พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 251 เมอื่ ภิกษคุ นหาตนเหตุของอกศุ ลวติ กท้ังหลายดวยอาการอยา งน้ี กย็ อมละได. พระผูมพี ระภาคเจาเม่อื จะแสดงการณะ (เหตุ) แมน ้ีวา อันภกิ ษผุ ดู าํ รงอยใู นขอทําลายมูลเหตุของอกุศลวิตกนแ้ี ลว ก็ยงั ไมอ าจเพอื่ ขม วติ กน้นั ได ก็พงึขม อยางนี้ แลวตรัสคาํ วา ตสฺส เจ ภกิ ฺขเว เปน อาทิ แปลวา ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย หากวา เมือ่ ภิกษุนน้ั มนสิการถึงสณั ฐานของวติ กดงั นี้เปนตน . บทวา ทนเฺ ตภิ ทนฺตมาธาย ไดแก พึงกดฟนบนลงที่ฟน ขางลา ง. บทวา เจตสา จติ ตฺ ไดแก พงึ ปอ งกันอกุศลจติ ดว ยกศุ ลจิต. บทวา พลวา ปุริโส เปนตน ความวา เปรยี บเหมือนบุรษุ ผูสมบูรณดวยเรย่ี วแรง มกี ําลังมากจับบุรุษผมู ีกาํ ลังนอ ยกวาแลว บีบ กด เคนทศี่ รี ษะ หรอื ทีก่ านคอไวใหแ นน พึงกระทาํ บรุ ุษนัน้ ใหเ รา รอ น ใหล าํ บากใหสยบ มคี วามตายเปน ทส่ี ดุ ฉนั ใด ภิกษุ ก็ฉันนน้ั นนั่ แหละ พงึ เปนนักมวยปลํ้าซง่ึ เปนคูตอ สกู ับอกุศลวติ กทัง้ หลายวา พวกเจา เปน อะไร เราเปนอะไร ดังนี้ คร้ันครอบงาํ แลว พงึ ประคองความเพยี รใหญอ ยา งนี้วา กาม ตโจ นหารู จ อฏ ิ จ อวสุสสฺ ตุ อวสฺสิสสฺ ตุ เม สรเี ร สพฺพนตฺ ม สโลหิต แปลวา เนอ้ื และเลอื ดท้งั หมดใน รางกายของเราน้ีจะเหือดแหง ไป เหลือแต หนึง่ เอ็นกระดกู ก็ตามท.ีเธอก็พงึ ขมอกศุ ลวิตกทั้งหลายได. เม่อื จะแสดงอยางนี้ จึงตรัสคําอุปมาอนัแสดงอรรถะน้ีวา ยโต จ โข ภกิ ฺขเว เปน ตน แปลวา ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลายภิกษุอาศยั นมิ ิตใด แลวมนสกิ ารนมิ ติ ใดอยู เปน ตน. ขอ นี้ ชือ่ วามริยาทภาชนยี
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 252(คือคาํ จําแนกเขตแดน). คาํ น้ัน มเี นอื้ ความตื้นทั้งนน้ั . พงึ ทราบคําอปุ มาตอไปน้.ี เหมอื นอยา งวา อาจารยผ ใู หคาํ แนะนาํ สง่ั สอนพระราชกุมารซึง่ มาจากแวน แควนภายนอก ใหเ รียนเอาซึ่งศิลปะวา ดวยอาวธุ ๕ แลวแสดงสง่ิ ทค่ี วรกระทําดวยอาวุธแมท ้งั ๕ อยา งนว้ี า ทา นจงกลบั ไปครองราชสมบตั ใิ นแวน แควนของตน ถาพวกโจรปรากฏในระหวางทางแกทา น ทา นจงใชธ นูนี้ แลวกจ็ งไปถา ธนูของทานหายหรือหกั จงใชหอก หอกหกั จงใชดาบดงั น้ีเปนตน แลว ใหกลับไป. พระราชกมุ ารน้นั ไดก ระทาํ เหมือนอยางน้ัน คร้นั ไปถงึ แวนแควนของตนแลว ไดค รองสิริราชสมบตั ิ ฉันใด ขอ น้ีก็ ฉนั น้นั แหละ พระผมู ี-พระภาคเจา เมอื่ จะทรงสง ภิกษุผูห มนั่ ประกอบอธิจติ เพือ่ ถือเอาซงึ่ พระอรหัตและทรงแสดงบพั พะ (ขอทีค่ วรกาํ หนด) ๕ เหลา น้วี า ถาวา อกุศลจติ เกิดขึ้นแกเธอในระหวาง กค็ วรตั้งอยใู นขอวาดว ยนิมติอ่นื (เรยี กวา อญั ญนิมิตตบพั พะ) คร้ันเธอขมอกศุ ลวิตกท้ังหลายไดแลว ก็จักยังวิปส สนาใหเ จริญ แลว จกั บรรลพุ ระอรหัต เมือ่ ไมอ าจในขอ นั้น (คอื ในอัญญนิมิตตบพั พะ) ก็จะตงั้ อยูใ นขอวาดวยอาทีนพ เมื่อไมอาจในขอ นั้น ก็จะตง้ั อยูในขอดวยอสตบิ ัพพะ เมื่อไมอ าจในขอ น้ี กค็ วรต้ังอยใู นขอวาดว ยการทาํ ลายมูลเหตุของอกศุ ลวิตก เมือ่ ไมอาจแมใ นขอ น้ี กจ็ ะตั้งอยใู นชื่อวาดว ยการขม ครั้นขม วิตกทั้งหลายเหลาน้ันไดแ ลว จักยงั วิปส สนาใหเ จริญแลวจกั บรรลุพระอรหัต ดงั นี.้ บทวา วสี วติ กกฺ ปริยายปเถสุ แปลวา ผูชํานาญในทางเดนิ ของวิตก ไดแ ก ผชู าํ นาญตามทต่ี นส่ังสมไวแลว คอื เปน ผูชํานาญคลองแคลวในทางเปน ไปของการตรึก.
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 253 บทวา ย วติ กกฺ อากงฺขิสสฺ ติ แปลวา เธอจักจาํ นงวิตกใดน้ี พระ-ผมู ีพระภาคเจา ตรสั เพ่ือแสดงถงึ ลักษณะของความเปน ผูชาํ นาญ. เพราะวาบุคคลนี้ ครั้งกอน อยากจะตรึกวติ กใด ยอ มตรึกวติ กนนั้ ไมได ไมป ระสงคจะตรึกวติ กใด ยอมตรึกวิตกนน้ั ได แตบัดน้ี เพราะความเปนผูชาํ นาญแลวเธอเปน ผใู ครเ พ่ือจะตรึกถึงวิตกใด ยอ มตรกึ ถึงวิตกนั้นได ไมตองการตรึกวติ กใด กไ็ มต อ งตรกึ วติ กนน้ั เพราะเหตุนน้ั พระผูมพี ระภาคเจาจึงตรัสวาเธอจกั จาํ นงวติ กใดกจ็ กั ตรึกวิตกนน้ั ได จักไมจาํ นงวติ กโคก็จกั ไมตรกึ วติ กนนั้ได ดงั น.้ี บทวา อจเฺ ฉชชฺ ิ ตณหฺ แปลวา ตดั ตัณหาไดแ ลวเปนตนน้ี ไดกลา วไวใ นสัพพาสวสตู รแลว แล. จบอรรถกถาวิตกั กสัณฐานสตู รที่ ๑๐ จบอรรถกถาวรรคที่ ๒ รวมพระสตู รในเลมน้ี๑. จฬู สหี นาทสตู ร พรอมทง้ั อรรถกถา๒. มหาสหี นาทสูตร พรอ มทัง้ อรรถกถา๓. มหาทกุ ขักขนั ธสตู ร พรอมท้งั อรรถกถา๔. จูฬทุกขกั ขันธสตู ร พรอ มทงั้ อรรถกถา๕. อนุมานสูตร พรอมทัง้ อรรถกถา๖. เจโตขลี สตู ร พรอ มท้งั อรรถกถา๗. วนปต ถสูตร พรอ มท้ังอรรถกถา๘. มธุปณ ฑิกสตู ร พรอมทัง้ อรรถกถา๙. เทวธาวิตกั กสูตร พรอ มท้ังอรรถกถา๑๐. วติ ักกสัณฐานสตู ร พรอมท้ังอรรถกถา
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 254 โอปมมวรรค ๑. กกจปู มสูตร [๒๖๓] ขา พเจา ไดฟง มาแลว อยางน้ี:- สมัยหนึ่ง พระผูมีพระภาคเจาประทับอยู ณ พระวหิ ารเชตวัน อารามของทานอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี สมยั นั้นทา นพระโมลยิ ผคั คนุ ะอยูคลุกคลีกับภิกษุณที ้ังหลายเกินขอบเขต ทานพระโมลิยผคั คนุ ะอยคู ลกุ คลกี ับภกิ ษณุ ีทัง้ หลายอยา งน้ี ถาภิกษุรูปไรติเตียนภกิ ษุณีเหลานัน้ ตอหนาทา นพระ-โมลิยผคั คนุ ะ ทา นก็โกรธขดั ใจ ถึงกระทาํ ใหเ ปน อธิกรณก ม็ ี. อนง่ึ ถา ภกิ ษุรปู ไรติเตียนทา นพระโมลิยผคั คุนะตอ หนาภกิ ษณุ เี หลานนั้ พวกภิกษณุ กี ็พากนัโกรธขดั ใจ ถึงกระทําใหเปนอธิกรณก ็มี ทานพระโมลิยผคั คุนะอยคู ลุกคลีกบัภิกษุณีทัง้ หลายอยางนี้ คร้งั นัน้ ภิกษุรูปหนึ่งเขา ไปเฝาพระผมู ีพระภาคเจาถวายบังคมแลวน่งั อยู ณ ท่คี วรสว นขางหนงึ่ ไดก ราบทูลพระผมู พี ระภาคเจา วาขาแตพระองคผ เู จรญิ ทานพระโมลิยผคั คนุ ะอยูคลุกคลกี บั พวกภิกษณุ ีเกนิขอบเขต ทา นพระโมลยิ ผัคคนุ ะอยคู ลกุ คลกี ับพวกภิกษณุ เี ชน น้ี ถาภกิ ษรุ ูปไรตเิ ตยี นภกิ ษุณีเหลานัน้ ตอหนาทานพระโมลิยผัคคุนะ ทานก็โกรธ ขดั ใจ ถึงกระทาํ ใหเปนอธิกรณก ม็ ี อนึง่ ถา ภิกษุรูปไรติเตียนทา นพระโมลยิ ผัคคนุ ะตอหนา ภกิ ษุณีเหลานัน้ ภิกษณุ ีเหลา นน้ั กโ็ กรธ ขัดใจ ถงึ กระทําใหเปน อธิกรณก็มี ทา นพระโมลิยผัคคุนะอยูคลกุ คลกี บั พวกภกิ ษุณเี ชนน้.ี [๒๖๔] ลาํ ดับน้ัน พระผูม ีพระภาคเจา ตรสั เรียกภิกษรุ ปู หน่งึ มาตรัสสง่ั วา มานภ่ี ิกษุ เธอจงบอกโมลยิ ผัคคนุ ะภกิ ษุ ตามคาํ ของเราวา พระ
พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 255ศาสดารับสง่ั ใหหาทาน. ภกิ ษุรปู นน้ั ทลู รับพระดํารสั ของพระผมู ีพระภาคเจาแลว เขาไปหาทานพระโมลยิ ผัคคุนะถงึ ทอ่ี ยู แลวกลา ววา ทา นโมลิยผัคคุนะพระศาสดารับสั่งใหหาทาน. ทา นพระโมลิยผคั คนุ ะ รับคําภิกษุรปู นั้นแลวก็เขา ไปเฝาพระผมู พี ระภาคเจา ถวายบงั คมแลว นง่ั ณ ท่ีควรสว นขา งหนง่ึพระผูมพี ระภาคเจา ไดตรสั ถามทานพระโมลิยผคั คนุ ะวา ดกู อนผคั คุนะ ไดทราบวาเธออยูคลกุ คลีกบั พวกภิกษณุ ีจนเกนิ ขอบเขต ดูกอ นผคั คุนะ. เธออยูคลกุ คลีกับพวกภิกษุณีเชนนั้น ถาภิกษุรปู ไรติเตียนภกิ ษุณีเหลานั้นตอหนา เธอเธอก็โกรธ ขดั ใจ ถึงกระทําใหเ ปนอธกิ ารณก็มี อนงึ่ ถา ภิกษุรูปไรตเิ ตยี นเธอตอหนา ภกิ ษณุ ีทั้งหลาย ภกิ ษุณีเหลา น้ันก็โกรธ ขดั ใจ ถึงกระทาํ ใหเ ปนอธกิ รณก ็มี ผคั คนุ ะ เธออยูคลุกคลกี ับภกิ ษณุ ีทัง้ หลายเชน นี้จรงิ หรือ พระ-โมลิยผัคคุนะทลู รบั วา จรงิ พระเจาขา จึงตรสั ถามตอไปวา ผคั คุนะ เธอเปนกลุ บตุ รออกจากเรือนไมม เี รือนบวชดวยศรทั ธามใิ ชหรือ โม. อยา งนั้น พระเจาขา . พ. ผคั คุนะ การที่เธออยคู ลุกคลกี ับพวกภกิ ษณุ จี นเกนิ ขอบเขต ไมสมควรแกเธอผูเปนกลุ บตุ รออกจากเรอื นไมมเี รอื นบวชดว ยศรทั ธาเลย ผคั คนุ ะเพราะฉะนั้น ถาแมภกิ ษรุ ปู ไรติเตยี นภิกษณุ ีเหลา นัน้ ตอหนาเธอ แมในขอ นน้ัเธอพงึ ละความพอใจ และวติ กอนั อาศยั เรือนเสยี แมในขอนน้ั เธอพึงศึกษาอยา งน้วี า จิตของเราจกั ไมแปรปรวน และเราจกั ไมเปลง วาจาทชี่ ่ัว จักอนุเคราะหดวยประโยชนอ ยู แลจักเปน ผูมีเมตตาจติ ไมมีโทสะภายใน เธอพงึ ศึกษาอยางนแ้ี ล ผคั คุนะ เพราะฉะนัน้ ถาใคร ๆ ประหารภิกษุณเี หลา น้ันดวยฝามอื ดว ยกอ นดิน ดว ยทอนไม ดวยศาสตราตอ หนา เธอ แมในขอน้นัเธอพงึ ละความพอใจและวิตกอนั อาศัยเรอื นเสยี แมในขอ นนั้ เธอพงึ ศกึ ษาอยางนว้ี า จติ ของเราจกั ไมแปรปรวน และเราจกั ไมเปลงวาจาทช่ี ว่ั จักอนุ-
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 256เคราะหด ว ยประโยชนอยู แลจกั เปน ผูมีเมตตาจิตไมม ีโทสะภายใน เธอพึงศกึ ษาอยา งนี้แล ผคั คุนะ เพราะฉะนั้น ถาใคร ๆ ติเตยี นตวั เธอเอง ตอ หนาเธอ แมในขอ นนั้ เธอพึงละความพอใจ และวิตกอนั อาศัยเรอื นเสีย ผคั คนุ ะแมในขอ นั้น เธอพงึ ศกึ ษาอยางนว้ี า จิตของเราจกั ไมแ ปรปรวน และเราจกัไมเปลง วาจาท่ีชั่ว จักอนเุ คราะหดว ยประโยชนอยู แลจักเปนผูมเี มตตาจติไมม ีโทสะภายใน เธอพึงศกึ ษาอยา งนแ้ี ล ผคั คนุ ะ เพราะฉะนนั้ ถา ใคร ๆประหารเธอดวยฝา มือ ดวยกอนดิน ดว ยทอนไม ดวยศาสตรา ผคั คนุ ะ แมในขอนั้น เธอพงึ ละความพอใจ และวติ กอนั อาศัยเรือนเสยี แมใ นขอนั้นเธอพึงศึกษาอยา งน้วี า จติ ของเราจกั ไมแปรปรวน และเราจักไมเ ปลงวาจาที่ช่วัจกั อนุเคราะหด วยประโยชน แลจกั เปนผมู ีเมตตาจิต ไมม ีโทสะภายใน ผัคคุนะเธอพึงศึกษาอยา งนด้ี ังน้ีแล. [๒๖๕] ครัง้ นั้นแล พระผูมีพระภาคเจา ตรัสเรยี กภิกษทุ ง้ั หลายมาตรัสวา ภิกษทุ ้งั หลาย สมยั หนง่ึ พวกภกิ ษุไดทาํ จิตของเราใหย ินดีเปนอนั มากเราขอเตอื นภิกษุทงั้ หลายไวใ นทน่ี ี้วา ภกิ ษทุ งั้ หลาย เราฉันอาหารหนเดยี วเมื่อเราฉนั อาหารหนเดียวอยแู ล รูส กึ วามอี าพาธนอย ลําบากกายนอ ย เบากายมีกําลงั และอยอู ยา งผาสุก ภกิ ษุทัง้ หลาย ถึงพวกเธอกจ็ งฉันอาหารหนเดยี วเถดิ แมพวกเธอฉันอาหารหนเดียว กจ็ ะรสู กึ วามีอาพาธนอ ย ลาํ บากกายนอยเบากาย มกี าํ ลัง และอยอู ยางผาสุก ภิกษุทงั้ หลาย เราไมต องพร่าํ สอนภกิ ษุเหลา นน้ั มีกจิ แตจะทาํ สติใหเกดิ ในภิกษุเหลานนั้ เทา น้ัน ภิกษุท้งั หลายเปรียบเหมือนรถท่ีเทียมดวยมา อาชาไนย มา ท่ไี ดรับการฝกมาดแี ลว กเ็ ดินไปตามพ้นื ที่เรียบ หรอื เดินไปตามหนทางใหญ ๔ แพรง ไมต อ งใชแสเพียงแตน ายสารถผี ูฝ ก หดั ที่ฉลาดขึ้นรถ แลว จับสายบงั เหยี นดว ยมอื ซาย จบั แสดว ย
พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 257มือขวาแลวก็เตอื นใหม าวิ่งตรงไปบา ง ทั้งเลี้ยวกลับไปตามความปรารถนาบางฉันใด ภกิ ษุทง้ั หลาย เราไมต อ งพรํ่าสอนภิกษุทัง้ หลายเนือง ๆ ฉนั นน้ั เหมอื นกนัมีแตกิจทจี่ ะการทําสติใหเ กดิ ในภิกษเุ หลา นนั้ เทานั้น ภิกษุทงั้ หลาย เพราะฉะนั้นแมพวกเธอก็จงละอกศุ ลธรรมเสยี จงทําความพากเพียรแตในกศุ ลธรรมท้งั หลายเมือ่ เปนเชน นี้ แมพ วกเธอก็จักถงึ ความเจรญิ งอกงามไพบูลยใ นพระธรรมวินยั นี้ภกิ ษทุ งั้ หลาย เปรียบเหมอื นปา ไมส าละปาใหญ ใกลบ านหรอื นิคม และปานั้นปกคลุมไปดวยเหลาตนละหงุ ชายไร ๆ พงึ หวังดหี วงั ประโยชนแ ละหวังความปลอดภัยของตนสาละนัน้ เขาจงึ ตัดตนรงั เลก็ ๆ ที่คดทต่ี น ละหุง คอยแยงโอชาออกนําไปทิ้งเสยี ภายนอก แผว ถางภายในปา ใหสะอาดเรยี บรอ ยแลว คอยบาํ รงุ รกั ษาตนรังเล็ก ๆ ที่ตน ตรงขึ้นแรงดไี วไ ดโ ดยชอบ ภิกษุทั้งหลาย ดวยการกระทาํ ดังทก่ี ลาวมานี้ สมยั ตอ มา ปา ไมรงั นั้นกเ็ จรญิ งอกงามไพบูลยขน้ึโดยลาํ ดับ ฉันใด ภกิ ษทุ งั้ หลาย แมพวกเธอกจ็ งละอกศุ ลธรรมเสยี จงทาํความพากเพียรอยูแตในกศุ ลธรรมทัง้ หลาย ฉันนั้นเถิด เม่ือเปนเชนนี้ แมพวกเธอ ก็จกั เจริญงอกงามไพบูลยใ นพระธรรมวนิ ัยนีถ้ า ยเดียว. [๒๖๖] ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย เร่อื งเคยมีมาแลว ทก่ี รงุ สาวัตถนี ้ีแหละมีแมบา นคนหน่ึงชือ่ วา เวเทหิกา เกยี รตศิ พั ทอ ันงามของแมบ านเวเทหกิ าขจรไปแลว อยางนวี้ า แมบา นเวเทหิกา เปนคนเสงย่ี ม เจยี มตน เยือกเย็นภกิ ษทุ ง้ั หลาย กแ็ มบ า นเวเทหกิ า มที าสชี ่อื กาลี เปนคนขยัน ไมเกียจครา นจดั การงานดี ตอ มานางกาลไี ดค ิดอยา งนี้วา เกยี รตศิ พั ทอ ันงามของนายหญงิของเราขจรไปแลว อยางน้วี า แมบา นเวเทหกิ า เปนคนเสง่ียม เจยี มตนเยือกเย็น ดังน้ี นายหญงิ ของเราไมท ําความโกรธท่มี ีอยูภ ายในใหป รากฏ หรอืไมมคี วามโกรธอยูเลย หรอื วา นายหญงิ ของเราไมทําความโกรธทมี่ อี ยใู นภายในใหป รากฏ กเ็ พราะเราจัดการงานทงั้ หลายเรยี บรอ ยดี ไมใชไ มม คี วามโกรธ
พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 258อยา กระน้นั เลย จาํ เราจะตองทดลองนายหญิงดู วันรงุ ข้นึ นางกาลที าสี กแ็ สรงลุกขนึ้ สาย ภกิ ษทุ ั้งหลาย ฝายแมบานเวเทหิกา กไ็ ดตวาดนางกาลีทาสีขึน้ วาเฮย อีคนใชกาลี นางกาลีจึงขานรบั วา อะไรเจาขา . เว. เฮย ทาํ ไมเองจึงลกุ จนสาย. กา. ไมเ ปน อะไรดอก เจา คะ แมน าย นางจึงกลา วอีกวา อีคนชวั่ ราย กเ็ มอ่ื ไมเ ปนอะไร ทาํ ไมเองจึงลกุ ขึน้จนสาย ดงั นี้แลว โกรธ ขัดใจ ก็หนาน่ิวคว้ิ ขมวด. ภิกษทุ ัง้ หลาย ทน่ี ้นั นางกาลที าสีจงึ คดิ วา นายหญิงของเราไมท าํความโกรธที่มีอยใู นภายในใหป รากฏเทา นั้น ไมใ ชไมม ีความโกรธ ท่ีไมท าํความโกรธทม่ี อี ยใู นภายในใหปรากฏ กเ็ พราะเราจัดการงานท้งั หลายเรียบรอยดีไมใชไ มมคี วามโกรธ อยากระนนั้ เลย เราจะตองทดลองนายหญิงใหยง่ิ ขนึ้ ไปภกิ ษุทงั้ หลาย ถดั จากวันนน้ั มา นางกาลที าสี จึงลกุ ข้ึนสายกวา น้ันอีก ครั้งนน้ัแมบ า นเวเทหิกา ก็ตวาดนางกาลที าสอี ีกวา เฮย อกี าล.ี กา. อะไร เจาขาแมนาย. เว. เช ทําไมเองจงึ นอนตน่ื สาย. กา. ไมเปนอะไรดอก เจาคะ. นางจึงกลาวอีกวา เฮย อตี วั ราย ก็เมอ่ื ไมเ ปน อะไร ทาํ ไมเองจึงนอนตื่นสายเลา ดังนี้แลว โกรธ ขัดใจ ก็แผดเสียงวาจาทีข่ ัดใจ ภกิ ษุทัง้ หลายทนี ั้น นางกาลีทาสจี ึงคดิ วา นายหญิงของเรา ไมท ําความโกรธทมี่ อี ยูในภายในใหป รากฏเทาน้นั ไมใ ชไมมีความโกรธ ท่ีไมทาํ ความโกรธทม่ี ีอยใู นภายในใหปรากฏ กเ็ พราะเราจัดการงานท้งั หลายใหเ รียบรอยดี ไมใ ชไมม คี วามโกรธอยา กระนั้นเลย เราจะตอ งทดลองใหยิ่งขน้ึ ไปกวา น้ีอีก ดงั น้ี แตนัน้ มานางกาลีทาสกี ็ลุกขนึ้ สายกวาทกุ วนั ครง้ั น้ัน แมบานเวเทหิกาผนู าย ก็รอ ง
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 259ดากราด โกรธจัด จึงควาล่ิมประตูปาศรี ษะ ดวยหมายจะทาํ ศีรษะทาสใี หแ ตกภิกษุทั้งหลาย คราวนั้น นางกาลีทาสศี รีษะแตก โลหติ ไหลโซม จึงเทย่ี วโพนทะนา แกคนบา นใกลเ คยี งวา แมพ อทงั้ หลาย เชญิ ดูการกระทาํ ของคนเสงย่ี ม เจยี มตัว เยือกเย็นเอาเถดิ ทําไมจงึ ทาํ แกทาสีคนเดียวอยางน้เี ลาเพราะโกรธวานอนตืน่ สหาย จงึ ควา ลมิ่ ประตูปาเอาศรีษะ ดว ยหมายจะทําลายหวั ขา ดังนี้ ภกิ ษทุ ัง้ หลาย แตน ัน้ มา เกียรตศิ ัพทอ ันชว่ั ของแมบ านเวเทหิกากข็ จรไปอยางนี้วา แมเ รือนเวเทหิกา เปน คนดรู า ย ไมเ จียมตวั ไมเ ยอื กเย็นแมฉ นั ใด ภิกษทุ ั้งหลาย ภิกษบุ างรปู ในพระธรรมวนิ ยั นีก้ ฉ็ นั นั้น เปน คนสงบเสงีย่ มจดั เปน คนเจยี มตวั จัด เปนคนเยอื กเยน็ จัด ไดกเ็ พยี งชวั่ เวลาทีย่ งัไมไดกระทบถอ ยคําอนั ไมเ ปนท่พี อใจเทานั้น ภิกษุทัง้ หลาย ก็เม่อื ใดเธอกระทบถอยคําอนั ไมเปน ท่ีพอใจเขา กย็ ังเปน คนสงบเสงี่ยม เจยี มตัว เยอื กเยน็อยไู ด ภกิ ษุท้ังหลาย เมื่อน้นั แหละควรทราบวา เธอเปนคนสงบเสงีย่ มเปน คนเจยี มตวั เปน คนเยอื กเย็นจรงิ ภิกษทุ ั้งหลาย เราไมเรยี กภิกษรุ ปู ท่ีเปน คนวางา ย ถงึ ความเปน คนวา งาย เพราะเหตไุ ดจ ีวร บณิ ฑบาต เสนาสนะแลคิลานปจจยเภสัชบรขิ ารวา เปนคนวางา ยเลย ขอ นนั้ เพราะเหตุไร เพราะภิกษุรปู นนั้ เมือ่ ไมไ ดจ ีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปจ จยเภสชับรขิ ารนนั้ กจ็ ะไมเปน คนวา งาย จะไมถึงความเปนคนวางายได ภิกษุท้ังหลายอนึ่ง ภิกษุรูปใดแล มาสักการะเคารพ นอบนอ มพระธรรมอยู เปน คนวางา ยถึงความเปน คนวา งาย เราเรียกภิกษรุ ูปนน้ั วา เปน คนวา งาย ดงั น้ี เพราะฉะนน้ั แหละ ภกิ ษุทง้ั หลาย พวกเธอพงึ ศึกษาอยางนี้วา เราจกั เปนผสู ักการะเคารพ นอบนอมพระธรรม จักเปน ผวู างาย จักถึงความเปน คนวางาย ดงั นี้. [๒๖๗] ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ทางแหง ถอ ยคําทบี่ คุ คลอืน่ จะพงึ กลา วกะทานมีอยู ๕ ประการ คือ กลา วโดยกาลอันสมควรหรอื ไมส มควร ๑ กลาว
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 260ดวยเรื่องจรงิ หรือไมจรงิ ๑ กลา วดว ยคําออ นหวานหรอื คาํ หยาบคาย ๑ กลาวดว ยคําประกอบดว ยประโยชนห รือไมป ระกอบดว ยประโยชน ๑ มจี ิตเมตตาหรือมโี ทสะในภายในกลา ว ๑ ภิกษทุ ั้งหลาย เม่ือบุคคลอ่ืนจะกลา วโดยกาลอันสมควรหรอื ไมส มควรกต็ าม จะกลาวดวยเร่อื งจริงหรอื ไมจ ริงกต็ าม จะกลา วถอยคาํ ออ นหวานหรอื หยาบคายกต็ าม จะกลา วถอยคาํ ประกอบดว ยประโยชนหรือไมประกอบดวยประโยชนกต็ าม จะมีจติ เมตตาหรอื มีโทสะในภายในกลาวก็ตาม แมใ นขอนนั้ พวกเธอพงึ ศกึ ษาอยางน้วี า จิตของเราจักไมแปรปรวนเราจักไมเปลง วาจาชว่ั เราจกั อนเุ คราะหดว ยประโยชน เราจักมจี ิตเมตตาไมมโี ทสะในภายใน เราจกั แผเ มตตาจติ ไปถงึ บุคคลน้ัน และเราจกั แผเมตตาจิตอนั ไพบูลย ใหญย่งิ หาประมาณมิได ไมมเี วร ไมมีพยาบาท ไปตลอดโลกทุกทศิ ทุกทาง ซ่ึงเปน อารมณของจิตน้นั ดงั นี้ ภิกษทุ ั้งหลาย เธอทง้ั หลายพงึ ศกึ ษาดว ยอาการดงั ท่ีกลา วมาน้แี ล. [๒๖๘] ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย เปรยี บเหมอื นบรุ ษุ ถือเอาจอบและตะกรามาแลว กลาวอยา งนว้ี า เราจกั กระทาํ แผนดนิ อนั ใหญนไ้ี มใ หเปนแผนดินดังน้ี เขาขุดลงตรงทนี่ ้ัน ๆ โกยขดี้ ินทง้ิ ในทนี่ ้ัน ๆ บวนนํา้ ลายลงในทีน่ ัน้ ๆแลว สาํ ทับวา เองอยา เปน แผนดนิ ๆ ดงั น้ี ภกิ ษทุ งั้ หลาย พวกเธอจะสาํ คญัความขอนน้ั เปน ไฉน บรุ ษุ น้นั จักทาํ แผนดนิ อนั ใหญนไี้ มใ หเ ปนแผนดนิ ไดหรือไม. ภิกษุเหลานั้นกราบทลู วา ไมได พระเจาขา. ขอน้ัน เพราะเหตุไร.เพราะเหตุวาแผน ดนิ อันใหญน ้ี ลึกหาประมาณมไิ ด เขาจะทําแผน ดินอนั ใหญน้ีไมใ หเปน แผนดินไมไ ดงายเลย ก็แลบุรษุ นนั้ จะตองเหน็ดเหนื่อยลําบากเสียเปลาเปน แนแท ดงั น้ี แมฉ นั ใด ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย ทางแหง ถอ ยคาํ ทีบ่ คุ คลอื่นจะพงึ กลา วกะทา นมอี ยู ๕ ประการ คือ กลาวโดยกาลอนั สมควรหรอื ไมสมควร ๑ กลาวดวยเร่อื งจรงิ หรือไมจ ริง ๑ กลาวดวยคาํ ออ นหวานหรือคํา
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 261หยาบคาย ๑ กลา วดว ยคาํ ประกอบดว ยประโยชนห รือไมป ระกอบดว ยประโยชน๑ มีจติ เมตตาหรอื มีโทสะในภายในกลา ว ๑ ก็ฉนั น้นั เหมือนกัน เม่อื บคุ คลอืน่ จะกลา วโดยกาลอันสมควรหรือไมส มควรกต็ าม จะกลา วดวยเรื่องจริงหรอืไมจ ริงก็ตาม จะกลาวดวยถอยคาํ ออ นหวานหรอื หยาบคายก็ตาม จะกลา วถอยคําประกอบดว ยประโยชนหรือไมป ระกอบดวยประโยชนกต็ าม จะมจี ติเมตตาหรือมโี ทสะในภายในกลา วกต็ าม แมใ นขอ น้นั พวกเธอพึงศกึ ษาอยางนี้วาจติ ของเราจักไมแ ปรปรวนเราจักไมเ ปลงวาจาทชี่ ว่ั เราจกั อนเุ คราะหด วยประ-โยชน เราจกั มีจติ เมตตา ไมม ีโทสะภายใน เราจกั แผเ มตตาจติ ไปถงึ บคุ คลน้นั และเราจกั แผเ มตตาจิตอนั เสมอดวยแผน ดิน ไพบูลย ใหญยงิ่ หาประมาณมิได ไมม เี วร ไมม พี ยาบาทไปตลอดโลก ทกุ ทิศทุกทาง ซึ่งเปนอารมณข องจิตนน้ั ดังนี้ ภิกษุท้ังหลาย เธอทัง้ หลายพงึ ศกึ ษาดว ยอาการดงั ทก่ี ลา วมาน้ีแล. [๒๖๕] ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย เปรยี บบรุ ษุ ถือเอาครง้ั ก็ตาม สีเหลืองสเี ขียว หรอื สีแดงออนกต็ าม มาแลว กลาวอยา งน้ีวา เราจกั เขยี นรปู ตา ง ๆในอากาศน้ี กระทําใหรูปปรากฏชัด ดงั น้ี ภิกษทุ ้ังหลาย พวกเธอจะสาํ คญัความขอนน้ั เปนไฉน บุรุษน้ันจะเขยี นรปู ตา งๆ ในอากาศน้ี กระทําใหรปู ปรากฏชดั ไดห รือไม. ไมไ ดพระเจา ขา. ขอน้ันเพราะเหตอุ ะไร. เพราะธรรมดาอากาศนย้ี อมเปน ของไมม ีรปู รา ง ชี้ใหเหน็ ไมไ ด เขาจะเขยี นรปู ในอากาศนน้ั ทาํใหรูปเดนปรากฏชัดไมไดงา ยเลย ก็แหละบรุ ุษนัน้ จะตอ งเหนด็ เหนอ่ื ยลําบากเสียเปลาเปน แนแ ท ดังน้ี แมฉ ันใด ภกิ ษุท้งั หลาย ทางแหง ถอยคาํ ทีบ่ คุ คลอื่นจะพึงกลาวกะทา น มีอยู ๕ ประการ คือ กลา วโดยกาลอนั สมควรหรอื ไมสมควร ๑ กลา วดว ยเร่อื งจรงิ หรือไมจ รงิ กลาวดว ยคําออนหวานหรอื คาํ หยาบคาย ๑ กลาวดว ยคาํ ประกอบดว ยประโยชนห รือไมประกอบดวยประโยชน ๑ มีจิตเมตตาหรือมโี ทสะในภายในกลาว ๑ กฉ็ นั น้นั เหมือนกนั ภกิ ษุทัง้ หลาย เมอ่ื
พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 262บคุ คลอ่นื จะกลา วโดยกาลอนั สมควรหรอื ไมสมควรกต็ าม จะกลาวดวยเร่ืองจริงหรือไมจ รงิ กต็ าม จะกลาวถอ ยคาํ ออนหวานหรือหยาบคายกต็ าม จะกลาวถอยคําประกอบดวยประโยชนหรอื ไมป ระกอบดวยประโยชนก ็ตาม จะมีจิตเมตตาหรือมีโทสะในภายในกลา วก็ตาม แมในขอน้นั พวกเธอพงึ ศึกษาอยางนีว้ า จิตของเราจกั ไมแ ปรปรวน เราจักไมเปลง วาจาชั่ว เราจักอนุเคราะหด ว ยประโยชนเราจกั มจี ิตเมตตา ไมม ีโทสะในภายใน เราจกั แผเ มตตาจติ ไปถึงบคุ คลนั้นและเราจะแผเ มตตาจิตอนั ไพบูลย ใหญย ่งิ หาประมาณมิได ไมม เี วร ไมมีพยาบาท ไปตลอดโลก ทกุ ทิศทกุ ทาง ซึง่ เปนอารมณของจติ นั้น ดังน้ี ภิกษุทั้งหลาย เธอทงั้ หลายพึงศึกษาดวยอาการดังกลา วมาน้แี ล. [๒๗๐] ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย เปรยี บเหมือนบรุ ษุ ถือเอาคบหญาท่ีจุดไฟมาแลวกลา วอยา งน้ีวา เราจักทําแมน ํา้ คงคาใหร อนจัด ใหเ ดือดเปน ควนัพลุง ดว ยคบหญา ทจ่ี ดุ ไฟแลวนี้ ดงั นี้ ภิกษทุ งั้ หลาย พวกเธอจะสาํ คญั ความขอนัน้ เปนไฉน บรุ ุษนัน้ จกั ทาํ แมน าํ้ คงคาใหร อนจดั ใหเ ดอื ดเปนควันพลุงดว ยคบหญา คบทจ่ี ุดไฟแลว ไดหรือไม. ไมไดพ ระเจาขา . ขอน้นั เพราะเหตไุ ร.เพราะแมนา้ํ คงคาเปน แมนํา้ ที่ลกึ สดุ ทจ่ี ะประมาณ เขาจะทําแมค งคาน้นั ใหรอนจัด ใหเดอื ดเปนควันพลงุ ดวยคบหญาท่ีจุดไฟเเลว ไมไ ดง ายเลย กแ็ ลบุรุษนน้ั จะตองเหน็ดเหนื่อยลําบากเสียเปลาเปน แนแ ท ดังน้ี แมฉันใด ภกิ ษุทงั้ หลาย ทางแหงถอยคาํ ท่ีบคุ คลอื่นจะพงึ กลา วกะทานมีอยู ๕ ประการ คือกลา วโดยกาลอันสมควรหรือไมสมควร ๑ กลา วดว ยเรอ่ื งจริงหรอื ไมจ รงิ ๑กลาวดวยคาํ ออ นหวานหรอื หยาบคาย กลา วดวยคาํ ประกอบดว ยประโยชนหรอื ไมป ระกอบดวยประโยชน ๑ มีจิตเมตตาหรอื มีโทสะะในภายในกลา ว ๑ก็ฉันน้นั เหมอื นกัน ภิกษทุ ง้ั หลาย เมื่อบคุ คลอ่ืนจะกลา วโดยกาลอันสมควรหรอื ไมสมควรกต็ าม เขาจะกลาวดวยเรอ่ื งจรงิ หรอื ไมจรงิ ก็ตาม จะกลา วถอยคาํ
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 263ออ นหวานหรือหยาบคายกต็ าม จะกลาวถอ ยคําประกอบดวยประโยชนห รือไมประกอบดว ยประโยชนก ็ตาม จะมจี ติ เมตตาหรือมีโทสะในภายในกลาวกต็ ามแมในขอน้ัน พวกเธอพงึ ศกึ ษาอยางนว้ี า จิตของเราจักไมแ ปรปรวน เราจกัไมเปลงวาจาท่ีชว่ั เราจกั อนุเคราะหดว ยประโยชน เราจักมเี มตตาจติ ไมม ีโทสะในภายใน เราจกั แผเมตตาจติ ไปถึงบคุ คลนัน้ และเราจักแผเมตตาจิตอนั เสมอดวยแมน ้าํ คงคาไพบูลย ใหญยงิ่ หาประมาณมไิ ด ไมม เี วร ไมมพี ยาบาทไปตลอดโลกทุกทิศทุกทาง ซ่ึงเปน อารมณข องจติ นัน้ ดงั นี้ ภิกษทุ ้ังหลายเธอทง้ั หลายพงึ ศกึ ษาดวยอาการดังที่กลาวมาน้แี ล. [๒๗๑] ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย เปรียบเหมอื นกระสอบหนังแนวท่ีนายชา งหนังฟอกดีเรยี บรอยแลว ออ นนมุ ดงั ปยุ นนุ และสําลี เปน กระสอบท่ีดีไดไมด ังกอง ถา มบี รุ ษุ ถือเอาไมห รอื กระเบ้อื งมาพูดขึน้ อยางนี้วา เราจักทาํ กระสอบหนงั แมว ทเ่ี ขาฟอกไวดีเรียบรอยแลว ออนนมุ ดังปุยนุนและสําสี ท่ตี ีไดไ มดงักองนใ้ี หเปน ของมีเสียงดงั กอ ง ดวยไมหรือกระเบอ้ื งดังน้ี ภิกษุทงั้ หลายพวกเธอจะสําคัญความขอน้นั เปนไฉน บรุ ุษนน้ั จะทํากระสอบหนังแมวทเ่ี ขาฟอกไวดเี รียบรอยแลว ออนนุมดังปุยนนุ และสําลี ทต่ี ีไดไมด ังกองนี้ใหกลบั มีเสยี งดังกองขึน้ ดว ยไมหรอื กระเบือ้ งไดหรือไม. ไมไดพระเจา ขา ขอ นั้นเพราะเหตุไร. เพราะเหตุวา กระสอบหนังแมวน้ีเขาฟอกดเี รยี บรอยแลว ออนนมุ ดังปยุ นุน และสาํ ลี ซงึ่ เปนของที่ตีไดไมดังกอ ง เขาจะทาํ กระสอบหนังแมวน้นั ใหก ลบั เปน ของมเี สยี งดงั กองขึน้ ดวยไมหรือกระเบ้ืองไมไดง า ยเลย บุรุษคนน้ัน จะตอ งเหน็ดเหนอื่ ยลําบากเสยี เปลา เปนแนแท ดังน้ี แมฉันใด ภิกษทุ ้งั หลาย ทางแหงถอยคาํ ท่บี คุ คลอื่นจะพงึ กลาวกะทา นมอี ยู ๕ ประการคอื กลา วโดยกาลอันสมควรหรือไมส มควร๑ กลา วดวยเรอ่ื งจรงิ หรือไมจ รงิ ๑ กลา วดว ยคาํ ออ นหวานหรอื หยาบคาย ๑กลา วดวยคํามีประโยชนห รือไรประโยชน ๑ มีจติ เมตตาหรือมโี ทสะในภายใน
พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 264กลา ว ๑ กฉ็ นั นั้นเหมือนกนั ภิกษุทั้งหลาย เมอื่ คนอื่นจะกลา วโดยกาลอันสมควร หรอื ไมส มควรกต็ าม จะกลา วดว ยเรอ่ื งจริงหรือไมจ ริงกต็ าม จะกลา วดว ยถอ ยคาํ ออนหวานหรอื หยาบคายก็ตาม จะกลาวดว ยถอยคาํ มปี ระโยชนห รอืไรประโยชนก ต็ าม จะมจี ติ เมตตาหรอื มีโทสะะในภายในกลา วกต็ าม แมใ นขอนั้นพวกเธอพงึ ศกึ ษาอยา งน้วี า จิตของเราจักไมแ ปรปรวน เราจกั ไมเปลง วาจาท่ีช่ัวเราจักอนเุ คราะหผ ูอื่นดว ยประโยชน เราจกั มีเมตตาจิต ไมมโี ทสะในภายในเราจกั แผเมตตาจิตไปถงึ บคุ คลนั้น และเราจักแผเ มตตาจิตอันเสมอดว ยกระสอบหนงั แมว ไพบูลย ใหญย ง่ิ หาประมาณมิได ไมม เี วร ไมมีพยาบาท ไปตลอดโลก ทุกทศิ ทกุ ทาง ซ่ึงเปนอารมณข องจิตนน้ั ดังน้ี ภิกษทุ งั้ หลายเธอทั้งหลายพงึ ศกึ ษาดวยอาการดังทก่ี ลาวมานีแ้ ล. [๒๗๒] ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย หากจะมีพวกโจรผมู ีความประพฤติต่ําชา เอาเลื่อยที่มีดา มสองขา ง เลอื่ ยอวยั วะใหญนอยของพวกเธอ แมใ นเหตนุ ั้นภิกษหุ รือภกิ ษณุ รี ปู ใดมีใจคดิ รา ยตอโจรเหลา นัน้ ภกิ ษหุ รือภกิ ษุณรี ปู น้นัไมช อ่ื วา เปน ผทู าํ ตามคําสั่งสอนของเรา เพราะเหตทุ ีอ่ ดกลัน้ ไมไ ดน้ัน ภิกษุทง้ั หลาย แมใ นขอ น้ัน เธอทงั้ หลายพึงศึกษาอยางน้ีวา จติ ของเราจกั ไมแปรปรวน เราจักไมเปลงวาจาทชี่ ั่ว เราจักอนเุ คราะหผอู ืน่ ดว ยประโยชนเราจกั มีเมตตาจิตไมม โี ทสะในภายใน เราจักแผเมตตาจติ ไปถึ่งบุคคลนน้ั และเราจักแผเ มตตาจติ อนั ไพบูลย ใหญยงิ่ หาประมาณมิได ไมม เี วร ไมมพี ยาบาทไปตลอดโลก ทุกทศิ ทกุ ทาง ซง่ึ เปนอารมณของจิตน้ัน ดงั น้ี ภิกษุทง้ั หลายพวกเธอพึงศึกษาดว ยอาการดังทกี่ ลา วมานี้แล. [๒๗๓] ดกู อนภิกษุทั้งหลาย ก็พวกเธอควรใสใ จถงึ โอวาทอนั เปรยี บดวยเล่ือยนเี้ นืองนิตยเถดิ พวกเธอจะไมม องเห็นทางแหงถอยคําที่มีโทษนอ ยหรือโทษมาก ทพ่ี วกเธอจะอดกล้นั ไมไ ด หรอื ยังจะมอี ยบู า ง. ไมมพี ระเจา ขา .
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 265เพราะเหตุน้นั แหละ ภกิ ษุทั้งหลาย พวกเธอจงใสใจถึงโอวาทอันเปรยี บได ดว ยเลื่อยนเี้ นืองนติ ยเถิด ขอ นั้นจกั เปนประโยชนแ ละความสุขแกพ วกเธอส้ินกาลนาน ดงั น้แี ล. พระผมู พี ระภาคเจาไดต รัสพระพทุ ธพจนน ีแ้ ลว ภกิ ษุเหลา น้นั มใี จชน่ื ชมยินดีภาษิตของพระผูม พี ระภาคเจาแลว แล. จบ กกจูปมสูตรที่ ๑
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 266 โอปม มวรรค อรรถกถากกจูปมสตู ร กกจปู มสูตร มคี ําเริม่ ตนวา ขา พเจา ไดฟ งมาอยางนี.้ พึงทราบวนิ ิจฉยั ใน กกจูปมสูตรนนั้ ดงั ตอไปน.้ี คาํ วา โมลิย-ผัคคุนะ นี้ มวยผม ทา นเรียกวา โมล.ี เหมอื นอยา งท่ที า นกลา วไววา เฉตฺวาน โมลี วรคนธฺ วาสติ เวหาสย อุกฺขปิ สากยฺ ปุงคฺ โว รตนจงฺโกฏวเรน วาสโว สหสสฺ เนตฺโต สริ สา ปฏคิ คฺ ห.ิ จอมศากยะผูป ระเสรฐิ สุด ทรงตัดพระเมาลี (คอื มวยผม) อนั อบดวยของหอมอยา งดแี ลว โยนขนึ้ ไปในอากาศ ทาววาสวะสหัสสเนตรทรง เอาผอบแกว อันประเสรฐิ ทูนพระเศยี ร รับไว ดงั น้ี.ในเวลาท่ที านเปน คฤหัสถม มี วยผมใหญ เพราะเหตุน้นั เขาจึงเรยี กทานวาโมลยิ ผัคคนุ ะ. แมบวชแลวชนท้ังหลายก็ยังจําช่อื นน้ั ได. บทวา อตเิ วล แปลวา เกนิ ขอบเขต. ในบทวา อต เวล นั้นเวลามี ๓ คอื ๑. กาลเวลา ขอบเขตคือเวลา ๒. สมี เวลา ขอบเขตคือเขตแดน ๓. สีลเวลา ขอบเขตคอื ศลี
พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 267 จรงิ อยู ในคําวา ทรงเปลงอทุ านนใ้ี นเวลานั้น ดังน้ี เวลานี้ชอ่ื วากาลเวลา. ในคาํ วา ภกิ ษผุ มู ีธรรมอันต้งั อยูแลวจะไมก า วลว งแดน ดังนี้เวลาน้ี ช่ือวา ลีมเวลา. ในคําวา การไมลว งละเมดิ เวลา คอื ทช่ี ือ่ เสตุฆาต-วิรัติ อริยมรรคผูฆา ซึ่งบาปธรรมอนั เปน นบั เนอื่ งแลวในพระอริยมรรค ชอ่ื วาเสตุ และในคําวา ช่ือวา เวลา เพราะอรรถวา การไมลวงละเมดิ น้ี ดังน้ีเวลาน้ชี อื่ วา สลี เวลา. พระโมลยิ ผคั คนุ ะนั้นยอ มกาวลว งขอบเขตตามท่กี ลาวแลวนัน้ ทั้ง ๓ทเี ดียว. จริงอยู กาลเวลาสาํ หรับการใหโ อวาทภิกษุณที ้ังหลาย มีอย.ู เมอ่ืพระอาทิตยอ ศั ดงคตตกแลว พระโมลยี ผคั คนุ ะนน้ั ก็ยงั กลาวสอนอยู จึงชอื่ วาเกินกาลเวลาแมน นั้ . ชอ่ื วา ประมาณ (การกําหนด) ในการกลา วสอนภิกษุณีทงั้ หลาย มีอยู ชอื่ วา สีมมรยิ าทา แปลวา เขตแดน พระโมลยิ ปค คุนะน้ันกลาวสอนเกินกวา หา หกคาํ ขึ้นไป จงึ ช่ือวา เกินสีมเวลาแมนั้น. ก็พระโมลยิ -ผคั คุนะเมือ่ กลา วธรรมอยู. ก็กระทาํ เปน เลน (มกี ารพูดตลกเปน ตน) ยอ มกลาวคํามากเพียงพอท่ีจะเปนอาบัติหยาบได. ดวยอาการอยางน้ี ชือ่ วา เกนิแมซงึ่ สีลเวลา. บทวา ส สฏโ คอื วาเปน ผูป ะปนกนั รว มสขุ ทกุ ขก นั . บทวา สมฺมุขาคือ ขา งหนา. บทวา อวณฺณ ภาสติ ความวา ภกิ ษุรูปไร ๆ เห็นพวกภิกษุณีเหลา นัน้ ทาํ กจิ มีการตาํ ขา วเปนตน ก็จะกลา วส่งิ ที่ไมเ ปนเปนคณุ วาภิกษุณพี วกนี้พระพฤติไมด ี วา ยาก เปนผูคะนอง คงไมต อ งอาบัติ ดังนี้.บทวา อธิกรณ ป กโรติ ความวา พระโมลยิ ผคั คนุ ะ ยอ มชัดอธกิ รณ(เรอ่ื งราว) แกภกิ ษุท้งั หลายเหลา นว้ี า จาํ เดมิ แตเหน็ ภิกษุณีท้งั หลายเหลาน้แี ลวขัดลูกตา การบูชาดว ยดอกไมในวหิ ารนี้ หรือวา การกระตา ง ๆ มีการชําระลา งอาสนะ. และการประพรมเปนตน ยอมดําเนินโดยภกิ ษุณีเหลานี้ ภกิ ษุณีเหลา น้ีเปนกุลธดิ า เปน ผมู ีความละอาย พวกทานกลา วอยา งน้ี ๆ แกภกิ ษุณีเหลา น้นั
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 268พวกทา นเปนอาบัติช่อื น้ี พวกทา นจงมาสํานกั พระวนิ ัยธร แลวใหวินจิ ฉยัแกเ รา. บทวา โมลยิ ผคคฺ นุ สฺส อวณฺณ ภาสติ ความวา ภกิ ษไุ ร ๆยอ มกลา วสิ่งอนั มใิ ชค ณุ วา ช่อื วา อาบัติ ยอมไมม ีแกภิกษุน้ี ท่บี ริเวณของพระโมลยิ ผัคคุนะนี้ ไมว า งภิกษณุ ีตลอดกาลเปนนติ ย ดงั น.้ี บทวา อธกิ รณ ปกโรนฺติ ความวา ยอมชกั อธิกรณแ กภ ิกษุทั้งหลายเหลาน้ีวา จําเดมิ แกเราเห็นพระโมลิยผคั คุนะเถระแลว ยอ มขดั ลูกตา ใคร ๆ ไมอ าจแมแ ตจะแลดูท่อี ยูของพวกภิกษอุ ่ืนในวิหารนไ้ี ด พวกภกิ ษณุ ที ่มี าสูวหิ ารน้ี ไดอ าศัยพระเถระ(พระโมลิยผคั คนุ ะ) รปู เดียวแท ๆ จงึ ไดโ อวาทบา ง การตอนรับบางบทอุทเทสบา ง ทา นเปนบตุ รของผมู ตี ระกูล มีความละอาย มคี วามราํ คาญพวกทา นจงกลาวถอ ยคาํ อยางน้ี ๆ เหน็ ปานนี้ พวกทานจงมา ใหพ ระวินัยธรวนิ จิ ฉัยแกเ รา ดงั นี้. ขอวา โส ภิกฺขุ ภควนตฺ เอตทโวจ ความวา ไดกราบทลู เพ่อื ตองการจะใหเ ปนท่รี ักกห็ าไม หรือดว ยประสงคเ พอื่ ใหเขาแตกกนัก็หาไม ที่แทเ พอ่ื มงุ ประโยชนเ ทานัน้ . ไดย ินวา ภิกษุนัน้ คิดวา เมอ่ื ภิกษุ (โมลิยผัคคนุ ะ) นี้คลกุ คลอี ยูอยา งน้ี ความเส่อื มยศ จกั เกิดขน้ึ สิ่งทม่ี ิใชยศนนั้ เปน โทษแมแกพ ระศาสนากพ็ ระโมลยิ ผคั คุนะน้ถี ูกภกิ ษุอน่ื ตกั เตือนแลวกจ็ กั ไมยอมงดเวน พระผูมีพระ-ภาคเจาทรงแสดงธรรมใหโ อวาทแลว ก็จักงดเวน ดังนี.้ เพราะภกิ ษุน้ันเปนผมู งุ ประโยชน จงึ ไดกราบทูลพระผูมีพระภาคเจา วา อายสฺมา ภนเฺ ตเปน ตน แปลวา ขาแตพระองคผ เู จริญ ทานพระโมลยิ ผคั คุนะ คลกุ คลีอยูกับพวกภิกษณุ ีเกินขอบเขต เปน ตน. บทวา อามนเฺ ตหิ คอื วา จงใหท ราบ.บทวา อามนฺเตติ แปลวา ตรัสเรยี ก. บทวา สทฺธา แปลวา ดวยศรทั ธาบทวา ตสฺมา ความวา ก็เพราะเหตทุ เ่ี ธอเปน บุตรผมู ตี ระกูล เปนผูบวชดว ยศรัทธา หรือเหตุที่เธอคลกุ คลีอยูก ับภกิ ษณุ ีทง้ั หลายอยางนัน้ คนพวกใด
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 289อตั ตาของเรา ภิกษุทงั้ หลาย สวนอรยิ าสาวกผูสดบั แลว ผเู หน็ พระอริยะท้งั หลายฉลาดในธรรมของพระอรยิ ะ ไดร ับแนะนําดแี ลว ในธรรมของพระอรยิ ะ เหน็สัตบรุ ษุ ฉลาดในธรรมของสตั บุรุษ ไดร ับแนะนําดแี ลวในธรรมของสัตบุรษุยอ มพิจารณาเห็นรูปวา นน่ั ไมใ ชข องเรา เราไมเปนนนั่ นน่ั ไมใชอ ัตตาของเรา ยอ มพจิ ารณาเห็นเวทนาวา นัน่ ไมใ ชของเรา เราไมเปนนั่น นั่นไมใ ชอตั ตาของเรา ยอ มพิจารณาเห็นสัญญาวา น่ันไมใ ชของเรา เราไมเปน นนั่นัน่ ไมใ ชอ ัตตาของเรา ยอมพจิ ารณาเหน็ สงั ขารท้ังหลายวา น่นั ไมใ ชของเราเราไมเปนนั่น นัน่ ไมใชอ ัตตาของเรา ยอมพจิ ารณาเห็นรปู ท่เี หน็ แลว เสียงท่ฟี งแลว กลน่ิ รส โผฐัพพะทท่ี ราบแลว อารมณท รี่ แู จง แลว ถงึ แลวแสวงหาแลว ใครค รวญแลวดว ยใจวา นัน่ ไมใ ชของเรา เราไมเปนนั่น นน่ัไมใชอ ตั ตาของเรา ยอมพิจารณาเห็นเหตแุ หง ทิฐวิ า น่ันโลก นนั่ ตน ในปรโลก เรานน้ั จกั เปนผูเทยี่ ง ย่งั ยืน คงทไ่ี มม คี วามแปรปรวนเปน ธรรมดาจักตง้ั อยูเสมอดว ยความเทย่ี งอยางนั้นวา น่นั ไมใชของเรา เราไมเ ปนนนั่ น่ันไมใ ชอตั ตาของเรา พระอรยิ สาวกน้นั พิจารณาอยอู ยางน้ี ยอมไมสะดงุ ในเพราะสิง่ ท่ไี มม อี ยู. [๒๘๒] เมอ่ื พระผมู ีพระภาคเจาตรสั อยางนี้แลว ภิกษรุ ปู หน่ึงกราบทลู พระผมู พี ระภาคเจา วา ขาแตพ ระองคผ เู จรญิ เม่อื ความพินาศแหงบรขิ ารในภายนอก ไมม ี ความสะดงุ พึงมไี ดห รอื หนอแล พระผมู พี ระภาคเจาตรสั วาพึงมีไดสิ ภกิ ษุ บางคนในโลกนม้ี คี วามเหน็ อยา งน้ีวา สิง่ นั้นไดม ีแลว แกเราหนอส่งิ นนั้ ยอมไมมแี กเ ราหนอ ส่ิงนน้ั พงึ มีแกเราหนอ เราไมไดส่งิ น้นั หนอ บุคคลน้นั ยอมเศราโศก ลําบาก รําไร คร่ําครวญ ตอี ก ถึงความลมุ หลง ภิกษุเม่อื ความพินาศแหง บริขารในภายนอกไมม ี ความสะดุง ยอมมไี ดดว ยอาการอยา งนแี้ ล ภิกษนุ ้นั ทูลถามวา ขา แตพ ระองคผูเ จริญ กเ็ มอื่ ความพินาศแหงบรขิ าร
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 290ในภายนอกไมมี ความไมส ะดงุ พึงมีหรอื พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั วา พงึ มีสภิ ิกษุบคุ คลบางคนในโลกนี้ ไมม ีความเห็นอยา งนี้วา สิง่ นัน้ ไดมีแลวแกเ ราหนอส่ิงน้ันยอ มไมมีแกเ ราหนอ สิ่งนั้นพึงมีแกเ ราหนอ เราจะไมไ ดส ่งิ นั้นหนอบคุ คลนัน้ ยอ มไมเศราโศก ไมล ําบาก ไมรา่ํ ไร ไมครํ่าครวญ ตอี ก ไมถงึความลุม หลง ดกู อ นภกิ ษุ เมอื่ ความพนิ าศแหงบริขารในภายนอกไมม ี ความไมส ะดงุ ยอมมีไดด ว ยอาการอยางนี้แล ภิกษุน้นั ทลู ถามวา ขา แตพ ระองคผ เู จรญิเมื่อความพนิ าศแหงบรขิ ารในภายในไมมี ความสะดุง พงึ มีหรอื . พระภาคเจาตรัสวา พึงมสี ิภกิ ษุ บคุ คลบางคนในโลกนี้ มีความเห็นอยางนวี้ า นนั้ โลก นั้นอตั ตาในปรโลก เรานัน้ จกั เปน ผูเทีย่ ง ยัง่ ยืน คงท่ี ไมม คี วามแปรปรวนเปน ธรรมดาจักตัง้ อยู เสมอดวยความเท่ยี งอยา งนน้ั บคุ คลนั้นยอ มฟง ตอตถาคต หรือสาวกของตถาคตผแู สดงธรรมอยู เพื่อถอนขึน้ ซงึ่ ทฐิ ิ เหตุแหงทิฐิ ความต้งัม่นั แหง ทฐิ ิ ความกลมุ รุมดว ยทิฐิ และเช้ือแหง ความยดึ ม่นั ท้ังหมด เพื่อระงบัสังขารทัง้ หมด เพอ่ื สละคนื อปุ ธทิ ัง้ หมด เพอ่ื ความสนิ้ แหงตัณหา เพ่อื ความสํารอก เพ่อื ความดับ เพอ่ื นพิ พาน บคุ คลนัน้ มคี วามเหน็ อยางนวี้ า เราจกั ขาดสูญแนแ ท จกั ฉิบหายแนแท จักไมม ีแนแท บุคคลน้นั ยอ มเศรา โศก ลาํ บากราํ่ ไร คร่ําครวญ ตีอก ถึงความลุม หลง ภกิ ษุ เมอ่ื ความพินาศแหงบรขิ ารในภายในไมมี ความสะดุงยอมมไี ดดว ยอาการอยางนีแ้ ล ภิกษุน้นั ทลู ถามวา ขาแตพ ระองคผ ูเจริญ เม่อื ความพินาศแหง บรขิ ารในภายในไมมี ความไมส ะดงุพึงมีไดหรือ พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั วา พงึ มสี ภิ กิ ษุ บคุ คลบางคนในโลกนี้ไมมีความเหน็ อยา งน้ีวา นั้นโลก นั้นอัตตา ในปรโลก เราน้ันจกั เปน ผเู ทยี่ งย่ังยืน คงท่ี ไมม ีความแปรปรวนเปน ธรรมดา จกั ต้งั อยูเสมอดวยความเท่ยี งอยา งนั้น บุคคลน้นั ยอมฟงตอ ตถาคต หรอื ตอสาวกตอ ตถาคตผแู สดงธรรมอยูเพ่ือถอนข้ึนซ่งึ ทฐิ ิ เหตแุ หง ทฐิ ิ ความต้ังมั่นแหง ทฐิ ิ ความกลนุ รุมดว ยทิฐิ และ
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 291เช้ือแหง ความยดึ มัน่ ท้ังหมด เพ่อื ระงับสงั ขารทง้ั หมด เพื่อสละคนื อุปธิทั้งหมดเพ่ือความสนิ้ แหงตัณหา เพ่อื ความสาํ รอก เพือ่ ความดบั เพอื่ นิพพาน บคุ คลนั้นไมม ีความเห็นอยา งน้ีวา เราจกั ขาดสูญแนแท จักฉิบหายแนแ ท จักไมม แี นแท บคุ คลน้ันยอ มไมเ ศราโศก ไมล าํ บาก ไมรา่ํ ไร ไมค รํ่าครวญตีอก ไมถงึ ความลุมหลง เมอ่ื ความพินาศแหง บรขิ ารในภายในไมมี ความไมส ะดงุ ยอมมไิ ดด ว ยอาการอยา งน้ีแล. [๒๘๓] ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย เธอทัง้ หลายพึงกาํ หนดถือเอาบรขิ ารทหี่ วงแหน ซึ่งเปน ของเท่ียง ยัง่ ยืน คงที่ ไมม คี วามแปรปรวนเปน ธรรมดาตง้ั อยูเ สมอดวยความเทยี่ งอยางนน้ั เธอท้งั หลายเหน็ บริขารที่หวงแหน ซ่ึงเปนของเทย่ี ง ย่งั ยนื คงท่ี ไมมีความแปรปรวนเปน ธรรมดา ตัง้ อยูเ สมอดวยความเทย่ี งอยา งนัน้ หรือไม. ภิกษุท้งั หลายกราบทูลวา ไมเปนอยางนั้น พระเจา ขา .พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสวา ดีละ ภิกษทุ ้งั หลาย เรากไ็ มพจิ ารณาเหน็ บริขารทห่ี วงแหน ซงึ่ เปน ของเที่ยง ยัง่ ยืน คงที่ ไมม ีความแปรปรวนเปนธรรมดาตัง้ อยเู สมอดวยความเที่ยงอยา งนนั้ . เธอท้งั หลายพึงเขาไปยึดถืออัตตาทปุ าทานซ่งึ เม่ือเธอยึดถอื อยู จะพึง โสกะปรเิ ทวะ ทุกขะ โทมนัส และอุปายาส เธอทงั้ หลายเหน็ อัตตวาทุปาทาน ซึ่งเมือ่ เธอยดึ ถืออยจู ะพึงไมบังเกดิ โสกะปริเทวะทุกขะ โทมนสั และอปุ ายาส หรอื ไม. ไมเ ปน อยางน้นั พระเจาขา. ดลี ะ. ภกิ ษทุ ั้งหลาย แมเรากไ็ มพ จิ ารณาเหน็ อตั ตาทุปาทาน ซ่งึ เม่อืบุคคลยดึ ถอื อยูจ ะไมพงึ บังเกดิ โสกะ ปริเทวะ ทกุ ขะ โทนนสั และอปุ ายาสเธอท้งั หลายพงึ อาศัยทิฐินิลัย ซึง่ เมื่อเธออาศยั ยึดถืออยจู ะพงึ ไมบงั เกิดความโสกะปรเิ ทวะ ทกุ ขะ โทนนัส และอุปายาส เธอทง้ั หลายเหน็ ทฐิ ินิสยั ซึ่งเมอื่ เธอ
พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 292อาศยั ยดึ ถอื จะพึงไมบ งั เกิดโสกะ ปรเิ ทวะ ทกุ ขะ โทมนสั และอปุ ายาส หรือไม. ไมเปน อยา งนน้ั พระเจา ขา. ดีละ ภกิ ษทุ ้งั หลาย แมเ ราก็ไมพิจารณาเหน็ ทฐิ นิ สิ ยั ซ่งึ เมื่อบคุ คลอาศยั ยดึ ถอื อยจู ะพึงไมบังเกดิ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส และอุปายาส. [๒๘๔] พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสวา ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย อนึ่ง เมอื่อัตตามีอยู บริขารที่เนอ่ื งดว ยอตั ตามีกพ็ ึงมีวา ของเราหรอื . ทูลวา อยางนั้น พระเจาขา . ตรสั วา อน่ึง เม่อื บริขารเน่อื งดวยอัตตามีอยู อตั ตาพึงมวี าของเราหรอื . ทูลวา อยา งน้ัน พระเจาขา. ตรัสวา เมอ่ื อตั ตาและบรขิ ารเนื่องดวยอัตตาบคุ คลถอื เอาไมไ ด โดยความเปน ของจรงิ โดยความเปน ของแท คอื เหตแุ หง ทฏิ ฐิวา น้นั โลก นนั้อัตตา แมตายไปแลว เรานน้ั จกั เปน ผูเ ทยี่ งย่งั ยนื คงท่ี ไมมคี วามแปรปรวนเปนธรรมดา จกั ตั้งอยูเสมอดวยความเทีย่ งอยางนนั้ . นเ้ี ปน ธรรมของคนเปลาบริบูรณส นิ้ เชิงมใิ ชห รอื . ทูลวา ขอ น้ี ไฉนจะไมพึงเปน อยา งน้นั พระเจา ขา เปนธรรมของคนเปลาบรบิ ูรณส ้นิ เชิงทีเดยี ว. ตรสั วา ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย เธอทงั้ หลายจะสาํ คญั ความขอน้นั เปนไฉน รูปเที่ยงหรอื ไมเ ทีย่ ง. ไมเทีย่ ง พระเจาขา . ก็ส่งิ ใดไมเท่ยี ง ส่ิงนัน้ เปน ทุกขหรอื เปน สขุ เลา . เปน ทกุ ข พระเจา ขา .
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 293 ก็ส่งิ ใดไมเท่ียง เปน ทกุ ข มีความแปรปรวนเปนธรรมดา ควรหรอืท่ีจะตามเหน็ สิ่งนนั้ วา นั่นของเรา เราเปนนัน่ นนั่ เปนอตั ตาของเรา. ขอ นน้ั ไมค วรเลย พระเจา ขา . ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย เธอทัง้ หลายจะสาํ คัญความขอนน้ั ไฉน เวทนา. . .สญั ญา. . . สังขารท้งั หลาย. . . วิญญาณ เท่ยี งหรือไมเท่ยี ง. ไมเที่ยง พระเจาขา. ก็ส่งิ ใดไมเ ทยี่ ง ส่งิ นน้ั เปน ทกุ ขห รอื เปนสุข. เปนทุกข พระเจา ขา . ก็ส่งิ ใดไมเ ท่ยี ง เปน ทกุ ข มีความแปรปรวนเปนธรรมดา ควรหรือทีจ่ ะตามเห็นสงิ่ นั้นวา นั่นของเรา เราเปน น่ัน นน่ั เปนอัตตาของเรา. ขอนนั้ ไมควรเลย พระเจาขา. เพราะเหตนุ นั้ แล ภกิ ษทุ ัง้ หลาย รูปอยา งใดอยา งหนงึ่ ทเ่ี ปน อดตีอนาคต และปจจบุ นั เปน ภายในหรอื ภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยูในที่ใกลหรอื ในทใี่ กล รปู ทงั้ ปวง เธอทัง้ หลาย พึงเหน็ ดว ยปญ ญาอันชอบตามความเปน จริงอยา งน้ีวา นนั่ ไมใ ชข องเรา เราไมเ ปน น่ัน นัน่ ไมใ ชอัตตาของเรา เวทนาอยางใดอยา งหน่ึง. . . สญั ญาอยา งใดอยา งหนง่ึ . . . สังขารเหลา ใดเหลา หนึง่ . . . วญิ ญาณอยางใดอยางหนง่ึ ท่ีเปน อดีตอนาคต และปจ จบุ ันเปน ภายในหรอื ภายนอก หยาบหรือละเอยี ด เลวหรอื ประณีต อยูในทไ่ี กลหรือในทใี่ กล วญิ ญาณทง้ั ปวง เธอทัง้ หลายพึงเหน็ ดว ยปญ ญาอันชอบตามความเปนจริงอยา งนว้ี า น่ันไมใ ชของเรา เราไมเ ปนนนั่ นัน่ ไมใ ชอ ัตตาของเรา. [๒๘๕] ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย พระอรยิ สาวกผไู ดสดับแลว เหน็ อยูอยางน้ี ยอมเบื่อหนา ยทงั้ ในรปู ทั้งในเวทนา ท้ังในสญั ญา ทง้ั ในสงั ขารท้ังหลาย
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 294ทั้งในวิญญาณ เมือ่ เบอ่ื หนา ย ยอ มคลายกาํ หนัด เพราะคลายกาํ หนัด ยอมหลดุ พน เมือ่ หลดุ พนแลว กม็ ีญาณรูวา หลดุ พน แลว ยอ มรูช ดั วา ชาติสิ้นแลว พรหมจรรยอยจู บแลว กิจทคี่ วรทาํ ทาํ เสร็จแลว กจิ อ่นื เพื่อความเปน อยางนี้ มิไดม อี ีก ดกู อนภิกษุท้งั หลาย ภิกษนุ ้เี รากลา ววา ผมู ีลิม่ คอือวิชชาอันยกขึ้นแลวดงั น้ีบาง วา ผมู เี ครอ่ื งแวดลอ มคอื กมั มาภสิ ังขารอันร้อื เสยีแลวดงั น้ีบา ง วาผูมเี สาระเนียดคือตณั หาอันถอนขนึ้ แลวดงั นบ้ี า ง วาผูไมมีสลักประตคู ือสังโยชนดังนี้บา ง วา อริยะผูประเสริฐ มีธงคอื มานะอนั ตกแลวมีภาระอันตกแลว ไมมมี านะแลว ดังนีบ้ าง ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย ภิกษเุ ปนผมู ีล่ิมคอื อวิชชาอันยกขึ้นแลว อยา งไรเลา ภิกษใุ นพระธรรมวินยั นี้ ละอวิชชาที่มรี ากขาดแลว เปนดุจตาลยอดดวน ไมม แิ ลวเปน ธรรมดา ไมบังเกิดขึน้ตอไป ภกิ ษเุ ปน ผมู ลี ิม่ คืออวิชชาอนั ยกขึ้นแลวดวยอาการอยา งนีแ้ ล ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย ภิกษุเปนผมู ีเครอ่ื งแวดลอ มคอื กมั มาภสิ ังขารอนั รือ้ เสียแลว อยางไรเลา ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ภิกษใุ นพระธะรรมวนิ ัยน้ี ละสงั ขารเคร่อื งปรุงแตงชาติ อนั ใหเ กดิ ในภพใหม ที่มรี ากขาดแลวเปนดุจตาลยอดดว น ไมมแี ลวเปนธรรมดาอันไมบ ังเกดิ ข้นึ ตอ ไป ภิกษุเปนผูมเี คร่ืองแวดลอมคือกัมมาภ-ิสงั ขารอนั รือ้ เสยี แลวดวยอาการอยางนแ้ี ล ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย ภกิ ษุในพระธรรมวินัยน้ี เปน ผมู เี สาระเนียดคอื ตัณหาอันถอนขน้ึ แลวอยางไรเลา ภกิ ษใุ นพระธรรมวนิ ยั น้ีละตัณหา ที่มีรากขาดแลว เปนดจุ ตาลยอดดว น ไมม ีแลวเปนธรรมดาอนั ไมบงั เกิดขึ้นตอไป ภิกษุเปน ผูมีเสาระเนียดคือตณั หาอันถอนข้นึแลวดว ยอาการอยา งนี้แล ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย ภิกษเุ ปน ผไู มม สี ลักประตคู ือสังโยชนอ ยา งไรเลา ภกิ ษใุ นพระธรรมวนิ ัยนี้ ละโอรมั ภาคยิ สังโยชน ๕ ท่มี ีรากขาดแลวเปน ดจุ ตาลยอดดว น ไมม แี ลว เปนธรรมดาอนั ไมบ งั เกิดขึ้นตอไปภิกษุเปน ผูไมม ีสลกั ประตคู ือสงั โยชนด ว ยอาการอยา งนีแ้ ล ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 295ภกิ ษเุ ปน อรยิ ะผปู ระเสริฐมธี งคอื มานะอนั ตกแลว มภี าระอนั ตกแลว ไมม ีมานะแลว อยา งไรเลา ภิกษุในพระธรรมวินยั นี้ ละอัสมิมานะ ทม่ี รี ากขาดแลว เปนดุจตาลยอดดวน ไมมีแลว เปนธรรมดาอันไมบังเกดิ ขน้ึ ตอไปภิกษุเปนอรยิ ะผปู ระเสริฐ มีธงคอื มานะอนั ตกแลว มภี าระอนั ตกแลว ไมมีมานะแลวดวยอาการอยางนีแ้ ล. [๒๘๖] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เทวดาทง้ั หลายทั้งพระอินทร ท้ังพรหมทง้ั ปชาบดิ แสวงหาภกิ ษุผมู จี ติ อันหลดุ พนแลวอยางน้แี ล ยอนไมพ บวาวญิ ญาณของตถาคตอาศยั แลว ซ่งึ ทนี่ ี.้ ขอนน้ั เพราะเหตุอะไร เรียกวาตถาคต[บคุ คลเชน นัน้ ] ในปจ จุบันวา อันใคร ๆ ไมพ บคือไมม ี สมณพราหมณพวกหนึง่ กลา วตเู ราผูก ลาวอยา งนแ้ี ล ผบู อกอยา งน้ี ดวยมุสาวาทเปลา ๆอันไมมีจริง อนั ไมเ ปน จรงิ วา พระสมณโคดมผใู หสตั วพนิ าศ ยอมบัญญตั ิความขาดสูญ ความพนิ าศ ความไมม ภี พแหงสตั วผูมีอยู ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลายเราไมทําใหส ัตวพินาศดวยเหตใุ ด และไมบ ัญญตั ิความขาดสูญแหง สัตวทา นสมณพราหมณเหลานน้ั ก็ยงั กลา วตเู ราดวยมุสาวาทเปลา ๆ อันไมมีจรงิอันไมเ ปนจรงิ วา พระสมณโคดมเปน ผูใ หส ตั วพ นิ าศ ยอมบัญญตั คิ วามขาดสญูความพินาศ ความไมมีภพแหง สัตวผ มู อี ยู ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย เรายอมบญั ญัตทิ กุ ข และความดับทกุ ข ทง้ั ในกาลกอนและในกาลบัดนี้ ถา วา บุคคลเหลา อ่ืนยอ มดา บริภาส โกรธ เบียดเบยี น กระทบกระเทยี บตถาคต ในการประกาศสจั จะ ๔ ประการนน้ั ตถาคตก็ไมม ีความอาฆาต ไมม คี วามโทมนัสไมม จี ิตยินรา ย ถาวาชนเหลาอ่นื ยอ มสกั การะ เคารพ นับถือ บชู าตถาคตในการประกาศสจั จะ ๔ ประการน้นั ตถาคตก็ไมมีความยินดี ไมมีความโสมนัสไมม ใี จเยอ หยิง่ ในปจ จยั ทัง้ หลายมสี ักการะเปน ตน น้นั ถา วา ชนเหลา อืน่ ยอ มสักการะ เคารพ นบั ถือ บชู าตถาคต ในการประกาศสจั จะ ๔ ประการน้นั
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 296ตถาคตมีความดําริ ในปจ จัยทงั้ หลายมสี ักการะเปนตน นนั้ อยา งนว้ี า สักการะเหน็ ปานน้ี บุคคลกระทําแกเราในขนั ธปญจกท่เี รากําหนดรแู ลวแตก าลกอ น. [๒๘๗] เพราะเหตุน้นั แล ภิกษทุ ้งั หลาย แมถ า วา ชนเลาอื่นพงึ ดาบริภาส โกรธ เบยี ดเบียน กระทบกระเทียบทา นทั้งหลาย ทา นทัง้ หลายไมพงึ กระทาํ ความอาฆาต ไมพ งึ กระทาํ ความโทมนัส ไมพ งึ กระทําความไมชอบใจ ในชนเหลาอน่ื น้นั เพราะเหตนุ นั้ แล ภิกษุท้ังหลาย แมถา วา ชนเหลา อ่นืพึงสักการะ เคารพ นับถือ บชู าทา นทงั้ หลาย ทา นท้งั หลายไมพ งึ กระทาํความยินดี ความโสมนสั ไมพึงกระทําความเยอหยิ่งแหงใจในปจ จัยทั้งหลายมสี กั การะเปน ตน นน้ั เพราะเหตุน้ันแล ภกิ ษทุ ัง้ หลาย แมถาวาชนเหลา อืน่สักการะ นับถือ บชู าทานทง้ั หลาย ทานทงั้ หลายพึงดาํ ริ ในปจ จยั ท้ังหลายมีสกั การะเปนตนน้นั อยางนีว้ า สักการะเห็นปานนี้ บุคคลกระทําแกเ ราทั้งหลายในขันธปญจกทเ่ี ราทัง้ หลายกาํ หนดรแู ลวในกาลกอนๆ เพราะเหตุนั้นแล ภกิ ษุท้ังหลาย สิง่ ใดไมใ ชของทา นท้ังหลาย ทา นทง้ั หลายจงละส่งิ นนั้ เสีย ส่งิ นน้ัทา นทง้ั หลายละไดแลว จักอาํ นวยประโยชน สขุ สิน้ กาลนาน ดูกอนภิกษุท้งั หลาย ส่ิงอะไรเลา ไมใ ชของทานทั้งหลาย รปู ไมใชข องทา นทัง้ หลายทานทงั้ หลายจงละรูปน้นั เสีย รปู น้ันทานทง้ั หลายละไดแ ลว จกั อํานวยประโยชนสขุ สิน้ กาลนาน ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย เวทนาไมใชของทา นท้งั หลาย สัญญาไมใชข องทานท้ังหลาย สงั ขารทงั้ หลายไมใ ชของทา นท้ังหลาย วญิ ญาณไมใช-ของทานท้ังหลาย ทานท้งั หลายจงละเวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณน้ันเสยีเวทนา สญั ญา สังขาร วญิ ญาณน้นั ทานทั้งหลายละไดแลว จักอํานวยประโยชนสุขสนิ้ กาลนาน ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย ทา นทัง้ หลายจะสาํ คญั ความขอ นัน้ เปนไฉนชนพึงนําไป พึงเผาหรือ พงึ กระทําหญา ไม กิ่งไม และใบไมใ นพระ-
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 297วหิ ารเชตวันนี้ ตามความปรารถนา ทานทงั้ หลายพงึ ดาํ รอิ ยา งนบ้ี า งหรอื หนอวาชนยอมนาํ ไป ยอมเผา หรอื ยอมกระทาํ เราทง้ั หลาย ตามความปรารถนา. ไมเ ปน อยางนน้ั พระเจาขา . ขอ น้นั เปนเพราะเหตุอะไร. ขาแตพ ระองคผเู จรญิ เพราะวานน้ั ไมใ ชอตั ตา หรือบริขารทีเ่ นื่องดวยอตั ตาของขา พระองคท งั้ หลาย. อยางนน้ั แล ภิกษทุ งั้ หลาย สง่ิ ใดไมใ ชของทา นทง้ั หลาย ทา นทง้ั หลายจงละสิ่งนั้นเสยี สง่ิ น้ันทานทง้ั หลายละไดแ ลว จกั อํานวยประโยชน สุขสนิ้กาลนาน ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย รปู ไมใ ชของทานทั้งหลาย ทานทัง้ หลายจงละรปู นัน้ เสยี รปู นนั้ ทา นท้งั หลายละไดแ ลว จักอาํ นวยประโยชนสขุ ส้ินกาลนาน ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณไมใชของทานทั้งหลาย ทานท้งั หลายจงละ เวทนา สญั ญา สังขาร วญิ ญาณนั้นเสียเวทนา สญั ญา สังขาร วิญญาณน้ันทา นทัง้ หลายละไดแลว จักอํานวยประโยชนสขุ สน้ิ กาลนาน. [๒๘๘] ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย ในธรรมท่เี รากลาวไวด ีแลวอยา งน้ีเปน ของตน้ื เปด เผย ปรากฏ แยกขยายแลว ภิกษุเหลา ใด เปน พระอรหันตมอี าสวะส้นิ แลว อยูจ บพรหมจรรยแลว มกี จิ ท่จี ําตองทาํ ทําเสรจ็ แลว มภี าระปลงลงแลว ลถุ งึ ประโยชนข องตนแลว มสี ัญโญชนใ นภพหมดสิ้นแลว หลุดพนแลว เพราะรูโดยชอบ ภิกษเุ หลานั้นยอ มไมมีวัฏฏะเพ่อื จะบญั ญัตติ อ ไป ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย ในธรรมที่เรากลา วไวดีแลว อยางน้ี เปน ของตน้ื เปด เผย ปรากฏแยกขยายแลว ภกิ ษเุ หลาใดละโอรัมภาคิยสญั โญชนท้ัง ๕ ประการไดแลวภกิ ษเุ หลานัน้ ทั้งหมดเปน โอปปาตกิ ะ ปรนิ ิพพานในโลกนั้น มีการไมก ลบั จากโลกนัน้ เปน ธรรมดา ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย ในธรรมที่เรากลาวไวด แี ลว อยางนี้
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 298เปนของตืน้ เปด เผย ปรากฏ แยกขยายแลว ภิกษเุ หลา ใดละสัญโญชน ๓ประการไดแลวกับมรี าคะโทสะและโมหะบางเบา ภิกษเุ หลานน้ั ทง้ั หมดเปนพระสกทาคามี มาสูโลกน้คี ราวเดยี วเทา นน้ั จักกระทําทสี่ ุดแหงทกุ ขได ดูกอนภิกษุท้งั หลาย ในธรรมทเี่ รากลาวไวด แี ลว อยา งน้ี เปนของตน้ื เปด เผย ปรากฏแยกขยายแลว ภิกษเุ หลา ใดละสัญโญชน ๓ ประการไดแ ลว ภิกษุเหลา น้นัทง้ั หมดเปนพระโสดาบัน ผูม ีอนั ไมตกต่ําเปนธรรมดา เปน ผเู ที่ยง มีปญญาเคร่ืองตรสั รูเปน เบ้ืองหนา ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย ในธรรมทเี่ รากลาวไวด แี ลวอยางนีเ้ ปนของตน้ื เปด เผย ปรากฏ แยกขยายแลว ภิกษเุ หลา ใดผเู ปนธัมมานสุ ารี เปนสทั ธานสุ ารี ภกิ ษเุ หลา นั้นทั้งหมดมีปญญาเปน เครื่องตรัสรูดีเปนเบือ้ งหนา ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย ในธรรมทเี่ รากลาวไวดแี ลว อยางนี้ เปนของต้ืน เปด เผย ปรากฏ แยกขยายแลว บคุ คลเหลา ใดมเี พียงความเช่ือเพียงความรักในเรา บุคคลเหลา นั้นทัง้ หมดเปนผูมสี วรรคเ ปนเบอ้ื งหนา . พระผูม พี ระภาคเจาไดตรสั พระพุทธพจนนแ้ี ลว ภิกษทุ ัง้ หลายเหลานนั้มีใจชืน่ ชม เพลิดเพลนิ ภาษิตของพระผูม ีพระภาคเจาดังนี้แล. จบอลคทั ทปู มสูตรท่ี ๒
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 299 อรรถกถาอลคทั ทูปมสตู ร อลคัททูปมสูตร เรมิ่ ตนวา ขาพเจา ไดฟงมาแลว อยา งน.้ี พึงทราบวนิ จิ ฉยั ในอลคทั ทปู มสูตรน้นั ตอ ไปน้ี ชนทง้ั หลายเหลาใด เบียดเบียนแรง เหตนุ ั้นชนเหลานนั้ ชือ่ วาผูเบยี ดเบียนแรง บรรพบรุ ษุ ผูเ บยี ดเบียนแรงของผนู ้ันมีอยู เหตนุ ้นั ผนู ัน้ ช่อื วา มีบรรพบรุ ษุ ผเู บียดเบียนแรง . บุตรของสกุลผูเคยฆาแรง นน้ั อธิบายวา ผูขวนขวายแหง สกลุ ผูฆาแรง. ชอ่ื วา อนั ตรายิกธรรม เพราะทาํ อนั ตรายตอ สวรรคและนพิ พาน. อนั ตรายิกธรรมเหลานัน้ มี ๕ อยาง คอื กรรม กเิ ลส วบิ ากอรยิ ุปวาท และอาณาวีตกกมะ. ในอนั ตรายิกธรรมเหลา น้ัน อนันตรยิ กรรม๕ ชอ่ื วา กัมมนตรายิกธรรม. ภิกษณุ ีทสู กกรรมกเ็ หมอื นกัน. แตภ ิกษุณีทสู ก-กรรมนัน่ กระทําอนั ตรายตอ พระนิพพานอยา งเดยี ว หากระทําอนั ตรายตอสวรรคไม. ธรรมคอื นิยตมจิ ฉาทิฏฐิ ชอ่ื วา อนั ตรายิกธรรมคือกิเลส.ปฏิสนธิธรรมของบัณเฑาะก สัตวเ ดรัจฉานและอุภโตพยัญชนก ชือ่ วา อันตรา-ยกิ ธรรม คือ วบิ าก. ธรรม คือ การเขาไปวา รา ยพระอรยิ เจา ชือ่ วา อันตรา-ยิกรรม คอื อุปวาทะ. แตอ ปุ วาทนั ตรายกิ ธรรมเหลานัน้ ยอมกระทําอนั ตรายตลอดเวลาทย่ี งั ไมใ หพระอรยิ เจาทั้งหลายอดโทษ เบือ้ งหนา แตนน้ัใหพระอรยิ เจา อดโทษแลว หากระทําอันตรายไม. อาบตั ิ ๗ กองทภี่ กิ ษจุ งใจลวงละเมดิ แลว ชื่อวา อนั ตรายิกธรรมคอื อาณาวตี กิ กมะ. แมอ าณาวีตกิ ก-มนั ตรายิกธรรมเหลานั้น ยอมกระทําอนั ตรายตลอดเวลาท่ีภิกษตุ อ งอาบตั แิ ลวยังปฏิญญาตนวา เปน ภิกษอุ ยูกด็ ี ไมอ ยูปรวิ าสกรรมกด็ ี ไมแ สดงอาบตั ิกด็ ีเบื้องหนา แตนั้น หากระทาํ อนั ตรายไม.
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 300 ในเรอื่ ง อนั ตรายยกิ ธรรมน้นั ภกิ ษนุ ้ี เปน พหสุ ตู เปน พระธรรม-กถกึ ยอมรูอันตรายิกธรรมทเ่ี หลอื แตเพราะคนไมฉ ลาดในพระวนิ ยั จงึ ไมร ูอนั ตรายกิ ธรรม คือการลวงละเมดิ พระบัญญัติ เพราะฉะนั้น ภกิ ษผุ อู ยใู นที่ลบั จึงคดิ อยางนวี้ า คฤหสั ถเ หลา น้นั บริโภคกามคณุ ๕ เปนพระโสดาบันก็มีพระสกทาคามกี ม็ ี พระอนาคามกี ม็ ี ฝา ยพวกภิกษุพจิ ารณาเห็นรปู ทนี่ าพอใจท่ีพงึ รสู กึ ดว ยจักษุ ถูกตองโผฏฐัพพารมณ ทีพ่ งึ รูสกึ ดว ยกาย ยอ มใชส อยเครอื่ งลาดและเคร่ืองนงุ หมทอ่ี อนนุม ขอนั้นทั้งหมด ควร เพราะเหตไุ รรูปเสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะของหญงิ เทา นัน้ ไมค วร ฝายรูปเปนตนเหลาน้ีจงึ ควร อริฏฐภิกษุเทยี บเคียงรสกบั รสอยางนแี้ ลว รวมการบรโิ ภคดวยอาํ นาจราคะทีม่ ีฉนั ทะ กบั การบริโภคดว ยอาํ นาจราคะทีไ่ มมีฉันทะแลว เกิดทฏิ ฐิลามก เหมอื นเทยี บดว ยผา ที่ละเอียดอยา งยงิ่ กับปอหยาบ ประหนง่ึ เทยี บเขาสเิ นรุกบั เมลด็ พนั ธผุ ักกาด ขดั แยงกับพระสัพพญั ตุ ญาณวา ทําไมพระผูมีพระ-ภาคเจาทรงบญั ญัติปฐมปาราชกิ ดวยพระอสุ าหะอยางใหญ ประหนง่ึ กน้ั มหา-สมทุ ร โทษในพระบัญญัตินัน้ ไมมี คัดคานพระเวสารชั ชญาณ ใสต อและหนามเปนตน ลงในอรยิ มรรค ประหารอาณาจักรของพระชินเจาวา โทษในเมถนุ ธรรมไมมี. ดว ยเหตนุ ้ัน อรฏิ ฐภิกษุน้ันจงึ กลา ววา ตถาห ภควตา ธมมฺ เทสติ อาชานามิ เรารูทั่วถึงธรรมทพ่ี ระผมู ีพระภาคเจา แสดงแลวอยา งนัน้เปนตน. บทวา เอว พยฺ าโข เทา กบั เอว วิยโข. ในคําวา สมนุยุ ชฺ นติเปน ตน ภกิ ษทุ งั้ หลายถามวา ทานมีลทั ธอิ ะไร จงึ กลาวลัทธิ ชอ่ื วา สอบถาม. ยกทิฏฐิขึน้ ชอ่ื วายึดถือทิฏฐิ. สอบถามเหตุวา เพราะเหตุไร ทา นจงึกลาวอยา งน้ี ช่ือวา สมนุภาสน. ในคาํ วา อฏ กิ งฺขลูปมา เปน ตน อปุ มาดวยรา งกระดูก เพราะอรรถวา มอี สั สาทะนอ ย อปุ มาดวยชน้ิ เนอื้ เพราะอรรถวา เปนของทั่วไปแกค นเปนอนั มาก อปุ มาดว ยคบเพลงิ หญา เพราะ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 571
Pages: