Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_18

tripitaka_18

Published by sadudees, 2017-01-10 01:16:26

Description: tripitaka_18

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 361ประโยชนผ อู ืน่ . พระผูม พี ระภาคเจา ไมถ ามภกิ ษุเชน น.ี้ เพราะเหตุไร. เพราะภิกษุนน้ั ไมต ง้ั อยใู นฝายเจรญิ แหง ศาสนาของเรา. สว นผูไมไดก ถาวตั ถุ ๑๐ สอนภกิ ษุอน่ื ดวยกถาวัตถุ ๑๐ นั้น เพอ่ื ยนิ ดขี อวัตรท่ภี ิกษุนนั้ การทําแลว เหมือนทา นอปุ นันทสกั ยบตุ ร ผนู ้ชี ื่อวา ปฏบิ ตั ิเพ่ือประโยชนผูอน่ื ไมป ฏิบตั เิ พื่อประโยชนตน. พระผมู พี ระภาคเจา ไมตรสั ถามแมภ กิ ษุเชนนัน้ . เพราะเหตไุ ร. เพราะภิกษุนนั้ ละตัณหาไมไ ด เหมอื นกระเชาใหญ. ผูใดไมไดก ถาวตั ถุ ๑๐ แมด ว ยตนเอง ไมชักชวน ไมส อนผูอ่ืนดวยกถาวัตถุ ๑๐ น้ัน เหมือนพระโลฬุทายีผูนี้ช่อื วา ไมปฏิบัตเิ พอื่ ประโยชนต น และไมปฏบิ ัติเพอื่ ประโยชนผ ูอนื่ . ไมต รัสถามภิกษเุ ห็นปานนนั้ . ถามวา เพราะเหตไุ ร. ตอบวา เพราะกเิ ลศทั้งหลายในภายในของเธอมีมาก เหมือนจะตอ งตดั ทง้ิ ดว ยขวาน. สวนภิกษุใด ตนเองไดกถาวตั ถุ๑๐ ทง้ั สอนผอู ่ืนดวยกถาวัตถุ ๑๐ นัน้ ภกิ ษุน้ีชื่อวา ปฏิบตั ิเพ่อื ประโยชนต นและประโยชนผูอื่นเหมอื นพระอสีตมิ หาเถระ มพี ระสารีบุตร พระโมคคัลลานะและพระมหากสั สปะเปนตน. ตรัสถามภิกษุเห็นปานนน้ั . ถามวา เพราะเหตไุ ร.ตอบวา เพราะภกิ ษุน้นั ตั้งอยูในฝา ยเจริญแหง ศาสนาของเรา. พระผมู ีพระภาคเจาเม่ือจะตรัสถามเฉพาะภกิ ษเุ หน็ ปานนน้ั แมในทีน่ ้ี จึงตรสั วา โก นุ โขภิกขฺ เว เปนตน. กเ็ มือ่ ภกิ ษเุ หลา น้นั พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั ถามอยางน้ีแลว พระผูมีพระภาคเจาตรัสถามภกิ ษผุ ไู ดก ถาวตั ถุ ๑๐ ผปู ฏบิ ัติเพ่ือประโยชนทงั้ สองฝายในชาติภมู ขิ องตน. ไดมคี วามคิดหรือปรกึ ษากนั และกนั วา ในภกิ ษเุ หลานั้นรูปไหนจะเปนเชนน้ัน. เพราะเหตุไร. เพราะทา นมันตานบี ตุ รปรากฏมีช่ือเสยี งในชนบทนนั้ เหมือนพระจันทร และพระอาทิตยลอยเดน อยูในทา มกลางอากาศ. เพราะฉะนน้ั ภิกษุเหลานนั้ เปนประดุจฝงู นกยูง ไดฟ งเสยี งเมฆก็เกาะกลมุ ประชุมกนั และเปน ดจุ ภกิ ษผุ ูเรม่ิ ทาํ คณะสาธยาย เม่อื จะกราบทูลถึง

พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 362พระปุณณเถระผเู ปน อาจารยข องตนแดพ ระผมู พี ระผมู ีพระภาคเจา ถงึ จะมปี ากกไ็ มพ อทีจ่ ะกลาวสรรเสริญคุณของพระเถระ จงึ ไดก ลา วเปนเสยี งเดียวกนั วา ปุณโฺ ณนาม ภนฺเต อายสฺมา เปน ตน . บรรดาบทเหลา นั้น คําวา ปณุ โฺ ณเปน ชื่อของพระเถระนน้ั ก็เพราะทานเปน บุตรของมนั ตานีพราหมณี ฉะนน้ัจงึ เรยี กกนั วา มนั คานีบุตร. บทวา สมภฺ าวิโต ไดแก ยกยองโดยกลาวสรรเสรญิ คุณ. บทวา อปฺปจฺโฉ ไดแก ปราศจากความปรารถนา หมดความอยาก หมดตัณหา. กใ็ นคํานเี้ หมือนจะเหลือแตพ ยญั ชนะ สวนเนื้อความไมมีเหลอื เลย. กท็ านปุณณมันตานบี ุตรนั้นไมมปี รารถนาเหลืออยเู ลยแมน อยนิดเพราะทานเปนพระขณี าสพ ละตัณหาไดโดยประการท้ังปวง. อกี อยา งหน่งึ ในคําวา อปฺปจ โฺ ฉ นี้ พึงทราบความแตกตางกนัดงั นี้วา ความเปน ผปู รารถนาไมม ีขอบเขต ความเปนผปู รารถนาลามก ความเปน ผมู ักมาก ความเปนผมู ักนอย. ใน ๔ ประเภทนัน้ ผูไ มอ่มิ ในลาภของตนมุงลาภของผอู ่ืน ชอื่ วา ความเปน ผปู รารถนาไมม ขี อบเขต. ผูท่ีประกอบดวยความปรารถนาไมม ีขอบเขต ยอมมองเห็นขนมทีส่ ุกแลวในภาชนะเดียวกนัท่ีตกลงในบาตรของตนวาเปน เหมือนยังไมสกุ และเปนของเล็กนอ ย ของอยา งเดียวกนั นั่นแหละ ที่เขาใสลงในบาตรของผอู ืน่ ยอมมองเห็นวาเปนเหมือนของสกุ ดี และเปนของมาก. อนงึ่ ความอวดอา งคณุ ทีไ่ มมีอยู และความไมร ูจักประมาณในการรับ ชอ่ื วา ความเปน ผมู คี วามปรารถนาลามก. ขอน้นั มาแลวในพระอภธิ รรมโดยนยั เปน ตนวา บคุ คลบางคนในโลกนี้เปนผูไมมศี รทั ธายอ มปรารถนาวา ขอชนจงรวู า เรามศี รัทธา. บคุ คลผปู ระกอบดวยความเปน ผูปรารถนาลามกนัน้ ยอ มต้งั อยใู นฐานะเปน คนลอลวง. สวนการกลาวสรรเสริญคณุ ทม่ี ีอยกู ็ดี และการไมร ูจ ักประมาณในการรบั กด็ ี ชื่อวา ความเปน ผูมกั มาก.แมความเปน ผมู ักมากนั้นกม็ าแลว โดยนัยเปน ตนวา บคุ คลบางคนในโลกนเ้ี ปนผูมศี รัทธา ยอ มปรารถนาวา ขอชนจงรูว า เรามีศรทั ธา เปนผมู ศี ลี ยอมปรารถนา

พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 363วา ขอชนจงรูเ ราวา เปนผูมศี ลี . บุคคลผูป ระกอบดวยความเปนผูมกั มากน้นัยอ มเปน ทรี่ ักของคนชวั่ . แมม ารดาผบู ังเกิดเกลา ก็ไมสามารถจะเอาใจเขาได.ดวยเหตุนั้นทานจงกลา วคาํ นีไ้ ววาอคคฺ ิกฺขนฺโธ สมทุ ฺโท จ มหจิ ฺโฉ จาป ปคุ คฺ โลสกเฎน ปจฺจย เหตุ ตโย เจเต อตปฺปยากองไฟ ๑ ทะเล ๑ คนมกั มาก ๑ท้ัง ๓ ประเภทนี้ ถึงจะใหข องจนเตม็เลม เกวยี นก็ไมทําใหอ ิม่ ได.สว นการปกปด คณุ ท่ีมีอยู และความเปน ผรู ูจักประมาณในการรบั ชอื่ วาความเปนผูมกั นอย. บุคคลผปู ระกอบดวยความเปนผูม กั นอยนั้น เพราะประสงคจะปกปด คุณ แมทมี่ ีอยูใ นตน ถงึ จะสมบรู ณดว ยศรัทธา กไ็ มปรารถนาจะใหค นรวู าเรามศี รทั ธา เปน ผูมีศลี เปนผสู งดั เปน พหสู ูต เปนผูป รารภความเพยี ร สมบรู ณด วยสมาธิ มีปญญา เปน พระขีณาสพ กไ็ มป รารถนาจะใหค นรวู าเราเปน พระขีณาสพ เหมือนอยา งพระมชั ฌนั ติกเถระฉะนั้น.เลา กันวา พระเถระเปน พระมหาขณี าสพ. กบ็ าตรจวี รของทานมีราคาเพยี งบาทเดียวเทานนั้ . ทา นไดเปนประธานสงฆใ นวนั ฉลองวิหารของพระเจาธรรมาโศกราช. ครัง้ นน้ั มนษุ ยท ง้ั หลายเห็นทา นมีจวี รเศรา หมองเกินไป จึงกลา ววา ขอทา นจงรออยขู า งนอกสักหนอยเถดิ เจา ขา. พระเถระคิดวา เมอ่ืพระขีณาสพเชนเราไมสงเคราะหพ ระราชา ผอู ่ืนใดใครเลาจกั สงเคราะหได จึงดําลงไปในแผน ดิน รบั อาหารทเี่ ขาจัดไวส ําหรับพระเถระผเู ปน ประธานสงฆแลวโผลขน้ึ . ขนาดทา นเปน พระขีณาสพอยา งน้ี ยงั ไมปรารถนาวา ขอประ-ชาชนจงรจู ักเราวา เปนพระขีณาสพ. สวนภิกษผุ ูมกั นอ ย ยอมยงั ลาภที่ยงั ไมเกดิ ใหเ กดิ ขนึ้ ยอมทาํ ลาภทีเ่ กิดขึน้ แลวใหม นั่ คง ทาํ จิตของเหลาทายกใหยินดีดวยประการฉะน.ี้ จริงอยู ภกิ ษุผูม ีความมักนอ ยน้นั ยอ มรบั เอาแตน อ ย

พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 364เพราะตนเปนผูมกั นอ ย โดยประการใดๆ เหลา มนุษยผูเล่ือมใสในวัตรของทานยอมถวายมากโดยประการน้ัน ๆ. อกี นยั หน่งึ ภิกษุผูม กั นอ ย มี ๔ ประเภท คอื ภิกษุผมู กั นอยในปจจยั ๑ ผูมกั นอยในธดุ งค ๑ ผูม กั นอ ยในปริยตั ิ ๑ ผูมักนอ ยในอธคิ ม ๑. ใน ๔ประเภทนน้ั ภกิ ษผุ ูมักนอ ยในปจจยั ๔ ชื่อวา ผูมกั นอ ยในปจ จยั . ภกิ ษุผูม กันอ ยในปจ จยั นนั้ ยอมรคู วามสามารถของทายก ยอมรูความสามารถของไทยธรรม ยอ มรกู าํ ลังของตน. กผ็ วิ า ไทยธรรมมมี าก แตทายกตอ งการถวายนอ ย กร็ บั เอาแตนอยตามความสามารถของทายก ไทยธรรมมีนอย ทายกตอ งการจะถวายมาก ก็รบั เอาแตน อ ย ตามความสามารถของไทยธรรม ทัง้ ไทย-ธรรมกม็ ีมาก ทั้งทายกก็ตองการจะถวายมาก กร็ กู ําลังของตน รับเอาแตพ อประมาณ. ภิกษุผมู คี วามปรารถนานอย ไมตองการจะใหเ ขารูความทีธ่ ุดงคสมาทานมีอยใู นตน ชอื่ วาผูมกั นอ ยในธดุ งค. เพอ่ื จะทําความในขอน้ันใหแ จมแจง มเี รอื่ งเหลานเี้ ปน ตัวอยา ง. เลากันมาวา พระมหาสมุ เถระ ผูถอื โสสานิกงั คธุดงคอยปู า ชา มา ๖๐ ปแมแ ตภ กิ ษสุ ักรูปหนงึ่ อน่ื ๆ กไ็ มรู. ดว ยเหตุนัน้ แล ทานจงี กลาววา สสุ าเน สฏ วิ สฺสานิ อพโฺ พกณิ โฺ ณ วสามห ทุตโิ ย ม น ชาเนยฺย อโห โสสานกิ ตุ ฺตโม เราอยลู าํ พังคนเดยี ว ในปาชามา ๖๐ ป เพื่อนก็ไมร เู รา โอ ยอดของผูรักษา โสสานกิ งั คธุดงค.พระเถระ ๒ พนี่ อ ง อยูใ นเจตยิ บรรพต. พระเถระองคน อ งรบั ทอนออ ยทีอ่ ุปฐากเขาสงมา ไดไ ปยงั สํานักของพระเถระผพู ่พี ดู วา หลวงพี่ฉนั เสียซิ. เปนเวลาที่พระเถระฉนั แลว บว นปาก. พระเถระผพู ก่ี ลาววา พอละเธอ. พระผนู อ งชายถามวา หลวงพ่ถี ือเอกาสนิกงั คธุดงคหรอื . พระเถระผูพีก่ ลา ววา เธอนาํ ทอ น

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 365ออยมา แมเปนผถู อื เอกาสนกิ งั คธุดงคมาถึง ๕๐ ป ก็ปกปดธดุ งคไว ฉันแลวบว นปาก อธิษฐานธดุ งคใ หมแ ลว ไป. สวนภกิ ษุผมู ักนอยรูปใด ไมป ระสงคจะใหเขารู ความทต่ี นเปนพหสู ตู เหมือนพระสาเกตกตสิ สเถระ ภกิ ษุนีช้ ่ือวาผูมักนอยในพระปริยตั ิ. เลา กนั มาวา พระเถระ ไมทาํ โอกาสในอุเทศและปรปิ จุ ฉาวา ไมม ีเวลา ถูกเตอื นวา ทา นคงจะมแี ตเวลาตาย ละหมูแลวไปวหิ ารใกลสมุทรท่ีมีทรายดงั ดอกกัณณกิ า เปนผูอุปการะเหลา ภิกษุช้นั เถระนวกะ และมัชฌมิ ะ ตลอดพรรษา ยงั ชมุ ชนใหเสทอื นดวยธรรมกถาในวันมหาปวารณา วันอโุ บสถแลวไป. สวนภกิ ษผุ ูม ักนอ ยรูปใด เปน พระอรยิบคุ คลองคหนงึ่ ในบรรดาพระอริยบคุ คลผโู สดาบนั เปนตน ยอ มไมป รารถนาใหร ูความเปนพระโสดาบันเปนตน ภิกษุผูมักนอ ยรปู นี้ ชอื่ วา ผูมักนอ ยในอธคิ มเหมอื นกุลบตุ ร ๓ คน และเหมือนชางหมอ ช่ือวา ฆฎิการ. สว นทา นปณุ ณะละความปรารถนาเกนิ ขอบเขต ความปรารถนาลามก และความมกั มาก ไดชอื่ วาเปน ผูม ักนอ ย เพราะเปนผปู ระกอบดวยความมกั นอยอันบริสทุ ธ์ิ กลาวคอืความไมโลภอันเปนปฏปิ ก ษตอ ความปรารถนาโดยประการทั้งปวง. ทานปณุ ณะแสดงโทษในธรรมเหลา นั้นวา ผูมีอายุ ธรรมเหลานคี้ ือ ความปรารถนาเกนิขอบเขต ความปรารถนาลามก ความเปนผูมักมาก อนั ภกิ ษุควรละ ดงั นีแ้ ลวจึงกลาวอปั ปจ ฉกถาแกภกิ ษทุ ้งั หลายวา ภิกษุควรสมาทาน ประพฤติ ความเปนผมู กั นอย เหน็ ปานน้ี. ดว ยเหตุนี้ พระผมู ีพระภาคเจาจึงตรัสวา ภิกษุผมู กั นอยดว ยตนเอง และสอนเรอ่ื งเปน ผมู ักนอย แกภ กิ ษทุ ั้งหลาย. บัดนี้ ขา พเจา จกั แสดงอรรถอันพเิ ศษในคาํ วา อตตฺ นาว สนตฺ ุฏโเปน ตน. แตพงึ ทราบการประกอบความโดยนัยดงั กลา วมาแลว .บทวา สนฺตฏุ โ ไดแกผปู ระกอบดว ยความสนั โดษในปจ จยั ตามมตี ามได. ก็สนั โดษนนี้ ัน้ มี ๑๒อยา ง คอื อะไรบา ง อนั ดบั แรกในจีวร มี ๓ อยาง คอื ยถาลาภสนั โดษ

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 366ยถาพลสันโดษ ยถาสารุปปสนั โดษ. ในบณิ ฑบาตเปนตน ก็เหมือนกัน.การพรรณนาประเภทปจ จยั คือจีวรนน้ั ดังนี้ ภิกษุในศาสนานี้ไดจ วี ร ไมวา ด.ีหรือไมดี กย็ งั อตั ภาพใหเปน ไปดวยจวี รนั้นเทา นั้น ไมป รารถนาจีวรอ่นืถึงไดก็ไมร ับ นช้ี ่อื วา ยถาลาภสันโดษ ในจีวรของภกิ ษุนัน้ . อนึ่ง ภกิ ษใุ ดทพุ ลภาพโดยปกติหรือถูกความเจบ็ ปวยและชราครอบงาํ ครองจวี รหนักก็ลาํ บาก ภกิ ษนุ ้นั เปลีย่ นนวี รกับภิกษุผูชอบพอกนั แมยังอัตตภาพใหเ ปนไปดว ยจีวรเบา ก็เปน ผูส ันโดษเหมือนกนั นชี้ ือ่ ยถาพลสันโดษในจวี รของภิกษุน้นั . ภกิ ษอุ ีกรปู หนงึ่ เปน ผไู ดปจ จยั อันประณตี เธอไดจีวรมคี า มากผืนหนึ่งบรรดาจีวรแพรเปน ตน กห็ รือวา ไดจ ีวรเปน อันมาก คิดวา จีวรน้ีเหมาะแกพระเถระผบู วชนาน ผนื นเ้ี หมาะแกภิกษผุ ูพหูสูต ผนื นเี้ หมาะแกภ กิ ษุผเู ปนไขผืนน้ีเหมาะแกภกิ ษุผมู ีลาภนอย ถวายแลวเลอื กจวี รเกา ๆ บรรดาผา เหลาน้ันหรือชิน้ ผาจากกองขยะเปนตน กระทําสงั ฆาฏดิ วยผา เหลา นนั้ แมครองอยกู ็เปนผูส ันโดษอยูนน่ั แล นีช้ อ่ื วา ยถาสารุปปสันโดษ ในจีวรของภิกษุน้นั . อนง่ึ ภิกษใุ นพระศาสนาน้ี ไดบ ณิ ฑบาตไมว าปอนหรอื ประณตี เธอยังอตั ภาพใหเ ปน ไปดว ยบณิ ฑบาตนั้นเทา นนั้ ไมปรารถนาบณิ ฑบาตอื่น ถึงไดก็ไมรับ นชี้ ือ่ วา ยถาลาภสันโดษในบณิ ฑบาตของภิกษุนนั้ . แตภ กิ ษใุ ดไดบณิ ฑบาตที่แสลงแกปกตขิ องตนหรือแสลงแกโรค ซ่งึ เธอฉันแลวไมผาสุกภิกษนุ ้ันถวายบิณฑบาตนัน้ แกภกิ ษุทช่ี อบกัน ฉนั โภชนะทีส่ บายจากมอื ของภิกษนุ นั้ แมก ระทําสมณธรรมอยู กย็ ังช่ือวา ผูสันโดษ นี้ชอ่ื วา ยถาพลสนั -โดษในบิณฑบาตของภิกษนุ นั้ . ภกิ ษุอีกรูปหน่ึง ไดบ ิณฑบาตประณตี เปนอนั มาก เธอถวายบณิ ฑบาตน้นั แกเหลา ภิกษผุ บู วชนาน ผูเปนพหูสูต ผูม ีลาภนอ ย แลวภกิ ษไุ ขเ หมือนจีวร แมฉ นั บณิ ฑบาตที่เหลือของภกิ ษุเหลา นัน้

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 367หรอื เทยี่ วบิณฑบาตแลว ฉันอาหารคละกัน ก็ยังชอ่ื วา ผสู ันโดษ นช้ี ่ือวายถาสารุปปสนั โดษในบิณฑบาตของภิกษนุ น้ั . อน่งึ ภกิ ษุในพระศาสนาน้ี ไดเ สนาสนะไมวานา พอใจ หรือไมน าพอใจ เธอไมเ กิดโสมนัส ไมเ กิดปฏิฆะ ดว ยเสนาสนะนน้ั ยนิ ดดี วยเสนาสนะตามที่ไดโดยที่สุดแมเครือ่ งปลู าดทําดว ยหญา นี้ชือ่ วา ยถาลาภสันโดษในเสนาสนะของภิกษนุ นั้ . อน่ึง ภิกษุใดไดเ สนาสนะท่แี สลงแกป กตขิ องตนหรือแสลงแกโรค เมื่ออยกู ็ไมมคี วามผาสุก ภกิ ษนุ ั้นถวายเสนาสนะนั้นแกภ กิ ษุที่ชอบกัน แมอยใู นเสนาสนะอันเปนสัปปายะอันเปน สวนของเธอ ก็ยงั ชอ่ื วาผูส นั โดษ นีช้ ือ่ วายถาพลสันโดษในเสนาสนะของภกิ ษุนั้น. ภิกษอุ ีกรปู หนึ่งมบี ญุ มาก ไดเ สนาสนะมาก มีท่ีเรน มณฑป และเรือนยอดเปน ตน เธอถวายเสนาสนะเหลาน้ันแกภ ิกษผุ บู วชนาน ผพู หสู ูต ผูมลี าภนอ ย และภิกษุไขเหมือนจีวรเปนตน แมอยูท ใ่ี ดทห่ี นง่ึ ก็ยงั ชือ่ วาผูสนั โดษ นี้ช่อื วา ยถาสารปุ ป-สนั โดษในเสนาสนะของภกิ ษุน้นั . แมภกิ ษใุ ด พิจารณาวา เสนาสนะอันอดุ มเปนที่ต้ังแหงความประมาท เมื่อนัง่ ในทน่ี ัน้ ยอ มงว งเหงาหาวนอน เมือ่ หลับแลว ตน่ื ขึ้น ความวติ กอันลามกก็ปรากฏ แลว ไมรับเสนาสนะเชน นัน้ แมมาถึงแลว เธอปฏิเสธแลว แมอ ยูกลางแจง โคนไมเปนตน ก็ยงั ช่อื วาผูสนั โดษ น้ีช่อื วายถาสารุปปสนั โดษในเสนาสนะ. อนึ่ง ภิกษใุ นพระศาสนานไ้ี ดเ ภสชั ไมวาปอนหรือประณตี เธอยนิ ดีดว ยเภสัชทไี่ ด ไมป รารถนาเภสัชแมอ ยา งอื่น ถึงไดก็ไมรบั น้ชี ื่อวายถาลาภสันโดษในคิลานปจจัยของเธอ. อนงึ่ ภิกษุใดตองการนํา้ มัน แตไดนํา้ ออ ย เธอถวายน้าํ ออ ยน้ันแกภิกษุผชู อบกัน ถอื เอาน้าํ มนั จากมอืของภิกษุน้ัน หรือแสวงหาอยา งอนื่ แมก ระทําเภสัชดวยปจจยั เหลา น้นักย็ ังชือ่ วา เปนผสู นั โดษ นี้ช่ือวา ยถาพลสนั โดษในคลิ านปจ จัยของเธอ. ภิกษุอีกรปู หนึ่ง มีบุญมาก ไดเ ภสัชประณตี มนี ้ํามันนํ้าผึ้งน้ําออย

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 368เปน ตน เปน อนั มาก เธอถวายเภสชั น้ันแกภกิ ษบุ วชนาน พหสู ูต มลี าภนอ ยและภิกษุไขเหมือนจีวร แมยังอัตภาพใหเปน ไปดวยเภสชั อยา งใดอยางหน่งึทไ่ี ดมาจากคิลานปจ จยั เหลานน้ั กย็ งั ชือ่ วา เปน ผูสันโดษ. อนง่ึ ภกิ ษใุ ดอนัภิกษทุ งั้ หลายวางสมอดองไวใ นภาชนะหน่ึง วางของมรี สอรอ ย ๔ อยางไวใ นภาชนะหนงึ่ แลวกลาววา นิมนตถือเอาสงิ่ ทตี่ อ งการเถิดขอรับ ถา วา โรคของเธอจะระงบั ไปดว ยของอยา งใดอยางหน่ึงในของเหลา น้ัน เมอื่ เปนดงั น้นัเธอกห็ ามวา ขนึ้ ชือ่ สมอดองอันพระพุทธเจา เปนตนทรงสรรเสรญิ แลว กระทําเภสชั ดว ยสมอดองเทา นัน้ ชื่อวา เปนผูส ันโดษอยา งยิ่ง น้ชี อื่ วา ยถสารุปป-สันโดษในคลิ านปจจยั . ก็ยถาสารุปปสนั โดษเปนยอดของสันโดษแตล ะสาม ๆในปจจัยแตล ะอยา ง ๆ เหลาน้ี ทานพระปณุ ณะไดเ ปน ผูสันโดษดว ยสนั โดษแมทงั้ สามเหลาน้ี ในปจ จยั แตละอยา ง. บทวา สนฺตฎ ิกถฺจ ไดแก สงั่ สอนเร่ืองสนั โดษนแ้ี กภิกษทุ งั้ หลาย.บทวา ปวิวติ โฺ ต ไดแ ก ผูประกอบดวยวิเวก ๓ เหลา น้ี คอื กายวเิ วกจติ ตวเิ วก อุปธวิ เิ วก. ในวิเวก ๓ น้นั ภกิ ษเุ ดินรปู เดยี ว ยนื รูปเดยี วนง่ั รปู เดยี ว นอนรปู เดียว บณิ ฑบาตรูปเดียว กลับรปู เดยี ว จงกรมรปู เดียว เท่ียวรปู เดียว อยูรูปเดยี ว นช้ี อ่ื วา กายวิเวก. สว นสมาบตั ื ๘ชอื่ วา จติ ตวเิ วก. นิพพานชือ่ วา อปุ ธิวิเวก. สมจริงดงั ที่ทา นกลา วไววากายวิเวกสาํ หรับบุคคลผูปลกี กายยินดใี นเนกขมั มะ จติ ตวิเวกสาํ หรบั บุคคลผมู ีจิตบรสิ ุทธ์ิ มีจิตผอ งแผว อยา งยิ่ง และอปุ ธิวิเวกสําหรับบคุ คลผูป ราศจากอปุ ธิผูถึงวิสังขาร. บทวา ปวิเวกกถ ไดแ ก สั่งสอนเรื่องวิเวกนี้แกภ กิ ษทุ ้ังหลาย.บทวา อส สฏโ ไดแก เวนการคลกุ คลี ๕ อยาง.

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 369 การคลุกคลี ๕ อยาง คอื ๑. สวนสังสัคคะ ๒. ทัสสนสังสคั คะ ๓. สมลุ ลาปสังสัคคะ ๔. สมั โภคสังสัคคะ ๕. กายสงั สัคคะ. ในการคลกุ คลี ๕ อยางน้นั ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั นี้ฟง วา ผหู ญิงหรือหญิงสาวในบานหรอื ตาํ บลนนั่ งาม นา ชม สดใส มผี วิ พรรณงามอยางยง่ิฟงเร่ืองน้ันแลว สยบซึมเซา ไมอ าจสบื พรหมจรรยต อ ไปได ไมลาสิกขาสึกเลย เมอื่ เธอฟง คนอ่ืนเขาพดู ถงึ รูปสมบัตเิ ปนตน หรอื เสยี งหัวเราะดวยตนเกดิ ราคะดวยโสตวิญญาณวิถี ชือ่ วาสวนสงั สคั คะ. สวนสังสคั คะนนั้ พึงทราบโดยอาํ นาจพระโพธสิ ตั วผูไมเคยไดก ล่นิ หญงิ และพระตสิ สะหนุมผูอ ยูในถ้ําปญ จัคคฬะ. เขาวา ภกิ ษุหนุม เหาะไปไดยนิ เสยี งลกู สาวชา งทองชาวบานคิรคิ ามไปสระปทมุ กบั หญิงสาว ๕ คน อาบนาํ้ ประดบั ดอกปทมุ ขบั รอ งดว ยเสยี งอันไพเราะ ถกู กามราคะเสียบเอา เส่ือมฌานถงึ ความพนิ าศ. ภกิ ษุในธรรมวินัยนี้ ไมไดยนิ เสยี งเลย แตตนเองเห็นผหู ญิงหรือหญิงสาวทส่ี วยนา ชม สดใส มีผิวพรรณงามอยา งยงิ่ เธอเหน็ แลว สยบซมึ เซาไมอ าจสบื พรหมจรรยตอ ไปได ไมลาสิกขา สึกเลย เมือ่ เธอแลดูรปู ทเี่ ปนขา ศกึ อยา งนี้ เกิดราคะดว ยจกั ขวุ ิญญาณวิถี ช่ือวา ทสั สนสงั สัคคะ. ทัสสน-สงั สคั คะนน้ั พงึ ทราบดังนี.้ เขาวา ภิกษุหนุมรปู หนงึ่ ไปยังทรู วหิ ารใกลบ ึงกาลทฆี ะ เพอ่ื เรยี นอทุ เทส. อาจารยเหน็ อนั ตรายของทาน กไ็ มใ หโ อกาส. เธอก็พยายามติดตาม

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 370ไป. อาจารยก ลา ววา ถา เธอไมเที่ยวไปในบาน เรากจ็ ักสอนอทุ เทสแกเ ธอ.เธอรบั คาํ แลว เมอื่ เรียนอุทเทสจบ ก็ไหวอาจารยไ ป คดิ วา อาจารยไมใ หเราเท่ียวไปในบา นนี้ ทําไมหนอ หม จวี รเขาบาน. กลุ ธิดาคนหนึ่งนุงผาสเี หลอื งยืนทีเ่ รอื นเหน็ ภกิ ษุหนมุ ก็เกดิ ราคะ เอากระบวยนํายาคมู าใสลงในบาตรแลว กลบั ไปนอนเตียง. ครง้ั นัน้ มารดาบดิ าจึงถามวา อะไรกันลกู . กลุ ธิดานน้ัตอบวา เม่ือฉนั ไดภ ิกษหุ นมุ ทีไ่ ปทางประตู จึงจกั มีชวี ติ อยไู ด เมอื่ ไมได ฉันจักตาย. มารดาบิดารบี ไปพบภกิ ษหุ นุมทป่ี ระตูบา น ไหวเ เลวบอกวา กลับมาเถดิ ทา น โปรดรบั ภกิ ษา. ภกิ ษุหนุมบอกวา พอละโยม จะไปละ. มารดาบดิ าออ นวอนวา เรือ่ งมนั เปนอยางน้ที า น ในเรือนของเรามที รัพยอยูเทานี้เรามลี ูกสาวอยูคนเดียวเทา นน้ั ทา นมาเปน ลกู ชายคนโตของเราเถดิ สามารถอยูไดอ ยางสบาย. ภิกษุหนมุ ตอบวา ฉนั ไมตอ งการกงั วลอยา งนี้ ไมใ ยดีแลวผละไป. มารดาบิดาไปบอกลูกสาววา ลูก พอแมไ มอ าจจะนาํ ภกิ ษหุ นุมกลับมาได เลอื กสามอี ื่นท่เี จาตองการเถดิ จงลุกข้ึนมากินขาวกนิ น้ําเถดิ . กุลธดิ าน้นั กไ็ มป รารถนานางอดขา ว ๗ วัน ตาย. มารดาบดิ าทําการฌาปนกิจนางแลวถวายผาสเี หลอื งผนื นน้ั แกภกิ ษสุ งฆในทรู วหิ าร. ภิกษุท้ังหลายกฉ็ ีกเปน ชิ้นเล็กช้ินนอยแบง กนั . ภกิ ษุแกรูปหนึง่ รบั สว นของตนไป มายงั กลั ยาณวหิ าร.ภกิ ษุหนมุ แมน นั้ คดิ จะไปไหวพ ระเจดีย กไ็ ปทีก่ ัลยาณวิหารนน้ั น่งั ในที่พกักลางวัน. ภิกษแุ กห ยบิ ชนิ้ ผา นน้ั มาแลว บอกภิกษุหนุมวา ทานขอรับ โปรดใชผาผืนนข้ี องผมเปน ผากรองนํ้า. ภกิ ษหุ นมุ เรยี นวา ทา นมหาเถระไดม าแตไ หนขอรบั . ภกิ ษุแกก็เลา เรื่องนนั้ ทง้ั หมด. ภกิ ษหุ นุมฟงเร่ืองนนั้ แลว คดิ วาเราไมไ ดอ ยูร วมกบั หญงิ คนน้ี ถกู ไฟราคะเผา มรณภาพในทนี่ ้นั เอง.

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 371 สวนราคะที่เกดิ โดยการสนทนาปราศรัยกะกันและกัน ช่ือสมุลลาปสงั สคั คะ. ราคะท่เี กิดโดยภิกษุรบั ของของภกิ ษุณี หรอื ภิกษุณีรับของของภิกษุแลวบรโิ ภค ชอ่ื สมั โภคสังสัคคะ. สัมโภคสังสคั คะนน้ั พึงทราบดังน้ี. เลา วา ครั้งฉลองมรจิ ิวตั ติยวหิ าร มีภกิ ษแุ สนรปู ภกิ ษุณีเกา หมื่นรูป.สามเณรรูปหนึง่ รับ ขา วยาคูรอ นไปพักไวท ชี่ ายจีวรครั้งหน่ึง ท่พี น้ื ดนิ ครั้งหนึง่ .สามเณรรี ูปหน่ึงเหน็ ถวายถลกบาตร ดวยกลา ววา วางบาตรไวในนี้แลวคอยไป. ภายหลงั ตอมา เมื่อเกิดภยั ขึ้น ทง้ั สองก็ไปยงั ปรสมทุ ทวหิ าร. ทัง้สองรูปนน้ั ภิกษณุ ีไปกอ น. ภกิ ษณุ นี ัน้ ไดยนิ วา ภกิ ษชุ าวสิงหลรูปหนงึ่ มาก็ไปยงั สํานกั พระเถระกระทาํ ปฏสิ ันถารแลว นงั่ ถามวา ทา นเจาขา เมื่อครงั้ฉลองมรจิ ิวัตติยวิหาร ทานพรรษาเทา ไร. พระเถระตอบวา คร้ังนัน้ ฉนั เปนสามเณรอายุ ๗ ขวบ ทา นเลา พรรษาเทาไร. ภิกษุณีตอบวา ครง้ั นัน้ ดฉิ ันก็เปนสามเณรอายุ ๗ ขวบเหมือนกนั ดฉิ ันไดถวายถลกบาตรแกส ามเณรรูปหนงึ่ซึ่งรบั ขาวยาคูรอนไปเพื่อพักบาตร. พระเถระบอกวา สามเณรองคนัน้ คอืฉนั นาํ ถลกบาตรออกมาแสดง. ดว ยสงั สัคคะอนั นนี้ ่เี อง แมท งั้ สองทานกไ็ มอาจจะสบื พรหมจรรยตอไปได สกึ ในเวลามีอายุ ๖๐. ก็ราคะที่เกดิ ข้ึนโดยการจับมอื เปนตน ชื่อวา กายสงั สคั คะ. ในขอ น้นัมเี รอ่ื งนี้เปน ตัวอยา ง. เขาวา ทมี่ หาเจตยิ งั คณะ. พวกภิกษหุ นมุ ทาํ การสาธยายพวกภกิ ษุณสี าวพงึ ธรรมอยขู างหลังของพวกภกิ ษุหนุม เหลา น้ัน. ในภิกษหุ นุมเหลา นนั้ ภกิ ษหุ นมุ รปู หนึ่งเหยียดแขนออกไปถูกกายภิกษุณีสาวรปู หนงึ่ .ภกิ ษุณสี าวจบั มือมาทาบไวที่อกของตน. ดวยสงั สคั คะอนั นั้น แมทงั้ สองก็สกึเปน คฤหัสถ. กใ็ นสังสัคคะ ๕ อยางเหลา น้ี การฟง การเหน็ การเจรจา การรวมการถูกตอ งกายของภิกษกุ ับภิกษทุ ัง้ หลาย ยอมมีเปน นจิ ทีเดยี ว เวน กาย

พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 372สงั สัคคะ สงั สัคคะท่เี หลือกบั ภิกษุณีทัง้ หลาย ยอมมีไดเ ปน ครง้ั คราว. สงั สัคคะแมท ง้ั หมดกบั อุบาสกอบุ าสกิ าท้งั หลาย ก็มีไดเปนครั้งคราวเหมือนกัน. กพ็ ึงรักษาจิตจากการเกดิ กิเลสในสังสคั คะเหลา น้ัน. ภกิ ษรุ ปู หนง่ึ เปน คาหคาหกะรปู หนง่ึ เปน คาหมตุ ตกะ รปู หนงึ่ เปน มุตตคาหกะ รูปหน่งึ เปนมุตตมตุ ตกะ.ในภิกษเุ หลา นน้ั พวกมนุษยเขา ไปหาภิกษุดวยการเอาเหยือ่ ลอ จบั ไวก ด็ ี ภิกษุเขาไปหามนษุ ยดว ยการเอาดอกไมผ ลไมเ ปนตน ลอ จบั ไวก็ดี นชี้ ื่อวา คาหคาหกะตา งคนตา งจบั . สวนมนษุ ยเ ขา ไปหาภิกษโุ ดยนยั ท่กี ลาวแลว ภกิ ษเุ ขา ไปหาโดยเปนทกั ขเิ ณยยบคุ คล นี้ช่ือวา คาหมตุ ตกะ พนจากผจู ับ. มนษุ ยท ้ังหลายถวายปจจัยส่ีโดยเปน ทกั ขเิ ณยยบุคคล ฝายภกิ ษุเขาไปหาโดยเอาดอกไมผลไมเปน ตนลอจับไว นี้ชอื่ วา มตุ ตคาหกะจับผูปลอ ย. มนษุ ยท ้ังหลายถวายปจจยั ส่ีโดยเปนทักขเิ ณยยบุคคลก็ดี ภกิ ษบุ รโิ ภคโดยเปน ทักขิเณยยบคุ คลเหมอื นพระ-จลุ ลปณ ฑปาติยตสิ สเถระกด็ ี น้ชี ือ่ วา มุตตมตุ ตกะ ตา งคนตางปลอย. เขาวาอบุ าสิกาคนหนงึ่ อุปฏฐากพระเถระมา ๑๒ ป. วนั หนง่ึ ไฟไหมเรอื นท่หี มบู า นน้ัน. ภกิ ษุประจาํ ตระกูลของคนอ่ืน ๆ กม็ าถามวา อบุ าสกิ า ไฟสามารถทาํ ส่งิของอะไร ๆ ใหไ มเ สยี หายมีบา งหรือ. คนทั้งหลายกลา ววา พระเถระประจําตระกลู มารดาของเราจกั มาเวลาฉนั เทา นัน้ . วนั รุงขึ้นแมพระเถระกําหนดเวลาภิกษาจารแลวก็มา. อุบาสกิ านิมนตใหน งั่ ทร่ี ม ยงุ จดั ภกิ ษาถวาย. เมอ่ื พระ-เถระฉนั เสรจ็ แลวไป คนทง้ั หลายก็พูดวา พระเถระประจําตระกูลมารดาของเรามาเวลาฉนั เทาน้ัน. อุบาสิกากลาววา พระประจาํ ตระกลู ของพวกทานก็เหมาะแกพ วกทา นเทา นนั้ พระเถระของเราก็เหมาะแกเ ราเทานน้ั . กท็ า นพระ-มนั ตานบี ตุ รไมค ลุกคลีกบั บริษัทส่ี ดว ยสงั สคั คะ ๕ เหลาน้ี จงึ เปนท้งั คาหมตุ ตกะทงั้ มุตตมุตตกะ ทา นไมค ลกุ คลเี องฉนั ใด กไ็ ดส ่ังสอนเร่ืองการไมค ลกุ คลนี ัน้แมแ กภกิ ษุท้ังหลายฉันนัน้ .

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 373 บทวา อารทธฺ วิรโิ ย ไดแ ก ประคองความเพียร อธิบายวา มีความเพียรทางกายและทางใจ บริบูรณ. จรงิ อยู ภกิ ษใุ ด กิเลสเกิดขึ้นในขณะเดิน ก็ไมย อมยนื (หยุด) กเิ ลสเกดิ ข้นึ ในขณะยนื ก็ไมย อมน่งั กิเลสเกดิ ขึ้นในขณะน่งั ก็ไมยอมนอน ยอ มเทยี่ วไป เหมือนรายมนตบ ังคับงูเหาจบั ไว และเหมอื นเหยอี บคอศตั รู ภิกษุนช้ี ือ่ วา ผูปรารภความเพียร. พระเถระกเ็ ปน เชนนั้น สอนเร่ืองปรารภความเพยี รแกภิกษทุ ั้งหลายอยางน้นั เหมอื นกัน.จตปุ าริสุทธศิ ลี ช่อื วา ศลี ในคําวา สีลสมปฺ นโฺ น เปนตน . สมาบตั ิ ๘เปนบาทของวปิ สสนา ชือ่ วา สมาธ.ิ ญาณทเ่ี ปนโลกิยะ และโลกุตตระชอื่ วาปญ ญา. วิมุตติที่เปนอริยผล ชอ่ื วา วิมตุ ต.ิ ปจ จเวกขณญาณ ๑๙ ชือ่ วาญาณทัสสนะ. พระเถระสมบูรณด ว ยศลี เปนตน สอนเรอื่ งศีลเปน ตน แมแ กภิกษุทงั้ หลาย. พระมนั ตานีบตุ รนีน้ น้ั ชื่อวา โอวาทกะ เพราะโอวาทดว ยกถา-วัตถุ ๑๐ ภกิ ษุรูปหน่ึงยอมสอนตนไดอ ยางเดียว ไมสามารถจะยกั เย้อื งขอ ความที่ละเอยี ดใหคนอนื่ รไู ดอยา งใด พระเถระไมเปนอยางน้ัน. แตพระเถระชื่อวาวญิ ญาปกะ เพราะทาํ ผูอืน่ ใหร ูก ถาวตั ถุ ๑๐ เหลานั้นดว ย. ภกิ ษุรปู หนงึ่ สามารถทาํ ผอู น่ื ใหร ู ไมส ามารถจะแสดงเหตไุ ด. พระเถระช่อื วา สันทัสสกะ เพราะแสดงเหตุไดดว ย. ภิกษรุ ปู หนึ่งแสดงเหตทุ ม่ี ีอยู แตไ มสามารถจะใหเ ขาเชอ่ื ถือได. พระเถระช่อื วา สมาทปกะ เพราะสามารถใหเขาเธอถอื ได. ก็พระเถระชือ่วา สมุตเตชกะ เพราะครั้นชวนเขาอยางนัน้ แลว ทําภกิ ษทุ ้งั หลายใหอาจหาญโดยทาํ ใหเกดิ อตุ สาหะในกถาวตั ถุเหลา นัน้ . ชื่อวา สัมปหังสกะ เพราะสรรเสรญิ ภกิ ษุท่เี กิดอตุ สาหะแลว ทาํ ใหร าเรงิ . บทวา สลุ ทฺธลาภา ไดแ กยอมช่ือวาไดค ณุ มีอตั ภาพเปน มนษุ ยและบรรพชาเปน ตน ของภิกษแุ มเ หลาอื่นอธิบายวา คุณธรรมเหลานี้เปนลาภอยา งดีของทา นปุณณะผซู ึ่งมชี ่ือเสียงขจรไปอยา งนี้ ตอพระพกั ตรของพระศาสดา. อนึ่ง การกลา วสรรเสริญโดยผูมใิ ชบณั ฑติ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 374ไมเ ปน ลาภอยา งนั้น สวนการสรรเสริญโดยบัณฑติ เปน ลาภ อกี อยางหนงึ่การสรรเสริญโดยคฤหสั ถก็ไมเปนลาภอยา งนั้น. ก็คฤหสั ถค ดิ วา เราจักสรรเสรญิกําลังกลา ววา พระผูเปน เจา ของเราเปนผูม วี าจาละเอียดออ น มีวาจานา คบเปนสหาย มีวาจาไพเราะ สงเคราะหผ ูท ม่ี าวิหารดว ยขา วตมขา วสวย และนํ้าออ ยเปน ตน เทา กับพูดตเิ ตียนน่นั เอง. คฤหัสถคดิ วาเราจักตเิ ตยี น พดู วา พระเถระน้ีเปนเหมอื นคนปญ ญาออ น เปน เหมือนคนไมม เี รี่ยวแรง เปน เหมือนคนหนานิว่คิ้วขมวด ไมม คี วามคุน เคยกบั พระเถระนี้ เทากบั สรรเสรญิ น่ันเอง. แมเพอ่ื นพรหมจารีพูดสรรเสรญิ ลับหลังพระศาสดา ก็ไมเปน ลาภอยา งนนั้ สว นผูสรรเสรญิ เฉพาะพระพกั ตรพระศาสดา เปน ลาภอยา งยิง่ พระผมู ีพระภาคเจาทรงอาศัยอํานาจประโยชนแมดงั กลา วมาฉะน้จี ึงตรัสวา สุลทธฺ ลาโภ ดงั น.ี้บทวา อนุมสสฺ อนมุ สฺส ไดแ ก กําหนดเจาะจงกถาวัตถุ ๑๐. บทวาตจฺ สตฺถา อพฺภนุโมทติ ความวา พระศาสดาทรงอนโุ มทนาคุณของภกิ ษุน้ันน้ัน คอื คุณน้นั อยางน้วี า ภกิ ษนุ ัน้ เปนผมู ักนอ ย และเปนผูสนั โดษ.ทา นหมายเอาลาภ ๕ อยางนี้ คือ การทผี่ รู สู รรเสริญเปนลาภอยางหน่ึง การท่ีเพ่ือนพรหมจารีสรรเสริญ เปนลาภอยางหนึง่ การทีเ่ พือ่ นพรหมจารสี รรเสริญเฉพาะพระพกั ตรพ ระศาสดาเปนลาภอยา งหนง่ึ การกาํ หนดเจาะจงกถาวตั ถุ ๑๐เปน ลาภอยางหนงึ่ การทพี่ ระศาสดาทรงอนโุ มทนาอยา งยงิ่ เปนลาภอนั หน่งึจงึ กลาววา สุลทธฺ ลาภา ดงั นีด้ ว ยประการฉะน้.ี บทวา กทาจิ คือในกาลบางคราว. บทวา กรหจิ เปน ไวพจนของบทวา กทาจิ นั่นเอง. บทวาอปเฺ ปว นาม สิยา โกจิเทว กถาสลลฺ าโป ไดแกไ ฉนหนอ แมการเจรจาอวดอางบางอยางจะพึงมี. เขาวา พระเถระไมเคยเห็นทานพระปุณณะมาเลยไมเคยสดบั ธรรมกถาของทา น ดังนัน้ ทานจึงปรารถนาจะเห็นทานพระปุณณะบา ง การกลา วธรรมของทานบาง จงึ กลา วอยางน้ี.

พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 375 บทวา ยถาภริ นตฺ  ไดแกป ระทับอยตู ามพระอธั ยาศยั . จรงิ อยูพระพทุ ธะทงั้ หลาย เมอื่ ประทบั อยใู นทแ่ี หง หนึง่ ชื่อวา ไมมคี วามไมยินดีเพราะอาศัยความวิบัตแิ หงรม เงาและนา้ํ เปน ตน เสนาสนะอันไมผ าสกุ หรือความไมศรทั ธาเปน ตนของเหลาผคู น ไมมแี มความยินดวี า เราจะอยูเ ปน ผาสุกในทีน่ แ้ี ลว อยนู าน ๆ เหตสุ ่ิงเหลาน้ันมพี ร่งั พรอม. แตเ มื่อตถาคตประทับอยใู นท่ีใด สตั วท ัง้ หลายตง้ั อยูในสรณะ สมาทานศีล หรือบรรพชา ก็หรอื วา แตนน้ั สัตวเหลาน้ัน มอี ุปนิสสยั แหงโสดาปตตมิ รรคเปนตน . พระพทุ ธะท้งั หลายยอมประทับอยใู นทน่ี ั้น ตามอธั ยาศัยทจ่ี ะทรงสถาปนาสัตวเ หลา นน้ั ไวในสมบัติเหลา นั้น เพราะไมมสี ตั วเหลานัน้ จึงเสด็จหลกี ไป. ดว ยเหตนุ ้ัน ทานจงึกลา ววา ยถาอชฺฌาสย วหิ ริตฺวา. บทวา จาริกฺจรมาโน ความวา เสดจ็ พุทธดาํ เนินทางไกล. กช็ ื่อวา การจารกิ ของพระผมู พี ระภาคเจา นีม้ ี ๒ อยา ง คอื รีบจารกิ ๑ ไมร บี จารกิ ๑. บรรดาจาริกท้ัง ๒ นนั้ การทที่ รงเหน็ บุคคลผูควรตรัสรแู มใ นที่ไกลแลวรบี เสดจ็ ไปเพอื่ โปรดใหเขาตรัสรู ช่อื วารบี จาริก. การรบี จาริกนัน้ พึงเห็นเชน เสดจ็ ออกตอ นรับทานมหากัสสปะเปน ตน. จริงอยู พระผูม ีพระภาคเจาเมื่อเสด็จอนั รับพระมหากัสสปะ เสด็จไปตลอดหนทาง ๓ คาวตุ โดยครเู ดียว.เสด็จไป ๓๐ โยชน เพ่อื โปรดอาฬวกยกั ษ โปรดองคุลมิ าลก็เหมอื นกนั แตโปรดปุกกุสาติ ๔๕ โยชน โปรดพระเจามหากัปปน ๒,๐๐๐ โยชน โปรดขทริ วนิยเถระ ๗๐๐ โยชน โปรดวนวาสตี สิ สสามเณร สทั ธวิ ิหารกิ ของพระธรรมเสนาบดี ๒,๐๐๐ โยชน ๓ คาวุต. ไดยินวา วันหน่งึ พระเถระทูลวา พระเจาขาขา พระองคจ ะไปสํานักตสิ สสามเณร. พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสวา ถงึ เราก็จักไปแลวตรสั สั่งทา นพระอานนทวา อานนท เธอจงบอกภิกษุผไู ดอ ภิญญาหก๒๐,๐๐๐ รปู วา พระผมู พี ระภาคเจา จกั เสดจ็ ไปสาํ นกั ของวนวาสีตสิ สสามเณร.

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 376รุงข้ึนจากวันนัน้ พระผูมีพระภาคเจามพี ระขีณาสพ ๒๐,๐๐๐ รูปแวดลอมเหาะไปทางอากาศ เสดจ็ ลงใกลประตโู คจรคามของติสสสามเณรนัน้ สดุ ทาง ๒,๐๐๐โยชน ทรงหมจีวร. พวกผคู นไปทาํ งานเหน็ เขา กก็ ลา วกันวา ทานผเู จรญิพระศาสดาเสด็จมา พวกทา นมาทํางานกนั แลว ชว ยกันปูอาสนะ. ถวายขาวยาคู ทําทานวตั ร แลว ถามภิกษุหนุมทั้งหลายวา ทา นขอรบั พระผมู -ีพระภาคเจาจะเสดจ็ ไปไหน. อบุ าสกทงั้ หลาย พระผมู พี ระภาคเจาไมเ สด็จในทอ่ี ืน่ ดอก เสดจ็ มาเยีย่ มตสิ สสามเณรในทน่ี ้นี ่ีแหละ. ผคู นเหลานน้ั เกิดโสม-นสั วา ไดยนิ วา พระศาสดาเสด็จมาเยย่ี มพระเถระประจําตระกลู ของพวกเราพระเถระของพวกเรา ไมใ ชต่ําตอยเลยหนอ. ลําดับนั้น เมอื่ พระผมู ีพระภาคเจาทรงทําภตั กิจเสร็จ สามเณรก็เขาบา นบณิ ฑบาต ถามวา มภี ิกษุสงฆหมูใหญหรือ. ครงั้ หน่ึง อุบาสกเหลา น้ันบอกแกส ามเณรวา ทา นเจา ขา พระศาสดาเสดจ็ มาแลว . สามเณรนน้ั เขา เฝา พระผมู ีพระภาคเจา เอ้อื เฟอดว ยอาหารบิณฑบาต. พระศาสดาเอาพระหตั ถจบั บาตรของสามเณร แลวตรสั วา พอละสามเณร เราเสรจ็ ภัตตกจิ แลว. แตน ั้น สามเณรก็กราบเรยี นพระอปุ ช ฌายะนั่งเหนอื อาสนะทถี่ ึงแกตน แลวกระทาํ ภตั กิจ. ครัน้ สามเณรเสรจ็ ภตั กิจแลวพระศาสดาตรสั มงคลแลว เสดจ็ ออกไปประทับยนื ใกลประตูบา น ตรสั ถามวาติสสะ ทางไปทอ่ี ยขู องเธอทางไหน. สามเณรกราบทูลวา ทางน้ีพระเจาขา .ตรัสวา ติสสะ เธอจงชที้ างเดินไปขางหนา. ไดยนิ วา พระผมู พี ระภาคเจา ทรงเปน ผแู สดงทางแกโลกพรอ มทั้งเทวโลก แตทรงกระทําสามเณรนน้ั ใหเ ปนมัค-คุเทสก ดวยพุทธประสงควา จกั ไดเ ห็นสามเณรตลอดทางสนิ้ ๓ คาวตุ . สามเณรไปยงั ทอ่ี ยขู องตนไดกระทําวตั รแดพ ระผมู ีพระภาคเจา . ครั้งนนั้ พระผมู ีพระ-ภาคเจา ตรสั ถามสามเณรนั้นวา ตสิ สะ ทีจ่ งกรมตรงไหน แลวเสดจ็ ไปท่จี งกรมนัน้ ประทบั นง่ั บนหินสําหรับน่งั ของสามเณรแลวตรสั ถามวา ติสสะ เธออยู

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 377เปน สขุ ในทนี่ ีห้ รอื . สามเณรนน้ั ทลู วา พระเจา ขาขอรับ ขา พระองคอ ยูในทีน่ ้ี ไดยนิ เสยี งราชสีห เสือ ชาง เนื้อ และนกยูงเปน ตนกเ็ กดิ อรญั ญสญั ญาวาเราจะอยเู ปน สขุ ดว ยสัญญาน้ัน. ครัง้ น้นั พระผูมพี ระภาคเจาตรัสสง่ั สามเณรนั้นวา ตสิ สะ เธอจงใหภกิ ษสุ งฆป ระชุมกนั เราจะใหต ําแหนง พุทธทายาทแกเธอ ทรงใหภ กิ ษสุ งฆป ระชมุ กันกึง่ โยชน ใหสามเณรอปุ สมบทแลวไดเสด็จไปยังทีอ่ ยูข องพระองคน ้ันแล เหตนุ น้ั จาริกนี้จึงชอื่ วารบี จาริก. สว นการเสดจ็ ของพระผมู พี ระภาคเจา ผทู รงอนเุ คราะหโลก ดวยการเสด็จบณิ ฑบาตเปน ตน โดยทางโยชนหนงึ่ และก่งึ โยชน ทกุ ๆ วนั ตามลําดับคามนคิ าม ช่ือวา ไมรบี จารกิ . กพ็ ระผมู ีพระภาคเจาเสดจ็ จาริกอยางน้ี ยอมเสดจ็ จาริกไปในมณฑล ๓ มณฑลใดมณฑลหนึ่งอยา งนี้ คือ มหามณฑล มัชฌมิ -มณฑล อันตมิ มณฑล. ในมณฑลทั้ง ๓ นัน้ ที่ ๙๐๐ โยชน จดั เปน มหามณฑล ท่ี ๖๐๐ โยชน จัดเปนมชั ฌมิ มณฑล ที่ ๓๐๐ โยชน จัดเปนอนั ติม-มณฑล. คร้ังใดมพี ระพุทธประสงคจะเสด็จจารกิ ไปในมหามณฑล ทรงปวารณาในวันมหาปวารณาแลว ในวันปาฎบิ ท มภี ิกษุหมูใ หญเ ปนบริวารเสดจ็ ออกไปไดเ กดิ โกลาหลเปน อันเดียวกัน ตลอดเนือ้ ท่ี ๑๐๐ โยชน โดยรอบ. พวกท่มี ากอน ๆ ไดน ิมนตใหก ลับ. ในมณฑล ๒ นอกนี้ สกั การะยอมรวมลงในมหามณฑล. ถา ในที่นน้ั พระผมู ีพระภาคเจา ประทับอยวู ันสองวันในคามนคิ มน้นั ๆทรงอนุเคราะหม หาชนดวยการทรงรับอามสิ ทาน และทรงเจริญกุศลสวนทีอ่ าศัยวิวฏั ฏะ ดวยการประทานธรรมแกม หาชนนั้น ๙ เดือน จึงเสด็จการจารกิ .ก็ถา ภายในพรรษาภกิ ษทุ ้ังหลายมสี มถวปิ ส สนายงั ออ น กไ็ มทรงปวารณาในวันมหาปวารณา แตจะทรงเลอื่ นปวารณาออกไปปวารณา ในวันปวารณากลางเดือนกัตตกิ า (เดือน ๑๒) วันแรกของเดอื นมิคสริ ะ (เดือน ๑) มภี กิ ษุหมูใหญเ ปนบรวิ าร เสดจ็ ออกเท่ยี วไปตลอดมัชฌมิ มณฑล. เม่อื ทรงมีพระพุทธ

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 378ประสงคจะเสด็จจากรกิ ในมชั ฌมิ มณฑล ดวยเหตแุ มอ ยางอ่นื กป็ ระทบั อยู ๔เดือน แลว จงึ เสดจ็ ออกไป. ในมณฑลทั้งสองนอกนี้ ลาภสักการะยอมรวมลงในมชั ฌิมมณฑล โดยนัยทก่ี ลาวแลวน่นั แล. พระผมู พี ระภาคเจา ทรงอนเุ คราะหโลกดว ยนยั ขา งตน ๘ เดือน จึงเสรจ็ การจารกิ . เมื่อพระผมู ีพระภาคเจาอยูประจํา ๔ เดือนแลว เหลา เวไนยสตั วมีอินทรียย งั ไมแ กกลา ก็จะทรงคอยอนิ ทรียของเวไนยสตั วเ หลา นัน้ แกก ลา จะประทบั อยใู นทน่ี ้นั น่นั แหละ เดอื น๑ บาง ๒-๓ เดือนบา ง แลวทรงมภี ิกษหุ มูใหญเปน บรวิ าร เสด็จออกไปในมณฑลสองนอกนี้ ลาภสักการะยอ มรวมลงในอันตมิ มณฑล โดยนยั ทก่ี ลาวแลว น่ันแล. พระผมู พี ระภาคเจา เมื่อทรงอนุเคราะหโ ลก โดยนยั ขา งตน ๗เดอื นบา ง ๖ เดอื นบาง ๕ เดอื นบา ง ๔ เดือนบาง จึงเสร็จการจาริก. ดังนั้นเมอ่ื ทรงจารกิ ไปในมณฑล ๓ มณฑลใดมณฑลหน่ึง จงึ ไมใชจารกิ ไปเพราะเหตแุ หงปจจยั มจี ีวรเปนตน . โดยทแ่ี ท เสด็จจารกิ ไปเพอื่ ทรงอนเุ คราะห ดวยพระพทุ ธประองคอยา งน้ีวา คนเหลาใด เปนทคุ คตะ เปน พาล เปนคนแกเปนคนเจ็บปว ย ครงั้ ไร คนเหลา นนั้ จักมาเหน็ ตถาคต กเ็ ม่อื เราจารกิ ไปมหาชนก็จักไดเห็นตถาคต ในที่นัน้ คนบางพวกกจ็ กั ทาํ จติ ใหเล่อื มใส บางพวกกจ็ กั บูชาดวยดอกไมเ ปน ตน บางพวกจักถวายภกิ ษา สักทัพพีหน่งึ บางพวกกจ็ ักสะความเห็นผิดเปนสัมมาทฏิ ฐิ ขอ นัน้ ก็จกั เปน ไปเพื่อประโยชนเ ก้ือกลูเพ่อื ความสขุ แกต นเหลานัน้ ตลอดกาลนาน. อนึ่ง พระพทุ ธะผูมพี ระภาคเจาท้งั หลาย ยอ มเสดจ็ จารกิ ดวยเหตุ ๔ประการ คอื เพ่ือประโยชนแ กความสขุ ของสรรี ะ โดยการยึดพกั แขง ขา ๑เพื่อประโยชนค อื คอยการเกิดอัตถุปปต ติ (เกดิ เร่ืองเปน เหตใุ หตรัสธรรมเทศนา)๑ เพ่อื ประโยชนแกก ารทรงบญั ญัตสิ กิ ขาบทสําหรบั ภกิ ษุทง้ั หลาย ๑ เพ่ือประ-โยชนโปรดสัตวท ี่ควรตรสั รู ผูมีอินทรียแ กก ลา แลว ในท่นี ั้น ๆ ใหต รัสรู ๑.

พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 379พระพทุ ธผมู ีพระภาคเจาทง้ั หลาย ยอ มเสด็จจารกิ ดว ยเหตุ ๔ ประการ อยา งอ่นือกี คอื สัตวทัง้ หลายจกั ถงึ พระพทุ ธเจาเปนสรณะบาง จักถงึ พระธรรมเปนสรณะบา ง จกั ถงึ พระสงฆเ ปน สรณะบา ง เราจกั ทําบรษิ ทั ๔ ใหเ อิบอ่มิ ดวยการฟง ธรรมครัง้ ใหญบ าง. พระพุทธะผมู ีพระภาคเจา ท้ังหลาย ยอมเสด็จจาริกดวยเหตุ ๕ ประการ อยางอ่ืน คือ เหลา สตั วจ กั เวนจากปาณาติบาตบาง จากอทนิ นาทาน จากกาเมสุมิจฉาจาร จากมุสาวาท จากสุราเมรัยมัชชปมาทฏั ฐานบาง. พระพุทธะผูมีพระภาคเจาท้ังหลาย ยอ มเสดจ็ จารกิ ไปดว ยเหตุ ๘ ประการอยางอน่ื คอื เขาจกั ไดปฐมฌานบา ง ทุตยิ ฌานบาง ฯลฯ เนวสัญญานาลญั -ญายตนสมาบัติบาง. พระพทุ ธะผมู ีพระภาคเจาทั้งหลาย ยอมเสด็จจารกิ ไปดว ยเหตุ ๘ ประการอยางอนื่ อกี คอื เขาจักบรรลโุ สดาปตติมรรคบา ง โสดาปต ตผิ ลบา ง ฯลฯ จกั กระทําใหแจง พระอรหตั ตผลบา ง. น้ชี อื่ วา อตรุ ิตจารกิ ไมร ีบจาริกทา นประสงคในท่นี ี้. จารกิ นนั้ มี ๒ อยา ง คือ นพิ นั ธจาริก การจาริกโดยมีขอ ผกู พนั ๑ อนพิ นั ธจารกิ การจารกิ โดยไมม ีขอ ผูกพัน ๑. ในจารกิ ๒ อยา งนี้การทีพ่ ระผมู พี ระภาคเจา เสดจ็ ไปโปรดสัตวผูควรตรสั รู ผูเดยี วเทา นนั้ ชอ่ื วานพิ นั ธจารกิ . การท่ีพระผูมีพระภาคเจาเสดจ็ จาริกไป ตามลําดบั คามนิคมนครช่ือวา อนิพันธจารกิ . อนิพนั ธจาริกนี้ทานประสงคเอาในที่น.ี้ บทวา เสนาสน ส สาเมตวฺ า แปลวา เกบ็ งาํ เสนาสนะ. พระเถระเมอื่ เก็บเสนาสนะน้นั กเ็ อาบาตรเล็กบาตรใหญ ถลกเล็กถลกใหญ จีวรแพรและจวี รผาเปลอื กไมเปน ตน ทาํ เปนหอ บรรจุเนยใสและน้าํ มนั เปน ตน เตม็ หมอเกบ็ ไวใ นหอ ง ปด ประตู ใหป ระกอบกญุ แจ (ลูกดาล) ตีตรา เกบ็ งําโดยเพียงอาปุจฉา บอกกลา วภกิ ษุเจาถน่ิ ตามพระบาลีวา ถา ไมม ี ภกิ ษุหรือสามเณรคนวดั หรือเจาของวหิ าร ก็เอาเตยี งซอ นเตียง เอาต่งั ซอนต่งั วางไวบ นหิน ๔

พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 380แผน กองสายระเดียงจวี ร หรอื เชือกหอ ยจวี รวางไวข า งบน ปดประตหู นาตา งแลว พงึ หลีกไป. บทวา เยน สาวตฺถี เตน จารกิ  ปกฺกามิ ความวา ทา นพระ-ปณุ ณมันตานีบุตร ประสงคจะเฝาพระศาสดา จงึ หลีกไปโดยทิศทางท่กี รงุสาวตั ถี ตง้ั อยู. กเ็ มื่อหลกี ไป ทา นก็ใหก ราบทลู แดพระเจา สทุ โธทนมหาราชใหท รงรบั เนยใส นาํ้ มนั นา้ํ ผง้ึ และนา้ํ ออ ย เปน ตน ไปแลว เม่อื หลีกไปก็นําเพียงบาตร จีวร หลีกไปลําพงั ผเู ดยี ว เหมอื นชา งตกมันละโขลงหลกี ไปเหมอื นราชสีห ไมม กี จิ ดว ยเพ่อื น. ถามวา กเ็ พราะเหตุไร ทา นมากรงุ ราชคฤหพรอ มดว ยอันเตวาสิกของตน ๕๐๐ รูป แตบ ัดนี้ หลีกไปผูเ ดียว. ตอบวากรงุ ราชคฤหไกลจากกรุงกบลิ พสั ดุ ๖๐ โยชน สว นกรุงสาวตั ถีไกล ๕๐ โยชนพระศาสดาเสดจ็ มาจากกรุงราชคฤห ๔๕ โยชน ประทบั อยกู รงุ สาวัตถี ทานฟง มาวา บัดนีใ้ กลเขา มาแลว เราจักหลกี ไปผเู ดยี ว ดังน้ัน ขอ นีจ้ งึ ไมเ ปนเหตุ. แทจรงิ ทานเม่อื ไปยังสาํ นกั พระพทุ ธะทงั้ หลาย พงึ ไปสิ้นทางแม ๑,๐๐๐โยชน แตในครัง้ นัน้ ทานไมอาจไดกายวเิ วก ฉะน้ัน เพราะตองการจะไปกบั คนมาก เม่อื กลาววา เราจะไปคนเดยี ว กก็ ลา วเสยี วา เราจะอยใู นท่ีน้ลี าํ พงัคนเดยี ว เมอื่ พดู วา เราจะอยคู นเดียว ก็พูดเสียวา เราจะไปคนเดียว เพราะฉะน้นั ทา นไมอาจจะนัง่ เขาสมาบตั ิ ในขณะทปี่ รารถนาแลวปรารถนาเลาหรอื ไดก ายวเิ วก ในเสนาสนะท่ผี าสุก แตเมอื่ อยลู าํ พังผูเดียว ก็จะไดสิง่ นน้ัท้ังหมดโดยงา ย ดังนั้น ทานจงึ ไมไปในครง้ั นน้ั หลกี ไป ณ บัดนี้. ในคาํ วา จารกิ  จรมาโน นี้ ชื่อวา จาริกนยี้ อมไดแ กพ ระพุทธเจาทัง้ หลายเทาน้นั เพือ่ สงเคราะหม หาชนก็จริง ถึงอยางน้นั ก็ไดแ มแ กสาวกทง้ั หลายดวย ศพั ทขยายกนิ ความถงึ พระพุทธทง้ั หลาย เหมือนพัดใบตาลท่ีเขาทาํ ดวยเส่อื ลาํ แพนเปน ตน. บทวา เยน ภควา ความวา พระปุณณมันตานี-

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 381บตุ ร เท่ยี วบณิ ฑบาตไปในบา นแหงหนง่ึ ไมไกลกรุงสาวัตถีทาํ ภจั กิจแลว เขาไปสพู ระเชตวนั ไปยงั ท่อี ยูของพระสารีบุตรเถระ หรือของพระมหาโมคคัลลานเถระลางเทา แลวทานาํ้ มนั ฉนั นา ด่ืมหรอื นํ้าปานะ พกั หนอ ยหนง่ึ ไมเ กดิจติ คิดวา จะเฝา พระศาสดา แลวเดนิ ตรงแนวไปยงั บรเิ วณพระคันธกฏุ .ี ดวยวาพระเถระประสงคจ ะเฝา พระศาสดา แตไ มมกี จิ กับภิกษอุ น่ื เพราะฉะนน้ั ทา นจงึไมเ กิดจติ คดิ เเมอ ยา งนวี้ า เราจักพาพระราหุลหรือพระอานนทใหทาํ โอกาสเฝาพระศาสดา. จรงิ อยู เถระเปนผูสนิทสนมในพระพทุ ธศาสนาเองทเี ดียว เหมอื นนกั รบใหญผ มู ชี ยั ชนะในสงครามของพระราชา. เหมอื นอยา งวา นกั รบเชน น้นัประสงคจ ะเฝา พระราชา ชือ่ วา ไมมกี จิ ทจ่ี ะคบคนอน่ื เฝาพระราชายอมเฝาไดเ อาทเี ดียว เพราะเปน ผูสนิทสนมฉนั ใด แมพ ระเถระกฉ็ ันน้นั เปน ผูค นุ เคยในพระพุทธศาสนา ทานกไ็ มมกี จิ ทีจ่ ะคบภกิ ษอุ นื่ เเลว เฝา พระศาสดา เพราะฉะนั้น ทานลา งเทา แลวกเ็ ช็ดท่เี ช็ดเทาเขา เฝาพระผูมพี ระภาคเจา. แมพระผมู ีพระภาคเจา ทรงเลง็ เหน็ วา เวลารุงเชา มนั ตานีบตุ ร จกั มา เพราะฉะนั้น จงึเสดจ็ เขาไปยังพระคันธกุฏีไมใสก ลอน ระงับความกระวนกระวาย ลุกขน้ึประทับนัง่ . พระเถระผลักบานประตเู ขา ไปยงั พระคนั ธกฏุ ี ถวายบังคมพระผมู ีพระภาคเจาแลว น่ัง ณ ท่ีควรสวนขา งหนึ่ง. บทวา ธมฺมิยา กถาย ความวาพระผูมีพระภาคเจาเมือ่ ตรัสธรรมกี ถา ตรสั อานิสงสสามัคคีรสแกกลุ บุตร ๓ คนในจุลลโคสิงคสตู ร ตรสั อานสิ งสถ วายทีพ่ ักในเสขสูตร ตรัสกถาท่เี กย่ี วดว ยบพุ เพนวิ าสานุสตญิ าณ อันทําใหไ ดสติในฆฏกิ ารสูตร ตรสั ธมั มทุ เทส ๔ ในรัฏฐปาลสูตร ตรสั เรื่องอานิสงสถ วายนํา้ ดื่มในเสลสูตร เม่ือตรัสธรรมกถาตรัสอานสิ งสใ นความเปนผอู ยผู เู ดยี ว แกพ ระภคเุ ถระในส กิเลสิยสูตร. แตในรถวนิ ีตสตู รน้ี พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั แกทานพระปุณณ ทรงแสดงเรอ่ื งกถาชื่ออนันตนยั อนั เปนท่ีอาศัยกถาวตั ถุ ๑๐ วา ดกู อนปนุ ณะ แมน้กี ็ชอ่ื วา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 382อปั ปจฉกถา สันโตสกถาเหมอื นกนั ประหนง่ึ ประทับยืนอยูท ี่สคุ เหยียดพระหตั ถไ ปในมหาสมุทรแกพ ระสาวกผูบรรลุปฏสิ มั ภิทา. บทวา เยนนฺธวความวา ไดย ินวา ครงั้ นนั้ เวลาหลงั อาหาร พระเชตวันพลุกพลาน คนเปนอนั มากมีกษัตริย พราหมณ เปน ตน หล่ังไหลมาสูพ ระเชตวัน เหมอื นสถานคา ยของพระเจา จกั รพรรดิ ภกิ ษุไมอาจเพอื่ ไดค วามสงดั สวนอนั ธวนั สงัดเสมอื นเรือนทาํ ความเพยี ร เพราะฉะน้ัน ทา นปุณณมันตานบี ุตร จงึ เขาไปยังอนั ธวนั . กเ็ พราะเหตุไร ทานจงึ ไมเ หน็ เหลา พระมหาเถระ. เขาวาเพราะทา นคดิ อยางนว้ี า เรามาเวลาเย็นจกั เห็นเหลา พระมหาเถระ แลว จักเฝาพระทศพลอกีการปรนนิบตั พิ ระมหาเถระอยางนีก้ ็จะมีครัง้ เดียว สําหรับพระศาสดาจกั มี ๒ ครงั้แตน้นั เราถวายบงั คมพระศาสดาแลวกจ็ กั กลบั ที่อยขู องเราเลย. บทวา อภณิ ฺห กิตตฺ ยมาโน อโหสิ ไดแ ก สรรเสรญิ บอย ๆ อย.ูไดยินวา พระเถระคิดวา เขาวา บุตรนางมนั ตานี ช่อื ปุณณะ ไมคลุกคลีกบับรษิ ัท ๔ ทา นจักมาเฝา พระทศพล ทา นไมท ันพบเราก็จักไปแลว หรือหนอแลวสรรเสริญทานพระปุณณะทามกลางสงฆ ทุก ๆ วันตัง้ แตนน้ั มา เพ่อืเตือนสตแิ กเหลา พระเถระ พระนวกและพระมัชฌิมะ. ไดย ินวา ทา นมคี วามคิดอยา งน้ีวา ธรรมดาวา ภกิ ษุแก ๆ ไมอยภู ายในวหิ ารทุกเวลา แมเ มอ่ื เรากลา วคณุ ของทาน ก็ผูใ ดจักเหน็ ภิกษนุ นั้ ผนู ้นั กจ็ กั มาบอก. ครั้งนั้น สทั ธิวิหารกิ ของพระเถระผนู ้ัน ไดเหน็ ทา นพระปุณณมันตานีบตุ ร กาํ ลังถอื บาตรจีวรเขาไปยงั พระคันธกุฎี. ถามวา กท็ านไดร จู ักทา นพระปณุ ณมนั ตานบี ุตรน้ันอยางไร. ตอบวา ภิกษุรูปนนั้ ไดร ทู ว่ั ถึงพระธรรมกถาของพระผูม ีพระภาคเจาผตู รสั รู ชื่อ ปุณณะ ปุณณะวา พระเถระ ท่ีพระอุปชฌาย ของเราสรรเสริญอยบู อ ย ๆ รปู นีน้ ี่เอง ดงั น้นั ภกิ ษรุ ูปนนั้ จึงมาบอกแกพ ระเถระ. บทวานิสที น อาทาย ไดแ ก ทอผาทม่ี ีชาย ทานเรยี ก ชื่อวา นสิ ีทนะ. ก็พระ

พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 383เถระถอื ทอนหนงั ไป. บทวา ปฏ  โิ ต ปฏ  โิ ต แปลวา ขา งหลัง ๆ. บทวาสีสานุโลกิ ความวา ภิกษุใดเดนิ ไปเหน็ หลังในทีด่ อน เหน็ ศรี ษะในที่ลมุภิกษนุ เ้ี รยี กวา มองเห็นศรี ษะ คอื ภิกษุเปนเชน นน้ั ติดตามไป. ก็พระเถระแมเ ดนิ ไปใกลชดิ เพราะมเี สียงฝเทา ทีย่ า งไปก็ไมลาํ บากเพราะเสยี งเทาแตทานรูว า นี้ไมใ ชเ วลาท่ีจะแสดงความบนั เทงิ กัน จงึ ไมไ ปใกลชดิธรรมดาอันธวนั เปนปา ใหญ คนทีม่ องไมเ หน็ คนทน่ี ั่งอยูในที่แหงหนึ่ง ตองกระทาํ เสียงอันไมผ าสุก (ตะโกน) วาผมู อี ายุ ปณุ ณะ ปณุ ณะ เพราะฉะน้ันพระเถระ จงึ อยไู มไ กลนัก เพ่ือจะรสู ถานที่ทานนัง่ จงึ เดินไปพอมองเหน็ศีรษะ. บทวา ทวิ าวหิ าร นิสที ิ ไดแก นัง่ เพ่อื ประโยชนแกก ารพักกลางวัน.ทั้ง ๒ ทานน้นั ทง้ั ทา นปุณณะ ทั้งพระสารีบตุ รเถระก็เปน ชาตแิ หงอุทจิ จ-พราหมณ ท้ังพระปุณณะเถระ ทงั้ พระสารบี ตุ รเถระ กม็ วี รรณะเหมอื นทองท้งั พระปุณณะเถระ ทงั้ พระสารีบุตร ก็ถงึ พรอมดวยสมาบตั ิ สัมปยตุ ดวยพระอรหัตตผล ท้งั พระปณุ ณะเถระ ก็ถึงพรอมดวยอภินิหารแสนกปั ปทัง้ พระสารบี ุตรเถระ. กถ็ ึงพรอมดวยอภนิ ิหารหนึง่ อสงไขย ยงิ่ ดวยแสนกัปปท้งั พระปณุ ณะเถระทั้งพระสารบี ุตรเถระ ก็เปนพระมหาขีณาสพผบู รรลุปฏสิ มั ภิทา. ดังน้ัน จึงเปนเหมอื นราชสหี ส องตัวเขาไปยงั ถา้ํ ทองถา้ํเดียวกนั เหมอื นเสือโครง สองตวั ลงสูท ่สี ะบดั แขง สะบัดขาแหง เดียวกนั เหมือนพญาชา งฉัททนั ตส องเชือกเขาสสู าลวันทมี่ ีดอกบานดีแลว แหงเดยี วกนั เหมอื นพญาสบุ รรณสองตวั เขา สฉู มิ พลีวนั แหง เดยี วกนั เหมอื นทาวเวสสวัณ สององคประทับยานนรพาหนอันเดียวกนั เหมือนทา วสกั กะสององค ประทับรวมปณทุกมั พลแทน เดยี วกนั เหมอื นทาวหารติ มหาพรหมสององค ประทบั อยูภายในวิมานเดยี วกนั พระมหาเถระนั้นเปน ชาติพราหมณท ง้ั สองรูป มีวรรณะเหมือนทองทัง้ สองรปู ไดส มาบัติทั้งสองรปู ถงึ พรอมดว ยอภินหิ ารทั้งสอง

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 384รปู เปนพระมหาขณี าสพ ผบู รรลปุ ฎิสัมภิทาท้ังสองรปู เขาไปไพรสณฑเเหงเดยี วกัน ทาํ ไพรสณฑน ้ันใหส งางาม. บทวา ภควติ โน อาวโุ ส พฺรหมฺ จริย วสุ สฺ ติ ความวา ทา นพระสารีบตุ รทงั้ ท่รี อู ยวู า ทานพระปณุ ณะมนั ตานีบุตรนั้น อยปู ระพฤติพรหมจรรยในพระผมู ีพระภาคเจา กถ็ ามเพื่อต้ังเร่อื งขน้ึ ดงั น้ีวา ผูม ีอายุ ทา นอยูประพฤติพรหมจรรย ในสํานักของพระผูมพี ระภาคเจาของพวกเราหรือ.จรงิ อยู เมือ่ กถาแรกยงั ไมต ้ังขน้ึ กถาหลงั ก็เกดิ ไมไ ด เพราะฉะนนั้ พระเถระจึงถามอยางน.ี้ พระเถระกก็ ลา วคลอ ยตามวา อยา งนนั้ ซิ ผูม อี าย.ุ ครัง้ น้ันทานพระสารีบตุ รใครจะฟงคําตอบปญหาของทา นพระปุณณมันตานบี ตุ รนนั้ จึงถามวิสทุ ธิ ๗ ตามลาํ ดบั วา ผูมีอายุ ทา นอยูประพฤตพิ รหมจรรยใ นพระผูมีพระภาคเจา เพ่ือสลี วิสทุ ธิ หรอื หนอ. เรือ่ งพิสดารของวสิ ุทธิ ๗ น้ัน กลา วไวแลวในคัมภรี ว ิสทุ ธมิ รรค. กเ็ พราะเหตุทก่ี ารอยปู ระพฤตพิ รหมจรรยข องผทู ่ีแมตงั้ อยูในจตุปาริสุทธิศลี เปน ตน ยงั ไมถึงทสี่ ดุ ฉะน้ัน ทานพระปณุ ณะจึงปฏิเสธท้งั หมดวาไมใ ชอยางน้ดี อกผมู ีอาย.ุ บทวา กิมตถฺ  จรหาวุโส ความวาทา นพระสารบี ตุ รถามวา ผิวา ทา นไมอ ยูประพฤตพิ รหมจรรย เพือ่ ประโยชนแกส ีลวิสุทธิเปน ตน เมอื่ เปนดังนั้น ทา นอยูป ระพฤตพิ รหมจรรยเพอื่ อันใดเลา.ปรนิ ิพพานทีห่ าปจจัยมิได ชือ่ วา อนุปาทาปรนิ ิพพาน ในคําวา อนุปาทา-ปรนิ พิ พฺ านตฺถ โข อาวโุ ส อุปาทานมี ๒ สว น คอื คหณุปาทาน ๑ปจ จยุปาทาน ๑. อปุ าทาน ๔ อยา ง มีกามุปาทานเปน ตน ชอ่ื วา คหณปุ าทาน.ปจ จยั ทกี่ ลา วแลว อยา งนี้วา สังขารเกดิ มีเพราะอวิชชาเปน ปจจัย ชอ่ื วา ปจจยุปาทาน. บรรดาอปุ าทานเหลา นัน้ อาจารยท ั้งหลายผถู อื คหณุปาทาน เรยี กอรหตั ตผลทีไ่ มย ึดถอื ธรรมอะไร ๆ แมด วยอปุ าทาน ๔ อยางใดอยา งหนึง่ เปนไปวา อนุปาทาปรนิ ิพพาน ในคาํ นี้ วา อนุปาทาปรินิพพาน . จริงอยู

พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 385พระอรหัตผลนั้น หาประกอบดว ยอปุ าทาน ยึดธรรมอะไรไม และทา นกลาววาปรินพิ พาน เพราะเกิดในที่สุดแหง กเิ ลสปรินพิ พาน. สว นอาจารยผ ูถอืปจ จยุปาทาน เรียกปรินพิ พานทห่ี าปจจยั มิได ท่ีไมเกดิ ข้ึนโดยปจ จยั ท่ปี จ จัยไมปรงุ แตง ไดแ กอมตธาตุนน่ั เอง วา อนปุ าทาปรินิพพาน ในคําวาอนุปาทาปรินิพพาน. น้ีเปน ที่สุด น้เี ปนเง่อื นปลาย นเี้ ปน ที่จบ ดว ยวา การอยูจบพรหมจรรย ของผถู อื อปจ จยปรินพิ พานยอมชอื่ วา ถงึ ที่สุด เพราะฉะนน้ัพระเถระจงึ กลาววา อนุปาทาปรินพิ พาน. ลาํ ดบั นนั้ ทา นพระสารบี ุตรผูป ระกอบเนอื ง ๆ ซง่ึ อนุปาทาปรินพิ พานนั้น เร่มิ ถามอกี วา ผมู อี ายุ สลี วสิ ทุ ธิ หรือชอ่ื วา อนปุ าทาปรินพิ พาน. ฝายพระเถระปฎเิ สธคาํ นน้ั ท้ังหมดในปรวิ ัฏ คอื รอบทั้งหลายอยา งน้นั เหมอื นกนัเม่อื แสดงโทษในท่สี ดุ จึงกลา วคํามีอาทิวา สีลวิสทุ ฺธิเฺ จ อาวโุ ส. บรรดาบทเหลานั้น บทวา ปฺเปยยฺ แปลวา ถาพงึ บญั ญตั ิไซร. บทวา สอุปาทานเยว สมาน อนุปาทาปรินิพพาน ปฺ เปยยฺ ความวา พงึ บัญญัติเฉพาะสคหณธรรมวา นิคคหณธรรม พึงบัญญัติ เฉพาะสปจ จยธรรม วา อปจจยธรรมพึงบญั ญตั ิ เฉพาะสงั ขตธรรมวา อสงั ขตธรรม. ก็พงึ ถอื เนื้อความในญาณทสั สนวิสทุ ธอ์ิ ยางนวี้ า พงึ บญั ญตั ิเฉพาะสปั ปจจัยธรรมวา อปจจัยธรรม พงึบญั ญัติเฉพาะสงั ขตธรรมวา อสังขตธรรม. พงึ เห็นโลกยิ พาลปถุ ชุ น ผูเ ดินไปตามวฏั ฏะ ในคาํ วา ปถุ ชุ ชฺ โน หาวโุ ส นี.้ จริงอยู ปุถุชนน้นั เวน ธรรมเหลาน้โี ดยประการทง้ั ปวง เพราะแมเ พยี ง จตุปาริสุทธศิ ีลกไ็ มม .ี บทวา เตนหิความวา บัณฑติ บางพวกยอมรูท ัว่ ถงึ อรรถไดโดยอุปมา ดวยเหตใุ ด ดว ยเหตนุ น้ัเราจึงอปุ มาแกท าน. บทวา สตตฺ รถวินีตานิ ไดแก รถ ๗ ผลัด ท่เี ทียมดวยมาอาชาไนย ท่ีฝก แลว. บทวา ยาวเทว จิตฺตวิสุทธฺ ตถฺ า ความวาทา นผูมอี ายุ ช่อื วา สีลวสิ ุทธนิ ี้ยอมมเี พยี งเพอ่ื ประโยชนแหงจติ ตวิสุทธิ. บทวาจิตตฺ วสิ ุทฺธตถฺ า นเี้ ปน ปญจมวี ิภตั ต.ิ ก็ในขอ นี้ มใี จความดังตอไปนี้

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 386ประโยชนกลา วคอื จติ ตวสิ ุทธิ มีอยเู พียงใด ชื่อวา สลี วสิ ทุ ธิน้ี กพ็ ึงปรารถนาเพียงนนั้ กจ็ ติ ตวสิ ทุ ธนิ ้ีนั้น เปน ประโยชนข องสีลวสิ ุทธิ นเ้ี ปนทีส่ ุด น้ีเปนเบือ้ งปลาย จริงอยู ผตู งั้ อยใู นจิตตวสิ ุทธิยอมชื่อวา ทาํ กิจแหง สีลวิสทุ ธ.ิในบททั้งปวงกน็ ัยนี.้ ในขอ นี้มกี ารเทียบเคียงดว ยขอ อุปมาดังตอไปน้ี พระโยคาวจรผูขลาดกลวั ตอชรา และมรณะ พึงเห็นเหมือนพระเจา ปเสนทโิ กศล สกั กายนครพึงเหน็ เหมอื นสาวัตถนี คร นครคือพระนิพพาน พึงเห็นเหมอื นนครสาเกตเวลาท่ีพระโยคีเกิด คือการตรัสรูอริยสัจจ ๔ ทยี่ งั ไมรู พึงเห็นเหมอื นเวลาพระราชาผนู าํ ความเจริญ กิจรีบดวนทจ่ี ะพึงรีบไปถงึ เมอื งสาเกต วิสุทธิ ๗พงึ เหน็ เหมือนรถ ๗ ผลัด เวลาท่ตี ้งั อยใู นสีลวิสุทธิ พงึ เหน็ เหมอื นเวลาข้นึรถผลัดทหี่ นงึ่ เวลาทต่ี ง้ั อยใู นจติ ตวสิ ทุ ธิเปน ตน โดยสลี วิสุทธเิ ปนตน พึงเห็นเหมอื นเวลาท่ขี ึน้ สูรถผลัดที่ ๒ โดยรถผลดั ท่ี ๑ เปน ตน เวลาทพี่ ระโยคาวจรทํากิเลสทง้ั ปวงใหส้นิ ไปดว ยญาณทัสสนวสิ ทุ ธิ แลวขน้ึ ไปบนปราสาท คอื ธรรมประเสริฐ ผมู ีกศุ ลธรรม ๕๐ เปนเบอ้ื งหนา เปนบริวาร เขา ผลสมาบัตอิ ันมีพระนพิ พานเปนอารมณ แลวนั่งในทีน่ อนคอื นิโรธ พงึ เหน็ เหมือนเวลาท่ีเสวยโภชนะมีรสดขี องพระราชาผูเสดจ็ ลงที่ภายในประตูเมืองสาเกตดว ยรถผลัดที่ ๗ แลว แวดลอมไปดว ยหมญู าตมิ ติ ร ณ. เบ้อื งบนปราสาท. พระธรรมเสนาบดี สารีบุตร ถามถงึ วสิ ทุ ธิ ๗ กะทา นพระปุณณะผไู ดกถาวัตถุ ๑๐ ประการ ดว ยประการฉะน้.ี ทานพระปณุ ณะกว็ สิ ัชชนากถาวัตถุ ๑๐ ประการ. ก็พระธรรมเสนาบดีเมอื่ ถามอยางนี้ รหู รือไมร จู ึงถาม ก็หรือวาทา นเปน ผฉู ลาดในลัทธิ จงึ ถามในวสิ ัย หรอื ไมฉลาดในลทั ธิ จึงถามในอวิสยัฝายพระปณุ ณเถระ รูหรือไมรจู งึ วสิ ัชชนา กห็ รอื วา ทา นเปนผูฉลาดในลทั ธิจงึ วิสัชชนาในวิสัย หรือไมฉลาดในลัทธิ จึงวสิ ัชชนาในอวิสยั . กท็ า นพระธรรม

พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 387เสนาบดีสารบี ตุ รรูเปน ผูฉลาดในลัทธิ จึงถามในวสิ ยั เพราะฉะนั้น ทานพระ-ปณุ ณะเมือ่ กลา วจงึ กลา วกะพระธรรมเสนาบดเี ทานั้น ทานพระปณุ ณะรู เปนผูฉลาดในลทั ธจิ ึงแกในวสิ ยั เพราะฉะนน้ั พระธรรมเสนาบดสี ารีบตุ รเมอ่ื กลา ว พงึ กลา วกะทานพระปุณณะเทาน้ัน. ก็ขอ ทท่ี านยอ ไวในวสิ ทุ ธทิ งั้ หลายทานกใ็ หพ สิ ดารแลวในกถาวตั ถทุ ้ังหลาย ขอทีท่ า นยอไวใ นกถาวตั ถทุ ้ังหลายทานกใ็ หพ ิสดารแลวในวสิ ุทธิทั้งหลาย ขอ น้ันพึงทราบโดยนัยน.้ี จรงิ อยูในวสิ ุทธิท้ังหลาย สลี วสิ ุทธอิ ยางเดียวก็มาเปนกถาวตั ถุ ๔ คอื อปั ปจ ฉกถาสันตฏุ ฐกิ ถา อสงั สคั คกถา สลี กถา. จติ ตวิสทุ ธิอยา งเดยี วกม็ าเปน กถาวตั ถุ ๓คอื ปวเิ วกกถา วิรยิ ารัมภกถา สมาธกิ ถา. อนั ดับแรกขอที่ทานยอไวใ นวสิ ุทธิทั้งหลาย ทานก็ใหพสิ ดารแลวในกถาวัตถุทัง้ หลายดวยประการฉะนี้. สวนบรรดากถาวัตถทุ ง้ั หลาย ปญญากถาอยางเดยี วมาเปน วสิ ุทธิ ๕ คือ ทิฏฐวิ ิสุทธิกงั ขาวิตรณวิสทุ ธิ มคั คคามัคคญาณทัสสนวสิ ุทธิ ปฏิปทาญาณทสั สนวสิ ุทธิญาณทัสสนวสิ ทุ ธิ. ขอที่ทา นยอ ไวใ นกถาวตั ถุ ทา นใหพสิ ดารแลวในวสิ ุทธิท้ังหลายดวยประการฉะน้.ี เพราะฉะนน้ั พระสารบี ตุ รเถระ เมื่อถามวิสทุ ธิ ๗ไมถามอยางอ่นื ถามเฉพาะกถาวัตถุ ๑๐ เทา น้ัน. ฝา ยพระปุณณเถระ เมอ่ื จะวิสัชชนาวิสทุ ธิ ๗ กไ็ มว ิสัชชนาอยางอ่ืน วิสชั ชนาเฉพาะกถาวตั ถุ ๑๐ เทานน้ั .แมท านทง้ั ๒ นน้ั รแู ลว เปน ผูฉลาดในลัทธิ พึงทราบวา ถามและวิสัชชนาปญหาในวิสยั เทา นนั้ . บทวา โก นาม อายสฺมา ความวา พระเถระไมรชู อ่ื ของทา น กห็ ามิไดแตเ มือ่ รูก ็ถาม ดว ยหมายจะไดค วามบรรเทิง. กพ็ ระเถระเมือ่ จะบรรเทิงจงึ กลา วคํานีว้ า กถฺจ ปน อายสมฺ นตฺ  . บทวา มนฺตานีปุตฺโต ไดแ ก เปนบุตรของนางพรหมณี ชือ่ วา มนั ตาน.ี บทวา ต ในคาํ วา ยถาต นี้ เปนเพยี งนิบาต. ความสังเขปในขอ นี้มีดงั น้วี า ทานพยากรณแ ลว เหมอื นอยา งพระสาวกผสู ดบั พยากรณ. บทวา อนมุ สฺส อนุมสฺส คอื ยังกําหนดกถาวัตถุ ๑๐.

พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 388ผา โพกคอื เทรดิ เรียกวา เวละ ในคาํ วา เวลฺฑุเกน ถา หากเพอื่ นพรหมจารีทง้ั หลายใหท า นน่ังในท่ีนัน้ บริหารผา โพกอยบู นศรี ษะ กจ็ ะพงึ ไดเห็น แมการเหน็ ทไี่ ดแทอ ยา งนกี้ ็เปน ลาภของเพื่อนพรหมจารีทเี ดยี ว เพราะเหตุนน้ั ทานจึงแสดงอบุ ายแหง การเห็นเนอื ง ๆดวยการกาํ หนดทีอ่ นั ไมใชฐ านะ.กพ็ ระเถระเมือ่ ไมบริหารอยางน้ี ตองการจะถามปญ หา หรอื ตองการจะฟง ธรรมแสวงหาอยูวา พระเถระยืนท่ีไหน น่งั ท่ีไหน จะพงึ ประพฤต.ิ แตเ มือ่ บรหิ ารอยา งน้ี กมศีรษะลงในขณะทตี่ อ งการใหพ ระเถระน่ังบนอาสนะ ทสี่ มควรอยางใหญ จึงอาจถามปญหา หรือฟงธรรมได. ทานจึงแสดงอบุ ายแหงการเหน็ เนอื งๆดว ยการกําหนดส่ิงซง่ึ มิใชฐ านะดว ยประการฉะน้ี. บทวา สารีปุตโฺ ตติ จ ปน มความวา กแ็ ลเพ่ือนพรหมจารที ้งั หลายรจู กั เราอยา งนีว้ า เปนบุตรของนางพรหมณี ชื่อวาสารี. บทวา สตฺถุกปเฺ ปน ไดแก เสมอื นพระศาสดา.ทานพระปุณณะยกพระสารบี ุตรเถระ. ประดุจต้งั ไวจดจันทรมณฑลดวยบทเดียวเทา น้ัน ดว ยประการฉะนี.้ จริงอยู ความทพ่ี ระเถระเปน พระธรรมกถกึ โดยสว นเดยี วปรากฏแลว ในท่ีน้ี ก็เมอ่ื เรียกอมาตยว าผูใ หญ พงึ เรียกวา เสมือนพระราชา เรียกโค วา ขนาดเทาชา ง เรยี กวา บึงขนาดเทามหาสมุทร เรียกแสงสวางวา ขนาดเทา แสงสวางของดวงจันทรดวงอาทติ ย. ตอแตนั้น ก็ไมม ีการเรยี กเพ่ือนพรมณจารีเหลา นัน้ วาใหญ. เม่อื จะเรียกแมพระสาวกวาใหญก็พึงเรยี กวา เทยี บเทาพระพทุ ธเจา . ตอ แตน ้นั กไ็ มมีพระเถระนัน้ เปน ใหญ.ทานพระปุณณะ ยกพระเถระเหมอื นตัง้ ไวจรดจนั ทรมณฑล ดวยบทเดยี วเทานน้ั ดวยประการฉะน.้ี ในคาํ วา เอตฺตก ป โน นปปฺ ฏิภาเสยยฺ นีม้ อี ธิบายอยา งนี้วา ไมมคี วามไมมีไหวพริบสาํ หรับพระเถระ ผูไมป ระมาท ซ่ึงบรรลปุ ฏสิ ัมภิทา ก็ขอ อปุ มาน้อี ันใด ทา นนํามาแลว ไมควรนาํ ขอ อุปมาน้นั มา ควรกลาวแตใจ

พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 389ความเทานั้น แตจะนาํ ขออปุ มามาได ก็สาํ หรบั ผูไมร ูดวยอปุ มาทง้ั หลาย แตในอรรถกถา ทานปฏเิ สธขอนีก้ ลาววา ขน้ึ ชอื่ วา ขอ อปุ มา นํามาไดแมใ นสาํ นักของพระพุทธะท้ังหลาย ก็ทานยาํ เกรงพระเถระ จงึ กลา วอยา งนี้. บทวาอนุมสฺส อนมุ สฺส ปุจฺฉิตา ไดแ กกาํ หนดไวถนดั ถนี่ ถามกถาวัตถุ ๑๐.ถามวา กก็ ารปุจฉาหรอื วสิ ัชชนาปญ หา เปนของหนกั . ตอบวา การเลาเรยี นแลวปจุ ฉา ไมหนัก สว นการวิสัชชนาหนกั ทงั้ ปุจฉา ทง้ั วสิ ัชชนา มเี หตหุ รอืมกี ารณ ก็หนกั ทง้ั น้ัน. บทวา สมฺโมทึสุ ไดแ กมีจิตเสมอกัน บนั เทิง.เทศนาจบลงตามลาํ ดับ อนสุ นธิ ดว ยประการฉะน้ีแล. จบอรรถกถาวินตี สูตรท่ี ๔

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 390 ๕. นวิ าปสูตร [๓๐๑] ขาพเจา ไดส ดับมาอยา งน้ี :- สมัยหนึ่ง พระผมู ีพระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระวหิ ารเชตวนั อารามของทา นอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี กรุงสาวตั ถี. ครัง้ น้นั พระองคต รสั เรยี กภิกษุทั้งหลายมาแลวตรสั วา ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย พรานเนื้อมไิ ดปลูกหญาไวสาํ หรบัฝูงเนื้อดว ยคดิ วา เมอ่ื ฝูงเน้ือกินหญาที่เราปลกู ไวน ้ี จะมอี ายุยั่งยนื มีผวิ พรรณมชี วี ิตอยยู ืนนาน โดยทแ่ี ท พรานเนอ้ื ปลกู หญา ไวส ําหรับฝงู เน้อื ดวยมีความประสงคว า ฝงู เนื้อเขา มาสูป าหญาที่เราปลูกไวน ้ีแลว จักลืมตวั กนิ หญา เมอ่ืเขา มาแลวลมื ตวั กนิ หญา กจ็ กั มวั เมา เมื่อมวั เมา ก็จักประมาท เมอ่ื ประมาทก็จักถูกเราทาํ เอาไดตามชอบใจในปา หญานี.้ [๓๐๒] ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย บรรดาฝงู เนอ้ื เหลาน้นั ฝงู เน้อื ฝูงแรกเขาไปสปู าหญาทปี่ ลูกไวของพรานเนอื้ ลืมตัวกนิ หญา อยู เมือ่ เขา ไปแลว ลมืตัวกินหญา อยู ก็มวั เมา เมอ่ื มวั เมา ก็ประมาท เมอ่ื ประมาท ก็ถกู พรานเนือ้ทาํ เอาไดตามซอบใจในปาหญา น้นั เมอ่ื เปนเชนน้ี ฝงู เนอื้ ฝงู แรกนัน้ กไ็ มรอดพน อาํ นาจของพรานเนือ้ ได. [๓๐๓] ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ฝงู เนือ้ ฝูงท่ีสอง คิดเห็นรว มกันอยางนีว้ า ฝงู เนอื้ ฝงู แรกเขาไปสปู า หญาที่ปลกู ไวข องพรานเน้ือ ลืมตัวกนิ หญา อยูเม่ือเขาไปแลวลืมตัวกนิ หญาอยู ก็มัวเมา เมอ่ื มัวเมา ก็ประมาท เมือ่ ประมาทก็ถูกพรานเนือ้ ทาํ เอาไดตามชอบใจในปาหญา นนั้ เม่ือเปน เชน น้ี ฝูงเนื้อฝงูแรกก็ไมรอดพน อํานาจของพรานเนื้อไปได ถา กระไร เราตองเวน จากการกนิหญาเสยี ท้งั ส้นิ เมอ่ื เวน จากการกนิ หญา ที่เปน ภัยแลว ตองเขา ไปอยูตามราวปา

พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 391ครัน้ คดิ ดงั นีแ้ ลวจึงเวน จากการกนิ หญา เสียทง้ั สิน้ เมื่อเวน จากการกินหญา ที่เปนภยั แลว กเ็ ขา ไปอยตู ามราวปา . ครน้ั ถึงเดอื นทายฤดคู ิมหนั ต เปน เวลาที่สิน้ หญาและน้าํ ฝูงเนือ้ เหลา นน้ั ก็มรี า งกายซูบผอม เม่ือมีรางกายซบู ผอมกาํ ลังเร่ยี วแรงก็หมดไป เมอ่ื กาํ ลังเรยี่ วแรงหมดไป จงึ พากันกลับมาสูปาหญาท่ปี ลูกไวข องพรานเนอ้ื น้นั อีกฝงู เนอ้ื เหลา น้ันพากันเขาไปในปาหญานนั้ ลืมตวักินหญา อยู เม่อื เขา ไปแลว ลืมตัวกินหญา อยู ก็มัวเมา เม่อื มัวเมา ก็ประมาทเมอื่ ประมาท ก็ถูกพรานเน้อื ทําเอาไดตามชอบใจในปา หญานัน้ เม่อื เปน เชนน้ีแมฝ งู เนอ้ื ฝูงทสี่ องนน้ั กไ็ มรอดพน อาํ นาจของพรานเน้ือได. อุปมาฝูงเนือ้ ฝงู ทีส่ าม [๓๐๔] ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย ฝูงเน้ือฝงู ทีส่ าม คดิ เห็นรวมกันอยา งนวี้ า ฝูงเนื้อฝูงแรกเขาไปสูปาหญาที่ปลกู ไวของพรานเนอ้ื ลมื ตวั กินหญาอยู เมื่อเขา ไปแลวลืมตัวกินหญาอยู กม็ วั เมา เม่ือมัวเมา ก็ประมาท เม่อืประมาท กถ็ ูกพรานเนื้อทําเอาไดตามชอบใจในปาหญา นนั้ เมอ่ื เปน เชน น้ีเนอื้ ฝงู แรกนนั้ ก็ไมรอดพนอาํ นาจของพรานเนือ้ ไปได อนง่ึ ฝูงเนอ้ื ฝงู ท่ีสองก็คิดเห็นรวมกันอยา งนว้ี า ฝูงเนือ้ ฝงู แรกเขาไปสูป าหญา ท่ีปลกู ไวของพรานเน้อืลมื ตัวกินหญา อยู เม่อื เขาไปแลวลมื ตวั กนิ หญา อยู กม็ วั เมา เมื่อมัวเมา ก็ประมาท เม่อื ประมาท ก็ถูกพรานเนอ้ื ทาํ เอาไดตามชอบใจในปา หญานัน้ เมอื่ เปนเชน น้ี เนือ้ ฝงู แรกนั้นก็ไมร อดพนอํานาจของพรานไปได. ถากระไร เราตอ งเวน จากการกินหญา เสยี ท้ังส้ิน เม่ือเวน จากการกินหญา ทเ่ี ปนภยั แลว ตอ งเขาไปอยูตามราวปา คร้นั คดิ ดงั น้แี ลว จึงเวน จากการกินหญาเสยี ทงั้ สิน้ เม่อื เวนจากการกนิ หญาที่เปน ภัยแลว กเ็ ขา ไปอยูตามราวปา ครัน้ ถงึเดือนทายฤดูคิมหันต เปน เวลาทสี่ ิ้นหญา และน้าํ ฝูงเน้ือเหลานัน้ ก็มีรา งกายซูบผอม เมื่อมีรางกายซูบผอม กําลังเรีย่ วแรงกห็ มดไป เมอ่ื กาํ ลังเร่ยี วแรงหมดไปจึงพากนั กลับมาสปู าหญาที่ปลกู ไวข องพรานเน้ือน้ันอกี ฝูงเนื้อ

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 392เหลา นน้ั พากนั เขาไปในปาหญา น้ัน ลืมตวั กินหญาอยู เมือ่ เขาไปแลวลมืตวั กนิ หญา อยู ก็มัวเมา เมื่อมัวเมา ก็ประมาท เม่ือประมาท ก็ถกู พรานเนอื้ทาํ เอาไดต ามใจในปาหญา นัน้ เมอ่ื เปนเชน นี้ ฝูงเนอ้ื ฝูงทส่ี องน้นั ก็ไมรอดพนอาํ นาจของพรานเนือ้ ไปได ถา กระไร เราตองซมุ อาศัยอยใู กล ๆ ปา หญา ทป่ี ลกูไวข องพรานเน้อื นั้น คร้นั ซุม อาศยั อยูใกล ๆ ปา หญานั้นแลว เราจะไมเ ขา ไปสปู าหญา ท่ปี ลูกไวของพรานเนอื้ นั้น จักไมลืมตวั กินหญาอยู เมอ่ื ไมเขา ไปแลวไมล ืมตวั กินหญา อยู กจ็ กั ไมมวั เมา เมอ่ื ไมมัวเมา กจ็ กั ไมประมาท เมอ่ื ไมประมาท กจ็ กั ไมถกู พรานเนอ้ื ทําไดตามชอบใจในปา หญา น้นั . ครัน้ คดิ ดังนแ้ี ลวฝงู เนือ้ เหลา นั้น ก็เขาไปซุมอาศยั อยใู กล ๆ ปา หญา ทป่ี ลูกไวข องพรานเน้อื นัน้ครั้นเขาไปซุมอาศัยอยูใกล ๆ ปาหญานั้นแลว ก็ไมเขาไปสูปาหญาที่ปลกู ไวของพรานเน้อื นน้ั ไมลมื ตัวกนิ หญา อยู เมอื่ ไมเ ขา ไปในปาหญานน้ั ไมลมืตวั กินหญาอยู ก็ไมมัวเมา เมอื่ ไมม วั เมา ก็ไมป ระมาท เมอื่ ไมป ระมาทก็ไมถูกพรานเนอื้ ทาํ เอาตามชอบใจในปา หญานัน้ ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย ทนี ้ันพรานเน้อื กบั บรวิ ารไดค ิดวา ฝงู เนอ้ื ฝูงทีส่ ามนค้ี งเปน สัตวแกมโกงคลา ยกับมีฤทธ์ิ ไมใ ชสัตวธรรมดา จึงกินหญา ที่ปลูกไวน้ไี ด เราไมทราบทางมาทางไปของพวกมัน อยากระน้ันเลย เราตองเอาตาขา ยขัด ไมห ลาย ๆ อนั ลอ มปา หญาทปี่ ลกู ไวน ้ีใหร อบไปทั้งปา บางทีเราจะพบท่ีอยูของฝูงเน้ือฝงู ท่ีสามในทีซ่ งึ่ เราจะไปจับเอาได. ครัน้ คิดฉะน้แี ลว พวกเขากช็ วยกันเอาตาขา ยขดั ไมเปนอนั มาก ลอมปา หญา ทป่ี ลกู ไวน ้ันรอบไปทง้ั ปา. พรานเนื้อกบั บรวิ ารกไ็ ดพบท่อี ยขู องฝงู เนื้อฝงู ทส่ี ามในทซี่ ึง่ เขาไปจบั เอาไดแลว เม่อื เปนเชน นี้ แมฝ ูงเนอ้ื ฝงู ที่สามน้ันกไ็ มร อดพนอํานาจของพรานเนอ้ื ไปได. อุปมาฝงู เน้ือฝงู ทส่ี ่ี [๓๐๕] ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย ฝูงเนอื้ ฝงู ท่สี ี่ คดิ เห็นรวมกันอยางนี้วาฝูงเนอื้ ฝงู แรกเขาไปสูปา หญาทีป่ ลกู ไวข องพรานเนือ้ ลมื ตวั กนิ หญาอยู เม่ือ

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 393ลมื ตัวกินหญาอยู กม็ วั เมา เมอ่ื มวั เมา กป็ ระมาท เมอ่ื ประมาท กถ็ กู พรานเนอ้ื ทําเอาไดตามชอบใจในปาหญานน้ั เมอื่ เปน เชน น้ี เนอ้ื ฝูงแรกก็ไมรอดพนอาํ นาจของพรานเนือ้ ได อน่งึ ฝงู เนอื้ ฝูงท่สี อง ก็คิดเหน็ รว มกันอยา งนวี้ าฝูงเนื้อฝงู แรกเขา ไปสูป าหญาที่ปลกู ไวของพรานเน้ือ ลืมตวั กนิ หญาอยู เมื่อเขา ไปแลว ลืมตวั กินหญาอยู กม็ ัวเมา เมอ่ื มัวเมา กป็ ระมาท เมือ่ ประมาทก็ถกู พรานเนื้อทําเอาตามชอบใจในปาหญา น้ัน เม่อื เปน เชน นี้ เน้ือฝงู แรกน้ันกไ็ มร อดพน อํานาจของพรานเน้อื ไปได ถากระไร เราตอ งเวนจากการกินหญาเสยี ทัง้ สนิ้ เมอ่ื เวน จากการกนิ หญาทเ่ี ปน ภัยแลว ตอ งเขาไปอยูต ามราวปาคร้ันคิดดังนี้แลว จงึ เวน จากการกนิ หญา เสียทัง้ ส้นิ เม่อื เวนจากการกินหญา ที่เปน ภัยแลว ก็เขาไปอยูต ามราวปา ครน้ั ถงึ เดอื นทายฤดคู ิมหนั ต เปนเวลาสนิ้ หญาและน้ํา ฝงู เนือ้ เหลาน้นั กม็ ีรา งกายซูบผอม เมอ่ื มีรา งกายซบู ผอมกําลังเร่ยี วแรงก็หมดไป เม่อื กําลังเร่ยี วแรงหมดไป จงึ พากันกลบั มาสปู าหญาที่ปลกู ไวของพรานเนื้อนนั้ อีก ฝงู เนือ้ เหลานนั้ พากนั เขา ไปในปา หญาน้ัน ลมืตัวกนิ หญาอยู เม่อื เขา ไปแลวลมื ตัวกินหญาอยู กม็ ัวเมา เม่ือมัวเมา ก็ประ-มาท เมือ่ ประมาท กถ็ ูกพรานเนือ้ ทําเอาไดต ามชอบใจในปาหญา น้ัน เม่ือเปนเชนน้ี ฝูงเนอื้ ฝงู ทสี่ องนนั้ ก็ไมร อดพนอาํ นาจของพรานเนือ้ ไปได อนง่ึฝูงเน้อื ฝูงที่สาม ก็คิดเห็นรว มกนั อยา งนว้ี า ฝงู เนือ้ ฝงู แรกเขา ไปสูปาหญาที่ปลกู ไวข องพรานเน้อื ลืมตัวกนิ หญา อยู เมอ่ื เขา ไปแลว ลืมตัวกนิ หญา อยูกม็ วั เมา เมอ่ื มัวเมา ก็ประมาท เม่อื ประมาท กถ็ ูกพรานเนอ้ื ทาํ เอาไดต ามชอบใจในปา หญา นนั้ เมือ่ เปน เชน นี้ เน้อื ฝูงแรกนน้ั ก็ไมร อดพน อาํ นาจของพรานเน้อื ไปได อน่งึ ฝูงเนอ้ื ฝูงทสี่ อง กค็ ดิ เหน็ รวมกนั อยา งน้ีวา เนื้อฝงูแรกเขาไปสูป า หญา ท่ปี ลูกไวของพรานเนื้อลืมตัวกนิ หญาอยู เมอ่ื เขา ไปแลว ลืมตัวกนิ หญา อยู ก็มวั เมา เมือ่ มัวเมา กป็ ระมาท เม่อื ประมาท กถ็ กู พรานเนอ้ื

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มลู ปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 394ทาํ เอาตามชอบใจในปาหญานัน้ เมอื่ เปน เชนนี้ ฝูงเนื้อฝงู แรกไมรอดพนอาํ นาจของพรานเนื้อไปได อน่งึ ฝูงเนื้อฝูงทส่ี อง ก็คดิ รวมกนั อยางนี้วาฝงู เน้อื ฝงู แรกเขาไปสปู า หญาทป่ี ลูกไวข องพรานเนือ้ ลมื ตัวกินหญาอยู เมอ่ืลืมตวั กนิ หญา อยู ก็มวั เมา เมือ่ มวั เมา กป็ ระมาท เม่อื ประมาท ก็ถกู พรานเนื้อทาํ เอาไดตามชอบใจในปา หญานนั้ เม่ือเปนเชนนี้ ฝูงเนอ้ื ฝงู เเรกก็ไมรอดพน อาํ นาจของพรานเนอ้ื ไปได ถากระไร เราตองเวน จากการกินหญาเสยีท้งั สนั้ เมือ่ เวน จากการกนิ หญา ท่ีเปน ภยั แลว ตอ งเขาไปอยตู ามราวปา คร้นัคิดดงั นีแ้ ลว จงึ เวนจากการกนิ หญาเสียทงั้ ส้นิ เมอื่ เวน จากการกนิ หญาท่ีเปนภยัแลว ก็เขาไปอยตู ามราวปา ครน้ั ถึงเดือนทา ยฤดคู มิ หันต เปนเวลาที่สิน้ หญาและนํ้า ฝูงเนอ้ื เหลานนั้ ก็มรี างกายซูบผอม เมื่อมรี างกายซบู ผอม กําลังเรีย่ วแรงกห็ มดไป เม่อื กาํ ลังเร่ียวแรงหมดไป จึงพากันกลับมาสปู าหญา ท่ปี ลูกไวของพรานเน้ือน้นั อีก ฝูงเน้ือเหลา นัน้ พากนั เขาไปสูป า หญานนั้ ลืมตวั กนิหญา อยู เมอ่ื เขา ไปแลว ลมื ตวั กนิ หญา อยู ก็มวั เมา เม่ือมัวเมา กป็ ระมาทเมอ่ื ประมาท ก็ถกู พรานเน้ือทาํ เอาไดตามชอบใจในปาหญา น้ัน เมอ่ื เปนเชน นี้ฝูงเนือ้ ฝงู ทสี่ องนนั้ กไ็ มรอดพน อาํ นาจของพรานเนือ้ ไปได ถา กระไร เราตอ งซุม อาศัยอยูใ กล ๆ ปาหญาทป่ี ลูกไวข องพรานเน้ือนัน้ ครนั้ ซมุ อาศยั อยูใกล ๆปาหญา น้นั แลว เราจะไมเ ขาไปสูปา หญา ทป่ี ลกู ไวข องพรานเนื้อนนั้ จะไมลมื ตวั กินหญา เมือ่ ไมเ ขา ไปแลว ไมลมื ตวั กนิ หญา อยู กจ็ กั ไมมัวเมา เมอื่ไมมวั เมา ก็จักไมประมาท เม่ือไมป ระมาท กจ็ ักไมถูกพรานเนอ้ื ทาํ เอาไดตามชอบใจในปาหญาน้นั ครน้ั คิดดงั นี้แลว ฝงู เน้อื เหลาน้ัน กเ็ ขาไปซมุอาศยั อยใู กล ๆ ปาหญา นัน้ แลว กไ็ มเขา ไปสปู า หญาท่ปี ลกู ไวของพรานเน้ือนัน้ไมล ืมตวั กนิ หญาอยู เม่อื ไมเ ขาไปในปา นั้น ไมลมื ตัวกนิ หญา อยู ก็ไมมัวเมา เม่ือไมมัวเมา กไ็ มป ระมาท เมอ่ื ไมป ระมาท ก็ไมถูกพรานเนอ้ื ทาํ เอา

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มลู ปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 395ไดต ามชอบใจในปาหญา นน้ั . ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ทีนนั้ พรานเนือ้ และบริวารไดค ดิ วา ฝงู เนื้อฝงู ที่สามนี้คงเปน สตั วแ กมโกง คลา ยกับมฤี ทธ์ิ ไมใ ชส ตั วธรรมดา จงึ กนิ หญาที่ปลูกไวนีไ้ ด เราไมท ราบทางมาทางไปของพวกมนัอยากระน้ันเลย เราตองเอาตาขายขัดไมห ลาย ๆ อันลอ มปา หญา ทปี่ ลูกไวน้ใี หรอบไปทัง้ ปา บางทีเราจะพบทีอ่ ยขู องฝงู เนอื้ ฝูงท่ีสามในท่ซี ง่ึ เราจะไปจบั เอาได ครน้ั คดิ ดงั นี้แลว พวกเขาก็ชว ยกนั เอาตาขา ยขัดไมเ ปน อันมากลอ มปาหญา ทปี่ ลูกไวนน้ั รอบไปท้งั ปา พรานเน้อื กับบรวิ ารก็ไดพ บที่อยูของฝูงเนื้อฝงู ทส่ี าม ในท่ซี งึ่ เขาจะไปจบั เอาได เม่ือเปน เชน นี้ แมฝงู เนื้อฝูงท่ีสามน้นัก็ไมร อดพนอํานาจของพรานเนอ้ื ไปได ถา กระไร เราตอ งอาศัยอยูใ นท่ีซึง่พรานเนือ้ กบั บรวิ ารไปไมถ ึงครนั้ อาศัยอยใู นทน่ี น้ั แลว ตอ งไมเขาไปสปู าหญาท่ีปลกู ไวข องพรานเนอ้ื นนั้ เมอ่ื ไมล ืมตัวกนิ หญา ก็จะไมม ัวเมา เมือ่ ไมม วั เมาก็จะไมประมาท เมอ่ื ไมป ระมาท กจ็ ะไมถ ูกพรานเน้อื ทําเอาไดตามชอบใจในปา หญานนั้ . ครัน้ คิดดงั นี้แลว ฝูงเนอื้ เหลานัน้ กพ็ ากนั อาศยั อยูใ นทีซ่ ่ึงพรานเน้อื กบั บริวารไปไมถ งึ ครั้นอาศัยอยูในทน่ี นั้ แลว กไ็ มเ ขา ไปสปู า หญา ที่ปลูกไวข องพรานเน้ือนัน้ ไมลืมตัวกนิ หญาอยู เมือ่ ไมเขาไปในปา หญา น้นั ไมลืมตวั กินหญา อยู กไ็ มมวั เมา เมือ่ ไมม ัวเมา กไ็ มป ระมาท เมื่อไมประมาทกไ็ มถ กู พรานเนอื้ ทําเอาตามชอบใจในปาหญา น้นั . ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย ทีนั้นพรานเน้อื กบั บริวารคดิ เหน็ วา ฝงู เน้อื ฝูงทส่ี น่ี ี้คงจะเปนสัตวแ กมโกง คลา ยกบัมีฤทธิ์ ไมใ ชส ตั วธรรมดา จงึ กินหญาทีป่ ลูกไวนี้ได อนึ่ง เรากไ็ มทราบทางมาทางไปของพวกมนั อยา กระน้นั เลย เราตอ งเอาตาขา ยขัดไมห ลาย ๆ อันลอ มปา หญา ทีป่ ลูกนไี้ วใ หรอบไปท้งั ปา บางทเี ราจะพบที่อยขู องฝงู เน้อื ฝูงท่สี ี่ในทซี่ ง่ึ เราจะไปจับเอาได คร้นั คดิ ดังนแี้ ลว พวกเขาจงึ เอาตาขายขดั ไมเปนอนั มาก ลอ มปา หญา ท่ปี ลูกไวน ้ันรอบไปทง้ั ปา แตก็หาไดพบทอ่ี ยูของฝูงเน้ือ

พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 396ฝูงทส่ี ีใ่ นท่ีซึง่ ตนจะไปจบั เอาไดไม ทนี น้ั พรานเนื้อกับบรวิ ารจงึ คดิ ตกลงใจวาถา เราขืนรบกวนฝูงเนอ้ื ฝูงท่ีสี่ใหตกใจแลว ก็จะพลอยทําใหฝูงเน้ืออน่ื ๆ ตกใจไปดวย ฝงู เนื้อทง้ั หลายคงไปจากปา หญา ปลูกไวน้ีหมดสน้ิ อยากระนน้ั เลยเราเพกิ เฉยฝูงเนอื้ ฝงู ทส่ี ี่เสียเถดิ คร้นั คิดดงั นีแ้ ลว พรานเนอ้ื กบั บริวารก็เพกิ เฉยฝูงเนื้อฝงู ทีส่ ่ีเสยี เมอื่ เปนเชน นี้ ฝูงเนอื้ ฝูงท่ีส่ีกร็ อดพนอาํ นาจของพรานเน้ือไปได. [๓๐๖] ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย เราอุปมาใหฟง เพื่อใหเ ขา ใจเนือ้ ความไดช ดั ข้นึ . ในคําอุปมานั้น มอี ธิบายดงั น.ี้ คําวา ปา หญา เปนชื่อของปญจกามคุณ.คําวาพรานเนือ้ เปน ชอื่ ของมารผูม ีบาปธรรม. คําวา บริวารของพรานเนอื้ เปนชอ่ื ของบริวารของมาร. คาํ วา ฝงู เนื้อเปนชื่อของสมณพราหมณทง้ั หลาย. [๓๐๗] ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย ในสมณพราหมณเ หลานัน้ สมณ-พราหมณพ วกทห่ี นึ่ง เขาไปสปู ญจกามคณุ ของมารอนั เปน โลกามิสแลว ลืมตวับรโิ ภคปญ จกามคณุ เมอ่ื เธอเหลา นนั้ เขา ไปในปญ จกามคุณนัน้ ลมื ตัว บริโภคปญ จกามคุณกม็ ัวเมา เม่ือมวั เมากป็ ระมาท เมื่อประมาท กถ็ กู มารทาํ เอาไดตามใจชอบในปญจกามคณุ นน้ั เม่อื เปน เชนนี้ สมณพราหมณพ วกทหี่ น่งึ นน้ัก็ไมพนอํานาจของมารไปได. ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย เรากลา วสมณพราหมณพวกที่หนงึ่ นวี้ า เปรยี บเหมือนเนอ้ื ฝูงทห่ี นึ่งน้นั . สมณพราหมณพ วกทส่ี อง [๓๐๘] ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย สมณพราหมณพวกที่สองคดิ เหน็ รว มกนั อยา งนีว้ า สมณพราหมณพวกท่ีหน่ึงเขา ไปสปู ญ จกามคณุ ของมารอนั เปนโลกามสิ แลว ลืมตัว บรโิ ภคปญจกามคุณ เม่ือเธอเหลานั้นเขา ไปในปญจกามคุณนน้ั ลมื ตัว บรโิ ภคปจ กามคุณ กม็ ัวเมา เมื่อมัวเมา ก็ประมาทเมือ่ ประมาท ก็ถูกมารทําเอาไดตามความชอบใจในปญ จกามคุณน้นั เมือ่ เปนเชนน้ี สมณพราหมณพ วกทีห่ นึง่ นั้น ก็ไมหลดุ พน อํานาจของมารไปได

พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 397ถา กระไร เราตองงดเวนจากการบรโิ ภคปญจกามคุณอันเปนโลกามสิ เสียท้ังสิ้นเมอื่ งดเวน จากการบริโภคที่เปน ภยั แลว ตอ งเขาไปอาศยั อยูตามราวปา ครั้นคดิ ดังน้ีแลว จงึ งดเวน จากการบริโภคปญจกามคณุ อนั เปน โลกามสิ เสียทง้ั ส้นิเม่อื งดเวนจากการบรโิ ภคปญจกามคณุ อันเปน โลกามสิ เสียทัง้ สนิ้ งดเวน จากการบริโภคท่เี ปนภยั แลว ก็เขาไปอาศยั อยตู ามราวปา เธอเหลา นั้นมีผักดองเปน ภักษาบาง มีขา วฟางเปน ภักษาบาง มีลกู เดอื ยเปน ภักษาบาง มกี ากขา วเปน ภกั ษาบาง มีสาหรา ยเปน ภกั ษาบา ง มรี ําเปนภักษาบาง มขี า วตังเปนภกั ษาบา ง มกี ํายานเปนภักษาบา ง มหี ญาเปน ภักษาบา ง มโี คมัยเปน ภกั ษาบา ง มเี งา ไมแ ละผลไมใ นปาเปนอาหาร บริโภคผลไมหลน เยียวยาอตั ตภาพอยใู นราวปา นั้น ครัน้ ถึงเดือนทา ยฤดูคมิ หนั ต เปนเวลาทสี่ ้นิ หญา และน้ํา เธอเหลานนั้ ก็มีรางกายซูบผอม เมือ่ มรี างการซบู ผอม กาํ ลังเรี่ยวแรงก็หมดไปเม่อื กําลงั เรย่ี วแรงหมดไป เจโตวิมตุ ตกิ ็เส่อื ม เมอ่ื เจโตวมิ ุตตเิ สอ่ื มแลว พวกเธอกห็ ันกลับเขาสูปญ จกามคุณของมารอันเปน โลกามสิ น้นั อีก เมอื่ เขา ไปแลวลืมตัว บรโิ ภคปญ จกามคณุ กม็ ัวเมา เม่อื มวั เมา กป็ ระมาท เมอื่ ประมาท ก็ถูกมารทาํ เอาไดต ามชอบใจในปญ จกามคุณนนั้ เมือ่ เปน เชน น้ี แมสมณ-พราหมณพวกทีส่ องนน้ั กไ็ มหลดุ พนอํานาจของมารไปได. ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลายเรากลา วสมณพราหมณพ วกที่สองนีว้ าเปรียบเหมือนฝงู เนื้อฝงู ท่ีสองนั้น. สมณพราหมณพวกท่สี าม [๓๐๙] ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย สมณพราหมณพวกท่สี ามคดิ เหน็ รวมกันอยา งน้ีวา สมณพราหมณพวกทีห่ นงึ่ เขา ไปสูปญ จกามคณุ ของมารอันเปนโลกามิสแลว ลมื ตวั บรโิ ภคปญ จกามคุณ เมื่อเธอเหลา นน้ั เขาไปในปญจ-กามคณุ นน้ั ลืมตวั บรโิ ภคปญ จกามคณุ ก็มวั เมา เม่ือมวั เมา ก็ประมาทเม่ือประมาท ก็ถกู มารทําเอาตามความชอบใจในปญ จกามคณุ นัน้ เมอื่ เปนเชนนี้ สมณพราหมณพ วกท่ีหนึง่ นน้ั กไ็ มหลุดพนอาํ นาจของมารไปได สว น

พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 398สมณพราหมณพ วกทส่ี องคดิ เห็นรวมกนั อยา งนวี้ า สมณพราหมณพ วกทีห่ น่งึเขา ไปสูปญจกามคณุ ของมารอนั เปน โลกามิสแลว ลมื ตัว บริโภคปญจกามคุณเม่ือเธอเหลานัน้ เขา ไปในปญ จกามคณุ น้ัน ลืมตวั บรโิ ภคปญจกามคุณ กม ว-ัเมา เมอื่ มัวเมา กป็ ระมาท เม่ือประมาท กถ็ ูกมารทาํ เอาไดต ามความชอบใจในปญจกามคณุ นั้น เมื่อเปนเชนนี้ สมณพราหมณพ วกทีห่ นงึ่ นัน้ ก็ไมห ลดุพน อาํ นาจของมารไปได ถา กระไร เราตอ งงดเวนจากการบรโิ ภคปญ จกามคุณอนั เปนโลกามสิ เสยี ทัง้ สนิ้ เมอ่ื งดเวนจากการบรโิ ภคที่เปน ภยั แลว ตอ งเขา ไปอาศัยอยูตามราวปา ครั้นคดิ ดังน้แี ลว จงึ งดเวนจากการบริโภคปญจกามคณุอนั เปน โลกามิสเสียทั้งสิน้ เมือ่ งดเวน จากการบริโภคทีเ่ ปน ภัยแลวก็เขาไปอยูตามราวปา เธอเหลานนั้ มีผักดองเปน ภกั ษาบาง มีขา วฟา งเปนภักษาบาง มีลกู เดือยเปนภักษาบาง มกี ากขาวเปนภกั ษาบาง มีสาหรายเปน ภักษาบาง มีรําเปนภกั ษาบาง มีขาวตังเปน ภักษาบา ง มีกํายานเปนภกั ษาบาง มหี ญา เปนภกั ษาบาง มโี คมัยเปน ภกั ษาบาง มเี งา ไมแ ละผลไมใ นปา เปนอาหารบางบรโิ ภคผลไมห ลน เยียวยาอัตภาพอยูในราวปานน้ั คร้ันถงึ เดอื นทา ยฤดูคมิ -หนั ต เปนเวลาทส่ี ิ้นหญา และนํา้ เธอเหลานน้ั ก็มีรางกายซบู ผอม กาํ ลงั เรย่ี วแรงก็หมดไป เมอื่ เร่ียวแรงหมดไป เจโตวมิ ุตตกิ ็เส่ือม เม่ือเจโตวิมตุ ติเสือ่ มแลว พวกเธอก็กลบั หนั เขา สูปญ จกามคุณของมารอันเปนโลกามสิ นน้ั อีก เมื่อเขา ไปแลว ลืมตวั บรโิ ภคปญจกามคณุ กม็ วั เมา เมือ่ มวั เมา ก็ประมาทเมอื่ ประมาท ก็ถูกมารทาํ เอาไดตามชอบใจในปญ จกามคณุ นั้น เมือ่ เปน เชนนี้แมสมณพราหมณพ วกทีส่ องนั้น ก็ไมหลุดพน อํานาจของมารไปได ถากระไรเราจะตองอาศัยอยใู กล ๆ ปญจกามคุณของมารอันเปนโลกามิสนัน้ ครั้นอาศยัอยใู นทนี่ น้ั แลว ก็ไมเขาไปหาปญจกามคุณของมารอนั เปนโลกามิส เม่อื ไมลืมตวั บรโิ ภคปญ จกามคุณ กจ็ ะไมม ัวเมา เมอื่ ไมม วั เมา กจ็ ะไมประมาทเมือ่ ไมประมาท กจ็ ะไมถ ูกมารทําเอาไดต ามชอบใจ ในปญจกามคุณนนั้

พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มูลปณณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 399ครนั้ คดิ ฉะนี้แลว สมณพราหมณเหลานัน้ กอ็ าศยั อยใู กลๆ ปญ จกามคุณของมารอนั เปนโลกามิสนน้ั . คร้นั อาศัยอยูในทน่ี ั้นแลว กไ็ มเขาไปหาปญจกาม-คณุ ของมารอนั เปนโลกามสิ เมอ่ื ไมลืมตวั บริโภคปญจกามคณุ ก็ไมมัวเมาเมอ่ื ไมมัวเมา กไ็ มประมาท เมือ่ ไมประมาท กไ็ มถ ูกมารทาํ เอาไดตามชอบใจในปญจกามคณุ น้ัน. แตว า สมณพราหมณเหลา น้นั มีความเหน็ อยางนว้ี า โลกเทย่ี ง โลกไมเท่ียง โลกมที ส่ี ดุ โลกไมม ที ี่สุดชพี ก็อนั นนั้ สรรี ะกอ็ ันนน้ั ชพีอยา งหนึง่ สรรี ะอยางหนึ่ง สัตวตายแลวเกดิ สตั วต ายแลว ไมเ กดิ สตั วต ายแลวเกดิ กม็ ี ไมเกิดกม็ ี สัตวตายแลว เกดิ กม็ ิใช ไมเกดิ กม็ ิใช เมอ่ื เปนเชนนี้สมณพราหมณพวกทสี่ ามนน้ั ก็ไมห ลุดพน อาํ นาจของมารไปได. ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย เรากลาวพวกสมณพราหมณพวกทสี่ ามนวี้ า เปรยี บเหมือนฝูงเน้อื ฝงูท่สี ามนนั้ . สมณพราหมณพวกทีส่ ี่ [๓๑๐] ดกู อนภิกษุท้งั หลาย สมณพราหมณพ วกท่ีสีค่ ดิ เหน็ รวมกันอยางนว้ี าสมณพราหมพ วกท่ีหนง่ึ เขา ไปสูปญ จกามคุณของมารอันเปน โลกามสิแลว ลมื ตัวบริโภคปญจกามคุณ เมื่อเธอเหลานน้ั เขาไปในปญ จกามคณุ น้นัลืมตัว บริโภคปญ จกามคณุ ก็มวั เมา เม่ือมวั เมา ก็ประมาท เมื่อประมาทก็ถกู มารทําเอาไดต ามชอบใจในปญจกามคณุ นัน้ เมอ่ื เปน เชนนี้ สมณ-พราหมณพวกท่หี นึ่งนนั้ กไ็ มหลดุ พน อํานาจของมารไปได สวนสมณพราหมณพวกทีส่ องคิดเหน็ รว มกนั อยา งนีว้ า สมณพราหมณพ วกทีห่ นงึ่ เขา ไปสูปญจกาม-คุณของมารอันเปนโลกามสิ แลว ลืมตวั บรโิ ภคปจ กามคณุ ก็มวั เมา เม่ือมัวเมา ก็ประมาท เม่อื ประมาท ก็ถกู มารทําเอาไดต ามชอบใจในปญจกามคุณนั้น เม่อื เปน เชน น้ี สมณพราหมณพ วกที่หน่งึ นน้ั กไ็ มห ลุดพน อาํ นาจของมารไปได ถา กระไร เราตอ งงดเวน จากการบริโภคปญ จกานคุณอันเปน โลกา-มิสเสยี ทงั้ สิน้ เมื่องดเวน จากการบรโิ ภคทเ่ี ปน ภัยแลว ตอ งเขา ไปอาศัยอยูตาม

พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มูลปณ ณาสก เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 400ราวปา ฯลฯ เธอเหลาน้ันมผี กั ดองเปนภกั ษาบา ง มขี า วฟา งเปน ภักษาบา งมลี ูกเดือยเปนภกั ษาบาง มกี ากขา วเปน ภักษาบาง มสี าหรายเปนภกั ษาบา งมรี ําเปนภกั ษาบาง มขี าวตงั เปนภักษาบา ง มีกาํ ยานเปนภกั ษาบาง มหี ญาเปนภกั ษาบาง มโี คมยั เปนภักษาบา ง มีเงาไมแ ละผลไมในปา เปนอาหารบรโิ ภคผลไมหลนเยียวยาอตั ตภาพอยูในราวปานัน้ ครนั้ ถงึ เดือนทา ยฤดคู ิมหันตเปน เวลาทสี่ น้ิ หญา และนา้ํ เธอเหลา นน้ั กม็ รี างกายซูบผอม เมื่อมีรางกายซบู -ผอม กาํ ลังเรย่ี วแรงก็หมดไป เมือ่ กําลงั เรยี่ วแรงหมดไป เจโตวิมุตติกเ็ ส่อื มเมือ่ เจโตวมิ ตุ ตเิ ส่อื มแลวพวกเธอกลบั หนั เขาสูปญจกามคุณของมารอันเปน โล-กามสิ นั้นอีก เม่อื เขา ไปแลว ลมื ตัว บริโภคปญจกามคุณ กม็ วั เมา เม่อืมัวเมา ก็ประมาท เมอื่ ประมาท กถ็ กู มารทําเอาไดต ามชอบใจในปญ จกามคณุนน้ั เมื่อเปนเชนนี้ แมส มณพราหมณพวกทสี่ องนน้ั ก็ไมห ลุดพนอํานาจของมารไปได สวนสมณพราหมณพ วกทสี่ ามคิดเหน็ รว มกันอยางนว้ี า สมณ-พราหมณพวกที่หนง่ึ เขาไปสปู ญ จกามคณุ ของมารอันเปนโลกามิสแลว ลืมตวับรโิ ภคปญจกามคณุ เมื่อเธอเหลา นนั้ เขา ไปในปญจกามคุณน้นั ลืมตวั บร-ิโภคปญจกามคณุ ก็มวั เมา เมอื่ มัวเมา ก็ประมาท เมอ่ื ประมาทก็ถูกมารทาํ เอาไดตามชอบใจในกามคุณน้นั เมือ่ เปนเชน นี้ สมณพราหมณพวกท่หี นึง่ น้นักไ็ มหลดุ พน อํานาจของมารไปได สวนพราหมณพวกท่สี องคิดเหน็ รวมกนั อยา งนว้ี า สมณพราหมณพวกหน่ึงเขา ไปสูป ญจกามคุณของมารอนั เปนโลกามสิ แลวลมื ตัว บรโิ ภคปญ จกามคุณ เมอ่ื เธอเหลา นัน้ เขา ไปในปญ จกามคุณนน้ั ลืมตัวบริโภคปญ จกามคุณ กม็ ัวเมา เม่อื มวั เมาก็ประมาท เมอ่ื ประมาท ก็ถูกมารทําเอาไดต ามชอบใจในปญ จกามคณุ น้ัน เม่อื เปน เชนนส้ี มณพราหมณพวกทหี่ นง่ึนัน้ กไ็ มห ลุดพน อํานาจของมารไปได ถา กระไร เราตองงดเวน จากการบริโภคปญจกามคุณอันเปนโลกามสิ เสยี ท้ังส้ิน เม่อื งดเวน จากการบรโิ ภคทเ่ี ปน ภัย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook