน ปริปณุ ฺณภาวปจฺจุ-ปฏาโน วา มีการมอบใหเ ปนปจ จุปฏ ฐาน หรือมคี วามบริบรู ณเปนปทฏั ฐานอุปจิตรปู ปทฏ าโน มีรปู ท่ีเกิดแลว (คือรูปที่ถึงอุปาทขณะ) เปน ปทฏั ฐาน. ปวตตฺ ิลกฺขณา รปู สฺส สนฺตติ สันตติรปู มคี วามเปนไป (คือเปน ไปดว ยอํานาจความสบื ตอ) เปนลกั ษณะ อนุปปฺ พนฺธนรสา มีการสืบตอกันโดยลําดบั (คอื การสืบตอ ดว ยอํานาจรูปเบื้องตนและเบอ้ื งปลาย) เปน รสอนุปปฺ จฺเฉทปจจฺ ุปฏานา มคี วามไมขาดจากกัน (มคี วามไมข าดจากรูปเบอ้ื งตน และเบอื้ งปลาย) เปน ปจ จุปฏ ฐาน อนปุ ฺปพนธฺ รปู ปทฏานา มีรปูทสี่ บื ตอกันเปนปทฏั ฐาน. อรรถกถาชรตานิทเทส พงึ ทราบวินิจฉัยในนทิ เทสแหงชรตา ตอ ไป. ทีช่ ือ่ วา ชรา ดวยอาํ นาจแหง รปู ที่แก. ในนิทเทสแหง ชรานี้ มีความขยายสภาวะวา อาการแหงการครํ่าครา ชอ่ื วา ความคร่าํ ครา. อาการท้ัง ๓มีคําวา ฟนหัก เปน ตน มีการขยายกจิ คอื ลวงกาลผานวยั ไปทเี ดยี ว อาการ๒ ขางปลาย เปน การขยายความตามปกติ (คอื เปนไปตามธรรมชาต)ิ . จริงอยู ดว ยบทวา ชรานี้ พระองคทรงแสดงชรานีโ้ ดยสภาวะ เพราะเหตนุ ัน้ คาํ วา ชรานี้ จึงเปนการอธิบายสภาวะของชรานนั้ . ดวยบทวา
พระอภธิ รรมปฎ ก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 254ชริ ณตา นี้ ทรงแสดงโดยอาการ. เพราะฉะนัน้ คาํ วา ชิรณตา น้ี จึงเปนอธบิ ายอาการของรูปชริ ณตานน้ั . ดวยบทวา ความมีฟน หลดุ น้ี ทรงแสดงโดยกจิ คอื การทาํ ภาวะทฟ่ี น และเลบ็ หลุดโดยกาลผานวัย. ดว ยบทวา ปาลิจจฺ ความมผี มหงอกน้ี ทรงแสดงโดยกจิ คือ ความที่ผมและขนทั้งหลายหงอก. ดว ยบทวา มหี นงั เปน เกลยี ว นที้ รงแสดงโดยกิจ คือกระทาํ เนอื้ใหเ หี่ยว แลวทําหนงั ใหยนเปน เกลยี ว. เพราะฉะนน้ั บทท้งั ๓ มฟี นหลดุเปนตนน้ี เปน การขยายความถึงกิจท่ลี วงกาลผา นวยั แหง รปู น้ัน. ดวยบททง้ั ๓เหลาน้นั พระองคทรงแสดง ปากฏชรา คอื ความแกท่ปี รากฏโดยอํานาจแหงการเหน็ วิการรปู เหลา นี้. เหมอื นอยา งวา ทางที่นาํ้ บาไป หรอื ลมพัดไปยอมปรากฏโดยการพังทะลายหญาและตน ไมเ ปน ตน หรอื วา ทางท่ไี ฟไหมเตียนโลงไปยอมปรากฏ ทางมนี ํา้ เปนตนผานไปแลว นน้ั ยงั ปรากฏ แตน ํ้าเปนตนเหลา น้นั มไิ ดปรากฏใหเหน็ อยู ขอนีฉ้ ันใด ทางที่ชราผา นไปแลว โดยอํานาจแหงความแตกหักในอวัยวะ มีฟน หลดุ เปนตน ยอ มปรากฏ เพราะบคุ คลลืมตาดกู ร็ ไู ด แตส ภาวะมฟี นหลดุ เปน ตน ลืมตาดรู ูไมได ชรากร็ ูไ มได เพราะชราจักขุวญิ ญาณรไู มได. ก็ดว ยประเภทบทเหลานว้ี า ความเสือ่ มอายุ ความหงอ มแหงอินทรียท้ังหลาย ดงั น้ี พระผมู พี ระภาคเจาทรงแสดงความแกโ ดยปกตอิ นัส้ินไปแหง อายุ ดวยสาํ คญั แหงการแกรอบแหงอนิ ทรยิ มีจักษเุ ปนตน แจมแจงแลว โดยลวงกาลผา นวัยทเี ดยี ว ดว ยเหตนุ นั้ พึงทราบสองประการหลงั นีว้ าเปนนิทเทสโดยปกติแหง ชรตาน้ัน. ในอาการทงั้ สองเหลานนั้ เพราะอายุของบุคคลผูถึงความแกแ ลว ยอมเสอื่ มลง ฉะนน้ั จงึ ตรสั ชราโดยมุงถงึ ผลวา ชรา อายุโนส หานิ (ชราคือความเส่อื มแหงอายุ) ดังนี้ อกี อยา งหนง่ึ เพราะเวลาท่คี นยัง
พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 255เปนหนมุ อินทรยี ท ้งั หลาย มีจกั ขเุ ปนตน ผองใสสามารถรบั อารมณแ มละเอียดของตนไดโ ดยงา ยน่ันแหละ แตเ ม่อื ถงึ ความชราแลว อินทรยี ท ้งั หลายกจ็ ะหงอ มงกเง่ิน ไมคลอ งแคลว ไมส ามารถจะรับอารมณแมอนั หยาบของตนไดฉ ะนัน้จึงตรัสชราโดยผลูปจารนัยวา ความหงอ มแหงอินทรยี ทั้งหลาย ดังน.้ี วา โดยชรา ๒ อยาง ก็ ชรานีน้ ั้นทรงยกข้ึนแสดงไวอ ยา งนีว้ า ชราแมทัง้ หมดมี ๒ อยา งคอื ปากฏชรา (ชราปรากฏ) ปฏจิ ฉนั นชรา (ชราปกปด ). บรรดาชรา ๒เหลาน้ัน ชราในรูปธรรมท้ังหลาย ชอื่ วา ปากฏชรา เพราะแสดงความแตกหกั เปนตน ในอวยั วะมีฟนเปนตน แตชราในอรูปธรรมทัง้ หลาย ช่อื วาปฏจิ ฉันนชรา เพราะไมแ สดงพกิ ารเชนน้นั . อีกอยา งหน่งึ ยงั มชี ราอกี ๒ อยาง คือ อวีจิชรา (ชราไมมีคลนื่ ) สวจี ิชรา (ชรามคี ลื่น). ในชรา ๒ อยา งเหลาน้นั พึงทราบวา ชราทชี่ อื่ วา อวีจชิ รา เพราะความตางกันแหงวรรณะเปน ตน ภายในระหวา ง ๆ เปน ชราท่ีรไู ดย าก ดจุ ชราของแกว มณี ทองคํา เงนิ แกวประพาฬ ดวงจันทรดวงอาทิตยเ ปนตน ดจุ ชราของสัตวมีชีวติ ท้งั หลายในเวลาท่ีเปนมันททสกะเปนตน และดจุ ชราของสง่ิ ไมม ีชวี ิตท้งั หลายมีในเวลาทม่ี ดี อก มผี ล และหนอเปนตน ไดแ ก นิรันตชรา.สวนชราทีช่ ื่อวา สวีจชิ รา เพราะความตางกันแหง วรรณะเปนตน ภายในระหวา ง ๆ ในส่ิงเหลาอื่นตามที่กลาวแลว นอกจากน้นั เปนของรูไ ดโ ดยงา ยดังน.้ี
พระอภิธรรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 256 วา โดยลักขณาทจิ ตุกะวของชรตารูป พงึ ทราบวา รปู ปริปากลกฺขณา รปู สสฺ ชรตา ชรตารปู มีความหงอมแหงรปู เปน ลักษณะ อปุ นยรสา มีการนอ มเขาไปใกลความตายเปนรส สภา-วานปคเมป นวภาวาปคทปจจฺ ปุ ฏ านา มคี วามปราศจากของใหมแมย ังไมป ราศจากภาวะของตนเปนปจ จปุ ฏฐาน วหี ปิ ุราณภาโว วิย ปรปิ จจฺ -มานรปู ปทฏ านา มรี ูปทห่ี งอ มอยดู จุ ขาวเหนียวเกาเปนปทัฏฐาน. อรรถกถาอนจิ จตานทิ เทส พึงทราบวนิ ิจฉัยในนิทเทสแหง อนจิ จตารปู ตอ ไป. รูปทีช่ ือ่ วา ขโย (ความสิน้ ไป) ดวยอํานาจแหงการถงึ ความส้ินไปที่ชื่อวา วโย (ความเส่ือมไป) ดวยอํานาจแหงการเขาถึงความเสอ่ื ม ท่ชี ่อื วาเภโท (ความแตกไป) ดวยอาํ นาจแหง ความแตก. อีกอยางหนง่ึ รปู ท่ีชอื่ วา ขโย เพราะอรรถวา เปน ทส่ี ้ินไป ทช่ี อื่ วาวโย เพราะอรรถวา เปน ที่เสือ่ มไป ที่ชื่อวา เภโท เพราะอรรถวา เปนทแ่ี ตกดบั ไป เพราะรูปถงึ อาการนัน้ แลว ยอมสิ้นไป ยอมเสือ่ มไป และยอมแตกไป ความแตกไปน่ันเอง เรยี กวาปรเิ ภท (ความทาํ ลายไป) เพราะทรงเพม่ิ บทดว ยอุปสรรค. สภาวะท่ชี อ่ื วา อนจิ จงั เพราะอรรถวา ไมเ ทยี่ งคือมแี ลวหามไี ม.ภาวะแหง อนจิ จังนัน้ ช่อื วา อนิจจตา (ความไมเ ท่ยี ง) ช่ือวา อันตรธานเพราะอรรถวา เปน ที่อันตรธาน จรงิ อยู รูปถงึ มรณะแลว ยอ มอันตรธาน คอืยอ มถึงความไมเ หน็ รปู เทานั้น ถงึ ความไมเ หน็ อยางเดียวก็หาไม เบญจขนั ธแมท ้งั หมดก็อนั ตรธานไป เพราะฉะน้นั รูปน้แี หละ พึงทราบวาเปนลักษณะความไมเ ท่ียงแหง ขนั ธแมทงั้ ๕ ก็เมอื่ วา โดยลักขณะเปน ตน พงึ ทราบวา
พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 257 ปรเิ ภทลกฺขณา รูปสสฺ อนจิ จฺ ตา อนิจจตารปู มคี วามทําลายเปนลักษณะ ส สทึ นรสา มีการจมลงเปนรส ขยวยปจฺจปุ ฏ านา มีความสนิ้ ไปเสอ่ื มไปเปน ปจ จปุ ฏ ฐาน ปรภิ ชิ ชฺ มานรปู ปทฏ านา มรี ปู ท่กี าํ ลงัทาํ ลายไปเปนปทฏั ฐาน. วาดวย ชาติ ชรา มรณะดจุ ปจ จามติ ร ๓ คน พระผูมพี ระภาคเจาทรงถือเอาชาติ (ความเกดิ ) ชรา (ความแก)แสดงไวในหนหลงั แลว แตใ นท่ีน้ที รงถอื เอามรณะ (ความตาย) ธรรมท้งั ๓เหลา นี้ เปนเชนกบั ปจ จามิตร ผเู งอ้ื ดาบข้นึ ประหารสตั วทัง้ หลายเหลาน.ี้เหมอื นอยา งวา ปจจามติ ร ๓ คน เท่ียวแสวงหาชอ งประทุษรา ยบรุ ุษ บรรดาปจ จามติ ร ๓ คนนน้ั คนหนึง่ พูดอยา งนีว้ า การพาบรุ ุษน้อี อกเขาไปสดู งเปน หนา ทีข่ องเรา คนท่ี ๒ พูดวา ในเวลาทบ่ี รุ ษุ นนั้ ถงึ ดงแลว การโบยตีใหลม ลงบนแผน ดินเปนหนา ทเ่ี รา คนท่ี ๓ พูดวา จําเดมิ แตเวลาท่บี รุ ษุ น้นั ลม ลงท่ดี งแลว การเอาดาบตดั ศรี ษะเปนหนาท่ีของเรา ดังน้ีฉนั ใด ธรรมเหลา นม้ี ชี าติเปนตน เห็นปานนกี้ ็ฉนั นั้นเหมอื นกัน ชาติ เปนเชน กับปจ จามิตรผูนําบุรษุ ออกใหเ ขา ไปสดู ง เพราะใหสัตวบ งั เกิดในทนี่ ั้น ๆ.ชรา เปน เชน กบั ปจจามิตรผโู บยตีบรุ ุษผถู งึ ดงแลวใหลมลงยังแผนดนิ เพราะกระทาํ ขนั ธท่ีเกดิ ข้ึนแลวใหทรุ พล ใหอ าศยั คนอนื่ ใหม งุ ไปสเู ตยี งนอน.มรณะ เปนเชนกบั ปจ จามติ รผเู อาดาบตัดศรี ษะของบรุ ษุ ผูลมลงทีด่ ง เพราะยังขนั ธท ้งั หลายซงึ่ ถึงชราแลวใหถึงความส้ินชีวิต ดังน้.ี
พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 258 อรรถกถากพฬิงการาหารนทิ เทส พึงทราบวนิ ิจฉยั ในนทิ เทสแหง กพฬิงการาหาร ตอไป อาหารท่ีชื่อวา กพฬิงการ เพราะถกู การทําใหเ ปน กอน (เปนคาํ ขา ว)ชื่อวา อาหาร เพราะอรรถวา ยอมถูกกลนื กนิ . อธิบายวา บคุ คลทาํ คําขา วแลวยอมกลืนกิน. อกี อยา งหนงึ่ ท่ีช่อื วา อาหาร เพราะอรรถวา ยอ มนาํ มาซง่ึรปู . พระผมู พี ระภาคเจา ครั้นทรงยกชอื่ ขนึ้ แสดงดวยอํานาจแหง วัตถอุ ยา งน้แี ลว เพ่อื จะทรงแสดงอาหารนั้นนนั่ แหละดวยสามารถแหง วตั ถอุ ีก จึงตรสัคํามีอาทิวา โอทโน กมุ มฺ าโส (ขาวสกุ ขนมสด) ดังน้ี จรงิ อยู อาหาร๑๒ อยา ง มขี า วสกุ เปนตน มนี ้ําออยเปนที่สดุ เปนวัตถแุ หง อาหารทท่ี รงประสงคเ อาในทน่ี ี้. อาหารมรี ากไมแ ละผลไมเ ปนตนท่ีไมไ ดต รัสไวใ นพระบาลีกร็ วมเขา ในเยวาปนกธรรม. บัดน้ี เพอ่ื จะแสดงอาหารเหลาน้นั มีรากไมผ ลไมเปนตนโดยควรแกสัตวท้ังหลายพึงกระทํา จงึ ตรสั คําวา ยมหฺ ิ ยมฺหิ ชนปเท (ในชนบทใด ๆ)เปนตน . ในพระบาลนี น้ั อาหารที่ช่อื วา มขุ าสิย (อนั เปนของใสป าก) เพราะอรรถวา พงึ กลนื กนิ คอื พึงบริโภคทางปาก. ทชี่ ื่อวา ทนฺตวขิ าทน (ของขบเคยี้ ว) เพราะอรรถวา อนั สตั วพ งึ ขบเคีย้ วดว ยฟน . ท่ีชื่อวา คลชโฺ ฌ-หรณยี (ของกลนื กนิ ) เพราะอรรถวา อันสตั วพ งึ กลืนกนิ ทางลาํ คอ. บัดนี้ ทรงประสงคเพือ่ แสดงอาหารน้ันดวยสามารถแหง กิจ จงึ ตรสัคําเปน ตนวา กุจฺฉวิ ติ ถฺ มฺภน (เปนของอิ่มทอง). จริงอยู อาหารนนั้ มรี ากไมและผลไมเ ปน ตน หรือมีขา วสกุ และขนมสดเปนตน อนั สัตวก ลืนกินแลวยอมอ่มิ ทอ ง นีเ้ ปนกิจของอาหารนั้น.
พระอภิธรรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 259 บทวา ยาย โอชาย สตตฺ า ยาเปนตฺ ิ (สตั วท ้ังหลายเล้ยี งชวี ิตดวยโอชาใด) มีคําอธิบายวา พระผูมพี ระภาคเจาคร้ันทรงแสดงอาหารอันเปน วตั ถุดว ยบททง้ั ปวงในหนหลังแลว บัดนี้ ทรงประสงคเพอ่ื แสดงโอชาเทา น้ันอันสําเรจ็ แลว (อนั เกิดขึน้ แลว ) จงึ ตรสั คาํ วา ยาย โอชาย สตตฺ า ยาเปนตฺ ินีไ้ ว. ถามวา ก็บรรดาอาหารท่เี ปน วัตถุและโอชาเหลา น้ี กิจของวัตถเุ ปนอยางไร กิจของโอชาเปนอยา งไร ? ตอบวา วตั ถุและโอชาเหลานนั้ มกี ารบําบัดอันตราย และการรกั ษารางกายเปน กจิ จรงิ อยู อาหารทีเ่ ปน วตั ถุยอมนําอนั ตรายออกแตไ มอ าจเพ่ือรักษารา งกาย อาหารทเ่ี ปนโอชายอ มรกั ษารางกาย แตไมอ าจเพื่อนาํ อันตรายออกไป. อาหารแมทัง้ ๒ รวมกนั แลวยอมอาจแมเ พ่อื รกั ษา ยอมอาจแมเพื่อนาํ อนั ตรายออกไป. ถามวา กอ็ ะไรเลา ชือ่ วา เปน อันตราย. ตอบวา เตโชธาตุ อนั เกดิ แตกรรม. จริงอยู เมื่อวัตถุมีขา วสกุ เปนตน ไมมภี ายในทอง เตโชธาตุอันเกิดแตกรรมต้ังขึน้ จบั เยือ่ กระเพาะอาหาร ยอ มยงั บุคคลใหพ ูดวา ขาพเจา หิวแลว จงใหอ าหารเถดิ ในเวลาทกี่ นิ อาหารแลว เตโชธาตอุ ันเกิดแตก รรมนั้นกล็ ะเย่อืกระเพาะอาหารไปจบั วตั ถุ (ท่เี ปน อาหาร). ทนี ั้นสตั วกม็ ีจติ สงบ. เหมือนอยางวา ฉายารากษส (รากษสผูจ ับสัตวเขาไปสูเงา) จับสัตวผ ูเขา ไปสูเงา เอาตรวนทพิ ยล า มไว เบิกบานใจอยูในทอี่ ยขู องตน ในเวลาหวิ ก็มากัดกินที่ศีรษะ สัตวนนั้ ยอมรอ งเพราะถกู กัดกินน้ัน พวกมนษุ ยฟงเสียงรองน้ันกพ็ ากนั มาจากทน่ี น้ั ๆ ดว ยสําคัญวา ในที่นีม้ สี ัตวผูไดร ับทุกข ฉายา-รากษสน้ันก็จับมนษุ ยทีม่ าแลว ๆ เคยี้ วกินแลวสบายใจในที่อยูของตนฉันใดคาํ อปุ ไมยเปนเครอ่ื งเปรยี บเทียบน้ี พึงทราบฉันน้นั .
พระอภิธรรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 260 ก็เตโชธาตอุ นั เกดิ แตก รรม เปรยี บเหมอื นฉายารากษส. เยอ่ื กระเพาะ-อาหารเปรียบเหมือนสัตวท ถี่ ูกฉายารากษสเอาตรวนทพิ ยล า มไว, วัตถุมีขาวสกุ เปนตน เปรยี บเหมอื นพวกมนุษยผ มู าอกี , ความท่ีเตโชธาตุเกดิ แตก รรมละวตั ถุไปแลวถือเอาเยอ่ื กระเพาะอาหารเปรยี บเหมอื นฉายารากษสลงมากัดที่ศรี ษะ, เวลาทบ่ี อกวา ขอทานจงใหอ าหาร เปรยี บเหมือนเวลาทร่ี องของสตั วซงึ่ ถกู กดั ศีรษะ, เม่อื เตโชธาตุเกดิ แตกรรมละเยอ่ื กระเพาะอาหารไปจบั เอาวัตถุสัตวท งั้ หลายกม็ ีจิตสงบ เปรยี บเหมอื นเวลาท่ฉี ายารากษสจบั พวกมนษุ ยท่ีมาแลว ๆ ดวยสัญญาน้ันเค้ยี วกนิ สบายใจในท่อี ยขู องตน. วา ดว ยอาหารหยาบและละเอยี ด บรรดาอาหารเหลา นัน้ ในวัตถหุ ยาบมโี อชานอย ในวตั ถุละเอยี ดมีโอชาแรง จรงิ อยู คนกนิ อาหารมีหญากบั แก* เปน ตนครเู ดียวเทาน้ันก็หวิคนด่ืมเนยใสเปนตน แมดํารงอยตู ลอดวนั กไ็ มอ ยากขา ว อนึ่ง ในขอนี้ พึงทราบความหยาบและละเอียดโดยการอาศัยเทยี บเคยี งกนั . จรงิ อยู เม่ือเทียบเคียงอาหารของพวกจระเขแ ลว อาหารของพวกนกยงู ก็ละเอียด. ไดย นิ วา พวกจระเขก ลืนหินเขาไป และหินเหลานีถ้ งึ ทองของพวกมนั แลว ยอ มยอ ยไป พวกนกยงู ยอมกนิ สตั วม ีงแู ละแมลงปอ งเปน ตน แตเทยี บอาหารของพวกนกยงู แลว อาหารของหมาปาก็ละเอียดกวา ไดยนิ วา พวกหมาปา เหลานัน้ กินเขาและกระดกู สตั วท่ที ้ิงไวถ ึง ๓ ปได กเ็ ขาและกระดกู สตั วเหลา นน้ั พอเปยกนํ้าลายของหมาปาเหลา น้ันก็ออนเหมอื นเหงามนั เทียบอาหารแมของหมาปาเหลานนั้ แลว อาหารของพวกชา งกล็ ะเอยี ดกวา เพราะพวกชา งเหลานนั้ ยอมกินกง่ิ ไมตางๆ อาหารของพวกโคปากวาง และเนื้อเปน ตน ละเอยี ด*หญา กับแก เปนภาษาทอ งถ่นิ มณฑลพายบั
พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 261กวาอาหารของพวกชา ง. ไดย ินวา พวกโคปา กวาง และเน้ือเหลา นนั้ เคี้ยวกินใบไมตา ง ๆ เปน ตน ท่ไี มแ ข็ง อาหารพวกโคบานละเอียดกวาอาหารของสตั วม โี คปา เปนตน แมเ หลานน้ั พวกโคบานยอ มเคยี้ วกนิ หญา สดและหญา แหงอาหารของพวกกระตา ยละเอียดกวาอาหารของพวกโคเหลา นั้น อาหารของพวกนกละเอียดกวา อาหารของพวกกระตาย อาหารของพวกชนผูอยูปจจันตประเทศละเอยี ดกวา อาหารของพวกนก อาหารของพวกผกู ินบาน (ผูใหญใ นบา น)ละเอียดกวา อาหารของพวกประจันตประเทศ อาหารของพระราชาและราชมหา-อาํ มาตยละเอยี ดกวาอาหารของพวกผกู ินบา น อาหารของพระเจาจักรพรรดิละเอียดกวา อาหารของพระราชาและมหาอาํ มาตยแ มเ หลาน้นั อาหารของพวกภุมเทวดาละเอยี ดกวา อาหารของพระเจา จักรพรรดิ อาหารของพวกจาตมุ มหา-ราชกิ าละเอยี ดกวา อาหารของพวกภมุ เทวดา. ดว ยอาการอยางนี้ พึงใหพ ิสดารไปจนถึงอาหารของพวกเทพปรนมิ มติ วสวัตดี ก็อาหารของเทพปรนมิ มติ วสวัตดีเหลา น้ันถงึ การสิ้นสดุ แลว วา ละเอียดที่สุด. วาดว ยลกั ขณาทจิ ตุกะ โอชากขฺ โณ กพฬกึ าโร อาหาโร กพฬงิ การาหารอนั บัณฑิตพงึทราบวา มโี อชาเปน ลักษณะ รปู ารหรณรโส มีการนํามาซ่ึงรูปเปนรส อุปต-ฺถมฺภนปจจฺ ปุ ฏาโน มกี ารอุปถัมภเปนปจ จุปฏฐาน กพฬ กตฺวา อา-หริตพพฺ วตถฺ ปุ ทฏาโน มวี ัตถทุ บ่ี คุ คลทาํ เปนคําขาวแลวกลนื กนิเปน ปทัฏฐาน.
พระอภธิ รรมปฎ ก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 262 ทกุ นิเทศ [๕๓๙] รปู เปน โนอุปาทา นัน้ เปนไฉน ? คอื โผฏฐัพพายตนะ อาโปธาตุ [๕๔๐] รูปทเี่ รยี กวา โผฏฐพั พายตนะ น้ัน เปนไฉน ? ปฐวีธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ทแี่ ขง็ ออน ละเอยี ด หยาบ มีสัมผัสสบาย มสี ัมผสั ไมสบาย หนกั เบา, สัตวน ้ี ถูกตอ งแลว หรอื ถกู ตอ งอยู หรือจกั ถกู ตอง หรอื พึงถกู ตอ ง ซงึ่ โผฏฐพั พะใด อนั เปน สงิ่ ทเ่ี หน็ ไมไดแตก ระทบไดด ว ยกายอนั เปน สิ่งท่ีเหน็ ไมไดแตก ระทบได, น้เี รยี กวา โผฏ-ฐัพพะบาง โผฏฐพั พายตนะบาง โผฏฐัพพธาตุบาง รปู ทง้ั นี้เรียกวา โผฏฐัพ-พายตนะ. รูปทเ่ี รยี กวา โผฏฐพั พายตนะ นั้น เปนไฉน ? ปฐวธี าตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ทแี่ ข็ง ออ น ละเอยี ด หยาบ มีสมั ผสั สบาย มีสมั ผัสไมสบาย หนัก เบา, กายอันเปนส่ิงทีเ่ ห็นไมไ ด แตกระทบได กระทบแลว หรอื กระทบอยู หรือจกั กระทบ หรอื พงึ กระทบ ท่ีโผฏฐัพพะใด อนั เปน ส่ิงทเ่ี หน็ ไมไ ดแ ตก ระทบได, นี้เรียกวา โผฏฐัพพะบางโผฏฐพั พายตนะบา ง โผฏฐัพพธาตบุ าง รปู ท้ังน้เี รียกวา โผฏฐัพพายตนะ. รูปทเี่ รียกวา โผฏฐพั พายตนะ นน้ั เปนไฉน ? ปฐวีธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ที่แข็ง ออ น ละเอียด หยาบ มีสมั ผสั สบาย มสี ัมผสั ไมส บาย หนกั เบา, โผฏฐัพพะใด เปน สง่ิ ทีเ่ ห็นไมไดแ ตก ระทบได กระทบแลว หรือกระทบอยู หรอื จักกระทบ หรือพงึ กระทบ
พระอภธิ รรมปฎ ก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 263ทก่ี าย อนั เปน สงิ่ ท่เี ห็นไมไ ดแตกระทบได นเี้ รียกวา โผฏฐัพพะบา ง โผฏ-ฐัพพายตนะบา ง โผฏฐัพพธาตุบา ง รปู ทัง้ นี้เรยี กวา โผฏฐพั พายตนะ. รปู ทีเ่ รยี กวา โผฏฐพั พายตนะ น้นั เปนไฉน ? ปฐวีธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ท่แี ขง็ ออน ละเอียด หยาบ มีสมั ผัสสบาย มีสมั ผัสไมส บาย หนกั เบา, เพราะปรารภโผฏฐพั พะใด กายสัมผสั อาศัยกายเกดิ ขึ้นแลว หรือเกิดขึ้นอยู หรือจักเกิดขน้ึ หรอื พงึ เกดิ ขน้ึฯลฯ เพราะปรารภโผฏฐัพพะใด เวทนาอันเกิดแตก ายสมั ผสั ฯลฯ สญั ญาฯลฯ เจตนา ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายเกิดขึน้ แลว หรอื เกิดขน้ึ อยู หรอืจักเกิดขนึ้ หรือพึงเกดิ ขึน้ ฯลฯ กายสัมผสั มโี ผฏฐพั พะใดเปนอารมณ อาศยักายเกดิ ขึน้ แลว หรือเกดิ ขน้ึ อยู หรือจักเกดิ ขน้ึ หรือพึงเกดิ ข้นึ ฯลฯ เวทนาอันเกิดแตก ายสัมผัส ฯลฯ สญั ญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ กายวิญญาณ มีโผฏ-ฐพั พะใด เปน อารมณอาศยั กายเกิดขน้ึ แลว หรือเกิดข้นึ อยู หรอื จกั เกดิ ขน้ึหรือพงึ เกดิ ขึน้ , นเี้ รียกวา โผฏฐัพพะบาง โผฏฐัพพายตนะบาง โผฏฐพั พธาตุบา ง รูปท้งั น้เี รยี กวา โผฏฐพั พายตนะ. [๕๔๑] รปู ทเ่ี รียกวา อาโปธาตุ น้ัน เปนไฉน ? ความเอบิ อาบ ธรรมชาติทีเ่ อบิ อาบ ความเหนยี ว ธรรมชาตทิ เ่ี หนียวธรรมชาตเิ ครอื่ งเกาะกมุ รปู อันใด รูปทัง้ นี้เรียกวา อาโปธาตุ. รปู ท้งั น้เี รียกวา รูปเปน โน อปุ าทา. [๕๔๒] รปู เปนอนปุ าทินนะ น้นั เปน ไฉน. ? จกั ขายตนะ โสตายตนะ ฆานายตนะ ชวิ หายตนะ กายายตนะอิตถนิ ทรีย ปุรสิ ินทรีย ชวี ิตนิ ทรยี หรอื รูปแมอ น่ื ใด มอี ยู ไดแ ก รูปายตนะคนั ธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ อากาศธาตุ อาโปธาตุ รปู อุปจยะรปู สันตติ กพฬิงการาหาร ทก่ี รรมแตงขึ้น รูปทัง้ นเ้ี รยี กวา รูปเปนอุปาทนิ นะ.
พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 264 รูปเปน อนปุ าทินนะ นัน้ เปนไฉน ? สัททายตนะ กายวิญญตั ติ วจวี ญิ ญตั ติ รูปลหุตา รปู มุทุตา รปู กมั มัญญ-ตา รปู ชรตา รูปอนจิ จตา หรอื รปู แมอนื่ ใด มีอยู ไดแก รูปายตนะ คันธายตนะรสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ อากาศธาตุ อาโปธาตุ รูปอปุ จยะ รปู สนั ตติกพฬงิ การาหาร ทกี่ รรมมไิ ดแตงข้นึ รูปทงั้ น้ีเรยี กวา รูปเปนอนุปาทนิ นะ. [๕๔๓] รูปเปนอปุ าทนิ นุปาทานิยะ นนั้ เปนไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ อิตถินทรีย ปุรสิ นิ ทรยี ชีวติ นิ ทรยี หรือรูปแมอ น่ื ใด มอี ยู ไดแ ก รปู ายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐพั -พายตนะ อากาศธาตุ อาโปธาตุ รูปอปุ จยะ รปู สนั ตติ กพฬงิ การาหาร ท่ีกรรมแตง ขึน้ รปู ท้งั นีเ้ รียกวา รูปเปนอปุ าทินนุปาทานยิ ะ. รูปเปน อนปุ าทนิ นุปาทานิยะ น้นั เปน ไฉน ? สัททายตนะ กายวิญญัตติ วจีวิญญตั ติ รูปลหตุ า รปู มทุ ตุ า รปู กัมมญั ญ-ตา รูปชรตา รปู อนจิ จตา หรือรปู แมอ ืน่ ใด มอี ยู ไดแ ก รูปายตนะ สทั ทายตนะคันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ อากาศธาตุ อาโปธาตุ รูปอปุ จยะรูปสนั ตติ กพฬงิ การาหาร ที่กรรมมิไดแตงข้ึน รูปทั้งน้เี รยี กวา รูปเปนอนปุ าทนิ นปุ าทานยิ ะ. [๕๔๔] รปู เปนสนทิ ัสสนะ นน้ั เปน ไฉน ? รปู ายตนะ รูปทัง้ นี้เรยี กวา รูปเปนสนทิ ัสสนะ. รูปเปน อนั ทัสสนะ น้นั เปนไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รูปทง้ั น้เี รียกวา รูปเปน อนทิ ัสสนะ. [๕๔๕] รูปเปนสัปปฏิฆะ นนั้ เปนไฉน ?
พระอภิธรรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 265 จักขายตนะ โสตายตนะ ฆานายตนะ ชิวหายตนะ กายายตนะรูปายตนะ สทั ทายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐพั พายตนะ รปู ทั้งน้ีเรียกวา รูปเปน สัปปฏฆิ ะ. รูปเปนอปั ปฏิฆะ นั้น เปนไฉน ? อติ ถินทรีย ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทง้ั นี้เรียกวา รูปเปนอัปปฏฆิ ะ. [๕๔๖] รปู เปน อินทรีย น้ัน เปนไฉน ? จักขนุ ทรีย โสตนิ ทรยี ฆานนิ ทรีย ชิวหินทรีย กายินทรยี อติ ถินทรียปรุ สิ ินทรีย ชวี ติ นิ ทรยี รปู ทง้ั น้เี รียกวา รูปเปน อินทรีย. รูปทไ่ี มเปน อนิ ทรยี นนั้ เปน ไฉน ? รปู ายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปท้งั นีเ้ รยี กวา รูปไมเ ปน อินทรีย. [๕๔๗] รปู เปนมหาภูต นนั้ เปน ไฉน ? โผฏฐพั พายตนะ อาโปธาตุ รูปทัง้ น้เี รยี กวา รูปเปนมหาภูต. รปู ไมเปน มหาภูต นั้น เปน ไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รปู ท้งั นี้เรียกวา รปู ไมเ ปน มหาภตู . [๕๔๘] รปู เปน วญิ ญตั ติ น้นั เปนไฉน ? กายวิญญัตติ วจวี ญิ ญตั ติ รปู ท้งั น้ีเรียกวา รูปเปน วิญญัตติ. รปู ไมเปนวญิ ญัตติ นน้ั เปนไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทง้ั นีเ้ รยี กวา รูปไมเ ปน วญิ ญัตต.ิ [๕๔๙] รูปเปนจิตตสมฏุ ฐาน น้นั เปนไฉน ? กายวญิ ญตั ติ วจวี ญิ ญัตติ หรือรปู แมอ น่ื ใดมีอยู ท่ีเกิดแตจิต มจี ิตเปนเหตุ มีจิตเปน สมฏุ ฐาน ไดแกร ปู ายตนะ สัททายตนะ คันธายตนะรสายตนะ โผฏฐพั พายตนะ อากาศธาตุ อาโปธาตุ รุปลหตุ า รูปมทุ ุตา
พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 266รปู กมั มัญญตา รปู อุปจยะ รปู สันตติ กพฬิงการาหาร รูปทง้ั นี้เรียกวา รูปเปน จติ ตสมุฏฐาน. รูปไมเปนจิตตสมุฏฐาน น้นั เปนไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ อติ ถนิ ทรยี ปรุ ิสินทรีย ชีวิตินทรียรปู ชรา รูปอนจิ จตา หรือรปู แมอ ื่นใด มอี ยู ที่ไมเ กดิ แตจิต ไมมจี ิตเปนเหตุไมมจี ติ เปนสมฏุ ฐาน ไดแกร ปู ายตนะ สทั ทายตนะ คันธายตนะ รสายตนะโผฏฐพั พายตนะ อากาศธาตุ อาโปธาตุ รปู ลหุตา รูปมุทุตา รปู กัมมญั ญตารปู อปุ จยะ รูปสนั ตติ กพฬงิ การาหาร รูปทัง้ นเ้ี รียกวา รูปไมเ ปน จติ ตสมฏุ ฐาน. [๕๕๐] รูปเปน จติ ตสหภู นน้ั เปน ไฉน ? กายวิญญตั ติ วจีวญิ ญัตติ รปู ทัง้ นเี้ รยี กวา รปู เปน จติ ตสหภ.ู รูปไมเปน จติ ตสหภู นั้น เปนไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รปู ทงั้ น้ีเรียกวา รูปไมเ ปน จิตตสหภู. [๕๕๑] รปู เปน จติ ตานปุ รวิ ัติ น้นั เปนไฉน ? กายวิญญัตติ วจีวิญญตั ติ รูปทั้งนี้เรยี กวา รปู เปน จติ ตานปุ ริวตั ิ. รปู ไมเ ปน จิตตานปุ รวิ ัติ นนั้ เปน ไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รปู ทั้งน้ีเรียกวา รูปไมเปนจติ ตานุปริวตั ิ. [๕๕๒] รูปเปน ภายใน นัน้ เปนไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ รปู ทง้ั นีเ้ รยี กวา รปู เปน ภายใน. รปู เปน ภายนอก นนั้ เปน ไฉน ? รปู ายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รปู ท้งั นีเ้ รียกวา รปู เปนภายนอก. [๕๕๓] รูปหยาบ นนั้ เปน ไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ โผฆฐพั พายตนะ รปู ทั้งน้ีเรียกวา รปู หยาบ.
พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 267 รูปละเอียด น้นั เปน ไฉน ? อติ ถนิ ทรยี ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รูปทั้งน้ีเรียกวา รูปละเอียด. [๕๕๔] รปู ไกล นน้ั เปนไฉน ? อิตถินทรีย ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รูปทั้งนี้เรียกวา รูปไกล. รูปใกล นัน้ เปนไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ โผฏฐพั พายตนะ รปู ทั้งน้เี รียกวา รปู ใกล. [๕๕๕] รูปเปน ทีอ่ าศัยเกิดของจักษุสัมผสั นนั้ เปน ไฉน ? จักขายตนะ รูปท้ังน้เี รยี กวา รปู เปน ที่อาศัยเกดิ ของจักขสุ มั ผสั . รูปไมเปน ทีอ่ าศัยเกิดของจักขุสัมผัส นัน้ เปนไฉน ? โสตายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รูปทัง้ นเี้ รียกวา รูปไมเ ปน ที่อาศัยเกิดของจักขสุ ัมผสั . [๕๕๖] รูปเปน ทอี่ าศัยเกิดของเวทนา อนั เกดิ แตจักขุสัมผสัฯลฯ ของสญั ญา ฯลฯ ของเจตนา ฯลฯ ของจักขุวญิ ญาณ นนั้เปน ไฉน ? จักขายตนะ รูปทั้งนเี้ รยี กวา รปู เปนท่อี าศัยเกิดของจกั ษุวญิ ญาณ. รูปไมเ ปนท่อี าศัยเกิดของจกั ขวุ ิญญาณ นนั้ เปน ไฉน ? โสตายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รปู ทั้งนีเ้ รียกวา รูปไมเปนทอี่ าศยัเกิดของจักขุวิญญาณ. [๕๕๗] รปู เปน ทอ่ี าศัยเกิดของโสตสมั ผสั ฯลฯ ของฆาน-สมั ผสั ฯลฯ ของชวิ หาสัมผัส ฯลฯ ของกายสมั ผสั นั้น เปน ไฉน ? กายายตนะ รูปทง้ั นเ้ี รียกวา รปู เปนทีอ่ าศัยเกดิ ของกายสัมผสั . รูปไมเปนทอ่ี าศยั เกดิ ของกายสมั ผสั น้ัน เปน ไฉน ?
พระอภธิ รรมปฎ ก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 268 จักขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รปู ทั้งนเี้ รียกวา รูปไมเปน ที่อาศยัเกดิ ของกายสัมผสั . [๕๕๘] รปู เปนทอี่ าศยั เกิดของเวทนา อนั เกดิ แตก ายสมั ผัสฯลฯ ของสัญญา ฯลฯ ของเจตนา ฯลฯ ของกายวญิ ญาณ นนั้เปนไฉน ? กายายตนะ รูปทง้ั น้ีเรยี กวา รปู เปน ทีอ่ าศัยเกดิ ของกายวิญญาณ. รูปไมเปนท่ีอาศัยเกดิ ของกายวญิ ญาณ น้ัน เปน ไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปท้งั นเี้ รียกวา รูปไมเ ปน ทอี่ าศัยเกดิ ของกายวญิ ญาณ. [๕๕๙] รปู เปน อารมณข องจกั ขสุ มั ผัส น้ัน เปนไฉน ? รูปายตนะ รูปทัง้ นีเ้ รยี กวา รปู เปนอารมณข องจกั ขสุ มั ผัส. รูปไมเปนอารมณของจกั ขสุ มั ผสั นัน้ เปน ไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทง้ั น้เี รยี กวา รปู ไมเ ปน อารมณของจักขุสมั ผสั . [๕๖๐] รูปเปนอารมณของเวทนาอันเกิดแตจกั ษสุ มั ผัส ฯลฯของสัญญา ฯลฯ ของเจตนา ฯลฯ ของจักขวุ ญิ ญาณ นั้น เปน ไฉน ? รูปายตนะ รูปทง้ั น้เี รยี กวา รปู เปน อารมณข องจักขวุ ิญญาณ. รูปไมเปน อารมณข องจักขวุ ญิ ญาณ น้นั เปนไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รูปท้ังนเ้ี รียกวา รปู ไมเปน อารมณของจักขวุ ญิ ญาณ. [๕๖๑] รปู เปนอารมณของโสตสมั ผัส ฯลฯ ของฆานสัมผัสฯลฯ ของชิวหาสัมผสั ฯลฯ ของกายสมั ผสั นน้ั เปน ไฉน ?
พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 269 โผฏฐัพพายตนะ รปู ท้งั นเี้ รยี กวา รูปเปน อารมณของกายสัมผสั . รปู ไมเ ปนอารมณของกายสัมผสั นั้น เปนไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รปู ทั้งนเี้ รยี กวา รปู ไมเปน อารมณของกายสมั ผสั . [๕๖๒] รปู เปน อารมณข องเวทนาอันเกดิ แตก ายสมั ผัส ฯลฯของสญั ญา ฯลฯ ของเจตนา ฯลฯ ของกายวญิ ญาณ นั้น เปนไฉน ? โผฏฐพั พายตนะ รปู ท้ังน้เี รียกวา รปู เปนอารมณข องกายวิญญาณ. รปู ไมเ ปนอารมณข องกายวิญญาณ นั้น เปน ไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รปู ท้งั นเี้ รยี กวา รูปไมเปนอารมณของกายวญิ ญาณ. [๕๖๓] รูปเปนจักขายตนะ น้ัน เปน ไฉน ? จกั ขใุ ด เปนปสาทรูป อาศัยมหาภูตรปู ๔ ฯลฯ น้ีเรยี กวา จกั ขบุ า งฯลฯ บานวางบาง รปู ทง้ั น้เี รยี กวา รปู เปน จักขายตนะ. รปู ไมเ ปนจักขายตนะ น้นั เปนไฉน ? โสตายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รูปท้ังน้ีเรยี กวา รปู ไมเปน จกั ขายตนะ. [๕๖๔] รปู เปนโสตายตนะ ฯลฯ เปน ฆานายตนะ ฯลฯ เปนชวิ หายตนะ ฯลฯ เปน กายายตนะ น้นั เปน ไฉน ? กายใด เปน ปสาทรปู อาศัยมหาภตู รูป ๔ ฯลฯ นเ้ี รียกวา กายบา งฯลฯ บา นวางบา ง รปู ทง้ั นเี้ รยี กวา รูปเปน กายายตนะ. รูปไมเ ปน กายายตนะ นนั้ เปนไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รปู ทงั้ น้เี รียกวา รูปไมเ ปน กายายตนะ.
พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 270 [๕๖๕] รูปเปนรปู ายตนะ นนั้ เปน ไฉน ? รปู ใด เปน สี อาศยั มหาภตู รูป ๔ ฯลฯ น้ีเรียกวา รูปบาง รปู ายตนะบาง รูปธาตบุ า ง รปู ทง้ั นีเ้ รยี กวา รูปเปน รปู ายตนะ. รปู ไมเ ปน รปู ายตนะ นัน้ เปน ไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รปู ทัง้ นเ้ี รียกวา รปู ไมเปน รูปายตนะ. [๕๖๖] รูปเปน สัททายตนะ ฯลฯ เปน คนั ธายตนะ ฯลฯ เปนรสายตนะ ฯลฯ เปนโผฏฐพั พายตนะ นนั้ เปนไฉน ? ปฐวธี าตุ ฯลฯ นี้เรียกวา โผฏฐพั พะบาง โผฏฐัพพายตนะบา งโผฏฐพั พธาตุบา ง รูปทัง้ น้เี รียกวา รูปเปนโผฏฐพั พายตนะ. รปู ไมเ ปนโผฏฐพั พายตนะ นน้ั เปนไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทั้งน้ีเรยี กวา รปู ไมเปนโผฏ-ฐัพพายตนะ. [๕๖๗] รูปเปนจกั ขุธาตุ นน้ั เปนไฉน ? จกั ขายตนะ รูปทง้ั นีเ้ รียกวา รูปเปนจักขุธาตุ. รปู ไมเปนจักขธุ าตุ นัน้ เปนไฉน ? โสตายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รูปทัง้ นเี้ รียกวา รูปไมเปนจักขธุ าตุ. [๕๖๘] รปู เปนโสตธาตุ ฯลฯ เปน เปนฆานธาตุ ฯลฯ เปนชวิ หาธาตุ ฯลฯ เปนกายธาตุ นนั้ เปนไฉน ? กายายตนะ รปู ทงั้ นเี้ รียกวา รูปเปนกายธาต.ุ รปู ไมเ ปน กายธาตุ นน้ั เปนไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปท้งั นี้เรียกวา รปู ไมเปนกายธาตุ. [๕๖๙] รปู เปนรูปธาตุ นัน้ เปนไฉน ? รปู ายตนะ รูปทั้งนีเ้ รยี กวา รูปเปน รูปธาตุ.
พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 271 รปู ไมเ ปนรปู ธาตุ น้ัน เปน ไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รปู ทง้ั น้ีเรยี กวา รปู ไมเปน รปู ธาต.ุ [๕๗๐] รปู เปน สัททธาตุ ฯลฯ เปน คนั ธธาตุ ฯลฯ เปนรสธาตุ ฯลฯ เปน โผฏฐัพพธาตุ เปนไฉน ? โผฏฐพั พายตนะ รูปท้งั น้ีเรยี กวา รูปเปนโผฏฐพั พธาต.ุ รปู ไมเ ปน โผฏฐพั พธาตุ นัน้ เปน ไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทง้ั นี้เรยี กวา รูปไมเปนโผฏฐัพพธาตุ. [๕๗๑] รปู เปนจักขนุ ทรีย นน้ั เปน ไฉน ? จกั ขใุ ดเปนปสาทรูป อาศยั มหาภตู รปู ๔ ฯลฯ น้เี รียกวาจักขบุ า ง ฯลฯบานวางบาง รูปทง้ั นีเ้ รยี กวา รูปเปนจักขุนทรีย. รูปไมเปน จกั ขุนทรยี นั้น เปนไฉน ? โสตายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รปู ทงั้ น้ีเรยี กวา รปู ไมเปนจักขุนทรีย. [๕๗๒] รูปเปนโสตินทรยี ฯลฯ เปน ฆานินทรีย ฯลฯ เปนชวิ หนิ ทรยี ฯลฯ เปน กายนิ ทรีย ฯลฯ นัน้ เปน ไฉน ? กายใด เปน ปสาทรูป อาศยั มหาภูตรปู ๔ ฯลฯ น้เี รยี กวากายบา งฯลฯ บานวางบาง รูปทง้ั นเ้ี รียกวา รูปเปน กายินทรยี . รูปไมม ีกายนิ ทรีย นั้น เปน ไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทั้งนีเ้ รยี กวา รปู ไมเปนกายนิ ทรีย.
พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 272 [๕๗๓] รปู เปนอติ ถินทรีย นัน้ เปนไฉน ? ทรวดทรงหญงิ เครื่องหมายใหร ูวาหญงิ กิรยิ าหญิง อาการหญงิสภาพหญงิ ภาวะหญิง ของหญงิ ปรากฏไดดวยเหตุใด รูปทงั้ น้ีเรียกวารูปเปนอติ ถนิ ทรีย. รปู ไมเปน อิตถินทรีย น้นั เปน ไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปท้ังน้ีเรยี กวา รปู ไมเ ปนอิตถินทรีย. [๕๗๔] รูปเปน ปรุ ิสนิ ทรีย นั้น เปน ไฉน ? ทรวดทรงชาย เคร่อื งหมายใหรวู าชาย กิริยาชาย อาการชาย สภาพชาย ภาวะชาย ของชาย ปรากฏไดดวยเหตุใด รปู ท้งั นี้เรยี กวา รปู เปนปรุ สิ ินทรีย. รูปไมเ ปน ปุริสนิ ทรีย น้ัน เปน ไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รปู ท้งั นี้เรียกวา รปู ไมเ ปนปรุ สิ นิ ทรยี . [๕๗๕] รูปเปนชีวิตินทรีย น้ัน เปน ไฉน ? อายุ ความดาํ รงอยู ความเปนไปอยู กิรยิ าทีเ่ ปน ไปอยู อาการที่สบื เน่ืองกันอยู ความประพฤตเิ ปนไปอยู ความหลอเลี้ยงอยู ชีวิต อนิ ทรยี คือชวี ติ ของรปู ธรรมนั้น ๆ อนั ใด รูปทงั้ นเ้ี รียกวา รูปเปนชีวติ ินทรีย. รูปไมเ ปน ชีวติ นิ ทรีย นนั้ เปน ไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รปู ท้ังนเ้ี รยี กวา รปู ไมเ ปนชีวิตินทรยี .
พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 273 [๕๗๖] รูปเปน กายวญิ ญตั ติ เปน ไฉน ? การเครง ตึง กิริยาที่เครงตึงดวยดี ความทีเ่ ครง ตึงดวยดี การแสดงใหรคู วามหมาย กิรยิ าท่ีแสดงใหร ูค วามหมาย ความแสดงใหรคู วามหมายแหงกายของบคุ คลผูมีจติ เปนกศุ ล หรือมจี ติ เปน อกศุ ล หรอื มจี ติ เปนอพั ยากฤตกาวไปอยู ถอยกลบั อยู แลดอู ยู เหลยี วซายแลขวาอยู คูเ ขา อยู หรือเหยียดออกอยู อันใด รูปท้ังนี้เรยี กวา รูปเปนกายวิญญตั ติ. รูปไมเ ปนกายวิญญตั ติ นั้น เปนไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รปู ท้ังน้เี รียกวา รูปไมเ ปนกายวิญญัตติ. [๕๗๗] รปู เปนวจีวญิ ญัตติ นน้ั เปน ไฉน ? การพดู การเปลงวาจา การเจรจา การกลา ว การปา วรอง การโฆษณา วาจา วจีเภท แหง บุคคลผมู ีจิตเปนกศุ ล หรอื มีจติ เปนอกุศล หรอืมีจิตเปน อัพยากฤต อนั ใด นีเ้ รยี กวา วาจา, การแสดงใหร คู วามหมาย กริ ยิ าท่แี สดงใหรูความหมาย ความแสดงใหรูดวยวาจานน้ั อนั ใด รปู ทง้ั น้ีเรียกวารูปเปน วจีวิญญัตติ. รปู ไมเปนวจวี ญิ ญตั ติ นนั้ เปน ไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รูปทั้งนเี้ รียกวา รูปไมเปนวจวี ิญญตั ติ. [๕๗๘] รูปเปนอากาศธาตุ นั้น เปนไฉน ? อากาศ ธรรมชาตอิ ันนับวา อากาศ ความวา งเปลา ธรรมชาตอิ นันบั วาความวา งเปลา ชองวา ง ธรรมชาตอิ นั นบั วา ชอ งวา ง อนั มหาภูตรปู ๔ไมถกู ตอ งแลว อันใด รปู ทัง้ น้เี รียกวา รูปเปนอากาศธาต.ุ
พระอภิธรรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 274 รูปไมเ ปนอากาศธาตุ น้นั เปนไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รปู ทงั้ น้ีเรยี กวา รปู ไมเ ปนอากาศธาต.ุ [๕๗๙] รปู เปนอาโปธาตุ นัน้ เปนไฉน ? ความเอบิ อาบ ธรรมชาตทิ ่เี อบิ อาบ ความเหนยี ว ธรรมชาติทเี่ หนียวธรรมชาตเิ ครอื่ งเกาะกมุ รปู อันใด รูปทงั้ นี้เรยี กวา รูปเปนอาโปธาตุ. รปู ไมเ ปน อาโปธาตุ นั้น เปนไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รูปท้งั นี้เรียกวา รูปไมเ ปนอาโปธาตุ. [๕๘๐] รูปเปน ในรูปลหุตา นน้ั เปน ไฉน ? ความเบา ความรวดเร็ว ความไมเ ชอื่ งชา ความไมหนัก แหง รูปอนั ใด รปู ทั้งนเ้ี รยี กวา รปู เปนรปู ลหุตา. รูปไมเปน รปู ลหตุ า นั้น เปนไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รูปท้ังนเี้ รยี กวา รปู ไมเปนรูปลหุตา. [๕๘๑] รปู เปนรปู มทุ ตุ า นนั้ เปนไฉน ? ความออน ภาวะทอี่ อ น ความไมแขง็ ความไมก ระดาง แหง รปู อนั ใดรูปทั้งนี้เรยี กวา รปู เปน รปู มุทตุ า. รูปไมเ ปน รูปมทุ ุตา นั้น เปน ไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปท้ังนีเ้ รยี กวา รปู ไมเปนรปู มุทตุ า.
พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 275 [๕๘๒] รูปเปนรปู กัมมญั ญตา นน้ั เปนไฉน ? กิรยิ าทคี่ วรแกก ารงาน ความควรแกก ารงาน ภาวะทคี่ วรแกการงานแหง รปู อันใด รูปท้งั นเี้ รยี กวา รูปเปน รูปกัมมัญญตา. รปู ไมเปน รปู กัมมัญญตา น้ัน เปน ไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปท้งั นีเ้ รยี กวา รปู ไมเ ปนรปูกัมมญั ญตา. [๕๘๓] รูปเปน รปู อุปจยะ นนั้ เปน ไฉน ? ความส่ังสมแหงอายตนะทง้ั หลาย อนั ใด อนั นัน้ เปน ความเกดิ แหง รปูรปู ท้ังนเี้ รยี กวา รปู เปน รูปอปุ จยะ. รปู ไมเ ปนรูปอุปจยะ นน้ั เปนไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทงั้ นี้เรยี กวา รปู ไมเปนรูปอปุ จยะ. [๕๘๔] รปู เปน รปู สันตติ น้ัน เปน ไฉน ? ความเกดิ แหงรูป อนั ใด อันนั้นเปน ความสบื ตอแหง รูป รปู ท้ังน้ีเรียกวา รูปเปน รปู สันตต.ิ รปู ไมเ ปน รปู สันตติ นัน้ เปน ไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทง้ั น้เี รียกวา รปู ไมเปนสันตติ. [๕๘๕] รูปเปนรปู ชรตา น้นั เปน ไฉน ? ความชรา ความคร่าํ ครา ความมฟี นหลุด ความมีผมหงอก ความมหี นังเห่ียว ความเส่อื มอายุ ความหงอมแหงอินทรยี แหง รปู อันใด รปู ทง้ั น้ีเรียกวา รปู เปน รปู ชรตา. รปู ไมเปนรปู ชรตา น้นั เปนไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปท้งั น้เี รียกวา รปู ไมเปนรูปชรตา.
พระอภิธรรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 276 [๕๘๖] รูปเปน รปู อนิจจตา นน้ั เปน ไฉน ? ความสิ้นไป ความเส่อื มไป ความแตก ความทําลาย ความไมเทย่ี งความอันตรธานแหง รูป อนั ใด รูปทั้งนี้เรียกวา รูปเปน รปู อนจิ จตา. รูปไมเ ปน รูปอนิจจตา น้นั เปนไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปท้ังนีเ้ รียกวา รูปไมเ ปนรูปอนิจจตา. [๕๘๗] รูปเปนกพฬิงการาหาร น้ัน เปน ไฉน ? ขาวสุก ขนมสด นมแหง ปลา เนื้อ นมสด นมสม เนยใสเนยขน น้ํามนั นํา้ ผงึ้ น้ําออย หรอื รปู แทอ น่ื ใด มอี ยู อนั เปนของใสป ากขบเคีย้ ว กลืนกนิ อม่ิ ทอ ง ของสตั วน นั้ ๆ ในชนบทใด ๆ สตั วท้งั หลายเลีย้ งชีวติ โดยโอซาอนั ใด รูปทงั้ นเ้ี รยี กวา รปู เปนกพฬงิ การาหาร. รูปไมเปนกพฬิงการาหาร น้นั เปนไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ รปู อนิจจตา รปู ทง้ั น้เี รียกวา รูปไมเ ปนกพฬงิ -การาหาร. สงเคราะหรปู เปน หมวดละ ๒ อยา งน้.ี ทกุ นิเทส จบ ติกนิเทศ [๕๘๘] รูปภายในเปน อปุ าทา นัน้ เปนไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ รปู ทง้ั นเ้ี รียกวา รปู ภายในเปนอปุ าทา. รปู ภายนอกท่เี ปน อปุ าทา นน้ั เปนไฉน ? รปู ายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทงั้ นเี้ รียกวา รปู ภายนอกที่เปนอุปาทา.
พระอภิธรรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 277 รูปภายนอกทเี่ ปนอนุปาทา น้ัน เปนไฉน ? โผฏฐัพพายตนะ อาโปธาตุ รูปท้ังน้เี รยี กวา รปู ภายนอกที่เปนอนุปาทา. [๖๘๙] รปู ภายในเปน อุปาทินนะ นัน้ เปน ไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ รูปทง้ั น้เี รียกวา รปู ภายในเปน อปุ า-ทินนะ. รปู ภายนอกทเ่ี ปนอุปาทินนะ น้ัน เปนไฉน ? อติ ถนิ ทรีย ปุรสิ นิ ทรยี ชีวติ ินทรยี หรือรูปแมอ น่ื ใด มีอยู ไดแ กรูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ อากาศธาตุ อาโปธาตุรูปอปุ จยะ รูปสนั ตติ กพฬงิ การาหาร ทีก่ รรมแตง ขนึ้ รปู ท้ังนเี้ รยี กวา รูปภายนอกที่เปนอปุ าทนิ นะ. รูปภายนอกท่ีเปน อนปุ าทินนะ น้ัน เปน ไฉน ? สัททายตนะ กายวิญญัตติ วจวี ญิ ญัตติ รปู ลหุตา รปู มุทุตา รปู กัมมัญญ-ตา รปู ชรตา รปู อนิจจตา หรอื รปู แมอ ่ืนใด มีอยู ไดแกร ปู ายนตะ สัททายตนะคนั ธายตนะ รสายตนะ โผฏฐพั พายตนะ อากาศธาตุ อาโปธาตุ รปู อปุ จยะรปู สันตติ กพฬงิ การาหาร ท่ีกรรมมไิ ดแ ตงข้นึ รปู ทง้ั นี้เรยี กวา รูปภายนอกที่เปนอนปุ าทินนะ. [๕๙๐] รปู ภายในเปนอุปาทินนุปาทานิยะ นั้น เปนไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ รปู ทง้ั นเ้ี รียกวา รูปภายในเปน อปุ า-ทินนุปาทานยิ ะ. รูปภายนอกที่เปนอุปาทินนปุ าทานิยะ นัน้ เปน ไฉน ? อติ ถนิ ทรยี ปุรสิ นิ ทรีย ชีวติ นิ ทรีย หรอื รูปแมอ่นื ใด มอี ยู ไดแกรปู ายตนะ คนั ธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ อากาศธาตุ อาโปธาตุ
พระอภิธรรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 278รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ท่กี รรมแตง ข้ึน รูปท้ังนี้เรยี กวา รปูภายนอกท่ีเปนอปุ าทนิ นุปาทานยิ ะ. รูปภายนอกท่เี ปน อนุปาทนิ นปุ าทานิยะ นน้ั เปนไฉน ? สทั ทายตนะ กายวญิ ญตั ติ วจวี ญิ ญตั ติ รปู ลหุตา รูปมุทตุ า รูปกัมมัญญ-ตา รูปชรตา รูปอนจิ จตา หรือรปู แมอน่ื ใด มีอยู ไดแ ก รูปายตนะ คันธายตนะรสายตนะ โผฏฐพั พายตนะ อากาศธาตุ อาโปธาตุ รปู อุปจยะ รปู สนั ตติกพฬงิ การาหาร ที่กรรมมิไดแ ตง ขึ้น รปู ท้ังน้ีเรียกวา รูปภายนอกทเ่ี ปนอนุปาทนิ นุปาทานยิ ะ. [๕๙๑] รปู ภายในท่ีเปนอนทิ ัสสนะ นน้ั เปนไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ รปู ท้งั นีเ้ รยี กวา รปู ภายในเปนอนทิ สั สนะ. รปู ภายนอกทเี่ ปนสนิทสั สนะ น้นั เปนไฉน ? รปู ายตนะ รูปทงั้ นเ้ี รยี กวา รปู ภายนอกทเี่ ปน สนทิ ัสสนะ. รูปภายนอกทเ่ี ปนอนิทสั สนะ น้ัน เปนไฉน ? สทั ทายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รปู ทั้งนเี้ รียกวา รปู ภายนอกที่เปนอนิทสั สนะ. [๕๙๒] รปู ภายในเปน สปั ปฏิฆะ นั้น เปน ไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ รปู ทัง้ นเี้ รียกวา รปู ภายในเปน สัปปฏฆิ ะ. รูปภายนอกทีเ่ ปน สัปปฏิฆะ นน้ั เปนไฉน ? รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ รูปทัง้ น้เี รียกวา รปู ภายนอกท่ีเปนสปั ปฏิฆะ.
พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 279 รูปภายนอกท่เี ปนอัปปฏิฆะ นน้ั เปน ไฉน ? อิตถนิ ทรยี ฯลฯ กฬฬงิ การาหาร รปู ทัง้ นีเ้ รยี กวา รูปภายนอกท่ีเปน อปั ปฏิฆะ. [๕๙๓] รปู ภายในเปน อินทรีย นั้น เปนไฉน ? จักขนุ ทรยี ฯลฯ กายินทรยี รูปทั้งนีเ้ รยี กวา รูปภายในเปน อินทรีย รปู ภายนอกท่ีเปน อนิ ทรีย นัน้ เปนไฉน ? อิตถนิ ทรีย ปุริสินทรีย ชวี ติ ินทรยี รปู ทง้ั นี้เรยี กวา รูปภายนอกที่เปน อนิ ทรยี . รปู ภายนอกท่ีไมเปน อนิ ทรีย นัน้ เปน ไฉน ? รูปายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปท้ังนีเ้ รียกวา รปู ภายนอกทีไ่ มเปนอินทรีย. [๕๙๔] รปู ภายในไมเปน มหาภตู นัน้ เปน ไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ รปู ท้งั นเ้ี รยี กวา รปู ภายในไมเ ปนมหาภตู . รูปภายนอกท่เี ปนมหาภตู นัน้ เปนไฉน ? โผฏฐพั พายตนะ อาโปธาตุ รูปท้ังนเ้ี รียกวา รูปภายนอกทเ่ี ปนมหาภตู . รปู ภายนอกทไี่ มเปนมหาภูต น้นั เปน ไฉน ? รปู ายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รปู ทงั้ นเ้ี รียกวา รปู ภายนอกทีไ่ มเปน มหาภตู . [๕๙๕] รปู ภายในไมเ ปน วิญญัตติ นนั้ เปน ไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ รปู ทง้ั นเ้ี รียกวา รูปภายในไมเ ปนวิญญัตต.ิ รูปภายนอกทเี่ ปน วิญญตั ติ นน้ั เปนไฉน ?
พระอภธิ รรมปฎ ก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 280 กายวิญญตั ติ วจีวิญญัตติ รูปทงั้ นเี้ รยี กวา รปู ภายนอกทเ่ี ปน วิญญตั ต.ิ รูปภายนอกทีไ่ มเ ปน วิญญัตติ นัน้ เปน ไฉน ? รปู ายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รปู ทัง้ น้ีเรยี กวา รปู ภายนอกท่ีไมเปนวิญญตั ต.ิ [๕๙๖] รปู ภายในไมเ ปน จติ ตสมุฏฐาน นั้น เปนไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ รปู ทั้งนเี้ รียกวา รูปภายในไมเปนจติ ตสมุฏฐาน. รปู ภายนอกทเี่ ปนจิตตสมุฏฐาน นั้น เปน ไฉน ? กายวญิ ญัตติ วจีวญิ ญตั ติ หรอื แมร ปู อนื่ ใด มีอยู ไดแก รูปายตนะสทั ทายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐพั พายตนะ อากาศธาตุ อาโปธาตุรปู ลหุตา รูปมทุ ุตา รูปกมั มัญญตา รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหารที่เกิดจากจิต มีจิตเปนเหตุ มีจิตเปน สมุฏฐาน รูปทัง้ นเี้ รยี กวา รปู ภายนอกทเี่ ปน จิตตสมุฏฐาน. รูปภายนอกที่ไมเ ปน จิตตสมฏุ ฐาน นนั้ เปน ไฉน ? อิตถนิ ทรยี ปุรสิ ินทรยี ชวี ิตนิ ทรยี รปู ชรตา รูปอนิจจตา หรือรปู แมอ ื่นใด มอี ยู ไดแก รูปายตนะ สทั ทายตนะ คนั ธายตนะ รสายตนะโผฏฐพั พายตนะ อากาศธาตุ อาโปธาตุ รปู ลหตุ า รูปกมั มัญญตา รูปอปุ จยะรปู สันตติ กพฬงิ การาหาร ท่ีไมไ ดเกดิ จากจิต ไมม ีจิตเปนเหตุ ไมมีจิตเปนสมฏุ ฐาน รูปทง้ั นเี้ รียกวา รปู ภายนอกทไี่ มเ ปนจิตตสมฏุ ฐาน ? [๕๙๗] รูปภายในไมเ ปนจิตตสหภู นัน้ เปนไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ รปู ทั้งนีเ้ รียกวา รูปภายในไมเ ปนจติ ตสหภ.ู
พระอภิธรรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 281 รปู ภายนอกทเ่ี ปน จิตตสหภู น้ัน เปนไฉน ? กายวญิ ญตั ติ วจวี ญิ ญัตติ รปู ท้งั นี้เรียกวา รปู ภายนอกทเี่ ปนจติ ตสหภ.ู รปู ภายนอกท่ไี มเ ปนจิตสหภู น้นั เปนไฉน ? รูปายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รปู ท้ังนเ้ี รียกวา รปู ภายนอกที่ไมเปนจติ ตสหภู. [๕๙๘] รูปภายในไมเปนจติ ตานปุ ริวัติ นน้ั เปน ไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ รปู ท้งั นเ้ี รียกวา รูปภายในไมเ ปนจิตตานปุ ริวตั ิ. รปู ภายนอกทเี่ ปนจิตตานุปริวัติ นน้ั เปน ไฉน ? กายวญิ ญัตติ วจีวิญญตั ติ รปู ท้ังน้เี รยี กวา รูปภายนอกทเ่ี ปนจติ ตา-นุปริวตั .ิ รปู ภายนอกท่ไี มเ ปนจติ ตานปุ รวิ ตั ิ นั้น เปนไฉน ? รปู ายตนะ ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รูปท้งั น้ีเรียกวา รูปภายนอกทไี่ มเปน จติ ตานปุ รวิ ัต.ิ [๕๙๙] รูปภายในที่หยาบ นนั้ เปนไฉน ? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ รปู ทัง้ นเี้ รียกวา รปู ภายในทห่ี ยาบ. รปู ภายนอกที่หยาบ น้นั เปน ไฉน ? รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐพั พายตนะ รูปทงั้ น้เี รยี กวา รปู ภายนอกทห่ี ยาบ. รูปภายนอกท่ีละเอียด นน้ั เปนไฉน ? อติ ถินทรีย ฯลฯ กพฬิงการาหาร รปู ทงั้ นี้เรียกวา รูปภายนอกที่ละเอียด. [๖๐๐] รปู ภายในท่ีอยูใกล นัน้ เปนไฉน ? จกั ขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ รปู ทง้ั นเี้ รียกวา รปู ภายในทอี่ ยูใ กล
พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 282 รูปภายนอกทีอ่ ยูไ กล นั้น เปน ไฉน ? อติ ถนิ ทรยี ฯลฯ กพฬงิ การาหาร รูปทง้ั นเ้ี รยี กวา รูปภายนอกที่อยไู กล. รปู ภายนอกทอ่ี ยูใกล นน้ั เปน ไฉน ? รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ รูปทงั้ น้ีเรยี กวา รปู ภายนอกที่อยใู กล. [๖๐๑] รูปภายนอกท่ไี มเปนที่อาศยั เกดิ ของจกั ขสุ ัมผสั น้ันเปนไฉน ? รูปายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รปู ทง้ั น้เี รียกวา รปู ภายนอกท่ไี มเปน ทีอ่ าศัยเกดิ ของจักขสุ มั ผสั . รูปภายในท่เี ปน ที่อาศัยเกดิ ของจกั ษสุ มั ผัส นัน้ เปนไฉน ? จักขายตนะ รปู ท้ังนเ้ี รยี กวา รูปภายในทเ่ี ปนที่อาศัยเกิดของจกั ขุสัมผัส. รูปภายในทไี่ มเ ปน ทอี่ าศัยเกดิ ของจักขสุ ัมผัส น้ัน เปนไฉน ? โสตายตนะ ฯลฯ กายายตนะ รปู ทัง้ น้เี รียกวา รูปภายในทไี่ มเ ปนท่อี าศัยเกิดของจกั ขุสัมผัส. [๖๐๒] รปู ภายนอกไมเ ปน ทีอ่ าศัยเกดิ ของเวทนา อันเกิดแตจกั ขุสมั ผสั ฯลฯ ของสญั ญา ฯลฯ ของเจตนา ฯลฯ ของจกั ษวุ ญิ ญาณน้ัน เปน ไฉน ? รปู ายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทงั้ นเ้ี รยี กวา รูปภายนอกไมเ ปนท่ีอาศัยเกดิ ของจักขวุ ญิ ญาณ. รปู ภายในท่ีเปน ทอ่ี าศัยของจักขวุ ิญญาณ นนั้ เปนไฉน ? จกั ขายตนะ รูปทัง้ นีเ้ รียกวา รปู ภายในท่ีเปนทอ่ี าศัยเกดิ ของจักขวุ ญิ ญาณ.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 632
Pages: