Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_48

tripitaka_48

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:41

Description: tripitaka_48

Search

Read the Text Version

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย วมิ านวตั ถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 1 พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย วิมานวตั ถุ เลม ที่ ๒ ภาคท่ี ๑ ขอนอบนอมแดพ ระผมู ีพระภาคเจา อรหันตสมั มาสัมพุทธเจาพระองคน น้ั ๑. อิตถิวมิ านวัตถุ ปฐวรรคที่ ๑ ๑. ปฐมปฐ วมิ าน วาดว ยวมิ านต่งั ทอง[๑] พระโมคคัลลานะ ถามวา ดกู อ นเทพธดิ าผูประดับองค ทรงมาลยั ทรงพสั ตราภรณส วยงาม วิมานต่ังทองของทา นโอฬารทา นสองแสงประกายดังสายฟา อันแลบลอดหลืบเมฆเพราะบุญอะไร ทา นจงึ มวี รรณะเชนน้ี เพราะบญุอะไร ผลนจ้ี งึ สาํ เรจ็ แกทาน อนึง่ โภคะทุกอยา งที่นารกั จงึ เกิดแกท าน ดกู อนเทพผี มู ีอานภุ าพมากอาตภาพขอถามทา น ครั้งเกิดเปนมนุษยท านไดท าํ บุญ

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 2อะไรไว เพราะบุญอะไร ทานจงึ มีอานุภาพรุงเรืองอยา งนี้ และวรรณะของทานจึงสวา งไสวไปทกุ ทิศ. เทวดานัน้ ถกู พระโมคคัลลานเถระถามแลวดีใจ ครนั้ แลวก็พยากรณป ญ หาของกรรมท่ีมีผลอยา งนวี้ า คร้ังเกดิ เปน มนษุ ยใ นมนษุ ยโลก ดฉี ันไดถวายอาสนะแกหมูภกิ ษผุ มู าถึงเรอื น ไดอ ภวิ าท ไดทาํอัญชลี และถวายทานตามกําลัง เพราะบญุ นนั้ดีฉนั จงึ มีวรรณะเชน นี้ เพราะบุญน้นั ผลนจ้ี ึงสาํ เรจ็แกดฉี ัน อนึ่ง โภคะทุกอยางทน่ี า รกั จึงเกิดแกดีฉันขา แตท า นภกิ ษผุ มู อี านภุ าพมาก ดีฉันขอบอกแกท านครงั้ เกิดเปนมนุษย ดฉี นั ไดท ําบุญใดไว เพราะบุญนั้นดีฉันจงึ มีอานุภาพรงุ เรืองอยา งน้ี และวรรณะของดีฉันจึงสวางไสวไปทกุ ทศิ . จบปฐมปฐ วมิ าน

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย วมิ านวัตถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 3 ปรมตั ถทปี นี อรรถกถาขทุ ทกนิกาย วิมานวตั ถุ คันถารมั ภกถา ขาพเจา ขอไหวพระพุทธเจา ผูมพี ระมหากรุณาเปนนาถะ ทรงขามสังสารสาครดว ยไญยธรรม ทรงแสดงธรรมอันละเอยี ดลุม ลกึ มีนยั มวี ิจิตร. ขาพเจาขอไหวพ รธรรมสงู สุด ทพ่ี ระสมั มา-สมั พทุ ธเจา ทรงบชู าแลว ซึง่ เปนเครือ่ งนําผสู มบูรณดวยวิชชาและจรณะออกไปจากโลก. ขาพเจาขอไหวพระอริยสงฆ ผูส มบูรณดว ยคุณมศี ีลเปนตน ต้ังอยใู นมรรคผล เปนบญุ เขตอันยอดเยย่ี ม. บุญใด เกดิ จากการไหวพระรตั นตรัย ดังกลา วมาน้ี ขอขา พเจา เปนผอู ันอํานาจบุญนนั้ กําจดั อนั ตรายในท่ที ั้งปวง. บญุ ใด ๆ อันเทวดาท้ังหลายทาํ ไวใ นชาติกอ น ๆเทศนาอันใด ท่ที าํ ผลแหง กรรมใหป ระจกั ษ ดาํ เนิน ไปโดยการถามและตอบของเทวดาเหลาน้นั โดยแยกสมบตั ิ คือผลมีวมิ านเปน ตน ของบญุ นน้ั ๆ

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย วิมานวตั ถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 4 พระอรหนั ตท ั้งหลายผูเชีย่ วชาญแตกอ น สังคายนา เรอ่ื งใดไวในคันภีรขุททกนกิ าย โดยชอ่ื วา วิมานวัตถุ เพราะฉะน้ัน จักยึดนัยทมี่ าในอรรถกถารุนเกานัน้ เมื่อจะประกาศนิทานทั้งหลายในเทศนาน้ัน ๆ โดย พิเศษ จักแตงกถาพรรณนาอรรถอันงาม ซง่ึ หมดจด ดี ไมส บั สน มีวนิ จิ ฉยั อรรถอยางละเอียด ไม ผิดลัทธิสมัยของพระเถระท้ังหลายผอู ยูในมหาวหิ าร ตามกําลัง ขอสาธชุ นท้งั หลาย จงตั้งใจฟงวมิ าน- วตั ถนุ ้นั ของขา พเจา ซงึ่ กาํ ลงั กลา วอยู โดยเคารพ เทอญ. อธิบายคาํ วา วมิ านวตั ถุ ในวิมานวัตถุนัน้ สถานทเ่ี ลนและอยอู าศยั ของเทวดาท้งั หลาย มีจํานวนนับอนั ประเสรฐิ ช่อื วา วิมาน. จรงิ อยู วมิ านเหลานั้น บังเกิดดวยอานภุ าพของกรรมสว นสจุ รติ ของเทวดาเหลาน้ัน รงุ เรืองดวยรตั นะตาง ๆ มีสแี ละทรวดทรงอันวจิ ติ ร เพราะประกอบดว ยขนาดพเิ ศษมี ๑โยชน และ ๒ โยชนเปน ตน เรียกกันวา วมิ าน เพราะพร่งั พรอมดว ยความงาม และเพราะตอ งนับโดยวธิ ีพเิ ศษ. วัตถทุ ต่ี ัง้ แหงวมิ านทง้ั หลายเปน เหตแุ หง เทศนาน้ัน เหตุนน้ั เทศนานน้ั จงึ ชื่อวา วิมานวตั ถุ ไดแกเทศนาท่ดี ําเนนิ ไปโดยนัยวา ป นฺเต โสวณฺณมย ปฐวมิ านต่งั ทองของทาน ดังนเี้ ปน ตน . กค็ ํานเ้ี ปน เพียงตวั อยาง เพราะเทศนานดี้ าํ เนนิ ไปอาศัยสมบัติมีรูปโภคะและบริวารเปนตน และกรรมท่เี ปนเหตทุ าํ ใหบ ังเกิด

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย วิมานวตั ถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 5สมบัตนิ ั้น ของเทวดาเหลาน้นั อีกนยั หนึ่ง กลา วโดยมขุ คอื วบิ ากพึงทราบวา ช่ือวา วิมานวัตถุ เพราะเปน เหตุแหง การนบั ในระหวา ง[ชวง] กรรม. ถามวา วมิ านวัตถนุ ี้ ใครกลาว กลาวทไ่ี หน กลา วเมอื่ ไร และกลา วเพราะเหตุไร. ตอบวา วิมานวตั ถนุ ี้ ดําเนินไป โดยกจิ ๒ อยา งคอื ถามและตอบ. ในกิจ ๒ อยางนัน้ คาถาคาํ ตอบ เทวดาท้งั หลายนั้น ๆ กลาว. สวนคาถาคําถาม บางคาถาพระผมู พี ระภาคเจา ตรัส บางคาถา ทา วสักกะเปนตนตรสั บางคาถา พระสาวกเถระท้งั หลายกลา ว.แมในคาถาคาํ ถามนน้ั คาถาสว นมาก ทา นพระมหาโมคคลั ลานะ ผูสรางสมภารคือบญุ และญาณ เพ่อื เปน พระอคั รสาวกของพระผูมีพระภาคพทุ ธเจา บําเพ็ญสาวกบารมมี าโดยลําดับถึง ๑ อสงไขย กําไรแสนกปัถงึ ที่สดุ แหง สาวกบารมญี าณหมดสิ้น ซงึ่ มคี ุณพเิ ศษมอี ภิญญา ๖ และปฏิสัมภทิ า ๔ เปนตนเปนบรวิ าร ดาํ รงอยใู นตาํ แหนง อคั รสาวกรูปท่ี ๒อันพระผูมีพระภาคเจา ทรงสถาปนาไวในตําแหนงเอตทคั คะ ในเหลาภิกษุสาวกผูมีฤทธิ์ กลา วไวแลว. กอ นอ่ืน พระเถระเมอื่ จะกลา ว ก็เท่ยี วเทวจารกิ ไปเพอื่ เกอื้ กูลโลกไถถ ามเทวดาท้งั หลายในเทวโลก กลบั มามนษุ ยโลกอกี ทําคาํ ถามและคําตอบไวร วมกนั เพ่อื ทําผลบุญ ใหป ระจักษแ กมนุษยท ั้งหลาย กราบทลูเรอ่ื งถวายพระผูมีพระภาคเจา แลว จงึ กลา วแกภกิ ษทุ ั้งหลาย. ทาวสักกะตรัสกโ็ ดยถามปญ หา เทวดาทง้ั หลายตอบทา วสกั กะนนั้ ก็ดี ตอบทา นพระมหาโมคคลั ลานเถระก็ดี ก็โดยตอบปญ หาเหมอื นกัน. โดยนัยดงั กลา วมาน้ี คาถาวิมานวัตถุ พระผูมพี ระภาคเจา พระเถระทั้งหลาย และเทวดา

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย วิมานวตั ถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 6ทัง้ หลายกลา ว ก็โดยถามปญ หา และเทวดาทัง้ หลายกลาวไวใ นทน่ี น้ั ๆ ก็โดยตอบปญ หานั้น ภายหลงั พระธรรมสงั คาหกาจารยทง้ั หลายผสู งั คายนาธรรมวนิ ัย รวบรวมยกข้ึนสสู งั คีตวิ า วิมานวตั ถุอยา งเดียว กก็ ารตอบบทวา ใครกลา ว เปนตน โดยสงั เขปทั่ว ๆ ไปในวิมานวตั ถุนี้ เทา นีก้ อน. สว นบทวา ใครกลาว เมือ่ กลาวโดยพิสดาร ก็พงึ กลาวอาคมนีย-ปฏปิ ทา ขอปฏบิ ัตทิ พ่ี งึ ดาํ เนินมาของพระเถระ ต้ังแตม หาเถระทาํ ปณิธานความปรารถนาไวแ ทบเบื้องบาทพระผูม ีพระภาคเจา พระนามวา อโนมทสั ส.ีกป็ ฏิปทานน้ั ทานกลาวไวพสิ ดารแลว ในท่ีน้ัน ๆ ในอรรถกถาทัง้ หลายอันเปนทม่ี า เพราะฉะน้ัน พงึ ทราบตามนยั ท่ีมาแลว ในทนี่ น้ั . เม่ือกลา วโดยไมท ั่วไป [โดยเฉพาะ] การตอบบทวา กลา วท่ไี หน กจ็ กั มาถงึตอนพรรณนาความแหง วิมานน้นั ๆ. สว นอาจารยพ วกอนื่ ๆ กลาววา วนั หนง่ึ ทานพระมหาโมคัลลานะไปในที่ลบั หลีกเรนอยู เกิดใจปรวิ ิตกอยา งนวี้ า ปจ จบุ ันนี้ มนษุ ยท้ังหลาย เมอ่ื ความถึงพรอ มแหงวตั ถุ [ไทยธรรม] ความถึงพรอมแหงเขต [ทกั ขไิ ณยบคุ คล] และความถึงพรอ มแหงจติ เลอ่ื มใสของตน[เจตนา] แมไ มมี ก็ยงั พากนั ทาํ บญุ นั้น บังเกิดในเทวโลกเสวยสมบตั ิอันโอฬาร ถา กระไร เราจาริกไปในเทวโลก ทาํ เทวดาเหลานนั้ เปนประจักษพ ยานใหกลา วบญุ ตามท่ีพวกเขาสรางสมไว และผลบุญตามท่ีไดประสบ แลว กราบทลู ความนน้ั แดพ ระผูมพี ระภาคเจา เมือ่ เปนดังนัน้พระศาสดาของเรา เมอ่ื ทรงแสดงผลกรรมใหประจักษชัดแกม นษุ ยท งั้ หลายเหมือนดงั ทรงทําพระจันทรเพญ็ อทุ ัยข้นึ ณ พืน้ นภากาศ ทรงช้ีความทีบ่ ญุทั้งหลาย แมประมาณเลก็ นอย ก็ยงั มผี ลโอฬาร โดยศรทั ธาความเช่อื ตอ

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย วมิ านวตั ถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 7เนอ่ื งกันได ทรงทาํ วมิ านวัตถุนัน้ ๆ ใหเปนวตั ถุปปต ตเิ หตุเกิดเร่อื งแลวจกั ทรงประกาศพระธรรมเทศนาไดยิงใหญ. พระธรรมเทศนาน้ัน กจ็ ะเปนประโยชนเกือ้ กูลความสขุ แกช นเปน อันมาก แกเ ทวดาและมนุษยท ้ังหลายทา นลกุ ขึ้นจากอาสนะ นงุ ผา ๒ ชัน้ ยอมดีแลวผนื หนึ่ง อีกผนื หนึง่หมเฉวยี งบา เปรยี บดงั ฟา แลบ มีลําสายคลายหงิ คตุ ามธรรมชาติ [หยาดมหาหิงคุ ] และเปรียบดงั ยอดเขาอญั ชนั คิรี เดินได ซ่งึ ฉาบดว ยแสงสนธยาไปเฝา พระผูมีพระภาคเจา ถวายบงั คมแลว น่ัง ณ ทสี่ มควรสวนหนึง่กราบทลู ความประสงคของตน พระผูม ีพระภาคเจาทรงอนญุ าตแลว ก็ลุกจากอาสนะ ถวายบังคมพระผูมพี ระภาคเจา ทําประทกั ษิณเวียนขวาเขาจตตุ ถฌานอนั เปน บาทแหงอภญิ ญา ออกจากจตุตถฌานน้ันแลว ก็ถงึ ดาวดึงสภพในทนั ทีน้ัน โดยกําลงั ฤทธิ์ จึงไถถ ามถึงบญุ กรรม ตามท่ีเทวดาทงั้ หลายน้นั ๆ สรางสมไว. เทวดาเหลานน้ั ก็บอกกลาวแกท าน.ทา นกลับจากดาวดึงสนน้ั มายังมนุษยโลกแลว กราบทลู เรอื่ งน้ันท้ังหมดถวายพระผมู ีพระภาคเจา โดยทํานองที่เปนไปในดาวดึงสภพนนั้ .พระศาสดา ก็ไดทรงรับทราบเรอ่ื งน้ันแลว ทรงทําวมิ านวตั ถนุ ้ันใหเ ปนวัตถปุ ปตตเิ หตุเกิดเรอื่ งแลวทรงแสดงธรรมโดยพิสดาร โปรดบรษิ ัททม่ี าประชุมกัน. ก็วมิ านวัตถนุ ้ีน้ัน นบั เขาในสตุ ตนั ตปฎก ในปฎ กทัง้ ๓ คือวินยั ปฎก สตุ ตันตปฎก อภิธรรมปฎ ก. นบั เขา ในขทุ ทกนิกาย ในนิกายทั้ง ๕ คอื ทีฆนกิ าย มัชฌิมนิกาย สังยตุ ตนิกาย องั คุตตรนกิ ายขุททกนกิ าย. สงเคราะหเขา ในคาถา ในสัตถศุ าสนม ีองค ๙ คอื สตุ ตะเคยยะ เวยยากรณะ คาถา อทุ านะ อติ ิวุตตกะ ชาตกะ อพั ภูตธมั มะ

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย วมิ านวัตถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 8เวทัลละ. สงเคราะหเขาในธรรมขันธเล็กนอย ในพระธรรมขนั ธ ๘๔,๐๐๐ซ่งึ ทานพระอานนท คลงั พระธรรมปฏิญญาไวด ังน้ี วาทฺวาสตี ิ พุทฺธโต คณหฺ ึ เทวฺ สหสฺสานิ ภกิ ขฺ ุโตจตรุ าสีติ สหสสฺ านิ เย เม ธมฺมา ปวตตฺ ิโนธรรมเหลา ใดอนั ขาพเจา ใหเ ปน ไป ขาพเจาเรยี นธรรมเหลา น้ัน จากพระพุทธองค ๘๒,๐๐๐จากภกิ ษุ [พระสารบี ุตรเถระ] อีก ๒,๐๐๐ รวมเปน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ.กลา วโดยวรรค มี ๗ วรรค คอื ปฐวรรค จติ ตลตาวรรคปาริฉัตตกวรรค มัญชิฏฐกวรรค มหารถวรรค ปายาสวิ รรค สนุ ิก-ขติ ตวรรค. กลาวโดยเร่อื ง วรรคท่ี ๑ มี ๑๗ เรื่อง วรรคท่ี ๒ มี ๑๑เรอื่ ง วรรคที่ ๓ มี ๑๐ เรอื่ ง วรรคที่ ๔ มี ๑๒ เรือ่ ง วรรคท่ี ๕มี ๑๔ เรื่อง วรรคที่ ๖ มี ๑๐ เร่อื ง วรรคท่ี ๗ มี ๑๐ เรอื่ ง รวม๘๕ เรื่อง ไมนับอนั ตรวมิ าน แตน บั ดว ย กม็ ี ๑๒๓ เรอ่ื ง กลา วโดยคาถา มี ๑,๕๐๐ คาถา. บรรดาวรรคของวมิ านวัตถนุ ้นั ปฐวรรคเปนวรรคตน . บรรดาเรอื่ ง เรื่องปฐ วมิ าน วิมานต่งั ทองเปน เรอ่ื งตน . แมวมิ านวตั ถนุ ้นั มีคาถาวา ป นฺเต โสวณฺณมย เปน คาถาตน.

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 9 ๑. อติ ถวิ มิ านวตั ถุ ปฐวรรควรรณนาที่ ๑ ๑. อรรถกถาปฐมปฐ วมิ าน แมป ฐ วิมานเร่ืองท่ี ๑ ในปฐ วรรคท่ี ๑ นั้น มวี ัตถุปต ติเหตุเกดิ เรือ่ ง ดงั ตอไปน้ี :- เม่อื พระผมู ีพระภาคเจา ประทับ ณ พระเชตวัน อารามของทา นอนาถบิณฑกิ ะ กรงุ สาวตั ถี พระเจาปเสนทิโกศล ทรงถวายอสทิสทาน๗ วัน แดพ ระภิกษุสงฆมีพระพุทธเจาเปนประธาน ทานอนาถบณิ ฑิกะมหาเศรษฐี ก็ถวาย ๓ วนั พอสมควรแกอสทิสทานนนั้ นางวิสาขามหาอบุ าสิกา ก็ถวายมหาทานเหมอื นอยางน้นั . ประวตั คิ วามเปนไปแหงอสทสิ ทาน ไดปรากฏทั่วชมพูทวปี . ครั้งนน้ั มหาชนยกเร่ืองข้นึ พดู กันในที่น้ัน ๆ วา ทานจกั มีผลมาก ดวยการบรจิ าคสมบัติอนั โอฬารอยางนี้หรือ ๆ จักมีผลมาก แมด ว ยการบรจิ าคพอสมควรแกท รัพยส มบตั ขิ องตน.ภกิ ษุทัง้ หลายฟง คํานน้ั แลว ก็กราบทูลแดพ ระผมู พี ระภาคเจา. พระผมู -ีพระภาคเจา ตรสั วา ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย ทานมใิ ชจ กั มผี ลมาก ดว ยการถงึ พรอ มแหงไทยธรรมอยางเดยี ว ทแี่ ท ทานจักมีผลมาก ก็ดวยความถงึ พรอมแหง จิตท่ีเลือ่ มใส และดวยความถงึ พรอมแหง เขต [ทกั ขไิ ณย-บุคคล ] เพราะฉะนน้ั ทานวัตถเุ พยี งสักขาวกาํ มอื หน่งึ ก็ดี เพียงผา เกาผนื หน่งึ กด็ ี เพยี งเครือ่ งลาดทําดว ยหญาก็ดี เพียงเครอื่ งลาดทาํ ดว ยใบไมก ็ดีเพยี งสมอดองนํา้ มตู รเนา ก็ดี บุคคลมีจิตเลื่อมใสแลว ต้ังไวใ นทกั ขิไณย-บคุ คล ทานแมน ัน้ กจ็ กั มผี ลมาก รุงเรืองมาก แผไ พศาลมาก ดังน้.ี

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย วมิ านวตั ถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 10 จรงิ อยา งนน้ั ทา วสกั กะจอมทวยเทพ กต็ รัสคําเปน คาถา ดงั นว้ี า นตถฺ ิ จิตเฺ ต ปสนฺนมฺหิ อปฺปก า นาม ทกขฺ ิณา ตถาคเต วา สมฺพทุ ฺเธ อถวา ตสสฺ สาวเก เมอื่ จติ เลือ่ มใสในพระตถาคตสมั พทุ ธเจา หรอื พระสาวกของพระสมั พุทธเจานัน้ ทกั ษณิ าไมช่ือวา นอยเลย. ถอ ยคํานั้น ไดแ พรไปทวั่ ชมพูทวีป. มนุษยท งั้ หลาย พากันใหท านตามสมควรแกทรพั ยสมบตั ิ แกสมณพราหมณคนยากไร คนเดินทางไกลวณิพกและยาจกท้งั หลาย ต้งั น้าํ ด่มื ไวที่ลานเคหะ ปูอาสนะไวท ซี่ ุมประต.ูสมยั นั้น พระเถระผูถ อื ปณฑปาตกิ ธุดงคเปนวัตรรูปหนง่ึ มีอากัปกิริยากา วไป ถอยกลบั เหลยี ว แล คแู ขน เหยยี ดแขน นา เล่ือมใส ทอดจักษุลง ถึงพรอ มดว ยอิรยิ าบถ เที่ยวบิณฑบาต ก็มาถงึ เรือนหลังหนึง่ในเวลาจวนแจ. ในเรอื นหลังนัน้ กลุ ธดิ าผูห น่ึง ถงึ พรอ มดวยศรทั ธาเห็นพระเถระ กเ็ กิดความเคารพความนับถือมาก เกิดปต ิโสมนัสอยางโอฬาร จึงนิมนตใหทา นเขา ไปยงั เรอื น ไหวด วยเบญจางคประดิษฐ จดัตั่งของตน ปผู าเนือ้ เกลี้ยงสีเหลอื งบนตง่ั น้ันถวาย. เมื่อพระเถระน่ังเหนือตง่ั นัน้ แลว นางคดิ วา บุญเขตสูงสดุ นี้ ปรากฏแกเ ราแลว ก็มจี ติ เล่อื มใสเล้ียงดดู วยอาหาร ตามสมควรแกท รพั ยส มบัติ ท้งั นางกถ็ อื พดั พัดถวาย.พระเถระฉันเสรจ็ แลว กลาวธรรมีกถาประกอบดว ยทานมถี วายอาสนะถวายอาหารเปนตนแลวก็ไป. สตรผี ูน นั้ พจิ ารณาถงึ ทานของตนและธรรมกถานัน้ อนั ปต ิถูกตอ งกาํ ซาบไปทั่วเรือนรา ง จงึ ไดถ วายตงั่ แมน ั้นแกพระเถระ.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย วิมานวัตถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 11 สมัยตอ มาจากนัน้ สตรีผูนัน้ เกิดโรคอยา งหนง่ึ ตาย ไปบงั เกิดในวมิ านทองขนาด ๑๒ โยชน ภพดาวดงึ ส นางมเี ทพอปั สร ๑,๐๐๐เปนบริวาร. ก็ดวยอาํ นาจที่นางถวายต่ังเปนทาน จึงบงั เกดิ บัลลงั ก[เตียง, ต่ัง แทน ] ทอง ลอยไปในอากาศแลนเร็ว ชัน้ บนมรี าชรถทรวดทรงดังเรือนยอด. ดว ยเหตุนัน้ วิมานน้จี งึ เรยี กวา ปฐ วมิ าน. แทจริงวิมานต่งั น้ัน เปนทองสองใหเ ห็นความเหมาะสมกบั กรรม เพราะนางลาดผา สีทองถวาย ช่ือวา แลน ไปเร็ว เพราะกําลงั ปติแรง ช่ือวา ไปไดตามชอบใจ เพราะนางถวายแกทกั ขไิ ณยบุคคลโดยจิตชอบ ไดชื่อวาประกอบดวยความงดงาม นาเลอื่ มใสพรอมสรรพ เพราะสมบัติคือความเลือ่ มใสโอฬาร. ตอ มาวนั มหรสพวันหน่ึง เม่ือเทวดาทัง้ หลาย พากนั ไปสวนนนั ทนวนั เพ่ือเลน กรฑี าในอทุ ยาน ดวยอานุภาพอนั เปนทพิ ยข องตน ๆเทวดาองคนัน้ ทรงนุง ผา ทพิ ยประดบั ดว ยทิพยาภรณ มเี ทพอปั สร ๑,๐๐๐เปน บริวาร กอ็ อกจากภพของตน ข้นึ สวู มิ านต่งั น้ัน สอ งแสงสวา งดง่ั ดวงจนั ทร ดวงอาทิตยโดยรอบ ดวยเทวฤทธิย์ ่งิ ใหญดวยสริ ิโสภาคยตระการไปยังอทุ ยาน. ก็สมัยนั้น ทานพระมหาโมคคลั ลานะ เทีย่ วเทวจาริกไปโดยนัยทีก่ ลาวแลว ในหนหลงั เขา ไปยงั ภพดาวดงึ ส แสดงองคไ มไกลจากเทวดาองคนน้ั . เทวดาองคนน้ั เห็นทานก็มคี วามเล่อื มใสมคี วามเคารพมกี าํ ลังพร่งั พรอม จงึ รบี ลงจากบลั ลังกเขาไปหาพระเถระ. กราบดว ยเบญจางคประดษิ ฐแลวยนื นมสั การประคองอัญชลอี ันรุงเรอื งดว ยทศนขัสโมธาน [ชุมนมุ ๑๐ นว้ิ ]. พระเถระเห็นประจกั ษถึงกศุ ลและอกศุ ล

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย วิมานวัตถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 12ตามท่เี ทวดาองคน ัน้ และสตั วเ หลาอื่นส่ังสมไว ดวยความแตกฉานแหงกําลงั ปญญา โดยอานุภาพแหง ยถากัมมูปคญาณ [ญาณทีร่ ูถ งึ สัตวทงั้ หลายเขา ถึงภพนน้ั ๆ ตามกรรม] ของทาน เหมือนผลมะขามปอ ม ที่วางไวบนฝา มอื กจ็ รงิ อยู ถงึ อยา งนน้ั เพราะเหตทุ ีป่ ญญาทบทวนเฉพาะภพในอดีต และกรรมตามท่ีสง่ั สมไว สว นมากสาํ เรจ็ โดยธรรมดาแกเ ทวดาทั้งหลายในลําดับอปุ ปต ติภพเทา นนั้ วา เราจุติจากไหนหนอ จึงอุบตั ิในภพน้ี เราทํากุศลกรรมอะไรหนอ จึงไดส มบตั นิ ี้ และญาณยอมเกดิ แกเทวดานั้น ตามเปนจริงฉะน้ัน พระเถระประสงคจ ะใหเทวดาองคนั้นกลาวกรรมท่ีทําไวแ ลว กระทําผลกรรมใหประจักษแ กโลกพรอ มทั้งเทวโลกจงึ ถามวา ดูกอนเทพธดิ า ผูประดับองค ทรงมาลยั ดอกไม ทรงพสั ตราภรณส วยงาม วิมานตง่ั ทองของทา นโอฬาร เรว็ ดังใจ ไปไดต ามปรารถนา ทา นสองแสงประกาย ดงั สายฟาแลบลอดหลบื เมฆ เพราะบุญอะไร วรรณะของทา นจงึ เปนเชนน้ี เพราะบุญอะไร ผลนจ้ี ึงสําเร็จแกทา น และโภคะ ทุกอยา งทน่ี า รัก จงึ เกดิ แกทา น ดูกอ นเทพี ผมู อี านุภาพมาก อาตมาขอถามทาน ครงั้ เกิดเปน มนษุ ยท านทาํ บุญอะไร เพราะบุญอะไร ทานจงึ มีอานุภาพรุง เรืองอยา งน้ี และวรรณะของ ทานจงึ สวางไสวไปทกุ ทิศ. เทวดาน้ันดใี จ ถูกทานพระโมคคัลลานะถาม

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย วมิ านวัตถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 13 คร้ันแลวจงึ พยากรณป ญ หาของกรรมทมี่ ีผลอยางนี้วา คร้ังเกดิ เปนมนุษยใ นหมูมนษุ ย ดีฉันไดถวาย อาสนะแกเ หลา ภิกษทุ มี่ าถงึ [ เรือน ] ไดกราบไหว ไคท ําอญั ชลี [ประนมมอื ] และไดถวายทานตาม กําลงั เพราะบญุ น้ัน วรรณะของดีฉันจงึ เปน เชนน้ี เพราะบุญนนั้ ผลนจี้ งึ สาํ เรจ็ แกด ฉี ัน และโภคะ ทุกอยา งที่นา รัก จงึ เกดิ แกดีฉนั ขาแตท านภกิ ษผุ ูม อี านภุ าพมาก ดีฉนั ขอบอกแก ทาน คร้งั เกดิ เปนมนษุ ย ดฉี นั ไดท ําบุญอนั ใดไว เพราะบุญอนั น้นั ดีฉนั จงึ มีอานุภาพรุงเรอื งอยา งนี้ และวรรณะของดฉี ันจึงสวางไสวไปทกุ ทศิ . อธิบายคําวา ปฐะ ทอ นไมก ็ดี อาสนะก็ดี ต่งั ทท่ี าํ ดว ยเถาวลั ยก็ดี อาสนะทท่ี ําดวยหวายก็ดี อาสนะทที่ าํ ดวยไมเปนตนซึ่งมชี ื่อแปลกออกไปมีมสารกะเตียงทีม่ ีแครส อดเขากบั ขาเปนตนก็ดี ทุกสง่ิ ทกุ อยา งนน้ั ช่ือวาปฐ ะ ต่งั ในคาถาน้ัน. จรงิ อยางนั้น ทอนไมม ีปฐะเปน ตน พอวางเทา ได เรยี กวาปฐ ะ ไดในบาลีนว้ี า ปาทป เขยี งเทา ปาทกสกิ า กระเบ้ืองรองเทาทอนไมท ี่พอมือจบั ได. เรยี กวา ปฐะ ไดในบาลีน้ีวา ปสปปฺ  คนเปลยี้ .สวนอาสนะ โดยโวหารทองถนิ่ ในชนบทบางแหง เรยี กวา ป ิกา ทสี่ าํ หรบัทาํ พลกี รรมเทวดาทั้งหลาย เรียกวา ปฐะ ไดในบาลนี วี้ า ภตู ปกิ า

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย วมิ านวัตถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 14ต่งั เซน ภูตผี เทวกลุ ปกิ า ตัง่ สังเวยเทวดา. อาสนะท่ีเขาสรางข้ึนดวยหวายและเถาวัลยเ ปน ตน เรียกวา ปฐ ะ ไดในบาลีนว้ี า ภทฺทป ภทั รบฐิเกาอี้ [หวาย] ทานหมายถึงจึงกลา วไววา ภทฺทป  อปุ าทยิ ทาํภัทรบฐิ ใหเกดิ ขึ้น. อาสนะที่ทาํ ดวยไมเปน ตน ตางโดยเปนเตยี งสอดแครเขากบั ขาเปน ตน เรียกวา ปฐ ะ ไดในบาลเี ปนอาทวิ า สปุ ฺตตฺ มจฺ ป  เตียงต่ังทจี่ ดั ไวดีแลว และวา มจฺ  วา ป  วา การยมาเนนใชใหเ ขาทาํ เตยี งหรือตัง่ . สว นในท่นี ี้ พึงทราบวา วมิ านทอง ขนาด๑ โยชน บงั เกดิ ดวยบุญญานุภาพของเทวดา ต้ังอยโู ดยอาการคลา ยบัลลงั ก[เตียง, ตง่ั , แทน].ในบทวา เต เตศพั ท มาในอรรถปฐมาวิภัตตพิ หวุ จนะ โดยเปนตศัพท ไดในบาลเี ปนตน วา น เต สุข ปชานนฺติ เย นปสฺสนตฺ ิ นนทฺ น ชนเหลา ใดไมเ หน็ สวนนันทนวนั ชนเหลา นั้น ชอื่ วาไมร จู กั สุข. มาในอรรถจตุตถวี ภิ ัตติ โดยเปนตมุ หฺ ศัพท อธบิ ายวา แดทา น ไดในบาลเี ปน ตน วานโม เต ปรุ สิ าชฺ นโม เต ปุรสิ ตุ ตฺ มนโม เต พุทธฺ าวีรตฺถุ ทา นบรุ ษุ อาชาไนย ขอความนอบนอมจงมแี ดพระองค ทานผเู ปนบรุ ุษสงู สดุ ขอความนอบนอ มจงมีแดพ ระองค ทานพุทธะผูแกลว กลา ขอความนอบนอมจงมแี ดพระองค.มาในอรรถตตยิ าวภิ ตั ติ ไดในบาลีเปน ตน วา กินเฺ ต ทฏิ  กนิ ตฺ ิ เตสตุ  ทา นเหน็ อะไร ทานฟง มาวา อะไร และวา อปุ ธี เต สมตกิ กฺ นฺตา

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย วิมานวัตถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 15อาสวา เต ปทาลิตา อุปธกิ เิ ลสทงั้ หลาย ทานก็กาวลวงเสียแลว อาสวะทงั้ หลาย ทานก็ทําลายไดแลว. มาในอรรถฉัฏฐวี ภิ ตั ติ ไดใ นบาลีเปนตนวา กินเฺ ต วตตฺ  กึ ปน พรฺ หมฺ จรยิ  อะไรเปนวัตรของทาน กอ็ ะไรเปนพรหมจรรย. สว นในทน่ี ้ี เตศพั ทพ งึ เหน็ วา ใชใ นอรรถฉัฏฐวี ิภัตติ.อธิบายวา ของทาน. ในบทวา โสวณฺณมย นี้ สวุ ณั ณศัพทม าในอรรถวา ความถงึพรอมแหง ผวิ ไดในบาลเี ปนตนอยา งนีว้ า สวุ ณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเตทุคคฺ เต ผิวสวย ผวิ ทราม ม่ังมี ยากจน และวา สุวณณฺ ตา สุสรตาความมีผิวสวย ความมีเสยี งไพเราะ. มาในอรรถวา ครุฑ ไดในบาลีเปนตนวา กาก สวุ ณณฺ า ปริวารยนฺติ ครฑุ ทัง้ หลายหอ มลอ ม กา.มาในอรรถวา ทอง ไดในบาลเี ปนตนวา สุวณฺณวณฺโณ กาจฺ น-สนฺนิภตโจ มีผิวดงั ทอง มีหนงั เปลง ปลั่งดังทอง. แมในทน่ี ้ี สวุ ณั ณศัพทพึงเห็นวาใชใ นอรรถวา ทองอยา งเดยี ว. จริงอยู วมิ านตั่งนั้นทานเรยี กวา ทอง เพราะมสี ีงาม เหตุมีสเี สมอพระพุทธะท้ังหลาย.ทองนัน่ แล ชือ่ วา โสวัณณะ เหมือนคาํ วา เวกตะ และ เวสมะ [ วิกตสสฺภาโว เวกต วิสมสสฺ ภาโว เวสม ]. สว นมยศพั ทมาในอรรถวาอสฺม มี เปน ไดในบาลีเปนตน วา อนุฺ าตปฏิฺาตา เตวิชฺชามยมสฺมโุ ภ [มย อสมฺ อุโภ] เราท้ังสองมีวิชชา ๓ เปนผปู ฏญิ ญาตามทพ่ี ระผมู ีพระภาคเจา ทรงรบั รอง. มาในอรรถวา บัญญัติรับรกู นัไดใ นบาลีนวี้ า มย นสิ สฺ าย เหมาย ชาตมณฺโฑ ทรี สภุ า ซอกเขาเกิดสดใสเปนทอง งดงาม เพราะอาศัยหิน [ ศลิ า ]. มาในอรรถวาบงั เกิด ไดใ นบาลีนีว้ า มโนมยา ปต ิภกฺขา สยมปฺ ภา เกิดโดยใจ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย วมิ านวตั ถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 16มปี ต เิ ปน อาหาร มีรัศมใี นตวั เอง พรหมเวนปจจัยภายนอกเสีย กบ็ งั เกดิทางใจอยา งเดียว เพราะเหตนุ น้ั ทา นจึงกลาววา สาํ เร็จดวยใจ. มาในอรรถวา วิการ ทาํ ใหแ ปลก ไดใ นบาลเี ปนตนวา ยนฺนนู าห สามจกิ ฺขลฺล มททฺ ติ วฺ า สพฺพมตตฺ กิ ามย กุฏกิ  กเรยฺย ถากระไร เราพึงขยําโคลน สรางกฎุ ี ทําดวยดินลว นเสียเอง. มาในอรรถวา บทบรู ณ ทําบทใหเ ต็ม ไดในบาลีเปน ตนวา ทานมย สาํ เรจ็ ดว ยทานสีลมย สําเร็จดว ยศีล. แมใ นทน่ี ี้ มยศัพท กพ็ ึงเห็นวา ใชใ นอรรถวาทําใหแ ปลก หรอื ในอรรถวา ทาํ บทใหเต็ม. ก็เมื่อใด มยศัพทม ีความดงั น้ีวา ปฐ วมิ าน บังเกิดดว ยทอง ชื่อวา โสวณั ณมยั เกิดดว ยทองเม่อื น้ัน กพ็ งึ เห็นวา มยศัพทใชใ นอรรถวา ทาํ ใหแ ปลกวา วิการ ทาํใหแ ปลก [ทาํ รูปพรรณตาง ๆ] ดวยทอง ช่ือวา โสวณั ณมัย. จะกลา ววา ใชในอรรถบงั เกดิ ดงั น้บี า ง กค็ วรทัง้ นนั้ . ก็เมื่อใด มีอรรถดังน้ีวา บังเกดิ ดวยทอง ชอ่ื วา โสวณั ณะ เม่อื นั้น ก็พงึ เห็นวามยศัพท ใชใ นอรรถวา ทาํ บทใหเ ตม็ ดังนีว้ า ทองนัน่ แหละ ชือ่ วาโสวณั ณมัย. บทวา อฬุ าร แปลวา ประณตี กไ็ ด ประเสริฐกไ็ ด ใหญก ไ็ ด.จริงอยู อฬุ ารศัพท มาในอรรถวา ประณีต ไดใ นบาลเี ปน ตนวา๑ ยอมบรรลุ คุณพิเศษอนั ประณตี อื่นจากคณุ พิเศษกอ น. มาในอรรถวาประเสริฐ ไดใ นบาลเี ปนตน วา๒ เขาวา ทา นกจั จายนพราหมณสรรเสรญิพระสมณโคดม ดว ยการสรรเสรญิ อยา งประเสริฐ. มาในอรรถวา ใหญ๑. ปุพฺเพนาปร อุฬาร วิเสส อธิคจฉฺ ติ.๒. อุฬาราย ภว กจฺจายโน สมณโคตม ปส สาย ปส สติ.

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย วิมานวัตถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 17ไดในบาลเี ปนตนวา อุฬารโภคา โภคะใหญ อุฬารยสา ยศใหญและวาโอฬารกิ  อันใหญ. กว็ ิมานแมนนั้ ชื่อวาประณตี เพราะอรรถวากระทาํ ความไมอมิ่ สาํ หรบั ผูใชส อย โดยความฟูปลืม้ ใจ ช่ือวา ประเสริฐเพราะถูกสรรเสริญโดยภาวะมีความเปน วมิ านทนี่ า เลอ่ื มใสโดยรอบเปนตนชือ่ วา ใหญ เพราะใหญโ ดยขนาด และเพราะมคี ามาก. วมิ านอนั โอฬารกลา วกันวา โอฬารกยา งเดยี ว ดว ยอรรถแม ๓ อยา งแล. จิต ช่ือวา มโน ใจ ในบทวา มโนชว น.้ี กห็ ากวา มโนศพั ทกลาวท่ัว ๆ ไป กส็ ําหรบั จติ ทเี่ ปนกศุ ล อกศุ ล และอัพยากฤต แมทกุ ดวง. แตก็พงึ ทราบโดยเปนจิตสาํ เรจ็ มาแตกิริยา ท่เี ปน ไปในอารมณอยางใดอยา งหนง่ึ เพราะทา นกลาววา มโนชว เพราะฉะนน้ั วมิ านทองชอื่ วา มโนชวะ เพราะเรว็ ดังใจ เหมือนคําวา โอฏ มโุ ข ปากมผี ีปาก[พูดไดค ลอง] อธิบายวา ไปเร็วเหลอื เกิน. จริงอยู ใจยอ มตกไปในอารมณแ มไกลนกั หนาไดฉับพลนั ทีเดียว เพราะเปนไปรวดเร็ว. ดว ยเหตุนน้ั พระผูมพี ระภาคเจาจึงตรัสวา ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย เรามองไมเ หน็ธรรมแมแ ตอ ยางหน่ึงอันอื่น ซึง่ เปนไปรวดเร็วเหมือนอยางจติ น้ีเลยนะภิกษทุ ั้งหลาย และวาจิตไปไดไ กล ไปดวงเดียว ดังน้ี. บทวา คจฉฺ ติไดแก ไปทางอากาศจากวิมานที่อยูของเทวดาองคน น้ั ตรงไปยังอุทยาน. ในบทวา เยน กาม น้ี กามศพั ท มาในอรรถวา อารมณมรี ปูเปนตน ทน่ี า พอใจ ไดในบาลีเปน ตน วา กามา หิ วจิ ติ รฺ า มธรุ ามโนรมา วริ ปู รูเปน มเถนตฺ ิ จติ ตฺ  แทจ ริง กามทงั้ หลาย งดงาม หวานชืน่ระร่ืนใจ ยอมยาํ่ ยจี ิต ดว ยรปู แปลก ๆ. มาในอรรถวา ฉันทราคะไดใ นบาลีเปน ตน วา ฉนฺโท กาโม ฉันทะ เปนกาม ราโค กาโม

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย วิมานวัตถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 18ราคะ เปน กาม ไดแ ก กิเลสกาม. มาในอรรถวา โลภะความอยากไดทกุ อยาง ไดใ นบาลเี ปนตนวา กามปุ าทาน ยดึ กามความอยากได. มาในอรรถวา คามธรรม ธรรมของชาวบาน ไดใ นบาลีเปนตน วาอตฺตกามปาริจริยาย วณฺณ ภาเสยยฺ สรรเสริญการบาํ เรอกามดวยตนเอง. มาในอรรถวา หติ ฉนั ทะ ความพอใจในประโยชนเกือ้ กลูไดในบาลเี ปน ตนวา สนเฺ ตตฺถ ตโย กุลปุตฺตา อตฺตกามรูปา วหิ รนตฺ ิมีกลุ บตุ ร ๓ คน ในท่นี ัน้ มีความพอใจในประโยชนตนอยู. มาในอรรถวา เสรีภาพอยูโดยอาํ เภอใจ ไดในบาลีเปนตน วา อตตฺ าธโี นอปราธโี น ภุชสิ โฺ ส เยน กามงฺคโม มีตนเปนใหญ [ คือพึง่ ตนเอง]ไมม คี นอนื่ เปนใหญ [คอื ไมพ ง่ึ คนอืน่ ] เปน ไท ไปไดต ามปรารถนาแมใ นท่นี ีก้ ามศัพทพ งึ เหน็ วา ใชใ นอรรถวา เสรภี าพเทา นนั้ . เพราะฉะนั้นบทวา เยน กาม จึงแปลวา ตามความปรารถนา. อธิบายวา ความสมควรแกความปรารถนาของเทวดา. บทวา อลงกฺ เต แปลวา แตง องคแ ลว อธิบายวา มีเรอื นรา งประดับดวยอาภรณทพิ ย มีภาระประมาณ ๖๐ เลม เกวียน ตางโดยเปนเครื่องประดบั มอื ประดับเทาเปนตน รงุ เรืองดว ยขายรศั มตี า ง ๆ อยางและรุงโรจนด ว ยรตั นะหลายชนดิ . คาํ นีเ้ ปน เอกวจนะใชในอรรถสัมโพธนะ[ส สกฤต ใช มคธใชอ าลปนะเปน วิเสสนะของเทวธีเต ในคาถา].บทวา มาลยฺ ธเร ไดแ กส วมมาลยั ดอกไม เพราะมีเกศและหตั ถเปน ตนตกแตงดแี ลว ดว ยดอกไมทพิ ย อนั งดงามดว ยกลมุ ชอคลี่ขยายรุงโรจนโดยรอบ มกี ลีบชอ และเกสรทําดว ยทองบรสิ ทุ ธิ์ดี และรัตนะตาง ๆ เกดิแตตน กลั ปพฤกษต นปารฉิ ัตตกะ และเถาสันดานกลดาเปน ตน. บทวา

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย วมิ านวตั ถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 19สุวตเฺ ถ ไดแก มีพสั ตราภรณอันงาม โดยเปน ผาทพิ ย มีเครื่องปกปด คอืผา นุง และผาหม เปนตน มีรศั มีของผูมแี สงสวา งอันบริสทุ ธิด์ ี มหี ลากสีดวยเครื่องยอมตา ง ๆ เกิดแตก ลั ปพฤกษแ ละลดา. บทวา โอภาสสิแปลวา สอ งสวาง. บทวา วิชชฺ ุรวิ แปลวา คลายฟาแลบ. บทวาอพภฺ กูฏ ไดแก ยอดเมฆ. ก็คําน้เี ปนทุตยิ าวิภัตติ ใชในอรรถสตั ตมีวภิ ตั ติอีกนยั หนึ่ง คาํ วา โอภาสสิ เปน คาํ กลา วอรรถ เพราะเหตทุ อ่ี ยภู ายใน.อธบิ ายวา สองสวา ง. คําวา อพฺภกูฏ ในฝา ยนี้ พงึ เห็นวา เปน ทตุ ิยา-วิภตั ติ ใชใ นอรรถทุตยิ าวิภตั ตเิ ทา นนั้ . กใ็ นขอน้ี มคี วามดงั นี้วา ยอดเขาแดงฉาบดวยแสงสนธยา แมตามปกตกิ ส็ องสวางอยู สายฟาทรี่ ุงโรจนอยโู ดยรอบ กแ็ ลบสอ งสวางโดยพเิ ศษ ฉันใด วมิ านนี้รงุ เรืองดว ยรัตนะตาง ๆ อันสาํ เร็จมาแตท องอนั บรสิ ทุ ธดิ์ ี มรี ศั มีซานออกอยโู ดยปกติ ตัวทา นประดับดว ยอลงั การทุกอยา ง ก็สองแสงสวา งโดยพเิ ศษ ดว ยรัศมเี รอื นรา งของทาน และแสงประกายแหง พัสตราภรณ อนั โชติชว งโดยประการทั้งปวง ก็ฉนั น้ันเหมือนกัน. ก็ในปฐมปฐวมิ านน้ี คาํ วา ป  นี้ เปน คาํ กลาวถึงขอทีพ่ งึ ชี้แจง.คาํ วา อพฺภกูฏ เปนคาํ กลาวถึงตวั อยา ง. คําวา เต กอ็ ยางนนั้ เปนคาํ กลาวถงึ ขอ ท่พี งึ ช้แี จง. แทจ ริง คําน้ัน ทา นเพง คําวา ป นี้ แมกลาวเปนฉัฏฐวี ภิ ัตติ ครนั้ เพงบทเหลานีค้ ือ อลงกฺ เต มาลฺยธเรสวุ ตเฺ ถ โอภาสสิ ก็เปล่ียนไปเปน ปฐมาวิภตั ติ เพราะฉะนั้น ทา นจงึอธบิ ายวา ตวฺ  ทา น. คาํ วา วชิ ฺชุรวิ เปน คํากลาวยกตัวอยาง. คาํ วาโอภาสสิ นี้ เปนคาํ แสดงถงึ ความเก่ยี วกันของขออุปไมย และอปุ มาแม

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย วมิ านวัตถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 20ทง้ั สอง. จริงอยู คาํ วา โอภาสสิ นี้ ทา นเพงบทวา ตฺว จงึ กลาวไวเปน มธั ยมบรุ ุษ ครั้นเพง บทวา ป จงึ เปลยี่ นไปเปนประถมบุรุษ. สว นจ ศัพทในคําน้ี พึงเห็นวา ทานลบแลวแสดงไว. คาํ วา คจฉฺ ติ เยนกาม โอภาสสิ และ วิชชฺ ุลโตภาสติ  อพภฺ กูฏ วยิ นี้เปน ทุตยิ า-วภิ ัตติ เปล่ียนไปเปน ปฐมาวิภตั ติ. คําวา ป น้ี กอ็ ยางนนั้ เปนคํากลาวถงึ ขอที่พึงขยายคาํ วา เต โสวณฺณมย อุฬาร เปนตน เปนวิเสสนะคําขยายของคําวา ป  นั้น. ถามวา ก็ทานกลาววา โสวณฺณมย ไวแลว ไมน า กลาววา อฬุ ารเพราะทองเปน ของประเสริฐสดุ อยูแลว เหตุเปน โลหะอันเลิศ และเพราะเปนทิพย ทา นกป็ ระสงคเ อาแลวในที่น้ี มใิ ชห รอื . ตอบวาไมใช เพราะสิง่ ไร ๆกม็ สี ภาพวิเศษ. เหมือนอยางวา ทองมีรส [นา้ํ ] รุง รวงเปนประเสรฐิสุด บริสทุ ธิด์ ีโดยเปน ทองรปู พรรณหลายชนิด อนั เปน เครือ่ งใชสอยของมนษุ ย แตนนั้ กเ็ กิดเปน อากร [บอเกดิ ] จากนั้น ทองทกุ ชนดิ กเ็ ปน ของทิพยข องประเสริฐสุดฉันใด กฉ็ นั น้ัน แมเ พราะเปน ทองทิพย กเ็ ปน ทองจามกี ร ทองคาํ จากทองจามีกรก็เปนทองสาตกุมภะจากทองสาตกุมภะกเ็ ปนทองชมพูนท จากทองชมพนู ท กเ็ ปนทองสงิ ค.ี ทองสงิ ดนี ้นั แลประเสรฐิสุดแหงทองทกุ ชนิด. ดว ยเหตนุ ้ัน ทาวสักกะ จอมทวยเทพจึงกลา ววา มุตโฺ ต มตุ เฺ ตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ วิปปฺ มตุ โฺ ต วปิ ปฺ มุตฺเตหิ สงิ คฺ ีนกิ ฺขสวณโฺ ณ ราชคห ปาวสิ ิ ภควา

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย วมิ านวตั ถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 21 พระผูมพี ระภาคเจา ผพู น แลวกบั เหลา ปุราณ- ชฎลิ ผพู น แลว พระผูห ลดุ พน แลว กับเหลา ปุราณชฎลิ ผูหลุดพนแลว ทรงมีพระฉวีวรรณเสมอดว ยแทงทอง สงิ คี เสด็จเขาไปยังกรุงราชคฤห. เพราะฉะนน้ั ทานพระโมคคลั ลานะแมกลาววา โสวณณฺ มย กย็ งักลา ววา อฬุ าร อน่ึงเลา คาํ วา อุฬาร นี้ ก็มิใชท านกลา วหมายถึงความท่ีวิมานนนั้ ประเสรฐิ สดุ และประณีตเทานัน้ ทแี่ ท ยังมคี วามท่ที านกลาวไวด งั น้ีวา ทง้ั ใหญดวย. กใ็ นปฐ วิมานน้ี คําวา ป เปน ตนเปน คาํ แสดงความทผ่ี ลพงึ เห็นสมกบั กรรม. แมอ ยางนน้ั พระเถระก็แสดงวา วิมานน้นั ถงึ พรอมแหงวัตถุ ดวยบทวา โสวณฺณมย น้ี แสดงวาวมิ านนน้ั ถึงพรอมดวยความงามอยา งย่ิง ดว ยบทวา อุฬาร น้ี แสดงวาวิมานน้ันถงึ พรอ มดวยการไป ดว ยบทวา มโนชว นี้ แสดงวา วมิ านนั้นถงึ พรอ มดวยสมบตั ิแหง ตั่ง เหตทุ ีแ่ ลนไปรวดเร็ว ดว ยบทวา คจฺฉติเยน กาม นี.้ อีกนัยหนึ่ง พระเถระแสดงวา วมิ านนัน้ ประณตี ดวยบทวาโสวณฺณมย น้ี แสดงวา วิมานนัน้ ใหญโ ดยกวาง ดว ยบทวา อุฬารนี้ แสดงวา วิมานนัน้ ใหญโดยอานุภาพ ดวยบทวา มโนชว น้ี แสดงวาวมิ านนน้ั อยูสบาย ดว ยบทวา คจฉฺ ติ เยน กาม น้ี. อีกอยางหน่งึพระเถระแสดงวาวมิ านนั้นสะสวยและมีสีงาม ดวยบทวา โสวณฺณมย นี้แสดงวา วมิ านนัน้ นา ดู นา เลื่อมใส ดวยบทวา อฬุ าร น้ี แสดงวาวิมานน้นั ถึงพรอ มดวยความเร็ว ดวยบทวา มโนชว น้ี แสดงวาวิมานน้นั ไปไดไ มขดั ขอ งในท่ีไหน ๆ ดวยบทวา คจฉฺ ติ เยน กาม นี้.

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย วิมานวัตถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 22 อีกนยั หนง่ึ วมิ านนน้ั เปนผลหล่งั ออกแหง บุญกรรมอนั ใด เพราะบุญกรรมนนั้ เปน ผลของอโลภะ จงึ ชอื่ วา สําเร็จดว ยทอง เพราะเปน ผลแหงอโทสะ จึงชอ่ื วา โอฬาร เพราะเปน ผลแหงอโมหะ จึงชือ่ วาเรว็ ดงั ใจไปไดตามปรารถนา. โดยทาํ นองอยางน้นั วิมานนัน้ ชอื่ วา สําเรจ็ ดว ยทอง กเ็ พราะกรรมนั้นเปนผลแหงศรัทธา. ชื่อวา โอฬาร เพราะเปนผลแหงปญญา. ช่อื วา เรว็ ดังใจ เพราะเปน ผลแหงวริ ิยะ.. ชื่อวา ไปไดตามปรารถนา เพราะเปนผลแหงสมาธิ. หรอื พงึ ทราบวา ชอ่ื วา สาํ เรจ็ดว ยทอง เพราะเปนผลแหง ศรทั ธากับสมาธิ ชอื่ วา โอฬาร เพราะเปนผลแหงสมาธกิ บั ปญ ญา ช่ือวา มโนชวะ เร็วดังใจ เพราะเปน ผลแหงสมาธกิ ับวริ ิยะ ชอ่ื วา ไปไดต ามปรารถนา เพราะเปน ผลแหง สมาธิกับสติ. ในปฐ วมิ านน้นั คําวา ป  เปนตน เปนคําระบถุ งึ ความถงึพรอมแหงสมบัติอนั เปน ผลแหง บญุ ของเทวดานัน้ โดยแสดงถึงสมบัติคือวิมาน ฉนั ใด คาํ วา อลงฺกเต เปน ตน กร็ ะบุถึงความถึงพรอ มแหงสมบตั ิอนั เปน ผลแหงบญุ โดยแสดงสมบตั ิคืออัตภาพ ก็ฉนั นนั้ . เหมือนอยางวา อตั ภาพมที องสีแดงเปนเครอื่ งประดับ แมศ ลิ ปาจารยผ ูชาํ นาญประดิษฐแ ลว ขจติ ดว ยมณรี ตั นะ อันรงุ เรืองดว ยขายมีรัศมีตา ง ๆ ยอมงดงาม มใิ ชง ดงามอยางเดยี ว ฉนั ใด อตั ภาพทพี่ ร่งั พรอ มทัว่ สรรพางคแมงามโดย ๔ แง อันเขาประดบั ดีสดใสแลวเทยี ว ยอ มงดงาม มใิ ชงดงามอยางเดยี ว ก็ฉันนั้น ดว ยเหตุนัน้ พระเถระจงึ แสดงความงดงามอยา งวเิ ศษอันนาํ มา ของเทวดานัน้ ดวยบทวา อลงกฺ เต นี้ แสดงความงดงามวเิ ศษอันไมนํามา ดวยบทวา โอภาสสิ น้ี. โดยทํานองอยางนั้น

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย วิมานวัตถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 23พระเถระแสดงความงดงามอยา งยงิ่ ทม่ี ปี จจยั อนั เปนไปอยู [ ปจ จบุ ัน ] เปนเครอ่ื งหมาย ดวยบทตน ทีม่ ีปจจยั ลว งแลว [ อดตี ] เปนเคร่ืองหมายดว ยบทหลงั หรือวา พระเถระแสดงวา เทวดานน้ั ถงึ พรอมดวยวัตถุเครอื่ งใชสอย ดว ยบทตน แสดงวา เทวดาน้ันถงึ พรอ มดว ยวัตถขุ องผูใชสอย ดว ยบทหลงั . ในเร่อื งน้ี ถามวา ก็วมิ านน้นั เปนพาหะที่เทียมสตั ว หรอื เปนพาหะที่ไมเทียมสตั ว. ตอบวา แมห ากวา ในเทวโลก รถวิมานทัง้ หลายแมกเ็ ปน พาหะเทียมสัตว เพราะบาลีเปน ตนวา สหสฺสยตุ ฺต อาชฺรถรถมาเทียมมา ๑,๐๐๐ ตัว. แตเหลา นน้ั เปน เทพบุตรท้ังน้นั แสดงตัวโดยรปู เปนพาหะในเวลาทํากจิ [ หนา ที่ ] เหมอื นเอราวณั เทพบุตรแสดงตวัโดยรูปเปนชา ง ในเวลาเลน กฬี า. กว็ ิมานนี้ และวิมานเชนนอ้ี นั อืน่พงึ เห็นไดวา เปนพาหะท่ไี มเทียมสตั ว. ถามวา หากวา เม่อื เปนเชนนี้ ปจ จยั พเิ ศษในอนั เคล่ือนไหวดว ยวาโยธาตุ มีในภายในวมิ านนน้ั เองหรือภายนอก. ตอบวา พงึ ถอื วา ภายในเหมอื นอยางวา วงลมพายใุ หญเ ร็วจดั อันบงั เกดิ เพราะกรรมทว่ั ๆ ไปของสัตวทั้งหลายท่ีอาศยั ดวงจนั ทรแ ละดวงอาทติ ยเปน ตน เปน อยู พดัเบยี ดเบยี นดวงจันทรดวงอาทติ ยเ ปนตน เหลานั้น ใหเคล่อื นไปในทอ่ี น่ืเสีย ฉันใด วาโยธาตภุ ายนอก ท่พี ดั เบยี ดเบยี นวมิ านนั้น ฉันนนั้ กห็ าไม อนึ่ง เปรยี บเหมือนจักรรัตนะ หมุนไปโดยอาํ นาจวาโยธาตทุ ีต่ ัง้ ขน้ึภายใน แตว าโยธาตภุ ายนอก แหง จักรรตั นะนนั้ เหมือนดวงจันทรเปน ตน เบยี ดเบียนแลว พัดไป ก็หาไม เพราะจักรรตั นะหมุนไป โดยอํานาจจติ ของพระเจา จกั รพรรดิ ในลาํ ดับพระดํารสั เปน ตน วา ทา นจกั ร-

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย วิมานวตั ถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 24รตั นะจงหมุนไปดังนี้ ฉนั ใด พึงเหน็ วา วิมานไปได ดวยวาโยธาตุทีอ่ าศัยตน โดยอาํ นาจจิตของเทวดานั้นเทา น้นั กฉ็ ันนั้น. ดวยเหตุนัน้พระเถระจึงกลาววา เรว็ ดังใจ ไปไดตามปรารถนา ดังนี้. พระเถระครน้ั ระบสุ มบตั ิอันเปนผลบญุ ของเทวดาน้นั ในคาถาท่ี ๑อยางนี้แลว บดั น้ี เพอ่ื จะประกาศบุญสมั ปทา อนั เปน เหตแุ หงสมบตั ินน้ั จึงกลาว ๒ คาถาวา เกน เต ตาทโิ ส วณโฺ ณ เปน ตน ในคาถานั้น กศึ พั ทใ นบทวา เกน มาในอรรถวา ตเิ ตยี น ไดในบาลีเปนตนวา กึ ราชา ดย โลก น รกขฺ ติ ผใู ดไมร ักษาโลก ผูนน้ัเปน พระราชาไดอ ยา งไร กึ นุ โข นาม ตมุ ฺเห ม วตตฺ พพฺ  มฺถเธอท้งั หลายจะสาํ คญั เราวา ควรกลา วคําช่อื ไรเลา หนอ. มาในอรรถไมแนนอน ไดในบาลเี ปนตนวา ยงฺกิ ฺจิ รูป อตีตานาคตปจจฺ ปุ ฺปนนฺ รูปอยา งใดอยางหนึง่ ทัง้ อดตี อนาคตและปจ จบุ ัน. มาในอรรถคําถามไดใ นบาลีเปนตน วา กึสธู วิตตฺ  ปุรสิ สฺส เสฏ  ทรัพยเคร่อื งปล้ืมใจอะไรเลา ชือ่ วา ประเสริฐสดุ สําหรับบรุ ษุ . แมในท่นี ี้ กึศพั ทก ็พงึ เหน็วา ใชใ นอรรถคําถาม. บทวา เกน เปนตติยาวิภัตติ ใชใ นอรรถวาเหตุอธิบายวา เพราะบุญอะไร. บทวา เต แปลวา ของทาน. บทวาเอตาทิโส แปลวา เชน น้ี อธบิ ายวา ตามทเี่ ห็นอยูใ นบัดน.้ี วัณณศัพทในบทวา วณฺโณ มาในอรรถวาคุณ ไดใ นบาลเี ปน ตน วา กทา สฺฬุ หฺ าปน เต คหปติ อเิ ม สมณสสฺ โคตมสฺส วณณฺ า ดกู อ นคฤหบดีคณุ เหลา น้ี ของพระสมณโคดม ทา นรวบรวมไวเ มอื่ ไร. มาในอรรถวาสรรเสรญิ ไดในบาลีเปนตน วา อเนกปรยิ าเยน พุทฺธสฺส วณณฺ  ภาสติธมมฺ สสฺ วณฺณ ภาสติ สงฺฆสสฺ วณณฺ  ภาสติ สรรเสรญิ พระพุทธเจา

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย วมิ านวตั ถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 25สรรเสริญพระธรรม สรรเสรญิ พระสงฆม ากปริยาย. มาในอรรถวา เหตุไดในบาลีเปน ตน วา อถ เกน นุ วณฺเณน คนธฺ เถโนติ วุจจฺ ติเพราะเหตไุ รเลา จึงเรยี กวา คนขโมยกลน่ิ . มาในอรรถวาประมาณ[ จาํ นวน ] ไดในบาลีเปนตน วา ตโย ปตฺตสฺส วณณฺ า บาตรประมาณ [ จํานวน ] ๓ บาตร. มาในอรรถวาชาติ ไดในบาลเี ปน ตนวา จตตฺ าโร เม โภ โคตม วณฺณา ทา นพระโคดม ชาติของเรามี ๔. มาในอรรถวา ทรวดทรง ไดในบาลเี ปนตน วา มหนฺตหตฺถริ าชวณฺณ อภนิ มิ มฺ ิตวฺ า เนรมติ ทรวดทรงเปน พญาชา งใหญ.มาในอรรถวา ผิวพรรณ ไดใ นบาลีเปนตนวา สุวณฺณวณฺโณสิ ภควาสสุ กุ กฺ ทาโสิ วริ ยิ วา ขาแตพระผมู พี ระภาคเจา พระองคมผี ิวพรรณดังทอง ขา แตท า นผบู ําเพญ็ เพียร พระองคม พี ระเข้ยี วขาวด.ี แมในท่ีน้ีวณั ณศพั ท กพ็ ึงเห็นวา ใชใ นอรรถวา ผิวพรรณ อยางเดยี ว. ความในขอน้ีมดี ังน้ี ดูกอ นเทวดา เพราะบุญวเิ ศษอะไร คือเชน ไร เปน เหตุผวิ พรรณแหง เรอื นรางของทา นจงึ มรี ศั มแี มไปถงึ ๑๒ โยชนเ ชน นี้ คืออยา งน.ี้ บทวา เกน เต อิทฺธมชิ ฺฌติ ความวา ผลสุจริตอันโอฬารท่ีทานไดม าในบดั น้ี ยอมสําเรจ็ เสรจ็ สรรพแกทา นในสถานที่นี้ ดว ยบญุอันดยี ่ิงอะไร. บทวา อปุ ปฺ ชชฺ นฺติ แปลวา บงั เกดิ . อธิบายวา เปนไปสงู เปนชน้ั ๆ [ ซอ นกนั ] โดยไมขาดสาย. บทวา โภคา ไดแกอปุ กรณแ กทรพั ยเครื่องปลื้มใจอันวิเศษมีพสั ตราภรณ [ เครื่องประดบัคือผา ] เปน ตน ทไ่ี ดช่อื วา โภคะ เพราะอรรถวา เปนของพึงใชส อย.ศัพทว า เย แสดงความไมแนน อน โดยสามัญ. ศพั ทว า เกจิ แสดง

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย วิมานวัตถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 26ความไมแนนอน ถือเอาความตางเปน อยา ง ๆ ไป ดวยศพั ทแ มทั้งสองยอมรวบรวมโภคะเชนน้นั ทีไ่ ดใ นที่นั้น อันตางโดยประณีตและประณีตกวาเปน ตน ครอบคลมุ โดยไมเ หลือเลย จรงิ อยู นเิ ทศนคี้ รอบคลุมความไวไ มเหลือ เหมือนทีว่ า เยเกจิ สงขฺ ารา สังขารทงั้ หลาย เหลา ใดเหลา หน่ึง[ ทุกอยาง ] . บทวา มนโส ปย า ไดแก ท่ีใจพงึ รกั อธิบายวา นาพอใจ. กใ็ นขอน้ี ดว ยบทวา เอตาทิโส วณโฺ ณ น้ี พระเถระแสดงวณั ณสัมปทา ความถึงพรอ มแหงวรรณะ อันนับเนือ่ งในอตั ภาพของเทวดาน้ัน ซ่งึ มีความวเิ ศษทก่ี ลาวไวแ ลว ในหนหลงั . ดว ยบทวา โภคา นี้พระเถระแสดงความถงึ พรอ มแหงกามคุณ อันตา งโดยรูป เสยี ง กลิน่รส โผฏฐัพพะ อนั เปนทิพย ซึ่งเปน วตั ถเุ ครอ่ื งอุปโภคและบริโภค. ดวยบทวา มนโส ปย า นี้ พระเถระแสดงความท่อี ารมณมรี ูปเปนตนเหลา นน้ั เปนของนาปรารถนา นาใคร นา พอใจ. แตด ว ยบทวา อิธมิชฺฌติน้ี พระเถระแสดงความถึงพรอ มแหงอายุ วรรณะ ยศ สขุ และอธิปไตยอันเปนทิพย ดวย บทวา เยเกจิ มนโส ปยา น้ี ฐานะอันใด ๑๐ ประการทมี่ าในพระสตู รวา ผูนั้น ยอ มยดึ ไวไดซึ่งเทพเหลา อ่นื ดวยฐานะ ๑๐คอื อายุทิพย วรรณทิพย ยศทพิ ย สุขทิพย อธปิ ไตยทิพย รปู ทิพยเสียงทิพย กล่ินทพิ ย รสทิพย โผฏฐพั พทพิ ย พงึ ทราบวา พระเถระแสดงการรวบรวมฐานะอันน้นั ไวใ นทน่ี ้ี โดยไมเ หลือเลย. บทวา ปุจฺฉามิ ไดแ ก ทําปญหา อธบิ ายวา ประสงคจ ะร.ูรกู ันวา พระเถระกลา ว ๓ คาถาวา เกน เต ตาทิโส วณฺโณ เกน เตอทิ ธฺ มชิ ฌฺ ติ กมิ กาสิ ปุ ฺ เกนาสิ เอวชฺ ลติ านภุ าวา โดยถอื เอากศึ ัพท

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย วิมานวตั ถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 27อยางเดยี ว ดวยอํานาจปุจฉาเพราะไมมขี อ ความอื่น ก็จริง ถงึ กระน้ันทา นก็กลาววา ปุจฉฺ ามิ ขอถาม กเ็ พ่อื ใหร วู าเปน ปุจฉาพิเศษ. จรงิ อยูปจุ ฉานี้ มิใชอ ทฏิ ฐโชตนาปุจฉา เพราะเน้ือความเชนน้ี ไมมีสิ่งทีพ่ ระ-มหาเถระไมเ หน็ ท้ังมใิ ชวิมติเฉทนาปุจฉา เพราะพระเถระเพกิ ความสงสัยไดโ ดยประการทั้งปวงแลว ท้งั มใิ ชอ นมุ ัตตปิ ุจฉา เพราะคาํ ถามนนั้ มิไดเปนไปโดยอาการถือเอาดว ยอนุมตั คิ ลอยตามเหมอื นในบาลีเปนตน วา ตกึ มฺสิ ราชฺ ดูกอนทา นพระยา ทานจะสําคัญความขอนนั้อยา งไร ทั้งมใิ ชกเถตุกามยตาปุจฉา เพราะพระเถระมิไดถาม โดยท่ีเทวดานน้ั ตองการจะตอบเอง. แตโดยเฉพาะอยา งย่ิง ปุจฉานน้ั พึงทราบวาเปนทฏิ ฐสังสนั ทนาปุจฉา ถามเทยี บเคยี งสิง่ ที่เห็น ๆ กนั แลว .เน้ือความน้ีนัน้ กลาวไวช ดั แจง แลวในอัตถุปปตตกิ ถา เหตุเกดิ เร่ืองในหนหลัง โดยนยั เปน ตนวา เถโร กิ ฺจาป. บทวา ต แปลวา ทาน.คําน้นี ั้น เพง คาํ ตน และคําหลงั . เปน ทุติยาวภิ ตั ติเอกวจนะ เพราะเพงคําตน แตพ ึงเห็นวาเปน ปฐมาวิภตั ติเอกวจนะ เพราะเพง คําหลัง. เทวศพั ท ในคาํ วา เทวี นี้ มาโดยอํานาจสมมติเทพ ไดในบาลีท้ังหลาย เปน ตนวา อิมานิ เต เทว จตรุ าสตี นิ ครสหสสฺ านิกุสาวตรี าชธานิปมุขานิ ขา แตสมมตเิ ทพ ๘๔,๐๐๐ พระนครของพระองคเหลา น้ี มีกรุงกสุ าวดีราชธานเี ปน ประมขุ และวา เอตฺถ เทว ฉนฺทกโรหิ ชวี ิเต อเปกขฺ  ขา แตส มมตเิ ทพ ในเรื่องน้ี ขอพระองคโปรดทรงทาํ ความพอพระทยั ความเย่ือใย ในพระชนมชพี เถดิ ดงั น้.ี มาโดยอํานาจวสิ ทุ ธเิ ทพ ไดใ นบาลีเปนตน วา ตสฺส เทวาติเทวสสฺ สาสนสพพฺ ทสฺสโิ น พระผูเปนเทพยิ่งกวา เทพพระองคน นั้ ทรงเห็นทกุ อยา ง

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย วมิ านวัตถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 28ซง่ึ คาํ สอน. จรงิ อยู บรรดาวสิ ุทธเิ ทพทง้ั หลาย เมอ่ื กลา วกนั ถึงความท่ีพระผมู ีพระภาคเจาทรงเปน อติเทพ กเ็ ปน อันกลาวถึงความที่ทรงเปน เทพยิง่ กวา วิสทุ ธิเทพนอกน้ดี ว ย. มาโดยอาํ นาจอุปต ตเิ ทพ ไดในบาลีเปนตนวา จาตุมมฺ หาราชกิ า เทวา ทฆี ายกุ า วณณฺ วนโฺ ต สุขพหุลา เหลาเทพช้นั จาตุมหาราช มอี ายยุ ืน มีวรรณะ มากดว ยสขุ ดังนี้. แมใ นท่นี ี้เทวศพั ทพงึ ทราบวา มาโดยอํานาจอุปต ตเิ ทพอยางเดียว. แตเ มอ่ื กลาวโดยอรรถแหงบท เทวดา ยอ มเลน ยอมระเริง ยอ มรักดว ยบุญฤทธิข์ องตนยอมยินดีดวยกามคณุ ๕. อกี นยั หนึง่ เทวดาองคใด ยอมสองสวา ง โดยนยั ท่ีกลาวแลวในหนหลัง และไปไดด วยวมิ านทางอากาศ เหตุนั้น เทวดาองคนั้น จึงชอื่ วา เทวี. ก็คําวา ตฺว เทวิ น้ี เปนเอกวจนะ ใชในอรรถวา สมั โพธนะ [ อาลปนะ ]. บทวา มหานภุ าเว ไดแ ก ผูมีประภาพ [อํานาจ, รศั มี ] อนั โอฬาร. ก็อานภุ าพของเทวดาน้ันพระเถระแสดงไวดว ย ๒ คาถาหลังแลว. ในบทวา มนสุ ฺสภูตา น้ี ชื่อวา มนษุ ย เพราะใจสูง คือมใี จอันสรา งสมโดยคณุ คือสติ ความกลา ความประพฤติอยา งประเสรฐิ [พรหมจรรย] ความเพยี ร ความมั่นคง มีจิตประกอบดว ยคุณอนั อุกฤษฏ ก็มนษุ ยเ หลานัน้ คอื ใครเลา. คือเหลา สตั ววิเศษ ชาวชมพูทวปี . ดวยเหตุน้นั พระผูมพี ระภาคเจา จงึ ตรสั วา ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย มนุษยชาวชมพูทวปี ยอ มชนะมนษุ ยชาวอุตตรกุรุทวปี และเทพชัน้ ดาวดึงสดว ยฐานะ ๓ อยา ง ฐานะ ๓ อยางคืออะไร คือ เปน ผูก ลา เปน ผมู ีสติ การอยูป ระพฤติพรหมจรรยใ นพระธรรมวินัยน้.ี

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย วิมานวัตถุ เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 29 จริงอยา งน้ัน พระผมู ีพระภาคพุทธเจา พระปจ เจกพุทธเจาพระอัครสาวก พระมหาสาวก พระเจาจกั รพรรดิ และสัตวผมู อี านภุ าพเหลา อนื่ ยอ มเกิดในชมพทู วปี นั้นแหงเดียว. อาจารยพวกหนึ่งกลาววาแมชาวทวปี ใหญพ วกน้ี กบั ชาวทวปี นอย กร็ ูกนั แลว วาเปน มนษุ ยเ หมือนกนั เพราะมีรปู เปน ตนเสนอกับชาวชมพูทวีปเหลานน้ั . สวนอาจารยอ กีพวกหน่งึ กลาววา ชอ่ื วา มนษุ ย กเ็ พราะใจท่ปี ระกอบดว ยโลภะเปนตนและอโลภะเปน ตน หนาแนน . จริงอยู สตั วเ หลา ใด เกิดเปนมนษุ ย ในสัตวเหลาน้นั โดยเฉพาะอยางย่ิง เหลา สตั วท ่ีมโี ลภะเปนตน และอโลภะเปน ตนหนาแนน ยอมทําทางอบายใหเ ต็ม เพราะเปน ผมู ีโลภะเปนตนหนาแนน และทาํ ทางสคุ ติและทางไปพระนพิ พานใหเ ตม็ เพราะเปนผูมีอโลภะเปนตนแนน หนา เพราะฉะนน้ั สตั วว เิ ศษชาวทวีปใหญทงั้ ๔ กบั ชาวทวปีนอ ยทัง้ หลาย เรยี กกนั วา มนษุ ย เพราะใจท่ีประกอบดวยโลภะเปนตนและอโลภะเปนตน หนาแนนแล. ฝายชาวโลกกลาววา ชอื่ วา มนุษย เพราะเปนเหลากอของพระมนูมนุษยกัปแรกทีเ่ ปนตน แหงการยดึ ครองโลก จดั ประโยชนและมิใชประ-โยชนอยใู นฐานะเปนบดิ าของสัตวท้งั หลาย ท่ีในพระศาสนาเรยี กวาพระ-เจา มหาสมมต ช่อื วา พระมน.ู และเหลา สตั วท่ีต้ังอยูในโอวาทานุสาสนีของพระมนูน้ัน สบื ๆ ตอ กนั มาโดยประจักษ กเ็ ลยเรียกกนั วา มนุษย เพราะเปนเสมือนบุตร. ก็เพราะเหตนุ ้นั น่นั เอง สตั วเ หลา นน้ั เขาจึงเรยี กวามาณพ และมนุษย ผูเ ปนแลว เกิดแลว หรือถงึ ความเปนมนุษยใ นหมูมนษุ ย เหตุนนั้ จึงช่อื วา มนสุ ฺสภูตา ผเู กิดเปนมนุษย.










































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook